นพ. ทีปทศั น์ ชณุ หสวัสดิกลุ ‘การรักษาท่ีเข้าใจชีวิตและอิสรภาพของการมีชีวิต ทั้งในยามเจ็บป่วย และก่อนความตาย’ คือส่ิงท่ี นพ. ทีปทศั น์ ชุณหสวัสดกิ ุล หาคำ� ตอบ มาตลอด โดยเฉพาะ 10 ปหี ลังของการเป็นแพทย์ — 51 —
ปัจจบุ นั นพ. ทีปทัศน์ หรือ ‘หมอปอง’ อายุ 41 ปี เปน็ แพทยธ์ รรมชาตบิ ำ� บดั ผสมผสานตง้ั แตก่ ารแพทยแ์ ผนไทย การ แพทยแ์ ผนจนี การแพทยม์ นษุ ยปรชั ญา การแพทยโ์ ฮมโิ อพาธยี ์ (homeopathy ศาสตรก์ ารแพทยพ์ นื้ บา้ นชนดิ หนง่ึ ของยโุ รปอายุ กวา่ 200 ปี ศาสตรท์ เ่ี ชอื่ ใน ‘พลงั ชวี ติ ’ ทว่ี า่ ‘รา่ งกายสง่ิ มชี วี ติ ทกุ ชนดิ มคี วามสามารถในการรกั ษาเยยี วยาตนเอง’) และอนื่ ๆ ขณะ เดยี วกนั ยงั สนใจดา้ นการฝกึ จติ สมาธแิ ละเชอื่ วา่ สมดลุ การแพทย์ สมัยใหมแ่ ละกลไกการรักษาจากภายใน ไมเ่ คยแยกขาดจากกนั “ย่ิงศึกษาก็ย่ิงเช่ือว่า ‘ธรรม’ กับ ‘สุขภาวะ’ คือองค์รวม เดยี วกัน ความเข้าใจชวี ติ พาให้เรามสี ขุ ภาพที่ดีในระยะยาว” ในฐานะแพทย์ พยานพบเห็นการเกดิ แก่ เจ็บ และตาย ผู้ ท่ีต้องมีส่วนร่วมทั้งการวินิจฉัย พูดคุย ไถ่ถามเร่ืองราวในชีวิต ทำ� ใหเ้ ขาพบเจอชวี ติ หลากหลายเรอ่ื งราว ตงั้ แตผ่ ทู้ ปี่ ระสบความ สำ� เรจ็ ตามฉบบั นยิ ม มที รพั ยส์ นิ มหาศาลแตถ่ งึ คราวเจบ็ ปว่ ยกย็ งั คงทกุ ข์ หลายคนมที รพั ยส์ มบตั นิ อ้ ยแตส่ ายตาของความอม่ิ เตม็ และเตม็ พรอ้ มยงั คงลกุ โชน แนน่ อนวา่ ในความจรงิ ของชวี ติ ยงั มี อีกหลายกรณีท่กี ลับกันจากกรณีทยี่ กมา หากสิ่งที่นพ.ทีปทัศน์ ต้องการส่ือสารก็คือ ระหว่างการ เดินทางไปสู่อิสรภาพใหม่ ไปสู่ชีวิตหลังความตาย ปัจจัยอะไร บ้างที่ท�ำให้คนไข้เหล่านี้พบอิสระจากภายใน ลดความเจ็บป่วย ทางจติ ใจในระดบั หน่ึง — 52 —
“เวลาทปี่ ว่ ย เราจะพบวา่ ความคดิ เราไมอ่ สิ ระเทา่ เดมิ ความ คดิ ทอื่ ลง หรอื อาจลกุ มาทำ� อะไรตามใจไมไ่ ด้ กลบั กนั หากเราไม่ ปว่ ย เรายอ่ มมีอสิ ระที่จะคิดและท�ำตามส่ิงทีเ่ ราตอ้ งการ “สำ� หรับหมอ การตนื่ รคู้ ือการเป็นอิสระ แตไ่ มใ่ ชอ่ สิ ระจาก การถูกตามใจให้ท�ำอะไรก็ได้ แต่เป็นอิสระทางใจที่จะสุขได้ใน ทกุ ๆ สภาวะ จดุ เรม่ิ ตน้ นกั เรยี นแพทย์: เพราะแรงบนั ดาลใจเลก็ ๆ และ การฟงั เสียงหัวใจในแตล่ ะชว่ งเวลา หากวดั ความสำ� เรจ็ ในแงก่ ารศกึ ษา การประกอบอาชพี และ ความสนกุ ความสุขจากเส้นทางทมี่ งุ่ ม่ันจนถึงวันน้ี คงไม่ใชก่ าร กลา่ วเกินจรงิ วา่ นพ.ทีปทัศน์ ประสบความสำ� เร็จ แต่หากย้อนกลับไปเม่อื 40 ปกี อ่ น ด.ช.ทีปทัศน์ เปน็ เด็ก พฒั นาการชา้ ทง้ั การเดนิ และการพดู ซ่ึงน่ันอาจเป็นเหตใุ หช้ ่วง วัยเด็ก แมไ้ ม่ได้มีปญั หาทางการเรยี น แต่ลึกๆ แล้วเขากลับรู้สึก แปลกแยกจากผ้คู น “แต่เดิมหมอเป็นคนขี้อาย ช่างฝัน อาจเพราะเรื่อง พัฒนาการด้านการพูดและพัฒนาการของการเดินค่อนข้างช้า แตถ่ า้ ใหม้ องกลบั ไปวยั เดก็ ดว้ ยความเขา้ ใจทม่ี ากขนึ้ ในมมุ ผใู้ หญ่ มนั อาจคอื ตน้ ตอ ‘ความไมว่ างใจตอ่ โลก’ และ ‘ความโดดเดย่ี ว’ ” — 53 —
แตเ่ หตกุ ารณท์ ท่ี ำ� ใหร้ สู้ กึ ถงึ ความเปลยี่ นแปลง คอื เทศกาล ครสิ ตม์ าสในชว่ งป. 3 หรอื วนั ท่ี ด.ช.ทปี ทศั น์ อายุ 9 ปี เหตกุ ารณ์ นั้นอาจใกล้เคียงกับค�ำว่า ‘ต่ืน’ และไม่ใช่การ ‘ตื่น’ ท่ีมาจาก ส�ำนึกรู้อย่างปาฏิหาริย์ แต่มาจากความรู้สึกเช่ือมั่น ถูกท�ำให้ มนั่ ใจในคณุ คา่ และศกั ยภาพในตวั เอง “ตอนนนั้ ทโี่ รงเรยี นมปี ระกวดวาดรปู ระบายสวี นั ครสิ ตม์ าส เดก็ ๆ ทกุ คนจะไดร้ บั แผน่ กระดาษพมิ พล์ ายซานตาคลอสเหมอื น กนั แทนท่จี ะระบายสีทอ้ งฟ้าเปน็ สีดำ� หรือนำ้� เงินเรยี บๆ อยา่ ง คนอ่ืน เราระบายท้องฟ้าสีน้�ำเงินเข้ม และเติมดาวสีเหลืองใน รปู ภาพ “ครปู ระจ�ำช้ันกลบั เรียกเราขึน้ ไปหนา้ ช้นั ตอนน้นั กลวั มาก เพราะคิดว่าเราทำ� อะไรผิดรึเปลา่ เหง่อื ออก ครูถามวา่ ท�ำไมถึง วาดดาวทัง้ ท่ีในกระดาษไมม่ ีดาวสกั ดวง ผมตอบวา่ คดิ ว่ามันคง สวยดีถ้าท้องฟ้ามีดาว สุดท้ายกลายเป็นว่าครูชมว่าเรามีความ คดิ สรา้ งสรรคแ์ ละบอกใหเ้ พอ่ื นๆ ในหอ้ งปรบมอื ให้ “ผมจำ� รายละเอยี ดอยา่ งอนื่ ไมไ่ ดม้ าก แตห่ ลงั จากนน้ั ครเู รม่ิ มอบหมายงานเลก็ ๆ ในหอ้ งใหท้ ำ� มากขนึ้ ความขอี้ ายทต่ี ดิ ตวั มา เหมอื นจะเบาบางลงตง้ั แตต่ อนไหนไมร่ ู้ แตท่ รี่ สู้ กึ วา่ ตวั เอง ‘ตน่ื ’ ตอนน้นั คอื เกิดความรสู้ กึ ในใจวา่ ‘เรามคี ุณคา่ ในสายตาของครู คนหนึ่ง’ ‘เรามศี ักยภาพจะท�ำอะไรได้มากกว่าท่คี ิด’ ” — 54 —
การเปลย่ี นแปลงครงั้ นนั้ คอื การ ‘ตน่ื ’ ครงั้ แรก คอื การทำ� ให้ เดก็ คนหนง่ึ เหน็ คณุ คา่ และศกั ยภาพในตวั เอง ไมม่ ากกน็ อ้ ย การ เปลี่ยนแปลงในวันนั้นท�ำให้ ด.ช.ทีปทัศน์ กลายเป็นนักเรียน แพทยใ์ นเวลาตอ่ มา และการเปลยี่ นแปลงอกี ครงั้ ของเขาเกดิ ขน้ึ ในช่วงเวลา ‘พูดคุย’ กับนกั เรยี นแพทย์เข้าใหม่ในวันรายงานตัว “อาจเปน็ กระแสนยิ มของนกั เรยี นโรงเรยี นเตรยี มอดุ มศกึ ษา ขณะนน้ั วา่ หากเรยี นชวี วทิ ยาไดด้ ี กค็ วรลองสอบเขา้ คณะแพทย์ คณะใดคณะหนึ่ง “ขณะที่รอตรวจเอกสารมีรุ่นพ่ีเข้ามาพูดคุยและรู้ว่าผมคือ นกั เรยี นทส่ี อบเขา้ ไดค้ ะแนนสงู สดุ จงึ อยากขอสมั ภาษณ์ ถา้ ถาม ว่าตอนนัน้ ร้สู ึกอย่างไร ตอบตามตรงว่าดใี จมาก แต่หลงั จากนั้น มนั มคี ำ� ถามในหวั ประโยคหนง่ึ วา่ ‘เรามคี วามสามารถ แลว้ เราจะ ใชค้ วามสามารถน้นั ช่วยเหลอื คนอื่นอย่างไร’ “ผมคดิ วา่ มนั เปน็ เรอ่ื งบงั เอญิ แตค่ ำ� ถามนน้ั กท็ ำ� ใหผ้ ม ‘ตน่ื ’ อกี ครง้ั และคดิ วา่ เราเปน็ เดก็ ขอี้ ายคอยหลบอยหู่ ลงั คนอน่ื ไมไ่ ด้ แล้ว เราจะใช้ความสามารถช่วยเหลือคนอ่ืนให้ถึงที่สุดอย่างไร หลงั จากน้นั ผมคอ่ ยๆ เปล่ยี นตวั เอง ทำ� งานท�ำกจิ กรรมมากข้นึ เรียนรู้และท�ำความรู้จักเพ่ือนต่างคณะ เพ่ือเตรียมความพร้อม ให้ตัวเอง วันหน่ึงเราจะช่วยเหลือเพ่ือนมนุษย์ให้เต็มศักยภาพ ของเรา — 55 —
นพ.ทีปทัศน์ย�้ำว่า “การตื่นรู้ของคนคนหน่ึงอาจเกิดจาก แรงบันดาลใจเล็กๆ ท่ีผู้ใหญ่มอบให้ หรือเกิดจากการฟังเสียง หวั ใจของเราในแตล่ ะชว่ งเวลา” ระหวา่ งทางการเปน็ แพทย:์ “การตน่ื รไู้ มใ่ ชเ่ รอ่ื งมหศั จรรย์ แต่เปน็ มุมมองชวี ิต” “ผมมองว่าการต่ืนรู้ไม่ใช่เร่ืองมหัศจรรย์อะไร แต่เป็นมุม มองชวี ติ เปน็ เรอื่ งของตวั เราเอง เปน็ ศกั ยภาพพนื้ ฐานของมนษุ ย์ ทที่ กุ คนมี จำ� เป็นตอ้ งมี” หากดูจากการเปล่ียนแปลงเพื่อต่ืนขึ้นของนพ.ทีปทัศน์ อาจกลา่ วไดว้ า่ ศกั ยภาพพน้ื ฐานทว่ี า่ คอื การใครค่ รวญ รสู้ กึ ฉกุ คดิ พิจารณา และค้นพบการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ บางอย่าง ซึ่งคุณ หมอทปี ทศั นเ์ ชอื่ วา่ นน่ั คอื ศกั ยภาพของมนษุ ยอ์ ยา่ งหนง่ึ ทท่ี ำ� ให้ มนษุ ย์มวี วิ ัฒนาการแตกตา่ งกบั สตั ว์สปีชีส์อน่ื “ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์ไม่ได้วัดท่ีปริมาณ DNA เอาเขา้ จรงิ แลว้ DNA ของมนษุ ยก์ บั หนอนตวั กลม Caenor- habditis elegans ตา่ งกนั ไมถ่ งึ 2,000 ยนี ลิงชิมแปนซีมยี ีนตา่ ง กับมนุษย์แค่ราว 1 เปอรเ์ ซ็นต์ “ทีต่ ่างคอื มนุษย์มีศกั ยภาพทจ่ี ะต่ืนรู้ เป็นเรื่องของจติ ไม่ใช่ แค่ร่างกาย การตื่นรู้ในมุมของผมจึงไม่ใช่ความสามารถพิเศษ (Extra Ability) แตเ่ ปน็ ความต้องการพื้นฐานท่ีสุด (Minimal Re- quirement) ในการเปน็ มนุษย”์ นพ.ทปี ทศั นก์ ลา่ ว — 56 —
แต่ท่ีต้องถามย่ิงกว่า แม้เราจะมีศักยภาพใคร่ครวญ พิจารณาเพื่อเปลย่ี นแปลงและ ‘ต่นื รู้’ บางอยา่ ง ท�ำไมเราต้อง ตื่น? “เม่ือเห็นคนอ่ืนท่ียังทุกข์ เหมือนเห็นตัวเองในอดีต ท�ำได้ แตภ่ าวนา เอาใจชว่ ย และหากทำ� ไดก้ อ็ ยากแลกเปลยี่ นวธิ ใี หเ้ ขา ตน่ื ได”้ ตน่ื ในท่ีนีค้ ือต่นื จากความทุกข์ และเปน็ อสิ ระจากความ เจบ็ ป่วยทงั้ ภายในและภายนอก อุปสรรคที่ทำ� ใหไ้ มเ่ ปลยี่ นแปลง ไมต่ ืน่ ส่ิงท่ีนพ.ทีปทัศน์อยากชวนคุย คือการเปลี่ยนแปลงเพ่ือ ตื่น ไม่ใช่แค่น่ังหลับตาเพ่ือรอให้ค้นพบหาทางแก้ปัญหา หาก ก้าวเล็กๆ แต่จะเป็นการเปล่ียนแปลงท่ีย่ิงใหญ่ในมุมของนพ. ทปี ทศั น์ คือการเปลยี่ นระบบการเรียนรู้ เปลยี่ นกรอบคดิ ความ เคยชิน และวิธีการเรียนในระบบการศึกษา ท่ีจะไม่ท�ำให้คนรุ่น ใหมร่ ้จู ักเพียงแตว่ ชิ าการ แต่เขา้ ใจวชิ าชวี ิตดว้ ย “อปุ สรรคทท่ี ำ� ใหเ้ ราไมอ่ าจตน่ื ในความคดิ ของผมคอื ความ เคยชินจากประสบการณ์วัยเด็ก จากการเลี้ยงดูท่ีสร้างความ เคยชนิ ใหย้ ึดตดิ กบั ความสำ� เร็จทางวัตถมุ ากเกนิ ไป — 57 —
“พฒั นาการ EF หรอื Executive Function บอกวา่ พฒั นาการ สมองของคนในชว่ ง 9-15 ปจี ะเกดิ การเสอื่ มของเซลลส์ มองทไ่ี ม่ ได้ใช้ วงจรความคดิ ที่เราไมค่ นุ้ ชนิ จะถกู โละจากสมองเพ่อื ทำ� ให้ สมองท�ำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น หมายความว่าจากวัยเด็ก ที่มองว่าจินตนาการทุกอย่างเป็นไปได้ ในช่วงอายุน้ีจะเหลือ หรือจ�ำได้เฉพาะประสบการณท์ ่ี ‘เคยท�ำแลว้ เวริ ค์ ’ สำ� หรบั เรา” เราเรียกความคิดทีเ่ กิดจากการทำ� ซ้ำ� ๆ วา่ ‘ความเคยชิน’ คนเราจะไม่เป็นไปตามสิ่งท่ีเขาพูดหรือคิด แต่เป็นไปตาม สิ่งท่ีท�ำจนชินต่างหาก และน่ันคือเหตุผลท่ีว่า หากคนเรามีศีล คอื ความเคยชนิ ทด่ี งี าม 5 อยา่ ง กจ็ ะเปน็ มาตรฐานใหค้ วามรสู้ กึ ตอ่ สิ่งตา่ งๆ รอบตวั เปน็ ไปอย่างแจม่ กระจา่ ง “โชครา้ ยทกี่ ารสร้างความเคยชินในการรูต้ วั ไมถ่ กู ทำ� ใหอ้ ยู่ ในการเล้ียงดูและระบบการศึกษาส่วนใหญใ่ นโลก “เราเคยชนิ กบั ขอ้ สอบบอกใหก้ าถกู ผดิ ฝกึ ใหค้ ดิ เรว็ ๆ จดจำ� เปน็ สตู ร ฝกึ ใหพ้ อใจกบั การเพลดิ เพลนิ กบั ความคดิ มากๆ แตไ่ ม่ ชนิ เลยกบั การรวู้ า่ ความคดิ ของเรามนั เกดิ ขนึ้ มาตอนไหนอยา่ งไร ซึ่งนักการศึกษาจะต้องเปลี่ยนความเช่ือความเคยชินเหล่านี้ เพอ่ื เปดิ พน้ื ทใ่ี หม้ นษุ ยร์ นุ่ ถดั ไปมศี กั ยภาพดา้ นการตน่ื รมู้ ากขน้ึ ” — 58 —
ท้ายที่สดุ นพ.ทปี ทัศน์ย้�ำอกี ครง้ั ว่า ประสบการณ์และเส้น ทางการตนื่ รู้ ไมใ่ ชค่ วามรทู้ อี่ า่ นหรอื ทอ่ งจำ� มาจากตำ� ราภายนอก แต่เป็นความรู้ที่มาจากการรู้สกึ เขา้ ไปภายในตนเอง แตล่ ะคนมี ต�ำราชีวติ (Book of life) ทตี่ ้องเรยี นรู้ด้วยตนเองตลอดชีวติ “เมอ่ื เราเรยี นและทำ� ความรู้จกั ชีวิตตวั เองในทุกเร่ือง ไม่วา่ เร่อื งดีหรอื ร้าย และเอามารอ้ ยเข้าด้วยกันเพือ่ หาความสมั พนั ธ์ บางอยา่ ง เราจะค่อยๆ เห็นเหตแุ ละผลที่เราไมเ่ คยนึกถึง ทำ� ไม วยั เดก็ เราจงึ รสู้ กึ โดดเดยี่ ว ทำ� ไมเราถกู เรยี กออกไปหนา้ ชน้ั ทำ� ไม เราตืน่ ข้ึนในมมุ มองชวี ิตใหม่ และถ้าเราตดั คำ� ว่า ‘บงั เอญิ ’ ออก ไปได้ เราจะคน้ พบกฎขอ้ หนงึ่ ทเี่ รยี กวา่ ‘กฎแหง่ กรรม’ ทปี่ ระจกั ษ์ ได้ด้วยประสบการณช์ วี ติ ของคณุ เอง” ซ่ึงการใคร่ครวญหยุดคิดในช่วงเวลาหนึ่งๆ น้ัน อาจเป็น วินาทีสำ� คัญในการกำ� หนดทิศทางชวี ติ ไปทางใดทางหนึ่งไดเ้ ลย — 59 —
ชีวิต จะผลกั ใหค้ ณุ ต่นื — 60 —
โซโนโกะ พราว โซโนโกะ พราว เปน็ ลกู ครง่ึ ญป่ี นุ่ จนี และไทย เธอคอื หญงิ สาวทใ่ี ชศ้ ลิ ปะ เปน็ หนทางไปสูก่ ารพฒั นาตนเอง ท้งั นำ� ไปส่กู ารยกระดบั จติ ส�ำนึก จนถงึ การตระหนักรู้ถึงความจริงของชีวิต ปัจจุบันเธอท�ำงานศิลปะการแสดง เป็นครูสอนการแสดง และวิทยากรด้านการเปล่ียนแปลงพัฒนาชีวิตโดย ใช้ศาสตร์ละคร การเต้นรำ� และการภาวนา จนถึงวันน้ี เธอพร้อมแล้วที่ จะมาแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ต่ืนรู้ท่ีอาจท�ำให้คุณประหลาดใจ และรู้สึกคลา้ ยก�ำลังไดช้ มศลิ ปะการแสดงอนั เปน็ ผลงานช้นิ เอกของเธอ — 61 —
การตน่ื รคู้ ืออะไร ตง้ั แตเ่ กดิ จนตาย เราลว้ นแตม่ คี วามสมั พนั ธ์ เราจะสมั พนั ธ์ อยา่ งไรกบั ตวั เอง สมั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื กบั โลกและจกั รวาล การตน่ื รู้ ทำ� ให้เราสามารถเลือกตอบสนอง (Respond) สมั พันธ์ (Relate) กับส่ิงรอบตัวและในตัวเองได้อย่างอิสระมากข้ึนท้ังส่ิงท่ีจับต้อง ไดแ้ ละสงิ่ ทจี่ ับต้องไม่ได้ เช่น ความคดิ อารมณค์ วามรู้สึก ลองนกึ วา่ คนคนหนงึ่ มชี วี ติ แตถ่ า้ ไมเ่ คยไดเ้ รยี นรชู้ วี ติ เรอื่ ง ราวเตม็ หวั ยงุ่ เหยงิ ไปหมด โลกของคนคนนน้ั คงไมน่ า่ พสิ มยั นกั มี แตค่ วามหวาดกลวั มแี ตบ่ าดแผล เปน็ โลกแคบๆ ทแ่ี คจ่ ะหายใจ เข้าก็ยากแล้ว อย่าว่าแต่หายใจออกหรือหายใจร่วมกับคนอื่น เลยการได้ตนื่ ทำ� ให้ชวี ิตเบา ไดม้ ชี ีวติ เต็มๆ ไดซ้ าบซ้งึ ลมหายใจ เข้าออก เห็นโลก ‘เตม็ ตา’ อยา่ ง ‘เตม็ ใจ’ และ ‘เตม็ เปี่ยม’ จาก ท่ีเราเคยเห็นโลกด้วยสองตาและแว่นสารพัดสี อาจจะเป็นแว่น จากครอบครวั แวน่ การศกึ ษา แวน่ ขนบประเพณี แวน่ สงั คม หรอื อืน่ ๆ มันก็คอ่ ยๆ ขยับเปน็ เหน็ โลกตามความเปน็ จริง จากน้ัน ก็เหน็ ตัวเองท่มี องเห็น เห็นการมองเห็น — 62 —
การตืน่ รู้ คือ การต่นื จากความไมร่ ู้ มีความสามารถในการ มองเห็นโลกตามความเป็นจริง และเบิกบานเต็มเปี่ยมกับชีวิต ชีวิตเบา โปรง่ โลง่ สบาย เยน็ ใจ สุขใจ หา่ งไกลจากความทุกข์ เป็นบ้า สติแตก การฆ่าตัวตาย หรือท�ำร้ายตัวเองในทุกๆ รปู แบบ รวู้ า่ จะกนิ อยู่ หลบั นอน สมั พนั ธก์ บั คนรอบขา้ งอยา่ งไร จะมีชีวิตอยูต่ อ่ ไปอยา่ งไร โลกที่เราเห็นด้วยสองตาจะเปล่ียนไปเมื่อเราเห็นโลกด้วย ตาภายใน ที่ท่ีพ้นจากความคิดแบ่งแยก การเลือกข้าง ที่ท่ีว่าง สงบ ไพศาล คนเราต้องตนื่ รู้ไหม เราไม่คิดว่า ‘ต้อง’ ตื่นรู้ แต่นึกไม่ออกว่าใครจะหลับใหล ไปตลอดชวี ิตได้ คุณไมต่ ่ืน ชวี ติ มนั จะผลักให้คุณตืน่ เอง แต่ต่ืน แบบนนั้ มนั กระชาก เหมอื นเวลาคณุ ตอ้ งลกุ จากทนี่ อนดว้ ยเสยี ง นาฬกิ าปลกุ มนั ครง่ึ ๆ กลางๆ มนั ไมเ่ ตม็ ไปสกั อยา่ ง - ถา้ คณุ ไม่ เปล่ียน จกั รวาลจะผลักให้คณุ เปลีย่ นเอง — 63 —
ส�ำหรับบางคนอยากต่ืนเหลือเกิน ไม่เป็นอันหลับอันนอน สดุ ทา้ ยคณุ กเ็ ผลอหลบั หรอื ตอ้ งกลบั มางบี เราเชอ่ื วา่ เมอ่ื รา่ งกาย ไดใ้ ชเ้ ตม็ ทแี่ ละนอนเตม็ อมิ่ จงั หวะแหง่ การตน่ื จะเกดิ ขนึ้ เอง ‘จะ ต่นื ได้อยา่ งไร ถ้าไมไ่ ด้หลับมากอ่ น?’ การตื่นรู้ก็เช่นเดียวกัน วันที่ความพยายามจะตื่นรู้ได้หาย ไป การตนื่ ร้จู ะเกิดข้นึ ได้เอง แต่ก่อนทีค่ วามพยายามจะหายไป ไดน้ ัน้ ตอ้ งมคี วามพยายามอย่างมหาศาลเกิดขึน้ ก่อน และการ ที่มันจะหายไปไดน้ น้ั จะแสร้งท�ำก็ไม่ได้ จนวันท่คี วามพยายาม ไดว้ างจริงๆ การตื่นรู้จะปรากฏของมันเอง การต่ืนรู้ท่ีเราทุกคนสัมผัสได้ คือ การตระหนักรู้ จากแต่ กอ่ นปกติเราท�ำสง่ิ นี้สง่ิ นนั้ ไปดว้ ยความรู้บ้างไม่รู้บา้ ง ท�ำไปดว้ ย แรงกระตุ้นต่างๆ (Impulse) ฯลฯ ทุกข์ก็โทษคนนู้นคนนี้ โทษ บน่ สงสารตวั เอง ฯลฯ ผลกไ็ ม่เปล่ียน จนเมอ่ื วันหนึ่งคณุ เข้าใจ แล้วว่า อะไรคือแรงผลักท�ำให้คุณท�ำส่ิงนี้ คุณหยุด คุณเลือก คุณเปล่ียน ผลเปลี่ยน พลงั งานเปลยี่ น ชวี ิตคณุ เปลี่ยน แม้แต่ สถานการณต์ า่ งๆ ทเ่ี ราควบคมุ ไมไ่ ด้ ฝนตก แดดออก การจาก ลา ความป่วยไข้ ฯลฯ แต่เราเลือกตอบสนองต่อสถานการณ์ นน้ั ๆ ได้ แถวๆ จุดนเ้ี อง เรยี กว่า อิสรภาพ เราทกุ คนมอี ิสรภาพ ในการเลอื กตอบสนอง (Respond) อิสรภาพแค่ปลายจมูก และ นี่เองท่ีชีวิตทุกคนสามารถเปลี่ยนได้ ถ้าอยากจะเปล่ียนจริงๆ — 64 —
เราทุกคนมีความสขุ ได้ ถา้ อยากจะมคี วามสุขจริงๆ เราเห็นคน รอบข้างสนุกกับการต่ืนรู้ ต่ืนเต้นกับสิ่งน้ีมาก เราเองก็เหมือน กัน เสน้ ทางนส้ี นุกมากนะ พดู ถงึ ความสนกุ โอโช่ (Osho) กลา่ ว ชดั เจนวา่ การเครง่ เครยี ดมากเปน็ อปุ สรรคของเสน้ ทางนี้ ซง่ึ เรา กค็ น้ พบแบบน้ันเหมอื นกัน น้�ำตาแห่งการต่ืนรู้ (Tears of Knowledge) ทารกเกิดมาก็ ร้องไห้ แต่จะดีแค่ไหน ถ้าเราได้มี Tears of Knowledge ท่ีได้ เหน็ โลกจรงิ ๆ ด้วยตาภายใน จะดีแค่ไหน ทเ่ี ราไดห้ ัวเราะดังๆ อีกครง้ั และหลายๆ ครัง้ ในชีวติ จงั หวะแห่งการต่นื ดว้ ยวยั เดก็ ท่ี ‘Rough and Tough” ตง้ั แตเ่ ดก็ เราคดิ เสมอวา่ ทำ� ไมเราตอ้ งมชี วี ติ อยดู่ ว้ ยนะ คดิ เรว็ มากๆ ลองกลนั้ หายใจหรอื กดั ลน้ิ ตายหลายทแี บบหนงั จนี ทดี่ ตู อนเดก็ กไ็ มต่ ายสกั ที เรยี กได้ ว่า สโลแกนชวี ิตของขา้ พเจ้าต้ังแตเ่ ด็กจนวยั รนุ่ ตอนปลาย นค่ี อื ชีวิตตอ้ งสู้ เวลาทีค่ นเราเชือ่ ว่าการมีชีวิตอย่คู อื การตอ่ สู้ มันคือ สู้เพ่อื เปา้ หมาย สู้กับอะไรหลายอยา่ ง คุณรสู้ กึ วา่ คุณไม่มีอะไร สนบั สนนุ คณุ รสู้ กึ วา่ ชวี ติ คอื การทดสอบ เชน่ พระเจา้ ลองใจคณุ มีอะไรบางอย่างทม่ี ันเหนื่อย หนัก เมอ่ื เราเชือ่ เชน่ นี้ เป้าหมาย หรือสง่ิ ท่ี ‘ใช’่ จึงมแี ค่อย่างเดียว เราโตมาแบบน้ัน — 65 —
จนตอนอายุ 22 ปี ระหวา่ งทต่ี ามหาวา่ การเตน้ บโู ต (Butoh Dance) คอื อะไร เราประสบกบั ภาวะไมม่ ตี วั ตน ไมม่ นี ำ�้ หนกั ไมม่ ี เพศ มีจังหวะท่ีเราลืมตากลัวสุดขีด และร้องขอให้พระพุทธเจ้า ชว่ ยเหลือ ทา้ ยสุดกแ็ ลนด์ดิง้ ลงส่พู ้นื โลก หอบผ้าผ่อนกลับเมืองไทย จากนั้นงานศิลปะการแสดง ที่เคยท�ำซ่ึงก็ดาร์กอยู่แล้วก็ยิ่งดาร์กดิ่งยิ่งกว่าเดิม เพ่ิมเติมคือ ความรู้สึกโดดเด่ียว ซ่ึงถูกใจเราและประสบความส�ำเร็จทาง ศลิ ปะพอควร ส่ิงที่ครุ่นคิดในตอนน้ันคือ เราร่�ำเรียนมาขนาดน้ี อ่าน หนังสือมากมายขนาดน้ี จบปริญญาขนาดนี้ ท�ำไมชีวิตถึงไม่มี ความสุข มันเพราะเราเอง หรือการศึกษา หรืออาจารย์ผู้สอน มันต้องมีอะไรบางอย่างท่ีขาดหายไป ตอนอายุราว 28-29 ปี ชีวิตก็ดิ่งตกขีดสุดอีกคร้ัง ที่เรียกว่าขีดสุด ไม่ใช่เหตุการณ์ท่ี หนักที่สุดในชีวิต แตเ่ ปน็ ‘ปญั ญาดบั ’ มดื ทส่ี ุด คือ นกึ ไม่ออก จริงๆ กับชีวิตว่าจะทำ� อะไร ทเี่ คยมแี รงสมู้ ันหมดพลังทีจ่ ะสตู้ ่อ เดชะบุญได้เจอคุณกิล Gil Alon ซึ่งเป็นครูท่ีรักและเคารพของ หลายๆ คน และเป็นอีกคร้ังที่ได้ยินว่า ไม่คิดไปท�ำสมาธิเหรอ ก่อนหนา้ นีอ้ าจารย์บโู ต Katsura Kan กเ็ คยถาม ซึ่งจดุ น้นั เอง ทชี่ วี ิตเรม่ิ เปล่ียน — 66 —
จากน้ัน 10 กว่าปีก็บี้ ขย้ี และลงลึกเรื่องการพัฒนา เปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองแบบสุดๆ ซึ่งรวมถึงศาสตร์การบ�ำบัด ไดเ้ รยี นกับคุณโจเอล (Joel Gruck) วันๆ ลมหายใจเข้าออก คิด ท�ำแต่เร่ืองน้ี อ่านศึกษาแต่เร่ืองน้ี ปฏิญาณตนเองกับอาจารย์ พระพุทธทาสว่าจะท�ำตามปณิธาน 3 ประการของสวนโมกข์ คือ ศกึ ษาทำ� ความเข้าใจศาสนาของตนเอง ท�ำความเขา้ ใจอันดี ระหวา่ งศาสนา ออกจากวตั ถนุ ยิ ม และเพม่ิ เตมิ อกี 3 ขอ้ สว่ นตวั คอื เอาจริงเอาจงั ท่จี ะมศี ิลปะในการด�ำเนนิ ชวี ติ เอาจริงเอาจัง ท่ีจะมีชีวิตท่ีไม่กัดเจ้าของ เอาจริงเอาจังท่ีจะเปลี่ยนแปลงชีวิต เรยี กว่าตายเป็นตายกนั ไปขา้ งหนึง่ ไม่มีอะไรท่ีข้าพเจ้าอยากไปมากกว่าการไม่กลับมาเกิดอีก เลย จนหลายปีต่อมาก็ได้บวชเป็นสามเณรีที่นิโรธารามด้วย ความเมตตาจากคณะนกั บวชและพระอาจารยน์ นั ทญาณี ภกิ ขณุ ี โดยยอ่ เสน้ ทางการตนื่ ของเราเกดิ ทงั้ ขณะหลบั และตนื่ ในถำ้� ขณะวา่ ยนำ้� ขณะฝกึ โยคะ ขณะทร่ี อ้ งไห้ ระหวา่ งทโี่ มโห ระหวา่ ง อาบน้�ำ ขณะทำ� ฟนั ขณะดุลูก ขณะทำ� งาน ขณะเดนิ ทาง ฯลฯ เราไม่ได้รแู้ จง้ ไมไ่ ดต้ รสั รู้ แต่มชี ว่ งเวลาของการตน่ื รูเ้ รือ่ ยๆ พอ ถึงตอนน้ี เราเชื่อและรู้สึกวางใจในชีวิตและเต้นไปตามจังหวะ จักรวาล ชวี ิตเป็นส่ิงมหัศจรรยท์ ุกๆ ขณะ — 67 —
ชีวติ และส่ิงทีพ่ บ การหงายของที่คว�่ำ เปิดของท่ปี ดิ บอกทางแกค่ นหลงทาง เราพบว่าส่ิงดีๆ ท่ีเคยอ่านมาน้ันไม่ได้มีอยู่แค่ในหนังสือ แต่ไดป้ ระสบและเขา้ ใจมนั จริงๆ ชวี ิตทเี่ ย็น เบา โปรง่ มอี ยู่จรงิ พลังของความรกั การให้ ปญั ญาญาณ (Intuition) ฯลฯ หากชีวติ ไม่ได้เดนิ มาเสน้ ทางน้ี คงเปน็ บา้ ฆา่ ตัวตาย หรือ อาจจะฆา่ คนอ่ืนตาย มามืดไปมดื ย่ิงกว่า ส�ำหรับจุดผ่านของการต่ืนรู้ คือการเห็นการติดดี ความ เคร่งเครียดจรงิ จงั ความรสู้ ึกผดิ กบั ตวั เอง ความเหยาะแหยะ ความไม่กล้าเผชญิ ความฉลาดเกนิ ยดึ ติดถอื มน่ั กับวธิ ีใดวิธหี น่งึ ขอ้ อ้างสารพัด การไม่มีกัลยาณมิตร เราเรียกว่า จุดผ่าน หมายถึงจุดเช็ค ว่าเราไม่ต้องกลัวว่าจะเจอหรือไม่เจอซ่ึงท้ังหมดสามารถผ่าน ไปได้จากการลงมือท�ำ เปดิ รับและเรียนรู้ แลว้ เราจะเขา้ ใจเอง เราจะเป็นแสงสวา่ งของตวั เอง และแสงสวา่ งใหผ้ อู้ นื่ หากจะมองวา่ การตื่นรูเ้ ข้าถงึ ได้ยากหรอื ง่าย เป็นเรอื่ งยาก หรือง่าย จะพูดให้ยากหรือง่าย ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการและการมอง ของเรา และน่ันแหละ คือ ปญั หา — 68 —
ถา้ เราคิดอยา่ งไร มันก็เป็นไปอย่างที่เราคดิ เราเช่อื อย่างไร มันก็เปน็ ไปอยา่ งที่เราเชื่อ ส�ำหรับคนท่ีทุกข์สุดๆ ไม่ไหวแล้ว เร่ิมง่ายมากด้วยการ ถอื ศลี 5 ขอ้ ให้ครบ ยุตกิ ารท�ำร้ายตนเอง นน่ั กศ็ ลี ข้อท่ี 1 ส�ำหรับคนทุกข์แบบระดับกลางและระดับเบาๆ หรือคน สนใจศาสตร์การพัฒนาตนเอง มีวิธีมากมายบนโลกใบน้ี ลุย เลย ชวี ติ ไมใ่ ชก่ ารสงั เกต (Observation) แล้วค่อยคดิ ว่าจะท�ำไม่ ทำ� ท�ำแลว้ จะเห็น (Witness) ไม่ชอบ ไม่ใช่ ก็ ปลอ่ ย (Drop) ทง้ิ ไป เปล่ียนได้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ ไม่จ�ำกัดเวลา สถานที่ เพศ วัย ย้ำ� ว่าไมจ่ �ำกดั เพศ วัย จินตนาการดูว่า หากคนในประเทศมีการต่ืนรู้ ดัชนีความ ผาสุกของประเทศนัน้ ๆ คงจะพงุ่ สงู ขนึ้ การต่ืนรู้ไม่ได้ส่งผลต่อเราเพียงคนเดียว มันจะช่วยสร้าง สงั คมผาสกุ โลกทั้งใบจะเปน็ สวรรคบ์ นดนิ ทันที — 69 —
มองเหน็ และเปน็ อสิ ระ — 70 —
วีระพล เจนพทิ กั ษช์ าติ “กาย คอื ต้นโพธิ์ ใจ คอื กระจกเงาใส จงหมนั่ เชด็ ถเู ป็นนิตย์ อยา่ ปลอ่ ย ให้ฝนุ่ ละอองจับ” และ “เดมิ ที ไม่มีต้นโพธ์ิ ไม่มกี ระจกเงาใส เมอ่ื ทุกอยา่ งว่าง เปลา่ ตั้งแต่ตน้ ฝ่นุ ละอองจะลงจบั อะไร” คือถอ้ ยความสองประโยคท่ี วรี ะพล เจนพิทักษช์ าติ อายุ 64 ปี จบั ยดึ เปน็ ขอ้ ความประจำ� ใจ อดตี เภสชั กรประจำ� โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราชฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ยังมีงานอดิเรกแปลบทความและโควตค�ำคมลง พืน้ ทโี่ ซเชยี ลมเี ดียสว่ นตัว — 71 —
เส้นทางสายธรรมะของวีระพลไม่หวือหวา ไม่สุดโต่ง เพียงแต่ ปรบั และรบั วธิ ีคดิ ใชช้ วี ติ และตรวจสอบโลกภายในของตวั เองมาไว้ ในชวี ติ ประจำ� วนั จนิ ตนาการและการเรียนรสู้ โู่ ลกใบใหม่ วรี ะพลเลา่ ว่า ชีวติ วัยเดก็ ของเขาราบเรียบคล้ายคนทั่วไป เพยี ง แต่เป็นคนพูดน้อย ไม่แสดงออก รู้ตัวว่ามักเก็บความทุกข์ไว้ข้างใน ไม่ระบายออก ชอบจินตนาการ และก็หวาดกลวั กับจินตนาการของ ตัวเอง “ทุกข์ทุกเรื่องแมแ้ ตเ่ รอ่ื งท่คี ิดไปเอง เชน่ คดิ วา่ หากถูกรถชนจะ เป็นอยา่ งไร ถ้าบาดเจบ็ จะใช้ชีวิตอยา่ งไร กลัวผดี ้วย” ประตบู านสำ� คญั ทที่ ำ� ใหร้ จู้ กั กบั การทำ� งานดา้ นจติ ใจ คอื ชว่ งวยั ร่นุ วัยเรยี น เขาบังเอิญอ่านหนังสอื เรอ่ื ง สตู รของเวย่ หล่าง แปลโดย ทา่ นพทุ ธทาสภกิ ขุ หนงั สอื เลม่ นนั้ ชว่ ยใหค้ วามทกุ ขใ์ นใจเขาคลคี่ ลาย ไดร้ ะดบั หนง่ึ เมอ่ื เหน็ แลว้ วา่ หนงั สอื เปดิ โลกและชว่ ยคลายทกุ ขใ์ นใจ ได้ หลงั จากนน้ั เขาจงึ ตดิ ตามหนงั สอื ธรรมะ โดยเฉพาะงานเขยี นและ งานแปลของทา่ นพทุ ธทาสภิกขตุ ลอดมา “แมจ้ ะตดิ ตามงานของทา่ นตง้ั แตน่ น้ั แตไ่ มเ่ คยไปฝกึ สมาธิ เพยี ง แตช่ อบวิถเี ซน ชอบปรศิ นาธรรม ชอบขบคิด ชอบทว่ี ธิ คี ดิ สว่ นใหญ่ อยู่ท่ีตัวเอง ได้ใคร่ครวญ ช่วยบรรเทาความทุกข์ที่เกิดจากความคิด ของตวั เองได้ระดับหนึง่ ” จดุ เปลยี่ นอกี ครงั้ เกดิ ขนึ้ หลงั เกษยี ณ เมอื่ วรี ะพลไดเ้ ขา้ อบรมกบั วิศิษฐ์ วังวิญญู นักคิด นักเขียน และกระบวนกรส�ำรวจโลกภายใน — 72 —
วีระพลนิยามว่าการพูดคุยคร้ังน้ัน ‘เปิดโลก’ เปล่ียนมุมมองท่ีมีต่อ ชีวิต เขาเปรียบเหมือนได้เดินทางบนภูเขาลูกใหม่ และย่ิงช่วยเสริม พลังในงานเขยี นงานแปลแบบก้าวกระโดด มาถึงวันนี้ เขานิยามการ ตน่ื รทู้ เี่ กดิ กบั ตวั เองวา่ “คอื ความสามารถทจ่ี ะดใู จไมใ่ หจ้ ม เพอื่ รจู้ กั ตวั ตนที่แท้ของเรา เพ่อื รูค้ วามจริงของชีวิตและจกั รวาล เหน็ ธรรมชาติ เห็นความรู้สึก และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ทันขึ้น ซึ่งหากไม่ เคยผ่านประสบการณ์ตื่นหรือศึกษาชีวิตภายในก็อาจไม่รู้สึกอิสระ ควบคมุ ความรู้สึกได้เหมอื นทกุ วันนี้” ความสุขเปน็ อปุ สรรคส�ำคัญ อุปสรรคส�ำคัญในมุมวีระพลและอยากจะแลกเปล่ียน คือมุม มองทวี่ า่ ‘ความสขุ นแ้ี หละ เป็นอุปสรรคท่ีนา่ กลวั ทสี่ ดุ ’ “ความสุขเป็นอุปสรรคที่น่ากลัวที่สุด ท�ำให้เราพักนาน เดินช้า ไมเ่ หมอื นกบั ความทกุ ขท์ ม่ี กั มาฉดุ เราใหร้ บี เดนิ อปุ สรรคอกี ประการ คอื เวลาทไ่ี ปฝกึ ในคอรส์ อบรม เรามกั จะเพง่ ไปทอี่ ารมณเ์ ดยี วเพอ่ื ให้ สงบ แต่เวลากลับมา เราไม่ไดเ้ อาภาวะน้ันมาดใู จตอนไมส่ งบดว้ ย” ต่อประเด็นท่ีจะขยายความรู้นี้สู่สังคมวงกว้าง วีระพลเห็นว่า หากพูดถึงการส่งต่อในระดับสังคมอาจท�ำได้ยาก เพราะการศึกษา โลกภายในเปน็ เรอ่ื งสว่ นบคุ คล แตก่ ารรวมกลมุ่ เพอ่ื ชว่ ยสรา้ งการตน่ื เพ่อื ร้ใู นระดบั กลมุ่ สังคมเล็ก และใชป้ ระโยชน์จากชมุ ชนในโลกสมัย ใหม่อยา่ งโซเชียลมเี ดยี อาจเปน็ อีกหน่งึ หนทางที่ท�ำได้จริง “การขยายความเข้าใจต้องสื่อสารแบบง่ายๆ ให้เป็นเร่ือง ธรรมดาของชวี ิต” — 73 —
การตนื่ รู้ เป็นปาฏหิ าริย์ ของชวี ิต — 74 —
พรชยั บริบรู ณ์ตระกูล จากประสบการณน์ บั สบิ ปใี นฐานะนกั ทำ� งานสงั คมทสี่ นใจพลงั ใน การแปรเปลย่ี นทงั้ ในระดบั ชวี ติ องคก์ ร ชมุ ชน และขบวนการทางสงั คม ทไี่ ปสู่ความสุขและพลังความรว่ มมอื กนั พรชัย บริบรู ณ์ตระกูล เป็น กระบวนกร เปน็ นกั วจิ ยั จดั การความรู้ นกั ตดิ ตามประเมนิ ผลแบบเสรมิ พลงั นอกจากนี้ เขาไดเ้ ปดิ พนื้ ทบ่ี า้ นตนเองเปน็ ทฝ่ี กึ ฝนและแบง่ ปนั ใน ชือ่ “บา้ นพรชีวติ ” ซึ่งมคี อรส์ อบรมต่างๆ รวมถึงรว่ มมอื กับกลมุ่ เพ่ือน และครูท่เี คารพรัก จัดชุด “พรชีวิต เดอะซรี สี ”์ — 75 —
พรชัยเป็นคนกรุงเทพฯ ที่ครอบครัวขายก๋วยเตี๋ยวหาเช้ากินค่�ำ เมอ่ื โตมาไดเ้ รยี นรโู้ ลกกวา้ งผา่ นการเปน็ นกั กจิ กรรมชมรมฯ และออก มาท�ำงานเป็นนักท�ำงานสังคมท่ีเน้นการน�ำคุณค่าของพุทธธรรมมา สูช่ วี ิตและชุมชน โดยอยูท่ มี่ ลู นิธเิ สฐียรโกเศศ-นาคะประทปี ในสว่ น อาศรมวงศส์ นทิ ฯ คณะกรรมการศาสนาเพอ่ื การพฒั นา เสมสกิ ขาลยั เมืองไทย และเสมสิกขาลัย สปป.ลาว ซง่ึ เป็นงานการเสริมศักยภาพ ผนู้ ำ� ชาวพทุ ธรากหญา้ ใน 10 จงั หวดั ภายใตก้ ารนำ� ของรองประทาน สงฆฝ์ า่ ยวปิ สั สนากมั มฏั ฐานของคณะสงฆล์ าว เปน็ งาน 10 ปสี ดุ ทา้ ย ก่อนกลบั มาต้งั รกรากเคลอื่ นงานต่อในไทย พบทาง “ความรสู้ กึ ตวั ” ผมเป็นคนจนในกรุงเทพฯ ช่วงวัยเด็กเติบโตขึ้นโดยท่ีความรัก และความเข้าใจในตัวเองน้อยมาก ชีวิตลดทอนเหลือการมุ่งเรียน และทำ� งานหาเงนิ ท่เี หลือศรัทธาอยู่คือท�ำเพือ่ ชว่ ยให้แม่เบาแรงข้ึน จนเมื่อเร่ิมมีเพ่ือนเป็นลูกชาวสวนนนท์ ผมก็ตื่นเต้นกับภาพชีวิตท่ี อยู่กบั ทอ้ งร่องท้องสวน ปลกู ต้นไม้ หาผกั จบั ปลา เกบ็ พืชผลออก ไปขาย ดูมีรอยย้ิมแห่งความสุขและเป็นเสน่ห์ที่เติมเต็มให้หัวใจผม สัมผัสสุขไปด้วย จากน้ันผมก็เร่ิมไปสู่การเป็นนักกิจกรรมในชมรมฯ ค้นหาและพบขุมทรัพย์มากมายจากการไปรู้จักวิถีวัฒนธรรมชุมชน พลังใสๆ จากเดก็ ๆ อนั บริสทุ ธิ์ไดช้ ่วยใหผ้ มยม้ิ ออกมาจากใจ ความ ใสใ่ จตอ่ กนั ในบา้ นและชมุ ชนใหค้ วามอบอนุ่ จนเรารสู้ กึ ถงึ คณุ คา่ และ — 76 —
ความส�ำคัญในตัวเอง ขณะที่เห็นอีกด้านว่ากระแสโลกช่างโหดร้าย ไมย่ ุติธรรม ลดทอนความงามของชีวิต ชมุ ชน และธรรมชาติ อยา่ ง ไม่ปราณี สงิ่ น้ที ำ� ใหเ้ สียงความรู้สกึ ภายในของผมป่นั ป่วน ตกี นั และ ถามว่าอะไรคอื คณุ ค่าทีเ่ ราเลือกเดนิ ในชีวติ ลึกๆ ผมรใู้ นใจวา่ เลอื ก ทศิ ทางไหน แต่เราก็ยังคงหว่ันๆ อยู่ ช่วงเดยี วกัน ผมอายคุ รบ 20 ปี ผมใช้เป็นโอกาสบวช ซง่ึ คิดวา่ เปน็ การทำ� อะไรใหพ้ อ่ แมอ่ กี ครง้ั และพอรมู้ าบา้ งวา่ วถิ กี ารภาวนานา่ จะช่วยให้เราชัดเจนในเสน้ ทางชีวติ ผมเลอื กข้ึนไปอย่ทู ่วี ัดป่าสคุ ะโต จ.ชัยภูมิซึ่งโชคดีอย่างท่ีต้ังใจเพราะผมได้พบกับหลวงพ่อค�ำเขียน สวุ ัณโณ ที่ท่านก�ำลงั จดั ปฏิบตั ธิ รรม 10 วนั และน่นั ไดก้ ลายเปน็ ชว่ ง ปาฏิหารยิ ์ของการต่นื ทผ่ี มสัมผัสคร้งั แรกในชีวิต ผมยังรู้สึกถึงเสียงของหลวงพ่อท่ีเน้นให้รู้สึกตัวจากท่า เคลือ่ นไหว ท�ำเลน่ ๆ แตไ่ ม่หยดุ ขณะทกี่ ารฝกึ ฝนแตล่ ะช่วงเวลาก็มี ความปั่นป่วนของเสียงในใจว่า เราต้องหางานท่ีมีรายได้มั่นคงเพ่ือ เศรษฐกิจทางบ้าน อีกใจกเ็ ลอื กคุณคา่ ของชวี ติ ทอ่ี สิ ระ เรยี บงา่ ย ทำ� เพอ่ื ชมุ ชน แตไ่ มร่ จู้ ะอยรู่ อดไดอ้ ยา่ งไร เสยี งสองดา้ นตกี นั ลากเราไป ทางนน้ั ทที างนท้ี ี ยงิ่ คดิ ๆๆๆ กไ็ มต่ ก เดนิ ไปบนลานจงกลมจนรอ้ งไห้ หลายวันเข้าเม่ือบ่มเพาะการกลับมารับรู้ความเคลื่อนไหวทาง กายบ่อยๆ ผมก็เริ่มกระโดดออกมาจากความปั่นป่วนชัดขึ้นๆ จน เริ่มมองเห็นใจท่ีตัวเองเป็น แม้ใจจะยังปั่นป่วนแต่เหนื่อยหรือทุกข์ ใจน้อยลง ค่อยๆ โล่งขึ้น จนพลังความรู้สึกตัวค่อยๆ แปรเปลี่ยน — 77 —
ให้เราค่อยๆ มีโอกาสต่างๆ มากขึ้น เราน�ำความรู้สึกรักตัวเอง รัก ผู้คนต่างๆ ที่เราผูกพันกลับมาและร้องไห้ด้วยน�้ำตาจากความปีติ เราน�ำความเข้าใจใหม่ๆ ให้ผุดขึ้นในใจ เป็นเหมือนแสงสว่างท่ีช่วย ให้เข้าใจความหมายใหม่ และร้อยเรียงประสบการณ์ท่ีผมได้รับจาก วถิ วี ฒั นธรรมชมุ ชน ใหเ้ หน็ ระบบคณุ คา่ และความหมายทส่ี ำ� คญั ของ การบ่มเพาะความสุขและคุณคา่ ที่ลึกซง้ึ ของชวี ิตในชมุ ชน ความแจง้ กระจา่ งนต้ี อบคำ� ถามการเลอื กเดนิ ทางชวี ติ ของผมไดแ้ ละผมบอกกบั ตวั เองวา่ ไมเ่ ลอื กเงนิ เปน็ คำ� ตอบ ขอทำ� งานภาคสงั คมเพอื่ ใชเ้ ปน็ ทาง ฝึกฝนตนเองและเก้ือกูลสิง่ ดงี ามให้เกิดข้ึน จากส่ิงท่ีเลือกและเดินทาง ประสบการณ์ของการต่ืนรู้เป็น ปาฏิหาริย์ของชีวิตผมเสมอ ที่พาไปสู่พลังความเข้าใจอันลึกซ้ึง ที่ หลอมรวมกันบนฐานของความรักและกรุณา ท้ังความเป็นหน่ึง ภายในตวั เราและกบั สรรพสง่ิ เพยี งเราวางใจและเชอ่ื มน่ั กบั ชวี ติ ทเี่ รา ปฏิบตั ิในทางทีด่ งี าม และอยบู่ นความรูต้ วั ท่ัวพร้อม พลงั แหง่ ความ จริงของปัญญาและความรักก็จะหล่อเลี้ยงเรา พร้อมกับวิถีทางที่ เหมาะสมกจ็ ะปรากฏ — 78 —
ผมคิดว่าผมได้เลือกเส้นทางให้กับชีวิต ด้วยสภาวะที่เช่ือมั่นใน วถิ ขี องการเตบิ โตภายใน กระจา่ งชดั ในคณุ คา่ และความหมายทเี่ ลอื ก เดิน เป็นนักท�ำงานเพ่ือสังคมท่ีเน้นการน�ำพุทธธรรมให้มามีคุณค่า ความหมายกับชีวิตและสังคม ตราบใดที่เรายังไม่ลืมการกลับมาที่ ความรู้สึกตัว ก็คิดว่าเราคงได้พบกับขุมทรัพย์อีกมากมายท่ีชีวิตจะ เก็บเก่ยี วได้ ณ ห้วงเวลา “การตื่นร”ู้ “การตนื่ ร”ู้ ในประสบการณผ์ ม ถอื เปน็ หว้ งขณะของการผลบิ าน แปรเปลย่ี นใหจ้ ติ วญิ ญาณความเปน็ มนษุ ยเ์ ตบิ โตขนึ้ เปน็ เวลาทคี่ วาม เข้าใจได้มาบรรจบกับความรักและหลอมรวมเป็นหน่ึงกับสรรพส่ิง เกิดสภาวะของความเป็นอิสระท่ีกว้างใหญ่ข้ึน และสิ่งน้ีได้เป็นดาว ในใจทนี่ ำ� ทางใหผ้ มมจี ดุ มงุ่ หมาย ใชช้ วี ติ พรอ้ มกบั การงานทสี่ อดคลอ้ ง กับเป้าหมาย การต่ืนรู้จึงเป็นทั้งสภาวะที่ทรงพลัง ให้เป้าหมาย และการเดินทางของชวี ติ ตลอดการเดนิ ทางบน “ความรสู้ ึกตัว” ทีพ่ าไปสู่ “การต่ืนรู”้ ผม รู้จักฝึกฝนแปรเปลี่ยนชีวิตจากเร่ืองต่างๆ ให้เป็น “พรและธรรม” หรือความงอกงามของชีวิต อีกทั้งได้พบกัลยาณมิตรท่ีเป็นครู เป็น แบบอย่าง แรงบันดาลใจ ชี้แนะการฝึกฝน และเพ่ือนพ้องที่วางใจ ได้อย่างอบอ่นุ จนรูส้ ึกขอบคณุ ในทุกๆ วันทีต่ ่ืนข้ึน และขอขอบคณุ ไปถึงทุกๆ สรรพส่ิง ที่แต่ละโครงการ แต่ละงานกิจกรรมและคอร์ส การอบรมได้จบลงด้วยพลังความงอกงามในรัก ในความเข้าใจ ใน ความเป็นเพ่ือน — 79 —
อีกทั้งช่วยให้เรามีความกล้าหาญและท้าทายตัวเองมากพอใน การเผชญิ ทกุ ขท์ อี่ ยตู่ รงหนา้ ในการเทา่ ทนั ตอ่ กระแสทนุ นยิ มบรโิ ภค ที่ลดทอนความเป็นมนุษย์และความเข้มแข็งของสังคมลงทุกที ซึ่ง ท�ำให้น้อมจิตไปถึงป๊า (พ่อ) ที่ห้วงเวลาหนึ่งเป็นคนท่ีล้มเหลวมาก ส�ำหรับคนครอบครัวและแกก็โดดเด่ียวมากๆ ด้วยทางแห่งการตื่นรู้ ไดช้ ว่ ยใหค้ รอบครวั เราพาความใสใ่ จและรกั ตอ่ ปา๊ กลบั มา นเี่ ปน็ ของ ขวญั ทป่ี า๊ สอนใหเ้ ราและครอบครวั เรยี นรจู้ กั รกั ทไ่ี มม่ เี งอ่ื นไข ผมคดิ วา่ มีส่ิงใกลๆ้ ตวั ทเ่ี ราแต่ละคนสามารถกลบั ไปถนอมดแู ลด้วยคณุ ภาพ จากภายในของเรา ชว่ งหลงั ผมมบี างวนั ทร่ี สู้ กึ ชวี ติ โลง่ สบาย และบอก กบั ตวั เองวา่ “ชวี ติ นอ้ี ยอู่ ย่างคุ้มคา่ แล้ว” ที่เหลอื ถอื เป็นก�ำไรที่จะท�ำ เตม็ กำ� ลงั ทมี่ ี ผมคดิ วา่ เราแตล่ ะคนควรมชี วี ติ ทคี่ น้ พบถงึ จติ วญิ ญาณ ทม่ี คี วามหมายบางอยา่ งของตนเอง และ “การตนื่ รู้” อาจเป็นประตู หรอื เสน้ ทางทสี่ ำ� คญั ในการนำ� พาสภาวะของเราใหไ้ ปถงึ โดยรปู แบบ หรอื เส้นทางท่แี ต่ละคนไม่จำ� เปน็ ต้องเหมือนกนั ทั้งน้ีการออกแบบแนวทางหรือรูปแบบของแต่ละคน ยังข้ึนอยู่ กบั บริบทท่ีเจอ วาระหรอื อปุ สรรคของตัวเรา หลมุ พรางทีแ่ ตล่ ะคนมี อยตู่ า่ งกนั สำ� หรบั ผม ผมเรม่ิ รวู้ า่ ตวั เองอยใู่ นกรอบของความเปน็ คนดี มากเกินไป จริงจังกับงาน ไม่ดูแลฐานชีวิต จนบางคร้ังขาดความมี ชีวติ ชีวา ร่ายรำ� และเล่อื นไหล การกลับมาผ่อนคลายและดูแลชวี ติ อย่างต่อเนอื่ งจงึ เปน็ สง่ิ จ�ำเปน็ ระยะหลงั นี้ ผมใชว้ ิถีการรำ� มวยไท่จ๋ี และฝึกชี่กงเป็นเคร่ืองอยู่ของการภาวนาแบบเคลื่อนไหว ทั้งน้ียัง ส่งผลต่อเร่อื งของการเข้าใจในมิตชิ ี่ หรอื ปราณ ทช่ี ่วยเป็นฐานการ — 80 —
ดูแลสุขภาพและการบ�ำบัดรักษาได้เป็นอย่างดี ซึ่งยุคน้ี ผู้คนพากันเจ็บป่วยกันมากเพราะพฤติกรรมที่ขาดการ ดูแลพลังชีวติ เราถูกสง่ิ ตา่ งๆ ลากพาไปโดยเฉพาะความ สำ� เรจ็ และความรำ�่ รวย ซง่ึ ถา้ ผมไมไ่ ดเ้ ดนิ บนเสน้ ทางของ การตน่ื รู้ ผมอาจจะมชี วี ติ ทมี่ เี งนิ ทองพอควร แตผ่ มคงสญู เสยี โอกาสทจ่ี ะไดร้ บั ของขวญั จากชวี ติ ภายในและอาจเปน็ คนเจบ็ ทตี่ อ้ งมาเยยี วยารกั ษาหรอื เดนิ ตามหาจติ วญิ ญาณ ท่ีขาดหายไปในช่วงหลงั ของชีวติ วถิ กี ารภาวนาทผี่ มเรยี นรยู้ งั ชว่ ยเปน็ รหสั ทสี่ ำ� คญั ของ การออกแบบงานกระบวนการเรยี นรู้ ซง่ึ ผมนำ� มาเปน็ ฐาน การจัดคอร์สอบรมต่างๆ สู่พลังการแปรเปลี่ยนชีวิต ใน นาม “บ้านพรชีวิต” ซึ่งเป็นเรื่องท่ีแวดวงการเรียนรู้และ ฝึกอบรมก�ำลังต่ืนตัวสนใจ ทั้งน้ีผมเข้าใจวิถีการภาวนา อย่างลึกซึ้งข้ึนมากจากการที่ผมมีคู่ชีวิตท่ีมุ่งไปในทิศทาง เดียวกัน ซึ่งช่วยเกื้อกูลกันมาก และกล้ากะเทาะกันและ กนั ไปสู่รักทเี่ ตบิ โต — 81 —
ทางแห่งการแปรเปลยี่ นสงั คม ผมคิดว่ากระแสท่ีผู้คนโหยหาความสุขและคุณภาพชีวิตท่ีดี ทวมี ากขน้ึ ทกุ ที ครง้ั นงึ ในคอรส์ อบรมเราคยุ กนั และพบวา่ ความทกุ ขใ์ จ จากเร่ืองราวต่างๆ ทั้งความเจ็บป่วย นอนไม่หลับ ขัดแย้ง สับสน ฯลฯ เป็นจุดเรม่ิ ต้นของการแปรเปล่ยี นของชีวติ ถ้ามองเชน่ นสี้ ังคม สมัยใหม่ท่ีผู้คนเผชิญกับทุกข์ท่ีมากข้ึน ก็น�ำพาไปสู่โอกาสของการ คน้ หาทางออก ซงึ่ ทางออกทส่ี ำ� คญั ครง้ั นค้ี อื “การตน่ื ร”ู้ อาจจะเรยี กได้ ว่าเป็นแกนกลางท่ีก�ำลังขับเคล่ือนให้เกิดกระแสทางเลือกข้ึนมาเป็น กระแสรองของสงั คมในขณะนี้ ซงึ่ มอี ยใู่ นทกุ ๆ ระดบั เชน่ กลมุ่ ปฏบิ ตั ิ ธรรมตา่ งๆ กลมุ่ เกษตรอนิ ทรยี ์ กลมุ่ โยคะ กลมุ่ สมนุ ไพร กลมุ่ ชาวนา รุ่นใหม่ กลุ่มภาคประชาสังคมจังหวัดต่างๆ กลุ่มส่งเสริมสุขภาพฯ องคก์ รอสิ ระทเ่ี สรมิ สรา้ งพลงั ทางสงั คม ฯลฯ โดยแตล่ ะกลมุ่ อาจใสใ่ จ รูปแบบที่แตกต่างกัน แต่เน้นถึงการแปรเปล่ียนที่จะตื่นรู้เข้าถึงการ อย่ไู ด้อยา่ งมีความสุขและมคี วามหมายรว่ มกนั — 82 —
ถ้าเราเช่ือมโยงกลุ่มคนที่ท�ำงานด้านนี้ให้ได้รู้จักกันมากขึ้น น่า จะช่วยขยายให้พื้นที่น้ีเป็นพ้ืนที่รองรับคนในสังคมที่ต้องการออก มาค้นหาเส้นทางการต่ืนรู้ของตนเอง ในระดับก้าวใหญ่ๆ หาก กระบวนการตื่นรู้เข้าไปอยู่ในการสร้างกระบวนการเรียนการสอน ทุกระดับช้ันของการศึกษาไทย ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกันของการเรียนรู้ แนวจติ ตปัญญา หรือ จติ วญิ ญาณ ก็คงมผี ลต่อหน่อใหมข่ องสังคม ไดม้ ิใชน่ อ้ ย กระบวนการสรา้ งพลงั การแปรเปลยี่ นเพอื่ ไปสกู่ ารตนื่ รู้ คงไมใ่ ช่ เร่ืองยากเกินที่จะเข้าใจ ย่ิงในภาวะที่ความทุกข์ในสังคมมีมากมาย ถ้าคนเราได้มีโอกาสรับรู้และสัมผัสกับประสบการณ์ตรงในใจ จิต- วิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์ภายในของแต่ละคนจะน�ำทางและ เปดิ เสน้ ทางใหก้ บั ตวั เองตอ่ ไป สว่ นตวั เราสง่ิ สำ� คญั คอื หมนั่ ดแู ลและ ฝกึ ฝนตน ใหแ้ สงการตืน่ จากภายในน�ำทางเรา — 83 —
สู่พร แหง่ ชีวติ — 84 —
ยุพนิ ประเสริฐพรศรี ยพุ นิ ประเสรฐิ พรศรี หรอื เมย์ นกั วจิ ยั อสิ ระทางดา้ นสงั คมศาสตร์ งานวิจัยด้านชุมชน งานด้านการติดตามประเมินผลโครงการฯ เธอ เป็นกระบวนกรเพื่อพาคนฝึกฝนด้านการเติมเต็มพลังชีวิต การตื่นรู้ และการเยียวยา เมย์สนใจมิติของกระบวนการเรียนรู้เพื่อรู้จักตัวเอง การประสานพลังกลุ่ม การเรียนรู้พลังธรรมชาติ รักในการเรียนรู้เร่ือง การฝึกฝนตัวเองบนวิถีแห่งการภาวนา การเจริญสติ และศาสตร์การ ภาวนาแบบเรกิ — 85 —
ปจั จบุ นั เธอไดร้ ว่ มกบั พรชยั บรบิ รู ณต์ ระกลู จดั ตงั้ บา้ นพรชวี ติ โดยมีเจตจ�ำนงว่าจะเป็นพื้นท่ีในการร่วมหลอมรวม “พรแห่งชีวิตให้ ผคู้ น” ไดก้ ลบั มาตระหนกั กบั ความรักในตนเองคอื กลับมาดูแลพลงั ชีวิต มาฝกึ ฝนบนวถิ กี ารภาวนาและรสู้ ึกตัว ให้ผ้คู นไดเ้ ครอื่ งมือแห่ง การฝึกฝนไปดูแลตวั เอง ดแู ลความสัมพันธ์ในครอบครัว การเรยี นรู้ ภาวะโลกดา้ นในใหต้ งั้ แกนเปน็ ไมโ่ อนเอยี งกบั กระแสแหง่ การบรโิ ภค นิยมจนเกินตัว มาเรียนรู้เพ่ือค้นหาหมุดหมายของการเดินทางใน ชีวิตของตัวเอง เพ่ือเป็นต้นทุนในการช่วยเหลือชุมชนและสังคมให้ ตื่นรู้ อยูด่ ้วยรกั วันนี้ เธอต้ังช่ือการแบ่งปันประสบการณ์บนเส้นทางของการ เติบโตภายในของเธอว่า “การเดนิ ทาง ส่ยู ุคแหง่ แสง & พรแหง่ ชีวติ ” การเดนิ ทาง สู่ “การต่ืน” ยอ้ นทบทวน เมยย์ า่ งเข้าสวู่ ัยยส่ี ิบเก้าปีของการอย่บู นโลกด้วย การเติบโตข้ึนในแต่ละวัน ทุกๆ เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา บทเรียน ผู้คน สิ่งต่างๆ ที่สัมพันธ์นั้นมีความหมาย เราเรียกการเดินทางที่ เปลยี่ นสภาวะนวี้ า่ “การตน่ื ร”ู้ “... มนั คอื สภาวะใหม่ ทเี่ ปดิ ประตเู ขา้ สู่ พลังในธรรมชาติ การรู้จักตนเอง และการตระหนักรู้ถึงความหมาย ชีวิต ความเป็นอยู่ ส่งผลต่อมุมมอง สายตา ดวงใจประสานกัน ที่ รบั รวู้ ่าโลกธรรมชาติ รวมถึงส่ิงต่างๆ รอบตัวเรานั้น มอี ยู่แล้วเพ่ือให้ เราสมั ผสั และเขา้ ถงึ ความงาม การคอ่ ยๆ เรยี นรคู้ วามจรงิ ความเปน็ ไปของชีวติ อกี ท้งั มีอยมู่ าเพ่อื ให้เราปรบั ตวั เรยี นรู้ เปลยี่ นผ่านมาสู่ — 86 —
ความเข้าใจใหม่ที่ลุ่มลึกขึ้น รู้สึกในดวงใจต่อการน้อมรับความเป็น ธรรมดามากข้นึ ความสดใหม่ การผา่ นประสบการณ์ท่ีหวนเข้ามามี ความหมายในชวี ติ จติ ใจเพอ่ื ใหฝ้ กึ ฝน แมบ้ างเวลาเดนิ ยาก หมายถงึ ประสบกบั ชว่ งปรากฏการณท์ ท่ี ำ� ใหเ้ ราตอ้ งเรยี นรบู้ นความสมั พนั ธ์ – ความขัดแย้งทง้ั ในใจของเราเอง ความกลวั ความสัน่ ไหว รวมถงึ บน การปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื ทเี่ ชอ้ื เชญิ ใหเ้ ราเขา้ สสู่ นามความโกรธ แตส่ งิ่ น้ี คอื ธรรมชาติ ทเ่ี ปน็ เครอื่ งฝกึ ใหเ้ ราหา แกนมน่ั คง- ตระหนกั ร-ู้ รสู้ กึ ตวั เป็นตัวก้าวให้ไปส่พู ลงั ใหมท่ ี่งดงาม ให้มาเพ่อื การ ดำ� รงอยเู่ พ่ือ ปรบั ตัว เรียนรู้ แปรเปล่ยี น ก้าวข้าม” โลกนด้ี ำ� รงอยมู่ ายาวนาน สรรพชวี ติ มากมายเคยดำ� รงอยู่ อาศยั และท้ิงร่องรอยไว้เป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา วงจรชีวิตอันยิ่งใหญ่ของ โลกทำ� ใหเ้ ราตระหนกั รถู้ งึ หมดุ หมายสำ� คญั ของการเดนิ ทางเขา้ สชู่ วี ติ โลกด้านใน ซ่ึงเช่ือมโยงให้เราเห็นถึงโยงใยสายสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ เมย์ขอแบ่งไทม์ไลน์การเปลี่ยนผ่านของชีวิตเป็น 3 ช่วงคือ ช่วง ก่อเกิดและค้นหา ช่วงพบเจอสายลมแรง พายุ มรสุม และสุดท้าย ทอ้ งฟา้ แจ่มใส ช่วงกอ่ เกดิ และค้นหา เคลอื่ นไปพร้อมกบั โลก “...มันไม่ง่ายเลยกับการปรับตัว การใช้ชีวิต การเรียนรู้ใน มหาวิทยาลัย และความรู้สึกอยากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และ สังคม” เสียงเล็กในใจของเราไม่ต่างจากชีวิตใหม่อ่ืนๆ บนโลกใบน้ี มาสู่การเรยี นรูท้ ี่มากมายหลากหลาย ตอนเด็ก เรามกั ตงั้ คำ� ถามกับ ตวั เองเสมอวา่ — 87 —
“...ท�ำไมเราต้องเกิดมา แล้วเราเกิดมาท�ำไม? ชีวิตคืออะไร?” ความสนใจใคร่รู้บวกกับความคิดก็เร่ิมท�ำงานมาเร่ือยมาเหมือน ฝังอยู่ในสายเลือดและจิตวิญญาณตอนไหนไม่รู้ รู้สึกครั้งแรกก็คร้ัง เมอื่ เราเปน็ เดก็ อายปุ ระมาณ 5-6 ขวบ เม่ือโตขึ้น เราใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากคนรุ่นใหม่ๆ ท่ัวไป เดิน ตามหาความฝนั การทำ� งานท่ีมหี นา้ ตา มีเกยี รติ มคี ่าตอบแทนเชิง เศรษฐกิจที่ดีงามพอเลี้ยงจุนเจือครอบครัว อยากเรียนให้สูงเข้าไว้ ชวี ติ จะได้ไมย่ ากล�ำบาก ส่วนเราก็มีความรู้สึกนั้นแต่ต่างไปจากนั้น หกสิบต่อส่ีสิบ เปอร์เซ็นต์คือ เดินตามทางกระแสหลัก จนถึงอายุ 22 ปี เราได้ ออกแบบให้เวลาและพื้นท่ีของชีวิตตัวเอง เราเลือกที่จะเรียนสาย จติ วทิ ยา สงั คมศาสตร์ การวจิ ยั เหตผุ ลกค็ อื หาคำ� ตอบใหก้ บั คำ� ถาม ในใจเรา และอีกเหตผุ ลคือ อยากท�ำงานท่ีชว่ ยเหลือผูอ้ น่ื ให้พน้ จาก ความทุกข์ท้งั ทางกายและทางใจ ซง่ึ ในเวลานน้ั เราศรทั ธาวา่ ตอ้ งมศี าสตรแ์ ละศลิ ปอ์ ะไรสกั อยา่ ง ที่ส่งลงมาจากฟ้ามาช่วยน�ำทาง เราเป็นหนูจ�ำไม ชอบถามบ่อยๆ เพ่ือหาค�ำตอบ เราอ่าน “โลกของโซฟี (Sophie’s World)”1 แอบๆ นงั่ อา่ นคนเดยี วในสวนทา่ มกลางธรรมชาติ บางทกี ร็ สู้ กึ เหมอื นตวั เอง กระโดดเขา้ ไปอยู่ในเรอื่ ง หายไปในจินตนาการ 1 เป็นชอ่ื หนังสอื ‘โลกของโซฟี (Sophie’s World)’ : เส้นทางจนิ ตนาการสู่ประวัตศิ าสตร์ปรชั ญา โดย โยสไตน์ กอร์เดอร์ — 88 —
หนังสือเล่มน้ีเป็นหนึ่งในหนังสือที่จุดประกายความฝัน แรงบันดาลใจในการที่เราจะเปิดประตูเช่ือมต่อกับพระเจ้าหรือสิ่งท่ี เปน็ ปรศิ นามาตคี วามในโลกชวี ติ – จติ วญิ ญาณ ตอนนน้ั ตน่ื เตน้ แบบ อธิบายไม่ถกู ท�ำให้เราค่อยๆ รู้สึกและสมั ผัสถึงสงิ่ ต่างๆ รอบตวั สด ใหมอ่ กี ครง้ั เราคยุ กบั ตน้ ไม้ ดอกไม้ ผเี สอื้ และสตั ว์ รสู้ กึ เหมอื นกบั วา่ เราชา่ งใกลก้ บั พรมแดนบางอยา่ ง บางชว่ งเวลาของการปฏสิ มั พนั ธน์ นั้ ท�ำให้เรารู้สึกเป็นหน่ึงเดียวกับสรรพสิ่งและไม่มีตัวเรา มันคือพี่น้อง ทัง้ หมดมนั กลายเป็นส่วนผสมในตวั เรา “ขบวนสงสัย การตงั้ ค�ำถาม การหาค�ำตอบ” มาสู่อาชีพการเป็นนักวิจัยโดยตอนน้ันยังไม่ทัน ร้สู กึ ตัวหรือรคู้ วามหมายสักเทา่ ไร แต่ก็เลือกทจ่ี ะเรียนไป ช่วงที่สอง อุกกาบาตชนโลก ถ้า เรากค็ อื โลก โลกก็คอื เรา วันหนึ่ง มีอุกกาบาตว่งิ ชนเขา้ มา เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตพบเจอกับปัญหาและอุปสรรค “เป็นภาวะแห่ง ความทุกข์” เป็นช่วงเวลาที่จิตใจและชีวิตโคลงเคลงโยกไปมา มัน คือความทุกข์ท่ีเราเองก็ไม่เข้าใจ ไม่ตระหนักรู้ “ความกลัว – ความ ส่ันไหว” ไดค้ อ่ ยๆ เข้ามาทักทาย ไมน่ านนกั กเ็ ข้ามาอย่ใู นชวี ติ จิตใจ ตลอดระยะเวลาปกี ว่าๆ การสูญเสียพอ่ (ปี 2554) ทำ� ใหค้ วามทุกข์ ทางใจเพ่ิมขน้ึ มาแบบทวคี ูณจนตั้งรบั ไม่ทันและจิตใจกเ็ ร่มิ กลวั เศร้า หมอง ปัญหากบั ทางครอบครัว ทรัพยส์ นิ ที่ต้องจัดแจง การตดั สินใจ เรียนปริญญาโทไมใ่ ชเ่ รอื่ งง่ายอกี ตอ่ ไป เงื่อนไขทีต่ ดิ อยคู่ อื ไมม่ ีเงิน ไม่มีก�ำลังใจ ท้อแท้ สิ้นหวัง รู้สึกกลัว ไม่มีทางออก แต่ไม่นานนัก เรียนธรรมะตามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เม่ือฟ้ามืด ฝนตกหนัก — 89 —
ฟ้าผ่า เหตุการณ์ต่างๆ ก็เร่ิมเปล่ียน ความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้ ก็มอบของขวัญที่เป็นศักยภาพในตัวเรากับบทเรียนท่ีเข้ามาทดสอบ “ความอดทน ความเพยี ร ความมงุ่ มน่ั ” เปน็ กญุ แจดอกสำ� คญั ทด่ี งึ สติ ความรสู้ กึ ตวั ความกลา้ หาญขนึ้ มาใหท้ ำ� งานอยา่ งสมดลุ กบั ความกลวั ที่เกิดขึ้น ค�ำหน่ึงท่ีได้เรียนรู้จากหลวงพ่อท่ีวัดท่าตอน จ. เชียงใหม่ เป็นเสียงช่วยปลอบประโลมใจ “ทุกอย่างที่เกิดมาบนโลกน้ีอาศัย ซึง่ เหตุปัจจยั มันจะเกิดขึน้ ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีของแน่นอน และ ไมม่ ีของเรา ขอให้เราหม่ันเพียรสร้างทาน บญุ และบารม”ี ในเวลา น้นั แมย้ ังไม่รู้ความหมายอยา่ งลึกซง้ึ แตก่ ช็ ่วยปรับมุมมอง ทัศนคติ ใหเ้ ราเขา้ มาสวู่ ถิ แี หง่ ความหวงั วา่ ทกุ อยา่ งเคลอ่ื นไปพรอ้ มกบั จติ เรา และจิตธรรมะ การลงมือกระท�ำเท่านั้นจะช่วยให้เราพ้นจากความ ทุกข์ตรงหนา้ เหมอื นดวงตา จติ ใจเราเขา้ ถงึ แสงบางอยา่ ง หวั ใจลกุ ขนึ้ มาฝกึ ฝน ตวั เองอกี ครง้ั กวาดสายตามองไปไกลขน้ึ ทตี่ ง้ั ใจมนั่ วา่ อยากเรยี นให้ จบปรญิ ญาโทตอ่ ไหนๆ เราก็เลือกแล้ว เรานา่ จะรับผิดชอบดแู ลให้ สำ� เรจ็ จติ ท่มี ุ่งม่นั อยากชว่ ยเหลอื ผคู้ นที่ประสบทกุ ข์ และท�ำงานเชิง สังคมคอื เปา้ หมายนำ� ทาง เราจงึ เรมิ่ บอกกับตัวเองวา่ “เราทำ� ได้ ถึง แมไ้ ม่ไดก้ อ็ ยา่ งนอ้ ยได้เรียนรู”้ ซ่ึงนา่ แปลกใจ เพราะเมอ่ื ออกแรงท�ำ ไปสักระยะ โอกาสต่างๆ เปิดประตูให้เราเดินทางไปตามดาวเหนือ ของเราชดั ขนึ้ เอง เราเรม่ิ ประคองตวั เองได้ มที นุ ทรพั ยก์ ารเรยี นจาก — 90 —
การเปน็ ผูช้ ว่ ยนกั วจิ ยั ทำ� งานออฟฟิศ สง่ิ แวดล้อมรอบๆ ตวั เราเร่มิ โอบอมุ้ เป็นโอกาส เหมือนมีเมตตาใหก้ ับเรา และชว่ งเวลาน้แี หละ เป็นช่วงที่ท�ำให้เรียนรู้การท�ำงานเพื่อหาเงินจริงๆ เป็นครั้งแรกใน ชีวิตที่ทำ� ให้เราคอ่ ยๆ ปรับตัวเพื่อการยังชพี และการศกึ ษาของเรา พอทำ� งานมาสกั ระยะกเ็ รม่ิ อยากโบยบนิ ออกนอกประเทศไทย เราไปท�ำงานวิจัยที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยาก ออกไปเรียนรู้วัฒนธรรม การใช้ชีวิต ฝึกฝนวิถีการอยู่ร่วมกับสิ่ง- แวดลอ้ มทต่ี า่ งออกไป เปน็ ชว่ งเวลาประมาณ 6 เดอื นทไ่ี ดเ้ รยี นรกู้ าร ดแู ลและชว่ ยเหลอื กลมุ่ เดก็ และเยาวชนตดิ ยาเสพตดิ และเดก็ ทพี่ กิ าร ทางสายตา หลังจากเสร็จงานวิจัยที่ประเทศลาวก็เร่ิมกลับมาเรียนรู้ ต่อที่ประเทศไทย ซ่ึงการเรียนรู้ก็ยังคงวิถีอยู่ในชุมชน ตอนนั้น เรา เรม่ิ เจ็บป่วยด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษ เราเรมิ่ เดนิ เขา้ ออกโรงพยาบาล รกั ษาตวั หนง่ึ ปเี ตม็ ๆ เหตกุ ารณ์ ชว่ งตอ่ จากนที้ ำ� ใหเ้ ราเรมิ่ ตน่ื รมู้ ากขนึ้ รวมทง้ั เปน็ ทม่ี าของการสมั ผสั พลังของเรกิ ศาสตร์พลังธรรมชาติที่เข้ามาเป็นความรักและการ เยยี วยาตลอดช่วง 2 ปี เรียนรเู้ รื่องการดแู ลชวี ิตแบบองค์รวม ฝึกสติ สมาธภิ าวนา จนเราค่อยๆ เริ่มหายจากโรค เปน็ ชว่ งรอยตอ่ ท่หี ัวใจ ของเราเรมิ่ สมั ผสั กบั พลงั ในตวั เอง พลงั ธรรมชาติ และทำ� ใหเ้ ราเขา้ ใจ ความหมายของชวี ติ ต้งั แตร่ ะดบั แรกคือ รูส้ ึกขอบคณุ ลมหายใจของตัวเอง ขอบคณุ — 91 —
โลกธรรมชาตทิ มี่ อบของขวญั แกเ่ รา ดใี จอยา่ งบอกไมถ่ กู วา่ เรามชี วี ติ อยู่ที่ได้หายใจไปพร้อมกับสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยความกรุณาอีกครั้ง การขอบคณุ เหมอื นดง่ั สารสมั ผสั ลงกลางดวงใจ ไมใ่ ชเ่ หมอื นแตก่ อ่ น ทเี่ ราเคยพดู วา่ “ขอบคณุ ” เทา่ นนั้ รวมถงึ เปน็ ชว่ งเวลาแหง่ การฝกึ ฝน ในการใช้ทั้งหมดของร่างกายเพื่อด�ำเนินชีวิตหรือท่ีเรียกว่า “รู้ตัวท่ัว พร้อม” กับการอยู่กบั ปจั จุบนั ขณะ ช่วงทีส่ าม ช่วงทอ้ งฟา้ แจ่มใส มาถึงช่วงเวลาฟ้าแจ่มใส ภาวะของความตระหนักรู้ ม่ันคง อาจหาญสู่อ้อมกอดความรักพลังในตน ความสัมพันธ์ พลังใน ธรรมชาติ ขอบคุณทุกเหตุปัจจัย ตั้งแต่ตัวเอง ผู้ที่ให้เราถ่ายทอด เรอื่ งราว ครูอาจารยท์ างจติ วญิ ญาณของเราท่ีมอบของขวญั รวมถงึ ภาวะความเจ็บป่วยทเ่ี กดิ ขึน้ “ความรัก ความอบอนุ่ ความงาม” ได้ ย่างกรายเข้ามาท�ำงาน ซึ่งช่วงเวลาน้ีเรารู้สึกว่าตัวเองได้เดินทางสู่ การเรยี นรดู้ า้ นจติ วญิ ญาณอยา่ งเตม็ ตวั ตงั้ จติ อธษิ ฐานเพอ่ื การฝกึ ฝน ตวั เองในแตล่ ะวนั เพ่ือวิถีแห่งการต่ืนรแู้ ละการเรียนร้พู ลงั ธรรมชาติ หรือพลังท่ีมีอยู่แล้วในทุกสรรพสิ่ง ตอนน้ีเราได้สัมผัสกับภาวะของ ตวั เอง วา่ เรางดงาม โลกงดงาม สิง่ ตา่ งๆ รอบตวั ปรากฏข้ึนมาใหม่ ในใจเราราวกับวา่ “ชีวติ น้นั ศักดสิ์ ิทธ์ิ” ตง้ั แต่ ตื่นนอน ตอนยามเชา้ ยม้ิ ใหต้ วั เองอยา่ งสดชน่ื ชวนมองชมแสงอาทติ ยแ์ รกของวนั เมอ่ื ยา่ ง เขา้ หอ้ งนำ้� แปรงฟนั กร็ ตู้ วั วา่ ตนเองเคลอ่ื นแปรงไปมาอยา่ งมสี ติ เมอ่ื อาบน้�ำกร็ สู้ กึ ใหมว่ ่า น้�ำทีไ่ ด้มานั้นมีววิ ฒั น์มายาวนานและเปน็ สาย ธารหลอ่ เล้ียงทุกชวี ติ รบั ร้วู ่านำ้� มคี ุณค่า ทกุ คร้ังกอ่ นทานขา้ วเราจะ — 92 —
ภาวนาเขา้ สคู่ วามเงยี บและขอบคณุ อาหารทมี่ าถงึ เรา เราปรบั ตวั เอง มาทานอาหารมงั สวริ ตั เิ พอ่ื ลดการฆา่ สตั ว์ การทำ� งานกลายเปน็ เวลา แหง่ การฝึกสมาธิ การมจี ติ จดจ่อ และความรสู้ ึกตวั ทำ� งานบา้ น เรา ก็รูส้ ึกวา่ เป็นการฝกึ จติ ตง้ั แต่กวาดบ้าน ถบู ้าน ล้างจาน ล้างหอ้ งน�้ำ คือ กิจวัตรภายนอกเม่ือมันสะอาดในใจก็รู้สึกเบาสบายเหมือนล้าง ใจเราด้วย ก่อนเข้านอน เรานั่งสมาธิ เฝ้าดูลมหายใจและขอบคุณ ทุกอย่างท่ีดูแลเรา อย่างที่คนเคยกล่าวไว้ว่า “โลกเปล่ียนไปเมื่อใจ เปล่ยี นแปลง” คงเปน็ เช่นเราในตอนน้ี รวมถึงการสนใจฝึกฝนสมาธิภาวนา ศาสตร์เรกิ พลังธรรมชาติ การฝึกต้ังแกน และโยคะอาสนะบางท่าทางท่ีเหมาะสมกับเรา ให้ มาอยู่ในชีวิตประจ�ำวันและท�ำต่อเนื่องทุกวันอย่างสม่�ำเสมอ สิ่ง เหล่าน้ีเป็นคุณค่าหรือขุมทรัพย์มหาศาลท่ีช่วยดูแล โอบอุ้ม ให้เรา “มแี กน มนั่ คง ตระหนกั รแู้ ละอาจหาญ” ส�ำหรบั เราแลว้ การปรบั ตัว เพอ่ื การแปรเปลย่ี นในตวั เองคอื ตอ้ งเรมิ่ ตน้ ทจ่ี ะเขยา่ จติ วญิ ญาณของ ตวั เอง ฝึกจติ ปรบั ใจเขา้ สูค่ วามตระหนกั รทู้ ้งั ในตน ผู้คน สงั คม และ ธรรมชาติ การปรบั เปลีย่ นนิสยั ใหม่ทวนกระแสความสบาย คอื การ ไมเ่ กยี จครา้ นทจ่ี ะฝกึ ฝนสมาธิ และสตเิ ปน็ ยา การเรยี นรเู้ รอื่ งอาหาร สำ� คญั มากเพราะอาหารคอื พลงั ชวี ติ การเลอื กคณุ คา่ และการใหเ้ วลา กบั การทำ� งานทเี่ ปน็ ประโยชนข์ องชวี ติ สำ� หรบั เรากเ็ ลอื กทจี่ ะทำ� งาน ในเวลาทเี่ หลอื อยขู่ องชวี ติ ไมใ่ ชท่ กุ งานทเี่ ราจะทำ� และเรากเ็ ลอื กงาน ท่เี รารัก เราเลือกงานทีส่ ัมพนั ธ์กบั ความรกั ในใจเรา พรอ้ มกันนั้นเรา ดูแล รบั ผดิ ชอบ — 93 —
โลกการรบั รคู้ วามหมายของเราเปลย่ี นไปและเรากเ็ ปลยี่ นแปลง ในระดับพฤติกรรมไปด้วย เช่น จากเดิมเราไม่เคยแยกขยะ ใส่ใจส่ิง แวดล้อมของโลก เราก็หันมาใช้แก้วรีไซเคิล ใช้ถุงผ้า หลีกเลี่ยงการ ใชถ้ ุงพลาสติกทีย่ ่อยสลายยาก หรอื อีกตัวอย่างเราชอบถา่ ยรูปกอ่ น ทานอาหารเพราะมันสวย แต่เด๋ียวน้ีเราแทบจะไม่ถ่ายรูปท่ีอาหาร แต่เอาเวลามาฟัง รับรู้อยู่กับคนตรงหน้า เราหันมาออกก�ำลังกาย มากขน้ึ จากเดมิ ทไ่ี มเ่ คยออกกำ� ลงั กายเลย เรามาฝกึ เดนิ ชา้ ลง มาฝกึ เรอ่ื งความเงยี บ ความชา้ ลงในการพดู เปน็ ตน้ ความคดิ สรา้ งสรรคใ์ น งานก็เริ่มผดุ มากขนึ้ น่แี หละคอื สง่ิ ที่เราพอมองเห็นในตัวเองกับการ เปลย่ี นแปลงสู่การต่นื — 94 —
เขยอ้ื นตัวเอง ปล่อยแสง สง่ ผ่าน “พรชวี ติ ” “ความรักท่ีไร้เง่ือนไขและความกรุณาต่อทุกสรรพสิ่ง” จะเป็น กุญแจดอกส�ำคัญที่ค่อยๆ หลอมรวมการเดินทางของผู้คนให้มา เรียนรู้เพื่อรักในตัวเอง ปรับองศาของการมองโลกความหมายของ ชวี ติ ผา่ นเครอื่ งมอื การภาวนา ไมว่ า่ จะเปน็ การฝกึ สมาธภิ าวนา การ ฝกึ ฝนสติ มาฝกึ ตง้ั แกนชวี ติ รบั รลู้ มหายใจ สงิ่ เหลา่ นจ้ี ะเปน็ ยานการ เดินทางเพื่อพาคนสกู่ ารต่นื รู้ ในการลงจอดเพ่อื พาคนมา “ตระหนัก ร้ใู นตน ในความจริง ในธรรมชาต”ิ ใหม้ าสมั ผัสกับแสงแห่งความจรงิ ของชีวิต เราจะเดินทางเพยี งล�ำพงั ไมไ่ ด้หากไมม่ ีครู ไม่มสี ง่ิ แวดลอ้ ม โอกาสทเี่ ขา้ มาเกอ้ื กลู ขอใหบ้ รรทดั นเ้ี ปน็ ชว่ งเวลาพเิ ศษทใี่ หต้ วั อกั ษร ผสานกบั หวั ใจเปน็ พลงั แหง่ รกั ความดงี าม ผสานกบั พลงั ทเี่ ขา้ มาโอบ อุ้ม อันเป็นเหตุและกระแสปัจจัยท่ีท�ำให้ “ลมหายใจ” “ชีวิต” และ “ความรัก” มาบรรจบพบเจอกัน — 95 —
เผชิญทกุ ข์ ส่กู ารพบ ปัญญาภายใน — 96 —
ชวณัฏฐ์ ลว้ นเส้ง คำ� วา่ “สถาปนกิ ชมุ ชน” อาจฟงั ดไู มค่ นุ้ เคยนกั สำ� หรบั คนทวั่ ไป แตเ่ กอื บยสี่ บิ ปแี ลว้ ที่ ชวณัฏฐ์ ลว้ นเส้ง ไดท้ ำ� งานในฐานะนกั ออกแบบ ทไี่ มเ่ พยี งสรา้ งสรรคพ์ นื้ ทแ่ี ละสถาปตั ยกรรม รว่ มกบั ชมุ ชน สถาปนกิ ชมุ ชนเปน็ งานออกแบบทใี่ หค้ วามสำ� คญั ในการรบั ฟงั เพอ่ื การเข้าถึงและเข้าใจถึงความต้องการของคนในชุมชน ซ่ึงจะเป็นจริงได้เมื่อผ่าน กระบวนการมีส่วนร่วม (Co-create) ของคนในชุมชนและผู้ท่ีเก่ียวข้องอื่นๆ มา ร่วมกนั คิดและสรา้ งวิสัยทศั น์ของการอยู่รว่ มกนั — 97 —
ถึงวันน้ี นอกจากการท�ำงานสถาปนิกชุมชนมาหลายปี ชวณัฏฐ์ได้ค้นพบเส้นทางของการเรียนรู้และเติบโตภายในผ่าน โยคะและวิปัสสนา ท�ำให้ทุกวันนี้ เขาได้เพ่ิมบทบาทในชีวิตใน การเปน็ ครหู ยนิ โยคะ รวมถงึ การเปน็ กระบวนกร Transformation Game กระบวนการเรียนรู้ภายในท่ีมีช่ือเสียงจากชุมชน ฟนิ ฮอรน์ สกอ็ ตแลนด์ ชีวิตไม่เคยง่าย และมันก็พาเขามาสู้เส้นทางการเดินทาง ภายใน การต่นื เพือ่ รู้ คอื อะไร มนั คอื การรสู้ กึ ตวั และเปดิ รบั ตอ่ สง่ิ ตา่ งๆ ในแตล่ ะขณะ เพอ่ื รู้จักตัวเอง รู้จักธรรมชาติท่ีแท้จริงของเราเองไปทีละขณะ เดิน ก็รู้ว่าเดิน คิดก็รู้ว่าคิด กินก็รู้ว่ากิน น่ังก็รู้ว่าน่ัง ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์ และไปสู่เหตุแห่งทุกข์ สติหลุดก็รู้และกลับมา คือ การตื่นเป็น ธรรมชาติของเราที่จะรับรู้และเข้าถึงปัญญาภายในน้ีและน�ำไป สกู่ ารเปล่ียนแปลงภายนอกทแี่ ท้จรงิ สำ� หรบั ตวั เอง เหตทุ ตี่ อ้ งตื่น เพราะอยากพ้นทุกข์ อยากรู้ วา่ เราเกิดมาทำ� ไมและมีชวี ิตอยเู่ พอ่ื อะไร คำ� ตอบกค็ อื ต่นื เพื่อ รจู้ กั ตวั เอง รจู้ กั ทกุ ขแ์ ละพน้ ทกุ ข์ การเปลยี่ นแปลงภายในทงั้ หมด น้ี เกิดข้ึนจากการตื่นจากความหลงผดิ วา่ มีตัวเรา มีสงิ่ ต่างๆ มี การดำ� รงอยู่ท่ีแนน่ อนตายตวั ถาวร มน่ั คง ทำ� ใหเ้ รามีสติและมี ปัญญาในการด�ำเนินชีวิตท่ีมีความสุข ความรัก ความเข้าใจใน — 98 —
ความจรงิ ตามทเ่ี ปน็ มากข้นึ จนสามารถเรยี นรแู้ ละเปิดตอ่ ทกุ ๆ ทุกขท์ ี่ผ่านเข้ามา และปลอ่ ยวาง เป็นการฝึกตวั เองเพ่ือพ้นทุกข์ ซง่ึ แทจ้ รงิ แล้วพอเราค่อยๆ ต่ืนขึ้น มีสติรู้สึกตัวมากขึ้นจากการฝึก การตื่นก็เป็นธรรมชาติ ของเรา จดุ เปล่ียนสกู่ ารเดนิ ทางภายใน เร่ิมจาก 10 ปีก่อน ผมป่วยจากความเครียดและวิถีชีวิต ท่ีไร้วินัยในการดูแลตัวเองสะสมยาวนาน จนแขนและคอขยับ ไม่ได้จากพังผืดยึดและกดทับเส้นประสาทคอ ต้องท�ำกายภาพ อยู่เกือบ 6 เดอื น เสียเงินไปเปน็ แสน ผมต้องเคล่ือนไหวช้าลง ต้องพักร่างกายและเคลื่อนไหว ดว้ ยความระมดั ระวงั มากเพราะปวดมาก และเปน็ ชว่ งทไ่ี ดผ้ า่ น การท�ำงานชุมชนมาหลากหลาย เร่ิมคิดถึงแก่นของการท�ำงาน คิดว่าเราก�ำลังท�ำอะไรอยู่กันแน่ อะไรคือกระบวนการท่ีมีชีวิต ท่ีจะสร้างชุมชน และเมืองท่ีมีชีวิตขึ้นมา อยากจะเข้าใจมัน ก็ เหมอื นไดพ้ กั ทบทวนหลายๆ อยา่ งไปดว้ ยโดยไมไ่ ดต้ งั้ ใจ ทง้ั งาน และชวี ิต มวี ันหนึ่ง ผมไปท�ำกายภาพบ�ำบัด ทกุ ๆ คร้งั หลงั จาก ยืดตวั ดดั ตวั นวด อัลตรา้ ซาวน์ กจ็ ะตอ้ งนอนพักบนถุงน�้ำร้อน ประมาณ 20 นาทใี หก้ ลา้ มเนอื้ ค่อยๆ คลายตัว ในช่วงสดุ ทา้ ย ของการบ�ำบัด หมอจะทิ้งให้เรานอนพัก ปิดไฟ ผมนอนอย่าง เหนอ่ื ยลา้ และปวดไปหมด คอ่ ยๆ หายใจผอ่ นคลายอยพู่ กั ใหญ่ — 99 —
จังหวะหน่ึงค่อยๆ รับรู้ถึงการคลายตัวของกล้ามเนื้อที่ต้นคอ กับแขนขวา รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวท่ีละเอียด แล้วก็เกิดสงสัย ว่าใครกันในตัวเราที่รับรู้และเห็นการคลายของกล้ามเน้ือนี้ มัน ไมใ่ ชค่ วามคดิ ของเรา แลว้ กร็ สู้ กึ ผอ่ นคลายไปทว่ั รา่ งกายเหมอื น กระแสไฟฟ้าไหลไปทวั่ ร่างกาย รู้สึกสงบมาก จากจุดนั้นเอง ผมคอ่ ยๆ รับร้แู ละมีสตจิ ากการช้าลง เห็น อาการเจ็บและค่อยๆ คลายไป ทง้ั หมดนี้ ทำ� ใหผ้ มรบั รู้ถึงพลงั ชีวิตทีเ่ คลื่อนไหวอยภู่ ายในรา่ งกาย รับรสู้ ึกสภาวะของการรับรู้ จนนำ� ผมไปสกู่ ารฝกึ โยคะและวปิ สั สนาทท่ี ำ� ใหไ้ ดม้ ปี ระสบการณ์ กับกายและจิตมากขึ้น ท�ำให้เห็นความไม่เท่ียงของกายและ จิตมากขึ้น จนรู้สึกเบาสบาย วางจากความคาดหวังได้มากขึ้น และเปิดรับต่อส่ิงที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกได้มากขึ้นไป ดว้ ย สำ� หรบั ผมเทคนคิ การฝกึ ทงั้ โยคะและวปิ สั สนาตา่ งสง่ เสรมิ กันเพ่ือให้ผมได้ใช้ในการเดินทางภายในและท�ำงานกับร่างกาย และจติ ใจผมพบวา่ คนเรามศี กั ยภาพทจ่ี ะตนื่ รใู้ นแบบของเรา อยู่ ภายในกายในจติ เราในเหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขนึ้ และทกุ ๆ ความทกุ ข์ เปน็ ข้อความท่สี ่งตรงถึงเราและนำ� ไปสูก่ ารตื่น ถงึ จุดท่ีเราติดขัด เราตอ้ งยอมรบั เผชญิ กบั ความทกุ ขด์ ว้ ยสติ ความรกั ความสงสยั ใครร่ ู้ และมวี นิ ยั ซอื่ ตรงกบั ตวั เอง แตล่ ะคนมหี นทางของตนเอง แต่ละคนมีปัญญาในแบบของตนเองเฉพาะตัว ส่ิงพ้ืนฐาน คือ การกลับมารับรู้ส่ิงท่ีเป็นอยู่ในกายในจิตแต่ละขณะอยู่เร่ือยๆ นน่ั คือการเดินทางภายในเขา้ สธู่ รรมชาติของการต่นื — 100 —
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414