148 หนว่ ย ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั ที่ /ตวั ชว้ี ัด (ชวั่ โมง) คะแนน ว 3.2 ม2/1,ม2/2, ประโยชนพ์ ้ืนที่ 6 ม 2/3 - หลุมยุบ คือ แอ่งหรือหลุมบนแผ่นดิน ขนาดต่าง ๆที่อาจเกิดจากการถล่มของ โพรงถ้ำหินปูนเกลือหินใต้ดิน หรือเกิด จากน้ำพัดพาตะกอนลงไปในโพรงถ้ำ หรอื ธารนำ้ ใตด้ นิ - แผ่นดินทรุดเกิดจากการยุบตัวของชนั้ ดิน หรือหินร่วน เมื่อมวลของแข็งหรือ ของเหลวปริมาณมากที่รองรับอยู่ใต้ชั้น ดินบริเวณนั้นถูกเคลื่อนย้ายออกไปโดย ธรรมชาตหิ รอื โดยการกระทำของมนุษย์ 7 ทรพั ยากรพลงั งาน - เชอื้ เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์ เกิดจากการ 7 เปลี่ยนแปลงสภาพของซากสิ่งมีชีวิตใน อดีต โดยกระบวนการทางเคมีและ ธรณีวิทยา เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ไดแ้ ก่ ถา่ นหิน หินน้ำมนั และปิโตรเลยี ม ซึ่งเกิดจากวัตถุต้นกำเนิด และ สภาพแวดล้อมการเกิดทแ่ี ตกตา่ งกนั ทำ ให้ได้ชนิดของเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ทีม่ ีลกั ษณะ สมบตั ิ และการนำไป ใช้ประโยชน์แตกต่างกัน สำหรับ ปิโตรเลียมจะต้องมีการผ่านการกล่ัน ลำดับส่วนก่อนการใช้งานเพื่อให้ได้ ผ ล ิ ต ภ ั ณ ฑ ์ ท ี ่ เ ห ม า ะ ส ม ต ่ อ ก า ร ใ ช้ ประโยชน์เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เปน็ ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เนื่องจาก ต้องใช้เวลานานหลายล้านปีจึงจะ เกดิ ขน้ึ ใหมไ่ ด้ - การเผาไหม้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์จะทำให้ เกิดมลพิษทางอากาศซึ่งส่งผลกระทบ ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมนอกจากนี้ แก๊สบางชนิดที่เกิดจากการเผาไหม้ เชื้อเพลิง ซากดึกดำบรรพ์ เช่น แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด ์และไนตรัส ออกไซด์ ยังเป็นแก๊สเรือนกระจกซ่ึง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศ ของโลกรุนแรงขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้ เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ โดยคำนึงถึง ผลที่เกิดขึน้ ต่อสิ่งมีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม เช่น เลือกใชพ้ ลงั งานทดแทน หรอื
149 หน่วย ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนกั ที่ /ตัวชว้ี ัด (ช่วั โมง) คะแนน - เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์เป็นแหล่ง พลังงานที่สำคัญในกิจกรรมต่าง ๆ ของ มนุษย์ เนื่องจากเชื้อเพลิงซากดึกดำ บ ร ร พ ์ ม ี ป ร ิ ม า ณ จ ำ ก ั ด แ ล ะ ม ั ก เ พิ่ ม มลภาวะในบรรยากาศมากขึ้น จึงมีการ ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวลพลังงาน คล่นื พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ิภพพลังงาน ไฮโดรเจน ซึ่งพลังงานทดแทนแต่ละ ชนดิ จะมีข้อดีและข้อจำกดั ท่ีแตกตา่ งกนั รวมระหว่างภาค 60 70 ทดสอบกลางภาค 10 ทดสอบปลายภาค 20 รวมท้ังสนิ้ ตลอดภาคเรียน 60 100
150 โครงสร้างรายวิชา ว 23101 วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนท่ี 1 เวลาเรยี น 60 ชั่วโมง นำ้ หนกั 1.5 หน่วยกติ หน่วย ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นำ้ หนัก ท่ี /ตัวชีว้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน 1 พนั ธุศาสตร์ ว 1.3 ม3/1,ม3/2,ม3/3, - ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต 18 25 ม3/4, ม3/5,ม3/6, ม3/7, สามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีก ม.3/8 รุ่นหนึ่งได้ โดยมียีนเป็นหน่วยควบคุม ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม - โครโมโซมประกอบดว้ ย ดีเอน็ เอ และ โปรตนี ขดอยใู่ นนิวเคลยี ส ยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซมมีความสัมพันธ์ กัน โดยบางส่วนของดีเอ็นเอทำหน้าท่ี เปน็ ยนี ทก่ี ำหนดลกั ษณะของสิง่ มชี ีวิต - สิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซม 2 ชุด โครโมโซมที่เป็นคู่กันมีการเรียงลำดับ ของยีนบนโครโมโซมเหมอื นกันเรียกว่า ฮอมอโลกัสโครโมโซม ยีนหนึ่งที่อยู่บน คู่ฮอมอโลกัสโครโมโซม อาจมีรูปแบบ แตกต่างกนั เรียกแต่ละรปู แบบของยีน ที่ต่างกันนี้ว่าแอลลีล ซึ่งการเข้าคู่กัน ของแอลลีลต่าง ๆ อาจส่งผลทำให้ สิ่งมีชวี ิตมีลกั ษณะท่แี ตกตา่ งกันได้ -ส่ิงมชี ีวติ แต่ละชนดิ มจี ำนวนโครโมโซม คงที่ มนุษย์มีจำนวนโครโมโซม 23 คู่ เปน็ ออโตโซม 22 คู่ และโครโมโซมเพศ 1 คู่ เพศหญิงมีโครโมโซมเพศเป็น XX เพศชายมโี ครโมโซมเพศเป็น XY - เมนเดลไดศ้ ึกษาการถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธกุ รรมของตน้ ถ่วั ชนดิ หน่งึ และ นำมาสู่หลักการพื้นฐานของการ ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของ สง่ิ มีชีวติ - สิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็น 2 ชุด ยีน แ ต ่ ล ะ ต ำ แ ห น ่ ง บ น ฮ อ ม อ โ ล กั ส โครโมโซมมี ๒ แอลลลี โดยแอลลลี หนงึ่ มาจากพ่อ และอีกแอลลีลมาจากแม่ ซึ่งอาจมีรูปแบบเดียวกัน หรือแตกต่าง กันแอลลีลที่แตกตา่ งกันน้ี แอลลีลหนง่ึ อาจมีการแสดงออกข่มอีกแอลลีลหนึ่ง ได้ เรียกแอลลีลนั้นว่าเป็นแอลลีลเด่น ส่วนแอลลีลที่ถูกข่มอย่างสมบูรณ์ เรยี กว่าเป็นแอลลีลดอ้ ย
151 หน่วย ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้ำหนัก ที่ /ตัวช้วี ัด (ชวั่ โมง) คะแนน - เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ แอลลีล ท ี ่ เ ป ็ น ค ู ่ ก ั น ใ น แ ต ่ ล ะ ฮ อ ม อ โ ล กั ส โครโมโซมจะแยกจากกันไปสู่เซลล์ สืบพันธุ์แต่ละเซลล์ โดยแต่ละเซลล์ สืบพันธุ์จะได้รับเพียง 1 แอลลีล และ จ ะ ม า เ ข ้ า ค ู ่ ก ั บ แ อ ล ล ี ล ท ี ่ ต ำ แ ห น่ ง เดียวกันของอีกเซลล์สืบพันธุ์หนึ่งเม่ือ เกิดการปฏิสนธิ จนเกิดเป็นจีโนไทป์ และแสดงฟโี นไทปใ์ นรนุ่ ลูก - กระบวนการแบ่งเซลลข์ องสิง่ มชี ีวิตมี 2 แบบ คอื ไมโทซิส และไมโอซสิ - ไมโทซิส เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพ่ิม จำนวนเซลล์ร่างกาย ผลจากการแบ่ง จะได้เซลลใ์ หม่ 2 เซลลท์ ่ีมีลกั ษณะและ จำนวนโครโมโซมเหมอื นเซลล์ ต้ังต้น - ไมโอซิส เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้าง เซลล์สืบพันธุ์ผลจากการแบ่งจะได้ เซลลใ์ หม่ 4 เซลล์ ท่มี ีจำนวนโครโมโซม เป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์ตั้งต้นเมื่อเกิด การปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ ลูกจะ ได้รับการถ่ายทอดโครโมโซมชุดหนึ่ง จากพ่อและอีกชุดหนึ่งจากแม่ จึงเป็น ผลให้รุ่นลูกมีจำนวนโครโมโซมเท่ากับ รุ่นพ่อแมแ่ ละจะคงทใ่ี นทกุ ๆ รุ่น - การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือ โครโมโซม ส่งผลให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรม ของสิ่งมีชีวิต เช่น โรคธาลัสซีเมียเกิด จากการเปลี่ยนแปลงของยีน กลุ่ม อาการดาวน์เกิดจากการเปลี่ยนแปลง จำนวนโครโมโซม - โรคทางพันธุกรรมสามารถถ่ายทอด จากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ ดังนั้นก่อน แต่งงานและมีบุตรจึงควรป้องกันโดย การตรวจและวินิจฉัยภาวะเสี่ยงจาก การถ่ายทอดโรคทางพนั ธกุ รรม - มนุษย์เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของ สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ เพื่อให้ได้ สิ่งมีชีวิตท่ีมีลักษณะตามต้องการ เรียก สิ่งมีชีวิตนี้ว่า สิ่งมีชีวิตดัดแปร พันธกุ รรม
152 หนว่ ย ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนกั ที่ /ตัวชวี้ ดั (ช่วั โมง) คะแนน ว 2.3 ม3/10,ม3/11, - ในปัจจุบันมนุษย์มีการใช้ประโยชน์ 25 ม3/12,ม3/13, ม3/14, ม3/15, ม3/16,ม3/17, จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมเป็น ม3/18,ม3/19,ม3/20, ม3/21 จำนวนมาก เช่น การผลิตอาหาร การ ผลิตยารักษาโรค การเกษตร อย่างไรก็ ด ี ส ั ง ค ม ย ั ง ม ี ค ว า ม ก ั ง ว ล เ ก ี ่ ย ว กั บ ผลกระทบของสิ่งมีชีวิตดัดแปร พันธุกรรมที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ซึ่งยังทำการติดตามศึกษา ผลกระทบดังกลา่ ว 2 คล่ืนและแสง - คลื่นเกิดจากการส่งผ่านพลังงานโดย 23 อาศัยตัวกลางและไม่อาศัยตวั กลาง ใน คลื่นกล พลังงานจะถูกถ่ายโอนผ่าน ตัวกลางโดยอนุภาคของตัวกลางไม่ เคลื่อนที่ไปกับคลื่น คลื่นที่แผ่ออกมา จากแหล่งกำเนิดคลื่นอย่างต่อเนื่อง และมีรูปแบบที่ซ้ำกัน บรรยายได้ด้วย ความยาวคลื่น ความถ่แี อมพลจิ ูด - คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคลื่นที่ไม่ อาศัยตวั กลางในการเคล่ือนท่ี มคี วามถี่ ต่อเนื่องเป็นช่วงกว้างมากเคลื่อนที่ใน สุญญากาศด้วยอัตราเร็วเท่ากันแต่จะ เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วต่างกันใน ตัวกลางอื่นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบ่ง ออกเป็นช่วงความถี่ต่าง ๆเรียกว่า สเปกตรมั ของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าแตล่ ะ ช่วงความถี่มีชื่อเรียกต่างกัน ได้แก่ คลื่นวิทยุไมโครเวฟ อินฟราเรด แสงท่ี มองเห็น อัลตราไวโอเลตรังสีเอกซแ์ ละ รังสีแกมมา ซึ่งสามารถนำไปใช้ ประโยชนไ์ ด้ - เลเซอร์เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มี ความยาวคลื่นเดียว เป็นลำแสงขนาน และมีความเข้มสูง นำไปใช้ประโยชน์ ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการสื่อสารมี การใช้เลเซอร์สำหรับส่งสารสนเทศ ผ่านเส้นใยนำแสง โดยอาศัยหลักการ การสะท้อนกลับหมดของแสง ด้าน การแพทยใ์ ช้ในการผา่ ตดั - คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านอกจากจะ สามารถนำไปใช้ประโยชน์แล้ว ยังมี โทษต่อมนุษย์ดว้ ย เช่นถ้ามนุษย์ไดร้ บั
153 หนว่ ย ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนัก ท่ี /ตวั ชวี้ ดั (ชัว่ โมง) คะแนน และอวัยวะได้อาจทำลายเนื้อเยื่อหรือ อาจทำให้เสียชีวิตได้เมื่อได้รับรังสี แกมมาในปริมาณสงู - เมื่อแสงตกกระทบวัตถุจะเกิดการ สะท้อนซึ่งเป็นไปตามกฎการสะท้อน ของแสง โดยรังสีตกกระทบเส้นแนว ฉาก รังสีสะท้อนอยู่ในระนาบเดียวกัน และมุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน ภาพจากกระจกเงาเกิดจากรงั สีสะท้อน ตัดกนั หรือต่อแนวรงั สสี ะท้อนให้ตัดกัน โดยถ้ารังสีสะท้อนตัดกันจริงจะเกิด ภาพจริง แต่ถ้าต่อแนวรังสีสะท้อนให้ ไปตัดกัน จะเกดิ ภาพเสมือน - เมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลางโปร่งใส ที่แตกต่างกัน เช่น อากาศและน้ำ อากาศและแก้ว จะเกิดการหักเห หรือ อาจเกิดการสะท้อนกลับหมดใน ตัวกลางที่แสงตกกระทบ การหักเห ของแสงผ่านเลนส์ทำให้เกิดภาพที่มี ชนดิ และขนาดตา่ ง ๆ - แสงขาวประกอบด้วยแสงสีต่าง ๆ เมื่อแสงขาวผ่านปริซึมจะเกิดการ กระจายแสงเป็นแสงสีต่าง ๆเรียกว่า สเปกตรัมของแสงขาว เมื่อเคลื่อนทีใ่ น ตัวกลางใด ๆ ที่ไม่ใช่อากาศ จะมี อตั ราเรว็ ต่างกนั จงึ มกี ารหกั เหต่างกนั - การสะท้อนและการหักเหของแสง นำไปใชอ้ ธบิ ายปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวกับ แสง เช่น รุ้ง มิราจ และอธิบายการ ทำงานของทัศนอุปกรณ์ เช่น แว่น ขยายกระจกโค้งจราจร กล้อง โทรทรรศน์ กล้องจุลทรรศน์ และแว่น สายตา - ในการมองวัตถุ เลนส์ตาจะถูกปรับ โฟกัส เพอ่ื ให้เกดิ ภาพชัดที่จอตา ความ บกพร่องทางสายตาเช่น สายตาสั้น และสายตายาว เป็นเพราะตำแหน่งท่ี เกิดภาพไมไ่ ด้อยู่ท่ีจอตาพอดี จงึ ต้องใช้ เลนส์ในการแก้ไขเพื่อช่วยให้มองเห็น เหมอื นคนสายตาปกติ โดยคนสายตา
154 หน่วย ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนกั ที่ /ตวั ช้วี ดั (ช่ัวโมง) คะแนน ว 3.1 ม3/1,ม3/2, - ความสว่างของแสงมีผลต่อดวงตา 20 ม3/3,ม3/4 มนุษย์ การใช้สายตาในสภาพแวดล้อม ที่มีความสว่างไม่เหมาะสมจะเป็น อันตรายต่อดวงตา เช่น การดูวัตถุในท่ี มีความสว่างมากหรือน้อยเกินไป การ จ้องดูหน้าจอภาพเป็นเวลานาน ความ สว่างบนพื้นที่รับแสงมีหน่วยเป็นลักซ์ ความรู้เกี่ยวกับความสว่างสามารถ นำมาใช้จัดความสว่างให้เหมาะสมกับ การทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจัด ความสว่างที่เหมาะสมสำหรับการอ่าน หนงั สือ 3 ระบบสรุ ิยะของเรา - ในระบบสุริยะมีดวงอาทิตย์เป็น 19 ศนู ยก์ ลางโดยมีดาวเคราะห์และบริวาร ดาวเคราะห์แคระดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และอืน่ ๆ เช่น วตั ถุคอยเปอร ์ โคจรอยู่โดยรอบ ซึ่งดาวเคราะห์ และ วัตถุเหล่านี้โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วย แรงโน้มถ่วงแรงโน้มถ่วงเป็นแรงดึงดูด ระหว่างวัตถุสองวัตถุโดยเป็นสัดส่วน กับผลคูณของมวลทั้งสอง และเป็น สัดส่วนผกผันกับกำลังสองของ ระยะทางระหว่างวัตถุทั้งสอง แสดงได้ โดยสมการ F = (Gm1m2)/r2เมื่อ F แทนความโน้มถ่วงระหว่างมวลทั้งสอง G แทนค่านิจโน้มถ่วงสากล m1 แทน มวลของวัตถุแรก m2 แทนมวลของ วัตถุที่สอง และr แทนระยะห่าง ระหว่างวัตถทุ งั้ สอง - การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ใน ลักษณะที่แกนโลกเอียงกับแนวตั้งฉาก ของระนาบทางโคจรทำให้ส่วนต่าง ๆ บนโลกได้รับปริมาณแสงจากดวง อาทิตย์แตกต่างกันในรอบปี เกิดเป็น ฤดูกลางวนั กลางคืนยาวไมเ่ ทา่ กนั และ ตำแหน่งการขึน้ และตกของดวงอาทิตย์ ที่ขอบฟ้าและเส้นทางการขึ้นและตก ของดวงอาทิตย์เปลี่ยนไปในรอบปี ซ่ึง ส่งผลตอ่ การดำรงชวี ติ - ดวงจันทร์โคจรรอบโลก โลกและดวง จันทรโ์ คจรรอบดวงอาทติ ย์ ดวงจันทร์
155 หน่วย ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนัก ที่ /ตัวชว้ี ัด (ชว่ั โมง) คะแนน ของดวงจันทร์แตกต่างไปในแต่ละวัน เกิดเปน็ ขา้ งขนึ้ ขา้ งแรม - ดวงจันทร์โคจรรอบโลกในทิศทาง เดียวกันกบั ท่โี ลกหมนุ รอบตัวเอง จึงทำ ให้เห็นดวงจันทร์ขึ้นช้าไปประมาณวัน ละ 50 นาที - แรงโน้มถ่วงที่ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ กระทำต่อโลกทำให้เกิดปรากฏการณ์ น้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตบนโลก วันที่น้ำมีระดับ การขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุดเรียก วันน้ำ เกิดส่วนวันที่ระดับน้ำมีการขึ้นและลง น้อยเรียกวันน้ำตาย โดยวันน้ำเกิด น้ำ ตาย มคี วามสัมพนั ธก์ ับข้างข้นึ ขา้ งแรม - เทคโนโลยอี วกาศได้มีบทบาทต่อการ ดำรงชีวิตของมนุษย์ใน ปัจจุบัน มากมาย มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยีอวกาศ เช่น ระบบนำทาง ดว้ ยดาวเทยี ม (GNSS) การตดิ ตามพายุ สถานการณ์ไฟป่า ดาวเทียมช่วยภัย แล้งการตรวจคราบน้ำมนั ในทะเล - โครงการสำรวจอวกาศต่าง ๆ ได้ พัฒนาเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจต่อ โลก ระบบสุริยะและเอกภพมากขึ้น เป็นลำดับ ตัวอย่างโครงการสำรวจ อวกาศเช่น การสำรวจสิ่งมีชีวิตนอก โลก การสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบ สุรยิ ะ การสำรวจดาวองั คารและบรวิ าร อ่นื ของดวงอาทิตย์ รวมระหว่างภาค 60 70 ทดสอบกลางภาค 10 ทดสอบปลายภาค 20 รวมทั้งสิ้นตลอดภาคเรยี น 60 100
156 โครงสรา้ งรายวชิ า ว 23103 วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 2 เวลาเรียน 60 ชั่วโมง นำ้ หนัก 1.5 หน่วยกติ หน่วย ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั ท่ี /ตัวช้ีวัด (ชัว่ โมง) คะแนน 4 ปฏิกิริยาเคมีและวัสด ุใน ว 2.1 ม.3/1 , ม.3/2 , • พอลเิ มอร์ เซรามิก และวัสดผุ สม เป็น 20 25 ชวี ิตประจำวนั ม.3/3 , ม.3/4 , ม.3/5 , วสั ดุทใี่ ชม้ ากในชวี ติ ประจำวัน ม.3/6 , ม.3/7 , ม.3/8 • พอลิเมอร์เป็นสารประกอบโมเลกุล ใหญ่ที่เกิดจากโมเลกุลจำนวนมาก รวมตัวกันทางเคมีเช่น พลาสติก ยาง เส้นใย ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ที่มีสมบัติ แตกต่างกัน โดยพลาสติกเป็นพอลิ เมอร์ท่ีขึ้นรูปเปน็ รูปทรงตา่ ง ๆ ได้ ยาง ยืดหยุ่นได้ส่วนเส้นใยเป็นพอลิเมอร์ท่ี สามารถดึงเป็นเส้นยาวได้พอลิเมอร์จงึ ใช้ประโยชน์ได้แตกตา่ งกัน • เซรามิกเป็นวัสดุที่ผลิตจาก ดิน หิน ทราย และแรธ่ าตตุ า่ ง ๆ จากธรรมชาติ และส่วนมากจะผ่านการเผาที่อุณหภูมิ สูง เพือ่ ให้ไดเ้ นอ้ื สารท่แี ขง็ แรง เซรา มิกสามารถทำเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้ สมบัติทั่วไปของเซรามิกจะแข็ง ทนต่อ การสึกกร่อนและเปราะ สามารถ นำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่นภาชนะที่เปน็ เครือ่ งปัน้ ดนิ เผา ช้นิ สว่ นอิเล็กทรอนกิ ส์ • วสั ดผุ สมเปน็ วัสดุที่เกดิ จากวัสดตุ ้ังแต่ 2 ประเภทที่มีสมบัติแตกต่างกันมา รวมตัวกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ มากขึ้น เช่น เสื้อกันฝนบางชนิดเป็น วัสดุผสมระหว่างผ้ากับยาง คอนกรีต เสริมเหล็กเป็นวัสดุผสมระหว่าง คอนกรีตกับเหลก็ • วัสดุบางชนิดสลายตัวยาก เช่น พลาสติก การใช้วัสดุอย่างฟุ่มเฟือย และไม่ระมัดระวังอาจก่อปัญหาต่อ สง่ิ แวดล้อม • การเกิดปฏิกิริยาเคมีหรือการ เปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร เป็นการ เปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดสารใหม่ โดยสารท่ีเข้าทำปฏิกริ ิยา เรียกว่า สาร ตั้งต้นสารใหม่ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยา เรียกวา่ ผลติ ภณั ฑก์ ารเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี
157 หนว่ ย ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นำ้ หนกั ท่ี /ตวั ชวี้ ดั (ชัว่ โมง) คะแนน • การเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี อะตอมของสาร ตั้งต้นจะมีการจัดเรียงตัวใหม่ ได้เป็น ผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีสมบัติแตกต่างจากสาร ตั้งต้น โดยอะตอมแต่ละชนิดก่อนและ หลังเกิดปฏิกิริยาเคมีมจี ำนวนเท่ากนั • เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมี มวลรวมของ สารตั้งต้นเท่ากับมวลรวมของ ผลิตภัณฑ์ ซึง่ เปน็ ไปตามกฎทรงมวล • เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมี มีการถ่ายโอน ความร้อนควบคู่ไปกับการจัดเรียงตัว ใหม่ของอะตอมของสารปฏิกิริยาที่มี การถ่ายโอนความร้อนจากสิ่งแวดล้อม เข้าสู่ระบบเป็นปฏิกิริยาดูดความร้อน ปฏกิ ริ ิยาที่มีการถา่ ยโอนความร้อนจาก ระบบออกสู่สิ่งแวดล้อมเป็นปฏิกิริยา คายความร้อน โดยใช้เครื่องมือที่ เหมาะสมในการวัดอุณหภูมิ เช่นเทอร์ มอมิเตอร์ หัววัดที่สามารถตรวจสอบ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้อย่าง ตอ่ เน่ือง • ปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวันมี หลายชนิดเช่น ปฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดสนิมของเหล็กปฏิกิริยาของ กรดกับโลหะ ปฏิกิริยาของกรดกับเบส ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ การเกิดฝน กรดการสังเคราะห์ด้วยแสง ปฏิกิริยา เคมีสามารถเขียนแทนได้ด้วยสมการ ข้อความ ซ่ึงแสดงชื่อของสารตั้งต้น และผลติ ภณั ฑ์ เช่น เชื้อเพลิง + ออกซิเจน → คาร์บอนไดออกไซด์ + นำ้ ปฏิกิริยาการเผาไหม้เป็นปฏิกิริยา ระหว่างสารกับออกซิเจน สารที่ เกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้ส่วนใหญ่เป็น สารประกอบที่มีคาร์บอนและ ไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ ซึ่งถ้าเกิด การเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ จะได้ ผลิตภัณฑเ์ ป็นคาร์บอนไดออกไซดแ์ ละ นำ้
158 หนว่ ย ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด เวลา นำ้ หนัก ท่ี /ตวั ชวี้ ดั (ช่วั โมง) คะแนน • ปฏิกริ ิยาการเผาไหมแ้ ละการเกิดสนมิ ของเหล็กเป็นปฏิกิริยาระหว่างสารต่าง ๆ กบั ออกซเิ จน • ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะ กรดทำ ปฏิกิริยากับโลหะได้หลายชนิด ได้ ผลิตภัณฑ์เป็นเกลือของโลหะและแกส๊ ไฮโดรเจน • ปฏิกิริยาของกรดกับสารประกอบ คาร์บอเนตได้ผลิตภัณฑ์เป็นแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์เกลือของโลหะ และนำ้ • ปฏิกิริยาของกรดกับเบส ได้ ผลิตภัณฑ์เป็นเกลือของโลหะและน้ำ หรืออาจไดเ้ พยี งเกลือของโลหะ • ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะบางชนิด ไดผ้ ลิตภณั ฑเ์ ปน็ เกลือของเบสและแกส๊ ไฮโดรเจน • การเกิดฝนกรด เป็นผลจากปฏิกิริยา ระหว่างน้ำฝนกับออกไซด์ของ ไนโตรเจน หรือออกไซด์ของซัลเฟอร์ ทำให้น้ำฝนมีสมบัติเปน็ กรด • การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช เป็น ป ฏ ิ ก ิ ร ิ ย า ร ะ ห ว ่ า ง แ ก๊ ส คาร์บอนไดออกไซด์กับน้ำ โดยมีแสง ช่วยในการเกิดปฏิกิริยา ได้ผลิตภัณฑ์ เป็นนำ้ ตาลกลโู คสและออกซเิ จน • ปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวันมี ทั้งประโยชน์และโทษต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม จึงต้องระมัดระวังผลจาก ปฏิกิริยาเคมี ตลอดจนรู้จักวิธีป้องกัน และแก้ปัญหาทีเ่ กิดจากปฏิกริ ิยาเคมีท่ี พบในชวี ิตประจำวนั • ความร้เู ก่ียวกบั ปฏกิ ิรยิ าเคมี สามารถ นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และสามารถบูรณาการกบั คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวศิ วกรรมศาสตร์เพอื่ ใช้ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตาม ต้องการหรืออาจสร้างนวัตกรรมเพื่อ ป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจาก ปฏิกิริยาเคมี โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับ ปฏกิ ิริยาเคมี เช่น การเปล่ยี นแปลง
159 หน่วย ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนกั ที่ /ตวั ชวี้ ัด (ช่ัวโมง) คะแนน 5 ไฟฟา้ ว 2.3 ม.3/1 , ม.3/2 , • เมื่อต่อวงจรไฟฟ้าครบวงจรจะมี 22 23 ม.3/3 , ม.3/4 , ม.3/5 , ม.3/6 , ม.3/7 , ม.3/8 , กระแสไฟฟ้าออกจากขั้วบวกผ่าน ม.3/9 วงจรไฟฟา้ ไปยงั ขัว้ ลบของแหล่งกำเนิด ไฟฟ้า ซึ่งวัดค่าไดจ้ ากแอมมเิ ตอร์ • ค่าที่บอกความแตกต่างของพลังงาน ไฟฟ้าต่อหน่วยประจุระหว่างจุด 2 จุด เรียกว่า ความต่างศกั ย์ ซึ่งวัดค่าได้จาก โวลตม์ ิเตอร์ • ขนาดของกระแสไฟฟ้ามีค่าแปรผัน ตรงกับความต่างศักย์ระหว่างปลายทั้ง สองของตัวนำโดยอัตราส่วนระหว่าง ความต่างศักย์และกระแสไฟฟ้ามี ค่าคงที่ เรียกค่าคงที่นี้ว่า ความ ตา้ นทาน • ในวงจรไฟฟ้าประกอบด้วย แหล่งกำเนิดไฟฟ้าสายไฟฟ้า และ อุปกรณ์ไฟฟ้า โดยอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละ ชิ้นมีความต้านทาน ในการต่อตัว ต้านทานหลายตวั มีทั้งต่อแบบอนุกรม และแบบขนาน • การต่อตัวต้านทานหลายตัวแบบ อนุกรมในวงจรไฟฟ้า ความต่างศักย์ท่ี คร่อมตัวต้านทานแต่ละตัวมีค่าเท่ากับ ผลรวมของความต่างศักย์ที่คร่อมตัว ต้านทานแต่ละตัว โดยกระแสไฟฟ้าท่ี ผ่านตัวต้านทานแต่ละตวั มีคา่ เท่ากนั • การต่อตัวต้านทานหลายตัวแบบ ขนานในวงจรไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ที่ ผ่านวงจรมีค่าเท่ากับผลรวมของ กระแสไฟฟ้าที่ผ่านตัวต้านทานแต่ละ ต ั ว โ ด ย ค ว า ม ต ่ า ง ศั ก ย ์ ท ี ่ ค ร ่ อ ม ตั ว ตา้ นทานแต่ละตวั มีคา่ เทา่ กัน • ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีหลายชนิด เช่น ตัวต้านทานไดโอด ทรานซิสเตอร์ ตัวเก็บประจุ โดยชิ้นส่วนแต่ละชนิดทำ หน้าที่แตกต่างกันเพื่อให้วงจรทำงาน ไดต้ ามตอ้ งการ • ตัวต้านทานทำหน้าที่ควบคุมปริมาณ กระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอดทำ หน้าที่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านทางเดียว ทรานซสิ เตอร์ทำหน้าท่เี ป็นสวติ ชป์ ดิ
160 หนว่ ย ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนกั ที่ /ตวั ชีว้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน • เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ อย่างง่ายประกอบด้วย 18 22 ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หลายชนิดท่ี ทำงานร่วมกันการต่อวงจร อิเล็กทรอนิกส์โดยเลือกใช้ชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสมตามหน้าท่ี ของชิ้นส่วนนั้น ๆ จะสามารถทำให้ วงจรไฟฟา้ ทำงานได้ตามต้องการ • เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าจะมีคา่ กำลังไฟฟ้าและ ความต่างศักย์กำกับไว้ กำลังไฟฟ้ามี หน่วยเป็นวัตต์ ความต่างศักย์มีหน่วย เป็นโวลต์ ค่าไฟฟ้าส่วนใหญ่คิดจาก พลงั งานไฟฟา้ ทใ่ี ช้ทง้ั หมด ซงึ่ หาได้จาก ผลคูณของกำลังไฟฟ้า ในหน่วย กิโลวัตต์ กับเวลาในหน่วยชั่วโมง พลังงานไฟฟ้ามีหน่วยเป็นกิโลวัตต์ ชวั่ โมง หรอื หนว่ ย • ว ง จ ร ไ ฟ ฟ ้ า ใ น บ ้ า น ม ี ก า ร ต่ อ เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบขนานเพื่อให้ความ ต่างศักย์เท่ากัน การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ในชี วิ ต ป ร ะ จ ำวั นต ้ องเ ลื อกใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความต่างศักย์และ กำลังไฟฟ้าให้เหมาะกับการใช้งาน และการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ไฟฟ้าต้องใช้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และประหยัด 6 ระบบนิเวศและความ ว 1.1 ม.3/1 , ม.3/2 , • ร ะ บ บ น ิ เ ว ศ ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย หลากหลายทางชวี ภาพ ม.3/3 , ม.3/4 , ม.3/5 , องค์ประกอบที่มีชีวิตเช่น พืช สัตว์ ม.3/6 จุลินทรีย์ และองค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต เช่น แสง น้ำ อุณหภูมิ แร่ธาตุ แก๊ส ว 1.3 ม.3/9 , ม.3/10 , องค์ประกอบเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์กัน ม.3/11 เช่น พืชต้องการแสง น้ำ และแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ในการสร้างอาหาร สัตว์ต้องการอาหาร และ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการ ดำรงชีวิต เช่นอุณหภูมิ ความชื้น องค์ประกอบทั้งสองส่วนนี้จะต้องมี ความสัมพันธ์กันอย่างเหมาะสมระบบ นิเวศจงึ จะสามารถคงอยตู่ ่อไปได้ • สิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตมีความสัมพันธ์ กันในรปู แบบตา่ ง ๆ เช่น ภาวะพึ่งพา
161 หนว่ ย ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนัก ท่ี /ตวั ชวี้ ดั (ชวั่ โมง) คะแนน • กลุ่มสิ่งมีชีวิตประกอบด้วยประชากร ของสิ่งมีชีวิตหลาย ๆ ชนิด อาศัยอยู่ รว่ มกันในแหล่งทอ่ี ยู่เดยี วกนั • กลุ่มสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศแบ่งตาม หน้าที่ได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ สิ่งมีชีวิตทั้ง 3 กลุ่มนี้ มีความสัมพันธ์ กนั ผ้ผู ลติ เป็นสิง่ มีชวี ติ ทส่ี ร้างอาหารได้ เอง โดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วย แสงผบู้ ริโภค เป็นสิ่งมชี ีวิตทไี่ ม่สามารถ สร้างอาหารได้เอง และต้องกินผู้ผลิต หรือสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร เมื่อผู้ผลติ และผู้บริโภคตายลง จะถูกย่อยโดยผู้ ย่อยสลายสารอินทรีย์ซึ่งจะเปลี่ยน สารอินทรยี เ์ ป็นสารอนินทรีย์กลับคืนสู่ สิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการหมุนเวียน สารเป็นวฏั จกั ร จำนวนผผู้ ลิต ผู้บรโิ ภค และผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์จะต้องมี ความเหมาะสม จึงทำให้กลุ่มสิ่งมีชีวิต อยู่ไดอ้ ย่างสมดุล • พลังงานถูกถ่ายทอดจากผู้ผลิตไปยัง ผู้บริโภคลำดับต่าง ๆ รวมทั้งผู้ย่อย สลายสารอินทรีย์ในรูปแบบสายใย อาหาร ทปี่ ระกอบดว้ ย โซ่อาหารหลาย โซ่ที่สัมพันธ์กัน ในการถ่ายทอด พลังงานในโซ่อาหาร พลังงานที่ถูก ถา่ ยทอดไปจะลดลงเร่อื ย ๆ ตามลำดับ ของการบริโภค • การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ อาจทำใหม้ สี ารพิษสะสมอยใู่ นส่งิ มีชีวิต ได้ จนอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อ สิ่งมีชีวิต และทำลายสมดุลในระบบ นิเวศ ดังนั้นการดูแลรักษาระบบนิเวศ ให้เกิดความสมดุล และคงอยู่ตลอดไป จึงเปน็ สง่ิ สำคัญ • มนุษย์เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของ สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ เพื่อให้ได้ สิ่งมชี ีวิตที่มีลักษณะตามต้องการ เรียก สิ่งมีชีวิตนี้ว่า สิ่งมีชีวิตดัดแปร พันธกุ รรม
162 หน่วย ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นำ้ หนกั ที่ /ตวั ช้วี ัด (ชว่ั โมง) คะแนน ผลกระทบของสิ่งมีชีวิตดัดแปร พันธุกรรมที่มีต่อสิ่งมีชีวิตละ สิ่งแวดล้อม ซึ่งยังทำการติดตามศึกษา ผลกระทบดังกลา่ ว • ความหลากหลายทางชีวภาพ มี 3 ระดับ ได้แก่ความหลากหลายของ ระบบนิเวศ ความหลากหลายของชนดิ สิ่งมีชีวิต และความหลากหลายทาง พันธุกรรม ความหลากหลายทาง ชีวภาพนี้มีความสำคัญต่อการรักษา สมดุลของระบบนิเวศระบบนิเวศที่มี ความหลากหลายทางชีวภาพสูงจะ รักษาสมดุลได้ดีกว่าระบบนิเวศที่มี ความหลากหลายทางชีวภาพต่ำกว่า นอกจากนี้ความหลากหลายทาง ชีวภาพยังมีความสำคัญต่อมนุษย์ใน ด้านต่าง ๆ เช่น ใช้เป็นอาหารยารักษา โรค วัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนในการ ดูแลรักษาความหลากหลายทาง ชวี ภาพใหค้ งอยู่ รวมระหว่างภาค 60 70 ทดสอบกลางภาค 10 ทดสอบปลายภาค 20 รวมท้ังสิน้ ตลอดภาคเรยี น 60 100
ว 11201 วิทยาการคำนวณ 163 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 โครงสรา้ งรายวิชา กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 40 ช่ัวโมง/ปี หน่วย ชื่อหน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั ที่ เรยี นรู้ ท่ีคาดหวัง (ชั่วโมง) คะแนน 1. เทคโนโลยี ขอ้ ที่ 4 เบื้องต้น ทุกวนั นม้ี คี นจำนวนมากนำอุปกรณ์เทคโนโลยี 10 18 มาใชง้ านในชีวิตประจำวนั มากขึ้นเรือ่ ย ๆ เพอื่ ตอบสนองความต้องการในดา้ นตา่ งๆ คอมพวิ เตอร์เปน็ อปุ กรณ์เทคโนโลยชี นดิ หนง่ึ ที่ ไดร้ บั ความนิยมซงึ่ ส่วนใหญจ่ ะนำมาช่วยใน การทำงาน 2. การแก้ปัญหา ข้อท่ี 1 ในชีวติ ประจำวัน เรามกั พบกับปัญหาตา่ งๆ 10 17 อยา่ งงา่ ย ข้อท่ี 2 เราจึงควรฝกึ คิดหาวธิ แี ก้ปัญหา เพื่อนำไปสู่ ขอ้ ท่ี 3 การปฏิบตั ิอยา่ งเป็นลำดับข้ันตอนเพื่อใช้ 3. การเขียน แกป้ ัญหาต่อไป โปรแกรม ขอ้ ท่ี 3 การประดิษฐ์อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี จะตอ้ งใช้การ 10 18 เบื้องตน้ เขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ เพ่ือสั่งงานให้อุปกรณ์ ต่างๆทำงานตามความตอ้ งการไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธภิ าพ 4. การใชเ้ ทคโนโลยี ข้อท่ี 5 เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทตอ่ สงั คมในหลายๆ 10 17 สารสนเทศอย่าง ปลอดภัย ดา้ น ขณะเดยี วกันก็อาจมผี ู้ไม่หวงั ดใี ชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศไปสร้างความเสยี หายให้แกผ่ ู้อ่ืน เราจึง ควรร้จู ักวธิ ีการใชง้ านอยา่ งปลอดภยั เพอื่ ป้องกัน อนั ตรายจากความเสียหายท่จี ะเกดิ ขึ้น 70 30 40 100
164 โครงสร้างรายวิชา ช่อื รายวิชา วิทยาการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั ว12201 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 เวลา 40 ช่ัวโมง หนว่ ย ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้ำหนัก ที่ ท่ีคาดหวงั (ชว่ั โมง) คะแนน ลำดับขั้นตอนการทำงานหรอื การแกป้ ัญหาอยา่ ง 1 การแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ว 4.2 ข้อ 1 งา่ ยโดยใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ หรือข้อความ 10 15 ขั้นตอน 2 การเขยี นโปรแกรม ว 4.2 ข้อ 2 - การเขยี นโปรแกรมเปน็ การสร้างลำดบั ของ 10 20 และตรวจหา คำสงั่ ให้ คอมพิวเตอร์ทำงาน ขอ้ ผดิ พลาด - การตรวจหาข้อผดิ พลาดทำไดโ้ ดยตรวจสอบ คำส่ังที่แจง้ ข้อผดิ พลาด หรือหากผลลพั ธไ์ ม่ เป็นไปตามทต่ี อ้ งการให้ ตรวจสอบการทำงานที ละคำส่ัง 3 การใชง้ านซอฟต์แวร์ ว 4.2 ขอ้ 3 - ใช้ซอฟต์แวร์เบ้ืองต้น เชน่ การเขา้ และออกจาก 10 20 และจัดระบบไฟลง์ าน โปรแกรม การสรา้ งไฟล์ การจัดเก็บ การเรยี กใช้ ไฟล์ การแก้ไขตกแตง่ เอกสาร ทำไดใ้ นโปรแกรม - สรา้ ง คดั ลอก ยา้ ย ลบ เปลยี่ นช่ือ จดั หมวดหมู่ ไฟล์ และโฟลเดอร์อย่างเป็นระบบจะทำให้ เรยี กใช้ ค้นหาข้อมูล ได้งา่ ยและรวดเร็ว 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในยุค ว 4.3 ข้อ 4 - การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย 10 15 ดิจทิ ลั อยา่ งปลอดภยั - ขอความชว่ ยเหลอื จากครูหรือผูป้ กครองเม่ือเกดิ ปัญหาจาก การใช้งาน เม่ือพบข้อมูลหรือบุคคลที่ ทำให้ไมส่ บายใจ - การปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงในการใช้อนิ เทอรเ์ น็ต จะทำให้ ไม่เกิดความเสยี หายต่อตนเองและผู้อื่น รวมระหว่างปี 70 ทดสอบปลายปี 30 รวมท้ังสิ้นตลอดปี 40 100
165 โครงสร้างรายวชิ า ชื่อรายวชิ า วิทยาการคำนวณ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัส ว13201 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 เวลา 40 ชว่ั โมง หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั 1 ทคี่ าดหวงั (ชัว่ โมง) คะแนน การใช้เทคโนโลยี - การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง สารสนเทศอย่าง ว 4.2 ข้อ 5 ปลอดภยั 8 10 ปลอดภยั - ขอความช่วยเหลือจากครหู รือผู้ปกครอง เม่อื เกิดปัญหาจาก การใช้งาน เมื่อพบ 4 10 2 ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ในการ ว 4.2 ข้อ 3 ขอ้ มลู หรือบุคคลท่ที ำให้ไม่สบายใจ ค้นหาความรู้ - การปฏบิ ัติตามข้อตกลงในการใช้ 8 15 อินเทอรเ์ นต็ จะทำให้ ไมเ่ กดิ ความเสยี หาย 3 รวบรวม ประมวลผล ว 4.2 ขอ้ 4 ต่อตนเองและผู้อื่น และ นำเสนอข้อมลู - ข้อดแี ละข้อเสียในการใช้เทคโนโลยี โดยใช้ ซอฟตแ์ วร์ตาม สารสนเทศและการสอ่ื สาร วัตถุประสงค์ - อินเทอร์เนต็ เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ ช่วยใหก้ ารตดิ ต่อส่ือสารทำได้สะดวกและ รวดเร็ว เป็นแหลง่ ข้อมูลความรทู้ ่ีชว่ ย ใน การเรียนและการดำเนินชวี ติ - เว็บเบราวเ์ ซอร์เปน็ โปรแกรมสำหรับอ่าน เอกสารบนเว็บเพจ - การสบื คน้ ข้อมลู บนอนิ เทอร์เน็ตทำได้ โดยใช้เว็บไซต์สำหรับสบื คน้ และต้อง กำหนดคำคน้ ท่ีเหมาะสมจงึ จะได้ขอ้ มลู ตามตอ้ งการ - ข้อมลู ความรู้ เช่น ขัน้ ตอนการทำอาหาร - การใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ อย่างปลอดภัยควรอยู่ ในการดแู ลของครู หรือผู้ปกครอง - การรวบรวมขอ้ มูลทำได้โดยกำหนด หวั ข้อที่ต้องการเตรียมอปุ กรณใ์ นการจด บนั ทึก - การประมวลผลอย่างง่าย
166 หน่วยที่ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั 4 ท่ีคาดหวงั (ช่วั โมง) คะแนน 5 แสดงอัลกอริทมึ ในการ ทำงานหรอื แก้ปัญหา - การนำเสนอข้อมลู ทำไดห้ ลายลกั ษณะ 16 20 อย่างงา่ ย ตามความเหมาะสม 4 15 เขยี นโปรแกรมอยา่ ง งา่ ย โดยใช้การเขยี น ว 4.3 ขอ้ 1 - อัลกอรทิ ึมเป็นขั้นตอนที่ใช้ในการ 70 โปรแกรม Code.org 30 แก้ปัญหา 40 100 - การแสดงอัลกอริทึมทำได้โดยการเขียน บอกเลา่ วาดภาพหรือใช้สัญลักษณ์ ว 4.2 ขอ้ 2 - การเขียนโปรแกรมเป็นการสรา้ งลำดบั ของคำสัง่ ให้ คอมพิวเตอร์ทำงาน - การตรวจหาข้อผิดพลาดทำไดโ้ ดย ตรวจสอบคำสงั่ ท่แี จ้ง ข้อผิดพลาด หรือ หากผลลพั ธไ์ มเ่ ปน็ ไปตามทต่ี ้องการให้ ตรวจสอบการทำงานทีละคำส่ัง รวมระหว่างปี ทดสอบปลายปี รวมท้ังสนิ้ ตลอดปี
167 โครงสรา้ งรายวชิ าเพ่ิมเติม ว14201 วิทยาศาสตร์ (เพ่ิมเติม) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรยี น 40 ชัว่ โมง น้ำหนัก 0.5 หนว่ ยกติ หน่วย ชือ่ หน่วยการ ผลการ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนัก ที่ เรียนรู้ เรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน 1 ส่งิ มีชวี ิตกบั สงิ่ แวดลอ้ ม ขอ้ สิ่งมีชีวิตรอบ ๆ ตัวเรามีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดมี 10 20 2 วัสดแุ ละสาร 1,2,3,4 ลักษณะสำคัญบางอย่างเหมือนกันบางอย่างแตกต่างกนั ซึ่ง 10 15 3 แรงและ สามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิตเป็นกลุ่ม 10 15 พลังงาน พืชและกลุ่มสัตว์ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่กำหนด กลุ่มสิ่งมีชีวิตใน 10 20 4 โลกและระบบ สรุ ิยะ แหล่งที่อยู่ต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กันในรูปแบบโซ่อาหาร 40 70 40 30 และสายใยอาหารและมีความสัมพันธ์กับแหล่งที่อยู่ใน 100 ลักษณะตา่ ง ๆ ขอ้ วัตถุต่าง ๆ รอบตัวเราทำมาจากวัสดุชนิดต่าง ๆ ซึ่งวัสดุ 5,6 แต่ละชนิดมีสมบัติบางประการที่แตกต่างกนั จึงนำมาใช้ทำ สิ่งของเพื่อให้สิ่งของมีสมบัติตามวัสดุนั้น ๆ สารแต่ละชนิด อาจอยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส ซึ่งสารทั้ง สามสถานะนี้มีสมบัติบางประการเหมือนกัน และมีสมบัติ บางประการแตกต่างกัน สารชนิดเดียวกันท่มี สี ถานะต่างกัน จะมีความหนาแน่นตา่ งกนั ข้อ วตั ถทุ กุ ชนดิ บนโลกมีมวล ซึ่งโลกมีแรงดงึ ดดู มวลวตั ถุ 7,8,9 ทำให้วัตถมุ ีน้ำหนักและตกลงสู่พื้นโลกเสมอ เมื่อวัตถมุ ีมวล มากทำให้มนี ำ้ หนักมาก จงึ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ไดย้ าก และเกิดเป็นแรงตา้ นทานการเคล่ือนท่ีของวัตถุ แสง เคลือ่ นทีผ่ า่ นวัตถุแต่ละชนดิ ไดต้ ่างกัน ทำให้เกิดเงาเมื่อมี วตั ถมุ ากนั้ แสงไว้ ข้อ ดินเกดิ จากการสลายตวั ผพุ งั ของหนิ และแร่ แล้วผสม 10,11 คลกุ เคลา้ กบั ซากพืชซากสตั ว์ น้ำและอากาศ ในสัดส่วนที่ แตกต่างกัน จึงทำใหเ้ กิดดินท่ีมลี กั ษณะต่างกันหลายชนิด การปลกู พชื จึงควรเลือกใชด้ นิ ใหเ้ หมาะสมกบั ชนิดของพืช ระบบสรุ ยิ ะมดี วงอาทิตยเ์ ป็นศนู ยก์ ลาง และมดี าว บรวิ ารโคจรอยโู่ ดยรอบ รวมไปถึงวตั ถุท้องฟ้าอืน่ ๆ ท่ีอยู่ ภายใตแ้ รงดงึ ดูดของดวงอาทิตย์ รวมระหวา่ งภาค ทดสอบปลายภาค รวมทั้งสน้ิ ตลอดภาคเรยี น
168 โครงสรา้ งรายวิชาเพ่มิ เติม ว15201 วิทยาศาสตรเ์ พ่มิ เติม กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 เวลา 40 ช่ัวโมง/ปี หนว่ ย ชอ่ื หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นำ้ หนัก ท่ี การเรียนรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน 1 ชีวิตกับ 1.นักเรียนสามารถบรรยาย - สง่ิ มีชีวิตทั้งพชื และสัตวม์ ี 15 15 สิง่ แวดลอ้ ม โครงสร้าง และลักษณะ โครงสร้างและลกั ษณะท่ี ของสงิ่ มีชีวติ ทเี่ หมาะสม เหมาะสมในแตล่ ะแหล่งทอ่ี ยู่ กับการดำรงชีวิตซึ่ง เป็น เพื่อให้ดำรงชวี ิตและอยรู่ อดได้ ผลมาจากการปรบั ตัวของ ในแตล่ ะแหล่งท่อี ยู่ สง่ิ มชี วี ิตใน แต่ละแหล่งท่ี - ในแหล่งท่ีอยู่หน่งึ ๆ อยู่ สิง่ มีชวี ิตจะมคี วามสมั พันธซ์ ง่ึ 2. นักเรียนสามารถอธิบาย กันและกันและสัมพันธก์ บั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง - ส่งิ ไม่มชี วี ิต ส่ิงมชี ีวติ กบั สง่ิ มชี ีวติ และ สงิ่ มชี ีวติ มกี ารกนิ กันเป็น ความสัมพันธ์ ระหวา่ ง อาหาร โดยกนิ ตอ่ กนั เป็น สิ่งมชี วี ติ กบั สิง่ ไม่มีชวี ติ ทอดๆ เพอื่ ประโยชนต์ ่อการ ดำรงชีวิต 3.นักเรยี นสามารถเขียนโซ่ อาหารและระบุบทบาท หนา้ ที่ของส่ิงมชี ีวติ ท่เี ป็น ผูผ้ ลิตและผบู้ รโิ ภคในโซ่ อาหาร 2 การดำรง 1. นักเรียนสามารถอธบิ าย สิ่งมีชีวิต เมื่อโตเต็มที่จะมีการ 10 10 พันธ์ุของ ลกั ษณะทางพันธุกรรมท่มี ี สืบพันธุ์ โดยลูกที่เกิดมาจะ ได้รับ สง่ิ มชี ีวติ การถา่ ยทอดจากพ่อแมส่ ู่ ก า ร ถ ่ า ย ท อ ด ล ั ก ษ ณ ะ ท า ง ลกู ของพืช สตั ว์ และ พันธุกรรมจากพอ่ แม่ มนษุ ย์
169 หน่วย ชื่อหน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนัก ที่ การเรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน 3 สารในชวี ิต 1. นักเรยี นสามารถอธบิ าย - การเปลี่ยนสถานะของสสาร 15 15 ประจำวัน การเปล่ยี นสถานะ ของ เป็นการเปล่ียนแปลงทาง สสารเมอ่ื ทำใหส้ สารร้อน กายภาพ เมื่อเพ่ิมความร้อน ขึ้นหรอื เย็นลง โดยใช้ หรอื ทำใหเ้ ยน็ ลงให้กบั สสาร หลกั ฐานเชิงประจักษ์ ถึง ระดับหนึ่งจะทำให้สสารเปลี่ยน 2. นกั เรยี นสามารถ สถานะ เกดิ สารละลาย วิเคราะหก์ ารเปลย่ี นแปลง และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ของสารเมื่อเกิดการ - เมื่อผสมสาร 2 ชนดิ ขนึ้ ไป เปล่ยี นแปลงทางเคมี โดย แลว้ มีสารใหม่เกดิ ขนึ้ เรยี กวา่ ใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ การเปลีย่ นแปลงทางเคมี 3. นกั เรยี นสามารถ - สารเกดิ การเปล่ียนแปลงแลว้ วเิ คราะหแ์ ละระบุการ สารสามารถเปล่ยี นกลบั เปน็ เปลี่ยนแปลงท่ีผันกลับได้ สารเดิมได้ เป็นการเปล่ียน และการเปล่ียนแปลงที่ผัน แปลงทผี่ ันกลบั ได้ แต่สาร กลบั ไม่ได้ บางอยา่ งเกิดการเปลีย่ นแปลง แลว้ ไมส่ ามารถเปล่ียนกลบั เปน็ สารเดมิ ไดเ้ ป็นการ เปล่ียนแปลงที่ผันกลับไมไ่ ด้ 4 แรง 1. นกั เรยี นสามารถเขยี น การเขียนแผนภาพของแรงท่ี 10 10 แผนภาพแสดงแรงเสียด กระทำตอ่ วัตถุลกั ษณะการ ทานและแรงที่อยู่ในแนว เคล่ือนทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ เดยี วกนั ทีก่ ระทำต่อวตั ถุ รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ ประโยชน์ 5 เสียง 1. นักเรยี นสามารถอธบิ าย - การไดย้ นิ เสยี งตอ้ งอาศยั ตัวกลาง 15 15 การได้ยนิ เสียงผา่ น - การเกิดเสียงสูง เสียงต่ำพลังงาน ตัวกลางจากหลักฐานเชงิ ในชีวิตประจำวันธรรมชาติ ของ ประจกั ษ์ คล่ืน 2. นักเรียนสามารถระบุตวั ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แปร ทดลองและอธิบาย แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ลกั ษณะและการเกิด เสยี ง รวมทงั้ นำ สูง เสียงต่ำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3.นักเรียนสามารถ - การเกิดเสียงดัง เสียงค่อย ออกแบบการทดลองและ พลังงานในชีวิตประจำวันธรรมชาติ อธบิ ายลกั ษณะและการ ของคลื่น เกิด เสยี งดัง เสยี งค่อย
170 หน่วย ชื่อหน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนัก ท่ี การเรียนรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน 6 ดาวและ 1. นักเรียนสามารถ - ดาวที่มองเห็นบนท้องฟ้าอย่ใู น 15 15 ธรรมชาติ เปรยี บเทยี บความแตกต่าง อวกาศซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ 80 ของดาวเคราะหแ์ ละดาว นอกบรรยากาศของโลก มที ั้ง 20 80 100 ฤกษ์จากแบบจำลอง ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ 2. นักเรียนสามารถ - กระบวนการเกดิ เมฆ หมอก เปรียบเทียบกระบวนการ นำ้ ค้างและนำ้ ค้างแขง็ เกดิ เมฆ หมอก นำ้ คา้ ง ของระบบโลก กระบวนการ และน้ำคา้ งแข็ง จาก เปลยี่ นแปลง ภายในโลกและ แบบจำลอง บนผิวโลก ธรณพี ิบัติภยั 3.นกั เรียนสามารถ กระบวนการเปลี่ยนแปลง ลม เปรยี บเทียบกระบวนการ ฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลก เกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ รวมทัง้ ผลต่อสง่ิ มีชีวิตและ จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ สงิ่ แวดลอ้ ม - เปรยี บเทียบกระบวน การเกดิ ฝน หิมะ และลูกเห็บ ของระบบโลก กระบวนการ เปลย่ี นแปลง ภายในโลกและ บนผวิ โลก ธรณพี บิ ัติภัย กระบวนการเปลย่ี นแปลง ลม ฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมท้งั ผลต่อส่งิ มชี ีวิตและ สง่ิ แวดลอ้ ม รวมระหวา่ งปี ทดสอบปลายปี รวมท้ังสิ้นตลอดปี
171 โครงสร้างรายวชิ าเพิ่มเติม ว26101 วทิ ยาศาสตร(์ เพิม่ เติม) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 เวลาเรยี น 40 ชั่วโมง นำ้ หนกั 0.5 หนว่ ยกิต หนว่ ย ช่อื หน่วยการ ผลการ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนกั ที่ เรียนรู้ เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน 1 อาหารกบั ข้อ 1 สารอาหารทอี่ ยใู่ นอาหารมี 6 ประเภท ได้แก่ 8 14 การยอ่ ย ข้อ 2 คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี ไขมนั เกลือแร่ วิตามิน และนำ้ อาหาร สารอาหารแตล่ ะประเภทมปี ระโยชนต์ ่อรา่ งกาย แตกต่างกนั โดยคารโ์ บไฮเดรต โปรตีน และไขมันเปน็ สารอาหารทีใ่ ห้พลงั งานแกร่ า่ งกาย ส่วนเกลือแร่ วติ ามนิ และน้ำเป็นสารอาหารท่ีไมใ่ ห้พลงั งานแก่ รา่ งกายแตช่ ว่ ยให้ร่างกายทำงานไดเ้ ป็นปกติ 2 การแยกสาร ขอ้ 3 การแยกสารผสมแตล่ ะชนดิ ข้ึนอยกู่ ับลกั ษณะและ 4 14 ผสม สมบัตขิ องสารทผ่ี สมกนั เช่น วธิ กี ารหยบิ ออกหรอื การ ร่อนผ่านวัสดทุ ม่ี ีรู ใชแ้ ยกสารทอ่ี งคป์ ระกอบของสาร ผสมเปน็ ของแข็งกับของแขง็ ที่มขี นาดแตกตา่ งกนั อยา่ งชัดเจน วิธกี ารใช้แม่เหล็กดงึ ดูดใชแ้ ยกสารที่มี สารใดสารหนึง่ เป็นสารแมเ่ หล็ก วิธกี ารรินออก การ กรอง หรือการตกตะกอน ใช้แยกสารท่ีองค์ประกอบ เป็นของแขง็ ทไ่ี ม่ละลายในของเหลว ซึง่ วธิ กี ารแยก สารผสมต่าง ๆ สามารถนำไปใชแ้ ยกสารผสมใน ชีวติ ประจำวนั ได้ 3 แรงไฟฟา้ และ ข้อ 4 เมื่อนำวัตถุ 2 ชนิด มาขัดถูกัน แล้วนำเข้ามาใกล้ 6 7 วงจรไฟฟ้า กันจะทำให้เกิดแรงไฟฟ้า ซึ่งอาจดึงดูดหรือผลักกัน หากขัดถูวัตถุชนิดเดียวกันโดยใช้สิ่งเดียวกัน จะทำให้ เกิดประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกัน ซึ่งมีแรงระหว่างประจุ ไฟฟ้า เมื่อนำวัตถุเข้าใกล้กันจะเกิดแรงผลักกัน ส่วน การขัดถูวัตถุชนิดเดียวกันโดยใช้สิ่งต่างกัน จะทำให้ เกิดประจุไฟฟ้าต่างชนิดกัน ซึ่งมีแรงระหว่างประจุ ไฟฟ้า เม่อื นำวัตถเุ ขา้ ใกล้กันจะเกิดแรงดงึ ดูด
172 หน่วย ชอ่ื หน่วยการ ผลการ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้ำหนกั ท่ี เรียนรู้ เรยี นรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน ขอ้ 5 การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรม คอื การต่อหลอด ไฟฟา้ แบบเรยี งตอ่ กัน โดยกระแสไฟฟ้าท่ีผ่านหลอด ไฟฟ้าแต่ละดวงจะมีปริมาณเดียวกัน เม่ือถอดหลอด ไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออกทำใหห้ ลอดไฟฟา้ ที่เหลอื ดับ ท้ังหมด ส่วนการต่อหลอดไฟฟา้ แบบขนาน คือ การ ต่อหลอดไฟฟา้ แตล่ ะดวงคร่อมกนั ทำให้มี กระแสไฟฟา้ ไหลแยกผ่านแต่ละเส้นทาง ตาม สายไฟฟา้ ที่ผา่ นหลอดไฟฟา้ แต่ละดวง เมอ่ื ถอดหลอด ไฟฟา้ ดวงใดดวงหนึ่งออก หลอดไฟฟ้าท่ีเหลอื ก็ยงั สว่างได้ การต่อหลอดไฟฟ้าแตล่ ะแบบสามารถ นำไปใชป้ ระโยชน์ได้ เชน่ การต่อหลอดไฟฟ้าหลาย ดวงในบ้านจึงตอ้ งต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน เพื่อ เลอื กใช้หลอดไฟฟา้ ดวงใดดวงหนงึ่ ไดต้ ามตอ้ งการ 4 หนิ นา่ รู้ ข้อ 6 หินอัคนีเกิดมาจากการเย็นตัวของแมกมา หิน 6 11 ตะกอน เกิดมาจากการทับถมของตะกอนเมื่อถูกแรง กดทับและมีสารเชื่อมประสานจึงเกิดเป็นหิน หินแปร เกิดมาจากการแปรสภาพของหินเดิม ซึ่งอาจเป็นหิน ข้อ 7 อัคนี หินตะกอน หรือหินแปร โดยการกระทำของ ความรอ้ น ความดัน และปฏกิ ิรยิ าเคมี หนิ และแร่มีประโยชนห์ ลายอย่าง เชน่ นำแรม่ าทำ เครอ่ื งสำอาง ยาสีฟัน เครอ่ื งประดบั อปุ กรณท์ าง การแพทย์ นำหินมาใชใ้ นงานกอ่ สร้างตา่ ง ๆ 5 ปรากฏการณ์ ข้อ 8 ลมบก ลมทะเล และมรสุม เกิดจากพนื้ ดินและ 6 12 ทางธรรมชาติ พ้ืนน้ำ ร้อนและเย็นไม่เทา่ กันทำให้อุณหภมู ิอากาศ เหนือพ้นื ดนิ และพ้นื นำ้ แตกต่างกนั จงึ เกดิ การ เคล่ือนท่ีของอากาศจากบรเิ วณที่มีอุณหภูมิตำ่ ไปยัง บรเิ วณที่มอี ุณหภมู สิ ูง ลมบกและลมทะเลเปน็ ลมประจำถิน่ ที่พบบริเวณ ชายฝั่ง โดยลมบกเกิดในเวลากลางคืน ทำให้มลี มพดั จากชายฝัง่ ไปสู่ทะเล สว่ นลมทะเลเกิดในเวลากลางวนั ทำให้มลี มพัดจากทะเลเขา้ สู่ชายฝง่ั
173 หนว่ ย ชื่อหน่วยการ ผลการ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้ำหนกั ท่ี เรยี นรู้ เรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน ข้อ 9 ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดจากแก๊สเรือน กระจกในชั้นบรรยากาศของโลกกกั เก็บความรอ้ นแล้ว คายความร้อนบางส่วนกลับสู่ผิวโลก ทำให้อากาศบน โลกมีอุณหภูมิเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต หาก ปรากฏการณ์เรือนกระจกรุนแรงมากขึ้นจะมีผลต่อ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก มนุษย์จึงควรร่วมกัน ลดกจิ กรรมที่ก่อใหเ้ กดิ แกส๊ เรอื นกระจก 6 ดาราศาสตร์ ขอ้ 10 ปรากฏการณ์สุริยุปราคา เกิดในเวลากลางวัน 10 12 และ เกดิ จากดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และโลก โคจรมาอยู่ใน เทคโนโลยี ระนาบเดียวกัน โดยมีดวงจันทร์อยู่ตรงกลางระหว่าง ดวงอาทิตย์กับโลก ปรากฏการณ์สุริยุปราคาอาจเกิด ได้ 3 ลักษณะ คือ สุริยุปราคาเต็มดวง สุริยุปราคา บางส่วน และสุริยุปราคาวงแหวน เราไม่สามารถ สังเกตปรากฏการณส์ ุริยุปราคาได้ด้วยตาเปล่า ควรใช้ อุปกรณ์ในการสังเกต เช่น แว่นดูดวงอาทิตย์ ปรากฏการณ์จันทรุปราคา เกิดในเวลากลางคืน เกิดจากดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ โคจรมาอย่ใู น ระนาบเดียวกัน โดยมีโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวง อาทิตย์กบั ดวงจนั ทร์ ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเกิดได้ 3 ลักษณะ คือ จันทรุปราคาเต็มดวง จันทรุปราคา บางส่วน และจันทรุปราคาเงามัว เราสามารถสังเกต ปรากฏการณ์จนั ทรปุ ราคาไดด้ ว้ ยตาเปล่า
174 หน่วย ชือ่ หน่วยการ ผลการ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนกั ที่ เรียนรู้ เรียนรู้ (ชั่วโมง) คะแนน ขอ้ 11 เทคโนโลยีอวกาศมีจุดเริ่มต้นจากมนุษย์มี 3 ความต้องการสำรวจวัตถุท้องฟ้าโดยใช้ตาเปล่า จากนั้นพัฒนามาเปน็ การใชก้ ลอ้ งโทรทรรศน์ และได้มี การพัฒนาจนสามารถขนส่งเพื่อสำรวจอวกาศด้วย จรวดและยานขนส่งอวกาศและยังมีการพัฒนาอย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีอวกาศบาง ประเภทมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ ดาวเทียมเพื่อการสื่อสาร การพยากรณ์อากาศ หรือ การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ แม้กระทั้งสิ่งประดิษฐ์ ทไ่ี ด้จากการพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศ เชน่ หมวกนิรภัย ชุดกฬี า รวมระหว่างภาค 40 70 ทดสอบปลายภาค 30 รวมทั้งส้นิ ตลอดภาคเรียน 120 100
ว 21201 เทคโนโลยี โครงสร้างรายวิชา 175 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เวลา 20 ชัว่ โมง ลำดับ ชอื่ หน่วย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ จำนวน 0.5 หน่วยกติ ที่ การเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั 1 เรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน เครอื ขา่ ย อินเตอร์เนต็ ขอ้ 1 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ 4 15 เบือ้ งต้น ที่สุดของโลก โดยจะเป็นการเชื่อมต่อ 2 ระบบ อินเตอร์เนต็ เครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องจากท่ัว 3 เรยี นรเู้ รื่อง โลกมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยให้ เว็บ สามารถติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยน 4 เว็บสวยด้วย มอื เรา ขอ้ มูลระหว่างกันไดท้ ว่ั โลก ขอ้ 2 ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสำคัญต่อ 4 15 ชีวิตประจำวันของคนเรา หลายๆ ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม ว ร ร ณ ก ร ร ม แ ล ะ อ ื ่ น ๆ ด ั ง นี้ ดา้ นธุรกิจและการพาณชิ ย์ ดา้ นสนบั สนนุ การศึกษา และ การเรียนการสอน เกี่ยวกบั อนิ เตอรเ์ น็ต ขอ้ 3 รู้ เข้าใจ และวิเคราะห์ความหมาย 5 20 ความสำคัญของเว็บเพจ หลักการทำงาน ของเว็บเพจ โปรแกรมที่ใช้สร้างเว็บ เพจ หลักการออกแบบเว็บไซต์ และ ขนั้ ตอนการพัฒนาเว็บไซต์ ขอ้ 4 ขัน้ ตอนการสรา้ งเว็บไซต์ 7 30 1 วางแผนจดั ทำเว็บไซต์ 2 การกำหนดโครงสรา้ งของเว็บ 3 กำหนดการเชอื่ มโยงระหวา่ งเวบ็ เพจ 4 ออกแบบหน้าเวบ็ เพจแตล่ ะหนา้ รวมระหวา่ งภาค 80 ทดสอบปลายภาค 20 รวมท้ังสิ้นตลอดภาค 40 100
176 โครงสร้างรายวชิ า ว 21202 เทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ลำดับท่ี ชื่อหน่วย เวลา 20 ชัว่ โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ การเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก (ชั่วโมง) คะแนน 1 สว่ นประกอบ ขอ้ 1 ของเว็บไซค์ สว่ นประกอบของหนา้ เว็บเพจ แบ่ง 4 15 ข้อ 2 ออกเป็น 3 ส่วนหลกั ๆ คอื 4 15 2 การสรา้ งหน้า ขอ้ 3 เว็บไซค์ 1. สว่ นหัวของเว็บเพ็จ (Page Header) เป็นส่วนท่อี ยตู่ อนบนสดุ ของหน้า และเป็น 3 Google site สว่ นที่สำคญั ท่สี ดุ ของหนา้ เพราะเปน็ สว่ น ที่ดึงดูดผู้ชมใหต้ ิดตามเนื้อหาภายใน เวบ็ ไซต์ 2.ส่วนของเนื้อหา (Page Body) 3. สว่ นท้ายของหนา้ (Page Footer) ขัน้ ตอนการสรา้ งเว็บไซต์ 1 วางแผนจดั ทำเวบ็ ไซต์ 2 การกำหนดโครงสรา้ งของเวบ็ 3 กำหนดการเช่อื มโยงระหว่างเวบ็ เพจ 4 ออกแบบหนา้ เว็บเพจแตล่ ะหนา้ Google Sites คอื โปรแกรมของ Google 5 20 ท่ใี ห้บริการสร้างเว็บไซต์ฟรี สามารถสร้าง เวบ็ ไซตไ์ ด้ง่าย ปรบั แต่งรูปลกั ษณไ์ ด้อยา่ ง อสิ ระ และสามารถรวบรวมความ หลากหลายของขอ้ มลู ไวใ้ นทีเ่ ดียว เช่น วดิ โี อ, ปฏิทิน, เอกสาร อืน่ ๆ สามารถ นำมาแทรกในหน้าเวบ็ เพจได้ เป็นการเพ่ิม ลูกเล่น ใชง้ านได้ง่าย ทำให้ชว่ ยอำนวย ความสะดวกได้เป็นอย่างมาก
177 ลำดบั ชื่อหน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั ที่ การเรียนรู้ (ช่วั โมง) คะแนน 4 พัฒนาเว็บไซค์ ขอ้ 4 การสรา้ งเวบ็ ไซต์ท่ีมคี ณุ ภาพผูพ้ ฒั นา 7 30 เว็บไซตจ์ ะตอ้ งศกึ ษาข้อมลู และวเิ คราะห์ ข้อมลู ก่อนถงึ ข้นั ตอนลงมอื ปฏบิ ตั จิ ริง ยกตวั อย่างเชน่ วัตถุประสงคข์ องเวบ็ ไซต์ คอื อะไร และกลมุ่ เป้าหมายของเวบ็ ไซต์ คือใคร และเทคโนโลยที ี่จำนำมาใช้ รูปแบบของเว็บเพจควรจะเป็นอยางไร รวมระหว่างภาค 80 ทดสอบปลายภาค 20 รวมทัง้ สิน้ ตลอดภาค 40 100
178 โครงสรา้ งรายวิชา ว 22201 เทคโนโลยี กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 เวลา 20 ชวั่ โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ ลำดับ ช่ือหน่วย ท่ี การเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั (ชัว่ โมง) คะแนน 1 เรียนรู้ ขอ้ 1 เครือขา่ ย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรข์ นาดใหญ่ 4 15 อนิ เตอร์เนต็ ข้อ 2 ที่สุดของโลก โดยจะเปน็ การเชื่อมตอ่ เพื่อการ เคร่อื งคอมพิวเตอร์หลายๆ เครือ่ งจากทั่ว สื่อสาร ข้อ 3 โลกมาเช่อื มตอ่ เข้าดว้ ยกนั ซ่ึงช่วยให้ สามารถตดิ ต่อสอื่ สารและแลกเปลยี่ น 2 เรยี นรู้ ข้อมูลระหวา่ งกนั ไดท้ วั่ โลก เครอื ข่าย อนิ เตอรเ์ นต็ ปจั จบุ ันอนิ เทอรเ์ นต็ มคี วามสำคญั ต่อ 4 15 ชวี ติ ประจำวันของคนเรา หลายๆ ดา้ น 3 การสร้างเว็บ ทง้ั การศึกษา พาณิชย์ ธรุ กรรม google site วรรณกรรม และอน่ื ๆ ดงั นี้ ดา้ นธรุ กจิ และการพาณิชย์ ด้าน 4 เวบ็ สวยด้วย สนบั สนนุ การศึกษา และ การเรยี นการ มอื เรา สอนเกีย่ วกับอนิ เตอรเ์ น็ต google site รู้ เขา้ ใจ และวเิ คราะห์ความหมาย 5 20 ความสำคญั ของเว็บเพจ หลกั การทำงาน ของเวบ็ เพจ โปรแกรมทใี่ ช้สร้างเวบ็ เพจ หลกั การออกแบบเวบ็ ไซต์ และ ขนั้ ตอนการพฒั นาเว็บไซต์ ขอ้ 4 ขนั้ ตอนการสรา้ งเว็บไซต์ 7 30 1 วางแผนจดั ทำเวบ็ ไซต์ 2 การกำหนดโครงสรา้ งของเว็บ 3 กำหนดการเชอื่ มโยงระหว่างเวบ็ เพจ 4 ออกแบบหนา้ เวบ็ เพจแต่ละหนา้ รวมระหวา่ งภาค 80 ทดสอบปลายภาค 20 รวมท้งั สิน้ ตลอดภาค 40 100
179 โครงสร้างรายวชิ า ว 22202 เทคโนโลยี กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ลำดบั ท่ี ชอื่ หน่วย เวลา 20 ชัว่ โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกิต การเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก (ชั่วโมง) คะแนน 1 ส่วนประกอบ ข้อ 1 ของเวบ็ ไซค์ ส่วนประกอบของหน้าเว็บเพจ แบ่ง 4 15 ออกเปน็ 3 สว่ นหลักๆ คอื 2 การสรา้ งหนา้ เวบ็ ไซค์ 1. สว่ นหวั ของเว็บเพจ็ (Page Header) เป็นส่วนท่ีอยู่ตอนบนสดุ ของหน้า และเปน็ 3 โปรแกรมชว่ ย ส่วนท่สี ำคญั ท่สี ดุ ของหนา้ เพราะเป็นส่วน ออกแบบ ท่ีดึงดูดผู้ชมใหต้ ิดตามเน้ือหาภายใน google site เว็บไซต์ 2.ส่วนของเนอื้ หา (Page Body) 3. ส่วนทา้ ยของหน้า (Page Footer) ขอ้ 2 ข้ันตอนการสร้างเวบ็ ไซต์ 4 15 1 วางแผนจดั ทำเวบ็ ไซต์ 2 การกำหนดโครงสร้างของเว็บ 3 กำหนดการเชอ่ื มโยงระหวา่ งเวบ็ เพจ 4 ออกแบบหน้าเวบ็ เพจแต่ละหนา้ ขอ้ 3 Google Sites คอื โปรแกรมของ Google 5 20 ทใี่ หบ้ รกิ ารสรา้ งเว็บไซต์ฟรี สามารถสรา้ ง เวบ็ ไซตไ์ ด้งา่ ย ปรับแตง่ รูปลกั ษณไ์ ดอ้ ยา่ ง อิสระ และสามารถรวบรวมความ หลากหลายของขอ้ มลู ไว้ในท่ีเดียว เชน่ วดิ โี อ, ปฏทิ ิน, เอกสาร อื่นๆ สามารถ นำมาแทรกในหน้าเวบ็ เพจได้ เปน็ การเพมิ่ ลกู เลน่ ใช้งานได้ง่าย ทำให้ช่วยอำนวย ความสะดวกได้เป็นอยา่ งมาก
180 ลำดบั ชอ่ื หน่วย ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั ที่ การเรียนรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน 4 พัฒนาเว็บไซค์ ข้อ 4 การสร้างเว็บไซต์ทม่ี คี ณุ ภาพผ้พู ฒั นา 7 30 google site เวบ็ ไซตจ์ ะตอ้ งศึกษาขอ้ มลู และวเิ คราะห์ ขอ้ มูล กอ่ นถึงข้ันตอนลงมอื ปฏบิ ตั จิ ริง ยกตวั อย่างเชน่ วตั ถุประสงค์ของเวบ็ ไซต์ คืออะไร และกลมุ่ เปา้ หมายของเว็บไซต์ คอื ใคร และเทคโนโลยที ี่จำนำมาใช้ รูปแบบของเว็บเพจควรจะเปน็ อยางไร รวมระหวา่ งภาค 80 ทดสอบปลายภาค 20 รวมทั้งส้นิ ตลอดภาค 40 100
181 โครงสรา้ งรายวชิ า ว 23201 เทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 เวลา 20 ชวั่ โมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต ลำดบั ช่ือหน่วย ที่ การเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั (ชว่ั โมง) คะแนน 1 เรยี นรู้ ข้อ 1 เครือข่าย ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ 4 15 อนิ เตอรเ์ นต็ ข้อ 2 ทส่ี ดุ ของโลก โดยจะเปน็ การเชอ่ื มตอ่ เบ้อื งตน้ เคร่ืองคอมพวิ เตอรห์ ลายๆ เครื่องจากทัว่ ขอ้ 3 โลกมาเชอ่ื มต่อเข้าดว้ ยกนั ซงึ่ ชว่ ยให้ 2 เรยี นรู้ สามารถตดิ ตอ่ สอื่ สารและแลกเปลย่ี น เครือข่าย ขอ้ มลู ระหวา่ งกันไดท้ ัว่ โลก อนิ เตอรเ์ นต็ ในปัจจุบนั ปจั จบุ นั อินเทอร์เน็ต มคี วามสำคญั ต่อ 4 15 ชวี ิตประจำวนั ของคนเรา หลายๆ ดา้ น 3 บทนำกอ่ น ท้ังการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม สร้างเวบ็ วรรณกรรม และอื่นๆ ดงั นี้ ดา้ นธรุ กจิ และการพาณิชย์ ด้าน 4 เว็บสวยดว้ ย สนบั สนนุ การศกึ ษา และ การเรียนการ มือเรา สอนเก่ยี วกบั อนิ เตอรเ์ น็ต รู้ เขา้ ใจ และวเิ คราะห์ความหมาย 5 20 ความสำคญั ของเวบ็ เพจ หลกั การทำงาน ของเว็บเพจ โปรแกรมทใ่ี ชส้ ร้างเวบ็ เพจ หลกั การออกแบบเวบ็ ไซต์ และ ข้ันตอนการพฒั นาเวบ็ ไซต์ ข้อ 4 ข้ันตอนการสรา้ งเวบ็ ไซต์ 7 30 1 วางแผนจดั ทำเวบ็ ไซต์ 40 2 การกำหนดโครงสร้างของเว็บ 80 3 กำหนดการเช่ือมโยงระหว่างเวบ็ เพจ 20 4 ออกแบบหน้าเว็บเพจแตล่ ะหนา้ 100 รวมระหว่างภาค ทดสอบปลายภาค รวมทัง้ ส้นิ ตลอดภาค
182 โครงสรา้ งรายวชิ า ว 23202 เทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ลำดับ ชื่อหน่วยการ เวลา 20 ชัว่ โมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต ที่ เรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก (ชวั่ โมง) คะแนน 1 สว่ นประกอบ ขอ้ 1 ของเว็บไซค์ ส่วนประกอบของหนา้ เว็บเพจ แบ่ง 4 15 ออกเปน็ 3 ส่วนหลกั ๆ คือ 2 การสรา้ งหน้า เว็บไซค์ 1. สว่ นหัวของเว็บเพจ็ (Page Header) เปน็ สว่ นที่อยตู่ อนบนสุดของหนา้ และเปน็ 3 โปรแกรมช่วย ส่วนที่สำคญั ท่ีสุดของหนา้ เพราะเปน็ สว่ น ออกแบบ ที่ดึงดูดผู้ชมใหต้ ิดตามเน้อื หาภายใน เวบ็ ไซต์ 2.ส่วนของเนอ้ื หา (Page Body) 3. สว่ นท้ายของหนา้ (Page Footer) ข้อ 2 ขัน้ ตอนการสรา้ งเวบ็ ไซต์ 4 15 1 วางแผนจัดทำเว็บไซต์ 2 การกำหนดโครงสร้างของเวบ็ 3 กำหนดการเช่อื มโยงระหว่างเวบ็ เพจ 4 ออกแบบหนา้ เวบ็ เพจแต่ละหนา้ ขอ้ 3 Google Sites คือโปรแกรมของ Google 5 20 ท่ใี ห้บรกิ ารสรา้ งเวบ็ ไซตฟ์ รี สามารถสรา้ ง เว็บไซตไ์ ด้ง่าย ปรับแตง่ รปู ลักษณไ์ ดอ้ ยา่ ง อิสระ และสามารถรวบรวมความ หลากหลายของขอ้ มูลไวใ้ นทีเ่ ดยี ว เช่น วดิ โี อ, ปฏทิ ิน, เอกสาร อ่ืนๆ สามารถ นำมาแทรกในหนา้ เว็บเพจได้ เป็นการเพ่ิม ลูกเลน่ ใช้งานได้ง่าย ทำใหช้ ่วยอำนวย ความสะดวกได้เปน็ อย่างมาก
183 ลำดั ชอ่ื หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั บที่ เรียนรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน 4 พัฒนาเว็บไซค์ ขอ้ 4 การสรา้ งเว็บไซต์ทม่ี คี ณุ ภาพผู้พฒั นา 7 30 เว็บไซตจ์ ะต้องศกึ ษาข้อมลู และวเิ คราะห์ ขอ้ มลู กอ่ นถงึ ขั้นตอนลงมอื ปฏบิ ตั จิ ริง ยกตวั อยา่ งเชน่ วตั ถุประสงค์ของเวบ็ ไซต์ คืออะไร และกลมุ่ เป้าหมายของเวบ็ ไซต์ คอื ใคร และเทคโนโลยที จ่ี ำนำมาใช้ รปู แบบของเว็บเพจควรจะเป็นอยางไร รวมระหวา่ งภาค 80 ทดสอบปลายภาค 20 รวมทัง้ สน้ิ ตลอดภาค 40 100
184 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ า การสบื คน้ ข้อมูล สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว21202 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 20 ชวั่ โมง หนว่ ย ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้ำหนกั ท่ี (ช่วั โมง) คะแนน 1 การสืบคน้ คืออะไร ขอ้ ที่ 1 การสืบคน้ ข้อมลู เป็นจดุ เร่มิ ตน้ ของการหาขอ้ มลู 4 20 เกย่ี วกบั เรอ่ื งทส่ี นใจ หรอื สบื ค้นเพื่อศึกษาและ เปน็ แนวทางในเรื่องท่ีตนเองตอ้ งการ ซ่ึงแหลง่ สบื คน้ ขอ้ มูลในปจั จุบันมมี ากมาย แหล่งสบื คน้ ท่ี ใหญ่ทสี่ ดุ ที่นิยมเข้าไปสืบค้นขอ้ มลู และเป็น แหล่งสบื ค้นทส่ี ะดวก คืออินเทอรเ์ นต็ ดงั นน้ั จงึ จำเปน็ ต้องทราบถึงหลักการและวธิ ีการสืบค้น ข้อมูล เพ่ือทำให้ได้ข้อมลู ท่ีตรงกับความต้องการ 2 วิธกี ารสืบคน้ ข้อมลู และ ข้อที่ 2 การสืบคน้ ข้อมูลจากเว็บไซตต์ ่าง ๆ เพอ่ื ไดม้ าซึ่ง 6 30 การอ้างอิงขอ้ มลู ใน เว็บไซต์ สิ่งทต่ี ้องการ ไม่ว่าจะเปน็ ข้อมูลความรู้ ขา่ วสาร รูปภาพ หรอื แมก้ ระทั่งดา้ นความบันเทิง เราควร อา้ งอิงแหล่งทม่ี าของข้อมูลให้ถูกต้อง 3 โซเชยี ลเนต็ เวริ ์ค ขอ้ ที่ 3 Social Network เปน็ เครอื ขา่ ยความสัมพนั ธ์ 6 30 เสมือนทีต่ อบสนองกับการสรา้ งสายสัมพันธ์ โยงใยให้เราไดเ้ จอบุคคลที่คยุ กนั ในเร่ืองทส่ี นใจ อย่างเดยี วกัน สามารถสร้างสรรคส์ ังคมใหม่ ๆ ใหก้ ับทกุ คน สามารถเชือ่ มโยงการสือ่ สารภายใน องค์กร และภายนอกองค์กรเขา้ ดว้ ยกนั ไดอ้ ยา่ ง มปี ระสิทธภิ าพ ซงึ่ เปน็ ส่งิ ทีต่ อบสนองรปู แบบ ชวี ิตของมนุษยย์ คุ ปจั จบุ ัน 4 คุณธรรมจริยธรรมในการ ขอ้ ท่ี 4 - 5 ผู้ใช้อนิ เทอรเ์ นต็ มเี ปน็ จำนวนมากและเพม่ิ ขน้ึ 4 20 ใชอ้ นิ เทอร์เนต็ ทกุ วนั หลายเครอื ข่ายจึงไดอ้ อกกฎเกณฑ์การใช้ งานภายในเครอื ข่าย เพื่อใหส้ มาชกิ ในเครอื ข่าย 20 80 ของตนยึดถือ ปฏิบตั ิตามกฎเกณฑแ์ ละไดร้ บั 20 ประโยชนส์ ูงสดุ ดงั นัน้ ผู้ใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ทุกคนที่ 100 เป็นสมาชิกเครือข่ายจะต้องเข้าใจกฎเกณฑ์ ข้อบงั คบั ของ เครอื ขา่ ยนน้ั มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและผู้รว่ มใช้บริการคนอนื่ และจะตอ้ ง รบั ผิดชอบตอ่ การกระทำของตนเองทเ่ี ข้าไปขอ ใช้บริการตา่ ง ๆ บนเครือข่ายบนระบบ รวมระหวา่ งภาคเรยี น ทดสอบปลายภาคเรียน รวมทั้งส้นิ ตลอดภาคเรยี น
185 โครงสร้างรายวิชา รายวิชา การสบื ค้นข้อมูล สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว21204 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 20 ช่ัวโมง หนว่ ย ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นำ้ หนกั ท่ี ขอ้ ท่ี 1 (ช่วั โมง) คะแนน การสืบเสาะหาความรู้ เปน็ รปู แบบการเรยี นท่ใี ช้ 1 กระบวนการสบื ค้น ตามทฤษฎกี ารสรา้ งความรู้ (Constructivism) 8 40 ซึง่ กลา่ วไว้ว่าเปน็ กระบวนการทจ่ี ะต้องสบื คน้ เสาะหา สำรวจตรวจสอบ และ คน้ ควา้ ด้วย วิธีการตา่ ง ๆ จนทำให้ความเขา้ ใจ และเกดิ การ รับร้คู วามรนู้ ้ันอยา่ งมคี วามหมาย จงึ จะสามารถ สร้างเปน็ องค์ความรขู้ องนักเรียนเอง 2 การเลอื กใชร้ ปู แบบการ ข้อท่ี 2,3 การทีจ่ ะได้มาซ่ึงความรู้ทตี่ อ้ งการจากการสืบค้น 6 30 สบื ค้นให้ตรงกบั ความ จากแหล่งต่าง ๆ ควรเลือกชอ่ งทาง วธิ กี าร หรือ ต้องการ ส่อื เทคโนโลยใี นการสบื ค้นใหเ้ หมาะสม เพ่ือให้ ได้มาซึง่ ข้อมลู ความร้ทู ีต่ รงกับความต้องการให้ มากท่สี ดุ 3 พระราชบญั ญตั ิ ขอ้ ที่ 4,5 ทุกวันน้ีคอมพิวเตอร์ได้เข้ามาเปน็ ส่วนหนึง่ 6 30 คอมพิวเตอร์ 2560 ในชวี ติ ประจำวันของเรามากย่งิ ขนึ้ ซ่งึ มกี าร 20 ใชง้ านคอมพวิ เตอรโ์ ดยมชิ อบโดยบุคคลใด ๆ 80 กต็ ามท่สี ง่ ผลเสียต่อบคุ คลอ่ืน รวมไปถงึ การใช้ 20 งานคอมพิวเตอรใ์ นการเผยแพรข่ ้อมลู ทเ่ี ป็นเทจ็ 100 หรือมีลักษณะลามกอนาจาร จงึ ตอ้ งมมี าตรการ ขึน้ มาเพอ่ื เป็นการควบคุมน่นั เอง รวมระหวา่ งภาคเรียน ทดสอบปลายภาคเรียน รวมท้ังสิ้นตลอดภาคเรียน
186 โครงสร้างรายวิชา รายวิชา การสืบคน้ ข้อมูล สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว22202 เวลา 20 ชว่ั โมง ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 หน่วย ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั ท่ี (ชวั่ โมง) คะแนน 1 การใชบ้ ริการอินเทอรเ์ นต็ ข้อที่ 1,2 อินเทอรเ์ นต็ เปน็ แหลง่ รวบรวมข้อมูลขนาดใหญ่ 5 25 ค้นหาความรู้ ซึง่ มีขอ้ มูลหลากหลายประเภทและมแี นวโนม้ จะเพ่มิ ข้ึนอย่างรวดเรว็ ดงั นน้ั การคน้ หาข้อมูล ท่ตี อ้ งการได้อย่างรวดเรว็ นั้น ไมใ่ ชเ่ ร่ืองง่าย ๆ สำหรบั ผู้ท่ไี ม่คนุ้ เคยกับแหล่งข้อมลู น้ี น่นั คอื มักประสบปญั หาไมท่ ราบวา่ ขอ้ มลู ทีต่ อ้ งการนั้น อยู่ในเว็บไซตใ์ ด ดงั นนั้ จงึ ได้มเี วบ็ ไซต์ที่ให้บรกิ าร คน้ หาขอ้ มลู ตา่ ง ๆ บนอนิ เทอรเ์ นต็ ที่ เรียกวา่ เคร่ืองมือช่วยค้น หรือ เซริ ช์ เอน็ จิน (Search Engine) 2 การรวบรวมข้อมลู ขอ้ ที่ 3 การรวบรวมข้อมูล หมายถงึ กระบวนการทจี่ ะได้ 5 25 ขอ้ มลู ทต่ี อบสนองวตั ถปุ ระสงค์ ซง่ึ แบ่งออกได้ เป็นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และการรวบรวม ขอ้ มลู การเกบ็ ข้อมลู จากแหลง่ ทุตยิ ภูมิและ ปฐมภมู ิ โดยใชเ้ ครอื่ งมือการสัมภาษณ์ การสำรวจ การสงั เกต การกรอก แบบสอบถาม รายงานและเอกสารตา่ ง ๆ 3 การนำข้อมูลไปใช้ ข้อท่ี 4,5 การนำความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการคน้ ควา้ ทาง 10 50 ประโยชน์ อนิ เทอรเ์ น็ต มาประยุกต์ใช้ในการศึกษาหา 20 ความรู้เพ่มิ เติมเพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชน์ เป็นการ 80 คน้ ควา้ จากแหล่งเรียนรู้นอกหอ้ งเรียนที่มคี วาม 20 หลากหลาย ผคู้ น้ ควา้ จึงต้องมีทัง้ ทักษะ คณุ ธรรม 100 และความตระหนกั ที่จะทำใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สดุ รวมระหวา่ งภาคเรียน ทดสอบปลายภาคเรยี น รวมทงั้ สิ้นตลอดภาคเรยี น
187 โครงสร้างรายวิชา รายวชิ า การสืบค้นข้อมูล สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว22204 เวลา 20 ชวั่ โมง ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 หนว่ ย ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นำ้ หนกั ท่ี (ชั่วโมง) คะแนน 1 แอพพลิเคชั่นในการ ข้อที่ 1,2 แอปพลิเคชัน เปน็ โปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบ 6 30 สบื คน้ ขนึ้ เพ่ือการใช้งานเฉพาะด้าน แอปพลิเคชันใน การสบื ค้น จงึ เป็นโปรแกรมทอี่ อกแบบมาเพื่อ ความสะดวกในการสืบค้นขอ้ มลู ซง่ึ ปจั จบุ ันมี บรกิ ารอยู่มากกมายและหลากหลายเพอ่ื อำนวย ความสะดวกใหก้ ับผูใ้ ช้เลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมและ ตรงกบั ความตอ้ งการ 2 เทคโนโลยสี ่ือสารกบั การ ข้อที่ 3 การพัฒนาของเทคโนโลยสี ารสนเทศและ 6 30 เรยี นรู้ การสื่อสารเป็นไปอยา่ งรวดเร็วดงั จะเห็นได้จาก เทคโนโลยีทเี่ กย่ี วขอ้ ง ไดเ้ ขา้ ถงึ ผใู้ ช้ทกุ ระดับ และเปน็ ตัวสำคญั ทม่ี ผี ลกระทบตอ่ การดำรงชวี ติ ของคนอย่างเห็นได้ชดั ดังจะเหน็ ได้ชดั ดังจะเห็น ได้ว่าเกือบทุกบ้านตอ้ งมีโทรทัศน์ คนสว่ นใหญ่ มโี ทรศัพท์ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เยาวชนคนรุน่ ใหม่ ในสังคมมโี อกาสในการเขา้ ถึงเทคโนโลยดี ้านนีไ้ ด้ อยา่ งง่ายดาย ดงั นั้นหากใชเ้ ทคโนโลยีส่ือสาร เหลา่ นีเ้ ป็นเคร่ืองมือในการเรยี นรู้ ก็จะทำให้ เขา้ ถงึ ไดง้ ่ายและสะดวกสบายมากขน้ึ 3 การนำเสนอขอ้ มูลดว้ ย ขอ้ ท่ี 4,5 การนำเสนองานหรอื ข้อมูลในปจั จุบันอกี หนึ่ง 8 40 แอปพลเิ คชัน รปู แบบที่น่าสนใจและสอดคลอ้ งกับเทคโนโลยี คือ 20 การนำเสนอด้วยแอปพลเิ คชัน ซ่ึงเปน็ ตวั ช่วยที่ 80 เพมิ่ ความสะดวกสบาย ถึงแมเ้ ทคนิค ความ 20 น่าสนใจและลกู เลน่ อาจจะไมเ่ พยี งพอกต็ าม แตก่ ็ 100 สามารถเปน็ สว่ นประกอบในการนำเสนอขอ้ มลู ได้ เป็นอยา่ งดี รวมระหวา่ งภาคเรียน ทดสอบปลายภาคเรยี น รวมทั้งส้ินตลอดภาคเรยี น
188 โครงสรา้ งรายวิชา รายวชิ า การสืบคน้ ข้อมูล สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว23202 เวลา 20 ช่วั โมง ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 หนว่ ย ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้ำหนกั ที่ (ชั่วโมง) คะแนน 1 ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา ขอ้ ที่ 1 ทรัพย์สนิ ทางปัญญา หมายถึง ผลงานอันเกิด 4 20 จากความคดิ สรา้ งสรรคข์ องมนษุ ย์ โดยทั่ว ๆ ไป คนไทยสว่ นมากจะคุ้นเคยกบั คำวา่ \"ลขิ สิทธ์\"ิ ซ่ึง ใช้เรยี กทรัพย์สินทางปัญญาทกุ ประเภท โดยที่ ถูกต้องแล้วทรัพยส์ ินทางปัญญาแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ท่เี รียกวา่ ทรพั ยส์ ินทางอตุ สาหกรรม และลขิ สิทธิ์ 2 การใชเ้ ทคโนโลยี ขอ้ ท่ี 2 ปจั จุบนั เทคโนโลยสี ารสนเทศมีบทบาทสำคญั 6 30 สารสนเทศอย่างปลอดภัย และสง่ ผลต่อการเปล่ยี นแปลงในทุก ๆ ด้าน ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นการดำเนินชวี ิตประจำวนั การศกึ ษา เศรษฐกจิ สังคม การเมอื ง และการ ดำเนนิ งานในทุกสาขาอาชพี ทำใหท้ ุกคน ในสังคมต้องมีการปรับตัว และพฒั นาตนเอง ใหท้ ันตอ่ การเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี สารสนเทศ การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ มที งั้ คุณและโทษนกั เรยี นต้องศึกษาเพ่อื ใชง้ าน ไดอ้ ยา่ งรเู้ ทา่ ทัน และสามารถใช้ชวี ิตอยู่ไดอ้ ยา่ ง ปลอดภัยในสงั คมปัจจบุ นั นอกจากนนย้ี งั ตอ้ ง สามารถเลอื กและใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ด้านตา่ ง ๆ อย่างสรา้ งสรรคแ์ ละมจี รยิ ธรรม 3 การใชเ้ ทคโนโลยเี ผยแพร่ ข้อที่ 3 ปจั จุบนั การเผยแพรส่ ารสนเทศทำไดอ้ ยา่ ง 6 30 ผลงาน สะดวก รวดเร็ว ยดื หยุน่ และประหยัด เนอื่ งจาก เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารท่ี เปลย่ี นแปลงกระบวนการเผยแพรส่ ารสนเทศทงั้ ในระหวา่ งบุคคล ไปสกู่ ล่มุ ผ้ใู ช้ หรอื แก่ สาธารณะโดยอนิ เทอรเ์ น็ตได้เขา้ มามีบทบาทใน การส่อื สารทัง้ ในระดบั บคุ คล กลุ่มบุคคล ภายใน หน่วยงาน ระหว่างหนว่ ยงานโดยไม่จำกดั เวลา และสถานท่ี
หน่วย ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด 189 ที่ เวลา นำ้ หนัก 4 ความเปน็ ส่วนตวั ข้อท่ี 4,5 เทคโนโลยหี ลาย ๆ อยา่ ง เราใช้เพอ่ื อำนวยความ (ชัว่ โมง) คะแนน สะดวกในดา้ นตา่ ง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ด้านการ สื่อสาร มีการใช้คอมพิวเตอรเ์ พือ่ ช่วยในการเกบ็ 4 40 ขอ้ มลู ประมวลผล และแสดงผลขอ้ มลู ในโลกที่ เช่ือมตอ่ ทางอินเทอรเ์ นต็ ดังนน้ั การใชห้ รือให้ 80 ขอ้ มูลต่าง ๆ จึงจำเป็นตอ้ งมนี โยบายความเป็น 20 สว่ นตวั เพอ่ื คดั กรองการเขา้ ถึงข้อมูล ปกป้อง 20 100 ข้อมลู บนโลกออนไลน์ ความเปน็ ส่วนตัวจงึ เป็น สทิ ธใิ นการเปน็ เจา้ ของและควบคมุ ข้อมูลของ ตนเองในการเปิดเผยหรอื เผยแพรข่ ้อมูลใด ๆ ใหก้ ับผูอ้ ื่น รวมระหว่างภาคเรยี น ทดสอบปลายภาคเรยี น รวมทั้งส้ินตลอดภาคเรียน
190 โครงสรา้ งรายวิชา รายวชิ า การสบื คน้ ข้อมูล สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว23204 เวลา 20 ชว่ั โมง ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 2 หน่วย ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้ำหนัก ท่ี (ชั่วโมง) คะแนน 1 อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ข้อที่ 1 อนิ เทอร์เน็ตของสรรพสิ่งหรือไอโอที เปน็ การ 4 20 เช่ือมโยงอุปกรณต์ ่าง ๆ เขา้ กบั โครงขา่ ย อินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถส่งข้อมลู ท่ีเซนเซอร์ วดั จากสภาพแวดล้อมไปยงั เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ และอปุ กรณ์อืน่ ๆ ท่เี ชื่อมอยู่กับระบบ อนิ เทอรเ์ นต็ ได้ จงึ เปน็ กลไกทีใ่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากเซนเซอรไ์ ดส้ ะดวก 2 การพฒั นาแอปพลเิ คชัน ขอ้ ที่ 2 การพัฒนาแอปพลเิ คชนั หรือซอฟต์แวร์น้ัน อาจ 6 30 ไอโอที ทำไดโ้ ดยใชเ้ คร่อื งคอมพวิ เตอร์เพยี งเครอื่ งเดียว ทำให้สามารถเริ่มต้นได้ง่าย แตกตา่ งจากการ พฒั นาผลติ ภัณฑท์ างวศิ วกรรมอ่ืน ๆ ดังน้ันการ พัฒนาแอปพลิเคชนั ทีด่ ีตอ้ งมีการวางแผนการ ดำเนนิ การอยา่ งเป็นระบบ 3 การออกแบบและ ข้อที่ 3 การใช้ Scratch สามารถนำไปพัฒนางานได้ 6 30 ประยกุ ตใ์ ช้ Scratch หลากหลาย เชน่ งานกราฟิก งานท่ีเกี่ยวกับการ ประมวลผลขอ้ มลู เคร่อื งมือทำงาน สอ่ื การเรียนรู้ เกม ทำใหไ้ ด้รบั ความนยิ มมาก อีกทง้ั ยงั เปน็ การ เรียนรูห้ ลักการเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้นได้เปน็ อยา่ งดี 4 รู้เทา่ ทันเทคโนโลยี ข้อท่ี 4 ในปัจจุบันการเขา้ ถึงขอ้ มูลสารสนเทศทำได้งา่ ย 4 40 ดังนั้น การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศจงึ เปน็ เรอื่ งทเ่ี ก่ียวกับทุกคน ซึ่งจำเป็นต้องมีความรู้ ความรอบคอบ เขา้ ใจเทคโนโลยี และศึกษา เง่อื นไขในการใชง้ าน จึงควรเรยี นรู้และติดตาม การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี ความนา่ เชอ่ื ถือ ของขอ้ มลู เหตผุ ลวบิ ตั กิ ารรู้เทา่ ทันสือ่ การใชไ้ อ โอทีอย่างปลอดภัยและมคี วามรับผิดชอบ รวมระหว่างภาคเรียน 80 ทดสอบปลายภาคเรยี น 20 รวมทั้งสนิ้ ตลอดภาคเรียน 20 100
191 ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดทำสื่อและจัดให้มีแหล่งเรียนรู้ ตามหลักการ และนโยบายของการจดั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน ดังนี้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่ายการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีในท้องถิ่น การเลือกใช้สื่อควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรู้ที่หลากหลายของผู้เรียน การจดั หาส่อื การเรียนรู้ ผเู้ รียนและผ้สู อนสามารถจดั ทำและพัฒนาข้นึ เอง หรอื ปรับปรงุ เลอื กใช้อย่างมีคุณภาพ จากสื่อต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรดำเนินการ ดังนี้ 1. จดั ใหม้ ีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์ส่อื การเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรยี นรู้ และเครือข่ายการเรียนรู้ท่ี มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การ เรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศึกษา ทอ้ งถน่ิ ชมุ ชน สงั คมโลก 2. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้ง จดั หาส่ิงที่มีอยใู่ นท้องถิ่นมาประยกุ ต์ใช้เป็นส่ือการเรียนรู้ 3. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้องกับวิธีการ เรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของผู้เรียน 4. ประเมินคุณภาพของส่ือการเรยี นรทู้ ีเ่ ลือกใช้อยา่ งเป็นระบบ 5. ศึกษาคน้ คว้า วิจยั เพอื่ พฒั นาสือ่ การเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกบั กระบวนการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น 6. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อการเรียนรู้ เป็นระยะ ๆ และสม่ำเสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษาควรคำนึงถึง หลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ กจิ กรรมการเรยี นรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรยี น เนอ้ื หามี ความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รปู แบบการนำเสนอทีเ่ ข้าใจง่าย และนา่ สนใจ
192 กำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี คะแนน 1. อัตราสว่ นคะแนน (ระดบั ประถมศึกษา) (70) คะแนนระหวา่ งปกี ารศกึ ษา : สอบปลายปีการศึกษา = 70 : 30 60 รายการวดั 10 ระหวา่ งภาค 30 มีการวดั และประเมนิ ผล ดังน้ี 100 1. คะแนนระหว่างปีการศกึ ษา 1.1วดั โดยใชแ้ บบทดสอบ 1.2วัดทกั ษะ/กระบวนการ/สมรรถนะ (เลือกวดั ตามแผนการจัดการเรียนร)ู้ 1.2.1 ภาระ งานทมี่ อบหมาย 1.2.2 แฟม้ สะสมงานวิทยาศาสตร์ 1.2.3 โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1.2.4 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1.3 วดั คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และเจตคตทิ ่ดี ตี ่อวิชาวทิ ยาศาสตร์ - การทำใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝกึ ทักษะ - การแกป้ ญั หาวิทยาศาสตร์ - การศกึ ษาคน้ ควา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ - การร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ - มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ - ใฝเ่ รยี นรู้ - ม่งุ ม่ันในการทำงาน - มจี ติ สาธารณะ 2. คะแนนสอบกลางปีการศึกษา มกี ารวัดและประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบ คะแนนสอบปลายปีการศึกษา มีการวัดและประเมินผลโดยใชแ้ บบทดสอบ รวมท้งั ปี
2. อตั ราสว่ นคะแนน (ระดับมธั ยมศึกษา ) 193 คะแนนระหวา่ งปีการศึกษา : สอบปลายปีการศกึ ษา = 70 : 30 คะแนน รายการวดั 70 ระหวา่ งภาค 1.1 วดั โดยใช้แบบทดสอบ 1.2 วดั ทกั ษะ/กระบวนการ/สมรรถนะ (เลือกวัดตามแผนการจัดการเรยี นร)ู้ 1.2.1 ภาระ 10 งานท่ีมอบหมาย 20 1.2.2 แฟม้ สะสมงานวิทยาศาสตร์ 100 1.2.3 โครงงานวิทยาศาสตร์ 1.2.4 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1.3 วัดคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ และเจตคติท่ดี ีต่อวิชาวิทยาศาสตร์ มกี ารวัดและประเมินผล ดงั นี้ 1. คะแนนระหว่างภาคเรียน - การทำใบงาน/แบบฝึกหดั /แบบฝึกทกั ษะ - การแกป้ ญั หาวิทยาศาสตร์ - การศึกษาคน้ คว้าทางวิทยาศาสตร์ - การรว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ - มีวนิ ยั รับผดิ ชอบ - ใฝเ่ รียนรู้ - ม่งุ ม่ันในการทำงาน - มีจิตสาธารณะ 2. คะแนนสอบกลางภาคเรยี น มกี ารวัดและประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบ * คะแนนสอบปลายปีการศึกษา มีการวัดผลและประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบ รวมท้ังภาคเรียน
194 3. เกณฑก์ ารวดั ผลประเมินผล 1. การวดั และประเมนิ ผลโดยใช้แบบทดสอบ กำหนดเกณฑก์ ารให้คะแนนแตล่ ะแบบทดสอบ ดังนี้ 1.1 เกณฑ์ใหค้ ะแนนแบบทดสอบแบบเลือกตอบ พจิ ารณาจากความถูกผดิ ของการเลือกตอบ ตอบถูกให้ 1 คะแนน ตอบผิดให้ 0 คะแนน 1.2 เกณฑ์ใหค้ ะแนนแบบทดสอบแบบถกู ผิด พิจารณาจากความถูกผิดของคำตอบ ตอบถูกให้ 1 คะแนน ตอบผดิ ให้ 0 คะแนน 1.3 เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบเตมิ คำ พิจารณาจากความถกู ผิดของคำตอบ ตอบถกู ให้ 1 คะแนน ตอบผดิ ให้ 0 คะแนน 1.4 เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบเขียนตอบ พิจารณาจากคำตอบในภาพรวมทั้งหมด โดยกำหนดระดบั คะแนนเป็น 4 ระดับ ดงั นี้ ระดบั คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน 4 ตอบได้ถกู ต้อง และสามารถอธบิ ายเหตผุ ลได้อย่างชดั เจน พรอ้ มทง้ั แสดงแนวคิดเชงิ เปรียบเทียบ 3 ตอบได้ถูกต้อง และสามารถอธิบายเหตุผลไดอ้ ย่างชดั เจน 2 ตอบได้ถูกต้อง และสามารถอธบิ ายเหตุผลได้เปน็ บางส่วน แต่ยงั ไมช่ ดั เจน 1 ตอบได้ถกู ต้อง แตไ่ มส่ ามารถอธิบายเหตุผลได้ 0 ตอบไม่ถูกตอ้ ง และไม่สามารถอธบิ ายเหตุผลได้ 2. การวัดและประเมนิ ผลดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ/สมรรถนะ 2.1 ภาระงานท่ีมอบหมาย ดังนี้ - ใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝกึ ทักษะ กำหนดเกณฑ์การประเมนิ ผลของการทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝกึ ทักษะ เป็น 4 ระดับ ดงั นี้ ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา 4 - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะครบถ้วนและเสร็จตามกำหนดเวลา (ดีมาก) - ทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝกึ ทกั ษะไดถ้ ูกตอ้ ง - แสดงลำดับข้นั ตอนของการทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทกั ษะชัดเจนเหมาะสม 3 - ทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝึกทักษะครบถว้ นและเสร็จตามกำหนดเวลา (ด)ี - ทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝึกทักษะไดถ้ ูกต้อง - สลับข้ันตอนของการทำใบงาน/แบบฝึกหดั /แบบฝึกทักษะ หรือไม่ระบุข้ันตอนของการทำ- ทำใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝึกทกั ษะ 2 - ทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝึกทกั ษะครบถ้วน แต่เสร็จหลงั กำหนดเวลาเล็กนอ้ ย (พอใช้) - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝกึ ทักษะไม่ถูกต้อง - สลบั ข้นั ตอนของการทำใบงาน/แบบฝึกหดั /แบบฝึกทักษะ หรือไมร่ ะบุขั้นตอนของการทำ- 1 ทำใบงาน/แบบฝึกหดั /แบบฝึกทักษะ (ตอ้ งปรบั ปรุง) - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝกึ ทักษะไมค่ รบถว้ น หรือไมเ่ สรจ็ ตามกำหนดเวลา - ทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝึกทักษะไมถ่ ูกต้อง - แสดงลำดับข้ันตอนของการทำใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝึกทักษไม่สัมพนั ธก์ ับโจทย์หรอื ไม่ แสดงลำดับขน้ั ตอน
195 การประเมนิ ผลการแก้ปญั หาทางวิทยาศาสตร์ กำหนดเกณฑ์การประเมนิ ผลการแก้ปัญหาโดยใชว้ ิธีการทางวิทยาศาสตร์ ดงั น้ี รายการประเมนิ ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพจิ ารณา 1. การสังเกต เพ่ือ 3 (ดี) - เข้าใจและระบุปญั หาได้ถูกต้อง - เข้าใจและระบุปัญหาบางส่วนไมถ่ ูกต้อง ระบุปญั หา 2 (พอใช)้ - เข้าใจปญั หานอ้ ยมากหรือไมส่ ามารถระบุ ปัญหา 1 (ตอ้ งปรับปรุง) - ตั้งสมมตฐิ านของปญั หาไดเ้ หมาะสมและ 2. การตั้งสมมติฐาน 3 (ด)ี ถูกต้อง 2 (พอใช)้ - ตงั้ สมมติฐานของปญั หาไดซ้ ึ่งอาจนำไปสู่ 1 (ตอ้ งปรับปรุง) คำตอบทีถ่ ูก แต่ยงั มบี างสว่ นผดิ - ตงั้ สมมตฐิ านของปญั หาไม่ถูกต้อง 3. การรวบรวมข้อมลู 3 (ดี) - นำวธิ ีการปญั หาไปใช้ได้ถูกต้อง 2 (พอใช)้ - นำวิธีการปญั หาไปใชไ้ ด้ถกู ต้องเป็นบางครั้ง - นำวิธีการปญั หาไปใชไ้ ม่ถูกต้อง 1 (ต้องปรับปรุง) - สรุปผลได้ถกู ต้อง สมบูรณ์ 4. การสรปุ ผล 3 (ด)ี - สรุปผลทีไ่ มส่ มบูรณ์หรอื ไม่ถูกตอ้ ง - ไมม่ ีการสรปุ ผล 2 (พอใช้) 1 (ต้องปรบั ปรุง)
196 การประเมนิ ผลการศึกษาคน้ คว้าทางวิทยาศาสตร์ 1) กำหนดเกณฑ์การประเมินผลการศึกษาค้นคว้าทางวทิ ยาศาสตร์ด้านทฤษฎี เป็น 4 ระดับ ดังน้ี ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา 4 - การวางแผนชัดเจนและทำงานเป็นระบบ (ดีมาก) - แสดงข้อมลู ละเอียดชดั เจน - แสดงความเช่อื มโยงระหว่างเนือ้ หาวชิ าได้ชดั เจน 3 - ลงขอ้ สรปุ ทถ่ี ูกตอ้ งชัดเจน (ด)ี - นำเสนอผลงานอยา่ งเหมาะสม 2 - การวางแผนชดั เจน (พอใช)้ - แสดงข้อมลู ทล่ี ะเอียดชดั เจน - แสดงความเชื่อมโยงระหว่างเนอ้ื หาวิชาไดช้ ัดเจน 1 - ลงขอ้ สรุปท่ีถูกตอ้ งชัดเจน (ปรับปรงุ ) - นำเสนอผลงานไดย้ ังไม่ชัดเจน - การวางแผนไม่ชดั เจน - แสดงขอ้ มลู บางสว่ นผิดพลาด - แสดงความเช่อื มโยงระหวา่ งเน้ือหาวชิ าได้ไม่ชัดเจน - ลงข้อสรปุ บางส่วนผิดพลาด - นำเสนอผลงานได้ไมช่ ัดเจน - การวางแผนไม่ชดั เจน - แสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง - แสดงความเชื่อมโยงระหวา่ งเนอ้ื หาวิชาไดไ้ มช่ ดั เจน - ลงข้อสรปุ ทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง - นำเสนอผลงานได้ไมถ่ ูกต้อง
197 2) กำหนดเกณฑ์การประเมินผลการศึกษาคน้ คว้าทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่มผี ลงานเป็นสง่ิ ประดิษฐ์ เปน็ 4 ระดับ ดังนี้ ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพจิ ารณา 4 - มคี วามคดิ ริเร่ิมสรา้ งสรรค์และแปลกใหม่ (ดมี าก) - แกป้ ญั หาและตอบสนองตามความต้องการ - วางแผนการสร้างโดยใช้เทคนคิ ระดับสูงและมีคุณภาพ พร้อมทัง้ แสดง 3 รายละเลยี ดของช้นิ งานในแต่ละสว่ นชดั เจนสมบรู ณ์ (ด)ี - เลือกและใช้เครื่องมือวัดพร้อมระบุหน่วยวดั ได้เหมาะสม - ดงึ ดดู ความสนใจและมปี ระสทิ ธิภาพในการทำงานสงู สุด ตลอดจน 2 ปลอดภยั ประหยดั แข็งแรงและน่าเช่ือถือ (พอใช้) - ใชง้ านไดต้ ามความคาดหวงั - สร้างและเก็บรกั ษางา่ ย 1 - คู่มอื แนะนำการใชม้ คี วามชัดเจนและเข้าใจงา่ ย (ปรับปรุง) - มีความคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรค์และแปลกใหม่ - แก้ปัญหาและตอบสนองตามความต้องการ - วางแผนการสรา้ งและแสดงรายละเลยี ดของแตล่ ะสว่ นชดั เจน - เลือกและใช้เครือ่ งมือวัดพร้อมระบุหน่วยวดั ไดเ้ หมาะสม - ดงึ ดูดความสนใจ - ใชง้ านไดต้ ามความคาดหวงั - สรา้ งและเกบ็ รักษางา่ ย - มคี วามคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ - แก้ไขปัญหาและตอบสนองตามความต้องการ - วางแผนการสรา้ งและแสดงรายละเลียดของแตล่ ะส่วนได้ชัดเจนสมบรู ณ์ เป็นส่วนใหญ่ - เลือกและใช้เครื่องมือวดั พร้อมระบุหนว่ ยวดั ไดเ้ หมาะสม - ดึงดูดความสนใจ - ใชง้ านได้ตามความคาดหวงั - สร้างและเกบ็ รกั ษางา่ ย - ขาดความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ - ไมต่ อบสนองต่อแก้ไขปัญหาและความต้องการ - วางแผนการสรา้ งได้ชดั เจนเพียงบางส่วน - เลอื กและใช้เคร่ืองมือวัดพร้อมระบุหนว่ ยวดั ได้ไม่เหมาะสม - ชิ้นงานขดั ข้อง ใช้งานไม่ได้ตามความคาดหวงั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209