ผ้าไหมไทย พ.ศ. ๒๕๑๓ นำ้ ในแม่น้ำศรสี งครามไหลเออ่ ทว่ มพื้นท่ีจงั หวดั นครพนม บา้ นเรือนไร่นาเสียหายหนัก พระบาทสมเดจ็พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเย่ียมราษฎรที่อำเภอนาหว้า เพื่อพระราชทานส่ิงของช่วยเหลือ และได้ทอดพระเนตรเห็นหญิงชาวบ้านแต่งกายด้วยผ้าไหมสวยงามมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่บนพ้ืนดินช้ืนหลังน้ำลด เม่ือทรงซักถามถึงการทำมาหากิน ก็ได้ทรงทราบว่านอกจากทำไร่ทำนาซึ่งต้องพึ่งพาธรรมชาติแล้ว ราษฎรยังปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และทอผ้าไว้ใช้เองเป็นส่วนใหญ่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิพระบรมราชนิ นี าถ จงึ มพี ระราชดำรวิ า่ การทอผา้ ไหมนา่ จะเปน็ อาชพี เสรมิ รายไดใ้ หแ้ กร่ าษฎรนอกเหนอื จากการทำนา (ศลิ ปาชพี :พระหัตถ์ทีท่ รงงานเพอื่ แผน่ ดนิ , ๒๕๕๕) การได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปทรงเย่ียมราษฎรท่ัวประเทศ ทำให้ทรงทราบดวี า่ คนไทยสว่ นใหญ่ยังยากจน ดอ้ ยการศกึ ษา และมมี าตรฐานความเปน็ อยูไ่ มส่ ดู้ ีนัก คนไทยสว่ นใหญเ่ ป็นเกษตรกรทฝ่ี ากชวี ิตไว้กับดินฟ้าอากาศ ปีใดฝนดีพืชพันธ์ุธัญญาหารก็ดีไปด้วย ก็พอจะมีความสุขขึ้นบ้าง หากปีใดฝนแล้งหรือน้ำไม่ค่อยสมบูรณ์อยแู่ ลว้ ตอ้ งมาประสบภยั ธรรมชาตอิ ยแู่ ทบทกุ ปี ในเวลาเดยี วกนั กท็ รงเหน็ สตรชี าวอสี านซงึ่ มลี กั ษณะยากจน แตน่ งุ่ ผา้ ไหมมดั หมี่ในชีวิตประจำวัน ทรงทราบถึงความงามของผ้าไหมมัดหมี่มานานแล้ว ประกอบกับทรงเห็นว่าเป็นงานศิลปะที่ชาวบ้านรู้จักสืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษ ถ้าส่งเสริมอาชีพได้ก็จะเป็นงานท่ีชาวบ้านถนัด ไม่จำเป็นต้องลงทุนใหม่ แต่ใช้ท้ังความรู้และ ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ คู่พระบารมี 99
ความสามารถ ตลอดจนภูมิปญั ญาของชาวบา้ นและใชว้ สั ดุใน ท้องถ่นิ ได้เหมาะสมท่สี ุดท่ีจะทรงสนับสนนุ ให้เป็นอาชพี เสรมิ และตอ้ งเปน็ อาชพี เสรมิ จรงิ ๆ คอื ตอ้ งทำในฤดทู มี่ ไิ ดท้ ำไรท่ ำนา หากทิ้งอาชีพหลักคือทำไร่ทำนา ประเทศชาติก็เดือดร้อนอีก เนื่องจากไม่มีใครปลูกข้าว หรือทำผลผลิตทางการเกษตร ใหแ้ กป่ ระชาชนส่วนใหญข่ องประเทศ จึงทรงชกั ชวนชาวบา้ น ให้ทอผ้าไหมมัดหม่ีขายในยามว่างจากหน้านาเท่าน้ัน ทรงรบั ซอ้ื ไว้ แลว้ ทรงนำไปเผยแพร่ และหาตลาดให้ชาวบา้ น อีกดว้ ย (ทบวงมหาวทิ ยาลัย, ม.ป.ป.) ทรงเริ่มปลูกฝังให้คนไทย นิยมไทยด้วยการนำผ้าไหมมาตัดใช้เป็นฉลองพระองค์และทรงฉลองพระองค์ท่ีตัดเย็บ จากผ้าทอฝีมือคนไทยเป็นแบบอย่างให้ประชาชนทั่วไปได้เห็น และพระราชทานเป็นของขวัญแก่พระราชอาคันตุกะอยู่เสมอ ด้วยพระสิริโฉมอันงดงามประกอบกับความเงาแวววาวของผ้าไหมไทย ทำให้ผ้าไหมไทยเร่ิมมีช่ือเสียงไปท่ัวโลกตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๓ ดว้ ยทรงมหี มายกำหนดการจะตามเสดจ็ ไปทรงเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั ประเทศตา่ ง ๆ ในทวปี ยโุ รปและสหรฐั อเมรกิ า จึงมีพระราชดำริให้ค้นคว้าและออกแบบชุดไทยข้ึน โดยอาศัยหลักฐานของโบราณผสมผสานกับความต้องการชุดไทยไว้ใช้ ในโอกาสต่าง ๆ ทำให้ได้ชุดไทยท่ีสวยงามขึ้นมาถึง ๘ ชุด เรียกว่า ชุดไทยพระราชนิยม ชุดไทยเหล่านั้นมีชื่อตามพระท่ีนั่ง หรือพระตำหนัก อันสอดคล้องกับลักษณะเครื่องแต่งกาย ต่อมาสตรีไทยก็แต่งกายตามแบบชุดไทยพระราชนิยมกันท่ัวไป จนในทส่ี ดุ กลายเป็นชุดประจำชาติตง้ั แตบ่ ัดนน้ั เป็นต้นมา100 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ ค่พู ระบารมี
การแต่งกายชดุ พ้นื เมืองหม่ สไบแพรวาไหมยกดอกสแี ดงผา้ แพรวา เมื่อคร้ังเสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ทอดพระเนตรเห็นราษฎรชาวภูไทแต่งกายชุดพื้นเมืองห่มสไบแพรวาไหมยกดอกสีแดง อันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อนุรักษ์ฟื้นฟูและส่งเสริมการทอผ้าแพรวาขึ้นทีบ่ ้านโพน อำเภอคำมว่ ง จงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ และพัฒนาให้เหมาะสมกับยุคสมัย ซ่ึงแต่เดิมผ้าแพรวามีเพียงสีแดงเป็นพ้ืน ก็ทรงให้ใช้สีอื่น ๆ ยืนพ้ืนด้วยแลว้ สลับสลี ายดอกใหม้ ีความหลากหลาย นอกจากนั้นยังพระราชทานคำแนะนำใหข้ ยายจากการทอผา้ สไบ เปน็ ผา้ขนาดกวา้ ง และยาวผืนละ ๕ เมตรขึ้นไป เพือ่ ให้เพยี งพอสำหรับการตัดเย็บ ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกล ราษฎรจึงมอี าชพี เสรมิ ทม่ี ่ันคงในทุกพนื้ ท่ี ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ ค่พู ระบารมี 101
การทอผา้ และปักผ้าในภาคเหนอื สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชดำริในการฟื้นฟูและอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรม พ้ืนบ้านที่เหมาะสมแก่ท้องถิ่นนั้น ๆ เมื่อเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ กท็ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มให้สง่ เสรมิ อาชีพการทอผา้ และปักผ้า แบบปกั ซอยข้ึนท่จี ังหวัดเชยี งใหม่ พระองค์ทรงพบว่าในอดีตภาคเหนือเคยมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการคิดประดิษฐ์การถักทอผ้าท่ีงดงามแห่งหนึ่ง เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าตีนจกของศรีสัชนาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟ้ืนฟูการทอ ผ้าไหม ผ้ายก ผ้าตีนจก และผ้าฝ้ายเน้ือหนา โดยหาคนเฒ่าคนแก่มาถ่ายทอดศิลปะ การประดิษฐ์ผูกลวดลาย และทรงจัดส่งผู้ชำนาญการย้อมผ้า ไปใหค้ ำแนะนำ ในส่วนของชาวไทยภเู ขา ทรงพบวา่ มีศลิ ปะปักผา้ เป็นลวดลายละเอยี ด สสี ันงดงามสืบทอดมาหลายชว่ั อายุคน จึงทรงส่งเสริมสนับสนุน และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าปักของชาวไทยภูเขาหลายคร้ัง เพ่ือให้ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ภาคภูมิใจ ในศิลปวัฒนธรรม การแต่งกายของตนและเห็นคุณค่าที่จะธำรงรักษาให้คงอยู่ต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎร ภาคเหนือเป็นอยา่ งยง่ิ 102 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ คู่พระบารมี
จักสานย่านลิเภา ในเดือนกันยายน ๒๕๑๗ เมื่อเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทอดพระเนตรเห็นย่านลิเภามีอยู่เป็นจำนวนมากในป่าจังหวัดนราธิวาส ทรงทราบว่าในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยมีการนำย่านลิเภามาจักสานเป็นเครื่องใช้กันอย่างแพร่หลายและยังคงทนอยู่ได้จนปัจจุบัน แต่ศิลปะการจักสานย่านลิเภากำลังจะสูญหายไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสนับสนุนหัตถกรรมจักสานย่านลิเภาในภาคใต้ จัดหาครูจากจังหวัดนครศรีธรรมราชมาสอน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้หลายอย่าง เช่นกรอบรูป กระเป๋าถือ ซ่ึงภายหลังได้พัฒนาให้มีความสวยงามมากย่ิงขึ้น นอกจากน้ีในภาคใต้ยังมีพืชพ้ืนเมือง คือ กระจูดซ่ึงชาวไทยมุสลิมมีฝีมือในการสานกระจูดมาช้านาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งเสริมการสานกระจูดใหแ้ พร่หลายและพัฒนาฝีมอื ในการสานให้ประณตี ข้ึน เช่น สานเปน็ กระเป๋า ตะกร้าใส่เส้ือผ้า พัด และกลอ่ ง เปน็ ตน้ และทรงใช้ผลิตภณั ฑ์ดังกลา่ วด้วยจึงทำใหเ้ ป็นท่ีนยิ มอย่างกว้างขวาง ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ คพู่ ระบารมี 103
ดินป้ันตกุ๊ ตาชาววงั ในคราวน้ำท่วมใหญ่ในเขตจังหวัดอ่างทอง และ พระนครศรอี ยธุ ยา เมอื่ ปลาย พ.ศ. ๒๕๑๘ สมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปทรงเย่ียมราษฎร ทป่ี ระสบอทุ กภยั ทอี่ ำเภอปา่ โมก จงั หวดั อา่ งทอง ทรงทราบวา่ แหล่งดนิ เหนยี วท่หี าได้งา่ ย อยทู่ ต่ี ำบลบางเสด็จ รมิ ฝงั่ แม่น้ำ เจา้ พระยา จงึ มพี ระราชดำรใิ หน้ ำดนิ เหนยี วมาปน้ั ตกุ๊ ตาชาววงั และทรงเริ่มโครงการตุ๊กตาชาววัง หรือตุ๊กตาไทยข้ึน ทำให้ ตุ๊กตาชาววังซ่ึงเป็นตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ได้กลับมาเป็นที่รู้จักใน หมู่ชาวไทยและชาวต่างประเทศอีกคร้ัง นอกจากน้ี ยังทรง พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตั้งกลุ่มทอผ้าฝ้าย ขึน้ ใกล้ ๆ กบั หมบู่ ้านตุ๊กตาไทยด้วย104 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ คู่พระบารมี
นอกจากน้ัน ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงฝึกงานเคร่ืองปั้นดินเผา ท่ีบ้านแมต่ ำ๋ อำเภอเสรมิ งาม จงั หวัดลำปาง ด้วยทรงพบว่าบรเิ วณดังกล่าวมีดินขาว ท่ีมีคุณภาพ โครงการนี้มีความก้าวหน้าและราษฎรยึดเปน็ อาชพี มาจนถงึ ทุกวันนี้ เม่ือผลผลิตด้านงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมผ้าฝ้ายประเภทต่าง ๆ กระเป๋าย่านลิเภา เคร่ืองจักสานเครื่องเซรามิก ไม้แกะสลัก เคร่ืองประดับโต๊ะ ของวางโชว์และของสวยงามอน่ื ๆ ทวจี ำนวนมากขนึ้ และไดม้ กี ารปรบั ปรงุด้านคุณภาพ และพัฒนาในเรื่องรูปแบบความสวยงามข้ึนมาในระดบั ดมี ากแล้ว พระองค์ไดท้ รงคิดหาตลาดรองรับสินค้าเหล่านั้นต่อไปด้วยการตง้ั “รา้ นจติ รลดา”และจดั แสดงนทิ รรศการในประเทศและในโอกาสเสดจ็ พระราชดำเนนิ เยอื นตา่ งประเทศ เปน็ ทช่ี น่ื ชอบและตน่ื ตาตน่ื ใจอยา่ งมาก นอกจากน้ี ยังมีการจัดงานศิลป์แผ่นดินเพ่ือจัดแสดงผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพที่มีความงดงามทรงคุณค่าในระดับ“ฝีมือช่างหลวง” ณ พระที่น่ังอนันตสมาคม ต่อเน่ืองตลอดมา รัฐบาลได้เห็นถึงศักยภาพของหน่วยงานท่ีสร้างสรรค์ผลงานท่ีก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างย่ังยืนในหลายมิติ จึงได้ประกาศยกสถานะโรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดา ขึ้นเป็น“สถาบันสิริกิติ์” เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๓ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิพระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๕๕๕ (สำนกั หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ, ๒๕๕๘) สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานโอกาสและความช่วยเหลือแก่ราษฎรเหล่านี้ในการสร้างอาชีพที่ราษฎรคุ้นเคย ความสามารถท่ีมีอยู่ภายในได้แสดงออกมาเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีพเลี้ยงตนเล้ียงครอบครัว ชีวิตของราษฎรเหล่านั้นพลิกผันจากราษฎรผู้ยากไร้ กลายเป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลป์ที่มีคุณค่า และมีช่ือเสียงไปทั่วโลกด้วยพระเมตตาและพระปรีชาของสมเด็จพระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ แมห่ ลวงของแผน่ ดนิ อยา่ งแทจ้ ริง ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ ค่พู ระบารมี 105
ทรงเป็นนักปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติ แผ่นดินไทยผืนน้ี เป็นแผ่นดินทองท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ได้เกื้อกูลทุกชีวิตให้ดำรงอยู่ อย่างมีความสุขมาแล้วแต่โบราณกาล แต่หลายทศวรรษที่ผ่านมา ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสมดุล แห่งธรรมชาติเรม่ิ เกิดการเปล่ียนแปลงในทางทีเ่ ส่อื มโทรมลงอยา่ งรวดเรว็ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงปา่ พรรณพืชของไทยได้ถูกคุกคาม อย่างหนักและต่อเนื่อง ทั้งจากภัยธรรมชาติและโดยเฉพาะจากน้ำมือมนุษย์ เพราะป่าอันเป็นแหล่งกำเนิดแหล่งน้ำและ ความอดุ มสมบูรณม์ คี ณุ ค่าแกท่ กุ ชวี ติ กำลงั เขา้ สสู่ ภาวะวกิ ฤติ อนั จะเกดิ ผลกระทบโดยตรงต่อทกุ ชีวติ อย่างใหญห่ ลวง ในขณะท่ี ทรัพยากรธรรมชาตอิ นั ทรงคณุ คา่ นานาชนิดกย็ งั ไม่ได้มกี ารศกึ ษาหาประโยชน์อย่างยงั่ ยนื กันอย่างจรงิ จงั สมเด็จพระนางเจ้าสิริกติ ิ์ พระบรมราชนิ ีนาถ ทรงเห็นวา่ ปจั จุบนั ทรัพยากรธรรมชาติที่มอี ยลู่ ดลงไปอย่างมาก ป่าไม้ บริเวณต้นน้ำลำธารถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วจนขาดความสมดุลที่ธรรมชาติจะสร้างข้ึนทดแทนได้ ที่สำคัญคือ เป็นสาเหตุ ของความแห้งแล้ง ประกอบอาชีพเกษตรกรรมไม่ได้ผล เกิดมลพิษข้ึนโดยท่ัวไป และเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทรงตระหนกั ดวี า่ ธรรมชาตคิ อื สายใยแหง่ ชวี ติ ตา่ งมคี วามผกู พนั และเชอื่ มโยงตอ่ กนั อยา่ งลกึ ซงึ้ จงึ ทรงใหค้ วามสนพระราชหฤทยั เป็นอย่างยิ่งในการอนุรักษ์ทรัพยากรของประเทศท่ีหลากหลายมากมาย ได้แก่ ป่าไม้อันเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารท่ีสำคัญ รวมถึงพืชพรรณ และสัตว์ เพราะทรงตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงไปของส่วนใดส่วนหน่ึงล้วนส่งผลกระทบต่อสมดุล แหง่ ธรรมชาตอิ ยา่ งสำคญั พระองค์มพี ระราชหฤทยั เป่ียมไปดว้ ยพระเมตตากรณุ าตอ่ ปวงอาณาประชาราษฎร์ จึงมีพระราชดำริ เกย่ี วกบั สงิ่ แวดล้อมมากมายหลากหลายโครงการ106 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ ค่พู ระบารมี
งานสร้างป่าคืนให้แผ่นดิน เร่ิมขึ้น ณ ผืนดินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถสวนหาดทรายใหญ่ บ้านเขาเต่า อำเภอหวั หิน จังหวัดประจวบครี ขี ันธ์ จำนวนกวา่ ๗๘ ไร่ ด้วยพระราชประสงค์ทจ่ี ะให้พ้นื ท่ีของพระองค์เป็นพ้ืนที่ตัวอย่างในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทั้งป่าไม้ แหล่งน้ำ ดิน และสัตว์ป่า เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าการฟ้ืนฟูแผ่นดินท่ีแห้งแล้งท่ีสุดให้เป็นแผ่นดินแห่งความร่มเย็นนั้นทำได้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถไดเ้ สดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทอดพระเนตรพนื้ ทด่ี งั กลา่ วดว้ ยพระองคเ์ อง และไดพ้ ระราชทานคำแนะนำวา่ ควรปลกู ตน้ ไมช้ นดิ ใดบา้ งณ ทีต่ รงไหน รวมท้ังโปรดให้สร้างถงั เก็บนำ้ ฝนบนภเู ขา เพือ่ ให้น้ำแก่ต้นไมท้ ่เี ริม่ ปลกู ดังน้นั สวนหาดทรายใหญ่ จงึ เป็นเสมือนเส้นทางตัวอย่างแห่งการเร่ิมต้นท่ีจะช่วยพลิกฟ้ืนให้ธรรมชาติสามารถกลับคืนสู่ระบบความสมบูรณ์ได้ด้วยพระบารมีของสมเดจ็ พระนางเจา้ สิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ ีนาถ (สำนกั หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ, ๒๕๕๘, น. ๔๑) ดว้ ยทรงหว่ งใยตอ่ การสญู เสยี ตน้ ไมม้ คี า่ จงึ มพี ระราชดำรทิ จ่ี ะหาทางรกั ษาปา่ และสรา้ งปา่ ทดแทน จนเปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ทรงห่วงใยในเร่ือง “ปา่ และ นำ้ ” เป็นท่ีสดุ ดว้ ยทรงตระหนกั ว่าผู้คนในประเทศไทยมอี าชีพเกษตรกรรมเปน็ ส่วนใหญ่ ซึ่งต้องอาศยั ความอดุ มสมบรู ณข์ องทรพั ยากรนำ้ และเพ่ือใหม้ นี ้ำทส่ี มบูรณก์ ต็ อ้ งมปี ่าทีส่ มบรู ณด์ ว้ ย ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ ค่พู ระบารมี 107
พระราชดำรเิ กยี่ วกับการพื้นฟูทรพั ยากรปา่ ไม้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงตระหนักว่าในการท่ีจะรักษาป่าไม้ให้คงอยู่นั้น จำเป็นต้องสร้าง ความรัก ความหวงแหนในต้นไม้ทุกต้นให้เกิดข้ึนในหัวใจของประชาชน การรักษาป่าจึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยพระวิริยอุตสาหะท่ีจะช่วยเหลือราษฎรโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้มีป่าเหลือไว้บนผืนแผ่นดินให้มากที่สุด และมีพระราชดำริที่จะฟ้ืนฟูทรัพยากรป่าไม้ด้วยการปลูกป่าและรักษาป่า “โครงการป่ารักน้ำ” จึงกำเนิดข้ึนเป็นครั้งแรก ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และเพือ่ ที่จะสรา้ งศนู ยร์ วมความศรทั ธาในการรกั ษาป่าร่วมกนั ของประชาชน สมเด็จพระนางเจา้ สิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพิธีบวงสรวงเทพยดาอารักษ์ข้ึนในพิธีเร่ิมต้น โครงการป่ารักน้ำที่บริเวณเชิงเขาภูผาเหล็ก อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ในวันท่ี ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๕ ณ ท่ีแห่งนี้ จงึ ไดก้ ่อกำเนดิ ผนื ป่าเลก็ ๆ ท่ีเป็นจุดเรม่ิ ตน้ โครงการป่ารักนำ้ ซึ่งยังประโยชน์มหาศาลแกพ่ สกนิกรในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื108 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ คู่พระบารมี
“โครงการปา่ รกั นำ้ ” เปน็ โครงการทเี่ กดิ จากสายพระเนตรทย่ี าวไกลของสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถด้วยพระราชประสงค์ให้ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ของประเทศคงอยู่บนผืนแผ่นดินไทยและยังประโยชน์สืบไปเพ่ือเป็นมรดกแก่ลูกหลานไทยช่ัวกาลนาน ทรงเห็นว่าป่าไม้ในพื้นท่ีต่าง ๆ กำลังถูกแผ้วถางทำลายอย่างรวดเร็ว จึงมีพระราชดำริให้ประชาชนทั่วไป และข้าราชการส่วนต่าง ๆ ร่วมกันปลูกป่าตัวอย่าง เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกรักและหวงแหนป่าไม้ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำเนินการใน ๓ ลักษณะคือ ๑) จัดหมู่บ้านข้ึนในป่าที่มีการตัดไม้รวมทั้งพระราชทานสิ่งจำเป็นในการดำรงชีพให้ ๒) จัดให้ราษฎรที่ยากจนไม่มีอาชีพท่ีแน่นอนเป็นผู้ดูแลรักษาต้นไม้ในพ้ืนท่ีโครงการ ๓) ราษฎรในท้องถ่ินท่ีตระหนักในน้ำพระราชหฤทัยมุ่งมั่นท่ีจะทรงอนุรักษ์และฟ้ืนฟูสภาพป่าเกิดจิตสำนึกที่จะให้ความร่วมมือและปลูกป่าถวาย ดังนั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ทำพิธีขึ้นครั้งแรกท่ีบริเวณเชิงภูผาเหล็ก ติดกับอ่างเก็บน้ำคำจวง บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๕เวลา ๑๔.๐๐ นาฬกิ า โดยในพธิ ีทรงให้มีการบวงสรวงเทพารกั ษ์ เจา้ ป่ามาสถิตอยู่ ณ ปา่ แหง่ นน้ั ดว้ ย และพระองคท์ รงปลกู ปา่เป็นตัวอย่างด้วยพระองค์เองจำนวน ๑ ไร่ พร้อมท้ังพระราชทานช่ือโครงการน้ีว่า “โครงการป่ารักน้ำ” ด้วยเดชะพระบารมีโครงการป่ารักน้ำซ่ึงก่อกำเนิดขึ้นท่ีจังหวัดสกลนคร จึงได้ขยายไปยังพื้นที่ใกล้เคียงในพ้ืนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน๕ โครงการ (สำนักประชาสัมพันธ์เขต ๒, ๒๕๔๗) ไดแ้ ก่ ๑. โครงการปา่ รักนำ้ บา้ นถำ้ ต้ิว ตำบลส่องดาว อำเภอสอ่ งดาว จงั หวดั สกลนคร ๒. โครงการปา่ รกั น้ำ บ้านปา่ รกั น้ำ ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดนิ จงั หวดั สกลนคร ๓. โครงการปา่ รักนำ้ บ้านกดุ นาขาม ตำบลเจรญิ ศิลป์ อำเภอเจรญิ ศิลป์ จงั หวัดสกลนคร ๔. โครงการป่ารักน้ำ บ้านจาร ตำบลมว่ ง อำเภอบา้ นมว่ ง จังหวัดสกลนคร ๕. โครงการปา่ รกั นำ้ บา้ นทรายทอง ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จงั หวดั สกลนคร ทำใหร้ าษฎรรว่ มมอื รว่ มใจกนั ปลกู ปา่ รกั ษาและฟน้ื ฟสู ภาพปา่ เพม่ิ มากขน้ึ จนสามารถยบั ยง้ั การทำลายปา่ ไดส้ ว่ นหนง่ึแม้การอนุรักษ์และฟืน้ ฟูจะยงั ไม่ทันกบั การทำลายแตส่ มเด็จพระนางเจ้าสริ ิกติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ กท็ รงมุง่ ม่ันที่จะดำเนินการทกุ วถิ ที างเพอ่ื ขจดั ปญั หาการขาดแคลนนำ้ ดมื่ นำ้ ใช้ นำ้ เพอ่ื การเพาะปลกู และการหยดุ ยง้ั ทำลายปา่ ซงึ่ นบั เปน็ ปญั หาใหญห่ ลวงของชาติท่ีทุกฝ่ายต้องช่วยกันหามาตรการป้องกันและแก้ไขให้จงได้ การรักษาแหล่งน้ำไว้ให้เป็นที่พ่ึงพาอาศัยของมนุษย์และมวลสตั ว์โลกท้งั หลายจงึ เป็นเรื่องสำคญั ท่สี ุดทุกคนตอ้ งรว่ มมอื กนั ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ คพู่ ระบารมี 109
จากโครงการป่ารักน้ำ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ยังมีพระราโชบายให้จัดต้ังหมู่บ้านป่ารักน้ำขึ้น ให้มีสถานะเป็น “บ้านเล็กในป่าใหญ่” เพื่อช่วยเหลือราษฎรยากจนไม่มีท่ีดินทำกิน มีลูกหลายคน มีความขยันขันแข็ง มีความประพฤติดี โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สร้างบ้านให้อยู่อาศัย มีหน้าที่ดูแลรักษาต้นไม้และ พระราชทานเงนิ เดือนให้ ท่ีสำคญั คอื ทรงเน้นให้คนกบั ปา่ อยูด่ ว้ ยกันได้ ให้มีความรู้สกึ ว่าทัง้ เขตบ้านและเขตป่าเป็นผนื แผน่ ดิน เดียวกัน และให้รักป่าเหมือนเป็นสมบัติของตนเอง ให้ป่าอยู่กับคนได้ คนอยู่กับป่าได้ โดยไม่มีการทำลาย พระราชดำริ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถนี้ คือที่มาของโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ที่ทรงริเริ่มตั้งข้ึนเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๓๔ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเย่ียมราษฎร ณ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ได้ทอดพระเนตรเห็น ความหนาแน่นของไม้ใหญ่ทุกต้นแห่งผืนป่าอันกว้างใหญ่ จึงทรงห่วงใยในความอุดมสมบูรณ์ของป่าท่อี มก๋อย ได้พระราชทาน แนวทางการอนรุ กั ษส์ ภาพปา่ และชวี ติ สตั วป์ า่ ใหร้ อดพน้ จากการถกู ทำลาย โดยไมท่ ำความเดอื ดรอ้ นแกร่ าษฎรทอ่ี าศยั อยใู่ นพน้ื ท่ี ทั้งน้ี ต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน นอกจากน้ันยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดตั้งครอบครัวท่ีอาศัยอยู่ ในปา่ ในรปู บา้ นเลก็ ในปา่ ใหญ่ โดยมบี า้ นหว้ ยไมห้ ก อำเภออมกอ๋ ย จงั หวดั เชยี งใหม่ เปน็ หมบู่ า้ นแรก เพอ่ื ยบั ยง้ั ไมใ่ หร้ าษฎรเผาปา่ ทำไร่เลือ่ นลอย ไมใ่ ห้ล่าสัตวเ์ ปน็ อาหารและสง่ ขายแกบ่ คุ คลภายนอก รวมทัง้ นำระบบอาชพี ใหมไ่ ปส่หู มูบ่ า้ น ปจั จุบันบา้ นเลก็ ในป่าใหญ่ตามพระราชดำริได้ขยายวงกว้างออกไปในหลายจังหวัดทั้งนี้ด้วยพระเมตตาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ และดว้ ยพระราชปณธิ าน ทจ่ี ะทรงอนรุ ักษ์ผนื ปา่ และชวี ิตสัตว์ปา่ ให้คงอยูไ่ ด้ตลอดไป110 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คู่พระบารมี
พระราชดำรเิ ก่ยี วกับการอนรุ ักษ์ปา่ ต้นนำ้ ตลอดเวลาทีส่ มเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ิติ์ พระบรมราชนิ นี าถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถ่ินหา่ งไกลทุรกันดาร โดยเฉพาะในบริเวณพ้ืนท่ีภาคใต้ของประเทศไทย ส่ิงหนึ่งท่ีราษฎรมักจะนำมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายก็คือ สัตว์ป่าและสัตว์ป่าหายาก เช่น นกแว่น นกหว้า ท่ีมีถิ่นอาศัยอยู่ในป่าลึก ซึ่งรู้จักกันในนามว่า “ป่าเขาสำนัก” ป่าเขาสำนักเป็นป่าดิบช้ืนผืนเล็ก ๆ ที่มีเน้ือท่ีเพียง ๑,๒๕๐ ไร่ ต้ังอยู่ในเขต ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส แต่ทุกตารางน้ิวของป่าดิบแห่งนี้ก็คือความชุ่มชื้น ท่ีเกิดจากต้นไม้ทุกต้นช่วยกันสร้างขึ้นต้ังแต่ไม้เล็กผิวหน้าดิน ไปจนถึงไม้ใหญ่ของป่าท่ีมีขนาดลำต้นสูงใหญ่รกครึ้มและสูงตระหง่าน และด้วยความชุ่มชื้นที่เกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ที่สร้างสมตัวเองมาเป็นเวลานานทำให้ป่าแห่งนี้เป็นป่าที่ให้กำเนิดต้นน้ำให้อ่างเก็บน้ำบ้านเขาสำนักได้มีน้ำใช้ในหมู่บ้านตลอดปีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงพิจารณาว่า “ป่าเขาสำนัก” แม้จะเป็นป่าผืนเล็ก ๆ แต่เม่ือเป็นป่าท่ียังอดุ มสมบรู ณก์ เ็ ปน็ ทเ่ี กดิ ของแหลง่ ตน้ นำ้ ลำธาร และเปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั อนั ผาสกุ ของสตั วป์ า่ ได้ จงึ มพี ระราชดำรทิ จ่ี ะสรา้ งกลมุ่ ราษฎรในท้องถิ่น ให้ดูแลรักษาป่าแห่งน้ีไว้ด้วยตัวเขาเอง ด้วยพระราชประสงค์ที่จะปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าให้เกิดกับพสกนิกรในท้องถ่ินนั่นเอง จึงมีพระราชดำริให้อนุรักษ์ป่าเขาสำนักไว้ ภายใต้การดูแลรักษาของราษฎรในพ้ืนที่ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ได้ทรงคัดเลือกราษฎรจากหมู่บ้านท่ีตั้งอยู่รอบ ๆ เขาสำนักซึ่งเป็นราษฎรท่ียากจนจำนวน ๖ ครอบครัว ให้ทำหน้าท่ีพิทักษ์ป่าเขาสำนัก โดยพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ สร้างบ้านพระราชทานแก่ราษฎร๖ ครอบครัว บริเวณรอบเขาสำนัก และมีพระราชเสาวนีย์ให้ราษฎรทั้ง ๖ ครอบครัว ทำหน้าท่ีดูแลรักษาป่าไม่ให้ใครข้ึนไปล่าสัตว์ ตัดไม้ในปา่ โครงการสวนป่าและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเขาสำนัก จึงเป็นงานบนเส้นทางอนุรักษ์ ท่ีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงปลูกสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในท้องถิ่นชนบทของประเทศได้รู้จักคุณค่าของป่าไม้และสัตว์ป่าด้วยพระองค์เอง ราษฎรที่อาศัยอยู่เชิงเขาสำนักต่างก็มีความรักและผูกพันกับป่าแห่งน้ี ด้วยความรู้สึกเคารพและเทิดทูนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ เป็นล้นพ้น อันเป็นหนทางท่ีนำไปสู่การพิทักษ์รักษาป่าไม้และชีวิตสัตว์ป่าไว้ให้คงอยู่ในสภาพเดิมตลอดไป (กรมประชาสมั พันธ,์ ๒๕๔๗) ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ คพู่ ระบารมี 111
112 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คพู่ ระบารมี
พระราชดำริเก่ียวกับการอนรุ ักษพ์ ันธุ์สตั ว์ป่า ในอดีตแผ่นดินขวานทองของไทยได้ช่ือว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมากที่สุดแห่งหนึ่ง แต่เม่ือความเจริญของบ้านเมืองมีมากข้ึน ป่าไม้ก็ถูกทำลายมากขึ้น เป็นผลกระทบต่อท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่า อีกท้ังสัตว์ปีกหลายชนิดก็ถูกมนุษย์ล่าทำลายจนเหลือเพียงเล็กน้อยแต่ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ที่มีพระราชดำริจะอนุรักษ์พันธ์ุสัตว์ป่า และมีพระราชประสงค์ท่ีจะปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าให้เกิดกับพสกนิกรในท้องถิ่น เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติเหล่าน้ันยังคงอยู่กับผืนแผ่นดินไทยต่อไป จึงมีพระราชประสงค์ท่ีจะให้ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่า เป็นศูนย์กลางการศึกษา ค้นคว้า วิจัย เกี่ยวกับสัตว์ป่า การปลูกพืชอาหารสัตว์ เพื่อปลูกเสริมในพื้นท่ีธรรมชาติและเผยแพร่การวิจัยน้ันแก่ประชาชนในท้องถิ่น ตลอดจนเพื่อให้เป็นแหล่งสำหรับเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าชนิดต่าง ๆท่หี ายากใกล้จะสญู พนั ธ์แุ ละมคี ่าทางเศรษฐกจิ เม่ือเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาสเพ่ือทรงเย่ียมเยียนพสกนิกรในจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดใกล้เคียง ได้มีราษฎรนำสัตว์ป่ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแต่จากการท่ีได้ทอดพระเนตรชีวิตแต่ละชีวิตของสัตว์ป่าอยู่ตลอดมาน้ัน ทำให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถทรงเกดิ ความหว่ งใยตอ่ ชวี ติ ทถ่ี กู ลา่ ออกจากปา่ อยเู่ สมอ ๆ จงึ มพี ระราชดำรทิ จ่ี ะหาทางหยดุ ยง้ั การลา่ สตั วด์ ว้ ยแนวทางทจ่ี ะทำให้ ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ คพู่ ระบารมี 113
ประชาชนไม่เดือดร้อน ด้วยการหาอาชีพเสริมให้ นั่นคือการ ส่งเสริมให้ประชาชนท่ีเคยล่าสัตว์รู้จักการเลี้ยงสัตว์ป่า ที่เขาเคยล่าเพ่ือเป็นแนวทางนำไปสู่การป้องกันไม่ให้พราน ขน้ึ ไปลา่ สตั วป์ า่ ในธรรมชาติได้ทางหน่ึง และแนวพระราชดำริ น้เี ป็นท่มี าของการจัดต้งั ศูนย์เพาะเล้ยี งและขยายพันธ์สุ ัตว์ป่า ขึน้ ในท้องถิ่นทุกภาคของประเทศ ศูนย์เพาะเล้ียงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่าในท้องถิ่น ต่าง ๆ ทุกภาคของประเทศท่ีเกิดขึ้นตามแนวพระราชดำริ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ได้แก่ ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าปางตอง อำเภอเมือง จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน เปน็ อีกแห่งหน่ึงท่ีนำสตั วป์ า่ มาเพาะเลย้ี ง และขยายพนั ธ์ุ ซง่ึ ประกอบด้วยการเพาะเล้ยี งและขยายพันธ์ุ สัตว์กีบ ได้แก่ ละอง ละมั่ง เนื้อทราย เก้ง กวางป่า และ การขยายพันธุ์สัตวป์ า่ ประเภทสัตวป์ ีก ไดแ้ ก่ ไก่ฟา้ ปรากฏวา่ สัตว์ที่เด่นที่สุดและเพาะเล้ียงได้มากท่ีสุดของศูนย์เพาะเลี้ยง และขยายพันธุ์สัตว์ป่าปางตองก็คือ ละอง ละมั่ง และไก่ฟ้า หลงั ขาว สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ไดเ้ สดจ็ พระราชดำเนินไปทอดพระเนตรงานการเพาะเลี้ยงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่า เม่ือเดือนมีนาคม ๒๕๓๔ ทรงพอพระราชหฤทัย และมีพระราชดำริให้หาทางเผยแพร่การเพาะเล้ียงสู่ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบป่า ซึ่งศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่า ปางตองได้สนองพระราชดำริ โดยการแจกไก่ฟ้าท่ีเพาะเล้ียงให้แก่ประชาชนท่ีอาศัยอยู่รอบเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย ภายใต้การดูแลและแนะนำการเล้ียงท่ีถูกวิธี เพื่อเป็นการเริ่มต้นให้ประชาชนสามารถเพิ่มรายได้จากการเล้ียงสัตว์แทน การขึน้ ไปลา่ จากป่า เพอื่ ชีวิตทีอ่ ยูใ่ นป่าจะสามารถอยไู่ ดอ้ ยา่ งสงบสขุ (กรมอทุ ยานแห่งชาติ สตั ว์ปา่ และพนั ธพุ์ ืช, ๒๕๔๙) ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่าโคกไม้เรือ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เม่ือครั้งเสด็จพระราชดำเนินไป ทรงเยย่ี มราษฎรในทอ้ งทอี่ ำเภอตากใบ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๔ ไดท้ อดพระเนตรพน้ื ทปี่ า่ สงวนบา้ นโคกไมเ้ รอื ซงึ่ ตง้ั อยทู่ บี่ า้ นคลองนำ้ ไหล ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ทรงพิจารณาถึงความเหมาะสมของสภาพพ้ืนที่ จึงมีพระราชดำริให้จัดพื้นที่ บริเวณป่าสงวนบ้านโคกไม้เรือเป็นสวนป่าสำหรับเพาะเล้ียงสัตว์ป่าพื้นเมืองท่ีหายากและกำลังจะสูญพันธุ์หรือมีน้อย โดยให้มี นกั วชิ าการมาชว่ ยเหลอื และทำการศกึ ษาเกย่ี วกบั การเพาะเลย้ี งสตั วป์ า่ เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ งสำหรบั นำมาใชใ้ นการเพาะเลย้ี ง และเผยแพร่ความรู้ ด้านการเพาะเล้ียงสัตว์ป่าแก่ประชาชนท่ีสนใจจะยึดถือเป็นอาชีพแทนการไปล่าจากป่าธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการช่วยยกระดับอาชีพ และรายไดแ้ ก่ประชาชนในทอ้ งถ่ิน เพ่ือใหม้ ีคุณภาพชวี ิตทด่ี ีตอ่ ไป จงึ มพี ระราชดำรใิ หจ้ ัดสรา้ ง บริเวณป่าสงวนบ้านโคกไม้เรือเป็นสวนป่าสำหรับเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพื้นเมืองที่หายาก กรมป่าไม้จึงได้เริ่มดำเนินการสำรวจ และจัดต้ังศูนย์เพาะเล้ียงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่าโคกไม้เรือข้ึนใน พ.ศ. ๒๕๒๖ สัตว์ป่ารุ่นแรกท่ีนำมาเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ ในพน้ื ทศ่ี นู ยเ์ พาะเลยี้ งและขยายพนั ธุ์ สตั วป์ า่ โคกไมเ้ รอื ไดแ้ ก่ กระจง ไกฟ่ า้ หนา้ เขยี ว ไกจ่ กุ ไกป่ า่ นกหวา้ นกชาปไี หน และนกยงู ในระยะแรกได้มีการขยายพันธุก์ ระจง นอกจากน้ยี งั สามารถเพาะเลี้ยงและขยายพนั ธส์ุ ัตว์ ท่ีหายากอื่น ๆ อกี เช่น เกง้ รวมถึง114 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คพู่ ระบารมี
ละม่งั ซ่ึงไม่ใช่สัตว์ในท้องถ่ิน เป็นต้น ส่วนสัตว์ปีกท่ีขยายพันธ์ุ ได้มี ไก่ฟ้า ไก่ป่า โดยเฉพาะสัตว์ป่าจำพวกสัตว์ปีกท่สี ามารถเพาะขยายพันธ์ุได้ผลสำเร็จเป็นศูนย์แรก คือ นกชาปีไหน ซ่ึงจัดเป็นนกท่ีหายากมีถิ่นกำเนิดเฉพาะทางภาคใต้ จึงได้นำมาเพาะขยายพนั ธ์ุ และตดิ ตามพฤตกิ รรมอยา่ งใกลช้ ดิ ดงั นน้ั บรเิ วณพนื้ ท่ี ๓๐๐ ไร่ ของสวนปา่ โคกไมเ้ รอื จงึ เปน็ ถน่ิ ทอ่ี ยขู่ องสตั วป์ า่นานาชนิด ด้วยพระบารมขี องสมเด็จพระนางเจา้ สิรกิ ิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ (กรมอุทยานแห่งชาติ สตั วป์ ่าและพันธ์ุพืช, ๒๕๔๙) ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่าช่องกล่ำบน จังหวัดปราจีนบุรี โดยเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๕สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการพัฒนาเขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชงิ เทรา ได้ทอดพระเนตรสภาพปา่ ซ่งึ เปน็ แหลง่ ต้นน้ำลำธาร เหมาะแกก่ ารท่ีจะสงวนใหเ้ ปน็ พนื้ ทอี่ นุรกั ษ์สัตว์ป่าในพน้ื ทป่ี า่ภาคตะวันออกได้แห่งหนึ่ง จึงพระราชทานพระราชดำริให้จัดทำโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าบริเวณพ้ืนท่ีเส้นทางท่ีจะข้ึนไปยังอา่ งเกบ็ นำ้ ชอ่ งกลำ่ บน ในลกั ษณะของศนู ยเ์ พาะเลย้ี งและขยายพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ ตอ่ มาเมอื่ พ.ศ. ๒๕๒๖ ศนู ยเ์ พาะเลยี้ งและขยายพนั ธ์ุสัตวป์ ่าช่องกลำ่ บน จึงไดจ้ ดั ตัง้ ขน้ึ ตามพระราชดำริ ครอบคลมุ พ้นื ทปี่ า่ ของหมบู่ ้านท่ากระบาก หม่บู า้ นคลองคันโท และหม่บู ้านคลองทราย ในเขตอำเภอสระแก้ว และอำเภอวัฒนานคร ในพ้ืนที่ ๘๐๐ ไร่ ศูนย์เพาะเลย้ี งและขยายพนั ธุส์ ัตวป์ า่ ชอ่ งกลำ่ บนน้ีสามารถทำการเพาะเลยี้ งสัตว์ป่าตา่ ง ๆ ทัง้ ประเภทสตั ว์กีบและสตั ว์ปกี สัตวป์ กี ทีเ่ ด่นทสี่ ดุ ก็คอื นกแวน่ เหนือ นอกจากน้ี ยังมีไก่ฟ้าหลังเทาและไก่ฟ้าหลังขาว ส่วนสัตว์ป่าประเภทสัตว์กีบมี เน้ือทราย กวางป่า ละมั่ง ฯลฯ ซึ่งได้รับการเพาะเล้ียงและขยายพันธ์ุ เพ่ือปล่อยกลับคืนสู่ป่าธรรมชาติ ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (กรมป่าไม้,๒๕๒๖) โครงการอนุรักษ์พันธ์ุสัตว์ป่าภูเขียว เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่น่ังผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวจงั หวดั ชยั ภมู ิ ซงึ่ เปน็ ปา่ ผนื ใหญท่ ยี่ งั เหลอื อยไู่ มก่ แี่ หง่ ในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื พนื้ ทบี่ นภเู ขาเปน็ ทรี่ าบสงู กวา้ งขวาง มสี ภาพปา่ท่ีสมบูรณ์ และยังมีสัตว์อยู่มากมายหลายชนิด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำริท่ีจะอนุรักษ์ให้เป็นทอ่ี ยูอ่ าศัยของสัตว์ป่าและพัฒนาใหเ้ ป็นสวนสัตว์ป่าเปดิ เพอ่ื อนุรักษธ์ รรมชาติและสง่ เสริมการท่องเทย่ี ว ตอ่ ไปในอนาคตและการทจี่ ะดำเนนิ การใหเ้ ปน็ ผลสำเรจ็ นนั้ จะตอ้ งยบั ยง้ั ไมใ่ หป้ ระชาชนบกุ รกุ ปา่ และลา่ สตั ว์ โดยพฒั นาหมบู่ า้ นบรเิ วณใกลเ้ คยี งภเู ขยี วทงั้ หมดใหม้ คี วามเจรญิ สง่ เสรมิ อาชพี ใหส้ ามารถดำรงชพี อยไู่ ดแ้ ละสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมคี วามรบั ผดิ ชอบ รกั ปา่ และสตั วป์ า่ช่วยกนั ดแู ลป้องกนั มใิ ห้ราษฎรจากหมูบ่ ้านอนื่ ๆ ขน้ึ ไปล่าสัตวป์ ่าด้วย ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ คูพ่ ระบารมี 115
โครงการสวนสัตว์ธรรมชาตภิ เู ขยี ว จังหวดั ชัยภมู ิ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงสนองพระราชดำริ โดยในวนั ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๓๐ ราชเลขานกุ าร ในพระองคส์ มเด็จพระบรมราชินนี าถ ได้เชญิ ผูท้ ่ีเก่ียวขอ้ งเขา้ ประชมุ เพอื่ จัดทำแผนงาน โครงการอนรุ ักษพ์ ันธส์ุ ัตว์ป่าภูเขียวข้ึน โดยการวางแผน เก่ียวกับการพัฒนาหมู่บ้านโดยรอบภูเขียวให้มีความอยู่ดีกินดี ปลูกฝังให้รักป่าและสัตว์ป่า รวมท้ังวางแผน ในการปลอ่ ยสัตวป์ า่ โดยการจดั งานวันอิสรภาพของสตั ว์ปา่ ไทยข้นึ โดยกำหนดท่ีตัง้ โครงการบรเิ วณรอยตอ่ อำเภอหนองบวั แดง อำเภอคอนสาร อำเภอเกษตรสมบรู ณ์ จงั หวดั ชยั ภมู ิ ตอ่ มาไดม้ กี ารจดั งาน “วนั อสิ รภาพของสตั วป์ า่ ไทย” ขนึ้ เมอ่ื ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๓๐ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในการปล่อยสัตว์ป่า ที่นำมาจากท่ีต่าง ๆ ให้คืนสู่ป่าในภูเขียว กระทำพิธี ณ บริเวณทุ่งกะมัง มีประชาชนนำอาวุธล่าสัตว์ป่ามามอบให้ทางการ จำนวนมาก ต่อมาพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปกระทำพิธีปล่อยสัตว์ป่าที่บริเวณทุ่งกะมัง เม่ือวันท่ี ๒๑ ธันวาคม ๒๕๓๕ ในพิธีดังกล่าวมีประชาชนในหมู่บ้านรอบภูเขียวจำนวนมากมอบอาวุธล่าสัตว์ป่าและกล่าวปฏิญาณตนว่าจะไม่เข้าไปล่าสัตว์ป่า และบกุ รุกทำลายป่าอกี ต่อไป โครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธส์ุ ตั วป์ า่ ภเู ขยี วมที ต่ี ง้ั อยบู่ รเิ วณรอยตอ่ อำเภอหนองบวั แดง อำเภอคอนสาร อำเภอเกษตรสมบรู ณ์ จงั หวดั ชัยภมู ิ ซ่งึ เป็นพืน้ ที่บนภเู ขาเป็นทรี่ าบสงู กว้างขวาง มสี ภาพปา่ ที่สมบรู ณ์และยังมสี ัตว์ปา่ อย่มู ากมายหลายชนดิ เหมาะสม ท่ีจะอนุรักษ์ให้เป็นท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่าและพัฒนาให้เป็นสวนสัตว์ป่าเปิด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและ การสง่ เสริมการทอ่ งเท่ียวในอนาคต (โครงการอนรุ ักษพ์ ันธ์ุสตั ว์ป่าภเู ขียว, ๒๕๔๕)116 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ คพู่ ระบารมี
พระราชดำริเก่ยี วกบั การอนุรักษเ์ ต่าทะเล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงตระหนักว่าทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลของไทยนับวันมีแต่จะลดน้อยลง มีสัตว์หลายชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์ โดยเฉพาะเต่าทะเล อาทิ เต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า เต่าตาแดงซ่ึงในอดีตเคยมีเป็นจำนวนมาก บัดนี้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว เน่ืองจากราษฎรนิยมเก็บไข่เต่าทะเลไปขายเพ่ือประกอบอาหาร แมก้ รมประมงจะขอแก้ไขกฎหมายประมง เมอื่ พ.ศ. ๒๔๙๓ กำหนดใหผ้ คู้ รอบครองเต่าทะเลมคี วามผดิ ตามกฎหมายแต่สถานการณ์ก็ไม่ดีข้ึน พระองค์มีพระราชหฤทัยห่วงใยต่อเต่าทะเลจึงมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการอนุรักษ์เต่าทะเลโดยได้พระราชทาน เกาะมนั ใน จงั หวัดระยอง ซ่งึ รฐั บาลในสมัยน้ันถวายใหเ้ ป็นทรพั ย์สินสว่ นพระองค์ จัดเปน็ ศนู ย์กลางอนรุ ักษ์และเพาะขยายพนั ธเุ์ ตา่ ทะเล พระราชทานชอ่ื วา่ “โครงการสมเดจ็ ฯ อนรุ กั ษพ์ นั ธเ์ุ ตา่ ทะเล” โดยเมอื่ วนั ท่ี ๑๑ สงิ หาคม ๒๕๒๒ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม ใหผ้ แู้ ทนจากกรมประมงเขา้ เฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาท รบั พระราชทานพอ่ พนั ธแ์ุ มพ่ นั ธุ์เต่าทะเล เพื่อนำไปใช้ในการแพร่ขยายพนั ธทุ์ ศี่ นู ยอ์ นรุ ักษแ์ ละเพาะขยายพนั ธุ์เตา่ ทะเลนี้ ต่อมาเม่ือโครงการส้ินสุดลงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สถานีอนุรักษ์พันธ์ุเต่าทะเล” สังกัดกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตง้ั อยทู่ ตี่ ำบลกรำ่ อำเภอแกลง จงั หวดั ระยอง หา่ งจากชายฝง่ั อา่ วมะขามประมาณ ๖ กโิ ลเมตร มพี น้ื ทป่ี ระมาณ๑๓๗ ไร่ มสี ภาพภมู ิประเทศเปน็ ชายฝั่งยาว ๑,๒๐๐ เมตร กวา้ ง ๕๕๐ เมตร ประกอบด้วยหาดทรายและโขดหินนอ้ ยใหญ่ ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ ค่พู ระบารมี 117
จำนวนมาก เปน็ แหลง่ ทเ่ี ตา่ ทะเลชอบขน้ึ มาวางไข่ ทง้ั เตา่ กระและเตา่ ตนุ ขณะเดยี วกนั กไ็ ด้ มกี ารแกไ้ ขกฎหมายเพอ่ื การอนรุ กั ษ์ เตา่ ทะเล โดยการหา้ มจบั และมีไวใ้ นครอบครองอีกด้วย สถานที่ดำเนนิ การอนรุ ักษเ์ ตา่ ทะเล มี ๒ แห่ง คือ ๑. เกาะมันใน ดำเนินการเล้ียงเต่าทะเลตั้งแต่แรกเกิดจนโต มีการวัดขนาดตามท่ีกำหนดแล้วนำไปเล้ียงไว้ในคอก ในทะเลซง่ึ มเี นือ้ ที่ขนาด ๓๐ ไร่ เพ่อื ทำการศกึ ษาและเกบ็ ข้อมลู ๒. เกาะคราม อยู่ในพ้ืนที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ มีการศึกษาวิจัยเก็บข้อมูลความเปล่ียนแปลงของเต่าทะเล ตามธรรมชาติ โดยตดิ เครอ่ื งหมายทแ่ี มเ่ ตา่ ทะเลทขี่ นึ้ มาวางไขป่ ระมาณเดอื นพฤษภาคม - สงิ หาคม พบวา่ แมเ่ ตา่ ตวั เดมิ จะกลบั มา วางไขห่ า่ งกนั ๒ - ๓ ปี หรอื อาจจะถงึ ๕ ปี และเกบ็ ขอ้ มลู แมเ่ ตา่ ใหมท่ ข่ี น้ึ มาวางไข่ จากการศกึ ษาพบวา่ มปี ระชากรเตา่ ทดแทนกนั พอสมควร ในปัจจุบัน “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล” อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือท่ีสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เปิดให้ประชาชน นักท่องเท่ียวเข้าชม และศึกษาหาความรู้เก่ียวกับการเพาะเลี้ยงขยายพันธ์ุเต่าทะเล และขายเต่าให้แก่ผู้ประสงค์จะปล่อยเต่า นำรายไดไ้ ปเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเพาะขยายพนั ธแ์ุ ละศกึ ษาวจิ ยั เตา่ ทะเลตอ่ ไปรวมทงั้ รบั บรจิ าคเงนิ ดว้ ย สถานอี นรุ กั ษพ์ นั ธเุ์ ตา่ ทะเล กรมประมง จงั หวดั ระยอง นอกจากดำเนนิ การศกึ ษาวจิ ยั การเพาะฟกั ไขเ่ ตา่ ทะเล การผสมพนั ธ์ุ การวางไข่ การอนบุ าล การเลยี้ ง ศึกษาพฤติกรรม ดูแลรักษาและป้องกันโรคของเต่าทะเลแล้ว ยังศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับปะการังชนิดต่าง ๆ การแพร่กระจาย เติบโตของแนวปะการงั การอนรุ กั ษ์และฟน้ื ฟูปะการงั รวมท้งั ศกึ ษาวิเคราะห์การเจรญิ เติบโต การแพรก่ ระจายของหอยมอื เสอื การปล่อยหอยมือเสือลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่อาศัยของพะยูน การกระจายและแพร่พันธ์ุ การเจรญิ เตบิ โตของพะยนู ตลอดจนศกึ ษาและสำรวจแหลง่ หญา้ ทะเลชนดิ ตา่ ง ๆ ทเ่ี ปน็ อาหารของพะยนู สตั วน์ ำ้ ทใ่ี กลจ้ ะสญู พนั ธ์ุ ในประเทศไทยด้วย (พระราชดำริเก่ยี วกบั การอนุรักษเ์ ตา่ ทะเล, ๒๕๕๔)118 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ คูพ่ ระบารมี
พระราชดำริเก่ยี วกบั การอนุรักษก์ ล้วยไม้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ มีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ต่อทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าและพรรณพืช อันเป็นสมบัติทางธรรมชาติที่ล้ำค่าของประเทศไทย พระองค์มีพระราชปณิธานอย่างแน่วแน่ท่ีจะใหค้ นไทยทุกคนได้รับร้แู ละตระหนักถงึ ความสำคัญ คุณคา่ ความงามของทรัพยากรธรรมชาตเิ หล่านี้ และได้มสี ว่ นร่วมกันในการอนุรักษ์พันธุ์พืชของไทยทุกชนิด โดยเฉพาะกล้วยไม้ป่าท่ีหายากและใกล้สูญพันธุ์ของไทยที่มีความหลากหลายและความงามอย่างโดดเด่น เพ่ือให้คงอยู่สำหรับอนุชนรุ่นหลังท่ีจะได้เห็น ชื่นชมและได้รู้จักกันสืบต่อไปและให้เป็นสมบัติสืบทอดคงอยู่คู่แผ่นดิน พระองค์โปรดในความงามของธรรมชาติ การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำลำธารรวมถึงชนิดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ต่าง ๆแม้ว่าพระราชกรณียกิจต่าง ๆ จะมีมากจนแทบจะไม่มีเวลาว่างเหลือให้กับการพักผ่อนพระวรกาย แต่พระองค์ยังเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรป่าเขาลำเนาไพรพฤกษ์ ช่ืนชมพันธ์ุไม้ป่าของไทยและมีพระราชดำรัสในหลายโอกาส กระตุ้นจิตสำนึกให้ทุกคนได้ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติเหล่าน้ัน รวมถึงการให้ความรู้แก่เด็กและยุวชนให้ตระหนักในความสำคัญ รู้จักคุณค่า เกิดความรักและหวงแหนในพืชพันธ์ุต่าง ๆ อันเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญต่อไปในภายหน้าอีกด้วยการทพี่ ระองค์เสด็จพระราชดำเนนิ ไปทอดพระเนตรพรรณไม้แปลก ๆ และทหี่ ายากนานาพันธ์ุ โดยเฉพาะกลว้ ยไม้ไทยตา่ ง ๆแมว้ า่ เส้นทางชมธรรมชาติจะคอ่ นขา้ งยากลำบาก ต้องลดั เลย้ี วไปตามโขดหินและไม่ราบเรยี บ แต่กม็ ไิ ด้ทรงยอ่ ทอ้ แตป่ ระการใด ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ คู่พระบารมี 119
เมอื่ ครง้ั เสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทอดพระเนตรพรรณไมป้ า่ ณ บรเิ วณโคกนกกะบาและลานสรุ ยิ นั เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ภูหลวง จังหวัดเลย ในเดือนมีนาคม ๒๕๓๔ ได้ทอดพระเนตรกล้วยไม้ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์และหลากหลายมากบริเวณนั้น มีกล้วยไม้ชนิดหนึ่งท่ีกำลังให้ดอกสวยงามและยังไม่มีช่ือเรียกภาษาไทย อีกท้ังยังเป็นกล้วยไม้ป่าหายาก และพบไม่บ่อยนัก มชี ่ือวิทยาศาสตรว์ า่ Eria amica Rchb.f. จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ ม พระราชทานช่อื ว่า “นมิ มานรดี” “นิมมานรดี” เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยลำลูกกล้วย รปู ทรงกระบอก ลกั ษณะใบเปน็ รปู ขอบขนานแกมรี ดอกออก เป็นช่อ กลีบเล้ียงและกลีบดอกสีขาวมีขีดตามยาวสีแดงเข้ม กลีบปากท่ีตอนปลายมีสีเหลืองเข้มและมีแต้มสีแดงเข้ม ที่โคนกลีบด้านใน ดอกบานเต็มทก่ี วา้ ง ๑ - ๑.๕ เซนตเิ มตร (ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม, ม.ป.ป.) ทรงสนับสนุนให้มีการอนุรักษ์ฟื้นฟูพ้ืนที่ป่าไม้ และพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ตลอดมาจนเป็นท่ีประจักษ์เลื่องลือกัน โดยทวั่ ไปไกลถงึ ต่างประเทศ ต่อมาบรษิ ัท Black and Flory Ltd. ประเทศอังกฤษ ได้ผสมกล้วยไม้สายพันธ์ุ Cattleya Bow Bells และ Cattleya O’brieniana var. alba ได้ลูกผสมท่ีมีความสวยงามมากเป็นพิเศษและจดทะเบียน ไว้ภายใต้ช่ือพันธ์ุว่า Exquisite เมื่อปี ๒๕๐๑ เม่ือนำเข้า ประกวดกไ็ ดร้ บั รางวลั ยอดเยย่ี ม A.M./RHS. จาก The Royal Horticulture Society แห่งประเทศอังกฤษ จึงมีการขอ พระราชทานพระราชานุญาตเชิญพระนามาภิไธย ใช้เรียกชื่อ กล้วยไม้พันธ์ุดังกล่าวว่า “แคทลียาควีนสิริกิต์ิ” ภายหลัง ไดม้ กี ารปรบั ปรงุ และคดั พนั ธท์ุ ที่ นรอ้ นมาปลกู ในประเทศไทย เรียกช่ือสายพันธุ์ว่า Diamond Crown และได้รับรางวัล ยอดเยย่ี ม A.M./RSPC. จากสมาคมพฤกษชาตแิ หง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถมั ภ์อกี ดว้ ย แคทลียาควีนสิริกิต์ิ เป็นกล้วยไม้ท่ีมีดอกใหญ่ สีขาวนวล กลีบดอกและกลีบปากแผ่กว้าง ขอบกลีบย่น เป็นลอนคล่ืน กลีบปากส่วนกลางมีหยักเว้าและมีแต้มสี เหลืองทองด้านในเด่นชัด ดอกบานเต็มที่กว้าง ๑๒-๑๔ เซนติเมตร นมิ มานรดี120 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คู่พระบารมี
นอกจากนี้ ในหลายโอกาสยังได้มีพระราชดำรัส ให้ทุกหน่วยงานได้ร่วมกันช่วยดูแลปกปักษ์รักษา ช่วยกัน หาทางรวบรวมและอนุรักษ์กล้วยไม้ไทยไว้อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ซ่ึงนับวันกล้วยไม้ไทยจะหาดูได้ยากและใกล้ สูญพันธ์ไุ ปทุกขณะพร้อมกับการขยายพันธุ์ให้มีปริมาณมาก พอที่จะคืนสู่ป่าธรรมชาติได้ เพื่อให้กล้วยไม้ของไทยท่ีมี ความงามและมกี ลน่ิ หอมมากไดค้ งอยเู่ ปน็ มรดกทางธรรมชาติ อนั ล้ำค่าของประเทศสบื ไปแคทลียาควีนสิรกิ ติ ์ิ หลายหนว่ ยงานจงึ ได้ร่วมกันสนองพระราชดำริ บงั เกดิ โครงการอนรุ ักษ์พนั ธุ์กล้วยไมไ้ ทยหลายโครงการ อาทิ ๑. โครงการคืนชีวติ กลว้ ยไม้ไทยส่ไู พรพฤกษ์ อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ และกองทพั ภาคที่ ๓ ๒. โครงการอนรุ ักษพ์ ันธุ์กลว้ ยไมร้ องเท้านารอี นั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ กรมวชิ าการเกษตร ๓. โครงการอนุรักษ์กล้วยไม้ รองเทา้ นารีอนิ ทนนท์ ตามพระราชดำรใิ นพนื้ ทภ่ี าคเหนอื (ดอยอนิ ทนนท์) กรมอุทยานแห่งชาติ สตั ว์ป่า และพนั ธ์พุ ชื ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ ค่พู ระบารมี 121
๔. โครงการขยายพันธุ์กล้วยไม้ไทยหายากเพื่อการอนุรักษ์อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจา้ สริ กิ ิต์ิ จังหวดั เชยี งใหม่ ๕. โครงการขยายพนั ธก์ุ ลว้ ยไมส้ กลุ สำเภางาม สถานสี าธติ และถา่ ยทอดการเกษตร ปา่ ไม้ สงิ่ แวดลอ้ ม ตามพระราชดำริบา้ นปากแซม อำเภอเวยี งแหง จงั หวดั เชยี งใหม่ ในโอกาสท่ีเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรความก้าวหน้าในการดำเนินงานของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ จงั หวดั เชยี งใหม่ ในหลายวาระ มพี ระราชดำรใิ หส้ วนพฤกษศาสตรส์ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ เปน็ แหลง่ รวบรวมพรรณกล้วยไม้ป่าของไทย เพ่ือการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศในดา้ นตา่ ง ๆ ซ่งึ ปัจจุบันได้รวบรวมกล้วยไมป้ า่ ของไทยและตรวจสอบรายชอื่ ถูกตอ้ งแล้วประมาณไดถ้ ึง ๔๐๐ ชนิดพร้อมข้อมูลด้านนเิ วศวทิ ยาอยา่ งสมบูรณ์ และเมอ่ื วนั ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๔ ได้เสด็จพระราชดำเนนิ ไปทรงปลอ่ ย “เอื้องแซะ”(Dendrobium scabrilingue Lindl.) คืนสู่ไพรพฤกษ์บนคาคบไม้ป่าในพ้ืนที่สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ซ่ึงกลว้ ยไมพ้ ระราชทานเจรญิ เตบิ โตเป็นอยา่ งดี เอื้องแซะ เป็นกล้วยไม้ไทยสกุลหวาย พบมาก เฉพาะในพ้ืนท่ีภาคเหนือโดยเฉพาะท่ีจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้ดอกท่ีมีกล่ินหอมหวานชื่นใจ บานนานประมาณเกือบ ๑ เดือน และยังมีศักยภาพสามารถพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจ หากสามารถสกัดทำน้ำหอมจากดอกเอ้ืองแซะได้ ในการนี้ ยังได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ให้แก่คณะอาจารย์ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ดำเนินการ ทดลองสกัดสารหอมระเหยจากเอ้ืองแซะเพื่อพัฒนาเพิ่ม คุณคา่ ให้เปน็ พืชเศรษฐกจิ อย่างย่ังยนื อกี ด้วย ประเทศไทยจัดเป็นศูนย์กลางการกระจายของ พรรณพชื ทห่ี ลากหลายทส่ี ดุ ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ กล้วยไม้ป่าท่ีสวยงามและทรงคุณค่านานาชนิดจึงพบขึ้นอยู่ ทวั่ ไปในบรเิ วณน้ี กลว้ ยไมไ้ ทยทน่ี กั พฤกษศาสตรไ์ ดส้ ำรวจพบ ไวแ้ ลว้ ในขณะนี้ มีจำนวนถงึ ๑๗๘ สกลุ รวม ๑,๑๒๘ ชนดิ เป็นที่นิยมปลูกเล้ียงกันมานาน มีบันทึกไว้แต่ครั้งกรุงศรี อยุธยา ท่ีกล่าวถึงการเก็บหาและปลูกเล้ียงเอื้องชนิดต่าง ๆ ที่ให้ดอกสวยงาม แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมากล้วยไม้ไทย หลายชนิดได้สูญหายไปจากแหล่งกำเนิดจนสังเกตได้และไม่ พบว่าได้มีการปลูกเล้ียงอยู่ ณ ที่ใด จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า กล้วยไม้เหล่าน้ีหลงเหลืออยู่น้อยในธรรมชาติ หรืออาจจะ สูญพันธ์ุไปแล้วจากประเทศไทยก็เป็นได้ ในเรื่องนี้สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงให้ความสำคัญเอื้องแซะ และความหว่ งใยเปน็ อยา่ งยิ่ง122 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คพู่ ระบารมี
โครงการคนื ชา้ งสธู่ รรมชาติในพระราชดำริ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงหว่ งใยถงึ วถิ ชี วี ติ ทผี่ ดิ ธรรมชาตขิ องสตั วป์ า่ อนั เปน็ เหตแุ หง่ การสญู พนั ธ์ุจงึ มพี ระราชดำรใิ นการแกไ้ ขปญั หาชา้ งไทย โดยเฉพาะปญั หาชา้ งลกั ลอบลากไมผ้ ดิ กฎหมายและปญั หาชา้ งเรร่ อ่ น ปญั หาคนกบั ชา้ งเป็นตน้ โครงการคนื ช้างสู่ธรรมชาติในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจา้ สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. ๒๕๔๐เพอื่ สนองพระราชปณิธานในการอนรุ กั ษ์สัตวป์ า่ หายากและใกลส้ ญู พันธุข์ องโลก รวมทั้งเปน็ มาตรการสำคญั ที่จะช่วยแกป้ ัญหาให้ช้างเล้ียงและช่วยฟื้นฟูประชากรช้างไทยภายใต้แนวความคิด “ช้างเลี้ยงก็คือช้างป่า” เพราะช้างเป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวที่มนษุ ย์ไม่สามารถเข้าไปคดั เลือกและปรบั ปรงุ สายพนั ธุไ์ ด้เหมอื นสตั ว์เลี้ยงชนดิ อ่ืน ๆ เมื่อวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๔๕ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ดำเนินการจัดตั้ง “มูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ” ข้ึนโดยมุ่งหมายให้เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่สนับสนุนและดูแลต่อไปในระยะยาวพระมหากรณุ าธิคุณคร้งั น้ที รงเปน็ เสมือนร่มโพธแ์ิ ห่งการอนรุ กั ษ์ชา้ งไทย ช่วยฟืน้ ฟูระบบนิเวศใหก้ ลับมาสมบูรณ์เหมือนดังเดมิ ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ ค่พู ระบารมี 123
การนำช้างเล้ียงกลับไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเพื่อฟ้ืนฟูประชากรช้างป่า เป็นแนวทางในการช่วยป้องกันไม่ให้ช้าง สูญพันธ์ุไปจากป่า ในเวลาเดียวกันยังช่วยแก้ปัญหาช้างเล้ียงที่ไม่มีงานทำ ซ่ึงเป็นผลกระทบจากการที่รัฐบาลเข้มงวดกับ การลกั ลอบตดั ไมท้ ำลายปา่ ทำใหช้ า้ งลากไมท้ ง้ั หมดกลายเปน็ ชา้ งทที่ ำงานผดิ กฎหมายนบั แตน่ นั้ เปน็ ตน้ มา การดำเนนิ โครงการ คืนช้างสู่ธรรมชาติยังได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF International) ซึ่งมีเจ้าฟ้าชายฟิลลิปส์ ดยุคแห่งเอดินเบอระ พระราชสวามีในสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธท่ี ๒ แห่งอังกฤษเป็นองค์ประธาน โดยพระองค์ได้ให้ การสนับสนุนงบประมาณจำนวนหน่ึงเพ่ือใช้ในการจัดต้ังมูลนิธิและใช้ในการดำเนินโครงการ อีกทั้งยังได้รับความสนใจและ ความรว่ มมอื จากนานาชาตแิ ละบคุ คลสำคญั ในระดบั ชาติอยา่ งต่อเนอ่ื งมาโดยตลอดอีกด้วย (มูลนธิ คิ นื ช้างส่ธู รรมชาต,ิ ๒๕๔๕) สมเดจ็ พระนางเจ้าสริ ิกิต์ิ พระบรมราชินนี าถ ทรงอทุ ิศพระองค์ ทรงสละเวลาและพระราชทรัพยเ์ พอ่ื บำเพญ็ พระราช กรณียกิจต่าง ๆ ท่ีเกิดประโยชน์ครอบคลุมท้ังคน สัตว์ พืช ป่าไม้และส่ิงแวดล้อมนานาประการ ทรงมีความเข้าใจอย่างลึกซ้ึง ถึงความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันในการดำรงชีวิตระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ อย่างยากท่ีจะหาผู้ใดเทียบได้ พระราชกรณียกิจ ตา่ ง ๆ ลว้ นเปน็ แบบอยา่ งทีด่ ยี ง่ิ ในการชว่ ยพลกิ ฟ้ืนความอดุ มสมบูรณ์และสรา้ งระบบความสมดุลแห่งธรรมชาติใหค้ ืนสแู่ ผน่ ดนิ จากพ้ืนที่ที่เคยร้อนระอุแห้งแล้งกลับกลายเป็นผืนแผ่นดินเขียวชอุ่ม สดใสด้วยพฤกษานานาพันธ์ุและสีสันของเหล่าสัตว์ป่า นานาชนดิ ทส่ี ำคญั คอื ทรงพยายามปลกู จติ สำนกึ ในใจคนใหร้ กั หวงแหนและผกู พนั ในทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม ไวใ้ ห้คงอยบู่ นผืนแผน่ ดนิ ให้มากที่สดุ และนานทีส่ ดุ เพ่อื เปน็ การตอบแทนคุณของแผ่นดิน ด้วยทรงตระหนักวา่ นำ้ และทรัพยากร ธรรมชาติหลากหลายเป็นประดุจขุมทรัพย์อันล้ำค่าย่ิงของประเทศไทยและผืนแผ่นดินไทยท่ีสมควรจะอนุรักษ์ไว้ให้เป็นสมบัติ ของลกู หลานไทยตลอดไป124 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ คพู่ ระบารมี
ทรงสง่ เสริมศาสนา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงตระหนักว่า ศาสนาเป็นเคร่ืองยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์มิให้ประพฤติปฏิบัติในส่ิงที่เป็นความชั่ว ให้เลือกกระทำแต่ความดี จึงทรงตระหนักถึงความสำคัญในการอุปถัมภ์ศาสนา นอกจากจะทรงเปน็ พทุ ธศาสนกิ ชนทป่ี ฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ทางศาสนาโดยสมำ่ เสมอแลว้ ยงั ทรงทำนบุ ำรงุ ศาสนาตา่ ง ๆ ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู และซิกข์ เพราะทรงถือว่าทุกศาสนาต่างมีความสำคัญในฐานะเป็นเคร่ืองยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนเช่นเดียวกัน ดังน้ัน คราวใดท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปในงานพระราชพิธี หรือทรงประกอบพระราชกรณียกิจเก่ียวกับศาสนา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชนิ นี าถ จะโดยเสดจ็ เสมอไมว่ า่ จะเปน็ พธิ ขี องศาสนาใด บางครงั้ เสดจ็ พระราชดำเนนิ ลำพงั พระองคเ์ อง และทรงปฏบิ ตั ิพระราชกรณยี กจิ ดว้ ยความเคารพในประเพณีของศาสนาน้นั ๆ เปน็ อย่างดยี ิ่ง ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ คพู่ ระบารมี 125
พระองค์ทรงศรทั ธาในพระพุทธศาสนามาต้ังแตค่ ร้งั ยงั ทรงพระเยาว์ ดว้ ยทรงรบั การอบรมพนื้ ฐานความรู้เรอ่ื งศาสนา มาจากพระบดิ า พระมารดา คือ พระวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนจนั ทรบุรสี รุ นาถ และหมอ่ มหลวงบวั กิตยิ ากร ทรงเปน็ พทุ ธศาสนกิ ชน ท่เี ครง่ ครดั ทรงเคารพนอบนอ้ มในพระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ ทรงบำเพญ็ กศุ ลทกุ ๆ ทาง เช่น ทรงบาตร ทรงเก็บดอกไม้ มาบูชาพระ ทรงสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยได้ต้ังแต่ยังทรงพระเยาว์ มีน้ำพระราชหฤทัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทรงยึดม่ันในสัจจะ อยใู่ นโอวาทพระบิดา พระมารดา และครูอาจารย์ เมอ่ื เขา้ สพู่ ระราชพธิ รี าชาภเิ ษกสมรส และทรงดำรงพระราชอสิ รยิ ยศเปน็ สมเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถแลว้ ไดท้ รงศกึ ษา และปฏิบัตติ ามหลักธรรมในพระบวรพุทธศาสนามากข้นึ ทรงยกย่องเทดิ ทูนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ทเี่ ป็นผ้พู ระราชทานความรแู้ ก่พระองค์ในทกุ ๆ ด้าน โดยเฉพาะดา้ นพระพทุ ธศาสนา ได้โดยเสดจ็ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภูมิพลอดุลยเดชไปทรงนมสั การและมีพระราชปฏิสนั ถารกับพระเถรานุเถระอยู่เสมอ ทรงใชห้ ลักธรรมเปน็ แนวปฏบิ ัตทิ งั้ ใน ส่วนพระองค์และในฐานะสมเด็จพระบรมราชินีนาถ จึงทรงตระหนักว่าพระองค์ทรงแข็งแรงได้เพราะพระพุทธศาสนา และ ทรงพยายามทุกวิถีทางและทุกโอกาสท่ีจะทรงแนะนำให้พสกนิกรเห็นว่า ความเจริญทางด้านจิตใจเป็นส่ิงจำเป็นและสำคัญ ที่สุด ไม่น้อยไปกว่าความเจริญทางด้านวัตถุ เพราะจะช่วยให้ชีวิตมนุษย์สมบูรณ์และมีค่า ดังพระราชดำรัสพระราชทาน ในพิธพี ระราชทานอนปุ ริญญาบตั รการศึกษาวชิ าพยาบาล ประกาศนียบตั รผดุงครรภ์ และอนุปริญญาบตั รพยาบาลและอนามัย ณ หอประชมุ ราชแพทยาลยั โรงพยาบาลศริ ิราช เมื่อวนั ท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๐ ความตอนหนึง่ ว่า126 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ คูพ่ ระบารมี
“...เขาเหล่าน้ันแม้เป็นผู้ที่ขาดความม่ังค่ังทางวัตถุ แต่ร่ำรวยย่ิงนักในด้านคุณธรรมมีความรักและความห่วงใยในเพ่ือนร่วมชาติ ต้องนับว่าเป็นผู้ที่ทางพระพุทธศาสนายกย่องแล้วว่าเจริญแท้ อยากให้ทุกคนได้เห็นว่า ความเจริญทางวัตถุน้ันจำเป็นต้องควบคู่กันไปกับความเจริญทางจิตใจ จึงจะทำให้ชีวิตมนุษย์สมบูรณ์และมีค่า...” ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ คูพ่ ระบารมี 127
นอกจากทรงได้รับความรู้ทางธรรมะจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงศึกษาธรรม ดว้ ยการมพี ระราชปฏสิ นั ถารกบั พระเถระและพระภกิ ษทุ เ่ี ครง่ ครดั ในพระธรรมวนิ ยั ในยามทเี่ สดจ็ แปรพระราชฐานไปทรงเยย่ี ม ราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ หากทรงมีโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเย่ียมวัดวาอารามใด ก็จะพระราชทานเงินบำรุงวัด รวมทัง้ มพี ระราชปฏสิ นั ถารกบั พระภิกษสุ งฆ์ทว่ี ดั เหล่านัน้ นอกจากนยี้ ังมพี ระราชเสาวนียใ์ หข้ ้าราชบริพารจัดซือ้ หนงั สือธรรมะ หนงั สือเกีย่ วกับพุทธประวัติ ประวตั พิ ระอัครสาวก และพระอริยสงฆ์มาทูลเกล้าทูลกระหมอ่ มถวาย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงยดึ มน่ั ในพรหมวหิ าร ๔ ไดแ้ ก่ เมตตา กรุณา มทุ ติ า และอเุ บกขา พระองคม์ พี ระเมตตากรณุ าแกร่ าษฎรทวั่ ไปโดยเฉพาะคนปว่ ย คนชรา คนพกิ าร คนปญั ญาออ่ นและเดก็ ทรงปรารถนาใหผ้ อู้ นื่ เปน็ สขุ โปรดการทำบุญหรือการสงเคราะห์มาแต่ทรงพระเยาว์ ทรงดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่ง ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ทรงตง้ั “กองทนุ เมตตา” ขน้ึ โดยพระราชทรพั ยร์ เิ รม่ิ เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั อยา่ งรนุ แรง และกระทบกบั สถานภาพทางครอบครัว มนี ้ำพระราชหฤทยั เมตตาหว่ งใยบคุ คลผพู้ ิการท้งั ทางรา่ งกายและสมอง พระองค์ทรงรับสถาบันแม่ชีไทยไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ด้วยทรงเล็งเห็นว่าสถาบันแม่ชีไทยเป็นสถาบันของสตรี กลมุ่ ใหญท่ มี่ งุ่ รกั ษาศลี บำเพญ็ ธรรม และชว่ ยทำงานใหแ้ กส่ งั คมในดา้ นการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา เพอื่ ประโยชนส์ ขุ แกค่ นหมมู่ าก อกี ทั้งทรงรบั “มลู นิธิส่งเสรมิ พระพุทธศาสนาวนั อาทิตย”์ ของสภาการศกึ ษามหามกุฎราชวทิ ยาลัยไวใ้ นพระบรมราชนิ ูปถัมภ์ เพอ่ื เป็นการส่งเสรมิ การสอนศีลธรรมแก่เยาวชน128 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ คพู่ ระบารมี
นอกจากจะทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัดแล้ว ยังทรงอุปถัมภ์บำรุงศาสนาอ่ืนในประเทศด้วย เพราะทรงเช่ือว่าทกุ ศาสนาลว้ นมหี ลกั ธรรมทส่ี อนใหค้ นประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทด่ี งี ามเชน่ เดยี วกนั พระองคม์ กั จะเสดจ็ พระราชดำเนนิ หรอื โดยเสดจ็พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปในงานพิธีของศาสนาต่าง ๆ โดยมิทรงเลือกว่าเป็นงานพิธีของศาสนาใดเชน่ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๒๗ ไดโ้ ดยเสดจ็ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชออกรบั เสดจ็ พระสนั ตปาปาจอหน์ ปอล ที่ ๒ ในโอกาสเสดจ็ เยือนประเทศไทย ณ พระทนี่ ่งั จักรีมหาปราสาท ด้วยความเคารพยกย่องอยา่ งสมพระเกียรติยงั ความชน่ื ชมยนิ ดมี าสคู่ รสิ ตศาสนกิ ชนในประเทศไทยเปน็ อนั มาก (สำนกั งานเสรมิ สรา้ งเอกลกั ษณข์ องชาต,ิ รตั นราชนิ ศี รปี ระเทศ,๒๕๔๘) พระราชกรณียกิจในการทำนุบำรุงศาสนาในพระราชอาณาจักรโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธศาสนา ทรงปฏิบัติเป็นแบบอยา่ งทดี่ ขี องพทุ ธศาสนกิ ชนตลอดมา ทำใหม้ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ขอพระราชทานทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑติ กิตติมศกั ดิ์ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ เพ่อื เฉลิมพระเกยี รติใหแ้ ผ่ไพศาลยิ่งข้ึน ตลอดเวลาที่ทรงดำรงพระฐานันดรอันสูงสุดของสตรีทั้งประเทศ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจท่ีทรงคุณประโยชน์อยา่ งยง่ิ แกพ่ สกนกิ รชาวไทย โดยเฉพาะราษฎรยากจนไรท้ พ่ี งึ่ พงิ ทรงพระเมตตาตอ่ ชนทกุ ชาตทิ กุ ศาสนา มสี ายพระเนตรยาวไกลมพี ระทศั นะกวา้ งขวาง พระราชดำรติ า่ ง ๆ ในการชว่ ยเหลอื ราษฎรทกุ หมเู่ หลา่ และใสพ่ ระราชหฤทยั ตอ่ ความเปน็ อยขู่ องราษฎรยิ่งนัก พสกนิกรชาวไทยล้วนได้ประจักษ์แล้วว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระเมตตาและเอื้ออาทรตอ่ ราษฎร ประดุจความรกั ของมารดาทม่ี ตี อ่ บตุ รโดยแท้ ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ คพู่ ระบารมี 129
พระราชกรณยี กจิเกยี่ วกบั รฐั สภา
เม่ือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชประสงค์จะทรงพระผนวชเป็นพระภิกษุใน พระพทุ ธศาสนา ตามโบราณราชประเพณี จงึ ไมส่ ามารถปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ในฐานะพระมหากษตั รยิ ไ์ ด้ ซงึ่ ตามรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ ได้บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๗ ว่า “ในเมื่อ พระมหากษตั รยิ จ์ ะไมป่ ระทบั อยใู่ นราชอาณาจกั ร หรอื ดว้ ยเหตใุ ดเหตหุ นง่ึ จะทรงบรหิ ารพระราชภาระไมไ่ ด้ จะไดท้ รงแตง่ ตงั้ ผู้ใดผู้หนึ่งด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” จึงเป็นการสมควรท่ีจะแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งพระองค์มี พระราชดำริเห็นว่าเคยมีแบบอย่างท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม แต่งตั้งสมเด็จพระอัครมเหสีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อคราวท่ีเสด็จพระราชดำเนินต่างประเทศ และโดยที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ในขณะนั้น มีพระชนมายุอันสมควรและทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกา สภากาชาดไทย ซ่ึงแสดงถึงพระปรีชาในอันท่ีจะรับพระราชกรณียกิจในคราวน้ีได้ จึงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม แตง่ ตัง้ สมเดจ็ พระนางเจา้ สิรกิ ิต์ิ พระบรมราชินี เปน็ ผู้สำเรจ็ ราชการแทนพระองค์132 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ คูพ่ ระบารมี
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ ๑๗/๒๔๙๙ ชดุ ท่ี ๑ วันอังคารท่ี ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้มกี ารประชมุ ลับเพื่อพิจารณาญัตติขอให้รับความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามรัฐธรรมนูญ และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบในการแต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างท่พี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวทรงพระผนวช หลังจากได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองคใ์ นระหวา่ งท่ที รงพระผนวช อาศยั อำนาจตามมาตรา ๑๗ ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕แก้ไขเพ่ิมเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ โดยมีพลเอก พระประจนปัจจนึก ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการทรงเปน็ ผสู้ ำเร็จราชการแทนพระองค์ สมเดจ็ พระนางเจ้าสิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินี ได้ทรงปฏิบัตติ ามรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยทกุ ประการ โดยเสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีปฏิญาณตน ตามมาตรา ๒๐ ซึ่งบัญญัติว่า “ก่อนเข้ารับหน้าท่ี ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งได้รับแต่งต้ังตามความในมาตรา ๑๗ หรือมาตรา ๑๘ ต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วยถ้อยคำวา่ จะซอ่ื สตั ย์สุจริตและจงรกั ภักดตี อ่ พระมหากษตั รยิ ์และจะปฏิบตั หิ นา้ ท่ีเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนท้ังจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซ่ึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” ซ่ึงพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินในคราวประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร ครง้ั ท่ี ๑๘/๒๔๙๙ (สามญั ) ชดุ ที่ ๑ ในวนั พฤหสั บดที ่ี ๒๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๙๙ ณ พระทนี่ งั่ อนนั ตสมาคมจากนน้ั ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ไดอ้ า่ นประกาศแตง่ ตง้ั ผสู้ ำเรจ็ ราชการแทนพระองคต์ ามพระบรมราชโองการและเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายคำปฏญิ าณแดส่ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ ี จากนน้ั สมเดจ็ พระนางเจา้สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ ี ทรงมพี ระราชดำรสั ปฏญิ าณพระองคใ์ นทป่ี ระชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยกอ่ นที่จะทรงดำรงตำแหนง่ ผูส้ ำเร็จราชการแทนพระองค์ ดังน้ี “ข้าพเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ขอปฏิญาณในท่ีประชุมสภา ผู้แทนราษฎรว่า จะซื่อสัตย์สุจริตและจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และจะปฏิบัติหน้าท่ี เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซ่ึงรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยทกุ ประการ” ที่ประชุมได้ยืนขึ้นรับทราบการปฏิญาณพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ทรงลงพระปรมาภิไธยในสมุดท่ีเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ ผู้ที่อยู่ในท่ีประชุมถวายความเคารพ ประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนทห่ี น่งึ ลงจากบลั ลังก์ ส่งเสด็จพระราชดำเนนิ กลับ ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ คู่พระบารมี 133
พระราชภารกิจผู้สำเร็จราชการแทนพระองคต์ ามรัฐธรรมนญู ทรงลงพระปรมาภไิ ธยผ้สู ำเร็จราชการแทนพระองค์134 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ คพู่ ระบารมี
๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คู่พระบารมี 135
คำปฏิญาณ เลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ทูลเกลา้ ทูลกระหมอ่ มถวาย136 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ คู่พระบารมี
พระปรมาภไิ ธยผู้สำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ คู่พระบารมี 137
138 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คพู่ ระบารมี
๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คู่พระบารมี 139
พระราชบัญญัตแิ ละพระราชกฤษฎกี าที่ทรงลงพระปรมาภไิ ธย ในฐานะทีท่ รงเปน็ ผู้สำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ เมื่อคร้ังสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในขณะที่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทรงพระผนวช ระหวา่ งวนั ท่ี ๒๒ ตลุ าคม ถงึ วนั ท่ี ๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นเวลา ๑๕ วัน ในระหว่างน้ัน พระองค์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในฐานะที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในกฎหมาย จำนวน ๕ ฉบับ ดังน้ี พระราชบญั ญัติแรงงาน พ.ศ. ๒๔๙๙ ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัตฉิ บับนี้ คือ ประเทศไทยได้มวี วิ ฒั นาการ ท้ังดา้ นพาณิชยกรรม อตุ สาหกรรม และธรุ กจิ มีความเจริญมากขน้ึ ถึงขัน้ ทีจ่ ะต้องมกี ารค้มุ ครองแรงงานเพื่อประโยชนร์ ่วมกัน การประสานงาน ตลอดจนความเขา้ ใจอันดรี ะหว่างนายจ้างกับลกู จา้ ง และการท่ีประเทศไทยไดเ้ ขา้ ร่วมเปน็ สมาชกิ ขององค์การ การกรรมกรระหว่างประเทศมาแต่แรกตั้ง ประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการใช้แรงงานในฐานะปัจจัยสำคัญในทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการผลิตและบริโภค รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมแรงงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในการพัฒนาเศรษฐกิจ และส่งเสริม ความเป็นธรรมแห่งสังคมตามครรลองแห่งระบอบเสรีประชาธิปไตย จึงเห็นสมควรตรากฎหมายวางระเบียบการใช้แรงงาน หรอื สภาพการทำงาน รบั รองสทิ ธขิ องลกู จา้ งทจ่ี ะกอ่ ตง้ั และเขา้ รว่ มสหภาพแรงงาน การเจรจาตอ่ รองกบั นายจา้ ง ตลอดจนกำหนด วิธีการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างกัน เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่จะเป็นหลักประกันสวัสดิภาพ อนามัย และความมั่นคง ในการประกอบอาชพี เพอ่ื ให้กฎหมายน้ีเป็นประโยชนส์ มเจตนารมณแ์ ละเปน็ ไปตามวธิ กี ารประชาธิปไตย รฐั บาลจงึ ได้ปรกึ ษา หารือร่วมกันท้ังฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ตลอดจนรับฟังมติมหาชน โดยอาศัยหลักการองค์การการกรรมกรระหว่างประเทศ ที่ได้ตราไว้เป็นมาตรฐาน กับบรรดากฎหมายท่ีใช้อยู่ในนานาอารยประเทศประกอบการพิจารณากล่ันกรองให้เหมาะสมกับ ภาวะในประเทศไทย ซ่ึงจะเป็นผลให้กิจการพานิชยกรรม อุตสาหกรรม และธุรกิจดำเนินไปโดยเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และทั้งนายจ้างและลูกจ้างต่างมีเมตตาธรรมต่อกัน โดยมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนอง พระบรมราชโองการ พระราชบัญญัตินี้คณะรัฐมนตรีได้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ ๑๕/๒๔๙๙ วันอังคารที่ ๑๑ กันยายน ๒๔๙๙ สมยั สามญั ชดุ ที่ ๑ ทป่ี ระชุมมีมตริ บั หลกั การและเสนอต่อสภาผูแ้ ทนราษฎรเพอ่ื ลงมติในการ ประชมุ สภาผู้แทนราษฎร ครัง้ ที่ ๑๘/๒๔๙๙ วันพฤหสั บดีท่ี ๒๐ กนั ยายน ๒๔๙๙ สมัยสามญั ชุดท่ี ๑ ทีป่ ระชุมมมี ตเิ ห็นชอบ140 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คพู่ ระบารมี
๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คู่พระบารมี 141
พระราชกฤษฎีกาเรยี กประชมุ วิสามัญแห่งสภาผ้แู ทนราษฎร พ.ศ. ๒๔๙๙ ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๒๕ ตลุ าคม ๒๔๙๙ พระบรมราชโองการเรยี กประชมุ วสิ ามญั แหง่ สภาผแู้ ทนราษฎร ในวนั ที่ ๑ พฤศจกิ ายน ๒๔๙๙ โดยมีจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นผ้รู ับสนองพระบรมราชโองการ142 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ ีนาถ คพู่ ระบารมี
พระราชกฤษฎกี าใหเ้ ลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ประเภทท่ี ๑ พ.ศ. ๒๔๙๙ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๔๙๙ เน่ืองจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ ๑ ซ่ึงราษฎรได้เลือกตั้งข้ึนจะถึงคราวออกตามวาระในวันที่ ๒๕ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๐๐ ตามมาตรา ๔๗ ของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช๒๔๗๕ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ พุทธศักราช ๒๔๙๕ จึงต้องตราพระราชกฤษฎีกาให้มกี ารเลือกต้ังสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ประเภทท่ี ๑ ให้เริ่มตงั้ แต่วันที่ ๒๖ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๐๐ ถึง วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๐๐ โดยมจี อมพล ป. พบิ ลู สงคราม นายกรฐั มนตรี เปน็ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ คพู่ ระบารมี 143
พระราชกฤษฎกี าใหใ้ ชพ้ ระราชบญั ญตั สิ งเคราะหอ์ าชพี แกค่ นไทย พ.ศ. ๒๔๙๙ บงั คบั ในทอ้ งทจ่ี งั หวดั พระนครและจงั หวดั ธนบรุ ี พ.ศ. ๒๔๙๙ ใหไ้ ว้ ณ วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๔๙๙ เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎกี าฉบับนี้ คือ เนือ่ งจากในท้องทจ่ี งั หวดั พระนครและจังหวัดธนบุรี มีโรงงานอุตสาหกรรม พาณิชยกิจ และธุรกิจอื่น ๆ มาก สมควรตราพระราชกฤษฎีกาให้ใช้ พระราชบัญญตั สิ งเคราะห์อาชพี แก่คนไทย พ.ศ. ๒๔๙๙ บังคบั ในทอ้ งท่ีจังหวดั พระนครและจงั หวัดธนบรุ ี พ.ศ. ๒๔๙๙ โดยมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ144 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คพู่ ระบารมี
พระราชกฤษฎกี าใหใ้ ชพ้ ระราชบญั ญตั คิ วบคมุ การกอ่ สรา้ ง พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙ ในเขตเทศบาลเมอื งพะเยาว์ จงั หวดั เชยี งราย พ.ศ. ๒๔๙๙ ให้ไว้ ณ วันท่ี ๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎกี าฉบับนี้ คอื เน่ืองจากสภาเทศบาลเมืองพะเยาว์ จังหวัดเชียงราย ขยายตัวท้ังในการก่อสร้างอาคารและการผังเมือง สมควรควบคุมการก่อสร้างอาคารในเขตเทศบาลนี้ เพอ่ื ประโยชนใ์ นความมนั่ คงแขง็ แรง การอนามยั การสุขาภบิ าล การปอ้ งกนั อัคคภี ยั และการผงั เมืองใหเ้ ปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย โดยมจี อมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรฐั มนตรี เปน็ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชนิ นี าถ คพู่ ระบารมี 145
พระราชกรณียกจิ ด้านสิทธเิ สรีภาพ ความเสมอภาค สิทธมิ นษุ ยชนผ้ดู อ้ ยโอกาส และผู้พกิ าร
สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ ิกิต์ิ พระบรมราชินนี าถ ทรงงานด้านสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค สทิ ธิมนษุ ยชน ผูด้ อ้ ยโอกาส และผู้พิการ ตลอดระยะเวลาอันยาวนานสง่ ผลให้สทิ ธขิ ้ันพื้นฐานทีม่ นุษยชาติพงึ ได้รับไปถงึ ประชาชนทกุ คน โดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง ผู้ด้อยโอกาสและผู้พิการ ท้ังอาชีพ ความเป็นอยู่ของบุคคลผู้ยากไร้และประชาชนในชนบทห่างไกลได้รับการยกระดับคุณภาพ ชวี ติ ใหด้ ขี นึ้ ไมว่ า่ เปน็ เชอ้ื ชาตหิ รอื ศาสนาใด ทรงอทุ ศิ พระองคใ์ นการใหโ้ ดยไมห่ วงั สง่ิ ตอบแทน มพี ระราชกระแสวา่ ทรงยอมเหนอื่ ย แตล่ ะปไี มอ่ ยากให้เวลาผ่านไปเฉย ๆ ไปท่ไี หนขอใหไ้ ดผ้ ลดีต่อราษฎร เมอ่ื บางคนเขา้ มาหาดว้ ยนำ้ ตาอาบหน้า ทุกขแ์ สนสาหสั พระองค์ไมอ่ าจทนอยไู่ ด้ การทำเพอื่ ประโยชนส์ ขุ ของราษฎรทรงทำด้วยใจรัก ไม่เคยเบื่อหนา่ ยทอ้ ถอยทจ่ี ะชว่ ยเชด็ น้ำตาให้กบั ราษฎรของพระองคเ์ ลย148 ๗ รอบ พระชนมพรรษา พระบรมราชินีนาถ คู่พระบารมี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254