Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

20

Published by pramahabancha, 2018-07-04 00:05:17

Description: 20

Search

Read the Text Version

คาสัง่ มหาเถรสมาคม เร่ือง หา้ มภิกษุสามเณรเสพยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๑ ---------------------------- อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕มหาเถรสมาคมออกคาส่ังมหาเถรสมาคม ไวด้ ังต่อไปนี้ ข้อ ๑ คาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ เรียกวา “คาส่ังมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรเสพยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๑” ข้อ ๒ คาสั่งมหาเถรสมาคมน้ี ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกคาสั่งหรือประกาศคณะสงฆ์อันเกี่ยวกับการห้ามภิกษุสามเณรเสพยาเสพติดให้โทษซ่ึงกาหนดไวแ้ ล้วในคาสัง่ มหาเถรสมาคมน้ี หรอื ซึง่ ขดั หรือแยง้ กบั คาสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ข้อ ๔ ห้ามภิกษุสามเณรฉันยาที่มีคติเหมือนสุราเมรัย และยาเสพติดให้โทษอื่นใดทม่ี ีคติอย่างเดยี วกนั ข้อ ๕ ห้ามภิกษุสามเณร เสพหรือฉีดยาเสพติดให้โทษทุกชนิดเข้าสู่ร่างกาย ยกเว้นกรณีทปี่ ฏิบัติตามคาสั่งแพทย์เพื่อรักษาโรค ขอ้ ๖ ภกิ ษสุ ามเณรรปู ใดฝ่าฝืนคาสง่ั มหาเถรสมาคมนี้ (๑) ถา้ มไิ ดเ้ ปน็ พระสงั ฆาธิการ (ก) ให้เจ้าอาวาสเจ้าสังกัดส่ังภิกษุสามเณรรูปน้ันให้เลิกการกระทาเช่นนั้นเสียหากสั่งแล้วยังฝ่าฝืนอีก ให้จัดการให้ภิกษุสามเณรรูปนั้นออกไปเสียจากวัดและบันทึกเหตุท่ีให้ออกไปนั้นในหนงั สือสุทธิ แลว้ รายงานตามลาดบั ชน้ั จนถึงเจา้ คณะจงั หวดั เจา้ สังกดั ทราบ (ข) ถ้าภิกษุสามเณรผู้กระทาความผิดน้ันอยู่ในท้องท่ีอ่ืนในจังหวัดเดียวกันให้เจ้าคณะท้องที่นั้นแจ้งแก่เจ้าอาวาสผ่านเจ้าคณะจังหวัดเจ้าสังกัดแต่ถ้ามีสังกัดอยู่ต่างจังหวัดให้แจง้ แกเ่ จ้าอาวาส ผา่ นเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัด เพือ่ ดาเนนิ การตามความใน (ก) ๑๔๕ คู่มือพระสังฆาธกิ าร

(๒) ถ้าเป็นพระสังฆาธิการ ให้เจ้าคณะเจ้าสังกัดพิจารณาลงโทษฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการตามควรแก่กรณี แต่ถ้าพระสังฆาธิการได้กระทาความผิดในเขตจังหวัดที่ตนมิได้สังกัดอยู่ ให้เจ้าคณะในเขตที่ความผิดนั้นเกิดขึ้น แจ้งแก่เจ้าคณะเจ้าสังกัดของผู้กระทาความผิดเพอ่ื ดาเนินการดงั กลา่ วแล้วโดยแยกการแจง้ ดังน้ี (ก) ในกรุงเทพมหานคร ให้แจง้ แก่เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร (ข) ในจังหวดั อืน่ ให้แจง้ แกเ่ จ้าคณะจังหวัดผา่ นเจ้าคณะภาค สั่ง ณ วันที่ ๒๒ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๑ (สมเดจ็ พระอริยวงศาคตญาณ) สมเดจ็ พระสังฆราช ประธานกรรมการมหาเถรสมาคมหมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้คาส่ังมหาเถรสมาคมฉบับน้ีคือ ด้วยการดื่มสุราเมรัยหรือการเสพ หรือฉีดยาเสพติดให้โทษเข้าสู่ร่างกาย เป็นการไม่ชอบด้วยพระวินัยและสมณวิสัย เป็นที่ตาหนิติเตียนของผู้ที่ได้พบเห็นนาความเสื่อมเสียมาสู่วงการปกครองคณะสงฆ์ และพุทธศาสนา และเคยมีระเบียบกรมการศาสนา ลงวันที่ ๑กรกฎาคม ๒๔๖๗ เร่ือง ห้ามมิให้ภิกษุสามเณรฉันยาที่มีคติเหมือนสุราเมรัยอยู่เดิมแล้วแต่ไม่ครอบคลุมถึงยาเสพตดิ ให้โทษที่เกิดข้นึ ภายหลัง จึงเห็นสมควรออกคาส่งั มหาเถรสมาคมน้ี ๑๔๖ คมู่ ือพระสงั ฆาธิการ

คาสั่งมหาเถรสมาคม เรอื่ ง ห้ามภิกษุสามเณรเทีย่ วเตรด็ เตรแ่ ละพกั คา้ งแรมตามบ้านเรือน พ.ศ. ๒๕๒๑ ---------------------------- อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕มหาเถรสมาคมออกคาส่ังมหาเถรสมาคมไว้ ดังตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ คาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า “คาส่ังมหาเถรสมาคม เร่ือง ห้ามภิกษุ สามเณรเทย่ี วเตร็ดเตร่และพักคา้ งแรมตามบ้านเรือน พ.ศ. ๒๕๒๑” ข้อ ๒ คาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆเ์ ป็นตน้ ไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกคาส่ังหรือประกาศคณะสงฆ์อันเกี่ยวกับการห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่และพักค้างแรมตามบ้านเรือน ซึ่งได้กาหนดไว้แล้วในคาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับคาส่ังมหาเถรสมาคมน้ี ขอ้ ๔ ห้ามภิกษสุ ามเณรเทย่ี วเตรด็ เตร่ไปในท่ตี ่างๆ โดยไม่มที ่ีอยูเ่ ป็นหลักแหลง่ ขอ้ ๕ หา้ มภกิ ษุสามเณรพกั ค้างแรมตามบ้านเรอื นตดิ ต่อกันเกนิ สมควรโดยไมจ่ าเป็น ข้อ ๖ ภกิ ษุสามเณรรูปใดฝ่าฝืนคาส่งั มหาเถรสมาคมนี้ (๑) ในกรณีท่ีภิกษุสามเณรรูปนั้นมีหนังสือสุทธิโดยถูกต้อง ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะเจ้าของท้องที่แล้วแต่กรณี แนะนาภิกษุสามเณรรูปน้ันให้กลับสานักเดิม พร้อมกับรายงานเจ้าอาวาสเจ้าสังกัดทราบ โดยผ่านเจา้ คณะภาคเจ้าสังกัดของภกิ ษุสามเณร รูปนั้น (๒) ในกรณีท่ีภิกษุสามเณรรูปน้ันเม่ือสอบสวนแล้ว ปรากฏว่ามีหนังสือสุทธิปลอมให้เจา้ อาวาสหรอื เจา้ คณะเจ้าของท้องที่ดาเนินการให้ภิกษุสามเณรรูปนั้นสละสมณเพศแล้วมอบตัวให้ฝา่ ยบา้ นเมืองดาเนินการตามกฎหมาย พรอ้ มกบั รายงานเจา้ คณะตามลาดบั จนถงึ มหาเถรสมาคม ๑๔๗ คู่มือพระสังฆาธกิ าร

ข้อ ๗ พระสังฆาธิการรูปใดฝ่าฝืนคาสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ให้ถือว่าละเมิดจริยาพระสังฆาธกิ ารอยา่ งรา้ ยแรง ส่ัง ณ วันท่ี ๒๒ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๑ (สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ) สมเด็จพระสงั ฆราช ประธานกรรมการมหาเถรสมาคมหมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้คาสั่งมหาเถรสมาคมฉบับนี้ คือ โดยปกติภิกษุสามเณรต้องมีสังกัดอยู่ในวัดใดวัดหน่ึง กับท้ังมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แต่ปรากฏว่ามีภิกษุสามเณรบางรูปเท่ียวเตร็ดเตร่ไปในท่ีต่างๆและพักค้างแรมตามบ้านเรือนติดต่อกันโดยไม่จาเป็น การประพฤติเช่นนี้ไม่เหมาะกับสมณวิสัย เป็นที่ตาหนิติเตียนของประชาชนทั่วไป ประกอบกับเร่ืองน้ีได้มีพระมหาสมณาณัติ ลงวันท่ี ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๕๗กาหนดวิธีดาเนินการต่อภิกษุสามเณรท่ีประพฤติดังกล่าวอยู่แล้ว แล้วยังกระจัดกระจาย และไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบันทาให้ไม่สะดวกแก่การนามาใช้ในการบริหารการคณะสงฆ์จึงสมควรประมวลและปรับปรุงออกเปน็ คาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ ๑๔๘ คมู่ ือพระสังฆาธกิ าร

บนั ทกึ หลกั การและเหตผุ ล ประกอบคาส่งั มหาเถรสมาคม เร่ือง ใหภ้ กิ ษุสามเณรเรยี นพระธรรมวินัย พ.ศ. ๒๕๒๘ ---------------------------- หลักการ ออกคาส่งั มหาเถรสมาคมเร่ือง ใหภ้ กิ ษสุ ามเณรเรียนพระธรรมวนิ ัย เหตุผล เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๘๑ มหาเถรสมาคมในยคุ นน้ั ได้ประกาศใหภ้ ิกษสุ ามเณรเรียน พระธรรมวินัยมหี ลักฐานปรากฏอยูใ่ นหนงั สือแถลงการณค์ ณะสงฆ์ เลม่ ๒๖ ความวา่ “มหาเถรสมาคมประชุมหารือว่าการศึกษาพระธรรมวินัยเวลาน้ีเจริญแพร่หลายมากขึ้น แต่ภิกษุสามเณรที่ยังมิได้ศึกษาก็มีอยู่เป็นจานวนมากเพราะไม่มีระเบียบกวดขันปล่อยให้เป็นไปตามใจสมัครเห็นว่าควรจะวางระเบียบกวดขันให้ศกึ ษาทว่ั ถึงกัน จึงให้ประกาศว่า ภิกษุมีพรรษายังไม่ถึง ๕ และสามเณรรูปใดที่ยังไม่มีวิทยฐานะเป็นนักธรรมช้ันใดชั้นหน่ึง ให้เจ้าอาวาสกวดขันให้เรียนธรรมวินัยทุกรูปถ้าภิกษุสามเณรรูปใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติ มีความผิดฐานฝ่าฝืนโอวาทของเจ้าอาวาส ถ้าและเจ้าอาวาสรูปใดไม่กวดขันภิกษุสามเณรในอาวาสของตน มคี วามผิดฐานละเลยตอ่ หนา้ ท่ี” ตามประกาศฉบับดังกล่าวข้างต้น จะพึงเห็นได้อย่างแจ้งชัดว่า ท่านผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการปกครองคณะสงฆ์ระดับสูงสุด เห็นเป็นความจาเป็นอย่างย่ิงในกรณีที่จะต้องให้ภิกษุสามเณรเล่าเรียนพระธรรมวินัย เพราะเป็นหน้าท่ีโดยตรงของภิกษุสามเณร และเพราะการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยของภิกษุสามเณรเป็นพลวปัจจัยที่จะก่อให้เกิดความเจริญ รุ่งเรืองและความมั่นคงแห่งพุทธจักรซึ่งประกอบด้วยพระศาสนา สังฆมณฑล และวัดวาอาราม เป็นตัวสืบต่ออายุพุทธจักรให้ย่งั ยนื ตอ่ ไป ๑๔๙ ค่มู อื พระสงั ฆาธกิ าร

อนั พุทธสาวกกลา่ วโดยเฉพาะภิกษุสามเณรน้ัน ต้องนับว่าเป็นศาสนทายาทท่ีมีความสาคัญต่อพระศาสนาฝา่ ยหน่ึง ความสานึกในคณุ คา่ ของความเป็นศาสนทายาทก็ดี ความสานึกในเกียรติภูมิของศาสนทายาทก็ดี ยังคงมีอยู่ในตัวท่านไม่สูญหายไปไหน แต่ต้องอับเฉาลงไปบ้างในการเล่าเรียนศึกษาพระธรรมวินัย หรือในการเข้ารับการอบรมพระธรรมวินัย จะเหมากล่าวเอาว่าเพราะท่านขาดความสานึกดังกล่าวแล้ว เห็นจะยังไม่ได้ เพราะข้อขัดข้องในการท่ีจะศึกษาเล่าเรียน หรือข้อขัดข้องในการท่ีจะเข้ารับการอบรม มิใช่จะมีเพียงประการเดียว มีอยู่หลายอย่างหลายประการด้วยกันซ่ึงจะไม่นามากล่าวในที่น้ี เพราะเช่ือว่ารู้ๆ กันอยู่ในหมู่เจ้าอาวาส และเจ้าคณะข้อขัดข้องต่างๆ ดังกล่าวน้ัน เป็นสิ่งท่ีพอจะแก้ไขได้ มิใช่เหลือวิสัยท่ีจะแก้ไขแต่ต้องร่วมมือร่วมช่วยกันแก้ในระหวา่ งเจา้ อาวาส และเจา้ คณะ ตลอดลงไปถงึ ภิกษุสามเณร อีกประการหน่ึง การทดสอบความรู้ในส่ิงท่ีได้ศึกษาเล่าเรียนมา หรือในส่ิงท่ีได้รับการอบรมมาในปัจจุบนั นเี้ ป็นส่งิ มีความจาเป็น ดงั นนั้ ในคาสงั่ น้ีจึงกาหนดใหม้ กี ารทดสอบความรู้ไว้อีกโสตหนึ่งเพื่อความเหมาะสมกับภาวการณข์ องยุค ๑๕๐ คู่มือพระสังฆาธกิ าร

คาสง่ั มหาเถรสมาคม๕๒ เรอ่ื ง ใหภ้ กิ ษุสามเณรเรียนพระธรรมวินัย พ.ศ. ๒๕๒๘ ---------------------------- อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕มหาเถรสมาคมออกคาสัง่ มหาเถรสมาคมไว้ ดงั ต่อไปน้ี ข้อ ๑ คาส่ังมหาเถรสมาคม เรียกว่า “คาส่ังมหาเถรสมาคมเร่ือง ให้ภิกษุสามเณรเรยี นพระธรรมวินยั พ.ศ. ๒๕๒๘” ข้อ ๒ คาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศให้ภิกษุสามเณรเรียนพระธรรมวินัย ลงวันท่ี ๓๐ พฤศจิกายนพุทธศักราช ๒๔๘๑ ข้อ ๔ พระภิกษุมีพรรษายังไม่ถึง ๕ และสามเณรรูปใดที่ยังมีวิทยฐานะเป็นนักธรรมชั้นใดชั้นหน่ึง ให้เจ้าอาวาสกวดขันให้เรียนพระธรรมวินัย หรือเข้ารับการอบรมพระธรรมวินัยทุกรูปถ้าภิกษุสามเณรรูปใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ช่ือว่าไม่ต้ังอยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส หรือประพฤติ ผิดคาสัง่ เจา้ อาวาส มีความผิดตามมาตรา ๓๘ แหง่ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ อน่ึง ถ้าและเจ้าอาวาสรูปใดไม่กวดขันภิกษุสามเณรในวัดของตน ย่อมมีความผิดฐานละเลยต่อหนา้ ท่ี ข้อ ๕ ให้เป็นหน้าท่ีของเจ้าอาวาสและเจ้าคณะเจ้าสังกัดทุกระดับจนถึงระดับจังหวัดร่วมกันจัดการโดยความอานวยการของเจ้าคณะภาคเจ้าคณะสังกัด จัดให้มีการเล่าเรี ยนหรือการอบรมพระธรรมวนิ ยั ในเขตตาบลทางปกครองคณะสงฆน์ ้ัน ๆ ในรูปแบบ ดังนี้๕๒ ประกาศในแถลงการณค์ ณะสงฆ์ เลม่ ๗๓ ตอนท่ี ๕ วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๒๘ ๑๕๑ ค่มู ือพระสงั ฆาธกิ าร

ก. วัดใดในเขตตาบลนั้น พอจะจดั ตง้ั โรงเรียนนักธรรมได้ ก็ให้จัดต้ังข้ึน และให้ภิกษุสามเณรในวัดอ่นื มารวมเรียนด้วย ข. ถ้าภิกษุสามเณรในเขตตาบลนั้นไม่สามารถจะร่วมเรียนได้ เพราะมีเหตุขัดข้องหลายประการก็ดี วัดแต่ละวัดในเขตตาบลนั้น ไม่อาจต้ังโรงเรียนนักธรรมได้ก็ดี ต้องจัดให้มีการอบรมพระธรรมวนิ ัย อนโุ ลมตามหลกั สูตรนักธรรมชั้นตรี ข้อ ๖ การอบรมพระธรรมวินัยตามท่ีกล่าวไว้ในข้อ ๕ ข. ใหด้ าเนนิ การดังน้ี ก. วัดใดอันท่านเจ้าอาวาสให้ความรับรองว่าจะให้มีการอบรมพระธรรมวินัยให้แก่ภิกษุสามเณรในเขตเข้าพรรษา โดยเจ้าอาวาสจะเป็นผู้อบรมเอง หรือจะมอบหมายให้พระภิกษุรูปอ่ืนอบรมแทน ให้ถือว่าวัดนั้นมีการอบรมพระธรรมวินัยแล้ว หากภิกษุสามเณรในวัดอื่นจะมารว่ มรับการอบรมดว้ ยก็ได้ โดยความเห็นชอบของเจา้ อาวาสวัดนั้น ข. ในเขตตาบลทางปกครองคณะสงฆ์ใด ไม่อาจตั้งโรงเรียนนักธรรม หรือจัดให้มีการอบรมเฉพาะวัดได้ ให้เจ้าอาวาสวัดในเขตตาบลน้ัน พร้อมด้วยเจ้าคณะเจ้าสังกัดถึงระดับจังหวัด จัดให้มีการอบรมพระธรรมวินัยเฉพาะกิจขึ้นในเขตเข้าพรรษา โดยจัดรวมภิกษุสามเณรในวัดนั้น ๆ ให้เข้ารับการอบรมร่วมกัน ณ วัดใดวัดหน่ึงที่เห็นสมควร และต้องมีจานวนรวมกันแล้วไม่ต่ากว่า ๑๕ รูป ในการอบรมนั้น ให้อบรมในวันโกน วันพระหรือวันธรรมสวนะเว้นวันปาฏิโมกข์วันละ ๓ ชั่วโมง ให้เจ้าอาวาส เจ้าคณะตาบล และเจ้าคณะอาเภอ ร่วมกันจัดให้มีผู้ให้การอบรมพระธรรมวินัยอนุโลมตามหลักสตู รนกั ธรรมชั้นตรี ข้อ ๗ การอบรมพระธรรมวินัยตามข้อ ๖ ข. ทางคณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคมสมาคมจะให้ความอุปถัมภ์แก่ผู้ให้การอบรม คิดเป็นรายวันที่มีการอบรมเป็นกัปปิยภัณฑ์มูลค่าวันละ ๖๐ บาท ข้อ ๘ ให้มีการทดสอบความรู้ในแบบตอบปัญหาท่ีเคยเรียกกันว่า สอบนวกะ อนุโลมตามหลักการสอบไล่นักธรรมสนามหลวง จะจัดให้มีการรวมท่ีจังหวัดแห่งเดียว หรือจะจัดแบ่งแต่ละอาเภอ แต่ละตาบล ให้เจ้าอาวาสเจ้าคณะผู้รับผิดชอบในเร่ืองน้ีจะตกลงกัน แต่ถ้าจะแบ่งสอบแต่ละแหง่ ตอ้ งมผี สู้ มัครเขา้ สอบไมน่ ้อยกว่า ๒๐ รปู สาหรับในเขตกรุงเทพมหานคร จะแบ่งสอบแต่ละสานักเรียน ก็ย่อมกระทาได้ โดยไม่กาหนดจานวนผสู้ มคั รสอบ ขอ้ ๙ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ส่วนภูมิภาค ให้เป็นหน้าท่ีของเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดเป็นผู้ออกข้อสอบ ส่วนการตรวจใบตอบของนักเรียน เจ้าคณะจังหวัดและเจ้าคณะอาเภอเจ้าสังกัดร่วมกันจัดการตรวจ อนโุ ลมตามแบบตรวจนักธรรมสนามหลวง ๑๕๒ คมู่ อื พระสังฆาธิการ

สาหรับในเขตกรุงเทพมหานคร การออกข้อสอบก็ดี การตรวจใบตอบของนักเรียนก็ดีเจา้ คณะกรงุ เทพมหานคร หรือเจ้าสานกั เรยี นนน้ั ๆ จะเป็นผ้ดู าเนนิ การสดุ แต่จะตกลงกัน ข้อ ๑๐ ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะจังหวัดเจ้าสังกัด ที่จะออกวุฒิบัตรให้แก่ภิกษุสามเณรผู้เข้าสอบไล่ได้ตามคาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ ส่วนในเขตกรุงเทพมหานคร จะเป็นหน้าท่ีของเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร หรือเจ้าสานักเรยี นน้นั ๆ สุดแต่จะตกลงกนั ข้อ ๑๑ ให้เจ้าอาวาสและเจ้าคณะทุกระดับ จะพึงร่วมกันปฏิบัติภารกิจอันเป็นหน้าท่ีตามท่ีกาหนดไว้ในคาสั่งมหาเถรสมาคมน้ี ให้สาเร็จไปด้วยดี หากมีปัญหาเกิดขึ้นในการที่จะปฏิบัติตามคาสั่งมหาเถรสมาคมน้ีให้เจ้าคณะภาคเจ้าสังกัด หรือเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เสนอเรื่องไปยังมหาเถรสมาคมผ่านสานกั เลขาธกิ ารมหาเถรสมาคม สง่ั ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ (สมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์) ผ้ปู ฏบิ ัติหน้าทส่ี มเดจ็ พระสังฆราช ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ๑๕๓ ค่มู ือพระสงั ฆาธกิ าร

คาสง่ั มหาเถรสมาคม เรอ่ื ง หา้ มพระภิกษุสามเณรเกย่ี วขอ้ งกับการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๓๘๕๓ ---------------------------- อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ. ๒๕๐๕แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมจึงออกคาสั่งไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ข้อ ๑ คาส่ังมหาเถรสมาคมน้ีเรียกว่า “คาสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรเก่ยี วขอ้ งกับการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๘” ข้อ ๒ คาสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆเ์ ปน็ ตน้ ไป ข้อ ๓ ตั้งแต่วันใช้คาสั่งมหาเถรสมาคมน้ี ให้ยกเลิกคาส่ังมหาเถรสมาคมเร่ืองหา้ มพระสงฆเ์ กยี่ วขอ้ งกบั การเมือง พ.ศ. ๒๕๑๗ ข้อ ๔ ห้ามพระภิกษุสามเณรเข้าไปในที่ชุมนุม หรือในบริเวณสภาเทศบาล หรือสภาการเมอื งอ่นื ใด หรอื ในท่ีชมุ นุมทางการเมือง ไมว่ า่ กรณีใด ๆ ข้อ ๕ ห้ามพระภิกษุสามเณรทาการใด ๆ อันเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่การหาเสียง เพื่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสภาเทศบาล หรือสภาการเมืองอื่นใด แกบ่ คุ คลหรือคณะบุคคลใดๆ ข้อ ๖ หา้ มพระภกิ ษุสามเณรร่วมชุมนุมในการเรยี กร้องสทิ ธิของบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ ข้อ ๗ ห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมอภิปราย หรือบรรยายเร่ืองเก่ียวกับการเมืองซึง่ จดั ต้ังขนึ้ ท้ังในวัดและนอกวัด ข้อ ๘ ให้พระสังฆาธิการต้ังแต่ชั้นเจ้าอาวาสข้ึนไป ผู้มีอานาจหน้าท่ีในทางปกครองชี้แจงแนะนาผู้อยู่ในปกครองของตนให้ทราบคาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ และกวดขันอย่าให้มีการฝ่าฝืนละเมดิ๕๓ ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เลม่ ๘๓ ตอนท่ี ๑ วนั ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๓๘ ๑๕๔ คู่มอื พระสังฆาธิการ

ข้อ ๙ พระภิกษุสามเณรรูปใดฝ่าฝืนละเมิดคาสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ให้พระสังฆาธิการผูป้ กครองใกลช้ ดิ ดาเนินการตามอานาจหน้าทีข่ องตน ถ้าความผิดเกิดข้ึนนอกเขตสังกัด ให้เจ้าคณะเจ้าของเขตท่ีความผิดเกิดขึ้น ว่ากล่าวตักเตอื นแลว้ แจ้งให้พระสังฆาธกิ ารผปู้ กครองใกลช้ ดิ ดาเนินการ ข้อ ๑๐ ให้พระสังฆาธิการผู้มีอานาจหน้าท่ีในทางปกครองทุกช้ันปฏิบัติการให้เป็นไปตามคาสั่งมหาเถรสมาคมนีโ้ ดยเครง่ ครัด ส่งั ณ วนั ท่ี ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘ (สมเด็จพระญาณสงั วร) สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคมหมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้คาส่ังมหาเถรสมาคมฉบับนี้ คือ โดยท่ีพระภิกษุได้นามว่า สมณะ แปลว่าผู้สงบ ได้นามว่า บรรพชิต แปลว่าผู้เว้นกิจกรรมอันเศร้าหมองมีโทษสมควรเป็นผู้สังวรระวังการกระทาของตนให้เป็นไป แต่ในทางสงบปราศจากโทษท้ังแก่ตนทั้งแก่หมู่คณะ ด้วยเหตุน้ี พระบรมศาสดาจึงทรงบัญญัติสิกขาบทหา้ มพระภิกษุสงฆ์มิให้ประพฤตินอกทางของสมณะบรรพชิต ทรงปรับโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนและละเมิดในการที่บ้านเมืองมกี ารเลอื กตงั้ ผู้แทนราษฎรเข้าเป็นสมาชกิ แห่งสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นธุรกิจฝ่ายบ้านเมือง เป็นหน้าท่ีของฆราวาสผู้มีสิทธิตามกฎหมายโดยเฉพาะ ไม่ใช้หน้าท่ีของพระภิกษุสามเณรผู้อยู่นอกเหนือการเมือง ไม่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แม้ผู้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว หากบวชเป็นพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาก็ขาดจากสมาชิกภาพแห่งสภาผู้แทนราษฎร์ทันที ข้อนี้แสดงว่า ความเป็นพระภิกษุสามเณรไม่ควรแก่การเมืองโดยประการทั้งปวง การทพี่ ระภิกษุสามเณรเข้าไปเก่ียวข้องช่วยสนับสนุนการเลือกต้ังบุคคลใดๆเพ่ือเป็นสมาชิกแห่งสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาเทศบาลเป็นต้น ย่อมเป็นการประพฤติผิดวิสัยของสมณบรรพชิตนาความเส่ือมเสียมาสู่ตนเองและหมู่คณะตลอดถึงพระศาสนา เป็นท่ีติเตียนของสาธุชนทั้งในและนอกพระศาสนาเพราะสมณะบรรพชิตสมควรวางตนเป็นกลาง ทาจิตให้กว้างขวาง ด้วยเมตตาทั่วไปแก่ชนทั้งปวงผู้ทานุบารุงพระพุทธศาสนาโดยไม่เลือกหน้า ในตาแหน่งท่ีมีผู้แข่งขันช่วงชิงกันมากคน พระภิกษุสามเณรเข้าช่วยให้ผู้ ใดได้ยอ่ มเปน็ ท่ีพงึ พอใจของผนู้ น้ั แตผ่ ทู้ ีไ่ มไ่ ด้อีกเปน็ จานวนมากกบั พวกพ้องยอ่ มไมพ่ อใจ เสื่อมคลายความเคารพนับถือความเป็นอยู่ของพระสงฆ์และความดารงอยู่แห่งพระศาสนาข้ึนอยู่กับความเคารพนับถือของประชาชน พระภิกษุสามเณรจึงควรทาตนให้เป็นท่ีเคารพนับถือของประชาชนทั่วไป ไม่ควรทาตนให้เป็นพวกเป็นฝ่ายของผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งจะทาให้ชนท้ังหลายเห็นว่าไม่ตั้งอยู่ในธรรม เกิดความเบ่ือหน่ายคลายความนับถือและติเตียนต่าง ๆ ดังเคยมีตวั อยา่ งปรากฏมาแล้วมากราย เพอ่ื สงวนและเชิดชพู ระภิกษสุ งฆ์ใหต้ ั้งอยใู่ นฐานะอันนา่ เคารพนับถือ ไม่เป็นที่ดูหม่ินติเตียนของมหาชนและป้องกันความเส่ือเสียของคณะสงฆ์และพระศาสนาอันมีพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้ดารงรักษาไว้เช่นเดียวกับบูรพาจารย์ไดเ้ คยมีปฏิบตั ิมา จึงออกคาส่ังมหาเถรสมาคมไว้ เพอื่ ใหพ้ ระภกิ ษสุ ามเณรถอื ปฏิบตั ิตอ่ ไป ๑๕๕ คู่มอื พระสังฆาธกิ าร

บันทกึ หลักการและเหตุผล ประกอบคาสัง่ มหาเถรสมาคม เร่อื ง หา้ มพระภกิ ษสุ ามเณรเรยี นวิชาชพี หรือสอบแข่งขัน หรอื สอบคัดเลือกอยา่ งคฤหัสถ์ พ.ศ. ๒๕๓๘ ---------------------------- หลักการ ยกเลิกคาส่ังมหาเถรสมาคม เร่ือง ห้ามภิกษุสามเณรเรียนวิชาชีพหรือสอบแข่งขันหรือสอบคัดเลือกอย่างคฤหัสถ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ เพื่อปรับปรุงอานาจในการออกคาส่ังมหาเถรสมาคมให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ เหตผุ ล เน่ืองจากได้มีการยกเลิกมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงให้อานาจมหาเถรสมาคม ตรากฎมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ ออกคาส่ัง ออกประกาศมหาเถรสมาคม และมีบทบัญญัติกาหนดอานาจหน้าท่ีของมหาเถรสมาคมดังกล่าวใหม่ตาม มาตรา๑๕ ตรี แหง่ พระราชบญั ญัตคิ ณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ จงึ จาเปน็ ตอ้ งออกคาสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ๑๕๖ คมู่ อื พระสงั ฆาธกิ าร

คาสั่งมหาเถรสมาคม เรอื่ ง หา้ มพระภิกษุสามเณรเรียนวิชาชพี หรือสอบแขง่ ขัน หรอื สอบคดั เลือกอยา่ งคฤหัสถ์ พ.ศ. ๒๕๓๘ ------------------------------ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมจึงออกคาสง่ั ไว้ ดงั ต่อไปน้ี ข้อ ๑ คาสั่งมหาเถรสมาคมนี้เรียกว่า “คาส่ังมหาเถรสมาคม เร่ืองห้ามพระภิกษุสามเณรเรียนวิชาชีพ หรอื สอบแขง่ ขนั หรือสอบคดั เลอื กอย่างคฤหสั ถ์ พ.ศ. ๒๕๓๘” ข้อ ๒ คาสั่งมหาเถรสมาคมน้ี ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์เปน็ ต้นไป ข้อ ๓ ต้ังแตว่ ันใชค้ าส่งั มหาเถรสมาคมนี้ ใหย้ กเลิกคาส่งั มหาเถรสมาคมเรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรเรยี นวชิ าชีพ หรือสอบแขง่ ขัน หรือสอบคดั เลอื กอยา่ งคฤหัสถ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ ข้อ ๔ ห้ามภิกษุสามเณรเรียนวิชาชีพอย่างคฤหัสถ์ในโรงเรียน หรือสถานท่ีต่าง ๆปะปนกับคฤหัสถ์ชายหญิง เช่น พิมพ์ดีด ชวเลข คอมพิวเตอร์ การบัญชี ช่างวิทยุ-โทรทัศน์ช่างไฟฟา้ ช่างเครอ่ื งยนต์ และวชิ าชพี อยา่ งอื่น ท่ีนบั วา่ เป็นวิชาชีพอยา่ งคฤหสั ถ์ ข้อ ๕ ห้ามภิกษุสามเณรสอบแข่งขัน สอบคัดเลือก เพ่ือเข้ารับราชการหรือการอาชีพอย่างคฤหัสถ์ ข้อ ๖ ห้ามภิกษุสามเณรสอบแข่งขันเพ่ือรับทุนรัฐบาล ทุนต่างประเทศและทุนอื่น ๆซึง่ อย่ใู นลกั ษณะเดียวกัน ข้อ ๗ ภิกษสุ ามเณรรูปใดฝา่ ฝนื คาส่งั มหาเถรสมาคมน้ี (๑) ถ้ามไิ ดเ้ ปน็ พระสงั ฆาธิการ (ก) ให้เจ้าอาวาสเจ้าสังกัดตักเตือนภิกษุสามเณรรูปนั้นให้เลิกกระทาเช่นน้ันเสียหากตักเตือนแล้วยังฝ่าฝืนอีก ให้จัดการให้ภิกษุสามเณรรูปน้ันออกไปเสียจากวัด และให้บันทึกเหตใุ ห้ออกนั้นในหนงั สือสทุ ธิ แล้วรายงานตามลาดบั ชนั้ จนถึงเจ้าคณะจังหวดั เจา้ สงั กดั ทราบ ๑๕๗ คูม่ อื พระสังฆาธกิ าร

(๒) ถ้าเป็นพระสังฆาธิการ ให้เจ้าคณะเจ้าสังกัดพิจารณาลงโทษฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการตามควรแก่กรณีแต่ถ้าพระสังฆาธิการได้กระทาความผิดในเขตจังหวัดท่ีตนมิได้สังกัดอยู่ ให้เจ้าคณะในเขตที่ความผิดนั้นเกิดข้ึนแจ้งแก่เจ้าคณะ เจ้าสังกัดของผู้กระทาความผิดเพอื่ ดาเนนิ การดังกล่าวแลว้ โดยแยกการแจง้ ดงั น้ี (ก) ในกรุงเทพมหานครให้แจง้ แก่เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร (ข) ในจงั หวัดอน่ื ให้แจ้งเจา้ คณะจังหวัดผา่ นเจา้ คณะภาค ส่ัง ณ วนั ท่ี ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ (สมเด็จพระญาณสงั วร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคมหมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้คาส่ังมหาเถรสมาคม ห้ามภิกษุสามเณรเรียนวิชาชีพ หรือสอบแข่งขันหรือสอบคัดเลือกอย่างคฤหัสถ์ พ.ศ. ๒๕๓๘ เนื่องจากมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ให้อานาจมหาเถรสมาคมตรากฎหมายมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ หรือออกคาส่ังของมหาเถร-สมาคมได้ถูกยกเลิก และได้บัญญัติอานาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคมดังกล่าวขึ้นใหม่ เป็นมาตรา ๑๕ ตรีแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๐๕จงึ จาเป็นตอ้ งออกคาสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ๑๕๘ คมู่ อื พระสังฆาธิการ

คาสง่ั มหาเถรสมาคม เรือ่ ง การจดั ทาทะเบียนประวัติพระภกิ ษุสามเณร และศษิ ยว์ ัด พ.ศ. ๒๕๓๘๕๔ ---------------------------- อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมจึงออกคาส่ังไว้ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ ๑ คาสั่งมหาเถรสมาคมน้ี เรียกว่า “คาสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง การจัดทาทะเบียนประวัติพระภิกษสุ ามเณร และศิษยว์ ดั พ.ศ. ๒๕๓๘” ขอ้ ๒ คาสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เปน็ ต้นไป ข้อ ๓ ตั้งแต่วันใช้คาสั่งมหาเถรสมาคมน้ี ให้ยกเลิกคาสั่งมหาเถรสมาคม เร่ือง การจัดทาทะเบยี นประวตั ิพระภิกษสุ ามเณร และศษิ ย์วดั พ.ศ. ๒๕๒๓ ข้อ ๔ ให้เจ้าอาวาสวัดทุกวัด จัดทาทะเบียนประวัติพระภิกษุสามเณร และศิษย์วัดตามแบบท้ายคาส่ังน้ี โดยทาเป็น ๒ ชุด ชุดที่หน่ึงบันทึกลงในเล่ม แล้วเก็บรักษาไว้ที่วัดชุดท่ีสองบันทึกลงเป็นแผ่น ๆ ละรูป หรือคนละหน่ึงชุดข้อความตรงกับท่ีบันทึกลงในเล่มเมื่อจัดทาแล้วรวบรวมส่งกรมการศาสนาภายในวนั แรม ๑๕ ค่า เดอื น ๑๒ สาหรับในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทาเฉพาะพระภิกษุสามเณร และศิษย์วัดท่ีมาอยู่ใหม่แล้วแจ้งใหก้ รมการศาสนาทราบ๕๔ ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เลม่ ๘๓ ตอนที่ ๑ : วนั ท่ี ๒๕ มกราคม ๒๕๓๘ ๑๕๙ คู่มือพระสังฆาธิการ

ข้อ ๕ ในการท่ีพ้นจากสังกัดวัด หรือเปล่ียนแปลงภาวะ ให้เจ้าอาวาสหมายเหตุในทะเบียนประวัติ แลว้ แจ้งให้กรมการศาสนาทราบ สง่ั ณ วนั ที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘ (สมเด็จพระญาณสงั วร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคมหมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้คาสั่งมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการจัดทาทะเบียนประวัติพระภิกษุสามเณรและศิษย์วัด พ.ศ. ๒๕๓๘ เน่ืองจากมาตรา ๑๘ แหง่ พระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ใหอ้ านาจมหาเถรสมาคมออกข้อบังคับ วางระเบียบ หรือออกคาสั่งมหาเถรสมาคม ได้ถูกยกเลิกและได้บัญญัติอานาจหน้าท่ีของมหาเถร-สมาคม ดังกล่าวขึ้นใหม่ เป็นมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงจาเป็นตอ้ งออกคาส่งั มหาเถรสมาคมน้ี ๑๖๐ คู่มอื พระสงั ฆาธิการ

ทะเบียนประวตั พิ ระภกิ ษุที่................../................ นาม..........................ฉายา.................................. นามเดมิ ........................นามสกลุ ......................... ชาตภิ มู ิเกิด.......................ฯ....................วนั ที่..................เดอื น......... ..................................พ.ศ. ...................ณ บา้ น.......................................เลขที.่ ...........หมูท่ .่ี ..............แขวง/ตาบล........ ...................................เขต/อาเภอ...........................จังหวดั .............................เชื้อชาติ.......... ..............สัญชาติ.....................นามบิดา...............................เชื้อชาติ................สญั ชาต.ิ .............ศาสนา...............อาชีพ......................นามมารดา.....................นามสกุลเดิม..........................เช้ือชาติ.......... ............สัญชาติ......................ศาสนา.............................................. กอ่ นบรรพชาอุปสมบทอยูท่ ่ีบ้าน................................เลขท.ี่ ..............หมู่ที่.......................ขวง/ตาบล........... ..........................เขต/อาเภอ....................................จงั หวัด....................................อาชีพ....... .....................................สถานท่ีประกอบอาชพี ...................................................ตาหนิ............................................................บัตรประจาตวั ประชาชนเลขท.่ี .....................................................จงั หวัด................................................ บรรพชาอปุ สมบทบรรพชาทวี่ ดั ..........................................................เขต/อาเภอ...........................................................จงั หวัด....................................เมื่อวันท่ี..................เดือน............. ..........................พ.ศ......................พระ.............................................................................................................................เปน็ พระอุปชั ฌาย์อปุ สมบททว่ี ดั .........................เม่อื .............ฯ.............วนั ที่..........เดอื น................................พ.ศ..............เขต/อาเภอ...........................................................จังหวัด....... ...........................................................พระ...................................................วดั ..........................................เขต/อาเภอ......................................จงั หวัด...................................................................................................................เป็นพระอุปัชฌาย์พระ...................................................วดั ..........................................เขต/อาเภอ......................................จงั หวัด........................................................................................................เป็นพระกรรมวาจาจารย์พระ..................................................วัด.......................................เขต/อาเภอ..........................................จงั หวดั ............................................................................................................เปน็ พระอนสุ าวนาจารย์ ๑๖๑ คมู่ อื พระสงั ฆาธิการ

ย้ายมาจากวัด..................................................แขวง/ตาบล.....................................................................เขต/อาเภอ........................................................จังหวัด...........................................................................มาอยวู่ ัดนีเ้ มอ่ื ....................ฯ......................วันท่ี.................เดือน...................................พ.ศ. ............เพื่อ........................................................................ใบสุทธเิ ลขท่ี.............................................................. การศึกษาการศึกษาสามญั สาเร็จชั้นสงู สุด………………..........................................…….……….พ.ศ. .......................... นามสถานศึกษา.................................................................................................................การศึกษาปริยตั ธิ รรม เป็นนักธรรมช้ัน..............พ.ศ. ...............สานกั เรยี นวัด.................................. เปน็ เปรียญ..................พ.ศ. ..............สานักเรียนวัด................................... ตาแหนง่ หนา้ ท่ีตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่ง…………..…...……วันท่ี…...…เดือน……….......................………พ.ศ. ….……ได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่ง…………..…...……วันท่ี…...…เดือน……….......................………พ.ศ. ….……ได้รับแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่ง…………..…...……วันที่…...…เดือน……….......................………พ.ศ. ….……ไดร้ บั พระราชทานสมณศักดิ์ สมณศกั ด์ิไดร้ ับพระราชทานสมณศกั ดิ์ เป็น……………………………….….....................…………พ.ศ. ……......……ได้รับพระราชทานสมณศกั ด์ิ เป็น……………………………….….....................…………พ.ศ. ……......…… เป็น……………………………….….....................…………พ.ศ. ……......…… (ลงชอื่ )…………..................….…...…เจา้ ของประวตั ิ (………................................................……) ๑๖๒ คูม่ ือพระสังฆาธิการ

บันทึกพเิ ศษ….………………………………..…………………....…………..............................…………………........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................................จาหนา่ ยออกจากวัดน้ี เมอื่ ……………......................………เพราะ……………………….………. (ลงช่ือ)………………...............…..……...…ผ้ทู าบัญชี (…………..…................……….……) (ลงชอ่ื )…………………................….….…เจา้ อาวาส (…………..…...............……….……) ๑๖๓ คู่มือพระสงั ฆาธกิ าร

ทะเบียนประวัติสามเณร นามและภมู ิลาเนาที.่ ................./................ นาม.................................................นามสกลุ .................................................................... เกดิ .........................ฯ....................วนั ที.่ ...............เดอื น..............................พ.ศ................... ณ บ้าน...............................................................เลขท่ี.................... หมู่ท่ี.........................แขวง/ตาบล........................................เขต/อาเภอ....................................จังหวัด..............................เชื้อชาติ...........................................................สัญชาต.ิ ........... ............................................................นามบดิ า...............................เชื้อชาติ..................สัญชาติ...............ศาสนา............อาชีพ....................นามมารดา................................นามสกุลเดิม........................เช้ือชาติ..................สัญชาติ..................ศาสนา................................. กอ่ นบรรพชาอยทู่ ี่บ้าน................................เลขที่...............หมู่ที่....................แขวง/ตาบล.......................................เขต/อาเภอ...................................จงั หวดั ...........................................อาชีพ.........................................สถานทีป่ ระกอบอาชพี ............................................................ตาหนิ....................................................บัตรประจาตวั ประชาชนเลขท.ี่ ...................................................จังหวัด............................................. บรรพชาบรรพชาที่วัด.......................................เขต/อาเภอ...............................จังหวัด...................................เมือ่ วันที่..........เดอื น....................................พ.ศ. .............พระ...................................เปน็ พระอุปชั ฌาย์ยา้ ยมาจากวัด................................แขวง/ตาบล...............................เขต/อาเภอ................................จงั หวดั ............................. มาอย่วู ัดนี้ เมื่อ..............................ฯ................................วันท่ี.................เดอื น........................................พ.ศ. .................เพื่อ..............................................................................ใบสุทธเิ ลขท่.ี ...............................................วันที่............เดือน......................................พ.ศ............... ๑๖๔ ค่มู อื พระสงั ฆาธิการ

การศึกษาการศึกษาสามัญสาเร็จช้ันสูงสุด ………..........................................……………. พ.ศ. ........................... นามสถานศกึ ษา..............................................................................................................การศึกษาปรยิ ัตธิ รรม เปน็ นักธรรมชนั้ ...............พ.ศ. ............... สานกั เรียนวัด................................ เปน็ เปรียญ......................พ.ศ. ............... สานกั เรยี นวัด................................ (ลงช่อื )………………...........................….....…เจา้ ของประวัติ (……….................................…….……) บันทึกพิเศษ….………………………………..………………….…………………............................ ….................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. จาหนา่ ยออกจากวดั นี้ เม่ือ……………………เพราะ……………………….………. (ลงชือ่ )………............…………..……...…ผทู้ าบัญชี (…….............……..………….……) (ลงชอ่ื )……………….............…..….….…เจ้าอาวาส (…………..…...............…….……) ๑๖๕ คู่มอื พระสงั ฆาธกิ าร

ทะเบียนประวัติศิษย์วัด นามและชาติภมู ิที่................../................ นาม.........................................................นามสกลุ .................................................................. เกดิ .......................ฯ....................วนั ที่................เดือน................................พ.ศ. .................... ณ บ้าน.....................................................................เลขท.่ี ................... หมูท่ ี่.........................แขวง/ตาบล.......................................เขต/อาเภอ....................................จังหวัด....................................เช้ือชาติ.........................................................................สญั ชาติ..............................................................นามบดิ า........................................เชื้อชาติ..............สญั ชาติ...............ศาสนา................อาชีพ..............นามมารดา......................................นามสกุลเดิม............................เชอ้ื ชาติ..................สัญชาติ.............ศาสนา..................................... ภมู ิลาเนาก่อนมาอยู่วดั นี้อยทู่ บ่ี ้าน................................เลขที่............หมทู่ .่ี .................แขวง/ตาบล.............. ..............................เขต/อาเภอ.....................................จงั หวดั ............................................อาชีพ....................................สถานทีป่ ระกอบอาชีพ.................................................ตาหนิ..............................................................บัตรประจาตวั ประชาชนเลขท.่ี ..................................................จงั หวดั ................................................... การศกึ ษาการศกึ ษาสามัญ กอ่ นเข้ามาอยวู่ ัดนี้สาเรจ็ ชน้ั สงู สุด…………..............….…………...พ.ศ. ...........................พ.ศ. ...............สาเรจ็ การศึกษาชั้น......................พ.ศ. ................สาเรจ็ การศึกษาชั้น............................พ.ศ. ...............สาเรจ็ การศึกษาชั้น......................พ.ศ. ................สาเร็จการศึกษาชน้ั ............................พ.ศ. ...............สาเรจ็ การศึกษาชั้น......................พ.ศ. ................สาเรจ็ การศึกษาชั้น............................การศึกษาปริยตั ิธรรม สอบไล่ไดธ้ รรมศกึ ษาตรี พ.ศ. .................ธรรมศึกษาโท พ.ศ. ......................ธรรมศกึ ษาเอก พ.ศ. .........................มาอยวู่ ัดนีเ้ มอ่ื วันที.่ ............เดอื น................................ในการปกครองของพระ.....................................เพอื่ ..................................................................................................................................................... (ลงช่ือ)……………….................….....…เจ้าของประวัติ (………............................….……) ๑๖๖ ค่มู อื พระสงั ฆาธิการ

บันทึกพิเศษ….………………………………..……............................…......………….……………………...……………………...………………………………….………………………………….................………………………………...……………………...………………………………….………………………………….................………………………………...……………………...………………………………….………………………………….................………………………………...……………………...………………………………….………………………………….................………………………………...………………………...………………………………….……………………………........….....…………………………………..……………………...………………………………….………………………………….................………………………………...……………………...………………………………….………………………………….................………………………………...จาหนา่ ยออกจากวดั นี้ เมอื่ ………..................……………เพราะ…………..................…………….………. (ลงชอ่ื )………….............………..……...…ผทู้ าบญั ชี (…………................………….……) (ลงช่อื )…………….............……..….….…เจา้ อาวาส (…………................………….……) ๑๖๗ คู่มอื พระสังฆาธิการ

คาสง่ั มหาเถรสมาคม ว่าดว้ ยการปลกู ต้นไม้ในท่ีวดั หรอื ที่ธรณีสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๓๘๕๕ ---------------------------- อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมจึงออกคาสั่งดงั ต่อไปน้ี ข้อ ๑ คาสั่งมหาเถรสมาคมน้ี เรียกว่า “คาสั่งมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการปลูกต้นไม้ในทว่ี ัด หรอื ท่ีธรณสี งฆ์ พ.ศ. ๒๕๓๘” ข้อ ๒ คาสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เป็นตน้ ไป ข้อ ๓ ต้ังแต่วันใช้คาส่ังมหาเถรสมาคมน้ีให้ยกเลิกคาสั่งมหาเถรสมาคมว่าด้วยการปลูกต้นไม้ในทว่ี ดั หรอื ทธ่ี รณสี งฆ์ พ.ศ. ๒๕๒๐ ข้อ ๔ ให้วัดท้ังหลายซึ่งมีพ้ืนท่ีว่างสมควรจะปลูกต้นไม้ได้ จัดการควบคุมให้ไวยาวัจกรกัปปิยการก หรือคฤหัสถ์อื่นใด ปลกู ตน้ ไม้ในท่ีวดั หรือที่ธรณสี งฆ์แล้วแตก่ รณี ข้อ ๕ ประเภทตน้ ไมท้ ี่จะนามาปลกู กาหนดให้ไวพ้ อเป็นตัวอย่าง ดังน้ี (๑) ไมเ้ น้ือแข็ง เช่น ตน้ สัก ต้นเต็ง ตน้ รัง ต้นยาง (๒) ไมร้ ม่ เงา เช่น ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นสะตอื (๓) ไมด้ อกยนื ตน้ เชน่ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นราชพฤกษ์ (๔) ไมผ้ ลยืนต้น เช่น ตน้ สมอ ต้นมะขามป้อม (๕) ไม้พุ่ม (๖) ไมก้ อ เชน่ กอไผ่ (๗) พชื สมนุ ไพร๕๕ ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เลม่ ๘๓ ตอนที่ ๑ : วนั ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๓๘ ๑๖๘ คู่มือพระสังฆาธิการ

ข้อ ๖ ลกั ษณะการปลูกตน้ ไม้ แยกลักษณะเปน็ (๑) ปลกู เปน็ แนวเขตวัด เชน่ ไม้เนอื้ แขง็ (๒) ปลูกเป็นกลมุ่ หรือเป็นหมู่ (๓) ปลูกเรียงต้น (๔) ปลูกเฉพาะต้น ขอ้ ๗ กลา้ ไม้ท่ีจะนามาปลูก อาจได้มาจาก (๑) การขอจากทางราชการ (๒) การขอจากเอกชนหรือสถานท่ีอน่ื ๆ (๓) การเพาะหรอื การตอนเปน็ ตน้ ของวัด ข้อ ๘ ในท่ีธรณีสงฆ์ หากทางวัดเห็นควรจะปลูกต้นไม้ ย่อมจะกระทาได้โดยอนุโลมตามความในข้อ ๕ ขอ้ ๖ และข้อ ๗ ดังกล่าวขา้ งต้น ขอ้ ๙ วัดท้ังหลายจะปลูกต้นไม้ประเภทใดลักษณะใด สุดแต่ทางวัดจะพิจารณาเองหรอื ตามคาแนะนาของเจ้าคณะผู้บังคับบญั ชา หากทางวัดไม่อาจปลูกต้นไม้ลงในพ้ืนที่ซ่ึงท่ีกาหนดไว้ว่าจะปลูกเพราะเหตุใดเหตุหนึ่งให้จัดการปลูกในปตี ่อไป จนกวา่ จะครบตามท่วี ดั กาหนดไว้ เม่อื ต้นไมท้ ีป่ ลูกไว้ตายลง ให้มีการปลูกแทน จะเปน็ ตน้ ไม้ประเภทเดิมหรือตา่ งประเภทกไ็ ด้ ข้อ ๑๐ เม่ือปลูกต้นไม้ประเภทใดไว้ เป็นไม้ชนิดใด จานวนเท่าใดและเม่ือวัน เดือนปใี ดให้วดั จดั ทาบันทึกเกบ็ ไว้ทว่ี ดั เพอื่ เป็นประวัติตอ่ ไป ข้อ ๑๑ เป็นหน้าท่ีของเจ้าคณะผู้บังคับบัญชาตามลาดับชั้น จะคอยตักเตือนช้ีแจงแนะนาตลอดถึงการช่วยเหลือตามสมควร เพื่อให้วัดทั้งหลายภายในสังกัดได้ปฏิบัติตามคาสั่งตามกาลงั สามารถ ข้อ ๑๒ ย่อมเป็นการชอบในการที่วัดท้ังหลาย จะให้ความเอ้ือเฟ้ือเก้ือกูลโดยชี้แจงแนะนาสนับสนุนให้ประชาชนเห็นคุณค่า และมีความรักต้นไม้กับทั้งรักในการที่จะปลูกต้นไม้ในที่ดินของตนที่พอจะปลูกได้ และเป็นการสมควรอย่างย่ิงที่จะได้ช้ีแจงแนะนาสนับสนุนประชาชนในเขตหมู่บ้านหรือในตาบลน้ันๆ เพ่ือให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการปลูกต้นไม้ไม่ว่าจะเป็นเขตบ้านเขตวดั พน้ื ท่ีสาธารณะหรือพื้นทป่ี ่า โดยใหถ้ อื เอาวนั วิสาขบชู าเป็นวันเริ่มปลูกต้นไม้ ๑๖๙ คู่มอื พระสังฆาธิการ

ข้อ ๑๓ วัดใดมีกาลังสามารถ เห็นประชาชนมีความต้องการกล้าไม้บางอย่างควรช่วยเหลือเกื้อกูลให้ประชาชนได้กล้าไม้น้ันตามความต้องการ โดยจัดให้มีกล้าไม้ข้ึนในวัดเพ่ือแจกจ่ายหรือจะช่วยเหลอื โดยประการอ่นื สุดแต่ความเหมาะสม ส่ัง ณ วนั ท่ี ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘ (สมเดจ็ พระญาณสังวร) สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคมหมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้คาสั่งมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการปลูกต้นไม้ในที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์พ.ศ. ๒๕๓๘ เนื่องจาก มาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ให้อานาจหน้าท่ีมหาเถรสมาคมตรากฎมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ หรืออกคาส่ังของมหาเถรสมาคมได้ถูกยกเลิก และได้บัญญัติอานาจหน้าท่ีของมหาเถรสมาคมดังกล่าวขึ้นใหม่ เป็นมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๒๕แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยพระราชบัญญตั คิ ณะสงฆ์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ จงึ จาเป็นต้องออกคาสง่ั มหาเถรสมาคมนี้ ๑๗๐ คู่มือพระสงั ฆาธิการ

คาส่ังมหาเถรสมาคม เรื่อง กาหนดเขตอภยั ทานในพื้นที่วัด พ.ศ. ๒๕๓๘๕๖ ---------------------------- อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมจึงได้ออกคาสง่ั ไว้ ดังตอ่ ไปน้ี ขอ้ ๑ คาส่ังมหาเถรสมาคมน้ีเรียกว่า “คาส่ังมหาเถรสมาคม เรื่องกาหนดเขตอภัยทานในพ้ืนทวี่ ัด พ.ศ. ๒๕๓๘” ข้อ ๒ คาสั่งมหาเถรสมาคามน้ี ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆเ์ ปน็ ต้นไป ขอ้ ๓ ตั้งแต่วันใช้คาส่ังมหาเถรสมาคมน้ี ให้ยกเลิกคาสั่งมหาเถรสมาคม เร่ือง กาหนดเขตอภัยทานในพื้นท่ีวัด พ.ศ. ๒๕๒๗ ข้อ ๔ การกาหนดเขตอภัยทานข้ึนไว้ โดยความมุ่งหมายเพ่ือให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์บก สัตว์น้า ตลอดถึงปักษีทวิชาติท่ีไม่เป็นพิษเป็นภัย ได้อาศัยด้วยความร่มเย็นเป็นสุขปราศจากการถกู เบียดเบยี น หรอื รบกวนด้วยประการใดๆ ข้อ ๕ การกาหนดเขตอภัยทาน ได้กาหนดในเขตสังฆาวาสและพุทธาวาสหรือในเขตอยจู่ าพรรษาทที่ างวัดประกาศกาหนดไว้ว่า เป็นเขตรับอรุณในเวลาเข้าพรรษา ข้อ ๖ ให้เป็นหน้าที่ของวัดหรือเจ้าอาวาสจะจัดทาป้ายบอกเขตอภัยทานซึ่งมีขนาดกว้างไม่ต่ากว่า ๓๐ เซนติเมตร และมีขนาดความยาวไม่ต่ากว่า ๗๐ เซนติเมตร และท่ีแผ่นป้ายนั้นให้มหี นังสือถาวรบอกใหช้ ดั เจนว่า “เขตอภยั ทาน”๕๖ ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เลม่ ๘๓ ตอนที่ ๑ : วันท่ี ๒๕ มกราคม ๒๕๓๘ ๑๗๑ คมู่ อื พระสังฆาธิการ

ข้อ ๗ ในวัดที่ไม่มีแม่น้าลาคลองผ่านพื้นท่ีของวัด ให้ติดแผ่นป้ายไว้สุดเขตพ้ืนท่ีตามท่ีกล่าวไว้ในข้อ ๔ ทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก หรือทางทิศเหนือ ทิศใต้ สุดแต่ทางวัดจะพิจารณาเหน็ ว่าทิศใดบ้างเปน็ ทางสัญจรไปมาของประชาชน ให้ติดป้ายไว้เพียง ๒ ป้ายก็พอแต่ถ้าทางวัดเห็นว่าควรจะติดปา้ ยไวท้ ัง้ ๔ ทศิ กย็ ่อมกระทาได้ ข้อ ๘ ในวัดท่ีมีแม่น้าลาคลองผ่านพื้นท่ีของวัด ทางหน้าวัดและหรือทางข้างวัดให้ติดแผ่นป้ายไว้ท่ีเขตหน้าวัดและหรือเขตข้างวัดแล้วแต่กรณี ไม่ตากว่า ๒ แผ่นป้าย และให้ติดแผ่นป้ายในเขตบนบกอีกส่วนหน่ึงต่างหากจะเป็นจานวนแผ่นป้ายเดียวหรือสองแผ่นป้ายสดุ แตท่ างวดั จะพิจารณาเหน็ สมควร ขอ้ ๙ ให้ติดแผ่นป้ายไว้ที่เสาท่ีต้นไม้หรือท่ีอ่ืนใดอันม่ันคง ไม่สูงเกิน ไม่ต่าเกิน มีความสูงต่าพอทป่ี ระชาชนจะเหน็ ไดโ้ ดยสะดวก ข้อ ๑๐ เขตอภัยทานบนฝ่ังแม่น้าลาคลอง เป็นเคร่ืองหมายบอกบ่งให้รู้ว่าภายในแม่น้าลาคลองตลอดเขตอภัยทานนั้น นับจากตลิ่งหรือฝั่งออกไปไม่เกิน ๓ วา (อุทกุกเขป) จะเป็นท่ีอยู่อย่างปลอดภัยของฝูงปลามัจฉาชาตินานาพันธุ์ จะไม่ถูกเบียดเบียนรบกวนด้วยประการใดๆ จากประชาชน นอกจากน้ัน ยังอาจได้อาศัยอาหารหากินจากผู้มีเมตตากรุณา คือภิกษุสามเณรและประชาชนผู้ใจบุญท้งั หลายตามสมควร ข้อ ๑๑ ให้เป็นหน้าท่ีของวัดนั้นๆ จะแนะนาชักชวนขอร้องประชาชนในหมู่บ้านน้ันตาบลนั้นหรือแม้ในท่ีอ่ืน ให้เห็นความสาคัญของเขตอภัยทานแล้วให้ความสนับสนุนโดยไม่รบกวนเบียดเบยี นสตั ว์บกสตั วน์ ้าหรอื หมนู่ กท่อี าศยั อย่ใู นเขตอภยั ทาน ข้อ ๑๒ วัดใดที่เขตอภัยทานอยู่บนฝั่งแม่น้าลาคลอง และมีฝูงปลาอาศัยอยู่ ให้วัดน้ันรายงานไปยังเจ้าคณะตาบลเจ้าสังกัด โดยแจ้งช่ือวัด ตาบล อาเภอ จังหวัด และถ้าจะสามารถแจ้งประเภทปลาแต่ละชนิดได้ใหร้ ายงานด้วย เมื่อเจ้าคณะตาบลได้รับรายงานจากเจ้าอาวาสแล้ว ให้จัดทาบัญชีรายชื่อวัดท่ีได้รับรายงานน้ันส่งเจ้าคณะอาเภอเจ้าสังกัด ให้เจ้าคณะอาเภอส่งบัญชีรายชื่อวัดน้ันไปยังเจ้าคณะเจ้าสังกัด เจ้าคณะจังหวัดส่งบัญชีนั้นไปยังเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดและให้รวมไว้ที่เจ้าคณะภาคเพ่ือประโยชน์แกก่ ารสถติ ิ อน่ึง การส่งบัญชีวัดไปยังเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัด ถ้าวัดใดในปีต่อ ๆ มามีฝูงปลาอาศัยอยู่ในเขตอภัยทานบนฝ่ัง ให้วัดน้ันรายงานตามลาดับจนถึงเจ้าคณะภาคเจ้าสั งกัดมิให้เกินเดือนมนี าคมของปถี ัดไป ๑๗๒ คูม่ อื พระสังฆาธกิ าร

ข้อ ๑๓ ให้เจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดรับผิดชอบในการปฏิบัติงานตามคาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ในการทจ่ี ะช้แี จงแนะนาสั่งการแก่เจ้าคณะเจ้าอาวาสในสังกัด หากมีปัญหาในตัวบทหรือในทางปฏิบัติตามคาสัง่ มหาเถรสมาคมน้ี ใหน้ าเสนอมหาเถรสมาคมเพอ่ื พิจารณา สัง่ ณ วนั ที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ (สมเด็จพระญาณสังวร) สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคมหมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้ระเบียบมหาเถรสมาคม กาหนดเขตอภัยทานในพ้ืนท่ีวัด พ.ศ. ๒๕๓๘เนื่องจาก มาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ให้อานาจมหาเถรสมาคม ตรากฎมหาเถรสมาคมออกข้อบังคับ วางระเบียบ หรืออกคาส่ังของมหาเถรสมาคมได้ถูกยกเลิก และได้บัญญัติอานาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคมดังกล่าวขึ้นใหม่ เป็นมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญตั ิคณะสงฆ์ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงจาเป็นต้องออกคาสง่ั มหาเถรสมาคมนี้ ๑๗๓ คูม่ ือพระสังฆาธิการ

บนั ทึกหลักการและเหตุผล ประกอบคาสั่งมหาเถรสมาคม เร่ือง ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. ๒๕๓๙ ---------------------------- หลกั การ ยกเลิกคาส่ังมหาเถรสมาคม เรื่อง ควบคุมการเร่ียไร พ.ศ. ๒๕๒๗ เพ่ือปรับปรุงอานาจในการออกคาสั่งมหาเถรสมาคมให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ เหตผุ ล เน่ืองจากได้มีการยกเลิกมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงให้อานาจมหาเถรสมาคม ตรากฎมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ หรือออกคาสั่งของมหาเถรสมาคม ได้ยกเลิกและได้บัญญัติอานาจหน้าท่ีของมหาเถรสมาคมดังกล่าวขึ้นใหม่ เป็นมาตรา๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพ่ิมเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์(ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงจาเป็นตอ้ งออกคาสั่งมหาเถรสมาคมน้ี ๑๗๔ คมู่ อื พระสังฆาธกิ าร

คาสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ควบคมุ การเร่ยี ไร พ.ศ. ๒๕๓๙ ---------------------------- อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมจึงออกคาส่ังไว้ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ คาส่ังมหาเถรสมาคมน้ีเรียกว่า “คาสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ควบคุมการเร่ียไรพ.ศ. ๒๕๓๙” ข้อ ๒ คาสั่งมหาเถรสมาคมน้ี ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เปน็ ต้นไป ข้อ ๓ ต้ังแต่วันใช้คาส่ังมหาเถรสมาคมนี้ ให้ยกเลิกคาส่ังมหาเถรสมาคม เร่ือง ควบคุมการเรย่ี ไร พ.ศ.๒๕๒๗ ข้อ ๔ ในคาส่ังน้ี การเร่ียไร หมายถึง การขอรวมตลอดถึงการซ้ือขายแลกเปลี่ยน ชดใช้หรือบริการ ซ่ึงมีการแสดงโดยตรงหรือโดยอ้อม ว่ามิใช่เป็นการซื้อขายแลกเปล่ียน ชดใช้ หรือบริการตามธรรมดา และให้มีความหมายถึง การออกเรี่ยไร การแจกซองฎีกา การบอกบุญบนรถโดยสาร การกั้นรถโดยสาร การใช้ยานพาหนะบรรทุกลูกนิมิต พระพุทธรูปประพรม น้าพระพุทธมนต์การตงั้ องค์กฐนิ ผ้าปา่ ตามสถานท่ตี า่ ง ๆ การบอกบญุ โดยใชบ้ าตรจาลองกระบอกไมไ้ ผ่ กระปองผ้าป่าการโฆษณาบอกบุญทางสถานีวิทยุกระจายเสียง ทางสถานีโทรทัศน์ หรือทางสื่อมวลชนอ่ืน ๆ เพ่ือรวบรวมทรัพย์สินท่ีได้มาทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้ในกิจการอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ข้อ ๕ ห้ามมิให้วัดหรือพระภิกษุสามเณรทาการเรี่ยไร หรือมอบหมายหรือยินยอมให้ผู้อ่ืนทาการเรี่ยไร ทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม เพ่ือประโยชน์แก่วัดหรือพระศาสนา หรือเพ่อื ประโยชนอ์ ย่างอื่นใดแกต่ นหรอื ผ้อู ่ืนเว้นแตใ่ นกรณีที่กาหนดไวใ้ นคาส่งั มหาเถรสมาคมนี้ ข้อ ๖ ในกรณีท่ีมีการบาเพ็ญกุศลในวัด ซ่ึงเป็นงานประจาปี หรืองานพิเศษถ้าจะมีการเรี่ยไร การโฆษณาเร่ียไร และการรับเงิน หรือทรัพย์สินจากการเรี่ยไรให้กระทาได้เฉพาะภายในบรเิ วณวัด หา้ มมใิ ห้กระทานอกบรเิ วณวัด ๑๗๕ คู่มือพระสังฆาธกิ าร

ข้อ ๗ ให้มีคณะกรรมการควบคุมการเรยี่ ไร ๒ คณะ (๑) คณะกรรมการควบคุมการเรีย่ ไรสว่ นกลาง ซึ่งสมเดจ็ พระสงั ฆราชทรงแตง่ ตั้งตามมติมหาเถรสมาคม มีจานวนไมต่ า่ กวา่ ๕ ไม่เกนิ ๙ มีอานาจหน้าท่ี ดงั น้ี (๑.๑) อนมุ ัติและควบคุมการเร่ียไรท่ัวประเทศ (๑.๒) อนุมัติและควบคุมการเร่ียไร ทางสถานีวิทยุ ทางโทรทัศน์ และทางสอื่ มวลชนอน่ื ๆ (๑.๓) เพกิ ถอนการเรยี่ ไรทกุ ประเภทท่ีผิดวตั ถปุ ระสงคห์ รือไมเ่ หมาะสม (๑.๔) ปฏิบตั ิหนา้ ทีอ่ นื่ เกี่ยวกับการเรี่ยไรตามท่ีมหาเถรสมาคมมอบหมาย (๒) คณะกรรมการควบคุมการเร่ียไรส่วนจังหวัด ซึ่งเจ้าคณะจังหวัดเจ้าสังกัดแต่งตง้ั มจี านวนไม่ต่ากว่า ๕ ไมเ่ กนิ ๙ โดยมีเจ้าคณะจงั หวัดเป็นประธานมีอานาจหน้าที่ดังน้ี (๒.๑) อนมุ ตั ิและควบคุมการเรีย่ ไรภายในจงั หวดั (๒.๒) อนุมัติและควบคุมการเร่ียไรของจังหวัดอ่ืนท่ีมาขอเร่ียไรในจังหวัดทรี่ ับผดิ ชอบ (๒.๓) เพิกถอนการเร่ยี ไรภายในจงั หวดั ทผี่ ดิ วตั ถปุ ระสงคห์ รือไมเ่ หมาะสม (๒.๔) ปฏิบัติหน้าท่ีอื่นเกี่ยวกับการเรี่ยไรท่ีคณะกรรมการเร่ียไรส่วนกลางหรือมหาเถรสมาคมมอบหมาย ข้อ ๘ ถ้ามีกรณีจาเป็นจะต้องทาการเร่ียไรนอกบริเวณวัด เพ่ือก่อสร้างหรือปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุใด ถาวรวัตถุน้ันต้องได้มีการก่อสร้าง หรือปฏิสังขรณ์ไว้แล้วไม่น้อยกว่าคร่ึงของงานก่อสร้าง หรือปฏิสงั ขรณ์ทง้ั หมด และใหเ้ จา้ อาวาสปฏบิ ตั ดิ ังตอ่ ไปนี้ (๑) ให้รายงานขออนุมตั กิ ารเรี่ยไร (๑.๑) ในกรณีการเรี่ยไรภายในจังหวัด เสนอผู้บังคับบัญชาตามลาดับ จนถึงเจ้าคณะอาเภอเจ้าสังกัด เม่ือเจ้าคณะอาเภอเจ้าสังกัดเห็นชอบแล้วให้เสนอไปยังคณะกรรมการควบคมุ การเรี่ยไรส่วนจังหวัดพิจารณาโดยผ่านสานกั งานเจ้าคณะจังหวดั ในกรณีท่ีมีความประสงค์จะทาการเรี่ยไรข้ามจังหวัดเม่ือได้รับอนุมัติให้ทาการเรี่ยไรภายในจังหวัดแล้ว ให้ทาเร่ืองขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมการเร่ียไรของจังหวัดทจ่ี ะขา้ มไปเรยี่ ไร โดยผ่านสานกั งานเจ้าคณะจังหวัดเจา้ สังกดั (๑.๒) ในกรณีการเร่ียไรทั่วประเทศ เสนอผู้บังคับบัญชาตามลาดับจนถึงเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัด เม่ือเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดพิจารณาเห็นชอบแล้ว ให้เสนอไปยังคณะกรรมการควบคุมการเรยี่ ไรสว่ นกลาง เพื่อพจิ ารณาโดยผ่านสานักเลขาธกิ ารมหาเถรสมาคม ๑๗๖ คูม่ ือพระสังฆาธกิ าร

ในรายงานขออนุมัติทาการเร่ียไรตามความใน (๑.๑) และ (๑.๒) ให้แสดงรายการก่อสร้างหรือปฏิสังขรณ์ จานวนเงินหรือทรัพย์สินที่จะทาการเร่ียไร กาหนดเวลาทาการเรี่ยไร และข้อความที่จะโฆษณาเรย่ี ไร (๒) เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมการเร่ียไรตามข้อ ๗ (๑) หรือขอ้ ๗ (๒) แลว้ จึงใหจ้ ดั การขออนญุ าตตามกฎหมายวา่ ด้วยการควบคมุ การเรย่ี ไรตอ่ ไป (๓) ในกรณีได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไรแล้ว ห้ามพระภิกษุสามเณรออกทาการเรี่ยไรด้วยตนเอง และต้องปฏิบัติให้ชอบด้วยวิธีการตามท่ีกาหนดไว้ ในกฎหมายวา่ ด้วยการควบคุมการเร่ยี ไรทกุ ประการ (๔) เม่ือครบกาหนดเวลาท่ีได้รับอนุญาตให้ทาการเรี่ยไรแล้วให้รายงานยอดรายรับรายจ่าย เงินและทรัพย์สินในการเร่ียไรเสนอผู้บังคับบัญชาตามลาดับ จนถึงคณะกรรมการควบคุมการเร่ียไรตามข้อ ๗ (๑) หรือ ข้อ ๗ (๒) ท่ีอนุญาต ผ่านสานักงานเจ้าคณะจังหวัดเจ้าสังกัดหรือสานักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคมแลว้ แตก่ รณี เมือ่ ไดใ้ ชจ้ า่ ยเงนิ หรือทรัพย์สินไปในการก่อสร้างหรือปฏสิ งั ขรณถ์ าวรวตั ถนุ ั้นเสรจ็ แล้ว ก็ให้รายงานตามลาดบั ดังกลา่ วข้างต้น ขอ้ ๙ พระภิกษสุ ามเณรรปู ใดฝ่าฝนื คาสงั่ มหาเถรสมาคม (๑) ถ้ามไิ ด้เปน็ พระสงั ฆาธิการ (๑.๑) เม่ือเจ้าอาวาสเจ้าสังกัดได้ทราบความผิดน้ันแล้วให้จัดการให้พระภิกษุสามเณรรูปนั้นออกไปเสียจากวัด หากไม่ยอมออก เป็นการขัดคาส่ังของเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญา ให้ขออารักขาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง และให้บันทึกเหตุที่ให้ออกนั้นในหนงั สอื สทุ ธิด้วย หรือ (๑.๒) เมื่อเจ้าคณะในเขตที่ความผิดน้ันเกิดข้ึนได้ทราบความผิดนั้นแล้วถ้าผู้ฝ่าฝืนมีสังกัดอยู่ในจังหวัดเดียวกันให้แจ้งแก่เจ้าอาวาสผ่านเจ้าคณะจังหวัดเจ้าสังกัดแ ต่ถ้ามสี งั กัดอย่ตู ่างจงั หวดั ใหแ้ จง้ แกเ่ จา้ อาวาสผา่ นเจ้าสังกัดเพื่อดาเนินการตามความใน (๑.๑) (๒) ถ้าเป็นพระสังฆาธิการ ให้เจ้าคณะเจ้าสังกัดพิจารณาลงโทษฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการตามควรแก่กรณี แต่ถ้าพระสังฆาธิการได้กระทาผิดในเขตจังหวัดที่ตนมิได้สังกัดอยู่ให้เจ้าคณะในเขตที่ความผิดนัน้ เกิดข้ึนแจ้งแก่เจา้ คณะสังกัดของผู้กระทาผิดเพ่ือดาเนินการ ดงั นี้ (๒.๑) ในกรุงเทพมหานคร ใหแ้ จง้ แกเ่ จา้ คณะกรุงเทพมหานคร (๒.๒) ในจังหวัดอ่ืน ให้แจ้งแก่เจ้าคณะจังหวัดหรือเจ้าคณะภาคแล้วแต่จะเห็นสมควร (๒.๓) ถ้าปรากฏว่าความผิดตามกรณี (๑) หรือ (๒) เปน็ ความผดิ อาญาดว้ ยย่อมจะมีโทษตามกฎหมายอกี ต่างหากจากโทษที่ไดร้ บั จากเจ้าอาวาสหรือเจา้ คณะเจา้ สงั กัด ๑๗๗ คูม่ ือพระสังฆาธิการ

ขอ้ ๑๐ คาส่งั มหาเถรสมาคมนี้ มใิ ห้ใช้บังคับแกก่ ารเร่ียไร ดังต่อไปน้ี (๑) การเร่ียไรในทางการคณะสงฆ์ หรอื (๒) การเร่ยี ไรที่มหาเถรสมาคมอนุมัติเฉพาะเรื่อง ส่ัง ณ วนั ที่ ๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ (สมเดจ็ พระญาณสังวร) สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ๑๗๘ คมู่ อื พระสงั ฆาธิการ

มติมหาเถรสมาคม ครัง้ ที่ ๔/๒๕๓๙ สานกั เลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมตทิ ี่ ๓๐/๒๕๓๙เรอื่ ง การควบคุมดูแลผู้เขา้ มาบรรพชาอุปสมบทเรยี น ผู้อานวยการสานกั งานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในการประชมุ มหาเถรสมาคมคร้ังท่ี ๔/๒๕๓๙ เมื่อวันท่ี ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ตามท่ีได้มีข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมอันเลวร้ายของผู้อาศัยผ้าเหลืองทาความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะกรณีของนายยอดชัด เสือผู้ อดีตพระภิกษุ วัดถ้าเขาปูนจังหวัดกาญจนบุรี ได้สังหารนางสาวโจแอน มาเชเดอร์ นักท่องเท่ียวชาวอังกฤษ ขณะมาเที่ยวท่ีวัดถ้าเขาปูน ดังท่เี ป็นขา่ วแพรห่ ลาย นัน้ เร่ืองน้ี กระทรวงศึกษาธิการถือเป็นนโยบายสาคัญท่ีสุดท่ีจะต้องรีบดาเนินการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจึงได้มีบัญชาให้มีการประชุม ประกอบด้วย นายสุขวิช รังสิตพลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร.ต.ท. เชาวริน ลัทธศักด์ิศิริ รัฐมนตรีช่วยการการกระทรวงศึกษาธิการ นายถวัลย์ ทองมี อธิบดีกรมการศาสนา นายจรวย หนูคง รองอธิบดีกรมการศาสนา และนายสุทธิพงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ ผู้อานวยการสานักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคมพร้อมกับเจ้าหน้าท่ี ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่า การท่ีบุคคลไม่ดีเข้ามาบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสามเณรแล้วกระทาผิดพระวินัย สาเหตุสาคัญประการหนึ่งมาจากที่พระอุปัชฌาย์ไม่เข้มงวดกวดขันตรวจสอบผู้ท่ีจะบรรพชาอุปสมบทให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดไว้ในกฎมหาเถรสมาคม และเม่ือบรรพชาอุปสทบทเข้ามาแล้ว พระอุปัชฌาย์ อาจารย์ และเจ้าคณะผู้ปกครองต้องให้การอบรมส่งั สอนใหร้ หู้ ลักธรรมและปฏบิ ัติตามพระธรรมวนิ ยั พร้อมกันนเ้ี หน็ ว่าควรใหม้ ีการจัดทาบัตรประจาตัวพระภิกษุสามเณร เพ่อื ประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมลู จึงขอเสนอท่ีประชุมเพื่อโปรดพิจารณามีมติถวายให้เจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดดาเนินการดังนี้ ๑. ให้พระอุปัชฌาย์เข้มงวดกวดขันการตรวจสอบประวัติคุณสมบัติผู้เข้ามาบรรพชาอุปสมบทให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ให้บรรพชาอุปสมบทเฉพาะคนที่มีความประพฤติดี โดยให้ถือปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๓๖) วา่ ดว้ ยการแตง่ ตงั้ ถอดถอนพระอปุ ชั ฌาย์ ๑๗๙ คู่มือพระสงั ฆาธกิ าร

๒. ให้พระอุปัชฌาย์ เมื่อได้บรรพชาอุปสมบทรูปใดแล้ว ต้องอบรมสั่งสอนให้รู้หลักธรรมและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย โดยจะต้องดูแลให้ครบ ๕ ปี ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗(พ.ศ. ๒๕๓๖) หากมีความจาเป็นที่จะต้องไปอยู่ท่ีอื่น พระอุปัชฌาย์จะต้องฝากเจ้าอาวาสวัดน้ันปกครองดูแลสัง่ สอนแทน๓. ให้เจา้ คณะผูป้ กครองสงฆ์ กวดขันสดส่องดูแลพระภกิ ษุ สามเณร ในปกครองให้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด มีจริยวัตรที่ดีงาม เป็นที่ตั้งแห่งความเล่ือมใสศรัทธาของประชาชน และให้เจ้าคณะผู้ที่มีหน้าท่ีรับผิดชอบปกครองพระสงฆ์ในสังกัดให้เป็นไปโดยเรียบร้อยหากพบผู้ใดแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์หรือประพฤติผิดพระธรรมวินัย ต้องรีบพิจารณาโทษอย่างฉับไวและจริงจงั เพอ่ื กาจัดอลชั ชใี ห้หมดไปจงึ ขอประทานเสนอที่ประชมุ เพ่อื โปรดพจิ ารณาท่ปี ระชมุ พจิ ารณาแลว้ ลงมตเิ หน็ ชอบตามข้อเสนอและให้แจ้งเจา้ คณะจังหวัดทกุ จังหวัดทราบและถอื ปฏิบตั ิ พร้อมทงั้ ใหแ้ ตง่ ตัง้ คณะกรรมการขน้ึ คณะหน่งึ ประกอบดว้ ย๑. สมเดจ็ พระพุฒาจารย์ ประธานกรรมการ๒. พระอดุ มญาณโมลี กรรมการ๓. พระธรรมวโรดม กรรมการ๔. พระธรรมปญั ญาจารย์ กรรมการ๕. พระธรรมกิตตวิ งศ์ กรรมการ๖. รองอธบิ ดีกรมการศาสนา (นายจรวย หนคู ง) กรรมการ๗. ผอู้ านวยการสานกั งานเลขาธิการมหาเถรสมาคม กรรมการและเลขานุการเพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขป้องกัน เก่ียวกับเร่ืองที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาและดาเนนิ การได้ทันทีโดยไมต่ อ้ งขอรบั รองรายงานการประชุมจึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และเห็นสมควรส่งเร่ืองให้ฝ่ายสังฆการ เพื่อดาเนินการตามมติมหาเถรสมาคมต่อไป ๑๘๐ คู่มอื พระสงั ฆาธิการ

มติมหาเถรสมาคม ครั้งท่ี ๑๓/๒๕๔๐ สานักเลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมติที่ ๑๕๐/๒๕๔๐เร่อื ง การเลี้ยงสตั ว์และการทารุณกรรมสตั วใ์ นเขตอารามเรียน ผอู้ านวยการสานกั งานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในการประชมุ มหาเถรสมาคมครั้งที่ ๑๓/๒๕๔๐ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ด้วยนางสาวโซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง ได้ร้องเรียนไปยังกระทรวงศึกษาธิการว่า เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม จังหวัดปทุมธานีได้เลี้ยงช้างพลายเพชรไว้ เมื่อมูลนิธิเพ่ือนช้างขอช้างไปดูแลรักษา ณ โรงพยาบาลช้าง เจ้าอาวาสวัดพืชอุดมก็ปฏิเสธ อ้างว่า เล้ียงมานานแล้ว ครั้นต่อมาปรากฏว่า ช้างพลายเพชรถูกยิงจนเสียชีวิตผู้ร้องเห็นว่าเป็นสัตว์ใหญ่ บริโภคอาหารถึงวันละ ๒๐๐ กิโลกรัม จึงจะเพียงพอต่อร่างกายต้องอาศัยอยู่ในพ้ืนที่ร่มเย็นและเป็นบริเวณกว้าง มีน้าดื่มสะอาด แต่เจ้าอาวาสกลับนาช้างมาล่ามโซ่ขนาดสั้น มีการขายกลว้ ยนาเงินเข้าวัด ช้างไม่ได้บริโภคอาหารครบตามธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วยหญ้า พืชไร่ ใบไผ่ ฯลฯนอกจากนมี้ ีวดั เปน็ จานวนมากทั่วประเทศ มีสตั วป์ ่า เชน่ ช้าง กวาง หมี นกชนิดต่าง ๆ และสัตว์อ่ืน ๆไว้ให้ผู้มาเยือน ซื้ออาหารนารายได้เข้าวัดสัตว์เหล่าน้ันไม่ได้บริโภคอาหารตามที่ควรได้ ท้ังไม่ถูกประเภท และไม่ได้รับในปริมาณที่เพียงพอ ทาให้สัตว์เกิดความเครียดมีอารมณ์ขุ่นม่ัว ดุร้าย เม่ือสัตว์หลุดออกมาจากที่คุมขังก็เข้าทาร้ายผู้คนและทรัพย์สิน ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของสัตว์เหล่านั้น เพราะสถานที่อยู่อาศัยของสัตว์เหล่าน้ันคือป่า มิใช่บ้านเรือนหรือวัด จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาดาเนินการให้วัดต่าง ๆ ละเว้นการนาสัตว์ป่าต่าง ๆ มากักขังไว้ ซึ่งเรื่องน้ีกระทรวงศึกษาธิการขอให้กรมการศาสนาหาแนวทางแกป้ ญั หาดว้ ย กรมการศาสนาได้นาเสนอมหาเถรสมาคม ในการประชุมครั้งท่ี ๑๒/๒๕๔๐ เม่ือวันท่ี ๓๐เมษายน ๒๕๔๐ ท่ีประชุมให้เล่ือนการพิจารณาไปก่อน โดยกรมการศาสนาจัดหาพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตวป์ ่ามาประกอบการพจิ ารณาด้วย ๑๘๑ ค่มู อื พระสงั ฆาธกิ าร

บัดนี้ กรมการศาสนาได้นาพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ มาประกอบการพจิ ารณาด้วยแลว้ ตามท่แี นบถวายมาพร้อมนี้ ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติให้กรมการศาสนาแจ้งวัดต่าง ๆ ทราบ และถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติสงวนและคมุ้ ครองสัตวป์ ่าโดยเคร่งครัด จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และเห็นสมควรส่งเร่ืองให้ฝ่ายสังฆการดาเนินการตามมติมหาเถรสมาคมตอ่ ไป (นายสารวย สารตั น์) ผูอ้ านวยการสานกั งานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ๙ ม.ิ ย. ๒๕๔๐ ๑๘๒ คู่มือพระสังฆาธิการ

มติมหาเถรสมาคม คร้ังที่ ๑๒/๒๕๔๑ สานกั เลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมตทิ ่ี ๑๕๓/๒๕๔๑เร่อื ง พระภกิ ษสุ ามเณรแสดงตนเป็นอาจารยบ์ อกเลขสลากกินรวบเรียน ผู้อานวยการสานักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในการประชุมมหาเถรสมาคมคร้ังท่ี ๑๒/๒๕๔๑ เม่ือวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๑ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ตามท่ีเป็นข่าวปรากฏทางส่ือมวลชน กรณีพระภิกษุบางรูปแสดงตนเป็นอาจารย์ใบ้ห้วยแก่ประชาชน จนเป็นข่าวติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ทาให้ประชาชนพากันลุ่มหลงในการพนัน ไม่สมควรท่ีพระภิกษุจะพึงกระทา ซ่ึงเรื่องนี้มหาเถรสมาคมมีมติให้กรมการศาสนามหี นังสอื แจ้งเจ้าคณะจังหวัดทุกจงั หวัดกาชับไปยังวัดในเขตปกครองปฏิบัติตามประกาศของคณะสงฆ์เรื่อง ห้ามพระภกิ ษุแสดงตนเป็นอาจารย์ใบห้ วย น้นั เนื่องจากยังปรากฏพฤติกรรมบอกใบ้หวยของพระภิกษุบางรูป และส่ือมวลชนยังคงลงข่าวเกย่ี วกบั เร่อื งน้อี ย่างตอ่ เนื่องตลอดมา จน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีมีความห่วงเร่ืองน้ีมาก และได้ปรารภในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เม่ือวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๑ แสดงความเป็นห่วงในกรณีนี้เป็นอย่างมากแม้นมหาเถรสมาคมจะมีมติควบคุมพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว แต่ก็เป็นเพียงการปรามเท่าน้ัน เม่ือมีปัญหาเกิดข้นึ ยงั ไมส่ ามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ทาให้ประชาชนเส่ือมศรัทธาเป็นผลเสียต่อพระพุทธศาสนาได้ จงึ อยากให้หาทางแกไ้ ขปญั หากรณพี ระภิกษบุ างรูปใบห้ วยอยา่ งเปน็ รปู ธรรม และ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายอาคม เอ่งอ้วน) ได้สั่งการให้กรมการศาสนิจารณาดาเนินการเก่ยี วกับเรอ่ื งดังกลา่ ว จงึ เหน็ สมควรนาเสนอมหาเถรสมาคม เพ่ือให้กรมการศาสนาดาเนนิ การ ๑. ให้กรมการศาสนามีหนังสือแจ้งเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับให้กวดขันสอดส่องดูแลพระภิกษุสามเณรในปกครองให้ประพฤติปฏิบัติตามประกาศคณะสงฆ์ เรื่อง ห้ามพระภิกษุแสดงตนเป็นอาจารย์บอกเลขสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากกินรวบอย่างเคร่งครัด หากพบพระภิกษุสามเณรรูปใดมีพฤติกรรมบอกใบ้หวย ต้องรบี พิจารณาโทษอย่างฉบั ไว และจรงิ จงั ๑๘๓ คมู่ ือพระสงั ฆาธกิ าร

๒. ให้กรมการศาสนามีหนังสือแจ้งศึกษาธิการจังหวัด และศึกษาธิการอาเภอให้รับสนองงานคณะสงฆ์ในเรอื่ งนี้ ทงั้ น้ี เพ่อื เปน็ การช่วยเหลอื งานคณะสงฆ์ให้มีประสทิ ธิภาพมากยง่ิ ขนึ้ ๓. กรมการศาสนาจะตั้งศูนย์โทรศัพท์สายด่วนเก่ียวกับเรื่องน้ี โดยจะมีคณะทางานประจาอยทู่ ีศ่ ูนย์ หากมเี ร่อื งราวเกดิ ขนึ้ จะไดส้ นองงานคณะสงฆ์ได้ทันท่วงที ที่ประชุมพจิ ารณาแล้วลงมติ ๑. ให้กรมการศาสนาจัดพิมพ์ประกาศคณะสงฆ์ เร่ือง ห้ามพระภิกษุแสดงตนเป็นอาจารย์บอกเลขสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือสลากกินรวบ พ.ศ. ๒๔๙๘ แล้วมีหนังสือแจ้งไปยังพระภิกษุผู้ดารงตาแหน่งผู้ปกครองคณะสงฆ์ทุกระดับ ต้ังแต่ระดับเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัดเจ้าคณะอาเภอ จนถึงเจ้าอาวาส ให้กวดขันสอดส่องดูแลพระภิกษุสามเณรในปกครอง ให้ปฏิบัติตามประกาศคณะสงฆ์ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด หากพบพระภิกษุสามเณรรูปใดมีพฤติกรรมบอกใบ้ ให้หวยอันเปน็ การฝ่าฝนื ประกาศคณะสงฆ์เก่ียวกับเรื่องนี้ ตอ้ งรบี พจิ ารณาโทษอย่างฉับไวและจริงจัง ๒. ให้กรมการศาสนารายงานกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแจ้งศึกษาธิการจังหวัดและศึกษาธิการอาเภอ ให้รับสนองงานของคณะสงฆ์ในเร่ืองน้ี เพื่อเป็นการช่วยเหลืองานของคณะสงฆ์ใหม้ ีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน และให้ขออารักขาจากเจ้าหน้าที่ตารวจท้องท่ีให้ดาเนินการตามอานาจหน้าที่อยา่ งทนั ท่วงที ๓. ใหก้ รมการศาสนาตัง้ ศูนยโ์ ทรศัพท์สายดว่ ยเก่ียวกับเร่ืองนี้เป็นการเฉพาะโดยมีเจ้าหน้าที่ประจาศนู ย์ เม่อื ไดร้ ับข้อมลู ใหน้ มัสการไปยังเจา้ คณะภาค เพื่อรว่ มกนั ปฏิบัติงานไดท้ นั ท่วงที ซ่ึงในการนี้ กรมการศาสนาได้กาหนดหมายเลขโทรศัพท์สายด่วน คือ หมายเลข ๒๘๒ – ๒๔๕๗ และ ๖๒๘ –๕๒๑๖ และแฟกซห์ มายเลข ๒๘๐ – ๑๒๘๙ และหมายเลข ๒๘๑ – ๕๐๙๓ และให้ดาเนนิ การได้ทันทีโดยไมต่ อ้ งรอรับรองรายงานการประชมุ จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบ และเห็นสมควรสง่ เร่อื งให้ฝา่ ยสังฆการดาเนนิ การตามมตมิ หาเถรสมาคมต่อไป ๑๘๔ ค่มู ือพระสงั ฆาธกิ าร

มติมหาเถรสมาคม คร้งั ที่ ๒๘/๒๕๔๒ สานักเลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมตทิ ี่ ๓๔๗/๒๕๔๒เร่อื ง ขอให้เจ้าคณะผ้ปู กครองช่วยสอดสอ่ งดูแลวดั ในสังกัดเรยี น ผู้อานวยการสานักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในการประชมุ มหาเถรสมาคมคร้งั ท่ี ๒๘/๒๕๔๒ เมื่อวันท่ี ๑๖ สิงหาคม ๒๕๔๒ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ด้วยนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เชิญอธบิ ดีกรมการศาสนาไปรับทราบด้วยวาจาเก่ียวกับเร่ืองที่คณะรัฐมนตรีปรารภว่า พระสงฆ์ในปัจจุบันดาเนินการบางเร่ืองในลักษณะพุทธพาณิชย์รวมท้ังการบอกใบ้หวย และกระทาพิธีในลักษณะไสยศาสตร์ต่าง ๆ มาก น่าจะเป็นการมอบเมาประชาชนจนเกินไป คณะสงฆ์น่าจะพิจารณาเรื่องนี้โดยรอบคอบรวมท้ังหาทางป้องกันแก้ไขให้วัดและพระสงฆ์สังวรในเร่ืองน้ี เพื่อเป็นการนาความถูกต้องชัดเจนในวัตรปฏิบัติมาสู่ประชาชน ซึ่งจะเป็นทางมาแห่งความเล่ือมใสศรัทธาและให้ประชาชนท่ัวไปยึดม่ันในพระรัตนตรัยเป็นสรณะ กรมการศาสนาเห็นว่าน่าจะเวียนแจ้งระเบียบ ข้อบังคับและคาส่ัง รวมทั้งมติมหาเถรสมาคม เกี่ยวกับเร่ืองดังกล่าว ให้วัดและพระสงฆ์ได้ทราบเป็นการย้าในหลักปฏิบัติของคณะสงฆอ์ กี คร้ังหน่ึงก็จะเป็นการป้องปรามเร่อื งน้ีได้อีกทางหน่ึง กรมการศาสนานาเสนอมหาเถรสมาคม ท่ีประชุมพิจารณาแล้วลงมติว่าให้กรมการศาสนาแจ้งเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดทราบเพื่อแจ้งวัดทุกวัดในสงั กัดปฏบิ ัติตามประกาศของทางคณะสงฆ์ เร่ืองห้ามพระภิกษุสามเณรแสดงตนเปน็ อาจารย์บอกเลขสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือสลากกินรวบ และประกาศอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับเรื่องเคร่ืองลางของขลงั และวัตถุมงคลตา่ ง ๆ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และเห็นสมควรส่งเรื่องให้ฝ่ายสังฆการ ดาเนินการตามติมหาเถรสมาคมตอ่ ไป (นายสารวย สารัตถ์) ผอู้ านวยการสานกั งานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ๑๘๕ คู่มอื พระสงั ฆาธิการ

มติมหาเถรสมาคม ครงั้ ที่ ๕/๒๕๔๓ สานกั เลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมติที่ ๘๘/๒๕๔๓เรอ่ื ง จัดรายการวิทยุโทรทศั น์เผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเรยี น ผู้อานวยการสานกั งานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในการประชุมมหาเถรสมาคมคร้ังท่ี ๕/๒๕๔๓ เมื่อวันท่ี ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ด้วยในการประชุมมหาเถรสมาคมคร้ังที่ ๓๘/๒๕๔๒ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๒เลขาธิการมหาเถรสมาคมได้นาเรื่องเก่ียวกับการเร่ียไร ซึ่งหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันอังคารที่๒๖ ตุลาคม ๒๕๔๒ ลงข่าวว่า คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ(กกช.) ได้รับการรอ้ งเรียนจากประชาชนว่า มีรายการธรรมะท่ีพระภิกษุไปจัดรายการวิทยุ รวม ๘ รายการมีพฤติกรรมไม่หมาะสม หม่ินเหม่ต่อพระวินัย ส่วนใหญ่จะเน้นการเร่ียไรมากกว่าสอนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มีบางรายการเปิดโอกาสให้ผู้ฟังโทรศัพท์เข้าไปในรายการเพื่อปรึกษาปัญหาต่าง ๆโดยเฉพาะมีสุภาพสตรีโทรศัพท์เข้าไปปรึกษาปัญหาหัวใจด้วย เสนอท่ีประชุมเพื่อโปรดพิจารณา เพื่อกรมการศาสนาจะได้ขอความร่วมมือจากพระภิกษุสามเณรที่ออกรายการวิทยุต่อไป ซ่ึงท่ีประชุมได้พิจารณาแล้วลงมติว่า เร่ืองนี้มหาเถรสมาคมเคยมีมติและกวดขันมาโดยลาดับ แต่เมื่อปรากฎว่ายังมีการกระทาทข่ี ดั ต่อพระธรรมวนิ ยั และขัดตอ่ คาส่งั มหาเถรสมาคม เร่ือง ควบคุมการเร่ียไร พ.ศ. ๒๕๓๙อยู่ต้องรีบดาเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติ จึงขอให้กรมการศาสนารวบรวมข้อมูลเพ่ิมเติมเสนอมหาเถรสมาคม นนั้ ต่อมากรมการศาสนาได้มีหนังสือท่ี ศธ ๐๓๐๗/๑๓๒๒๖ ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ถึงกรมประชาสัมพันธ์ เพ่ือขอข้อมูลพระภิกษุที่จัดรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกรมประชาสัมพันธ์ ได้มีหนงั สือที่ นร ๑๙๐๕/๑๑๒๖๘ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ และหนังสือท่ี นร ๑๙๐๕/๘๑๓ ลงวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๔๓ พอสรุปได้ดังนี้ กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะสานักงานกลางเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตได้รวบรวมข้อมูลและสรุปผลการตรวจสอบรายการธรรมะทางสถานีวิทยุกระจายเสียงระบบ เอ.เอ็ม จานวน ๓๘ สถานี ที่มีรายการธรรมะปฏิบัติฝ่าฝืนกฎ ระเบียบวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ คือ เชิญชวนพุทธศาสนิกชนบริจาคทรัพย์ ตลอด ๑๘๖ คู่มือพระสังฆาธกิ าร

รายการใช้คาพูดท่ีไม่เหมาะสม เผยแผ่คาสอนไม่ถูกต้องตามหลักศาสนาพร้อมท้ังขอความอนุเคราะห์จากกรมการศาสนาชว่ ยพิจารณา ๒ เร่อื ง คอื ๑. หลวงตามหาบวั ได้ออกอากาศเผยแผ่ธรรมะหลายสถานีพร้อมทงั้ เชิญชวนประชาชนชว่ ยบรจิ าคทรัพยช์ ว่ ยชาติ โดยไม่ขออนุญาต ตามคาสั่งมหาเถรสมาคม เร่ือง ควบคุมการเรีย่ ไร พ.ศ. ๒๕๓๙ ๒. พระครูโสภณธรรมานุศาสก์ เจ้าอาวาสวัดมหาโลก ได้มีหนังสือที่ วล.พิเศษ/๒๕๔๓ลงวันท่ี ๖ มกราคม ๒๕๔๓ ขอให้กรมประชาสัมพันธ์พิจารณาอนุโลมให้รายการธรรมะสามารถเรี่ยไรได้ เพื่อนามาเป็นค่าสถานีว่า กรมประชาสัมพันธ์จะอนุโลมให้รายการธรรมะสามารถเร่ียไรได้หรือไม่ หากอนุโลมให้เร่ียไรหรือบอกบุญได้จะกระทาได้มากน้อยเพียงใด เพื่อกรมประชาสัมพันธ์จะไดแ้ จง้ ใหส้ ถานวี ทิ ยกุ ระจายเสียงถอื ปฏิบัตติ อ่ ไป รายละเอียดตามสาเนาหนังสือกรมประชาสัมพันธ์ทไ่ี ด้แนบทลู ถวายและถวายมาพรอ้ มนี้ กรมการศาสนาพิจารณาแล้วเห็นควรแจ้งให้กรมประชาสัมพันธ์ทราบว่า วัดทุกวัดจะต้องปฏบิ ตั ิตามคาส่ังมหาเถรสมาคม เรอื่ งควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. ๒๕๓๙ อย่างเคร่งครัด และถ้าหากวัดใดมีความประสงค์จะทาการเรี่ยไร หรือการโฆษณาเรี่ยไร ก็สามารถทาได้ตามความในข้อ ๖ แห่งคาสั่งมหาเถรสมาคม เร่ืองควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือวัดใดมีความจาเป็นจะต้องทาการเรี่ยไรนอกบริเวณวัดเพื่อก่อสร้างหรือปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ ให้กระทาได้ โดยปฏิบัติตามความในข้อ ๘. (๑) (๒)(๓) และ (๔) แห่งคาส่ังมหาเถรสมาคม เรื่องควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. ๒๕๓๙ พร้อมทั้งมีหนังสือนมัสการไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดให้ช่วยสอดส่องดูแลวัดในสังกัดปฏิบัติตามคาสั่งของมหาเถรสมาคมโดยเคร่งครดั ตอ่ ไป เห็นสมควรนาเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา เพื่อกรมการศาสนาจะได้ดาเนินการต่อไป ทป่ี ระชุมพจิ ารณาแล้วลงมติ ๑. เห็นชอบตามที่กรมการศาสนาเสนอ ๒. ให้กรมการศาสนาแจง้ กรมประชาสัมพนั ธท์ ราบคาสง่ั มหาเถรสมาคม เร่อื ง ควบคมุ การเรยี่ ไร พ.ศ. ๒๕๓๙ ๓. ให้กรมการศาสนาติดตามเกบ็ ขอ้ มูล บนั ทึกเทปตามสถานวี ิทยุกระจายเสียงตา่ ง ๆ ทีอ่ อกอากาศเร่ียไร จงึ เรยี นมาเพื่อโปรดทราบ และดาเนนิ การตามมตมิ หาเถรสมาคมต่อไป (นายไพบลู ย์ เสียงก้อง) อธิบดีกรมการศาสนา เลขาธกิ ารมหาเถรสมาคม ๑๘๗ คู่มอื พระสงั ฆาธกิ าร

มติมหาเถรสมาคม คร้งั ที่ ๓๓/๒๕๔๓ สานักเลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมติท่ี ๕๒๓/๒๕๔๓เรอื่ ง พระภิกษุสามเณรผลิตยาและขายยาแผนโบราณภายในวัด ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งท่ี ๓๓/๒๕๔๓ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๓ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สานักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้มีหนังสือ ท่ี สธ ๐๘๐๔/๓/๘๗๙๒ลงวันท่ี ๙ สงิ หาคม ๒๕๔๓ แจง้ วา่ มพี ระภิกษุ วัดและสานักสงฆ์จานวนมากเข้ามามีส่วนเก่ียวข้องกับการกระทาผิดตามพระราชบัญญัตยิ า พ.ศ. ๒๕๑๐ ในหลายลกั ษณะ ดงั น้ี ๑. ใช้วัดเป็นสถานท่ีผลิตยา โดยพระภิกษุดาเนินการเองหรือยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามาดาเนินการโดยพระภิกษุหรือวัดไดร้ ับผลประโยชนต์ อบแทน ๒. พระภิกษุรับยาจากบุคคลภายนอกมาขายเอากาไรอีกต่อหนึ่ง บางครั้งใช้วัดเป็นศูนย์กลางในการกระจายยาไปยงั แหล่งอื่น ๆ ทั่วไประเทศ ๓. พระภิกษุรับยาจากบุคคลภายนอกเอาช่ือไปแอบอ้าง ว่ายานั้นได้ผ่านการปลุกเสกและรับรองสรรพคณุ ๔. โฆษณาตามสื่อสิ่งพิมพ์ หลอกลวงประชาชนว่าวัดหรือสานักสงฆ์มียาดี สามารถรักษาโรคร้ายไดโ้ ดยให้สั่งซอื้ ทางไปรษณยี ์ หรือไปซื้อท่ีวัด การกระทาข้างต้นน้ันเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ หลายสถานเชน่ ผลติ ยาและขายยาโดยไมไ่ ด้รบั อนุญาต ผลิตยาและขายยาท่ีมิได้ขึ้นทะเบียนตารับยา โฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต โฆษณาสรรพคุณเป็นเท็จจริงหรือเกินจริง ฯลฯ ซึ่งแต่ละข้อหามีระวางโทษจาหรือปรับ หรือทั้งจาและปรับ ซึ่งสานักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้พยายามแนะนาและตักเตือนวัดและสานักสงฆ์หลายแห่งมิให้กระทาผิด แต่บางรายที่เห็นว่าเป็นการกระทาผิดที่ร้ายแรงโดยเจตนา สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยาก็จาเป็นต้องดาเนินการตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่ายงั พบพระภกิ ษุ วดั และสานกั สงฆก์ ระทาผิดอยู่เสมอ อีกทง้ั ยงั เพ่ิมระดับความรุนแรงและกว้างขวางขึ้นเช่น กรณีท่ีเกิดข้ึน ณ วัดคีรีวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์ สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงได้ขอ ๑๘๘ คูม่ ือพระสงั ฆาธกิ าร

ความร่วมมือกรมการศาสนาช่วยสอดส่องดูแลและแนะนาวัดต่าง ๆ มิให้มีการกระทาผิดดังกล่าวเพ่ือความปลอดภัยของประชาชนกรมการศาสนาพิจารณาแล้ว เห็นสมควรนาเสนอมหาเถรสมาคม เพ่ือโปรดพิจารณาเพ่ือกรมการศาสนาจะได้รับสนองพระบัญชาไปดาเนินการแจ้งเจ้าคณะผู้ปกครองให้ปฏิบัติตามประกาศคณะสงฆ์ เร่ือง หา้ มพระภกิ ษสุ ามเณรประกอบอาชีพเป็นหมอหรือแพทย์ รักษาโรคตามท่ีได้ทูลถวายและถวายมาพร้อมน้ีทป่ี ระชุมพิจารณาแลว้ ลงมติแต่งตั้งคณะทางานขึ้นคณะหนง่ึ ประกอบด้วย๑. พระพรหมมนุ ี ประธานกรรมการ๒. พระพรหมเมธี รองประธานกรรมการ๓. พระธรรมกิตติวงศ์ กรรมการ๔. รองอธบิ ดีกรมการศาสนา กรรมการ(นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธ์ิ)๕. ผู้อานวยการกองควบคุมยา สานักงานคณะกรรมการ กรรมการอาหารและยา(นางรววิ รรณ ปรดี ีสนิท)๖. ผอู้ านวยการสานกั งานเลขาธิการมหาเถรสมาคม กรรมการ๗. หัวหน้าฝา่ ยสงั ฆการ กรรมการและเลขานุการให้มีหน้าท่ีพิจารณาเร่ืองพระภิกษุสามเณรผลิตยาและขายยาแผนโบราณภายในวัดแล้วนาเสนอมหาเถรสมาคม ส่วนกรณีวดั คีรีวงศ์ มอบเจา้ คณะใหญห่ นเหนอื พิจารณาสงั่ การ (นายไพบลู ย์ เสยี งกอ้ ง) อธบิ ดกี รมการศาสนา เลขาธกิ ารมหาเถรสมาคม ๑๘๙ คมู่ ือพระสังฆาธิการ

มติมหาเถรสมาคม ครัง้ ที่ ๒๒/๒๕๔๔ สานกั เลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมติที่ ๓๖๗/๒๕๔๔เร่อื ง สร้างปูชนียวตั ถุ รปู เคารพในวัด ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๒๒/๒๕๔๔ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๔ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ได้มีลิขิตท่ี จญ.ก. ๕๑/๒๕๔๔ ลงวนั ท่ี ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๔ แจ้งว่า วดั ต่าง ๆ ในประเทศไทยหลายแห่งได้สร้างปูชนียวัตถุรูปเคารพ เช่น รูปพระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม รูปพระมหากัจจายนะ รูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)วัดระฆัง ข้ึนไว้ที่วัดนั้น ๆ ใหญ่โตกว่า ประดิษฐานไว้ในท่ีสวยงามกว่าพระพุทธรูปประธานในอุโบสถน้ันๆ โดยวัตถุประสงค์น่าจะเกิดจากการต้องการให้ประชาชนมากราบไหว้บูชามาก ๆ เพ่ือจักได้ประโยชน์บารุงวัดต่อไปภายหน้า ชาวพุทธในประเทศไทยอาจสาคัญผิดคิดไปว่าปูชนียวัตถุรูปเคารพเหล่าน้ันมีความสาคัญย่ิงกว่าพระพุทธปฏิมา ซึ่งเป็นหลักประธานที่เคารพสูงสุดในวัด ถ้าเป็นชาวต่างประเทศซึ่งยังไม่ซาบซึ้งถึงธรรมเนียมประเพณีไทย ไม่เข้าใจทั่วถึงหลักคาสอนของพระพุทธศาสนากจ็ ักตัดสินใจโดยไม่ถกู ตอ้ ง ตามทตี่ นจะนกึ เดาเอง จึงสมควรที่วัดต่าง ๆ ทุกวัด ไม่สมควรจัดสร้างปูชนียวัตถุรูปเคารพทุกประเภทให้โตกว่าสวยงามกว่า เสมอกับพระพุทธรูปประธานในวัดนั้น ๆ โดยคาส่ังคณะกรรมการมหาเถรสมาคมซ่ึงเป็นองค์กรสูงสดุ ท่วี ัดทกุ วัดจะต้องเช่ือฟังและปฏิบตั ิตาม และขอใหก้ รมการศาสนานาเสนอมหาเถรสมาคม ท่ีประชุมพิจารณาแล้วลงมติว่า การสร้างปูชนียวัตถุ หรือรูปเคารพภายในวัดต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับพระประธานภายในพระอุโบสถ หรืออุโบสถ ถ้าจะสร้างให้ใหญ่ต้องรายงานเจ้าคณะผู้ปกครองตามลาดับจนถึงเจ้าคณะใหญ่ เม่ือได้รับอนุมัติแล้วจึงจะดาเนินการได้ และให้กรมการศาสนาแจง้ เจ้าคณะใหญ่ เพื่อส่งั การเจ้าคณะใหญ่ในเขตปกครองให้ปฏบิ ัติตามมตมิ หาเถรสมาคม ๑๙๐ คมู่ อื พระสงั ฆาธิการ

มติมหาเถรสมาคม ครง้ั ท่ี ๔/๒๕๔๕ สานกั เลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมติท่ี ๘๐/๒๕๔๕เรอื่ ง การสรา้ งพระพุทธรปู ปูชนียวัตถุ และรูปปัน้ ต่าง ๆ ท่ีใช้ประดบั ตกแต่งสถานที่ ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งท่ี ๔/๒๕๔๕ เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอวา่ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ได้ปรารภว่ามีวัดบางแห่งได้สร้างพระพุทธรูป ปูชนียวัตถุ และรูปปั้นประเภทต่าง ๆ ซ่ึงเป็นรูปป้ันท่ีไม่เหมาะสมกับจารีตประเพณีอันเป็นสาเหตุให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พุทธศาสนิกนโดยทั่วไป วัดต่าง ๆ จึงควรพิจารณาให้รอบคอบกอ่ นทจี่ ะดาเนนิ การจัดสร้างลงไป เหน็ สมควรเสนอมหาเถรสมาคมเพือ่ โปรดพจิ ารณา ทปี่ ระชุมพจิ ารณาแลว้ ลงมติ ดังนี้ ๑. จัดที่จะสร้างพระพุทธปฏิมา ให้ปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคมครั้งท่ี ๙/๒๕๔๑ เม่ือวันที่๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๑ ว่า พระพุทธเจ้าเป็นรัตนะท่ีเกษมสูงสุด บุรพาจารย์ท่ีสร้างพระพุทธปฏิมาจงึ พิจารณาด้วยความรอบคอบ ให้วดั ทุกวัดปฏิบัตติ ามจารตี ประเพณีดงั กลา่ วโดยเครง่ ครดั ๒. วัดที่จะสร้างปูชนียวัตถุ หรือรูปเคารพ ให้ปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม คร้ังท่ี ๒๒/๒๕๔๔ เม่ือวันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๔ ว่า การสร้างปูชนียวัตถุหรือรูปเคารพภายในวัด ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับพระประธานภายในพระอุโบสถ หรืออุโบสถ ถ้าจะสร้างให้ใหญ่ ต้องรายงานเจ้าคณะผปู้ กครองตามลาดับจนถงึ เจา้ คณะใหญ่ เมอ่ื ได้รบั อนุมตั ิแล้วจงึ จะดาเนินการสรา้ งได้ ส่วนวัดใดท่ีมีความประสงค์จะสร้างรูปเคารพ หรือรูปปั้นอื่นใด ควรยึดถือและปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคมทั้งสองข้อดังกล่าวโดยอนุโลม และให้กรมการศาสนาแจ้งเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดเพ่อื แจง้ ใหว้ ัดทกุ วัดในเขตปกครองทราบและถือปฏบิ ัติโดยท่ัวกัน (นายสทุ ธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสทุ ธ)์ิ รองอธิบดี ปฏิบตั ริ าชการแทน อธบิ ดกี รมการศาสนา ๑๙๑ คมู่ อื พระสงั ฆาธิการ

มตมิ หาเถรสมาคม ครง้ั ท่ี ๓๑/๒๕๔๕ สานกั เลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมติท่ี ๕๑๒/๒๕๔๕เรอ่ื ง การบวชภกิ ษุณี ในการประชุมมหาเถรสมาคมคร้ังที่ ๓๑/๒๕๔๕ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ในการประชุมคณะกรรมการความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา คร้ังท่ี ๘/๒๕๔๕เม่ือวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ท่ีประชุมซ่ึงมี พระพรหมมุนี เป็นประธาน ได้พิจารณารับรองมติเรอ่ื งการบวชภิกษณุ ี ซึ่งไดป้ ระชมุ ในคร้งั ท่ี ๗/๒๕๔๕ เมอ่ื วนั ที่ ๔ กันยายน ๒๕๔๕ ไวด้ งั นี้ ๑. คณะสงฆ์ยึดถือพระธรรมวินยั ซึง่ เปน็ พระพทุ ธบญั ญตั ิว่าด้วยการใหก้ ารบรรพชาอปุ สมบทหญิงเป็นภกิ ษุณี สิกขมานา และเป็นสามเณรี เปน็ หลักปฏิบัติ ๒. เห็นควรปฏบิ ัติตามประกาศมหาเถรสมาคม ว่าดว้ ยเร่ืองห้ามพระภิกษสุ ามเณรไมใ่ หบ้ วชหญงิ เป็นบรรพชติ พ.ศ. ๒๔๗๑ ตอ่ ไป ถงึ แม้ว่าจะไม่ไดร้ บั การอุปสมบทเปน็ ภิกษณุ ีก็สามารถสมาทานศีล ๘ เพ่อื เปน็ แนวทางปฏิบัติเพอ่ื บรรลุคุณธรรมช้นั สงู ได้ และทป่ี ระชมุ ได้พจิ ารณาเอกสารว่าดว้ ยเรือ่ งเกย่ี วกับภกิ ษุณี ซ่ึงรวบรวมและเรียบเรียงโดยคณะกรรมการความมน่ั คงแหง่ พระพุทธศาสนาพรอ้ มทัง้ลงมตใิ หน้ าเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดทราบ และในโอกาสท่ีสมควร จะได้ขออนุมตั ิเพื่อจดั พิมพ์เป็นเอกสารเผยแพร่แก่สาธารณชนตอ่ ไป ท่ีประชมุ รบั ทราบ (นายสทุ ธิวงศ์ ตนั ตยาพศิ าลสทุ ธ์ิ) ผอู้ านวยการสานักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ ๑๙๒ ค่มู อื พระสังฆาธิการ

มตมิ หาเถรสมาคม ครัง้ ท่ี ๑/๒๕๔๖ สานักเลขาธกิ ารมหาเถรสมาคมมตทิ ่ี ๕/๒๕๔๖เรื่อง ขอความอนเุ คราะห์ใหพ้ ระสงฆ์รว่ มรณรงคใ์ หป้ ระชาชนสมาทานศลี ๕ ในการประชุมมหาเถรสมาคม คร้ังที่ ๑/๒๕๔๖ เมื่อวันท่ี ๑๐ มกราคม ๒๕๔๖ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ด้วยรัฐบาลได้มีนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในสังคมปัจจุบัน อาทิปัญหาอาชญากรรม ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาการแตกแยกในครอบครัวที่เป็นสาเหตุสาคัญให้เกิดปัญหาแก่เด็กและเยาวชน ปัญหาการหลอกลวงฉ้อโกง และที่สาคัญได้แก่ปัญหายาเสพติด ซ่ึงปัญหาต่าง ๆ เหล่าน้ีเป็นสาเหตุบ่อนทาลายความมั่นคงของชาติ ทาให้รัฐบาลตอ้ งสูญเสียทัง้ กาลังคนและงบประมาณในการปอ้ งกนั และแก้ไขอย่างมากมายมหาศาล สานักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาตพิ จิ ารณาเหน็ ว่า วธิ กี ารหนง่ึ ทส่ี ามารถจะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวของรัฐบาลได้ก็คือ การรณรงค์ให้ประชาชนนาข้อปฏิบัติ ข้ันพื้นฐานของมนุษย์ที่เรียกว่ามนุสสธรรม อันได้แก่ ศีล ๕ มาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจาวันให้มากที่สุด ดังน้ันรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ซ่ึงได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้กากับดูแลงานท่ีอยู่ในความรับผิดชอบของสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติซ่ึงเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานเก่ียวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ได้ให้ความเห็นชอบให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนของสานักงานพระพุทธศาสนา-แห่งชาติ สมาทานศีล ๕ เป็นประจาทุกเดือน เพ่ือเป็นแบบอย่างแก่บุคคลท่ัวไป ปรากฏว่าได้ผลเป็นท่นี ่าพอใจระดับหนึง่ อย่างไรก็ตาม การท่ีจะช่วยในการป้องกันแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองให้ประสบผลสาเร็จอย่างจริงจังได้นั้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย โดยเฉพาะพระสงฆ์สามารถให้ความร่วมมอื กบั รฐั บาลได้ โดยการชว่ ยอนุเคราะหใ์ นการปลูกฝัง อบรม แนะนา สั่งสอน ตลอดจนจัดทาป้ายในวดั เพอ่ื รณรงคช์ กั ชวนให้ประชาชนปฏบิ ตั ติ ามแนวศีล ๕ อยา่ งจรงิ จัง ให้เป็นที่ยอมรับกันในสังคมว่าศีล ๕ เป็นข้อปฏิบัติขั้นพ้ืนฐานของพุทธศาสนิกชนทุกคน ก็จะสามารถช่วยให้การป้องกันแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองดังกล่าวให้ประสบผลสาเร็จได้แบบย่ังยืน เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาท่ีบุคคลซึ่งเป็น ๑๙๓ คมู่ อื พระสังฆาธิการ

สาเหตุของปัญหา โดยสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะมีหนังสือนมัสการขอความร่วมมือจากคณะสงฆ์ทุกวัดทั่วราชอาณาจักรเพ่ือดาเนินการในเรื่องนี้ พร้อมท้ังจักได้จัดทาคู่มือการดาเนินงานถวายต่อไป ท่ปี ระชมุ รบั ทราบ (นายสทุ ธวิ งศ์ ตนั ตยาพิศาลสทุ ธ์ิ) รองอธิบดีกรมการศาสนา รกั ษาการแทน ผู้อานวยการสานกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ ๑๙๔ คู่มอื พระสงั ฆาธิการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook