กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๔๖ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม ดนู างนง่ั ปล่ังเปล่งดูเครง่ ครัด หน้าเหมอื นผดั ผ่องผวิ กรดี นวิ นาง รูปนกหกผกผินกินลูกไม้ บา้ งจับไซ้ขนพลกิ พลวิ ปกี หาง นกยางเจา่ เซาจกเหมือนนกยาง รปู เสอื กวางกบกระตา่ ยมหี ลายพัน ทาแปลกแปลกแขกฝาหร่ังทังเจ้าเงาะ หน้าหววั เราะรปู ร่างควิ คางขนั สกุ รแกะแพะโผนเผ่นโดนกัน ล้วนรูปป้ันตา่ งต่างเหมือนอยา่ งเปน็ จะแลลับนบั ปคี รงั นหี นอ ท่ชี อบพอเพอ่ื นสาราญจะนานเห็น ด้วยโศกสุมรมุ รอ้ นไมห่ ย่อนเย็น จงอยู่เปน็ สุขสุขทุกทุกคน ขอแบ่งบุญสุนทรถาวรสวัสดิ์ ให้บริบูรณพ์ นู สมบัติพิพัฒน์ผล เกดิ กองทองกองนากอยา่ ยากจน เจริญพน้ ภัยพานสาราญเริง ฯ เคยมาลวงหลงเชอ่ื จนเหลอื เหลิง ๏ โอส้ งสารหลานสาวเหล่าขา้ หลวง เชิญบันเทงิ เถดิ นะหลานปากหวานดี ไมร่ ้เู ทา่ เจ้าทังนนั เสยี ชันเชงิ ล้วนหลานแกว้ หลอกนา้ ต้องลา่ หนี ไดฉ้ ันลมชมลนิ เสียสินแล้ว อยูจ่ งดไี ดเ้ ป็นหม่อมให้พร้อมเพรียง[๔๐] ฯ จะนบั เดอื นเลือนลบั ไปนับปี ใส่เรือพว่ งพวกแหเ่ ซ็งแซ่เสียง เรอื รายเรียงรอ้ งขับตีทบั โทน ๏ โอ้เดือนอา้ ยไม่ขาดกระจาดหลวง ลางลาเล่นงวิ หนงั มีทังโขน อึกกระทึกครึกโครมคบโคมเคียง ร้องโยน้ โหยนโยน้ ฉับรับชาตรี บ้างเขียนหนา้ ทาดายนื ราเตน้ ของคุณหม่อมจอมมารดาเจ้าภาษี[๔๑] พวกขเี มาเหล่าประสกตลกโลน ป่ีพาทยต์ เี ต้นราทกุ ลาเรือ ลว้ นเรือใหญ่ใส่กระจาดย่ามบาตรพรอ้ ม หมเู ปด็ ไกก่ ้งุ แห้งแตงมะเขือ ทงั ขุนนางต่างมาด้วยบารมี จนลน้ เหลอื เกลอื ปลารา้ สารพัน ของขนมส้มสกู ทังลกู ไม้ สบงแปดคืบจัดเป็นสตั ตขนั ธ์ พรา้ วอ่อนด้วยกลว้ ยอ้อยนับร้อยเครือ นับคนื วนั ปีเดือนจะเลื่อนลอย แล้วเราได้ไตรดีแพรสีแสด เหลอื อาภัพพดู ยากเหมือนปากหอย โอแ้ ตน่ มี ไิ ดเ้ ห็นเหมือนเช่นนัน เหลืออาลยั ใจเอย่ จะเลยลับ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๗ รำพันพลิ ำป
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๔๗ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม ใหเ้ ขนิ ขวยดว้ ยวา่ วาสนาน้อย ตอ้ งหน้าจ๋อยน้อยหนา้ ระอาอาย ออกวัสสาผา้ สบงกระทงเขา้ พระองค์เจ้าจบพระหตั ถจ์ ัดถวาย ไม่แหงนเงยเลยกลัวเจ้าขรัวนาย สารวมกายก้มหน้าเกรงบารมี สวดมนตจ์ บหลบออกขา้ งนอกเล่า ปะแตเ่ หลา่ สาวแซ่ห่มแพรสี สู้หลบั ตามาจนสดุ ถึงกฎุ ี เหมือนไมม่ ีตาตัวด้วยกลวั ตาย ฯ จงผอ่ งแผ้วพักตรเ์ หมือนด่ังเดือนหงาย ๏ ตังแต่นีมไิ ดห้ ลบไม่พบแลว้ โอใ้ จหายหมายมาดเคลอ่ื นคลาดคลา จะเงียบเหงาเชา้ เยน็ จะเว้นวาย เจิมแป้งหอมนามันจันทน์ใหห้ รรษา เหมอื นใบศรีมีงานท่านสนอม ตอ้ งลอยมาลอยไปเปน็ ใบตอง พอเสรจ็ การท่านเอาลงทิงคงคา มไิ ด้รับไทยทานดงู านฉลอง เหมือนตัวเราเล่าก็พลอยเลื่อนลอยลบั มไิ ด้ครองไตรแพรเหมือนแตเ่ ดมิ ฯ โอท้ องหยบิ ลบิ ลอยทังฝอยทอง ไมย่ าวยดื ยกยอชะลอเฉลมิ ได้พนู เพิม่ เหิมฮึกอยู่ตึกราม ๏ พระสงิ หะพระอภยั [๔๒]พระทัยจดื ไพรีรกุ บกุ เบยี ฬเปน็ เสียนหนาม เมือ่ กระนันจันทน์และกระแจะเจิม ดว้ ยเปน็ ยามยากจนจาทนทาน ฯ ครันเหินห่างรา้ งเรดิ กเ็ กิดทกุ ข์ เจ้าไกรลาสโลกามหาสถาน สตู้ ่าต้อยนอ้ ยตัวเกรงกลวั ความ ถือพัดตาลตาไฟประลยั กลั ป์ ให้ตายเกดิ สนิ สุดมนุษยส์ วรรค์ ๏ ขอเดชะพระสยมบรมนาถ พระโปรดฉนั เชิญช่วยอานวยพร ทรงงวั เผือกเงือกหงอนสังวรสังวาล ให้สมหวังดังจานงประสงคส์ มร ประกาศิตอิทธิเวทวิเศษประเสรฐิ เจริญพรภญิ โญเดโชชยั ตรัสอยา่ งไรไปเปน็ เหมือนเช่นนัน อยา่ แคล้วคลาดเคลือบแคลงแหนงไฉน เผื่อว่าจกั รักใครท่ ี่ไหนมัง่ ท่ีมืดไม่เหน็ ห้องช่วยสอ่ งเทียน ฯ ทรงเวทมนตรด์ ลประสิทธฤ์ิ ทธิรอน ที่หวังชื่นกลืนกลันกระสันสวาท มติ รจติ ขอใหม้ ติ รใจไป รวมนิราศของสุนทรภู่ เร่ืองที่ ๗ รำพันพิลำป
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๔๘ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม ๏ ขอเดชะพระนารายณอ์ ยู่สายสมุทร พระโพกภชุ งค์เฉลิมเสรมิ พระเศยี ร มังกรกอดสอดประสานสังวาลเวยี น สถติ เสถยี รแทน่ มหาวาสุกรี ทรงจกั รสังข์ทังคทาเทพาวุธ เหยียบบ่าครฑุ เทย่ี วทวาทศราศี ขอมหาอานภุ าพปราบไพรี อย่าใหม้ ีมารขวางระคางระคาย ท่ีคนคดิ ริษยานินทาโทษ พระเปลืองโปรดปราบประยูรให้สูญหาย ศัตรูเงียบเรยี บร้อยจะลอยชาย ไปเชยสายสดุ สวาทไมข่ าดวนั ฯ พิมานอัศวราชเผ่นผาดผัน ๏ ขอเดชะพระมหาวายุพัด กมุ พระขรรค์กรดกระหวดั พดั โพยม ทรงสีเหลอื งเคร่ืองไฟประลยั กัลป์ พอหลับเนตรพริบหนงึ่ ไปถึงโฉม ขอเดชาวายเุ วกจะเศกเวท เหมอื นกนิ โสมโศกสรา่ งสวา่ งทรวง จะสอพลอฉอเลาะปะเหลาะประโลม ขอสิงสสู่ มสงวนไมค่ วรหวง สุมามาลยบ์ านแบง่ แมลงภู่ จะหลน่ รว่ งโรยรสต้องอดออม ฯ จะเหือดสนิ กล่ินอายเสยี ดายดวง เชยทแี่ ยม้ ยมิ พรายไม่หายหอม ยังแปลงปลอมเปลืองปลดิ ไพจิตรา ๏ โออ้ กเอย๋ เชยอน่ื ไม่ชนื่ แชม่ สืบประยรู อยูถ่ ึงดาวดึงสา แตห่ สั นัยน์ตรยั ตรึงส์ทา่ นถึงจอม เหมอื นอนิ ทราตรึงสต์ รยั เป็นไรมี ฯ ได้บุตรีท่รี ักยกั ษ์อสรู เราเป็นมนษุ ยส์ ุดรักต้องลักพา ประสงค์ซ่ึงเสนห่ าสร้อยสาหรี ดวงใดดีมกี ล่ินรวยรินรส [ราพึงฝนั ] ฟบุ แฝงเฝ้าเฟน้ ฟอนเกสรสด ๏ อย่าประมาทชาติหมูแ่ มงภูผ่ ึง ถา้ กลนิ่ ใกล้ได้รสเหลืออดออม สร้อยสาหรีราเพยระเหยหอม ดดู อกไมใ้ นจังหวดั ปฐั พี ตอ้ งอดออมอกตรมระทมทวี พอบานกลีบรบี ถึงลงคลึงเคลา้ เม่ือผดิ ชอบผ่ายหนา้ จะพาหนี สัจจงั จรงิ ม่งิ ขวญั อย่ารันทด อันโกสุมพุ่มพวงดอกดวงนี รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๗ รำพันพลิ ำป ภมรมาดปรารถนาจึง่ มาตอม แมน้ รับรกั หกั ว่าเมตตาตอบ
กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๔๙ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม เหมอื นอเิ หนาเขากร็ ไู้ ม่สู้ดี แต่เพยี งพน่ี กี ็ได้ด้วยง่ายดาย อยา่ หลบหลูด่ ถู ูกแต่ลกู ยกั ษ์ เขายงั ลักไปเสียได้ดั่งใจหมาย เหมอื นตัวพนี่ ีก็ลือว่าชอ่ื ชาย รจู้ ักฝา่ ยฟา้ ดินชินชานาญ ถึงนทั ีสขี เรศขอบเขตแขวง ปอ้ มกาแพงแหล่งล้อมพร้อมทหาร เดชะฤทธิ์วิทยาปรชี าชาญ ชว่ ยบนั ดาลได้สมอารมณป์ อง ฯ ลงนงั่ ร่วมเรอื กลพยนต์ผยอง ๏ จรงิ จริงนะจะไปอมุ้ เนือน่มุ นว่ ม ครรไลล่องลอยชะเลเหมือนเภตรา อยู่ท้ายพระจะได้เรียงเคยี งประคอง ไปตามแผนทีป่ ระเทศเพศภาษา พอลมดีพีจ่ ะใหใ้ ชใ้ บแลน่ เหน็ แต่ฟ้านาเขียวเปล่าเปลย่ี วทรวง แสนสบายสายสมุทรสุดสายตา สดุ จะฝนื ฝา่ ชะเลหลวง[๔๓] ในสาชลวนลึกโครมครกึ คลื่น เกดิ ในหว้ งหอ้ งมหาคงคาเคม็ เหน็ ฝูงปลานาคินสนิ ทังปวง สังเกตทิศถิ่นทางต้องวางเข็ม แขกฝาหรัง่ มังค่าพวกพาณชิ เขาไปเต็มไปตามทางกลางนัที เขา้ ประเทศเขตแดนเลียบแล่นเล็ม เรอื ไม่กล้าใกลเ้ คียงหลกี เลีย่ งหนี ถ้าแมน้ วา่ ปลาวาฬผดุ ผา่ นหน้า ดูเร็วรเ่ี รือเร่ือยไม่เหนื่อยแรง แนวชลาน่าชมแม้นลมดี มหรณพพลิบเนตรในเขตแขวง เยน็ ระร่นื คลื่นเรียบเงียบสงบ เปน็ สายแสงเสยี งล่ันสน่นั ดงั แม้นควนั คล้มุ กล่มุ กลมเป็นลมแดง ขนึ สาดโทรมดาดฟา้ คงคาขัง บัดเดยี๋ วคลื่นครืนครึกสะทึกโถม ด้วยกาลงั ลมกล้าสลาตัน ฯ เสยี งฮือฮืออืออึงตมู ตงึ ตัง ก็ฝา่ ฝนื ฟสู บายแล่นผายผนั จะรบั ขวญั อุ้มน้องประคองเคียง ๏ แต่เรือเราเบาฟ่องถึงต้องคลน่ื ให้หายรนื่ ราบเรยี บเงยี บเซียบเสียง แม่เหน็ คล่นื ครนื เครงจะเกรงครัน ให้เอนเอียงแอบอุ่นละมนุ ทรวง จะเขียนธงลงยันต์ปักกนั คลน่ื เหน็ จะยอมหย่อนตามไมห่ า้ มหวง จะแย้มสรวลชวนนงั่ ท่ตี ั่งเตียง จะแสนช่ืนรื่นรสแปง้ สดหอม รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรื่องท่ี ๗ รำพนั พิลำป
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๕๐ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม เหมือนได้แกว้ แววฟ้าจนิ ดาดวง ไว้แนบทรวงสมคะเนทุกเวลา ฯ ๏ ออกลกึ ซงึ ถึงท่ชี ่อื สะดือสมทุ ร เห็นนาสดุ สงู ฟมู ดง่ั ภมู ผา สดู นาวาเวียนวนไมพ่ น้ ไป ดูพลุ่งพลุ่งวุง้ วงหว่างคงคา แลน่ ก้าวเสียดหลกี ลาตามนาไหล เรือลกู คา้ พาณิชไม่ชิดเฉียด เหน็ ไรไรรวิ ริวเทา่ นวิ มือ แลชะเลเภตราบ้างมาไป สวา่ งวูบวงแดงดง่ั แสงกระสอื แม้นพรายนาทาฤทธิ์นิมติ รูป พดั กระพือเผาหนังแกร้ งั ควาน ฯ ต้องสุมไฟใสป่ ระโคมใหโ้ หมฮือ เศกเพลงิ ชดุ เชน่ กบั ไฟประลัยผลาญ มใิ ห้พานพักตรน์ ้องอยา่ หมองมัว ๏ แต่ตัวพ่ีมอี ุบายแก้พรายผดุ มดื เหมอื นคลาคลมุ้ บดสลดสลวั ทงิ พรายนาทาลายวอดวายปราณ แตล่ ะตัวแต่ละโขดนบั โยชน์ยาว ดปู ลาใหญ่ในสมทุ รผุดพ่นนา ชวนชมเกาะกะเปาะกลมช่อื นมสาว พุง่ ทะล่งึ ถึงฟา้ ดูนา่ กลัว ดเู รอื ชาวเมืองใชใ้ บไปมา จะหยอกเย้าเฝ้ายั่วให้หววั เราะ ทาเรือค่ายรายแลน่ ลว้ นแนน่ หนา สาคเรศเขตแคว้นทุกแดนดาว ใสเ่ สอื ผา้ โพกนันลงยนั ต์ราย เรอื สลดั ตดั ระการอ้ ยลาหวาย ปลอมเรอื จรจับบรรดาลกู คา้ ขาย น้าวกระเชียงเสยี งเฮสเุ รสรุ า เจาะตนี หวายรอ้ ยสน้ ทุกคนไป ฯ เหมือนเรือเปล่าเสากระโดงลดลงซ่อน ศรีสวัสดแิ์ ววจะพร่ันประหว่ันไหว ตวั คนไดไ้ มล่ า้ งให้วางวาย โบกธงชยั ให้จงั งงั กาบงั ตา ชมประเภทพวกแขกแปลกภาษา ๏ โดยหากวา่ ถา้ ไปปะเรือสลดั แต่งกายาอย่างพราหมณ์งามงามดี จะอ้มุ วางกลางตักสะพกั ไว้ ใส่เพชรนลิ แนมประดบั สลบั สี แล้วจะใชใ้ บเยืองไปเมืองเทศ ชาวบรุ ขี ่ีรถบทจร ฯ ทังหนุ่มสาวเกลา้ มวยสวยโสภา ล้วนนงุ่ ห่มโขมพสั ตรถ์ ือสัจศลิ แลพลิ ึกตึกตงั ลว้ นม่ังมี รวมนิราศของสุนทรภู่ เรื่องท่ี ๗ รำพันพิลำป
กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ๑๕๑ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ๏ จะเชญิ แกว้ แววเนตรขึนเขตแคว้น จัดซอื แหวนเพชรรตั น์ประภัสสร ใหส้ ร่างทรวงดวงสดุ าสถาวร สวา่ งรอ้ นรบั ขวัญทุกวันคืน จะระวังนง่ั ประคองเคียงนอ้ งนอ้ ย ให้ใชส้ อยสารพัดไม่ขัดขนื กลนื ไว้ไดใ้ นอุระก็จะกลืน ใหแ้ ชม่ ช่นื ชมชะเลทกุ เวลา ฯ ใหช้ มเพลินเนินมะงมุ มะงาหรา ๏ แลว้ จะชวนนวลละอองตระกองอุ้ม วงศ์อสัญแดหวานา่ หวัวเราะ ไปเกาะที่อิเหนาชาวชะวา ไมเ่ หมือนกลา่ วราวเร่ืองหเู หืองเจาะ จมกู โด่งโง้งงุม้ ทังหนุ่มสาว[๔๔] ไม่มีเหมาะหมดจดไม่งดงาม ไมเ่ พรศิ พริงหญงิ ชายคลา้ ยคลา้ ยเงาะ ไม่เหมือนสมรเสมอภาษาสยาม[๔๕] ไมแ่ ง่งอนอ้อนแอ้นแขนไม่อ่อน จะพาขา้ มเขา้ ละเมาะเกาะมาลากา รูปกง็ ามนามก็เพราะเสนาะนาม แลพลิ กึ ครึกครนื ขายปืนผา เดิมของแขกแตกฝาหร่งั ไปตงั ตึก ชีชมสตั ว์มัจฉาในสาคร ฯ เม่ือครังนนั ปันหยอี ุ้มวียะดา จะชว่ ยชชี มตล่ิงเหลา่ สงิ ขร ร้องละคอนอเิ หนาเข้ามาลากา ๏ แม้นเหมือนหมายสายสุดใจไปด้วยพ่ี ไปชมละเมาะเกาะวังกัลพงั หา ประคองเคียงเอียงเอกเขนกนอน เหมอื นรุกขาขนึ สล้างหวา่ งคีริน แล้วจะใช้ใบบากออกจากฝงั่ เวลานาขนึ กระเพ่ือมถึงเงือมหิน เกดิ ในนาดานลิ ด่ังศลิ า ขนึ มากินเกยนอนชะอ้อนเนิน ชะเลรอบขอบเขาเป็นเงางา เป็นเขตขอบเทพเจ้าจอมเขาเขิน เห็นหุบห้องปลอ่ งชลาฝูงนาคิน เลียบเหล่ียมเนินเพลนิ ชมพนมนิล ภเู ขานันวันหน่งึ แลน่ จงึ่ รอบ เมด็ มกุ ดาคลื่นสาดกลางหาดหิน จะชนื่ ชวนนวลละอองประคองเดิน ระรืน่ กลน่ิ ไมห้ อมมพี ร้อมเพรียง จริงนะจ๊ะจะเกบ็ ทังกลั พงั หา ศลิ าลาดลดหลน่ั ชันเฉลียง เบียอีแก้[๔๖]แลรอบขอบคีรนิ เป็นพเ่ี ลยี งเพยี งพี่รว่ มชวี า สะพร่งั ต้นผลดอกออกไมข่ าด จะค่อยเลียบเหยียบยอ่ งประคองเคยี ง รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งที่ ๗ รำพนั พิลำป
กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๕๒ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม จาปาดะองนุ่ หอมกรนุ่ กลนิ่ กา้ แฝ่ฝิน่ สนิ ธุตน้ บุหงา ดว้ ยเกาะนีที่ทาเลเทวดา แตน่ กกากม็ ิไดไ้ ปใกล้กราย ฯ ท่าคลืน่ ซัดซงึ วนชลสาย ๏ แลว้ จะใช้ใบไปดเู มืองสหุ รัด[๔๗] แต้มผ้าลายกะลาสีพวกตีพมิ พ์ ตังตกึ รามตามตลิ่งแขกหญิงชาย ฉกี วิลาศลายลายองเขียนทองจมิ พืนมว่ งตองทองชายา่ มะหวาด เรียบเรียงริมฝง่ั สมทุ รแลสุดตา ทาที่อยู่ดพู ลิ กึ ลว้ นตึกทมิ ชมประเภทพราหมณ์แขกแปลกภาษา จะตามใจให้เพลินเจรญิ เนตร ไปมงั กล่า[๔๘]ฝาหรงั่ ระวงั ตระเวน ได้แย้มสรวลชวนใชใ้ บลลี า ตลบเลยี วแลวิ่งด่งั จิงเหลน กาป่ันไฟใหญน่ ้อยออกลอยเท่ียว เวยี นตระเวนไปมาทังตาปี ฯ ถ้วนเดอื นหน่งึ จึงจะผลดั พวกหศั เกน พวกเจ๊กแทรกแปลกหนา้ ทาภาษี ตกึ เศรษฐีมีทรัพย์ประดบั ประดา ๏ เมืองมังกล่าฝาหร่งั อยทู่ ังแขก ประตหู น้าต่างติดเครื่องรอบเฝอื งฝา แลพลิ ึกตึกรามงามงามดี วางไวห้ น้าตกึ รา้ นใสจ่ านราย ดูวาวแววแก้วกระหนกกระจกกระจ่าง คนซือร้องเรยี กหาจ่งึ มาขาย ล้วนขายเพชรเจ็ดสมี รี าคา ทงั หญงิ ชายเช้าคา่ เขาสาราญ แล้วตวั ไปไมน่ ่งั ระวงั ของ เป็นสวนอินทผาลัมทบั นาหวาน ด้วยไมม่ ีตีโบยขโมยขมาย ตอ้ งแต่งงานขนั หมากเหลือหลากจริง นอกกาแพงแขวงเขตประเทศถ่ิน แตง่ เหมือนคนขอสนู่ างผู้หญงิ รองอา่ งไว้ใช้ทาแทนนาตาล ไม่ออกจริงจั่นหลน่ ลาต้นตาย ถงึ ขวบปีมจี ัน่ ทาขวญั ตน้ ถงึ ของหลงลมื ไว้ก็ไม่หาย แม้นถึงปีมีลกู ใครปลูกทิง บา้ นเมอื งรายหลายประเทศต่างเพศพนั ธ์ุ ฯ บ้านตลาดกวาดเลีย่ นเตยี นตะล่ง ขึนสงิ หล[๔๙]เหน็ จะได้ไปสวรรค์ ไปชมเลน่ เชน่ ฉนั วา่ ประสาสบาย พระรากขวญั อนั เปน็ ยิ่งเขาสิงคุดร์ ฯ ๏ จะพาไปให้สรา้ งทางกุศล รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๗ รำพันพลิ ำป ไหว้เจดยี ท์ ่ีทาเลเวฬวุ ัน
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๕๓ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม ๏ คดิ จะใช้ใบข้ามไปตามเข็ม เขียนมาเต็มเลม่ แล้วจะสินสมุด เหมือนหมายทางต่างทวปี เรอื รีบรดุ พอสนิ สุดสายมหาอารณพ เหมอื นเร่ืองรกั จักประเวศประเทศถิ่น มทิ นั สนิ สดุ คากจ็ าจบ แมน้ ขืนเคืองเปลืองปลดิ ไมค่ ิดคบ จะเศรา้ ซบโศกสะอืนทุกคืนวัน เหมอื นยกั ษีทส่ี ิงขรต้องศรกก[๕๐] ปักตรึงอกอานุภาพซาสาปสรร อยนู่ พบรุ ี[๕๑]ท่ตี รงหวา่ งเขานางประจนั เสียงไก่ขนั ขึนนนทรีคอยตีซา แสนวิตกอกพญาอณุ าราช สุดหมายมาดไมม่ ีท่ีอุปถมั ภ์ ศรสะเทือนเหมือนอุระจะระยา ตอ้ งตซี าชาในฤๅทัยระทม ฯ ๏ ถงึ กระไรได้อตุ สา่ ห์อาสาสมัคร ขอเห็นรักสักเทา่ ซีกกระผกี ผม พอช่นื ใจไดส้ ว่างสรา่ งอารมณ์ เหมอื นนยิ มสมคะเนเถดิ เทวญั ถวิลหวังสงั วาสสวาทแสวง ใหแ้ จ่มแจ้งแตง่ ตามเรื่องความฝัน ฝากฝปี ากฝากคาทีส่ าคญั ชอ่ื ราพนั พิลาปลากาพยก์ ลอน เปรียบเหมอื นกับขับกล่อมสนอมเสน่ห์ สาเนียงเหเ่ ทวัญรมิ บรรจถรณ์ เสวยสวสั ด์วิ ฒั นาสถาวร วานฟังกลอนกลอยแก่[๕๒]เถิดแมเ่ อย ฯ เชงิ อรรถ [๑] สุนทร คือ พระภิกษุสุนทรภู่ เวลานีบวชมาราว ๑๘ หรือ ๑๙ พรรษา [๒] “เดอื น ๘ วันจันทวาร์” วันจันทร์ เดือน ๘ ปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ [๓] ปวี อก พ.ศ. ๒๓๖๗ [๔] เมอื งเพชรบุรี [๕] เมืองราชบุรี [๖] สองพี่นอ้ ง ตาบลและท่ีตงั อาเภอสองพี่นอ้ ง จังหวดั สพุ รรณบรุ ี [๗] มีเขากาเผ่น อยู่ในท้องท่ีตาบลดอนแสลบ อาเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี สูง ๓๘๓ เมตร เขาพอ่ ปู่ กเ็ รยี ก [๘] หมายถงึ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั สวรรคต เมือ่ พ.ศ. ๒๓๖๗ [๙] หมายถงึ เมอื งพิษณโุ ลก [๑๐] มเี ขาหนองมา้ วิ่ง อยู่ท่ีท้องทอี่ าเภอพระพุทธบาท จงั หวัดสระบุรี [๑๑] คามณจิ ันทชาดก ตกิ นบิ าต ในนิบาตชาดกแปล เลม่ ๖ น. ๖๐ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่อื งที่ ๗ รำพนั พลิ ำป
กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๑๕๔ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม [๑๒] สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ โปรดประทานอธิบายว่า พระสิงหะไตรภพ หมายถึง เจ้าฟา้ อาภรณ์ พระอภยั มณี หมายถึง สมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบาราบปรปักษ์ และ ศรีสุวรรณ หมายถงึ เจ้าฟ้าป๋วิ [๑๓] ข้อความตอนนี แสดงว่า พระภิกษุสุนทรภู่เคยคิดจะสึกเมื่ออยู่วดั เลยี บ แต่แล้วไม่สึก คง บวชอยูต่ อ่ มา [๑๔] ดเู ร่ืองเปรยี บเทยี บในเสือโคคาฉันท์ และคาวี [๑๕] พระภกิ ษสุ ุนทรภู่ ย้ายจากวิหารวดั เลยี บมาอยู่วดั เทพธิดา ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๓๘๓-๒๓๘๕ [๑๖] ที่ว่ากันว่า สุนทรภู่โจทเจ้า อาจเป็นตอนนี เคยพึ่งพระบารมีเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีและ พระโอรส มากอ่ น เมอ่ื อยู่วหิ ารวัดเลยี บ แล้วยา้ ยไปอยวู่ ัดเทพธิดา พ่ึงพระบารมีกรมหม่นื อปั สรสดุ าเทพ [๑๗] ปฉี ลู พ.ศ. ๒๓๘๔ [๑๘] คงหมายถึง พระพุทธรูปศิลา ซ่ึงเป็นพระประธาน และพระพุทธรูปทรงเคร่ืองยืน ปาง หา้ มสมทุ ร (ประทานอภัย) ในพระอโุ บสถ วดั เทพธิดา [๑๙] หมายถึง กรมหมน่ื อปั สรสุดาเทพ พระราชธิดาในพระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกล้าเจา้ อยหู่ ัว [๒๐] ปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ [๒๑] โอดพัน พัดชา และช้าลูกหลวง เปน็ ศัพท์วิชาการ ในคีตศลิ ปะและดรุ ิยางคศิลปของไทย ได้ขอให้นายมนตรี ตราโมท อธิบายไวด้ งั นี โอดพัน - หมายถึงการบรรเลงหรือขับร้องเพลงโดยดาเนินทาสองเป็น ๒ อย่าง ตอนแรกหรือ เทีย่ วแรกใช้ทานองเสียงยาวโหยหวน (โอด) ตอนหลงั หรอื เท่ียวหลงั ใช้ทานองเสียงสันและถ่ี (พัน) อีกนัย หน่งึ เปน็ การเปลยี่ นระดับเสียงให้ตอนแรกกบั ตอนหลังเป็นคนละระดับ (Key) พัดชา - เป็นช่ือเพลงที่มีทานองไพเราะเย็นๆ ในจาพวกขับกล่อมเพลงหนึ่งทางดนตรี รวมอยู่ ในเพลงเรอ่ื งทาขวัญ ในท่ีนหี มายถงึ การเห่กลอ่ มที่แยกออกไปเปน็ ทานองเพลงพัดชา ช้าลูกหลวง - เป็นทานองเห่กล่อมอย่างหนึ่ง ซ่ึงในโบราณใช้เห่กล่อมพระบรรทมพระเจ้าลูก เธอหรือเจา้ นายบางพระองค์เวลาขึนพระอู่ [๒๒] คากลอนตรงนี แสดงว่า นางเมขลา กับโฉมเทพธิดา เป็นคนละองค์ และอยู่ใกล้ๆ กัน ถ้าโฉมเทพธดิ า หมายถึง กรมหม่นื อปั สรสุดาเทพ นางเมขลา จะหมายถงึ ใคร ดตู ่อไป [๒๓] ก่อนจะฝันกเ็ คยพบเคยเห็นหน้ากนั มาแล้ว [๒๔] พระภิกษสุ นุ ทรภู่ [๒๕] ปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ [๒๖] จะสั่งใครไปบอกก็กลัวจะทรงทราบถึงพระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หวั ซึ่งอาจตอ้ ง พระราชอาญา เพราะเคยเข็ดขยาดมาแลว้ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๗ รำพนั พิลำป
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๕๕ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม [๒๗] หมายถึง กรมหม่นื อัปสรสดุ าเทพ ? [๒๘] พระภิกษุสุนทรภู่ [๒๙] ปขี าล พ.ศ. ๒๓๘๕ [๓๐] หมายถึงวา่ พระภกิ ษสุ นุ ทรภมู่ าอยู่วัดเทพธดิ าจนถึง ปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ นีได้ ๓ พรรษา [๓๑] หมายถึง พระปรางค์ ๔ ทิศของโบสถ์ในวดั เทพธดิ า ยังเห็นได้ในปัจจบุ นั [๓๒] มศี าลาสองหนา้ ตังคร่อมกาแพงลอ้ มวหิ าร โบสถ์ และ การเปรยี ญ [๓๓] สงิ โตตังอย่หู นา้ ประตูเขา้ โบสถ์ วิหาร และ การเปรียญ ประตูละ ๒ ตวั [๓๔] กุฎที พ่ี ระภกิ ษสุ นุ ทรภอู่ ยจู่ าพรรษา [๓๕] ในหนังสือ Buddhist Art in India, Ceylon and Java ของท่าน J. PH. Vogel มี เชิงอรรถอธิบายไว้ในหน้า ๖๐ ว่า คา ‘คันธกุฎี’ แต่เดิมเป็นช่ือกุฏิท่ีประทับของพระพุทธเจ้า ในเชตวัน มหาวหิ าร ณ เมอื งสาวัตถี ตอ่ มาใชเ้ ปน็ ชอ่ื เรยี กโบสถ์หรือวิหาร ทีป่ ระดษิ ฐานพระปฏิมาของพระพุทธเจา้ แต่ในท่ีนีคงหมายถึง กุฎีท่ีพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาอยู่ อาจหมายถึงพระวิหารน้อย ๒ หลัง ซึ่ง ตงั อย่บู นมมุ กาแพงล้อมวิหาร (ใหญ่) ด้านใต้ กไ็ ด้ [๓๖] เคยมีศาลาเก๋งคร่อมถนนทางเน ระหว่างแถวหมู่กุฎีกับโบสถ์ วิหาร และการเปรียญ ภายหลงั ชารดุ จึงรือไป ปัจจุบนั ไมม่ ี [๓๗] แกลทอง หมายถงึ หนา้ ต่างเขยี นลายรดนาทอง ? [๓๘] ต้นไมเ้ หลา่ นี ปัจจุบนั ไมม่ แี ลว้ [๓๙] เล่ากันว่า เม่ือสุนทรภู่บวชอยู่ในวัดเทพธิดา รับอาสาแต่งเพลงยาวของผู้ชายให้ผู้หญิง และรับแต่งเพลงยาวใหผ้ หู้ ญงิ ตอบผชู้ าย [๔๐] หมายถึง หลอกให้แตง่ เพลงยาว หรือหลอกแอบอา้ งรับสั่ง ? [๔๑] คงหมายถึง เจ้าจอมมารดาบาง ซึ่งเป็นเจ้าจอมมารดา ของ กรมหม่ืนอัปสรสุดาเทพ และพระองค์เจา้ ลกั ขณานุคณุ [๔๒] พระสงิ หะไตรภพ และพระอภัยมณี ดูเชงิ อรรถ ๒ หน้า ๑๙ ขา้ งตน้ [๔๓] ในตน้ ฉบับน่าจะขาดไปคาหนึง่ อาจเปน็ “สดุ จะฝนื คล่ืนฝา่ ชะเลหลวง” [๔๔] รปู รา่ งดงั นี คงพรรณนาตามทเี่ ห็นรูปตัวหนังชวา [๔๕] ไม่เหมือนสมรเสมอหนา้ ภาษาสยาม ? [๔๖] เบียอแี ก้ มปี ระดบั ซมุ้ หน้าตา่ งโบสถ์ วหิ าร และพระปรางคใ์ นวดั เทพธิดา [๔๗] เมืองสุหรัด ในท่ีนีคงจะหมายถึงเมืองสุราษฎร์ ปากแม่นาตาปี (Tapti) แถวฝั่งมลบาร์ ตอนบน เหนอื บอมเบย์ [๔๘] หมายถึง เบงคอล (Bengal) [๔๙] เกาะลงั กา ที่ตงั ประเทศลังกา รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๗ รำพนั พลิ ำป
กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๑๕๖ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม [๕๐] หมายถงึ นทิ านเรื่องท้าวกกขนาก [๕๑] หมายถึง เมอื งลพบุรี [๕๒] ถงึ เวลาทีแ่ ตง่ นี พระภิกษสุ นุ ทรภู่ มอี ายุ ๕๖ ปี รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรือ่ งที่ ๗ รำพันพลิ ำป
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๕๗ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม เร่ืองท่ี ๘ นิราศพระประธม (ฉบบั หอสมดุ วชิรญาณ) บทนา นิราศพระประธม แต่งเมือ่ พุทธศักราช ๒๓๘๕ เมื่อไปนมสั การพระปฐมเจดีย์ แต่งได้ไพเราะมาก คือ ตอนอธิษฐาน บรรยายการเดินทางทางเรือจากพระราชวังเดิมฝ่ังธนบุรีไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ ภายหลังลาสขิ าท่ีวัดเทพธิดา โดยมบี ุตร ๒ คน คือ ตาบและนิลตามไปด้วย ผ่านคลองบางกอกน้อย เข้า คลองบางใหญ่ คลองโยง ลานตากฟ้า งวิ้ ราย ถึงวัดพระประธม (พระปฐมเจดีย)์ คาอธิบายในนริ าศพระประธมของสุนทรภู่ นิราสของสุนทรภู่ผิดกับนิราสของผู้อื่น ท้ังกลอนที่แต่งดีกว่าผู้อ่ืนโดยมากแลกระบวรความ นิราสของผู้อื่นมักจะกล่าวถึงแต่ช่ือตาบลในระยะทางท่ีไป ประกอบกับพรรณาว่าด้วยเรื่องสังวาส แต่นิราสของสุนทรภู่มักเล่าเร่ืองราวต่าง ๆ แลกล่าวถึงประวัติของตนเองไว้ด้วยทุกเร่ือง อาจจะรู้ได้ว่า เร่ืองไหนแตง่ กอ่ นแลแตง่ ทหี ลัง แลในเวลาทแ่ี ตง่ นั้นฐานะของสุนทรภู่เปนอยอู่ ย่างไร เรื่องประวัติของสุนทรภู่ ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงไว้โดยพิสดาร ได้พิมพ์แจกครั้งเม่ือทาบุญอายุ ครบ ๖๐ ใน พ.ศ. ๒๔๖๕ แลว้ จะนาแต่ใจความมากล่าวพอให้ทราบตานานนริ าสของสุนทรภู่ ที่พิมพ์ใน สมุดเล่มน้ี คือ สุนทรภู่น้ัน เดิมเปนมหาดเล็กกรมพระราชวังหลัง เปนเจ้าบทเจ้ากลอนแลเปนคนคนอง มาแต่หนุ่ม เม่ือในรัชกาลที่ ๑ ลงไปเย่ียมบิดาที่เมืองแกลง ได้แต่งนิราสเรื่องเมืองแกลงเปนนิราสเรื่อง แรก ซง่ึ พิมพ์ในสมุดเล่มนี้ ต่อมาเม่ือกรมพระราชวังหลงั ทิวงคต สุนทรภู่ไปเปนมหาดเล็กอยู่กับพระองค์ เจ้าปฐมวงศ พระโอรสในกรมพระราชวังหลัง ซึ่งทรงผนวชอยู่วัดระฆังฯ ตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวง ศไปพระพุทธบาท ได้แต่งนิราสพระบาทอิกเร่ือง ๑ ต่อมาถึงรัชกาลท่ี ๒ สุนทรภเู่ ข้าทาราชการ ได้เปนท่ี ขุนสุนทรโวหารอยู่ในกรมพระอาลักษณ พระบาทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระเมตตาชุบ เล้ียงมาตลอดรัชกาล สุนทรภู่ติดรับราชการ จึงหาได้แต่งนิราสเรื่องใดในรัชกาลที่ ๒ ไม่ ถึงรัชกาลที่ ๓ สุนทรภู่มีความผิดถูกถอด ไม่มีที่พึ่งจึงออกบวช เม่ือบวชอยู่นั้นขึ้นไปกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก แต่งนิราส ภเู ขาทองเรอื่ ง ๑ ต่อมาขึน้ ไปกรงุ ศรอี ยุธยาอกิ คร้งั ๑ แต่งนริ าสวัดเจา้ ฟา้ (แตง่ เปนสานวนเณรพัฒน์บตุ ร ที่ไปด้วย) เรื่อง ๑ ได้ยินว่าเม่ือสุนทรภู่บวชอยู่ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ พระเจ้าลูกเธอในพระบาทฯ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดทรงสักรวา หาสุนทรภู่ไปบอกสักรวาแต่ยังเปนพระ แล้วทรงพระ เมตตาอุดหนุนต่อมา สุนทรภู่ได้แต่งนิราสอิเหนาถวายพระองค์เจ้าลักขณานุคุณเร่ือง ๑ แล้วสึกออกมา เปนข้าอยู่ในกรม แต่อยู่ได้ไม่ช้า พระองค์เจา้ ลักขณานุคณุ สิ้นพระชนม์ สุนทรภู่ส้ินท่พี ่ึงตกยากอิกครั้ง ๑ เวลาตกยากคร้ังน้ี อาศรัยเพ่ือนไปเที่ยวพระแท่นดงรัง จึงแต่งนิราสพระแท่นดงรังเรื่อง ๑ ต่อมากรม หมืน่ อบั สรสดุ าเทพ พระราชธิดาในพระบาทสมเดจ็ ฯ พระนัง่ เกล้าเจ้าอยู่หัว ไดท้ รงหนงั สือพระอภัยมณี ที่สุนทรภู่แต่งไว้โปรด สั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อถวายอิก แลทรงเก้ือหนุนสุนทรภู่ต่อมา ในตอนนี้ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๕๘ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดารงพระยศเปนสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรม ขุนอิศเรศรังสรรค์ ก็ทรงเกื้อหนุนสนุ ทรภู่มาด้วยอิกพระองค์ ๑ ในสมยั เมอื่ สุนทรภู่ได้พึ่งพระบาทสมเด็จ พระป่ินเกล้าเจ้าอยหู่ ัว แลกรมหมนื่ อบั สรสุดาเทพอย่นู ้ันไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ จึงแต่งนิราสพระประ ธม (ทถ่ี ูกควรจะเรยี กว่า นิราสพระปฐมเจดีย์) ซึ่งพิมพใ์ นสมุดเล่มนี้เรื่อง ๑ คร้ันกรมหมื่นอับสรสดุ าเทพ สิ้นพระชนม์ สุนทรภู่ได้พึ่งแต่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียว ได้ยินว่าทรงรับไป เล้ียงไว้ที่พระราชวังเดิม อยู่มามีรับส่ังให้สุนทรภู่ไปหาสิ่งของท่ีเมืองเพ็ชรบุรี สุนทรภู่จึงแต่งนิราสเมือง เพ็ชรบุรีเร่ือง ๑ เปนนิราสเรื่องที่สุดของสุนทรภู่ เพราะต่อมาอิกไม่ช้า ถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ พระป่ินเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งสุนทรภู่เปนที่พระสุนทรโวหาร เจ้ากรมพระอาลักษณฝ่ายพระบวรราชวัง ไดค้ วามสุขมาจนส้นิ ชีพ เม่ือปเี ถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ มีนริ าสของสุนทรภู่อิกเรอ่ื ง ๑ คอื นริ าสเมืองสพุ รรณบุรี สุนทรภ่แู ตง่ เม่อื ยังบวชอยู่ แตง่ เปนโคลง ๔ เรื่องตานานนิราสของสุนทรภู่ มีดงั กลา่ วมา หวังใจว่า ทา่ นทั้งหลายไดร้ บั หนังสอื นีไ้ ป จะยนิ ดแี ลพอใจอ่านทัว่ กัน. เนอ้ื หานิราศพระประธม (ฉบับหอสมดุ วชริ ญาณ) ๏ ถวลิ วนั จนั ทรท์ ิวาขึ้นหา้ คา่ ลงนาวาคลาเคลื่อนออกเล่ือนลา พอฆ้องย่ายามสองกลองประโคม น้าคา้ งย้อยพร้อยพรมเปนลมวา่ ว อนาถหนาวนึกเคยไดเ้ ชยโฉม มาสูญเหมือนเดือนดับพยับโพยม ให้ทกุ ขโทมนัสในฤทยั ครวญ โอ้น่าหนาวคราวนเี้ ปนทส่ี ุด จะจากนุชแนบขา้ งไปห่างหวน นริ าศร้างหา่ งเหใหเ้ รรวน มไิ ดช้ วนเจา้ ไปชมประธมประโทน ท่ีปลูกรกั จักได้ชน่ื ทุกคืนค่า กเ็ ตีย้ ต่าตายฝอยกรองกร๋อยโกร๋น ท่ชี ่นื เชยเคยรกั เหมือนหลกั ประโคน ก็หกั โคน่ ขาดสูญประยรู วงศ ยังเหลือแต่แม่ศรสี าครอยู่ ไปสิงสูเ่ สนห่ านางเสาหงส์ จะเชญิ เจา้ เท่าไรก็ไมล่ ง ใหค้ นทรงเสยี ใจมิได้เชย วัดระฆงั ตงั้ แตเ่ สร็จสาเรจ็ ศพ ไมพ่ านพบภคนิ เี จ้าพี่เอย๋ โอ้แลเหลียวเปลี่ยวใจกระไรเลย มาชวดเชยโฉมหอมถนอมนวล จนนาวาคลาลอ่ งเขา้ คลองขวาง ตาบลบางกอกน้อยละห้อยหวน ตลาดแพแลตลอดเขาทอดพรวน แตแ่ ลลว้ นเรือตลาดไมข่ าดคราว รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่อื งที่ ๘ นริ าศพระประธม
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๕๙ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม ทุกเรือนแพแลลับระงบั เงียบ ยิง่ เย็นเยียบยามดึกให้นกึ หนาว ในอากาศกลาดเกล่ือนด้วยเดือนดาว เปนลมวา่ วเฉ่อื ยฉวิ หวิวหัวใจ โอบ้ างกอกกอกเลอื ดใหเ้ หอื ดโรค อันความโศกนีจ้ ะกอกออกท่ไี หน แมน้ ได้แกว้ แววตามายาใจ แล้วกไ็ ม่พกั กอกดอกจริงจริง ดวู งั หลังยงั ไมล่ ืมทป่ี ลื้มจติ เคยมีมติ รมากมายทัง้ ชายหญิง เม่ือยามดึกนึกถึงทพ่ี งึ่ พงิ อนาถน่งิ นึกนา่ นา้ ตานอง บางว้าน้อยนอ้ ยจิตรดว้ ยพสิ มัย น้อยฤๅใจจืดจางใหห้ มางหมอง หมายว่ารกั จกั ได้พึ่งเหมือนหนึง่ นอ้ ง ให้เจ้าของขายหนา้ ทงั้ ตาปี ถงึ วัดทองหมองเศร้าใหเ้ หงาเงียบ เย็นยะเยยี บหย่อมหญ้าป่าช้าผี สงสารฉิมนิม่ น้องสองนารี มาปลงท่เี มรุทองท้ังสองคน ขอบญุ ญานสิ งสจ์ านงสนอง ช่วยส่งสองศรสี วสั ดิ์ไปปฏิสนธ์ิ ศวิ าลยั ไตรภพจบสกล ประจวบจนจะได้พบประสบกัน ท้ังแกว้ เนตรเกสรามณฑาทิพย์ จงลอยลิบลุลว่ งถึงสรวงสวรรค์ จะเกิดไหนได้อยคู่ ู่ชีวัน อย่ามีอนั ตรายเปนเหมือนเชน่ นี้ ฯ ด้วยดวงใจเจ้านั้นคลา้ ดามิดหมี ๏ วัดปะขาวขาวเหลอื เชื่อไม่ได้ เหมอื นแมศ่ รสี าครฉะออ้ นเอว แมน้ แม่มา่ ยขาวโศกโฉลกมี เพราะขดั ขวางความในเหมือนไขว่เฉลว โอเ้ คราะห์กรรมจาคลาศนิราศรา้ ง เหมือนต้องเปลวปลวิ ตอ้ งให้หมองมอม ทัง้ เกลียดสิน้ นินทาพาลาเลว จะชวดเชยชวดชมภิรมยถ์ นอม เสยี ดายแต่แม่ศรเี จา้ พ่เี อ๋ย ใครแปลงปลอมปลดิ สอยมันต่อยตาย ฯ เหมอื นดอกไม้ไกลแดนเพราะแตนตอม จะพึง่ พกั พิศวาสเหมือนมาทหมาย เหน็ ฝักฝา่ ยเฟือนลงดว้ ยทรงโลม ๏ บางตารุเหมือนบารบุ ารงุ รกั พยพุ ดั ฮือฮือกระพือโหม ไมเ่ หมือนนึกตรึกตรองเพราะสองราย นา้ ค้างโทรมแสนหนาวให้เปล่าใจ พอส้ินแพแลล้วนสวนสงัด ย่งิ ดึกดาววาววามดงั ตามโคม รวมนิราศของสุนทรภู่ เร่ืองที่ ๘ นริ าศพระประธม
กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๖๐ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม บางขุนนนต้นลาภูดูห่งิ ห้อย เหมือนเพช็ รพลอยพรายพร่างสวา่ งไสว จังหรีดรอ้ งซร้องเสียงเรียงเรไร จะแลไหนเงียบเหงาทุกเหย้าเรือน บางระมาดมาทหมายสายสวาท วา่ สมมาทเหมือนใจแล้วไมเ่ หมอื น แสนสวาทมาทหมายมาหลายเดือน มิคลาเคลื่อนแคล้วคลาศประหลาดใจ วดั ไก่เตยี้ ไมเ่ ห็นไกเ่ ห็นไทรตา่ กอระกาแกมสละขนึ้ ไสว หอมระกากย็ ่ิงชา้ ระกาใจ ระกาไม่เหมือนระกาทชี่ า้ ทรวง ถึงวนหลวงหวงห้ามเหมอื นความรกั เหลือจักหกั จับต้องเปนของหลวง แตร่ วยรนิ กล่นิ ผกาบปุ ผาพวง ระรืน่ ร่วงเรณฟู ูขจร โอไ้ มต้ น้ คนเฝา้ เสาวรส ยังปรากฎกล่ินกล่อมหอมเกสร แต่โกสุมภมุ รินมาบินวอน ไม่ดบั ร้อนร่วงกล่ินให้ดน้ิ โดย ดกึ กาดัดสัตว์อ่ืนไม่ตื่นหมด แตน่ กกดร้องเร้ากระเหว่าโหย ระรวยรินกล่นิ โศกมาโบกโบย โอโ้ ศกโรยแรมรา้ งมาหา่ งจร ถงึ บางขวางปางก่อนวา่ มอญขวาง เดีย๋ วนน้ี างไทยลาวแกส่ าวสลอน ทายศอย่างขวางแขวนแสนแสงอน ถงึ นางมอญกไ็ ม่ขวางเหมือนนางไทย วัดพกิ ุลฉนุ กลน่ิ ระรนิ รน่ื โอ้หอมชืน่ เชยกบั รสแปง้ สดใส เหมอื นพิกลุ อุ่นทรวงพวงมาไลย พี่เคยใส่หัตถห์ อมถนอมนวล โอย้ ามนีม้ ิได้เชยเหมือนเคยช่ืน มาหอมรืน่ แตด่ อกไม้ท่ใี นสวน พระพายโชยโรยรนิ กล่ินลาดวน เหมือนจะชวนชใู จเม่ือไกลเชย บางผักหนามนึกขามแต่หนามเสยี้ น หนามทุเรยี นลกั ฉีกอีกเจ้าเอย๋ ทีก่ ดี ขวางทางความแตห่ นามเตย ไมน่ ่าเชยนา่ ชงั ล้วนรงั แตน ถึงสวนแดนแสนเสียดายสายสวาท มาส้ินชาตปิ รโลกยิ่งโศกแสน ไปสวรรค์ชัน้ บนคนละแดน ไมร่ ่วมแผน่ ภพโลกยิ่งโศกใจ ถงึ วัดเกษเจตนาแต่การะเกษ ไมส่ มเจตนานา่ น้าตาไหล เคยลบั เนตรเกษน้อยกลอยฤทัย มาจาไกลกลนื กลั้นทร่ี ัญจวน รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๖๑ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม น้าคา้ งพรมลมชายระบายโบก หอมดอกโศกเศร้าสร้อยละห้อยหวน เหมือนโศกร้างห่างเหเสน่หน์ วล มาถงึ สวนโศกชา้ ระกาทรวง เห็นรกั น้าคร่าครา่ ไม่น่ารกั จะเดจ็ หกั เสยี ก็ไดเ้ ขาไม่หวง แตล่ ะตน้ ผลลกู ดงั ผกู พวง กโ็ รยรว่ งเปลา่ หมดไม่งดงาม เหมือนรักคนคนรักทายักยอก จะเก็บดอกเดจ็ ผลคนกข็ าม แม้นยางลกู ถูกหดั ถม์ นั กัดลาม เหมือนรารามรักรายรมิ ชายพง วัดฉะลอใครหนอฉะลอฉลาด เอาอาวาสมาไวใ้ ห้อาศรยั สงฆ์ ชว่ ยฉะลอวรลกั ษณ์ท่ีรกั ทรง ใหม้ าลงเรอื รว่ มนวมท่นี อน ถนอมแนบแอบอุ้มประทุมนอ้ ย แขนจะคอยเคียงวางไวต้ ่างหมอน เมื่อปลืม้ ใจไสยาอนาทร จะกล่าวกลอนกลอ่ มขนิษฐใหน้ ิทรา เหน็ คลองขวางบางกรวยระทวยจิตร ไม่ลืมคิดนมิ่ น้อยละห้อยหา เคยร่วมสุขทุกขร์ ้อนแตก่ ่อนมา โอ้สนิ้ อายุเจา้ ได้เก้าปี แตก่ ่อนกรรมนาสัตว์ให้พลดั พราก จงึ จาจากนิ่มน้องให้หมองศรี เคยไปมาหาน้องในคลองนี้ เห็นแตท่ ท่ี ้องคลองนองน้าตา สงสารบตุ รสุดเศร้าทุกเช้าค่า ดว้ ยเปนกาพรา้ แมช่ ะแง้หา เขม้นมองคลองบ้านดูมารดา เชด็ น้าตาโทรมทราบลงกราบกราน ยง่ิ ตรองตรึกดกึ ด่ืนสอื้นอ้ัน จนไก่ขนั เจื้อยเจก๊ วิเวกหวาน เหมอื นนิม่ น้องร้องเรยี กสาเนียกนาน เจยี นจะขานหลงแลฉแงค้ อย บางศรีทองคลองบา้ นน้าตาลสด อร่อยรสซาบซ่านหวานคอหอย เหมอื นปากพ่ีศรีทองของน้องนอ้ ย เปนคูบ่ อกดอกสร้อยสักระวา ทุกวนั น้ีพเ่ี ถ้าเรากห็ ง่อม เธอเปนจอมเราเปนจนตอ้ งบ่นหา โอจ้ อมพศี่ รที องของน้องยา เมือ่ ไรจะพาพิมน้อยมากลอยใจ บางอ้อยชา้ งโอช้ า้ งที่รา้ งโขลง มาอยูโ่ รงรกั ปา่ น้าตาไหล พคี่ ลาศแคลว้ แก้วตาให้อาไลย เหมอื นอกไอยราร้างฝงู นางพัง รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๖๒ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม พอจวนร่งุ ฝงู นกวหิ คร้อง ประสานซอ้ งเซงแซ่ดงั แตรสงั ข์ กระเหวา่ หวานขานเสยี งสาเนียงดงั เหมอื นชาววงั หวดี เสียงสาเนียงนวล อโณทยั ไตรตรสั จารสั แสง กระจา่ งแจ้งแจ่มฟ้าพฤกษาสวน หอมดอกไม้หลายพรรณให้รัญจวน เหมือนกลิน่ นวลน้ากุหลาบซึ่งอาบทรวง โอ้บุบผาสารพัดท่ีกลัดกลีบ คร้ันรงุ่ รบี บานงามไม่ห้ามหวง ใหช้ ่ืนช่มุ ภุมรินสิ้นทงั้ ปวง ไดท้ ราบทรวงเสาวรสไม่อดออม แตด่ อกฟา้ สาหรีเจ้าพ่ีเอ๋ย มหิ ลน่ เลยละให้หม่แู มงภู่หอม จะกลดั กลิน่ ส้ินรสให้มดตอม จนหายหอมแห้งกรอกเหมือนดอกกลอย ถงึ วดั สักเหมือนหน่งึ รกั ที่ศักดิ์สูง ย่งิ กวา่ ฝงู เขาเหิรเห็นเกินสอย แมน้ ดอกฟ้าคลาเคล่ือนหล่นเลื่อนลอย จะได้คอยเคยี งรับประคบั ประคอง บางขนนุ ขนุ กองมีคลองกว้าง ว่าเดิมบางช่อื ถนนเขาขนของ เปนเรือ่ งหลงั ครง้ั คราวท้าวอู่ทอง แตค่ นรอ้ งเรยี กเฟอื นไม่เหมอื นเดมิ สดุ าใดไดเ้ ปนเพ่ือนอย่าเหมอื นพี่ เหมอื นมณนี พรัตนฉัตรเฉลมิ อนั น้าในใจรักชว่ ยตักเตมิ ใหพ้ ูลเพ่ิมพิศวาสอย่าคลาศคลาย บางนายไกรไกรทองอยู่คลองนี้ ชอ่ื จงึ มมี าทกุ วันเหมือนหม่ันหมาย ไปเข่นฆ่าชาละวันให้พลันตาย เปนเลศิ ชายเชย่ี วชาญการวชิ า ได้ครอบครองสองสาวชาวพจิ ิตร สมสนทิ นางจรเขเ้ สนห่ า เหมือนตวั พน่ี ้ีไดค้ รองแตน่ ้องยา จะเก้ือหน้าพางามขึ้นครามครัน ถึงคลองขวางบางระนกโอ้อกพี่ แม้นปกี มีเหมือนหนึ่งนกจะผกผัน ไปอุ้มแกว้ แววตาพาจรลั มาดว้ ยกันนั้นท้ังคูท่ ่ีอยรู่ ิม คงรว่ มเรือเมือ่ วา่ ตืน่ สอืน้ อ้อน จะคอยชอ้ นโฉมอุม้ ไมห่ ยุมหยิม ให้แยม้ สรวลชวนเสบยเฝา้ เชยชิม กว่าจะอิ่มอกแอบแนบนทิ รา บางคเู วียงเสียงเงียบเชยี บสงดั เปนจังหวดั แถวสวนลว้ นพฤกษา ดรู ปู นางบางคูเวียงเหมอื นเหนย่ี งนา ไมเ่ หมือนหน้านางนัง่ ในวงั เวยี ง รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๖๓ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม เหน็ โรงหีบหีบอ้อยเขาคอยปอ้ น มีคนต้อนควายตวาดไมข่ าดเสียง เห็นน้าอ้อยย้อยรางท่ีวางเรียง โอ้พิศเพยี งชลนาพจ่ี าบลั ย์ อันลาอ้อยยอ่ ยยบั เหมือนทับอก นา้ ออ้ ยตกเหมือนน้าตาตวงกว่าขนั เขาโหมไฟในโรงโขมงควัน ใหอ้ ัดอน้ั อกกลุม้ รุมระกา อันน้าในใจคนเหมือนตน้ อ้อย ข้างปลายกร่อยชืดชิมไม่อิ่มหนา ต้องหนั หีบหนบี แตกให้แหลกลา น้ันแลนา้ จงึ จะหวานเพราะจานเจอื ถึงบางมว่ งง่วงจิตรคดิ ถงึ ม่วง แต่จากทรวงเสยี ใจอาลัยเหลือ มะมว่ งงอมหอมหวนเหมือนนวลเน้อื มิรเู้ บื่อบางมว่ งเหมือนดวงใจ เห็นตน้ รกั หกั โค่นตน้ สนดั เปนรอยตดั รกั ขาดใหห้ วาดไหว เหมอื นตดั รักตดั สวาทขาดอาลยั ด้วยเหน็ ใจเจ้าเสียแลว้ นะแก้วตา ถึงบางใหญ่ใหจ้ อดทอดประทับ เข้าเคยี งกับกิง่ รักไม่หกั หา เมอื่ กินเข้าเขากห็ ักใบรกั มา จิ้มปลารา้ ลองดดู ้วยอยรู่ ิม อรอ่ ยนักรักออ่ นปลาช่อนยา่ ง เปรยี บเหมอื นอยา่ งเนื้อนุ่มทห่ี ยุมหยิม อยากรจู้ ักรกั ใครพ่ ่งึ ไดช้ ิม ชอบแตจ่ ้ิมปลาร้าจึงพารวย โอ้รักต้นคนรักเขาหักให้ ไม่ตัดได้เด็จรักไม่พกั ฉวย แต่รกั น้องตอ้ งประสงค์ถงึ งงงวย ใครไมช่ ว่ ยชักนาสู้กลา้ กลนื เสพย์อาหารหวานคาวเมอ่ื คราวยาก ล้วนของฝากเฟือ่ งฟูคอ่ ยชูช่นื แตม่ ะแปน้ แกนในจะไปคนื ของอ่นื อื่นอกั โขลว้ นโอชา แต่สิ่งของนอ้ งรักฟักจนั อับ แช่อิ่มพลบั ผลชิดเปนปฤษณา พ่ีจะจากฝากปดิ สนิทมา เหมือนแก้วตาตามติดมาชดิ เช้ือ แผ่นขนุนวนุ้ แทง่ ของแห้งสน้ิ แตล่ ะช้ินชูใจอาลยั เหลอื ไดช้ ื่นชิมอิ่มหนาทง้ั ลาเรือ เพราะน้องเน้ือนพคณุ กรุณา แลว้ เข้าทางบางใหญค่ รรไลยล่อง ไปตามคลองเคลื่อนคล้อยละห้อยหา เหน็ ส่งิ ไรในจงั หวัดรัถยา สอ้นื อาลัยถึงคนงึ นวล รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๖๔ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม แมน้ แกว้ ตามาเห็นเหมือนเช่นนี้ จะยนิ ดีดว้ ยดอกไมท้ ่ีในสวน ไม่แจ้งนามถามพจี่ ะชีช้ วน ชมลาดวนดอกซ่มตน้ นมนาง ทร่ี มิ น้าง้าเงื้อมจะเอือ้ มหัก เอายอดรักให้น้องเม่ือหมองหมาง ไม่เหมือนหมายสายสวาทมาขาดกลาง โออ้ ้างวา้ งวิญญาในสาคร บางกระบือเห็นกระบือเหมือนช่อื ยา่ น แสนสงสารสตั วน์ าฝงู กาษร ลงปลกั เปือกเกลือกเลนระเนนนอน เหมือนจะร้อนรนรา่ ทุกคา่ คนื โออ้ กพ่ีน้ีกร็ ้อนดว้ ยความรัก ถึงฝนสักแสนห่าไมฝ่ า่ ฝนื ไม่เหมือนรสพจมาลยเ์ ม่อื วานซนื จะชูช่นื ใจพด่ี ว้ ยปรีดิ์เปรม โอเ้ ปรียบชายคล้ายนกวิหคน้อย จะเลือ่ นลอยลงสรงกบั หงส์เหม ไดใ้ กลเ้ คียงเมยี งริมจะอมิ่ เอม แสนเกษมสุดสวาทไม่คลาศคลาย ถึงคลองย่านบ้านบางสนุ ัขบ้า เหมอื นข้ีข้านอกเจ้าเฉาฉงาย เปนบา้ จิตรคดิ แคน้ ด้วยแสนรา้ ย ใครใกล้กรายเกลยี ดกลัวทกุ ตัวคน ถงึ ลาคลองช่องกวา้ งชอ่ื บางโสน สอื้นโออ้ ้างว้างมากลางหน โสนออกดอกระย้ารมิ สาชล บา้ งรว่ งหล่นแลงามเมื่อยามโซ แตต่ ้นกระเบาเขาไม่ใช้เช่นใจหญิง เบาจริงจริงเจียวใจเหมือนไม้โสน เห็นตะโกโอ้แสนแค้นตะโก ถงึ แสนโซสุดคิดไมต่ ดิ ตาม พอสดุ สวนล้วนแต่เหล่าเถาสวาท ขึ้นพันพาดเพง่ พิศใหค้ ิดขาม ชือ่ สวาทพาดเพราะเสนาะนาม แต่ว่าหนามรกระเกะระกะกาง สวาทตน้ คนต้องแลว้ รอ้ งอุ่ย ดว้ ยรกุ รุยรกเรื้อรงั เสือสาง แตช่ ้ันลูกถูกต้องเปนกองกลาง เปรยี บเหมอื นอยา่ งลกู สวาทศรียาตรา ริมลาคลองทอ้ งทุ่งดูวุ้งเว้งิ ด้วยนา้ เจงิ่ จอกผักขึน้ หนักหนา ดอกบัวเผื่อนเกล่ือนกลาดดาษดา สันตวาสายต่ิงต้นลินจง ถึงบา้ นใหมธ่ งทองริมคลองลดั ทห่ี น้าวดั เหน็ เขาปักเสาหงส์ ขอความรักหนักแน่นให้แสนตรง เหมือนคนั ธงแท้เทยี่ งอยา่ เอียงเอน รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๖๕ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม ได้ชมวดั ศรทั ธาสาธสุ ะ ไหวท้ ัง้ พระปฏิมามหาเถร นาวาล่องคลอ่ งแคลว่ เขาแจวเจน เฟอื ยระเนนนา้ พรา่ งกระจ่างกระจาย ดูชาวบา้ นพรานปลาทาลามก เทย่ี วดักนกยงิ เน้ือมาเถือขาย เปนทุ่งนาป่าไม้ร่าไรราย พวกหญิงชายชาวเถื่อนอยเู่ รือนโรง ที่ริมคลองสองฝัง่ เขาตั้งบา้ น นา่ สาราญเรียงรนั ควนั โขมง ถงึ ฉวากปากชอ่ งชื่อคลองโยง เปนทุ่งโลง่ ลบิ ล่ิวหวิวหววิ ใจ มีบ้านชอ่ งสองฝ่งั ชื่อบางเชือก ล้วนตมเปอื กเปอะปะสวะไสว ทีเ่ รอื น้อยลอยลอ่ งค่อยคล่องไป ทเ่ี รอื ใหญโ่ ป้งโลง้ ต้องโยงควาย เวทนากาษรส้ถู อนถบี เขาตีรีบเร่งไปน่าใจหาย ถึงแสนชาติจะมาเกดิ กาเนดิ กาย อยา่ เปนควายรบั จ้างที่ทางโยง ตามแถวทางกลางย่านน้นั บ้านวา่ ง เขาปลกู สรา้ งศาลาเปดิ ฝาโถง เจ๊กจนี ใหมไ่ ทยมงั่ ไปตง้ั โรง ขุดร่องนา้ ลากระโดงเขาโยงดิน ดูทุง่ กว้างวางเวกหมอกเมฆมืด บรรพตพดื ภผู าพนาสิน ฝูงวิหคนกกาเทีย่ วหากิน ตามทถ่ี ่นิ เขตรแควน้ ทุกแดนดาว บ้างเดิรดนิ บนิ วอ่ นข้นึ ร่อนร้อง ริมขอบหนองนกกระกรุมคมุ่ คุ่มขาว ค้อนหอยยอ่ งมองปลาแข้งขายาว อีโกง้ ก้าวโก้งเก้งเขย่งตัว กระทุงทองล่องเล่ือนดูเกล่ือนกลาด ไมค่ ลาคลาศคลอเคลียเหมือนเมียผัว มตี ่างต่างยางกรอกนกดอกบัว เทีย่ วเดิรยั้วเยยี้ ยอ่ งทท่ี ้องนา นกกระจาบขาบคมุ่ อีลมุ้ ร่อน ดูว้าวอ่ นเวียนเร่ในเวหา เห็นยางเจ่าเซาจบั คอยสบั ปลา นกกระสาซ่องซอ่ งคอ่ ยย่องเดิร โอ้ดูนกอกใจให้ไหวหวาด ยามนริ าศเริศร้างมาหา่ งเหนิ เห็นสง่ิ ไรใจพ่ีไมม่ ีเพลนิ สว่ นเรอื เดริ ดว่ นไปใจจะคืน จะออกช่องคลองโยงเหน็ โรงบ้าน เขาเรียกลานตากฟ้าค่อยพาช่ืน โอ้แผ่นฟา้ มาตากถึงภาคพื้น นา่ จะยืนหยิบเดือนได้เหมือนใจ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๖๖ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม เจ้าหนูนอ้ ยพลอยวา่ ฟา้ ตกน้า ใครช่างด้ายกฟา้ ข้ึนมาได้ แมน้ แดนดนิ สน้ิ ฟ้าสุราไลย จะเปล่าใจจริงจริงทั้งหญิงชาย โอฟ้ ังบุตรสดุ สวาทฉลาดเปรียบ ตอ้ งทาเนียบนึกไปก็ใจหาย ถึงแขวงแควแลลว่ิ ชอื่ ง้วิ ราย สอ้ืนอายออกความเหมือนนามงิ้ว งามเสงย่ี มเอยี่ มอมิ่ เม่ือพรมิ้ พักตร์ ดูน่ารักเรือนผมก็สมผวิ แสนสุภาพกราบก้มประนมนวิ้ เหมือนโฉมง้ิวงามราวกบั ชาววัง ถึงย่านน้าสาประทวนราจวนจติ ร เหมอื นใจคิดทวนทบตลบหลงั ไปลอบโลมโฉมเฉกทีเ่ มฆบงั เปรียบเหมอื นนัง่ แอบอมุ้ ทกุ ทุ่มโมง ถงึ ปากน้าลาคลองท่ีท้องทงุ่ เจ๊กเขาหงุ เหลา้ กลนั่ ควนั โขมง มรี างรองสองชั้นทาคนั โพง ผูกเชอื กโยงยืนชกั คอยตักเตมิ น่าชมบญุ ขุนพัฒน์ไม่ขดั ข้อง มีเงินทองทาทวีภาษีเสรมิ เมียนอ้ ยน้อยพลอยเปนสุขไรจุกเจิม ได้พูลเพ่ิมวาสนาเสียกวา่ ไทย ทกุ วนั น้ีมที รัพยเ์ ขานับถอื เหมือนเราฤๅเขาจะรกั มิผลกั ไส สงสารจนอ้นอน้ั ให้ตนั ใจ จนเข้าในปากน้าสาประโทน ริมลาคลองสองฝง่ั สพร่งั พฤกษ์ พนิ จิ นึกเหมือนหนง่ึ เขียนบา้ งเกรียนโกร๋น นกอลี มุ้ คมุ่ ขาบจบิ จาบโจน กระพือโผนโผผินขนึ้ บนิ โบย บนไมส้ งู ฝงู เปลา้ นกเค้ากู่ กระลมุ ภโู พระโดกเสียงโหวกโหวย วเิ วกใจได้ยินย่งิ ดิ้นโดย ละหอ้ ยโหยหานอ้ งในคลองลัด พอมืดมนฝนคลมุ้ ฉอุ่มอบั โพยมพยบั เปนพยุระบุระบดั เสียงลมลน่ั บันลือกระพือพดั พิรุณซดั สาดสายลงพรายพราว ฟา้ กระหมึ ครึมครน่ั ให้ปั่นป่วน เหมือนพ่ีครวญคราวทนนา้ ฝนหนาว แวมสว่างอยา่ งแก้วดแู วววาว เปนเร่อื งราวรามสูรอาดูรทรวง เพราะนางเอกเมขลาหลอ่ นฬ่อแกว้ จะใหแ้ ล้วแลว้ ไม่ใหด้ ้วยใจหวง เหมือนรกั แกว้ แววฟ้าสดุ าดวง เฝ้าหนกั หนว่ งนกึ เหมือนจะเคลื่อนคลา รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรื่องท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๖๗ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ถึงบางแกว้ แกว้ อ่นื สักหมืน่ แสน ไมเ่ หมือนแมน้ แกว้ เนตรของเชษฐา ดูรปู นางบางแก้วไม่แผว้ ตา ไม่เหมือนหนา้ น้องแกว้ ที่แคล้วกัน จนเกนิ ย่านบ้านคลองท่ีท้องทุ่ง เปนเขตรคุง้ ขอบป่าพนาสัณฑ์ ทกุ ถิ่นเถื่อนเรือนโรงโขมงควนั เปนสาคัญเขตรโขดโตนดตาล ถึงโพเตยี้ โพตา่ เหมอื นคากล่าว แตโ่ ตราวสามออ้ มเท่าพอ้ มสาน เปนเรอื่ งราวจ้าวฟา้ พระยาภาน มาสงั หารพระยากงส์องค์บิดา แล้วปลูกพระมหาโพธบิ นโขดใหญ่ พะเอญิ ใหเ้ ต้ียตา่ เพราะกรรมหนา อันเทจ็ จริงส่งิ ใดเปนไกลตา เขาเล่ามาพีก่ ็เล่าใหเ้ จ้าฟัง ทท่ี ้ายบ้านศาลจา้ วของชาวบ้าน บวงสรวงศาลจา้ วผีบายศรีต้งั เห็นคนทรงปลงจติ รอนิจจัง ใหค้ นท้งั ปวงหลงลงอบาย ซ่ึงคาปดมดทา้ วว่าจ้าวช่วย ไมเ่ หน็ ด้วยท่จี ะได้ดังใจหมาย อนั จ้าวผนี ีถ้ งึ รับก็กลับกลาย ถอื จา้ วนายที่ได้พงึ่ จึงจะดี แตบ่ ้านนอกคอกนาอยู่ป่าเขา ไม่มจี า้ วนายจึงต้องพ่งึ ผี เหมอื นถือเพอ่ื นเฟือนหลงว่าทรงดี ไม่สพู้ ี่ได้แล้วเจา้ แกว้ ตา บางกระชับเหมือนกาชับให้กลบั หลงั กาชับสงั่ ว่าจะคอยละห้อยหา วานซนื นพ้ี ี่ได้รับกาชบั มา ไม่อย่ชู ้ากว่ากาชับจะกลับไป แตเ่ ปด็ หงสล์ งหาดไมค่ ลาศคู่ สังเกตดดู ังจะพาน้าตาไหล เหมือนเสยี ทมี ีเพื่อนไมเ่ หมือนไทย ดงั ดนิ ไรเ้ ส้นหญ้าอนาทร ถึงวัดสิงหส์ งิ สู่อยู่ทน่ี ่ี แต่ใจน้พี ี่ไปสงิ มิ่งสมร ถึงตวั จากพรากพลัดกาจดั จร ยงั อาวรณ์หวังเสน่ห์ทกุ เวลา ถงึ วัดทา่ ทา่ นา้ ดฉู ่าชื่น สาราญร่นื ร่มไม้ไทรสาขา คิดถึงนุชสุดสวาทที่คลาศคลา จะคอยท่าถามข่าวทุกคราวเครือ ถึงบา้ นกล้วยกลว้ ยกล้ายเขารายปลกู นา้ เตา้ ลกู เท่ากระติกพรกิ มะเขือ กล้วยหากมุกสุกหา่ มอรา่ มเครือ อยู่รมิ เรอื เรยี ดทางขา้ งคงคา รวมนิราศของสุนทรภู่ เรื่องที่ ๘ นริ าศพระประธม
กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ๑๖๘ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม คดิ ถึงเมื่อเรือนอ้ งมาคลองน้ี จะชวนชชี้ มประเทศกับเชษฐา สอื้นโอ้โพลเ้ พล้ถงึ เวลา สกุณาขา้ มฝั่งไปรงั เรยี ง บา้ งเริงรอ้ งซรอ้ งแซร่กรอแกรกรีด หวิวหววิ หวีดเวทนาภาษาเสียง ลกู ออ่ นแอแมป่ ้อนชะอ่อนเอยี ง บ้างคู่เคยี งเคลา้ คลอเสยี งซอแซ เอ็นดนู กกกบตุ รแลว้ สุดเศร้า เหมือนบตุ รเราเคียงข้างไมห่ า่ งแห หวนสอน้ื ฝืนใจอาไลยแล ได้เห็นแตต่ าบน้อยละห้อยใจ ตวนั รอนอ่อนอับพยับแสง ดดู วงแดงดงั จะพาน้าตาไหล ยงั รอรงั้ สั่งฟ้าด้วยอาไลย คอ่ ยไรไรเรืองลบั วบั วิญญา พระจนั ทรจรจารญู ขา้ งบูรพทิศ กระตา่ ยติดแตม้ สว่างกลางเวลา โอก้ ระตา่ ยหมายจนั ทร์ถึงชัน้ ฟ้า เทวดายังชว่ ยรบั ประคบั ประคอง มนุษยฤ์ ๅถือดีวา่ มศี ักด์ิ มิรับรกั เรศิ ร้างใหห้ มางหมอง ไมเ่ หมือนเดือนเหมือนกระต่ายเสียดายนอ้ ง จึงขัดข้องขัดขวางทุกอยา่ งไป นา้ คา้ งพรมลมเฉื่อยเรื่อยเรือ่ ยริ้ว หนาวดอกง้วิ งว้ิ ออกดอกไสว เกสรง้วิ ปลิวฟา้ มายาใจ ใหท้ ราบในทรวงชา้ สกู่ ล้ากลนื โอ้งิ้วป่าพาหนาวเมื่อคราวยาก สดุ จะฝากแฝงหนา้ ไมฝ่ ่าฝนื แม้นงิว้ เปนเช่นงารเมื่อวานซืน จะชชู นื่ ชว่ ยหนาวเมอ่ื คราวครวญ โอด้ เู ดอื นเหมือนได้ยลวิมลพักตร ไมล่ ืมรักรูปงามทรามสงวน กระจ่างแจง้ แสงจันทร์ยิง่ รัญจวน คนึงหวลน่ิงนอนอ่อนกาลัง ถึงบ้านธรรมศาลารมิ ท่านา้ เปนโรงธรรมภาคยส์ รา้ งแตป่ างหลัง เดชะคาทาคุณการณุ ัง เปนทีต่ ง้ั วาสนาให้ถาวร ขอสมหวังดงั สวาทอย่าคลาศเคล่ือน ให้ได้เหมือนหมายรักในอกั ษร หนังสือไทยอธิษฐานสารสุนทร จงถาพรเพมิ่ รักเปนหลกั โลม โอเ้ ย็นฉา่ น้าคา้ งลงพร่างพร้อย ให้ละห้อยหวลเหน็ เหมือนเชน่ โฉม พอมดื มนฝนพยับอับโพยม ทรวงจะโทรมเสยี เพราะรักท่หี นักทรวง รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรือ่ งที่ ๘ นิราศพระประธม
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๖๙ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ถงึ ถ่นิ ฐานบา้ นเพนียดเปนเนินสูง ทจี่ บั จงู ชา้ งโขลงเขา้ โรงหลวง เหตเุ พราะนางช้างต่อไปฬอ่ ลวง พลายทงั้ ปวงจงึ ต้องถูกมาผูกโรง โออ้ กเพื่อนเหมอื นหนง่ึ ชายที่หมายมาท แสนสวาทหวงั งามมาตามโขลง ตอ้ งติดบว่ งห่วงรกั ชักฉะโลง เสยี ดายโปง่ ป่าเขาคิดเศร้าใจ เขา้ จอดทา่ หน้าเนินเพนยี ดชา้ ง มีโรงรา้ งไร่ฝาเข้าอาศรยั พอประทังบังฝนใตต้ น้ ไทร พวกผใู้ หญ่หยุดหย่อนเขานอนเรอื แต่ลูกเลก็ เด็กอ่อนนอนชนั้ ลา่ ง น้าค้างพร่างพรมพราวให้หนาวเหลือ โอร้ ินรนิ กล่ินเกสรขจรเจือ เหมอื นกล่ินเนื้อแนบชิดสนิทใน หนาวน้าค้างพร่างพรมจะห่มผ้า พออุน่ อารมณระงบั ได้หลับไหล ถึงลมว่าวหนาวย่ิงจะผงิ ไฟ แต่หนาวใจจากเจ้าให้เศรา้ ซมึ สงัดเงยี บเยยี บเยน็ ทุกเส้นหญ้า แตส่ ัตว์ปา่ ปบี ร้องกอ้ งกระหึม ไม่เห็นหนตน้ ไม้พระไทรครมึ เสยี งงึมงึมเงาไม้พระไทรคนอง ท้งั เปรตผปี ี่แก้วแวว่ แวว่ หวีด จังหรีดกรีดกรีดเกรียวเสยี วสยอง เสียงหร่ิงหริ่งก่ิงไทรเรไรร้อง แมม่ ่ายลองในเพราะเสนาะใน สงสารแตแ่ ม่มา่ ยสายสวาท นอนอนาถหนาวนา่ น้าตาไหล อ่านหนงั สอื ฤๅวา่ น้องจะลองใน เสยี ดายใจจางจดื ไมย่ ดื ยาว แมน้ ยอมใจใหส้ ัตย์จะนัดน้อง ไปรว่ มหอ้ งหายมา่ ยท้งั หายหนาว น่ีหลงเพอื่ นเหมอื นเคีย้ วเขา้ เหนียวลาว ลืมเข้าจา้ วเจา้ ประคณุ ท่ีคุน้ เคย โอ้คิดอนื่ หมืน่ แสนไม่แมน่ เหมือน ทรี่ ว่ มเรือนร่วมเตยี งเคียงเขนย สงดั เสียงเท่ียงคนื เคยช่นื เชย เม่ือไรเลยจะคนื มาช่นื ใจ จวนจะหลับกลบั ฝันวา่ ขวญั อ่อน แนบฉอ้อนอนุ่ จิตรพสิ มยั พ่ีเคยเห็นเช่นเคยเชยฉันใด จนชน้ั ไฝทร่ี มิ ปากไม่อยากเฟือน พอฟนื้ กายหายรูปใหง้ บู ง่วง กาสรดทรวงเสยี ใจใครจะเหมือน ยังมิคนุ้ อ่นุ จติ รไม่บดิ เบือน มาเปนเพ่ือนทุกข์ยากเม่ือจากจร รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๑๗๐ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ยังเหลอื แต่แพรสีที่พี่หม่ ขึน้ ประธมจะถวายใหส้ ายสมร แมน้ โฉมงามตามมาจะพาจร เมอขวญั อ่อนขนึ้ ไปชมประธมทอง โอย้ ามสามยามจากเคยฝากรัก ได้ฟูมฟักแฝงเฝ้าเปนเจ้าของ มาสูญขาดวาสนานา้ ตานอง มไิ ด้น้องแนบเชยเหมือนเคยเคียง พอรงุ่ รางวางเวงเสียงเครงคร้ืน ปกั ษาต่นื ตา่ งเรยี กกนั เพรยี กเสยี ง โกกลิ ากาแกแซ่สาเนยี ง สนน่ั เพยี งพิณพาทย์ระนาดประโคม กระหมึ ห่ึงผง้ึ บินกินเกสร ทรวงภมรเหมอื นพ่เี คยไดเ้ ชยโฉม น้าค้างชะประเปรยเชยชะโลม พ้นื โพยมแย้มสว่างกระจา่ งตา เสพย์อาหารหวานคาวแต่เช้าชืน่ ยังรวยรืน่ รนิ รินกล่ินบุปผา กบั พวกพ้องสองบุตรสดุ ศรัทธา ขน้ึ เดริ ป่าไปตามทางเสยี งวางเวง กระเหว่าหวานขานเสยี งสาเนียงเสนาะ คอ้ นทองเคาะค้อนทองเสยี งป๋องเปง๋ เห็นรอยเสือเนื้อต่นื อยู่ครืน้ เครง ให้กริ่งเกรงโห่ฉาวเสยี งกราวเกรียว ตน้ กรวยไกรไทรสะแกแคแกรกรา่ ง น้าค้างพร่างพรา่ งชุม่ ชอมุ่ เขยี ว หนทางอ้อมค้อมคดต้องลดเลี้ยว พากันเท่ยี วชมเนื้อดเู สือดาว พอแสงแดดแผดร้อนอ่อนออ่ นอุน่ กระตา่ ยตนุ่ ตา่ งตา่ งบ้างดา่ งขาว สกุ รป่าชา้ มดเหมือนแมวคราว เวลาเชา้ ชกั ฝงู ออกทุ่งนา เด็กเด็กโดดโลดไล่กระต่ายหลบ จับประจบหกลม้ สมนา้ หน้า สนกุ ในไพรพนัศรัถยา ทงั้ บรรดาเดก็ น้อยกพ็ ลอยเพลิน คร้ันถงึ วดั พระประธมบรมธาตุ สงู ทายาดอย่สู นั โดษบนโขดเขิน แลทะมึนท่นึ เทงิ่ ดังเชงิ เทนิ เปนโขดเนินสงู เสรมิ เขาเพม่ิ พูล ประกอบก่อย่อมุมมีซุ้มมุข บดุ ีบกุ บนั จบถงึ นพสูญ เปนพืดแผ่นแน่นสนทิ ทงั้ อฐิ ปูน จงเพ่มิ พลู พิสดารอยู่นานครัน แล้วลดเลยี้ วเทยี่ วลอบขอบขา้ งล่าง ล้วนรอยกวางทรายเกล่ือนไกเ่ ถ่ือนขัน สพรงั่ ต้นคนทาลดั ดาวลั ขน้ึ พาดพนั พงพุ่มชอุ่มใบ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๗๑ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม เห็นห้องหับลับล้ีเปนทสี่ งฆ์ เท่ยี วธดุ งคเ์ ดิรมาไดอ้ าศรัย พลอยศรัทธาพาเพลนิ เจรญิ ใจ ถึงบนั ไดดโู กรกชะโงกงนั เห็นสงู สุดหยดุ แลชะแงแ้ หงน ถงึ มาทแมน้ บรรไลยคงไปสวรรค์ ตา่ งอสุ ่าห์พยายามต้องตามกัน ขึ้นถึงชัน้ บนได้จิตรใจมา ฯ สงสารสดุ บตุ รน้อยก็พลอยข้ึน ไมเ่ มื่อยมึนเหมอื นผใู้ หญ่ไวหนักหนา ประนมมือถือประทีปเทียนบูชา ต้ังวนั ทาทกั ษิณด้วยยนิ ดี ได้สามรอบชอบธรรมเปนกาหนด กราบประณตกรประนมกม้ เกษี ถวายธูปเทียนบุบผาสุมาลี กับเทียนทฝี่ ากถวายนั้นหลายคน เจา้ ของคดิ อธิษฐานทบี่ ้านแลว้ จงผอ่ งแผว้ ผิวพักตรถึงมรรคผล ให้ผาสกุ ทุกสมรอยา่ ร้อนรน ประจวบจนจะได้ตรสั ดว้ ยศรทั ธา ฉันรบั ฝากอยากจะใคร่ไดเ้ ปนญาติ ทกุ ทุกชาตไิ ปอยา่ ขาดเหมือนปราถนา ให้รกั ใคร่ไปทุกวันเห็นทันตา ไปเบือ้ งหน้าน้ันขอให้บรบิ รู ณ์ สาธุสะพระประธมบรมธาตุ จงทรงสาสนาอยู่ไมร่ ู้สูญ ขา้ ทาบญุ คณุ พระช่วยอนุกลู ให้เพิม่ พลู สมประโยชนโ์ พธิญาณ หน่งึ ขอฝากปากคาทาหนังสือ ให้สืบชื่อชั่วฟ้าสุธาสถาน สุนทราอาลกั ษณเ์ จ้าจักระวาฬ พระทรงสารศรีเศวตเกษกุญชร อนงึ่ มนุษยอ์ ตุ ริติตา่ งต่าง แล้วเอาอย่างเทียบทาคาอกั ษร ให้ฟ่นั เฟือนเหมือนเราสาปในกาพย์กลอน ต่อโอนอ่อนออกช่ือจึงฦๅชา อนึง่ หญิงทิ้งสตั ยเ์ ราตดั ขาด ถงึ เนอ้ื นา้ ธรรมชาติไม่ปราถนา ข้างนอกนวลสว่ นข้างในใจสุดา เหมอื นปลาร้าร้ายกาจอจุ าดจรงิ ถงึ รปู ช่วั ตัวดาระยายาก รรู้ กั ปากรกั หน้าประสาหญงิ ถึงปากแหว่งแข้งคอดไม่ทอดทงิ้ จะรกั ยิ่งยอดรกั ใหห้ นักครัน จนแก่กกงกเง่ินเดินไม่รอด จะส้กู อดแกว้ ตาจนอาสัญ อันหญิงลงิ หญิงค่างหญงิ อยา่ งนนั้ ไม่ผกู พันพิศวาสใหค้ ลาศคลา รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งที่ ๘ นิราศพระประธม
กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๗๒ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ขอเดชะพระมหาอานิสงส์ ซ่งึ เราทรงศักราชพระสาสนา เสน่ห์ไหนให้คนนั้นกรุณา เหมือนในอารมณรกั ประจักษ์ใจ หนง่ึ นอ้ งหญิงมิง่ มติ รพศิ วาส ซึ่งสน้ิ ชาติชนม์ภพสบสมัย ขอคุณพระอานสิ งสช์ ่วยส่งไป ถึงหอ้ งไตรตรงึ ศ์สถานพมิ านแมน ท่ยี งั อยู่คู่เคยไม่เชยอน่ื จงปรากฏยศยนื กว่าหมืน่ แสน มงั่ มีมติ รพิศวาสอยา่ ขาดแคลน ใหห้ ายแค้นเคืองท่วั ทุกตัวคน นารีใดทไี่ ดร้ ักแต่ลักลอบ เสนห่ ม์ อบหมายรักเปนพักผล พะเอนิ ขดั พลดั พรากเพราะยากจน แบ่งกศุ ลสง่ สดุ าทุกนารี ใหไ้ ดค้ สู่ ู่สมภิรมย์รัก ทส่ี มศกั ด์สิ มหนา้ เปนราศี สบื สกูลพูลสวัสด์ใิ นปถพี ร่วมชวี กี ันสองคนไปจนตาย แตน่ ารีข้ปี ดโต้หลดหลอก ให้ออกดอกเหมือนว่ีวนั ทม่ี ัน่ หมาย ทง้ั ลน้ิ น้องสองล้ินเพราะหมิ่นชาย เปนแมม่ า่ ยเท้งเตง้ วังเวงใจ ท่ีจงจิตรพศิ วาสอยา่ คลาศเคล่ือน ให้ไดเ้ หมือนหมายมิตรพิสมยั อยา่ หมองหมางห่างเหเสนห่ ใ์ น ได้รกั ใคร่ครองกันจนวันตาย เปนค่สู รา้ งทางกศุ ลจนสาเร็จ สรรเพชญ์โพธญิ าณประมาณหมาย ยังมิถงึ ซ่ึงนิพพานสาราญกาย จะกลับกลายเปนไฉนอยา่ ไกลกนั แม้นเปนไมใ้ หพ้ น่ี ้ีเปนนก ใหไ้ ด้กกกง่ิ ไม้อย่ไู พรสณั ฑ์ แมน้ เปนนารีผลวิมลจันทร ขอให้ฉันเปนพระยาวชิ าธร แม้นเปนบัวตวั พ่เี ปนแมงภู่ ไดช้ ืน่ ชสู ู่สมชมเกสร เปนวารีพหี่ วงั เปนมังกร ไดเ้ ชยช้อนชมทะเลทกุ เวลา แม้นเปนถา้ นา้ ใจใครเ่ ปนหงส์ จะไดล้ งสงิ ส่ใู นคหู า แมน้ เนอื้ เย็นเปนเทพธดิ า พีข่ ออาศรัยเสนห่ ์เปนเทวญั กว่าจะถงึ ซ่ึงมหาศวิ าโมกข์ เปนส้นิ โศกสนิ้ สดุ มนุษยส์ วรรค์ เสวยสวสั ดชิ์ ชั วาลย์นานอนนั ต์ เหลอื จะนบั กัปกัลป์พทุ ธันดร รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่ืองท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๗๓ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม โอ้คดิ ไปใจหายเสียดายนัก ทเ่ี คยรกั เคยเคียงเคยเรยี งหมอน มาวายวางกลางชาตถิ งึ ขาดรอน ให้ทกุ ขร์ ้อนรนร่าระกาตรอม ยังเหลือแต่แพรชมภูของคู่ช่นื ทุกค่าคืนเคยชมไดห้ ม่ หอม พ่ยี อ้ มเหลอื งเปล้ืองปลดสอู้ ดออม เอาคลมุ ห้อมหมุ้ ห่มประธมทอง กบั แหวนนางตา่ งหน้าบชู าพระ สาธสุ ะถงึ เขาผู้เจา้ ของ ไดบ้ รรจงทรงเครื่องใหเ้ รอื งรอง เหมือนรูปทองธรรมชาตสิ อาดตา แล้วกราบลาพระประธมบรมธาตุ เลียบลลี าศแลพินิจทุกทิศา เหน็ ไรไรไกลสุดอยุธยา ด้วยสุธาถมสงู ที่กรุงไกร ทอี่ ่นื เตี้ยเร่ยี ราบดังปราบเรี่ยม ด้วยยืนเยย่ี มสูงกว่าปฤกษาไสว โอเ้ วียงวังยังเขม้นเหน็ ไรไร แตส่ ายใจพีเ่ ขมน้ ไมเ่ ห็นทรง ยง่ิ เสียวเสยี วเหลยี วยา้ ยทง้ั ซ้ายขวา ล้วนทุ่งนาเนินไม้ไพรระหง ภเู ขาเคียงเรยี งรอบเปนขอบวง ในแดนดงดสู ลา้ งลว้ นยางยูง ที่ทงุ่ โถงโรงเรอื นดูเหมือนเขียน เห็นช้างเจยี นจะเทา่ หมูด้วยอย่สู งู เขาตอ้ นควายหวายผูกจมกู จงู เปนฝูงฝงู ไรไรทุกไรน่ า ในอากาศดาษดูล้วนหมนู่ ก บา้ งเวยี นวกวนรอ่ นว่อนเวหา เห็นนกไม้ไพรวนั อรญั วา สอื้นอาไลยเหลยี วดว้ ยเปลย่ี วใจ บนประธมลมเฉื่อยเร่อื ยเรื่อยรื่น กระพือผนื ผ้าปลวิ หววิ หววิ ไหว เสียงฮือฮือร้ือรา่ ยังคา่ ไป อนาถใจจนสอ้นื กลนื นา้ ตา เหน็ ไรไรไมง้ ว้ิ ละลวิ เมฆ ดงั ฉตั รเฉกชน่ื ชุมพ่มุ พฤกษา สงู สันโดษโสดสดุ จึงครุฑา เธอแอบอาศรัยสถานพิมานงว้ิ เหน็ ไมง้ ามนามไม้อาลัยมิตร ราคาญคิดเขนิ ขวยระหวยหวิ ฉมิ พะลีปลีอ่อนเกสรปลิว มาริว้ ร้ิวร่ืนร่นื ชื่นชืน่ ใจ โอย้ ามจนอ้นอน้ั กระศัลย์สวาท คิดถึงญาตดิ งั จะพานา้ ตาไหล แกลง้ แลเลยเชยชมพนมไพร พระปรางค์ใหญ่เย่ยี มฟา้ สุธาธาร รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรอื่ งที่ ๘ นิราศพระประธม
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๗๔ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ท่ีรมิ รอบขอบคนั ข้างชนั้ ล่าง เอาอิฐขว้างดูทกุ คนไม่พน้ ฐาน แลข้างบนคนขา้ งลา่ งท่กี ลางลาน สดุ ประมาณหมายหนา้ ในตาลาย แลว้ ลาพระจะลงดตู รงโตรก สูงฉะโงกเงื้อมไม้จิตรใจหมาย เมอื่ ขน้ึ นน้ั ค่นั กระไดขนึ้ ง่ายดาย จะลงเหน็ เปนว่าหงายวนุ่ วายใจ ตอ้ งผนิ ผนั หันหลงั ลงทง้ั สิน้ ถึงแผ่นดนิ ยนิ ดีจะมไี หน เท่ยี วชมวัดทัศนาศาลาไลย ต้นโพธิไ์ ทรสงู สงู ทงั้ ยูงยาง ดูเย็นชน่ื รื่นรม่ พนมมาศ มะตมู ตาดตน้ เอ้อื งมะเฟืองฝาง นมสวรรคล์ ัน่ ทมต้นนมนาง มตี ่างตา่ งตนั อกตกตลงึ นมสวรรค์ฉนั ดูสู้ไม่ได้ เหมอื นเตือนใจจะให้นกึ ลาฦกถงึ เห็นเล็บนางหมางเมนิ เดริ ราพึง ชมกระทึงดอกดวงพวงพยอม พกิ ลุ ใหญ่ใต้ต้นหล่นชะแลม่ ดูกลบี แซมชืน่ เชยระเหยหอม ผลลูกสกุ ห่ามงามงามงอม แต่แตนตอมต่อผ้งึ ฮึงฮึงฮอื เหน็ นกเปล้าเขาไฟฝงู ไก่เถือ่ น เท่ียวเดิรเกล่ือนกลางดินบา้ งบนิ ปร๋ือ เหล่าลกู เลก็ เด็กใหญ่ไลก่ ระพือ มนั บนิ รอ้ื ร่อนลงเข้าดงดอน ทงั้ สระมีส่มี ุมประทุมชาติ ระดะดาษดอกดวงบวั หลวงสลอน บา้ งรว่ งโรยโปรยปรายกระจายจร หอมเกสรเสาวคนธ์ทีห่ ลน่ ลอย มีเตา่ ปลาอาศรัยอยู่ในนา้ บ้างผดุ ดาโดดคนองพ่นฟองฝอย ฝูงกริมกรายรายเรียงขึน้ เคียงคอย จะคาบสร้อยเสาวคนธ์ว่ายวนเวยี น เหมือนด้วยรกั หนักหน่วงไม่รว่ งหล่น ใหเ้ วยี นวนหวน่ั หจติ รตะขวดิ ตะเขวยี น แสนสนกุ รุกขชาตดิ าษเดยี ร เท่ยี วเดิรเวยี นวนชมประธมทอง โบสถ์วหิ ารทา่ นสร้างแต่ปางก่อน มีพระนอนองค์ใหญย่ งั ไม่หมอง หลับพระเนตรเกษเกยเขนยทอง ดผู ดุ ผ่องพลู เพมิ่ เติมศรทั ธา โอ้เอ็นดหู นตู าบจะกราบกม้ เปลอ้ื งผ้าห่มนอบนบจบเกษา ขึน้ ห่มพระอธษิ ฐานให้มารดา พลอยนา้ ตาตกพรากเพราะยากเยน็ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๗๕ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม แมน้ ยังอยู่คู่เชยไม่เลยละ มาไหว้พระก็จะพามาใหเ้ ห็น โอ้ชาตนิ ้ีมกี รรมจึงจาเปน มาแสนเขญ็ ขาดมติ รสนิทใน กราบพระเจา้ เศร้าจิตรคดิ สงั เวช โอ้น้าเนตรเอ๋ยกลืนก็ขืนไหล สารพดั ตัดขาดประหลาดใจ ตัดอาไลยตัดสวาทไม่ขาดความ แกลง้ พดู พาตาเถา้ พวกชาวบา้ น คนโบราณรบั ไปไดไ้ ถ่ถาม เห็นรูปหินศลิ าสง่างาม เปนรปู สามกระษตั รยิ ข์ ัตยิ วงศ์ ถามผเู้ ถา้ เลา่ แจ้งจึงแตง่ ไว้ หวงั จะใหท้ ราบความตามประสงค์ ว่ารูปทาจาลองฉลององค์ พระยากงส์พระยาภาณกบั มารดา ดว้ ยเดิมเรื่องเมอื งน้นั ถวัลยราช เรียงพระญาตพิ ระยากงสส์ ืบวงศา เอาพานทองรองประสูติพระบุตรา กระทบหน้าแตน่ ้อยๆเปนรอยพาน พอโหรทายรา้ ยกาจไมพ่ ลาดเพล่ียง ผใู้ ดเล้ียงลูกน้อยจะพลอยผลาญ พระยากงสส์ ง่ ไปให้นายพราน ทิง้ ทธ่ี ารน้าใหญย่ งั ไม่ตาย ยายหอมรู้จู่ไปเอาไว้เล้ยี ง แกรกั เพยี งลูกรักไม่หกั หาย ใครถามไถ่ไม่แจ้งให้แพร่งพราย ลูกผู้ชายช่นื ชดิ สู้ปดิ บงั คร้นั เติบใหญ่ได้วิชาตาปะขาว แกเปนชาวเชงิ พนมอาคมขลัง รู้ผกู หญา้ ผ้าภาพยนต์มนตจ์ ังงัง มีกาลงั ฦๅฤทธพิ์ ิสดาร พระยากงสล์ งมาจบั ก็รบั รบ ตีกระทบทพั ย่นถงึ ชนสาร ฝา่ ยทา้ วพอ่ มรณาพระยาภาณ จึงไดผ้ ่านภพผดุงกรงุ สพุ รรณ เข้าหาพระมเหษีเหน็ มแี ผล จึงเล่าแตค่ วามจริงทกุ ส่ิงสรรพ เธอร้คู วามถามไถไ่ ด้สาคญั ด้วยคราวน้ันคนเขารทู้ ุกผคู้ น ครั้นถามไถ่ยายหอมก็ยอมผดิ ดว้ ยปกปิดปฏิเสธซ่งึ เหตผุ ล เธอโกรธาฆ่ายายนน้ั วายชนม์ จงึ ให้คนก่อสรา้ งพระปรางคป์ ระโทน แทนคณุ ตามความรักแต่หักวา่ ตอ้ งเข่นฆา่ กนั เพราะกรรมเหมอื นคาโหร ท่ียายตายหมายปักเปนหลกั ประโคน แตก่ อ่ นโพ้นพน้ มาเปนชา้ นาน รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๘ นริ าศพระประธม
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๗๖ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม จึงสาเหนียกเรียกยา่ นบ้านยายหอม ดว้ ยเดมิ จอมจักรพรรดิอธิษฐาน ครนั้ เสร็จสรรพ์กลับมาหาอาจารย์ เหตดุ ว้ ยบ้านนนั้ มเี นินศิลา จึงทาเมรุเกณฑ์พหลพลรบ ปลงพระศพพระยากงส์พร้อมวงศา แลว้ ปลดเปล้อื งเครื่องกระษตั ริยขตั ิยา ของบิดามารดรแต่ก่อนกาล กับธาตใุ ส่ในตรบุ รรจไุ ว้ ทีถ่ า้ ใตเ้ นินพนมประสมสถาน จงึ เลอ่ื งฦๅชื่อว่าพระยาภาณ คสู่ รา้ งชานเชิงพนมประธมทอง ท่านผู้เถ้าเล่าแจง้ จงึ แต่งไว้ หวงั จะใหส้ งู เสรมิ เฉลมิ ฉลอง ดว้ ยเล่ือมใสในจติ รค์ ิดประคอง ให้เรืองรองรงุ่ โรจนท์ โ่ี บสถ์ราม ก็จนใจได้แตท่ าคาหนังสอื ชว่ ยเชิดชอื่ ท่านผสู้ ร้างไว้ท้ังสาม ใหฦ้ ๅชาปรากฏได้งดงาม พอเปนความชอบบ้างในทางบุญ ถ้าขดั เคอื งเบ้ืองหนา้ ขออานสิ งส์ สิง่ นี้จงจานเจือช่วยเกือ้ หนนุ ท้ังแก้วเนตรเชษฐาให้การุญ อย่าเคืองขุ่นขอ้ งขดั ถงึ ตดั รอน แล้วลาออกนอกโบสถ์ข้นึ โขดหิน ตรวจวารนิ รดทาคาอักษร สง่ สว่ นบญุ สุนทราสถาพร ถึงบิดรมารดาคณุ อาจารย์ ถวายองค์มงกฎุ อยธุ เยศ ทรงเศวตคชงามท้ังสามสาร เสด็จถงึ ซ่ึงบุรีนรี พาน เคยโปรดปรานเปรียบเป่ียมได้เทยี มคน สนิ้ แผน่ ดนิ ปิน่ เกลา้ มาเปล่าอก นา้ ตาตกตายน้อยลงร้อยหน ขอพบเห็นเปนข้าฝ่ายุคล พระคุณล้นเล้ยี งเฉลมิ ใหเ้ พิ่มพูล ถงึ ล่วงแลว้ แกว้ เกิดกับบุญฤทธิ ยงั ชว่ ยปิดปกอยไู่ มร่ ้สู ูญ สิน้ แผ่นดินทินกรจรจารญู ให้เพมิ่ พลู พอสว่างหนทางเดิร ดงั จินดาหา้ ดวงช่วงประทปี ได้ชูชีพช่วยทุกขเ์ มอื่ ฉุกเฉนิ เปนทานอุ ปุ ระถัมภ์ไม่กา้ เกิน จงเจรญิ เรยี งวงศ์ทรงสธุ า อน่งึ นอ้ มจอมนิกรอักษรราช บารงุ สาสนาสงฆ์ทรงสิกขา จงไพบูลย์พลู สวสั ดว์ิ ัฒนา ชนมาหม่ืนแสนอยา่ แค้นเคือง รวมนิราศของสุนทรภู่ เรื่องท่ี ๘ นิราศพระประธม
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๑๗๗ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม สโิ นทกตกดนิ พอสิ้นแสง ตวันแดงดฟู ้าเปนผ้าเหลือง สโิ รราบกราบลากลับมาเมือง เปนสิน้ เรอ่ื งที่ไปชมประธม เอย ๚ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๘ นิราศพระประธม
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๗๘ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม เรื่องท่ี ๙ นิราศเมืองเพชร(เมอื งเพ็ชร)์ (ฉบบั หอสมุดวชริ ญาณ) บทนา นิราศเมืองเพชรหรทอนิราศเมืองเพ็ชร์ แต่งเมื่อพุทธศักราช ๒๓๘๘-๒๓๙๒ เม่ืออาสาพระเจ้า น้องยาเธอกรมขุนอิสเรศรังสรรค์ไปทาการอันหน่ึงตามพระราชประสงค์ที่จังหวัดเพชรบุรี บรรยายการ เดินทางทางเรือจากหน้าวัดอรุณราชวรราราม ครั้งรับราชการในพระบาทสมเด็จพระป่ินเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดารงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจุฑามณีกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เพอ่ื ไปหาของต้อง ประสงค์ท่ีเมืองเพชร โดยบุตรช่ือพดั และนิลติดตามไปด้วย เดินทางผ่านคลองบางหลวง มหาชัย คลอง สุนัขหอน แม่กลอง เลียบชายทะเล จนถึงวัดพลานชัย เมืองเพชรบุรี ถ้าเขาหลวง วัดมหาธาตุ และเดนิ ทางกลบั คาอธิบายในนิราศเมืองเพช็ ร์ของสนุ ทรภู่ นิราสของสุนทรภู่ผิดกับนิราสของผู้อื่น ท้ังกลอนที่แต่งดีกว่าผู้อ่ืนโดยมากแลกระบวรความ นิราสของผู้อ่ืนมักจะกล่าวถึงแต่ช่ือตาบลในระยะทางที่ไป ประกอบกับพรรณาว่าด้วยเร่ืองสังวาส แต่นิราสของสุนทรภู่มักเล่าเร่ืองราวต่างๆ แลกล่าวถึงประวัติของตนเองไว้ด้วยทุกเรื่อง อาจจะรู้ได้ว่า เร่ืองไหนแตง่ ก่อนแลแตง่ ทีหลงั แลในเวลาที่แต่งนั้นฐานะของสุนทรภเู่ ปนอยอู่ ย่างไร เรื่องประวัติของสุนทรภู่ ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงไว้โดยพิสดาร ได้พิมพ์แจกคร้ังเมื่อทาบุญอายุ ครบ ๖๐ ใน พ.ศ. ๒๔๖๕ แลว้ จะนาแต่ใจความมากล่าวพอใหท้ ราบตานานนิราสของสุนทรภู่ ทพี่ ิมพ์ใน สมุดเล่มนี้ คือ สุนทรภู่น้ัน เดิมเปนมหาดเล็กกรมพระราชวังหลัง เปนเจ้าบทเจ้ากลอนแลเปนคนคนอง มาแต่หนุ่ม เม่ือในรัชกาลที่ ๑ ลงไปเย่ียมบิดาที่เมืองแกลง ได้แต่งนิราสเร่ืองเมืองแกลงเปนนิราสเรื่อง แรก ซง่ึ พิมพ์ในสมุดเล่มน้ี ตอ่ มาเม่ือกรมพระราชวังหลังทิวงคต สุนทรภู่ไปเปนมหาดเล็กอยู่กับพระองค์ เจ้าปฐมวงศ พระโอรสในกรมพระราชวังหลัง ซึ่งทรงผนวชอยู่วัดระฆังฯ ตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวง ศไปพระพทุ ธบาท ได้แต่งนิราสพระบาทอิกเรือ่ ง ๑ ต่อมาถึงรัชกาลที่ ๒ สุนทรภเู่ ข้าทาราชการ ได้เปนท่ี ขุนสุนทรโวหารอยู่ในกรมพระอาลักษณ พระบาทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระเมตตาชุบ เลี้ยงมาตลอดรัชกาล สุนทรภู่ติดรับราชการ จึงหาได้แต่งนิราสเรื่องใดในรัชกาลท่ี ๒ ไม่ ถึงรัชกาลท่ี ๓ สุนทรภู่มีความผิดถูกถอด ไม่มีท่ีพึ่งจึงออกบวช เม่ือบวชอยู่น้ันขึ้นไปกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก แต่งนิราส ภูเขาทองเร่ือง ๑ ต่อมาขึน้ ไปกรงุ ศรีอยธุ ยาอกิ ครง้ั ๑ แต่งนิราสวดั เจ้าฟ้า (แตง่ เปนสานวนเณรพัฒน์บุตร ที่ไปด้วย) เร่ือง ๑ ได้ยินว่าเมื่อสุนทรภู่บวชอยู่ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ พระเจ้าลูกเธอในพระบาทฯ สมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดทรงสักรวา หาสุนทรภู่ไปบอกสักรวาแต่ยังเปนพระ แล้วทรงพระ เมตตาอุดหนุนต่อมา สุนทรภู่ได้แต่งนิราสอิเหนาถวายพระองค์เจ้าลักขณานุคุณเร่ือง ๑ แล้วสึกออกมา เปนข้าอยู่ในกรม แต่อยู่ได้ไม่ช้า พระองค์เจ้าลักขณานุคณุ สิ้นพระชนม์ สุนทรภู่ส้ินท่ีพึ่งตกยากอิกครั้ง ๑ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่ืองที่ ๙ นิราศเมอื งเพชร (เมืองเพ็ชร์)
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๗๙ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม เวลาตกยากครั้งน้ี อาศรัยเพื่อนไปเที่ยวพระแท่นดงรัง จึงแต่งนิราสพระแท่นดงรังเรื่อง ๑ ต่อมากรม หมื่นอับสรสุดาเทพ พระราชธดิ าในพระบาทสมเด็จฯ พระน่ังเกล้าเจา้ อยู่หวั ไดท้ รงหนังสือพระอภัยมณี ท่ีสุนทรภู่แต่งไว้โปรด ส่ังให้สุนทรภู่แต่งต่อถวายอิก แลทรงเก้ือหนุนสุนทรภู่ต่อมา ในตอนน้ี พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดารงพระยศเปนสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรม ขนุ อิศเรศรังสรรค์ ก็ทรงเก้ือหนุนสุนทรภู่มาด้วยอิกพระองค์ ๑ ในสมัยเมื่อสุนทรภู่ได้พึ่งพระบาทสมเด็จ พระป่ินเกล้าเจา้ อยหู่ ัว แลกรมหมน่ื อับสรสุดาเทพอยู่นั้นไปนมัสการพระปฐมเจดยี ์ จึงแต่งนิราสพระประ ธม (ทีถ่ ูกควรจะเรยี กว่า นิราสพระปฐมเจดีย์) ซ่ึงพิมพใ์ นสมดุ เล่มนี้เรื่อง ๑ ครั้นกรมหมื่นอับสรสุดาเทพ สิ้นพระชนม์ สุนทรภู่ได้พ่ึงแต่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียว ได้ยินว่าทรงรับไป เล้ียงไว้ที่พระราชวังเดิม อยู่มามีรับส่ังให้สุนทรภู่ไปหาส่ิงของที่เมืองเพ็ชรบุรี สุนทรภู่จึงแต่งนิราสเมือง เพ็ชรบุรีเรื่อง ๑ เปนนิราสเรื่องท่ีสุดของสุนทรภู่ เพราะต่อมาอิกไม่ช้า ถึงรัชกาลท่ี ๔ พระบาทสมเด็จ พระป่ินเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงต้ังสุนทรภู่เปนที่พระสุนทรโวหาร เจ้ากรมพระอาลักษณฝ่ายพระบวรราชวัง ได้ความสขุ มาจนส้นิ ชพี เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ มีนริ าสของสนุ ทรภอู่ กิ เรื่อง ๑ คอื นิราสเมอื งสพุ รรณบุรี สุนทรภแู่ ต่งเมือ่ ยังบวชอยู่ แตง่ เปนโคลง ๔ เร่ืองตานานนริ าสของสนุ ทรภู่ มดี งั กล่าวมา หวังใจว่า ทา่ นทั้งหลายได้รับหนังสอื นไี้ ป จะยินดแี ลพอใจอา่ นทั่วกัน. เนอื้ หานิราศเมอื งเพ็ชร์ (ฉบับหอสมดุ วชริ ญาณ) ๏ โอร้ อนรอนอ่อนแสงพระสรุ ิฉาย ทอ้ งฟา้ คลา้ น้าคา้ งลงพร่างพราย พระพายชายช่นื เชยราเพยพาน อนาถหนาวคราวอาสาเสด็จ ไปเมืองเพช็ ร์บรุ นิ ท่ีถน่ิ สถาน ลงนาวาหนา้ วดั นมสั การ อธิฐานถงึ คุณกรุณา ชว่ ยชุบเล้ยี งเพยี งชนกทป่ี กเกศ ถึงต่างเขตรของประสงค์คงอาสา จึงจดหมายรายทางกลางคงคา แตน่ าวาเลี้ยวลอ่ งเข้าคลองน้อย ได้เหน็ แตแ่ พแขกที่แปลกเพศ ขายเคร่ืองเทศเคร่ืองไทยได้ใช้สอย ถึงวดั หงสเ์ หน็ แต่หงส์เสาธงลอย เปนหงส์ห้อยห่วงธงใช่หงสท์ อง ถึงวดั พลับลบั ลเี้ ปนทส่ี งัด เห็นแตว่ ดั สงั ข์กระจายไม่วายหมอง เหมือนกระจายพรายพลดั กาจดั น้อง มาถึงคลองบางลาเจยี กสาเนียกนาม ลาเจยี กเอย๋ เคยชืน่ ระร่นื รส ต้องจาอดออมระอาด้วยหนาหนาม ถงึ คลองเตยเตยแตกใบแฉกงาม คิดถึงยามปลูกรักมักเปนเตย รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๙ นิราศเมอื งเพชร (เมืองเพช็ ร์)
กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๘๐ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม จนไมม่ ที ีร่ ักเปนหลักแหลง่ ตอ้ งควา้ งแคว้งควา้ หานจิ าเอย๋ โอเ้ ปลย่ี วใจไรร้ ักทีจ่ ักเชย ชมแต่เตยแตกหนามเม่ือยามโซ ถึงบางหลวงลว่ งลอ่ งเข้าคลองเล็ก ลว้ นบา้ นเจก๊ ขายหมูอยอู่ ักโข เมียขาวขาวสาวสวยล้วนรวยโป หัวอกโออ้ ายใจมใิ ชเ่ ลก็ ไทยเหมือนกนั ครัน้ วา่ ขอเอาหอหอ้ ง ตอ้ งขดั ข้องแขงกระดา้ งเหมือนอย่างเหล็ก มเี งนิ งดั คัดง้างเหมือนอย่างเจ๊ก ถึงลวดเหลก็ ลนรอ้ นอ่อนละไม ถึงวดั บางนางชมี แี ต่สงฆ์ ไมเ่ ห็นองคน์ างชีอยทู่ ี่ไหน ฤๅหลวงชีมบี า้ งเปนอย่างไร คดิ จะใคร่แวะหาปฤกษาชี กม็ ดื ค่าอาลาทิพาวาส เลยลีลาสล่วงทางกลางวถิ ี ถงึ วดั บางนางนองแม้นน้องมี มาถึงท่ีกจ็ ะตอ้ งนองน้าตา ตวั คนเดยี วเท่ียวเลน่ ไมเ่ ปนหว่ ง แตเ่ ศรา้ ทรวงสุดหวงั ท่ีฝ่งั ฝา ทีเ่ ห็นเห็นเปนแตป่ ะได้ประตา กล็ อบรักลักลาคิดอาไลย จะแลเหลียวเปล่ียวเนตรเปนเขตสวน มะมว่ งพรวนหมากมะพรา้ วสาวสาวไสว พฤกษาออกดอกลูกเขาปลกู ไว้ หอมดอกไม้กล่นิ กลบอบลออง ฯ ๏ โอร้ น่ื รนื่ ช่ืนเชยเช่นเคยหอม เคยถนอมนวลปรางมาหมางหมอง ถึงบางหวา้ อารามนามจอมทอง ดูเรอื งรองรุง่ โรจนท์ ี่โบสถร์ าม สาธุสะพระองค์มาทรงสรา้ ง เปนเย่ยี งอย่างไว้ในภาษาสยาม ในพระโกษฐ์โปรดปรานประทานนาม โอรสราชอารามงามเจรญิ มเี ข่อื นรอบขอบคูดูพิลึก กฏุ ติ กึ เก๋งกฏุ ์สิ ดุ สรรเสรญิ ท่ีริมน้าทาศาลาไว้น่าเพลิน จนเรอื เดินมาถึงทางบางขุนเทียน โอเ้ ทียนเอ๋ยเคยแจง้ แสงสวา่ ง มาหมองหมางมืดมดิ ตะขวดิ ตะเขวยี น เหมอื นมืดในใจจนต้องวนเวียน ไม่ส่องเทยี นให้สว่างหนทางเลย ฯ ๏ บางประทุนเหมือนประทนุ ได้อ่นุ จติ ร พอป้องปดิ เปนหลังคานิจาเอ๋ย หนาวนา้ คา้ งพร่างพรมลมราเพย ไดพ้ ิงเขนยนอนอุ่นประทุนบัง ฯ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่อื งท่ี ๙ นิราศเมืองเพชร (เมืองเพ็ชร์)
กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ๑๘๑ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม ๏ ถึงคลองขวางบางระแนะแวะขา้ งขวา ใครหนอมาแนะแหนกนั แต่หลงั ทุกวนั นวี้ ติ กเพยี งอกพัง แนะใหม้ ั่งแลว้ กเ็ หน็ จะเปนการ ฯ ๏ ถงึ วัดไทรไทรใหญ่ใบชอุ่ม เปนเซงิ ซุ้มสาขาพฤกษาศาล ขอเดชะพระไทรซง่ึ ไชยชาญ ช่วยอมุ้ ฉานไปเช่นพระอนริ ุท ไดร้ ว่ มเตยี งเคยี งนอนแนบหมอนหนนุ พออุ่นอนุ่ แลว้ ก็ดเี ปนทีส่ ดุ จะสังเวยหมแู นมแกม้ มนุษย์ เทพบตุ รจะได้ชื่นทุกคืนวัน ฯ ๏ ถึงบางบอนบอนทีน่ ่ีมีแต่ช่ือ เขาเลือ่ งฦๅบอนข้างบางยี่ขนั อนั บอนตน้ บอนน้าตาลย่อมหวานมัน แต่ปากคันแก้ไขมใิ คร่ฟงั ฯ ๏ ถึงวดั กกรกรา้ งอยู่ข้างซ้าย เปนรอยรายปืนพม่าที่ฝาผนงั ถกู ทลุปรุไปแต่ไม่พัง แต่โบสถย์ งั ทนปนื อยยู่ ืนนาน แม้นมง่ั มีมิใหร้ า้ งจะสรา้ งฉลอง ใหเ้ รืองรองรุ่งโรจน์โบสถว์ ิหาร ดว้ ยทีน่ ที่ ีเ่ คยต้ังโขลนทวาร ได้เบกิ บานประตูป่าพนาไลย ฯ ๏ โออ้ กเอย๋ เลยออกประตูป่า กาดดั ดึกนึกน่านา้ ตาไหล จะเหลยี วหลังสั่งสาราสุดาใด กจ็ นใจดว้ ยไม่มีไมตรตี รึง ชา่ งเปนไรไพรผ่ ู้ดีก็มิรู้ ใครแลดเู รากน็ ึกราฦกถึง จะปรับไหมได้ฤๅไม่อ้ืออึง เปนทพ่ี ึ่งพาสนาพอพาใจ โอ้นกึ นกึ ดึกเงยี บยะเยียบอก เหน็ แตก่ กกอปรงเปนพงไสว ลดาวลั ย์พนั พ่มุ ชอุ่มใบ เรไรไพเราะร้องซ้องสาเนยี ง เสียงกรอดเกรียดเขยี ดกบเข้าขบเค้ยี ว เหมือนกรับเกรีย้ วกรอดกรดี วะหวีดเสยี ง หรงิ่ หร่ิงแหรแ้ ม่หม้ายลองไนเรยี ง แซ่สาเนยี งหนาวในใจราจวญ เหมอื นดนตรปี ปี่ า่ ประสายาก ท้ังสองฟากฟงั ให้อาไลยหวน ดงั ขบั ขานหวานเสยี งสาเนยี งนวล เม่อื โอดครวญคราวฟังใหว้ ังเวง ฯ ๏ ถึงศรี ์ษะกระบือเปนช่อื บา้ น ระยะยา่ นยุงชุมรมุ ข่มเหง ทงั้ กมุ ภากล้าหาญเขาพานเกรง ให้วงั เวงวิญญาเอกากาย รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งที่ ๙ นริ าศเมอื งเพชร (เมอื งเพช็ ร์)
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๘๒ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ถงึ ศษิ ย์หามาตามเมื่อยามเปล่ียว เหมอื นมาเดียวแดนไพรน่าใจหาย ถงึ ศีร์ษะละหานเปนย่านร้าย ข้างฝั่งซ้ายแสมดาเขาทาฟนื ถงึ โคกขามคร้ามใจได้ไต่ถาม โคกมะขามดอกมใิ ชอ่ ะไรอนื่ ไม่เห็นแจง้ แคลงทางเปนกลางคนื ย่ิงหนาวชน้ื ชา้ ใจมาในเรือ ถึงยา่ นซ่ือสมช่อื ด้วยซื่อสดุ ใจมนุษย์เหมือนกระน้แี ลว้ ดเี หลือ เปนป่าปรงพงพมุ่ ดูครมุ เครือ เหมอื นซุ้มเสอื ซ่อนรา้ ยไว้ภายใน ถงึ บ้านขอมลอมฟืนดูดนื่ ดาษ มอี าวาสวัดวาท่อี าไศรย ออกชวากปากชลามหาไชย อโณไทยแย้มเย่ียมเหลยี่ มพระเมรุ ฯ ๏ ข้างฝง่ั ซ้ายชายทเลเปนลมคล่ืน นภางคพ์ ้ืนเผือดแดงดังแสงเสน แมน่ า้ กว้างวา้ งเวิง้ เปนเชิงเลน ลาภเู อนอ่อนทอดยอดระย้า หยดุ ประทบั ยับย้ังอยฝู่ งั่ ซ้าย แสนสบายบงั ลมร่มรุกขา บรรดาเรอื เหนือใต้ทงั้ ไปมา คอยคงคาเกลอื่ นกลาดไมข่ าดคราว บา้ งหุงต้มงมงายท้ังชายหญิง บา้ งแกงป้ิงปากเรียกกนั เพรยี กฉาว เสยี งแต่ตานา้ พริกอยู่กรกิ กราว เหมอื นเสียงส้าวเกราะโกร่งที่โรงงาน เห็นฝูงลงิ วิ่งตามกนั สอสอ มาคอยขอโภชนากระยาหาร คนทั้งหลายชายหญงิ ท้ิงให้ทาน ตา่ งลนลานลว้ งไดเ้ อาไพล่พลิ้ว เวทนาวานรออ่ นน้อยนอ้ ย กจ้อยร่อยกจริ ดิ จิดจีดจว๋ิ บา้ งเกาะแม่แลโลดกระโดดปลิว ดูหอบหิว้ มใิ หถ้ ูกตัวลกู เลย โอ้พอ่ แม่แตช่ นั้ ลงิ ไมท่ ิ้งบุตร เพราะแสนสุดเสนหานิจาเอย๋ ท่ลี กู อ่อนป้อนนมนง่ั ชมเชย กระไรเลยแลเหน็ น่าเอนดู แตล่ งิ ใหญ่อ้ายทโมนมนั โลนเหลือ จนชาวเรือเมนิ หมดดว้ ยอดสู ท้งั ลิงเผอื กเทอื กเถามันเจา้ ชู้ ใครแลดูมันนักมันยักค้วิ บา้ งกระโดดโลดหาแต่อาหาร ได้สมานยอดแสมพอแก้หิว เขาโห่เกรียวประเด๋ียวใจก็ไพลพ่ ล้ิว กลับชน้ี ิว้ ให้ดอู ดสูตา รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๙ นริ าศเมอื งเพชร (เมอื งเพช็ ร์)
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๘๓ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม ไดช้ มเลน่ เหน็ แตน่ กวิหคกลุม้ เทีย่ วดมุ่ ดุ่มเดินดินกินมัจฉา กลางสมทุ ผดุ โผลล่ ว้ นโลมา ดหู นา้ ตาแตล่ ะตัวน่ากลัวเกรง ล้วนหวั บาดวาดหางไปกลางคลน่ื ศีรษ์ ะล่ืนเล่ยี นโล่งดูโจ่งเหมง่ ดูมากมายหลายอยา่ งย่ิงวางเวง จนนา้ ข้ึนครน้ื เครงเปนคราวเรือ บ้างถอนหลักชักถ่อหัวรอ่ ร่า บา้ งกม็ าบ้างก็ไปทั้งใตเ้ หนอื บา้ งขบั รอ้ งซอ้ งสาเนียงจนเสยี งเครือ ต่างเลี้ยวเรอื ลงหน้าบ้านท่าจีน เปนประมงค์หลงละโมภดว้ ยโลภลาภ ไม่กลวั บาปเลยชา่ งนับแต่ทรัพยส์ นี ตลงิ่ พังฝั่งชลาลว้ นปลาตนี ตะกายปีนเลนเลน่ ออกเปนแปลง ในลาคลองสองฟากลว้ นจากปลูก ทลายลกู ดอกจากขนึ้ ฝากแฝง ตน้ จากถูกลูกชิดนัน้ ตดิ แพง เขาช่างแปลงชอ่ื ถูกเรยี กลูกชิด ฯ ๏ ถึงบา้ นบ่อกอจากมิอยากส้ิน เหมือนจากถน่ิ ท่องเทีย่ วมาเปลี่ยวจิตร อนั ใบจากรากกอไม่ขอคิด แต่ลูกชิดชอบใจจะใคร่ชม ถงึ คลองที่อรี าท่าแร้งเรียก สุดสาเนยี กท่ีจะถามความปฐม เขาทาน้าทานาปลาอุดม เปนนิคมเขตรบ้านพวกพรานปลา ท่ีปากคลองกองฟืนไวด้ ่นื ดาษ ดูเกล่ือนกลาดเรียงรายท้ังซา้ ยขวา ถงึ บางขวางขา้ งซ้ายชายชลา ไขคงคาขังนา้ ไวท้ าเกลอื ฯ ๏ ฤๅบา้ นนที้ เี่ ขาว่าตารารา่ ช่างปน้ั น้าเปนตวั นา่ กลัวเหลือ ดูครม้ึ ครึกพฤกษาลดาเครือ ล้วนรกเร้อื ราเรงิ เปนเซงิ ซุ้ม ตะบูนตน้ ผลหอ้ ยย้อยระย้า ดาษดาดงั หนงึ่ ผูกดว้ ยลูกตมุ้ เปนคราบน้าคร่าครา่ แตกตารุม ดูกระปุ่มกระปิม่ ตมุ่ ต่ิมเตม็ ลาภูรายชายตล่งิ ดกู งิ่ ค้อม มขี วากลอ้ มแหลมรายดังปลายเข็ม เห็นปูเปย้ี วเที่ยวไตก่ ินไคลเค็ม บา้ งเกบ็ เลม็ ลากกา้ มครุ่มครา่ มครัน โอ้เอนดูปูไมม่ ซี ่ึงศีร์ษะ ทา้ วระกะก้อมโกงโม่งโคง่ ขัน ไม่มเี ลือดเชอื ดฉะปะแต่มนั เปนเพศพันธไุ์ รผ้ ัวเพราะมวั เมา รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งที่ ๙ นิราศเมอื งเพชร (เมอื งเพ็ชร)์
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๘๔ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม แม้นเมยี ออกลอกคราบไปคาบเหยือ่ เอามาเผื่อภรรยาเมตตาเขา ระวังดูอยู่ประจาทุกคา่ เชา้ อสุ ่าหเ์ ฝ้าฟมู ฟักเพราะรักเมีย ถึงทผี ัวตัวลอกพอออกคราบ เมยี มันคาบคบี เนื้อเปนเหยือ่ เสยี จึงเกิดไขไ่ ร้ผวั เทีย่ วย้ัวเยี้ย ยังแต่เมียเคลื่อนคล้อยขึน้ ลอยแพ สมเพชสตั วท์ ศั นาพฤกษาสล้าง ล้วนโกงกางกมุ่ แกมแซมแสม สงดั เหงาเปลา่ เปลี่ยวเมอื่ เหลียวแล เสยี งแอแ้ จ้จักระจ่ันหว่ันวิญญา ฯ ๏ ถึงคลองนามสามสิบสองคดคงุ้ ชวากวงุ้ เวียนซา้ ยมาฝา่ ยขวา ใหห้ นนู อ้ ยคอยนบั ในนาวา แตห่ นง่ึ มาถว้ นสามสิบสองคด อนั คดอื่นหมื่นคดกาหนดแน่ เว้นเสียแตใ่ จมนุษยส์ ดุ กาหนด ทัง้ ลวงล่องอเงยี้ วทง้ั เลยี้ วลด ถึงคลองคดกย็ งั ไม่เหมือนใจคน ฯ ๏ ถงึ ปากชอ่ งคลองชอ่ื สนุ ขั หอน ทง้ั เรือแพแลสลอนเสลือกสลน ต่างแขงขอ้ ถ่อคา้ ที่นา้ วน คงคาข้นขุ่นตื้นแต่พ้นื เลน เข้ายดั เยียดเสยี ดแซกบา้ งแตกหัก บ้างถอ่ ผลกั อึดอัดขัดเขมน บา้ งทมุ่ เถยี งเสยี งหญงิ ขึ้นเกนเกน ลว้ นโคลนเลนเปอื้ นเปรอะเลอะทั้งตวั ที่นอ้ ยตวั ผัวเมยี ลงลากฉดุ นางเมียหยุดผวั โกรธเมียโทษผัว ด้วยยากเย็นเขน็ ฝดื ท้งั มดื มวั พอตึงตวั เต็มเบียดเข้าเสยี ดแซะ ทัง้ ยุงชุมรมุ กัดปดั เปรียะประ เสยี งผัวะผะพบึ พบั ปุบปับแปะ ที่เข็นเรียงเคียงลาขยาขแยะ มันเกาะแกะกันจริงจรงิ หญงิ กับชาย ฯ ๏ จนตกทางบางสะใภค้ รรไลยล่อง มบี า้ นชอ่ งซา้ ยขวาเขาค้าขาย ปลกู ทบั ทิมริมทางสองข้างราย ไมเ่ ปล่าดายดกระย้าทง้ั ตาปี บา้ งดบิ หา่ มงามงอมจนค้อมกิ่ง เปนดอกต่ิงแตกประดับสลบั สี บา้ งแตกรา้ วพราวเม็ดเพ็ชรโนรี เขาขายดีเกบ็ ไดใ้ ส่กระเฌอ มาตั้งขายฝา่ ยเจ้าของไมต่ ้องถือ เหน็ เรือล่องร้องวา่ ซื้อทับทิมเหนอ จะพดู จาคารวะทั้งคะเออ เสยี งเหนอ่ เหน่อหน้าตาน่าเอ็นดู รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่ืองที่ ๙ นิราศเมืองเพชร (เมอื งเพช็ ร์)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๘๕ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม นกึ เสยี ดายหมายมั่นใคร่พนั ผกู ไว้เปนลูกสะใภ้ให้เจ้าหนู พอนึกหยดุ บตุ รเรากเ็ จา้ ชู้ อุสา่ หร์ รู้ ้องต่อจะขอชิม เขาอายเอียงเมยี งเมินทาเดนิ เฉย ไม่เกินเลยลวนลามงามหงมิ หงมิ ไดต้ อบต่อล้อเหล่าเจา้ ทบั ทิม พอแย้มยมิ้ เฮฮาประสาชาย ฯ ๏ ถึงแมก่ ลองสองฝงั่ เขาตั้งบ้าน นา่ สาราญเรือนเรือดูเหลอื หลาย บ้างย่างปลาค่าเคยี งเรยี งเรียงราย ดวู ่นุ วายวิง่ ไขวก่ นั ใหญน่ ้อย ขายสาเรจ็ เป็ดไกท่ ง้ั ไข่พอก กระเบนกระบอกปลาทูท้ังปหู อย ลกู คา้ รบั นบั กนั เปนพนั ร้อย ปลาเลก็ นอ้ ยขมงโกรยโกยกะบงุ นางแม่คา้ ปลาเค็มกเ็ ต็มสวย กาไรรวยรวมประจบจนครบถุง บา้ งเหน็บทอ้ งป่องปยุ่ ตุย่ ตยุ่ ตุง ต่างบารงุ รูปร่างสาอางตา ฯ ๏ พอออกช่องล่องลาแม่นา้ กวา้ ง บ้านบางชา้ งแฉกแชไปแควขวา ข้างซ้ายตรงลงทเลพอเวลา พระสุริยามดื มวั ท่วั แผ่นดิน ดซู ้ายขวาป่าปะโลงหวายโป่งเปง้ ใหว้ งั เวงหว่ันไหวฤทยั ถวลิ เวลาเยน็ เหน็ นกวหิ คบิน ไปหากนิ แล้วก็พากนั มารงั บา้ งเคยี งค่ชู ูคอเสียงซ้อแซ้ โอแ้ ลแลแลว้ ก็ใหอ้ าไลยหลัง แม้นร่วมเรอื นเหมอื นนกทีก่ กรัง จะไดน้ ง่ั แนบข้างเหมอื นอยา่ งนก นีก่ ระไรไม่มเี ทา่ กี่ก้อย โอบ้ ญุ นอ้ ยนึกน่านา้ ตาตก ต้องลมวา่ วหนาวหนงั เหมอื นค้ังคก จะได้กกกอดใครก็ไม่มี จนเรอื ออกนอกอ่าวดเู ปล่าโว่ง ทเลโล่งแลมวั ท่วั วิถี ไม่เห็นหนสนธยาเปนราตรี แตล่ มดีดาวสว่างกระจ่างตา สารวลรน่ื คลนื่ ราบดังปราบเรยี่ ม ทง้ั นา้ เปยี่ มป่าแสมข้างแควขวา ดาวกระจายพรายพรา่ งกลางนภา แสงคงคาเคม็ พราวราวกับพลอย เหน็ ปลาว่ายกายสล้างกระจ่างแจ่ม แลแอรม่ เรืองรุ่งชัน้ กุ้งฝอย เปนหม่หู มฟู่ ูฟ่องขนึ้ ล่องลอย ตวั น้อยนอ้ ยนางมังกงขมงโกรย รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรื่องที่ ๙ นิราศเมืองเพชร (เมอื งเพ็ชร)์
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๘๖ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม ช่ืนอารมณช์ มปลาเวลาดึก หวนราฦกแล้วเสียดายไม่วายโหย แม้นเหน็ ปลาวารินจะด้นิ โดย ท้งั ลมโชยเฉือ่ ยชืน่ ระร่ืนเยน็ จะเพลนิ ชมยมนาเวหาห้อง เช่นนี้น้องไหนเลยจะเคยเหน็ ทเลโลง่ โวง่ วา่ งนา้ ค้างกระเซน็ ดูดาวเด่นดวงสว่างเหมอื นอย่างโคม จะเปรมปรดี ์ดิ ีใจมใิ ชน่ ้อย นอ้ งจะพลอยเพลินอารมณ์ดว้ ยชมโฉม โอ้อายจติ รคดิ รักลกั ประโลม ทรวงจะโทรมตรงชอ่ งปากคลองโคน ดว้ ยมืดคา่ สาคญั ทนี่ ัน่ แน่ เรียกแสมตายหา่ พฤกษาโกรน๋ ลาพูรายชายเลนดเู อนโอน วายโุ ยนยอดระย้ารมิ สาคร หิ่งหอ้ ยจับวับวามอรา่ มเหลอื ง ดรู ุ่งเรอื งรายจารัสประภัศร เหมือนแหวนก้อยพลอยพรายเมื่อกรายกร ยังอาวรณแ์ หวนประดับด้วยลบั ตา ฯ ๏ ถงึ คลองช่องล่องเลยี บเงียบสงัด เหน็ เมฆกลดั กลางทเลบนเวหา เสยี งโครมครื้นคลืน่ กระทั่งฝง่ั ชลา ลมสลาตันตงึ หึ่งหึ่งฮือ นาวาเหเซหันใหป้ ่ันปว่ น ตอ้ งแจวทวนทา้ ยหันช่วยกันถือ ถึงส่ีแจวแลว้ เรือยังเหลอื มือ ลมกระพอื พดั โงงดูโคลงเคลง ทั้งคล่ืนซ้านา้ ซัดใหป้ ัดป่นั โอแ้ ตช่ ั้นคล่นื ลมยังข่มเหง นา่ อายเพ่อื นเหมือนคาเขาทาเพลง มาเทง้ เต้งเรือลอยน่าน้อยใจ ยิง่ แจวทวนปว่ นป่นั ย่งิ หนั เห ลมทเลเหลอื จะต้านทานไม่ไหว เสยี งสวบเสยเกยตรงเข้าพงไพร ตดิ อยูใ่ ต้ต้นโกงกางแตก่ ลางคืน พอจุดเทียนเชีย่ นขันน้ามนั คว่า ตอ้ งวิดน้านาวาไมฝ่ า่ ฝืน เสื่อทนี่ อนหมอนนวมน้าท่วมช้นื เหลอื แต่ผนื ผา้ แพรของแม่น้อง ไดก้ ันลมห่มหนาวเม่อื เช้าตรู่ ยงั รักรจู้ ักคุณการุญสนอง ลมรนิ รินกลิ่นกลบอบลออง ได้ปกครองคุมเครือเมื่อเรือคา้ ง เขาหลบั เรือ่ ยเหนื่อยอ่อนนอนสนทิ พ่ีน้คี ิดใครค่ รวญจนจวนสวา่ ง เสยี งนกร้องซ้องแซค่ รอแครคราง ท้ังลิงค่างครอกโครกละโอกโอย รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งที่ ๙ นิราศเมืองเพชร (เมืองเพช็ ร)์
กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๘๗ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม เสียงชนที ่ีเหล่าเขายสี่ าน วเิ วกหวานหววั หวัวผัวผัวโหวย หวิวหววิ ไหวไดย้ ินยงิ่ ดิน้ โดย ชนโี หยหาคู่ไม่รวู้ าย เหมอื นวติ กอกน้องท่ีตรองตรึก เหลอื ลาฦกอาไลยมิใคร่หาย จะเรียกบ้างอย่างชนีก็มีอาย ต้องเรียกสายสวาทในใจราจวญ จนรงุ่ แจง้ แสงสว่างนภางค์พน้ื ต้องค้างตนื้ ติดปา่ พากันสรวล จะเขน็ ค้าลา้ เหลือเปนเรือญวน พอเหน็ จวนน้าข้นึ ค่อยชน่ื ใจ ตน้ แสมแลดลู ้วนปแู สม ขึ้นไตแ่ ต่ต้นก่งิ วง่ิ ไสว เขาสัน่ ตน้ หล่นผอยผลอยผลอยไป ลงมุดใต้ตมเลนเห็นแต่ตา โอเ้ อนดูหนนู ้อยร้องหอยเหาะ ขน้ึ ไปเกาะกิง่ ตลอดยอดพฤกษา ล้วนจุบแจงแผลงฤทธเิ์ ขาปลิดมา กวกั ตรงหน้าเรียกใหม้ ันไดย้ ิน จบุ แจงเอย๋ เผยฝาหาเข้าเปียก แมย่ ายเรียกจะให้ไปกฐนิ ท้ังงวงทง้ั งาออกมากนิ ชว่ ยปดั รน้ิ ปดั ยงุ กระทุงราย เขาร่าเรยี กเพรียกหูไดด้ ูเลน่ มันอยากเปนลูกเขยทาเงยหงาย เยี่ยมออกฟังท้งั ตวั กลัวแมย่ าย โอน้ ึกอายดว้ ยจบุ แจงแกล้งสาออย เหมือนจะรู้อย่ใู นเลห่ ์เสน่หา แตห่ ากว่าพดู ยากเปนปากหอย เปรยี บเหมือนคนจนทุนท้ังบุญน้อย จะกล่าวถ้อยออกไม่ได้ดังใจนึก พอลอยลาน้ามากออกจากปา่ ได้แอบอาไศรยแสมอยู่แต่ดึก ในดงฟืนช่นื ชุ่มทุกพุ่มพฤกษ์ ผู้ใดนึกฟนั ฟาดให้คลาดแคลว้ แล้วเคล่ือนคลาลาจากปากคลองชอ่ ง ไปตามร่องนา้ หลักปักเปนแถว ขา้ มย่สี านบ้านสองพน่ี ้องแลว้ ค่อยคล่องแคลว่ เข้าชะวากปากตะบนู น้ายงั นอ้ ยค่อยค้าพอลาเลื่อน ไม่มีเพ่ือนเรือปลาดชา่ งขาดสูญ ในคลองลัดทัศนาย่ิงอาดรู เปนดนิ พนู พานจะต้นื แตพ่ ้ืนโคลน ป่าปะโลงโกงกางแกมแสม แตล่ ว้ นแต่ตายฝอยกรองกร๋อยโกร๋น ตลอดหลามตามตล่งิ ล้วนลิงโลน อา้ ยทโมนนาหน้าเทย่ี วควา้ ปู รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งที่ ๙ นริ าศเมอื งเพชร (เมืองเพช็ ร)์
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๘๘ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม ครั้นล้วงขดุ สุดอยา่ งเอาหางยอน มนั หนบี นอนร้องเกลือกเสือกหัวหู เพ่อื นเข้าครา่ หน้าหลงั ออกพรั่งพรู ลากเอาปูออกมาได้ไอ้กะโต ทงั้ หอยแครงแมลงดามันหาคล่อง ฉกี กระดองกินไขม่ ิใชโ่ ง่ ได้อ่ิมอว้ นท้วนหมดไม่อดโซ อกเอ๋ยโอเ้ อนดหู ม่แู มลงดา ใหส้ ามขี หี่ ลังเทีย่ วฝ่งั แฝง ตามหล้าแหล่งเลนเคมเลมภกั ษา เขาจับเปนเหนสมเพชเวทนา ทิ้งแมลงดาผัวเสยี เอาเมียไป ฝา่ ยตัวผู้อยเู่ ดียวเทีย่ วไม่รอด เหมือนตาบอดมิได้แจง้ ตาแหน่งไหน ตอ้ งอดอยากจากเมียเสียนา้ ใจ ก็บรรไลยแลกลาดดาษดา แม้นเดยี๋ วนมี้ หี ญงิ ไมท่ ้ิงผัว ถึงรูปช่ัวฉนั จะรกั ให้นักหนา โอ้อาลัยใจอย่างนางแมลงดา แต่ดูหน้าในมนุษยเ์ หน็ สดุ แล จนออกช่องคลองบางตะบนู ใหญ่ ลว้ นป่าไมต้ นี เป็ดเสมด็ แสม นกกระลางยางกรอกรอกกะแต เสยี งซ้อแซส้ องข้างทางกันดาร ถงึ ท่ีวงั ตง้ั ประทับรบั เสดจ็ มาทรงเบด็ กะโห้ไม่สงั หาร ให้ปลอ่ ยไปในทเลเอาเพดาน แต่โบราณเรียกวา่ องค์พระทรงปลา แตเ่ ด๋ียวนท้ี ว่ี ังกร็ ง้ั รา้ ง เปนรอยทางทบุ ปราบราบรุกขา ยงั แลเลยี่ นเตยี นดที พี่ ลับพลา นกึ ระอาอนิจจงั ไม่ยั่งยนื เดิมเปนปา่ มาเปนวงั ตัง้ ประทับ แลว้ กก็ ลบั ไปเปนป่าไมฝ่ ่าฝืน เหมือนมียศลดลงไมค่ งคืน นกึ สอน้ื อายใจมาในเรือ ถึงบางหอหอใครท่ีไหนหนอ มาปลกู หอเสนหาในป่าเสอื อันยา่ นนี้ทีบ่ นบกกร็ กเรื้อ ท้ังทางเรือจรเข้ก็เฉโก ถึงเจา้ สาวชาวสวรรค์ฉนั ไม่อยู่ จะโศกส้เู อกาอนาโถ ดว้ ยพรัน่ ตัวกลัวเสอื กเ็ หลือโซ เห็นแตโ่ พทเลจรเข้ลอย ท้ังเหลอื งดาคร่าคร่าลว้ นกลา้ แกลว้ จนเรอื แจวจวนใกลม้ ใิ ครถ่ อย ดนู า่ กลัวตวั ใหญม่ ใิ ชน่ ้อย ตา่ งคนคอยภาวนาอสุ ่าห์สารวม รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรื่องที่ ๙ นริ าศเมืองเพชร (เมอื งเพ็ชร์)
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๘๙ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม เห็นนกบินกินปลาลว้ นนา่ รกั นกปักหลกั ลงน้าเสยี งตา้ ปว๋ ม นกกระเต็นเตน้ ตามนกกามกวม กบั เหย้ี ต้วมเตีย้ มต่ายตามชายเลน ฯ ๏ ไปครูห่ นง่ึ ถึงเขาตะคริวสวาท มอี าวาสวดั วามหาเถร มะพรา้ วรอบขอบที่บริเวณ พอจวนเพลพักร้อนผอ่ นสาราญ กบั หนพู ัดจดั ธูปเทยี นดอกไม้ จะข้นึ ไหว้พระสัมฤทธพิ ิศถาน เขานับถือฦๅอยู่แตบ่ รุ าณ ใครบลบานพระรบั ช่วยดบั รอ้ น ข้ึนลานวดั ทศั นาดูอาวาส ศิลาลาดเลยี บเดนิ เนนิ สิงขร พฤกษาออกดอกช่ออรชร หอมขจรจาปาสารภี ตน้ โพไทรไม้งอกตามซอกหนิ อนิ ทนิลนางแย้มสอดแซมศรี เหล่าลั่นทมรม่ รอบขอบคริ ี สุมาลหี ล่นกลาดดาษดนิ ได้ชมเพลนิ เดนิ มาถงึ น่าโบสถ์ สมาโทษถือเทยี นเวยี นทักษณิ เคารพสามตามกาหนดหมดมลทิน กับหนูนิลหนูพดั เข้ามัสการ ไดส้ รงนา้ ชาระพระสัมฤทธิ ถวายธปู เทยี นอทุ ิศพิศถาน ขอเดชะพระสมั ฤทธิพิสดาร ท่านเชี่ยวชาญเชิญช่วยด้วยสกั ครง้ั ให้ไดแ้ หวนแทนทรงสักวงหน่งึ กบั แพรซงึ่ หอมห่มให้สมหวงั แมน้ ได้ของสองสิง่ เหน็ จริงจงั จะแตง่ ตงั้ บายศรมี ีลคร ท้ังเทยี นเงินเทียนทองของเสวย เหมอื นเขาเคยบูชาหนา้ สงิ ขร สาธุสะพระสมั ฤทธิประสิทธิพร ใหไ้ ด้นอนฟูกฟเู หมอื นชชู ก แล้ววนั ทาลาเลียบลงเหลย่ี มเขา พอบังเงาแดดร่มท้งั ลมตก ออกนาวามาทางบา้ นบางครก มะพรา้ วดกดูสล้างสองขา้ งคลอง มสี ้มสูกลูกไม้เหมือนในสวน ตลอดล้วนเรียงรายเรียกขายของ เขาเลียนล้อต่อถามตามทานอง ไม่ย้มิ ย่องนิดหน่อยอร่อยใจ จนเรอื ออกนอกชวากปากบางครก ตอ้ งเลย้ี ววกไปตามลาแมน่ ้าไหล เปนถ่นิ ฐานบา้ นนาป่าราไร เขาทาไร่ถัว่ ผักปลกู ฟกั แฟง รวมนิราศของสุนทรภู่ เร่ืองที่ ๙ นิราศเมืองเพชร (เมืองเพ็ชร์)
กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๙๐ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม แตฟ่ ักทองรอ้ งเรยี กว่าน้าเตา้ ฟกั เขียวเล่าเรียกวา่ ขี้พรา้ แถลง ลว้ นเล้ยี งวัวทั่วถิ่นได้กินแรง แตเ่ สยี งแปรง่ เปรีย้ วหูไม่รู้กลวั เจา้ สานวนชวนตีแต่ฝปี าก พดู ดว้ ยยากชาวบางกอกจนกลอกหัว แสนแสงอนค้อนว่าค่อนด่าวัว เขาตัดหวั แขนห้อยรอ้ ยประการ ล้วนแช่งซ้าล้าเหลอื อ้ายเสือขบ ลาเลกิ ทบทวนชาติเสยี งฉาดฉาน อา้ ยวัวเถ้าเขาลม้ คอื สมภาร มันขคี้ ร้านทดเข้าเขาจง่ึ แทง ถึงบ้านใหม่ไถ่ถามตามสงไสย ว่ายังไกลอยหู่ รือบ้านท่านขุนแขวง ไมบ่ อกก่อนย้อนถามเปนความแคลง จะพายแรงฤๅว่านายจะพายเบา ถ้าพายหนักสักครู่หนึ่งกถ็ ึงดอก สานวนนอกน้าเพ็ชรแลว้ เขด็ เขา บ้างโหฉ่ าวกราวเกรียวเกย่ี วเข้าเบา บ้างตง้ั เตาเค่ียวตาลพานอดุ ม ฯ ๏ ถงึ บางกุ่มหนุ่มแกส่ าวแซซ่ ้อง มบี ้านสองฟากขา้ มนามประถม ขา้ งซ้ายมือช่ือบ้านสท้านยายนม น่าใคร่ชมชน่ื จติ รคดิ ราพึง อยา่ งไรฤๅชอื่ เช่นนัน้ ขันหนักหนอ ฤๅแกลง้ ล้อจะให้นกึ ลาฦกถงึ ถงึ บ้านโพโอน้ ึกไปฦกซึ้ง เคยมาพึ่งพักรอ้ นแต่ก่อนไร กับขนุ รองต้องเปนแพ่งตาแหนง่ พ่ี สถิตยท์ ี่ทบั นาพออาไศรย เปนคราวเคราะห์เพราะนางนวลมากวนใจ จงึ จาใจใหห้ มองหมางเพราะขวางคอ นึกชมบุญขนุ รองรอ้ งท่านแพ่ง เธอซอ่ มแปลงปลกู ทับกลบั เปนหอ จนผู้เถ้าเจา้ เมืองน้ันเคืองพอ เพราะล้วงคอเคืองขัดถึงตัดรอน ฯ ๏ โอส้ งสารท่านรองเคยครองรกั เมอ่ื มาพักบา้ นโพธ์สิ โมสร เคยรว่ มใจไหนจะรว่ มนว่ มท่นี อน ทงั้ ร่วมร้อนรว่ มสขุ สนกุ สบาย แต่เดอื นสป่ี ีระกานิรารา้ ง ไปอยบู่ างกอกไกลกันใจหาย เหน็ ถน่ิ ฐานบา้ นเรอื นเพื่อนหญิงชาย แสนเสียดายดูหน้านกึ อาไลย ถึงต้นตาลบา้ นคุณหม่อมบุนนาค เม่อื ยามยากจนมาได้อาไศรย มารดาเจา้ คราวพระวงั หลงั ครรไลย มาทาไร่ทานาท่านการุญ รวมนิราศของสุนทรภู่ เร่อื งท่ี ๙ นริ าศเมอื งเพชร (เมอื งเพ็ชร)์
กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๙๑ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม เมื่อเจบ็ ป่วยชว่ ยรักษาจะหาคู่ จะขอสใู ห้เปนเน้ือช่วยเก้ือหนุน ยังยากไร้ไมม่ ีของสนองคุณ ขอแบ่งบุญให้ท่านทั่วทกุ ตัวตน ทั้งนารที ่ีไดร้ ักลักลาฦก เปนแตน่ กึ ลบั หลงั หลายครัง้ หน ขอสมาอยา่ ไดม้ ีราคปี น เปนตา่ งคนต่างแคล้วแล้วกนั ไป แตป่ รางทองนอ้ งหญิงยงั จรงิ จิตร แนบสนิทนบั เช้อื ว่าเนื้อไข จะแวะหาสารพัดยังขัดใน ตอ้ งอายใจจาลากลัวชา้ การ ฯ ๏ ถงึ อารามนามท่ีกุฎที อง ดเู รืองรองรุ่งโรจนโ์ บสถว์ หิ าร รมิ อารามข้ามนา้ ทาตะพาน นมสั การเดินมาในวารี ถงึ คงุ้ เค้ยี วเลี้ยวลดช่ือคดอ้อย ตวันคลอ้ ยคลา้ ฟา้ ในราศี ค่อยคล่องแคล่วแจวรีบถงึ พริบพรี ประทับทหี่ นา้ ท่าพลับพลาไชย ด้วยวัดนี้ที่สาหรับประทับร้อน นรนิ ทรท้าวพระยามาอาไศรย ขอเดชะอานุภาพช่วยปราบไภย ให้มไี ชยเหมือนเชน่ นามอารามเมือง ดูเรอื แพแซ่ซ้องท้ังสองฟาก บ้างขายหมากขายพลูหนวกหูเหือง นอนคา้ งคนื ตนื่ เช้าเห็นชาวเมือง ดูนองเนืองนาวาบา้ งมาไป ไดเ้ ยยี่ มเยือนเรอื นบ้านท่านขุนแพ่ง มาปลกู แปลงแปลกกว่าเมื่ออาไศรย ดว้ ยศกึ ลาวคราวนน้ั เธอบรรไลย ไมม่ ีใครครอบครองจง่ึ หมองมัว แสนสงสารทา่ นผ้หู ญงิ มิง่ เมียหลวง เฝ้าคอ่ นทรวงเสยี ใจอาไลยผวั ท้ังเมยี น้อยอ้อยอ่ิงหญิงคนครัว พากนั มวั หมองคลา้ ระกาตรอม เม่อื มาเรือนเยือนศพได้พบพกั ตร์ ไมห่ มองนักคราวนร้ี ปู ชา่ งซูบผอม เพราะครวญครา่ กาสรดสอู้ ดออม เหมือนแกง่ อมหงิมเงียบเซียบสาเนียง โออ้ กเอย๋ เคยสาราญอยบู่ า้ นนี้ ได้ฟังป่ีพาทย์เพราะเสนาะเสยี ง ท้งั หญิงชายฝ่ายเพื่อนรมิ เรือนเรียง เคยพร้อมเพรยี งเพรางายสบายใจ โอ้คิดคุณขุนแพ่งเสยี แรงรัก ไม่พบพักตรพ์ ลอยพาน้าตาไหล ได้สวดทง้ั บังสกลุ แบ่งบุญไป ใหท้ า่ นไดส้ ูสวรรคช์ ัน้ วิมาน รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรื่องท่ี ๙ นริ าศเมืองเพชร (เมืองเพ็ชร)์
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๙๒ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม แล้วอาลาอาไลยใจจะขาด จานิราสแรมร้างห่างสถาน ลงเรอื จอดทอดทา่ หนา้ ตะพาน แสนสงสารศิษย์หาออกมาองึ เห็นหนา้ น้องทองมีอารีรกั คร้นั จะทักเล่าก็กลวั ผวั จะหึง ได้เคยเห็นเปนฝมี ือมักด้ือดงึ จะตูมตึงแตกช้าระยาเยนิ ท้ังท่ีปรางคน์ างใหญ่ไดใ้ หผ้ ้า เมอื่ ครั้งมาสอนบุตรสดุ สรรเสริญ ไดห้ ่มหนาวคราวระกาจงจาเริญ ยงั เชอ้ื เชิญชวนชักรักอารมณ์ ฯ ๏ แล้วไปบ้านท่านแพ่งตาแหน่งใหม่ ยังรกั ใคร่ครองจิตรสนิทสนม ที่ธุระจะใครไ่ ด้ใจนยิ ม เขารบั สมปราถนาสามภิ ักด์ิ จะกลับหลังยงั มิไดด้ ่ังใจชัว่ ตอ้ งไปทัว่ บา้ นเรือนเพื่อนรจู้ กั เมือ่ เปนบ้ามาคนเดยี วเทยี่ วสานกั เขารับรกั รู้คุณกรุณา ท่ไี หนไหนไมตรยี ังดีสิ้น เวน้ แต่อินวดั เกศของเชษฐา ช่างตดั ญาตขิ าดเดด็ ไม่เมตตา พอเห็นหน้าน้องก็เบือนไม่เหมือนเคย โอค้ ิดแค้นแหวนประดับกับแพรเพลาะ เปนคราวเคราะหเ์ พราะเปนบ้านจิ าเอ๋ย จนรกั ตายกลายตอเปนกอเตย ไมเ่ ห็นเลยว่าจะเปนไปเชน่ น้นั โอ้คิดถงึ พ่ึงบญุ ทา่ นขุนแพง่ ไปหน้าแล้งรับแขกแรกวัสสันต์ ตาเข้าเมา่ เคลา้ นา้ ตาลท้ังหวานมัน ได้ช่วยกนั ค้นั ขยาน้ากะทิ เขาไปเท่ยี วเกย่ี วเข้าอยเู่ ฝา้ ห้อง เหมอื นพี่น้องนึกโอ้อโหสิ เนื้อเอย๋ เน้ือเหลือเจ็บจนเลบ็ ลิ ยงั ปริปริปรมิ่ พร้อยเปนรอยราย คร้ันไปเยือนเรอื นหลานบา้ นวัดเกาะ ยังทวงเพลาะแพรดาทท่ี าหาย ต้องใชส้ ที บั ทิมจ่ึงย้มิ พราย วลิ าสลายลอยทองสนองคณุ แล้วไปบา้ นตาลเรยี งเคยี งบ้านไร่ ทีน่ บั ในน้องเน้ือช่วยเกื้อหนุน พอวนั นดั ซัดน้าเขาทาบุญ เห็นคนวนุ่ หยุดย้งั ยนื รงั้ รอ เขาว่านอ้ งของเราเปนเจา้ สาว ไม่รรู้ าวเรอื่ งเร่อมาเจอหอ เหมือนจดุ ไตว้ ่ายนา้ มาตาตอ เสยี แรงถอ่ กายมากอ็ าภพั รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งที่ ๙ นิราศเมืองเพชร (เมอื งเพช็ ร)์
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๙๓ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม จะแทนบุญคณุ มาประสายาก ตอ้ งกระดากดังหนึง่ ศรกระดอนกลบั ไดฝ้ ากแต่แพรผ้ากับป้าทรัพย์ ไวส้ ารับหนงึ่ น้ันทาขวญั น้อง ไปปีหนง่ึ ครง่ึ ปเี มื่อมีลกู จะมาผกู มอื บา้ งอย่าหมางหมอง แลว้ มาเรอื เหลือลาฦกเฝา้ ตรึกตรอง เที่ยวฉลองคุณทา่ นทกุ บ้านเรือน ฯ ๏ แคน้ แตข่ ากรรมอะไรไฉนน้อง เฝ้าทอ้ งท้องทุกทุกปีไม่มเี หมือน ช่างกระไรใจจิตรไมบ่ ดิ เบือน จะไปเยือนเลา่ ก็รูว้ ่าอยไู่ ฟ จงึ ฝากคาทากลอนไว้สอนสง่ั เมือ่ มิฟังพ่หี ้ามตามวิไสย พอวันพระศรัทธาพากนั ไป เท่ยี วแวะไหวพ้ ระอารามตามกาลัง สาธุสะพระนอนสิงขรเขา พระพุทธเจ้าหลวงสรา้ งแตป่ างหลัง ย่สี บิ วาฝากัน้ เปนบลั ลังก์ ดูเปล่งปลง่ั ปลืม้ ใจกระไรเลย พระเนตรหลบั ทับพระบาทไสยาสนเ์ หยียด ออ่ นละเมียดอาสนะพระเขนย พระเจ้างามยามประธมน่าชมเชย ช่วยราเพยพัชนนี งั่ วีลม แล้วนึกว่าหนา้ หนาวมาคราวนี้ ถึงแท่นทพี่ ระสถติ ยส์ นทิ สนม ยังมีแต่แพรหอมถนอมชม ไดค้ ลห่ี ่มหุม้ อุระพระประธาน อุทศิ ว่าผา้ นี้ของพีน่ ้อง ฝา่ ยเจา้ ของขาดรกั สมัคสมาน มาห่มพระจะให้ผลดลบันดาล ไดพ้ บพานภายนา่ สถาพร ทั้งรปู งามทรามประโลมโฉมแฉล้ม ขอใหแ้ กม้ สองข้างอยา่ งเกสร ทง้ั เน้อื หอมพร้อมส้นิ กลน่ิ ขจร คนแสนงอนให้มาง้อมาขอชมิ หน่งึ ผา้ ขา้ ได้ห่มประธมพระ ขอทิฏฐะจงเห็นเปนปัจฉิม ใหม้ ีใหม่ได้ดสี ที บั ทิม ทง้ั ขลิบริมหอมฟุ้งปรุงสคุ นธ์ ทงั้ ศษิ ย์หาผ้ามีตา่ งคลีห่ ม่ คลมุ ประธมพิศถานการกุศล ขอเนื้อหอมพร้อมกันเหมือนจันทนป์ น ไดเ้ ยาะคนขอจูบรักรปู เรา แล้วลดเลย้ี วเทยี่ วไปบนั ไดอิฐ ตา่ งเพลนิ พศิ เพิงผารุกขาเขา จกิ จนั ทน์แจงแทงทวยกรวยกันเกรา โมกขแ์ มงเม่าไมง้ อกซอกศิลา รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๙ นริ าศเมอื งเพชร (เมืองเพช็ ร์)
กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๑๙๔ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม เหลา่ ล่นั ทมยมโดยร่วงโรยกลิ่น ระรวยรินร่ืนร่นื ชนื่ นาสา โบสถ์วิหารลานวัดทัศนา ลว้ นศิลาแลสอาดด้วยกวาดเตียน มกี ฎุ ที ี่พระสงฆ์ทรงสถติ ย์ พฤกษาชดิ ชนั้ ไผเ่ หมือนไม้เขยี น นา่ สนุกรกุ ขชาตดิ าษเดียร เทยี่ วเดนิ เวยี นวงรอบขอบคีรี พอแดดรม่ ลมชายสบายจติ ร เทย่ี วชมทศิ ท่งุ ทางกลางวิถี ท่ัวประเทศเขตรแควน้ แดนพริบพรี เหมือนจะชี้ไปไมพ่ น้ แต่ตน้ ตาล ท่ีพวกทาน้าโตนดประโยชน์ทรัพย์ มดี สาหรบั เหนบ็ ขา้ งอย่างทหาร พะโองยาวกา้ วตีนปีนทะยาน กระบอกตาลแขวนกน้ คนละพวง แต่ใจดีท่ีว่าใครเข้าไปขอ ให้กินพออิ่มอุทรบห่อนหวง ได้ช่ืนฉ่านา้ ตาลหวานหวานทรวง ขนึ้ เขาหลวงเลยี บเดนิ เนนิ บนั ได ดเู ย็นชน่ื รน่ื รม่ พนมมาศ รกุ ขชาติช่อดอกออกไสว บา้ งหลน่ รว่ งพวงผกาสุมาไลย ตา่ งเด็ดได้เดนิ ดมบา้ งชมดวง ภุมรินบนิ วอ่ นเทีย่ วร่อนรอ้ ง เหมือนเสยี งฆ้องหึง่ หึ่งลว้ นผงึ้ หลวง เวียนประเวศเกสราบบุ ผาพวง ได้เชยดวงดอกไม้เหมือนใจจง ฯ ๏ โออ้ กน้องท่องเทยี่ วมาเปลี่ยวจิตร ไมม่ ีมิตรที่จะชมสมประสงค์ กบั หนูนอ้ ยพลอยเพลินเทยี่ วเดนิ วง ขึน้ ถึงองค์พระเจดยี บ์ นครี ิน ต่างเหนือ่ ยบอบนอบน้อมอยู่พร้อมพรั่ง บา้ งหยุดนงั่ เอนนอนกับก้อนหิน เหน็ ประเทศเขตรแคว้นในแดนดิน มบี า้ นถน่ิ ทิวไม้ไรไรราย ครี ีรอบขอบเขื่อนดูเหมือนเมฆ แลวเิ วกหวาดหวน่ั ย่ิงขวัญหาย เหน็ ทเลเคหาหน้าหาดทราย ดูเรยี งรายเร่ยี เรย่ี เตี้ยติดดิน ได้ชมเพลนิ เมนิ มุ่งดูทุ่งกวา้ ง มีแถวทางเถอื่ นท่าชลาสนิ ธุ์ ฝงู วิหคนกกาเทย่ี วหากนิ บา้ งโบยบนิ ว้าวอ่ นบ้างรอ่ นเรียง ทีไ่ ร้คู่อยเู่ ดียวก็เทย่ี วร้อง ประสานซ้องสกณุ าภาษาเสยี ง กินปลเี ปล้าเขาไฟจบั ไมเ้ รยี ง กรอดเคยี งคู่กรอดแล้วพลอดเพลิน รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่อื งท่ี ๙ นริ าศเมอื งเพชร (เมอื งเพช็ ร)์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๙๕ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม รอกกระแตแลโลดกระโดดแล่น กระต่ายเต้นตามลาเนาภูเขาเขนิ ท่ีทงุ่ กว้างกลางหนเห็นคนเดนิ หาบนา้ ตาลคานเยิ่นหยอกเอินกนั ทั้งล้อเกวยี นเดยี รดาษดูกลาดเกล่ือน ทกุ ถ่นิ เถ่ือนทงุ่ แถวแพ้วจงั หัน โสมนัสทศั นาจนสายณั ห์ แลว้ พากันเข้าในถา้ น่าสาราญ มีพระไสยาสนพ์ ระบาทเหยยี ด คนมนั เบยี ดเบยี นขุดสุดสงสาร พระทรวงพังทั้งพระเพลาก็ร้าวราน โอช้ าวบา้ นชา่ งไม่สร้างข้นึ บา้ งเลย ทัง้ ผนงั พงั ทบั อยู่กบั ถ้า โอน้ ึกนา้ ตาตกเจยี วอกเอ๋ย ดูวา้ งเว้ิงเชิงพนมน่าชมเชย ตา่ งแหงนเงยชมฉง้อนก้อนศิลา เปนลดหลั่นชั้นช่องมหี อ้ งหับ แลสลับเล่ือมคลา้ ยลายเลขา กลางคิรินหนิ ห้อยย้อยระย้า ดาษดาดูดดู ังพู่พวง ฉะเชน่ น้มี ีฤทธจ์ิ ะคิดช้อน เอาสงิ ขรเขา้ ไปต้ังรมิ วงั หลวง เห็นหนุ่มสาวชาวบรุ นิ สน้ิ ท้ังปวง จะแหนหวงห้องหบั ถงึ จับกุม เขาต้ังอ่างกลางถา้ มนี ้ายอ้ ย ดูผอยผอยเผาะลงท่ตี รงหลมุ เปนไคลคลา้ นา้ แท่งกลบั แขงคุม เปนหนิ หมุ้ อ่างอิฐสนทิ ดี แล้วเดนิ ดูภผู าศิลาเลอื่ ม บ้างงอกเง้ือมเงาระยับสลับสี เปนห้องน้อยรอยหนังสือลายมอื มี คดิ ถึงปเี มอ่ื เปนบ้าเคยมานอน ชมลกู จันทนก์ ล่ันกลน่ิ ระรนิ ร่ืน จนเทย่ี งคืนแขนซา้ ยกลายเปนหมอน เหน็ ห้องหินศลิ ลาน่าอาวรณ เคยกล่าวกลอนกลอ่ มชา้ โอ้ชาตรี พอจวนรงุ่ ฝูงนกวิหคร้อง เรไรซ้องเสียงจงั หรีดดงั ดีดสี คดิ คนงึ ถึงตวั กลัวต้องตี ต่อช้าปีจึงค่อยวายฟายน้าตา โอ้ยามยากจากบรุ ินมาถ่นิ เถ่ือน ไมม่ ีเรือนแรมอย่ใู นคหู า เดือนสวา่ งต่างไตเ้ มื่อไสยา แผน่ ศิลาตา่ งฟูกกระดูกเย็น ยงั รนิ รินกลนิ่ กลน่ั จนั ทนก์ ระแจะ เหมอื นจะแนะนาจติ รให้คดิ เห็น เหลือราฦกนึกนา่ น้าตากระเด็น โอจ้ าเปนเปนกรรมจงึ จาไกล รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๙ นริ าศเมอื งเพชร (เมอื งเพ็ชร)์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304