(4) เขา้ สภู่ าวะผู้น�ำโดยธรรมชาติดว้ ยการรับใช้เพอ่ื นมนษุ ย์ เพื่อลดอัตตาตนเอง เพอ่ื เรยี นรู้ทฏิ ฐิ 62 รปู แบบในเพอ่ื นมนุษย์ เพ่ือเข้าสู่ความรักความเข้าใจในเพื่อนมนุษย์อย่างถึงที่สุด เพื่อ เปลย่ี นความอดทนอดกลน้ั ใหก้ ลายเปน็ ความเขา้ ใจดว้ ยปญั ญา ที่ละเอียดลึกซึ้ง (หลักการลดอัตตาเพื่อยกระดับจิตให้เข้าใจ เพือ่ นมนุษย)์ (5) ให้มองเพื่อนมนุษย์ว่าแต่ละคนล้วนเป็นหน่ึงในตนเอง ไม่มีใครเก่งกว่าใครในทุกเร่ือง เสมอใครในทุกเร่ือง และด้อย กว่าใครในทุกเร่ือง มนุษย์มีความเท่าเทียมกันโดยธรรมชาติ การเรียกร้องความเป็นธรรมท่ีปรากฏข้ึนท่ัวไปในทุกวันน้ีจึง เปน็ เพยี งมายาคตทิ เี่ กดิ จากความอยากใหเ้ ปน็ ไปดงั ใจปรารถนา มนษุ ยพ์ งึ หนั หนา้ เขา้ หากนั ดว้ ยศานติ คอื ตงั้ เจตนาแหง่ ความรกั ความเขา้ ใจ มคี วามกลา้ ทจ่ี ะกา้ วขา้ มอตั ตาในตนเอง (แมจ้ ะตอ้ ง เจบ็ ปวดบ้างก็ตาม) ให้การมีสว่ นร่วม และสามัคคีกนั จนกลาย เป็น Oneness (หลักความเท่าเทียม/ร้รู ักสามัคค)ี กล่าวโดยสรุป ความรสู้ กึ ทัศนะ และหลักการเหลา่ นต้ี ัง้ อยู่ บนพนื้ ฐาน 3 ประการ คอื (1) เข้าใจตนเอง (2) เข้าใจผู้อ่ืน (3) เข้าถึงหน้าท่ีท่ีมนุษย์ พึงมตี อ่ มนษุ ย์ — 201 —
— 202 —
เราจะ ‘รตู้ วั ’ ก็ตอ่ เมื่อ ฝกึ ท่จี ะอย่กู บั ตัวเองใหไ้ ด้ แม้จะรสู้ กึ ดอ้ ย หรอื ไม่สมบูรณเ์ พยี งใดกต็ าม อนุรกั ษ์ เม่นหรุ่ม — 203 —
เสน้ ทาง ส่ชู ีวิตสดุ ท้าย — 204 —
รัสรนิ ทร์ เรอื งบรู ณะรัตน์ ชีวิตทีพ่ ลิกผนั ของผู้หญงิ คนหนึง่ รัสรนิ ทร์ เรืองบูรณะรตั น์ หรอื คณุ ตกิ๊ เจา้ ของบรษิ ทั เฟอรน์ เิ จอรไ์ มส้ ำ� หรบั ตกแตง่ สวนแบรนด์ “มา้ ไม”้ เปน็ ผ้เู ขยี นหนงั สอื และเจา้ ของเพจ ลูกในฝนั คนอยา่ งฉนั ก็สรา้ งได้ ท่ี แบ่งปนั มุมมองและแนวคิดในการเลี้ยงลูกใหเ้ ป็นคนดแี ละมคี วามสุข — 205 —
จากทท่ี ง้ั ชวี ติ ทม่ี นี สิ ยั ดา้ นลบจนทำ� ใหม้ ปี ญั หาความสมั พนั ธ์ พร้อมๆ กับปัญหาด้านการเงินและสุขภาพ จนเกิดสภาวะเบ่ือ หน่าย ท้อแท้ สิ้นหวัง เร่ิมต�ำหนิตัวเอง ซึมเศร้า และมีภาวะ อยากฆา่ ตวั ตาย จนมาสจู่ ดุ เปลยี่ นทท่ี ำ� ใหเ้ ธอมองเหน็ ภาพใหญ่ ของชวี ติ เหน็ เหตแุ หง่ ความทกุ ข์ ผา่ นการวเิ คราะหใ์ ครค่ รวญและ ท�ำความเข้าใจจากภายใน จนสามารถหลุดจากทุกข์เดิมๆ ได้ ความทุกข์ คอื ประตสู ูก่ ารเปลย่ี นแปลง เนอ่ื งจากนสิ ยั ส่วนตัวที่เปน็ คนใจรอ้ น ข้ีหงุดหงดิ เอาแต่ใจ ตวั เอง ชอบเอาชนะ บวกกบั ความไมเ่ ขา้ ใจในตวั เองอยา่ งแทจ้ รงิ จนทำ� ให้มีปญั หาความสมั พันธ์ พร้อมๆ กับปญั หาดา้ นการเงิน และสุขภาพ จนเกดิ สภาวะเบ่ือหนา่ ย ทอ้ แท้ ส้นิ หวัง เริม่ ต�ำหนิ ตัวเอง ตอนนน้ั ลกู คนเล็กเพิง่ อายุได้ 2 เดอื นกว่า คนโตได้ 8 ขวบ ตก๊ิ เกดิ ภาวะซมึ เศรา้ อยากตาย นง่ั มองลกู ๆ แลว้ กค็ ดิ วา่ จะใหใ้ คร ดแู ลตอ่ เราจะไดต้ ายแบบอยา่ งหมดหว่ ง พอคดิ เสรจ็ กเ็ หมอื นมี อีกตวั ท่ีกำ� ลงั มองดคู วามคดิ เราอยู่ เม่อื เห็นความคดิ ของตัวเอง ก็ตกใจ ว่าท�ำไมถึงคิดไดข้ นาดนั้น — 206 —
เรมิ่ เหน็ วา่ ปลอ่ ยใหเ้ ปน็ แบบนต้ี อ่ ไปไมไ่ ดแ้ ลว้ จงึ เปน็ เหตใุ ห้ เร่ิมสนใจศกึ ษาศาสตร์ NLP (Neuro – Linguistic Programming) เรมิ่ น่ังสมาธิ และตงั้ ใจรกั ษาศีล 5 หลงั จากนั้นชีวติ เร่มิ ดีขน้ึ ตาม ล�ำดับ เกดิ สภาวะบางอยา่ งขึ้นเป็นการเปลยี่ นแปลงจากภายใน แตเ่ นอ่ื งจากตวั ตกิ๊ เองไมเ่ คยไดศ้ กึ ษาพระพทุ ธศาสนาอยา่ งลกึ ซง้ึ ท�ำใหไ้ ม่เขา้ ใจสภาวะทเ่ี กดิ ข้ึนในตอนนน้ั ต๊กิ เริม่ ศึกษาเพ่ิมเตมิ และเรม่ิ ไปพดู คุยสนทนาธรรมกบั พระ กบั อาจารย์หลายๆ ท่าน เริม่ ปะตดิ ปะตอ่ ความรู้ตา่ งๆ บวกกับการพิจารณาชีวติ ตวั เองที่ ผ่านมา เราเรมิ่ เข้าใจสิง่ ตา่ งๆ รอบตัว น�ำความรนู้ ้มี าใชพ้ ฒั นา ชวี ิต ส่งิ ทเี่ คยเปน็ ปัญหาก็ไมใ่ ชป่ ัญหาอกี ต่อไป การตน่ื ร้คู อื อะไร ‘สติ’ ท�ำให้เราต่ืน เมื่อเราต่ืนแล้ว เราจะรู้ว่าความทุกข์ ทั้งหมด มีรากลึกมาจากความกลัว ซึ่งมันมาจากความไม่รู้ ความไม่เข้าใจ การต่ืนรู้คือการได้รู้จัก และได้เข้าใจตัวเอง ว่า แทจ้ รงิ แลว้ เราไมไ่ ดเ้ ป็นอะไรเลย ทกุ สิง่ ล้วนเปน็ เพียงธรรมชาติ ท่หี มุนเวยี นเปล่ียนไป ทีอ่ ิงอาศัยเชอ่ื มโยงกนั เมื่อเราเข้าใจเรา จะไม่ยึดท้ังตัวเราและสิ่งอ่ืน เราจะไม่คิดปรุงแต่งให้เกิดความ กลัวจนเป็นทุกข์ เราจะได้ตาค่ใู หม่ที่มองเห็นความสมดุล ความ สมบูรณ์ และความสุขที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า — 207 —
จังหวะแหง่ การต่นื มันน่าจะเกิดข้ึนมาได้หลายปีแล้ว แต่ตอนน้ันติ๊กยังไม่รู้ว่า มนั คืออะไร เริ่มต้ังแต่เดก็ ๆ ทม่ี คี ำ� ถามใหต้ ัวเองอย่ตู ลอดเวลา ว่าเกิดมาท�ำไม รู้สึกเหมือนต้องท�ำอะไร แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร มคี วามรสู้ กึ ว่าทุกอย่างท่ีเราเห็นรอบตัว ไมใ่ ชข่ องจริง เวลามอง ตวั เองในกระจก กร็ ู้สกึ เหมอื นวา่ นัน่ ไม่ใช่เรา พอโตกพ็ ฒั นามา เปน็ การเหน็ ความคดิ ความรู้สกึ และเหน็ การกระทำ� ของตวั เอง เหมอื นเราเปน็ อกี คนท่ีมองมาอกี ที ในตอนนัน้ ไม่เขา้ ใจส่ิงเหลา่ นี้ กเ็ ริ่มสงสยั ในตัวเอง สว่ นสง่ิ ทที่ ำ� ใหเ้ หน็ ชดั เจนเปน็ เหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขนึ้ ตอนเดอื น พฤศจิกายน 2559 เกิดอุบัติเหตุมีคนหลับในขับรถมาชนท้าย รถติ๊กอย่างรุนแรง ลูกๆ ร้องไห้กันระงมด้วยความตกใจ โชคดี ท่ีไม่มีใครบาดเจ็บร้ายแรง เหตุการณ์วันนั้นท�ำให้ต๊ิกรู้สึกว่า สิ่ง ที่น่ากลัวที่สุดส�ำหรับเราคือการสูญเสียคนที่เรารัก หลังจากวัน นนั้ ทำ� ใหเ้ กดิ อาการวติ กกงั วล เวลาลกู ไปโรงเรยี น เวลาสามอี อก ไปท�ำงาน เราก็กลัวว่าพวกเขาจะไม่ได้กลับมา น่ังไม่ติด กลัว ไปหมดทุกอยา่ ง เปน็ แบบนั้นสปั ดาห์กว่า จนรูส้ กึ ว่าทนสภาวะ แบบนนั้ ไม่ไหวแล้ว — 208 —
จนมาถึงคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน เป็นเวลาเกือบ เท่ยี งคืน ติ๊กนอนไมห่ ลบั เลยเดินลงมาข้างล่าง แลว้ กน็ ง่ั คิดกับตวั เองในใจ ว่าไมไ่ หวแลว้ ใครกไ็ ด้ชว่ ยที ไมอ่ ยาก เป็นแบบนี้เลย แล้วจู่ๆ ก็มีความรู้สึกเหมือนมีความคิด หรือค�ำพูดบางอย่าง ว่ิงเข้ามาในหัว ติ๊กน่ังนิ่งพยายาม ต้ังใจฟังว่าเราก�ำลังได้ยินอะไร เสียงในหัวนี้ก�ำลังบอก อะไรเรา มันมาแบบพรั่งพรู ติ๊กน่ังท�ำความเข้าใจจนจบ ก็รู้สึกเบา สบายใจ โล่ง ไม่กลัว ไม่กังวลแล้ว หลังจาก เหตุการณ์ในวันน้ัน ก็จะมีข้อความแบบน้ีเข้ามาเร่ือยๆ เราก็ฟงั และทำ� ความเขา้ ใจตามไป และเกิดจดุ เปล่ียนสำ� คัญอกี คร้งั ตอนเดอื นเมษายน ปี 2560 ตก๊ิ ไดเ้ ขา้ กระบวนการคน้ หาเปา้ หมายในชวี ติ กบั เพอ่ื นทา่ นหนงึ่ เปน็ ครงั้ แรกในชวี ติ ทตี่ ก๊ิ ไดเ้ หน็ ชดั ๆ ถงึ สง่ิ ทเ่ี ราตอ้ งการอยา่ งแทจ้ รงิ เปา้ หมายสงู สดุ ของเราคอื การ หลุดพ้นจากความทุกข์และเป็นอิสระจากพันธนาการทั้ง หลาย ไมต่ ้องกลับมาเวยี นว่ายตายเกิดแล้ว หลังจากน้ัน ต๊กิ ก็ไดพ้ บกบั เส้นทางทที่ ำ� ใหเ้ ราไดต้ ื่นรู้คะ่ — 209 —
ส่งิ สำ� คญั ที่ได้รบั จากการต่นื ถ้าเรามีสติ น่ิงพอและหยุดฟัง เราจะได้รับค�ำตอบท่ีท�ำให้ เราเขา้ ใจ วา่ ทกุ คนทกุ เหตุการณ์ทเ่ี ข้ามาในชีวติ เรา เปน็ เหมือน ของขวญั เปน็ ครทู ม่ี าสอนเรา เปน็ สงิ่ ทเ่ี ราตอ้ งเกดิ มาเพอ่ื เรยี นรู้ และเข้าใจ มันคือคุณคา่ ท่ีซ่อนในความไม่รู้ ความโง่ ความห่วย ที่เรามี และนั่นคือสง่ิ ทีน่ ำ� ไปส่กู ารตนื่ รทู้ ี่แทจ้ รงิ สภาวะตน่ื รู้ท่ีตก๊ิ ได้รบั เหมอื นไดเ้ กิดใหมใ่ นขณะทีม่ ีชวี ติ อยู่ รสู้ กึ เปน็ อสิ ระอยา่ งแทจ้ รงิ สงบ โลง่ เบา มพี ลงั ครอบครวั และคน รอบข้างมีความสุขไปด้วย หากต๊ิกไม่ได้ผ่านประสบการณ์ต่ืนนี้ ชวี ิตกย็ ังคงจมอย่กู บั กองทกุ ขอ์ ย่างแนน่ อน อุปสรรคสำ� คญั ของการต่นื ส่ิงท่ีเป็นอุปสรรคส�ำคัญ คือ ‘ตัวกู’ น่ีแหละ เราต้องวาง ความยดึ มน่ั ถอื มนั่ ในตวั เองลง เรยี นรไู้ ปเรอื่ ยๆ รใู้ หห้ มด รใู้ หส้ ดุ รแู้ ลว้ วาง วางสงิ่ ทรี่ ู้ ไมย่ ดึ ทงั้ ความรู้ และผใู้ หค้ วามรู้ และทสี่ ำ� คญั คอื อย่ใู หเ้ ปน็ เห็นว่าทกุ สง่ิ ล้วนเปน็ ไปตามธรรมชาติ — 210 —
ตน่ื เพอ่ื ตนเองและสังคมโดยรวม เม่ือเรามีเป้าหมายในชีวิต ด้วยการตั้งค�ำถามท่ีถูกต้องให้ กับตัวเองวา่ อะไรคือสิง่ ทีเ่ ราต้องการ น่นั จะทำ� ให้เรารูว้ า่ จะเดนิ บนเสน้ ทางไหน จากนนั้ กใ็ ชช้ วี ติ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความเขา้ ใจจาก ภายในของเรา คนจะเชื่อในสิ่งทีเ่ ขาเห็นว่าเราเปน็ เขาไม่ไดเ้ ชอ่ื จากส่ิงที่เราพูด การต่ืนรู้ของเราจะท�ำให้สังคมและโลกนี้น่าอยู่ ขนาดไหน มันกไ็ ดเ้ ทา่ กับทีเ่ ราจนิ ตนาการ ทกุ สิง่ เทา่ ทม่ี นษุ ยจ์ ะจนิ ตนาการได้ จริงๆ ท้งั หมดเคยเกิด ขนึ้ แลว้ แตต่ ราบใดทีม่ นษุ ย์ยงั คงเชอ่ื มนั่ และศรัทธาในพลงั ของ ส่ิงอ่ืน มากกว่าพลังท่ีมีอยู่ภายในตนเอง การไม่เห็นแจ้งแห่ง ความจริง กย็ ังคงอยูต่ ราบนั้น — 211 —
ตื่นร้ตู วั — 212 —
ธาตรี โภควนชิ “การต่ืนรู้ ประกอบด้วยความสมบูรณ์แบบท่ีสุดของความเป็น มนุษย์ เป็นเหมือนเป้าหมายที่ทุกคนต้องท�ำให้ส�ำเร็จ เหมือนการ เล่ือนล�ำดับช้ันไปข้ันสุดท้าย และค�ำถามท่ียากที่สุดต่อจากน้ีคือ การ ต่ืนรเู้ ร่อื งใดเป็นท่สี ดุ ในชวี ิต” — 213 —
ธาตรี โภควนิช ผู้ก่อต้งั บรษิ ทั พฒั นาซอฟต์แวร์ ‘สรา้ งสรรค์ เทคโนโลยเี พื่อชุมชน’ (วิสาหกจิ เพอื่ สงั คม) จ�ำกัด และจิตอาสา กระบวนกรศิลปะ (Art Facilitator) อธิบายต่อว่า การเดินไปสู่ ค�ำถามนั้นเร่ิมต้นง่ายๆ ด้วย 5 ข้ันต่อไปน้ีคือ การรู้ว่าตัวเรา น้ันเป็นใคร มาจากไหน มาท�ำอะไร ต้องไปไหน และสุดท้าย จะไปได้อย่างไร และเม่ือเราทุกคนหาค�ำตอบเหล่าน้ันได้ครบ ปญั หาตา่ งๆ บนโลกใบน้จี ะหมดไปทนั ที โดยเฉพาะปัญหาการ แสวงหา ‘ความสขุ ’ เพราะทกุ คนเขา้ ใจแล้ววา่ ความสุขที่แท้จรงิ นน้ั คอื อะไร “เราค้นหาค�ำตอบเพื่อออกแบบสร้างเง่ือนไขและบทบาท ในชีวิตประจ�ำวันให้ถูกต้องดีงามปราศจากผลกรรม ปราศจาก การผูกอาฆาตพยาบาท ปราศจากอารมณ์ด้านลบ ปราศจาก การก่อพันธกรรมใดๆ ท้งั ส้ิน ที่สำ� คัญทีส่ ุดคอื การแสดง ‘ความ รัก’ ได้ในทุกๆ สถานการณ์ ซ่ึงถือเป็นหนึ่งในปัจจัยต่อการมุ่ง ไปสู่เป้าหมายสูงสดุ ‘การเป็นผู้รู’้ และกลายเป็น ‘ผตู้ น่ื ’ ไดต้ าม ความหมายท่แี ท้จรงิ ” — 214 —
การตื่นท่ีไม่รตู้ ัว ธาตรีเล่าว่าครั้งแรกท่ีเขาได้สัมผัสประสบการณ์ตื่นเพ่ือรู้ เริม่ ต้นอย่างท่เี ขาไม่ทนั ไดต้ ั้งตัว “ตอนนน้ั ผมอายปุ ระมาณ 20 ปี ก�ำลงั เรียนมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่วัยรุ่นช่วงนั้นมักใช้ชีวิตสนุกสนานเฮฮา ไปโน่นไปนี่ กับเพื่อน ตอนนั้นแทบไม่มีเวลาไหนท่ีผมอยู่คนเดียว วันหน่ึง ระหว่างท่ีผมแยกจากกลุ่มเพ่ือนๆ ที่ห้างฯ เพื่อเดินกลับ มหาวิทยาลยั ระหว่างทผี่ มก�ำลงั เดินอยู่ท่ามกลางผคู้ น ผมเกิด สภาวะหนึ่งข้ึนมา เหมือนผมก�ำลังเดินอยู่บนโลกคนเดียว ตก อยู่ในความสงบสงัดแปลกๆ ท้ังๆ ท่ีจริงไม่สงบนะ มีคนเดิน กนั ขวักไขว่ ในสภาวะน้นั ผมมีความคิดผุดขน้ึ มาวา่ ‘นีเ่ รามาท�ำ อะไรอยทู่ น่ี ’ี่ ‘เราเปน็ ใคร’ ‘ทำ� ไมเราถงึ รสู้ กึ วา่ เราเปน็ เรา’ ‘ทำ� ไม เราไมเ่ ปน็ ตัวเขา’ ‘เราเกิดมาเพือ่ อะไร’ ‘หน้าทข่ี องเราคืออะไร’ และ ‘เป้าหมายท่ีแท้จริงคืออะไร’ ท่ีจริงผมไม่คิดว่าตอนน้ันตัว เองตน่ื เพอื่ รหู้ รอก เปน็ แคก่ ารเรม่ิ ตน้ คดิ อะไรบางอยา่ งไดเ้ ทา่ นนั้ — 215 —
“เพยี งแตว่ า่ นบั จากวนั นน้ั เปน็ ตน้ มา วธิ คี ดิ ของผมเปลยี่ นไป สายตาผมเปล่ียนไป ไม่ว่าผมจะเห็นอะไร ไม่วา่ จะหยิบหนงั สือ เล่มไหน ไม่วา่ จะดหู นงั เรอ่ื งอะไร ฯลฯ สิ่งนน้ั มักจะนำ� พาให้ไป พบกบั การไดข้ บคดิ ไดเ้ รยี นรู้ และไดเ้ กดิ ความเขา้ ใจอะไรๆ มาก ข้นึ อย่างทีไ่ มเ่ คยเปน็ มากอ่ น” การตนื่ อย่างรู้ตัว หลังจากช่วงเวลาที่ธาตรีได้ประสบกับการต่ืนเพื่อรู้แบบไม่ ได้ต้ังใจ น�ำมาสู่การเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกระดับหน่ึง หลังจาก นั้น เขาก็ประสบกับการตื่นอีกรอบและครั้งน้ีท�ำให้เขาค้นพบ ความหมายของการตื่นจนน�ำมาสู่การเปล่ียนแปลงภายในตัว เองอย่างรอบด้าน เขาย้�ำว่าตัวเองยังไม่ได้เข้าถึงการต่ืนรู้อย่าง สมบรู ณแ์ บบ “ช่วงน้ันเรียนจบแล้ว เริ่มท�ำงานแล้วและพอมีฐานะบ้าง แล้ว ผมคิดว่าต้องเลือกทางใดทางหน่ึงได้แล้ว ประกอบกับผม รสู้ กึ วา่ เสน้ ทางทเ่ี ปน็ อยไู่ มใ่ ชท่ างทถ่ี กู ตอ้ ง ผมมองเหน็ โลกทเี่ ปน็ อยอู่ ุดมไปดว้ ยทุกข์ เบือ่ หนา่ ยเต็มที ใจผมโหยหาชว่ งเวลาที่ได้ นั่งสมาธิ มันเป็นเวลาที่สงบสุข เช้าวันน้ันผมตัดสินใจออกจาก บา้ นเพื่อไปบวชท่วี ัดปา่ แหง่ หน่ึงในต่างจังหวัด — 216 —
“เช้าวันถัดมาบนสถานีรถไฟ ผมมองดูคนท่ีน่ังข้างๆ มอง ดูผู้คนท่ีก�ำลังเดินไปเดินมา เวลาน้ันสภาวะของความสงัด ท่ามกลางผู้คนก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เสียงค�ำถามจากข้างในก็ผุดข้ึน มาว่า ‘นี่เราก�ำลงั จะทำ� อะไร’ ‘โลกนม้ี อี ยู่แค่โลกเดยี วนะ’ ‘ส่งิ ท่ี ตอ้ งเผชญิ กอ็ ยตู่ รงหนา้ อยแู่ ลว้ นะ’ ‘จะไปแสวงหาจากทไี่ หนกนั ’ “วินาทีนั้น ผมแน่ใจว่าตัวเองก�ำลังท�ำบางสิ่งบางอย่างผิด พลาด ผมเรม่ิ แบง่ แยกตวั เองออกจากโลกแหง่ ความเปน็ จรงิ โลก ท่ีผมคิดเองว่ามันเป็นโลก ‘ทางโลก’ โลกท่ีเต็มไปด้วยทุกข์ ผม ก�ำลังกลัวความทุกข์ ก�ำลังเป็นคนข้ีแพ้ท่ีพยายามหลบหนี ผม ก�ำลังโหยหาความสขุ จากโลก ‘ทางธรรม’ “ผมคน้ พบความเปน็ หนงึ่ เดยี ว ไมแ่ บง่ แยกโลกออกเปน็ สอง โลกอกี ตอ่ ไป ผมเขา้ ใจแลว้ วา่ จะตอ้ งทำ� อะไร เวลานน้ั นนั่ เองทผ่ี ม เปลยี่ นความคดิ แบบกระทนั หนั ผมจะกลบั ไปเผชญิ กบั กรรมของ ผม ผมจะกลบั ไปแกไ้ ขเงอื่ นไขในชวี ติ ของผมใหถ้ กู ตอ้ งดงี าม ผมจะ กลับไปยกระดับจิตส�ำนึกผ่านบทบาทการใช้ชีวิตจริงเพื่อพิสูจน์ ตัวเองว่าผมสามารถผ่านมันได้จากของจริง ผมอยากจะเรียก ช่วงเวลาน้ีว่าเป็นการ ‘ต่ืนรู้’ แต่มันเป็นเพียงแค่การได้รู้วิธีการ เทา่ นั้น” — 217 —
กระบวนการอยกู่ บั ทกุ ขใ์ หม้ คี วามสุข ส�ำหรับอุปสรรคก้อนโตท่ีขวางก้ันการไปสู่เส้นทางแห่งการ ตน่ื เพ่อื รู้ของธาตรี เขาบอกว่าคอื ความคดิ ที่ ‘ยดึ ติดกบั ตวั เอง’ และ ‘ยดึ ตดิ กับผ้อู นื่ ’ กล่าวคือ การถืออตั ตาตัวเองไว้สูงท่วมหวั ไมย่ อมลดตวั ลงมา หรอื มองวา่ ตวั เองดอ้ ยกวา่ ผอู้ น่ื ทงั้ สองอยา่ ง ไดก้ ลายเปน็ ขวากหนามในใจทท่ี ำ� ใหเ้ ขาไมอ่ าจตน่ื เพอื่ รไู้ ดอ้ ยา่ ง แท้จรงิ ฉะนั้น เพอ่ื เคลยี ร์พนื้ ที่ในใจตัวเอง ธาตรีบอกเล่าวา่ เขา อปุ มาตัวเองเหมอื นเปน็ ‘น�ำ้ ’ “นำ้� มคี วามสำ� คญั กบั มนษุ ย์ ถา้ ขาดนำ้� เพยี งไมก่ ว่ี นั เรากต็ าย แตน่ ้ำ� ไม่เคยส�ำคัญตนเองวา่ ส�ำคญั น้�ำในเมฆ นำ�้ ในมหาสมุทร น้�ำในล�ำคลอง น�้ำในขวดน�้ำหอม น้�ำในก๊อก น้�ำในท่อระบาย น�้ำหรือแม้กระท่ังน�้ำในโถส้วม ต่างเป็นน้�ำท้ังสิ้น ผมพร้อมที่ จะเป็นนำ้� ในทุกบทบาท จะไม่ร้สู ึกนอ้ ยเนื้อต�่ำใจ ถ้าบางครั้งจะ ต้องไปอยู่ในสถานภาพที่ต่�ำต้อย จะไม่หย่ิงผยองเมื่อมีใครมา ยกย่องว่าเป็นคนส�ำคัญ แต่จะตระหนักรู้อยู่เสมอว่าเรานั้นยิ่ง ใหญ่และส�ำคัญ” — 218 —
ด้วยวิธีคิดดังกล่าวส่งผลให้วิถีชีวิตของธาตรีเปล่ียนไป ตง้ั แตภ่ ายในสภู่ ายนอกและแพรต่ อ่ ไปยงั สงั คมทเี่ ขาอาศยั กลา่ ว คือ เมื่อเกิดการค้นพบจนเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเองสู่ การเปล่ียนแปลงภายนอก คนท่ีเห็นได้รับพลังและแนวคิดเชิง บวก น�ำประสบการณ์ดังกลา่ วไปสง่ ต่อ เปรยี บเสมือนปฏิกิรยิ า นิวเคลียร์ต่อเน่อื งกนั เป็นลกู โซ่ “หลายปีที่ผ่านมา การต่ืนเพ่ือรู้ท�ำให้ผมได้เรียนรู้และยก ระดับจิตส�ำนึกข้ึน ผมสามารถตรวจสอบตัวเองได้ ผมมองเห็น โลกตามความเป็นจริง สามารถเข้าใจคน เข้าใจสังคม แน่นอน ผลท่ีเกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรงคือ ผมไม่มีโอกาสแสดงออก ทางกาย วาจา และใจ ท่ีเป็นด้านลบคร้ังใหม่ต่อใครหรือกับ ใคร ผมขอเพียงได้ส่งต่อสิ่งเหล่าน้ีให้กับใครสักคน แล้วเขา ได้รับประสบการณ์การต่ืน รู้แล้วว่าการต่ืนเพื่อรู้ดีขนาดไหน เขาจะกระตือรือร้นที่จะบอกต่อ ให้คนอ่ืนเกิดการตื่น ได้รับ ประสบการณเ์ หมือนกบั ที่เขาเคยไดร้ บั มาต่อไป” — 219 —
ร้แู ละตระหนัก จึงต่นื — 220 —
อนุรกั ษ์ เมน่ หรมุ่ ‘รู้สึกตัว’ และ ‘ตระหนักรู้’ องค์ประกอบของการ ‘ตื่นรู้’ คือปัจจัย สำ� คัญท่นี ำ� ไปสกู่ าร ‘ตืน่ ’ ของ โอเล-่ อนรุ กั ษ์ เมน่ หรมุ่ ผู้อำ� นวยการโครงการ สถาบนั ธรรมวรรณศลิ ป์ สถาบนั ทส่ี นบั สนนุ พฒั นาการเขยี นโดยใชค้ วามรดู้ า้ น วรรณศิลป์ จิตวิทยา ศาสนธรรม และองค์ความรู้ด้านการพัฒนาชีวิตปัจเจก และสังคม เป็นเครื่องมือขัดเกลา เรียบเรียงความคิด และพัฒนาศักยภาพ ทางจิตใจมนษุ ย์ — 221 —
อาจเพราะสนใจองค์ความรู้ด้านการพัฒนาตัวเองที่อิงกับ หลักศาสนามาต้ังแต่ยังเล็ก ทั้งเคยเป็นหน่ึงในเยาวชนสถาบัน ยวุ โพธชิ น ปจั จบุ นั ทด่ี ำ� รงตำ� แหนง่ ผอู้ ำ� นวยการโครงการสถาบนั ธรรมวรรณศลิ ป์ ทำ� ใหเ้ ขาเป็นหนงึ่ ในบคุ คลท่ีน่าสนใจในแงข่ อง การรว่ มแลกเปลย่ี นประสบการณเ์ กย่ี วกับ ‘การตื่นเพอ่ื ร้’ู นี้ อย่างไรก็ตาม เขาออกตัวก่อนว่า ตัวเองเป็นแต่เพียงผู้ท่ี ศึกษา เพียงอยู่ในภาวะ ‘รู้ตัว’ และ ‘ตระหนักรู้’ ใช้กระบวนน้ี เพ่ือประคองไม่ให้ตัวเองทุกข์หรือสุขเกิดพอดีเพียงเท่านั้น ซึ่ง ตา่ งกับค�ำว่าตน่ื รู้ คุณให้นยิ ามการต่นื รวู้ ่า ‘รู้สึกตัว’ และ ‘ตระหนกั รู้’ สอง คำ� นแี้ ตกตา่ งกนั อยา่ งไร ‘การตื่นรู้’ มีหลายระดับมาก ระดับสามัญคือการมีส�ำนึก ท่ีกว้างขึ้น ก้าวพ้นออกจากคราบตัณหา (ความอยาก) และ ออกจากอุปาทาน (การยึดมั่นถือมั่น) แต่โดยท่ัวไป ‘การต่ืนรู้’ ประกอบดว้ ย 2 ส่วน คือ ‘การตน่ื ’ และ ‘การร’ู้ ประการแรก ‘การตน่ื ’ คอื การหลดุ พน้ แตเ่ พราะชวี ติ มนษุ ย์ มีล�ำดับชั้นมากมาย การหลุดพ้นนี้ ถ้าพูดแบบง่ายๆ ก็คือการ หลุดลอกออกไปทีละชั้น เป็นอิสระไปทีละเรื่อง แต่ยังไม่หลุด พน้ โดยสน้ิ เชิง — 222 —
ประการทสี่ อง ‘การร’ู้ คอื รแู้ จง้ เหน็ จรงิ เขา้ ใจความจรงิ ตาม ทเ่ี ปน็ แต่ในฐานะที่มนุษย์มีตณั หา (ความอยาก) และอุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) เราย่อมมองโลกอย่างเอนเอียง ไม่ว่าจะ เป็นการใช้ชีวิตหรือการกระท�ำในแต่ละด้าน ย่อมเป็นไปอย่าง ไม่ถูกต้อง ไม่อยู่ในท�ำนองคลองธรรม เหล่านี้สร้างความทุกข์ ต่อตัวเองและผ้อู ่ืน อยา่ งน้เี รยี กว่า ‘ไม่ร้’ู ‘ไม่รู้’ อีกหนึ่งความหมายในทางพุทธศาสนา คือ อวิชชา หรือการไม่รู้แจ้ง (ความไม่รู้ในอริยสัจ 4 หรือต้นเหตุแห่งทุกข์ และการดบั ทกุ ข)์ ยึดถอื ในอัตตา ‘การต่ืนรู้’ ในพุทธศาสนา จึงเป็นการ ‘หลุดพ้นและรู้แจ้ง’ แต่การตื่นรู้ท่ีเราพบทั่วไปในการอบรม ขณะปฏิบัติธรรม อ่าน หนงั สอื การศกึ ษา การเดนิ ทาง และกจิ กรรมชวี ติ ทงั้ หลายในทาง โลก ยงั ไมใ่ ช่การต่นื รอู้ ยา่ งเตม็ ใบในทางธรรม เพราะยังเจือปน ความ ‘ไมร่ ้’ู อยู่ แตถ่ ือเปน็ เสน้ ทางท่ีนำ� ไปสูก่ ารตืน่ รทู้ ่ีแท้จรงิ ‘การรู้สึกตัว’ กับ ‘การตระหนักรู้’ ยังไม่ถึงกับ ‘การตื่นรู้’ เช่น เหมอื นคนหลับ กอ่ นจะตื่นตอ้ งค่อยรู้สกึ ตัว ร้สู กึ ถงึ ร่างกาย สภาพแวดล้อม อารมณ์ รู้ตัวว่าเม่ือครู่น้ีก�ำลังฝัน รู้ตัวว่าก�ำลัง นอน แบบน้ีคือการตระหนักรู้ แต่ยังไม่ตื่น แต่การ ‘ต่ืนรู้’ ต่ืน แลว้ ต่นื เลย — 223 —
เฉพาะ ‘การรตู้ ัว’ ซึง่ เปน็ ขน้ั แรกและทุกคนทำ� ตามได้ จะ ส่งผลอยา่ งไรต่อเรา การรตู้ ัว กค็ อื การกลับมามสี ติ รู้ตัว รูเ้ ทา่ ทันตวั เอง ไมห่ ลง ไปตามกิเลส และกระแสสังคมอย่างขาดปญั ญา หมายความว่า เราจะไม่ตกอยู่ในความโลภ โกรธ หลง อยา่ งง่ายดาย แตกตา่ งไหมกับการ ‘ตระหนักรู้’ การตระหนักรู้ คือการเข้าใจสิ่งต่างๆ ในชีวิตท้ังในตัวเอง และส่ิงรอบข้าง เป็นความเข้าใจท่ีลึกซึ้งและเปิดกว้างตามจริง การอบรม การศึกษาหาความรู้ ประสบการณ์ชีวิต และการฝึก ปฏิบตั ิธรรม ต่างชว่ ยเปิดปัญญาของใจ ออกจากการยึดติดและ อารมณ์ เขา้ ใจความจรงิ ตามเหตปุ จั จัยอย่างแจม่ แจง้ เชน่ เวลา ที่เราเจอความทุกข์แล้วเก็บมันไว้เป็นบทเรียนสอนใจ นั่นก็คือ ความตระหนกั รทู้ ม่ี ากขนึ้ แตค่ วามตระหนกั รู้ท่มี ีประโยชน์ท่สี ดุ คือการตระหนกั รู้ท่ีนำ� ไปสู่การพ้นทุกข์ ท้ัง ‘รู้ตัว’ และ ‘ตระหนักรู้’ ต่างเป็นก้าวส�ำคัญและองค์ ประกอบจำ� เปน็ ทนี่ ำ� ไปสู่ ‘การตนื่ ร’ู้ เพราะตอ้ งรสู้ กึ และตระหนกั มากพอจึงจะต่ืนได้ ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจที่เห็นผู้ปฏิบัติธรรม หรอื ผอู้ บรมในคอรส์ ตา่ งๆ จะผดิ พลาดในชวี ติ บา้ ง หลงในกเิ ลส บา้ ง ยดึ อตั ตาสงู บา้ ง เพราะเรายงั ตา่ งตอ้ งรสู้ กึ ตวั และตระหนกั รู้ ให้มากพอจึงจะพ้นจากความไม่รู้ หรือท่านพุทธทาสใช้ค�ำว่า ‘ความโง่’ — 224 —
ระหว่างทางแห่งการฝึกฝน ตั้งแต่ระดับพ้ืนฐานคือ รู้ตัว ตระหนักรู้ สกู่ ารตน่ื รู้ จะเจออุปสรรคอะไรบา้ ง ‘การส�ำคญั ตวั ’ และ ‘ความมักงา่ ย’ เม่ือเราเร่มิ ปฏิบัตธิ รรม และหรือเขา้ อบรมแนวทางพัฒนาจิตใจ เราอาจร้สู กึ ดตี ่อตัวเอง มากข้ึน พอใจและภูมิใจ แต่นั่นก็อาจท�ำให้เราเริ่มเปรียบเทียบ ตัวเองกบั คนอ่ืน หรือมกี ฎเกณฑเ์ พ่อื ตดั สนิ คนอื่นว่า ‘ฉนั ดกี ว่า’ ‘เธอดอ้ ยกวา่ ’ ส�ำหรับบางคนอาจเป็นความคิดว่าตัวเองดีไม่พอ ไม่ว่า จะภาวนาหรือเข้าอบรมไปมากเท่าใดก็ยังแย่อยู่ หรือดีน้อย กว่าอีกคนท่ีเป็นวิทยากรหรือเพื่อน แบบน้ีก็เป็นการส�ำคัญตัว เหมือนกัน การส�ำคัญตัวไม่ว่าทางใดทางหน่ึง ต่างส่งเสริมการ ยึดม่ันในอัตตาตัวตน และท�ำให้เราละเลยความเป็นอนิจจัง ทกุ ขัง และอนตั ตา การส�ำคัญตัวหรือการถือตัว ต่างอ�ำพรางความรู้สึกไม่ดี พอในตัวเอง คนท่ีคิดว่าตัวเองแน่ก็ซ่อนความรู้สึกอ่อนด้อยไว้ ภายใน เหมือนที่เราพยายามเข้มแข็งในวันที่รู้สึกอ่อนแอ การ ส�ำคัญตัวจึงเป็นอุปสรรคบนเส้นทางแห่งการต่ืนรู้ เพราะท�ำให้ เราไมย่ อมรบั ความจรงิ ตามทเ่ี ปน็ จรงิ แตเ่ ปรยี บเทยี บ หลอกตวั เอง และชดเชยปมด้อยด้วยหนทางต่างๆ นานา — 225 —
แกไ้ ขอยา่ งไรดี? ต้องเคารพตนเอง ยอมรับและรักตัวเองได้ตามที่เป็นจริง ไม่ใช่ยัดเยียดศีลธรรมและความดีงามให้แก่ตัว แต่ก็ไม่ใช่การ ปล่อยปละละเลยการฝึกฝนตัวเอง เราจะ ‘รู้ตัว’ ก็ต่อเมื่อฝึก ที่จะอยู่กับตัวเองให้ได้ แม้จะรู้สึกด้อยหรือไม่สมบูรณ์เพียงใด ก็ตาม จะ ‘ตระหนักร’ู้ ในความจรงิ ของชีวติ ก็ต้องเปดิ กว้างตอ่ ตวั เองในหลายๆ ดา้ นตามความเป็นจรงิ ไม่เช่นนั้นเราก็จะมอง โลกตามทเ่ี ราเปน็ มใิ ชเ่ หน็ โลกตามทเ่ี ปน็ จริง อปุ สรรคอกี ประการคอื ‘ความมกั ง่าย’ เป็นอยา่ งไร? ประการทส่ี อง ความมักงา่ ย เด๋ยี วนม้ี ีคอรส์ อบรมมากและ ก็เป็นการอบรมทเ่ี ข้าถงึ หัวใจคนได้มากขนึ้ แตก่ แ็ ลกมาดว้ ยการ สญู เสยี ฉนั ทะ (ความพอใจ) และวริ ยิ ะ (ความเพยี ร) ในการฝกึ ตวั เอง แต่ไปส่งเสริมให้พ่ึงพาและยึดติดกับการเข้าอบรม จนอาจ กลายเปน็ อาการทางจติ ประเภทใหมใ่ นภายหนา้ คอื รสู้ กึ มคี ณุ คา่ ต่อเมอื่ ไดเ้ ข้าอบรม แต่รสู้ ึกไมม่ คี ณุ ค่าเม่ืออยนู่ อกห้องอบรม เพราะการตนื่ รตู้ อ้ งเกดิ จากการเผชญิ หนา้ กบั ตนเอง ฝกึ ฝน ซ้ำ� แลว้ ซำ้� อีกอยา่ งเข้มข้น เผชิญกบั ความทุกข์ เรยี นรูท้ ุกข์ เพื่อ หลุดพ้นจากความทุกข์ แต่หลายครั้งที่การอบรมในสังคมร่วม สมัยเป็นไปเพื่อการสร้างบรรยากาศของความสุขความสบาย มากเกินไป อาจบั่นทอนศักยภาพของสังคมที่จะต่ืนรู้ เพราะ ทำ� ใหค้ นอยากจะเขา้ แตค่ อรส์ อบรม แตไ่ มไ่ ดอ้ ยากฝกึ ฝนตวั เอง — 226 —
กลา่ วได้ไหมวา่ ‘การตนื่ ร้’ู ตอ้ งเขม้ งวดท่ภี าคปฏบิ ตั ิ เหมือนการออกก�ำลังกาย การเข้าคอร์สออกก�ำลังกายไม่ ได้ท�ำให้เรามีสุขภาพดี ถ้าเข้าคอร์สแล้วการออกก�ำลังกายบ้าง ไม่ออกก�ำลังกายบ้าง ก็ไม่ได้ท�ำให้มีสุขภาพดี แต่คือการลงมือ ท�ำให้เป็นประจ�ำสม่�ำเสมอ ร่างกายจึงจะแข็งแรง สุขภาพจิตก็ เชน่ เดียวกัน นอกจาก ‘การสำ� คัญตัว’ และ ‘มักง่าย’ มีอปุ สรรคข้ออืน่ อีกไหม อุปสรรคส�ำคัญบนเส้นทางนี้ยังมีอีกมาก เช่น ตัณหา อปุ าทาน หรอื ความอยากได้ อยากเปน็ ไมอ่ ยากเปน็ ซง่ึ ทำ� ใหย้ ดึ ตดิ ไดแ้ ก่ ติดกาม ตดิ คิด ติดดี และตดิ ตวั (ตน) หากเราฝึกฝนตัว เองโดยไมร่ ้เู ทา่ ทันสิ่งเหลา่ น้ี เราอาจท�ำได้เพยี งสรา้ งภาพต่างๆ เพอ่ื ปิดก้ันการรบั รคู้ วามจรงิ เกีย่ วกับตนเองเท่าน้ัน ตวั ช่วย เคร่อื งมือ หรือปัจจยั อะไรทจ่ี ะช่วยใหเ้ ราก้าวขา้ ม อุปสรรคที่วา่ นไ้ี ปได้ การมคี รู อาจารย์ มติ ร ทไี่ ม่เพียงรับฟังแตต่ ้องวจิ ารณเ์ รา ได้ จะเปน็ ตวั ชว่ ยสำ� คญั เพอื่ กา้ วผา่ นอปุ สรรคเหลา่ นี้ หลมุ พราง บนเสน้ ทางการตน่ื รตู้ อ้ งมคี รคู อยชี้ แนะนำ� และตอ้ งเปน็ ครทู พี่ ดู ในสง่ิ ทเี่ ราไมอ่ ยากฟงั จงึ จะทำ� ใหเ้ รามองเหน็ ตวั เองทพี่ น้ ไปจาก ความอยากได้ อยากเป็น และไม่อยากเป็น — 227 —
ตอ่ ประเดน็ การขยายองคค์ วามรนู้ ส้ี สู่ งั คม ปจั จยั อะไรบา้ ง ที่จะสนับสนุนใหเ้ กิดการตื่นร้รู ะดบั สงั คมต่อไป อยา่ งแรก คือส่งเสรมิ การศึกษาเพอื่ น�ำไปสกู่ ารต่ืนรู้ ในแง่ ของการให้ความเข้าใจเร่ือง ‘การรู้ตัว’ และ ‘ตระหนักรู้’ ในตัว บุคคล ประการต่อมา นักการเมืองและผู้ที่จะเป็นนักการเมือง ต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างต่อเน่อื งและเข้มขน้ การเปลี่ยนแปลงทุกภาคส่วนต้องท�ำไปด้วยกัน จะ เปลี่ยนแปลงทีละด้านไม่ได้ เพราะโครงสร้างเป็นส่วนส�ำคัญท่ี ส่งเสริมกิเลสของคนและบั่นทอนเส้นทางสู่การต่ืนรู้ สังคมแห่ง การตื่นรู้ต้องมีเมล็ดพันธุ์ที่ดี มีดินเหมาะสม ทุกภาคส่วนต้อง ทำ� อย่างจรงิ จริงโดยใช้การศึกษาเปน็ ท่ตี ้งั ใหเ้ ปา้ หมายเรื่องการ สร้างสังคมแห่งการตื่นรู้เป็นวิสัยทัศน์ของประเทศ รวมทั้งหาก นักจัดอบรม ส่ือมวลชน นักเขียนมีความเข้าใจในธรรม ก็ย่อม อ�ำนวยความรู้ให้แก่ผู้คนได้ สุดท้ายน้ี อยากฝากอะไรถึงผูอ้ ่านไหม ชวี ิตเรา ความเป็นตัวเรา มคี วามหมายมากกวา่ ที่เราเคยรู้ เคยเชอ่ื เคยยดึ ถือ ชวี ิตนเ้ี กดิ มามีความทุกข์ แม้ความสุข ก็เป็น เพยี งก้อนความสุขที่ทุกข์นอ้ ยกวา่ อย่างไรก็ตาม มันกม็ หี นทาง สู่การพ้นจากทุกข์รออยู่ เราอาจกำ� ลังสงั่ สมปัจจยั ภายนอกเพอื่ ใหม้ ีความพร้อมกอ่ นออกไปเรยี นรสู้ งิ่ เหลา่ นี้อยกู่ ไ็ ด้ — 228 —
เวลาชีวิตมีจ�ำกัด อย่างน้อยท่ีสุดเราควรถามตัวเองว่าเกิด มาเพ่ืออะไร ค�ำตอบท่ีได้ส�ำคัญแท้จริงกับเราหรือไม่ มีค�ำตอบ อน่ื ใดมากกวา่ นไี้ หม เราพอใจกบั มนั แลว้ หรอื ยงั ถา้ พอใจแลว้ ... นน่ั ดมี าก แตเ่ ราอาจตอ้ งทบทวนตอ่ อกี นดิ วา่ สง่ิ ทเ่ี ราพอใจนี้ เรา ยงั ทกุ ขอ์ ยไู่ หม ถา้ ยงั ทกุ ข์ เปน็ ทกุ ขเ์ กดิ จากตวั เอง คนอน่ื ๆ หรอื สิ่งรอบข้าง เราเต็มใจท่ีจะอยู่อย่างสุขและทุกข์บ้าง หรืออยาก กา้ วใหพ้ น้ จากสองดา้ นนอี้ ยา่ งมคี ณุ คา่ และความหมายของชวี ติ เพราะถา้ เราพอใจทจ่ี ะอยอู่ ยา่ งสขุ บา้ ง ทกุ ขบ์ า้ ง เรากส็ นใจ แต่ ‘การร้ตู วั ’ และ ‘การตระหนกั ร’ู้ น่ันเพียงพอแล้ว แตห่ ากเรา ไมต่ ้องการมีทกุ ข์ ตอ้ งการมีชวี ิต มหี ัวใจ มีการกระทำ� มีความ นึกคดิ ท่ีพ้นไปจากเหตแุ ละผลของการเกดิ ทกุ ข์ เราก็ต้องสนใจ การเรียนรู้ ฝึกฝน และการปรับเปล่ียนตัวเอง ‘ต่ืนรู้’ ซ่ึงมีองค์ ประกอบคือ ‘การรตู้ ัว’ และ ‘การตระหนกั รู้’ — 229 —
พบ ‘Mind’ แมป — 230 —
อชิระวิชญ์ ภกั ด์โิ ชตพิ งศ์ อชริ ะวชิ ญ์ ภกั ดโ์ิ ชตพิ งศ์ คอื กระบวนกรดา้ นการพฒั นาศกั ยภาพ วยั 39 ปี ผ้ใู ช้ศาสตรก์ ารสรา้ ง Mind Mapping หรือแผนผงั ความคดิ เข้า มาช่วยจัดระเบียบความคิดโดยเฉพาะเร่ืองการพัฒนาศักยภาพของ ผูค้ น และสร้างสมดุลดว้ ยปญั ญา 3 ฐาน คือ ฐานคดิ ฐานใจ ฐานกาย — 231 —
ความเช่ียวชาญเฉพาะด้านของเขาได้รับการรับรองจาก Think Buzan Licensed Instructor ท�ำให้เขากลายเป็นหนึ่งใน เทรนเนอร์แถวหน้าของเมืองไทย เขามีแรงบันดาลใจท่ีจะขับ ดันศักยภาพที่มนุษย์ทุกคนมีในตัวให้ฉายออกมาและต่อยอด ได้อย่างถูกทางจนเกิดผล และทั้งหมดต้องเกิดขึ้นอย่างสมดุล กับความตอ้ งการและแรงขับภายใน ด้วยงานท่ีท�ำ น่าจะสรุปได้ว่าอชิระวิชญ์สนใจการสร้าง ความสมดุลระหว่างความส�ำเร็จภายนอกและความสุขภายใน แต่วิธีคิดหรือประสบการณ์ชีวิตรูปแบบไหน ท่ีท�ำให้เขามุ่งเดิน ในทางสายน้ี อะไรคือจดุ เร่ิมต้น ท่ีทำ� ใหค้ ณุ สนใจศึกษาโลกภายใน โดยพื้นฐาน ผมเป็นคนท่ีสนใจเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง อยู่แล้ว เช่น งานประดิษฐ์ การท�ำอาหาร งานศิลปะ การถ่าย ภาพ อะไรกต็ ามทเ่ี ปน็ การเรยี นจรงิ จงั กม็ กั จะพาตวั เองเดนิ ทาง ไปเรยี นรู้เพ่ิมเตมิ ในหลายๆ ส�ำนัก ซ่ึงนับเปน็ โชคดขี องผมทไี่ ด้ พบครูผู้เมตตาช่วยถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ท่ีมีคุณค่า ให้อย่หู ลายท่าน จงึ เป็นทมี่ าของบทบาทในชวี ิตการทำ� งานของ ผมทมี่ ีท้งั งานหลักและงานอดเิ รกหลายๆ อย่างไปโดยปรยิ าย — 232 —
แตส่ งิ่ ทผี่ มใหค้ วามสนใจเปน็ พเิ ศษมาสกั ระยะหนงึ่ แลว้ คอื การพฒั นามนษุ ยแ์ ละความสมั พนั ธ์ โดยเฉพาะชว่ งหลงั มาน้ี ผมได้ พบครผู ถู้ า่ ยทอดการเรยี นรเู้ รอื่ งโลกภายใน จงึ เกดิ แรงบนั ดาลใจ ในการทำ� คอรส์ อบรมกงึ่ การกศุ ล คอื เกบ็ คา่ เขา้ รว่ มอบรมแลว้ แต่ จะบริจาค แต่เป็นคอร์สอบรมกับคุณพ่อคุณแม่ท่ีมีลูกแล้วโดย เฉพาะ เพอื่ ใหค้ ณุ พ่อคณุ แมเ่ หลา่ น้ันได้มโี อกาสพกั ใจ สว่ นใหญค่ อร์สอบอบรมทีว่ า่ เป็นไปในลักษณะไหน เป็นการจัดกระบวนการหลายๆ อย่างเพื่อมุ่งเน้นให้เกิด การรู้เท่าทันสภาวะของตัวเองและของคนรอบข้างได้ดีย่ิงขึ้น ในชื่อโครงการ ‘ครูคนแรก’ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากครูและ กัลยาณมิตรหลายท่านตลอดมา จึงสามารถจัดการอบรมมาได้ อย่างต่อเนอ่ื งถงึ ทุกวันนี้ ประสบการณค์ รง้ั ไหน ทเี่ ปน็ จุดเปลย่ี นหรือจุดปะทะ ใกล้ เคียงกบั ภาวะ ‘ตน่ื เพ่อื รู้’ ท่ีสุด ปแี รกที่ผมเร่ิมสอน Mind Map มคี ลาสหนึง่ ที่ผมตอ้ งสอน คนในองคก์ รใหญแ่ หง่ หนงึ่ ผเู้ รยี นจำ� นวนมากเปน็ ผบู้ รหิ ารระดบั สูงในองค์กร เป็นท้ังผู้ที่มีคุณวุฒิและวัยวุฒิมากกว่าผมท่ีเป็นผู้ สอน ขณะนนั้ ผมตนื่ เตน้ ประหมา่ รเู้ ลยวา่ หวั ใจเตน้ แรง หายใจถ่ี — 233 —
ตัวและมือผมสั่นเป็นระยะ รู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องเย็นลง อย่างผิดปกติ วิธีท่ีผมใช้ปลุกตัวเอง คือใช้ความรู้ท่ีเรียนมาใน สาย Motivation หรอื การใช้แรงจงู ใจ คือการปลกุ ตัวเองใหม้ น่ั ใจ มากขน้ึ บอกตวั เองวา่ “ทำ� ได!้ รวิ นายเกง่ มาก” แลว้ ผมกด็ ำ� เนนิ คลาสไปตามปกติ แต่ส่งิ ทีป่ รากฏในใจผมไมป่ กติเลย ผมสังเกตว่าจังหวะการพูดคุยกับผู้เรียนทั้งเร่งและเร็ว ฟัง ดูตื่นเต้นและไม่เป็นธรรมชาติ ผมมองหน้าผู้เรียนไม่ชัด เมื่อ สบตากันผมจะรีบละสายตาไปที่อื่น เสียงของผู้เรียนก็ค่อยๆ เบาลงไปมาก แต่ในใจผมตอนนั้นยังคิดเหมือนเดิม “ริว นาย ท�ำได้! นายเก่งมาก” เมอื่ คลาสชว่ งเชา้ ผา่ นไป ผมพบวา่ พลงั ในตวั เองลดลงอยา่ ง มาก รู้สึกโดดเดี่ยวแบบแปลกๆ เลยทำ� ให้ผมต้องหยุดคดิ วา่ มนั เกดิ อะไรขน้ึ ? อยดู่ ๆี กม็ คี ำ� หนงึ่ ปรากฏชดั ขน้ึ ในหวั มนั คอื คำ� วา่ ‘กลัว’ ผมรูส้ ึกกลวั เปน็ คำ� ทีผ่ มไม่เคยคิดวา่ มันมีอยู่ และเปน็ ค�ำ ท่ีผมไม่อยากให้มันมีด้วย เพราะทุกคร้ังผมจะสร้างความมั่นใจ ขน้ึ มากอ่ นทจ่ี ะรสู้ กึ กลวั แตพ่ อยอมรบั เทา่ นนั้ ในหวั ผมฉายภาพ คลาสท่ีเกดิ ข้นึ เมอ่ื เช้าอีกครง้ั — 234 —
ผมเห็นตัวเองและผเู้ รียนถามกนั ไปมา มองเผินๆ เหมือน คลาสทัว่ ไป แต่ตอนนัน้ ผมเหน็ ความรสู้ กึ ตวั เองชัดมากข้นึ และ ไม่ใช่แค่ผม ผมเข้าใจว่าผู้เรียนก็กลัวด้วยเช่นกัน เพราะผู้เรียน ไม่รู้ว่าจะเจอคลาสแบบไหน จะยาก จะน่าเบื่อไหม ไม่รู้ว่าครู ผู้สอนจะเป็นอย่างไร จะเป็นไปอย่างที่ตัวเองและคนในองค์กร คาดหวงั หรอื เปลา่ เมอื่ เหน็ กระบวนการทเ่ี กดิ จากความกลวั สง่ิ ทเี่ กดิ หลงั จาก นัน้ คืออะไร คน้ พบอะไรจากการค�ำว่า ‘กลวั ’ น้ี เม่ือยอมรับความรู้สึกกลัวท่ีถูกปกปิดซ่อนเอาไว้มานาน ผมรู้สึกโปร่งโล่งอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับจิตเราต่ืน เหมือน มพี ลังไหลเวยี นทัว่ ร่างกายอยา่ งบอกไม่ถกู ผมร้สู กึ ถึงความเท่า เทียมระหว่างผู้เรียนและผู้สอน ผลท่ีเกิดข้ึนหลังจากนั้น คือ คลาสด�ำเนินไปได้อย่างราบร่ืน รู้สึกเข้าถึงและเข้าใจผู้เรียนได้ อยา่ งดี รสู้ กึ เปน็ กนั เองอยา่ งนา่ ประหลาด ผมรสู้ กึ สขุ เบกิ บานใจ ตลอดวัน — 235 —
ผมไม่ทราบว่านิยามการตื่นรู้ของคนอ่ืนเป็นแบบไหน แต่ ส�ำหรับผม การตื่นน้ีท�ำให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน ต่ืนจากความ ไม่รู้ ตื่นเพ่ือรับรู้ธรรมชาติอย่างเป็นปกติ ยอมรับและซ่ือตรง กับธรรมชาติตามความเป็นจริง ทุกข์ของผมเบาลง และรับรู้ถึง ความสขุ ท่ีแต่ก่อนไม่เคยสังเกตเห็นมากข้นึ หลังจากเข้าใจและยอมรับกระบวนการส�ำรวจความรู้สึก ภายในที่วา่ ตัวคุณเปลีย่ นไปอยา่ งไรบ้าง ส�ำหรบั ตัวเองคอื สบายใจขนึ้ วางใจได้ง่ายขึ้น สำ� หรับคน รอบข้าง ผมมกั จะไดย้ นิ คนรอบข้างบอกอยู่บอ่ ยๆ วา่ ผมเป็นผู้ ท่มี ีการรับฟงั ทด่ี ี อยกู่ ับคนตรงหน้าได้อย่างเปน็ ปัจจุบัน เคยเปรียบเทียบไหมว่า คุณในวันนี้ แตกต่างกับคุณคน กอ่ นอยา่ งไร อาจจะตอบยาก แต่ตอบได้ว่าชีวิตของผมก่อนหน้านี้มีแต่ ความเร่งรีบท่ีมักรีบตอบสนองความคาดหวังของตัวเองและคน รอบข้างอยเู่ สมอ — 236 —
ในประเด็น ‘การตืน่ เพอ่ื ร’ู้ ระดบั สังคม คุณเห็นวา่ การตนื่ ทค่ี ณุ คน้ พบ จะส่งตอ่ ถึงคนอืน่ ได้ไหม ถ้าได้ จะเร่ิมตน้ จาก อะไรดี เรม่ิ ตน้ จากตวั เองกอ่ นครบั การตนื่ เพอ่ื รเู้ ปน็ สงิ่ ทไ่ี มย่ าก ไม่ งา่ ย ไมม่ รี ปู แบบและอยา่ ตดิ ทรี่ ปู แบบ ไวเ้ นอื้ เชอื่ ใจในธรรมชาติ และอยู่กับสภาวะในปัจจุบันท่ีปรากฏอยู่เบ้ืองหน้า อุปสรรค สูงสุดคือการขาดสติและหลงคิดว่าตัวเองรู้อยู่แล้ว จะข้ามผ่าน ได้ ด้วยการหมนั่ ภาวนาในชีวติ จรงิ สุดท้ายแลว้ ส่งิ ท่จี ะเกดิ ในสังคม คอื ความสุข เบกิ บาน เปน็ กัลยาณมิตรต่อกัน — 237 —
ออกจาก ลมหายใจ แห่ง ความเจ็บปวด — 238 —
ตา สรุ างคนา วชั รารัศม์ิ สุนทรวนาเวศ หรอื ทร่ี จู้ กั กันในนาม ตา สรุ างคนา สุนทร พนาเวช อดตี รองสาวแพรวปี 2533 และ อดตี รองนางสาวไทย ปี 2534 ตาเป็นนักแสดงและพิธีกรที่มีชื่อเสียง เพราะพรสวรรค์ด้านการพูด สอ่ื สารและการแสดง ทง้ั วฒุ กิ ารศกึ ษาจากประเทศญปี่ นุ่ ยงั ชว่ ยใหเ้ ธอ สามารถรับงานพธิ กี ร อีเวนท์ตา่ งๆ ท้งั ภาคภาษาไทยและญป่ี ่นุ เรยี ก ไดว้ า่ ชวี ติ กำ� ลงั รงุ่ โรจนแ์ ละมงั่ คงั่ ถงึ ขดี สดุ เลยทเี ดยี ว แตโ่ ชคชะตากลบั พลกิ ผันโดยหกั เหเสน้ ทางชีวิตของตาไปอย่างสิน้ เชงิ ก็วา่ ได้ — 239 —
เมอ่ื อายุ 27 ปี ตาถกู ตรวจพบโดยบงั เอญิ วา่ กำ� ลงั เปน็ มะเรง็ ท่ที อ่ นำ�้ ดี และตอ้ งเขา้ รบั การผ่าตดั โดยดว่ น หลงั การผา่ ตดั เมือ่ หมดฤทธิ์ยาสลบ มอร์ฟนี และยาระงับปวด ทุกๆ ลมหายใจคอื ความเจบ็ ปวดและเกดิ เวทนาอยา่ งรนุ แรง เหตกุ ารณน์ ที้ ำ� ใหเ้ ธอ ร้สู กึ อย่างชัดเจนว่า การเกดิ นัน้ เป็นทกุ ข์และความเจ็บปวดแสน สาหสั นท้ี ำ� ใหไ้ มอ่ ยากเกดิ อกี จากวนั นน้ั เองเปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ทท่ี ำ� ให้ หันมาสนใจศึกษาธรรมะของพระพทุ ธเจ้า และกลบั มาทำ� ความ รจู้ ักตวั เองบนเส้นทางการตื่นเพือ่ รู้อย่างจรงิ จงั จนในที่สุดเม่ือประมาณ 2 ปีที่แล้ว ตา สุรางคนาร่วมกับ เพื่อนๆ ได้ก่อต้ังมูลนิธิสหธรรมิกชน โดยปัจจุบันถือว่าเธอได้ หนั มาทำ� งานดา้ นจติ วญิ ญาณและการตระหนกั รเู้ พอ่ื สงั คมคอ่ น ข้างเต็มตัว เราลองไปเรียนรู้จากประสบการณ์บนเส้นทางสาย การเติบโตภายในของเธอกัน — 240 —
การตืน่ คืออะไร และทำ� ไม การตน่ื ส�ำหรบั ตา คอื การหันกลบั มาสนใจ ใสใ่ จความจรงิ ในตัวเอง โดยสนใจศึกษาและเรียนรู้ตัวตนท่ีแท้จริงของตัวเอง จริงๆ เขา้ มารู้ความจรงิ คือ สจั ธรรมของตัวเราเองและยอมรบั ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหลีกเล่ียงได้ น่ันคือความเจ็บปวด และความตาย การตื่นไม่ใช่เกิดขึ้นแค่คร้ังเดียวแล้วจะเข้าใจทุกอย่าง ท้ังหมด แต่มันคือการค่อยๆ ตื่นหนึ่งครั้งก็จะรู้จักตัวเองมาก ข้นึ เรยี นรกู้ ับตวั เองน้อมจิตเข้ามารู้จกั ตวั เองมากข้นึ ๆ เหมือน กับการต่ืนแล้วตนื่ อกี การตนื่ คอื การได้รูจ้ ักความจรงิ เกย่ี วเนอ่ื ง กบั กายนใ้ี จนี้ คนเราต้องตื่นเพราะก่อนหน้าน้ันชีวิตเราก็เหมือนอาศัย อยู่ในเปลือกไข่ แต่พอถึงเวลาก็จะมเี หตบุ างอยา่ งมากระทบให้ เราเหน็ ความจรงิ ของจติ และกายน้ี เหมอื นถงึ เวลาตอ้ งออกจาก เปลอื กไข่ พอเจาะออกมาครง้ั แรกกอ็ าจโผลแ่ คห่ วั ออกมา ยงั ไม่ ได้ออกมาทัง้ ตัว คอื เร่มิ รู้ความจรงิ จงึ ต้องเรยี นรตู้ ่อไปเร่อื ยๆ — 241 —
ในกรณีของตาไม่ได้มีความสนใจการตื่นเพื่อรู้มาก่อน แต่ มีเหตุคือธรรมชาติลงโทษให้เกิดความเจ็บป่วย ซึ่งขึ้นอยู่กับ เวลาและโอกาสของแต่ละคนด้วย ถึงเวลาท่ีดอกบัวจะบาน พระอาทิตย์ก็จะทอแสงมา จิตก็เช่นกัน ไม่สามารถเร่งรัดได้ เพียงแต่ถ้าเราให้เวลากับมันก็อาจจะมีโอกาสเบ่งบานได้เร็วขึ้น คอื แสงแดดอาจจะหันมาตกกระทบโดยตรงก็อาจจะมโี อกาสท่ี ดอกบวั จะบานเรว็ ขนึ้ แตค่ นทจี่ ะทำ� ใหด้ อกบวั เจอแสงคอื ตวั เรา นนั่ เองวา่ จะเปิดโอกาสให้ตวั เองหรือไม่ สงิ่ สำ� คญั คือการเปดิ ใจ ศรัทธา และความอตุ สาหะขวนขวายของแตล่ ะคน จังหวะกา้ วบนเส้นทางสายการต่นื รู้ เมื่อเจ็บป่วยก็ท�ำให้ได้รู้จักกายรู้จักความจริงของร่างกาย นัน่ คือการตน่ื ครั้งท่ี 1 คือเขา้ ใจสัจธรรมว่าวันหน่งึ ตอ้ งตาย กาย น้ีไม่ใช่ของเรา ก็เริ่มเสาะแสวงหาความรู้ทางด้านปริยัติ ตาได้ อ่านหนังสือเรื่องคู่มือมนุษย์ของท่านพุทธทาส ซ่ึงอ่านครั้งแรก ตอนอยู่ในโรงพยาบาล เจอคำ� วา่ ‘อนจิ จัง ทุกขัง อนัตตา’ ทเี่ รา ไม่เคยร้จู ักมาก่อนเลย เหมือนเปน็ ภาษาตา่ งดาว แต่คำ� แปลนนั้ กนิ ใจ รสู้ กึ เขา้ ไปถงึ ปญั ญาภายในวา่ ขนั ธแ์ ละรา่ งกายนเี้ ปน็ ทกุ ข์ และเปน็ อนตั ตาคอื ไม่ใช่ตวั เรา เราเพยี งมาอาศัยชว่ั คราว — 242 —
ทกุ ๆ ลมหายใจหลงั จากผา่ ตดั ปอดจะไปกดทบั แผลภายใน บริเวณถงุ น�ำ้ ดี เหมอื นแผลท่โี ดนมีดบาดยาวขนาด 8 นว้ิ แลว้ มี คนเอามอื มาบบี กำ� ทแ่ี ผลนนั้ หลงั จากหมดฤทธยิ์ าสลบ มอรฟ์ นี และยาระงับปวด ทุกๆ ลมหายใจน้ันเจ็บมากและเกิดเวทนา อยา่ งรนุ แรง เข้าใจเลยว่าคนเกิดอบุ ตั ิเหตุหนักๆ แล้วใกล้ตายมี ความรสู้ กึ อยา่ งไร เหตกุ ารณน์ ที้ ำ� ใหร้ สู้ กึ อยา่ งชดั เจนวา่ การเกดิ และมขี นั ธเ์ ปน็ ทกุ ขท์ �ำให้ไม่อยากเกดิ อีก จากจดุ เรม่ิ ต้นนท้ี �ำให้หนั มาสนใจศกึ ษาธรรมะ มีโอกาสไป เรียนนกั ธรรมตรี โท เอก และอภิธรรมดว้ ย ไปสวดมนตท์ ำ� วตั ร เยน็ ท่วี ัดสุทศั นเ์ ทพวราราม 19.00 น. ทุกวันอยสู่ ามเดอื น เม่อื สวดมนต์จนคล่องแล้วมีเหตกุ ารณ์ท่ีท�ำใหเ้ ห็นจติ ตัวเอง หลังจากสวดมนต์จนคล่องแคล่วและสามารถจ�ำบทสวด- มนต์ได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นปากก็ท่องบทสวดมนต์ไปแต่ใจ กลบั คดิ ถึงว่าหลังจากนจี้ ะไปทานข้าวขาหมทู เี่ ยาวราช ขณะนนั้ ก็ตกใจว่าเป็นเสียงใครกันที่พูดขึ้นขณะที่เราสวดมนต์อยู่ ความ จริงก็คือเสียงของจิตที่ไหลไปคิดข้างนอก ไม่ได้จดจ่ออยู่ที่การ สวดมนต์ นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นจิตตัวเองชัดๆ และรู้ว่าจิต กับกายไม่ใช่ส่ิงเดียวกัน ซ่ึงน่ันก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ท�ำให้ กลบั มาร้จู กั ภายใน — 243 —
จากนั้นก็น�ำเรื่องนี้ไปปรึกษาพระอาจารย์ท่านก็แนะน�ำให้ ไปฝึกวิปัสสนาท่ีโกเอ็นก้า จังหวัดพิษณุโลกเพ่ือไปดูเวทนา ใน คอรส์ นัน้ มกี ารน่ังสมาธิวันละ 5-6 บลั ลังก์รวมประมาณ 10-12 ชม. โดยนั่งเพือ่ ให้เห็นเวทนาอยา่ งเดียว นิสัยเราคือเปน็ คนช่าง พดู ชา่ งเจรจา ไม่เคยเห็นความคิดตวั เอง สามารถพูดไดแ้ บบน�้ำ ไหลไฟดบั ขาดสติตลอดเวลา การเข้าคอรส์ นนั้ เป็นคร้งั แรกที่ได้ อยกู่ บั จิตจริงๆ และได้เห็นจติ ตัวเองเพราะถกู หา้ มไมใ่ ห้สอ่ื สาร กับโลกภายนอก ให้ปิดวาจาและรับประทานอาหารมังสวิรัติ 4 วันแรกทรมานมาก จิตตาในตอนนั้นเลยเป็นเหมือนลิงที่ถูกน�ำ ไปผูกติดกับหลัก ลิงก็จะดีดดิ้นอย่างแรง เพ่ือให้หลุดจากเชือก ท่ีผูกไว้ นัน่ ก็คือการดลู มหายใจแบบอานาปานสติ ตอนนั้นอยากหนีออกจากการปฏิบัติมากแต่ไม่ได้รับ อนุญาต รู้สึกทรมานมากและไม่เห็นประโยชน์ว่าจะอยู่ต่อไป ท�ำไมแต่ก็จ�ำเป็นต้องอดทน ในระหว่างท่ีทรมานก็ดูลมหายใจ ไปด้วย แม้ขาดสติไปบ้างแต่การนั่งสมาธิวันละ10-12 ชม.นั้น ก็น่าจะท�ำให้เราสามารถอยู่กับลมหายใจได้บ้างสักประมาณ วันละ 2-3 ชม. จนเข้าวันท่ี 4 เหมือนกับว่าลิงเร่ิมเหน่ือย จิต เหนื่อยกับความคิด จิตจึงรวมลงเป็นความสงบน่ิง จากที่เคย นั่ง 2 ชม.ด้วยความทรมานและแอบดนู าฬิกาตลอดกก็ ลายเปน็ รู้สึกเหมอื นผ่านไปแค่ 5 นาทีเทา่ นัน้ เอง และไมอ่ ยากลุกเพราะ มคี วามสขุ มาก หลงั จากนน้ั กอ็ ยากไดอ้ ารมณแ์ บบนนั้ อกี กก็ ลาย — 244 —
เปน็ ความทกุ ขเ์ พราะเกดิ ความไมเ่ ทยี่ ง เราไมส่ ามารถกำ� หนดให้ จติ สงบอย่างใจเราได้ เหตุการณ์นที้ ำ� ให้เร่ิมรู้จกั ตวั เอง เริม่ รวู้ า่ เราอบรมจติ ได้ แต่ เราไม่ได้เป็นเจ้าของเขา เพราะเราส่ังอะไรกายและจิตไม่ได้เลย เราแคส่ ามารถสรา้ งสงิ่ แวดลอ้ มทเี่ หมาะสมใหจ้ ติ ไดเ้ รยี นรเู้ ทา่ นน้ั แลว้ จติ กจ็ ะเรยี นรแู้ ละเลอื กไดเ้ อง คนเราสว่ นใหญเ่ รามกั ไมค่ อ่ ย ให้ความส�ำคัญกับเรอ่ื งภายใน กลับไปสนใจและใหค้ วามส�ำคัญ กบั เร่อื งการหาเงนิ และโลกภายนอก หากเราหนั กลับมาอาบนำ�้ ให้ใจ ช�ำระล้างส่งิ ท่สี ะสมหมกั หมมมานานหลายภพชาติ คือทำ� วิปัสสนาแล้วจิตได้มองเห็นตัวเราเอง จิตก็จะเลือกเองได้ว่าส่ิง ไหนให้ประโยชน์กับชีวิตได้มากกว่ากัน นั่นเป็นคร้ังแรกท่ีได้ลิ้ม รสของวิปัสสนา ท�ำให้เร่ิมเรียนรู้ว่าการเรียนรู้ภายในนั้นเป็นส่ิง ส�ำคญั มากๆ ของชวี ติ การเตบิ โตทางจติ วญิ ญาณบนเสน้ ทางสายการตืน่ รู้ การเติบโตในการเรียนรู้ภายในคือการเห็นความจริง คือ เหน็ กายใจให้ละเอียดลกึ ซึ้งข้นึ เรือ่ ยๆ โดยให้มสี ติรเู้ ทา่ ทัน โดย เฉพาะเรื่องของจติ ตัวเอง ความรสู้ กึ นกึ คิด ตวั ตาเองเปน็ นกั แสดงตอ้ งใชท้ ง้ั สมองและอารมณ์ การเปน็ นกั แสดงตอ้ งอา่ นบทและตอ้ งรเู้ กยี่ วกบั คาแรคเตอรข์ องตวั ละคร นน้ั ๆ ซ่งึ ตอ้ งใชค้ วามคดิ และมกี ระบวนการของสมองทีส่ งั่ ท�ำให้ — 245 —
จติ ยอมรบั บทบาทในฐานะทเี่ ปน็ ตวั ละครตวั นนั้ ๆ แลว้ ตอ้ งแสดง ความรู้สึกออกมา จึงดูเหมือนตัวเองเก่งที่สามารถบังคับจิตได้ แตจ่ ริงๆ แล้ว เหมือนเปน็ การมอมเมาหรอื ย้อมจติ จนเป็นนสิ ัย ท�ำให้มีความยากมากข้ึนท่ีจะรู้จักตัวตนท่ีแท้จริงเพราะต้องเล่น กับกเิ ลสตลอดเวลา ตรงกันข้ามถ้าเราสามารถน�ำทักษะตรงนี้มาใช้ให้เกิด ประโยชน์ก็ช่วยให้เห็นกิเลสได้ง่ายขึ้นเพราะว่าเราปั้นเวทนาข้ึน มา ปั้นทุกข์ปั้นสุข ปั้นสิ่งต่างๆ เวลาท่ีไม่ได้ปั้น คือ ออกจาก อารมณ์เปน็ นกั แสดงแล้วต้องกระทบจรงิ ๆ กจ็ ะเห็นไดง้ ่ายกว่า คนอ่ืน เพราะท�ำงานอยู่กับการใช้อารมณ์เกือบทุกวัน แต่ส่วน ใหญเ่ วลาเปน็ นกั แสดง ถา้ เราไมม่ สี ตกิ จ็ ะอนิ กบั บทบาทและเบรก ไมอ่ ยู่ บางครง้ั เราแสดงจนชนิ แล้วตดิ อารมณน์ ัน้ ๆ มาใชใ้ นชีวติ จรงิ ดว้ ย เพราะขาดสตแิ ละแยกแยะไมไ่ ด้ การได้ค้นพบกระบวนการท�ำงานเหล่านี้ในชีวิตของตัวเอง แล้วสามารถแยกแยะออก เบรกได้ มีสติ แยกความจริงกับบท ละคร หรือกระท่ังอารมณ์และกิเลสของเราท่ีเกิดจากความคิด ปรงุ แต่งเราเร่ิมค่อยๆ เหน็ ชดั ขึ้นเร่ือยๆ เพราะฉะน้ันสตเิ ปน็ ส่ิง สำ� คัญมากที่จะชว่ ยให้เราหยุดเป็นและเห็นตัวเองได้ชัด — 246 —
อุปสรรคและการก้าวข้าม อปุ สรรคทส่ี ำ� คญั ทสี่ ดุ กค็ อื ตวั เราเอง กเิ ลสและอตั ตาตวั ตน ไมม่ อี ะไรทจ่ี ะเปน็ อปุ สรรคทหี่ นกั หนาทสี่ ดุ เทา่ กบั การไมร่ จู้ กั ตวั เองและไมเ่ หน็ ตวั เอง การทเี่ ราพยายามหาเหตผุ ลเขา้ ขา้ งตวั เอง โดยทไ่ี มร่ เู้ ลยว่าน่ันคือการเขา้ ข้างกเิ ลส นค่ี อื สิง่ ทีน่ า่ กลัวที่สดุ ซึ่งเป็นธรรมดาของอัตตาท่ีเม่ือถูกกระทบอัตตาจะออกมา ท�ำงานปกป้องตวั เอง เพราะน่นั เปน็ กลไกการทำ� งานของความ ไมร่ ้ทู อ่ี ยู่เบือ้ งหลัง คือไมร่ วู้ า่ ถ้าอัตตาหายไปจะเกดิ อะไรขนึ้ เรา จะรู้สึกเคว้งคว้างแค่ไหน จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร จะมีความ ทุกข์แค่ไหนเกิดความกังวลไปหมด เราจึงปกป้องอัตตานั้นไว้ โดยที่เราก็ไม่รู้ตัวว่านั่นคืออัตตา เพราะมันฝังแน่นเป็นตัวตน กลมกลืนกับตวั เราไปแลว้ คือกลมกลืนเปน็ เนือ้ เดียวกนั กบั จติ ก า ร ก ้ า ว ข ้ า ม ผ ่ า น อุ ป ส ร ร ค ไ ป ไ ด ้ ก็ ด ้ ว ย ธ ร ร ม ะ ข อ ง พระพทุ ธเจ้า ด้วยเพ่อื นๆ กลั ยาณมติ ร และสิ่งสำ� คัญท่ีสุด คอื ด้วยตัวเอง โดยการให้เวลากับตัวเอง เปิดใจและยอมรับฟัง ค�ำติเตียน ค�ำสอน และค�ำบอกกล่าวของผู้อ่ืน แล้วน้อมลงมา พจิ ารณาใสต่ นจรงิ ๆ เวลาทมี่ ปี ญั หากห็ นั กลบั มามองตนเองกอ่ น ทจี่ ะโทษผู้อ่นื แลว้ เรากจ็ ะคอ่ ยๆ เหน็ ตวั ตนท่ีแท้จริงของเรา ท้งั ดแี ละไมด่ ี ไมใ่ ชเ่ ลอื กเอาแตเ่ ฉพาะดา้ นดแี ลว้ ปฏเิ สธดา้ นไมด่ ขี อง ตวั เอง เพราะทัง้ สองด้านคอื ตัวเราทัง้ ส้นิ — 247 —
เมื่อเราเห็นความจริงตรงน้ันและยอมรับกลไกบางอย่าง ของธรรมชาตทิ ค่ี นื กลบั มา เปรยี บเหมอื นกบั การเขา้ ไปทำ� ความ สะอาดกิเลสที่แอบซ่อนอยู่ในจิต ซึ่งถ้ามองไม่เห็นก็จะไม่ได้ รับการท�ำความสะอาด ด้านไม่ดีของจิตจะแอบซ่อนแล้วพาไป สรา้ งกรรมไมด่ ีตา่ งๆ มากมาย เม่อื มีเวลาทบทวนทกุ ๆ วนั ทัง้ ระหว่างวันและก่อนนอน เป็นต้น เพ่ือให้เราได้อยู่กับตัวเองได้ เห็นจติ และท�ำความสะอาดส่ิงไมด่ ใี นตัวเองออกไป ซึ่งในแตล่ ะ วัน การออกไปกระทบและเกิดกิเลสมีอยู่แล้วเป็นปกติ เราจึง ต้องให้ความส�ำคัญและเห็นคุณค่าอย่างแท้จริงท่ีจะกลับมาอยู่ กับตัวเองและขัดเกลาภายในทุกๆ วัน นั่นคือ การเห็นคุณค่า ของการตน่ื รู้ การเหน็ คณุ คา่ ของการหลดุ พน้ การเหน็ คณุ คา่ ของ การออกจากทุกข์จริงๆ คุณปู การของการต่นื รู้ท่ีเกิดข้ึนกบั ชีวติ เหมอื นเราไมเ่ คยรจู้ กั ธรรมะของพระพทุ ธเจา้ มากอ่ น แมจ้ ะ เคยเรยี นในวชิ าพระพทุ ธศาสนาสมยั เดก็ แตท่ อ่ งจำ� แลว้ กล็ มื แต่ หลงั จากการตนื่ จากความไมร่ จู้ กั ตวั เองในเรอ่ื งของกาย ทำ� ใหห้ นั มารู้สึกว่าวิชาภายในหรือวิชาเกี่ยวกับชีวิตนั้นเป็นเร่ืองที่มนุษย์ ควรเกดิ มาเพื่อรู้สงิ่ นี้ — 248 —
เมอื่ ก่อนเห็นความส�ำคญั แต่เฉพาะเร่อื งภายนอก คือ การ ท�ำมาหากิน ความสุขปลอมๆ ว่าเป็นความสุขท่ีแท้จริง แต่ใน วนั ทปี่ ว่ ยกเ็ หน็ ความจรงิ วา่ วนั หนงึ่ ตอ้ งตายและตายคนเดยี ว ซงึ่ กอ่ นตายกต็ อ้ งเจบ็ ปว่ ยหรอื ถา้ บางคนไมเ่ จบ็ ปว่ ยกต็ อ้ งเจบ็ ปวด เป็นสัจธรรมที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อน หลังจากเห็นสิ่งน้ีแล้ว อยา่ งแรกเลยคอื การหนั มาใสใ่ จสขุ ภาพมากขนึ้ ตอ้ งดแู ลรา่ งกาย ให้มากขึ้น เพราะเหมือนได้โอกาสท่ีสองของชีวิต ซ่ึงถ้าตายใน ขณะทเี่ ปน็ มะเรง็ คงไมม่ โี อกาสกลบั มารจู้ กั ตวั เอง ชวี ติ ทเ่ี หลอื อยู่ ทำ� ให้รูว้ า่ นัน่ คอื ก�ำไรชวี ิต เม่ือหน่ึงคนตื่นจากความไม่รู้เหมือนเป็นนิมิตหมายที่ดี และแสงสว่างที่ผุดข้ึนมาบนโลกเลยก็ว่าได้ แต่แสงสว่างจาก เทียนเล่มน้ีจะสว่างยืดยาวหรือดับลงก็ข้ีนอยู่กับว่าเราจะยังคง ยนื หยดั เรยี นรคู้ วามจรงิ ในดา้ นอน่ื ๆ หรอื ไม่ ความจรงิ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง กับตัวเองและความจริงท่ีเก่ียวข้องกับผู้อ่ืนน้ันมีผลกระทบมาก พอเราตื่นข้นึ หนงึ่ คนสามารถสง่ ผลตอ่ คนรอบๆ ข้างโดยเฉพาะ ครอบครัวแล้วขยายไปสู่สังคม เหมือนเด็ดดอกไม้สะเทือนถึง ดวงดาว คือ ส่งผลกระทบท่ัวจักรวาล แค่จิตเล็กๆ ดวงหนึ่ง เปล่ียนแปลงไปมีผลท�ำให้กระแสโลกใบน้ีมีทิศทางที่เปล่ียนไป เพอ่ื นรอบตวั กเ็ ปลยี่ น มกี ลั ยาณมติ รเพม่ิ ขนึ้ และเราเองไดเ้ รยี นรู้ จากเพอ่ื นๆ รอบตวั ดว้ ย ทำ� ใหเ้ ราไดต้ น่ื แลว้ ตนื่ อกี ขดั เกลาแลว้ — 249 —
ขัดเกลาอีก กระทบแล้วกระทบอีก และรู้ว่าส่ิงที่เกิดข้ึนข้างใน กม็ แี ตจ่ ติ กบั กเิ ลสทเ่ี รารเู้ ทา่ ทนั และไมร่ เู้ ทา่ ทนั เวลาทรี่ ไู้ มท่ นั เรา กต็ ้องร้จู ักใหอ้ ภยั ตัวเองแลว้ เรม่ิ ใหม่ เมื่อเรารู้จักตัวเองได้ถ่องแท้แล้วเราจะสามารถเข้าใจและ เห็นใจผู้อ่ืนได้มากข้ึนด้วย โดยเฉพาะคนใกล้ตัวอย่างแม่ เม่ือ ก่อนชอบสงสัยด้วยอัตตาว่าท�ำไมแม่ไม่รู้เรื่อง แม่ไม่เข้าใจ แต่ ปัจจุบันก็เข้าใจว่าแม่ก็คือแม่ แม่มีธรรมชาติของเขาท่ีเราไม่ จ�ำเป็นต้องไปทะเลาะด้วย เราฟังเขา เรายอมและเข้าใจเขา เรื่องที่จะเถียงกันก็จะน้อยลง แต่จิตก็ไม่ได้เย็นตลอดเวลา ยัง คงมีการกระทบแต่ก็จะรู้ตัว นี่คือการตื่นท่ีส่งผลต่อตัวตาและ คนรอบข้าง สรา้ งผลสะเทือนสู่สงั คมวงกวา้ ง ตาเชอ่ื วา่ จติ ทกุ ดวงมผี ลตอ่ จกั รวาลน้ี เพราะฉะนน้ั เมอื่ มจี ติ ทสี่ ามารถปล่อยพลังงานดๆี หรือสามารถหลุดออกจากกระแส ลบหรือพลังงานงานลบๆ ในตวั เราเองได้ หรือเขา้ ใจท่จี ะอยู่กบั พลังงานลบได้ หรือหยุดไม่ไหลไปกับมัน เป็นพลังงานกลางๆ หรอื กลายเปน็ บวกขนึ้ มากน็ า่ จะสง่ ผลใหผ้ ทู้ อี่ ยรู่ อบๆ ถา้ โลกใบน้ี มคี นตน่ื มากขึ้นก็นา่ จะเปล่ยี นแปลงให้โลกสงบเยน็ — 250 —
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414