primary drive แรงขบั ตามธรรมชาติ ร้อยละ 10 แบ่งส่วนท่ีเป็นกำ�ไรหลังจากหักค่าภาคหลวงและ การส�ำ รวจและการผลติ ปโิ ตรเลยี ม ความดันที่มีอยู่ตามธรรมชาติในแหล่งกักเก็บซ่ึงจะช่วยขับน้ำ�มัน คา่ ใชจ้ า่ ยแลว้ ใหอ้ งคก์ รรว่ มไทย-มาเลเซยี และผปู้ ระกอบการฝา่ ยละ และก๊าซให้ไหลเข้าหลมุ เจาะ แรงขบั ตามธรรมชาติในแหลง่ น�้ำ มนั เทา่ ๆ กนั สัญญามีอายไุ ม่เกนิ 35 ปี และผปู้ ระกอบการต้องเสยี ดบิ ไดแ้ ก่ กา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) ท่ลี ะลายปนอยู่กบั ภาษเี งินไดใ้ หแ้ ก่องคก์ รร่วมฯ น้ำ�มนั ดบิ (solution gas) กา๊ ซธรรมชาตทิ เ่ี กดิ อยอู่ ยา่ งอิสระ (free prospect โครงสรา้ งทีเ่ ชือ่ วา่ จะกกั เก็บปโิ ตรเลยี ม gas) น�้ำ และแรงโนม้ ถว่ งของโลก แหลง่ น�ำ้ มนั ทกุ แหลง่ มแี รงขบั ตาม คำ�เฉพาะที่ใช้เรียกโครงสร้างที่เชื่อว่าจะกักเก็บปิโตรเลียม ธรรมชาติ 1 ชนิดเปน็ อย่างนอ้ ย บางแหลง่ อาจมี 2 ชนดิ แรงขับ (ดู petroleum) ประเมินจากการสำ�รวจวัดคลื่นไหวสะเทือนซ่ึง ตามธรรมชาตจิ ะลดลงเม่อื มีการผลติ (ดู artificial lift ประกอบ) เปน็ การส�ำ รวจขน้ั สุดทา้ ยก่อนท�ำ การเจาะพสิ จู น์ มคี ่าใช้จ่ายสงู (ดู primary recovery การผลติ ข้ันปฐมภมู ,ิ การผลิตข้ันแรก lead และ play ประกอบ) ขั้นตอนการผลิตปิโตรเลียมโดยอาศัยความดันท่ีมีอยู่ตามธรรมชาติ reserve ปรมิ าณสำ�รอง ในแหล่งกักเก็บเป็นพลังขับดันน้ำ�มันดิบและก๊าซข้ึนมาในหลุม ปรมิ าณปิโตรเลียม (ดู petroleum) ทส่ี ามารถนำ�ขนึ้ มาจากแหล่ง ผลติ ในการผลิตน้ำ�มนั ดบิ น้นั ปริมาณทีผ่ ลิตได้จะขน้ึ อยูก่ ับสมบตั ิ กักเก็บได้ เป็นการประมาณค่าตัวเลขทั้งจากข้อมูลท่ีเป็นจริงและ ของชั้นหินกักเก็บ แรงดันในช้ันหิน และสมบัติของน้ำ�มันดิบ ข้อมูลท่ีได้จากการอนุมานเศรษฐกิจในช่วงหนึ่งๆ และมีข้อมูล โดยทั่วไปนำ้�มันดิบชนิดหนักมาก (extra heavy crude oil) อื่นๆ ประกอบ เช่น ข้อมลู ทางเศรษฐกิจ ปรมิ าณสำ�รองมีความ จะผลิตได้ประมาณร้อยละ 1-5 ชนิดหนัก (heavy crude) หมายกวา้ งกว่าคำ�วา่ ทรัพยากร (resource) ซ่งึ หมายถึงข้อมลู ทาง ร้อยละ 1-10 ชนดิ หนกั ปานกลาง (medium crude) รอ้ ยละ 5-30 ธรณวี ิทยาและทางวศิ วกรรมเท่านั้น และชนดิ เบา (light crude) รอ้ ยละ 10-40 ของนำ้�มันดิบทงั้ หมด ปรมิ าณส�ำ รองปโิ ตรเลยี มจ�ำ แนกตามระดบั ความมนั่ ใจในขอ้ มลู ทไ่ี ด้ ที่มอี ยู่ในแหลง่ กักเกบ็ (ดู secondary recovery และ tertiary รบั จากการส�ำ รวจแตล่ ะช่วงและการคาดคะเนได้ดังนี้ 1. ปรมิ าณ recovery ประกอบ) สำ�รองที่พิสูจน์แล้ว (proved reserve) เป็นปริมาณสำ�รองจาก processing platform (PP) แท่นผลิต (พีพี) การคำ�นวณและประมาณการจากข้อมูลการเจาะและทดสอบหลุม แท่นทีต่ ิดต้ังอปุ กรณ์การผลิตต่างๆ เช่น ระบบแยกสถานะ (gas/ ปโิ ตรเลยี มซง่ึ ได้พิสูจนท์ ราบแลว้ รวมท้ังมหี ลกั ฐานขอ้ มูลการผลิต liquid separator) ระบบเพม่ิ แรงดนั กา๊ ซ (gas compression) หรือข้อมูลทางธรณีวิทยาและธรณีฟิสิกส์ที่มีความแน่นอนค่อนข้าง ระบบดูดความช้ืน (dehydration) และมาตรวัด (metering) สูงสนับสนุนว่าจะสามารถผลิตปิโตรเลียมได้คุ้มค่าการลงทุนภาย ใช้ในการแยกน้ำ� น้ำ�มันดิบ คอนเดนเสท (ดู condensate) ใต้เงื่อนไขทางเศรษฐศาสตร์ในขณะน้ัน 2. ปริมาณสำ�รองท่ีคาด และกา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) ออกจากกนั ปจั จบุ นั ในอา่ วไทย ว่าจะพบ (probable reserve) เป็นปริมาณส�ำ รองท่ีมขี ้อมูลทาง มแี ทน่ ผลิตท้งั หมด 8 แทน่ อยูท่ แ่ี หลง่ เอราวัณ 4 แทน่ ทแ่ี หลง่ ธรณวี ทิ ยาและวศิ วกรรมปโิ ตรเลยี ม ณ เวลาใดเวลาหนงึ่ สนบั สนนุ นางนวล จสั มนิ เบญจมาศแหลง่ ละ 1 แทน่ และท่ีพื้นท่ีพัฒนา ว่าสามารถผลิตปิโตรเลียมจำ�นวนน้ันได้ในอนาคตภายใต้สภาพ ร่วมไทย-มาเลเซีย 1 แทน่ ทางเศรษฐกิจท่ีเป็นอยู่เวลาน้ัน โดยมีความเช่ือมั่นว่ามีโอกาสเป็น production area พ้นื ที่ผลติ จริงประมาณรอ้ ยละ 40-80 และ 3. ปริมาณสำ�รองทนี่ ่าจะพบ เขตทกี่ �ำ หนดใหผ้ รู้ บั สมั ปทานท�ำ การผลติ ปโิ ตรเลยี ม (ดู petroleum) (possible reserve) เปน็ ปรมิ าณส�ำ รองทม่ี ขี อ้ มลู ทางธรณวี ทิ ยาและ ได้เปน็ เวลาไม่เกนิ 20 ปนี ับแต่วนั ถัดจากวนั ส้นิ ระยะเวลาสำ�รวจ วิศวกรรมปิโตรเลียมบ่งชี้ว่าน่าจะสามารถผลิตปิโตรเลียมได้โดยมี ปโิ ตรเลียม ท้ังนีเ้ ป็นไปตามพระราชบญั ญตั ิปิโตรเลียม (ฉบับที่ 4) ความเชื่อม่ันว่ามีโอกาสจะเป็นจริงร้อยละ 10-40 พ.ศ. 2532 ตามข้อมูล ณ วันท่ี 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ข้อมูลจนถึงส้ินปี พ.ศ. 2551 ปริมาณสำ�รองปิโตรเลียมท่ีพิสูจน์ ประเทศไทยมีพื้นท่ีผลิตปิโตรเลียมบนบกรวมท้ังส้ินประมาณ 733 แลว้ คงเหลอื ของประเทศไทยรวมทง้ั พน้ื ทพ่ี ฒั นารว่ มไทย-มาเลเซยี มี ตารางกโิ ลเมตร และในอา่ วไทยประมาณ 15,238 ตารางกิโลเมตร กา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) ประมาณ 12 ลา้ นลา้ นลกู บาศกฟ์ ตุ production sharing contract (PSC) สญั ญาแบ่งปนั ผลผลิต คอนเดนเสท (ดู condensate) 271 ลา้ นบารเ์ รล และน�ำ้ มนั ดบิ (พีเอสซ)ี 183 ล้านบาร์เรล ปริมาณสำ�รองท่ีคาดว่าจะพบมีก๊าซธรรมชาติ สัญญาจ้างสำ�รวจและผลิตปิโตรเลียมในพ้ืนที่พัฒนาร่วมไทย- ประมาณ 12.48 ลา้ นลา้ นลกู บาศกฟ์ ตุ คอนเดนเสท 337 ลา้ น มาเลเซยี (ดู Malaysia-Thailand Joint Development Area) บารเ์ รล และน�ำ้ มนั ดบิ 422 ลา้ นบารเ์ รล และปรมิ าณสำ�รองทน่ี า่ จะ โดยรัฐแบง่ ผลผลิตบางสว่ นมาเปน็ คา่ จ้าง มีขอ้ ก�ำ หนดและเงือ่ นไข พบมกี า๊ ซธรรมชาตปิ ระมาณ 7.63 ลา้ นลา้ นลกู บาศกฟ์ ตุ คอนเดนเสท ทีส่ �ำ คญั คอื ผ้ปู ระกอบการต้องช�ำ ระคา่ ภาคหลวง (ดู royalty) 133 ลา้ นบารเ์ รล และน�ำ้ มนั ดบิ 175 ลา้ นบารเ์ รล ปรมิ าณส�ำ รอง ดงั กลา่ วเปลย่ี นแปลงไดเ้ มอ่ื มขี อ้ มลู เพม่ิ เตมิ จากการส�ำ รวจ สารานกุ รม 53 เปดิ โลกปิโตรเลยี มและพลังงานทดแทน
การ ำส�รวจและการผ ิลต ิปโตรเ ีลยม reserved area พนื้ ท่สี งวน royalty ค่าภาคหลวง พ้นื ท่ที ่ีผรู้ ับสมั ปทาน (ดู concessionaire) มีสิทธิสงวนไวเ้ ม่อื ส้ิน จำ�นวนเงินท่ีผู้รับสัมปทานการผลิตและจำ�หน่ายปิโตรเลียมต้อง ระยะเวลาส�ำ รวจปโิ ตรเลยี ม (ดู petroleum) ในแปลงส�ำ รวจแปลง จ่ายให้แก่รัฐตามที่กำ�หนดไว้ในกฎหมาย จัดเก็บโดยกรมเชื้อเพลิง หนึ่ง ทั้งนี้ต้องได้รับสิทธิผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำ�รวจแปลงนั้น ธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ค่าภาคหลวงปิโตรเลียมที่จัดเก็บจาก แล้ว พื้นท่ีสงวนดังกล่าวต้องไม่เกินร้อยละ 12.5 ของพื้นที่เดิม กา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) และคอนเดนเสท (ดู condensate) ของแปลงสำ�รวจแปลงนั้นตามระยะเวลาท่ีผู้รับสัมปทานกำ�หนด ตัง้ แต่ พ.ศ. 2524 และจากน�้ำ มนั ดบิ ต้ังแต่ พ.ศ. 2526 จนถึงสิ้น แตต่ อ้ งไม่เกินห้าปีนบั แตว่ ันส้ินระยะเวลาสำ�รวจปโิ ตรเลยี ม ขอ้ มลู ปี พ.ศ. 2551 รวมท้ังสิน้ ประมาณ 292,025 ลา้ นบาท แยกเป็น ณ วนั ท่ี 31 ธนั วาคม พ.ศ. 2551 ประเทศไทยมพี ้นื ทส่ี งวนบนบก ก๊าซธรรมชาติ 148,125 ลา้ นบาท คอนเดนเสท 54,617 ลา้ นบาท อยูป่ ระมาณ 984 ตารางกิโลเมตร และมพี น้ื ท่สี งวนในอา่ วไทยอยู่ และน้�ำ มนั ดิบ 89,283 ลา้ นบาท ค่าภาคหลวงท่ีรฐั จัดเกบ็ ได้เฉพาะ ประมาณ 5,825 ตารางกโิ ลเมตร ปี พ.ศ. 2551 เทา่ กับ 47,892 ลา้ นบาท แยกเปน็ ก๊าซธรรมชาติ reservoir แหลง่ กกั เก็บ 18,669 ล้านบาท คอนเดนเสท 10,582 ลา้ นบาท และน�้ำ มันดิบ ช้ันหินใต้ดินท่ีมีรูพรุนกักเก็บปิโตรเลียมไว้ (ดู petroleum) 18,641 ลา้ นบาท แหลง่ กกั เกบ็ ปโิ ตรเลยี มตอ้ งมอี งคป์ ระกอบหลกั อยา่ งนอ้ ย 2 ประการ sand bar สนั ดอนทราย คอื 1. ตอ้ งมชี น้ั หนิ ทม่ี รี พู รนุ โพรง หรอื ชอ่ งทแี่ ตกรา้ วใหป้ โิ ตรเลยี ม พืดสันทรายใต้น้ำ� เกิดตรงบริเวณนำ้�ต้ืนในแม่นำ้�หรือใกล้ปากนำ้� ไหลเขา้ ไปอยขู่ ้างในได้ เช่น หินทราย หนิ ปนู หินโดโลไมต์ 2. ต้อง เน่ืองจากคล่ืนและกระแสน้ำ�พัดพาเอาทรายมารวมกันเป็นพืดยาว มีช้ันหินเนอ้ื ละเอียด เชน่ หินดนิ ดาน (ดู shale) ปิดกน้ั ดา้ นบน อาจมเี ปลอื กหอย กรวด และโคลนปะปนอยู่ดว้ ย รวมท้ังมีลักษณะเป็นโครงสร้างท่ีกักกั้นไม่ให้ปิโตรเลียมไหลออกไป ทางดา้ นขา้ งได้ เชน่ โครงสรา้ งรปู ประทนุ (ดู anticline) โครงสรา้ ง รปู โดม เปน็ ตน้ แหลง่ กกั เกบ็ ปโิ ตรเลยี มมกั ประกอบไปดว้ ยน�้ำ น�ำ้ มนั และก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) โดยแยกตัวออกเป็นชั้นๆ ชั้นล่างสุดเป็นน้ำ� ชั้นกลางเป็นนำ้�มัน และช้ันบนสุดเป็น กา๊ ซธรรมชาติ reservoir rock หนิ กักเกบ็ หินท่ีมีรูพรุนและระหว่างรูพรุนมีช่องว่างให้ปิโตรเลียมไหลไป กกั เกบ็ อยไู่ ด้ เชน่ หนิ ปนู หรอื หนิ โดโลไมตท์ ม่ี รี อยแตก และหนิ ทราย เป็นตน้ rig แท่นเจาะ การเกดิ สนั ดอนทรายในลกั ษณะหน่ึง เครื่องจักรที่ใช้เจาะหลุมสำ�รวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งบนบกและ ในทะเล มสี ว่ นประกอบทสี่ �ำ คญั คอื โครงสร้างหอคอย (derrick) ส่วนทีใ่ ชด้ ึงหรอื ยก (drawwork) สว่ นทใ่ี ชห้ มนุ (rotary table) สว่ นทอ่ เหลก็ (drillstring) เครอื่ งกำ�เนดิ ไฟฟา้ (power generator) และอปุ กรณ์ชว่ ยต่างๆ (auxiliary equipment) riser platform (RP) แท่นชมุ ทางทอ่ (อาร์พี) แท่นรับก๊าซจากแหล่งผลิตต่างๆ ก่อนส่งขึ้นฝั่ง หรือแท่นรับ ปิโตรเลียม (ดู petroleum) จากแท่นหลุมผลิตก่อนส่งไปเข้า กระบวนการผลิตท่ีแท่นผลิต เช่น ที่แหล่งบงกช ปัจจุบันใน อ่าวไทยมแี ทน่ ชมุ ทางท่อ 2 แทน่ แทน่ หนึ่งเปน็ ของ บมจ. ปตท. อีกแท่นหน่งึ อยู่ทแ่ี หลง่ บงกชเปน็ ของ บมจ. ปตท. ส�ำ รวจและผลติ ปิโตรเลยี ม 54 สารานุกรม เปดิ โลกปโิ ตรเลียมและพลงั งานทดแทน
sandstone หินทราย seismic acquisition, data acquisition การเกบ็ ข้อมลู การส�ำ รวจและการผลติ ปโิ ตรเลยี ม หนิ ตะกอนชนดิ หนงึ่ ประกอบดว้ ยเศษหนิ ทม่ี ลี กั ษณะกลมหรอื เหลย่ี ม ขั้นตอนการเก็บข้อมูลดิบในภาคสนาม การสำ�รวจบนบกนิยม ขนาดเมด็ ทรายประสมอยใู่ นเน้ือพน้ื ท่ีละเอียด อาจมวี ัตถุประสาน ใช้ระเบิด หรือรถสั่นสะเทือน (vibroseis) เป็นตัวกำ�เนิดคล่ืน เชน่ ซลิ กิ า เหล็กออกไซด์ และแคลเซียมคารบ์ อเนต ประสานเมด็ ในประเทศไทยจะใชร้ ะเบิดขนาด 1-3 ปอนด์ตอ่ หลมุ ท้งั นี้ขึ้นอยู่ เศษหนิ ตา่ งๆ ใหเ้ กาะกนั แนน่ แขง็ เมด็ ทรายทปี่ ระกอบเปน็ หนิ ทราย กบั ความลกึ ของหลมุ หรอื ระยะหา่ งจากสง่ิ กอ่ สรา้ งทอ่ี าจไดร้ บั ความ สว่ นใหญ่จะเปน็ เมด็ ควอตซร์ อ้ ยละ 85-90 หนิ ทรายมีสตี า่ งๆ กนั เสยี หายจากแรงระเบดิ การส�ำ รวจในทะเลใชแ้ รงระเบดิ จากอากาศ เช่น แดง เหลอื ง นำ้�ตาล เทา ขาว อาจเกิดจากการตกตะกอน ท่ีอดั ด้วยความดนั สูงในกระบอกโลหะอดั อากาศ (ดู air gun) เป็น เน่ืองจากน�ำ้ หรือลม การแบง่ ชนิดของหนิ ทรายขึน้ อยู่กบั ขนาดเมด็ ตวั ก�ำ เนิดคลืน่ (ดู seismic interpretation, seismic processing ตะกอน แร่ท่ีประกอบอยู่ในหิน โครงสร้างภายใน และชนิดของ และ seismic survey ประกอบ) วตั ถุประสาน SaandMsitcornoescUonpdeer P(bolraocskit)y Sand Cement การสำ�รวจวัดคลน่ื ไหวสะเทอื นบนบกและในทะเล ช่องว่างระหว่างเม็ดทรายท่ีน�ำ้ มนั หรอื ก๊าซไหลเข้าไปกกั เกบ็ ได้ seismic interpretation, data interpretation การแปล ความหมาย seal หนิ ปดิ กั้น การแปลภาพลายเสน้ ทไ่ี ดจ้ ากการส�ำ รวจเปน็ โครงสรา้ งทางธรณแี ละ หินเนื้อแน่นท่ีกั้นไม่ให้นำ้�มันหรือก๊าซในแหล่งกักเก็บไหลข้ึนมาได้ ขอ้ มลู ทส่ี ำ�คญั อ่นื ๆ อาทิ สภาวะการสะสมตวั ของตะกอน ชนดิ ของ เช่น หินดนิ ดาน (ดู shale) หนิ เกลอื ระเหย (evaporite) หิน การแปลความหมายตอ้ งอาศัยความรทู้ างธรณีวิทยาและธรณี ฟิสิกส์ ประกอบกับจินตนาการตามหลักวิชา ซึ่งช่วยให้สามารถ สรา้ งภาพตดั ขวางใตผ้ วิ โลกไดใ้ กลเ้ คยี งกบั ความเปน็ จรงิ (ดู seismic acquisition, seismic processing และ seismic survey ประกอบ) secondary recovery การผลิตขนั้ ทุติยภูมิ, การผลิตขนั้ ทส่ี อง ภาพลายเส้นจากการส�ำ รวจวัดคลืน่ ไหวสะเทอื นแสดงใหเ้ หน็ ข้ันตอนการผลิตนำ้�มันดิบภายหลังจากการผลิตข้ันปฐมภูมิส้ินสุด โครงสรา้ งแบบช้ันหินโค้งรูปประทุน ลง เป็นการเพ่ิมพลังขับดันจากภายนอกโดยการอัดนำ้�หรือก๊าซ คารบ์ อนไดออกไซดล์ งในแหลง่ กกั เกบ็ เพอ่ื ดนั นำ้�มนั ดบิ ขนึ้ มาในหลมุ ผลิต น้ำ�หรือก๊าซท่ีเข้าไปแทนที่น้ำ�มันน้ีไม่สามารถแทนท่ีนำ้�มันได้ หมด จึงยังคงมีน้ำ�มันเหลืออยู่ในแหล่งกักเก็บ ปริมาณท่ีผลิตข้ึน อย่กู ับสมบัตขิ องนำ้�มันดิบ นำ้�มนั ดบิ ชนดิ หนักผลติ ได้ประมาณรอ้ ย ละ 5-10 น�้ำ มันดบิ ชนิดหนกั ปานกลาง รอ้ ยละ 5-15 และน้ำ�มัน ดิบชนดิ เบา ร้อยละ 10-25 โดยเปรยี บเทียบกบั ปริมาณน้ำ�มนั ดบิ ทมี่ ีทัง้ หมดในแหล่งกกั เก็บ (ดู primary recovery และ tertiary recovery ประกอบ) สารานกุ รม 55 เปิดโลกปโิ ตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
การ ำสารวจและการผ ิลต ิปโตรเ ีลยม seismic processing, data processing การแปรข้อมูล seismic vessel เรือสํารวจวัดคลนื่ ไหวสะเทอื น ขั้นตอนการเปลี่ยนข้อมูลดิบให้อยู่ในรูปที่สามารถนำาไปแปล เรือสำารวจวัดคลื่นไหวสะเทือนทำาหน้าที่ลากเครื่องส่งคลื่นเสียง ความหมาย (ดู seismic interpretation) เพื่อหาโครงสร้าง และเครื่องรบั คล่ืนเสยี งทส่ี ะท้อนจากชนั้ หนิ ตา่ งๆ โดยมีระบบการ หรือลักษณะทางธรณีวิทยาท่ีน่าจะเป็นแหล่งกักเก็บปิโตรเลียม หาตำาแหน่งจุดรับและจุดส่งที่แน่นอนจากดาวเทียม และมีเครื่อง (ดู petroleum) หรอื อกี นยั หนงึ่ คอื การเปลยี่ นแปลงขอ้ มลู ดบิ เปน็ ภาพ คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่บนเรือทำาหน้าที่ประมวลคล่ืนเสียงสะท้อน ตดั ขวางไหวสะเทอื น (seismic section) การแปรขอ้ มลู มกี ระบวนการ และแปรสภาพใหเ้ หน็ เปน็ โครงสรา้ งของชน้ั หนิ ใตพ้ น้ื นาำ้ อยา่ งครา่ วๆ ยุ่งยากซับซ้อน บางคร้ังต้องอาศัยวิธีการทางคณิตศาสตร์ช้ันสูง เรือสำารวจบางลำามีขนาดใหญ่ สามารถให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดรับ หรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีขีดความสามารถสูงเข้ามาช่วย สง่ พนกั งานได้ (ดู seismic acquisition และ seismic survey ประกอบ) semi-submersible rig แท่นเจาะเซมิ-ซบั เมอร์ซเิ บิล seismic survey การสํารวจวดั คล่ืนไหวสะเทือน แท่นเจาะในทะเลที่มีตัวแท่นและส่วนท่ีพักอาศัยวางอยู่บนทุ่น การค้นหาโครงสร้างธรณีใต้ผิวโลกโดยการทำาให้เกิดสัญญาณคลื่น หรือถังซ่ึงสามารถสูบน้ำาเข้าออกเพ่ือให้ตัวแท่นลอยหรือจมลงได้ และวดั ระยะเวลาทคี่ ลนื่ เสยี งสะทอ้ นกลบั จากชนั้ หนิ ทม่ี ลี กั ษณะแตก เรียกสน้ั ๆ วา่ เซมิซับ (semisub) หรอื เซมิ (semi) ตวั แทน่ ปฏิบตั ิ ตา่ งกนั ประกอบดว้ ยขน้ั ตอนหลกั 3 ขน้ั ตอนคอื 1. ขนั้ ตอนการเกบ็ การเจาะอาจอยสู่ ูงจากทุ่นหรือถงั มากกว่า 100 ฟตุ มที ง้ั ชนดิ ทีใ่ ช้ ข้อมลู (ดู seismic acquisition) เมื่ออยูบ่ นบกจะใชร้ ะเบิดและรถ สายเคเบิลผูกกับสมอยึดท่ีพื้นใต้ทะเล (โดยทั่วไปใช้สมอประมาณ สน่ั สะเทอื นเปน็ ตวั กาำ เนดิ คลน่ื เสยี ง เมอื่ อยใู่ นทะเลจะใชแ้ รงอดั จาก 6-12 ตัว) ใช้เจาะในทรี่ ะดบั น้ำาลึกไม่เกนิ 4,000 ฟุต และชนดิ อากาศในกระบอกโลหะอดั อากาศ (ดู air gun) เปน็ ตน้ กาำ เนดิ เสยี ง ปรับตำาแหน่งแท่นเจาะให้อยู่กับที่โดยใช้เคร่ืองยนต์ใบพัดที่ควบคุม จากนั้นจึงทำาการบันทึกสัญญาณคล่ืน 2. ขั้นตอนการแปรข้อมูล ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ใช้เจาะในท่รี ะดบั นา้ำ ลกึ ไม่เกิน 6,500 ฟตุ (ดู seismic processing) เปน็ การเปลยี่ นข้อมลู ดิบให้เปน็ ลายเสน้ การเคลอื่ นยา้ ยแท่นต้องอาศยั เรือลากจูง แทน่ ชนดิ น้ีสามารถปรับ หนาบางตามระดบั ความลึกต่างๆ 3. ขนั้ ตอนการแปลความหมาย เปลี่ยนเปน็ แทน่ ผลิตปิโตรเลียมได้ (ดู seismic interpretation) เปน็ การตคี วามลายเสน้ ขอ้ มลู ทร่ี ะดบั ความลกึ ตา่ งๆ วา่ มรี ปู รา่ งเปน็ โครงสรา้ งทางธรณวี ทิ ยาชนดิ ใด เปน็ หินชนดิ ไหน และมคี วามเป็นไปได้เพียงใดท่ีจะกักเก็บปิโตรเลยี มไว้ ข้ันตอนต่างๆ ในการสำารวจวัดคล่ืนไหวสะเทือน ต้ังแต่การเก็บข้อมูล แทน่ เจาะเซมิ-ซบั เมอร์ซิเบลิ (acquisition) การบันทึกข้อมูล (field tapes) การแปรข้อมูล (processing) จนถงึ การแปลความหมายขอ้ มลู (interpretation) 56 สารานุกรม เปิดโลกปิโตรเลยี มและพลังงานทดแทน
shale หินดินดาน standard rig แท่นเจาะมาตรฐาน การสาำ รวจและการผลติ ปโิ ตรเลยี ม หินตะกอนเนื้อละเอียด เกิดจากการอัดแน่นของดินเหนียว แทน่ เจาะบนบกแบบดั้งเดมิ ทีม่ ีโครงสรา้ งหอคอย (derrick) สร้าง ทรายแป้ง หรือโคลน มีโครงสร้างเป็นช้ันบางๆ ทำาให้แตกเป็น คร่อมบริเวณปากบ่อทีจ่ ะเจาะ เมอื่ การขุดเจาะแลว้ เสร็จ สามารถ แผน่ ได้ง่าย โดยเฉพาะตามพืน้ ผิวทผ่ี ุพงั หินดนิ ดานมเี นอ้ื แน่นแขง็ ถอดแยกหอคอยออกเป็นชิ้นๆ เพ่ือนำาไปประกอบยังตำาแหน่งอื่น อาจมสี ีแดง น้ำาตาล หรอื เทา ตอ่ ไป source rock หินตน้ กําเนิด หินที่มีสารอินทรีย์ปนอยู่ในเน้ือหินมาก โดยท่ัวไปเป็นหินดินดาน ท่ีเกิดจากตะกอนขนาดเล็กทับถมรวมกับซากส่ิงมีชีวิตขนาดเล็ก จาำ พวกแพลงก์ตอนในแอ่งนำา้ special reduction (SR) ค่าลดหยอ่ นพิเศษ (เอสอาร์) จำานวนเงินทีร่ ฐั เป็นผกู้ ำาหนดเพ่อื เปน็ มาตรการจูงใจให้บรษิ ัทเข้ามา ลงทุนสำารวจและผลิตปโิ ตรเลียม (ดู petroleum) ผ้รู ับสัมปทาน (ดู concessionaire) สามารถนาำ มาคำานวณรวมกับคา่ ใชจ้ า่ ยอ่ืนๆ เสมือนเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนของแปลงสำารวจแต่ละแปลงเพื่อ นาำ มาหกั ออกจากรายได้ปโิ ตรเลยี ม ทำาใหต้ วั เลขแสดงผลกำาไรของ ผู้รับสัมปทานลดลง special remuneratory benefit (SRB) ผลประโยชนต์ อบแทน แทน่ เจาะบนบกชนดิ มาตรฐานทัว่ ไป พิเศษ (เอสอารบ์ ี) ผลประโยชนพ์ เิ ศษจากกาำ ไรสว่ นเกนิ ทก่ี าำ หนดขน้ึ ตามพระราชบญั ญตั ิ stimulation การกระตุ้นการผลติ ปิโตรเลียม (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2532 เพอ่ื ใหร้ ัฐได้รบั สว่ นแบง่ จากผล การกระตนุ้ การผลติ ใหไ้ ดผ้ ลดที าำ ใหป้ โิ ตรเลยี มไหลจากแหล่งกกั เกบ็ ประโยชนข์ องผู้รบั สัมปทาน (ดู concessionaire) เพ่ิมขน้ึ นอก เข้าหลุมผลิตอย่างต่อเนื่อง อาจใช้วิธีการใช้กรด (ดู acidizing) เหนือไปจากค่าภาคหลวง (ดู royalty) และภาษีที่ได้รับอยู่ตาม หรอื วธิ ที าำ ใหห้ นิ แตก (fracturing) เพอื่ ชว่ ยใหก้ ารผลติ ไดผ้ ลดยี ง่ิ ขนึ้ ปกติ) ในกรณที ผ่ี ู้รับสัมปทานพบแหล่งปิโตรเลยี ม (ดู petroleum) stratigraphic trap โครงสรา้ งกกั เกบ็ แบบสแตรทิกราฟิก ขนาดใหญ่หรือได้รับประโยชน์จากราคาน้ำามันดิบในตลาดโลกสูง โครงสร้างกักเก็บปิโตรเลียมในช้ันหินที่เน้ือหินมีลักษณะแตกต่าง ขึ้นอย่างฉับพลัน หรือมีต้นทุนการสำารวจและผลิตต่ำากว่าการคาด กนั มีชน้ั หนิ ที่มรี ูพรนุ เชน่ หินทราย แทรกอยู่ในหินเน้ือแนน่ เช่น คะเน การคาำ นวณผลประโยชนต์ อบแทนพเิ ศษกระทาำ เปน็ รายปจี าก หินดินดาน (ดู shale) จำานวน “กาำ ไรปโิ ตรเลยี ม” ก่อนหกั ภาษเี งินไดป้ ิโตรเลยี ม หากปใี ด ไม่มี “กาำ ไรปโิ ตรเลยี ม” เกดิ ขน้ึ ก็ยงั ไม่มีภาระตอ้ งเสีย และสามารถ ยกยอดจำานวน “ขาดทุนปิโตรเลียม” ในปีนั้นไปหักจากรายได้ใน ปตี อ่ ๆ ไปไดจ้ นกวา่ จะหมด ในปี พ.ศ. 2551 กรมเชอ้ื เพลงิ ธรรมชาติ จัดเก็บผลประโยชนต์ อบแทนพเิ ศษจากผู้รบั สมั ปทาน 5 บริษัทได้ เปน็ เงิน 4,743 ล้านบาท รวมผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษทีจ่ ดั เก็บ ได้ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2547-2551 เป็นเงนิ 22,866 ลา้ นบาท ภาพตัดขวางแสดงการกกั เกบ็ นำ้ามันในช้นั หนิ ทรายทีม่ ลี ักษณะ 57 เป็นรูปเลนสแ์ ทรกอยใู่ นหนิ ดินดานซึ่งมเี น้อื แนน่ สารานกุ รม เปดิ โลกปิโตรเลียมและพลังงานทดแทน
การ ำส�รวจและการผ ิลต ิปโตรเ ีลยม structural basin แอ่งโครงสรา้ ง Thailand-Cambodia Overlapping Area พืน้ ท่ีทับซอ้ นไทย- บริเวณพ้ืนท่ีต่ำ�ของเปลือกโลกซ่ึงกำ�เนิดจากการแปรโครงสร้าง กมั พูชา เป็นท้ังบริเวณท่ีกำ�ลังสะสมตัวของตะกอนหรือปัจจุบันอาจหยุด พื้นที่ซึ่งประเทศกัมพูชาประกาศเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย สะสมตัวแล้ว เช่น แอ่งแม่เมาะ แอ่งลี้ แอ่งเชียงใหม่ และ ในปี พ.ศ. 2515 และประเทศไทยประกาศเป็นเส้นเขตไหล่ทวีป แอ่งฝาง เปน็ ต้น ดา้ นอ่าวไทยในปี พ.ศ. 2516 ทำ�ใหท้ ง้ั สองประเทศมีเขตไหลท่ วปี Tertiary period ยคุ เทอรเ์ ชยี รี ทบั ซ้อนกนั เปน็ เน้อื ทปี่ ระมาณ 26,000 ตารางกโิ ลเมตร โดยเสน้ ช่วงเวลาหน่ึงของธรณีกาล (ดู geologic time) เมื่อประมาณ เขตไหล่ทวีปของกัมพูชาด้านบนลากผ่านเกาะกูดของไทย ในขณะ 1.8-65 ล้านปีมาแล้ว เป็นยุคท่ีเกิดปิโตรเลียมขึ้นในอ่าวไทยและ ท่ีพ้ืนที่ทับซ้อนด้านล่างชนกับเส้นแบ่งเขตระหว่างเวียดนามกับ ภาคกลางของประเทศไทย กัมพูชาทต่ี กลงกันเมอ่ื ปี พ.ศ. 2534 และเสน้ แบง่ เขตระหวา่ งไทย tertiary recovery การผลิตขั้นตติยภมู ,ิ การผลิตขนั้ ทสี่ าม กับเวยี ดนามท่ีตกลงกันเม่อื ปี พ.ศ. 2540 ทีผ่ ่านมาท้งั สองฝ่ายได้ ข้ันตอนการผลิตนำ้�มันดิบต่อจากการผลิตข้ันทุติยภูมิซ่ึงยังคงมี พยายามเจรจาเร่ืองพ้ืนที่ไหล่ทวีปท่ีอ้างสิทธิทับซ้อนกันและเรื่อง น�ำ้ มนั ดบิ เหลอื อยใู่ นแหลง่ กกั เกบ็ โดยเฉพาะชนดิ หนกั และชนดิ ปาน เขตทับซ้อนทางทะเลตามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชา กลาง เปน็ ขนั้ ตอนทนี่ ำ�กระบวนการความรอ้ น (thermal process) พ.ศ. 2544 โดยมคี ณะกรรมการเทคนคิ ร่วม (Joint Technical มาใช้กับแหล่งกักเก็บน้ำ�มันดิบชนิดหนัก และใช้กระบวนการผสม Committee, JTC) เป็นกรอบการเจรจา เป้าหมายของไทยใน เปน็ เน้อื เดยี วกัน (miscible process) และกระบวนการทางเคมี การเจรจาคือ สว่ นเหนือเส้นรุ้งที่ 11 องศาเหนอื ใหเ้ จรจาก�ำ หนด (chemical process) กับแหล่งกักเกบ็ น้�ำ มันดบิ ชนดิ เบาและชนิด เขตทางทะเล ส่วนใตเ้ ส้นรงุ้ ที่ 11 องศาเหนือ ใหพ้ ัฒนาเพ่ือแสวง ปานกลาง แตเ่ นอ่ื งจากการผลติ ขนั้ ตตยิ ภมู มิ คี า่ ใชจ้ า่ ยสงู และผลการ ประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกัน ในลักษณะของพ้ืนท่ี ทดลองยงั ไมเ่ ป็นท่พี อใจ จงึ ไมเ่ ปน็ ท่ีแพรห่ ลาย พฒั นาร่วม (ดู Malaysia-Thailand Joint Development Area ประกอบ) อยา่ งไรกต็ าม ทงั้ ไทยและกมั พชู ายงั ไมอ่ าจตกลงกนั ไดใ้ น หลายประเดน็ การเจรจาจงึ ไมม่ ีความคบื หน้า To be delimited Cambodia 1972 Thailand 1973 JDA Vietnam-Cambodia 1991 Thai-Vietnam 1997 พ้นื ท่ที ับซอ้ นไทย-กมั พูชา 58 สารานุกรม เปดิ โลกปโิ ตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
tidal flat ทล่ี มุ่ ราบนำ้ �ข้ึนถึง ultimate reserve, ultimate recovery ปรมิ าณทผ่ี ลติ ไดท้ งั้ หมด พื้นท่ีราบลุ่มใกล้ฝั่งมีลักษณะเป็นทรายปนโคลนหรือดินแฉะ ปรมิ าณทง้ั หมดของกา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) หรือน้ำ�มนั ดบิ เป็นบริเวณท่ีน้ำ�ท่วมถึงในเวลาน้ำ�ขึ้นและโผล่พ้นนำ้�ในเวลาน้ำ�ลง ท่ีคาดว่าจะผลิตข้ึนมาได้จากหลุมเจาะหรือจากแอ่งภายใต้สภาวะ อาจเปน็ ที่ก�ำ เนดิ ของหินทราย เศรษฐกจิ ปจั จุบนั และสภาพทางวิศวกรรม ปริมาณท่ผี ลติ ไดน้ ี้อาจ เป็นการผลิตข้ันปฐมภูมิอย่างเดียวหรือรวมทั้งการผลิตข้ันทุติยภูมิ ดว้ ย (ดู initial reserve และ unrecoverable volume ประกอบ) การส�ำ รวจและการผลติ ปโิ ตรเลยี ม unrecoverable volume ปรมิ าณคงเหลอื ปริมาณนำ้�มันดิบและก๊าซธรรมชาติที่ประมาณได้ ณ เวลาใด เวลาหนึ่งว่าจะเหลืออยู่ในแหล่งกักเก็บหลังจากที่หยุดผลิต ไปแล้ว การหยุดผลิตอาจเกิดจากอุปสรรคทางเทคโนโลยีและ สภาพเศรษฐกิจทค่ี าดการณไ์ ด้ ณ เวลานน้ั (ดู initial reserve และ ultimate reserve ประกอบ) ตะกอนดินทรายตามชายฝั่งทะเลที่ถูกน้ำ�พัดพามาในช่วงนำ้�ข้ึน เม่ือถึงเวลานำ้�ลง vibrator เครื่องสั่นสะเทือน นำ้�จะไหลเซาะเป็นแนวร่องน้ำ� นานเข้าตะกอนดินทรายท่ีไม่ถูกพัดพาไปกับน้ำ�จะ แหล่งกำ�เนิดคลื่นในการสำ�รวจวัดคลื่นไหวสะเทือนบนบก ใช้ใน สะสมตวั เป็นชน้ั หนา พื้นที่ ทม่ี ีถนนหรือเส้นทางใหร้ ถสน่ั สะเทือนเขา้ ถงึ ได้ wellhead platform (WP) แทน่ หลมุ ผลติ (ดบั เบลิ ยูพี) trap โครงสร้างกักเกบ็ แท่นที่ใช้ขุดเจาะหลุมผลิตเพ่ือนำ�ปิโตรเลียมข้ึนมาจากใต้ทะเล โครงสร้างทางธรณีวิทยาที่กักกั้นไม่ให้น้ำ�มันหรือก๊าซในแหล่งกัก ประกอบดว้ ยหลุมผลติ 9-12 หลุมหรือมากกว่าน้ัน และมอี ปุ กรณ์ เกบ็ ไหลออกไปได้ เช่น ชนั้ หนิ โค้งรปู ประทนุ (ดูanticline) ชัน้ หนิ แยกภาคสนาม เชน่ อปุ กรณแ์ ยกสถานะเพอ่ื ทดสอบอตั ราการผลติ คดโคง้ (fold) รอยเลื่อน (ดู fault) ช้ันหนิ ทีล่ บี หายไป (pinch-out) ปิโตรเลียมจากหลุมจะผ่านอุปกรณ์การแยกภาคสนามก่อนส่งเขา้ สู่ ช้นั หนิ ทีเ่ กิดจากทางนำ้�โคง้ ตวัด (meandering belt) รอยชั้นไมต่ ่อ กระบวนการผลิตท่ีแท่นผลติ (ดู processing platform) ปจั จุบนั เน่อื ง (unconformity) แท่นหลุมผลติ ในอ่าวไทยมที ้ังชนิด 3 ขา และ 4 ขา มจี �ำ นวนรวม กันมากกวา่ 180 แท่น แหลง่ ทม่ี แี ท่นหลมุ ผลิตมากท่สี ดุ คอื แหล่ง เอราวัณ มี 25 แทน่ รองลงมาคอื แหลง่ บงกช มี 17 แท่น ลักษณะโครงสร้างต่างๆ ท่กี กั เก็บน�ำ้ มนั เชน่ โครงสรา้ งกักเกบ็ ในชนั้ หนิ รูปประทนุ (anticline trap) โครงสรา้ งกกั เก็บจากรอยเลื่อน (fault trap) และโครงสร้างกักเกบ็ จากชนั้ เกลอื ที่แทรกข้นึ มาเปน็ รูปโดม (salt-dome trap) แทน่ หลมุ ผลติ ชนดิ 4 ขา สารานุกรม 59 เปดิ โลกปโิ ตรเลียมและพลังงานทดแทน
well logging การหยง่ั ธรณีหลุมเจาะ wireline cable ข้ันตอนการเก็บข้อมูลที่สำาคัญในการเจาะสำารวจ cable reel ปิโตรเลียม (ดู petroleum) เพื่อตรวจวัดสมบัติ lcoagbirnecording ทางฟิสิกส์ของช้ันหินและของไหลในช้ันหินแต่ละ การ ำสารวจและการผ ิลต ิปโตรเ ีลยม ช่วงความลึกท่ีต้องการหรือตลอดหลุมเจาะ เพื่อ casing วิเคราะห์หาชั้นไฮโดรคาร์บอน ลักษณะชั้นหิน wireline ใต้ดิน เพื่อศึกษาและประเมินสมบัติทางฟิสิกส์ของ ของไหลในชั้นหิน และเพ่ือทราบความลึกที่แน่นอน caliper arm shale สำาหรับการปฏิบัติงานในหลุมเจาะได้ละเอียดถูกต้อง การหยั่งธรณีหลุมเจาะโดยใช้สายเคเบิล (wireline limestone cable) หย่อนเครื่องวัด (logging sonde) ลงใน sloogngdineg หลุมเจาะเพ่ือตรวจหาสมบัติทางกายภาพของชั้นหิน mspaoeniandstsutroenmeent เช่น การดูดกลืนรังสี ความต้านทานไฟฟ้า ความหนาแน่นของชั้นหิน เพื่อนำาไปคำานวณความ อิ่มตัวของปิโตรเลียม โดยมีเครื่องอ่านค่าอยู่บน แทน่ เจาะ (log recording cabin) การหยง่ั ธรณหี ลมุ เจาะเพอื่ ตรวจหาคณุ สมบตั ทิ างกายภาพของ ชน้ั หิน เชน่ 1. คณุ สมบัตกิ ารดดู กลืนรังสี 2. ความต้านทาน ไฟฟา้ 3. ความหนาแนน่ ของช้นั หนิ เพ่อื คาำ นวณความอิ่มตวั ของปิโตรเลียมในชั้นหนิ ตวั อย่างเส้นกราฟและการแปลความหมายท่ไี ด้จากการหยัง่ ธรณีหลุมเจาะท่ีระดบั ความลกึ ตา่ งๆ 60 สารานกุ รม เปดิ โลกปโิ ตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
การส�ำ รวจและการผลติ ปโิ ตรเลยี ม สารานกุ รม 61 เปิดโลกปโิ ตรเลียมและพลงั งานทดแทน
02 ¡ÒáÅÑ¹è ¹Óé Áѹ ¹Óé Áѹ´Ôº ˹Nj ÂäÍâªàÁÍÃäÃ૪¹Ñ ¡Ò«Ë§Ø µÁŒ ¤Í¹à´¹àÊ· ¡Ãкǹ¡ÒÃÃÕ¿ÍÃàÁÍà ¹éÓÁѹູ«¹Ô ˹Nj ¼ÅÔµ¹éÓÁѹà¤Ã×Íè §º¹Ô ¹éÓÁ¹Ñ à¤Ã×Íè §º¹Ô ˹Nj ¼ÅÔµ¹éÓÁ¹Ñ ´Õà«Å¡ÓÁжѹµèÓ ¹éÓÁѹ´Õà«ÅËÁعàÃçÇ Ë¹‹Ç¼ÅÔµ¹éÓÁѹ´àÕ «Å¡ÓÁж¹Ñ µèÓ ¹éÓÁѹ´àÕ «ÅËÁ¹Ø ªÒŒ ¹Óé ÁѹàµÒ ¹Óé Á¹Ñ ËÅÍ‹ Å×è¹ ÂÒ§ÁеÍÂ
¡ÒáÅÑè¹¹Óé Á¹Ñ áÅСÒÃá¡¡Ò «¸ÃÃÁªÒµÔ ¡ÒÃá¡¡Ò«¸ÃÃÁªÒµÔ »ÃÍ· (Hg) ˹Nj ¡ӨѴ ÊÒûÃÍ· H2O ˹‹Ç¡Ө´Ñ ˹Nj ¡ӨѴ ¤ÇÒÁª×¹é ¡¤ÓÒÁÃк ¶Í¹Ñ ¹ä(´HÍ2SÍ)¡äá«Å´Ð ÁÕà·¹ (CH4) (CO2) ໹š àªÍé× à¾Å§Ô ¼ÅµÔ ¡ÃÐáÊä¿¿‡Ò H2S, CO2 ¡Ò«¸ÃÃÁªÒµÔ ÊÓËÃºÑ Âҹ¹µ (NGV) ˹‹ÇÂà»ÅÕè¹ʶҹР¨Ò¡¡Ò«ãˌ໚¹ ÍàÕ ·¹ (C2H6), â¾Ãྐྵ (C3H8) ¢Í§àËÅÇ Çѵ¶´Ø Ôºµ§Ñé µ¹Œ (Feed stock) ¡Ò «»âµÃàÅÂÕ ÁàËÅÇ (LPG) ÊÓËÃÑºÍµØ ÊÒË¡ÃÃÁ»âµÃà¤ÁÕ ãªŒà»š¹àª×éÍà¾Åԧ㹤ÃÇÑ àÃÍ× ¹ (¡Ò«ËاµŒÁ) ãªàŒ »¹š àª×Íé à¾Å§Ô ã¹Âҹ¹µ á¡â«Å¹Õ ¸ÃÃÁªÒµÔ (NGL) - »Í‡ ¹âç¡Åèѹ¹éÓÁ¹Ñ ¼ÅԵ໹š ¹Óé Áѹູ«Ô¹ - 㪌໚¹ÇµÑ ¶´Ø ÔºµÑ§é µŒ¹ÊÓËÃºÑ âç§Ò¹»âµÃà¤ÁÕ
โรงกลน่ั กรองนำ้ มนั ของกรมเชอื้ เพลงิ ทชี่ อ งนนทรี ซ่งึ เริม่ กอ สรางมาตงั้ แต พ.ศ. 2482 พ.ศ. 2483 เปดดำเนนิ การ มกี ำลงั ผลิตวันละ 1,000 บารเ รล และหยุดกจิ การลงเม่อื พ.ศ. 2488 พ.ศ. 2502 โรงกลน่ั นำ้ มนั ฝาง เปด ดำเนินการดว ยขนาดกำลงั กล่นั วนั ละ 1,000 บารเ รล • จดั ตั้ง องคการเชื้อเพลงิ (อชพ.) เปนรัฐวิสาหกิจ สงั กัดกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2503 • รัฐบาลประกาศเชญิ ชวนใหภ าคเอกชนมาลงทนุ กอสรางโรงกลน่ั นำ้ มนั ในประเทศไทย • โรงกลั่นนำ้ มนั บางจากเปดดำเนนิ การ โดยกระทรวงกลาโหม ดว ยกำลังการกล่ัน พ.ศ. 2504 บรษิ ทั โรงกลั่นน้ำมนั ไทย จำกัด และกระทรวงอตุ สาหกรรม 5,000 บารเรลตอวนั ตอ มาไดมีการขยายและปรบั ปรุงโรงกลัน่ ลงนามสัญญากอ สรา งโรงกลน่ั น้ำมันที่มกี ำลงั กลั่นอยางนอ ยวนั ละ 30,000 บารเ รล จนปจจุบนั มีกำลงั การกลนั่ 120,000 บารเรลตอ วัน พ.ศ. 2507 บริษัท เอสโซแสตนดารดประเทศไทย จำกดั ซ้อื กิจการของบริษัทยางมะตอยไทย จำกดั • บรษิ ทั โรงกลน่ั นำ้ มนั ไทย จำกัด เริ่มเปดดำเนนิ การดวยขนาดกำลงั กลน่ั มาใชเปน โรงกลั่นนำ้ มนั โดยระยะแรกมกี ำลังการผลิต 7,000 บารเ รลตอ วนั 36,000 บารเรลตอ วนั ปจจบุ นั คือ บริษทั ไทยออยล จำกดั (มหาชน) พ.ศ. 2510 และไดป รับปรงั โรงกลั่นนำ้ มนั ทม่ี กี ำลงั การกลน่ั 35,000 บารเ รลตอวนั มีกำลงั การกลัน่ 275,000 บารเ รลตอวนั ปจ จุบนั มกี ำลงั การกลัน่ 177,000 บารเรลตอ วนั กระทรวงอุตสาหกรรมจดั ตั้งองคก ารกา ซธรรมชาติแหงประเทศไทย (อกธ.) พ.ศ. 2520 ÅÓ´ºÑ à˵ءÒóÊÓ¤ÞÑ พ.ศ. 2521 • อกธ. ในนามของรฐั บาลทำสญั ญาซ้อื ขายกาซธรรมชาติ ฉบับที่ 1 จากแหลงเอราวณั กบั บรษิ ทั ยเู นยี น ออยล ออฟ ไทยแลนด จำกัด • กอต้งั การปโ ตรเลยี มแหง ประเทศไทย (ปตท.) และประกาศใช พระราชบัญญตั กิ ารปโ ตรเลียมแหงประเทศไทย พ.ศ. 2521 รวมองคการเชอ้ื เพลงิ (อชพ.) และองคก ารกาซธรรมชาติ แหงประเทศไทย (อกธ.) พ.ศ. 2522 เขากบั การปโตรเลียมแหง ประเทศไทย (ปตท.) พ.ศ. 2524 • เริม่ ทดลองรับกา ซจากบรษิ ัทยูโนแคลฯ • เปดระบบทอ สงกา ซของ ปตท. จากแหลง เอราวณั ในอา วไทยมาขึ้นฝงที่ จ. ระยอง
¡ÒáÅè¹Ñ ¹Óé Á¹Ñ áÅСÒÃá¡¡Ò «¸ÃÃÁªÒµÔ พระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู วั ฯ พ.ศ. 2528 เสดจ็ พระราชดำเนนิ ทรงประกอบพิธเี ปดโรงแยกกาซธรรมชาติ หนวยที่ 1 ท่ี ต. มาบตาพุด โรงแยกกาซธรรมชาติ “พลงั เพชร” อ. ลานกระบือ จ. กำแพงเพชร เรม่ิ ดำเนินการ อ. เมอื ง จ. ระยอง และตอมามกี ารสรางโรงแยกกาซธรรมชาติ หนว ยท่ี 2 และ 3 เพ่อื เพ่ิมคณุ คาทางพลังงานของกาซธรรมชาติทอ่ี ยูร ว มกับน้ำมันดิบแหลงสิรกิ ิต์ิ ที่ จ. ระยอง เพิ่มเติม ปจจุบนั โรงแยกกา ซธรรมชาตหิ นวยที่ 1, 2 และ 3 เร่มิ ผลิตกาซ LPG เตม็ กำลงั ตงั้ แตเดอื นสิงหาคมเปน ตนมา ปจจบุ นั สามารถแยกกา ซ สามารถแยกกา ซธรรมชาติไดส งู สุดที่ 390, 290 และ 390 ธรรมชาติไดส ูงสดุ ที่ 45 ลา นลูกบาศกฟตุ ตอวนั ลา นลูกบาศกฟ ุตตอวัน ตามลำดับ พ.ศ. 2533 โรงกล่นั นำ้ มนั หลอ ลื่นพืน้ ฐานแหงแรกของประเทศไทย ณ อ. ศรีราชา จ. ชลบรุ ี พ.ศ. 2536 เรม่ิ ดำเนนิ การเพื่อลดการพึ่งพาและการนำเขา นำ้ มันหลอ ล่นื พนื้ ฐานจากตางประเทศ และเพอ่ื เปนการพัฒนาอตุ สาหกรรมปโ ตรเลียมใหค รบวงจร ปจ จบุ นั มกี ำลังการผลิตนำ้ มนั หลอลืน่ พน้ื ฐาน 270,000 ตันตอ ป พ.ศ. 2538 โรงแยกกาซธรรมชาติ หนวยที่ 4 อ. ขนอม จ. นครศรีธรรมราช เร่ิมดำเนนิ การ ปจ จบุ ันสามารถแยกกา ซธรรมชาติไดส งู สุดที่ 190 ลา นลกู บาศกฟ ุตตอ วัน โรงกลน่ั นำ้ มนั ระยอง หรอื บริษทั ปตท. อะโรเมติกสและการกลัน่ จำกดั (มหาชน) ในปจจบุ ัน พ.ศ. 2539 และโรงกลั่นนำ้ มนั สตารปโ ตรเลียมรีไฟนน งิ่ เร่มิ ดำเนินการกลั่น ปจจุบันกำลังการกลนั่ 280,000 และ 150,000 บารเรลตอ วัน ตามลำดับ พ.ศ. 2541 ประเทศไทยเรม่ิ รับกา ซธรรมชาตจิ ากแหลง ยาดานาประเทศพมา โรงแยกกาซธรรมชาติ หนวยท่ี 5 ต. มาบตาพุด อ. เมือง จ. ระยอง เริม่ ดำเนนิ การ พ.ศ. 2548 เพอ่ื รองรับการขยายตัวในการผลติ ของกลมุ ปโตรเคมที ี่มคี วามตอ งการกาซอีเทน กา ซโพรเพน และกาซปโ ตรเลียมเหลวเปนวัตถดุ บิ พรอมทัง้ เสริมสรางความม่ันคง ปตท. มีแผนจดั สรา งโรงแยกกาซธรรมชาติ หนวยท่ี 6 ในดา นการผลิตและสงออกผลิตภัณฑ ปจจุบนั สามารถแยกกา ซธรรมชาติ ขนาดกำลังการแยกกาซธรรมชาติสูงสุด 800 ลา นลูกบาศกฟุตตอวัน ไดสงู สุดท่ี 530 ลา นลูกบาศกฟ ตุ ตอวนั เพื่อสง เสรมิ การพฒั นาอุตสาหกรรมปโตรเคมขี องประเทศ และผลติ LPG รองรบั ความตอ งการใชใ นประเทศ พ.ศ. 2553
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต 02 absorption การดูดซมึ activated carbon ถ่านกัมมันต์, คาร์บอนกมั มันต์ การแยกองค์ประกอบในก๊าซผสม โดยให้แพร่เข้าไปยังสารดูดซึม คาร์บอนอสัณฐานที่มีโครงสร้างพรุน เป็นของแข็งสีดำ� อยู่ในรูป ทเ่ี ปน็ ของเหลวและท�ำ ปฏกิ ิริยาเคมี การดดู ซึมที่ใชใ้ นกระบวนการ ผงหรือเม็ด โครงสร้างประกอบด้วยรูพรุนขนาดเล็กจำ�นวนมาก แยกกา๊ ซธรรมชาตใิ หบ้ รสิ ทุ ธิ์ ไดแ้ กก่ ารแยกกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ ทำ�ให้พ้ืนผิวมีความสามารถในการดูดซับสูง มีคุณสมบัติในการ (ดู carbon dioxide) ออกจากก๊าซธรรมชาติโดยใช้สารละลาย ดดู ซับดี (ดู adsorption) ใช้ประโยชนใ์ นการก�ำ จัดกลน่ิ สี หรือ โพแทสเซียมคาร์บอเนต หรือสารละลายประเภทเอมีนเป็น กา๊ ซ ผลติ จากวสั ดหุ ลายประเภททใ่ี หป้ รมิ าณคารบ์ อนสงู มปี รมิ าณ สารดดู ซมึ (ดู absorption, หมวดสิ่งแวดล้อม ประกอบ) สารระเหยและเถ้าตำ่� เชน่ กะลามะพร้าว ถ่านหนิ กระดูกสัตว์ acid gas, sour gas กา๊ ซกรด เปน็ ต้น โดยสลายตัวด้วยความร้อนแล้วกระตุ้นด้วยไอน้ำ� สารเคมี ก๊าซธรรมชาติท่มี ีก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (ดู hydrogen sulfide) หรอื คารบ์ อนไดออกไซด์ (ดู carbon dioxide) ที่อณุ หภูมปิ ระมาณ และ/หรอื คารบ์ อนไดออกไซด์ (ดู carbon dioxide) เปน็ องคป์ ระกอบ 900 องศาเซลเซยี ส เม่ือมีความช้ืนจะเกิดกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะ จึงต้องกำ�จัดออก ก่อนท่ีจะผ่านไปยงั กระบวนการแยกกา๊ ซธรรมชาติใหบ้ ริสทุ ธ์ิ activated alumina อะลูมินากมั มันต์ คาร์บอนถ่านกัมมันต์ สารดดู ซบั ทสี่ งั เคราะหจ์ ากสารอะลมู นิ าไฮเดรต (alumina hydrate, เAซl2ลOเซ3.3ียHส2Oน)ำ้�โทด่ีรยะเเผหายไลอน่อ้�ำกอทอำ�กใหท้โี่อคณุ รงหสภรูม้าิสงงู ภปารยะใมนาเกณิดก4า0ร0แตอกงตศัวา adsorption การดดู ซับ เป็นรูพรุนเล็กๆ พื้นท่ีผิวภายในเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 150-500 การสะสมตัวของสารหรือความเข้มข้นของสารท่ีบริเวณพ้ืนผิว ตารางเมตรต่อกรัม และมีเส้นผ่านศูนย์กลางของรูพรุนประมาณ หรือระหว่างผิวหน้า (interface) เกิดที่บริเวณผิวสัมผัสระหว่าง 15-60 อังสตรอม (1.5-6 นาโนเมตร) นยิ มใช้เพือ่ ดดู ซับความช้นื วฏั ภาค 2 วัฏภาค (phase) ที่มีสถานะเปน็ ของแขง็ ของเหลว ไอ หรือก๊าซที่มีขั้วออกจากก๊าซธรรมชาติ ในกระบวนการดูดซับ หรอื กา๊ ซ เชน่ ของเหลวกบั ของเหลว กา๊ ซกบั ของเหลว กา๊ ซกบั ของแขง็ (ดู adsorption) สามารถนำ�กลับมาใช้ใหม่โดยใช้ความร้อน หรือของเหลวกับของแข็ง โดยโมเลกุลหรือคอลลอยด์ (colloid) ไลน่ ำ้�ออก มอี ายใุ ชง้ านนานมาก ทถ่ี ูกดูดจับเรยี กว่าสารถกู ดดู ซบั (adsorbate) สว่ นสารที่ทำ�หนา้ ที่ ดดู ซบั เรียกว่าสารดดู ซบั (adsorbent) ตวั อยา่ งของกระบวนการ ดูดซับในกระบวนการกลัน่ น�้ำ มนั ไดแ้ ก่ การดูดซับสารปรอท (Hg) จากคอนเดนเสท (ดู condensate) บนสารดดู ซับที่เปน็ ของแขง็ อะลูมนิ ากมั มันต์ 66 สารานกุ รม เปดิ โลกปิโตรเลยี มและพลังงานทดแทน
alicyclic hydrocarbon ไฮโดรคาร์บอนทเ่ี ป็นวง ดังนน้ั เม่อื C เพิ่ม 1 อะตอม H จะเพิม่ 2 อะตอม หรือเพิ่ม กล่มุ ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ท่มี ี คสรา้งัรลจะะเป-CลHี่ยน2 จเามกื่อกจ๊า�ำ ซนเวปน็นอขะอตงอเหมขลอวใงสคารขบ์ อองนเหเพล่มิวขข้น้นึ สถานะของ ลักษณะโครงสร้างเป็นวง อาจเป็นสารประกอบอ่มิ ตัวหรือไม่อ่มิ ตัว ไปจนถึงไข การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ ที่เช่ือมต่อกันด้วยพันธะเด่ียวและ/หรือพันธะคู่ของคาร์บอน พบแอลเคนท้ังในธรรมชาติ เช่น ในนำ้�มันดิบ (ดู crude oil) อย่างน้อยหน่ึงพันธะ ได้แก่ ไซโคลแอลเคน (cycloalkane) หรือปโิ ตรเลียม (ดู petroleum) นำ้�มันทารจ์ ากถ่านหนิ (coal tar) และไซโคลแอลคีน (cycloalkene) เช่น ไซโคลเฮกเซน และก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) หรือไดจ้ ากการสังเคราะห์ (cyclohexane, C6H12) หรอื ไซโคลเฮกซนี (cyclohexene, C6H10) สารแรกของอนุกรม แอลเคนคอื มีเทน (ดู methane) มีสตู รเปน็ CระHห4วา่ รงูปพรนั ่าธงะโม1เ0ล9ก.ุล5ขอองงศาแอลเคนเป็นทรงเหล่ียมส่ีหน้า มีมุม ไซโคลเฮกเซน ไซโคลเฮกซนี alkanolamine process กระบวนการแอลคาโนลามีน กระบวนการขจดั กา๊ ซทม่ี ฤี ทธเ์ิ ปน็ กรด (ดู acid gas) ทง้ั ไฮโดรเจน aliphatics, aliphatic hydrocarbon, แอลเิ ฟทิกส,์ ซลั ไฟด์ (ดู hydrogen sulfide) และคารบ์ อนไดออกไซด์ (ดู carbon ไฮโดรคาร์บอนแอลิเฟทิก dioxide) ออกจากก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) โดยวิธกี าร กลุ่มของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ท่ีมี ดดู ซมึ (ดู absorption) ดว้ ยสารละลายจำ�พวกเอมีน (ดู amine) โครงสร้างเป็นโซ่ตรง (อะตอมของคาร์บอนต่อกับอะตอมของ เช่น มอนอเอทาโนลามีน (monoethanolamine, MEA) คารบ์ อนเปน็ โซต่ รง) หรอื โซ่ก่งิ (อะตอมของคารบ์ อนบางอะตอม ไดเอทาโนลามีน (diethanolamine, DEA) ไดไกลโคลามีน แยกออกจากสายโซห่ ลกั ออกมา) แบง่ ออกเปน็ 3 ชนดิ ตามลกั ษณะ (diglycolamine, DGA) และเมทิลไดเอทาโนลามีน (methyl ของพันธะในโครงสร้างได้แก่ แอลเคน (ดู alkanes) แอลคีน diethanolamine, MDEA) เหมาะกับก๊าซธรรมชาติท่ีมีส่วนผสม (ดู alkenes) และแอลไคน์ (ดู alkynes) ของไฮโดรเจนซัลไฟดส์ งู และคารบ์ อนไดออกไซด์ต่ำ� H3C แอHลเ2คCน CH3 H3C CH CH2 H3C C CH TREATED GAS OR LPG ACID GAS LEAN AMINE แอลคีน แอลไคน์ COOLER aliphatic hydrocarbon (saturated) ไฮโดรคารบ์ อนชนดิ อม่ิ ตวั COOLER สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ที่อะตอม ABSORBER FILTERS REGENERATOR คาร์บอนในโมเลกุลเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเดี่ยวเท่านั้น ได้แก่ แอลเคน (ดู alkanes) RICH-LEAN CROSS HEAT EXCHANGER FLASHED GAS SOUR GAS OR LPG REBOILER aliphatic hydrocarbon (unsaturated) ไฮโดรคาร์บอนชนดิ RICH AMINE FILTER FLASH DRUM ไมอ่ ิ่มตวั สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons ) ทอี่ ะตอมคารบ์ อน ผังกระบวนการแอลคาโนลามนี ในโมเลกุลเช่ือมต่อกนั ด้วยพันธะเด่ียวเป็นพันธะหลักและมีพันธะคู่ หรือพนั ธะสามของคารบ์ อนอยอู่ ย่างนอ้ ย 1 พันธะ ไดแ้ ก่ แอลคนี (ดู alkenes) และแอลไคน์ (ดู alkynes) HO MEA OH HO HN OH alkanes แอลเคน มอนอเอทาโนลามีน DEA ไดเอทาโนลามนี กลมุ่ ของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ชนดิ อม่ิ ตัว H2N O OH HO OH ท่ีภายในโมเลกุลเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเด่ียวของคาร์บอนทั้งหมด N มีช่อื เรยี กอีกอยา่ งหน่งึ ว่าพาราฟินิกไฮโดรคาร์บอน (ดู paraffinic DGA CH3 hydrocarbons) หรือ พาราฟิน (ดู paraffins) สูตรโมเลกุลท่วั ไป ไดไกลโกลลามีน คือ CnH2n+ 2 เมื่อ n = 1, 2, 3, … เชน่ เมอ่ื MDEA เมทิลไดเอทาโนลามนี n = 1 จะได้ CCC32HHH468 (methane) เป็นต้น n = 2 จะได้ (ethane) n = 3 จะได้ (propane) สารานุกรม 67 เปดิ โลกปโิ ตรเลียมและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต alkenes แอลคนี ผลิต การกลน่ั การขนส่ง ฯลฯ เขา้ รว่ มจดั ต้งั ประมาณ 400 บรษิ ัท กลุ่มของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ชนิด หน้าท่ีหลักของสถาบันคือการปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทใน ไม่อิ่มตัวท่ีภายในโมเลกุลประกอบด้วยพันธะคู่ของคาร์บอนอยู่ อุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่งครอบคลุมต้ังแต่การให้การสนับสนุน อยา่ งนอ้ ย 1 พนั ธะเปน็ พนั ธะหลกั มชี อื่ เรยี กอกี อยา่ งหนงึ่ วา่ โอเลฟนิ สมาชิก การเจรจาต่อรองกับรัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติ และหน่วย (ดู olefin) สตู รโมเลกลุ ทว่ั ไปคอื CnH2n เมอ่ื n เทา่ กบั 2 เชน่ เมอ่ื งานราชการ การศึกษาและวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ พิษวิทยาและ ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม การจดั ตง้ั และรบั รองมาตรฐานอตุ สาหกรรม n = 2 จะได้ CC23HH64 (ethylene) และอืน่ ๆ รวมถึงการใหก้ ารศกึ ษาแกบ่ ุคคลทัว่ ไป (ดู American Petroleum n = 3 จะได้ (propylene) Institute, หมวดการตลาดประกอบ) ไม่พบแอลคีนในธรรมชาติ แต่เกิดข้ึนในกระบวนการแตกตัวที่ใช้ ในโรงกลนั่ สารแรกของอนกุ รมแอลคนี คอื เอทลิ ีน (ดู ethylene) เอทิลนี และโพรพลิ นี (ดู propylene) เป็นสารตั้งตน้ หลกั ที่สำ�คญั ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี alkylation, alkylation process กระบวนการเตมิ หมู่แอลคลิ กระบวนการสงั เคราะหส์ ารแอลไคเลต (alkylate) ในโรงกลน่ั ปฏกิ ริ ยิ า รวมโมเลกุลของสารประกอบแอลเคน (ดู alkanes) กับแอลคีน ตวั อย่างสัญลักษณ์มาตรฐานเอพีไอ (ดู alkenes) หมูแ่ อลคลิ (alkyl) ของสารประกอบแอลเคนจะถกู เติมเข้าไปท่ีพันธะคู่ของคาร์บอนของสารประกอบแอลคีน มีกรด ซัลฟิวริก (sulfuric acid) เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ได้สารประกอบ American Society for Testing and Materials (ASTM) แอลเคน ท่ีมีโมเลกุลใหญ่ และมีโครงสร้างแบบมีก่ิงมากขึ้นเรียก สมาคมตรวจสอบมาตรฐานวัสดแุ หงอเมรกิ า (เอเอสทเี อม็ ) ว่าแอลคเิ ลตท่ีมีเลขออกเทน (ดู octane number) สงู มาก เปน็ สมาคมวิชาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดต้ังขึ้นใน ส่วนประกอบส�ำ คัญของน้ำ�มนั เบนซิน (ดู gasoline) สหรฐั อเมรกิ าในปี พ.ศ. 2532 มีสมาชิกทที่ รงคุณวฒุ ทิ างวชิ าการ ประกอบด้วย ตัวแทนกลุ่มผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้สนใจท่ัวไป รวมทั้งCอH3งค์การท่ีเก่ียHว3ขC้องCตH่า3งๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน CH3 H3C H CH3 H3C CH CH3 Hท3Cำ � หCนH้ า ที่ ส่ ง เ สห+รนิม่วสยHง3นCาับนสขCอนHงุนCรทัฐHา งด้านวิชาการเพื่อช่ ว ยเหลือ C อุตสาหCกHรรHม และสาธารณชนทั่วไป กำ�หนด + H3C CH CH2 + CH CH CH3 H3C H Hแผ3CลลติะจภCัดHณั CทHฑ�ำ3์มกาาตรรบฐรากินาทHร3เ่ีCกรยี่ ะวCบขHบCอ้ Hกง3ากรบั ใลชกั้งษานณะเฉแพละาะกสาราทขำ�างวาชิ นาขตอา่ งงๆวสั ปดุี CH3 CH3 H3C CH3 ละมากกวา่ 9,800 เรอ่ื ง นอกจากนม้ี าตรฐานเอเอสทเี อม็ ยงั ไดร้ บั การ CH H3C C CH CH2 H3C CH CH3 + H3C พจิ ารณา ทบทวนปรบั ปรงุ แก้ไขเพิม่ เติมให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา CH H + HC H CH CH H3C H H3C CH H3C CH ท�ำ ใหเ้ ปน็ ทนี่ ยิ มและไดร้ บั การยอมรบั ทวั่ โลก มาตรฐานเอเอสทเี อม็ ที่ alkynes แอลไคน์ CH3 CH3 ประกาศใชเ้ ปน็ มาตรฐาน แบง่ เปน็ ประเภทตา่ งๆ ดงั นี้ 1. มาตรฐาน ของระบบการจดั การและการจดั แบง่ (classification) วสั ดผุ ลติ ภณั ฑ์ กลุ่มของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ชนดิ ไม่ การบริการ ระบบ หรือการใช้งาน ออกเป็นกลุ่มๆ โดยอาศัย อมิ่ ตวั ทภี่ ายในโมเลกลุ ประกอบดว้ ยพนั ธะสามของคารบ์ อน 1 พนั ธะ คุณลกั ษณะท่ีเหมอื นกัน เชน่ แหลง่ ก�ำ เนดิ ส่วนประกอบ สมบตั ิ เปน็ พนั ธะหลกั สูตรโมเลกุลทัว่ ไปคือ CnH2n- 2เม่ือ n เท่ากบั 2 หรือประโยชนใ์ ช้สอย 2. ข้อก�ำ หนด (specification) คณุ ลกั ษณะ เช่น เม่ือ และสมบตั ติ า่ งๆ ทตี่ อ้ งการของวสั ดุ ผลติ ภณั ฑ์ ระบบหรอื การใชง้ าน ข้อกำ�หนดเหล่าน้ี มักจะแสดงค่าเป็นตัวเลข และมีข้อจำ�กัด n = 2 จะได้ CC32HH24 (ethyne หรือ acetylene) กำ�หนดไว้ พร้อมทั้งวิธีทดสอบค่าเหล่าน้ันด้วย 3. เอกสาร n = 3 จะได้ (propyne) เป็นต้น มาตรฐานท่ีกำ�หนดค�ำ นยิ าม คณุ ลักษณะ ค�ำ อธิบายของศัพท์ต่างๆ (terminology) เคร่ืองหมาย ตัวยอ่ คำ�ยอ่ ทีใ่ ช้ในมาตรฐานต่างๆ American Petroleum Institute (API) สถาบันปิโตรเลยี มแหง่ 4. มาตรฐานเกีย่ วกับวิธที ดสอบ (test method) ท่กี ำ�หนดใหใ้ ช้ สหรัฐอเมรกิ า (เอพีไอ) ในการตรวจสอบ พิสูจน์วัด ปริมาณและคุณภาพ คุณลักษณะ องค์กรการค้าหลักสำ�หรับอุตสาหกรรมนำ้�มันและก๊าซธรรมชาติ คุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างของวัสดุ ระบบหรือ ของประเทศสหรัฐอเมริกา จัดตั้งขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่หน่ึง การใช้งาน ซ่ึงมีผลการทดสอบที่สามารถนำ�ไปใช้ในการประเมิน มีบริษัทท่ีประกอบธุรกิจเก่ียวกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียมด้านการ ค่าตามข้อกำ�หนด 5. คำ�แนะนำ�หรือทางเลือก (guide) ให้ผู้ใช้ 68 สารานุกรม เปิดโลกปโิ ตรเลยี มและพลังงานทดแทน
เลอื กใชเ้ ทคนคิ ตา่ งๆ ทีม่ ีอยู่ รวมท้ังสง่ิ ทีจ่ ะไดจ้ ากการสมุ่ ตัวอยา่ ง น้�ำ มนั ดิบมคี ่าความถว่ งจ�ำ เพาะเอพไี อ อย่รู ะหว่าง 20-45 องศา การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ การประเมินและการมาตรฐานที่ใช้นั้นๆ ด้วย 6. วิธีการปฏิบัติ แบ่งน้ำ�มันดิบออกได้เป็น 3 ชนิด คือ นำ้�มันดิบชนิดเบา มีค่า เฉพาะ (practice) ส�ำ หรบั งานเฉพาะอยา่ ง ไดแ้ ก่ การเขยี นรายงาน ความถว่ งจ�ำ เพาะเอพไี อ มากกวา่ 34 องศา นำ้�มันดิบชนิดกลาง ความแม่นย�ำ ความละเอียด การเลอื ก การเตรียม การประยกุ ต์ มีค่าความถว่ งจำ�เพาะเอพีไอ อยรู่ ะหว่าง 34-20 องศา และนำ�้ มนั การตรวจสอบ ข้อควรระวังในการใช้ การกำ�จัดทิ้ง การติดต้ัง ดบิ ชนิดหนกั มีคา่ ความถว่ งจ�ำ เพาะเอพีไอ น้อยกว่า 20 องศา การบำ�รงุ รกั ษา ตลอดจนการใช้เครือ่ งมอื ทดสอบ aromatics, aromatic hydrocarbon แอโรแมติกส์, แอโรแมตกิ ไฮโดรคาร์บอน amine เอมนี สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ไมอ่ ม่ิ ตวั ประเภทหนง่ึ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ท่ีมีหมู่ มโี ครงสรา้ งหลกั เปน็ วงแหวนเบนซนี (benzene ring) สตู รโมเลกลุ คแอะณุอมรสิลโิ มนบ(ัตa(NิเrปyHlน็ ,2)เบCเส6ปH็นส5ห)ามร1ู่ฟแองั กลหช์คมนัาู่หโรนทือล่ีมมาีหามกมีนกู่แวอ(่าaลตlคk่อลิaอnยo(ู่กalaับlkmไyนiln,โeตR)ร-เ)จใชนหเ้ ปรน็มือี วCง6Hค6 วภาามยไใมนอ่ว่มิงแตหัวเวกนดิ เจบานกซอนี เิ ลมก็อี ตะรตออนมพคานั รธบ์ ะอคนูว่ ิ่ง6ออยะภู่ ตาอยใมนตวอ่ งกแนั หเปวนน็ สารดูดซมึ (absorber) ในกระบวนการขจัดกา๊ ซกรดออกจากก๊าซ แต่การแสดงภาพโครงสร้างโมเลกุลอาจแสดงว่ามีพันธะเด่ียวและ ธรรมชาติ (ดู natural gas) พนั ธะคู่สลับกนั เบนซนี เป็นแอโรแมตกิ ส์โมเลกุลเล็กที่สุด โมเลกลุ ไมม่ ขี วั้ เป็นของเหลวไม่น�ำ ไฟฟา้ ไวไฟ ใหเ้ ปลวไฟสวา่ งมีเขมา่ มาก antiknock agent สารป้องกันการน็อกของเครือ่ งยนต์ ไม่ละลายน�้ำ ไม่มีสี มีกล่ินเฉพาะ จุดหลอมละลาย 5.5 องศา สารเติมแต่งในแกโซลีน (ดู gasoline) หรือน้ำ�มันเบนซินที่ใช้ เซลเซียส จุดเดือด 80 องศาเซลเซียส เปนตัวทําละลายท่ีดี ใ น ก า ร ป้ อ ง กั น ก า ร น็ อ ก ข อ ง เ ค รื่ อ ง ย น ต์ แ ล ะ เ พิ่ ม เ ล ข อ อ ก เ ท น วงแหวนเบนซนี อาจมีหมแู่ อลคิล หมู่ฟังกช์ ันตา่ งๆ (functional (ดู octane number) เดมิ ใชส้ ารประกอบตะกว่ั ไดแ้ ก่ เททระเอทลิ เลด group) มาเกาะต�ำ แหน่งเดียว สองตำ�แหน่ง หรือสามตำ�แหน่ง และเททระเมทิลเลด ปัจจุบันห้ามใช้แล้ว ต่อมาใช้สารประกอบ แอโรแมตกิ สช์ นดิ ทสี่ �ำ คญั ไดจ้ ากกระบวนการในโรงกลน่ั น�้ำ มนั ดบิ ใช้ ออกซิเจเนตแทน (oxygenated compound) ได้แก่ สารเมทิล- เปน็ วตั ถดุ บิ ในอตุ สาหกรรมปโิ ตรเคมี 4 ชนดิ คอื เบนซนี (ดู benzene) เทอรเ์ ชียรบี ิวทลิ อเี ทอร์ (ดู methyl tertiary butyl ether) และสาร ทอลวิ อนี (ดู toluene) เอทลิ เบนซนี (ดู ethylbenzene) และพารา เอทลิ เทอรเ์ ชยี รีบวิ ทลิ อีเทอร์ (ดู ethyl tertiary butyl ether) ซ่งึ ไซลนี (ดู p-xylene) สารกลมุ่ นม้ี กี ลน่ิ หอมจงึ มชี อ่ื “แอโรแมตกิ ส”์ บางประเทศห้ามใช้แล้วเช่นกันเพราะแนวโน้มที่จะปนเปื้อนแหล่ง มาจากคาํ วา “aroma” ในภาษากรกี ซงึ่ แปลวา “กล่นิ หอม” น�้ำ ใตด้ นิ ปจั จบุ นั จึงใชเ้ อทานอล (ดู ethanol และดู bioethanol, หมวดพลังงานทดแทน ประกอบ) เติมแทนเป็นนำ้�มันแก๊สโซฮอล CH3 CH2CH3 (gasohol) API Gravity ( ํAPI) ความถว่ งจำ�เพาะเอพีไอ เบนซนี ทอลวิ อีน เอทิลเบนซนี คา่ ความถว่ งจ�ำ เพาะของน�ำ้ มนั ดบิ ก�ำ หนดโดยสถาบนั ปโิ ตรเลยี มแหง่ สหรฐั อเมรกิ า (American Petroleum Institute) มหี นว่ ยเปน็ องศา CH3 API gravity = 141.5 -131.5 H3C พาราไซลนี SGoil asphalt (อเมริกนั ), bitumen (องั กฤษ) ยางมะตอย, แอสฟัลต์, เอพไี อ ( Aํ PI) ค�ำ นวณจากคา่ ความถว่ งจ�ำ เพาะของน�ำ้ มนั ตามสมการ บทิ ูเมน เกมับือ่ นำ้�SGoiSl =Gosilp=ecificρρgHo2riOlavity คอื ความหนาแน่นของนำ้�มันเทียบ ผลิตภัณฑ์ส่วนที่หนักท่ีสุดได้จากกากก้นหอกล่ันลำ�ดับส่วน (ดู fractionating column) ที่ความดันบรรยากาศในโรงกลั่นนำ้�มัน เม ือ่ ρρ Hoil2O = ความหนาแนน่ ของนำ้�มัน (density of oil) และการกล่ันสุญญากาศ (ดู fractional distillation) ในโรงกล่ัน = ความหนาแนน่ ของนำ้� (density of water) น้ำ�มันหล่อล่ืนจากการกล่ันน้ำ�มันดิบฐาน แอสฟัลต์อาจเกิดได้ตาม ธรรมชาติ เป็นสารผสมชนิดคอลลอยด์ (colloid) โดยมแี อสฟลั ทีน (ดู asphaltene) กระจายตวั อยูใ่ นเน้อื นำ้�มัน (maltene) มสี ดี �ำ หรือ สนี �้ำ ตาลไหม้ เหนยี ว ความหนดื และความยดื หยนุ่ สงู กงึ่ แขง็ กงึ่ เหลว หควราือมแรข้อง็ นละอลาาจยนไ�ำ ดกใ้ านกคกาน้ รห์บออกนลได่ันซมลั าไผฟา่ ดน์ ก(รCรSม2ว)ธิ ีปอ่อรบันปตรวั ุงเมคือุ่ณไภดาร้ พับ เพอ่ื ปรับปรงุ สมบตั ิให้ดีข้ึน เชน่ การเพ่มิ ปริมาณแอสฟลั ทีนโดยเป่า อากาศในหอเปา่ อากาศรอ้ น เพ่มิ ความเฉอ่ื ยตอ่ สารเคมแี ละไอควนั ความต้านทานตอ่ สภาพอากาศและแรงกระแทก ความเหนียวและ สารานุกรม 69 เปิดโลกปิโตรเลียมและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต ความยืดหยุ่น สมบัติท่ีสำ�คัญของยางมะตอยหลายประการทำ�ให้ asphaltene แอสฟอลทีน นำ�มาใชป้ ระโยชน์ได้หลายด้าน ได้แกส่ มบัติในการยึดและประสาน สารประกอบแอโรแมตกิ สท์ ม่ี วี งแหวนหลายวงตดิ กนั (polynuclear ทำ�หน้าท่ีเป็นตัวประสานวัสดุต่างๆ ให้ติดกันสมบัติในการป้องกัน aromatic hydrocarbon) พบในน�ำ้ มนั หนกั กากน�ำ้ มนั และในแอสฟลั ต์ นำ�้ ซมึ ผ่าน และสมบัตทิ ่เี ปน็ ของเหลวหรืออ่อนตวั เมือ่ ถกู ความรอ้ น มนี �ำ้ หนกั โมเลกลุ สงู สคี ล�ำ้ ปราศจากไข ไมล่ ะลายในนอรม์ ลั เฮปเทน และแขง็ ตวั เมอื่ เยน็ ลง ใช้เปน็ วสั ดเุ คลือบกันนำ้� กนั ซึม สมบตั ทิ ่ี (normal heptane) แตล่ ะลายในเบนซนิ รอ้ น ส�ำ คญั คือเปน็ ตัวประสานระหวา่ งวสั ดุเตมิ เชน่ หินและทราย ใช้ใน associated natural gas กา๊ ซธรรมชาติชนิดอยรู่ ว่ ม งานก่อสรา้ งถนนเป็นวสั ดลุ าดผวิ ถนน กา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) ทอี่ ยรู่ ว่ มกบั น�้ำ มนั ปโิ ตรเลยี มภายใน แหลง่ กกั เกบ็ โดยอาจละลายอยู่ในนำ้�มนั ปโิ ตรเลยี มหรือแยกช้ันอยู่ เหนือชนั้ น�ำ้ มนั ปิโตรเลยี ม แอสฟัลต์ หรือ บทิ เู มน aviation fuel นำ้ �มันเชื้อเพลงิ เครอ่ื งบนิ น้ำ�มันเชื้อเพลิงท่ีใช้กับเคร่ืองบิน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตาม asphalt blowing เครอื่ งเปา่ แอสฟลั ต,์ เครอื่ งเป่ายางมะตอย ลกั ษณะของเครือ่ งยนต์ ไดแ้ ก่ การปรับปรุงสมบัติแอสฟัลต์โดยการเป่าอากาศลงในแอสฟัลต์ที่ได้ 1. นำ้�มันเบนซินเคร่ืองบินใบพัด (ดู aviation gasoline) อยู่ จากส่วนล่างของหน่วยกล่ันสุญญากาศ (ดู vacuum distillation ในสว่ นกลนั่ (distillate fuel) ช่วงการกลน่ั (ดู distillate range) unit) ท�ำ ให้ไดแ้ อสฟลั ต์หรือยางมะตอยท่มี ีคุณภาพสงู เดยี วกับน�้ำ มันเบนซนิ (ดู gasoline) เน่ืองจากระบบเครือ่ งยนต์ เคร่ืองบินใบพัด มีลักษณะคล้ายคลึงกับเคร่อื งยนตเ์ บนซินท่ใี ชก้ บั ยานพาหนะ แตค่ ณุ สมบตั ติ า่ งๆ ของน�ำ้ มนั ประเภทนจ้ี ะดกี ว่า คือ มีความบริสุทธิ์มากกว่ามีจุดเยือกแข็งท่ตี ำ�่ กว่านำ�้ มันเบนซินเพราะ เครอ่ื งบนิ ตอ้ งบนิ ในระดบั สงู อากาศเยน็ จดั นำ้�มนั ตอ้ งไหลไดส้ ะดวก ตลอดเวลา มเี ลขออกเทน (ดู octane number) สูงกวา่ เพ่ือให้ เหมาะสมกับการใช้ในสภาวะอุณหภูมิและความดันเปลี่ยนแปลง ในชว่ งกวา้ ง ปัจจบุ นั ไมใ่ ชแ้ ล้ว 2. นำ้�มันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น (ดู jet fuel) เป็นนำ้�มัน เช้ือเพลิงท่ีใช้กับเคร่ืองยนต์แบบกังหัน (turbine)โดยมีหลักการ ทำ�งานท่ีแตกต่างจากเครื่องยนต์ในเคร่ืองบินใบพัด จึงไม่ต้องการ เช้ือเพลิงที่มีสมบัติต้านทานการน็อก ต้องมีความบริสุทธ์ิสะอาด และเผาไหม้ไดด้ ที ส่ี ดุ แมท้ อ่ี ณุ หภมู ติ �ำ่ นอกจากนต้ี อ้ งมคี วามเสถยี ร (stability) สูง เพ่ือไม่ให้นำ้�มันสลายตัวหรือเส่ือมระหว่างเก็บ Knoorcckyocultonbeox Incinerator Bclooawnstpianhignailnst gtill A1s2p5h-a1l5t 0flouFx 400-470oF Recovered oil Ahsepahtearlt Water spray system Air bloAwirer Blown asphalt ผังกระบวนการเป่าอากาศลงในแอสฟลั ต์ 70 สารานุกรม เปิดโลกปโิ ตรเลียมและพลังงานทดแทน
ในถังหรือใช้งาน นำ้�มันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นยังมีการแบง่ ออก แร่เป็นผลิตภณั ฑห์ ลกั แบ่งออกเป็น 3 ชนิดตามสมบัตทิ ่ีแตกต่าง การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ เปน็ 2 ชนดิ คอื น�ำ้ มนั เชอ้ื เพลงิ เครอ่ื งบนิ ไอพน่ เพอ่ื การพาณชิ ย์ กนั คอื พาราฟิน (ดู paraffins) ผลติ โดยใช้กระบวนการแตกตวั (JP-1 หรอื JET A-1) มีช่วงการกลนั่ ใกลเ้ คียงกับน�ำ้ มันก๊าด ใช้ ดว้ ยไฮโดรเจน (ดู hydrocracking) โครงสร้างโมเลกลุ เปน็ โซต่ รง กับเคร่ืองบินพาณิชย์ของสายการบินทั่วไป และน้ำ�มันเช้ือเพลิง มคี วามหนดื สงู เปน็ ไขไดง้ า่ ย แตม่ คี ณุ ภาพดี ราคาสงู ทสี่ ดุ ผลติ เปน็ เครอื่ งบินไอพ่นทหาร(JP-4) ใช้ในกิจกรรมของทหาร เชน่ เครอื่ งบิน น�ำ้ มนั หลอ่ ลน่ื เครอื่ งยนตห์ รอื เครอื่ งจกั ร แนฟทนี (ดู naphthenes) ขับไล่ซึ่งต้องการช่วงอุณหภูมิจุดเดือดกว้าง เป็นน้ำ�มันท่ีอยู่กึ่งๆ ไดจ้ ากการกลน่ั น�้ำ มนั ดบิ โครงสรา้ งโมเลกลุ เปน็ วงแหวนอมิ่ ตวั ดชั นี หรือผสมกันระหว่างน้ำ�มนั เบนซนิ กับน้ำ�มนั กา๊ ด ความหนืดต�ำ่ เป็นไขได้ยาก คณุ ภาพปานกลาง มรี าคารองลงมา barrel (bbl) บาร์เรล (บบี ีแอล) จากน้ำ�มันพาราฟิน ผลิตเป็นนำ้�มันสำ�หรับแปรรูปโลหะ (metal หนว่ ยวดั ปรมิ าตรน�ำ้ มนั ดบิ และผลติ ภณั ฑน์ �ำ้ มนั 1 บารเ์ รล เทยี บเทา่ working fluids) และแอโรแมติกส์ (ดู aromatics) ผลิตภัณฑ์ขา้ ง กบั 158.978 ลติ ร หรอื 42 ยเู อสแกลลอน หรอื 35 อมิ พเี รยี ล เคียงจากกระบวนการผลิตน้ำ�มันพาราฟิน โครงสร้างโมเลกุลเป็น แกลลอน วงแหวนไม่อิ่มตัวของเบนซีน มีคุณภาพดีปานกลาง ราคาต�่ำ กว่า แนฟทนี ผลิตเป็นกาวหรอื สารเสรมิ สภาพพลาสตกิ (plasticizer) barrels of crude oil equivalent ปรมิ าณบารเ์ รลน้ำ�มันดบิ Benfield process กระบวนการเบนฟีลด์ เทยี บเทา่ กระบวนการแยกก๊าซที่มีสมบัติเป็นกรดได้แก่ ก๊าซคาร์บอน- ปริมาณเชือ้ เพลงิ ชนิดต่างๆ เชน่ กา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) ไดออกไซด์ (ดู carbon dioxide) และไฮโดรเจนซัลไฟด์ 1 หนว่ ยปรมิ าตร หรือถา่ นหิน 1 หนว่ ยน้ำ�หนักทใ่ี ห้พลงั งานความ (ดู hydrogen sulfide) ในก๊าซธรรมชาตอิ อก (ดู natural gas) ร้อนจากการเผาไหม้เทียบเท่ากับนำ้�มันดิบ 1 บาร์เรล ตัวอย่าง โดยใช้สารละลายเบสร้อน คือสารละลายโพแทสเซียมคาร์บอเนต เชน่ ก๊าซธรรมชาติ 1 ลา้ นลูกบาศกฟ์ ุต เทยี บเทา่ น้ำ�มนั ดบิ 174.4 (K2CO3) ท�ำ ปฏกิ ิรยิ าตามสมการเคมีดังน้ี บาร์เรล หรือ ก๊าซธรรมชาตเิ หลว 1 บาร์เรล เทียบเทา่ นำ้�มันดิบ 0.9096 บารเ์ รล หรือ ถา่ นหินลกิ ไนต์ 1 เมตรกิ ตนั เทยี บเท่า KK22CCOO33 + HC2OS2 + <H--2-O----<------->------K-H->S +2KKHHCCOO33 น้ำ�มันดิบ 2.053 บาร์เรล + barrels per day (BBL/D, BPD) บารเ์ รลตอ่ วนั (บบี แี อล/ด,ี บพี ดี )ี นสา�ำ รกลละับลมาายใโชพใ้ หแมท่ไสดเ้ซ(ียreมgไeบnคeาrรa์บtiอoเnน)ตโด(KยตHม้ CไOล่ค3)าทร์บ่เี กอดิ นขไ้นึดอสอามกไาซรดถ์ อตั ราการผลติ น�ำ้ มนั ทผ่ี ลติ ไดต้ อ่ วนั ในโรงกลน่ั น�ำ้ มนั หมายถงึ ปรมิ าณ ทถ่ี กู ดดู ซบั ออก กระบวนการนไ้ี ดร้ บั การพฒั นาโดยบรษิ ทั ยนู เิ วอรซ์ ลั น�ำ้ มนั ทก่ี ลน่ั ออกมาไดใ้ นรอบปี หารดว้ ยจ�ำ นวนวนั ทป่ี ฏบิ ตั งิ านจรงิ ออยล์พรอดักส์ (ดู Universal Oil Products) สหรัฐอเมริกา (ไมน่ บั วนั ทห่ี ยดุ และซอ่ มแซมอปุ กรณ)์ เป็นกระบวนการท่ีเหมาะกับก๊าซธรรมชาติที่มีส่วนผสมของก๊าซ base oil, lubricant base oil น้ำ�มันหล่อล่ืนพน้ื ฐาน คารบ์ อนไดออกไซดส์ งู (ดู carbon dioxide) และไฮโดรเจนซลั ไฟดต์ �ำ่ น�้ำ มนั พนื้ ฐานทนี่ �ำ มาปรบั ปรงุ สมบตั ใิ หเ้ ปน็ น�้ำ มนั หลอ่ ลนื่ ชนดิ ตา่ ง ๆ (ดู hydrogen sulfide) กา๊ ซกรดมผี ลตอ่ การสกึ กรอ่ นของอปุ กรณท์ ่ี แบง่ เปน็ 2 ประเภทคอื น�ำ้ มนั พนื้ ฐานแร่ (ปโิ ตรเลยี ม) จากโรงกลน่ั เป็นโลหะ หรอื เมอื่ มกี ารเผาไหมจ้ ะกอ่ ให้เกดิ ก๊าซพิษท่ีเป็นอันตราย นำ้�มนั หลอ่ ลืน่ (mineral base oil) และน้ำ�มนั พ้ืนฐานสังเคราะห์ ต่อส่ิงมีชีวิตได้ นอกจากน้ีการมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผสมอยู่ (synthetic base oil) โรงกล่นั น้ำ�มนั หลอ่ ลน่ื นำ�น�้ำ มนั กน้ หอกลั่น ยงั ทำ�ให้ค่าความรอ้ นของก๊าซธรรมชาตติ �่ำ ลงด้วย จากโรงกลนั่ น�้ำ มนั มากลน่ั ภายใตส้ ญุ ญากาศไดน้ �้ำ มนั หลอ่ ลนื่ พน้ื ฐาน BenfifIeld Process Acid Gas Purififed Gas CW CONDENSER COOLER CW FGeaesd Steam Steam HEAT EXCHANGER BEBOILER REBOILER REGENERATOR SURGE TANK ผงั กระบวนการเบนฟลี ด์ สารานุกรม 71 เปิดโลกปิโตรเลียมและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำนา ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต benzene เบนซนี benzene-toluene-xylenes (BTX) เบนซีน-ทอลิวอีน-ไซลีน สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) พน้ื ฐานในกลมุ่ (บีทเี อกซ)์ แอโรแมตกิ ส์ (ดู aromatics) สตู รโมเลกลุ C6H6 กลุ่มสารผสมของสารประกอบแอโรแมติกส์ ประกอบด้วยเบนซีน (ดู benzene) ทอลวิ อนี (ดู toluene) และไซลนี (ดู xylene) เบนซีน ได้จากการรีฟอร์มแนฟทีนด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (ดู catalytic reforming) และการแตกตวั โดยใช้ไอน้ำา (ดู steam cracking) เป็นสารแอโรแมติกส์สารแรกท่ีพบในไขปลาวาÌ (whale oil) ใช้ผสมนำ้ามันเบนซิน (ดู gasoline) เพ่ือปรับปรุงเลขออกเทน พบในนาำ้ มนั ดบิ จากการกลน่ั สลายถา่ นหนิ ดว้ ยความรอ้ น หรอื จาก (ดู octane number) หรอื นาำ มากลน่ั แยกเบนซนี ทอลวิ อนี และไซลนี กระบวนการเปลย่ี นในโรงกลน่ั นาำ้ มนั เพอ่ื เพม่ิ เลขออกเทน (ดู octane เพื่อเป็นสารตงั้ ตน้ ในอุตสาหกรรมปโิ ตรเคมี number) ของสว่ นกลน่ั เชน่ การรฟี อรม์ แนฟทนี ดว้ ยตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า blending การผสม (ดู catalytic reforming) การดงึ หมแู่ อลคลิ ออกจากทอลวิ อนี โดย ข้ันตอนสุดท้ายของกระบวนการในโรงกลั่นเพ่ือให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มี ใชไ้ ฮโดรเจน (toluene hydrodealkylation) ทอลวิ อนี ดสิ โพรพอร-์ สมบตั เิ ปน็ ไปตามขอ้ กาำ หนดทต่ี ลาดตอ้ งการและ/หรอื ขอ้ กาำ หนดของ ชนั เนชนั (toluene disproportionation) และการแตกตวั โดยใช้ ประเทศ ไดแ้ ก่ การผสมสารเติมแต่งบางชนิด เพื่อใหผ้ ลิตภัณฑ์ ไอนาำ้ (ดู steam cracking) เบนซนี ไมม่ สี ี ตดิ ไฟงา่ ย อณุ หภมู หิ ลอม มีคณุ ภาพสงู ขึน้ เช่น สารเมทิลเทอร์เชียรบี วิ ทิลอีเทอร์ (methyl สงู เปน็ สารเตมิ แตง่ เพอ่ื เพม่ิ เลขออกเทน (ดู octane number) ใน tertiary butyl ether, MTBE) เพ่ือเพิ่มเลขออกเทน (ดู octane นาำ้ มนั เบนซนิ (ดู gasoline) เปน็ ตัวทาำ ละลาย และเปน็ สารต้ังตน้ ที่ number) ให้กับนา้ำ มันเบนซนิ (ดู gasoline) ใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เช่น ผลติ พอลิสไตรนี (polystyrene) เป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogen) จึงมีกฎหมายควบคุมปริมาณ เบนซีนในน้ำามันเบนซิน (ในประเทศไทยเรียกแกโซลีนว่า นำ้ามัน เบนซิน ซ่ึงอาจทำาให้เกิดความสับสนกับชอื่ สารน้ไี ด้) ผังการผสมนำา้ มนั เพอ่ื ใหไ้ ดต้ ามขอ้ กำาหนด 72 สารานุกรม เปิดโลกปโิ ตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
blown bitumen, blown asphalt ยางมะตอยแขง็ , บทิ เู มนแขง็ butane บิวเทน การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ บิทูเมนที่ถูกออกซิไดส์โดยเป่าอากาศลงไปในบิทูเมนร้อนหรือยาง สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) อ่ิมตวั ที่มจี �ำ นวน มะตอยออ่ น โครางรก์บลอน่ั นน�ำ้ 4มนั หอะรอืตโอรมงอแยยู่ใกนกโา๊ มซเธลรกรุลมชสาูตติรไโมมม่เลสี กี ไุลมม่ Cกี 4ลHนิ่ 10มสี ไถดา้จนากะ boiling range ช่วงจดุ เดอื ด เปน็ ก๊าซท่ีอณุ หภมู ิปกตแิ ละความดันบรรยากาศ แตท่ ่อี ณุ หภูมปิ กติ ชว่ งอณุ หภมู ทิ ส่ี ารเรมิ่ เดอื ดจนกระทง่ั สารสว่ นทต่ี อ้ งการกลน่ั แยกออก สามารถอัดเป็นของเหลวได้ที่ความดันไม่สูงนัก ใช้ผสมกับก๊าซ มาแล้ว สมบัติของส่วนกล่ันปิโตรเลียมจากหอกลั่นหรือผลิตภัณฑ์ โพรเพนในสัดส่วนต่างๆกันเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำ�มัน เรยี กอกี ชือ่ หน่ึงวา่ ช่วงการกลั่น (ดู distillation range) เพ่ือเป็นเช้ือเพลิงสำ�หรับหุงต้มและเช้ือเพลิงทดแทนน้ำ�มันเบนซิน bromine number เลขโบรมีน ส�ำ หรบั ยานพาหนะ เป็นสารปอ้ นอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นตน้ จ�ำ นวนกรมั ของโบรมนี ทท่ี �ำ ปฏกิ ริ ยิ ากบั ผลติ ภณั ฑป์ โิ ตรเลยี มน�้ำ หนกั butane splitter หน่วยแยกบวิ เทนไอโซเมอร์ 100 กรมั ภายใตภ้ าวะมาตรฐาน ใช้บ่งบอกถงึ ระดับความไม่อิม่ ตัว หนว่ ยแยกนอรม์ ลั บิวเทน (normal butane) ออกจากไอโซบวิ เทน ของไฮโดรคาร์บอนท่ีอย่ใู นผลติ ภณั ฑ์ (iso-butane) ในโรงกลัน่ น�้ำ มนั bubble cap tray ถาดแบบมีฝาครอบ butene, butylene บวิ ทีน, บวิ ทีลีน อปุ กรณท์ ใี่ ชต้ ดิ ตงั้ ในหอกลนั่ ลำ�ดบั สว่ น (ดู fractionating column) สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons)ไม่อ่ิมตัวที่มี เพอื่ ใหม้ กี ารถา่ ยโอนมวลและความรอ้ น (mass and heat transfer) คารบ์ อน 4 อะตอมและพนั ธะคูข่ องคารบ์ อน 1 คู่อยูใ่ นโมเลกุล ระหว่างไอและของเหลวเป็นอย่างดีแบบหน่ึง เป็นถาดกลมที่ บสูรตรรยโามกเาลศกุลแบCง่ เ4ปH็น8 มีสถานะเป็นก๊าซที่อุณหภูมิและความดัน วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ ถาดแต่ละอันเจาะท่อขนาดเล็กจำ�นวน 4 ไอโซเมอร์ ไดแ้ ก่ บิวทนี -1 (1-butene) มากเพื่อให้ไอน้ำ�มันร้อนสามารถผ่านขึ้นมาได้ ที่ปลายท่อมีฝา ซิสบิวทีน-2 (cis-2-butene) ทรานสบ์ วิ ทนี -2 (trans-2-butene) หรือหมวก (cap) ปิดครอบอยู่ ขอบของฝาจมอยู่ใต้ระดับของ และไอโซบวิ ทนี (iso-butene) เป็นผลิตภณั ฑ์ข้างเคียงทีเ่ กิดข้นึ ใน ของเหลวท่ีควบแน่นท่วมอยู่บนถาด เมื่อไอน้ำ�มันร้อนผ่านท่อเล็ก กระบวนการแตกตัวดว้ ยตัวเร่งปฏกิ ริ ยิ า (ดู catalytic cracking) ข้ึนมาจะปะทะกับฝาแล้วไหลกลับลงมาเป็นฟองไอเล็กๆ ผุดผ่าน ของน้ำ�มันก๊าดหรือก๊าซออยล์ (ดู gas oil) ในโรงกล่ันนำ้�มัน ของเหลวโดยรอบจึงเกิดการสัมผัสกันอย่างดีระหว่างผิวฟองไอ และกระบวนการแตกตวั โดยใชไ้ อน�ำ้ (ดู steam cracking) ของ กับของเหลว เกิดการถ่ายโอนมวลและความร้อนระหว่างกันและ แนฟทาในโรงงานผลติ เอทลิ นี มกั แยกไอโซบวิ ทนี ออกมาเพอ่ื ใชเ้ ปน็ กัน ท่ีถาดแต่ละช้ัน ไฮโดรคาร์บอนหนักท่ีอยู่ในวัฏภาคไอละลาย สารตัง้ ต้นในการผลิตสารเอ็มทีบอี ี (MTBE) ทใ่ี ช้เป็นสารเติมแต่ง ลงในวัฏภาคของเหลวและควบแน่นสะสมอยู่บนถาด เมื่อระดับ ส�ำ หรบั เพมิ่ เลขออกเทน (ดู octane number) ในน�ำ้ มนั เบนซนิ และแยก ของเหลวสงู กว่าความสงู ของแผ่นกน้ั (weir) ก็จะไหลลน้ ลงมายงั บวิ ทนี -1 เพอ่ื ใชเ้ ปน็ โคมอนอเมอร์ (co-monomer) ส�ำ หรบั การผลติ ถาดชั้นล่างผ่านท่อลง (ดู downcomer) ส่วนไฮโดรคาร์บอน พอลเิ อทลิ นี (polyethylene) ส่วนท่ีเหลือจะถูกนำ�ไปเปล่ียนเป็น เบาที่อยู่ในวัฏภาคของเหลวเดือดและระเหยเข้าไปในวัฏภาคไอ บวิ ทาไดอนี (butadiene) หรอื สารแอลไคเลต (alkylate) และถูกพาขึ้นไปกับมวลไอน้ำ�มันท้ังหมดยังถาดช้ันบนผ่านท่อ เล็กๆ ขึ้นไป ในขณะเดียวกันวัฏภาคไอมีอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย calorie แคลอรี ส่วนวัฏภาคของเหลวก็มีอุณหภูมิสูงข้ึนเล็กน้อย ปรากฏการณ์น้ี หน่วยของปริมาณความร้อนที่ทำ�ให้นำ้�บริสุทธิ์นำ้�หนัก 1 กรัม เกิดขึ้นเป็นลำ�ดับไปในถาดแต่ละชั้น จนในที่สุดไอท่ีเบาท่ีสุดออก มอี ณุ หภมู สิ งู ขนึ้ 1 องศาเซลเซยี ส โดยปรมิ าณความรอ้ น 1 แคลอรี จากยอดหอกลั่นไป และน้ำ�มันที่หนักท่ีสุดออกจากก้นหอกลั่นไป มีค่าเทยี บเทา่ กบั ปรมิ าณความรอ้ น 4.18400 จูล (joule) ในหนว่ ย ของเหลวควบแน่นที่ถูกดึงออกด้านข้างหอกล่ันมีอุณหภูมิลดหลั่น มาตรฐานเอสไอ (SI) กนั ตามล�ำ ดบั ขนึ้ อยกู่ บั ระดบั ความสงู หรอื ต�ำ แหนง่ ของถาดทดี่ งึ ออก ไดผ้ ลผลิตหรอื ผลิตภณั ฑท์ ม่ี ชี ่วงการกลั่น (ดู distillation range) ตามทก่ี ำ�หนด (ดู cascade tray, sieve tray และ tray ประกอบ) ถาดแบบมีฝาครอบ สารานกุ รม 73 เปดิ โลกปิโตรเลียมและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำนา ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต carbon black คารบ์ อนแบลก็ กดั กรอ่ นอปุ กรณโ์ ลหะทใ่ี ชใ้ นโรงแยกกา๊ ซธรรมชาติ จงึ ตอ้ งกาำ จดั ออก ผงคาร์บอนละเอียดสีดำา ค่อนข้างบริสุทธ์ิ ผลิตจากกระบวนการ กอ่ นเขา้ สกู่ ระบวนการแยก โดยใชก้ ระบวนการเบนฟลี ด์ (ดู Benfield เผาไหม้ไม่สมบูรณ์หรือกระบวนการสลายตัวทางความร้อนภายใต้ process) หรือกระบวนการแอลคาโนลามีน (ดู alkanolamine สภาวะควบคมุ ของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) process) ท่ีเป็นก๊าซหรือของเหลว ได้แก่ นำ้ามันท่ีมีองค์ประกอบสาร carbon monoxide คารบ์ อนมอนอกไซด์ แอโรแมตกิ สป์ รมิ าณสงู (heavy aromatic oil) ใชป้ ระโยชนเ์ ปน็ ก๊าซพิษท่ีเกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของสารท่ีมีคาร์บอนเป็น อนุภาคสีดำาหรือใช้เป็นสารเติมแต่งเพ่ือเพ่ิมความแข็งแรงให้กับ องค์ประกอบ สูตรโมเลกุล CO ไม่มสี ี ไมม่ กี ล่ิน ก่อใหเ้ กิดอาการ ผลติ ภณั ฑย์ างหรอื พลาสตกิ ระคายเคอื งบรเิ วณผวิ หนงั และดวงตา รวมตวั กบั ฮโี มโกลบนิ ในเลอื ด ได้ดกี วา่ ออกซเิ จนถึง 200-250 เทา่ เกิดเปน็ คาร์บ็อกซีเฮโมโกลบนิ (carboxyhemoglobin, COHb) ซึ่งลดความสามารถของเลอื ดใน การพาออกซิเจนจากปอดไปเล้ียงสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย ทาำ ใหเ้ กิด อาการขาดออกซิเจนในคนปกติ และอาจเสียชวี ิตได้ ผงคารบ์ อนแบลก็ carbon residue กากคาร์บอน คาร์บอนส่วนที่เหลือจากสารอินทรีย์ในการทดสอบโดยให้น้ำามันได้ carbon dioxide คาร์บอนไดออกไซด์ รับความร้อนในภาวะอับอากาศภายใต้ภาวะมาตรฐาน ใช้ทดสอบ ก๊าซท่ไี ด้จากการเผาไหม้สมบูรณ์ของสารประกอบท่มี ีคาร์บอนเป็น นำา้ มันดเี ซล (ดู diesel fuel) นาำ้ มันหล่อลนื่ และนำา้ มนั เชอื้ เพลงิ องค์ประกอบ (ดู hydrocarbon) ก๊าซกรดท่ีพบเจือปนอยู่ใน เป็นตัวบ่งชี้ถึงแนวโน้มของปริมาณคาร์บอนคงเหลือหลังการ กกา๊ับซคธวรารมมชช้ืนาตเกิ ิดสกตู รรดโมคเาลรก์บลุ อนCิกO2(Hไม2Cม่ Oสี ี3)ไมเม่ ปกี ็นลกน่ิ รดเมออ่ื่อทนาำแปตฏ่มกิ ีฤริ ทยิ ธา์ิ เผาไหม้ การอดุ ตันในหัวฉีดหรือการเกาะสะสมทล่ี กู สบู ทาำ ใหก้ าำ ลัง เครอ่ื งยนตล์ ดลง นา้ำ มนั เครื่องสกปรก (ดู carbon residue, หมวด พลงั งานทดแทน ประกอบ) cascade refrigeration วัฏจักรทาํ ความเย็นแบบลดหล่นั ระบบทำาความเย็นท่ใี ช้ในอุตสาหกรรม โดยประกอบไปด้วยวัฏจักร ทำาความเย็นมากกว่า 2 วัฏจักรข้ึนไปเช่ือมต่อกันแบบอนุกรม การเพม่ิ จาำ นวนวฏั จกั รทาำ ใหไ้ ดอ้ ณุ หภมู ติ าำ่ กวา่ การใชว้ ฏั จกั รแบบเดย่ี ว Hot side Hot side Condenser Condenser Throttle valve Compressor Throttle valve Compressor CEvoanpdoernastoerr/ CEvoanpdoernastoerr/ Throttle valve Compressor Throttle valve Compressor CEvoanpdoernastoerr/ Evaporator Throttle valve Compressor Cold side Evaporator ผงั วัฎจักรทาำ ความเยน็ แบบลดหล่ัน Cold side 74 สารานุกรม เปิดโลกปิโตรเลยี มและพลังงานทดแทน
cascade tray ถาดแบบขนั้ บันได catalyst ตวั เร่งปฏกิ ิรยิ า การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ อุปกรณ์ที่ใช้ติดต้ังในหอกลั่นลำ�ดับส่วน (ดู fractionating สารช่วยเร่งปฏิกิริยาเคมี (ดู catalysis) โดยไม่ถูกใช้หรือมีการ column) เพอื่ ใหม้ กี ารถา่ ยโอนมวลและความรอ้ น (mass and heat เปลี่ยนแปลงอย่างถาวร ทำ�ให้ปฏิกิริยาเกิดเร็วขึ้นหรือทำ�ให้อัตรา transfer) ระหว่างไอและของเหลวเป็นอยา่ งดแี บบหนงึ่ เป็นถาดที่ การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเพม่ิ ขนึ้ โดยอาจมสี ว่ นรว่ มในการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าดว้ ย มีลกั ษณะการจดั เรียงแบบขั้นบันได (ดู bubble cap tray, sieve หรอื ไมก่ ไ็ ด้ แตเ่ มอื่ สน้ิ สดุ ปฏกิ ริ ยิ า ตอ้ งมปี รมิ าณเทา่ เดมิ และสมบตั ิ tray และ tray ประกอบ) เหมอื นกบั ตอนเรมิ่ ตน้ ชว่ ยลดระดบั พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ (activation energy) ของปฏิกิริยา ทำ�ให้จำ�นวนโมเลกุลที่มีพลังงานสูงกว่า หรอื เท่ากับพลงั งานกอ่ กัมมันตม์ ากขน้ึ ปฏิกริ ิยาจงึ เกิดเร็วข้ึนแต่ไม่ ท�ำ ใหพ้ ลังงานของปฏกิ ิริยา (heat of reaction) เปลย่ี นแปลงไป และไมท่ �ำ ใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าอน่ื ทไ่ี มต่ อ้ งการ ตวั อยา่ งของตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า คอื นเิ กลิ โมลบิ ดนี มั (NiMo) และโคบอลทโ์ มลบิ ดีนมั (CoMo) catalysis การเร่งปฏกิ ิรยิ าเคมี การเร่งให้ปฏิกิริยาเคมีเร็วข้ึนโดยการเติมสารกระตุ้นหรือตัวเร่ง ปฎกิ ริ ยิ า (ดู catalyst) ลงไป ไมท่ �ำ ใหผ้ ลผลติ ของปฏกิ ริ ยิ าเปลย่ี นแปลง และไมล่ ดพลงั งานทป่ี ฏกิ ริ ยิ าตอ้ งการ กราฟเปรยี บเทียบพลงั งานทีใ่ ช้ในกระบวนการท่ีมแี ละไม่มตี วั เร่งปฏิกิริยา ตวั อย่างหนว่ ยผลิตที่ใชต้ วั เร่งปฏกิ ิรยิ า สารานุกรม 75 เปดิ โลกปโิ ตรเลียมและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต catalyst deactivation การเส่ือมสภาพของตัวเร่งปฏกิ ริ ยิ า ขั้วไฟฟ้าเป็นแคโทด (cathode) และนำ�โลหะอีกชนดิ หนง่ึ ทมี่ ีศักย์ การเส่ือมสภาพของตัวเร่งปฏิกิริยา (ดู catalyst) ซึ่งเกิดได้จาก ขวั้ ไฟฟา้ (electrode potential, E0) ต�ำ่ กว่าโลหะทต่ี อ้ งการป้องกัน หลายสาเหตุ เชน่ มถี า่ นโคก้ (ดู coke) อุดตันอยบู่ นพน้ื ผิวของ การกัดกร่อนมาต่อเข้าด้วยกัน โลหะท่ีมีศักย์ข้ัวไฟฟ้าตำ่�กว่าจะมี ตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า มสี ารทเี่ ปน็ พษิ (poison) เชน่ สารประกอบก�ำ มะถนั ขวั้ ไฟฟ้าเปน็ แอโนด (anode) และถกู กดั กรอ่ นแทนโลหะทตี่ อ้ งการ (ดู sulfur compound) ออกซิเจน ไนโตรเจน และโลหะ ในน�้ำ มัน ปอ้ งกนั ทำ�ปฏิกิริยากับตัวเร่งปฏิกิริยา ทำ�ให้พื้นผิวที่ใช้ในการเร่งปฏิกิริยา centipoise เซนติพอยส์ ลดลง การฟ้ืนฟูสภาพทำ�ได้โดยการกำ�จัดถ่านโค้กออกจากตัวเร่ง หน่วยท่ีใช้แสดงค่าความหนืด (ดู viscosity) ของของไหล ปฏิกิริยาโดยการเผาไลค่ าร์บอนในถ่านโค้ก (ดู decoking) และใช้ เช่น น้ำ�มัน ตามระบบหน่วยสากล มีสัญลักษณ์ คือ cP การบ�ำ บดั ดว้ ยไฮโดรเจน (ดู hydrotreating) เพื่อก�ำ จดั สารท่เี ปน็ โดย 1 เซนติพอยส์ = 0.01 กรมั ต่อ เซนติเมตร ตอ่ วนิ าที พิษออกจากน้ำ�มนั catalyst stripping การลอกผวิ ตวั เร่งปฏิกิริยา centistoke เซนติสโตก การขจดั ฟลิ ม์ หรอื อนภุ าคของแขง็ เชน่ ถา่ นโคก้ (ดู coke) ทอ่ี ดุ ตนั หน่วยที่ใช้แสดงค่าความหนืดจลนศาสตร์ (kinematic viscos- อยู่บนพื้นผิวของตัวเร่งปฏิกิริยา (ดู catalyst) ออกไป โดยใช้ ity) คือ อัตราส่วนระหว่างค่าความหนืดในหน่วยเซนติพอยส์ ไอนำ้�ก่อนที่จะนำ�ตัวเร่งปฏิกิริยาน้ันกลับไปใช้ใหม่ในกระบวนการ (centipoise) ตอ่ คา่ ความหนาแนน่ ของของไหลในหนว่ ยกโิ ลกรมั ตอ่ มคี วามหมายเชน่ เดียวกับ “catalyst regeneration” ลกู บาศกเ์ มตร ในสภาวะการทดสอบทอ่ี ณุ หภมู เิ ดยี วกนั มสี ญั ลกั ษณ์ catalytic cracking การแตกตัวดว้ ยตวั เรง่ ปฏิกริ ยิ า คอื cSt โดย 1 เซนตสิ โตก = 1 ตารางมิลลเิ มตรต่อวินาท ี = 10-6 การเปล่ยี นนำ�้ มันส่วนหนัก (heavy oil) ท่มี ีปริมาณคาร์บอนสูง ตารางเมตรตอ่ วนิ าที ในโครงสร้างให้กลายเป็นนำ้�มันเบาท่ีมีปริมาณ คุณภาพและ cetane index (CI) ดัชนีซเี ทน (ซีไอ) มูลค่าทางการตลาดเพ่ิมข้ึน เช่น การเพิ่มผลผลิตนำ้�มันเบนซิน ตัวเลขท่ีบอกคุณภาพของน้ำ�มันดีเซล (ดู diesel fuel) โดย (ดู gasoline) โดยการนำ�น�ำ้ มันก๊าซออยล์มาผ่านการแตกตวั ดว้ ย เปรียบเทียบประสิทธิภาพการเผาไหม้กับของผสมระหว่างซีเทน ตัวเร่งปฏิกริ ิยา (ดู catalyst) เช่น ซโี อไลต์ (zeolite) ผงตวั เรง่ แหซเีนรทือฟนเทฮขากอลซงีนซะเีด(ทaีแนlคpเนhทaา่ -ก(mบัhee1txh0ay0dlneแacลpaะhnแtehอ,aลlฟeCnา1-e6Hเ,ม3Cท4)1ลิ 1Hแแน1ล0ฟ)ะทกแา�ำ อลหลนีนฟเดทาใ-า่หเกม้ดบั ัชทนิล0ี ปฏกิ ิรยิ าจะสัมผสั กับไอนำ้�มนั ร้อนในเตาปฏกิ รณ์ (reactor) ทำ�ให้ ตัวอย่างเช่น น�้ำ มันดเี ซลทมี่ ดี ัชนซี ีเทนเทา่ กับ 90 หมายความวา่ ไอน้ำ�มนั เกดิ การแตกตัว หรือแยกตัวเป็นน้�ำ มนั ส่วนท่ีเบา จากนัน้ น�ำ้ มนั ดเี ซลนนั้ มปี ระสทิ ธภิ าพการเผาไหมเ้ ทา่ กบั ของผสมของซเี ทน จงึ ควบแน่นในทีส่ ดุ อย่างไรก็ตาม โดยปกตติ วั เร่งปฏิกริ ยิ าที่ถูกใช้ รอ้ ยละ 90 และแอลฟา-เมทิลแนฟทาลีนรอ้ ยละ 10 งานจะมีถ่านโค้ก (ดู coke) อุดตันพื้นผิวท่ีทำ�หน้าท่ีเร่งปฏิกิริยา cetane number เลขซีเทน จึงต้องกำ�จัดออกไปโดยเผาด้วยอากาศ เพ่ือทำ�ให้ตัวเร่งปฏิกิริยา ตวั เลขแสดงสมบตั ใิ นการจดุ ระเบดิ ไดเ้ องของน�ำ้ มนั ดเี ซล (ดู diesel กลบั มาอยใู่ นสภาพเดมิ กอ่ นทจ่ี ะน�ำ กลบั มาใชใ้ หม่ เปน็ กระบวนการ fuel) และบง่ บอกถงึ ประสทิ ธภิ าพในการเผาไหมน้ �้ำ มนั ดเี ซล โดยวดั ส�ำ คัญในโรงกลน่ั น้ำ�มนั ท่ใี ชก้ นั อยา่ งแพร่หลาย (ดู fluid catalytic จากเวลาหนว่ งการจดุ ระเบดิ ของเชอ้ื เพลงิ ในการจดุ ระเบดิ ของสว่ น cracking ประกอบ) ผสมไอนำ้�มันและอากาศด้วยแรงอัด (compression ignition catalytic reforming, catforming การรีฟอร์มด้วยตัวเร่ง process) ในหอ้ งเผาไหม้ เลขซเี ทนสมั พนั ธก์ บั รอ้ ยละโดยนำ้�หนกั ปฏิกิริยา, แคทฟอร์มมิง ของนอรม์ ลั ซเี ทน (normal cetane) ในน�ำ้ มนั ผสมระหวา่ งนอรม์ ลั กระบวนการเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของสารประกอบไฮโดร- ซเี ทน (C16H34) และแอลฟา-เมทลิ แนฟทาลนี (C11H10) ตามสมการ คาร์บอน (ดู hydrocarbons) ในการกลั่นน้ำ�มันปิโตรเลียม (ดู petroleum) เชน่ แนฟทา (naphtha) โดยใช้ตัวเรง่ ปฏิกริ ิยา cetane no. = percent n-cetane + (0.15) (ดู catalyst) เช่น แพลทินัมบนตัวรองรับซิลิกา-อะลูมินา (percent heptamethylnonane) (platinum-silica-alumina) ใหเ้ ปน็ สารไฮโดรคารบ์ อนแอโรแมตกิ ส์ (ดู น้ำ�มนั ดเี ซลทมี่ เี ลขซีเทน 100 คอื น�ำ้ มนั ดเี ซลทมี่ สี มบัติการเผาไหม้ aromatics) และไฮโดรคาร์บอนพาราฟิน (ดู paraffins) แบบ เช่นเดียวกับซีเทนร้อยละ 100 โดยน้ำ�หนัก น้ำ�มันดีเซลที่มีเลข โซ่กิ่ง (branch chain) ปฏิกิริยาหลักที่สำ�คัญคือ การปิดวง ซเี ทน 0 คอื น�ำ้ มนั ดเี ซลทม่ี สี มบตั กิ ารเผาไหมเ้ ชน่ เดยี วกบั แอลฟา- (ดู cyclization) และ การเปลยี่ นไอโซเมอร์ (ดู isomerization) เมทลิ แนฟทาลนี รอ้ ยละ 100 โดยน�ำ้ หนกั ถา้ เลขซเี ทนสงู หมายถงึ ได้ผลผลิตร่วมเปน็ กา๊ ซไฮโดรเจนทมี่ คี วามบรสิ ุทธ์สูงมาก เวลาหน่วงการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ส้ัน ทำ�ให้จุดระเบิดเอง cathodic protection การปอ้ งกัน (การกดั กรอ่ น) แบบแคโทด ไดง้ ่าย เครอ่ื งยนต์ไมเ่ กิดการนอ็ ก การป้องกันหรือควบคุมการกัดกร่อนของท่อส่งนำ้�มันหรือถังเก็บ นำ้�มันตามหลักการของเซลล์ไฟฟ้าเคมี ด้วยการทำ�ให้โลหะมี 76 สารานุกรม เปิดโลกปิโตรเลียมและพลังงานทดแทน
chemical octane number เลขออกเทนทางเคมี chemisorption การดดู ซบั ทางเคมี การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ ตวั เลขทแ่ี สดงเปน็ รอ้ ยละโดยน�ำ้ หนกั ของไอโซออกเทน (isooctane) การดูดซบั (ดู adsorption) แบบผนั กลับไม่ได้ (irreversible) ท่ี ท่ีมีในนำ้�มันผสมระหว่างไอโซออกเทนและเฮปเทน (heptane) สารดดู ซบั เกิดพันธะเคมีรว่ มกับสารท่ีถูกดูดซับ ตวั อยา่ งเชน่ การ ใช้แสดงเลขออกเทน (ดู octane number) ของนำ้�มันเบนซิน ดูดซับแบบผันกลับไม่ได้ของก๊าซไนโตรเจน (สารที่ถูกดูดซับ) บน (ดู gasoline) โดยเทยี บกบั สารประกอบทง้ั สอง ตัวเรง่ ปฏิกิรยิ า (ดู catalyst) ท่ีเปน็ เหลก็ (สารดูดซบั ) chemical process, conversion process กระบวนการเคมี chromatographic adsorption การดูดซับแบบโครมาโทกราฟ หรอื กระบวนการเปลย่ี น การดูดซับ (ดู adsorption) ของก๊าซผสมหรือของเหลวผสมบน กระบวนการเคมีเพ่ือเปล่ียนสมบัติของส่วนกล่ันท่ีได้จากการกล่ัน สารดูดซับท่ีเป็นของแข็ง เช่น คาร์บอนกัมมันต์ (ดู activated น�ำ้ มนั ดบิ (ดู crude oil) ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ ก�ำ หนดของผลติ ภณั ฑแ์ ละ carbon) อะลูมินากัมมนั ต์ (ดู activated alumina) หรอื ซลิ กิ า ความตอ้ งการของตลาด รวมถงึ การปรบั ปรงุ คณุ ภาพของน�ำ้ มนั และ เจล (silica gel) โดยใช้ก๊าซตวั พา (carrier gas) พาก๊าซผสม เพม่ิ ผลผลติ ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี คี วามตอ้ งการมาก ไดแ้ ก่ การทำ�ใหโ้ มเลกลุ หรือไอของเหลวผสมไหลผ่านเข้าไปในคอลัมน์ที่บรรจุสารดูดซับไว้ ของน้ำ�มันแตกตัวโดยการแตกตัวด้วยความร้อน (ดู thermal สารดดู ซบั ท�ำ หนา้ ทด่ี ว้ ยความชอบ (affinity) แตกตา่ งกนั ทำ�ใหอ้ งค์ cracking) หรอื การแตกตวั ดว้ ยตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า (ดู catalytic cracking) ประกอบทผ่ี สมกนั อยถู่ กู แยกหา่ งออกจากกนั และออกจากคอลมั นใ์ นชว่ ง การเปล่ยี นแปลงโมเลกุลของนำ้�มันเบาให้ได้โมเลกุลท่หี นักกว่าโดย เวลาตา่ ง ๆ กนั ผา่ นตอ่ ไปยงั เครอ่ื งตรวจ (detector) ซง่ึ จะแสดง การรวมตวั (ดู poly-merization) นอกจากน้ี ยงั มกี ระบวนการ ผลออกมาเปน็ กราฟ ดว้ ยหลกั การเดยี วกนั สามารถใชแ้ ยกของเหลว อ่ืนท่ีเปล่ียนแปลงโครงสร้างโมเลกุล ได้แก่ การเติมหมู่แอลคิล ผสมโดยใชส้ ารดดู ซบั ทเ่ี คลอื บอยบู่ นกระดาษหรอื แผน่ แกว้ ได้ (ดู alkylation) การเปลย่ี นไอโซเมอร์ (ดู isomerization) การรฟี อรม์ clarified oil นำ้ �มนั แคลรไิ ฟด์ ดว้ ยตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า (ดู catalytic reforming) เปน็ ตน้ นำ�้ มนั หนกั (heavy oil) ที่ได้จากส่วนลา่ งสดุ ของหน่วยกล่นั ล�ำ ดับ chemical reaction ปฏกิ ริ ยิ าเคม ี ส่วน (ดู fractional distillation) ในกระบวนการแตกตัวด้วย การเปลย่ี นแปลงทางเคมขี องสารตง้ั ตน้ (ดู feedstock) ทเ่ี ขา้ ทำ� ตวั เรง่ ปฏิกิรยิ า (ดู catalytic cracking) ปฏิกิริยาแล้วได้สารใหม่เป็นผลผลิตซ่ึงมีสมบัติแตกต่างไปจากสาร Claus process กระบวนการเคลาส์ เดมิ บางครงั้ สามารถสงั เกตการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าไดด้ ว้ ยตาเปลา่ แตบ่ าง กระบวนการขจัดก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (ดู hydrogen sulfide) ครง้ั อาจมองไมเ่ หน็ ตอ้ งใชว้ ธิ วี เิ คราะหท์ างเคมจี งึ จะสามารถบอกได้ ออกจากก๊าซผสม เช่น ก๊าซที่ออกมาจากกระบวนการบำ�บัดด้วย วา่ มีปฏกิ ริ ยิ าเกิดขึน้ และไดส้ ารผลผลิตเป็นสารใหม่ ปรากฏการณ์ ไฮโดรเจน (ดู hydrotreating) ใหอ้ ย่ใู นรูปของผงกำ�มะถนั (sulfur) ท่ีแสดงให้เห็นว่าปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นน้ัน อาจสังเกตจากการเกิด โดยปฏกิ ริ ยิ าออกซเิ ดชนั บางสว่ น (partial oxidation) ดงั สมการเคมี ตะกอน การเกิดฟองก๊าซ การเปลี่ยนสี การดดู หรอื คายความรอ้ น 2H2S + O2 <-----------> S2 + 2H2O Medium Pressure Steam (MP Steam) Reheater 1 Reheater 2 Reheater 3 Waste Heat Boiler (wC/laCHuaystdarBloyelsydtz)in1g CBeladus2 CBeladus3 Burner Acid Gas Tail Gas Air Boiler Feed Water (BFW) Steam Steam Steam Steam Condenser 2 Condenser 1 Condenser 3 Condenser 4 BFW BFW BFW BFW Liquid Sulfur ผงั กระบวนการเคลาส์ สารานกุ รม 77 เปิดโลกปิโตรเลียมและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต cloud point จดุ ข่นุ coke number เลขการเกิดถา่ นโคก้ อุณหภูมิที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเหลว ใส เร่ิมขุ่นเน่ืองจากการ ตัวเลขท่ีใช้บง่ ชผี้ ลการเกิดถ่านโคก้ (ดู coke) จากการทดสอบหา ตกผลึกของไขพาราฟินเป็นผลึกเล็กๆ แขวนลอย เม่ือทดสอบ คารบ์ อนคงเหลอื ดว้ ยวิธีแรมสบ์ อตทอม (Ramsbottom carbon ภายใต้ภาวะมาตรฐาน ทำ�ให้เกิดการอุดตันที่ไส้กรองน้ำ�มันได้ residue test) เป็นสมบัติสำ�คัญในข้อกำ�หนดของน้ำ�มันเคร่ืองบินและน้ำ�มันดีเซล combustible liquid ของเหลวตดิ ไฟได้ ในประเทศทมี่ ภี มู อิ ากาศหนาวเยน็ (ดู cloud point, หมวดพลงั งาน ของเหลวที่ติดไฟหรือลุกไหม้ได้เม่ือถึงอุณหภูมิจุดวาบไฟ (ดู flash ทดแทน ประกอบ) point) ซ่ึงอยู่ที่ประมาณ 100 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 37.8 coke ถ่านโค้ก, โค้ก องศาเซลเซียส วสั ดคุ ารบ์ อนแขง็ ทไ่ี ดจ้ ากการกลน่ั น�ำ้ มนั ดบิ (ดู crude oil) หรอื การ compressed natural gas (CNG) ก๊าซธรรมชาตอิ ดั (ซเี อ็นจ)ี แตกตัว (ดู cracking) ของนำ้�มัน ถา่ นโค้กอาจหมายถึงคารบ์ อนท่ี กา๊ ซธรรมชาตทิ ม่ี ีก๊าซมเี ทน (ดู methane) เป็นองค์ประกอบหลกั สะสมบนพนื้ ผวิ ตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า (ดู catalyst) ซงึ่ ท�ำ ใหต้ วั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า อัดด้วยความดันสูงประมาณ 200 บาร์ หรือ 3,000 ปอนด์ต่อ ลดความว่องไวในการเรง่ ปฏิกิริยา (ดู catalysis) ตารางน้ิว บรรจุในถังทส่ี ามารถทนความดันสงู ได้ ใชเ้ ป็นเช้ือเพลิง coker หนว่ ยผลติ ถา่ นโค้ก ทดแทนส�ำ หรับน�้ำ มันเบนซิน (ดู gasoline) และมีความปลอดภัย หน่วยปฏิบัติการการแตกตัวของกากนำ้�มันหนัก (residual oil) มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับนำ้�มันเบนซิน เนื่องจากก๊าซมีเทน ท่ีได้จากการกล่ันภายใต้สภาวะสุญญากาศภายในหอกล่ัน ได้เป็น เบากว่าอากาศ เม่ือรั่วไหลจะลอยขึ้นสู่อากาศส่วนบนทันที ใน สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ทม่ี ขี นาดเลก็ ลง ประเทศไทย มกั เรยี กกา๊ ซซเี อน็ จวี า่ กา๊ ซเอน็ จวี ี (ดู natural gas for เชน่ แนฟทา (naphtha) และกา๊ ซออยล์ (ดู gas oil) เพม่ิ เตมิ vehicles) หมายถงึ กา๊ ซธรรมชาตทิ ใี่ ชเ้ ปน็ เชอ้ื เพลงิ ส�ำ หรบั ยานยนต์ และถา่ นโคก้ (ดู coke) หนว่ ยผลติ ถา่ นโคก้ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คือ หน่วยผลิตถ่านโค้กแบบหน่วงเวลา (ดู delayed coker) หนว่ ยผลติ ถา่ นโคก้ แบบของไหล (fluid coker) และ หนว่ ยผลติ เฟลกซโิ คก้ เกอร์ (flexicoker) ถา่ นโคก้ ทไ่ี ดม้ หี ลายชนดิ ขน้ึ อยกู่ บั ชนดิ ของกระบวนการ สภาวะทใ่ี ชใ้ นการผลติ และสารปอ้ น ตัวอยา่ งรถทีใ่ ช้ CNG เปน็ เช้ือเพลิง 78 สารานุกรม เปดิ โลกปิโตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
compressibility factor แฟคเตอรส์ ภาพอัดได้ การกล่นั น้ำามนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ แฟคเตอร์แสดงความสามารถในการอัดตัวของก๊าซ แสดงโดยใช้ สญั ลักษณ์ Z ซ่งึ คาำ นวณไดจ้ ากสมการดงั นี้ สมการไรม้ ติ ิ Z = PV RT P = ความดัน V = ปริมาตร R = คา่ คงที่ของก๊าซ T = อุณหภูมิสัมบูรณ์ เมือ่ กา๊ ซเปน็ ก๊าซอดุ มคติ Z มคี า่ เทา่ กบั 1 และเมือ่ เปน็ กา๊ ซจรงิ Z มคี า่ น้อยกว่า 1 กา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) เปน็ กา๊ ซจรงิ ใน การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความดนั -ปรมิ าตร-อณุ หภมู ิ ตอ้ งใชค้ า่ Z คำานวณ หรืออาจใช้สมการแสดงความสมั พันธ์อนื่ ๆ compressor station สถานเี พิม่ ความดนั สถานีที่มีป๊ัมและอุปกรณ์เพิ่มความดันภายในท่อส่งก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) และรักษาความดันให้คงท่ีตลอดระยะทางการ ขนส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกท่ีหนึ่ง มีอุปกรณ์ท่ีใช้แยกของเหลว หรือคอนเดนเสท (ดู condensate) ออกจากก๊าซธรรมชาติ เพ่ือปอ้ งกนั การควบแนน่ และการอุดตันในทอ่ สถานีเพ่ิมความดนั ภายในท่อส่งกา๊ ซธรรมชาติ สารานุกรม 79 เปดิ โลกปิโตรเลยี มและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต Conradson carbon test การทดสอบปรมิ าณคาร์บอน คอนราดสัน การหาปรมิ าณกากคารบ์ อนทเ่ี หลอื หลงั จากการระเหย (evaporation) และการสลายตัว (ดู pyrolysis) ของนำ้�มันเชอื้ เพลงิ ภายใต้สภาวะ และเคร่ืองมือทดสอบมาตรฐาน เป็นตัวบ่งช้ีถึงแนวโน้มการเกิด ถา่ นโคก้ (ดู coke) และปรมิ าณถา่ นโคก้ ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ เมอื่ น�ำ เชอ้ื เพลงิ มาใชง้ าน ตวั อยา่ งเชน่ แนวโนม้ ทห่ี วั ฉดี น�ำ้ มนั ดเี ซล (ดู diesel fuel) จะถูกอดุ ตนั ด้วยถ่านโคก้ เม่อื ใช้งานไประยะหนงึ่ condensate คอนเดนเสท อปุ กรณ์ทดสอบปริมาณคาร์บอนคอนราดสัน สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ทล่ี ะลายในกา๊ ซ ธรรมชาติ (ดู natural gas) ในแหลง่ กกั เกบ็ มอี ะตอมคารบ์ อน continuous catalyst regeneration process (CCR) ในโมเลกุลต้ังแต่ 5-8 อะตอม จัดเป็นไฮโดรคาร์บอนชนิดเบา กระบวนการนำ�ตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ ากลบั มาใชใ้ หมแ่ บบตอ่ เนอ่ื ง (ซซี อี าร)์ เม่ือผลิตก๊าซธรรมชาติข้ึนมาสู่ผิวดินจะควบแน่น มีสถานะเป็น กระบวนการนำ�ตัวเร่งปฏิกิริยา (ดู catalyst) กลับมาใช้ใหม่ ของเหลวทอ่ี ณุ หภมู แิ ละความดนั บรรยากาศ สามารถน�ำ คอนเดนเสท แบบต่อเนื่องท่ีใช้ร่วมกับกระบวนการรีฟอร์ม (ดู reforming ไปกลนั่ ผสมกบั ผลผลติ ทไ่ี ดจ้ ากกระบวนการกลน่ั น้ำ�มนั ไดผ้ ลติ ภณั ฑ์ process) สารประกอบไฮโดรคาร์บอนต้ังต้นหลากหลาย ใช้กัน น้ำ�มันเบนซิน (ดู gasoline) หรือนำ�ไปเข้ากระบวนการรีฟอร์ม มากในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม (ดู petroleum) ในการเปลี่ยน (ดู reforming process) เพอ่ื เปลย่ี นเปน็ แอโรแมตกิ ส์ (ดู aromatics) โครงสร้างไฮโดรคาร์บอน เช่น แนฟทา (naphtha) ให้มีเลข ตอ่ ไป (ดู condensate, หมวดการสำ�รวจและผลติ ประกอบ) ออกเทน (ดู octane number) สงู ขน้ึ และอตุ สาหกรรมปโิ ตรเคมี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแอโรแมตกิ ส์ (ดู aromatics) เป็นการชว่ ย ยดื อายกุ ารใชง้ านตวั เรง่ ปฎกิ ริ ยิ า ท�ำ ใหเ้ กดิ ความคมุ้ คา่ ทางเศรษฐกจิ SRteaacckteodr NfraopmhthTareafetiendg Net H2 Rich Gas Fuel Gas RegCenCeRrator ComExbcinheadngFeer ed RSeeccotvioenry Light Ends Stabilizer ReCgaetnaelyrastted Fired Heaters CSaptaelnytst Aromatics ผงั กระบวนการรฟี อรม์ มง่ิ ที่มีการนำ�ตัวเร่งปฏกิ ริ ิยากลบั มาใช้ใหม่แบบต่อเน่อื ง 80 สารานุกรม เปิดโลกปโิ ตรเลยี มและพลังงานทดแทน
cooling tower หอระบายความรอ้ นของน้ํา cracked gasoline แกโซลีนท่ไี ดจ้ ากกระบวนการแตกตัว การกล่นั น้ำามนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ อปุ กรณท์ ใ่ี ชร้ ะบายความรอ้ นออกจากนาำ้ หลอ่ เยน็ ทใ่ี ชใ้ นการระบาย ผลติ ภณั ฑ์นำ้ามันแกโซลีนหรอื นำา้ มนั เบนซนิ (ดู gasoline) ท่ไี ด้จาก ความร้อนออกจากเคร่ืองจักรต่างๆ โดยการฉีดให้เป็นฝอยลงมา กระบวนการแตกตัว (ดู cracking) ของนาำ้ มนั ดบิ (ดู crude oil) จากด้านบนมพี ัดลมเป่าชว่ ยการกระจายให้เป็นหยดนาำ้ เลก็ ๆ มพี ื้น หรือกากก้นหอกล่นั (ดู residue) โดยใชค้ วามร้อนเพียงอย่างเดยี ว ผิวสัมผัสสูงมาก ขณะท่ีหยดน้ำาเคล่ือนท่ีลงมาอุณหภูมิจะลดลง หรอื อาจจะใช้ตวั เร่งปฏิกิริยา (ดู catalyst) รว่ มก็ได้ และไหลลงส่ดู า้ นล่าง ปัจจยั ทีส่ าำ คญั ไดแ้ ก่ ความแตกตา่ งอณุ หภูมิ cracking การแตกตวั ของนำา้ และอากาศ ความเร็วของอากาศที่ไหลผา่ น ขนาดพนื้ ท่ีของ การท่ีทำาให้สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons แผงขยายฟลิ ม์ นำา้ และระยะเวลาในการสัมผัสกบั อากาศ เปน็ ต้น ชนิดหนัก ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่แตกตัวเป็นสารประกอบ (ดู cooling tower, หมวด สิ่งแวดล้อม ประกอบ) ไฮโดรคารบ์ อนชนดิ เบาทีม่ ขี นาดโมเลกุลเล็กลง ไดแ้ ก่ การเปลย่ี น น้ำามันหนักให้เป็นนำ้ามันเบาที่มีมูลค่าการตลาดสูงข้ึน สามารถ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ การแตกตัวด้วยความร้อน (ดู thermal cracking) การแตกตวั ดว้ ยตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า (ดู catalytic cracking) และการแตกตัวดว้ ยไฮโดรเจน (ดู hydrocracking) หอระบายความรอ้ นของนาำ้ FAN MOTOR FAN GUARD FAN TURN BUCKLE SPRINKLER DRIFT CASING FRP CASING PVC FILLING STAND PIPE AIR INTAKE MESH FRP BASIN AUTOMATIC FILLER OUTLET INLET SUCTION TANK ภายในหอระบายความรอ้ นของนำ้า การแตกตัวของโมเลกุล copper sweetening การขจัดสารกํามะถนั โดยใช้ทองแดง, crude desalting การขจดั เกลอื ออกจากนํ้ามันดิบ คอปเปอรส์ วที เทนนิง การขจดั นาำ้ เกลอื ทเ่ี จอื ปนอยใู่ นนาำ้ มนั ดบิ (ดู crude oil) จากหลมุ การกำาจัดสารเมอร์แคปทัน (ดู mercaptan) ในปิโตรเลียม ผลิต เพ่ือลดปัญหาการอุดตัน (fouling) และการกัดกร่อน (ดู petroleum) ทมี่ ฤี ทธิ์กัดกรอ่ นออกจากนำ้ามัน โดยใช้ดินเหนียว (ดู corrosion) ของอปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการกลน่ั ส(cาlaรyเ)มผอสร์แมกคบัปสทาันรถคูกวิ พออรกิกคซลิไอดไสร์กดล์ (าcยuเpปri็นcสcาhรloปrรidะeก,อCบuไCดlซ22ัลHไ2ฟOด)์ (disulfide) ทก่ี ดั กรอ่ นนอ้ ย มกี ลน่ิ ฉนุ นอ้ ยลงและมคี วามขน้ มากขน้ึ ใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม corrosion การกัดกรอ่ น ผังกระบวนการขจัดเกลือออกจากนาำ้ มันดิบ การกดั กร่อนทีเ่ กดิ ขนึ้ จากสารปนเปอ้ื น เชน่ สารประกอบกำามะถัน (ดู sulfur compound) ในน้ำามัน กัดกร่อนช้ินส่วนท่ีเป็นโลหะ ด้วยปฎิกริ ยิ าออกซิเดชัน (oxidation reaction) โลหะเปล่ียนเปน็ สารประกอบออกไซดข์ องโลหะหรอื ทเี่ รยี กวา่ สนมิ ทาำ ใหโ้ ลหะเสอ่ื ม สภาพ ทาำ ใหเ้ ครอื่ งยนตส์ กึ หรอ กระบวนการกาำ จดั สง่ิ ปนเปอื้ นตา่ งๆ ที่ปนมากับนำ้ามนั ดบิ (ดู crude oil) จึงเปน็ ขั้นตอนท่ีสาำ คญั สารานกุ รม 81 เปดิ โลกปิโตรเลียมและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต crude oil นำ้ �มนั ดิบ cut ส่วนกลั่น, คัต เชือ้ เพลิงฟอสซิล (fossil fuel) ชนิดหนงึ่ ปิโตรเลียมชนิดหนึ่งเชน่ ผลผลิตท่ดี ึงออกทางด้านข้างของหอกล่นั ลำ�ดับส่วน (ดู fractionating เดียวกับก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) เช้ือเพลิงใต้พิภพที่ได้ column) มีช่วงจุดเดือดอยู่ระหว่างอุณหภูมิ 2 ค่าที่กำ�หนด จากการทับถมของซากพืชและซากสัตว์ดึกดำ�บรรพ์ร่วมกับตะกอน เช่น ก๊าซออยล์ (ดู gas oil) เป็นส่วนกล่ันที่ได้ในช่วงอุณหภูมิ และทรายภายใต้อุณหภูมิและความกดดันใต้ทะเลหรือใต้พื้นพิภพ 200-300 องศาเซลเซยี สของหอกลน่ั เป็นเวลาหลายร้อยล้านปี นำ้�มันดิบเป็นของผสมที่มีองค์ประกอบ cut point จุดคัต ซับซ้อน องค์ประกอบส่วนใหญ่คือสารประกอบไฮโดรคาร์บอน อุณหภูมิเร่ิมต้นและสุดท้ายของคัต (ดู cut) หรือส่วนกล่ัน (ดู hydrocarbons) ประมาณร้อยละ 97 เป็นสารประกอบ แต่ละส่วน มีความหมายเหมือนกับชว่ งการกลั่น (ดู distillation ไฮโดรคาร์บอนอ่ิมตวั (ดู aliphatic hydrocarbon, saturated) มี range) ทงั้ ทเ่ี ปน็ โมเลกลุ เลก็ ทส่ี ดุ ไปจนถงึ โมเลกลุ ใหญผ่ สมกนั อยู่ แบง่ ไดเ้ ปน็ cyclic compound สารประกอบไซคลกิ 4 ประเภทตามปรมิ าณไขและแอสฟลั ต์ (ดู asphalt) ในนำ้�มันดิบ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ทม่ี โี ครงสรา้ งเปน็ คอื พาราฟนิ เบา พาราฟนิ (ดู paraffins) แนฟทนี (ดู napthenes) โซป่ ิด หรือเป็นวง ไดแ้ ก่ สารแอลไิ ซคลิก (alicyclic compound) และแอโรแมตกิ ส์ (ดู aromatics) นอกจากนย้ี งั มสี ารอินทรียท์ ม่ี ี หรอื สารแอโรแมติกส์ (ดู aromatics) ก�ำ มะถนั ออกซเิ จน และไนโตรเจน เปน็ องคป์ ระกอบอกี หลายชนดิ cyclic hydrocarbon ไฮโดรคารบ์ อนแบบวง น�ำ้ มนั ดบิ อาจมกี ๊าซธรรมชาตลิ ะลายอยู่ได้ และอาจมีสารประกอบ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ทม่ี โี ครงสรา้ งของ โลหะจำ�พวกวาเนเดยี ม นิกเกิล โครเมยี ม เจอื ปนอยบู่ า้ ง น้ำ�มันดบิ โมเลกลุ ตอ่ กนั เปน็ วง เกดิ จากอะตอมคารบ์ อนตงั้ แต่ 3 อะตอมขน้ึ ไป แต่ละแหลง่ มีลักษณะและสมบัติแตกตา่ งกันออกไป ขนึ้ กับสดั ส่วน สรา้ งพนั ธะโดยอะตอมคารบ์ อนท่อี ยปู่ ลายสายสองดา้ นสร้างพันธะ ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทตา่ งๆ ที่ผสมกันอยู่ ทงั้ สี เข้าด้วยกันเกิดเป็นวง ความหนืด และความหนาแน่น โดยอาจมีสีเหลือง เขยี ว น�้ำ ตาล cyclization การปิดวง จนถึงด�ำ เหมือนยางมะตอยหรือแอสฟัลต์ มคี วามหนดื แตกตา่ งกนั การเปล่ียนโครงสร้างโมเลกุลของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ตั้งแต่ระดบั ความหนดื เดียวกับน�ำ้ จนถึงระดับความหนืดคลา้ ยยาง (ดู hydrocarbons) แบบโซ่ตรงให้เป็นวงแหวน เพ่ือให้สมบัติ มะตอย มีความหนาแน่นอยู่ในช่วง 0.79-0.95 กรัมต่อลูกบาศก์ ทางเคมีเปลี่ยนแปลงไป เช่น การเปลี่ยนเฮกซาน (hexane) เซนติเมตร ให้เป็นวงแหวนเบนซีนเพ่ือให้ได้โครงสร้างโมเลกุลที่มีเลขออกเทน crude oil assay การวเิ คราะหน์ ำ้ �มนั ดบิ (ดู octane number) สูงข้ึนโดยใช้การรฟี อร์มดว้ ยตวั เรง่ ปฏิกิรยิ า การวิเคราะหอ์ งค์ประกอบของน้ำ�มนั ดิบ (ดู crude oil) โดยการ (ดู catalytic reforming) ทดสอบด้วยวิธีทดสอบมาตรฐานทางปิโตรเลียม (ดู petroleum) dearomatizing การขจดั สารแอโรแมติกส์ นำ้�มันดบิ แตล่ ะชนดิ จะมอี งค์ประกอบทางเคมแี ตกตา่ งกนั ส่งผลให้ การกำ�จัดสารประกอบประเภทไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ผลติ ภัณฑน์ ำ้�มันมีคุณภาพทแี่ ตกต่างกนั ไปด้วย ขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากการ ที่มีหมู่แอโรแมติกส์ (ดู aromatics) เป็นองค์ประกอบใน วิเคราะห์น�้ำ มันดิบจะใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลสำ�หรบั โรงกลนั่ นำ้�มนั กลุ่มผู้ซ้อื นำ้�มัน หรือการเปลี่ยนหมู่แอโรแมติกส์ให้เป็นหมู่อื่นๆ นำ้�มัน ขายน้ำ�มัน และผูผ้ ลิตนำ้�มนั ตอ่ ไป เบนซินมีสารแอโรแมติกส์เป็นส่วนประกอบมากทำ�ให้มีเลข cryogenic process, cryogenic refrigeration กระบวนการ ออกเทนสงู (ดู octane number) แต่การเผาไหม้น�ำ้ มันท่มี ีสาร ใชค้ วามเย็นยวดย่ิง, การทำ�ความเย็นยวดย่ิง แอโรแมตกิ ส์สูงจะมคี วนั มาก และหากการเผาไหมไ้ มส่ มบูรณ์ จะ กระบวนการทำ�ความเย็นให้ได้อุณหภูมิตำ่�ตั้งแต่ประมาณ -150 เกิดไอเสียที่มีสารแอโรแมติกส์ท่ีแตกตัวมากด้วย ซึ่งเป็นพิษต่อ องศาเซลเซยี สลงมา ใช้ในอตุ สาหกรรมก๊าซธรรมชาติ (ดู natural ระบบทางเดินหายใจและสมอง จัดเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง gas) เปน็ กระบวนการท�ำ ใหก้ า๊ ซธรรมชาตเิ ปน็ ของเหลว (liquefac- tion) โดยลดอณุ หภมู ขิ องระบบตามลำ�ดบั จนในทส่ี ดุ ต�ำ่ กวา่ จดุ เดอื ด ของกา๊ ซมีเทน (ดู methane) ที่อณุ หภูมิ -162 องศาเซลเซียส ก๊าซธรรมชาติเหลวมีประโยชน์ในการขนส่งก๊าซธรรมชาติไปยัง สถานที่ที่ไม่สามารถขนส่งได้ทางท่อโดยใช้เรือบรรทุกขนาดใหญ่ และใชก้ ักเกบ็ ในถังใตด้ ินเพ่อื สำ�รองใช้เมอ่ื ความต้องการเพ่ิม 82 สารานกุ รม เปิดโลกปิโตรเลียมและพลงั งานทดแทน
deasphalting, deasphalted oil กระบวนการแยกแอสฟัลต,์ decarbonizing การขจดั คารบ์ อน การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ น้ำ�มนั ที่ผ่านการแยกแอสฟัลตแ์ ล้ว การขจดั หรอื ลดการปลดปล่อยคารบ์ อนทอี่ ยใู่ นรปู ของกา๊ ซคาร์บอน กระบวนการแยกแอสฟัลต์ (ดู asphalt) หรือสารประกอบ ไดออกไซด์ (ดู carbon dioxide) ทแ่ี ยกจากกา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural ไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ทีม่ นี ้�ำ หนกั โมเลกุลสงู ออก gas) ชว่ ยลดภาวะโลกร้อน โดยดกั จับกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์และ จากน�้ำ มนั หนกั โดยใชก้ ระบวนการสกดั ดว้ ยตวั ท�ำ ละลาย (ดู solvent ส่งไปกักเก็บยังแหล่งกักเก็บทางธรณีวิทยาที่ได้รับการประเมินแล้ว extraction) คอื โพรเพนเหลว (ดู propane ประกอบ) สารประกอบ ว่ามีความปลอดภัย ไมเ่ กิดการรัว่ ไหลหรือเล็ดลอดในระดบั ทจ่ี ะกอ่ แอลเคน (ดู alkanes) ละลายในโพรเพนเหลว แต่แอสฟัลต์ไม่ ใหเ้ กดิ ความเสยี่ งตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มและสขุ ภาพชมุ ชน ซง่ึ แหลง่ กกั เกบ็ ละลาย ท�ำ ให้สามารถแยกออกจากน้�ำ มันดบิ ได้ (ดู crude oil) เหล่านี้รวมถึงช้ันหินพรุนใต้ดิน ใต้ทะเลลึกในแหล่งน้ำ�มันท่ีไม่ใช้ แลว้ หรอื ทใี่ กลจ้ ะหมดอายุ เพอ่ื กระตนุ้ อตั ราการผลติ นำ้�มนั จากบอ่ ผังกระบวนการแยกแอสฟลั ต์ debottlenecking การเพิม่ กำ�ลงั การผลติ การดดั แปลงหรอื ปรบั ปรงุ กระบวนการในการกลน่ั นำ�้ มนั เพอ่ื ท�ำ ให้ ก�ำ ลงั การผลติ เพม่ิ ขน้ึ โดยแกไ้ ขทห่ี นว่ ยปฏบิ ตั กิ ารทจ่ี �ำ กดั การไหลของ กระแสภายในโรงงาน debutanization การแยกบวิ เทน ผงั วธิ กี ารขจัดคาร์บอน การแยกบิวเทน (ดู butane) ออกจากสารผสมไฮโดรคาร์บอน ในโรงกล่ันนำ้�มันและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ บิวเทนเป็นก๊าซหลัก decoking การขจัดถา่ นโคก้ ที่มีอยู่ในก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ดู liquefied petroleum gas) การลดปริมาณการเกดิ ถ่านโค้ก (ดู coke) ในระหวา่ งการแตกตวั หรือก๊าซหงุ ต้ม นอกจากนบ้ี ิวเทนยงั เป็นสารตั้งตน้ (ดู feedstock) (ดู cracking) ของโมเลกุลด้วยไอนำ้� ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมอี กี ดว้ ย decolorizing การขจัดสี กระบวนการที่ใช้ส�ำ หรบั ขจดั สี หรือการฟอกสีออกจากผลติ ภณั ฑ์ที่ ไดจ้ ากการกลน่ั น�ำ้ มัน deethanization การแยกอเี ทน การกลั่นแยกอีเทน (ดู ethane) ออกจากส่วนผสมที่หนักกว่า เช่น โพรเพน (ดู propane) และไฮโดรคาร์บอนที่หนักกว่าใน โรงแยกกา๊ ซธรรมชาติ อเี ทนเปน็ สารตง้ั ตน้ (ดู feedstock) ทส่ี �ำ คญั ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีข้ันต้น ในการผลิตมอนอเอทิลีน (monoethylene) สารานกุ รม 83 เปดิ โลกปิโตรเลียมและพลงั งานทดแทน
การก ั่ลน ้ำนา ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต degassing การไลก่ า๊ ซ dehydrocyclization การดึงไฮโดรเจนออกและปิดวง การดึงก๊าซ สารระเหยหรืออากาศออกจากนำ้ามันดิบ (ดู crude การดงึ ไฮโดรเจนออกจากโครงสรา้ งของไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocar- oil) ดว้ ยวิธีตา่ งๆ เชน่ การใช้เคร่อื งดูดเพ่อื ทำาให้เปน็ สุญญากาศ bon) ทีโ่ มเลกุลเปน็ โซต่ รงและปิดวง (ดู cyclization) เพื่อเปลี่ยน เป็นสารแอโรแมติกส์ (ดู aromatics) pulsation bottle gas processing unit dehydrogenation การดงึ ไฮโดรเจนออก การดึงไฮโดรเจนออกจากโครงสร้างของไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว (ดู oil-n-gas mixture water aliphatic hydrocarbon, saturated) เพอ่ื เปลย่ี นเปน็ ไฮโดรคารบ์ อน ไมอ่ มิ่ ตวั (ดู aliphatic hydrocarbon, unsaturated) เชน่ การผลิต ผงั กระบวนการไลก่ ๊าซ เอทลิ นี (ดู ethylene) จากอเี ทน (ดู ethane) หรอื การผลติ โพรพลิ นี (ดู propylene) จากโพรเพน (ดู propane) เอทลิ นี และโพรพลิ นี เปน็ สารต้งั ตน้ (ดู feedstock) ทส่ี าำ คญั ในอตุ สาหกรรมปโิ ตรเคมขี ัน้ ต้น dehydrating agent สารดูดนา้ํ delayed coker หน่วยผลติ ถา่ นโค้กแบบหนว่ งเวลา สารท่ีมีความสามารถสูงในการจับกับโมเลกุลของน้ำา ได้แก่ กระบวนการผลิตถ่านโค้กชนิดหนึ่ง (ดู coke) ที่ใช้กันมาก เขอพะจนลัดทมูนเิา้ำานอวยีอิธมกีหฟไนซอ่ึงดส์เฟน(Pอต4กO(จA1าl0Pก)Oกใา4ช)รใ้ใแนหคก้คลรวเะซาบมยี วมรน้ออกอนากรไหซดดรูดือ์ค(กวCาาaรมOรช)ะนื้ เฟหอยเสปภฟ็นาอกยราใสัตร้ มหี ลกั การทาำ งานคือให้ความรอ้ นนา้ำ มนั หนกั (heavy residual oil) สภาวะสุญญากาศ ที่ได้จากด้านล่างของหอกล่ันหรือนำ้ามันเตาจนถึงอุณหภูมิที่นำ้ามัน dehydration การขจดั นาํ้ สามารถแตกตัวได้ และผ่านเข้าหอกล่นั แยกน้าำ มนั ได้นำา้ มนั ทีเ่ บา การขจัดน้ำาที่รวมตัวอยู่กับสารอ่ืนโดยใช้กระบวนการทางเคมีหรือ ขน้ึ เชน่ แนฟทา (naptha) และแกส๊ ออยล์ (ดู gas oil) นาำ ไป ทางกายภาพ เชน่ การขจัดน้าำ ออกจากก๊าซธรรมชาติ (ดู natural ผสมเปน็ น้าำ มันเบนซิน (ดู gasoline) และนา้ำ มันดีเซล (ดู diesel gas) เพื่อป้องกันการกัดกร่อนอุปกรณ์โลหะ โดยใช้การดูดซับ fuel) ตามลำาดับ นำ้ามนั หนกั (heavy oil) ในหอแยกจะถกู สง่ ไปยงั (ดู adsorption) ท่ีมีตัวกรองโมเลกุล (ดู molecular sieve) ถงั ถ่านโค้กขนาดใหญ่ (coke drum) เพ่อื ให้นาำ้ มนั หนักกลายเปน็ เปน็ สารดดู ซบั หรอื ใชก้ ารดดู ซมึ (ดู absorption) โดยมสี ารละลาย โค้กอย่างสมบูรณ์ เม่ือโค้กที่ผลิตได้สะสมในถังจนเต็มพอเหมาะ มอนอเอทลิ ีนไกลคอล (monoethylene glycol) เป็นสารดูดซึม กจ็ ะสลบั ไปใช้ถังอนื่ ที่ว่าง และนำาโคก้ ในถงั ท่ีเต็มแล้วออกเพอ่ื ผา่ น น้าำ มนั หนกั เข้ามาต่อไป ผังกระบวนการผลติ ถา่ นโคก้ แบบหนว่ งเวลา (delayed coker) 84 สารานกุ รม เปิดโลกปโิ ตรเลยี มและพลังงานทดแทน
demethanization การแยกมเี ทน desulfurization การขจัดกำ�มะถนั การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ การกลั่นแยกก๊าซมีเทน (ดู methane) ออกจากก๊าซธรรมชาติ กระบวนการทางเคมีที่ใช้กันแพร่หลายเพื่อขจัดสารประกอบก�ำ มะถัน (ดู natural gas) ทีม่ ไี ฮโดรคาร์บอนอน่ื ท่หี นกั กว่าผสมอยู่ มีเทนที่ (ดู sulfur compounds) ออกจากกา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) ได้โดยท่ัวไปจะถกู สง่ ทางท่อไปยังโรงไฟฟา้ เพอ่ื ผลติ ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (ดู petroleum) เช่น น้ำ�มันเบนซิน demethylation ดเี มทลิ เลชนั (ดู gasoline) น�ำ้ มันดีเซล (ดู diesel fuel) น้�ำ มนั เครื่องบิน (ดู กสราะรบแวอนโรกแามรตทิกางสเ์บคามงีเชพนือ่ ิดตเดั พห่ือมใู่เหม้ไทดิล้สา(แ-CอHโร3แ) มอตอิกกสจ์ชากนโิดมทเล่ีตก้อุลงขกอารง aviation fuel) น้ำ�มนั กา๊ ด (ดู kerosene) หรือจากฟลูก๊าซ (ดู flue ได้แก่ การตดั หมู่เมทิลของทอลิวอีน (ดู toluene) เพอ่ื ผลิตเบนซีน gas) ที่เกิดจากการเผาไหม้ของเช้ือเพลิงจากโรงงาน หรือไอเสีย (ดู benzene) หรือ การตัดหมู่เมทลิ ของไทรเมทลิ เบนซีนเพอ่ื ใหไ้ ด้ จากยานพาหนะชนิดตา่ งๆ เชน่ เครือ่ งยนต์ เคร่ืองบนิ เรอื ยนต์ ไซลีน (ดู xylene) เปน็ ตน้ เพอื่ ลดหรอื หลกี เลย่ี งปญั หามลพษิ ทจ่ี ะปลอ่ ยสชู่ นั้ บรรยากาศ (ดู hydrodesulfurization ประกอบ) CH3 dewaxed oil นำ้ �มันหล่อล่ืนทีไ่ ม่มไี ข น้ำ�มันหล่อล่ืนท่ีมีการกำ�จัดส่วนท่ีเป็นไข (ดู wax) ออกไปแล้ว ทอลวิ อนี เบนซีน มีสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นน้ำ�มันหล่อล่ืนพ้ืนฐาน (ดู base oil) เพอื่ นำ�ไปผสมสารเติมแต่งใหเ้ ป็นผลิตภัณฑ์ส�ำ เร็จรปู ต่อไป depentanization การแยกเพนเทน dewaxing การแยกไข การแยกเพนเทน (ดู pentane) ออกจากสารผสมไฮโดรคารบ์ อน การกำ�จัดไขพาราฟินและผลึกของไขที่มีขนาดเล็กมาก ออกจาก (ดู hydrocarbons) ในโรงกล่ันนำ้�มัน ได้จากหอแยกบิวเทน ส่วนกลั่นนำ้�มันท่ีได้จากหอกลั่นนำ้�มันสุญญากาศ เพ่ือผลิตน้ำ�มัน (ดู butane) หรอื หอท�ำ ใหเ้ สถยี ร (stabilizer) หลอ่ ลนื่ พนื้ ฐาน (ดู base oil) อาจใชว้ ธิ กี ารแยกไขดว้ ยตวั ท�ำ ละลาย (ดู solvent dewaxing) หรือการแตกตัวด้วยไฮโดรเจนแบบ depropanization การแยกโพรเพน เลือกสรร (selective hydrocracking) การแยกโพรเพน (ดู propane) ออกจากสารผสมไฮโดรคารบ์ อน diesel fuel, diesel oil นำ้ �มนั ดเี ซล (ดู hydrocarbons) ในโรงกล่นั นำ�้ มันและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ น้ำ�มันเชื้อเพลิงสำ�หรับเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในจุดระเบิดด้วย เพอ่ื น�ำ ไปผลติ โพรพลิ นี (ดู propylene) ซง่ึ เปน็ สารตง้ั ตน้ (ดู feed- แรงอัดหรือเครื่องยนต์ดีเซล (compression-ignition internal stock) ท่สี ำ�คัญในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีข้ันต้นใช้ผลิตพอลิเมอร์ combustion engine) ท่ีส่วนผสมของเช้ือเพลิง อากาศที่มีแรง ชนิดพอลิโพรพิลีน อัดสูงและความร้อนในกระบอกสูบ จุดระเบิดได้เองโดยไม่ต้องใช้ หวั เทียน ได้จากการกลนั่ นำ้�มนั ดบิ (ดู crude oil) มจี ุดเดือดอยใู่ น desalting การแยกเกลอื ชว่ ง 180-370 องศาเซลเซยี ส แบง่ เปน็ 2 ประเภท คือ น�ำ้ มัน การแยกเกลือออกจากนำ้�มันดิบ (ดู crude oil) เป็นกระบวน ดเี ซลหมนุ เร็ว (automotive diesel oil หรอื gas oil) ใชส้ ำ�หรบั การที่ทำ�เพื่อลดปัญหาการอุดตัน (fouling) และการกัดกร่อน เครอื่ งยนตด์ เี ซลรอบหมนุ เรว็ ทม่ี รี อบหมนุ สงู กวา่ 1,000 รอบตอ่ นาที (ดู corrosion) ทเี่ กดิ จากการแตกตวั ของเกลอื คลอไรดภ์ ายในอปุ กรณ์ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก เรอื ประมง เป็นต้น เครอ่ื งยนตป์ ระเภท ท่ีใช้ในการกล่ัน โดยใช้นำ้�เป็นตัวทำ�ละลายที่อุณหภูมิประมาณ น้ีจะตอ้ งใชน้ �ำ้ มันทม่ี ดี ัชนีซเี ทน (ดู cetane index) สงู และมกี าร 90-150 องศาเซลเซยี ส เกลือทีอ่ ยูใ่ นน�้ำ มนั ดบิ จะละลายออกมากับ ระเหยเร็ว ในท้องตลาดเรียกว่า “น�้ำ มันโซล่า” ถ้าใช้กับเรือเดิน น้ำ� แยกน้ำ�ออกจากนำ้�มันดิบโดยใช้สนามไฟฟ้าแรงสูงช่วยสลาย สมุทรเรียกว่า มารนี กา๊ ซออยล์ (marine gas oil) และนำ้�มันดเี ซล อิมัลชัน (emulsion) ระหว่างน้ำ�กับนำ้�มัน ได้น้ำ�มันที่ปราศจาก หมนุ ชา้ (low speed diesel oil) ใชส้ �ำ หรบั เครอ่ื งยนตด์ เี ซลรอบหมนุ เกลือเขา้ สู่กระบวนการกลั่นตอ่ ไป ปานกลางหรอื รอบหมนุ ชา้ ทมี่ รี อบการท�ำ งานต�่ำ ประมาณ 500-1,000 รอบต่อนาที เช่น เคร่ืองยนต์ดีเซลขับส่งกำ�ลังที่ใช้ภายในโรงงาน desorption การคาย เคร่ืองยนต์ประเภทนี้ไม่ต้องการน้ำ�มันดีเซลท่ีมีเลขซีเทนสูงมากนัก การทำ�ให้สารที่ถูกดูดซับ (ดู adsorption) หรือถูกดูดซึม (ดู และการระเหยอาจช้ากว่าได้ ในท้องตลาดเรียกว่า “น้ำ�มันขี้โล้” absorption) หลุดออกมาจากพ้ืนผิวของสารดูดซับ หรือออกจาก ถ้าใช้กับเรือเดินสมุทรเรียกว่ามารีนดีเซลออยล์ (marine diesel มวลของสารดูดซมึ ตัวอย่างเช่น กระบวนการคายการดูดซบั ของ oil) คือน้ำ�มันผสมระหว่างเชื้อเพลิงส่วนกลั่น (distillate fuel) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ดู carbon dioxide) ท่ีถูกดูดซับบน และน้ำ�มันเตา (ดู fuel oil) หรือน�ำ้ มันเตาหนกั (heavy fuel oil, สารดดู ซับ โดยลดความดัน HFO) ในอัตราส่วนที่มคี ณุ สมบัติตรงตามข้อกำ�หนดของกระทรวง พาณชิ ย์ สารานุกรม 85 เปดิ โลกปโิ ตรเลียมและพลงั งานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต diesel index (DI) ดชั นีดเี ซล (ดไี อ) distillation range ช่วงการกลน่ั ตัวเลขแสดงสมบัติการจุดระเบิดของนำ้�มันดีเซล (ดู diesel ช่วงอุณหภูมิในการกล่ันตั้งแต่จุดเดือดแรกจนถึงจุดเดือดสุดท้าย fuel) ในเคร่ืองยนต์ดีเซล ท่ีคำ�นวณจากความถ่วงจำ�เพาะเอพีไอ ของส่วนกล่ันหรือตัวอย่างน้ำ�มัน มีความหมายเหมือนกับจุดคัต ( Aํ PI) และจุดแอนิลีน (aniline point) บางคร้ังนยิ มใชค้ ่าน้แี ทน (ดู cut point) เลขซีเทน (ดู cetane number) เพราะการวิเคราะห์งา่ ยกวา่ การ ใชเ้ ครื่องยนต์ทดสอบ คา่ นี้จะไม่เปล่ียนแม้จะใชส้ ารปรบั ปรงุ สมบัติ doctor sweetening, doctor test การทดสอบกำ�มะถนั แบบ การจดุ ระเบดิ ดอ็ กเตอร์ การทดสอบทางเคมีท่ีใช้วเิ คราะหส์ ารประกอบกำ�มะถัน (ดู sulfur DI = Aํ PI x aniline point ( Fํ ) / 100 compound) เชน่ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (ดู hydrogen sulfide) และเมอรแ์ คปทนั (ดู mercaptan) ในผลติ ภัณฑป์ โิ ตรเลียมเบาที่ diesel knock การน็อกในเครอื่ งยนต์ดีเซล นไมี้ย่มังีสเปี ็นโดกยาใรหกท้ำ�จ�ำ ปัดฏกำ�กิ มริ ิยะาถกันับหสราือรสโาซรเดปยีรมะกพอลบัมกไบำ�มตะ์ ถ(Nันaด2ังPกbลO่า2ว)ออวกิธี การน็อกที่เกิดข้ึนกับเคร่ืองยนต์เผาไหม้ภายในจุดระเบิดด้วย ความดนั (compression-ignition internal combustion engine) จากนำ�้ มนั เบนซินชนิดทีม่ ีก�ำ มะถันสูง (sour gasoline) เนื่องจาก หรอื เครอื่ งยนตด์ เี ซล เกดิ จากการทชี่ ว่ งระยะเวลากอ่ นการจดุ ระเบดิ สารประกอบกำ�มะถันท�ำ ให้น�้ำ มันเบนซนิ สีคล�้ำ มีกลนิ่ เหมน็ และ นเผาานไ>หเกมิน้มไาปก จึงทำ�ให้มีการสะสมของละอองนำ้�มันเช้ือเพลิงในห้อง การเผาไหม้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) มาก ปฏิกิริยาที่ เมอ่ื เกดิ การเผาไหม้ จึงส่งผลให้เกิดแรงดนั สงู ภายใน เกิดข้ึนเป็นดงั นี้ ห้องเผาไหม้ เคร่ืองยนตจ์ ึงเกิดการน็อก 2RSH (sour gasoline) R-S-S-R (alkyl disulfide) distillate สว่ นกลัน่ , ดิสทิลเลต ++ NSai2nPbthOe2 presence + PbS + 2NaOH ของเหลวทค่ี วบแนน่ จากไอสารไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) of NaOH ระหวา่ งการกลนั่ มคี วามหมายเหมอื นกบั สว่ นกลนั่ (ดู cut) ซงึ่ เปน็ ผลผลติ ทด่ี งึ ออกทางดา้ นขา้ งของหอกลน่ั ล�ำ ดบั สว่ น (ดู fractionating downcomer ทอ่ ทางลง, ดาวนค์ มั เมอร์ column) มีชว่ งจุดเดอื ดอยู่ระหว่างอุณหภมู ิ 2 คา่ ท่ีกำ�หนด ช่องหรือท่อในหอกล่ันลำ�ดับส่วน (ดู fractionating column) สำ�หรับใหข้ องเหลวท่สี ะสมอยู่ในถาดแตล่ ะชั้น (ดู tray) ไหลผา่ น distillation curve กราฟการกล่ัน ลงส่ถู าดชน้ั ลา่ งตามแนวตง้ั (vertical flow) กราฟท่ีแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับร้อยละโดย ปริมาตรหรือนำ้�หนักของสารที่กล่ันได้เมื่อกล่ันนำ้�มันตัวอย่างด้วย อปุ กรณ์และสภาวะการทดสอบที่เปน็ ไปตามมาตรฐาน End point Initial boiling point ภาพตัดดาว์นคมั เมอร์ กราฟการกล่นั 86 สารานกุ รม เปิดโลกปโิ ตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
downstream petroleum industry อุตสาหกรรมปโิ ตรเลยี ม เป็นของเหลว ไม่มีสี ติดไฟง่าย มีสมบัติกัดกร่อน มีความเป็น การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ ปลายนำ้ �, อตุ สาหกรรมปิโตรเลียมขัน้ ปลาย พิษและเป็นเบส นิยมใช้สารเอทาโนลามีนเป็นสารดูดซึมสำ�หรับ อุตสาหกรรมที่ดำ�เนินการต่อเน่ืองกับกระบวนการกลั่นน้ำ�มันดิบ กระบวนการกำ�จัดก๊าซกรด ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ดู crude oil) หรือการแยกก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) (ดู carbon dioxide) และก๊าซไฮโดรเจนซลั ไฟด์ (ดู hydrogen เป็นการผลติ วตั ถุดิบตั้งตน้ (ดู feedstock) สำ�หรบั อุตสาหกรรม sulfide) ออกจากก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) ปิโตรเคมีจากผลิตภัณฑ์จากกระบวนการกล่ันหรือก๊าซจากโรงแยก ether อีเทอร์ ก๊าซธรรมชาติ เชน่ ก๊าซอีเทน (ดู ethane) กา๊ ซโพรเพน (ดู pro- สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ท่ีมีหมู่อีเทอร์ pane) สารแอโรแมตกิ ส์ (ดู aromatics) เพื่อผลติ ผลติ ภณั ฑข์ ้ัน (-OR, -O R’) อย่ภู ายในโครงสร้าง คอื มีอะตอมออกซเิ จนเช่อื มกบั กลาง เชน่ เอทีลีน (ดู ethylene) โพรพีลนี (ดู propylene) ไซลีน หมแู่ อลคิล หรือแอลลิล (R, R’) ดว้ ยพันธะเดี่ยว (single bond) (ดู xylene) เปน็ ตน้ (ดู upstream petroleum industry ประกอบ) สูตรโมเลกุลทวั่ ไปคือ R–O–R’ dry gas กา๊ ซชนิดแหง้ etherification การสังเคราะหอ์ ีเทอร์ ก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) ท่ีประกอบด้วยก๊าซมีเทน การสังเคราะห์สารประกอบอีเทอร์จากแอลกอฮอล์สารประกอบ (methane) เป็นองค์ประกอบหลัก มีสารไฮโดรคาร์บอนชนิดอ่ืน อเี ทอรท์ ส่ี �ำ คญั ไดแ้ ก่ เอม็ ทบี อี ี (ดู methyl tertiary butyl ether) เชน่ อเี ทน (ดู ethane) เจอื ปนอยเู่ ลก็ นอ้ ย มสี ถานะเปน็ กา๊ ซทอ่ี ณุ หภมู ิ และอที บี อี ี (ดู ethyl tertiary butyl ether) ทใ่ี ชเ้ ปน็ สารเตมิ แตง่ และความดันบรรยากาศ ส�ำ หรบั เพม่ิ เลขออกเทน (ดู octane number) ในนำ�้ มนั เบนซนิ emergency shutdown system ระบบการหยดุ แบบฉกุ เฉนิ (ดู gasoline) ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ ก�ำ หนดมาตรฐานของน�ำ้ มนั เบนซนิ ระบบปฏิบัติการเพื่อความปลอดภัยที่ใช้เพ่ือหยุดการทำ�งานของ กระบวนการต่างๆ ในโรงงาน เช่น โรงกลั่นนำ้�มัน โรงงาน ethyl chloride เอทลิ คลอไรด์ สารเคมี เปน็ ตน้ เพอ่ื ปอ้ งกนั การเกดิ อคั คภี ยั และเพม่ิ มาตรการความ สารไฮโดรคาร์บอนอีเทนที่อะตอมของคลอรีนแทนท่ีอะตอม ปลอดภยั ในกระบวนการผลติ สว่ นใหญจ่ ะประกอบดว้ ยตวั เซน็ เซอร์ ไสฮี เเดมรื่อเถจูกนอหัดนดึ่ง้วอยะคตวาอมมดันสจูตะรเปโมลี่ยเลนกเปุล็นขCอ2งHเห5Cลวl เป็นก๊าซไม่มี ตวั ตรวจวดั และระบบสนบั สนนุ อนื่ ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งในการตรวจจบั ความ มีกลิ่นอีเทอร์ ผิดพลาดท่ีอาจเกิดข้ึนในระหว่างการผลิต เช่น การปิดวาล์วก๊าซ (ดู ether) ตดิ ไฟงา่ ย ละลายไดใ้ นนำ้�และตวั ทำ�ละลายอนิ ทรยี เ์ กอื บ เพื่อรกั ษาแรงดันกา๊ ซในนำ้�มนั ทง้ั หมด มคี วามเสถียรเม่อื อย่ใู นบรรยากาศท่แี หง้ แต่สลายตวั เมื่อ emission การปลดปล่อย (สารมลพษิ ) มีความชนื้ หรอื มเี บส ใช้เปน็ วตั ถุดิบในการผลิตสารประกอบตะก่ัว การปลดปล่อยสารมลพิษต่างๆ โดยเฉพาะก๊าซจากท่อไอเสียหรือ เททราเอทิลเลต (tetraethyl lead) ซึ่งเป็นสารเพ่ิมเลขออกเทน ฟลกู า๊ ซ (ดู flue gas) ซง่ึ เปน็ ผลมาจากการเผาไหมข้ องเช้อื เพลงิ (ดู octane number) ในน�ำ้ มันเบนซนิ (ดู gasoline) แต่ปจั จุบัน engler distillation การกลน่ั แบบองิ เกลอร์ ห้ามใชแ้ ล้ว การใช้ประโยชน์ของเอทลิ คลอไรด์จึงลดลงตามไปด้วย การกล่ันโดยใช้อุปกรณ์การกล่ันและสภาวะตามที่กำ�หนดใน นอกจากน้ันยังใช้ผลิตเอทิลเซลลูโลส และเป็นตัวทำ�ละลาย (ดู มาตรฐานการทดสอบ เพอื่ วเิ คราะหค์ วามสามารถในการระเหยเปน็ solvent) ไอของน้ำ�มันเบนซิน (ดู gasoline) โดยการวดั ปริมาณของน�ำ้ มนั เบนซินท่กี ลน่ั ได้เป็นร้อยละท่อี ุณหภมู ิจำ�เพาะตา่ งๆ ethylbenzene เอทลิ เบนซีน ethane อเี ทน สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ประเภท สารประกอบไฮโดรคาร์บอนอ่มิ ตัว (ดู aliphatic hydrocarbon, ไแมอม่ โรสี แี มมกี ตลิกน่ิ สค์ ล(ดา้ ูยaไซroลmนี a(tดicู xsy)leสnตู eร)โมไวเไลฟกุลเปCน็ ผ8Hล1ติ 0ภเณัปน็ฑขท์ อไ่ี ดงเจ้ หาลกกวใาสร มsaาtกuใrนaกteา๊ dซ)ธรชรนมดิชหาตนริง่ึ องมลสี งตู มราโจมาเกลมกเลีุ ทนC2(Hm6etเhปaน็ nอeง)คแป์ ลระะลกะอลบาทยพ่ี อบยู่ กล่ันน�ำ้ มนั ดบิ (ดู crude oil) หรอื ได้จากการท�ำ ปฏกิ ิรยิ าการเติม เลก็ นอ้ ยในน�ำ้ มนั ดบิ (ดู crude oil) ใชเ้ ปน็ สารตง้ั ตน้ (ดู feedstock) หมแู่ อลคิล (alkylation) ระหว่างเบนซนี (ดู benzene) และเอทลิ นี ในการผลติ เอทลิ นี (C2H4) ในอตุ สาหกรรมปโิ ตรเคมขี น้ั ตน้ (ดู ethylene) ใชป้ ระโยชน์เป็นวัตถดุ บิ ในการผลิตสไตรนี ไดเอทลิ ethanolamine เอทาโนลามีน เบนซนี (styrene diethylbenzene) สารอินทรีย์ท่ีมีหมู่เอมีน (ดู amine) และหมู่แอลกอฮอล์อยู่ ภายในโครงสร้างโมเลกุลเดียวกัน สูตรโมเลกุล NH2(CH2)2OH CH3 เอทลิ เบนซนี สารานุกรม 87 เปิดโลกปิโตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต ethylene, ethene เอทลิ นี , อที นี explosive limit, flammability limit, flammability range สารประกอบไฮโดรคาร์บอนชนิดไม่อิ่มตัว (ดู aliphatic hydro- ขดี จำ�กดั การระเบิด, ขีดจำ�กดั ของการเกิดเปลวไฟ cมaกี rลbน่ิ oอnอ่ , นuๆnsแaลtuะมraรี tสeหdว) าสนูตวรโอ่ มงเไลวกตุลอ่ กHาร2Cเก=ดิ CปHฏ2กิ ริเปยิ า็นสกงู ๊าเซนอื่ ไงมจ่มาีสกี ขีดจำ�กัดหรือช่วงกว้างของส่วนผสมระหว่างไอระเหยหรือก๊าซ มีพันธะคู่ในโมเลกุล ผลิตจากกระบวนการแตกตัวด้วยไอนำ้� เช้ือเพลิงกับอากาศที่สามารถเกิดการระเบิดหรือเกิดเป็นเปลว (ดู steam cracking) ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนเบา ไฟต่อเนื่องได้เมื่อมีประกายไฟ อยู่ระหว่างค่าขีดจำ�กัดข้ันสูง เชน่ อเี ทน (ดู ethane) โพรเพน (ดู propane) หรอื จากกระบวนการ (upper flammability limit, UFL) และคา่ ขีดจ�ำ กดั ขน้ั ต�่ำ (lower แตกตวั ดว้ ยของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนหนกั ดว้ ยตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า flammability limit, LFL) การติดไฟหรือการระเบิดจะไมเ่ กดิ ขนึ้ ซโี อไลต์ เปน็ มอนอเมอร์ (monomer) ในอุตสาหกรรมปโิ ตรเคมี เม่ือความเข้มข้นของก๊าซเชื้อเพลิงนั้นมีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่า สำ�หรับผลิตพอลิเมอร์พอลิเอทิลีน (polymer polyethylene) ชว่ งสว่ นผสม ขดี จ�ำ กดั ขน้ั สงู และขดี จ�ำ กดั ขน้ั ต�ำ่ ของเชอื้ เพลงิ แตล่ ะ ชนิดจะแตกต่างกนั ใชใ้ นการออกแบบหัวเผากา๊ ซ (gas burner) และแสดงถงึ แนวโนม้ ของโอกาสทจ่ี ะเกดิ การระเบดิ หรอื การลกุ ไหม้ เม่ือมีกา๊ ซร่วั ไหล (ดู explosive limit, หมวดลอจิสตกิ ส์ ประกอบ) เอทิลีน และใช้ผลิตสารเคมตี า่ งๆ เชน่ เอทิลนี ออกไซด์ ethylene glycol เอทิลนี ไกลคอล สารประกอบอินทรีย์ที่ประกอบด้วยคาร์บอน 2 อะตอมและ หสีมูแ่มอีคลวกาอมฮหอนลดื ์ เลสก็ูตนรโอ้ มยเลสกลุงั เคHรOาะCห2ไ์Hด4จ้ OาHกปฏเปกิ ็นริ ยิขาอรงะเหหลววา่ ใงสเอทไมลิ นีม่ ี ออกไซด์ (C(ด2ูHn4Oat)urแalละgนaำ้�s) ใช้เป็นสารดูดซึมนำ้�ออกจากก๊าซ ธรรมชาติ เป็นส่วนผสมในน้ำ�ยาเติมหม้อนำ้� รถยนตเ์ พอ่ื ป้องกนั น้ำ�เป็นนำ�้ แขง็ ในประเทศเขตหนาว ethyl tertiary butyl ether (ETBE) เอทิลเทอร์เชียรีบิวทิล อเี ทอร์ (อีทบี อี )ี สารเติมแต่งที่เติมในนำ้�มันเบนซิน (ดู gasoline) เพื่อเพิ่มเลข ออกเทน (ดู octane number) ให้เปน็ ไปตามขอ้ กำ�หนดมาตรฐาน ของนำ�้ มันเบนซินท่ไี ด้จากปฏิกิริยาระหว่างเอทิลแอลกอฮอล์และ O CH2 CH3 กราฟแสดงขดี จำ�กดั การระเบิดของสารชนิดตา่ งๆ H3C C extra heavy oil นำ้ �มันดิบส่วนหนกั H3C CH3 นำ�้ มันดบิ (ดู crude oil) ทีม่ คี ่าความถว่ งจ�ำ เพาะ (API gravity) น้อยกว่า 20 องศา และมีค่าความถ่วงจ�ำ เพาะ (specific gravity) เอทิลเทอร์เชียรีบิวทลิ อีเทอร์ มากกวา่ 0.933 ไอโซบวิ ทลี นี (isobutylene) evaporation การระเหย การทขี่ องเหลวเปลย่ี นสภาวะกลายเปน็ ไอทอี่ ณุ หภมู ติ ่ำ�กวา่ จดุ เดอื ด ของของเหลวนนั้ เชน่ การทนี่ �้ำ ระเหยกลายเปน็ ไอน�้ำ ในบรรยากาศ 88 สารานกุ รม เปดิ โลกปิโตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
extraction การสกดั fire point จดุ ตดิ ไฟ การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ การแยกสารออกจากสารผสมชนิดหน่ึง โดยใช้ตัวทำ�ละลาย อุณหภูมิตำ่�สุดของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่จะติดไฟเมื่อมีเปลวไฟนำ� (ดู solvent) ทมี่ คี วามสามารถในการละลายสารทต่ี อ้ งการไดด้ ี โดยท่ี (pilot) ผ่าน และลุกไหม้ในช่วงเวลาท่ีกำ�หนด เมื่อทดสอบด้วย ตัวทำ�ละลายนั้นจะต้องไม่ละลายสารเจือปนหรือสารที่ไม่ต้องการ อุปกรณแ์ ละสภาวะมาตรฐาน ออกมา ตวั อยา่ งการใชก้ ระบวนการสกดั ในอตุ สาหกรรมปโิ ตรเลยี ม (ดู petroleum) ได้แก่ การสกัดแยกสารที่มีโมเลกุลสูง เช่น flammable liquid ของเหลวไวไฟ ยางมะตอย (ดู asphalt) ออกจากนำ้�มนั ดบิ (ดู crude oil) โดย ของเหลว หรือของเหลวผสมท่ีพร้อมจะลุกติดไฟเมื่อมีแหล่ง ใช้โพรเพนเหลวเปน็ ตวั ท�ำ ละลาย กำ�เนิดความร้อน มีจุดวาบไฟ (ดู flash point) ไม่เกิน 60.5 feedstock สารตั้งต้น, วัตถดุ ิบตั้งตน้ , สารป้อน องศาเซลเซียส เมื่อทดสอบด้วยวิธีถ้วยปิด (closed-cup test) วตั ถดุ บิ ตง้ั ตน้ เพอื่ ปอ้ นเขา้ ในกระบวนการผลติ วตั ถดุ บิ ตงั้ ตน้ ส�ำ หรบั หรอื ไมเ่ กนิ 65.6 องศาเซลเซยี ส เมอื่ ทดสอบดว้ ยวธิ ถี ว้ ยเปดิ (open- อุตสาหกรรมปิโตรเลียมคือนำ้�มันดิบ (ดู crude oil) วัตถุดิบ cup test) ไดแ้ ก่ น้�ำ มันเบนซิน (ดู gasoline) และตัวทำ�ละลาย ต้ังต้นสำ�หรับอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติคือก๊าซธรรมชาติดิบ เชน่ แอซโี ทน (acetone) ทนิ เนอร์ เปน็ ตน้ (ดู natural petroleum gas) และวตั ถดุ บิ ตง้ั ตน้ ส�ำ หรบั อตุ สาหกรรม ปิโตรเคมีคือไฮโดรคาร์บอนอ่ิมตัว (ดู aliphatic hydrocarbon, flash point จดุ วาบไฟ saturated) คอนเดนเสท (ดู condensate) และสารแอโรแมตกิ ส์ อุณหภูมิต่ำ�สุดที่ผลิตภัณฑ์นำ้�มันระเหยเป็นไอสะสมอยู่เหนือผิว (ดู aromatics) น้ำ�มันในปริมาณเพียงพอท่ีจะผสมกับอากาศและจุดติดไฟได้ เม่ือ filtration การกรอง มีเปลวไฟนำ�เคลื่อนผ่านเหนือผิวนำ้�มัน โดยใช้อุปกรณ์และการ การแยกของแข็งท่ีอยู่ในรูปของตะกอนหรือสารแขวนลอยออกจาก ทดสอบทเ่ี ปน็ ไปตามมาตรฐาน วธิ ที นี่ ยิ มใชค้ อื วธิ ถี ว้ ยปดิ (Pensky- สารละลายโดยใช้ตวั กรอง เชน่ แผ่นกรองโลหะ แกรไฟต์ เป็นตน้ Martens closed cup tester) และวธิ ถี ว้ ยเปดิ (Cleveland open อาจใช้การกรองด้วยความดันคงท่ี หรือกรองด้วยอัตราการไหล cup tester) ขนึ้ อยู่กับผลิตภณั ฑ์ที่ทดสอบ เป็นตวั บ่งชี้ถงึ แนวโน้ม คงที่ เครื่องกรองท่ีใช้ในกระบวนการกล่ันนำ้�มันอาจเป็นแบบ ทจ่ี ะเกดิ อนั ตรายจากอคั คภี ยั ในการขนสง่ เกบ็ รกั ษาและใชง้ าน เปน็ แผ่นกรอง (filter press) ปัจจบุ ันนิยมใชเ้ ครอ่ื งกรองสญุ ญากาศ คณุ สมบตั ิท่ีต้องทดสอบตามขอ้ ก�ำ หนดของกระทรวงพาณชิ ย์ เชน่ แบบหมนุ (rotary vacuum filter) ที่ใช้กรองไขโดยใช้ตวั ทำ�ละลาย น�้ำ มนั ดเี ซล (ดู diesel fuel) ตอ้ งมจี ดุ วาบไฟไมต่ ่ำ�กว่า 52 องศา ร่วมด้วยที่อณุ หภูมิตำ�่ เซลเซียส flue gas ฟลกู ๊าซ, ก๊าซเสยี ก๊าซท่ีได้จากการเผาไหม้ในระบบเผาไหม้ เช่นเครื่องยนต์ในยาน พาหนะ เตาเผา หรือห้องเผาไหม้ในหม้อไอนำ้�ท่ีใช้ในโรงงาน ถ้าการเผาไหม้สมบูรณ์จะประกอบด้วย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ดู carbon dioxide) ออกซเิ จน ไนโตรเจน และไอน�ำ้ ถา้ การเผา ไหมส้ มบรู ณจ์ ะมกี า๊ ซคารบ์ อนมอนอกไซด์ (ดู carbon monoxide) ดว้ ย ถา้ เชอ้ื เพลงิ มกี �ำ มะถนั จเชะน่มกี ถา๊ า่ ซนกหลนิ มุ่ ซหลัรเอื ฟชอวีรมอ์ อวลกไ(ซbดio์ m(SaOssx)) ดว้ ย และถา้ เปน็ เชอ้ื เพลงิ แขง็ มแี นวโนม้ ทจ่ี ะมเี ถา้ เบาและอนภุ าคของเชอ้ื เพลงิ ทย่ี งั เผาไหมไ้ มห่ มด เจอื ปนกบั ฟลกู า๊ ซดว้ ย การวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบในกา๊ ซเหลา่ นบ้ี ง่ ช้ี ถงึ ประสทิ ธภิ าพของระบบเผาไหม้ การแยกสารโดยวธิ ีการกรอง สารานุกรม 89 เปดิ โลกปิโตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
การก ่ัลน ้ำนา ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต fluid catalytic cracking (FCC) การแตกตวั ดว้ ยตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า ชอ่ งไอของถาด ผดุ เปน็ ฟองกา๊ ซผา่ นของเหลวควบแนน่ ทอี่ ยบู่ นถาด ในสภาวะของไหล (เอฟซีซ)ี ทำาให้เกิดการถ่ายโอนมวลและความร้อนระหว่างไอและของเหลว การแตกตัวสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ที่ ในแต่ละชน้ั ไอของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนทมี่ ีมวลโมเลกุลตำ่า มีโมเลกุลหนักด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (ดู catalyst) เช่น ซีโอไลต์ และจดุ เดอื ดตา่ำ จะผา่ นขน้ึ ไปควบแนน่ เปน็ ของเหลวในชนั้ บน สว่ นไอ (zeolite) ให้เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนท่ีมีขนาดโมเลกุล ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนท่ีมีมวลโมเลกุลและจุดเดือดสูง เล็กในฟลูอิไดซ์เบด (fluidized bed) เป็นกระบวนการใน กว่าจะควบแน่นเป็นของเหลวอยู่ในช้ันท่ีต่ำาลงมา ทำาให้แต่ละช้ัน โรงกลั่นนำ้ามันท่ีเพิม่ มลู ค่าทางการตลาดใหผ้ ลติ ภณั ฑ์ เช่น เปลี่ยน มีอุณหภูมิแตกต่างกันไปตามลำาดับ เหนือถาดชั้นบนที่มีอุณหภูมิ นำา้ มันเตา (ดู fuel oil) ใหเ้ ป็นแกโซลนี (ดู gasoline) และดีเซล ตำา่ ทส่ี ดุ ได้ผลผลิตเปน็ กา๊ ซ (ดู fuel gas) ช้นั ถดั ลงมามอี ณุ หภูมิ (ดู diesel fuel) ไอไฮโดรคาร์บอนและตัวเร่งปฏิกิริยาจะไหลขึ้น สูงขึ้นตามลำาดับ ได้ส่วนกลั่นน้ำามันส่วนเบา (lighter fraction) ไปจากส่วนล่างของเคร่ืองปฏิกรณ์ฟลูอิไดซเ์ บด (riser) สัมผัสกัน เชน่ น้ำามันเบนซนิ (tops, gasoline) และแนฟทา (naphtha) อยา่ งดี จนเกดิ การแตกตวั เปน็ ไฮโดรคารบ์ อนทม่ี ขี นาดโมเลกลุ เลก็ ลง สว่ นกลนั่ นาำ้ มนั สว่ นกลาง (medium fraction) เชน่ กา๊ ซออยล์ (ดู gas oil) แลว้ ออกจากเครอื่ งปฏกิ รณเ์ ขา้ ไปในถงั แยกเพอื่ แยกตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า และน้ำามันก๊าด (ดู kerosene) นำ้ามันดีเซล (ดู diesel fuel) กบั ผลผลติ ออกจากกนั ตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ าทถี่ กู ใชง้ านแลว้ มกั จะมถี า่ นโคก้ ตามลำาดับ ส่วนผลผลิตก้นหอกล่ัน หรือ ส่วนกล่ันนำ้ามันหนัก (ดู coke) อุดตันบนพ้ืนผิวทำาให้ความสามารถเร่งปฏิกิริยาลดลง (heavy fraction) ไดแ้ ก่ นาำ้ มนั เตา (ดู fuel oil) และกากหอกลน่ั จงึ ตอ้ งกาำ จดั ถา่ นโคก้ ทตี่ ดิ อยโู่ ดยใหเ้ ผาไหมก้ บั อากาศ ตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า (ดู residue) พวกแอสฟลั ต์ (ดู asphalt) หรอื ไข (ดู wax) ขน้ึ อยกู่ บั ท่ีถา่ นโค้กถกู เผาไลแ่ ลว้ ถกู นำากลบั ไปใชใ้ นกระบวนการตอ่ ไป ประเภทของนาำ้ มนั ดบิ ออกทางกน้ หอกลน่ั กน้ หอกลน่ั จะมอี ณุ หภมู สิ งู ทส่ี ดุ ดา้ นบนหอกลน่ั อาจมกี ารรฟี ลกั ซ์ (ดู reflux) เพอ่ื นาำ ไอควบแนน่ บาง Flue gas to particulates REGENERATOR FRACTIONATOR Gas (C4+lighter) สว่ นปอ้ นกลบั เขา้ หอกลน่ั เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการกลน่ั ดา้ นขา้ งหอ Removal and energy recovery REACTOR OR กลน่ั มที อ่ ดงึ นาำ้ มนั ทค่ี วบแนน่ บนถาดออกตามชว่ งอณุ หภมู ขิ องจดุ เดอื ด Gasoline ทก่ี าำ หนดเป็นสว่ นกลนั่ (ดู distillate) ส่วนต่างๆ สว่ นกล่นั จากหอ SEPARATION VESSEL CStartipalpyesrt Light gas oil กลนั่ ตอ้ งผา่ นหนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารอนื่ ๆ เพอ่ื ปรบั สมบตั ติ า่ งๆ ตอ่ ไปกอ่ น Steam Heavy gas oil ทจี่ ะนาำ ไปผสมเพอ่ื จาำ หนา่ ยเปน็ ผลติ ภณั ฑท์ างการคา้ สว่ นกลน่ั หนกั Clarified slurry และกากหอกลนั่ สามารถนาำ ไปเปน็ สารปอ้ นเพอ่ื กลน่ั ทส่ี ญุ ญากาศใน SCpaetnatlyst CrOuidl a โรงกลัน่ น้ำามันหลอ่ ล่ืนตอ่ ไป Combustion Air Riser SLURRY SETTLER RCeagteanlyesrat ted Raw oil charge ผังกระบวนการแตกตวั ด้วยตวั เรง่ ปฏิกริ ิยา fractional distillation, atmospheric distillation การกลั่น การกล่ันลำาดบั ส่วนของนำา้ มนั ดบิ และผลิตภณั ฑท์ ไี่ ด้ ลําดับส่วน, การกลน่ั บรรยากาศ การกล่นั แยกนาำ้ มันดิบ (ดู crude oil) ออกเป็นนำ้ามันชนดิ ต่างๆ ในหอกล่ันลำาดับส่วน (ดู fractionating column) ท่ีความดัน บรรยากาศ โดยใช้หลักการความแตกต่างของจุดเดือด (boiling point) ของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ชนิด ต่างๆ ที่ผสมกนั อยู่ในนำ้ามันดิบ น้ำามนั ดบิ ทผี่ ่านการล้างเกลือและ แยกน้ำาออกแล้วถูกส่งผ่านท่อเหล็กท่ีเรียงเป็นแถวในเตาเผาท่ีมี อุณหภูมิประมาณ 340-385 องศาเซลเซียส ได้รบั ความร้อนจน เดือดเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไอผ่านเข้าไปในหอกล่ันลำาดับส่วน ภายในหอแบง่ ออกเปน็ ชนั้ หลายๆ ชน้ั ประมาณ 25-35 ชนั้ แตล่ ะชนั้ เปน็ ถาด (ดู tray) ทอ่ี อกแบบเปน็ ตะแกรง (ดู sieve tray) หรอื ถาด ที่มวี าลว์ เลก็ ๆ (valve tray) หรอื ชอ่ งไอท่ีมฝี าครอบ (ดู bubble cap tray) จาำ นวนมาก ไอนำา้ มันท่ีไหลผ่านขน้ึ ไปจากชน้ั ล่างจะผา่ น 90 สารานกุ รม เปิดโลกปโิ ตรเลียมและพลงั งานทดแทน
fractionating column หอกลนั่ ลำ�ดับสว่ น การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ หอกลั่นท่ีใช้แยกสารผสมให้เป็นองค์ประกอบที่บริสุทธิ์ข้ึน หน่วยปฏิบัติการต่อเน่ืองในอุตสาหกรรมที่มีความสำ�คัญโดยเฉพาะ โรงกลนั่ น�ำ้ มนั คอลมั นส์ งู ตงั้ ในแนวดงิ่ ภายในมถี าด (tray) หรอื แผน่ กนั้ ติดต้ังเรยี งซ้อนกนั เปน็ ชั้นๆ จ�ำ นวนชน้ั ขึน้ อยกู่ บั ชนดิ และสมบัติ ของสารผสม ตลอดจนช่วงจุดเดือดท่ีต้องการแยก เช่น หอกล่ัน น�ำ้ มนั มจี �ำ นวนชนั้ ประมาณ 25-35 ชนั้ ออกแบบถาดใหม้ ชี อ่ งขนาด เลก็ ๆ ให้ก๊าซไหลผา่ นข้นึ มาสัมผัสกบั ของเหลวควบแน่นท่ขี งั อยูใ่ น ถาดทำ�ให้เกิดการถ่ายโอนมวลและความร้อนเป็นอย่างดี ใกล้กับ สภาวะสมดลุ (equilibrium state) ใหม้ ากทส่ี ดุ เชน่ ชนั้ แบบตะแกรง (ดู sieve tray) แบบวาล์ว (valve tray) และแบบมีฝาครอบ (bubble cap tray) เป็นตน้ ใชเ้ ปน็ เคร่ืองกลนั่ น�ำ สารผสมท่ีรอ้ น จดั เขา้ ทางดา้ นลา่ งและเดอื ดเปน็ ไอ การถา่ ยโอนมวลและความรอ้ น ระหวา่ งไอกบั ของเหลวในแตล่ ะชนั้ ท�ำ ใหส้ ว่ นทม่ี จี ดุ เดอื ดต�่ำ กวา่ ไหล ผ่านข้ึนไปควบแน่นในช้ันบนขึ้นไป แยกออกจากส่วนที่มีจุดเดือด สูงกว่าท่ีควบแน่นในช้ันต่ำ�ลงมา เกิดการเดือดเป็นไอและเกิดการ ควบแน่นเป็นของเหลวสะสมในถาดแต่ละชั้นตามลำ�ดับอย่างต่อ เนือ่ ง กระแสไอและของเหลวควบแนน่ ไหลสวนทางกนั และสัมผัส กนั ในถาดแตล่ ะชน้ั จนกระทง่ั ถงึ ถาดชน้ั บนสดุ ไอทมี่ จี ดุ เดอื ดต�ำ่ ทสี่ ดุ จะควบแนน่ หรอื ยงั คงสภาพเปน็ ไอออกจากยอดหอกลน่ั ไป ของเหลว ควบแนน่ ทมี่ จี ดุ เดอื ดสงู ทส่ี ดุ อยใู่ นถาดชนั้ ลา่ งสดุ สว่ นทเ่ี ปน็ กากหอ กลัน่ ทไี่ มส่ ามารถกลนั่ แยกไดแ้ ล้วออกทางก้นหอกลนั่ (ดู residue) จะมีอณุ หภูมิสงู ทส่ี ุด ของเหลวควบแนน่ ในแตล่ ะชั้นมชี ่วงจุดเดอื ด ลดหลน่ั กนั ลงมาและถกู ดงึ ออกดา้ นขา้ งเปน็ สว่ นกลน่ั (ดู distillate) ท่ีมีช่วงจุดเดือดตามที่กำ�หนดเพื่อนำ�ไปผ่านกระบวนการปรับปรุง สมบัตติ ่างๆ เปน็ ผลิตภัณฑเ์ พ่อื จ�ำ หนา่ ยต่อไป หอกลน่ั ล�ำ ดับส่วน สารานกุ รม 91 เปิดโลกปิโตรเลยี มและพลงั งานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต fuel gas, refinery gas กา๊ ซเชือ้ เพลงิ , กา๊ ซโรงกลน่ั gas-oil separator เครื่องแยกกา๊ ซจากน้ำ�มนั ก๊าซท่ีได้จากยอดหอกลั่น เป็นก๊าซผสมท่ีมีไฮโดรคาร์บอนเป็นองค์ อุปกรณท์ ใี่ ชแ้ ยกก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) ไฮโดรคาร์บอน ประกอบหลกั นำ�ไปใชเ้ ป็นกา๊ ซเชื้อเพลงิ ภายในโรงกลัน่ เหลว (อาจเปน็ น�ำ้ มนั หรอื คอนเดนเสท) และน�ำ้ ออกจากกนั โดยใช้ fuel oil น้ำ�มันเตา หลกั การของความแตกตา่ งของสถานะหรอื ความถว่ งจ�ำ เพาะในกรณี น้ำ�มันเชื้อเพลิงท่ีได้จากถาดช้ันล่างสุดของหอกลั่นหรือจากก้น ทเี่ ป็นของเหลวผสม เชน่ แยกน�้ำ ออกจากน้ำ�มนั เป็นต้น หอกลนั่ บรรยากาศ (atmospheric distillation) หอกลน่ั สญุ ญากาศ กระบวนการแตกตัวด้วยความร้อน (ดู thermal cracking) gasoline, benzin แกโซลีน, น้ำ�มนั เบนซิน และแตกตัวด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (ดู catalytic cracking) นำ้�มันเช้ือเพลิงสำ�หรับเคร่ืองยนต์เผาไหม้ภายในท่ีจุดระเบิด สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ทม่ี นี �ำ้ หนกั โมเลกลุ ด้วยหัวเทียน (spark-ignition internal combustion สูง ลักษณะเป็นของเหลวข้นหนืด สีเข้ม ช่วงจุดเดือดประมาณ engine) หรือเคร่ืองยนต์เบนซิน สารประกอบไฮโดรคาร์บอน 371-482 องศาเซลเซียส ต้องผสมกับน้ำ�มันใสเพื่อลดความหนืด (ดู hydrocarbons) ทม่ี จี �ำ นวนคารบ์ อนตง้ั แต่ 4-11 อะตอมผสม เป็นผลิตภัณฑน์ �ำ้ มนั เตาหลายเกรด (ดู fuel oil) และเรยี กชอ่ื ตา่ งๆ กัน ไมม่ ีสแี ละไวไฟ ไดจ้ ากการผสมน�ำ้ มนั พน้ื ฐานท่ไี ดจ้ ากหอกลน่ั กนั ใชเ้ ปน็ เชอ้ื เพลงิ ส�ำ หรบั หมอ้ ไอน�ำ้ เตาเผาหรอื เตาหลอมทใ่ี ชใ้ น บรรยากาศทมี่ ชี ว่ งจดุ เดอื ดระหวา่ ง 30-200 องศาเซลเซยี ส หรอื ได้ โรงงานอตุ สาหกรรม เครอ่ื งก�ำ เนดิ ไฟฟา้ ขนาดใหญ่ เรอื เดนิ สมทุ ร จากคอนเดนเสท (ดู condensate) ที่แยกออกมาจากกระบวนการ และอน่ื ๆ แยกกา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) กบั น�ำ้ มันทผ่ี า่ นกระบวนการ gas oil ก๊าซออยล์ ปรับปรุงโมเลกุลเพ่ือเพ่ิมเลขออกเทน (ดู octane number) ผลผลิตท่ีได้จากการกลั่นนำ้�มันดิบ (ดู crude oil) ในหอกลั่น ในโรงกล่นั น�้ำ มันหลายชนิด รวมทง้ั การเตมิ สารเติมแต่งหลายชนดิ บรรยากาศ (atmospheric distillation) โดยมอี ณุ หภมู ชิ ว่ งการกลน่ั เช่น สารท่ชี ว่ ยเพมิ่ เลขออกเทน สารป้องกนั สนิมและการกดั กร่อน (ดู distillation range) อยู่ระหว่าง 200-300 องศาเซลเซียส ในถังนำ้�มันและท่อน้ำ�มัน เพื่อให้ได้สมบัติที่เหมาะสม ท้ังในด้าน ใช้เป็นสว่ นผสมของน้ำ�มันเครือ่ งบนิ ไอพน่ (ดู jet fuel) และน�้ำ มัน สมรรถนะเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพการเผาไหม้ ตลอดจนการ ดีเซล (ดู diesel fuel) ปลดปล่อยสารมลพิษที่เป็นไปตามข้อกำ�หนดและเกณฑ์มาตรฐาน gas oil ratio อัตราส่วนก๊าซตอ่ น้ำ�มนั (ดู gasoline, หมวดการตลาด ประกอบ) ปริมาตรของก๊าซท่ีผลิตได้ท่ีความดันบรรยากาศต่อปริมาตรของ น้ำ�มันทผ่ี ลิตได้ heat exchanger อุปกรณ์แลกเปลยี่ นความร้อน gas separation, natural gas separation การแยกก๊าซ อุปกรณ์ทีใ่ ชแ้ ลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างของไหลหน่ึงที่มีอุณหภูมิ ธรรมชาติ สูงกว่าไปยังอีกของไหลหน่ึงท่ีมีอุณหภูมิต่ำ�กว่าโดยท่ีของไหลท้ัง การทำ�ให้ก๊าซธรรมชาติดิบ (ดู natural gas) ท่ไี ด้จากหลุมผลิต 2 กระแสไม่ได้สัมผัสกันโดยตรง แต่เกิดการถ่ายโอนความร้อน บริสุทธ์ิข้ึนเพ่ือให้มีสมบัติเหมาะสมท่ีจะส่งไปทางท่อเพ่ือจำ�หน่าย ผ่านผิวตัวกลาง เช่น ผิวท่อที่ของเหลวไหลผ่าน ตัวอย่างเช่น ถา้ เปน็ กา๊ ซธรรมชาตชิ นดิ แหง้ (ดู lean gas) กระบวนการแยกมี เครอ่ื งแลกเปลย่ี นความรอ้ นแบบเชลลแ์ ละท่อ (shell and tube เพยี งการแยกสารเจอื ปน น�ำ้ และกา๊ ซกรดออก ถา้ เปน็ กา๊ ซธรรมชาติ heat exchanger) ที่ประกอบด้วยเปลือกท่อ (shell) และท่อ ชนิดเปียก (ดู wet gas) สามารถเพ่มิ คุณค่าของผลิตภัณฑ์โดย (tube) ขนาดเล็กจำ�นวนมากโดยของไหลท่มี ีอณุ หภมู สิ งู กวา่ ไหลอยู่ แยกสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons ) ท่ผี สม ภายในท่อเล็ก ของไหลทีม่ อี ุณหภูมติ ่ำ�กวา่ ไหลอย่ใู นชอ่ งวา่ งภายใน กันอยู่เป็นก๊าซไฮโดรคาร์บอนชนิดต่างๆ นอกเหนือจากก๊าซ เปลือก การถ่ายโอนความร้อนระหว่างของไหลทั้งสองเกิดข้ึนผ่าน มเี ทน เชน่ อเี ทน (ดู ethane) โพรเพน (ดู propane) บวิ เทน (ดู butane) พน้ื ผวิ ของท่อเลก็ ๆ และคอนเดนเสท (ดู condensate) เปน็ ตน้ สำ�หรบั โรงแยกก๊าซ ธรรมชาติในประเทศ ก๊าซธรรมชาติจะถูกส่งไปเป็นเชื้อเพลิงใน ¢Í§àËÅÇÃÍŒ ¹ การผลติ ไฟฟา้ อเี ทนน�ำ ไปผลติ เปน็ เอทลิ นี ในอตุ สาหกรรมปโิ ตรเคมี โพรเพนและบวิ เทนใชเ้ ปน็ กา๊ ซปโิ ตรเลยี มเหลว หรอื อาจใชเ้ ปน็ สาร ¢Í§àËÅÇÃкÒ·éÔ§ ต้งั ต้นปิโตรเคมี (ดู feedstock) ได้เชน่ กัน ¢Í§àËÅÇ·é§Ô Ì͹ ¢Í§àËÅÇàÂç¹ เครือ่ งแลกเปล่ียนความร้อนแบบเซลลแ์ ละทอ่ 92 สารานุกรม เปดิ โลกปโิ ตรเลยี มและพลังงานทดแทน
heat transfer การถา่ ยโอนความรอ้ น hydrocarbons, hydrocarbon compound ไฮโดรคาร์บอนส,์ การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ โดยการถ่ายโอนความร้อนทำ�ให้ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน อุณหภูมิของของไหลสูงข้ึนหรือลดอุณหภูมิของของไหลให้ต่ำ� สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุคาร์บอน (C) และไฮโดรเจน (H) ลง เชน่ การอุน่ นำ้�มันดบิ (ดู crude oil) ใหร้ ้อนขน้ึ ก่อนเขา้ หอ เป็นองค์ประกอบเท่านั้น โครงสร้างโมเลกุลมีพันธะระหว่าง กลั่นโดยใช้เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (ดู heat exchanger) คารบ์ อนกับคารบ์ อนเปน็ แกน อาจเปน็ พนั ธะเด่ยี ว (single bond) หรือการลดอุณหภูมิของของเหลวที่ออกจากหอกลั่นให้เย็นลงโดย พนั ธะคู่ (double bond) หรอื พันธะสาม (triple bond) หรอื ใช้คอนเดนเซอร์ (condenser) เป็นตน้ ผสมกัน เน่ืองจากคาร์บอนมีเวเลนซ์อิเล็กตรอน 4 อิเล็กตรอน heating value, calorific value คา่ ความร้อน อเิ ลก็ ตรอนทเ่ี หลอื เกดิ พนั ธะกบั อะตอมไฮโดรเจน เปน็ องคป์ ระกอบ ปริมาณความร้อนท่ีได้จากปฏิกิริยาการเผาไหม้เช้ือเพลิงหน่ึง สำ�คัญของปิโตรเลียมไม่ว่าจะเป็นก๊าซธรรมชาติหรือนำ้�มันดิบ หนว่ ยน้ำ�หนักจนสมบรู ณ์ เช้อื เพลงิ แข็งและเชือ้ เพลิงเหลวกระทำ� (ดู crude oil) สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ ในบอมบ์ที่อัดออกซิเจนท่ีบรรจุในเคร่ืองบอมบ์แคลอริมิเตอร์ กลมุ่ พาราฟนิ (ดู paraffins) หรอื แอลเคน (alkanes) กลมุ่ แนฟทนี (bomb calorimeter) ในบรรยากาศที่ไม่มีการสูญเสียความร้อน (ดู naphthenes) หรือไซโคลแอลเคน (cycloalkane) และกลุ่ม ก๊าซเช้ือเพลิงกระทำ�ในเครื่องก๊าซแคลอริมิเตอร์ท่ีป้อนก๊าซ แอโรแมติกส์ (ดู aromatics) นอกจากนี้ ไฮโดรคารบ์ อนยังรวม ตอ่ เนอ่ื งในบรรยากาศทไี่ มม่ กี ารสูญเสียความรอ้ นเชน่ กัน รายงาน ถึงโอเลฟิน (ดู olefins) หรอื แอลคนี (ดู alkenes) ทีโ่ ดยทั่วไป เป็นปริมาณความร้อนจากปฏิกิริยาที่สภาวะมาตรฐาน อาจใช้ ไม่พบในน้ำ�มันดิบแต่ได้จากกระบวนการแตกตัว (ดู cracking) หน่วยแสดงคา่ ความรอ้ นเปน็ บที ียู (BTU) หรือแคลอรี (calorie) ในโรงกล่ันนำ้�มัน สถานะของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน หรือจูล (joule) เช้ือเพลิงแข็งมีค่าความร้อนเป็นปริมาณความ (ดู hydrocarbons) อาจเปน็ ไดท้ ง้ั กา๊ ซ ของเหลว หรอื ของแขง็ ขน้ึ อยู่ ร้อนต่อหน่วยนำ้�หนักที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ความดัน กบั จ�ำ นวนและการจดั ตวั ของอะตอมของคารบ์ อนในโมเลกลุ โมเลกลุ 1 บรรยากาศ เช่น บีทียูต่อปอนด์ กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม ของไฮโดรคาร์บอนท่มี ีคารบ์ อนไม่เกิน 4 อะตอมมสี ถานะเป็นก๊าซ หรือกโิ ลจลู ตอ่ กโิ ลกรัม เปน็ ต้น เชื้อเพลงิ เหลวมีค่าความร้อนเปน็ ถ้ามีคาร์บอนระหว่าง 5-19 อะตอม มีสถานะเป็นของเหลว ปริมาณความร้อนต่อหน่วยนำ้�หนักหรือปริมาตรท่ีอุณหภูมิ 25 และถา้ มคี าร์บอนตัง้ แต่ 20 อะตอมขน้ึ ไปมีสถานะเปน็ ของแขง็ องศาเซลเซียส ความดนั 1 บรรยากาศ เชน่ กนั เช่น กโิ ลแคลอรี hydrocracking การแตกตัวโดยใช้ไฮโดรเจน, ไฮโดรแครกกิง ตอ่ กิโลกรัม หรอื กิโลแคลอรีต่อลติ ร เปน็ ต้น ส่วนกา๊ ซเชอื้ เพลงิ การแตกโครงสรา้ งโมเลกุลของนำ้�มนั กา๊ ซออยลห์ นัก (heavy gas มีค่าความร้อนเป็นปริมาณความรอ้ นต่อหนว่ ยปริมาตรของก๊าซแห้ง oil) ที่ได้จากการกล่ันน้ำ�มันให้เป็นโมเลกุลเล็กลง ได้นำ้�มันเบา ในสภาวะมาตรฐานต่างกันคือ ท่ีอุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส ท่มี มี ูลค่าสงู ข้ึน เช่น น�ำ้ มนั ดเี ซล (ดู diesel fuel) หรอื น้ำ�มัน ความดนั 1 บรรยากาศ (101.3 กโิ ลปาสคาล) เชน่ เมกะจลู ตอ่ ลกู บาศก์ เคร่ืองบินไอพน่ (ดู aviation fuel) โดยใชก้ ๊าซไฮโดรเจนและตวั เรง่ เมตร (15 องศาเซลเซยี ส, 101.3 กโิ ลปาสคาล, กา๊ ซแหง้ ) เปน็ ตน้ ปฏกิ ริ ยิ ารว่ มดว้ ยในสภาวะความดนั และอณุ หภมู สิ งู ไฮโดรเจนทใี่ ช้ heavy crude, heavy crude oil น้ำ�มันดิบชนิดหนัก ในกระบวนการช่วยป้องกันไมใ่ ห้เกดิ โอเลฟนิ (ดู olefins) ซงึ่ เป็น น�ำ้ มนั ดบิ (ดู crude oil) ทม่ี คี วามหนาแนน่ สงู มคี า่ ความถว่ งจ�ำ เพาะ ไฮโดรคารบ์ อนไมอ่ ม่ิ ตวั (ดู aliphatic hydrocarbon, unsaturated) เอพไี อนอ้ ยกวา่ 25 องศา มคี วามหนดื สงู ถงึ 10,000 เซนตพิ อยส์ (cP) hydrodemetalization การขจัดโลหะโดยใช้ไฮโดรเจน มสี ดี �ำ มแี อสฟลั ต์ (ดู asphalt) และก�ำ มะถนั เจอื ปนอยใู่ นปรมิ าณ การขจัดสารโลหะหนัก เช่น ปรอท (Hg) ท่ีเจือปนอยู่ในน้ำ�มัน สงู ในการผลติ น�ำ้ มนั ดบิ ชนดิ หนกั จากหลมุ ตอ้ งใชว้ ธิ กี ารใชค้ วามรอ้ น ดบิ (ดู crude oil) เพ่ือปอ้ งกนั ไม่ให้ตวั เร่งปฏิกริ ยิ า (ดู catalyst) ชว่ ยในการผลติ (thermal recovery method) เชน่ การอดั ไลด่ ว้ ย ท่ีใช้ในกระบวนการแตกสลายโมเลกุล (ดู cracking) เส่อื มสภาพ ไอน�ำ้ (steam flood) เพอ่ื ใหน้ �ำ้ มนั หลอมละลายและไหลไดง้ า่ ยขน้ึ โดยใชก้ ๊าซไฮโดรเจนและตัวเร่งปฏกิ ิรยิ ารว่ มดว้ ย และใช้กับน้�ำ มนั heavy distillate สว่ นกลน่ั หนัก, ดสิ ทลิ เลตหนัก หนักต่างๆ ด้วย สว่ นกลนั่ ทไ่ี ดจ้ ากการกลน่ั นำ้�มนั ดบิ (ดู crude oil) ในหอกลน่ั ลำ�ดบั ส่วน (ดู fractionating column) ทค่ี วามดันบรรยากาศในโรงกล่ัน นำ้�มัน หรือหอกลนั่ สุญญากาศ โดยจะออกมาจากสว่ นลา่ งสดุ ของ หอกล่ันบรรยากาศหรือหอกล่ันสุญญากาศ เป็นนำ้�มันท่ีมีจุดเดือด สูงกวา่ 350 องศาเซลเซยี ส และเป็นกลมุ่ ของไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons ) ทม่ี จี �ำ นวนคารบ์ อนในโมเลกลุ มากกวา่ 24 อะตอม ส่วนใหญน่ ำ�มาใชเ้ ป็นนำ้�มนั หลอ่ ลืน่ พ้ืนฐาน (ดู base oil) น�้ำ มนั เตา (ดู fuel oil) หรือเป็นวสั ดุป้อนของกระบวนการแตกตวั (ดู cracking) (ดู light distillate และ middle distillate ประกอบ) สารานกุ รม 93 เปดิ โลกปโิ ตรเลยี มและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต hydrodenitrogenation การขจดั ไนโตรเจนโดยใชไ้ ฮโดรเจน S + H S+ H2S2 + H2S การขจดั สารประกอบอนิ ทรียท์ ม่ี ีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบเจือปน ในนำ�้ มนั เชน่ พริ ิดนี (pyridine) ออกจากผลิตภัณฑ์ ใหก้ ลายเป็น + 3H+ +3H52H22 บิวทนี + ไฮโดรเจนซลั ไ+ฟดH์ 2S ก(ด๊าู ซcแaอtaมlโyมsเt)นียร่วม(Nดว้Hย3) โดยใช้ก๊าซไฮโดรเจนและตัวเร่งปฏิกิริยา SS ไทโอฟนิ + ไฮ+โดร5เHจ2น SSS + 5H2+++ 55HH52H2 2 + H S2+++HH2H2SS2S S ++ 55HH22 ++ NNHH33 เบนโซไทโอฟิน + ไฮ+โดร5เHจ2น เมทิลไซโคลเพนทิลเบนซนี ++ไฮโHด2Sรเจนซลั ไฟด์ N ไฮโดรเจน แอมโมเนีย เพนเทน hydrodeoxygenation การขจดั ออกซิเจนโดยใช้ไฮโดรเจน hydroforming การเปลยี่ นโครงสรา้ งโมเลกุลดว้ ยไฮโดรเจน การขจัดสารประกอบอินทรีย์ที่มีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบเจือปน การเปล่ียนนำ้�มันเบนซิน (ดู gasoline) ท่ีมีเลขออกเทนต่ำ� ในนำ้�มัน เช่น ฟีนอล (ดู phenol) ออกจากผลติ ภณั ฑ์ ใหก้ ลายเปน็ (ดู octane number) ให้เป็นน�้ำ มนั เบนซินที่มีเลขออกเทนสูงข้ึน รน่วำ้�มด(H้ว2ยO) โดยใชก้ า๊ ซไฮโดรเจนและตวั เร่งปฏกิ ิรยิ า (ดู catalyst) ใช้แนฟทา (naphtha) จากการกล่ันท่ีเป็นส่วนผสมหลักในนำ้�มัน เบนซินเปล่ียนโครงสร้างโมเลกุลเป็นสารประกอบแอโรแมติกส์ OH ++ HH22 + + HH2O2O (ดู aromatics) ทม่ี ีเลขออกเทนสงู เช่น ทอลิวอีน (ดู toluene) หรือ ไซลีน (ดู xylene) โดยใช้ไฮโดรเจนและตัวเร่งปฏิกิริยา ฟนี อล ไฮโดรเจน เบนซนี นำ้� โมลิบดีนา (molybdena) บนตัวรองรับอะลูมินา (alumina) ท่ี อุณหภูมิสูงและความดันปานกลาง ปริมาณน�ำ้ มันเบนซินที่ได้จาก hydrodesulfurization (HDS) การขจดั กำ�มะถนั โดยใชไ้ ฮโดรเจน กระบวนการนปี้ ระมาณร้อยละ 75-80 และมเี ลขออกเทนระหว่าง (เอชดเี อส) 80-85 การขจดั สารประกอบอนิ ทรยี ท์ มี่ กี �ำ มะถนั เปน็ องคป์ ระกอบเจอื ปนใน hydrogen sulfide ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด,์ ก๊าซไข่เน่า น้ำ�มัน เชน่ เมอร์แคปทัน (ดู mercaptan) ไทโอฟนี (thiophene) มกา๊คี ซวพามษิ เชปนน็ ดิ กหรนดง่ึ เกสดิ ตู ขรน้ึโมจเาลกกกลุ ารHย2อ่ Sยสไมลม่ าสียขี มอกี งลสนิ่ารเหอมนิ น็ทเรหยี มท์ อื ป่ี นรไะขกเ่ อนบา่ หรือเบนโซไทโอฟีน (benzothiophene) ออกจากผลิตภัณฑ์ ด้วยก�ำ มะถัน พบไดใ้ นก๊าซธรรมชาติบางแหลง่ (ดู natural gas) ให้อยู่ในรูปของก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (ดู hydrogen sulfide) hydrogenation การเติมไฮโดรเจน, ไฮโดรเจเนชนั โดยใช้ก๊าซไฮโดรเจนและตัวเร่งปฏิกิริยา (ดู catalyst) ร่วมด้วย การเตมิ ไฮโดรเจนเขา้ ไปทพ่ี นั ธะคู่ (double bond) ของไฮโดรคารบ์ อน ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่เกิดข้ึนจะถูกเปล่ียนเป็นผงกำ�มะถันโดย ทไ่ี มอ่ ม่ิ ตวั (ดู aliphatic hydrocarbon, unsaturated) กลายเปน็ กระบวนการเคลาส์ (ดู Claus process) ไฮโดรคารบ์ อนทอ่ี ม่ิ ตวั (ดู aliphatic hydrocarbon, saturated) เชน่ จากเอทลิ นี (ดู ethylene) เปน็ อเี ทน (ดู ethane) CHCH3S3SHH + +H2H 2 CCHH44 ++ HH2S2S เมอCรH์แ3คSปHทัน + +ไฮโHดร2เจน มCีเทHน4 ++ Hไฮ2โSดรเจนซัลไฟด์ 94 สารานกุ รม เปดิ โลกปิโตรเลียมและพลังงานทดแทน
hydroskimming refinery โรงกลั่นแบบไฮโดรสกมิ มงิ fuel gas การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ โรงกล่ันน้ำ�มันอย่างง่ายไม่ซับซ้อน ประกอบด้วยหน่วยกลั่น LPG/propane บรรยากาศ หน่วยการรฟี อรม์ (ดู reforming) และหนว่ ยบำ�บัด gasoline ที่จ�ำ เป็นเท่านนั้ ผลติ ภณั ฑท์ ไ่ี ด้จงึ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนไดม้ ากนกั kerosene/jet fuel อาจเพ่ิมหอกล่ันสุญญากาศและหน่วยแตกตัวของไฮโดรคาร์บอน โมเลกุลใหญ่ เพ่ือให้สามารถผลิตนำ้�มันเบาจากน้ำ�มันหนักเพิ่มได้ diesel fuel ตามความตอ้ งการ light gases gas recovery naphtha hydrotreater reformer kerosene distillate dicsotillulamtinon crude oill gas oill hydrotreater residual fuel oil ผงั โรงกลนั่ แบบไฮโดรสกมิ มิง hydrotreating การบำ�บดั ด้วยไฮโดรเจน สารเจอื ปนที่ส�ำ คญั ได้แก่ สารประกอบของกำ�มะถนั ไนโตรเจน และ การท�ำ ใหผ้ ลติ ภณั ฑป์ โิ ตรเลยี มมคี วามเสถยี รโดยสารเจอื ปนก�ำ จดั ออกซิเจน แม้จะมีในปริมาณน้อยแต่ก็ส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ออกไป เชน่ สารประกอบทม่ี ไี นโตรเจน (ดู hydrodenitrogenation) ทไ่ี ด้และชนิดของกระบวนการผลติ ทเี่ ลือกใช้ กำ�มะถัน (ดู hydrodesulfurization) ออกซิเจน (ดู inhibitor sweetening การทำ�ให้น้ำ�มนั เบนซนิ สะอาด hydrodeoxygenation) หรอื โลหะหนกั (ดู hydrodemetallization) การขจัดเมอร์แคปทัน (ดู mercaptan) สารประกอบอินทรีย์ที่มี โดยใชก้ า๊ ซไฮโดรเจนและตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ ารว่ มดว้ ย ก�ำ มะถันในน�้ำ มันเบนซิน (ดู gasoline) ใหอ้ ยใู่ นรูปของสารประกอบ ไดซัลไฟด์ (disulfide) โดยใชส้ ารฟนิ ลี นี ไดมนี (phenylenediamine) อากาศ หรอื สารละลายเบส แผนภูมิการบำ�บัดด้วยไฮโดรเจน inorganic compound สารประกอบอนินทรีย์ สารประกอบอนินทรีย์ในน้ำ�มันดิบ (ดู crude oil) คือ นำ้� impurities สารเจือปน และเกลือ น้ำ�มันดิบจะมีน้ำ�เจือปนอยู่เสมอ เน่ืองจากสภาพทาง สารเจือปนในปิโตรเลียม หมายถึงสารประกอบอื่นๆ ท่ีไม่ใช่ ธรณีวิทยาของแหล่งน้ำ�มันดิบมักมีน้ำ�ใต้ดินอยู่ใกล้ๆ ส่วนเกลือ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) มหี ลายประเภท อนนิ ทรยี จ์ ะละลายอยใู่ นน้ำ� โดยเกลอื ทพ่ี บทวั่ ไปคอื เกลอื คลอไรดข์ อง ทง้ั ทอ่ี ยใู่ นน�้ำ มนั ดบิ (ดู crude oil) และเกดิ ขน้ึ ในกระบวนการกลน่ั โซเดียม แมกนีเซียม และแคลเซียม เกลือแมกนีเซียมคลอไรด์เป็น เกลอื ทอ่ี นั ตรายมากทส่ี ดุ เพราะแตกตวั งา่ ยและเกดิ กรดเกลอื ในสภาวะ ทมี่ นี �้ำ และความรอ้ น สามารถกดั กรอ่ นอปุ กรณโ์ ลหะทใ่ี ชใ้ นการกลน่ั ได้ ดังนั้นจึงต้องเติมโซเดียมไฮดรอกไซด์ลงไปเพื่อสะเทินกรดเกลือให้เป็น กลาง เกลือทกุ ชนิดท�ำ ให้เกิดคราบตะกรนั และถา่ นโค้ก (ดู coke) ใน ท่อโดยเฉพาะในเตาอุ่นน้ำ�มัน ส่งผลต่อการถ่ายโอนความร้อนของท่อ จึงควรก�ำ จัดเกลือออกจากน�้ำ มันดบิ ใหห้ มดกอ่ น โดยล้างดว้ ยน�้ำ รอ้ นใน เครือ่ งขจัดเกลือ (desalter) สารานกุ รม 95 เปิดโลกปิโตรเลียมและพลงั งานทดแทน
การก ั่ลน ้ำนา ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต isomerization ไอโซเมอไรเซชัน, การเปล่ียนไอโซเมอร์ liquefied petroleum gas (LPG) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว, การปรับเปล่ยี นโครงสร้างโมเลกุลของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ก๊าซหงุ ตม้ (แอลพีจี) (ดู hydrocarbons) ทม่ี ีโครงสรา้ งเป็นโซต่ รง (straight chain) กา๊ ซผสมระหวา่ งกา๊ ซบวิ เทน (ดู butane) และโพรเพน (ดู propane) ใหเ้ ปน็ โซก่ ง่ิ (branch chain) ทม่ี เี ลขออกเทน (ดู octane number) ไดจ้ ากหอแยกบวิ เทนและโพรเพนในโรงแยกกา๊ ซธรรมชาตโิ ดยใชค้ วาม สงู ขน้ึ เชน่ นอรม์ ลั บวิ เทนไปเปน็ ไอโซบวิ เทน โดยใชต้ วั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า เยน็ กลน่ั แยก หรอื จากกา๊ ซยอดหอกลน่ั (refinery gas) ในโรงกลน่ั (ดู catalyst) ในสภาวะทม่ี อี ณุ หภมู แิ ละความดนั ปานกลาง นาำ้ มนั มสี ภาวะเปน็ กา๊ ซทอ่ี ณุ หภมู หิ อ้ งและความดนั บรรยากาศปกติ kerosene น้ํามันก๊าด, เคโรซีน สามารถถกู อดั เปน็ ของเหลวภายใตค้ วามดนั สงู ประมาณ 7-8 กโิ ลกรมั น้ำามันเชื้อเพลิงที่ได้จากการกล่ันน้ำามันดิบ (ดู crude oil) ใน ต่อตารางเซนติเมตรท่อี ุณหภูมิปกติ บรรจุในถังเหล็กเพ่อื จำาหน่าย หอกลั่นลำาดับส่วน (ดู fractionating column) ท่ีความดัน เพ่อื ความปลอดภัยต้องเติมสารท่มี ีกล่นิ ฉุนและจมูกได้กล่นิ ไวได้แก่ บรรยากาศในโรงกลั่นนำ้ามัน ส่วนกลั่นท่ีมีจุดเดือดระหว่าง สารอนิ ทรยี ท์ ม่ี กี าำ มะถนั เชน่ สารกลมุ่ เมอรแ์ คปทนั (ดู mercaptan) 150-300 องศาเซลเซยี ส ประกอบดว้ ยพาราฟนิ (ดู paraffins) เพอ่ื ชว่ ยใหท้ ราบเมอ่ื มกี า๊ ซรว่ั ไหล ใชเ้ ปน็ เชอ้ื เพลงิ ประกอบอาหารใน แนฟทา (naphtha) และแอโรแมติกส์ (ดู aromatics) ใน ครวั เรอื น อตุ สาหกรรมขนาดเลก็ และใชเ้ ปน็ เชอ้ื เพลงิ ในยานพาหนะ อตั ราสว่ นต่างๆกนั เปน็ ของเหลวใส ไม่มีสี ตอ้ งสะอาดไมม่ ตี ะกอน โดยมจี าำ หนา่ ยในสถานบี รกิ าร หรือฝุ่นผง ซึ่งอาจทำาให้วาล์วและหัวฉีดน้ำามันอุดตัน ต้องมีความ เสถียรสูงเพื่อให้เก็บไว้ได้นาน นำ้ามันก๊าดที่จำาหน่ายต้องเติมสีนำ้าเงิน ถังบรรจุกา๊ ซปิโตรเลยี มเหลวขนาดตา่ งๆ เพื่อป้องกันการนำาไปปลอมปนกับนำ้ามันเบนซิน (ดู gasoline) หรือนำ้ามันดีเซล ในภูมิประเทศที่มีอากาศหนาวใช้เป็นเช้ือเพลิง lubricant, lubricating oil, lube oil นาํ้ มนั หลอ่ ลนื่ , นาํ้ มนั เครอ่ื ง สำาหรับทำาความอบอุ่นในอาคารบ้านเรือน ในประเทศใช้จุด นาำ้ มันทใี่ ชล้ ดแรงเสียดทานระหวา่ งผิวสัมผัสของโลหะ เพ่อื ระบาย ตะเกียงในพื้นที่ชนบทที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากน้ียังนิยมใช้งานใน ความร้อนจากเครื่องยนต์ เคลือบช่องว่างระหว่างผิวสัมผัส ลด อุตสาหกรรมบางชนิดท่ีต้องการการเผาไหม้ของเช้ือเพลิงท่ีสะอาด การสึกหรอ ทำาความสะอาดเขม่าและเศษโลหะภายในเคร่ืองยนต์ เช่น อุตสาหกรรมกระเบ้ืองเคลือบเซรามิก เป็นส่วนผสมสำาหรับ ป้องกันการกัดกร่อนจากสนิมและกรดต่างๆ และป้องกันกำาลังอัด ยา¦่าแมลง สีทาน้ำามันชักเงา น้ำายาทำาความสะอาด และเป็น ของเครื่องยนต์รั่วไหล ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ นำ้ามันพ้ืนฐาน เชือ้ เพลิงใหค้ วามร้อนในการบ่มใบยาสูบและอบพืชผล และสารเติมแตง่ เพ่ือปรับปรงุ คณุ ภาพ นำา้ มนั พ้ืนฐานทใ่ี ชผ้ สมเป็น lean gas, dry gas ก๊าซเบา, ก๊าซชนิดแห้ง นา้ำ มันหลอ่ ลื่นมี 3 แหลง่ คอื นำ้ามนั ที่สกัดจากพืช น้ำามันทีส่ กดั จาก กา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) ทป่ี ระกอบดว้ ยมเี ทน (ดู methane) นาำ้ มนั ดบิ (ดู crude oil) และนาำ้ มนั สงั เคราะห์ ชนดิ หลงั ใหค้ ณุ ภาพ เกือบท้ังหมด มีอีเทน (ดู ethane) โปรเพน (ดู propane) ของน้ำามนั เคร่ืองที่ดีท่สี ุด และบิวเทน (ดู butane) น้อยมากหรือไม่มีเลย และไม่มี mercapsol process กระบวนการเมอรแ์ คปซอล คอนเดนเสท (ดู condensate) เชน่ กา๊ ซธรรมชาตจิ ากแหลง่ นาำ้ พอง กระบวนการขจัดสารประกอบอินทรีย์ ที่มีกำามะถันจำาพวก จงั หวดั ขอนแกน่ ใชเ้ ปน็ เชอ้ื เพลงิ สาำ หรบั โรงไฟฟา้ เมอรแ์ คปทัน (ดู mercaptan) ออกจากน้าำ มันเบนซิน (ดู gasoline) light crude, light crude oil น้ํามันดบิ ชนิดเบา ดว้ ยวธิ กี ารสกดั ของเหลวแบบไหลสวนทางกนั และใชข้ องเหลวหลายๆ นำ้ามันดิบ (ดู crude oil) ท่ีมีความหนาแน่นน้อยและมีค่า ชนดิ ในการสกดั ความถ่วงจำาเพาะเอพีไอระหว่าง 35-45 องศา มีปริมาณของ ไขนอ้ ย ภายใตแ้ สงแอลตราไวโอเลต (ultraviolet light) เปน็ สขี าว เมอ่ื นาำ ไปกลน่ั จะใหน้ าำ้ มนั เบนซนิ (ดู gasoline) และดเี ซล (ดู diesel fuel) ในปรมิ าณมาก light distillate สว่ นกลัน่ เบา, ดสิ ทิลเลตเบา ส่วนกลั่นที่ได้จากการกลั่นน้ำามันดิบ (ดู crude oil) ในหอกลั่น ลาำ ดบั สว่ น (ดู fractionating column) ทคี่ วามดันบรรยากาศใน โรงกล่นั นำ้ามัน มีจดุ เดือดต่ำากวา่ 300 องศาเซลเซียส ใช้เปน็ ส่วน ผสมผลติ นา้ำ มนั เบนซนิ (ดู gasoline) และนา้ำ มนั กา๊ ด (ดู kerosene และดู heavy distillate, middle distillate ประกอบ) 96 สารานกุ รม เปดิ โลกปิโตรเลยี มและพลังงานทดแทน
mercaptan เมอร์แคปทัน เม่ือมีแสงหรือความร้อน การแยกก๊าซมีเทนออกจากสารประกอบ การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ สารประกอบอนิ ทรยี ท์ ม่ี กี �ำ มะถนั เปน็ องคป์ ระกอบ สตู รโมเลกลุ ทว่ั ไป ไฮโดรคาร์บอนอื่นๆ ทำ�ได้โดยลดอุณหภูมิหรือเพิ่มความดันเพื่อ R-SH เปน็ สารอนั ตราย (สารกอ่ มะเรง็ ) พบไดใ้ นน้ำ�มนั ดบิ (ดู crude เปลยี่ นใหส้ ารประกอบไฮโดรคารบ์ อนทห่ี นกั กวา่ กลายเปน็ ของเหลว oil) ต้องกำ�จดั ออกก่อนที่จะนำ�นำ้�มนั ดิบเข้าสกู่ ระบวนการกลั่น มจี ดุ เดอื ดต�ำ่ มากที่ -162 องศาเซลเซยี ส จงึ ใชข้ นสง่ ทางทอ่ เปน็ สว่ น Merox process กระบวนการเมอรอกซ์ ใหญ่ ยกเว้นการขนสง่ ปรมิ าณมากจากแหล่งผลติ ทอี่ ย่หู า่ งไกลใชว้ ธิ ี กระบวนการกำ�จัดกำ�มะถันออกจากผลิตภัณฑ์น้ำ�มัน เช่น น้ำ�มัน ท�ำ ใหเ้ ปน็ ของเหลว (liquefied natural gas) แลว้ บรรทกุ ดว้ ยเรอื เดนิ เคร่ืองบนิ (ดู aviation fuel) ทำ�ให้คุณภาพนำ�้ มนั ดขี นึ้ ใชโ้ ซเดียม สมทุ รขนาดใหญท่ อ่ี อกแบบมาโดยเฉพาะ ใชเ้ ปน็ เชอ้ื เพลงิ ส�ำ หรบั โรง ไฮดรอกไซดห์ รอื โซดาไฟ (caustic soda) ลา้ งกอ่ นและทำ�ปฏกิ ริ ยิ า ไฟฟา้ อตุ สาหกรรม เปน็ วตั ถดุ บิ ในการผลติ ปยุ๋ เคมี เปน็ สารตง้ั ตน้ โดยมีอากาศพ่นเข้าไปในเคร่ืองปฏิกรณ์ เปลี่ยนสารประกอบ (ดู feedstock) ส�ำ หรบั ผลติ กา๊ ซสงั เคราะห์ (ดู synthesis gas) เมอรแ์ คปทนั (ดู mercaptan) และไฮโดรเจนซลั ไฟด์ (ดู hydrogen เมทานอล (methanol) และแอมโมเนีย (ammonia) นอกจาก sulfide) ให้อยู่ในรูปของแอลคลิ ไดซลั ไฟด์ (alkyl disulfide) ท่มี ี น้ีในบางประเทศรวมถึงประเทศไทย นำ�ก๊าซธรรมชาติท่ีมีมีเทน ความกดั กรอ่ นนอ้ ยกวา่ เป็นส่วนใหญ่มาอัดความดันสูง ใช้เป็นเช้ือเพลิงในยานพาหนะ หรอื รจู้ กั กนั ในชอ่ื กา๊ ซธรรมชาตสิ �ำ หรบั ยานพาหนะ (ดู natural gas for vehicles) Compressed air methyl tertiary butyl ether (MTBE) เมทลิ เทอรเ์ ชียรบี วิ ทิล อเี ทอร์ (เอม็ ทบี อี ี) CSoeacletisocner Aolkfacliantealybsetd สารประกอบออกซเิ จนเนต (oxygenated compound) ชนิดหนง่ึ Fresbhatccahustic PCraeuwsatisch RMeearctoxor สเมูตทราโมนเอลลกุล(mCet5hHa1n2Ool) ของเหลวติดไฟได้ ได้จากปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ ง และไอโซบิวทีน (isobutane) เป็นสารเติม Water Wash แตง่ น�ำ้ มนั เบนซิน (ดู gasoline) เพือ่ เพมิ่ เลขออกเทน (ดู octane Salt Bed Clay Bed CSaeuttsletirc Drain Drain Swjeetetfueneled number) ปจั จบุ นั หลายประเทศเลกิ ใชแ้ ลว้ เพราะมแี นวโนม้ ทจี่ ะปน Jefteefduel เปอ้ื นแหลง่ น�้ำ ใตด้ นิ มอี นั ตรายตอ่ รา่ งกาย หากดม่ื หรอื หายใจท�ำ ให้ SpenDt raCianustic normally closed valve คล่นื เหยี น ระคายเคืองจมูกและคอ มีผลกบั ระบบประสาท Caustic(incteirrcmuliattteionnt) pump O CH2 CH3 CHEMICAL REACTIONS IN JET FUEL MEROX TREATING H3C C Caustic Prewash : Merox Reaction : NaOH + H2S NaSH + H2O 4RSH + O2 2RSSR + 2H2O ผงั กระบวนการเมอรอกซ์ H3C CH3 เมทลิ เทอรเ์ ชียรีบวิ ทลิ อีเทอร์ meta-xylene เมทา-ไซลนี middle distillate สว่ นกลัน่ กลาง, ดิสทิลเลตกลาง สารแอโรแมตกิ ส์ (ดู aromatics) ทม่ี หี มแู่ ทนท่ี (แทนไฮโดรเจน) สว่ นกลน่ั ทไี่ ดจ้ ากการกลนั่ ในหอกลน่ั บรรยากาศในโรงกลน่ั น้ำ�มนั ดบิ เป็นหมู่เมทิล 2 หมู่ ในตำ�แหน่งเมตา คือตำ�แหน่งท่ีอยู่ติดกัน (ดู crude oil) หรือการกล่นั สญุ ญากาศ (ดู vacuum distillation) เปน็ ไอโซเมอรห์ นง่ึ ของไซลนี (ดู xylene) มกั ถกู เปลย่ี นใหเ้ ปน็ พารา- โรงกลั่นน้ำ�มันเคร่ือง ช่วงการกล่ัน (ดู distillation range) ไซลนี (ดู para-Xylene) ซง่ึ มมี ลู คา่ สงู กวา่ อยู่ระหว่างนำ้�มันก๊าด (150-300 องศาเซลเซียส) กับก๊าซ ออยล์ (250-350 องศาเซลเซียส) ได้ผลิตภัณฑ์น�้ำ มันเครื่องบิน CH3 (ดู aviation fuel) นำ้�มันก๊าด (ดู kerosene) นำ้�มันดีเซล เมทา-ไซลนี CH3 (ดู diesel fuel) และน�ำ้ มนั ท�ำ ความร้อน (ดู heavy distillate และ middle distillate ประกอบ) methane มีเทน molecular sieve ตัวกรองโมเลกลุ , มอเลกคิวลาร์ซฟี องค์ประกอบหลักที่มีในก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) วัสดุที่มีรูพรุนขนาดเล็กที่มีขนาดสม่ำ�เสมอ ใช้เป็นสารดูดซับ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ท่ีมีคาร์บอน กา๊ ซและของเหลว ตวั อยา่ งของตวั กรองโมเลกลุ เชน่ สารประกอบ 1เฉือ่ อยะตต่ออกมารเสกูติดรปโฏมกิเลิรกยิ ุลาเคCมHี แ4ตท่ไม�ำ ่มปีสฏีกิ ริไมิยา่มกีกบั ลคิ่นลอเรบีนาหกรวอื่าโอบารกมานีศ อะลูมิโนซิลิเกต (aluminosilicate mineral) ดินเหนียว (clay) แกว้ ท่ีมรี พู รุน (porous glass) ถา่ น (microporous charcoal) ซีโอไลต์ (zeolite) คาร์บอนกัมมันต์ (ดู activated carbon) สารานกุ รม 97 เปดิ โลกปิโตรเลียมและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต รวมถึงสารสังเคราะห์ท่ีมีโครงสร้างเป็นรูพรุน ขนาดของตัวกรอง naphthene, cycloalkane แนฟทีน, ไซโคลแอลเคน โมเลกลุ มีอยูห่ ลายขนาดด้วยกนั ดงั น้ี สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนชนดิ อมิ่ ตวั (ดู aliphatic hydrocarbon, 1. ตวั กรองโมเลกุลที่มขี นาดของรูพรนุ 3 องั สตรอม (ชนิด 3A) saturated) ท่ีมีโครงสร้างโมเลกุลเป็นวงแหวน อาจมีเพียงหน่ึง เหมาะสำ�หรับดดู ซบั สารแอมโมเนียและนำ�้ วงแหวนหรือมากกว่าก็ได้ ในวงแหวนประกอบด้วยพันธะเดี่ยว 2. ตัวกรองโมเลกุลท่มี ีขนาดของรูพรุน 4 อังสตรอม (ชนิด 4A) ขnอคงอืคาจร�ำ บ์ นอวนนอคะาตรอบ์ มอตน่ออกะันตเอทมา่ ทนงั้ ัน้ หมสดตูในรโโมมเเลลกกลุลุ ทเร่ัวมิ่ไปตงั้ แCตnHค่ 2าnรบ์ เอมนื่อ เหมาะสำ�หรับดูดซบั นำ้� คารบ์ อนไดออกไซด์ (ดู carbon dioxide) 3 อะตอมข้ึนไป มีสถานะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง ตัวอย่าง ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไฮโดรเจนไดซลั ไฟด์ (ดู hydrogen sulfide) สารประกอบในกลุ่มน้ี ได้แก่ ไซโคลโพรเพน (cyclopropane) เอทิลีน (ดู ethylene) อีเทน (ดู ethane) โพรพนี (ดู propylene) ไซโคลบิวเทน (cyclobutane) ไซโคลเพนเทน (cyclopentane) เอทลิ แอลกอฮอล์ (ดู ethyl alcohol) ไซโคลเฮกซาน (cyclohexane) และเมทิลไซโคลเพนเทน (methyl 3. ตวั กรองโมเลกุลท่ีมีขนาดของรูพรุน 5 องั สตรอม (ชนดิ 5A) cyclopentane) เปน็ ตน้ เหมาะส�ำ หรบั ดดู ซบั สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) natural gas ก๊าซธรรมชาติ ชนิดเส้นตรง แอลกอฮอล์และสารเมอร์แคปทัน (ดู mercaptan) ก๊าซท่ีผลิตได้จากแหล่งกำ�เนิดใต้พิภพ อาจเป็นก๊าซชนิดแห้ง ที่มจี �ำ นวนคาร์บอน นอ้ ยกว่า 4 อะตอม (ดู lean gas) ประกอบด้วยกา๊ ซมเี ทน (ดู methane) เปน็ สว่ น 4. ตัวกรองโมเลกุลทม่ี ีขนาดของรพู รนุ 8 อังสตรอม (ชนดิ 10X) ใหญ่หรือชนิดเปียก (ดู wet gas) ประกอบด้วยไฮโดรคาร์บอน เหมาะส�ำ หรับดูดซับสารประกอบไฮโดรคาร์บอนท่มี โี ครงสร้างแบบ (ดู hydrocarbons) หลายชนิดผสมกัน หรอื กา๊ ซท่อี ยู่ร่วมกบั น�ำ้ มัน กิง่ หรือแอโรแมตกิ ส์ (ดู aromatics) ดิบ (ดู crude oil) ในแหล่งก�ำ เนิดเดียวกัน (associated gas) 5. ตวั กรองโมเลกลุ ทม่ี ขี นาดของรพู รนุ 10 องั สตรอม (ชนดิ 13X) ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบไฮโดรคารบ์ อนทส่ี ภาวะสมดลุ กบั ไฮโดรคารบ์ อนท่ี เหมาะส�ำ หรับดดู ซบั สารไดบิวทิลามนี (di-n-butylamine) อยู่ในน้ำ�มัน เกิดข้ึนจากการสลายตัวของสารประกอบอินทรีย์จาก ตัวอย่างการใช้ตัวกรองโมเลกุลในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ได้แก่ ซากพืชซากสัตว์และมีหินตะกอนดินและทรายทับถมกดทับเป็น การก�ำ จดั น�ำ้ จากกา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) ทมี่ นี �้ำ เจอื ปรมิ าณ เวลาหลายร้อยล้านปี เน่ืองจากความร้อนและความกดดันจึงแปร ต�ำ่ เพ่อื ป้องกนั การกัดกร่อนของโลหะทใ่ี ช้ในกระบวนการ สภาพเป็นปิโตรเลียม (ทั้งก๊าซธรรมชาติและน�ำ้ มันดิบมีต้นกำ�เนิด เดยี วกัน) ไมม่ ีสี ไมม่ ีกล่ิน มีสถานะเปน็ กา๊ ซทอ่ี ุณหภมู ิและความ ตัวกรองโมเลกลุ รปู ร่างตา่ งๆ ด(นเฮCปเีันอล็น3กบHยีสจร8ม่วารดนกย(ูในาHหpี้ยกeญrังาo)อศ่pาแแaจลnลเมะบeะีกไ)าออ๊ากาซแนวจคล�้ำ่ามาะอีกรรบาา๊ บ์ววิกซมอเาอทนทศเี นไทั้งดสนปอ(าCอรร(ป4ะกCHไกร2ซ1ะอH0ดกบ6์อดด(บCูด้วกbูOย�ำuกe2มt)๊tาahะซไnaถนมenนัโี)เeตท)รป(นดเนจโู พอน(sรยCuเ(ู่บlHNพf้าuน42งr)) compound) และโลหะเจือปน จงึ ตอ้ งผา่ นกระบวนการแยกกอ่ น ได้ก๊าซธรรมชาตทิ างการคา้ (commercial natural gas) ใชเ้ ปน็ เชอื้ เพลงิ ในการผลติ กระแสไฟฟา้ ในโรงงานอตุ สาหกรรมและปจั จบุ นั ยังนำ�ไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำ�หรับยานพาหนะแทนนำ้�มัน นอกจากใช้ เปน็ เชื้อเพลิงโดยตรงแล้ว บางประเทศใชม้ ีเทนผลติ ก๊าซสังเคราะห์ (ดู synthesis gas) เพ่ือผลิตเมทานอล หรือน้ำ�มันเช้ือเพลิง สงั เคราะห์ ด้วยปฏิกิรยิ าการผลติ เมทานอล (methanol systhesis) หรอื ฟิชเชอร์-ทรอ็ ปช์ (Fischer-Tropsch synthesis) ตามล�ำ ดบั motor octane number (MON) เลขออกเทนมอเตอร์ natural gas dehydration การขจัดนำ้ �ออกจากก๊าซธรรมชาติ (เอม็ โอเอ็น) การขจัดนำ้�ออกจากก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) ก่อนเข้า เลขออกเทน (ดู octane number) ที่ได้จากการทดสอบนำ้�มัน กระบวนการแยกก๊าซธรรมชาติ ซึ่งต้องผ่านก๊าซเข้าระบบทำ� เบนซนิ (ดู gasoline) โดยใชเ้ ครอ่ื งยนตม์ าตรฐานสบู เดยี วทส่ี ามารถ ความเย็นเพื่อลดอุณหภูมิ น้ำ�ที่เจือปนอยู่อาจกลายเป็นนำ้�แข็งซึ่ง ปรับอัตราสว่ นการอัด (compression ratio) ได้ ทดสอบภายใต้ อาจท�ำ ใหท้ อ่ อดุ ตนั ได้ กระบวนการทน่ี ยิ มทสี่ ดุ คอื กระบวนการดดู ซมึ สภาวะมาตรฐาน ทค่ี วามเรว็ 900 รอบตอ่ นาที ซงึ่ เปน็ ความเรว็ รอบ (ดู absorption) โดยนยิ มใชม้ อนอเอทลิ นี ไกลคอล (monoethylene ทสี่ งู กวา่ การทดสอบเลขออกเทนวจิ ยั (research octane number) glycol, MEG) ไดเอทลิ นี ไกลคอล (diethylene glycol, DEG) ทำ�ให้เลขออกเทนมอเตอร์ต�่ำ กว่าเลขออกเทนวิจัย 98 สารานุกรม เปิดโลกปโิ ตรเลยี มและพลังงานทดแทน
หรือ ไตรเอทิลีนไกลคอล (triethylene glycol, TEG) สว่ นการขจดั normal paraffins นอรม์ ลั พาราฟนิ การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ นำ้�ปริมาณน้อยมากในขั้นสุดท้ายกระทำ�โดยใช้กระบวนการดูดซับ สารไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ท่มี โี ครงสรา้ งเปน็ อะตอม (ดู adsorption) ด้วยตัวกรองโมเลกุล (ดู molecular sieve) ของคาร์บอนเรียงต่อกันเป็นเส้นยาว คาร์บอนแต่ละอะตอม หรอื ซิลกิ าเจลเป็นสารดูดความชื้น มnีอเปะตน็ อจ�ำมนไฮวโนดอระเตจอนมจขับอองยคู่จานรบ์ออ่ิมนตใัวนโมสเูตลรกโลุ มเไลฮโกดุลรคCารnบ์Hอ2nน+2เบาโทดมี่ยี อะตอมคารบ์ อนต้ังแต่ 1 ถึง 4 เป็นไฮโดรคารบ์ อนที่พบมากในกา๊ ซ OH OH OH ธรรมชาติ (ดู natural gas) มกี า๊ ซมีเทนทม่ี อี ะตอมของคาร์บอน 1 อะตอม เปน็ องค์ประกอบหลกั มอนอเอทลิ นี ไกลOคHอล O octane number เลขออกเทน ตัวเลขท่ีแสดงถึงความสามารถในการต้านทานการชิงจุดระเบิด OH O ไดเอทลิ ีนไกลคอล ก่อนเวลาทกี่ ำ�หนดในเครือ่ งยนต์เบนซนิ มวลของสว่ นผสมอากาศ กับนำ้�มันเช้ือเพลิงท่ีกำ�ลังถูกอัดในกระบอกสูบจุดระเบิดก่อนที่คล่ืน O OH เปลวไฟจากหัวเทียนจะเคล่ือนที่มาถึง ทำ�ให้เกิดการกระแทกหรือ การน็อก (knock) ในกระบอกสูบกอ่ นการเผาไหม้พรอ้ มๆ กนั ใน ไตรเอทลิ ีนไกลคอล กระบอกสูบของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เดินไม่เรียบและเสียกำ�ลัง กำ�หนดให้ไอโซออกเทน (isooctane) มีเลขออกเทนเป็น 100 natural gas for vehicles (NGV) ก๊าซธรรมชาติสำ�หรับ และให้นอร์มัลเฮปเทน (normal heptane) มีเลขออกเทนเป็น ยานพาหนะ (เอ็นจีวี) 0 เป็นสารไฮโดรคาร์บอนเปรียบเทียบ ตัวอย่างเช่นน้ำ�มันที่มีเลข ก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) ที่ถูกอัดจนมีความดันสูงมาก ออกเทน 95 หมายถึงนำ้�มันท่ีมีความสามารถในการต้านทาน ประมาณ 3,000 ปอนด์ต่อตารางนิว้ (เปน็ ความดันทส่ี งู มากเท่ากบั การนอ็ กเทยี บเทา่ กบั น�้ำ มนั เชอ้ื เพลงิ มาตรฐานทมี่ สี ว่ นประกอบของ 240 เท่าของความดันบรรยากาศ) มีจำ�หน่ายท่ีสถานีบริการเช่น ไอโซออกเทนรอ้ ยละ 95 โดยปรมิ าตรและนอรม์ ลั เฮปเทนรอ้ ยละ 5 เดียวกับน�้ำ มันเบนซิน (ดู gasoline) และน้ำ�มันดเี ซล (ดู diesel โดยปริมาตร ถ้าเลขออกเทนสูง ความต้านทานการน็อกของ fuel) ถงั บรรจตุ อ้ งมคี วามแขง็ แรงทนทานสงู เปน็ พเิ ศษ อาจทำ�ดว้ ย เครื่องยนต์สูง การออกแบบเคร่ืองยนต์เบนซินของรถยนต์แต่ละรุ่น เหล็กกล้า ก๊าซธรรมชาติเป็นเช้ือเพลิงทดแทนน้ำ�มันเบนซินหรือ แต่ละย่ีห้อ มคี วามแตกตา่ งกัน มีกำ�ลงั อัดต่างกนั จึงต้องใช้น�ำ้ มัน ดเี ซลในรถยนต์ประเภทตา่ งๆ เรียกอีกชื่อหนึง่ วา่ กา๊ ซธรรมชาติอัด เบนซนิ (ดู gasoline) ทีม่ ีเลขออกเทนต่างกัน การเลอื กใช้น�ำ้ มัน (ดู compressed natural gas, CNG) เบนซินท่ีมีเลขออกเทนที่เหมาะสมช่วยให้เคร่ืองยนต์ทำ�งานได้ อย่างมปี ระสิทธภิ าพสูงสดุ (ดู octane number, หมวดการตลาด natural gas impurities สารเจอื ปนในก๊าซธรรมชาติ ประกอบ) สารเจอื ปนท่ีอยู่ในก๊าซธรรมชาติ (ดู natural gas) มีได้หลายชนดิ oil refining process, refining process กระบวนการทำ�น้ำ�มนั ข้นึ อยู่กบั แหลง่ กำ�เนิด ไดแ้ ก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ดู carbon ใหบ้ ริสทุ ธิ,์ กระบวนการกล่นั น้ำ�มัน dioxide) ไฮโดรเจนซลั ไฟด์ (ดู hydrogen sulfide) ไนโตรเจน กระบวนการทเี่ รมิ่ ตงั้ แตข่ น้ั ตอนการเตรยี มน้ำ�มนั ดบิ (ดู crude oil) ฮเี ลยี ม โลหะเจือปน และน้ำ� เป็นต้น สามารถแยกออกจากก๊าซ เช่น การล้างเกลือออก การกลั่นน้ำ�มันดิบด้วยหอกล่ันลำ�ดับส่วน ธรรมชาตไิ ด้ โดยผา่ นกระบวนการแยกทแี่ ทน่ ผลติ ทร่ี บั กา๊ ซจากหลมุ (ดู fractionating column) และการปรบั ปรงุ คุณภาพผลผลติ จาก ผลติ ก่อนขนสง่ กา๊ ซเข้าทางท่อ และท่ีโรงแยกกา๊ ซธรรมชาติ การกลน่ั เชน่ การแตกตวั สารที่มีโมเลกุลใหญ่ใหเ้ ลก็ ลง การปรับ เปล่ียนโครงสรา้ งโมเลกลุ การกำ�จัดสารจำ�พวกก�ำ มะถัน การฟอกสี natural gas liquid (NGL), natural gasoline แกโซลีน และการผสมสารเติมแต่งต่างๆ และข้ันตอนการผสมเป็นขั้นตอน ธรรมชาติ สดุ ทา้ ยเพอื่ ผลิตเปน็ ผลิตภัณฑน์ �้ำ มันเพอื่ จ�ำ หนา่ ย ซ่ึงมีสถานะเปน็ ไฮโดรคารบ์ อน (ดู hydrocarbons) ท่ีแยกออกมาในรูปของเหลว ก๊าซ ของเหลว และของแขง็ เช่น ก๊าซปโิ ตรเลยี มเหลวหรอื กา๊ ซ ทอ่ี ณุ หภูมิและความดันบรรยากาศจากก๊าซธรรมชาติ (ดู natural หงุ ต้ม (ดู liquefied petroleum gas) น�ำ้ มันเบนซนิ (ดู gasoline) gas) ได้แก่ บิวเทน (ดู butane) และไฮโดรคาร์บอนท่ีหนักกว่า น้ำ�มนั กา๊ ด (ดู kerosene) น�ำ้ มนั ดีเซล (ดู diesel fuel) นำ�้ มันเตา เ(Cป็น5+ส) าสราตมง้ั ตาร้นถน(ดำ�ูไปfeกeลdั่นsแtoยcกkเ)ป็นปแอ้ กนโโซรลงงีนาน(ปดิโู ตgรaเsคoมliีไnดe้ ) หรอื ใช้ (ดู fuel oil) และยางมะตอย (ดู asphalt) เป็นต้น nitrogen compound in crude oil สารประกอบไนโตรเจน ในนำ้ �มันดบิ สารประกอบอินทรีย์ท่ีมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบเช่น พิริดีน (pyridene) ในน�ำ้ มนั ดบิ (ดู crude oil) อาจมมี ากถงึ รอ้ ยละ 0.1 โดยน�ำ้ หนกั สารประกอบไนโตรเจนท�ำ ใหน้ �ำ้ มนั แกโซลนี (ดู gasoline) และน�ำ้ มนั กา๊ ดเปลย่ี นสคี ล�ำ้ ลง โดยเฉพาะถา้ มฟี นี อล (ดู phenol) ปนอยดู่ ว้ ย ถา้ อยใู่ นน�ำ้ มนั หลอ่ ลน่ื มกั ท�ำ ใหเ้ กดิ ยางเหนยี วในระหวา่ ง การใชง้ าน สามารถก�ำ จดั ไดโ้ ดยใชก้ รดซลั ฟวิ รกิ หรอื ใชก้ ระบวนการ บ�ำ บดั ดว้ ยไฮโดรเจน (ดู hydrotreating) เพอ่ื เปลย่ี นไนโตรเจนเปน็ กา๊ ซแอมโมเนยี สารานุกรม 99 เปิดโลกปิโตรเลียมและพลงั งานทดแทน
olefin โอเลฟิน oxygen compound in crude oil สารประกอบออกซเิ จนใน สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนชนดิ ไมอ่ ม่ิ ตวั (ดู aliphatic hydrocarbon, นำ้ �มันดบิ unsaturated) แบบโซ่ ประกอบดว้ ยพนั ธะคู่ (double bond) ของ สารประกอบทีม่ อี อกซเิ จนเปน็ องค์ประกอบในน�ำ้ มนั ดบิ (ดู crude การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต คารบ์ อนอะตอมในสายโซอ่ ยา่ งนอ้ ย 1 พนั ธะมชี อ่ื เรยี กอกี อยา่ งหนง่ึ วา่ oil) โดยทั่วไปมีออกซิเจนที่อยู่ในรูปสารประกอบประมาณร้อยละ แอลคนี (ดู alkenes) อาจเปน็ ไดท้ ั้งแบบโซ่ตรง (straight chain) 0.5 โดยน�ำ้ หนกั อาจเปน็ กรดอนิ ทรยี ซ์ ง่ึ มหี มู่คาร์บ็อกซิล (carboxyl และโซ่ก่ิง (branch chain) อาจมีสถานะเป็นของเหลวหรือก๊าซ group) หนึ่งหมู่หรือหลายหมู่ในสายโซ่ของไฮโดรคาร์บอน มีฤทธิ์ สูตรโมเลกุลทั่วไป ไCมn่พHบ2nในเนม้ำ�ื่อมันnดิบคือ(ดู จำ�นวนคาร์บอนอะตอม เปน็ กรดจึงสามารถสะเทินไดโ้ ดยเตมิ โซเดยี มไฮดรอกไซด์ นอกจาก ทัง้ หมดในโมเลกลุ crude oil) แต่ไดจ้ าก นม้ี ฟี ีนอล (ดู phenol) หรือสารตระกูลฟีนอล และสารอน่ื ท่ีไมเ่ ปน็ กระบวนการแตกตัว (ดู cracking) ในโรงกลนั่ นำ้�มัน โอเลฟินท่ี กรดเช่น เอสเทอร์ (ester) เอมีด (amide) หรือคีโตน (ketone) สำ�คัญในอุตสาหกรรมปโิ ตรเคมีไดแ้ ก่ เอทลิ ีน (ดู ethylene) และ ซงึ่ มีปรมิ าณน้อยมาก โพรพิลนี (propylene) paraffins, paraffinic hydrocarbons พาราฟินส์, พาราฟนิ ิก ไฮโดรคารบ์ อนส์ Organization of Petroleum Exporting Countries (OPEC) สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนชนดิ อมิ่ ตวั (ดู aliphatic hydrocarbon, โอเปก saturated) มีชื่อเรียกอีกอย่างหน่ึงว่าแอลเคน (ดู alkanes) องค์การนานาชาติที่จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำ�มันเป็นสินค้า พันธะที่ใช้ในการยึดระหว่างอะตอมของคาร์บอนกับคาร์บอน ส่งออกเพื่อร่วมมือด้านนโยบายนำ้�มัน ทำ�ข้อตกลงด้านปริมาณ (-C-C-) เป็นแบบพันธะเด่ียว (single bond) จึงไม่สามารถ การผลติ และราคา ใหค้ วามช่วยเหลือดา้ นเทคนคิ และเศรษฐกจิ แก่ เติมไฮโดรเจนลงไปได้อีก อาจมีสถานะได้ท้ังก๊าซหรือของเหลว ประเทศสมาชกิ กอ่ ตง้ั ขน้ึ เมอื่ ปี พ.ศ. 2503 ปจั จบุ นั มสี มาชกิ ทง้ั หมด ข้ึนอยู่กับโมเลกุล โครงสร้างโมเลกุลของสารประกอบชนิดน้ีมีทั้ง 12 ประเทศ ไดแ้ กป่ ระเทศ กาตาร์ คูเวต ซาอดุ ิอาระเบีย ไนจีเรยี แบบสายโซ่ตรง (straight chain) ซ่ึงเรียกว่านอร์มัลพาราฟินส์ ลเิ บีย เวเนซเุ อลา สหรฐั อาหรบั เอมเิ รตส์ อิรัก อหิ รา่ น แอลจเี รยี (ดู normal paraffins หรือ n-paraffin) และแบบสายโซ่กิ่ง แองโกลา และเอกวาดอร์ (branch chain) ซึ่งเรียกวา่ ไอโซพาราฟนิ (isoparaffin) สูตร โใมนโเลมกเลุลกทลุ ัว่ ไปโดCยทnH่วั 2ไnป+2มคีเมา่ ื่อต้งั nแตค่ ือ1จำ�ถนงึ วน2ค0ารส์บาอรนปอระะตกออบมททม่ีั้งหสี มูตดร โมเลกลุ เหมอื นกนั มจี ำ�นวนอะตอมของคารบ์ อนมากกวา่ 3 อะตอม ขน้ึ ไป จะสามารถจดั โครงสรา้ งโมเลกลุ แตกตา่ งกนั ไดห้ ลายรปู เรยี กวา่ ไอโซเมอร์ (isomer) เปน็ สว่ นประกอบส�ำ คญั ของปโิ ตรเลยี ม ไดแ้ ก่ มเี ทน (ดู methane) อเี ทน (ดู ethane) โพรเพน (ดู propane) บวิ เทน (ดู butane) ไอโซบวิ เทน (iosbutane) เพนเทน (ดู pentane) และเฮกซาน (hexane) เปน็ ตน้ ธงของกลุม่ โอเปค paraffin-based crude oil, paraffinic crude oil น้ำ�มันดิบ ฐานพาราฟนิ , นำ้ �มนั ดบิ ทม่ี พี าราฟนิ สงู ortho-Xylene ออรโ์ ท-ไซลนี น้ำ�มันดิบ (ดู crude oil) ที่มีค่าความถ่วงจำ�เพาะเอพีไอสูง สารแอโรแมติกส์ (ดู aromatics) ท่ีมหี มู่แทนที่ (แทนไฮโดรเจน) องค์ประกอบส่วนมากเป็นไฮโดรคาร์บอนพาราฟินที่มีโครงสร้าง เป็นหมู่เมทิล 2 หมู่ ในตำ�แหน่งออร์โท คือตำ�แหน่งห่างกัน 1 แบบสายโซต่ รง (straight chain) มากกวา่ แบบสายโซก่ ง่ิ (branch ตำ�แหน่ง เป็นไอโซเมอร์หน่ึงของไซลีน (ดู xylene) สารต้ังต้น chain) เมื่อกลั่นจะได้ปริมาณนำ้�มันเบาและกลางสูง และไข (ดู feedstock) ในการผลิตทาลิกแอนไฮไดรด์ (phthalic (ดู wax) เปน็ กากทเี่ หลอื จากการกลน่ั ขอ้ ดอ้ ยคอื ขนสง่ ยากเพราะมกั anhydride) ซ่งึ เปน็ สารเสริมสภาพพลาสตกิ (plasticizer) จะจบั ตวั เปน็ ผลกึ ของไขทอ่ี ณุ หภมู ติ �่ำ กวา่ 30 องศาเซลเซยี ส ท�ำ ใหก้ าร ขนถา่ ยและการเกบ็ ยุ่งยาก อาจตอ้ งใช้ความรอ้ นช่วย CH3 ออรโ์ ท-ไซลีน CH3 100 สารานุกรม เปดิ โลกปโิ ตรเลียมและพลงั งานทดแทน
para-Xylene พารา-ไซลนี ผิวโลก ประกอบด้วยไฮโดรคาร์บอนเป็นหลัก อาจมีสัดส่วนสูงถึง สารแอโรแมตกิ ส์ (ดู aromarics) ทม่ี หี มแู่ ทนท่ี (แทนไฮโดรเจน) ร้อยละ 95 ส่วนทีเ่ หลือ ได้แก่ ไนโตรเจน และคารบ์ อนไดออกไซด์ เป็นหม่เู มทิล 2 หมู่ ในตำ�แหน่งพารา คือตำ�แหน่งตรงกันข้าม (ดู carbon dioxide) บางแหล่งมไี ฮโดรเจนซัลไฟด์ (ดู hydrogen กนั เปน็ ไอโซเมอรห์ นง่ึ ของไซลนี (ดู xylene) เปน็ สารตง้ั ตน้ (ดู sulfide) เจือปนอยู่ด้วย ในแหล่งกักเก็บอาจพบก๊าซธรรมชาติอยู่ feedstock) ในการผลิตเม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต ร่วมกับนำ้�มันดิบ หรือในก๊าซธรรมชาติอาจมีไฮโดรคาร์บอนหนัก (polyethylene terephthalate, PET) ทใ่ี ชใ้ นการผลิตขวดใส ละลายอยู่ ซงึ่ จะกลายสภาพเปน็ ของเหลวเมอ่ื ขน้ึ มาสพู่ น้ื ผวิ เรยี กวา่ คอนเดนเสท (ดู condensate) CH3 การกล่นั น้ำ�มนั และการแยกกา๊ ซธรรมชาติ Desorbent H3C พารา-ไซลีน parex process กระบวนการพาเรกซ์ กระบวนการแยกพารา-ไซลีน (ดู para-Xylene) ออกจากไซลีน ผสมซง่ึ เปน็ สารประกอบทม่ี ไี ซลนี ทง้ั สามไอโซเมอรไ์ ดแ้ ก่ พารา-ไซลนี ออร์โท-ไซลีน (ดู ortho-Xylene) และเมทา-ไซลีน (ดู meta- Xylene) โดยใช้สารดูดซบั RVoatlavrey Extract ConEcxetrnatcratted Extract Desorbent Feed CEoxtluramcnt น�ำ้ มันปิโตรเลยี มทีพ่ งุ่ จากพื้นดนิ Raffinate CoRnacffienntarateted petroleum coke ถา่ นโค้กปิโตรเลียม ของแข็งสีดำ�ท่ีเหลือจากกระบวนการแตกตัวด้วยความร้อน (ดู Adsorh ent Chamber Raffinate RCaoffilunmatne thermal cracking) ของน้ำ�มนั หนกั มาก หรอื กากก้นหอกลัน่ ใน Pumparound Pump Feed หน่วยปฏิบัติการการผลิตถ่านโค้กแบบหน่วงเวลา (ดู delayed coker) ประกอบด้วยคารบ์ อนเปน็ สว่ นใหญ่ มหี ลายประเภท ใช้ ผงั กระบวนการพาเรกซ์ ทำ�เป็นข้วั แอโนด (anode) ข้ัวอเิ ล็กโทรด (electrode) แกรไฟต์ และผลิตสารคาร์ไบด์ pentane เพนเทน phenol ฟนี อล สารไฮโดรคาร์บอนพาราฟินที่ประกอบด้วยคาร์บอน 5 อะตอม สารแอโรแมติกส์ (ดู aromatics) ท่ีมีหมู่ไฮดรอกซิล (-OH) 1 ส(ดตู ู รfโlaมsเhลกpุลoiCnt5)Hท12่ี มจี ดุ เดือดที่ 36 องศาเซลเซยี ส มีจุดวาบไฟ หมเู่ ป็นหมแู่ ทนท่ีไฮโดรเจน มฤี ทธ์เิ ป็นกรดอ่อน พบในสว่ นกล่ันที่ -50 องศาเซลเซยี ส ไวไฟสงู เป็นน้ำ�มันกา๊ ด (ดู kerosene) ทำ�ใหส้ ขี องน�ำ้ มนั กา๊ ดคล�ำ้ ลงได้งา่ ย petroleum ปโิ ตรเลยี ม OH สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (ดู hydrocarbons) ท่ีเกิดขึ้น เองตามธรรมชาติ มีธาตุท่ีเป็นองค์ประกอบหลัก 2 ชนิด คือ ฟนี อล คาร์บอน (C) และ ไฮโดรเจน (H) อาจมีธาตุอโลหะชนิดอื่น เชน่ กำ�มะถัน ออกซเิ จน ไนโตรเจน ปนอยูด่ ้วย ปโิ ตรเลยี มเป็น physical adsorption การดดู ซบั ทางกายภาพ ไดท้ ัง้ ของแข็ง ของเหลว หรือ กา๊ ซ ข้นึ อย่กู ับองคป์ ระกอบของ การดูดซับ (ดู adsorption) ที่เกิดบนพ้ืนผิว เกิดจากแรงดึงดูด ปโิ ตรเลยี ม นอกจากนค้ี วามรอ้ นและความกดดนั ของสภาพแวดลอ้ ม ระหว่างโมเลกุลอย่างอ่อน คือ แรงแวนเดอร์วาลส์ (Van der ท่ีปิโตรเลียมถูกกักเก็บก็มีส่วนในการกำ�หนดสถานะของปิโตรเลียม Waals force) ซง่ึ เกิดจากการรวมแรง 2 ชนิด คือ แรงกระจาย แบ่งได้เป็น 2 สถานะ คือ นำ้�มันดิบ (ดู crude oil) และ (London dispersion force) และแรงไฟฟา้ สถติ (electrostatic กา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) น�ำ้ มนั ดบิ เปน็ ของเหลวประกอบดว้ ย force) สารที่ถกู ดดู ซบั สามารถเกาะอยูบ่ นผิวของสารดดู ซับได้หนา สารไฮโดรคารบ์ อนชนดิ ระเหยงา่ ยเปน็ สว่ นใหญ่ สว่ นกา๊ ซธรรมชาติ หลายช้ันโมเลกลุ เป็นปิโตรเลียมท่ีอยู่ในรูปของก๊าซ ท่ีอุณหภูมิและความกดดันท่ี สารานกุ รม 101 เปดิ โลกปโิ ตรเลียมและพลังงานทดแทน
การก ั่ลน ้ำน� ัมนและการแยก ๊กาซธรรมชา ิต polymer พอลเิ มอร์ pour point จดุ ไหลเท สารประกอบที่มีน้ำ�หนักโมเลกุลสูงกว่า 5,000 เกิดจากการรวม อุณหภมู ิตำ่�สดุ ที่นำ�้ มันยังเป็นของเหลวพอท่จี ะยงั สามารถไหลได้ ที่ ของมอนอเมอร์ (monomer) ชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดกัน อุณหภูมติ �่ำ กว่าจดุ ไหลเท น้ำ�มนั จะหยดุ ไหลและเร่ิมเปล่ียนสถานะ โมเลกุลขนาดใหญ่ท่ีมีหน่วยซำ้�ของมอนอเมอร์หลายหน่วยมาเช่ือม เป็นของแข็ง เกิดจากผลึกของไขที่เกิดเม่ืออุณหภูมิน้ำ�มันลดลง ต่อกัน พอลิเมอร์พื้นฐานที่มีปริมาณการผลิตสูงท่ีสุดและการใช้ สมั พนั ธก์ บั ปรมิ าณและสมบตั ขิ องไขในน�ำ้ มนั ใชว้ ดั สมบตั ขิ องน�ำ้ มนั ประโยชนท์ หี่ ลากหลายทสี่ ดุ ไดจ้ ากการสงั เคราะหจ์ ากไฮโดรคารบ์ อน หนกั เช่นน�้ำ มันเตา บง่ ชถ้ี ึงอุณหภูมติ �ำ่ สดุ ท่ีสามารถใช้งาน เพราะ (ดู hydrocarbons) ท่แี ยกออกจากปโิ ตรเลียม (ดู petroleum) จะเกิดการอดุ ตันในท่อและอปุ กรณ์ ทง้ั กา๊ ซธรรมชาติ (ดู natural gas) และน�้ำ มันดบิ (ดู crude oil) pressure drop ความดนั ลด ไดแ้ ก่ พอลเิ อทลิ นี (polyethylene) พอลโิ พรพลิ นี (polypropylene) ความดันของของไหลที่ไหลผ่านท่อท่ีลดลง อาจเป็นผลจากแรง พอลิสไตรีน (polystyrene) เป็นต้น พอลิเมอร์บางชนิดพืชและ เสียดทานระหว่างผนังท่อกับของไหล หรือเม่ือขนาดของท่อ สตั ว์สร้างขน้ึ ในวัฏจักรการดำ�รงชีวิต ไดแ้ ก่ ยางธรรมชาติ โปรตนี เปลยี่ นไป หรอื ตอ้ งไหลผา่ นอปุ กรณท์ ตี่ า้ นทานการไหล มหี นว่ ยเปน็ เซลลูโลส และคาร์โบไฮเดรต หนว่ ยของแรงตอ่ พน้ื ท่ี polymerization พอลิเมอไรเซชนั , การเกดิ พอลเิ มอร์ pressure swing adsorption (PSA) การดดู ซบั แบบความดัน ปฏิกิริยาที่เกิดพอลิเมอร์ (ดู polymer) จากสารตั้งต้น (ดู สลับ (พเี อสเอ) feedstock) ท่ีเป็นมอนอเมอร์ (monomer) ชนิดเดียวกัน ถ้า กระบวนการแยกก๊าซออกจากก๊าซผสมชนิดหน่ึง ใช้หลักการของ ใช้มอนอเมอร์ต่างกัน 2 ชนิดขึ้นไปเรียกว่าการเกิดโคพอลิเมอร์ ความดันและความสามารถในการดูดซับของก๊าซบนวัสดุที่ใช้เป็น (copolymerization) ปฏิกิริยาหลักมี 2 ประเภท อาจเป็นแบบ สารดดู ซับทแ่ี ตกต่างกนั โดยภายใตส้ ภาวะที่มคี วามดนั กา๊ ซจะถกู ลูกโซ่ (chain polymerization) หรือแบบรวมตัว (addition ดูดซับอยู่ภายในสารดูดซับ โดยปริมาณก๊าซที่ถูกดูดซับจะแปรผัน polymerization) หรอื เป็นแบบขนั้ (step polymerization) หรอื ตรงกับความดันที่ใช้ภายในกระบวนการ จากน้ันเม่ือลดความดัน แบบควบแน่น (condensation polymerization) เป็นปฏิกิริยา ก๊าซจะถูกคายออกจากสารดูดซับ เช่น ในกรณีของอากาศท่ีเป็น ท่ีสามารถควบคุมความยาวของสายโซ่ของพอลิเมอร์ ส่วน กา๊ ซผสมระหวา่ งกา๊ ซออกซเิ จนและกา๊ ซไนโตรเจนไหลผา่ นอปุ กรณ์ ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ โคพอลเิ มอรค์ วบคุมไดท้ ้งั ความยาวของสายโซข่ อง ท่ีบรรจุสารดูดซับที่ดูดซับก๊าซไนโตรเจนได้ดีกว่าก๊าซออกซิเจน พอลิเมอร์และตำ�แหน่งที่เกิดพันธะที่เชื่อมระหว่างโมเลกุลของ ในสภาวะที่มีความดัน ก๊าซไนโตรเจนจะถูกดูดซับบนสารดูดซับ มอนอเมอร์ โดยเลือกชนิดและปริมาณการเติมมอนอเมอร์ร่วม สว่ นก๊าซออกซิเจนจะไหลผ่านออกด้านบนของอุปกรณ์ เมือ่ กา๊ ซ (comonomer) ตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยา (ดู catalyst) ตลอดจนสภาวะใน ไนโตรเจนถูกดูดซับเต็มแล้ว ระบบจะลดความดันลงเพ่ือคายก๊าซ การเกิดปฏิกิริยา ทำ�ให้ได้พอลิเมอร์ท่ีมีสมบัติแตกต่างกันมากมาย ไนโตรเจนออกจากสารดูดซับ สารดูดซับท่ีใช้ในกระบวนการดูด ทงั้ ดา้ นกายภาพและเคมี ซับแบบความดันสลับน้ี ได้แก่ คาร์บอนกัมมันต์ (ดู activated polyvinyl chloride (PVC) พอลไิ วนิลคลอไรด์ (พีวซี )ี carbon) ซลิ กิ าเจล อะลมู นิ า และซโี อไลต์ ตวั อยา่ งของกระบวนการ เทอร์โมพลาสติก (thermoplastic) ชนิดหนึ่งเกิดจากการเกิด ในอุตสาหกรรมปโิ ตรเลยี ม (ดู petroleum) ไดแ้ ก่ การก�ำ จดั ก๊าซ พอลเิ มอร์ (ดู polymer) ของไวนลิ คลอไรดม์ อนอเมอร์ เปน็ พลาสตกิ คารบ์ อนไดออกไซด์ (ดู carbon dioxide) ออกจากกระบวนการ ทม่ี คี ณุ คา่ มาก ขน้ึ รปู ไดง้ า่ ยและคงทน ใชแ้ ทนไม้ คอนกรตี ทอ่ น�ำ้ ผลติ ไฮโดรเจนในโรงกลั่นน�ำ้ มนั หรอื ใชก้ �ำ จดั กา๊ ซไฮโดรเจนซัลไฟด์ และอ่นื ๆ มีราคาถูก ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างท่วั โลกมากกว่า (ดู hydrogen sulfide) ที่ผสมอยใู่ นกา๊ ซไฮโดรเจน รอ้ ยละ 50 ของปรมิ าณทผ่ี ลติ ได้ O2/N2 O2 P1 P2 P1 (<P1) P2 N2/O2 N2 ไวนลิ คลอไรด์ -> พอลไิ วนิลคลอไรด์ aria aria PONA analysis การวเิ คราะห์ชนิดของไฮโดรคาร์บอนในนำ้ �มนั ผงั การดูดซบั แบบความดนั สลับ การวเิ คราะห์หาพาราฟนิ (ดู paraffins) โอเลฟิน (ดู olefins) แนฟทนี (ดู naphthenes) และแอโรแมติกส์ (ดู aromatics) ใน pressure-volume-temperature correlation ความสัมพันธ์ น้ำ�มันเบนซิน (ดู gasoline) เป็นไปตามมาตรฐานเอเอสทีเอ็ม ระหวา่ งความดัน ปรมิ าตร และอณุ หภมู ิ (ASTM) ความสัมพันธ์ระหว่างความดันและอุณหภูมิในของไหล การเพ่ิม อุณหภูมิส่งผลให้ความดันเพ่ิมขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างความดัน 102 สารานุกรม เปดิ โลกปิโตรเลยี มและพลังงานทดแทน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317