Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประชุมวิชาการนมแม่

ประชุมวิชาการนมแม่

Published by yuvy.inp, 2020-04-06 12:53:48

Description: รายงานประชุมวิชาการเกี่ยวกับนมแม่

Search

Read the Text Version

# การประชุมวชิ าการ นมแมแ่ ห่งชาติ ครั้งที่ 6

การประชมุ วิชาการนมแม่แห่งชาติ ครง้ั ท่ี 6 บรรณาธิการ ศาสตราจารย์ คลินิก พญ. ศริ าภรณ์ สวสั ดวิ ร เลขาธิการคณะกรรมการศนู ย์นมแม่แห่งประเทศไทย จัดท�ำโดย มูลนธิ ิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย อาคารสถาบนั สุขภาพเด็กแหง่ ชาตมิ หาราชนิ ี ชน้ั 11 ถ. ราชวถิ ี เขตราชเทวี กรงุ เทพฯ โทรศพั ท์ 081 831 2264 081 831 2202 พมิ พค์ รัง้ ที่ 1 ตลุ าคม 2560 จ�ำนวน 1,000 เลม่ ออกแบบและพิมพท์ ่ี ห้างหุ้นสว่ นจ�ำกัด พีเอน็ เอส ครีเอชัน่ เลขที่ 108/18-19 หมู่ 3 ถ. รัตนาธิเบศร์ ต. ไทรม้า อ. เมอื งนนทบรุ ี จ. นนบรุ ี 11000 โทร. 02-921-8104 แฟกซ์ 02-921-8103



สารจากประธานมูลนธิ ิศูนย์นมแม่ แห่งประเทศไทย แพทย์หญงิ ศิริพร กัญชนะ ประธานมลู นธิ ิศนู ยน์ มแม่แหง่ ประเทศไทย ในฐานะประธานมลู นิธิศนู ยน์ มแม่แห่งประเทศไทย ขอเปน็ ตวั แทนคณะกรรมการผจู้ ัดการประชุมและ หนว่ ยงาน ที่ร่วมกันจดั การประชุมวิชาการนมแมแ่ ห่งชาตคิ ร้ังท่ี 6 น้ี ต้อนรับ พันธมติ ร เครอื ขา่ ย ชาวนมแมท่ กุ ท่าน ที่ได้มาเขา้ รว่ มประชุม ดว้ ยความยนิ ดียง่ิ ขอขอบคณุ ทุกทา่ นทใี่ ห้ความสนใจมารว่ มประชมุ เพราะทา่ น เป็นสว่ นสำ� คญั ท่ีจะทำ� ให้ การประชุมวิชาการครัง้ นี้ ทีใ่ ช้ชอื่ การประชมุ วา่ “รวมพลงั สรา้ งสงั คมนมแม่ ให้ยง่ั ยืน” (Sustaining Breastfeeding Together) ประสบความสำ� เรจ็ การจดั การประชมุ วชิ าการเปน็ พนั ธกจิ สำ� คญั ของมลู นธิ ศิ นู ยน์ มแมแ่ หง่ ประเทศไทย ทไี่ ดร้ ว่ มกบั หนว่ ยงานพนั ธมติ ร นมแม่ จดั ข้ึนอยา่ งตอ่ เนือ่ งเป็นประจำ� ทุก 2 ปี การประชุมแต่ละครัง้ ไดม้ กี ารกำ� หนดชอื่ การประชมุ เป็นประเด็นหลกั ท่ี ตอ้ งการสอื่ สารใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มประชมุ ไดต้ ระหนกั ความสำ� คญั โดยมเี นอ้ื หาวชิ าการและกจิ กรรมการประชมุ ทสี่ อดคลอ้ งกบั ประเด็นหลักตามชือ่ การประชมุ นัน้ ๆ ครงั้ นี้ กเ็ ชน่ กนั วตั ถปุ ระสงคส์ ำ� คญั ของการประชมุ เปน็ ไปตามชอ่ื “รวมพลงั สรา้ งสงั คมนมแม่ ใหย้ ง่ั ยนื ” กลา่ ว คอื เพื่อใหเ้ ปน็ เวทีของการรวมพลังของภาคเี ครือข่ายจากหนว่ ยงานตา่ งๆ ในด้านวิชาการ เพมิ่ พนู ความรู้ ทกั ษะ และ ประสบการณ์ กา้ วทนั ความรใู้ หมๆ่ และแนวทางตา่ งๆ ทจี่ ะนำ� ไปสเู่ ปา้ หมายความสำ� เรจ็ ในการเลยี้ งลกู ดว้ ยนมแมอ่ ยา่ ง ย่ังยืน รวมท้ังมีโอกาสมาระดมสมองร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เปิดเวทีให้ได้น�ำเสนอผลงานศึกษาวิจัย นวัตกรรมต่างๆ ทแ่ี สดงถึงความคิดสร้างสรรค์ หาหนทางวิธกี ารใหม่ๆ ทีเ่ หมาะสมในการตอบโจทยป์ ญั หาการเล้ยี งลกู ดว้ ยนมแมต่ ามบรบิ ทพื้นทตี่ นเอง ในการประชมุ วิชาการครง้ั น้ี ผู้เขา้ ประชมุ ยังจะได้รว่ มปฏิบตั ใิ น 3 workshop ทนี่ ่าสนใจ ไดแ้ ก่ 1) งานวิจยั 2) การขบั เคลื่อนนมแม่สชู่ มุ ชนเพ่อื ความยั่งยนื 3)From Kangaroo Mother Care to Safe Baby Wearing ท่านที่มารวมประชุมวันนี้ มาจากหลายภาคส่วนของสังคม จากหลายพื้นท่ีตั้งแต่ในเมืองใหญ่จนถึงชุมชนเล็กๆ และจากหลากหลายวิชาชีพ ตั้งแต่เป็นบุคลากรวิชาชีพแพทย์หรือพยาบาลจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งคง เป็นส่วนใหญ่ของผู้เข้าร่วมประชุมคร้ังนี้ นอกน้ัน เป็นบุคลากรวิชาชีพจากหน่วยงานหรือ องค์กรต่างๆ ที่สนับสนุน นมแมจ่ ากสถานประกอบกจิ การ หรอื เปน็ อาสาสมคั รจากกลมุ่ สนบั สนนุ นมแม่ แตไ่ มว่ า่ ทา่ นจะมาจากสว่ นไหนของสงั คม มาจากพื้นทใ่ี ด ลว้ นแต่มบี ทบาทสำ� คญั ในการปกปอ้ ง สง่ เสริม สนับสนนุ การเลี้ยงลูกดว้ ยนมแม่ ตามหน้าที่ความ รบั ผดิ ชอบ ตามบรบิ ทของตนเอง และเมอื่ ไดม้ ารว่ มประชมุ กนั มารว่ มแลกเปลยี่ นเรยี นรกู้ นั จะชว่ ยเสรมิ สรา้ งพลงั ทาง วชิ าการ ทส่ี ามารถนำ� ไปพัฒนาแนวทางการขบั เคลอ่ื นการเลยี้ งลูกดว้ ยนมแม่ในพ้ืนทีค่ วามรับผดิ ชอบของตัวเอง ใหม้ ี ประสิทธิภาพประสทิ ธิผลมากขึน้ ทส่ี ำ� คัญนอกเหนอื จากนี้ คอื เวทวี ิชาการแหง่ น้เี ปิดโอกาสให้ได้เชือ่ มสมั พนั ธก์ นั เปน็ เครอื ขา่ ยนมแม่ทขี่ ยายกว้างข้ึน ซ่ึงจะช่วยเสรมิ พลังกนั และกันในการทำ� งานนมแม่เปน็ หลายเท่าทวีคณู ในระดับประเทศ งานการปกป้อง ส่งเสริมและสนับสนุนการเล้ียงลูกด้วยนมแม่ มีกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามยั เปน็ เจา้ ภาพหลกั ชว่ งเวลาทผี่ า่ นมา มลู นธิ ศิ นู ยน์ มแมไ่ ดส้ นบั สนนุ นโยบายภาครฐั อยา่ งเตม็ ที่ รว่ มผนกึ กำ� ลงั กันกบั กรมอนามัยและภาคีเครอื ขา่ ยนมแมท่ งั้ ภาครัฐและเอกชน ท้ังในโรงพยาบาล ในครอบครวั ที่บา้ น สถานที่ 4

ทำ� งาน และในชุมชน เพอื่ สง่ เสริมและสนบั สนนุ ให้แมส่ ามารถเล้ียงลกู ด้วยนมแมไ่ ดอ้ ย่างถูกต้อง เตม็ ที่ และนานพอ ซึง่ หมายถึงการให้เร่มิ ดดู นมแม่ตัง้ แตบ่ นเตียงคลอด ใน 1 ชั่วโมงแรกหลังเกิด การใหไ้ ด้รบั นมแมอ่ ยา่ งเดียวในระยะ 6 เดอื นแรก และการใหไ้ ดร้ บั นมแมค่ วบคไู่ ปกบั อาหารตามวยั จนลกู อายุ 2 ปี หรอื นานกวา่ นนั้ ดงั สญั ลกั ษณต์ วั เลข 1 6 2 ซงึ่ ทา่ นรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงสาธารณสขุ ใหไ้ วส้ ำ� หรบั การรณรงคใ์ นโอกาสสปั ดาหก์ ารเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแมใ่ นปนี ี้ รวม ทงั้ รว่ มกบั ภาครฐั ผลกั ดนั มาตรการตา่ งๆ ในการปกปอ้ งการเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ จนกระทงั่ ในทส่ี ดุ เราไดพ้ ระราชบญั ญตั ิ ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารส�ำหรับทารกและเด็กเลก็ พ.ศ 2560 หรอื พ.ร.บ นมผง เปน็ กฎหมายฉบบั แรก ของประเทศ ทชี่ ว่ ยปกป้องการเลีย้ งลูกด้วยนมแม่ พทิ กั ษ์สิทธิในการเลย้ี งลูกดว้ ยนมแม่ของเดก็ ในระดับโลก มีมมุ มองตอ่ การเล้ยี งลูกด้วยนมแมใ่ นมิติทีก่ ว้างขึ้น ครอบคลมุ ทุกมิติ ไมใ่ ช่เพยี งผลลพั ธท์ างดา้ น สุขภาพต่อแม่และเด็กเท่าน้ัน แต่ดถู งึ ผลลัพธ์ในระยะยาวของการเลี้ยงลูกดว้ ยนมแม่ การเพมิ่ ข้ึนของการเล้ียงลกู ด้วย นมแม่ จะชว่ ยในการพฒั นาทงั้ ดา้ นการศกึ ษา สงั คม เศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาดา้ นส่ิงแวดล้อมอยา่ งยงั่ ยืน ดังนน้ั ในระดับโลก จึงถอื ว่าการเลย้ี งลูกด้วยนมแม่ เปน็ กุญแจสำ� คัญทีจ่ ะน�ำไปสคู่ วามส�ำเรจ็ ตามเป้าหมายการพฒั นาอยา่ ง ยง่ั ยนื (Sustainable Development Goals-SDGs) ทม่ี กี ารพฒั นาเชอ่ื มโยงกนั ทงั้ ดา้ นสงั คม เศรษฐกจิ และสง่ิ แวดลอ้ ม เปน็ เปา้ หมายการพฒั นาระดบั โลกซงึ่ จดั ทำ� ขนึ้ โดยองคก์ ารสหประชาชาติ ประเทศตา่ งๆ ทวั่ โลกรวมทง้ั ประเทศไทยตอ้ ง ใช้ SDGs เปน็ ทศิ ทางในการพฒั นาในช่วง 15 ปี (ค.ศ. 2015-2030) รฐั บาลท่วั โลกไดม้ กี ารตกลงกนั ในการตัง้ เปา้ หมายการเลยี้ งลูกดว้ ยนมแมอ่ ย่างเดยี วใน 6 เดือนแรกให้เพิม่ ขน้ึ ถึง ร้อยละ 50 ในปี ค.ศ. 2025 หรือ พ.ศ. 2568 ปัจจบุ ัน สถานการณก์ ารเล้ียงลกู ด้วยนมแม่ทัง้ ในระดับโลกและในระดบั ประเทศ ยังห่างไกลจากเปา้ หมาย กล่าว คือ อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนของทั่วโลกโดยเฉล่ียเท่ากับร้อยละ 37 ส่วนในประเทศไทย จาก ขอ้ มลู การสำ� รวจสถานการณเ์ ดก็ และสตรใี นประเทศไทย โดยองคก์ รยนู เิ ซฟ ลา่ สดุ พ.ศ. 2558-2559 (MICS5) พบว่า อัตราการเล้ยี งลูกดว้ ยนมแม่อยา่ งเดยี ว 6 เดอื น อยทู่ ่รี อ้ ยละ 23.1 การเร่มิ ตน้ นมแม่ในชว่ั โมงแรกหลังเกิด เท่ากบั รอ้ ยละ 39.9 ได้รบั นมแม่ที่ อายุ 2 ปี รอ้ ยละ 15.8 ซ่งึ จะเหน็ วา่ หนทางในการจะเดินสูเ่ ปา้ 1 6 2 ยงั คงมี ปัญหาอุปสรรค มชี ่องวา่ งของความรู้ หรอื การปฏบิ ตั ิท่ตี อ้ งชว่ ยกนั เติมใหเ้ ต็ม หรืออีกนัยยะ คอื เปน็ โอกาสใหพ้ วกเรา ไดร้ ว่ มรวมพลงั ในการพฒั นาได้อีกมากมาย คาดหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ ความรแู้ ละแนวการปฏบิ ตั ติ า่ งๆ ทที่ า่ นไดร้ บั จากการประชมุ วชิ าการครงั้ น้ี จะเปน็ ประโยชน์ สามารถนำ� ไปชว่ ยเตมิ ช่องว่างที่ยังขาดให้เตม็ ขอให้พวกเราไปช่วยกันประกาศเจตนารมณ์ ในเปา้ หมาย 1 6 2 เพ่อื ให้เด็กในพื้นท่ีของท่านได้กินนมแม่อย่างถูกต้อง เต็มที่ และนานพอ ประกาศเสียงดังให้เข้มแข็งเป็นหนึ่งเดียวกันทั่ว ประเทศ (Unified Voice) เม่อื ไรทสี่ ่งเสยี งดังพร้อมๆ กัน เป็นหน่ึงเดยี วกนั เสยี งนัน้ จะทรงพลัง จะมคี นไดย้ นิ แม่และ ครอบครวั จะไดย้ นิ สังคมโดยรวมจะได้ยินจะมีคนอยากสนบั สนุนจะสร้างการเปลีย่ นแปลงให้เกดิ ขึ้นได้ ร่วมกนั ผนึกพลังความคิด พลังกาย พลังใจ กับผรู้ ่วมงานและเครือขา่ ยในพ้นื ทใี่ นการพัฒนานมแม่สู่เป้าหมาย 1 6 2 ไม่วา่ จะอยพู่ ืน้ ท่ไี หน หรือในหนว่ ยงานใดก็ตาม ท�ำใหเ้ ต็มความสามารถท่ีมเี พื่อการสร้างเด็กไทยท่มี ีคุณภาพ สรา้ งคนไทยคณุ ภาพ ใหก้ บั ประเทศ เมอื่ มกี ารรวมพลงั กนั จากทกุ สว่ นของประเทศ โดยมเี ปา้ หมายเดยี วกนั เปรยี บเหมอื น การต่อจ๊กิ ซอว์ ตอ่ เปน็ ภาพเตม็ ส�ำเรจ็ พวกเราทุกคนในหอ้ งประชมุ น้ี มีส่วนช่วยกนั ต่อจิก๊ ซอว์ ภาพการเลีย้ งลกู ด้วย นมแม่ของประเทศไทย ให้ไดภ้ าพสมบูรณ์สวยงาม คือ ภาพของสังคมนมแมท่ ี่ยง่ั ยนื หวงั วา่ นอกจากประโยชนเ์ รอ่ื งความรทู้ จี่ ะนำ� สกู่ ารปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรมแลว้ ทกุ ทา่ นจะไดร้ บั ความสขุ จาก การได้พบปะสนทนากบั คนในแวดวงสังคมนมแม่ดว้ ยกัน ตลอดระยะเวลาสามวันของการประชุม และท่ีคาดหวงั ยิ่งไป กวา่ น้นั คือ ทกุ ทา่ นจะได้มโี อกาสเชอื่ มความสัมพนั ธ์ท้งั ระดบั บุคคล ระดบั หน่วยงาน ระดบั องคก์ ร เพอื่ รวมพลังกนั ในการสรา้ งสงั คมนมแม่ให้ย่งั ยนื ต่อไป ขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในการจัดประชุมทุกท่านและขอบคุณทุกองค์กรท่ีสนับสนุน วิทยากรผู้ ทรงคณุ วฒุ ทิ ส่ี ละเวลามารว่ มใหค้ วามรู้ ขอบคณุ ผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ ทชี่ ว่ ยเสรมิ พลงั ใหเ้ วทปี ระชมุ วชิ าการนมแมแ่ หง่ ชาติ “รวมพลงั สร้างสงั คมนมแม่ ให้ย่งั ยืน” คร้ังน้ี ประสบความส�ำเร็จ ด้วยความรัก เช่อื มน่ั และศรัทธาในพลงั ของคน นมแม่ (แพทยห์ ญงิ ศริ พิ ร กัญชนะ) ประธานมูลนิธิศูนยน์ มแม่แห่งประเทศไทย การประชุมวชิ าการนมแมแ่ ห่งชาติ ครัง้ ท่ี 6 5

สารจากอธบิ ดกี รมอนามยั นายแพทยว์ ชิระ เพ็งจนั ทร์ อธิบดกี รมอนามัย กรมอนามยั เปน็ องคก์ รหลกั ในการอภบิ าลระบบสง่ เสรมิ สขุ ภาพและอนามยั สงิ่ แวดลอ้ ม เพอื่ ประชาชน ให้มสี ขุ ภาพดี มีนโยบายในการปกป้อง ส่งเสริมและสนบั สนุนการเล้ียงลูกด้วยนมแมอ่ ยา่ งต่อเนื่อง โดยมี มลู นธิ ศิ นู ยน์ มแมแ่ หง่ ประเทศไทย ขบั เคลอื่ นการเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแมข่ องประเทศไทย รว่ มกบั หนว่ ยงานภาค รฐั ภาคเอกชน และ ภาคประชาสงั คม หลากหลายหนว่ ยงาน อาทิ เชน่ กรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ส�ำนกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสร้างเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ราชวทิ ยาลัยสตู นิ รแี พทยแ์ ห่ง ประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สภาการพยาบาล และมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่ง ประเทศไทย โดยเฉพาะการจัดประชมุ วิชาการนมแม่แหง่ ชาติอยา่ งสม�ำ่ เสมอทกุ 2 ปี ปนี ้ี หัวขอ้ การจดั ประชุมคือ “รวมพลัง สร้างสังคมนมแม่ ให้ยั่งยืน” ซ่ึงสอดคล้องกับค�ำขวัญสัปดาห์นมแม่โลกปี 2560 “Sustaining Breastfeeding Together” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใหเ้ หน็ ความส�ำคญั ของการรวมพลังของ หนว่ ยงานตา่ งๆ ในดา้ นวิชาการ ในการรว่ มแลกเปล่ยี นเรียนรู้ เพือ่ ใหผ้ ู้เขา้ รว่ มประชุม กา้ วทันความรู้ใหมๆ่ ตอบขอ้ สงสยั ในประเด็นทไ่ี มช่ ดั เจน เขา้ ใจธรรมชาตขิ องปญั หาอุปสรรคต่างๆ และแนวทางการแก้ไข ทง้ั ใน บริบทด้านสาธารณสุข และด้านสังคม การน�ำเสนอผลงานวิจัย นวัตกรรม เทคนิคการส่ือสารคุณภาพ เป็นตน้ กรมอนามยั ใหค้ วามสำ� คญั เปน็ อยา่ งยง่ิ กบั การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ มแี นวทางการขบั เคลอ่ื นเชงิ นโยบาย และ สนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเี ครอื ข่าย เพื่อใหเ้ ด็กไทยไดก้ ินนมแม่เพ่ิมมากขึ้น โดยใชแ้ นวคิดการ พัฒนาตามเสน้ ทางชีวติ (Life course approach) ซึง่ ในประเดน็ ของการเล้ียงลกู ด้วยนมแม่ จะเห็นภาพ ชัดเจนว่า การลงทุนด้านสุขภาพเพ่ือการเล้ียงลูกด้วยนมแม่ซึ่งเป็นช่วงแรกของชีวิต จะส่งผลถึงช่วงชีวิต จนถงึ เตบิ โตเปน็ ผใู้ หญใ่ นระยะตอ่ ๆ มา เปน็ ตน้ ทนุ ชวี ติ ทง้ั ดา้ นกายใจทส่ี ำ� คญั ใหผ้ ลลพั ทด์ า้ นสขุ ภาพไปตลอด ชีวติ กรมอนามยั มีนโยบายและกลไกสำ� คญั ในการขบั เคล่อื น มหศั จรรย์ 1,000 วนั (270 วัน ในครรภ์ 180 วนั 0-6 เดอื น 255 วันตอ่ จาก 6 เดอื นถงึ 2 ปี ) โดยตอ้ งมีการพัฒนาอยา่ งบูรณาการ ตงั้ แตก่ าร สร้างพ่อแมค่ ณุ ภาพ การตั้งครรภ์คณุ ภาพของแม่ โภชนาการในแม่ สร้างเด็กฉลาด ด้วยน�ำ้ นมแม่ จากขอ้ มูลสถานการณ์และการขับเคล่อื นการเล้ยี งลกู ด้วยนมแม่ทีผ่ ่านมา ยังมีช่องว่างเพื่อการพัฒนา มปี ญั หาอปุ สรรคทง้ั ทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม รวมถงึ ปญั หาในระบบบรกิ ารสขุ ภาพ ปญั หาดา้ น ความรู้ ทักษะ ทัศนคติ ของบุคลากรสาธารณสุขผใู้ ห้บรกิ าร แม่และครอบครวั ปญั หาดา้ นการส่อื สารเพือ่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ฯลฯ ท่ียังต้องการแก้ไข ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลง ให้เข้ากับยุคสมัย 6

“ประเทศไทย 4.0” หรอื ยุค “เศรษฐกจิ ท่ขี บั เคลอ่ื นดว้ ยนวัตกรรม” ซง่ึ ประเดน็ ต่างๆ เหล่าน้ี ไดถ้ ูกบรรจุ อยู่ในการประชุมวิชาการคร้ังน้ี รวมถงึ ข้อมูลความรูใ้ หมๆ่ หรอื ประเดน็ ท่ียงั คลมุ เคลือไม่ชัดเจน ตลอดจน แนวทางในการบงั คบั ใช้ พ.ร.บ นมผงซึง่ เพ่งิ มีการประกาศใช้ ตามสัญลักษณ์ 1 6 2 (นมแม่ 1 ชัว่ โมงแรกหลังเกิด นมแม่อยา่ งเดียว 6 เดอื น และนมแมต่ อ่ เนือ่ ง หลงั หกเดือนร่วมกับอาหารตามวัยจนถงึ 2 ปี) ที่ทา่ นรัฐมนตรีสาธารณสุข ศาสตราจารย์คลินิกเกียรตคิ ณุ นพ. ปยิ ะสกล สกลสตั ยาทร ไดใ้ หไ้ ว้ การใหอ้ าหารตามวยั ทเ่ี หมาะสมเพยี งพอ การสง่ เสรมิ การเจรญิ เตบิ โต และพัฒนาการเด็ก นอกจากนี้ จากผลงานการผลักดันของกรมอนามัยร่วมกับภาคีเครือข่าย ท�ำให้ได้ พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ การสง่ เสรมิ การตลาดอาหารสำ� หรบั ทารกและเดก็ เลก็ พ.ศ 2560 หรอื พ.ร.บ นมผง เปน็ กฎหมายฉบบั แรกของประเทศท่คี ุม้ ครองทารกและเดก็ เลก็ เพอื่ ให้เด็กไทยได้กินนมแมอ่ ย่างเต็มท่ี กรมอนามยั ขอขอบคณุ ผมู้ สี ว่ นรว่ มในการจดั การประชมุ วชิ าการนมแมแ่ หง่ ชาตคิ รง้ั นที้ กุ ทา่ น ขอบคณุ ทุกองคก์ รท่ีสนบั สนนุ ขอบคุณวทิ ยากรทุกทา่ นทมี่ าให้ความรแู้ ละแนวคดิ ที่หลากหลาย และขอบคณุ ผเู้ ขา้ ร่วมประชุมทกุ ทา่ น ซึ่งเป็นส่วนส�ำคญั ต่อความส�ำเร็จของการประชุมวิชาการครัง้ น้ี หวังเปน็ อยา่ งยิง่ วา่ ผู้ เข้าร่วมประชุมคร้ังน้ีจะได้รับประโยชน์สูงสุด ได้รับทั้งความรู้ทางวิชาการและแนวทางในการพัฒนางานใน ส่วนที่เกี่ยวข้อง สามารถน�ำความรู้และทักษะจากการประชุมวิชาการคร้ังนี้ ไปปฏิบัติอย่างเหมาะสมกับ บริบท ขยายถ่ายทอดต่อเครือข่ายในพื้นท่ี รวมถึงได้มีโอกาสเช่ือมความสัมพันธ์กัน เพื่อร่วมมือกัน “รวมพลงั สร้างสังคมนมแม่ ใหย้ ง่ั ยืน” กรมอนามยั จะยังคงมงุ่ ม่นั ตอ่ ไป ในการผลกั ดนั นโยบายภาครฐั พร้อมๆ กับรว่ มรวมพลงั กับทุกภาค สว่ นในสงั คมอย่างจรงิ จัง ในการปกปอ้ ง ส่งเสริม สนบั สนุน การเลยี้ งลูกด้วยนมแม่ เพอ่ื ใหแ้ ม่ไทยสามารถ เลยี้ งลกู ดว้ ยนมแมเ่ พมิ่ ขนึ้ และนำ� สคู่ วามความสำ� เรจ็ ตามเปา้ หมาย “รวมพลงั สรา้ งสงั คมนมแม่ ใหย้ งั่ ยนื ” ในสังคมไทย (นายแพทยว์ ชริ ะ เพ็งจนั ทร)์ อธิบดกี รมอนามยั การประชมุ วิชาการนมแมแ่ ห่งชาติ คร้งั ที่ 6 7

กำ� หนดการประชมุ วชิ าการนมแมแ่ ห่งชาตคิ รั้งท่ี 6 “รวมพลงั สรา้ งสงั คมนมแม่ ใหย้ ัง่ ยืน” The 6th National Breastfeeding Conference: “Sustaining Breastfeeding Together” ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจกิ ายน 2560 สถานท่ี ณ โรงแรมมณเฑยี ร รเิ วอร์ไซด์กรงุ เทพมหานคร Grand Ballroom วันพุธท่ี 8 พฤศจิกายน 2560 ช้ัน 4 พิธีกรในพธิ ีเปิด/ ประจำ�วนั : ผศ.ดร.ธญั ลักษณ์ บรรลขิ ติ กุล Grand Ballroom 08.00 - 08.45 น. ลงทะเบียน และ course overview ชัน้ 4 08.45 - 10.00 น. Special talk “After the Code act, What’s next? Grand Ballroom วิทยากร ชน้ั 4 •นพ.ธงชยั เลิศวไิ ลรตั นพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสขุ เขตสขุ ภาพท่ี 1 •ศ.นพ.ภเิ ศก ลุมพิกานนท์ ประธานราชวิทยาลัยสตู นิ รีแพทย์แห่งประเทศไทย •รศ.ดร.พญ.ศิรนิ ชุ ชมโท ราชวทิ ยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย •ผศ.ดร.จริยา วิทยะศุภร สภาการพยาบาล ผ้ดู ำ�เนินการอภปิ ราย : พญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนธิ ศิ นู ย์นมแมแ่ ห่งประเทศไทย ประธาน : รศ.พญ.อรวรรณ ครี วี ัฒน์ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ ประธานรว่ ม : นพ.เอกชยั เพียรศรวี ัชรา ผอู้ ำ�นวยการสำ�นักสง่ เสรมิ สุขภาพ กรมอนามัย เลขานุการ : นางจินตนา พัฒนพงศ์ธร รองผ้อู ำ�นวยการสำ�นกั ส่งเสริมสขุ ภาพ กรมอนามยั 10:00 – 10:15 น. พักรับประทานอาหารวา่ ง 10:15 – 10:30 น. พธิ เี ปิดการประชมุ •กลา่ วต้อนรบั ผูเ้ ข้าร่วมประชุม พญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศนู ยน์ มแมแ่ ห่งประเทศไทย •กล่าวรายงานตอ่ ประธานในพิธีเปิด รศ. พญ.อรวรรณ ครี วี ัฒน์ ประธานคณะกรรมการดา้ นวิชาการ •ประธาน ในพิธีกลา่ วเปิดการประชมุ ศ.คลินกิ เกียรติคณุ นพ.ปิยะสกล สกลสตั ยาทร รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสุข 10:30 – 11:00 น. ปาฐกถา “Sustaining Breastfeeding Together” ศ.คลินกิ เกยี รตคิ ุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงสาธารณสขุ 8

วนั พุธท่ี 8 พฤศจิกายน 2560 พิธีกรในพิธเี ปดิ / ประจำ�วัน: ผศ.ดร.ธัญลกั ษณ์ บรรลิขติ กุล 11:00 – 11:15 น พธิ ีมอบโล่ สถานที่ 11.15 -12.00 น. โดย ศ.คลนิ ิกเกยี รตคิ ณุ นพ.ปยิ ะสกล สกลสตั ยาทร รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสุข Grand Ballroom •โลเ่ กยี รตยิ ศ ผทู้ มุ่ เทและวางรากฐานการทำ�งานดา้ นนมแมร่ ะดบั ชาติ ชั้น 4 ผู้รับมอบ ศ.คลนิ กิ เกียรตคิ ุณ นพ.วรี ะพงษ์ ฉัตรานนท์ Grand Ballroom ผกู้ ล่าวสดุดี ชั้น 4 นายสงา่ ดามาพงษ์ •โลป่ ระกาศเกียรตคิ ุณ ผูเ้ ชี่ยวชาญการบรหิ ารจัดการ “ศูนยเ์ รียนรสู้ ร้างงานดี ชีวีมสี ุข ด้วยนมแม”่ ผู้รับมอบ จำ�นวน 5 คน 1. นางนนั ทน์ ภัส เสรีฐิติวรโชติ บรษิ ัท เดลตา้ อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำ�กัด (มหาชน) 2. นายพยพั แจ้งสวสั ดิ์ บรษิ ัท ไทยซมั มิท ฮาร์เนส จำ�กดั (มหาชน) 3. นางสาวกรรณกิ า เซน็ มุกดา บริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำ�กดั 4. นายพรณรงค์ ว่องสุนทร บรษิ ัท เวสเทริ ์นดจิ ติ อล (ประเทศไทย) จำ�กดั 5. นายสทิ ธิพร ชลายน บรษิ ัท สยามเดน็ โซ่ แมนแู ฟคเจอรง่ิ จำ�กัด และ บริษัท สยามเคียวซัน เดน็ โซ่ จำ�กัด ผ้กู ลา่ วรายนาม รศ.พญ.อรวรรณ คีรวี ัฒน์ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ Plenary 1 : Breastfeeding Benefits : Claim or Over Claim •BF and IQ •BF and Stem Cells •BF and Lifelong Health Outcomes •BF and Maternal Health วิทยากร •รศ.ดร.พญ.ศริ นิ ุช ชมโท คณะแพทย์ศาสตร์จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย •พ.อ.หญิง ผศ.พญ.ปรศิ นา พานชิ กุล วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกลา้ ผดู้ ำ�เนินรายการ: •พญ.ศิรพิ ัฒนา ศิริธนารัตนกลุ มลู นิธิศูนย์นมแม่แหง่ ประเทศไทย ประธาน: •รศ.พญ.คณุ หญงิ สา่ หรี จติ ตนิ นั ทน์ ทีป่ รึกษา คณะกรรมการศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย การประชมุ วิชาการนมแม่แห่งชาติ ครง้ั ที่ 6 9

วนั พุธท่ี 8 พฤศจิกายน 2560 พิธีกรในพิธเี ปดิ / ประจ�ำ วัน: ผศ.ดร.ธญั ลักษณ์ บรรลิขิตกุล 12.00-13.00 น. เลขานุการ: สถานที่ •รศ.พญ.กสุ มุ า ชศู ลิ ป์ ผเู้ ขา้ ประชมุ ชน้ั 4 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ 1.ห้อง Harbour View พักรบั ประทานอาหารกลางวัน 2.หอ้ ง Emperor 3.หอ้ งธารทอง ชน้ั G แขกรบั เชญิ วทิ ยากร 1.หอ้ งวมิ านทอง ชน้ั 4 Grand Ballroom 13.00-14.30 น. Symposium 1: Clearing the Gray Zone in BF ชัน้ 4 14.30-15.00 น. •Micronutrients Deficiency: Zinc and Vitamin D 15.00-16.00 น. วิทยากร: รศ.พญ.กสุ ุมา ชูศลิ ป์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น •“Breastfeeding and Stunting” วิทยากร: ผศ.พญ.อรพร ดำ�รงวงศศ์ ิริ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล •“Substance Use” วทิ ยากร: พญ.ริชาพรรณ ชูแกล้ว โรงพยาบาลสมเดจ็ พระบรมราชเทวี ณ ศรรี าชา •“Maternal Infection : CMV, varicella and Breastfeeding” วิทยากร : ผศ.พญ.มริ า โครานา สถาบันสุขภาพเดก็ แห่งชาตมิ หาราชนิ ี ผูด้ ำ�เนนิ รายการ: พญ.กรรณกิ าร์ บางสายน้อย มลู นิธิศูนย์นมแมแ่ ห่งประเทศไทย ประธาน: ผศ.ดร.อุไรพร จติ ต์แจ้ง มลู นธิ ศิ ูนยน์ มแม่แห่งประเทศไทย เลขานุการ: นางสาววรี ะวัลย์ กรมงคลลกั ษณ์ มูลนธิ ศิ ูนย์นมแมแ่ ห่งประเทศไทย พักรับประทานอาหารว่าง Plenary 2: Breaking the Barriers : Grand Ballroom Breastfeeding at the Beginning ช้นั 4 วทิ ยากร: ผศ.ดร.พญ.ภัทรวลยั ตลึงจิตร คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล พญ.สุธีรา เอ้ือไพโรจน์กจิ โรงพยาบาล BNH พว.ศิรลิ ักษณ์ ถาวรวฒั นะ คลนิ กิ นมแม่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ผดู้ ำ�เนนิ รายการ: ศ.คลนิ ิก พญ.ศริ าภรณ์ สวัสดิวร เลขาธกิ ารศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ประธาน: คุณนงนุช บุณยเกียรติ มูลนธิ ศิ ูนย์นมแม่แหง่ ประเทศไทย เลขานกุ าร: พญ.ชมพูนุท โตโพธิ์ไทย สำ�นกั ส่งเสริมสขุ ภาพ กรมอนามยั 10

วนั พฤหัสบดีท่ี 9 พฤศจิกายน 2560 พิธกี รประจำ�วนั : นางฉววี รรณ ตน้ พดุ ซา 08.10- 08.30 น. กิจกรรม Q & A ( พร้อมมอบของรางวัล) สถานท่ี 08.30-08.45 น. ดำ�เนนิ รายการโดย: พญ.กรรณกิ าร์ บางสายน้อย 08.45 -10.00 น. Debrief ประจำ�วัน Grand Ballroom วทิ ยากร: ผศ.ดร.สุดประนอม สมันตเวคิน ช้นั 4 10.00 -10.30 น. วิทยาลยั พยาบาลและสุขภาพ มหาวิทยาลยั ราชภฎั สวนสุนันทา 10.30 -11.30 น. Symposium 2: Road to Breastfeeding Sustainability Grand Ballroom •Maternal, Social and Workplace Factors ชั้น 4 11.30 -12.00 น. วิทยากร: ผศ.ดร.พรนภา ต้ังสขุ สนั ต์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั หดิ ล Grand Ballroom •Maternity Leave ชน้ั 4 วิทยากร: นายมโนชญ์ แสงแก้ว กรมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน Grand Ballroom •BF in Workplace ชั้น 4 วิทยากร: นายพยัพ แจง้ สวัสด์ิ บริษทั ไทยซมั มิทฮารเ์ นส จำ�กัด (มหาชน) Grand Ballroom •“BF DRG….Is it possible? “ ช้นั 4 วทิ ยากร: นพ.กฤช ลี่ทองอนิ ทีป่ รกึ ษา สำ�นักงานหลกั ประกันสุขภาพแห่งชาติ ผ้ดู ำ�เนนิ รายการ: พญ.ยพุ ยง แหง่ เชาวนิช รองประธานมูลนธิ ิศูนย์นมแม่แหง่ ประเทศไทย ประธาน: นพ.ศิริวัฒน์ ทพิ ย์ธราดล ท่ีปรกึ ษาคณะกรรมการศูนยน์ มแมแ่ ห่งประเทศไทย เลขานุการ: นางมีนะ สพสมยั มลู นิธศิ นู ย์นมแม่แหง่ ประเทศไทย พกั รบั ประทานอาหารว่าง / Poster Round and Boot visit Plenary 3: “Tongue-tie” วิทยากร: ผศ.นพ.มงคล เลาหเพญ็ ชาติ คณะแพทยศ์ าสตร์ ศิริราชพยาบาล พว.ชญาดา สามารถ โรงพยาบาลศิรริ าช วทิ ยากร และผู้ดำ�เนินรายการ : รศ.นพ.ภาวนิ พวั พรพงษ์ คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ องครกั ษ์ ประธาน ศ.คลินกิ เกยี รติคุณ นพ. สวุ ชัย อินทรประเสริฐ ท่ีปรึกษาคณะกรรมการศนู ย์นมแม่แห่งประเทศไทย เลขานกุ าร ผศ.ดร. จรยิ า วิทยะศภุ ร รองเลขาธิการ คณะกรรมการศนู ยน์ มแม่แห่งประเทศไทย “Highlight BF Resources” วทิ ยากร: ศาสตราจารยค์ ลนิ กิ พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร เลขาธิการคณะกรรมการศนู ยน์ มแม่แห่งประเทศไทย การประชมุ วชิ าการนมแม่แหง่ ชาติ คร้ังที่ 6 11

วนั พฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน 2560 พิธีกรประจ�ำ วัน: นางฉวีวรรณ ต้นพุดซา 12.00 -13.00 น. พักรบั ประทานอาหารกลางวนั สถานที่ ผู้เข้าประชมุ ช้ัน 4 1.หอ้ ง Harbour View 2.หอ้ ง Emperor 3.หอ้ งธารทอง ช้ัน G แขกรบั เชิญ วทิ ยากร 1.ห้องวิมานทอง ช้ัน 4 Grand Ballroom 13.00 -14.30 น. นำ�เสนอผลงานวจิ ัยห้องท่ี 1 ชั้น 4 13.00 -14.45 น. 14.45 -16.00 น. นำ�เสนอผลงานวจิ ัยห้องที่ 2 หอ้ งเจา้ พระยา 1-4 ชน้ั 3 พักรับประทานอาหารว่าง Workshop1: “Breastfeeding research” Grand Ballroom วิทยากร: ศ.ดร.สุสณั หา ย้ิมแย้ม ชั้น 4 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ประธาน: พญ.กรรณกิ าร์ บางสายนอ้ ย มลู นธิ ศิ ูนยน์ มแมแ่ ห่งประเทศไทย เลขานุการ: นางสาวนิศาชล เศรษฐไกรกุล สำ�นักงานพฒั นานโยบายสขุ ภาพระหวา่ งประเทศ (IHPP) Workshop2 : “From Hospital to Community” หอ้ งเจ้าพระยา 1-4 “การขบั เคลื่อนนมแมส่ ู่ชุมชน เพอื่ ความย่ังยนื ” ชนั้ 3 วิทยากร: พว.วาสนา งามการ และคณะ โรงพยาบาลพระปกเกลา้ จันทบุรี ประธาน: รศ.กรรณิการ์ วจิ ติ รสคุ นธ์ มลู นธิ ิศูนยน์ มแมแ่ ห่งประเทศไทย เลขานกุ าร: นางนรลี ักษณ์ กลุ ฤกษ์ มูลนธิ ศิ ูนยน์ มแม่แหง่ ประเทศไทย Workshop 3: “From KMC to Safe Baby wearing” หอ้ งวมิ านทิพย์ วทิ ยากร: พว.หทัยทิพย์ โสมดำ� ชน้ั 5 คลนิ ิกนมแม่ สถาบนั สุขภาพเด็กแหง่ ชาตมิ หาราชินี ดร.ณฐั วณี ์ บนุ นาค คณุ แมอ่ าสา คณุ ฐิตาภา บญุ ศริ ิ คุณแมอ่ าสา คุณพณี ภัทร์ รจุ เิ กียรตขิ จร ผดู้ ำ�เนนิ รายการ พว.ศริ ลิ ักษณ์ ถาวรวัฒนะ คลนิ กิ นแม่ สถาบันสขุ ภาพเด็กแหง่ ชาตมิ หาราชินี ประธาน: ผศ.ดร.ธัญญลักษณ์ บรรลิขติ กุล ศนู ยค์ วามเปน็ เลศิ ทางการแพทยด์ า้ นโรคหลอดเลอื ดสมอง แบบครงวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เลขานกุ าร: นางชนญั ชดิ า สมสุข สำ�นกั สง่ เสริมสขุ ภาพ กรมอนามยั 12

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2560 พิธีกรประจำ�วัน : ภาคเช้า นางมนี ะ สพสมัย ภาคบ่าย พญ.ชมพนู ุท โตโพธิไ์ ทย 08.10- 08.30 น. กิจกรรม Q & A (พร้อมมอบของรางวลั ) สถานท่ี 08.30-08.45 น. ดำ�เนนิ รายการโดย : พญ.กรรณกิ าร์ บางสายน้อย 08.45-09.30 น. Debrief ประจำ�วัน Grand Ballroom วิทยากร: ผศ.ดร.สดุ ประนอม สมันตเวคนิ ชั้น 4 09.30-10.30 น. วทิ ยาลยั พยาบาลและสขุ ภาพ มหาวิทยาลัยราชภฎั สวนสนุ นั ทา 10.30-10.45 น. Plenary 4 Social behavior change (Alive &thrive) Grand Ballroom 10.45-12.00 น. “No water project : Vietnam experience” ชนั้ 4 วทิ ยากร: Ms. Phan Hong Linh 12.00 -13.00 น. องค์กร Alive & Thrive Grand Ballroom ประธาน: นางศศิธร (ลอร่า) วัฒนกุล ชน้ั 4 มลู นธิ ศิ ูนยน์ มแม่แหง่ ประเทศไทย เลขานกุ าร: พญ.รชั ดา เกษมทรัพย์ Grand Ballroom สถาบันสขุ ภาพเดก็ แหง่ ชาตมิ หาราชนิ ี ช้ัน 4 Plenary 5 “Breastfeeding: the starting of EF” วิทยากร: อาจารย์พรพิไล เลิศวชิ า นักวิชาการอิสระ Grand Ballroom ประธาน: นพ.ธรี ชยั บุญยะลพี รรณ ชน้ั 4 สถาบนั พฒั นาอนามยั เดก็ แหง่ ชาติ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ เลขานุการ: ผศ.ดร.พญ.อดิศร์สดุ า เฟื่องฟู ผเู้ ขา้ ประชุม ช้นั 4 สถาบนั สุขภาพเด็กแหง่ ชาติมหาราชนิ ี พกั รบั ประทานอาหารว่าง “มลี ูกเพอื่ ชาติ & Interactive Q and A session” วทิ ยากร: รศ.นพ.สมศกั ด์ิ สทุ ศั น์วรวฒุ ิ นายกสมาคมอนามยั เจริญพันธุ์ รศ.พญ.อุมาพร สุทัศน์วรวฒุ ิ คณะแพทยศ์ าสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี นพ.บุญฤทธิ์ สขุ รัตน์ สำ�นักอนามัยการเจริญพนั ธ์ุ กรมอนามยั ผดู้ ำ�เนนิ รายการ : รศ.พญ.อรวรรณ คีรีวัฒน์ ประธานคณะกรรมการด้านวชิ าการ ประธาน: พลโท นพ.ศุภวทิ ย์ มตุ ตามระ วิทยาลยั แพทยศาสตร์พระมงกฎุ เกลา้ เลขานุการ: รศ.นพ.ภาวิน พัวพรพงษ์ คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ พกั รบั ประทานอาหารกลางวัน 1.หอ้ ง Harbour View 2.ห้อง Emperor 3.ห้องธารทอง ชน้ั G แขกรบั เชญิ วิทยากร 1.หอ้ งวมิ านทอง ชน้ั 4 การประชุมวชิ าการนมแมแ่ หง่ ชาติ คร้งั ที่ 6 13

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจกิ ายน 2560 พธิ ีกรประจ�ำ วนั : ภาคเชา้ นางมีนะ สพสมยั ภาคบ่าย พญ.ชมพูนุท โตโพธไิ์ ทย 13.00 -14.30 น. Breastfeeding Talk สถานท่ี 14.30 -14.45 น. “The Power of Social Media in Sustaining Breastfeeding” 14.45 -15.30 น. วิทยากร : คุณชอ่ ผกา วริ ิยานนท์ Grand Ballroom นักสอื่ สารมวลชน ช้นั 4 พญ.จริ าภรณ์ อรณุ ากรู คุณหมอโอ๋ เพจเล้ียงลกู นอกบ้าน Grand Ballroom ผู้ดำ�เนนิ รายการ : อาจารยส์ ง่า ดามาพงษ์ ชัน้ 4 ประธาน: นางสาวนงนุช บุณยเกียรติ มลู นิธิศนู ย์นมแม่แห่งประเทศไทย เลขานุการ: ผศ.ดร.ธญั ลกั ษณ์ บรรลิขติ กลุ ศูนย์ความเป็นเลศิ ทางการแพทยด์ ้านโรคหลอดเลอื ดสมอง แบบครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พกั รับประทานอาหารวา่ ง มอบรางวลั ผลงานวิจัย และรางวลั ชงิ โชคสำ�หรับผ้เู ข้าร่วมประชมุ พิธปี ดิ การประชุม •Brief report ศ.คลินิกพญ.ศริ าภรณ์ สวัสดิวร เลขาธกิ ารคณะกรรมการศูนยน์ มแม่แห่งประเทศไทย •Closing Remark พญ.ศริ พิ ร กญั ชนะ ประธานมูลนิธิศนู ยน์ มแม่แหง่ ประเทศไทย 14

การประชมุ วชิ าการนมแมแ่ หง่ ชาติ ครง้ั ท่ี 6 15

สารบัญ ก�ำหนดการ 8 พิธีมอบโลร่ างวลั เกียรติคุณ 20 • ศ.คลินกิ เกยี รตคิ ุณ นพ.วีระพงษ์ ฉตั รานนท์ 21 • ศนู ยเ์ รียนรสู้ ร้างงานดี ชีวีมีสุข ด้วยนมแม ่ 23 บทความประกอบการบรรยายวชิ าการ 30 Plenary 1: Breastfeeding Benefits: Claim or Over Claim 31 Breastfeeding and IQ • พ.อ.หญิง ผศ.พญ.ปรศิ นา พานชิ กลุ วิทยาลยั แพทยศาสตรพ์ ระมงกฎุ เกล้า Symposium 1: Clearing the Gray Zone in Breastfeeding Breastfeeding and Stunting 33 • ผศ.พญ.อรพร ดำ� รงวงศ์ศริ ิ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลยั มหดิ ล Substance Use and Breastfeeding 36 • พญ.รชิ าพรรณ ชแู กลว้ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรรี าชา Micronutrients Deficiency: Zinc and Vitamin D 37 • รศ.พญ.กสุ ุมา ชศู ิลป์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น Cytomegalovirus Infection and Breastfeeding 40 • ผศ.พญ.มิรา โครานา สถาบันสขุ ภาพเดก็ แหง่ ชาติมหาราชินี Plenary 2: the Barriers: Breastfeeding at the Beginning 46 50 Breaking the Barriers: Breastfeeding at the beginning 59 • ผศ.ดร.พญ.ภัทรวลยั ตลึงจิตร คณะแพทย์ศาสตร์ ศริ ริ าชพยาบาล 64 Breaking the Barriers: Breastfeeding at the beginning • พญ.สุธรี า เอื้อไพโรจนก์ ิจ โรงพยาบาล BNH Breaking the Barriers : Breastfeeding at the Beginning • พว. ศิรลิ ักษณ์ ถาวรวฒั นะ สถาบันสขุ ภาพเดก็ แห่งชาตมิ หาราชินี Breaking Breastfeeding Barriers • ศ.คลินิก พญ.ศริ าภรณ์ สวัสดวิ ร เลขาธกิ ารคณะกรรมการศูนย์นมแมแ่ ห่งประเทศไทย Symposium 2: Road to Breastfeeding Sustainability 76 Maternal, Social and Workplace Factors • ผศ.ดร.พรนภา ต้ังสขุ สนั ต์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั หิดล 16

Maternity Leave 81 • นายมโนชญ์ แสงแกว้ กรมสวสั ดิการและคมุ้ ครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน 84 BF in Workplace 87 • นายพยัพ แจ้งสวสั ดิ์ บริษทั ไทยซมั มิทฮารเ์ นส จำ� กัด (มหาชน) BF DRG….Is it possible • นพ.กฤช ล่ีทองอิน ท่ีปรกึ ษา ส�ำนกั งานหลกั ประกันสุขภาพแห่งชาติ Plenary 3: Tongue-tie 88 93 Tongue-tie 100 • พว.ชญาดา สามารถ โรงพยาบาลศิรริ าช • รศ.นพ.ภาวิน พวั พรพงษ์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ องครักษ์ • ผศ.นพ.มงคล เลาหเพญ็ ชาติ ภาควชิ ากุมารศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ ศริ ิราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหดิ ล Highlight BF Resources 106 • ศ.คลินิก พญ.ศิราภรณ์ สวสั ดิวร เลขาธิการคณะกรรมการศูนย์นมแมแ่ หง่ ประเทศไทย Workshop 111 120 Workshop 1 : Breastfeeding research 126 • ศ.ดร.สสุ ัณหา ย้ิมแย้ม คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ 127 Workshop 2 : From Hospital to Community •พว.วาสนา งามการ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี Workshop 3 : From KMC to Safe Baby wearing ประสบการณ์ตรงของคุณแม่ : การใช้เป้อุ้มลกู •พว.หทยั ทิพย์ โสมด�ำ สถาบนั สุขภาพเดก็ แหง่ ชาติมหาราชิน ี •นางพณี ภทั ร์ รจุ เิ กยี รติขจร Plenary 4 Social behavior change (Alive &thrive) 132 No water project : Vietnam experience •Ms. Phan Hong Linh องค์กร Alive & Thrive Plenary 5 Breastfeeding : the starting of EF 136 •อาจารย์พรพิไล เลศิ วิชา นกั วชิ าการอสิ ระ การน�ำเสนอผลงานวิจัยและนวตั กรรม แบบ oral 142 บทคัดย่อผลงานวิจยั และนวตั กรรม น�ำเสนอแบบปากเปลา่ 145 ห้องเจ้าพระยา 2–4 O-001 กระเพาะน้อง กะ ชอ้ นตวง •ถรรศนา เจริญไว การประชมุ วชิ าการนมแม่แห่งชาติ ครัง้ ท่ี 6 17

O-002 สารสนเทศแนะนำ� การใช้ยาในมารดาระยะการใหน้ มบุตร 146 •สุวรรณา อาจคงหาญ O-003 ทัศนคติต่อการเลี้ยงลูกดว้ ยนมแมข่ องมารดาหลังคลอดโรงพยาบาลระดบั ตติยภมู ิ 147 •ดวงพร ไมตรจี ิตต์ O-004 การศึกษาเปรียบเทียบผลสำ� เรจ็ ของการเลีย้ งลกู ด้วยนมแม่ ระหว่างมารดาหวั นมสัน้ กับหวั นมปกติ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช 148 •ลมยั แสงเพ็ง O-005 การศกึ ษาผลของการใหน้ �ำ้ นมเหลอื งในทารกแรกเกิดน้ำ� หนกั น้อยมาก 149 (น้�ำหนกั 1,000 กรัมถงึ 1,500 กรัม) ตอ่ ภาวการณต์ ดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ดระยะทา้ ย •นลนิ ี ยมศรีเคน O-006 โครงการบริการวชิ าการการพัฒนารูปแบบการสนบั สนุนการใหน้ มบุตร 150 และการบีบเกบ็ น้�ำนมในทัณฑสถานเขตภาคเหนือตอนล่าง •ประทุมา ฤทธิ์โพธิ์ O-007 ผลของรูปแบบการสนบั สนุนการเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ต่ออตั รา 151 การเลย้ี งลกู ด้วยนมแม่ภายในหกเดอื นหลังคลอดของสตรที ่ีท�ำงานนอกบ้าน •พิกุล ทรพั ย์พันแสน O-008 ผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแหง่ ตนในการเล้ยี งลูกดว้ ยนมแม่ 152 ต่อปริมาณน�ำ้ นมแม่ท่ีพอเพยี งและพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ขิ องมารดาเพื่อการคงอยู่ ของนมแมส่ ำ� หรบั ทารกหลงั ได้รับการผา่ ตดั ชอ่ งท้อง •นพรตั น์ ละครเขต O-009 ผลการเสริมสร้างพลังอ�ำนาจตอ่ การเลี้ยงลกู ดว้ ยนมแมใ่ นมารดาคลอดก่อนกำ� หนด 153 •จันทรัสม์ สมศรี O-010 การจดั รูปแบบการดแู ลมารดาท่ีมีปญั หาการเล้ยี งลูกด้วยนมแม่ท่ซี บั ซ้อน 154 ตามกรอบแนวคดิ Iceberg model •จตพุ ร เพม่ิ พรสกุล การน�ำเสนอผลงานวจิ ยั และนวัตกรรม แบบ poster 156 บทคดั ย่อผลงานวิจัยและนวัตกรรม น�ำเสนอประเภทโปสเตอร ์ 158 P-001 ผลของการฟงั เพลงตอ่ การหลง่ั นำ�้ นมในช่วงทนั ทหี ลังคลอด ในมารดาทคี่ ลอดครบกำ� หนด การศึกษาเปรยี บเทียบแบบสมุ่ 159 •เยาวเรศ กติ ตธิ เนศวร 160 P-002 การพัฒนาระบบการวินจิ ฉยั และรกั ษาภาวะพงั ผดื ใต้ลิน้ 161 •เยาวเรศ กิตตธิ เนศวร 162 P-003 นวัตกรรมสื่อการสอน เตา้ นมแม่มหศั จรรย ์ •สวุ ดิ า โชติสุวรรณ P-004 นวตั กรรม สเกลนมแม ่ •อาภาณี แย้มอม่ิ P-005 ผลของโปรแกรมการพยาบาลเพ่อื เสรมิ สรา้ งพลังอ�ำนาจ ตอ่ การปรบั ตัวในการเลยี้ งลกู ด้วยนมแม่ของมารดาท่ีมีทารกคลอดกอ่ นกำ� หนด •อติพร ศิวิชัย 18

P-006 ผลของโปรแกรมสร้างเสริมสมรรถนะการเล้ียงลกู ดว้ ยนมแม ่ 163 กับการมีส่วนรว่ มของครอบครัวตอ่ ระยะเวลาการเลยี้ งลูกดว้ ยนมแม่ และการเปล่ยี นแปลงนำ้� หนักตัวของทารกเกิดก่อนกำ� หนด 164 •พัชรพร แก้ววมิ ล 165 P-007 ต้นู มพอเพียง ฝากไดไ้ มจ่ ำ� กดั 166 •รตกิ าล เลศิ ศริ ิ 167 P-008 การพฒั นารปู แบบการสนับสนนุ การเลีย้ งลกู ดว้ ยนมแม ่ ในสถานประกอบการผ่านกระบวนการเสรมิ สรา้ งพลงั อ�ำนาจ 169 •ประทมุ า ฤทธโ์ิ พธ์ิ 174 P-009 ผลการใช้สือ่ 3 มิตคิ ดั กรองเตา้ นมด้วยตนเองของหญิงตงั้ ครรภ ์ 183 •วริญญา คงพิจติ ร 184 P-010 ประสบการณ์การเลี้ยงลูกดว้ ยนมแม่ของหญิงผตู้ ้องขงั 185 ณ ทัณฑสถานหญงิ แห่งหนง่ึ ในเขตภาคเหนอื ตอนลา่ ง •ประทมุ า ฤทธโ์ิ พธ์ิ ภาคผนวก โครงการ การประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติ ครัง้ ท่ี ๖ ปี ๒๕๖๐ ค�ำสั่งมูลนิธศิ นู ยน์ มแม่แหง่ ประเทศไทย แต่งตง้ั คณะกรรมการ “การประชมุ วิชาการนมแม่แห่งชาตคิ รั้งที่ ๖” รายนามวิทยากร และผ้อู ภปิ ราย วทิ ยากรรบั เชญิ แผนผังห้องประชุม การประชมุ วิชาการนมแม่แหง่ ชาติ ครั้งที่ 6 19

พธิ ีมอบโลเ่ กยี รตยิ ศ 20

ขอมอบโลเ่ กียรติยศสงู สุดแด่ ศาตราจารยค์ ลินกิ เกยี รตคิ ุณ นายแพทย์วีระพงษ์ ฉัตรานนท์ เพ่ือเชดิ ชูเกยี รติ ในฐานะผอู้ ทุ ศิ ตน ทุ่มเท บกุ เบกิ และวางรากฐานการท�ำ งานด้านนมแมร่ ะดบั ชาติ ใหไ้ ว้ ณ การประชมุ วชิ าการนมแมแ่ หง่ ชาติ คร้งั ท่ี 6 วนั ที่ 8 – 10 พฤศจกิ ายน 2560 นพ. วชริ ะ เพง็ จันทร์ พญ. ศิรพิ ร กญั ชนะ ดร. สปุ รดี า อดลุ ยานนท์ อธบิ ดี ประธาน ผจู้ ดั การ มูลนิธศิ ูนย์นมแม่แหง่ ประเทศไทย กองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ กรมอนามัย การประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติ ครง้ั ท่ี 6 21

พิธีมอบโลเ่ กียรตยิ ศ พธิ ีมอบโล่เกยี รตยิ ศ เพื่อเชดิ ชูเกียรติ ในฐานะผูอ้ ทุ ิศตน ทมุ่ เท บกุ เบกิ และวางรากฐานการทำ�งานดา้ นนมแมร่ ะดบั ชาติ ศาสตราจารย์คลินกิ เกยี รตคิ ุณ นายแพทย์วรี ะพงษ์ ฉัตรานนท์ การประชมุ วิชาการนมแมแ่ หง่ ชาตคิ รั้งที่ 6 วันท่ี 8 พฤศจกิ ายน 2560 ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ เวลา 11.00 น. ศาสตราจารย์คลินกิ เกยี รติคุณนายแพทย์วีระพงษ์ ฉัตรานนท์ คอื ผทู้ รงคุณคา่ ในการบกุ เบกิ และ จุดประกายน�ำพาสังคมไทยและสังคมโลก เคลื่อนเข้าสู่สังคมนมแม่ ช่วยเด็กไทยให้รอดพ้นจากการ เจ็บป่วยและเสียชีวิตอนั เกิดการไม่ได้กินนมแมไ่ ดอ้ ยา่ งมหาศาล ตลอดระยะเวลาเกอื บครงึ่ ศตวรรษ ท่านไดท้ ุ่มเทความรู้ ความมงุ่ ม่ัน และความเพียร ในการสง่ เสรมิ การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ ทง้ั ในระดบั ชาตแิ ละสากล โดยเรมิ่ เปน็ แกนนำ� รว่ มมอื กบั กองโภชนาการ กรมอนามัย ในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ทัว่ ประเทศใหม้ ศี กั ยภาพการสง่ เสรมิ การ เลยี้ งลกู ดว้ ยนมแม่ ตอ่ มาไดเ้ ปน็ แกนนำ� รา่ งหลกั เกณฑว์ า่ ดว้ ยการโฆษณาและจำ� หนา่ ยอาหารทดแทนนมแม่ และผลติ ภัณฑท์ ่ีเกีย่ วขอ้ งเป็นฉบับแรกของประเทศไทย จนพัฒนามาเป็น พรบ. นมผง ในปจั จบุ นั นี้ ท่านเป็นคนไทยคนแรกท่ีเข้ารับการอบรมหลักสูตร Certification in Lactation Education Management จาก WellStart USA ตอ่ จากนนั้ ได้รับทุนฝกึ อบรม และจดั ท�ำหลกั สูตร Training of the Trainers เพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และที่ส�ำคัญคือได้ขอทุนจาก WellStart ให้บุคลากร ทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ไทย ทงั้ ในระดบั ปฏบิ ตั แิ ละระดบั บรหิ ารเขา้ รบั การอบรมหลกั สตู รดงั กลา่ วรวม 7 รนุ่ จนบุคคลกลุม่ นก้ี ลบั กลายเป็นแกนนำ� ระดบั ชาติกล่มุ แรกของประเทศท่รี ่วมขับเคลอ่ื นนมแม่ จนสง่ ผลให้ประเทศไทยมีอัตราการการเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแมท่ ี่สงู ข้นึ ผลงานเชงิ ประจกั ษท์ ีโ่ ดดเดน่ มาก คอื เป็นแกนนำ� สำ� คัญการสง่ เสรมิ การเลี้ยงลกู ดว้ ยนมแม่ ผา่ น โครงการโรงพยาบาลสายสัมพนั ธ์แม่-ลกู หรือ Baby Friendly Hospital Initiative (BFHI) โดยดำ� เนนิ งาน ตาม “บันได 10 ข้นั สูค่ วามสำ� เร็จของการเลีย้ งลกู ด้วยนมแม”่ โดยเป็นผนู้ �ำและที่ปรึกษา UNICEF และ กระทรวงสาธารณสขุ ยกให้ประเทศไทยเปน็ ประเทศต้นแบบ 1 ใน 11 ประเทศแรกของโลกในการน�ำ BFHI มาทดลองใช้ จนแพร่หลายไปทว่ั โลกในระยะต่อมา จากผลงานท่ีล้�ำค่าดังกล่าว คงไม่ผิดไปจากความจริงมากนักที่จะกล่าวว่า ศาสตราจารย์คลินิก เกยี รตคิ ณุ นายแพทยว์ รี ะพงษ์ ฉตั รานนท์ เปน็ บดิ าแหง่ การสง่ เสรมิ การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแมข่ องประเทศไทย 22

คณุ นนั ทน์ ภสั เสรีฐิติวรโชติ ผูจ้ ัดการฝ่ายบริหารทรพั ยากรบุคคล บรษิ ทั เดลตา้ อเี ลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จ�ำกดั (มหาชน) นิคมอตุ สาหกรรมบางปู “มมุ นมแม่ เป็นการสร้างโอกาส ใหพ้ นักงานได้เลยี้ งลกู ดว้ ยนมแม่ สร้างคนดี มีคุณภาพ เปน็ ความหวัง และอนาคตของประเทศชาติ” จุดเรม่ิ ตน้ เกดิ จากแรงผลกั ดันภายใน เพราะตนเองไม่ไดเ้ ล้ียงลูกดว้ ยนมแม่ ท้งั ๆ ทต่ี ั้งใจจะเลยี้ งลกู ดว้ ยนมแมต่ ง้ั แตเ่ รม่ิ ตงั้ ครรภ์ แตม่ ปี ญั หาตอ้ งผา่ ตดั คลอดและลกู อยใู่ นตอู้ บ ออกจากโรงพยาบาลไมม่ นี ำ้� นม ใหล้ กู เสยี ดายมาก และไมม่ คี วามรใู้ นการบบี เกบ็ นำ้� นม จงึ ตง้ั ใจวา่ ถา้ มโี อกาสบอกหรอื แนะนำ� ผอู้ น่ื จะแนะนำ� ใหเ้ ล้ียงลกู ดว้ ยนมแม่ เพราะเมอ่ื ก่อนไม่มกี ารสอนการอบรมเตรยี มตัวช่วงต้ังครรภท์ ำ� ให้พลาดโอกาสดๆี น่ี เป็นสว่ นหนึ่งทที่ �ำโครงการนี้ และเห็นการป่วยของลูกที่ไมไ่ ดด้ ่ืมนมแมไ่ มแ่ ขง็ แรง เป็นภมู แิ พ้ หอบหืด ตอน เด็กๆ หยุดงานบ่อย ตอ้ งไปหาหมอตอนดกึ ๆ ท�ำให้สิ้นเปลืองเงนิ ทองและเสียเวลา บริษทั เดลต้าฯ จึงได้ เขา้ รว่ มโครงการเมอ่ื วนั ท่ี 6 มถิ นุ ายน พ.ศ.2550 เปน็ ตน้ มา โดยความเหน็ ชอบของฝา่ ยบรหิ ารทไ่ี ดเ้ ลง็ เหน็ ความสำ� คัญและมอบนโยบายในการสง่ เสริมใหพ้ นกั งานเลยี้ งลูกด้วยนมแม่ โดยใชแ้ นวทาง Happy work place ตามนโยบายแห่งความสุข โดยมีแผนกิจกรรมและงบประมาณสนับสนนุ รวมถึงมีการลงทุนในการ สนบั สนนุ ส่งิ อ�ำนวยความสะดวกตา่ งๆ ซงึ่ รวมไวใ้ นสวัสดิการส�ำหรับพนกั งานหญิง การด�ำเนินงานมมุ นมแม่โดยเนน้ การส่ือสาร ในฐานะที่เป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล รับผิดชอบโครงการนี้ตามเจตนารมณ์ของบริษัท โดยได้ รบั คำ� แนะนำ� จากศนู ยน์ มแมแ่ หง่ ประเทศไทย สำ� นกั งานสวสั ดกิ ารคมุ้ ครองแรงงานจงั หวดั สมทุ รปราการและ สาธารณสุขจงั หวัดสมทุ รปราการ ไดม้ าใหค้ ำ� แนะน�ำในการจัดต้ังห้องมมุ นมแม่ จึงได้น�ำมาถ่ายทอดให้คณะ ท�ำงานให้เข้าใจ และเม่ือมีมุมนมแม่เปิดอย่างเป็นทางการจึงได้มีการประชาสัมพันธ์ให้พนักงานในองค์กร ทราบถึงโครงการมุมนมแม่ ผ่านช่องทางการฝึกอบรมพนักงานใหม่ การฝึกอบรมพนักงานต้ังครรภ์ อนิ ทราเน็ต และการเปดิ เผยข้อมลู บน website www.setsocialimpact.com บอรด์ ประชาสัมพนั ธ์ ผ่าน หวั หนา้ งาน จึงทำ� ให้มีพนกั งานเข้ารว่ มโครงการเพิม่ ข้นึ ซ่ึงก่อนหนา้ ทจี่ ะมมี มุ นมแม่กม็ ีพนกั งานหลายท่าน ทีไ่ ดต้ ระหนกั ถงึ คณุ ค่าและประโยชน์ของน้ำ� นมแมไ่ ด้บีบเกบ็ ไวใ้ ห้ลกู ด่ืมเองโดยไม่ไปบีบในหอ้ งนำ�้ การประชมุ วชิ าการนมแมแ่ หง่ ชาติ คร้งั ที่ 6 23

ผลลัพธ์จากการด�ำเนนิ งาน บตุ รของพนกั งานทเี่ ลี้ยงลกู ดว้ ยนมแม่มีสขุ ภาพแขง็ แรง ลดการเจบ็ ปว่ ย ลดการ ขาด ลา มาสายและ ลดการลาออกจากงาน ประหยัดคา่ ใช้จ่ายในการรกั ษาพยาบาลลูก คลายความวติ กกงั วล พนกั งานมคี วาม รกั ผกู พนั กบั องค์กรเป็นองค์กรแห่งความสุข Happy Family นอกจากน้กี ารเลีย้ งลูกดว้ ยนมแมย่ งั ส่งผลตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม เช่น ลดการใชก้ ระปอ๋ งนม ขวดนม แปรงลา้ งขวดนม นำ�้ ยาล้างขวดนม ภาชนะอ่นื ๆ ลดการ ใชน้ �ำ้ ใช้ไฟฟา้ จะเหน็ ได้ว่าการเล้ยี งลกู ดว้ ยนมแมม่ ีแต่ประโยชน์มหาศาล ซ่งึ บรษิ ัทฯ ไดใ้ หค้ วามส�ำคัญใน เรื่องนโ้ี ดยรณรงคล์ ดการใช้ขวดพลาสตกิ เปน็ การชว่ ยกันลดภาวะโลกรอ้ น การด�ำเนินโครงการนี้ ส�ำเร็จได้ โดยได้รบั การสนับสนุนจากผูบ้ รหิ าร คณะทำ� งานทีเ่ ขม้ แขง็ ช่วยกนั ดแู ลแก้ไขปัญหาตา่ งๆ รว่ มกัน พนกั งาน ที่มาใช้บริการให้ความร่วมมือช่วยกันดูแลเรื่องความสะอาด รักษาอุปกรณ์ของใช้ ทุกฝ่ายรู้จักหน้าท่ีของ ตนเองจึงท�ำใหม้ ุมนมแม่เกิดความย่งั ยนื 24

นายพยพั แจ้งสวสั ด์ิ ผู้ช่วยผจู้ ดั การทั่วไปส�ำนักพฒั นาองค์กร บรษิ ทั ไทยซมั มิท ฮาร์เนส จ�ำกดั (มหาชน) นคิ มอตุ สาหกรรมแหลมฉบงั “การมีมุมนมแม่ในสถานประกอบการ คอื โอกาสของพนกั งาน ในการสร้างทุนสมอง และทุนชีวิตกบั ลูก” เริ่มรบั ผิดชอบการบริหารหอ้ งนมแมต่ ง้ั แต่ ปี พ.ศ. 2552 โดยทางบรษิ ัทฯ ไดส้ มัครเข้าร่วมโครงการ จัดตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบการ กับสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี และได้ด�ำเนินการ บรหิ ารจัดการห้องนมแมเ่ ต็มรปู แบบในปี พ.ศ. 2554 บริษัทฯ ให้ความสนใจ เพราะ “การดแู ลพนักงาน หญงิ เปน็ สงิ่ ทบี่ รษิ ทั ฯ ให้ความสำ� คญั และเรามองวา่ ลูกพนักงานก็คอื ลกู ของเรา เราจึงคาดหวังวา่ ลกู ของ เราจะตอ้ งได้รับส่ิงท่ีดีทสี่ ุดต้งั แต่แรกเกิด นั่นคือ นมแม่” หลกั การบริหารงานส่งเสริมการเลยี้ งลกู ดว้ ยนมแม่ ดว้ ยองค์กรของเราเป็นองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) ซ่ึงงานส่งเสริมการเลย้ี งลกู ด้วย นมแม่ สอดคลอ้ งในทุกมิตขิ องการด�ำเนนิ กิจกรรม Happy Workplace ขององค์กร หลกั การบริหารเพือ่ ให้การส่งเสรมิ การเลยี้ งลูกดว้ ยนมแมเ่ กดิ ผลสมั ฤทธิ์ สรุปโดยยอ่ ดังน้ี 1. การก�ำหนดนโยบายการส่งเสรมิ การเลย้ี งลูกด้วยนมแม่ เพื่อเปน็ แนวทางในการบริหารจัดการและ การสื่อสารเพ่อื สร้างความเข้าใจ และการมสี ว่ นร่วมของทกุ คนในองค์กร 2. การไม่อนุญาตให้ตวั แทนจำ� หนา่ ยนมผงเข้ามาประชาสัมพันธ์ หรอื แจกผลิตภณั ฑ์ในองคก์ ร 3. การสนับสนนุ และสรา้ งทีมรับผดิ ชอบใหม้ คี วามรู้ในการด�ำเนินการ 4. การสร้างแรงจงู ใจ ให้ความรู้ สนับสนนุ อปุ กรณ์และสงิ่ อ�ำนวยความสะดวกตา่ งๆ ที่จ�ำเป็นตอ่ การ ปั๊มนม รวมท้ังมีทมี ใหก้ ารดแู ลพนักงานตง้ั แตร่ ะยะต้ังครรภ์ แรกคลอด และเลย้ี งลูกดว้ ยนมแม่ 5. การอนญุ าตใหพ้ นกั งานทเ่ี ป็นคณุ แมม่ าบบี หรือปม๊ั นมไดโ้ ดยไม่จ�ำกัดเวลา และจ�ำนวนครั้ง อยา่ งไรกต็ าม การสง่ เสรมิ การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ ยงั ต้องอาศัยการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง การแสวงหา ความรู้ด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของทีมงาน มีความ จ�ำเป็นอย่างย่ิง การปรับเปล่ียนทัศนคติของคนในองค์กร รปู แบบการใชช้ วี ติ ทห่ี ลากหลาย (Lifestyle) ของพนกั งาน การสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรใู้ หเ้ ขา้ ใจง่ายเพอ่ื ใชใ้ นการส่อื สาร ให้กับพนักงาน พนักงานท่ีเป็นคุณแม่ เพื่อนร่วมงาน หัวหนา้ งาน ผู้บรหิ าร และองคก์ ร ต้องสร้างความรบั ผิด ชอบรว่ มกนั ทงั้ ตอ่ เปา้ หมายองคก์ ร และการมคี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ี สง่ิ เหลา่ นเ้ี ปน็ ปจั จยั ในความสำ� เรจ็ ทม่ี คี วามทา้ ทายตอ่ การส่งเสริมการเลย้ี งลกู ด้วยนมแม่ขององคก์ ร การประชมุ วิชาการนมแม่แห่งชาติ คร้งั ที่ 6 25

นายพรณรงค์ ว่องสุนทร ผ้จู ดั การอาวโุ ส ฝ่ายพัฒนาวฒั นธรรมองคก์ รและฝกึ อบรม บริษทั เวสเทริ น์ ดจิ ติ อล (ประเทศไทย) จำ� กดั “การสรา้ งแรงบนั ดาลใจใหค้ ุณแม่ ตระหนักถึงคุณคา่ ของน้ำ� นม มีผลดตี อ่ ลกู นอ้ ยอยา่ งไร การสนบั สนนุ ให้มหี อ้ งนมแม่ เป็นส่วนส�ำคญั ในการสรา้ งความสุข และพัฒนาคณุ ภาพชีวิตของพนกั งาน อยา่ งยง่ั ยนื ” จดุ เริม่ ตน้ เปดิ ห้องนมแมห่ อ้ งแรกเมือ่ วันท่ี 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ทโ่ี รงงานบางปะอนิ โดยเริ่ม จดั การใหม้ หี อ้ งนมแมแ่ ยกออกจากหอ้ งพยาบาล และถอื เปน็ สว่ นหนง่ึ ของโครงการ “WD Happy Workplace ในมติ ขิ อง Happy Family มงุ่ เนน้ การใหค้ วามสำ� คญั คณุ ภาพชวี ติ กบั คณุ แมใ่ นสถานประกอบการไดต้ ระหนกั ถงึ การเลี้ยงลูกนมแม่ “มีคณะกรรมการ Happy workplace รว่ มกำ� หนดนโยบายและมแี ผนการด�ำเนนิ งาน ใช้ Happinom- eter วัดระดบั ความสขุ 8 มิติ มมี มุ นมแมป่ ฏบิ ัติการเกณฑ์มาตรฐาน 5 หอ้ ง พร้อมทง้ั ก�ำหนดผู้ดูแลให้ค�ำ ปรึกษาโดยแม่อาสาประจ�ำตึก มีกิจกรรมฝึกอบรมให้พนักงานตั้งครรภ์ทุกเดือน และให้ความรู้ในเร่ือง โภชนาการแก่พนักงานทกุ ระดบั มพี นกั งานทเ่ี ลย้ี งลกู ด้วยนมแมเ่ พิ่มจากเดมิ ” หลักการบริหาร ใช้การส่งเสรมิ ในทกุ มติ ผิ า่ นกจิ กรรม Happy Workplace ภายใต้ค�ำว่า ขบวนการ (PROCESS) P : People/Passion R : Role Model O : Operation C : Control/Communication E : Enjoy/Environment S : Satisfaction S : Sustainable การสรา้ งค่านยิ มขององค์กร คอื คิดให้ไกล ไปให้ถงึ กา้ วไปดว้ ยกัน สนบั สนนุ การจดั บรรยากาศในการ ท�ำงาน ให้สอดคล้องกับพนักงานตลอดเวลา และส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการท�ำงานท่ีปลอดภัย และ อาชวี อนามยั ในการทำ� งาน มกี ารจดั ระบบการทำ� งานในมาตรฐาน 6ส ไมใ่ ชเ่ ฉพาะในสว่ นของ Happy Family เทา่ นั้น และเพมิ่ เติมให้เกดิ ความรักความผูกพัน มาถงึ พนักงานที่มตี ่อองค์กร เรม่ิ จากมมุ นมแม่ ถ่ายทอด ออกไปสคู่ วามยง่ั ยนื จากเดก็ วนั น้ี อกี ไมก่ ปี่ ี เขาอาจจะกลบั มาเปน็ บคุ ลากรทดี่ มี คี ณุ ภาพของ บรษิ ทั เวสเทริ น์ ดจิ ติ อล (ประเทศไทย) ต่อไป เรามีความภมู ใิ จทีจ่ ะบอกว่าขณะน้ีเรามี “คู่แมล่ ูก” ท่ีมาท�ำงานในบรษิ ัทเรา 47 คู่ และเหตผุ ลนคี้ ง บอกกบั ทกุ คนไดว้ า่ เวสเทริ น์ ดจิ ติ อล เปน็ ทท่ี ำ� งานทท่ี ำ� ใหค้ นมคี วามสขุ แหง่ หนง่ึ ในประเทศไทยเพอื่ คนไทย และเพ่อื สังคมไทย เราจะมงุ่ ม่ันทำ� ใหค้ ุณภาพชีวติ ของพนักงาน ของเราดีขึน้ เท่าท่ีจะสามารถทำ� ได้ 26

นายสิทธิพร ชลายน ผูช้ ว่ ยผจู้ ัดการทวั่ ไป บริษทั สยามเดน็ โซ่ แมนแู ฟคเจอร่งิ จ�ำกัด และ บรษิ ัท สยามเคยี วซันเด็นโซ่ จำ� กัด “บรษิ ัทม่งุ มน่ั พฒั นามมุ นมแม่ และการดแู ลบุตรของพนกั งานใหม้ สี ุขภาพแขง็ แรง เพ่ือให้พนกั งานท�ำงานอยา่ งมีความสุข” ไดจ้ ดั ตง้ั โครงการ “มมุ นมแมส่ านสายใยรกั แหง่ ครอบครวั ” ตง้ั แต่ พ.ศ.2550 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้พนักงานในองค์กรได้มีโอกาส เลยี้ งลกู ดว้ ยนมแม่ และเพอ่ื ใหท้ ราบถงึ ความมงุ่ มนั่ ของบรษิ ทั ฯ ในการ สง่ เสริมและสนบั สนนุ ให้กลุ่มคุณแมท่ ีท่ �ำงานบีบน�้ำนมใน “มุมนมแม่ สานสายใยรกั แหง่ ครอบครวั ” โดยจดั พน้ื ทข่ี า้ งหอ้ งพยาบาล “มมุ นมแม”่ ของบรษิ ทั ฯ คอื หนงึ่ ในกจิ กรรม Happy Family ภายใต้โครงการ Happy work place ท่ีบูรณาการกิจกรรมตา่ งๆ ทเ่ี ก่ยี วเน่อื งร่วมกับ โครงการอ่ืนๆ เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพ่ือเป็นสวัสดิการแก่ พนกั งานทกุ คนในบรษิ ทั โดยไดร้ บั การสนบั สนนุ จากมลู นธิ ศิ นู ยน์ มแมฯ่ และสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงานจงั หวดั ชลบรุ ี และเนอ่ื งจากบรษิ ทั ฯ เปน็ บรษิ ทั ญปี่ นุ่ ทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงผบู้ รหิ ารทกุ 2-4 ปี ดงั นนั้ เราจะตอ้ งมกี ารปรบั กลยทุ ธ์ ในการนำ� เสนอ ผบู้ ริหารเพือ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจและยอมรบั รวมถงึ ให้การสนบั สนนุ มุมนมแมข่ องเราอยา่ งต่อเน่อื ง เพราะ มุมนมแม่ของเรามีพนักงานมาใช้มากขึ้นเร่ือยๆ ดังน้ัน จึงจ�ำเป็นต้องของบประมาณเพ่ิมเติมในการขยาย หรอื ปรบั ปรงุ มมุ นมแมอ่ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ถา้ ผบู้ รหิ ารยอมรบั ความคดิ เหน็ หรอื ใหก้ ารสนบั สนนุ การของบประมาณ นั้นเป็นเรื่องที่ง่าย ดังน้ัน ทีมงานต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการเปล่ียนแปลง ท้ังปัจจัยภายใน องค์กรและภายนอกองคก์ ร เพ่อื ให้การด�ำเนินงานราบรื่นและมมุ นมแมข่ องเรายงั คงอยตู่ ่อไป แผนพัฒนามมุ นมแม่ Vision เป็นผ้นู �ำในการพัฒนาระบบบริหารกิจกรรมมุมนมแมส่ านสายใยรักแห่งครอบครัวในจังหวดั ชลบรุ ี Mission • พัฒนาระบบบรกิ ารเรอื่ งกิจกรรมมมุ นมแม่ใหพ้ นักงานเกิดความพึงพอใจ • ให้ความรู้ด้านวิชาการในกิจกรรมมุมนมแม่และการดูแลบุตรให้มีสุขภาพแข็งแรง เพ่ือให้พนักงาน ทำ� งานภายในบริษทั ฯ อยา่ งมีความสขุ • สนับสนนุ การเรียนรูก้ ารเล้ยี งด้วยนมแมส่ ู่ชมุ ชน และพัฒนาไปพร้อมกับบรษิ ทั ฯ Strategy 1 พัฒนาระบบบริการและสร้างมาตรฐานห้องมุมนมแม่และส่งเสริมให้พนักงานเล้ียงลูกด้วย นมแม่ 100% Strategy 2 พฒั นาเร่อื งสขุ ภาพของทารก และสขุ ภาพของมารดาทเี่ ล้ยี งลูกดว้ ยนมแม่ Strategy 3 พฒั นาท�ำกจิ กรรมและสร้างมาตรฐานมมุ นมแมส่ คู่ รอบครัวพนักงาน Strategy 4 พัฒนาอยา่ งตอ่ เน่ืองกจิ กรรมมมุ นมแม่โดยใหเ้ ขา้ ถงึ พนกั งานครอบครวั และสู่ชุมชน การประชุมวิชาการนมแมแ่ ห่งชาติ คร้ังท่ี 6 27

นางสาวกรรณกิ า เซน็ มุกดา รองผอู้ ำ� นวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ บรษิ ัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำ� กดั นิคมอุตสาหกรรมบางปู “มุมนมแม่เพม่ิ คุณภาพชีวติ ทดี่ ใี หก้ บั ครอบครัว พนักงานหลงั คลอดไดเ้ ลีย้ งลกู ด้วยนมตนเอง สง่ ผลใหพ้ นกั งานในองค์กร มีสัมพันธภาพท่ดี กี บั ผู้บริหารเพราะไดส้ วสั ดกิ ารทด่ี ”ี เร่มิ ทำ� โครงการมุมนมแมใ่ นปี พ.ศ. 2550 เนอื่ งจากผู้บรหิ ารเหน็ ความส�ำคญั ของการเลีย้ งลกู ดว้ ย นมแม่ และเพอ่ื เป็นการสนับสนุนให้เกดิ สายใยรัก แม่กับลกู ไดใ้ กล้ชดิ กันมากขนึ้ จึงจดั ท�ำโครงการนี้ ให้กบั พนกั งาน การดำ� เนนิ กจิ กรรมในชว่ งแรกๆ ใชว้ ธิ กี ารลองทำ� และแกป้ ญั หาไป โดยใชว้ งจรพฒั นางานแบบงา่ ย คอื Plan-Do-Check-Act ไดเ้ กิดรูปแบบการด�ำเนนิ งานในการแกป้ ญั หาหลายอย่าง ได้แก่ การจัดท�ำโมเดล เต้านมต่างๆ ส�ำหรับการฝึกอบรม การให้โรงอาหารมีเมนูอาหารส�ำหรับพนักงานต้ังครรภ์และให้นมบุตร รวมถึงการไปเยี่ยมบ้านเพื่อดแู ลพนักงานหลงั คลอดและลกู จากการด�ำเนนิ งานมาเปน็ ระยะเวลายาวนาน ทางบริษทั ฯ ไดม้ แี ผนการพัฒนางานนมแม่ดังนี้ • มีนโยบายสนับสนุนการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยแม่ อนุญาตให้พนักงานมาบีบเก็บน้�ำนมได้โดย ไมจ่ ำ� กดั เวลา รวมถงึ นโยบายดแู ลสขุ ภาพพนกั งาน เชน่ การสง่ เสรมิ การดแู ลเรอื่ งอาหารสะอาด กนิ รอ้ น ชอ้ นกลาง ล้างมือ และสขุ อนามัยทดี่ ี มมี มุ นมแม่ท่ีได้รับมาตรฐาน • ประสานฝ่ายบุคคลหาข้อมูลพนักงานต้ังครรภ์ แยกพนักงานท่ี ตงั้ ครรภแ์ รกและครรภห์ ลังออก • อบรมให้ความรู้ และมีส่ือการสอนเร่ืองเต้านม มีกระเป๋าเยี่ยม หลังคลอดส�ำหรับพนักงาน แจกถุงนมเดือนละ 2 กลุ่ม คือ พนกั งานต้งั ครรภ์และแม่ให้นม โดยมพี ยาบาลประจำ� มีการรวม กลมุ่ เพอ่ื แชรป์ ระสบการณน์ มแม่ แกไ้ ขปญั หาหวั นม ทกุ วนั เสาร์ (สอนบีบนมดว้ ยมือ) • กจิ กรรมพีส่ อนนอ้ ง กจิ กรรมเยย่ี มบ้านหลงั คลอด จดั ประกวด ค�ำขวัญวันแม่ในเดือนสิงหาคม มีโมเดลอาหารสมุนไพรพืชผัก ส�ำหรบั สอนพนักงาน • ทำ� work shop ลงพ้ืนทค่ี ุณแมท่ ่ีกำ� ลงั บบี นม • หาคุณแม่จติ อาสาหลังคลอดรว่ มทมี งาน • Moral คณุ แม่ดเี ด่น โดยสรุป โครงการมมุ นมแม่ เป็นแหล่งเรยี นร้แู ละดงู านของรฐั และ เอกชน และขยายเร่อื งนมแมไ่ ปสู่การลงพนื้ ท่เี ย่ียมบา้ นและชมุ ชน จากผลการประเมินพนกั งานมีความพงึ พอใจรอ้ ยละ 87.50 ปจั จบุ นั มพี นกั งานใชบ้ ริการ 26 คน รวมต้ังแต่ต้ังโครงการมีพนักงาน 172 คน ท่ีเลี้ยงลกู ด้วยนมแม่ ส่งผลใหพ้ นกั งานลากิจ ลาปว่ ยในกลมุ่ ท่ี เลีย้ งลูกด้วยนมแม่ลดลงถงึ 4.21 % มแี มท่ ่เี ลยี้ งลูกด้วยนมแมเ่ ฉลีย่ 8-14 เดือน (N = 172 ) พนักงาน ประหยดั ค่าใช้จ่ายเฉลีย่ เดอื นละ 5,000 บาท 28

การประชมุ วชิ าการนมแมแ่ หง่ ชาติ ครง้ั ท่ี 6 29

บทความ ประกอบการบรรยายวชิ าการ 30

การเลยี้ งลกู ด้วยนมแม่ กับสขุ ภาพสมองของแม่ พ.อ.หญงิ ผศ. พญ. ปรศิ นา พานชิ กลุ กองสูตนิ รีเวชกรรม โรงพยาบาลพระมงกฎุ เกลา้ การเปล่ียนแปลงทางสุขภาพของแม่ที่เล้ียงลูกด้วยนมแม่ มีการเปล่ียนแปลงท่ีเริ่มต้นมาต้ังแต่แม่ ตง้ั ครรภ์ และ ตอ่ เนอื่ งจนกระทงั่ ถงึ ระยะคลอดและหลงั คลอดทเ่ี รยี กรวมวา่ peripartum period ทงั้ น้ี เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มใหแ้ กส่ ตรนี นั้ ในการเปน็ แมใ่ นอนาคต เปน็ ชว่ งเวลาทถ่ี อื วา่ สตรมี คี วามออ่ นไหวมากทส่ี ดุ ชว่ งเวลาหน่งึ ของชวี ติ โดยมีการเปลยี่ นแปลงท้งั ทางรา่ งกายและสรรี วทิ ยา การเปล่ียนแปลงของสมองแม่ท่ีเล้ียงลูกด้วยนมแม่ก็เช่นเดียวกัน ท่ีเกิดการเปลี่ยนแปลงท่ีท�ำให้เกิด พฤตกิ รรมของการเปน็ แมท่ จี่ ะชว่ ย เพอ่ื ใหแ้ นใ่ จวา่ แมส่ ามารถจะดแู ลลกู ทเี่ กดิ มาใหอ้ ยรู่ อดตอ่ ไปได้ และยงั มกี ารเปลย่ี นแปลงทรี่ ว่ มกบั การเปลย่ี นแปลงทางสรรี วทิ ยาและทางสขุ ภาพจติ ของแมท่ ตี่ อ้ งปรบั เปลย่ี นอยา่ ง เหมาะสมในระยะหลงั คลอด การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพของสมองของแมท่ ่ีเล้ยี งลูกด้วยนมแม่ ในช่วง peripartum period พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสมองของแม่ในบางส่วนที่ พเิ ศษทอี่ าจเรยี กวา่ เปน็ “วงจรไฟฟา้ ของการเปน็ แม่ (maternal circuitry)” ทมี่ คี วามจำ� เปน็ ตอ่ การเรมิ่ ตน้ ตอ่ การคงไว้ และการควบคมุ พฤตกิ รรมของการเปน็ แม่ เชน่ การสรา้ งรงั การปกปอ้ งลกู เปน็ ตน้ นอกจากนี้ บางสว่ นควบคุมความจ�ำ การเรยี นรู้ และการตอบสนองต่อความกลวั และความเครียด1 โดยส่วนหนง่ึ ของ maternal circuitry น้ี คือ ระบบที่เกยี่ วกบั แรงจูงใจของแม่ (maternal motivational system) ทพ่ี บใน การศกึ ษาในหนทู ดลองของ Numan M.2 ท่พี บสว่ นของสมองท่เี รยี กวา่ medial preoptic area (MPOA) ทเี่ ป็นส่วนวกิ ฤตทิ ่จี ะเปน็ ส่วนที่รวมสัญญานจากฮอรโ์ มนต่างๆ ที่มกี ารเปลี่ยนแปลงและการรบั รู้ความรู้สึก ทเ่ี ขา้ มาในแมน่ ำ� ไปสู่ maternal circuitry และยงั มสี ว่ นของสมองทเ่ี รยี กวา่ nucleus supraopticus (SON) ทมี่ ีบทบาทส�ำคัญ1,3 การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพของสมองของแม่ พบว่า ขนาดของสมองสว่ น pituitary จะขยายใหญ่ ขึน้ ขณะต้งั ครรภแ์ ละเล้ียงลกู ด้วยนมแม่ โดยอาจเปน็ ผลจากการเพ่มิ จำ� นวนเซลล์ รวมถงึ ทีบ่ ริเวณ MPOA และ SON และส่วนอื่นๆ และยงั พบมีการสร้างเซลลป์ ระสาทใหม่ (neurogenesis) ในสมองของแม่ ซ่งึ ใน ปัจจบุ ันยงั ไม่เปน็ ทเ่ี ขา้ ใจชัดเจน แตค่ าดว่าเซลลป์ ระสาทใหมเ่ หลา่ น้ที ำ� งานประสานกับวงจรไฟฟ้าของการ เป็นแม่เดิมท่ีมีอยู่ก่อนแล้ว และน่าจะช่วยส่งเสริมความอ่อนตัวและการตอบสนองของแม่ต่อส่ิงกระตุ้นที่ เฉพาะเจาะจงในสภาวะแวดล้อมใหม่ที่มีการเปลย่ี นแปลงความต้องการอย่างมากในช่วงเวลาทีส่ �ำคญั นี้1 การเปลี่ยนแปลงทางสรรี วิทยาของสมองของแมท่ เี่ ลยี้ งลูกดว้ ยนมแม่ ในชว่ ง peripartum period โดยเฉพาะชว่ งทมี่ กี ารเลีย้ งลกู ดว้ ยนมแม่ พบวา่ มีการเปลย่ี นแปลงของ สมองของแมท่ ีพ่ บเป็นผลมาจากฮอร์โมนหลัก2 ฮอร์โมน คอื โปรแลกติน (prolactin) และ ออกซิโทซนิ (oxytocin) โดยพบว่าระบบของโปรแลกตินและออกซิโทซินจะถูกกระตุ้นอย่างมากในช่วงนี้ พบว่ามี oxytocin- และ prolactin-mRNA expression และ oxytocin–receptor, prolactin-receptor การประชุมวิชาการนมแม่แหง่ ชาติ ครั้งที่ 6 31

expression สูงในเนอื้ สมอง ซงึ่ มสี ว่ นส�ำคัญในการทำ� ใหเ้ กดิ การเจ็บครรภ์คลอด การมกี ารสรา้ งน้ำ� นมแม่ (lactogenesis) และการหลงั่ ของนำ�้ นมแม่ (milk ejection) รวมทง้ั การเกดิ พฤตกิ รรม หรอื สญั ชาตญาน การเป็นแม่1 1. ฮอรโ์ มนโปรแลกตนิ รวมทง้ั ฮอรโ์ มนทม่ี คี วามสมั พนั ธใ์ กลเ้ คยี งกนั คอื closely-related placental lactogen ทีส่ ร้างจากรกพบว่า ฮอรโ์ มนโปรแลกติน นอกจากจะมีบทบาททสี่ ำ� คญั ในการเจรญิ ของ ต่อมน้�ำนมและในการสร้างน�้ำนมแล้ว ยังพบว่ามีผลต่อสมองของแม่ในการกระตุ้นให้เกิดการ เปล่ียนแปลงทางสรรี วทิ ยาและพฤตกิ รรมการเปน็ แมใ่ นระยะหลงั คลอด นอกจากน้ี โปรแลกตนิ ท่ี สูงยงั มีผลใหเ้ กดิ การกดไม่ใหเ้ กิดการตกไข่ ในขณะทต่ี ั้งครรภแ์ ละเลย้ี งลูกด้วยนมแม่ อีกท้งั ยงั พบ ว่ามีบทบาทเฉพาะท่ีเก่ียวกับการกระตุ้นการสร้างเซลล์ประสาทใหม่ในสมองของแม่ที่อาจช่วย สง่ เสรมิ การเปล่ียนแปลงทีเ่ หมาะสมในดา้ นอารมณแ์ ละพฤตกิ รรมการเปน็ แม่4 โดยมีผลการศึกษา ที่สนับสนุนว่าส่วนของสมองที่ตอบสนองต่อโปรแลกตินอยู่ที่ MPOA หากส่วนของ prolactin- receptor ท่ี MPOA นีห้ ายไปจะมีผลใหเ้ กิดการไม่สนใจทจ่ี ะดูแลเลี้ยงลกู ในหนทู ดลอง3 2. ฮอร์โมนออกซิโทซิน เป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทส�ำคัญในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในการกระตุ้นเซลล์ กล้ามเน้ือ (myoepithelial) ให้ต่อมน้�ำนมและท่อน�้ำนมบีบน�้ำนมออกจากเต้านม และยังมีผล กระตนุ้ การหดรดั ตวั ของมดลกู ลดการตกเลอื ดในระยะหลงั คลอด นอกจากนอ้ี อกซโิ ทซนิ ยงั มบี ทบาท ทสี่ ง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมการเปน็ แมใ่ นระยะหลงั คลอด รวมถงึ การกอ่ เกดิ สายสมั พนั ธแ์ ม-่ ลกู หรอื เพม่ิ พฤตกิ รรมความเป็นแม่ โดยท�ำงานร่วมกับโดปามีน (dopamine)1,5 โดยส่วนของสมองทีม่ เี ซลล์ ประสาททมี่ อี อกซโิ ทซนิ สงู จะอยทู่ ส่ี ว่ น SON นอกจากน้ี ยงั พบวา่ oxytocin-receptor expression ทส่ี งู ในเนอื้ สมอง สง่ ผลเพมิ่ พฤตกิ รรมดงั กลา่ วขา้ งตน้ และยงั มสี ว่ นสำ� คญั ในการชว่ ยลดความเครยี ด ของแมข่ ณะให้นม (lactation-associated anxiolysis) ทำ� ใหแ้ มส่ งบได้มากกว่า จะเหน็ ได้วา่ การทำ� งานของท้งั 2 ฮอร์โมน คอื โปรแลกตินและออกซิโทซิน โดยทำ� งานรว่ มกัน ถือเปน็ กุญแจส�ำคัญในการควบคุมเปลี่ยนแปลงบทบาทของแม่ในระยะหลังคลอด การจัดการกับความเครียดและ ความกงั วล ชว่ ยสง่ เสรมิ ให้แมส่ ามารถรับมอื กบั การเปล่ยี นแปลงทีเ่ กดิ ในชว่ งทีเ่ ลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ไดอ้ ย่าง เหมาะสม และอาจสง่ ผลให้สามารถเลี้ยงลกู ด้วยนมแมไ่ ด้ประสบผลสำ� เร็จเพิ่มมากข้นึ เอกสารอ้างอิง 1. Hillerer KM, Jacobs VR, Fischer T, Aigner L. The Maternal Brain: An Organ with Peripartal Plasticity. Neural Plasticity 2014, Article ID 574159, 20 pages. Available from: http://dx.doi.org/10.1155/2014/574159 2. Numan M. Motivational systems and the neural circuitry of maternal behavior in the rat. Developmental Psychobiology 2007; 49 (1):12–21. 3. Brown RSE, Aoki M, Ladyman SR, Phillipps HL, Wyatt A, Boehm U, et. al. Prolactin action in the medial preoptic area is necessary for postpartum maternal nursing behavior. PNAS 2017; 114(40): 10779-84. Available from: www.pnas.org/cgi/doi/ 10.1073/pnas.1708025114 4. Grattan D. A Mother’s Brain Knows. In: Neuro-endocrinology, briefing. J Neuroendocrinol. 2011;23(11):1188-9. doi: 10.1111/j.1365-2826.2011.02175.x. 5. Cox EQ, Stuebe A, Pearson B, Grewen K, Rubinow D, Meltzer-Brody S. Oxytocin and HPA stress axis reactivity in postpartum women. Psychoneuroendocrinology 2015; 55: 164–172. doi:10.1016/j.psyneuen.2015.02.009. 32

Breastfeeding and Stunting ผศ.พญ.อรพร ดำ� รงวงศศ์ ริ ิ คณะแพทยศ์ าสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลยั มหิดล นมแมน่ บั เปน็ อาหารทอ่ี ดุ มไปดว้ ยสารอาหารและสารชวี ภาพซงึ่ สง่ เสรมิ ใหท้ ารกทกี่ นิ นมแมม่ พี ฒั นาการ และการเจรญิ เติบโตทส่ี มวัย ทารกทีม่ สี ขุ ภาพดีและไดร้ บั นมแมจ่ ากมารดาทีม่ ีภาวะโภชนาการทสี่ มบรู ณจ์ ะ มกี ารเจริญเติบโตทด่ี ี และ พัฒนาการทเ่ี หมาะสมกับช่วงอายุ แมว้ ่าโดยธรรมชาติ ต่อมน�้ำนมจะมกี ารสร้าง ใหน้ มแมม่ สี ารอาหารครบถว้ นสมบรู ณผ์ า่ นกลไกการขนสง่ สารอาหารตา่ งๆ จากเลอื ดของมารดาสตู่ อ่ มนำ�้ นม แตม่ ีสารอาหารในนมแมห่ ลายชนดิ แปรผันตามภาวะโภชนาการ และการไดร้ ับอาหารของมารดา ดงั นัน้ การท่ีทารกไดก้ ินนมแมอ่ ย่างเดียว อาจมีปัญหาดา้ นการเจริญเติบโตได้ หากทารกได้รับนมแม่ ไม่เต็มที่ หรอื มารดามีปัญหาทุพโภชนาการ และ การขาดสารอาหาร ผลจากการศกึ ษาเกี่ยวกับปัจจยั ทส่ี ่งเสรมิ ให้เกิดภาวะเตีย้ (stunting) ในเดก็ เลก็ บางการศกึ ษาพบ ว่า หน่งึ ในปจั จยั เส่ยี งต่อการเกดิ ภาวะเตยี้ ในทารกและเด็กเลก็ คอื ระยะเวลาทีท่ ารกได้กนิ นมแม่ การศกึ ษา ในประเทศเนปาลและไนจีเรยี พบวา่ การทีท่ ารกได้รบั นมแม่ยาวนานมากกวา่ 12 เดอื น เปน็ ปจั จยั เสีย่ งที่ ทำ� ให้ทารกมีภาวะเตี้ยประมาณ 2-3 เท่า เม่ือเทียบกบั ทารกท่ีไดร้ ับนมแม่นอ้ ยกว่า 12 เดอื น การศกึ ษา ในประเทศแทนซาเนยี พบวา่ ทารกทกี่ นิ นมแมม่ คี วามเสย่ี งตอ่ การเกดิ ภาวะนำ�้ หนกั นอ้ ยเมอื่ เทยี บกบั ทารกท่ี ไม่ได้กินนมแม่ แต่ไม่มีความแตกต่างของความยาว การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่ท่ีท�ำการส่งเสริม การเลยี้ งลกู ดว้ ยนมแมด่ ว้ ยการใหค้ ำ� ปรกึ ษาแนะนำ� อยา่ งใกลช้ ดิ (peer counseling) กบั พน้ื ทท่ี ไ่ี มไ่ ดร้ บั การ ส่งเสริมการเล้ียงลูกด้วยนมแม่ในประเทศอูกานดา พบว่า ทารกจากพ้ืนท่ีที่ได้รับการส่งเสริมการเลี้ยงลูก ดว้ ยนมแม่ มีภาวะเต้ียและน�ำ้ หนักนอ้ ยมากกวา่ ทารกจากพ้นื ท่ีทไี่ ม่รับการสง่ เสรมิ แม้ว่าผลการศึกษาต่างๆ เหล่าน้ี บ่งช้วี า่ การกนิ นมแมเ่ ปน็ ปัจจัยเสีย่ งตอ่ การเกดิ ภาวะทุพโภชนาการ ในทารกและเดก็ เลก็ แตห่ ากพจิ ารณาขอ้ มลู จากการศกึ ษาเหลา่ นี้ จะพบวา่ เปน็ ขอ้ มลู จากการศกึ ษาในประเทศ ทกี่ ำ� ลงั พฒั นา ในพนื้ ทที่ มี่ คี วามยากจน ซงึ่ หญงิ ใหน้ มบตุ รอาจมภี าวะโภชนาการทไ่ี มด่ ี รวมทงั้ การกนิ อาหาร ของทารกและเดก็ เลก็ ในชว่ งหลงั 6 เดอื นเปน็ ตน้ ไป อาจไมม่ คี วามเหมาะสม จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ ภาวะทพุ โภชนาการได้ สังเกตว่า ผลการศกึ ษาในลกั ษณะนี้ ไม่พบในประเทศทพ่ี ัฒนาแลว้ ในทางตรงกันขา้ มกลบั พบวา่ การ เลย้ี งลกู ดว้ ยนมแมอ่ าจชว่ ยลดดชั นมี วลกายของทารกและเปน็ ปจั จยั ชว่ ยปอ้ งกนั การเกดิ โรคอว้ นในเดก็ เลก็ นอกจากน้นั อาจยังมีปจั จยั อนื่ ๆ ทีเ่ ปน็ ปจั จัยกวน เชน่ ผ้เู ลีย้ งดูหลัก (พ่อ แม่ หรือญาติคนอ่ืนๆ) สุขภาพ ของทารก การขาดสารอาหารบางชนดิ เปน็ ตน้ การศกึ ษาในประเทศเปรู พบวา่ ระยะเวลาของการใหก้ นิ นมแมม่ คี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ ลบตอ่ ความยาวของ เดก็ เลก็ เมอื่ อายุ 15 เดอื น แตเ่ มอื่ มกี ารวเิ คราะหท์ างสถติ อิ ยา่ งละเอยี ด กลบั พบวา่ ทารกทม่ี ปี ญั หาสขุ ภาพ และการเจริญเติบโตมักเป็นกลุ่มมารดามีความพยายามให้ทารกได้กินนมแม่มากกว่าท่ีจะเลือกกินนมผง ดดั แปลงสำ� หรับทารก อยา่ งไรกต็ าม ในทางคลนิ กิ กมุ ารแพทยม์ กั ไดร้ บั คำ� ปรกึ ษาเรอื่ งทารกและเดก็ เลก็ ทมี่ ภี าวะตวั เตย้ี หรอื นำ�้ หนักน้อย โดยส่วนหนงึ่ เปน็ ทารกและเดก็ เลก็ ทกี่ นิ นมแมย่ าวนาน เม่อื ซกั ประวัตจิ ะพบว่า ทารกมกี าร เจริญเตบิ โตดีในชว่ ง 6 เดอื นแรก หลังจากนน้ั มกี ารลดลงของอัตราการเจริญเติบโตในช่วงอายุ 6-8 เดอื น การประชุมวิชาการนมแมแ่ ห่งชาติ คร้ังท่ี 6 33

เปน็ ตน้ ไป ทารกจะกนิ นมแมไ่ ดด้ แี ละบอ่ ยครง้ั แตม่ ปี ระวตั กิ ารกนิ อาหารตามวยั นอ้ ย ไมเ่ หมาะสม และอาจ มภี าวะกนิ ยาก (feeding difficulty) ร่วมดว้ ย เนอื่ งจากในช่วงอายตุ ้งั แต่ 6 เดือนเปน็ ต้นไป ทารกจ�ำเปน็ ตอ้ งได้รบั พลงั งานจากอาหารตามวัยควบคไู่ ปกับนมแม่ และเมอ่ื อายุ 1 ปีขน้ึ ไป เด็กเลก็ จ�ำเปน็ ต้องได้รับ พลงั งานและสารอาหารจากอาหารเปน็ หลัก ดงั นน้ั ทารกและเดก็ เลก็ ทก่ี นิ นมแมแ่ ละมปี ญั หาการกนิ อาหาร จงึ ไมไ่ ดร้ บั พลงั งานเพยี งพอในการเจรญิ เติบโต และ เกิดภาวะตัวเตี้ย หรือ น�้ำหนักนอ้ ยตามมา โดยสรุป สาเหตทุ ที่ ำ� ใหท้ ารกท่กี นิ นมแม่มีภาวะเต้ีย ไดแ้ ก่ มารดาท่ีมีสุขภาพไมส่ มบรู ณ์ มภี าวะทุพ โภชนาการ หรอื ไมส่ ามารถใหก้ นิ นมแมไ่ ดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ ทารกและเดก็ เลก็ ทกี่ นิ นมแมน่ านกวา่ 6 เดอื นเปน็ ตน้ ไป แต่ได้รับอาหารตามวยั ทีไ่ มเ่ หมาะสม ทง้ั ในด้านปรมิ าณและคณุ ภาพของอาหารตามวัย ทารกและเดก็ เลก็ ท่ี มปี ัญหาในการกินอาหาร เชน่ ปญั หากินยาก เลอื กกิน เปน็ ตน้ ดงั น้ัน การปอ้ งกนั ปญั หาภาวะตัวเต้ยี ในทารกและเดก็ เลก็ ท่กี นิ นมแม่ ควรให้ความส�ำคัญตอ่ การดูแล ภาวะโภชนาการและการได้รับอาหารของมารดาท่ีให้นมบุตร รวมทั้งการให้อาหารตามวัยแก่ทารกและเด็ก เลก็ ทเ่ี หมาะสม เอกสารอ้างอิง 1. Akombi BJ, Agho KE, Hall JJ, Wali N, Renzaho AMN, Merom D. Stunting, wasting and underweight in Sub-Saharan Africa: A systematic review. Int. J. Environ. Res. Public Health. 2017;14(8). pii: E863. doi: 10.3390/ijerph14080863. 2. Caulfield LE, Bentley ME, Ahmed S. Is prolonged breastfeeding associated with malnutrition? Evidence from nineteen demographic and health surveys. Int J Epidemiol. 1996;25(4):693-703. 3. Akombi BJ, Agho KE, Hall JJ, Merom D, Astell-Burt T, Renzaho AM. Stunting and severe stunting among children under-5 years in Nigeria: A multilevel analysis. BMC Pediatr. 2017;17(1):15. doi: 10.1186/s12887-016-0770-z. 4. Tiwari R, Ausman LM, Agho KE. Determinants of stunting and severe stunting among under-fives: evidence from the 2011 Nepal Demographic and Health Survey. BMC Pediatr. 2014;14:239. doi: 10.1186/1471-2431-14-239. 34

5. Chirande L, Charwe D, Mbwana H, Victor R, Kimboka S, Issaka AI, et al. Determinants of stunting and severe stunting among under-fives in Tanzania: evidence from the 2010 cross-sectional household survey. BMC Pediatr. 2015;15:165. doi: 10.1186/s12887-015- 0482-9. 6. Fadnes LT, Nankabirwa V, Engebretsen IM, Sommerfelt H, Birungi N, Lombard C, et al. Effects of an exclusive breastfeeding intervention for six months on growth patterns of 4-5 yearold children in Uganda: the cluster-randomised PROMISE EBF trial. BMC Public Health. 2016;16:555. doi: 10.1186/s12889-016-3234-3. 7. Giugliani ER, Horta BL, Loret de Mola C, Lisboa BO, Victora CG. Effect of breastfeeding promotion interventions on child growth: a systematic review and meta-analysis. Acta Paediatr. 2015;104(467):20-9. doi: 10.1111/apa.13160. 8. Wallby T, Lagerberg D, Magnusson M. Relationship between breastfeeding and early childhood obesity: Results of a prospective longitudinal study from birth to 4 years. Breastfeed Med. 2017;12:48-53. doi: 10.1089/bfm.2016.0124. Epub 2016 Dec 19. 9. Marquis GS, Habicht JP, Lanata CF, Black RE, Rasmussen KM. Association of breast- feeding and stunting in Peruvian toddlers: an example of reverse causality. Int J Epidemiol. 1997 ;26(2):349-56. 10. Lawrence RA, Lawrence RM. Normal growth, failure to thrive, and obesity in breastfed infants. In: Lawrence RA, Lawrence RM. Breastfeeding: A guide for the medical profession. 7th edition. USA: Elsevier Mosby; 2011. p.336-63. การประชุมวิชาการนมแม่แหง่ ชาติ ครง้ั ที่ 6 35

Substance Use and Breastfeeding พญ. รชิ าพรรณ ชแู กลว้ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ปญั หาการใชส้ ารเสพตดิ เปน็ ปญั หาทพ่ี บไดบ้ อ่ ยในชว่ งหญงิ วยั เจรญิ พนั ธ์ุ ทง้ั สารเสพตดิ ทถี่ กู กฎหมาย เชน่ สรุ า บหุ รี่ และสารเสพตดิ ทผี่ ดิ กฎหมาย เชน่ อนพุ นั ธฝ์ น่ิ สารกระตนุ้ และ กญั ชา เปน็ ตน้ ทำ� ใหส้ ามารถ พบปญั หาแมท่ ตี่ งั้ ครรภใ์ ชส้ ารเสพตดิ รว่ มดว้ ยได้ ซง่ึ แมก่ ลมุ่ นมี้ กั จะไดร้ บั คำ� แนะนำ� ใหห้ ยดุ ใชส้ ารตงั้ แตช่ ว่ งตง้ั ครรภ์ แตถ่ า้ หากยงั มกี ารใชต้ อ่ ไป มกั จะไดร้ บั คำ� แนะนำ� ใหง้ ดการใหน้ มลกู เนอ่ื งจากเชอื่ วา่ สารเสพตดิ นน้ั จะผา่ นนำ�้ นม และเปน็ อันตรายตอ่ ทารก ในความเปน็ จรงิ แลว้ ข้อมลู เรือ่ งผลของการใชส้ ารเสพตดิ ตอ่ การใหน้ มบุตรยังมีไม่มากพอที่จะสรปุ ได้ เปน็ ทแ่ี นน่ อน เนอ่ื งจากในการศกึ ษา แมส่ ว่ นใหญจ่ ะใชส้ ารเสพตดิ ตอ่ เนอ่ื งมาตง้ั แตต่ ง้ั ครรภจ์ นถงึ ใหน้ มบตุ ร จงึ ไมส่ ามารถสรปุ ผลไดช้ ดั เจนวา่ ผลการศกึ ษานน้ั เปน็ ผลจากการทแ่ี มใ่ ชส้ ารเสพตดิ ชว่ งใหน้ มบตุ รดว้ ยหรอื ไม่ อกี ทงั้ แมท่ ่ีใช้สารเสพติดมกั จะมีปัญหาทางดา้ นสขุ ภาพและสังคมอน่ื ๆ เชน่ โรคทางกายอนั เกดิ จากการ ใชส้ ารเสพตดิ โรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์ โรครว่ มทางจิตเวช ปัญหาด้านสถานะการเงนิ และความเป็นอยู่ การศกึ ษา เปน็ ตน้ ซง่ึ เปน็ ตวั แปรสำ� คญั ตอ่ พฒั นาการของทารก ซงึ่ ในการศกึ ษาวจิ ยั เชอื่ วา่ ปญั หาพฒั นาการ ของเดก็ ที่แมใ่ ช้สารเสพตดิ มกั เกิดจากปจั จยั อืน่ ๆ เหล่าน้ี มากกว่าจากผลกระทบจากสารท่ผี ่านน้�ำนม อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลและการศึกษาท้ังหมด มีหลักการในการพิจารณาให้นมลูกในแม่ที่ใช้สาร เสพตดิ ดังนี้ คือ มุ่งเน้นให้แมเ่ ขา้ สูก่ ารบ�ำบัดรกั ษาเรอื่ งการใชส้ ารเสพติดตง้ั แต่ชว่ งตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วง 3 เดอื น กอ่ นครบกำ� หนดคลอด ควรหยดุ สารทกุ ชนดิ นอกจากมเี หตผุ ลทางการแพทยท์ จี่ ำ� เปน็ และเนน้ ให้ เข้าสู่การบ�ำบัดรักษาต่อเน่ืองไปจนกระท่ังช่วงหลังคลอด เนื่องจากแม่ที่หยุดใช้สารเสพติดช่วงต้ังครรภ์ ประมาณครง่ึ หนงึ่ จะกลบั ไปใชส้ ารเสพตดิ ทนั ทหี ลงั คลอด สว่ นการใหน้ ม ควรพจิ ารณาเปรยี บเทยี บระหวา่ ง ประโยชน์ของการให้นมแม่กับความเส่ียงจากสารเสพติดที่จะผ่านไปน้�ำนม รวมท้ังความเสี่ยงของการรับ นมแมบ่ ริจาคหรือการใชน้ มผง และการไมไ่ ด้รบั นมแม่ดว้ ย ซ่งึ จะตอ้ งพจิ ารณาเป็นรายๆ ไป โดยทัว่ ไป หากแม่ใช้สารเสพตดิ จ�ำพวกอนุพันธ์ฝน่ิ เชน่ เฮโรอนี เป็นต้น จะแนะน�ำให้แมไ่ ด้รบั การ รักษาดว้ ยเมธาโดน (Methadone Maintenance Therapy : MMT) ตัง้ แต่ช่วงต้งั ครรภ์ เน่อื งจากมหี ลกั ฐานถึงความปลอดภยั และค้มุ ค่าในการให้นมเมอื่ เทยี บกบั สารอน่ื ๆ สำ� หรบั แอลกอฮอล์ สามารถดม่ื ไดไ้ มเ่ กนิ 2 ดมื่ มาตรฐานโดยประมาณ (เบยี ร์ 2 กระปอ๋ ง) และแนะนำ� ให้เวน้ ระยะเวลาให้นม 2 ชว่ั โมง หลังจากดื่มครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตาม หากแมม่ ีน�้ำหนกั ตวั มากหรอื ดมื่ ใน ปริมาณท่ีเกินกวา่ นี้ อาจต้องพิจารณาเวน้ ระยะนานกวา่ นัน้ ส�ำหรับกัญชา มีหลักฐานว่ามีผลต่อการพัฒนาของระบบประสาทชัดเจน หากได้รับในช่วงท่ีระบบ ประสาทกำ� ลงั มกี ารพฒั นา แตใ่ นแมใ่ หน้ มนน้ั เชอ่ื วา่ ผลกระทบจากภาวะงว่ งซมึ และ ความสามารถในการ ดแู ลลกู ทล่ี ดลงของแม่ มผี ลมากกว่าผลกระทบจากสารโดยตรง สำ� หรบั แมท่ ส่ี บู บหุ ร่ี แนวทางสว่ นใหญ่ แนะนำ� ใหส้ ง่ เสรมิ ใหแ้ มใ่ หน้ มบตุ ร รว่ มไปกบั การกระตนุ้ ใหห้ ยดุ สบู บุหรี่ ยาที่ใชร้ ักษาการติดบหุ รีส่ ามารถใชร้ ว่ มกับการใหน้ มบตุ รได้ ทัง้ ยา Bupropion รวมถงึ Nicotine Replacement สว่ นแมท่ ใ่ี ชส้ ารเสพตดิ จำ� พวกสารกระตนุ้ แนะนำ� ใหเ้ วน้ ระยะการใหน้ มอยา่ งนอ้ ย 24 ชวั่ โมง จากการใช้ครัง้ สุดทา้ ย แต่อย่างไรก็ตาม ข้ึนอยกู่ บั ปริมาณสารที่แมใ่ ช้ดว้ ย 36

ภาวะขาดสารอาหารทีต่ ้องการปรมิ าณน้อย: ธาตุสังกะสีและวิตามนิ ดี Micronutrient Deficiency: Zinc and Vitamin D รศ. พญ. กสุ ุมา ชูศิลป์ คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น สารอาหารท่ตี อ้ งการปริมาณนอ้ ย (Micronutrients) หมายถึง สารอาหาร ทีร่ า่ งกายตอ้ งการน้อย กว่า 100 มิลลิกรัม ต่อวัน เพื่อช่วยการท�ำงานด้านสรีรวิทยาของร่างกาย ในการสร้างสารเร่งปฏิกิริยา (Enzyme) ในกระบวนการเมตาบอลิซึม สร้างฮอร์โมน และสารชีวภาพต่างๆ ท่จี ำ� เปน็ ส�ำหรับการเจรญิ เติบโตและพฒั นาการ รวมทง้ั การเสริมสรา้ ง และ คงสภาพสุขภาพเพอ่ื คณุ ภาพชวี ติ ท่ดี ี สารอาหารทต่ี อ้ งการปรมิ าณน้อย ประกอบดว้ ย 1) กลุ่มแร่ธาตุ ไดแ้ ก่ เหลก็ โคบอลท์ โครเมยี ม ทองแดง ไอโอดนี แมงกานสี ซีลีเนียม สังกะสี และ โมลิบดนี ัม 2) กลมุ่ วติ ามนิ ไดแ้ ก่ วติ ามนิ ทลี่ ะลายนำ�้ และ วติ ามนิ ทลี่ ะลายในไขมนั แมร้ า่ งกายตอ้ งการสารอาหารนี้ ในปรมิ าณนอ้ ย แตภ่ าวะขาดสารอาหารทตี่ อ้ งการปรมิ าณนอ้ ย มผี ลกระทบทร่ี นุ แรงตอ่ สขุ ภาพ โดย เฉพาะในเดก็ และหญงิ ต้ังครรภ์ การไดร้ ับในปรมิ าณทีม่ ากเกินไป กม็ ีผลเสยี กับสุขภาพเช่นเดยี วกนั ภาวะขาดสารอาหารทีต่ อ้ งการปริมาณน้อยทพ่ี บบอ่ ยในทารก ไดแ้ ก่ วติ ามินดี วติ ามนิ เค ธาตเุ หล็ก วติ ามนิ เอ แคลเซยี ม และธาตสุ งั กะสี สาเหตกุ ารขาดสารอาหารทตี่ อ้ งการปรมิ าณนอ้ ย ไดแ้ ก่ การไดร้ บั จาก อาหารไมเ่ พียงพอ การดดู ซมึ ลดลงจากภาวะตดิ เชอ้ื หรือ โรคอืน่ ๆ อาจพบได้บ้างในมารดาและทารกทมี่ ี ความผดิ ปกตทิ างพนั ธุกรรม ภาวะขาดธาตุสงั กะสีในทารก สงั กะสี เปน็ แร่ธาตุทจ่ี ำ� เปน็ สำ� หรับทารกและเด็ก รา่ งกายตอ้ งการอยา่ งเพียงพอ ในระยะเรม่ิ ตน้ ของ ชีวติ ธาตสุ ังกะสีอยใู่ นเซลลท์ ่ัวร่างกาย เพื่อกระตุ้นการทำ� งานของเอ็นไซม์ ประมาณ 100 ชนดิ จำ� เปน็ ใน การสรา้ ง DNA ทใ่ี ช้ในการแบง่ ตัวของเซลล์ สรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในร่างกาย และจ�ำเป็นในการรกั ษาแผล สังกะสี เปน็ สารอาหารที่จำ� เป็น สำ� หรบั การเจรญิ เตบิ โตของทารก ต้ังแต่ในครรภ์มารดาจนถงึ วัยรุ่น แมว้ า่ ร่างกาย ต้องการไม่มากนกั แต่ภาวะขาดสังกะสมี ผี ลกระทบสูงมากต่อรา่ งกาย ร่างกายควรได้รบั ปริมาณสงั กะสเี พ่มิ ขึน้ ตามอายุทเ่ี พิม่ ขนึ้ ทารกอายุ 0-6 เดือนต้องการสงั กะสี 2 มิลลกิ รมั ต่อวนั ทารกอายุ 7-12 เดือน และ เด็กอายุ 1-3 ปี ต้องการเทา่ กนั เพียง 3 มิลลิกรัมตอ่ วัน ปริมาณสงั กะสี ทไี่ ด้รับจากอาหารจ�ำกัดสูงสุด ที่ 4 มิลลกิ รัมต่อวัน 5 มลิ ลิกรมั ตอ่ วัน และ 7 มิลลกิ รมั ตอ่ วัน เมื่ออายุ 0-6 เดือน 7-12 เดอื น และ 1-3 ปตี ามลำ� ดับ ธาตุสงั กะสี (Zn) อยู่ในอาหารทีร่ บั ประทานเปน็ ประจำ� แต่มปี รมิ าณแตกต่างกันในอาหารแต่ละชนดิ อาหารท่ีมีสงั กะสีสงู มากๆ เช่น ขา้ วสาลี ตบั เนือ้ วัว เนื้อหมู หอยนางรม ไข่ ถว่ั ลิสง เม็ดมะมว่ งหมิ พานต์ และเตา้ หู้ ในนมผสมสูตรทารกมสี ังกะสี 3.98±0.25 มลิ ลกิ รมั ต่อลติ ร ระดับสังกะสีในน้�ำนมแม่ ลดลงตามระยะการสร้างน้�ำนมท่ีนานขึ้น หัวน้�ำนมวันแรกมีสังกะสีสูงสุด 11.0± 2.79 ไมโครกรมั ตอ่ ลติ ร และลดลงเหลอื ประมาณ 6.78± 1.64 มลิ ลกิ รมั ตอ่ ลติ ร และ 2.95±0.77 มลิ ลกิ รมั ตอ่ ลิตร เมอื่ ทารกอายุ 1 เดือน และ 2 เดือนตามล�ำดบั เมอ่ื ทารกอายุ 6 เดือน ไดร้ บั สังกะสจี าก การประชมุ วิชาการนมแม่แห่งชาติ คร้ังท่ี 6 37

นมแม่ 1.0- 1.5 มลิ ลิกรมั ตอ่ วนั ในช่วงอายุน้อยกวา่ 6 เดือน ปรมิ าณสังกะสใี นนมแม่ ยังเพยี งพอกบั ความตอ้ งการของทารก แตไ่ ม่เพยี งพอกบั ความตอ้ งการต้ังแตอ่ ายุ 7 เดือนข้ึนไป ทารกจึงจำ� เปน็ ต้องได้รบั อาหารตามวยั ทมี่ ีสังกะสอี ยา่ งเพียงพอ ทารกท่มี ภี าวะขาดสังกะสีส่วนใหญ่ เกดิ จากการได้รับประทานไม่เพียงพอ โดยเฉพาะทารกที่ได้รบั นม แมอ่ ย่างเดยี ว ในประเทศทีก่ �ำลงั พฒั นา ตัง้ แตอ่ ายุ 4-6 เดอื น ทารกทีข่ าดสังกะสีอาจมคี วามผดิ ปกติของ ภูมคิ ุ้มกันโรคกอ่ นมีระดับสังกะสใี นพลาสมาต�ำ่ กวา่ ปกติ (66-83 ไมโครกรมั / เดซิลิตร) ควรสงสัยภาวะ ขาดสงั กะสใี นทารกทมี่ ี 1)การเจรญิ เตบิ โตชา้ โดยเฉพาะทารกทมี่ คี วามยาวเทยี บอายตุ ำ่� กวา่ เกณฑ์ 2) การ ดูดซึมสารอาหารผดิ ปกตใิ นลำ� ไส้ เช่น ถา่ ยอจุ จาระเป็นไขมัน ท้องเสยี เรอ้ื รงั 3) มผี ่นื แพผ้ ิวหนัง 4) เจบ็ ป่วยดว้ ยโรคติดเช้ือรนุ แรงและ/ หรอื เรอ้ื รัง 5) โรคตบั เรอื้ รัง 6) โรคไต 7) โรคเลือดและ 8)ทารกทีม่ า ดว้ ย acrodermatitis enterohepatica ซีง่ มักจะเกดิ ร่วมกบั ความผิดปกตทิ างด้านพนั ธกุ รรม หรอื ความ พกิ ารแตก่ ำ� เนดิ ทารกทเ่ี กดิ กอ่ นกำ� หนด นำ�้ หนกั นอ้ ยกวา่ 2,500 กรมั หรอื มกี ารเจรญิ เตบิ โตอยา่ งเรว็ หลงั เกดิ จะต้องการสงั กะสเี พิ่มขนึ้ และเส่ียงตอ่ ภาวะขาดสังกะสที ่รี นุ แรงได้ ทารกไทยมีความเสี่ยงสงู ต่อภาวะขาดสงั กะสี การศึกษาในทารกอายุ 4-6 เดอื น ของ ผศ. พญ.อรพร ด�ำรงวงศ์ศิริและคณะ (ปี ค.ศ. 2015) พบว่า กล่มุ ทารกท่ีได้รบั นมแม่ กลมุ่ ทารกทไี่ ดน้ มผสม และไดท้ งั้ นมแม่และนมผสม มภี าวะขาดสังกะสี (ระดับสังกะสีในเลอื ดนอ้ ยกว่า 10.7 ไมโครโมลตอ่ ลติ ร) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 14.3 รอ้ ยละ 53 และ รอ้ ยละ 2.9 ตามลำ� ดบั คา่ เฉลยี่ ของสงั กะสใี นพลาสมา เทา่ กบั (18.4±7.6, 20.0±6.3, 18.2±4.9 ไมโครโมลตอ่ ลติ ร ในกลมุ่ ทารกทไี่ ดร้ บั นมแม่ กลมุ่ ทารกทไี่ ดน้ มผสมและไดท้ ง้ั นมแม่ และนมผสมตามล�ำดับ ซ่ึงไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ การศึกษาเดียวกันน้ี สรุปว่า ปัจจัย ท่ีสัมพันธ์กับภาวะขาดสังกะสีของทารกอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ได้แก่ ระดับสังกะสีในเลือดของมารดา (10.0 :13.29 ไมโครโมลต่อลิตร, p=0.043) ภาวะขาดธาตุสังกะสีของมารดา( OR= 2.54, 95%CI 0.81-7.86, p=0.02) และระดับสงั กะสใี นนมแม่ (r=0.56, p=0.0) แม้ว่าจะพบน้อยมาก ในทารกท่ีได้รับนมแม่อย่างเดียว อาจมาด้วยความผิดปกติของผิวหนังจาก acrodermatitis อยา่ งรุนแรง และตอบสนองอยา่ งรวดเร็วจากการเสริมยาที่มสี งั กะสี ทารกเหลา่ นี้มีภาวะ ขาดสังกะสี เนอื่ งจากเต้านมมารดามคี วามผิดปกติจากการสง่ สังกะสีจากเลอื ดออกมาในนำ้� นม Dumrongwongsiri O, Suthutvoravut U, Chatvutinun S, Phoonlabdacha P, Sangcakul A, Siripinyanond A, Thiengmanee U, Chongviriyaphan N. Maternal zinc status is associated with breast milk zinc concentration and zinc status in breastfed infants aged 4-6 months. Asia Pac J Clin Nutr. 2015;24(2):273-80. doi: 10.6133/apjcn.2015.24.2.06 ภาวะขาดวติ ามินดใี นทารก วิตามินดี เป็นสารอาหารทีมึในอาหารเพียง 2-3 ชนิด รา่ งกายได้รบั วิตามินจาก 3 แหลง่ ไดแ้ ก่ 1) การสงั เคราะหท์ ่ผี วิ หนงั สัมผสั กบั รังสอี ัลตราไวโอเลตจากแสงแดด 2) จากการรบั ประทานอาหาร 3) การเสริมในรูปของสารอาหารโดยตรง 38

วติ ามินดจี ะออกฤทธิ์ โดย ถกู เปลย่ี นในตับเป็น 25-hydroxyvitamin D [25(OH)D], หรอื เรียกว่า calcidiol. และถกู เปลยี่ นในไต เปน็ 1,25-dihydroxyvitamin D [1,25(OH)2D], หรอื เรยี กวา่ calcitriol วติ ามนิ ดสี ง่ เสรมิ การดดู ซมึ แคลเซยี มจากทางเดนิ อาหาร และคงสภาพความสมดลุ ของแคลเซยี มและ ฟอสฟอรัสในเลือด ช่วยสร้างเนื้อกระดูก และป้องกัน hypocalcemic tetany รวมทั้งโรคกระดูกอ่อน (rickets) ในเด็ก โรคกระดกู บาง (steomalacia) และโรคกระดกู พรนุ (osteoporosis.) ในผใู้ หญ่ วติ ามนิ ดที �ำหน้าทีอ่ นื่ ๆ ไดแ้ ก่ การดดั แปลงการเจรญิ ของเซลล์เพ่อื ทำ� หนา้ ท่ตี า่ งๆ ชว่ ยการ ทำ� งานของระบบประสาทและกลา้ มเนอ้ื การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั โรค และ การลดการอกั เสบ เซลลบ์ างตวั สามารถ เปลี่ยน 25(OH)D เป็น 1,25(OH)2D Serum concentration of 25(OH) D เป็นตัวช้วี ัดที่ดีท่ีสดุ ส�ำหรับสภาวะวติ ามินดใี นรา่ งกาย โดย เฉพาะวติ ามินดี ทสี่ ังเคราห์จากแสงแดดและจากอาหาร ซ่ึงสามารถหมนุ เวียนในรา่ งกายนาน 15 วัน แต่ ไม่สะทอ้ นระดับวติ ามนิ ดที ่ีสะสมไวใ้ นร่างกาย ส่วน 1,25(OH)2D ไมช่ ว่ ยชวี้ ดั สภาวะวิตามินดีในร่างกาย เพราะมีอายสุ ั้นเพยี ง 15 ชว่ั โมง ระดบั ของ 1,25(OH)2D ในซรี ่ัมถกู ควบคมุ โดย parathyroid hormone, calcium, และ phosphate และลดต�่ำ ลงเมือ่ รา่ งกายขาดวิตามินดีอยา่ งรนุ แรงเท่าน้นั ทารกอายุ 0-6 เดือนท้ังเพศชายและเพศหญงิ ต้องการวิตามินดี 400 IU/10 mcg เมอื่ อายุเพม่ิ ขึน้ เปน็ 7-12 เดอื นต้องการวิตามนิ ดี 600 IU/15 mcg จนถึงวัยรนุ่ และเริม่ เป็นผู้ใหญ่ เด็กทไ่ี ม่ไดร้ ับแสงแดด และไดร้ ับวิตามนิ ดีจากอาหารไมเ่ พียงพอ จะท�ำ ใหก้ ระดูกเจริญผิดปกติและเปน็ โรคกระดูกอ่อน เด็กทข่ี าด วิตามนิ ดจี ะเพิ่มความเส่ียงการเป็นโรคมะเรง็ และโรคเบาหวานในวัยผู้ใหญ่ ทารกท่ีเลี้ยงด้วยนมแม่อย่างเดียว และไม่ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ จะเพิ่มความเส่ียงของภาวะ ขาดวติ ามนิ ดแี ละโรคกระดกู ออ่ น ทารกมคี วามผดิ ปกตไิ ดต้ งั้ แตแ่ รกเกดิ ถา้ มารดามภี าวะขาดวติ ามนิ ดตี ง้ั แต่ ระยะต้งั ครรภ์ และมีระดับวติ ามินดีในน้�ำนมนอ้ ยกว่าความต้องการของทารก ระดับวิตามินดีในนมแม่ จะ เพมิ่ ข้นึ จากการเสรมิ วิตามินดีให้มารดา แต่ตอ้ งระมัดระวงั ไมใ่ ห้ปรมิ าณวติ ามินดีในนมแมส่ งู ถึงระดับทเี่ ปน็ อนั ตรายตอ่ ลกู ได้ การใหม้ ารดาไดส้ มั ผสั แสงแดด หรอื รบั ประทานอาหารทม่ี วี ติ ามนิ ดอี ยา่ งเพยี งพอ ตง้ั แต่ ระยะต้งั ครรภแ์ ละระยะให้นมบุตร จะช่วยใหท้ ารกทีไ่ ดร้ บั นมแม่อย่างเดยี ว ไดร้ ับวติ ามนิ ดจี ากนมแม่อย่าง เพยี งพอ อย่างไรก็ตามทง้ั มารดาและทารกที่มีผวิ ด�ำมากๆ ผวิ หนงั อาจสังเคราะหว์ ติ ามินดไี มไ่ ด้เต็มท่ี การได้รบั อาหารทม่ี วี ิตามนิ ดอี ยา่ งเพียงพอจึงเปน็ ส่งิ ทจี่ �ำเป็นมาก การศึกษาในประเทศสหรฐั อเมรกิ า พบวา่ โอกาสเกดิ ภาวะขาดวติ ามนิ ดีอยา่ งรนุ แรงมนี อ้ ยมาก แต่ ทารกทไ่ี ดร้ บั นมแมโ่ ดยไมเ่ สรมิ วติ ามนิ ดี มภี าวะขาดวติ ามนิ ดใี นฤดหู นาว สงู ถงึ รอ้ ยละ 78 โดยเฉพาะในชน เผ่าเช้ือชาตแิ อฟรกิ า จึงมขี อ้ แนะนำ� ให้เสรมิ วติ ามินดใี นทารกทไ่ี ด้รับนมแม่อยา่ งเดยี ว การประชมุ วชิ าการนมแม่แหง่ ชาติ คร้งั ที่ 6 39

Cytomegalovirus Infection and Breastfeeding Meera Khorana MBBS. Queen Sirikit National Institution of Child Health The American Academy of Pediatrics (AAP) stated in its policy statement “Breastfeeding should be considered a public health issue and not only a lifestyle choice”. Current evidence shows both short and long term, dose dependent benefits of BF in the term and preterm infant. Not only does BF play a major role in decreasing the under - 5 mortality, it also significantly decreases otitis media (OM), respiratory and gastrointestinal tract infections, allergic diseases like asthma, atopic dermatitis and eczema when compared to formula fed infants. In premature babies, human milk feeding has been clearly shown to decrease mor- tality rate and morbidity rates of sepsis, necrotizing enterocolitis (NEC) and retinopathy of prematurity (ROP). In addition, neurodevelopmental outcomes have consistently been better in breastfed infants in comparison to formula fed infants. Long-term benefits of BF include reductions in obesity, irritable bowel and celiac diseases, as well as reductions in type 1 and 2 diabetes mellitus, childhood leukemia, and lymphomas. Based on all these evidences, the AAP recommends BF exclusively for about 6 months, and then continued by BF supple- mented with appropriate complimentary feeding for 1 year and longer. The World Health Organization (WHO) also made similar recommendations but extends the total duration of breastfeeding to 2 years of age or more. BF is contraindicated in certain maternal illnesses including infections, maternal drug use and some inborn errors of metabolism in the infants. During BF, the infant can be in- fected by maternal pathogens via different routes such as; 1. Airborne (Measles, Varicella, disseminated Zoster and Tuberculosis) 2. Respiratory droplets (Adenovirus, RSV, Diphtheria, Influenza, Haemophilus spp, Mumps, Mycoplasma, Neisseria spp, Pertussis, Rubella and Streptococcus spp.), 3. Contact (Varicella, multidrug resistant organisms) or 4. Via breast milk (HIV, HTLV I, CMV). Frequently, multiple routes of transmission can be simultaneously implicated in causing infection in the child. Maternal HIV and HTLV infections are considered as definite contrain- dication for breastfeeding. However, there is still uncertainty regarding breastfeeding infants born to cytomegalovirus (CMV) seropositive mothers. 40

Cytomegalovirus infection and breastfeeding Human CMV (human herpes virus 5) is a double-stranded DNA virus belonging to the herpesvirus family (Herpesviridae). It is highly species-specific and only human CMV has been shown to infect humans. Transmission occurs horizontally (direct person-person contact with the virus containing secretions), vertically (mother to infant), or via transfusion of blood products from infected donors or with organ or hematopoietic stem cell transplantation. CMV persists for a lifetime in the hematopoietic CD34+ precursor cells. It is usually reactivated by stress, transient loss of CD4+ and CD8+ T cell immunity, cell cycle arrest, DNA damage and, most importantly, in healthy immunocompetent seropositive women during lactation. In neonates, CMV transmission can occur in utero, perinatal or postnatal periods. In utero, transmission is due to primary infection or recurrent infection. Between 0.5 to 1% of all live birth infants are infected in utero and excrete CMV in their urine at or soon after birth (< 3 weeks of age), making this the most common congenital infection in the United States. About 5% of neonates congenitally infected with CMV will have disease manifestation at birth, causing significant mortality and morbidity in the neonatal period. However, 15% will manifest congenital infection later in infancy, presenting with progressive late onset hearing loss and learning disability. Perinatal CMV transmission occurs via exposure to infected maternal genital secretions during delivery, while postnatal CMV is transmitted via blood transfusion, infected BM or contact with infected body fluids esp. in children in day care centers. Breastfeeding is a common route for CMV transmission esp. in population with high seroprevalence and high breastfeeding rates. CMV seroprevalence in Western Europe, USA and Australia is ~ 40-60%, whereas in South Africa, Brazil, India, Japan, Turkey it is > 90%. In Thailand, a study (Tantivanich S et al.) conducted in pregnant women showed the seroprevalence of > 90% as well. Several reports have shown that infectious virus and CMV DNA have been isolated from BM of 40-100% CMV seropositive lactating mothers, whereas CMV seronegative women never had CMV detected in their breast milk either by culture or CMV DNA. CMV reactivation at any stage of breastfeeding during the first three months is > 95%. In lactating women, reactivation is a local process without dissemination or compartmentalized infection in the plasma, throat or cervical swab. Shedding of CMV viral DNA and virolactia in seropositive lactating women can be de- tected early, usually within the first week postpartum, peaking at 4-8 weeks and declining steadily thereafter, ending at about 10-12 weeks or longer after birth. The onset of viral shedding may begin as a low load (< 1000 copies /ml) and low infectivity. Although this pattern may be similar in most lactating women, the onset, dynamics and end of viral shed- ding varies from woman to woman. However, peak values of virolactia and viral DNA lactia coincide. The main risks for CMV transmission and symptomatic disease are related to ex- tremely low birth weight (ELBW < 1000g), low gestation age (GA) < 30-32 weeks, early onset of CMV DNA lactia and virolactia, prolonged viral excretion in BM, higher milk whey viral loads and low infantile IgG titers. การประชมุ วิชาการนมแม่แหง่ ชาติ ครัง้ ที่ 6 41

Clinical presentation Congenital CMV is acquired in utero and is defined as positive viral culture, shell vial assay or CMV DNA test in cord blood or CMV-DNA test in cord blood or urine within the first 3 weeks of life. Infants with congenital CMV may present with intrauterine growth restriction, hepatosplenomegaly, hepatitis, purpura, thrombocytopenia, intracranial calcifica- tion, microcephaly and chorioretinitis, hearing loss and psychomotor retardation. Postnatal CMV is defined as positive viral culture, shell vial assay or CMV DNA test in urine not earlier than after 2 weeks of life where previous results were negative. Infants with postnatal CMV may be 1) Clinically asymptomatic 2) Display CMV related symptoms which include hepatopathy, thrombocytopenia, neutropenia and elevated liver enzymes, hyperbilirubinemia, pneumonia and atypical necrotizing enterocolitis. 3) Unfortunately, some present with a sepsis-like symptoms (SLS), which is a term used to describe sepsis like symptoms associated with postnatal CMV infection in VLBW preterm infants, comprising of apnea, bradycardia, mottling, gray pallor, respiratory deterioration hepatosplenomegaly, distending bowels, thrombocytopenia, neutropenia and elevated liver enzymes in the absence of bacterial infection coincident with CMV viruria. Some infants in this group may ultimately succumb to the infection resulting in death. Apart from the very rare cases that result in death, all parameters of postnatal CMV are self-limiting with no impact on neonatal outcomes such as IVH, NEC, PVL, ROP and NEC. Postnatal CMV disease is uncommon in the full-term infant. This is due to protection from the passive transfer of maternal antibodies during the third trimester and the infants own more mature immune system. Furthermore, transmission in term infants fed raw milk is considered as natural immunization because there is no or minimal morbidity. On the other hand, postnatal CMV exposures to susceptible infants like babies < 32 weeks gestational age (GA) or birth weight (BW) <1500 grams or immunodeficient infants results in higher risk for developing symptomatic postnatal disease. CMV transmission to the preterm infant varies from 5.6-58.6% (Kurath et al). In a systematic review and me- ta-analysis to estimate the pooled proportions of very low birth weight (VLBW) and prema- ture infants born to CMV-seropositive women with breast milk-acquired CMV infection, CMV related symptoms and CMV–SLS, Lanieri M et al. included 17 studies from 2001-2011. From a total of 695 VLBW and premature infants born to and fed breast milk from CMV seropositive mothers, BM acquired CMV infection occurred in 2-37 %, CMV-related symptoms occurred from 0-18% and CMV-SLS occurred in 0-14%. Based on these proportions and US population–based data, they estimated BM acquired CMV infection and disease in the United States for 2008 as follows for infants fed untreated milk A. BM acquired CMV infection 6.5% (95% CI 3.7-10.9%), B. CMV-related symptoms 3.4% (95 % CI 1.7-5.8%), C. CMV-SLS 1.4% (95% CI 0.7-2.4 %), 42

The median time of onset or first detection of CMV was 50 day (27-120 days), with the onset of CMV-viruria occurring between 28 - < 37 weeks GA in 75% of the cases. In the infants who developed CMV-SLS, 32% had viruria at < 32 weeks postmenstrual age (PMA) and 21% between 33-36 weeks PMA. In infants with CMV infection, the duration of CMV shedding in biological fluid was about 2 years. Nontheless, there have been studies (Capretti et al, Neuberger et al.) that suggest that CMV transmission via BM may be a co-actor that aggravated the clinical course of existing conditions in the sick premature baby, and that itself, it is unlikely to cause symptoms in an otherwise healthy preterm. There is little data available on the effectiveness of antiviral treatment with postnatal CMV infection. Ganciclovir has been used in cases of SLS and multiple organ involvement, effectively shortening the course of illness without adverse effect or relapse. However, postnatal CMV infection in the neonate is usually self-limiting, resolving spontaneously without antiviral therapy. Long-term outcomes While 15% of infants with congenital CMV infection will manifest congenital infection later in life in the form of progressive late onset hearing loss and learning disability, there is only limited data available on long term outcomes in premature infants with postnatally acquired CMV infection. So far, most of the studies on premature infants have been limited by the small number of cases per study. One study found no increase in sensorineural hearing loss or neuromotor developmental delay in infected premature infants at 6 months corrected age. Another study, comparing the outcomes between 22 postnatally infected CMV with 22 non CMV infected premature infants at 2 to 4.5 years, found no difference between the 2 groups in terms of sensorineural hearing loss, growth, neurologic and neurodevelopmental outcomes. On the other hand, Rangmar et al found that infants with postnatal CMV had significantly lower results in the simultaneously processing scales using Kaufman Assessment Battery for Children when tested > 4 years suggesting some negative influence on the cognitive development. CMV inactivation in breast milk Since there is clear evidence of CMV excretion in breast milk of seropositive lactating women resulting in CMV infection preterm infants, it is imperative to find ways to eradicate this infectious agent from the BM. This should be done without impacting on the nutritious or immunologic properties of BM, which have been shown to be essential for protecting this vulnerable group of infants. Pasteurization and freezing have been shown to eliminate microorganisms from BM. Heating milk to 62.5˚C for 30 minutes (Holder pasteurization) has been shown to eliminate the CMV virus effectively but it also decreases the immunologic components. Another method, the rapid high temperature treatment of human milk (72˚C for 5 or 15 seconds) can inac- tivate the CMV virus without impacting on the immune components. การประชมุ วชิ าการนมแม่แหง่ ชาติ ครง้ั ที่ 6 43

Freeze storage of breast milk at -20˚C for variable time periods may not eliminate the CMV but it has been shown to decrease the infectivity. Studies (with small sample sizes) have shown mixed results. While some showed that freezing at -20˚C for 3 days decreased infectivity by 99%, others showed incomplete elimination after 4 to 10 days of storage in samples with high viral load. A comparison between the groups showed that the frozen milk group had lower acquired CMV infection and CMV-related symptoms compared with the untreated group but the CMV-SLS did not differ (Lanieri et al.). Weighing the potential benefits of human milk and risk of CMV transmission in the preterm infant, The American Academy of Pediatrics states that, “the value of routinely feeding [fresh] human milk from [CMV] seropositive mothers to preterm infants outweighs the risks of clinical disease, especially because no long-term neurodevelopmental abnormalities have been reported.” Conclusion Breastfeeding from a seropositive mother can result in postnatal transmission of CMV. CMV reactivation can occur in > 95% seropositive mothers at any stage of breastfeeding during the first three months after birth of the baby. Virolactia or CMV DNA lactia usually occurs within the first week, peaks by 4-8 weeks and gradually diminishes by 3 months after birth. CMV infection does not cause any significant illness or long-term sequelae in a full term infant. In premature infants, it can result in asymptomatic infection (>50%); CMV related symptoms or significant SLS disease in a small number of babies especially ELBW < 1000g who have coexisting infections. No hearing loss or major neurodevelopmental delays have been reported from long-term follow ups of premature infants with postnatal CMV infection. Since formula feeding increases the mortality and morbidity in premature infants and there are no major sequelae in infants with postnatal CMV, fresh BM feeding premature babies esp. the extremely small ones should be encouraged after informed consent of the parents. However, pasteurized or frozen/thawed BM till about 35-37 weeks GA followed by fresh BM is a safe alternative. In view of the high CMV seroprevalence and recent increase of premature births in Thailand, more prospective studies on the impact of CMV in this group of vulnerable infants are needed. 44

References 1. AAP Policy Statement. Breastfeeding and the use of human milk. Pediatrics 2012; 129: e827-41. 2. Lombardi G, Garofoli F, Manzoni P, Stronati M. Breast milk–acquired CMV infection in very low birth weight infants. J Matern Fetal Neonatal Med. 2012; 25: 57-62. 3. Lanzieri TM, Dollard SC, Josephson CD, Schmid DS, Breast milk-acquired cyto- megalovirus infection and disease in VLBW and premature infants. Pediatrics. 2013; 131: e1937-45. 4. Hayashi S, Kimura H, Oshiro M, Kato Y, et al. Transmission of cytomegalovirus via breastmilk in extremely premature infants. J Perinatol. 2011; 31: 440-5. 5. Schanler RJ.CMV acquisition in premature infants fed human milk: reason to wor- ry? J Perinatol. 2005; 25: 297-8. 6. Omarsdottir S, Casper C, Navér L, Legnevall L, Gustafsson F, et al. Cytomegalo- virus infection and neonatal outcome in extremely preterm infants after freezing of maternal milk. Pediatr Infect Dis J. 2015; 34: 482-9 7. Kurath S, Halwachs-Baumann G, Muller W et al. transmission of cytomegalovirus via breast milk to the prematurely born infant: a systematic review. Clin Microbiol Infect 2010; 16: 1172-8. 8. Lawrence RM. Cytomegalovirus in Human Breast Milk: Risk to the Premature Infant. Breastfeeding Medicine 2006; 1: 99-107. 9. American Academy of Pediatrics. Kimberlin DW, Brady MT, Jackson MA, long SS, eds Red Book: 2015 report of the Committee on Infectious Diseases. 30th ed. Cytomegalo- virus infection: 317-22 10. Vollmer B, Seibold-Weiger K, Schmitz-Salue C, et al. Postnatally acquired cyto- megalovirus infection via breast milk: effect on hearing and development in preterm infants. Pediatr Infect Dis J, 2004; 23: 322-27. 11. Yoo. HS, Sung SI, Jung YJ et al. Prevention of Cytomegalovirus Transmission via Breast Milk in Extremely Low Birth Weight Infant. Yonsei Med J 2015; 56: 998-1006. 12. Capretti MG, Lanari M, Lazzarotto T et al. Very Low birth Weight Infants Born to Cytomegalovirus –Seropositive Mothers Fed with Their Mother’s Milk: A prospective Study. J Pediatr 2009; 154: 842-8. 13. Tantivanich S., Amarapal P, Suphadtanaphongds W et al. Prevalence of Congenital Cytomegalovirus and Toxoplasma Antibodies in Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health 2001; 32: 466-69. 14. Lawrence RM, Lawrence RA. Breast milk and infection. Clin Perinatol 2004; 31: 501-28. 15. Lanari M, Valin PS, Natalie F et al. Human milk, a concrete risk for infection? The Journal of Maternal-Fetal Medicine, 2012; 25: 75-7. การประชมุ วิชาการนมแมแ่ ห่งชาติ ครง้ั ท่ี 6 45

Breaking the Barriers: Breastfeeding at the beginning ผศ.ดร.พญ.ภทั รวลยั ตลงึ จติ ร ภาควิชาสตู ิศาสตร์ นรีเวชวทิ ยา คณะแพทยศาสตร์ศริ ิราชพยาบาล จากข้อมลู ขององค์การอนามยั โลก เป็นที่ยอมรบั วา่ การเร่มิ ให้นมแมภ่ ายใน 1 ชั่วโมงหลงั คลอดเปน็ เวชปฏบิ ตั ทิ ค่ี วรไดร้ บั การสนบั สนนุ เนอ่ื งจากการเรมิ่ นมแมช่ า้ จะเพมิ่ ความเสย่ี งในการเสยี ชวี ติ ของทารกใน ชว่ งเดือนแรกถงึ สองเท่า และ เพ่มิ โอกาสเจบ็ ป่วยจากโรคทอ้ งรว่ งและการตดิ เช้ือในระบบทางเดนิ หายใจ(1) อย่างไรก็ตามจากการศึกษาท่ัวโลกยังพบว่าการเร่ิมให้นมแม่ยังมีความล่าช้าในหลายพื้นท่ี โดยค่าเฉลี่ยทั่ว โลกมีอตั ราการเร่ิมใหน้ มแม่ภายใน 1 ช่วั โมงหลังคลอดมีเพยี ง 39% และแตกต่างกนั ไปในแตล่ ะภูมิภาค(2) ปจั จัยขดั ขวางการเริม่ ตน้ ให้นมแม่ (Barriers to Early Initiation of Breastfeeding) จากการรวบรวมและวิเคราะห์ผลการศึกษาอย่างเป็นระบบในหลากหลายภูมิภาคของโลก พบว่า มี ปจั จยั มากมายทมี่ ผี ลตอ่ การเรมิ่ ตน้ ใหน้ มแม่ ซงึ่ มที งั้ ปจั จยั ทพี่ บรว่ มกนั และปจั จยั ทเี่ ฉพาะเจาะจงตอ่ ภมู ภิ าค หรอื วัฒนธรรมประจ�ำถิน่ โดยสามารถแบ่งออกได้ ดงั ต่อไปน้ี ปจั จยั ด้านภูมิประเทศ (Geographic factors) ความเป็นชมุ ชนเมอื ง หรอื พื้นที่ชนบทมผี ลต่อการเร่ิมตน้ ใหน้ มแม่ ที่แตกต่างกันไป จากการเข้าถึง บรกิ ารทางการแพทยส์ ำ� หรบั แมแ่ ละเดก็ แตกตา่ งกนั และ วฒั นธรรมพน้ื ถนิ่ เชน่ แถบเอเชยี ใต้ ยงั คงมอี ตั รา การคลอดที่บา้ นคอ่ นข้างสงู การเริม่ ตน้ นมแม่ จึงเป็นภารกิจของผทู้ ำ� คลอด หรือ คนในครอบครวั ซง่ึ ตา่ ง กับการคลอดในสถานบริการทางการแพทย์ที่มีบุคลากรเป็นผู้ดูแล ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งแอฟริกา การคลอดในสถานบรกิ ารชว่ ยเพ่ิมอตั ราการเริ่มใหน้ มแม่ภายใน 1 ชว่ั โมงหลงั คลอด ตรง ขา้ มกบั ละตนิ อเมริกาและยโุ รปตอนกลาง ซ่งึ การคลอดที่บ้าน โดยผู้มคี วามชำ� นาญกลับมีอัตราการเรมิ่ ให้ นมแม่ภายใน 1 ช่ัวโมงหลังคลอดมากกว่า(2) ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจ (Socioeconomic factors) ระดับความรู้และการศึกษาของคนในสังคมเป็นปัจจัยส�ำคัญ แม้ในประเทศท่ีเจริญแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา ซ่ึงประชาชนมีความรู้ถึงประโยชน์ของการให้นมแม่ แต่ก็ยังไม่ทราบถึงความเฉพาะ และ ความเสยี่ งของทารกทไี่ มไ่ ดร้ บั นมแม่ เชน่ การเจบ็ ปว่ ยบอ่ ย ดา้ นทกั ษะการใหน้ มแม่ แมจ้ ะเปน็ เรอื่ งธรรมชาติ กย็ งั ตอ้ งมกี ารเรยี นรรู้ ว่ มกนั ทง้ั แมแ่ ละทารก การทแี่ มร่ สู้ กึ วา่ การใหน้ มลกู เปน็ เรอื่ งยากเกนิ ไปกเ็ ปน็ อปุ สรรค หน่ึงในการเร่ิมต้นนมแม(่ 4) การศึกษา อาชพี และฐานะทางเศรษฐกิจของแมใ่ นเอเชยี ใต้ กม็ ผี ลตอ่ การเรม่ิ ให้นมแม่ แม่และพ่อท่ี มกี ารศึกษาต่�ำสมั พนั ธ์กบั การเร่มิ ตน้ ใหน้ มแมช่ า้ เช่นเดียวกับ การเป็นครอบครัวเดยี่ ว ทม่ี ีจำ� นวนบุตรนอ้ ย ในประเทศเนปาล ในขณะท่ีสถานการณท์ ำ� งานของแม่ และ ฐานะทางเศรษฐกิจ มผี ลแยง้ กันในแตล่ ะประเทศในภูมิภาค นี้ นอกจากน้ี วฒั นธรรม และ ความเชื่อทางศาสนา ตลอดจนความไมเ่ ท่าเทยี มทางเพศ ยังมสี ่วนสำ� คญั 46

มากต่อการเริ่มต้นให้นมแม่ในประเทศเอเชียใต้ ซ่ึงอิทธิพลของครอบครัวและความเชื่อที่สืบทอดกันมายัง เป็นสงิ่ สำ� คัญในการด�ำรงชวี ิต (3) ในประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา พบว่า บทบาทของพ่อ มีความส�ำคัญต่อการเริ่มต้นให้ นมแม่ โดยบางการศกึ ษา พบวา่ พอ่ จะรสู้ กึ มบี ทบาทนอ้ ยในการดแู ลลกู หากทารกไดน้ มแมเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว การศึกษาในชาวแอฟรกิ ันในอเมรกิ า พบว่า การใหค้ วามร้เู รื่องนมแมแ่ ก่พอ่ จะช่วยเพิม่ อัตราการใหน้ มแม่ ถงึ 20% และหากสอนใหพ้ อ่ ชว่ ยสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การใหน้ มแม่ อตั ราการการเรมิ่ ตน้ นมแมภ่ ายใน 1 ชว่ั โมง หลังคลอด และ ให้นมแม่อยา่ งเดยี วในหกเดือนแรกจะสูงกวา่ กลมุ่ ท่ีไมไ่ ด้รบั การสอน (4) นอกจากนี้ ยงั พบวา่ การใหน้ มดว้ ยขวด กลายเปน็ สง่ิ ปกตใิ นสหรฐั อเมรกิ า แมผ้ ทู้ อ่ี พยพมาจากประเทศอนื่ กย็ อมรบั การใหน้ มดว้ ยขวด ทงั้ น้ี เปน็ ผลมาจากการโฆษณาประชาสมั พนั ธข์ องบรษิ ทั ขายอาหารเสรมิ แทนนม ซงึ่ แผอ่ ทิ ธพิ ลไปทวั่ โลก จนองคก์ ารอนามยั โลก ตอ้ งออกหลกั เกณฑส์ ากลวา่ ดว้ ยการตลาดอาหารทดแทนนมแม่ (International Code of Marketing of Breast-mild Substitutes) โดยอาหารเสริมดังกล่าว ตอบโจทย์ ความเชอ่ื ผิดๆ ท่ีว่าเด็กอว้ นหรือตัวโต คือ เดก็ แข็งแรง ทำ� ใหแ้ มแ่ ละคนรอบข้างสง่ เสริมให้เดก็ กินอาหาร เสรมิ หรอื นมผสมแทนนมแม่ เชน่ เดยี วกบั ความเชอ่ื ทวี่ า่ อาหารเสรมิ พวกธญั พชื จะทำ� ใหเ้ ดก็ หลบั นานขน้ึ (4) ในประเทศรายไดต้ ่�ำและรายได้ปานกลาง พบวา่ อัตราการเร่มิ ใหน้ มแมค่ ่อนข้างสงู ความทา้ ทายอย่ทู ี่ อัตราการเร่มิ ใหภ้ ายใน 1 ชว่ั โมงหลังคลอด ส่วนในประเทศรายได้สูงการเร่ิมตน้ ให้นมแม่มคี วามแตกต่าง หลากหลาย และ พบมากในแม่ที่มีการศึกษาและฐานะดี (5) ปัจจยั ส่วนบุคคล (Individual factors) ขอ้ มลู จากการศกึ ษาในประเทศเอเชียใต้ พบวา่ คุณลกั ษณะของทารก ไดแ้ ก่ ล�ำดับการเกดิ เพศ มีผล ตอ่ การเรมิ่ ตน้ นมแม่ โดยลกู คนแรกและลกู ลำ� ดบั ทห่ี า้ เปน็ ตน้ ไป มกั ไดร้ บั นมแมช่ า้ นอกจากนที้ ารกเพศชาย ซ่ึงมักจะมีการจัดพิธีเฉลิมฉลองหลังคลอดตามความเชื่อ และทารกท่ีมีแม่อยู่ในวัยรุ่นมักได้รับนมแม่ล่าช้า เช่นเดยี วกนั (3) ปัจจยั ด้านสขุ ภาพ (Health related factors) สขุ ภาพแม่หลังคลอดและทารก มีผลโดยตรงต่อการเริ่มใหน้ มแม่ แม่ท่ไี ดร้ บั การผ่าตัดคลอดบตุ รหรอื ไม่ร้สู กึ ตัว อ่อนเพลยี มีภาวะแทรกซอ้ น เชน่ ความดนั โลหติ สงู ตกเลือดหลังคลอด มีข้อจ�ำกดั ในการเร่ิม ต้นให้นมแม่ เช่นเดียวกับทารกท่ีมีน�้ำหนักแรกคลอดน้อย คลอดก่อนก�ำหนด มีความพิการ หรือขาด ออกซิเจน เนื่องจากแม่และทารกดังกล่าว จ�ำเปน็ ตอ้ งได้รบั การดแู ลรักษาตามภาวะแทรกซ้อน (3,4) แนวทางในการแก้ปัญหา จากการทบทวนวรรณกรรม พบวา่ การศึกษาเกี่ยวกับมาตรการในการเริม่ ให้นมแมภ่ ายใน 1 ชั่วโมง หลงั คลอดสว่ นใหญม่ คี ณุ ภาพทยี่ งั ไมด่ พี อ และไมส่ ามารถสรปุ ผลไดช้ ดั เจนเนอ่ื งจากมคี วามหลากหลายของ มาตรการ และจำ� นวนผเู้ ขา้ ร่วมวิจยั ไมม่ ากพอ การศึกษาเรอื่ งนีใ้ นประเทศรายได้ต�่ำและรายได้ปานกลางยัง มีความจ�ำเป็น (5) อย่างไรกต็ ามผลการศกึ ษาดงั กลา่ วพอสรปุ ได้ ดังนี้ 1. การให้ข้อมูลความรู้และการช่วยเหลือสนับสนุนแก่แม่หลังคลอด เรื่องการให้นมแม่โดยแพทย์ พยาบาล หรือ บุคลากรนอกวงการสาธารณสุขท่ีได้รับการฝึกฝนและมีประสบการณ์เรื่องนมแม่ช่วยเพิ่ม อตั ราการให้นมแม่ภายใน 1 ชัว่ โมงหลังคลอดในหลายประเทศ การศึกษาพบว่าการคลอดในสถานพยาบาลและการได้รับการส่งเสริมเรื่องการให้นมแม่จากบุคลากร ทางการแพทย์ เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ในการเรม่ิ ตน้ การใหน้ มแมข่ องแมห่ ลงั คลอด จงึ จำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ ทผ่ี ใู้ หบ้ รกิ าร ทางการแพทย์ ตอ้ งมีความตระหนกั ถึงความสำ� คญั ของการเริ่มต้นใหน้ มแมอ่ ย่างรวดเรว็ และต้องมีความรู้ ในเร่ืองเทคนิคในการใหน้ มแม่ การประชุมวชิ าการนมแม่แหง่ ชาติ ครง้ั ท่ี 6 47

แม่หลังคลอดทปี่ ระสบปัญหาการให้นม หวั นมแตก เจบ็ คดั ตึงเตา้ นม น�ำ้ นมออกน้อย ไมเ่ พยี งพอกบั ความตอ้ งการของทารก จะเกดิ ภาวะเครยี ดและหนั ไปใชน้ มผสมหรอื อาหารเสรมิ หากไมไ่ ดร้ บั การชว่ ยเหลอื แนะน�ำอย่างเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญ การให้ความรู้เร่ืองการเล้ียงลูกด้วยนมแม่เป็นกลุ่มเล็กในช่วงฝาก ครรภ์ยังช่วยเพ่ิมอัตราการเร่ิมนมแม่หลังคลอดในกลุ่มชาติพันธ์ุที่หลากหลายรวมท้ังกลุ่มผิวสีต่างๆ เช่น เดียวกบั การใหข้ ้อมลู แบบหนงึ่ ตอ่ หนึง่ สำ� หรบั แม่ในประเทศรายได้ต่ำ� โดยการให้ความรดู้ ังกลา่ วตอ้ งข้นึ กบั ความต้องการของผรู้ ับบริการและให้ซำ�้ ๆ อยา่ งไม่เปน็ ทางการมากนัก (4) การขาดกำ� ลงั คนของผใู้ ห้บรกิ าร การท่ีผู้ให้บริการต้องท�ำหลายหน้าท่ีในเวลาเดียวกันยังเป็นอุปสรรคส�ำคัญในการส่งเสริมการเร่ิมต้นนมแม่ อย่างรวดเร็ว (6) นอกจากนี้การปฏิบัติท่ีไม่เหมาะสมของผู้ให้บริการทางการแพทย์ยังเป็นอุปสรรคต่อการ เรม่ิ นมแม่ เช่น การแยกแมล่ กู หลงั คลอด การแจกตัวอยา่ งนมผงหรืออาหารเสรมิ แก่แมห่ ลังคลอด การผา่ คลอดโดยไม่มขี ้อบ่งชี้ (4) ในแต่ละสถานบริการจงึ ควรมมี าตรการทีเ่ หมาะสมในการจดั การปัจจยั เหล่านี้ ในหลายประเทศ หมอตำ� แย หรือ หมอพืน้ บ้านรวมทัง้ คนในครอบครวั เชน่ แมข่ องผ้คู ลอด แมส่ ามี มีอิทธิพลต่อการเลี้ยงดูทารก ความเช่ือท่ีไม่ถูกต้องจากคนรอบข้าง รวมท้ังผู้น�ำทางจิตวิญญาณในสังคม ล้วนมีผลต่อเวลาในการเริ่มต้นให้นมแม่ เช่น ในเอเชียใต้มีความเช่ือในการให้รับประทานอาหารมื้อพิเศษ กอ่ นนมแม่ รวมทง้ั ความเชอ่ื เรอ่ื งการทง้ิ นำ�้ นมเหลอื ง (Colostrum) ตลอดจนพธิ กี รรมตา่ งๆ ทตี่ อ้ งทำ� กอ่ น ให้นมแม่ (3) มาตรการในการแก้ปัญหาการเร่ิมต้นให้นมแม่ล่าช้าจึงควรดึงคนเหล่านี้รวมท้ังชุมชนเข้ามามี สว่ นร่วม (7) 2. การให้ข้อมูลผ่านมัลติมีเดีย การใช้ส่ือท่ีเหมาะสม รวมท้ังโซเชียลมีเดียในการให้ความรู้ และ รณรงค์เรื่องการใหน้ มแม่ พบวา่ มสี ว่ นในการสนบั สนนุ การใหน้ มแมภ่ ายใน 1 ชวั่ โมงหลงั คลอด อยา่ งไรกต็ ามในประเทศทมี่ ขี อ้ จำ� กดั ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เช่น ประเทศยากจนหรือแม่ท่ีมีฐานะยากจนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลจากวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ มาตรการเร่ืองนมแม่ในระดับชุมชนเป็นอีกทางเลือกหน่ึงในการจัดการปัญหาน้ี (5) ในทางกลับกันการออกกฎหมายป้องกันการโฆษณาชวนเช่ือจากผู้ขายอาหารเสริมแทนนมแม่อาจเป็น มาตรการทจ่ี ำ� เปน็ เพ่ือไม่ให้ประชาชนมคี วามเข้าใจทค่ี ลาดเคลือ่ น (4) 48

เอกสารอา้ งอิง 1. Khan J, Vesel L, Bahl R, Martines JC. Timing of breastfeeding initiation and exclu- sivity of breastfeeding during the first month of life: Effects on neonatal mortality and mor- bidity—a systematic review and meta-analysis. Matern Child Nutr. 2015; 19:3. 2. Oakley L, Benova L, Macleod D, Lynch CA, Campbell OMR. Early breastfeeding prac- tices: Descriptive analysis of recent Demographic and Health Surveys. Matern Child Nutr. 2017 Oct 16. [Epub ahead of print] 3. Sharma IK, Byrne A. Early initiation of breastfeeding: a systematic literature review of factors and barriers in South Asia. Int Breastfeed J. 2016 Jun 18;11:17. 4. The Surgeon General’s Call to Action to Support Breastfeeding. Editors Office of the Surgeon General (US); Centers for Disease Control and Prevention (US); Office on Women’s Health (US). Source Rockville (MD): Office of the Surgeon General (US); 2011. 5. Balogun OO, O’Sullivan EJ, McFadden A, Ota E, Gavine A, Garner CD, Renfrew MJ, MacGillivray S. Interventions for promoting the initiation of breastfeeding. Cochrane Database of Systematic Reviews 2016, Issue 11. Art. No.: CD001688. DOI: 10.1002/14651858. CD001688.pub3. 6. Majra JP, Silan VK. Barriers to Early Initiation and Continuation of Breastfeeding in a Tertiary care Institute of Haryana: A Qualitative Study in Nursing Care Providers. J Clin Diagn Res. 2016 Sep; 10(9): LC16–LC20. Published online 2016 Sep 1. 7. Tawiah-Agyemang C, Kirkwood BR, Edmond K, Bazzano A, Hill Z. Early initiation of breast-feeding in Ghana: barriers and facilitators. J Perinatol. 2008 Dec;28 Suppl 2:S46-52. การประชุมวชิ าการนมแมแ่ หง่ ชาติ ครั้งที่ 6 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook