รายงานการวิจัย เรื่อง ระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพื่อสนบั สนุนการพัฒนาตนเอง ของบคุ ลากรอุดมศึกษา โครงการมหาวิทยาลยั ไซเบอร์ไทย สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา
รายงานการวิจัย เรอ่ื ง ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่อื สนบั สนนุ การพฒั นาตนเอง ของบคุ ลากรอุดมศึกษา พิมพ์คร้งั ที่ 1 มกราคม 2561 จดั พิมพเ์ ผยแพร่ โครงการมหาวิทยาลยั ไซเบอรไ์ ทย สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา 328 ถนนศรีอยธุ ยา ราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 02 039 5674 โทรสาร 02 039 5658 www.ThaicyberU.go.th
สารบัญ หน้า บทสรุปสาหรับผบู้ ริหาร.......................................................................................................................................................... ก บทที่ 1 บทนา..................................................................................................................................................................... 1 หลกั การและเหตุผล............................................................................................................................................... 1 วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั .................................................................................................................................... 3 ขอบเขตของการศึกษา........................................................................................................................................... 3 ประโยชนท์ ไี่ ด้รับ.................................................................................................................................................... 4 กรอบแนวคดิ การวจิ ัย............................................................................................................................................ 5 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยท่เี กย่ี วขอ้ ง............................................................................................................................. 6 สมรรถนะของบคุ ลากรอุดมศึกษา.......................................................................................................................... 6 การวางแผนพฒั นาตนเอง...................................................................................................................................... 13 การประเมนิ สมรรถนะของบคุ ลากรอุดมศึกษา...................................................................................................... 14 แหล่งเรยี นรูอ้ อนไลนเ์ พอ่ื การพัฒนาสมรรถนะ...................................................................................................... 24 การพฒั นาระบบสารสนเทศ................................................................................................................................... 42 บทที่ 3 วิธดี าเนนิ การวจิ ัย................................................................................................................................................... 44 ขน้ั ตอนท่ี 1 การพัฒนาระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพอ่ื สนับสนุนการพฒั นาตนเองของบุคลากรอดุ มศึกษา 45 ข้ันตอนที่ 2 การประเมนิ ระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พื่อสนับสนนุ การพฒั นาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา 48 ขน้ั ตอนท่ี 3 การรบั รองระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พื่อสนบั สนุนการพฒั นาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา 50 บทท่ี 4 บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล............................................................................................................................... 52 ตอนท่ี 1 ผลการพฒั นาระบบวเิ คราะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พือ่ สนับสนนุ การพฒั นาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา 52 ตอนท่ี 2 ผลการประเมนิ ระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนนุ การพัฒนาตนเองของบคุ ลากรอุดมศึกษา 57 ตอนที่ 3 ผลการรบั รองระบบวเิ คราะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พือ่ สนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา 67 บทท่ี 5 บทที่ 5 ผลการวจิ ัย ระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพ่อื สนบั สนนุ การพฒั นาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา 71 บทท่ี 6 สรปุ ผลการวจิ ัย อภิปรายผลการวิจัย และข้อเสนอแนะ........................................................................................ 104 สรปุ ผลการวจิ ยั ...................................................................................................................................................... 104 อภปิ รายผลการวจิ ยั .............................................................................................................................................. 107 ขอ้ เสนอแนะ.......................................................................................................................................................... 113 บรรณานกุ รม.......................................................................................................................................................................... 115 ภาคผนวก............................................................................................................................................................................... 120 คณะผจู้ ัดทา............................................................................................................................................................................ 167
ก บทสรปุ ผบู้ รหิ าร รายงานการวจิ ยั เรือ่ ง ระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนการพฒั นาตนเองของบคุ ลากรอุดมศึกษา ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา การบริหารสถาบันอุดมศึกษาในกระแสการเปล่ียนแปลงของโลก ได้ให้ความสาคัญต่อการพัฒนา ศักยภาพของบุคลากรเป็นอย่างมาก และยิ่งทวีความสาคัญมากข้ึนเม่ือสถาบันอุดมศึกษาต้องการจะเพ่ิม ความสามารถในการแข่งขนั กนั และความอยู่รอดของสถาบัน บุคลากร คือทรัพยากรท่ีมีค่าเป็นหัวใจสาคัญ เป็นกลไกขับเคล่ือนภารกิจตา่ ง ๆ ที่จะทาให้สถาบันอุดมศึกษาพัฒนาไปให้บรรลุเป้าหมายอย่างมี สัมฤทธิผล ศักยภาพของบุคลากรเป็นตัวบ่งชี้ความสาเร็จในการดาเนินงานของสถาบัน บุคลากรที่มี ความสามารถปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมทาให้สถาบันอุดมศึกษามีความเจริญ ก้าวหน้า นาพาไปสู่ความสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย การพัฒนาบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษานั้นมีการนากลยุทธ์หรือวิธีการพัฒนาบุคลากรมาใช้ หลายวิธีการด้วยกัน เช่น การจัดการทรัพยากรบุคคลโดยใช้ทักษะเป็นพ้ืนฐาน การบริหารผลการปฏิบัติงาน และการบริหารทรัพยากรบุคคลโดยใช้สมรรถนะเป็นฐาน จากกลยุทธ์ในการพัฒนาบุคลากรดังกล่าว การบริหารทรัพยากรบุคคลโดยใช้สมรรถนะเป็นฐาน นับเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมใช้มาก เน่ืองจากสมรรถนะเป็นคุณลักษณะเชิงพฤติกรรมของบุคคลที่เป็นผลมาจากความรู้ ทักษะ ความสามารถท่ีทาให้บุคคลสามารถสร้างผลงาน การท่ีจะทาให้บุคคลทุกคนในสถาบันอุดมศึกษามี สมรรถนะ เหมอื นกนั ไดน้ นั้ ตอ้ งมกี ารกาหนดเป็นคุณลักษณะร่วมซึ่งทาให้เกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์ คือ 1 ) สมรรถนะหลัก (Core Competency) ประกอบด้วย 5 ประการ คือ การมุ่งผลสัมฤทธ์ิ การบริการที่ดี การสั่งสมความเชี่ยวชาญในอาชีพ การยึดม่ันในความถูกต้องชอบธรรมและจริยธรรม การทางานเป็นทีม 2) สมรรถนะตามบทบาทหน้าที่ หรือสมรรถนะประจาสายงาน (Functional Competency) สาหรับบุคลากรกลุม่ งานทีแ่ ตกต่างกนั และ 3) สมรรถนะกลุ่มความรู้ในงาน (Job Competency) สานกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น (ก.พ.) หน่วยงานท่ีกากับดูแลการบริหารงานบุคคล ของข้าราชการพลเรือนในประเทศ ไทยได้กาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าราชการพลเรือน โดยส่งเสริมสนับสนุน และผลักดันให้ส่วนราชการเห็นความสาคัญของการพัฒนาข้าราชการตามกรอบ ยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าราชการพลเรือน มุ่งเน้นพัฒนาข้าราชการโดยยึดหลักสมรรถนะ และการพัฒนา ขีดความสามารถ เพื่อให้ข้าราชการเป็นผู้ปฏิบัติงานท่ีทรงความรู้ สามารถปฏิบัติงานภายใต้หลักการ บริหารกิจการบ้านเมืองทดี่ ี และระบบบรหิ ารจดั การภาครัฐแนวใหมไ่ ดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ ให้ก้าวทัน การเปลย่ี นแปลง สามารถพฒั นางานในหนา้ ทอี่ ย่างตอ่ เน่อื ง ทาให้หน่วยราชการท้งั หลายไดน้ าสมรรถนะหลัก สมรรถนะประจาสายงาน และสมรรถนะกลุ่มความรู้ในงาน มาใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคล สถาบันอุดมศึกษาสังกัดรัฐท้ังหลาย และสถาบันอุดมศึกษาในกากับรัฐ ที่มีบุคลากรในสังกัด
ข ทั้งข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย และพนักงานมหาวิทยาลัย จึงใช้วิธีการบริหารทรัพยากร บุคคลโดยยึดหลักสมรรถนะเช่นกัน โดยสมรรถนะหลักของบุคลากรอุดมศึกษาเป็นคุณลักษณะหรือ ความสามารถท่บี คุ ลากรทกุ ตาแหน่งทจ่ี าเปน็ สาหรับการปฏิบตั ิงานภายในสถาบนั อดุ มศึกษาซึ่งจะช่วย สนับสนุนวิสัยทัศน์ พันธกิจ และความสามารถหลักของแต่ละสถาบัน หรือเป็นเรื่องท่ีสถาบันมีความ ชานาญท่ีสุด ซึ่งเป็นแกนหลักในการทาให้บรรลุพันธกิจ และพัฒนาขีดความสามารถ สร้างความ ได้เปรียบในการจดั การศึกษาของสถาบันต่อไปอีกทางหนงึ่ การบริหารและพัฒนาบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาที่ใช้หลักสมรรถนะ ด้วยวิธีการให้ บุคลากรประเมินตนเองเป็นรายบุคคล ซึ่งเป็นการทบทวนความรู้ ความสามารถ ทักษะของบุคลากร แต่ละบุคคลว่ามีประสิทธิภาพ ต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ที่องค์กรมอบหมายเพียงใด เป็นวิธีการ สาคัญของการได้คาตอบว่าบุคคลมีสมรรถนะในระดับใด เพียงใด ถึงระดับตามที่สถาบันต้องการ หรอื ไม่ ต้องไดร้ ับการพัฒนาสมรรถนะหรือไม่ ในการพัฒนาสมรรถนะของบุคคลท่ีมีประสิทธิภาพคือ การวางแผนพัฒนาตนเอง (Individual Development Plan : ID Plan) ) เป็นเคร่ืองมือ ในการพัฒนา บุคลากรโดยยึดหลักการประเมินสมรรถนะ ซ่ึงจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถรู้จุดเด่น จุดด้อยของ ความสามารถในการปฏิบัติงานของตน และสามารถพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการ ที่จาเป็นของหน่วยงานหรือองค์กร และของตนเองอย่างแท้จริง อีกท้ังจะทาให้การพัฒนาบุคลากร อุดมศึกษาน้ันมีการวางเป้าหมายเพื่อพัฒนาบุคลากรโดยยึดหลักการประเมินสมรรถนะหลักท้ัง 5 ด้าน และสมรรถนะประจาสายงาน ซ่ึงจะช่วยให้รู้จุดเด่น จุดด้อยของความสามารถในการปฏิบัติงานของตน และ สามารถพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการจาเป็นของสถาบันอุดมศึกษาที่ตนสังกัด และความต้องการของตนเองอย่างแท้จริง ดังนั้นการพัฒนาบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา จึงควรมุ่งเน้น ให้บคุ ลากรได้พัฒนาตนเองตามแนวทางดังกล่าว โดยเรม่ิ ตน้ จากการประเมนิ สมรรถนะ การจัดทาแผนพัฒนา ตนเอง และดาเนนิ การพฒั นาตามแผนพฒั นาตนเองจนมีสมรรถนะตามความต้องการของหนว่ ยงาน การนาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยใช้เครื่องมือออนไลน์ในรูปแบบเว็บเพจ ท่ีสามารถคานวณและวิเคราะห์สมรรถนะของผู้ประเมินจากการประเมินโดยผู้บังคับบัญชา เพื่อน และการประเมนิ ตนเอง โดยสามารถบอกจุดแข็งและจุดอ่อนในด้านต่าง ๆ และนาเสนอส่ิงที่เหมาะสม ในการพัฒนาตนเองของผู้ประเมิน โดยระบบยังคงนาเสนอหลักสูตรออนไลน์แบบเปิดที่สามารถให้ผู้ เข้าประเมินได้ศึกษาหาความรู้เพ่ือท่ีจะปรับปรุงและต่อยอดในการพัฒนาตนเอง โดยระบบสามารถ เชื่อมโยง โดยเสนอแหล่งความรู้ท่ีเหมาะสมให้บุคลากรเรียนรู้เพ่ือพัฒนาตนเอง โดยจะนาเสนอ หลักสูตรออนไลน์แบบเปิดสาหรับมวลชน (Massive open Online course: MOOC) แหล่งทรัพยากร การเรียนรู้แบบเปิด (Open Educational Recourses: OER) และบทเรียนออนไลน์ในเว็บไซต์อื่น ๆ ท่ีผ่านการคัดสรรว่าสามารถให้ผู้ประเมินได้ศึกษาหาความรู้เพ่ือที่จะปรับปรุงและต่อยอดในการพัฒนา ตนเองต่อไป
ค การพัฒนาบุคลากรอุดมศึกษา โดยการพัฒนาระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุน การพัฒนาตนเอง เพ่ือให้บุคลากรสามารถที่จะประเมินตนเองและปรับจุดแข็งจุดด้อย ว่ามีความเหมาะสม อยใู่ นระดบั ใด อกี ท้ังจากการวิเคราะหข์ องระบบจะสามารถนามาประกอบใชใ้ นการพิจารณาเพื่อเสนอ แนวทางการพัฒนาบุคลากรที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต เพ่ือให้บุคลากร สามารถดาเนินการพัฒนา ตนเองตามระบบการพัฒนาบุคลากร ได้อย่างถูกต้องตามกระบวนการ สามารถพัฒนาสมรรถนะของตนเอง เพิ่มขึ้น และส่งผลต่อหน่วยงานหรือสถาบันอุดมศึกษาที่บุคลากรสังกัดต่อไป ผู้วิจัยจึงตระหนัก และเล็งเห็นถึงความจาเป็นดังกล่าวในการพัฒนาระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุน การพัฒนาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา เพ่ือเป็นประโยชน์ในการนาแนวทางการพัฒนาบุคลากร อุดมศึกษาเหล่าน้ีมาใช้ เพื่อพัฒนาบุคลากรอุดมศึกษาท่ีมีคุณลักษณะที่เหมาะสม ซึ่งเป็นบทบาท ท่สี าคัญอย่างย่งิ ในการพัฒนาสถาบันอดุ มศกึ ษาต่อไป วัตถปุ ระสงค์การวิจัย 1. เพ่ือพัฒนาระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากร อดุ มศกึ ษา 2. เพื่อประเมินระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนการพัฒนาตนเองของ บคุ ลากรอุดมศกึ ษา สรุปผลการวิจัย ขอนาเสนอเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 พฒั นาระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนการพฒั นาตนเองของ บุคลากรอุดมศึกษา ดาเนินการตามขนั้ ตอน ดงั น้ี 1.1 ศึกษา ข้อมูล เอกสารงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับระบบวิเคราะห์สมรรถนะแบบออนไลน์ และเว็บไซต์ รวมถึงตัวอย่างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสมรรถนะบุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ แล้วนามาวิเคราะห์ และสังเคราะห์โดยกาหนดเป็นองค์ประกอบของระบบวิเคราะห์สมรรถนะ ออนไลนเ์ พื่อสนบั สนุนการพฒั นาตนเองของบุคลากรอดุ มศกึ ษา 1.2 สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญจานวน 9 คน และประชุมระดมคิดเห็นความผู้เชี่ยวชาญจานวน 12 คน เพ่ือรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่มีต่อระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือ สนบั สนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรอดุ มศึกษา 1.3 พัฒนาระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา ตามผลการศึกษาเป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และตรวจสอบความถูกต้องและคุณภาพของการใช้งาน
ง แล้วนาระบบฯ ข้ึนสู่อินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ http://cpd.thaicyberu.go.th ดังภาพหน้าเว็บเพจ ดา้ นล่าง ภาพหน้าเว็บเพจ http://cpd.thaicyberu.go.th จากการดาเนินการท้ัง 3 ขั้น สรุปผลการพัฒนาระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือ สนับสนุนการพฒั นาตนเองของบคุ ลากรอุดมศึกษา ดังน้ี ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คอื 1) ปจั จยั นาเขา้ 2) กระบวนการของระบบวิเคราะห์สมรรถนะ และ 3) ผลลัพธท์ ี่ได้จากระบบ ดงั มรี ายละเอยี ดของแตล่ ะองค์ประกอบ ดงั แผนภาพ
จ แผนภาพ ระบบวเิ คราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนบั สนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรอดุ มศึกษา จดุ มุ่งหมายของระบบ : เพื่อวิเคราะห์ ตรวจสอบสมรรถนะ และแนะนาแหล่งเรยี นรู้เพอื่ การพัฒนาตนเองของบคุ ลากร อุดมศึกษา ปัจจยั นาเข้า กระบวนการของระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะ ผลลพั ธ์ 1.บคุ ลากรอดุ มศึกษาที่ 1.การประเมินสมรรถนะ 1.บุคลากรทราบผลการ ประสงคร์ ับการประเมนิ ประเมนิ ตนเอง และขอ้ มูล ตนเอง 2. การคานวณผลการประเมินสมรรถนะเปรียบเทียบ ยอ้ นกลับดา้ นสมรรถนะ กบั ระดับความคาดหวัง 2. บุคลากรได้ขอ้ มูล 2. รายการประเมนิ สมรรถนะ สาหรับวางแผนการพฒั นา 3. การจัดทาแผนพฒั นาตนเองเป็นรายบุคคล (ID Plan) ตนเอง เพอ่ื ปรับปรุงและ 3. การประเมนิ ตนเองดว้ ย รบั การประเมนิ สมรรถนะ ระบบการประเมินโดย 4. การแนะนาแหล่งเรียนรู้ให้กับบุคลากรตามผล ครัง้ ต่อไป เพือ่ นร่วมงานการประเมนิ การวเิ คราะหส์ มรรถนะ 3. บุคลากรได้แนวทางใน โดยผ้บู งั คับบัญชา การพัฒนาตนเองโดยการ 5. การกาหนดความก้าวหน้าในการเรยี นของตนเอง เรยี นออนไลน์ และการ เรยี นออนไลนแ์ บบ MOOC 6. การรายงานแผนพัฒนาตนเองและรายงานผล 4. หัวหนา้ งานสามารถ การพฒั นาตนเองเป็นรายบุคคล ทราบผลการพัฒนาตนเอง ของบุคลากรในสังกดั 5. ระบบฯ สะท้อนให้ บคุ ลากรเหน็ ความกา้ วหนา้ สามารถวางแผนการพฒั นา ตนเองได้ ตอนท่ี 2 ผลการประเมินระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนการพฒั นาตนเอง ของบุคลากรอดุ มศึกษา 2.1 ผลประเมินระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนการพัฒนาตนเอง ของบุคลากรอุดมศึกษา โดยผู้เช่ียวชาญจานวน 9 คน พบว่าระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ มีความเหมาะสมมาก ตามลาดับ คือ 1) คู่มือการใช้งาน ในส่วนของภาพรวมมีความเหมาะมาก ( X =4.80, S.D.=0.45) 2) ความเหมาะสมของคุณสมบัติของระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อ สนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา (สาหรับผู้ใช้) ( X =4.78, S.D.=0.20)
ฉ 3) คุณสมบัติของระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากร อุดมศึกษา (สาหรับผู้ดูแลระบบประจาหน่วยงาน) ( X =4.78, S.D.=0.19) และ 4) คุณสมบัติของระบบ วิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา (สาหรับผู้ดูแลระบบ) ( X =4.73, S.D.=0.17) 2.2 ผลการศึกษาความคิดเห็นและการทดลองใชง้ านระบบของกลุ่มตวั อย่างทมี่ ีต่อ ระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลน์ฯ พบวา่ กลมุ่ ตัวอย่างจานวน 108 คน จากสถาบนั อุดมศกึ ษา 4 ภูมิภาคทว่ั ประเทศ และสานักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา มีความคดิ เห็นตอ่ ระบบว่ามีความ เหมาะสมในระดับมาก เรยี งลาดับดังนี้ 1) ดา้ นทศั นคติ ( X =4.07, S.D.=0.02) 2) ดา้ นการยอมรบั รปู แบบ ( X =3.83, S.D.=0.07) และ 3) ด้านความเปน็ ไปได้ทางด้านปฏิบัติ ( X =-3.76, S.D.=0.04) 2.2.1 ด้านทัศนคติ พบว่ามีความเหมาะสมมาก เรียงตามลาดับ คือ 1.) กลุ่มตัวอย่างยินดีตอบคาถามเรื่องการใช้งานระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ แก่เพื่อนร่วมงาน ( X =4.17, S.D.=0.75) 2) ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ มีความคุ้มค่าในการนาไปใช้ ประโยชน์ ( X =4.11, S.D.=0.80) 3) ความชอบใช้งานระบบระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ ( X =4.04, S.D.=0.81) และ 4) การใช้งานระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ ( X =3.97, S.D.=0.77) 2.2.2 ด้านความเป็นไปได้ทางการปฏิบัติ ความคิดเห็นต่อความเหมาะสม ของระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะออนไลนฯ์ อยู่ในระดับมาก เรียงตามลาดับ คือ 1) สามารถใช้งานระบบ วิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ ได้อย่างท่ีต้องการมากท่ีสุด ( X =3.85, S.D.=0.82) 2) สามารถ ประเมินสมรรถนะและวางแผนพัฒนาตนเองด้วยระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ ( X =3.83, S.D.=0.80) และ 3) เม่ือเกิดปัญหาในขณะใช้งานระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ กลุ่มตัวอย่าง สามารถหาทางแก้ไขปญั หาได้ ( X =3.61, S.D.=0.89) 2.2.3 ด้านการยอมรับรูปแบบ ความคิดเห็นต่อความเหมาะสมของระบบ วิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ อยู่ในระดับมาก เรียงตามลาดับ คือ 1) กลุ่มตัวอย่างจะนาระบบ วิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ น้ี ไปใช้ในการทางานในอนาคตมากที่สุด ( X =3.88, S.D.=0.86) 2) กลุ่มตัวอย่างพอใจในการทากิจกรรมการประเมินสมรรถนะและวางแผนพัฒนาตนเองด้วยระบบ วิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ ( X =3.86, S.D.=072) 3) กลุ่มตัวอย่างพอใจการประเมินสมรรถนะ และวางแผนพัฒนาตนเองด้วยระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ ( X =3.83, S.D.=075) และ 4) กลุ่มตัวอย่างเล่าประสบการณ์การใช้งานระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ แก่เพื่อนคนอื่นได้ ( X =3.73, S.D.=087)
ช ตอนท่ี 3 การรับรองระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พื่อสนับสนนุ การพฒั นาตนเองของ บุคลากรอุดมศึกษา ดาเนนิ การโดย 1.สร้างแบบรับรองระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนการพัฒนาตนเองของ บคุ ลากรอุดมศกึ ษา 2. นาแบบรับรองระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองของ บุคลากรอดุ มศกึ ษา ไปใหผ้ ู้ทรงคณุ วฒุ ิ จานวน 5 คน 3. เก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการรับรองระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ เพือ่ สนับสนนุ การพฒั นาตนเองของบคุ ลากรอุดมศกึ ษา 4. นาข้อมูล ข้อเสนอแนะ และความคิดเห็นท่ีได้มาปรับปรุงแก้ไขระบบวิเคราะห์สมรรถนะ ออนไลนเ์ พือ่ สนบั สนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรอดุ มศึกษา 5. นาเสนอระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากร อุดมศึกษา ผลการวจิ ยั ผลการประเมินรับรองระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนการพัฒนา ตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิรับรองระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ฯ ว่ามี ความเหมาะสมในระดับมากท่ีสุดทุกประเด็น และทุกรายการประเมิน ตามลาดับ ดังนี้ 1. ด้าน คุณสมบัติของระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากร อุดมศึกษา (สาหรับผู้ใช้) ( X =4.98, S.D.=0.13) 2. ด้านคุณสมบัติของระบบวิเคราะห์สมรรถนะ ออนไลน์เพ่ือสนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา (สาหรับผู้ดูแลระบบ) ( X =4.97, S.D.=0.13) 3. ด้านคุณสมบัติของระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนการพัฒนาตนเอง ของบุคลากรอุดมศึกษา (สาหรับผู้ดูแลระบบประจาหน่วยงาน) ( X =4.95, S.D.=0.19) และ 4. คมู่ อื การใช้งาน ( X =4.92, S.D.=0.24) ขอ้ เสนอแนะจากการวจิ ัย 1. หนว่ ยงานในสถาบันอุดมศึกษามีความต้องการนาระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ เพ่ือ สนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากรนี้ไปใช้งานสามารถเพ่ิม และลดรายการประเมินสมรรถนะ ตามกรอบภาระงานไดต้ ามประเดน็ การประเมินสมรรถนะของหน่วยงาน 2. การพัฒนาระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ ในขนั้ ทส่ี ูงขน้ึ น้นั ผูด้ แู ลระบบประจาสถาบัน หรอื หน่วยงานสามารถปรับแต่งองค์ประกอบระบบได้ 3. สถาบันอุดมศึกษา ควรใช้ระบบน้ีเช่ือมโยงกับระบบสารสนเทศอ่ืน ๆ ท่ีสถาบันใช้งานอยู่ เช่น ระบบประเมนิ อาจารย์ ระบบสารสนเทศบุคลากร เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในท่ีสามารถลด ความซ้าซ้อนของขอ้ มูล และสามารถเสนอผลของสารสนเทศไดห้ ลาย ๆ ชอ่ งทาง
ซ 4. ควรมีคณะกรรมการพัฒนาบุคลากร หรือหน่วยพัฒนาบุคลากร ที่ทาหน้าที่เสนอแนะ เพม่ิ เติมแหล่งการเรียนรู้ท้ัง แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ และการเรียนแบบเปิดเพื่อมวลชน ท่ีเป็นลิงค์ อินเทอร์เน็ตภายนอกให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้เป็นแหล่งพัฒนาบุคลากรท่ีเหมาะสม ทันสมัย ตลอดเวลา 5. สถาบันอดุ มศึกษาต้องมีหน่วยงานหรือบคุ ลากรทาหน้าที่ดูแลงานพัฒนาระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ และดูแลงานพัฒนาบุคลากร ควบคู่กัน เพื่อส่งเสริมให้การพัฒนาระบบพัฒนาสมรรถนะ บคุ ลากรใช้งานไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพท่สี ุด 6. ควรมีการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาระบบเพื่อประเมินสมรรถนะวิชาชีพ ตามสายงานโดย พฒั นาต่อยอดจากงานวิจยั เรื่องน้ี 7. ควรมกี ารศกึ ษาเก่ยี วกบั การวเิ คราะห์ผลการพัฒนาตนเองตามสมรรถนะที่พึงประสงค์ของ บคุ ลากรอดุ มศกึ ษา 8. ควรมีการศึกษาและพัฒนาระบบต่อไปในด้านการพัฒนาระบบการประเมินผลสมรรถนะ บุคลากรอดุ มศกึ ษา เป็นระบบที่ประเมินบุคลากรโดยหัวหนา้ งาน
บทท่ี 1 บทนำ บทที่ 1 บทนำ หลกั กำรและเหตุผล กำรบริหำรสถำบันอุดมศึกษำในกระแสกำรเปล่ียนแปลงของโลก ได้ให้ควำมสำคัญต่อกำรพัฒนำ ศักยภำพของบุคลำกรเป็นอย่ำงมำก และย่ิงทวีควำมสำคัญมำกขึ้นเมื่อสถำบันอุดมศึกษำต้องกำรจะเพ่ิม ควำมสำมำรถในกำรแข่งขนั กัน และควำมอยู่รอดของสถำบัน บุคลำกร คือทรัพยำกรที่มีค่ำเป็นหัวใจสำคัญ เปน็ กลไกขบั เคล่ือนภารกิจตา่ ง ๆ ที่จะทำให้สถำบันอุดมศึกษำพัฒนำไปให้บรรลุเป้ำหมำยอย่ำงมีสัมฤทธิผล ศักยภำพของบุคลำกรเป็นตัวบ่งช้ีควำมสำเร็จในกำรดำเนินงำนของสถำบัน บุคลำกรท่ีมีควำมสำมำรถ ปฏิบัติตำมบทบำทหน้ำที่ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ย่อมทำให้สถำบันอุดมศึกษำมีควำมเจริญก้ำวหน้ำ นำพำไปส่คู วำมสำเรจ็ ตำมเปำ้ หมำย กำรพัฒนำบุคลำกรของสถำบันอุดมศึกษำนั้นมีกำรนำกลยุทธ์หรือวิธีกำรพัฒนำบุคลำกร มำใช้หลำยวิธีกำรด้วยกัน เช่น กำรจัดกำรทรัพยำกรบุคคลโดยใช้ทักษะเป็นพื้นฐำน กำรบริหำร ผลกำรปฏิบัติงำน และกำรบรหิ ำรทรัพยำกรบุคคลโดยใช้สมรรถนะเป็นฐำน จำกกลยุทธ์ในกำรพัฒนำ บุคลำกรดังกล่ำว กำรบริหำรทรัพยำกรบุคคลโดยใช้สมรรถนะเป็นฐำน นับเป็นเคร่ืองมือที่ได้รับควำม นยิ มใชม้ ำก เนอื่ งจำกสมรรถนะเป็นคณุ ลักษณะเชงิ พฤติกรรมของบุคคลที่เปน็ ผลมำจำกควำมรู้ ทักษะ ควำมสำมำรถที่ทำให้บุคคลสำมำรถสร้ำงผลงำน กำรที่จะทำให้บุคคลทุกคนในสถำบันอุดมศึกษำ มีสมรรถนะ เหมือนกันได้น้ัน ต้องมีกำรกำหนดเป็นคุณลักษณะร่วมซึ่งทำให้เกิดพฤติกรรมที่ พึงประสงค์ คือ 1 ) สมรรถนะหลัก (Core Competency) ประกอบด้วย 5 ประกำร คือ กำรมุ่งผลสัมฤทธิ์ กำรบริกำรที่ดี กำรสั่งสมควำมเชี่ยวชำญในอำชีพ กำรยึดม่ันในควำมถูกต้องชอบธรรมและจริยธรรม กำรทำงำนเป็นทีม 2) สมรรถนะตำมบทบำทหน้ำท่ี หรือสมรรถนะประจำสำยงำน (Functional Competency) สำหรับบุคลำกรกลุ่มงำนท่ีแตกต่ำงกัน และ 3) สมรรถนะกลุ่มควำมรู้ในงำน (Job Competency) สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน (ก.พ.) หนว่ ยงำนที่กำกับดูแลกำรบริหำรงำนบุคคล ของข้ำรำชกำรพลเรือนในประเทศไทย ได้กำหนดยุทธศำสตร์กำรพัฒนำข้ำรำชกำรพลเรือน โดยส่งเสริมสนับสนุน และผลักดันให้ส่วนรำชกำรเห็นควำมสำคัญของกำรพัฒนำข้ำรำชกำรตำมกรอบ ยุทธศำสตร์กำรพัฒนำข้ำรำชกำรพลเรือน มุ่งเน้นพัฒนำข้ำรำชกำรโดยยึดหลักสมรรถนะ และกำรพัฒนำ ขีดควำมสำมำรถ เพ่ือให้ข้ำรำชกำรเป็นผู้ปฏิบัติงำนที่ทรงควำมรู้ สำมำรถปฏิบัติงำนภำยใต้หลักกำรบริหำร กิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี และระบบบริหำรจัดกำรภำครัฐแนวใหม่ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ให้ก้ำวทัน กำรเปลี่ยนแปลง สำมำรถพัฒนำงำนในหน้ำท่ีอย่ำงต่อเน่ือง หน่วยรำชกำรทั้งหลำยจึงได้นำสมรรถนะ หลัก สมรรถนะประจำสำยงำน และสมรรถนะกลุ่มควำมรู้ในงำน มำใช้ในกำรบริหำรทรัพยำกรบุคคล ระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนนุ กำรพัฒนำตนเองของบุคลำกร 1 อดุ มศึกษำ
บทที่ 1 บทนำ สถำบันอุดมศึกษำสังกัดรัฐท้ังหลำย และสถำบันอุดมศึกษำในกำกับรัฐ ที่มีบุคลำกรในสังกัด ท้ังข้ำรำชกำรพลเรือนในมหำวิทยำลัย และพนักงำนมหำวิทยำลัย จึงใช้วิธีกำรบริหำรทรัพยำกร บุคคลโดยยึดหลักสมรรถนะเช่นกัน โดยสมรรถนะหลักของบุคลำกรอุดมศึกษำเป็นคุณลักษณะหรือ ควำมสำมำรถทบี่ คุ ลำกรทุกตำแหน่งที่จำเป็นสำหรบั กำรปฏิบตั งิ ำนภำยในสถำบันอุดมศึกษำซ่ึงจะช่วย สนับสนุนวิสัยทัศน์ พันธกิจ และควำมสำมำรถหลักของแต่ละสถำบัน หรือเป็นเร่ืองท่ีสถำบันมีควำม ชำนำญทีส่ ุด ซ่งึ เป็นแกนหลกั ในกำรทำให้บรรลุพันธกิจ และพัฒนำขีดควำมสำมำรถ สร้ำงควำมได้เปรียบ ในกำรจดั กำรศกึ ษำของสถำบันตอ่ ไปอกี ทำงหน่ึง กำรบริหำรและพัฒนำบุคคลำกรของสถำบันอุดมศึกษำท่ีใช้หลักสมรรถนะ ด้วยวิธีกำรให้ บุคลำกรประเมินตนเองเป็นรำยบุคคล เป็นกำรทบทวนควำมรู้ ควำมสำมำรถ ทักษะของบุคลำกรแต่ ละบคุ คลวำ่ มีประสิทธิภำพ ต่อกำรปฏิบัติงำนในหน้ำที่ที่องค์กรมอบหมำยเพียงใด เป็นวิธีกำรสำคัญของ กำรได้คำตอบว่ำบุคคลมีสมรรถนะในระดับใด เพียงใด ถึงระดับตำมที่สถำบันต้องกำรหรือไม่ ต้องได้รับกำรพัฒนำสมรรถนะหรือไม่ ในกำรพัฒนำสมรรถนะของบุคคลที่มีประสิทธิภำพคือกำรวำงแผน พัฒนำตนเอง (Individual Development Plan : ID Plan) เป็นเครื่องมือ ในกำรพัฒนำบุคลำกร โดยยึดหลักกำรประเมินสมรรถนะ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงำนสำมำรถรู้จุดเด่น จุดด้อยของควำมสำมำรถ ในกำรปฏิบัติงำนของตน และสำมำรถพัฒนำตนเองให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรจำเป็นขอ ง หน่วยงำนหรือองค์กร และของตนเองอย่ำงแท้จริง อีกทั้งจะทำให้กำรพัฒนำบุคลำกรอุดมศึกษำนั้น มีกำรวำงเป้ำหมำยเพื่อพัฒนำบุคลำกรโดยยึดหลักกำรประเมินสมรรถนะหลักท้ัง 5 ด้ำน และสมรรถนะ ประจำสำยงำน ซ่ึงจะช่วยให้รู้จุดเด่น จุดด้อยของควำมสำมำรถในกำรปฏิบัติงำนของตน และสำมำรถ พัฒนำตนเองให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรจำเป็นของสถำบันอุดมศึกษำที่ตนสังกัด และควำมต้องกำร ของตนเองอย่ำงแท้จริง ดังน้ันกำรพัฒนำบุคลำกรในสถำบันอุดมศึกษำ จึงควรมุ่งเน้นให้บุคลำกรได้ พฒั นำตนเองตำมแนวทำงดังกล่ำว โดยเร่ิมตน้ จำกกำรประเมินสมรรถนะ กำรจัดทำแผนพัฒนำตนเอง และดำเนนิ กำรพัฒนำตำมแผนพัฒนำตนเองจนมีสมรรถนะตำมควำมต้องกำรของหน่วยงำน กำรนำเอำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรส่อื สำรในรูปแบบออนไลน์มำใชเ้ ป็นเครื่องมอื ในกำรประเมิน และวิเครำะห์สมรรถนะของบุคลำกรน้ี เป็นวิธีกำรสนับสนุนกำรพัฒนำตนเองของบุคลำกรท่ีดี เพรำะบุคลำกรสำมำรถประเมินตนเองผ่ำนระบบออนไลน์ สำมำรถเข้ำถึงด้วยอุปกรณ์เช่ือมต่อ อินเทอร์เน็ต ทั้งแบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไร้สำยในทุกรูปแบบ เม่ือเข้ำระบบวิเครำะห์ออนไลน์ แล้วทำกำรประเมินตนเอง ระบบจะแสดงผลกำรวิเครำะห์ให้ทรำบจุดแข็งจุดอ่อนของผู้รับกำรประเมิน วำ่ สมรรถนะอยใู่ นระดับใด จำกน้ันระบบสำมำรถนำเสนอแหล่งควำมรทู้ เ่ี หมำะสมในกำรพัฒนำตนเอง โดยจะนำเสนอหลักสตู รออนไลน์แบบเปิดสำหรับมวลชน (Massive open Online course: MOOC) แหล่งทรัพยำกรกำรเรียนรู้แบบเปิด (Open Educational Recourses: OER) และบทเรียนออนไลน์ ในเว็บไซต์อ่ืน ๆ ที่ผ่ำนกำรคัดสรรว่ำสำมำรถให้ผู้ประเมินได้ศึกษำหำควำมรู้เพ่ือท่ีจะปรับปรุงและต่อยอด ในกำรพัฒนำตนเองตอ่ ไป ระบบวเิ ครำะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พอ่ื สนบั สนุนกำรพฒั นำตนเองของบคุ ลำกร 2 อดุ มศึกษำ
บทท่ี 1 บทนำ ดังน้ัน สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอุดมศึกษำ ในฐำนะหน่วยงำนที่ประสำน ส่งเสริม สนับสนุนกำรดำเนินงำนของสถำบันอุดมศึกษำในทุกด้ำน ได้เล็งเห็นถึงควำมสำคัญของกำรพัฒนำ บุคลำกรอุดมศึกษำ โดยกำรพัฒนำระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนกำรพัฒนำตนเอง เพอ่ื ใหบ้ ุคลำกรสำมำรถที่จะประเมินตนเองและปรับจุดแข็งจุดด้อย ว่ำมีควำมเหมำะสมอยู่ในระดับใด อกี ทง้ั จำกกำรวเิ ครำะห์ของระบบจะสำมำรถนำมำประกอบใช้ในกำรพิจำรณำเพ่ือเสนอแนวทำงกำรพัฒนำ บคุ ลำกรท่เี หมำะสมตอ่ ไปในอนำคต เพ่ือให้บุคลำกร สำมำรถดำเนินกำรพัฒนำตนเองตำมระบบกำรพัฒนำ บุคลำกร ได้อย่ำงถูกต้องตำมกระบวนกำร สำมำรถพัฒนำสมรรถนะของตนเองเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อ หน่วยงำนหรือสถำบันอุดมศึกษำที่บุคลำกรสังกัดต่อไป ผู้วิจัยจึงตระหนักและเล็งเห็นถึงควำมจำเป็น ดังกล่ำวในกำรพัฒนำระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนกำรพัฒนำตนเองของบุคลำกร อุดมศกึ ษำ เพอ่ื เป็นประโยชนใ์ นกำรนำแนวทำงกำรพัฒนำบุคลำกรอุดมศึกษำเหล่ำนี้มำใช้ เพ่ือพัฒนำ บุคลำกรอุดมศึกษำที่มีคุณลักษณะที่เหมำะสม ซ่ึงเป็นบทบำทท่ีสำคัญอย่ำงยิ่งในกำรพัฒนำ สถำบันอุดมศึกษำตอ่ ไป วตั ถุประสงคก์ ำรวจิ ยั วตั ถุประสงค์ท่วั ไป เพ่ือพัฒนำระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนกำรพัฒนำตนเองของบุคลำกร อุดมศกึ ษำ วัตถุประสงคเ์ ฉพำะ - เพื่อพัฒนำระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนกำรพัฒนำตนเองของบุคลำกร อดุ มศกึ ษำ - เพ่อื ประเมินระบบวเิ ครำะหส์ มรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนกำรพัฒนำตนเองของบุคลำกร อดุ มศกึ ษำ ขอบเขตของกำรศึกษำ กำรพัฒนำระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนกำรพัฒนำตนเองของบุคลำกร อุดมศึกษำ ผู้วิจัยพัฒนำเพ่ือใช้สำหรับบุคลำกรและข้ำรำชกำรอุดมศึกษำท้ังในมหำวิทยำลัยของรัฐ และเอกชน กลุ่มตวั อยำ่ งทใี่ ช้ในกำรวิจัยคร้งั นี้ประกอบดว้ ยกลุ่มตวั อย่ำง 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มตัวอย่ำงท่ีใช้ในกระบวนกำรกำหนดองค์ประกอบของระบบวิเครำะห์สมรรถนะ ออนไลน์เพ่ือสนับสนุนกำรพัฒนำตนเองของบุคลำกรอุดมศึกษำ ได้แก่ ผู้บริหำรท่ีดูแลงำนบริหำร บุคลำกร สำนักงำนคณะกรรมกำรอุดมศึกษำและผู้บริหำรสถำบันอุดมศึกษำที่ดูแลงำนบริหำร บุคลำกร รวม 9 คน ระบบวเิ ครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่อื สนับสนนุ กำรพฒั นำตนเองของบคุ ลำกร 3 อดุ มศกึ ษำ
บทที่ 1 บทนำ 2. กลุ่มตัวอย่ำงสำหรบั ศกึ ษำผลกำรใช้ระบบวเิ ครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนกำรพัฒนำ ตนเองของบุคลำกรอุดมศึกษำ ได้แก่ บุคลำกรในมหำวิทยำลัยภูมิภำคจำนวน 4 ภูมิภำค ได้แก่ ภำคเหนือ (มหำวิทยำลัยเชียงใหม่) ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ (มหำวิทยำลัยขอนแก่น) ภำคกลำง (จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย และสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอุดมศึกษำ) และภำคใต้ (มหำวิทยำลัย สงขลำนครินทร์) รวมท้ังสิ้น 108 คน 3. กลุ่มตัวอย่ำงที่ใช้ในกำรประเมินระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนกำรพัฒนำ ตนเองของบุคลำกรอุดมศึกษำ ได้แก่ ผู้เช่ียวชำญด้ำนกำรพัฒนำสมรรถนะของบุคลำกร ในสถำบนั อดุ มศกึ ษำ หรอื ด้ำนกำรพัฒนำทรัพยำกรมนษุ ย์ หรอื ด้ำนเทคโนโลยสี ำรสนเทศ รวม 5 คน คำจำกดั ควำมท่ใี ชใ้ นกำรวิจัย ระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์ หมำยถึง เคร่ืองมือออนไลน์ในรูปแบบเว็บเพจที่สำมำรถ คำนวณและวิเครำะห์สมรรถนะของผู้ประเมินจำกกำรประเมินโดยผู้บังคับบัญชำ เพื่อน และกำรประเมิน ตนเอง โดยสำมำรถบอกจุดแข็งและจุดอ่อนในด้ำนต่ำง ๆ และนำเสนอสิ่งท่ีเหมำะสมในกำรพัฒนำ ตนเองของผู้ประเมิน โดยระบบยังคงนำเสนอหลักสูตรออนไลน์แบบเปิดที่สำมำรถให้ผู้เข้ำประเมินได้ ศึกษำหำควำมรู้เพอื่ ท่ีจะปรบั ปรุงและตอ่ ยอดในกำรพัฒนำตนเองต่อไป กำรวำงแผนพัฒนำตนเอง หมำยถึง กำรวำงเป้ำหมำยเพื่อพัฒนำบุคลำกรโดยยึดหลักกำร ประเมินสมรรถนะหลัก 5 ด้ำน อันได้แก่ กำรมุ่งผลสัมฤทธ์ิ กำรบริกำรท่ีดี กำรสั่งสมควำมเชี่ยวชำญ ในอำชีพ กำรยึดมั่นในควำมถูกต้องชอบธรรมและจริยธรรม กำรทำงำนเป็นทีมและสมรรถนะประจำ สำยงำน ซ่ึงจะช่วยให้สำมำรถรู้จุดเด่น จุดด้อยของควำมสำมำรถในกำรปฏิบัติงำนของตน และ สำมำรถพัฒนำตนเองให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรจำเป็นของหน่วยงำนหรือองค์กร และของตนเอง อยำ่ งแท้จริง สมรรถนะทำงวิชำชีพ หมำยถึง ควำมรู้ ทักษะและคุณลักษณะที่บุคลำกรอุดมศึกษำจำเป็นต้องมี เพื่อเป็นพื้นฐำนท่ีจะนำพำหน่วยงำนหรือองค์กรไปสู่วิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ซ่ึงแบ่งเป็นสมรรถนะหลัก 5 ด้ำน ได้แก่ กำรมุ่งผลสัมฤทธ์ิ กำรบริกำรที่ดี กำรส่ังสมควำมเชี่ยวชำญในอำชีพกำรยึดมั่นในควำมถูกต้อง ชอบธรรมและจรยิ ธรรม กำรทำงำนเป็นทมี และสมรรถนะประจำสำยงำน ประโยชน์ที่ไดร้ บั - ได้ระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนุนกำรพฒั นำตนเองของบุคลำกรอุดมศึกษำ - ได้แนวทำงกำรพฒั นำระบบวิเครำะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พ่อื สนับสนุนกำรพัฒนำตนเองของ บุคลำกรอดุ มศึกษำ - เป็นแนวทำงในกำรศึกษำวิจัยเกย่ี วกบั ระบบวเิ ครำะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พือ่ สนับสนุนกำรพัฒนำ ตนเองของบุคลำกรอดุ มศกึ ษำ ระบบวิเครำะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนนุ กำรพฒั นำตนเองของบุคลำกร 4 อดุ มศกึ ษำ
บทที่ 1 บทนำ กรอบแนวคิดกำรวจิ ัย กำรวจิ ยั เรอ่ื งระบบวิเครำะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พ่ือสนับสนุนกำรพัฒนำตนเองของบคุ ลำกร อดุ มศึกษำ มกี รอบแนวคดิ ท่นี ำมำใชใ้ นกำรวจิ ัย ดงั น้ี - สมรรถนะของบคุ ลำกรอดุ มศกึ ษำ - กำรวำงแผนพฒั นำตนเอง - กำรเรียนรู้แบบเปิด สมรรถนะของบุคลำกรอดุ มศกึ ษำ แผนพฒั นำตนเอง แหลง่ ทรพั ยำกรกำรเรียนรู้ สมรรถนะ หมำยถึง คุณลักษณะเชิง (Individual Development Plan: ประกอบดว้ ย 2 รูปแบบ คือ ID Plan) 1.แหล่งทรพั ยำกรกำรเรยี นรู้ออนไลนแ์ บบเปิด (OER) พฤตกิ รรมท่เี ป็นผลมำจำกควำมร้ทู กั ษะ หมายถึง แหล่งสาระความรู้ในรูปแบบดิจิทัลที่ ควำมสำมำรถ และคุณลักษณะอื่นๆ ท่ี แผนพัฒนำตนเอง เป็นเคร่ืองมือที่ นาเสนอในอินเทอร์เน็ต รูปแบบที่เป็นเอกสาร ทำให้บุคลำกรสำมำรถสร้ำงผลงำนได้ อ อ ก แ บ บ ม ำ เ พ่ื อ ช่ ว ย ใ ห้ บุ ค ล ำ ก ร งานเขียน ตารา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ บทเรียน โดดเด่นในองค์กร สมรรถนะ แบ่งเป็น 3 อุดมศึกษำระบุควำมต้องกำรในกำรที่จะ มัลติมีเดีย วีดิทัศน์ สื่อประกอบการสอน เว็บไซต์ ดำ้ น คือ พัฒนำตนเองท้ังในปัจจุบันและอนำคต ฯลฯ รวมทั้งซอฟต์แวร์ท่ีผู้พัฒนาข้ึนเปิดให้ใช้เป็น 1. สมรรถนะหลัก ประกอบด้วย 5 เกี่ยวกับงำนท่ีรับผิดชอบและกิจกรรมที่ ความรู้สาธารณะโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยแสดง วำงแผนที่จะให้บรรลุตำมเป้ำประสงค์ใน สัญลกั ษณอ์ นุญาตลักษณะทีน่ าไปใช้ไดซ้ ่ึงผ้นู าไปใช้ ประกำร คือ กำรมุ่งผลสัมฤทธิ์ กำร เวลำทีก่ ำหนด ประกอบด้วยกำรฝึกอบรม อาจตอ่ เติม ดัดแปลง ผสมผสานใหม่ตามเงื่อนไขท่ี กำรศึกษำและกำรพัฒนำ (ทั้งอย่ำงเป็น ผู้เป็นเจา้ ของระบอุ นญุ าตไว้ในช้ินงานความรู้นนั้ ๆ บรกิ ำรท่ีดี กำรส่ังสมควำมเช่ียวชำญใน ทำงกำรและไม่เป็นทำงกำร) เพ่ือให้ได้ 2. การเรียนออนล์แบบเปิดสาหรับมวลชน สมรรถนะที่จำเป็นในกำรไปสู่เป้ำหมำย (MOOC) หมายถึง คอร์สแวร์ออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ อำชีพ กำรยึดม่ันในควำมถูกต้องชอบ กำรวำงแผน IDP ทำให้บุคลำกรสามารถ เปดิ ใหม้ กี ารลงทะเบียนเรียนจานวนมาก มีการจัด พั ฒ น า ต น เ อ ง ใ ห้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ค ว า ม กิจกรรมการเรียนการสอนออนไลน์ ด้วยวิธีการสอน ธรรมและจริยธรรม กำรทำงำนเป็นทีม ต้องการจาเป็นของตนเอง รวมถึงเพิ่ม สื่อการเรยี นการสอน การร่วมกจิ กรรมการเรยี นการสอน สมรรถนะที่ตนเองต้องกำรเพ่ือปรับปรุง การประเมิน ผลการเรียนการสอนรูปแบบท่ี 2. สมรรถนะตำมบทบำทหน้ำท่ี หรือ ประสิทธิภำพในกำรทำงำนใหด้ ีขึน้ หลากหลาย เช่นเดียว กบั การจดั การเรยี นการสอน ในห้องเรียนปกติ มีทั้งรูปแบบท่ีเรียนด้วยตนเอง สมรรถนะประจำสำยงำน และเรยี นแบบมีผู้สอน 3. สมรรถนะกลุม่ ควำมรใู้ นงำน ระบบวเิ ครำะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พือ่ สนบั สนนุ กำรพฒั นำตนเอง ของบคุ ลำกรอดุ มศกึ ษำ ระบบวเิ ครำะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พื่อสนบั สนนุ กำรพัฒนำตนเองของบคุ ลำกร 5 อดุ มศกึ ษำ
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง บทท่ี 2 เอกสาร และงานวิจัยที่เกย่ี วขอ้ ง เอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ใน การวิจัย เร่ือง ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองของบคุ ลากรอุดมศึกษาน้ัน ผู้วิจัยดาเนินการศึกษาแนวคิด หลักการ ทฤษฎี ตลอดจนงานวิจัยทีเ่ กย่ี วขอ้ ง เพือ่ ประมวลเป็นพ้นื ฐานความรู้ โดยแบ่งเนื้อหาที่ศึกษาออกเป็นลาดบั คือ สมรรถนะของบคุ ลากรอุดมศึกษา - สมรรถนะหลัก - หลักการจัดระดบั สมรรถนะ การวางแผนพฒั นาตนเอง - การจดั ทาแผนพฒั นารายบคุ คล - ขัน้ ตอนจดั ทาแผนพัฒนารายบคุ คล การประเมนิ สมรรถนะของบุคลากรอุดมศกึ ษา แหลง่ เรียนรู้ออนไลน์เพื่อการพฒั นาสมรรถนะ - แหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปดิ - การเรียนออนไลน์แบบเปดิ เพื่อมวลชน ( Massive Open Online Courses: MOOC) การพฒั นาระบบสารสนเทศ รายละเอยี ดของเอกสารและงานวจิ ยั ที่เก่ยี วขอ้ ง มดี ังต่อไปน้ี สมรรถนะของบุคลากรอดุ มศกึ ษา สมรรถนะในระบบบริหารทรัพยากรบุคคล หมายถึง คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมที่เป็นผล มาจากความรู้ ทักษะ ความสามารถ และคุณลักษณะอื่น ๆ ท่ีทาให้บุคคลสามารถสร้างผลงานได้โดดเด่น ในองค์การ สมรรถนะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สมรรถนะหลัก สมรรถนะทางการบริหาร และสมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ (สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, 2549: 11 อ้างถึงใน กาญจนชนก ภัทรวนิชานันท์, 2554) สมรรถนะเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐาน กาหนดตาแหน่ง ซงึ่ รูปแบบของมาตรฐานกาหนดตาแหน่งประกอบด้วย ประเภทตาแหน่ง ช่ือสายงาน ช่ือตาแหน่งในสายงาน ระดับตาแหน่ง หน้าท่ีความรับผิดชอบหลัก คุณสมบัติเฉพาะสาหรับตาแหน่ง และความรคู้ วามสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะท่จี าเปน็ สาหรับตาแหน่ง สมรรถนะของบุคลากรอุดมศึกษาเป็นคุณลักษณะหรือความสามารถท่ีบุคลากรทุกตาแหน่ง จาเป็นต้องมี สาหรับการปฏิบัติงานภายในสถาบันการศึกษา ซ่ึงจะช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ พันธกิจ และความสามารถหลักของแต่ละสถาบัน หรือเป็นเรื่องที่สถาบันมีความชานาญที่สุด สมรรถนะหลัก ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พอื่ สนับสนนุ การพฒั นาตนเองของบุคลากร 6 อุดมศกึ ษา
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ที่เกยี่ วขอ้ ง ขององค์การเป็นขีดความสามารถเชิงกลยุทธ์ท่ีสาคัญ ซึ่งเป็นแกนหลักในการทาให้บรรลุพันธกิจ และสร้างความได้เปรียบในการจัดการศึกษาของสถาบัน โดยเป็นส่ิงที่ผู้อ่ืนจะลอกเลียนแบบได้ยาก และสมรรถนะหลักขององค์การนี้จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันท่ียั่งยืน และจากการศึกษา การนาระบบสมรรถนะมาใช้ในสถาบันอุดมศึกษา จากสถาบันอุดมศึกษาไทยท่ีติดอันดับมหาวิทยาลัย ทั่วโลก 600 อันดับ ของ Times Higher Education Supplement (THE) และQuacquarelli Symonds (QS) ตั้งแต่ ค.ศ. 2004 (THE-QS ค.ศ. 2004-2009, QS ค.ศ. 2010-2015, THE ค.ศ. 2010-2015) จานวน 8 สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่ามีการกาหนดช่ือสมรรถนะ ท่ีคล้ายคลึง กันและมีความสอดคล้องกันเชิงเน้ือหา ได้แก่ การมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Achievement motivation) การบริการที่ดี (Service mind) ความสั่งสมความเช่ียวชาญในงานอาชีพ (Expertise) ความซ่ือสัตย์ คุณธรรมและจริยธรรม (Integrity) การทางานเป็นทีม (Teamwork) การพัฒนาตนเอง (Self- Development) ความคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ (Initiative) ความเป็นผู้นา (Leadership) ความรบั ผิดชอบในงาน (Responsibility) ความเป็นมหาวิทยาลัยของตน (University consciousness) การวางแผน การทางานอย่างเป็นระบบ (Systematic job planning) และทักษะการสื่อสาร (Communicative skill) (ปทั มาวรรณ สิงห์ศรี, 2558) สมรรถนะหลกั สมรรถนะหลัก หมายถึง คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมท่ีกาหนดเป็นคุณลักษณะร่วมของ บุคลากรในองค์การเพื่อเป็นการหล่อหลอมค่านิยมและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ร่วมกัน ซึ่งทุกคน ใ น อ ง ค์ ก า ร ต้ อ ง มี ขี ด ส ม ร ร ถ น ะ ห ลั ก ท่ี เ ห มื อ น กั น นี้ ไ ม่ ว่ า จ ะ อ ยู่ ใ น ร ะ ดั บ ต า แ ห น่ ง ใ ด ก็ ต า ม เพราะความสามารถและคุณสมบัติประเภทนเี้ ปน็ ตวั กาหนดหรือผลักดันใหอ้ งค์การบรรลุตามวิสัยทัศน์ และพนั ธกจิ ท่ีวางไวไ้ ด้ สมรรถนะหลัก (สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, 2553) ได้แบ่งสมรรถนะหลัก ออกเป็น 5 ด้าน คอื 1. การมงุ่ ผลสมั ฤทธ์ิ 2. บริการที่ดี 3. การส่งั สมความเชี่ยวชาญในงานอาชีพ 4. การยึดม่ันในความถูกต้องชอบธรรม และจริยธรรม 5. การทางานเป็นทมี โดยรายละเอียดแตล่ ะดา้ น มดี ังน้ี ระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพือ่ สนบั สนุนการพฒั นาตนเองของบุคลากร 7 อดุ มศกึ ษา
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยท่เี กย่ี วขอ้ ง 1. การมงุ่ ผลสมั ฤทธิ์ คาจากดั ความ : ความมงุ่ มนั่ จะปฏิบตั ิหนา้ ทรี่ าชการให้ดหี รอื ใหเ้ กินมาตรฐานท่ีมีอยู่ โดยมาตรฐานนี้ อาจเป็นผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของตนเองหรือเกณฑ์วัดผ ลสัมฤทธิ์ที่ส่วนราชการกาหนดข้ึน อีกท้ังยังหมายรวมถึงการสร้างสรรค์พัฒนาผลงาน หรือกระบวนการปฏิบัติงานตามเป้าหมายท่ียาก และทา้ ทายชนิดทีอ่ าจไม่เคยมีผูใ้ ดสามารถกระทาไดม้ ากอ่ น รายละเอียดของการมงุ่ ผลสัมฤทธ์ิ จากคาจากัดความของการมุ่งผลสัมฤทธิ์ อนุมานได้ถึงคุณลักษณะหลายอย่างท่ีสัมพันธ์กันท่ี แสดงถึงการมุ่งผลสมั ฤทธ์ิ ไดแ้ ก่ การพยายามปรับปรุงงาน การทางานได้ตามเป้าหมาย การทางานได้ ดีกว่าคนอื่น ๆ และการทางานทีย่ ากทา้ ทายซง่ึ อาจไม่เคยมีใครทามาก่อน คาในภาษาอังกฤษเป็นอื่น ๆ ที่มีความหมายคล้ายคลึงกับการมุ่งผลสัมฤทธ์ิ ได้แก่ การเน้นที่ผลลัพธ์ (Result Orientation) การเน้นท่ีประสิทธิผล (Efficiency Orientation) การใส่ใจกับมาตรฐาน (Concern for Standard) การเน้นการปรับปรุงงาน (Focus on Improvement) ความเป็น ผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) การใชท้ รัพยากรอยา่ งสงู สดุ (Optimizing Use of Resources) ความสมั พันธ์กบั สมรรถนะดา้ นอน่ื สมรรถนะแต่ละด้านแม้ว่าจะมีลักษณะเฉพาะท่ีแตกต่างจากสมรรถนะ แต่ก็ยังมีความคาบเกี่ยว กนั อยู่บา้ ง สมรรถนะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมุ่งผลสัมฤทธิ์ ได้แก่ การคิดริเริ่ม การสืบเสาะหาข้อมูล การคิดวิเคราะห์ การมองภาพองค์รวมและความยืดหยุ่นผ่อนปรน ความเก่ียวข้องท่ีว่าน้ีอาจจะเก่ียวข้อง ในแง่ท่ีว่าบุคคลจะแสดงพฤติกรรมการมุ่งผลสัมฤทธ์ิได้ก็มักจะมีความคิดริเร่ิม การสืบเสาะหาข้อมูล การคิดวิเคราะห์ การมองภาพองค์รวม และความยืดหยุ่นผ่อนปรน อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง รว่ มด้วย 2. บริการทดี่ ี คาจากัดความ : ความตั้งใจและความพยายามของข้าราชการในการให้บริการต่อประชาชน ข้าราชการ หรือหนว่ ยงานอื่น ๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ ง รายละเอยี ดของบริการที่ดี บรกิ ารทด่ี เี ป็นสมรรถนะที่มักกาหนดไว้สาหรับลักษณะของงานท่ีต้องให้บริการ หรือให้ความ ช่วยเหลือผู้อื่น ซ่ึงงานในราชการพลเรือนเป้าหมายหลักประการหนึ่งคือ การให้บริการกับประชาชน ในขณะที่มีข้าราชการพลเรือนบางกลุ่มให้บริการกับข้าราชการ หรือหน่วยงานอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ดังนนั้ การบรกิ ารทีด่ ีจงึ กาหนดไว้เป็นหนงึ่ ในสมรรถนะหลกั ของขา้ ราชการพลเรือน สมรรถนะบริการทีด่ ีอาจใช้ชื่ออ่ืน ๆ เช่น การเน้นการให้ความช่วยเหลือและบริการ การเน้น ความต้องการของผู้รับบริการ การเป็นคู่คิดของผู้รับบริการ การเน้นท่ีผู้รับบริการ การใส่ใจต่อความ พึงพอใจของผู้รับบริการ ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พ่ือสนบั สนนุ การพัฒนาตนเองของบคุ ลากร 8 อุดมศกึ ษา
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วขอ้ ง สมรรถนะบรกิ ารทด่ี ีมีความเชื่อมโยงกับสมรรถนะอื่นๆ ได้แก่ การสืบเสาะหาข้อมูล การมอง ภาพองคร์ วม การคดิ วเิ คราะห์ ความเข้าใจผู้อ่นื ความเขา้ ใจองค์กรและระบบราชการ การส่ังสมความ เชี่ยวชาญในงานอาชีพ และการสรา้ งความสัมพันธ์ 3. การสง่ั สมความเชย่ี วชาญในงานอาชีพ คาจากัดความ : ความสนใจใฝ่รู้ ส่ังสมความรู้ความสามารถของตนในการปฏิบัติหน้าที่ ราชการด้วยการศึกษา ค้นคว้า และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ เชิงวิชาการและเทคโนโลยตี า่ ง ๆ เขา้ กบั การปฏิบัติราชการให้เกดิ ผลสมั ฤทธ์ิ รายละเอียดของการสัง่ สมความเช่ยี วชาญในงานอาชพี การส่ังสมความเชี่ยวชาญในงานอาชีพ เป็นสมรรถนะในกลุ่มกระบวนการคิดหรือความฉลาด อย่างไรก็ดีสมรรถนะนี้ไม่ได้วัดความฉลาดโดยตรง แต่เป็นการวัดแนวโน้มของการที่ผู้ดารงตาแหน่ง จะใช้ความฉลาดของตนให้มีประโยชน์ต่อการทางานให้ประสบความสาเร็จ กล่าวอีกอย่างหน่ึงก็คือ เป็นการวัดท้ังความสามารถและแรงจูงใจ โดยท่ัวไปสมรรถนะการคิดวิเคราะห์ การมองภาพองค์รวม จะสัมพันธ์โดยตรงกับความฉลาดมากกว่าสมรรถนะการสั่งสมความเชี่ยวชาญในงานอาชีพ แต่จาก งานวิจัยสนับสนุนว่า ความฉลาดมีความสัมพันธ์กับความรู้ในงาน เพราะบุคคลท่ีมีความฉลาด จะสามารถเรียนรู้และเก็บข้อมูลเก่ียวกับความรู้ในงานได้ดี การสั่งสมความเช่ียวชาญในงานอาชีพ รวมองค์ความรทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ งกับงาน ได้แก่ - ความรูเ้ ชงิ เทคนิค วิชาการ หรือการจัดการ - แรงจูงใจทจ่ี ะเรียนรเู้ พ่มิ ขน้ึ - ใช้ความรู้น้นั ในงาน - สอนความรู้นนั้ ๆ ใหก้ ับบุคคลอืน่ ๆ สมรรถนะอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้องกับการสั่งสมความเช่ียวชาญในงานอาชีพ การส่ังสมความ เช่ียวชาญในงานอาชีพเป็นรูปแบบพิเศษของการสืบเสาะหาข้อมูล เพราะต้องค้นหา ติดตามความรู้ เสมอ ๆ นอกจากนี้ การสั่งสมความเช่ียวชาญในงานอาชีพยังเกี่ยวข้องกับการคิดวิเคราะห์ที่เก่ียวข้อง กับปัญหาทางด้านเทคนิค การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ก็เกี่ยวข้องกับการสั่งสมความเชี่ยวชาญในงานอาชีพ และแม้แต่สมรรถนะศิลปะการสื่อสารจูงใจเองก็อาจมีการสั่งสมความเช่ียวชาญในงานอาชีพ ถ้าเป็น กรณขี องการนาความเชีย่ วชาญในงานอาชพี ไปใช้ในการจงู ใจคน 4. การยดึ มัน่ ในความถกู ตอ้ งชอบธรรม และจรยิ ธรรม คาจากัดความ การดารงตนและประพฤติปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสม ท้ังตามกฎหมาย คณุ ธรรม จรรยาบรรณแหง่ วชิ าชพี และจรรยาข้าราชการเพอื่ รักษาศกั ด์ิศรแี ห่งความเปน็ ข้าราชการ รายละเอยี ดของการยดึ มัน่ ในความถกู ต้องชอบธรรม และจรยิ ธรรม ระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พอื่ สนบั สนนุ การพฒั นาตนเองของบคุ ลากร 9 อดุ มศกึ ษา
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กยี่ วขอ้ ง การยึดม่ันในความถูกต้องชอบธรรม และจริยธรรม มาจากคาว่า Integrity ท่ีมีนัยของการแสดง พฤติกรรมท่สี อดคลอ้ งกบั คาพูด ซ่ึงคาพูดทว่ี า่ นีเ้ ปน็ ค่านิยมของบุคคลนนั้ ๆ (ส่ิงท่ีเห็นว่าดี) และค่านิยม ท่วี ่านี้อาจมาจากหน่วยงาน (ค่านิยมองค์กร) สังคม หรือหลักการทางด้านศีลธรรมของบุคคล ส่ิงน้ีทา ให้สมรรถนะการยึดม่ันในความถูกต้องชอบธรรมและจริยธรรมแตกต่างไปจากสมรรถนะอื่น ๆ ที่เน้น ผลการปฏิบตั ิงานที่ดี แต่ Integrity เนน้ ทค่ี า่ นยิ มมากกวา่ 5. การทางานเปน็ ทีม คาจากัดความ : ความตั้งใจที่จะทางานร่วมกับผู้อื่น เป็นส่วนหน่ึงของทีม หน่วยงาน หรือ ส่วนราชการ โดยผู้ปฏิบัติมีฐานะเป็นสมาชิก ไม่จาเป็นต้องมีฐานะหัวหน้าทีม รวมทั้งความสามารถ ในการสรา้ งและรกั ษาสัมพันธภาพกบั สมาชิกในทมี รายละเอียดของการทางานเปน็ ทีม สมรรถนะการทางานเป็นทีม หมายถึง ความตั้งใจอย่างแท้จริงท่ีจะร่วมมือทางานกับผู้อื่น เป็นส่วนหนงึ่ ของทีม และทางานร่วมกัน คาว่า “ทมี ” อาจไม่จาเปน็ ต้องเป็นทีมทต่ี ้งั อย่างเป็นทางการ แต่เป็นบุคคลที่มีระดับตาแหน่ง แตกต่างกัน และมาจากส่วนงานต่าง ๆ ที่มาทางานร่วมกันเพ่ือแก้ไขปัญหา หรือทางานโครงการ ด้วยกนั บทบาทของการทางานเป็นทีมไม่จาเป็นต้องเป็นหัวหน้าทีม หรือผู้ที่มีอานาจหน้าที่อย่างเป็น ทางการ แม้แต่คนท่ีมีอานาจอย่างเป็นทางการแต่ร่วมมือทางาน หรือทาหน้าที่เป็นผู้ประสานทีม ก็แสดงสมรรถนะการทางานเป็นทีม ผู้บริหารท่ีเก่ง ๆ จะแสดงทั้งสมรรถนะการทางานเป็นทีม และ สภาวะผนู้ า สมรรถนะการทางานเป็นทีมเก่ียวข้องกับสมรรถนะอ่ืน ๆ เช่น ความเข้าใจผู้อ่ืน ศิลปะการส่ือสาร จูงใจ ความมน่ั ใจในตนเอง การพฒั นาผอู้ ่ืน เปน็ ตน้ สรุปว่าสมรรถนะ หมายถึง คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมที่เป็นผลมาจากความรู้ ทักษะ ความสามารถ และคุณลักษณะอ่ืน ๆ ท่ีทาให้บุคคลสามารถสร้างผลงานได้โดดเด่นในองค์กร สมรรถนะหลักทบ่ี ุคลากรอุดมศกึ ษาควรมี 5 ด้าน คือ 1) การมุ่งผลสัมฤทธ์ิ 2) บริการที่ดี 3) การสั่งสมความ เชย่ี วชาญในงานอาชพี 4) การยึดมน่ั ในความถูกต้องชอบธรรม และจรยิ ธรรม 5) การทางานเปน็ ทีม ระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พ่ือสนบั สนุนการพฒั นาตนเองของบคุ ลากร 10 อดุ มศกึ ษา
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง หลักการจดั ระดบั สมรรถนะ (สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, 2547:11 อ้างถึงใน กาญจนชนก ภัทรวนิชานันท์, 2554) ไดเ้ สนอหลักท่ีควรคานึงถงึ ในการจดั ระดับสมรรถนะมี 2 ประการ คอื 1. จานวนระดับสมรรถนะควรมีให้เพียงพอสาหรับการนาไปใช้กับระดับตาแหน่ง ดังนั้นถ้า องค์การมีระดับตาแหน่งมาก ระดับสมรรถนะก็ควรต้องมีมากให้สอดคล้องกัน (ตัวอย่างการจัดระดับ ตาแหน่งในราชการพลเรือนมีการจัดระดับตาแหน่งในตาแหน่งประเภทวิชาการเป็น 5 ระดับจึงควรต้องมี ระดับสมรรถนะ 5 ระดบั เปน็ อย่างน้อย เปน็ ตน้ ) ดงั นนั้ ในบางองคก์ ารท่ีมรี ะดับตาแหนง่ หลกั 3 ระดับ ได้แก่ เจา้ หน้าที่ปฏิบัตงิ าน หวั หนา้ งาน และผจู้ ดั การ การกาหนดระดบั สมรรถนะเพยี ง 3 ระดบั กเ็ พียงพอ 2. ระดับของสมรรถนะแต่ละระดับต้องแสดงให้เห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนทาให้ คนส่วนใหญ่สังเกตได้ (หลัก Just Noticeable Difference หรือ JND) โดยสมรรถนะระดับที่ 1 จะเป็นกลุ่มพฤติกรรมทแี่ สดงไดง้ า่ ยทส่ี ุด และยง่ิ ยากขึน้ ไปตามระดบั สมรรถนะทีส่ ูงขึ้น ดังนั้น ผู้ท่ีสามารถแสดงสมรรถนะในระดับที่สูงกว่า ย่อมต้องสามารถแสดงสมรรถนะ ในระดับท่ีต่ากว่าได้ การจัดระดับสมรรถนะจึงจัดไว้ในลักษณะของข้ันบันได โดยระดับที่สูงกว่าต้อง แสดงสมรรถนะในระดับท่ีต่ากว่ามากอ่ น งานวจิ ยั ทีเ่ กี่ยวขอ้ งดา้ นสมรรถนะ ธาริณี อภัยโรจน์ (2554) ได้ทาการศึกษาสมรรถนะหลักเพื่อการพัฒนาบุคลากร: กรณีศึกษา สานักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา โดยตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาวิจัย แบ่งออกเป็น (1) หน่วยงานของบุคลากร (2) สมรรถนะหลักของมหาวิทยาลัยมหิดล (3) แนวทาง การพัฒนาบุคลากร ผลการวิจัยพบว่า 1. สมรรถนะหลักของบุคลากรในปัจจุบัน โดยรวมอยู่ในระดับมาก และสมรรถนะหลักของบุคลากรตามความคาดหวัง โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2. สมรรถนะหลัก ของบุคลากรท่ีปฏิบัติงานในแต่ละหน่วยงาน มีความแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสาคัญทางสถิติ 3. ค่าเฉลี่ยของสมรรถนะหลักในปัจจุบันของบุคลากรแตกต่างกับค่าเฉลี่ยของสมรรถนะหลักความ คาดหวังของบุคลากร อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 4. แนวทางการพัฒนาบุคลากร ท่ีเหมาะสมตามช่องว่างของสมรรถนะหลัก (Core Competency Gap) ที่มีค่าเฉล่ียต่างกันมากที่สุด ตามลาดับ ดังน้ี (1) หลักสูตรการพัฒนาความคิดเชิงวิเคราะห์ (2) หลักสูตรการสร้างบุคลากรที่มี ศักดิ์ศรีและจริยธรรมทพ่ี ึงประสงค์ และ (3) หลักสตู รการสร้างสรรคค์ วามคดิ เชงิ นวัตกรรม วีรชัย บริบูรณ์ (2559) ได้ทาการศึกษาการพัฒนาสมรรถนะหลักของบุคลากรโดยการมีส่วน ร่วมของผู้บังคับบัญชา ผลการศึกษาพบว่า หลังการเข้าโปรแกรมฯ บุคลากรที่มีความรู้ตามสมรรถนะหลัก และผลการประเมินค่าสมรรถนะหลักด้วยตนเองเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนเข้าโปรแกรมฯ และมี ความสัมพันธ์กับการเข้าโปรแกรมฯ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ (p<0.01) ผลการศึกษาเชิง คุณภาพ พบว่า เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะหลัก ยงั ขาดความเฉพาะเจาะจง มคี วามเป็นนามธรรมสูง ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พ่ือสนับสนนุ การพัฒนาตนเองของบคุ ลากร 11 อดุ มศกึ ษา
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ที่เกยี่ วขอ้ ง กล่าวโดยสรุปได้ว่า รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะหลักของบุคลากรโดยการมีส่วนร่วมขอ ง ผู้บังคับบัญชามีประสิทธิผลต่อการเพ่ิมสมรรถนะหลักของบุคลากร สมควรนาไปใช้ในการพัฒนา สมรรถนะของบุคลากร แตค่ วรมีการเพม่ิ รายละเอยี ดในเกณฑก์ ารประเมินเพ่อื ให้เกดิ ความชดั เจน อัจฉรา หล่อตระกูล (2557) ได้ทาการศึกษาการพัฒนาสมรรถนะพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐ ประชากรและกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ ในเชิงคุณภาพ ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้ให้ข้อมูลหลักที่เป็น ผู้บริหารมหาวิทยาลัยของรัฐ ผู้จัดการด้านทรัพยากรมนุษย์ และพนักงานมหาวิทยาลัยที่เก่ียวข้อง จานวน 15 คน ส่วนในเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างจานวน 500 คน ซึ่ง เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐ ผลการวิจัยพบว่า (1) ผลการศึกษาสภาพและปัญหาอุปสรรคของ สมรรถนะของพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐในปัจจุบันพบว่า ผู้ให้ข้อมูลสาคัญเห็นว่า การพัฒนา สมรรถนะของพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐมีปัญหาและอุปสรรคในเรื่องของเวลา เนื่องจาก ภารกิจ ของพนักงานมหาวิทยาลัยในปัจจุบันประกอบด้วย งานสอน งานวิจัย งานบริการวิชาการ งานทานุบารุง ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งได้รับมอบหมายภาระงานมาจากผู้บังคับบัญชา จึงทาให้ไม่มีเวลาในการพัฒนา ตนเอง หรอื เขา้ รับการพัฒนา และจากแบบสอบถามพนกั งานมหาวทิ ยาลัยของรัฐพบว่าในภาพรวมอยู่ ในระดับปานกลาง เม่ือพิจารณารายด้านพบว่า อยู่ในระดับปานกลางในด้านการมุ่งผลสัมฤทธิ์ การบริการที่ดี และการทางานเป็นทีม ด้านท่ีมีระดับความคิดเห็นเฉลี่ยมีปัญหาน้อยท่ีสุดคือ การยึดม่ัน ในความถูกต้องชอบธรรม (2) ผลการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และหลักพุทธธรรม สาหรับการพัฒนา สมรรถนะของพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐ จากการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสาคัญและจากความคิดเห็น ของพนักงานมหาวทิ ยาลัยของรฐั พบว่า การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นรูปแบบการพัฒนาท่ีเหมาะสม เพราะจะทาให้ผู้รบั การพฒั นาไดเ้ รียนรจู้ ากการฟงั และปฏิบัติจริงอย่างถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากน้ีการฝึกอบรมอย่างเป็นกระบวนการเพิ่มพูนความรู้ และทักษะให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมเพ่ือ การพัฒนาตนเองไปเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของตน ความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูลสาคัญ และระดับความคิดเห็นของพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐ ท่ีมีต่อการพัฒนาสมรรถนะพนักงาน มหาวิทยาลัย ตามหลกั ไตรสกิ ขา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และมีระดับความคิดเห็นในทุกด้านอยู่ ในระดับมาก ความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูลสาคัญ พบว่า หลักไตรสิกขาเป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาคน ให้เป็นผู้ที่พร้อมทั้งด้านศีล สมาธิ และปัญญา โดยการนาคาสอนของพระพุทธเจ้ามาเป็นหลักคิด เพ่ือให้พนักงานมหาวิทยาลัยที่เข้ารับการพัฒนาด้วยหลักไตรสิกขานี้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงาน มีความเจริญเติบโตท้ังทางด้านพฤติกรรม จิตใจ และปัญญา ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน ของตัวบ่งชี้การพัฒนาสมรรถนะพนักงานมหาวิทยาลัยพบว่า ในการพัฒนาสมรรถนะพนักงาน มหาวิทยาลัยของรฐั ตามหลกั ไตรสกิ ขาน้ี ตวั บ่งช้ใี นการพัฒนาทุกตัวบ่งช้ีมคี วามสมั พนั ธก์ นั อย่างมีนยั สาคัญ ตัวแปรมคี วามสมั พนั ธ์กันสามารถนามาวเิ คราะห์องค์ประกอบได้ ข้อมลู เหมาะสมทจี่ ะทาการวิเคราะห์ องค์ประกอบดีมาก ผลการทดสอบความสอดคล้องของโมเดลเชิงสาเหตุของปัจจัยท่ีส่งผลต่อการพัฒนา สมรรถนะของพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐพบว่าโมเดลมีค วามสอดคล้องกับข้อมู ลเชิงประจักษ์ ระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพือ่ สนับสนนุ การพฒั นาตนเองของบคุ ลากร 12 อุดมศกึ ษา
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยท่เี กยี่ วขอ้ ง ผลการพัฒนาโมเดลเชิงสาเหตุของการพัฒนาพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐ พบว่า การพัฒนา สมรรถนะด้วยไตรสิกขาน้ันจะมีอิทธิพลต่อตัวแปรการส่ังสมความเช่ียวชาญในงานอาชีพมากที่สุด รองลงมาคอื ตัวแปรการมุ่งผลสัมฤทธิ์ การยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม การบริการที่ดี และการทางาน เป็นทมี ตามลาดับ (3) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐ เป็นการพัฒนา สมรรถนะหลักท้ัง 5 ด้าน มีส่วนประกอบ 4 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 สมรรถนะหลัก 5 ด้าน ส่วนที่ 2 หลักพุทธธรรม ไตรสิกขา ส่วนท่ี 3 หลักการของรูปแบบ และส่วนที่ 4 กระบวนการพัฒนา ซ่ึงรูปแบบที่นาเสนอ ในงานวจิ ัยนคี้ ือ การพฒั นาสมรรถนะพนักงานมหาวิทยาลัยดว้ ยไตรสิกขา พัชรมัย แก้วบรรจง (2557) ได้ทาการศึกษาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะหลักในการปฏิบัติงาน ของข้าราชการพลเรือน สานักงานศึกษาธิการภาค 1-13 โดยใช้ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้อานวยการสานักงานศึกษาธิการภาค 1-13 จานวน 13 คน ผู้อานวยการกลุ่มงาน 52 คน ข้าราชการพลเรือน ผู้ปฏิบัติหน้าท่ี 114 คน ผลวิจัยพบว่า (1) ระดับสมรรถนะหลักการปฏิบัติงาน ในปัจจุบัน ตามทัศนะของกลุ่มผู้อานวยการสานักงานศึกษาธิการภาค ภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ยี เทา่ กบั 4.23 ตามทัศนะของกลุ่มผู้อานวยการกลุ่มงาน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย เท่ากับ 4.08 ตามทัศนะของกลุ่มข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าท่ี ภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย เท่ากับ 3.98 (2) ระดับความต้องการพัฒนาสมรรถนะหลัก ตามทัศนะของกลุ่มผู้อานวยการ สานักงานศึกษาธิการภาค ภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.62 ตามทัศนะของกลุ่ม ข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าท่ี ภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.93 (3) แนวทางการพัฒนา สมรรถนะหลกั ในการปฏิบัตงิ านเรยี งลาดบั รายด้านทีต่ รงกบั ความต้องการของกลุ่มข้าราชการผู้ปฏิบัติ หน้าท่ี ด้านท่ี 1 ด้านการสั่งสมความเชี่ยวชาญในอาชีพ ให้มีการส่งเสริม สนับสนุนให้เข้ารับการ พัฒนา ถ่ายทอดองค์ความรู้ จัดเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ จัดทาคู่มือการปฏิบัติงาน กาหนดให้มีแผน การพฒั นาบุคลากร ด้านที่ 2 ด้านการมงุ่ ผลสัมฤทธิ์ มีการกาหนดเปา้ หมาย การมสี ่วนร่วม การกากับ ดูแล รายงานความก้าวหน้า ด้านที่ 3 ด้านการทางานเป็นทีม มีการมอบหมายงาน ร่วมจัดกิจกรรม ย้าย สับเปลี่ยนหมุนเวียนงาน สัมมนาทางวิชาการ ด้านท่ี 4 ด้านการบริการที่ดี สร้างความตระหนัก ปลูก จิตสานึก เพิ่มช่องทางในการให้บริการ มีการประเมิน ศึกษาดูงาน ด้านท่ี 5 ด้านการยึดม่ัน ในความถกู ตอ้ ง และจริยธรรม เนน้ ยา้ ปฏบิ ัติตามจรรยาบรรณ จัดกิจกรรม อบรม ยกยอ่ งชมเชย การวางแผนพฒั นาตนเอง (Individual Development Plan: ID Plan) การพัฒนาบุคลากรอุดมศึกษามุ่งเน้นให้มีสมรรถนะตามมาตรฐานตาแหน่ง และมาตรฐาน วิชาชีพ ทั้งสมรรถนะหลัก (Core Competency) สมรรถนะการปฏิบัติงานในหน้าที่ หรือสมรรถนะ ประจาสายงาน (Functional Competency) และสมรรถนะกลุ่มความรู้ในงาน (Job Competency) โดยยึดหลักการประเมินสมรรถนะ (Competency Based Approach) เพราะจะทาให้ผู้ปฏิบัติงาน ระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพ่อื สนบั สนนุ การพฒั นาตนเองของบุคลากร 13 อดุ มศกึ ษา
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง สามารถรู้จุดเด่น จุดด้อยของความสามารถในการปฏิบัติงานของตน และสามารถพัฒนาตนเอง ใหส้ อดคลอ้ งกับความตอ้ งการจาเป็นของตนเอง และหนว่ ยงาน Individual Development Plan หรือ (IDP) หมายถึง แผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคล โดยเป็นกรอบ หรือแนวทางสาหรับการพัฒนาของบุคลากรรายบุคล ซ่ึงการพัฒนาท่ีชัดเจนหรือได้ผลลัพธ์ของการพัฒนา ตรงตามส่งิ ที่ตอ้ งการมากท่สี ุด (มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสินทร์, 2557) แผนพฒั นาตนเอง หมายถึง แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล โดยยึดหลัก การประเมินสมรรถนะ ซ่ึงจะทาให้ผู้ปฏิบัติงานรู้จุดเด่น จุดด้อยของความสามารถในการปฏิบัติงานของตนเอง และสามารถ พัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความจาเป็น ของหน่วยงานอย่างแท้จริง (สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา) แผนพัฒนาส่วนบุคคล (IDP) เป็นเคร่ืองมือท่ีออกแบบมาเพ่ือช่วยให้พนักงานระบุความต้องการ ในการที่จะพัฒนาตนเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตเกี่ยวกับงานที่รับผิดชอบและกิจกรรมที่วางแผนท่ี จะให้บรรลุตามเป้าประสงค์ในเวลาที่กาหนด ประกอบด้วยการฝึกอบรม การศึกษาและการพัฒนา (ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ) เพื่อให้ได้สมรรถนะท่ีจาเป็นในการไปสู่เป้าหมาย การวางแผน IDP ม่งุ เน้นการเพม่ิ สมรรถนะท่ีพนกั งานตอ้ งการเพอ่ื ปรับปรุงประสิทธิภาพในการทางาน ให้ดีขึ้น (System for Administration, Training, and Educational Resource for NASA, 2010) แผนพัฒนาบุคลากร (IDP) เป็นเคร่ืองมือท่ีช่วยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเอง โดยวัตถุประสงค์หลัก คือ การช่วยให้พนักงานบรรลุเป้าหมายท้ังในระยะส้ันและระยะยาว IDP ไม่ใช่ แค่เครื่องมือประเมินประสิทธิภาพหรือกิจกรรมท่ีกระทาเพียงคนเดียว หากแต่เป็นความร่วมมือ ระหวา่ งพนกั งานและผู้บงั คบั บัญชา (Office of Personnel Management, United State) จากแนวคิดและความหมายดังกล่าวข้างต้นสามารถสรุปความหมายของการวางแผนพัฒนา ตนเอง ได้ดังนี้ การวางแผนพัฒนาตนเอง คือ การวางแผนในการที่จะพัฒนาตนเองในงานท่ีรับผิดชอบ เพือ่ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายทว่ี างไวแ้ ละสอดคลอ้ งกบั ความต้องการจาเปน็ ของหนว่ ยงานอย่างแท้จริง การประเมนิ สมรรถนะของบุคลากรอุดมศกึ ษา จากท่ีได้ทราบสมรรถนะหลัก และการจัดระดับของสมรรถนะแล้ว การประเมินสมรรถนะ ของบุคลากรอุดมศึกษา จากสถาบันอุดมศึกษาจะมีรายการประเมินสมรรถนะที่มีรายะลเอียดต่างกัน ในแตล่ ะตาแหนง่ ตัวอย่างดังน้ี ตัวอยา่ งที่ 1 การประเมนิ สมรรถนะบคุ ลากร มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช กาหนดสมรรถนะของบุคลากร 3 ส่วน คอื ระบบวเิ คราะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พื่อสนบั สนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากร 14 อุดมศกึ ษา
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กย่ี วขอ้ ง 1. สมรรถนะหลกั ประกอบดว้ ย 6 สมรรถนะ คอื 1) ความรู้ความเขา้ ใจในระบบการศึกษาทางไกล 2) การทางานแบบมุ่งผลสาเร็จของงาน 3) การบริการที่ดี 4) การพฒั นาความรู้ ความเชย่ี วชาญในงาน 5) การมจี รยิ ธรรม 6) การทางานเปน็ ทีม 2. สมรรถนะทางการบรหิ าร ประกอบดว้ ย 6 สมรรถนะ คือ 1. ภาวะผู้นา 2. วสิ ัยทศั น์ 3. การวางกลยุทธ์ภาครฐั 4. ศกั ยภาพเพื่อนาการปรับเปลี่ยน 5. การควบคมุ ตนเอง 6. การสอนงานและการมอบหมายงาน 3. สมรรถนะประจาตาแหนง่ งาน แบง่ เปน็ 2 สายงาน คือ สายวชิ าการ และสายสนบั สนนุ โดยแต่ละสายงานมี สมรรถนะ รายละเอยี ด ดังน้ี สายวชิ าการ มี 7 สมรรถนะ คอื 1. การจดั การเรียนการสอนทางไกล 2. การเขยี นเอกสารการสอน /ตาราง 3. การใหบ้ รกิ ารทางวชิ าการแกส่ งั คม 4. การทาวจิ ัย 5. การเขยี นบทความวิชาการ/วจิ ัย 6. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 7. ความสามารถในการใช้ภาษาตา่ งประเทศ สายสนับสนุน มี 12 สมรรถนะ คอื 1. การคดิ เชงิ ระบบและการมองภาพองค์รวม 2. การคิดเชงิ วิเคราะห์ 3. ศิลปะในการสื่อสาร 4. การมีความคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ในงาน 5. การคน้ คว้าหาข้อมลู ในงาน 6. ความเขา้ ใจองค์กร 7. การพัฒนาบุคลากรดา้ นสขุ ภาพอนามยั ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พ่อื สนับสนุนการพฒั นาตนเองของบคุ ลากร 15 อุดมศกึ ษา
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 8. การดาเนินการเชงิ รกุ 9. การสั่งการตามอานาจหน้าที่ 10. ความมน่ั ใจในตนเอง 11. ความยดื หยุ่นผอ่ นปรน 12. ความถกู ต้องของงาน ตัวอย่างท่ี 2 การประเมินสมรรถนะของบคุ ลากร มหาวิทยาลยั ศิลปากร การประเมินการปฏิบัติงานข้าราชการ และพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา โดยใช้แบบประเมิน การปฏิบัติงานข้าราชการ และพนักงานในสถาบันอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร มีรายละเอียด แบบประเมิน 12 ส่วน ดงั นี้ ส่วนที่ 1 : ข้อมลู ทว่ั ไปเกยี่ วกบั ผู้ถกู ประเมิน สว่ นท่ี 2 : ประวัตกิ ารลาของผถู้ ูกประเมิน สว่ นท่ี 3 : ใบกาหนดหนา้ ท่ีงาน (Job Description) สว่ นท่ี 4 : ปัจจยั วดั ผลสมั ฤทธิ์ของงานด้านตัวชว้ี ัดผลงานหลกั (Key Performance Indicators : KPIs) ส่วนท่ี 5 : การประเมนิ พฤติกรรมการปฏบิ ัติงานด้านความสามารถหรือสมรรถนะ ส่วนที่ 6 : แบบรายงานความก้าวหน้าและความสาเร็จของงานตามปัจจัยวัดผลสัมฤทธิ์ของงาน ด้านตัวชวี้ ัดผลงานหลัก (Key Performance Indicators: KPIs สว่ นที่ 7 : สรุปผลการประเมินการปฏบิ ัตงิ าน ส่วนท่ี 8 : การวเิ คราะหผ์ ลการประเมินของผปู้ ระเมนิ สว่ นท่ี 10 : การแจ้งผลประเมิน สว่ นที่ 11 : ความเห็นของผูบ้ งั คับบัญชาช้นั เหนือข้นึ ไป สว่ นที่ 12 : แผนพฒั นาของผ้ถู ูกประเมนิ (Individual Development Plan: IDP) ในส่วนที่ 5 การประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติงานด้านความสามารถหรือสมรรถนะ ได้แบ่ง รายการประเมินตามสมรรถนะ เป็น 3 ดา้ น คือ 1. สมรรถนะหลกั ประกอบด้วย 4 สมรรถนะ คอื 1. การม่งุ ผลสมั ฤทธิ์ 2. ความเข้าใจองคก์ รและระบบงาน 3. การทางานเป็นทมี 4. การมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณ ระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพื่อสนับสนนุ การพัฒนาตนเองของบคุ ลากร 16 อดุ มศกึ ษา
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกยี่ วขอ้ ง 2. สมรรถนะการบริหารจัดการ ประกอบดว้ ย 5 สมรรถนะ คือ 1. ความสามารถในการสอ่ื สารข้อมลู การสนับสนุนและการตดิ ตามงาน 2. การคดิ วิเคราะหแ์ ละการตดั สนิ ใจแกป้ ญั หา 3. สภาวะผู้นา 4. วิสัยทัศน์ 5. ศักยภาพเพอ่ื นาการปรับเปลีย่ น 3. สมรรถนะตามตาแหนง่ แบ่งเปน็ 2 สาย งาน คอื สายวิชาการ และสายสนับสนุน สายวิชาการ มีรายการประเมิน 4 สมรรถนะ คอื 1. การค้นควา้ และถ่ายทอดความรู้ 2. การพฒั นาศักยภาพคน 3. ความเข้าใจผูอ้ นื่ 4. การใส่ใจและพฒั นาผู้อ่ืน สายสนับสนุน รายการประเมินสมรรถนะ 4 สมรรถนะ คอื 1. มีจติ สานึกในการใหบ้ ริการ 2. การเรียนรแู้ ละการพฒั นาอย่างต่อเนือ่ ง 3. การตรวจสอบความถกู ตอ้ งตามกระบวนการ 4. การสร้างสมั พนั ธภาพ ตัวอย่างที่ 3 การประเมินสมรรถนะของบคุ ลากร มหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ การประเมินการปฏิบตั ิงานขา้ ราชการ และพนักงาน ของมหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ใช้สมรรถนะหลักสาหรับข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาท่ี คณะกรรมการข้าราชการพล เรือน (ก.พ.) และคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) คือ สมรรถนะของบุคลากร ตามสมรรถนะหลกั ประกอบด้วย 5 สมรรถนะ คือ 1. การม่งุ ผลสัมฤทธิ์ 2. บรกิ ารท่ดี ี 3. การสง่ั สมความเชีย่ วชาญในงานอาชพี 4. การยึดมั่นในความถกู ต้องชอบธรรมและจรยิ ธรรม 5. การทางานเป็นทมี การประเมินกาหนดโดยไม่แยกกลุ่มข้าราชการและบุคลากร แตจ่ ะพจิ ารณาแบบประเมินและ ระดับสมรรถนะท่ีคาดหวงั โดยการประเมินสมรรถนะของบุคลากรทดี่ ารงตาแหนง่ ในแตล่ ะระดับท่ี แตกตา่ งกนั ระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะออนไลน์เพ่อื สนบั สนนุ การพฒั นาตนเองของบุคลากร 17 อดุ มศกึ ษา
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กยี่ วขอ้ ง งานวจิ ยั ทีเ่ ก่ียวข้องดา้ นการพฒั นาตนเอง พรพรรณ์ ดวงปาโคตร ( 2551) ได้ทาการศึกษาการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพและ จรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2548 และความต้องการในการพัฒนาตนเองของครูสังคมศึกษาท่ีสอน ในระดับ ช่วงชั้นที่ 3 ถึง 4 ในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา เขต 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีคือครูสังคมศึกษาท่ีสอนระดับช่วงช้ันท่ี 3 ถึง 4 ในสังกัดสานักงานเขต พ้ืนที่การศึกษา เขต 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จานวน 337 คน ผลการวิจัยพบว่า (1) ผลการปฏิบัติตาม มาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณของวชิ าชพี พ.ศ. 2548 ของครูสังคมศึกษาทีส่ อนระดบั ช่วงชน้ั ที่ 3 ถึง 4 ใน สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาเขต 1 ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือโดยภาพรวมท้ังสามด้าน ครูสังคมศึกษา มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน เรียงตามลาดับจากมากไปน้อยปรากฏผลดังนี้ ด้านจรรยาบรรณของวิชาชีพ มีการปฎิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านมาตรฐานการปฏิบัติงาน มีการ ปฏิบัติอยู่ในระดับมาก และด้านมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพมีการปฏิบัติ อยู่ในระดับมาก (2) ความต้องการในการพัฒนาตนเองตามมาตรฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณของ วิชาชีพ พ.ศ. 2548 ของครูสังคมศึกษาท่ีสอนระดับช่วงช้ันที่ 3 ถึง 4 ในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษา เขต 1ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยภาพรวมท้ัง 3 ด้าน ครูสังคมศึกษามีความต้องการ ในการพฒั นาตนเองอยูใ่ นระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงตามลาดับจากมากไปน้อย ปรากฏผลดังน้ี ด้านมาตรฐานการปฏิบัติงาน มีความต้องการในการพัฒนาตนเองอยู่ในระดับมาก ด้านจรรยาบรรณวิชาชีพ มีความต้องการในการพัฒนาตนเองอยู่ในระดับมากและด้านมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ มคี วามต้องการในการพฒั นาตนเองอยใู่ นระดับมาก ขวัญฤทัย เทศป่ัน (2549) ได้ทาการวิจัยเรื่องการพัฒนาตนเองจากแหล่งการเรียนรู้ของ ครูผู้สอนในโรงเรียนประถมศึกษาเอกชนเขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร โดยกลุ่มตัวอย่างเป็น ครูผู้สอนในโรงเรยี นประถมศึกษาเอกชน เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร จานวน 172 คน เครื่องมือ ท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ีคือ แบบสอบถาม ผลการวิจัยสามารถสรุปได้ดังน้ี (1) ครูผู้สอนโรงเรียน ประถมศึกษาเอกชน เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองจากแหล่ง การเรียนรู้ โดยภาพรวมและรายด้านทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านแหล่งเรียนรู้ท่ีเป็นบุคคล ด้านแหล่งเรียนรู้ท่ี เปน็ ส่อื สารสนเทศ และดา้ นแหลง่ เรยี นรทู้ ่เี ป็นอาคารสถานที่ อยู่ในระดับมาก (2) ผลการเปรียบเทียบ ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองจากแหล่งการเรียนรู้ของครูผู้สอนในโรงเรียนประถมศึกษา เอกชน เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร พบว่า ครูผู้สอนในโรงเรียนประถมศึกษา ที่มีเพศต่างกันมี ความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองจากแหล่งการเรียนรู้ในภาพรวม และรายด้านทั้ง 3 ด้าน แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 (3) ครูผู้สอนโรงเรียนประถมศึกษาเอกชน เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานครท่ีมีวุฒิการศึกษาแตกต่างกันมีความคิดเห็นเก่ียวกับการพัฒนาตนเอง จากแหล่งการเรียนรู้ในภาพรวม และด้านแหล่งการเรียนรู้ที่เป็นบุคคลแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่อื สนบั สนนุ การพัฒนาตนเองของบคุ ลากร 18 อุดมศกึ ษา
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยท่เี กย่ี วขอ้ ง ทางสถิติท่ีระดับ .05 ส่วนด้านแหล่งเรียนรู้ที่เป็นอาคารและสถานที่ และด้านแหล่งเรียนรู้ท่ีเป็นสื่อ สารสนเทศ มีความคิดเห็นเก่ียวกับการพัฒนาตนเองจากแหล่งการเรียนรู้แตกต่างกันอย่างไม่มี นัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (4) ส่วนครูผู้สอนท่ีมีประสบการณ์ในการสอนและสถานศึกษาท่ีสังกัด แตกต่างกันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองจากแหล่งเรียนรู้ในภาพรวมและรายด้านทั้ง 3 ด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 (5) ข้อเสนอแนะของครูผู้สอนเกี่ยวกับการพัฒนา ตนเองจากแหล่งการเรียนรู้ ได้แก่ โรงเรียนควรจัดฝึกอบรมพัฒนาทางด้านการใช้แหล่งการเรียนรู้ ภายในโรงเรียนเพือ่ สง่ เสรมิ และสนับสนุนทักษะทางด้านการปฏิบัติงานของครูผูส้ อนใหม้ ีประสทิ ธภิ าพ ธนภพ อาสนทอง (2555) ได้ทาการศึกษาเก่ียวกับการศึกษาความต้องการพัฒนาตนเองเพ่ือเพ่ิม คุณภาพในการบริการ กรณีศึกษา: พนักงานให้บริการบนเคร่ืองบิน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากพนักงานให้บริการบนเคร่ืองบิน จานวน 400 คน ผลการศึกษาพบว่า กลมุ่ ตวั อย่างท่ตี อบแบบสอบถามมรี ะดับความรคู้ วามเข้าใจต่อการพัฒนางานบริการในด้านพฤติกรรม มากท่ีสุด รองลงมา คือ ด้านคุณลักษณะเม่ือพิจารณาทัศนคติต่อการพัฒนางานบริการของพนักงาน ให้บริการบนเครื่องบิน พบว่า ทัศนคติ ในด้านองค์กรมีค่ามากที่สุด รองลงมาคือด้านการปฏิบัติงาน ผลการ ทดสอบสมมติฐานพบว่า ความรู้ความเข้าใจต่อการพัฒนางานบริการของพนักงานให้บริการบนเคร่ืองบินด้าน คุณลักษณะ มีผลต่อความต้องการพัฒนาตนเองเพ่ือเพ่ิมคุณภาพบริการมากที่สุด ตามด้วยด้านพฤติกรรม และ ทศั นคติต่อการพัฒนางานบรกิ ารของพนักงานให้บริการบนเครื่องบินด้านการปฏิบัติงาน มีผลต่อ ความต้องการพัฒนาตนเองเพื่อเพ่ิมคุณภาพงานบริการมากท่ีสุดตามด้วย ด้านองค์กร อย่างมี นัยสาคญั ท่ีระดบั .05 McCollum and Chester (2000) ได้ทาการศึกษาเก่ียวกับการพัฒนาตนเองของผู้นาจาก การพัฒนาโดยใช้กระบวนการภายในของบุคคลท้ังทางด้านความคาดหวังและความต้องการภายในตนเอง โดยให้ความสาคัญกับการพัฒนาตนเองจากภายในเพื่อให้เกิดจิตสานึกในตนเองไปสู่การเป็นผู้นาต้นแบบ โดยได้ทดลองกับผู้บริหารและผู้ใต้บังคับบัญชา ในบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นระยะเวลาแปดเดือน ผลการวิจัย พบว่าเมื่อมีการปลูกฝังให้มีจิตสานึกท่ีดีจากภายในตนเองแล้วพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชามีความเชื่อและ เคารพในผู้นา โดยทาการประเมินลักษณะของผู้นาทั้งจากการสัมภาษณ์ทั้งรายบุคคลและรายกลุ่มพบว่า เม่ือได้ผ่านโปรแกรมท่ีผู้วิจัยออกแบบและสร้างข้ึนซ่ึงจะประกอบด้วยทักษะ 5 ประการ คือ กระบวนการท่ีมีความท้าทาย แรงบันดาลใจในการแบ่งปันวิสัยทัศน์ การแบ่งอานาจให้แก่ผู้อ่ืน การสร้างแนวของตัวอย่างที่ดี และ การส่งเสริมทางด้านกาลังใจ จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า บุคคลสามารถพัฒนาพฤติกรรมความเป็นผู้นาได้อย่างเป็นธรรมชาติและรวดเร็วเมื่อมีการพัฒนา จากความต้องการภายในของตนเอง ระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พ่อื สนับสนุนการพัฒนาตนเองของบุคลากร 19 อดุ มศกึ ษา
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กยี่ วขอ้ ง แหล่งเรยี นรอู้ อนไลน์เพ่ือการพัฒนาตนเอง แหล่งเรียนรู้ออนไลน์เพื่อการพัฒนาตนเองของบุคลากรอุดมศึกษา เป็นแหล่งความรู้ท่ีอยู่ในระบบ อินเทอร์เน็ต มีการจัดเก็บไว้ในลักษณะส่ือภาพ เสียง ข้อความดิจิทัล แสดงเน้ือหาเป็นบทเรียนให้ บุคลากรสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง สามารถมีกิจกรรม การเรียน ปฏิสัมพันธ์การเรียน การประเมนิ ผลการเรียน เชน่ เดยี วกับการเรยี นแบบในหอ้ งเรียน ในท่นี ้ี แสดงแหล่งเรียนรู้ 2 ลักษณะ คือ แหล่งทรพั ยากรการศึกษาแบบเปิด และการเรยี นการสอนออนไลน์แบบเปิดสาหรบั มหาชน แหลง่ ทรัพยากรการศึกษาแบบเปดิ แหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด (Open Educational Recourse: OER) เป็นแหล่ง ทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดซ่ึงครอบคลุมส่ือต่าง ๆ ท่ีอยู่รอบตัวเรา ใช้ประโยชน์เพ่ือการเรียนรู้ตลอด ชีวติ และการเรียนรู้นไ้ี ม่ได้เกดิ ขน้ึ เพยี งในห้องเรียนเท่านั้น นั่นคือ ใช้ได้ทั้งกับการศึกษาและการสืบค้น ทรัพยากรการศึกษาในระบบและนอกระบบ จึงเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนกับอาจารย์ท่ีมีความรู้ ความสามารถในแต่ละดา้ นและสอนเกง่ ไดเ้ ทา่ ๆ กัน แหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด ได้รับการนิยามขึ้นในการอภิปรายขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ด้านบทเรียนแบบเปิด (Open Courseware) โดยมีความหมายรวมถึง สื่อการเรียนการสอน ส่ือการเรียนรู้ ส่ืองานวิจัย ในรูปแบบดิจิทัลหรือไม่ก็ตาม ที่อยู่ในสาธารณะสมบัติ (public domain) หรือได้รับการเผยแพร่ด้วยใบอนุญาตแบบเปิดท่ีอนุญาต ให้สามารถเข้าถึง ใช้งาน ดัดแปลง เปล่ียนแปลง และเผยแพร่โดยปราศจากค่าใช้จ่าย ได้โดยบุคคลใด ๆ โดยไม่มีการกาหนดข้อบังคับใด ๆ โดยการอนุญาตแบบเปิดนี้อยู่ภายใต้กรอบของสิทธิในทรัพย์สินทาง ปัญญาท่ีได้กาหนดไว้โดยอนุสัญญาระหว่างประเทศท่ีเก่ียวข้อง และความเคารพต่อผู้ท่ีเป็นเจ้าของ ผลงานนน้ั ๆ ใจทิพย์ ณ สงขลา (2557) แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้แบบเปิด หมายถึง แหล่งสาระความรู้ ในรปู แบบดจิ ิทลั ในรูปแบบตา่ ง ๆ ท้ังที่เป็นงานเขยี น ตารา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ บทเรียนมัลติมีเดีย วีดทิ ศั น์ สอ่ื ประกอบการสอน ฯลฯ รวมท้ังซอฟตแ์ วร์ ท่ีผู้พัฒนาขึ้นเปิดให้ใช้เป็นความรู้สาธารณะโดย ไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยแสดงสัญลักษณ์อนุญาตลักษณะที่นาไปใช้ได้ ซึ่งผู้นาไปใช้อาจต่อเติม ดัดแปลง ผสมผสานใหม่ตามเงือ่ นไขทีผ่ ้เู ปน็ เจ้าของระบุอนญุ าตไวใ้ นช้ินงานความรู้นั้น ๆ หรอื เรียกว่า ซีซี ซีโร่ (CC0) โดยใชส้ ญั ลกั ษณร์ ูปภาพต่าง ๆ ประกอบกับตัวยอ่ แทนความหมาย เช่น (CC) การอ้างอิงแหล่งที่มา (BY) การให้อนุญาตไปใช้ในแบบเดียวกัน (SA) หา้ มดดั แปลง (ND) ห้ามนาไปใช้เพือ่ การค้า (NC) เป็นตน้ Dawnes (2009) ได้ให้ความหมายของ Open Education Resources (OER) ว่าเป็นทรัพยากร ทางการศึกษาท่ีไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า ผู้ใช้มีอิสระในการเข้าถึง (Access) คัดลอก (Copy) ดัดแปลง (Modify) และนาไปเผยแพร่ตอ่ ระบบวิเคราะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พ่ือสนบั สนนุ การพัฒนาตนเองของบคุ ลากร 20 อุดมศกึ ษา
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วขอ้ ง วิลาส วูวงศ์ (2554) ได้ให้ความหมายของ แหล่งทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด ว่าเป็นทรัพยากร ทางการศกึ ษาที่ผูเ้ รียนสามารถนาไปใช้ประโยชน์ไดโ้ ดยไม่เสียค่าใชจ้ า่ ย ประเภทของทรัพยากรทางการศึกษาแบบเปิด สามารถจาแนกเป็น 4 ประเภทตามขนาด และผู้พัฒนา (OECD, 2007 อ้างถึงใน ใจทพิ ย์ ณ สงขลา, 2557) ได้แก่ 1. ทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดท่ีมีขนาดใหญ่และมีสถาบันการศึกษาเป็นฐานสนับสนุน ได้แก่ คอร์สแวร์แบบเปิดของมหาวิทยาลัยแมตซาชูเซส (OCW) นับว่าเป็นแหล่งข้อมูลของคอร์สแวร์ความรู้ ท่ีมีผู้เข้าเรียน โดยสาระของคอร์สแวร์ได้มาจากการบันทึกการสอนของแต่ละรายวิชาของสถาบัน ในรูปแบบวีดโิ อและลักษณะที่ใกล้เคยี งกบั มหาวทิ ยาลยั เปดิ ขององั กฤษ (open Learn) 2. ทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดที่มีขนาดเล็ก และสถานศึกษาเป็นฐานสนับสนุน ได้แก่ OpenER โดยมหาวิทยาลัยเปิดเนเธอร์แลนด์ (Open University of the Netherland) โครงการฟรี คอร์สแวร์ (Free Courseware) โดยมหาวทิ ยาลยั เวสเทิร์นเคป (University of the Western Cape) และคอร์สแวรฺเปิดโดยมหาวิทยาลัยสหประชาชาติ (United Nation University) และคอร์สแวร์เปิด โดย คลาเกนเฟริ ์ท (Klagenfurt) 3. ทรัพยากรทางการศึกษาแบบเปิดที่มีขนาดใหญ่โดยมีชุมชนเป็นฐานตัวอย่าง ได้แก่ สารานุกรมออนไลน์ (wikipedia) ซึ่งเกิดจากการช่วยกันสร้างสาระความรู้ โดยสมาชิกทั่วไปหรือการเผยแพร่ ความรู้โดยชุมชนซึ่งนักวิชาการหลากหลายสาขา ประชาคมพัฒนาแหล่งทรัพยากร ส่ือมัลติมีเดีย การศึกษาเพ่ือการเรียนการสอนออนไลน์ หรือ เมอร์โล (MERLOT – Multimedia Educational Resources for Learning and Online Teaching) 4. ทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดท่ีมีขนาดเล็กโดยมีชุมชนเป็นฐาน ได้แก่ Open Course ทเ่ี กิดจากความรว่ มมอื ของครู นักวจิ ยั และผู้เรียนโดยมีจุดประสงค์ร่วมกัน คือ การพัฒนาความรู้แบบเปิด การนาทรัพยากรการเรียนรู้ไปใช้ใหม่อย่างมีคุณค่า ได้แก่ทรัพยากรการศึกษาในรูปแบบ แอนิเมช่ัน สถานการณจ์ าลอง โมเดล และกรณศี กึ ษา การสอนออนไลนแ์ บบเปดิ สาหรบั มวลชน การสอนออนไลน์แบบเปิดสาหรับมวลชน (Massive Open Online Course หรือ MOOC) ซึ่งในที่นี้จะเรียกว่า MOOC เป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการการศึกษาโลกโดยการนาเทคโนโลยีและ วิธีการเรียนการสอนสมัยใหม่มาผสมผสานทาให้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ผ่านช่องทาง ออนไลน์ ท้ังนี้กระแสของ MOOC เกิดข้ึนเมื่อไม่นานมาน้ี และ ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในปี 2012 เน่อื งจากมีมหาวิทยาลยั ชั้นนาของโลกจานวนมากใชน้ วตั กรรมนใ้ี นการจัดการเรยี นรู้ MOOC หมายถึง คอร์สแวร์ออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่เปิดให้มีการลงทะเบียนเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาจอยู่ในรูปแบบของการร่วมกันเปิดหลักสูตรสู่สาธารณะมีลักษณะและการประเมินการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง (McAuley, Stewart, Siemens, & Cormier, 2010 อา้ งถงึ ใน ใจทิพย์ ณ สงขลา, 2557) ระบบวเิ คราะหส์ มรรถนะออนไลนเ์ พ่ือสนบั สนนุ การพัฒนาตนเองของบคุ ลากร 21 อดุ มศกึ ษา
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง ใจทิพย์ ณ สงขลา (2557) ได้จาแนกลักษณะของ MOOC ไว้ 3 ลักษณะ ดังนี้ 1. การเข้าถึง (accessiblility) การเรยี นผ่านคอรส์ แบบ MOOC ไมม่ คี ่าใชจ้ ่ายในการลงทะเบยี นเรยี น ทาให้ใครก็ตามที่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเรียนได้ โดยใช้การวิดีโอใน ยูทูป (YouTube) เป็นหลักการเปิดรับ ทุกคนเข้ามาเรยี น 2. ปฏิสัมพันธ์ (interaction) ใน MOOC น้ันผู้เรียนไม่ได้เพียงฟังอย่างเดียว ระหว่างดูวิดีโอ จะมีคาถาม แทรกอยู่ตลอด ทาให้ผู้เรียนต่ืนตัวและรู้ตัวเม่ือขาดสมาธิ นอกจากน้ันผู้เรียนยังสามารถ ตัง้ คาถามโดยให้ เพื่อนทีเ่ รยี นดว้ ยกนั มาตอบ เชน่ เดียวกบั การถามเพื่อน ๆ ในหอ้ งเรียน 3. เสรี (freedom) ผู้เรียนมีสิทธ์ิเลือกวิชาที่อยากเรียนได้ตามใจชอบ เรียนได้เท่าท่ีตนต้องการ และเม่ือเรียนจบสอบผ่านส่งการบ้านครบได้เกียรติบัตรอิเล็กทรอนิกส์ โดยในขณะนี้บางวิชาสามารถ โอนเทียบเปน็ หน่วยกิตจรงิ ได้ ประเภทของ MOOC ใจทิพย์ ณ สงขลา (2557) ได้จาแนก MOOC เป็น 3 ประเภท ตามลักษณะ ของสงั คมและการเรยี นรใู้ น MOOC น้นั ได้แก่ 1. ซมี คู (cMOOCs) ซีมคู เป็นรปู แบบแรก ๆ ของ MOOC เน้นชุมชนและการเชื่อมโยง อาจพบกลุ่มชมุ ชนการเรียนรู้ในระบบบรหิ ารจดั การเรยี นรู้และการเชอื่ มโยงเครอื ข่ายเว็บ 2. เอ็กซ์มูค (xMOOCs) เป็นการเปลี่ยนแปลงของ MOOC เข้าสู่สภาพที่เป็นสาระความรู้ แบบเปดิ ที่เปดิ ให้มกี ารลงทะเบียนเรยี นฟรี เพอ่ื สาธารณะมีการรว่ มกันเปดิ ความรู้สู่สาธารณะ และวัด ประเมินผลแบบเปิด เอ็กซ์มูคมีบริบทของการส่ือสารทางสังคม มีแหล่งความรู้ให้เข้าถึงออนไลน์ และเออ้ื อานวยการเรียนรู้ โดยผู้เชี่ยวชาญและนกั ปฏบิ ัตใิ นศาสตรน์ ัน้ ๆ 3. พีมูค (pMOOC) มีลักษณะการเรียนรู้แบบเปิดโดยใช้หลักของการใช้โครงงานเป็นฐาน มีลาดับการเรียนรู้ในคอร์ส ได้แก่ 1) การริเริ่ม 2) การสืบหา 3) การเปิดแนวคิด 4) การเช่ือมโยง 5) การสรา้ งต้นแบบ 6) การเกบ็ รกั ษาเพื่อค้นคืน 7) การประเมิน 8) การสะท้อน และ 9) การเสริมให้สมบูรณ์ ผใู้ หบ้ รกิ ารการสอนสอนออนไลน์แบบเปดิ สาหรับมวลชน การให้บริการการสอนออนไลน์แบบเปิดสาหรับมวลชน เร่ิมข้ึนราว ช่วงปี ค.ศ. 2011 และมี การขยายตัวอย่างรวดเร็วมีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานรองรับรวมทั้งบทเรียนและส่ือการศึกษา มากมาย ซึ่งแตล่ ะผู้ให้บริการการศกึ ษามีที่มาและจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังตวั อยา่ งต่อไปน้ี 1. Coursera (https://www.coursera.org/) เป็นชื่อเว็บไซต์ที่ให้บริการการศึกษาแบบเปิด MOOC เม่ือค.ศ. 2012 ก่อต้ังโดยอาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด 2 ท่าน คือ ศาสตราจารย์ Daphed Koller และ รองศาตราจารย์ Andrew Ng เงินลงทุน ระยะแรก 22 ล้านดอลลาร์ ร่วมกับบริษัทเอกชนของสหรัฐฯ (Kleiner Perkins Caufield & Byers and New Enterprise Associates) เพื่อทาธุรกิจการศึกษาที่แสวงหาผลกาไรด้วยนวัตกรรม การศกึ ษาที่ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยดาเนินการ หลังจากเปิดให้บริการ 1 ปีในปี ค.ศ.2013 ระบบวิเคราะห์สมรรถนะออนไลน์เพ่ือสนับสนุนการพฒั นาตนเองของบคุ ลากร 22 อดุ มศกึ ษา
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง มีผู้ลงทะเบียนเข้าใช้ราว 3 ล้านคน ในช่วงก่อตั้งมีมหาวิทยาลัยท่ีมีชื่อเสียงด้านการเรียนการสอน และการวิจัยเข้าร่วมเป็นสมาชิกเพ่ือนาวิชาของมหาวิทยาลัยน้ันมาให้บริการ 4 แห่ง คือ Stanford, Princeton, University of Michigan และ Pennsylvania ต่อมามีมหาวิทยาลัยอ่ืน ๆ ในประเทศ สหรัฐฯ เข้าร่วมอีกเป็นจานวนมาก เช่น มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยอิลินอยส์ จอห์นฮอปกินส์ ฯลฯ และประเทศอ่ืน ๆ ท่ัวโลก เช่น มหาวิทยาลัยปักก่ิง มหาวทิ ยาลัยจากเนเธอร์แลนด์ เยอรมนั สเปน ออสเตรเลียธนาคารโลก เปน็ ต้น 2. Udacity (https://www.udacity.com/) เป็นอีกหน่ึงเว็บไซต์ท่ีเป็นแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ ด้วย MOOCก่อตั้งในปี ค.ศ. 2012 โดย อาจารย์Sebastian Thrun, David Stavens และ Mike Sokolsky จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดลงทุนร่วมกับบริษัท Charles River Ventures and Andreessen Horowitz ด้วยเงิน 21 ล้านดอลลาร์ วิชาท่ีเปิดให้บริการ ส่วนใหญ่จะเน้นการเรียนรู้ ที่ต้องการฝึกทักษะ และมีการปฏิบัติจริงในโครงการต่าง ๆ เพื่อประยุกต์ และทางานได้จริง เช่น การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ วิชาทางวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ การเขียนเว็บ ภาษาคอมพิวเตอร์สาหรับอปุ กรณเ์ คลื่อนท่ี มีผู้ให้ความสนใจ มีวิชาเปิดสอนเต็มรูปแบบตามหลักสูตร ของมหาวิทยาลัย และวิชาที่เปิดให้เรียนฟรี รูปแบบการเรียนการสอนจะเป็นลักษณะบันทึกวิดีโอ และมีคาข้อความสรุปสั้น ๆ ประกอบ รวมท้ังมีการทดสอบความเข้าใจหลังเรียน และแบบฝึกหัด แต่ละบทเรียน ตามหลักการเรียนรู้ด้วยการลงมือทาและทาได้จริง จุดเด่น คือ มีการตรวจการบ้าน ของผู้เรียนด้วยซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้น การลงทะเบียนและระยะเวลาการเรียนแต่ละวิชาเป็นแบบ ยืดหยุ่นไม่กาหนดตายตัว ขึ้นกับความพร้อมผู้เรียนแต่ละคน เม่ือเรียนจบแต่ละวิชาจะได้รับ ใบประกาศนียบัตรที่ประทับลายเซน็ ของอาจารย์ผสู้ อน ปี ค.ศ. 2012 Udacity ได้เพ่ิมบริการสอบตามศูนย์สอบของพันธมิตรธุรกิจ คือ Pearson VUE ซึ่งมีศูนย์สอบทั่วโลก เป็นการสอบออนไลน์โดยมีเจ้าหน้าที่คุมสอบ จะทราบผลสอบทันทีหลัง สอบเสร็จ ผลสอบที่ได้จะสามารถนาไปใช้ในการโอนหน่วยกิตเข้าไปมหาวิทยาลัย หรือบริษัท ท่ีมี ขอ้ ตกลงร่วมกัน ผูเ้ รียนสามารถดาวนโ์ หลดเอกสารประกอบการเรยี นได้ กล่มุ เป้าหมายของ Udacity คอื 2.1 ผู้เรียนทั่วไป เป็นการเรียนรู้ตามอัธยาศัย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่หากต้องการ ประกาศนียบัตรท่ีผา่ นการทดสอบจากศนู ยส์ อบทีก่ าหนด จะต้องเสียค่าลงทะเบยี นเข้าสอบ 2.2 กลุ่มธุรกิจด้านเทคโนโลยี เช่น Google, AT&T, Facebook, MONGO DB เพ่ืออบรม พนักงานของตนเองหรอื คัดเลือกพนักงานใหม่ตามคณุ สมบตั ทิ ่กี าหนดหรอื บคุ คลท่ีสนใจ ระบบวเิ คราะห์สมรรถนะออนไลนเ์ พ่อื สนบั สนนุ การพฒั นาตนเองของบคุ ลากร 23 อดุ มศกึ ษา
แหลง่ เรียนร้อู อนไลน์เพ่ือการพัฒนาสมรรถนะ แหล่งเรยี นรอู้ อนไลนเ์ พื่อการพัฒนาสมรรถนะด้านการมุง่ ผลสัมฤทธ์ิ วิชา แหล่งท่ีมา คาอธิบาย Link เข้าเวบ็ ไซต์ รปู ภาพ กระบวนการวเิ คราะห์ สานักงาน เป็นวิชา เพื่อเรียนรูก้ ระบวนการวเิ คราะห์ปัญหา ขน้ั ตอนการตัดสินใจทจ่ี ะทา สามารถศึกษารายละเอยี ดเพิ่มเตมิ ได้ที ปัญหา และการแก้ ก.พ. ให้เกิดการตดั สินใจผิดพลาด การแกป้ ัญหา และวิธีป้องกนั http://ocsc.chulaonline.net ปัญหา /main/default52.asp การสรา้ ง สานกั งาน เป็นวชิ าท่ใี ห้ความรูเ้ กย่ี วกับการพฒั นาความพรอ้ มในการทางานเพ่ือนาไปสู่ สามารถศึกษารายละเอียดเพ่ิมเติมไดท้ ี่ แรงจูงใจ ใฝ่สมั ฤทธิ์ใน ก.พ. ความสาเร็จของงาน การมีความคดิ สร้างสรรค์ สามารถกาหนดเป้าหมาย http://ocsc.chulaonline.net การทางาน ในการทางาน วิธีการทางาน และทางานด้วยความพากเพียรเพ่ือผลสาเร็จของงาน /main/default52.asp การสรา้ งเครือขา่ ย สานกั งาน เปน็ วิชาทีใ่ หบ้ ุคลากรมีมุมมอง ทางเลือกของการทางานในรูปแบบที่เหมาะสม สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมไดท้ ่ี (Networking) และ ก.พ. และมกี ารพัฒนาความรู้ ทกั ษะและประสบการณ์ รวมท้ังมเี ครือข่ายทป่ี รึกษา http://ocsc.chulaonline.net พนั ธมิตร (Partner) สนับสนุน และแก้ปัญหาการทางาน เพ่ือขับเคลื่อนการดาเนนิ งานให้เป็นไป /main/default52.asp อยา่ งคล่องตวั รวดเร็ว มปี ระสิทธภิ าพ และการทางานมีความเช่อื มโยงประสาน สัมพันธ์การร่วมคิดร่วมทา การยอมรบั การแลกเปล่ียนข้อมูล การเรียนรู้ รว่ มกนั ต่อองค์กร เพื่อให้องค์กรมศี ักยภาพเพิ่มขึน้ และก้าวหนา้ ไปพร้อม ๆ กัน อย่างมน่ั คง บรรลุเป้าหมายอย่างมปี ระสิทธภิ าพและประสิทธิผลประหยดั ทรัพยากร ลดต้นทนุ 24
วิชา แหลง่ ที่มา คาอธิบาย Link เขา้ เวบ็ ไซต์ รปู ภาพ การคิดเชงิ สังเคราะห์ สานกั งาน เปน็ วิชาเพือ่ ให้คิดเป็น คดิ ดี สามารถใชข้ ้อมลู เหตุ และผลไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ครบถ้วน สามารถบรหิ ารจัดการความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร การสงั เคราะห์เพือ่ ใช้ สามารถศึกษารายละเอยี ดเพ่ิมเติมไดท้ ี่ การคดิ เพื่อ ก.พ. ประโยชน์ในการตดั สนิ ใจได้อย่างถกู ต้องตรงตามวัตถุประสงค์ขององคก์ ร ประสทิ ธผิ ลของงาน เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนสามารถบอกความหมายและอธิบายความสาคญั ของการคิดได้ http://ocsc.chulaonline.net (Effective Thinking) สานักงาน อย่างถูกต้อง การกาหนดแนวทางการพฒั นาทักษะการคดิ ของตนเอง ก.พ. การอธิบายขั้นตอนการบรู ณาการการคิดทีจ่ ะนาไปสู่ประสิทธิผลในการปฏิบัติ /main/default52.asp ทกั ษะการตัดสนิ ใจ งานของตนเองได้ รวมไปถงึ การอธิบายวธิ ีการคิดแบบต่าง ๆ ได้อย่างถกู ต้อง และแก้ปัญหา สานกั งาน เพ่อื ให้มคี วามรู้ความเข้าใจ และตระหนกั วา่ การกระทาของตนมผี ลกระทบตอ่ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ท่ี ก.พ. บคุ คลอืน่ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ สามารถนาหลักคา่ นิยม คุณธรรม กฎหมาย ศาสนา และอุดมคตสิ ากลไป http://ocsc.chulaonline.net ประยุกตใ์ ชใ้ นการแกป้ ัญหา และการคดิ ในภาพรวมเชิงบูรณาการในการ ตดั สนิ ใจเลอื กกระทาเพ่ือผลประโยชน์ของสว่ นรวม /main/default52.asp สามารถศึกษารายละเอยี ดเพ่ิมเตมิ ได้ที่ http://ocsc.chulaonline.net /main/default52.asp 25
แหล่งเรยี นรอู้ อนไลน์เพื่อการพฒั นาสมรรถนะดา้ นบริการที่ดี วชิ า แหล่งที่มา คาอธบิ าย Link เข้าเว็บไซต์ รูปภาพ จติ วทิ ยาการบริการ TCU : เปน็ วิชาท่ีศึกษาถงึ แนวคิดพื้นฐานของความตอ้ งการ http://upload.thaicy เรื่องเจตคติและ โครงการ ของบุคคลและแนวความคิดในเร่อื งของ การนาเอา beru.go.th/ ความพงึ พอใจใน มหาวิทยาลัย ทฤษฎีทางจิตวทิ ยามาประยกุ ตใ์ ช้กับความต้องการใน Reader/LearningRoo งานบรกิ าร ไซเบอร์ไทย การบริการบุคคล รวมท้ังศึกษาถึงหลกั ในการบริการให้ m/1679/210738/TH/ มีประสทิ ธิภาพ เทคนคิ การจงู ใจลูกคา้ เทคนิคการ CR แก้ปญั หาเมื่อลูกคา้ ไม่พอใจ และเทคนิคการใช้มนุษย์ สัมพันธ์ในการบริการ 26
วชิ า แหล่งที่มา คาอธบิ าย Link เขา้ เวบ็ ไซต์ รูปภาพ การสื่อสารเพื่อให้ สานักงาน เป็นวชิ าทใ่ี ห้เรียนร้กู ารสื่อสารให้เกิดประสิทธภิ าพ สามารถศึกษา เกดิ ประสิทธิภาพ สงู สุดในการทางาน เขา้ ใจหลักการวิธีการสื่อสาร รายละเอียดเพิ่มเติมได้ท่ี สูงสุดในการทางาน ก.พ. ท่ีทาให้เราสามารถเข้าใจคนอ่ืนได้ ประโยชน์ของการ http://ocsc.chulaonl สอ่ื สาร และการสื่อสารทาใหร้ ู้ทัศนคตติ ่อการกระทา ine.net การบริการทเี่ ปน็ เลศิ สานักงาน ของตนเองและผู้อืน่ /main/default52.asp ก.พ. เพ่ือให้มีความเขา้ ใจ และสามารถอธิบายพน้ื ฐาน สามารถศึกษา เกยี่ วกบั การบริการ พร้อมทั้งนาความรทู้ ีไ่ ด้ไป รายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ ได้ท่ี ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการให้บริการกับประชาชนได้อย่างมี http://ocsc.chulaonl ประสทิ ธิภาพ ine.net /main/default52.asp 27
วิชา แหลง่ ท่ีมา คาอธบิ าย Link เข้าเวบ็ ไซต์ รปู ภาพ Improving coursera Learn how to communicate more effectively https://www.courser Communication at work and achieve your goals. Taught by a.org/learn/wharton- Skills award-winning Wharton professor and best- communication- selling author Maurice Schweitzer, Improving skills Communications Skills is an essential course designed to give you both the tools you need to improve your communication skills, and the most successful strategies for using them to your advantage. 28
วชิ า แหล่งที่มา คาอธบิ าย Link เขา้ เวบ็ ไซต์ รูปภาพ Leading With edX: Free Effective What does it take to inspire others, promote a https://www.edx.org Communication online (Inclusive course novel idea, or even have a difficult /course/leading- Leadership Training) conversation? How can you position yourself effective- as a leader through inclusive communication? communication- How do you know that the message you are catalystx-il5x#! intending to send is what is being received? Join Catalyst experts to explore this topic and the important role communication plays in inclusive leadership. 29
แหลง่ เรียนรู้ออนไลนเ์ พือ่ การพัฒนาสมรรถนะด้านการส่งั สมความเชย่ี วชาญในงานอาชีพ วิชา แหล่งที่มา คาอธบิ าย Link เขา้ เว็บไซต์ รปู ภาพ ความเชือ่ มนั่ ในตนเอง สานกั งาน เปน็ วชิ าเกย่ี วกบั การให้มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความสามารถของ สามารถศึกษารายละเอยี ดเพิ่มเตมิ ก.พ. ตนเอง และประเมนิ ค่าตนเองได้อยา่ งถกู ตอ้ งเพ่ือสรา้ งความม่นั ใจใน ไดท้ ่ี การยืนหยัดทางานอย่างเต็มความสามารถ พัฒนาความเชอ่ื ม่นั ในตนเอง http://ocsc.chulaonline.net และเลือกตดั สินใจตามความเชอ่ื ทถี่ กู ตอ้ ง /main/default52.asp องค์การแหง่ การ สานักงาน เพอ่ื ใหร้ ู้ถึง ความหมาย ความสาคญั ลกั ษณะองค์การแหง่ การเรยี นรู้ สามารถศึกษารายละเอยี ดเพิ่มเตมิ เรยี นรู้ ก.พ. การพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้ และกรณีศกึ ษาองคก์ ารแห่งการ ได้ท่ี เรยี นรู้ http://ocsc.chulaonline.net /main/default52.asp ความร้เู กี่ยวกบั สานักงาน เพ่อื ให้เข้าใจประวตั ิศาสตรร์ าชการไทย และข้าราชการพลเรือน ความ สามารถศึกษารายละเอียดเพ่ิมเตมิ ราชการไทยและการ ก.พ. เป็นมาของกฎหมายทเ่ี กยี่ วข้อง สิทธิและการเปน็ ข้าราชการ ไดท้ ี่ เปน็ ขา้ ราชการ http://ocsc.chulaonline.net /main/default52.asp การสงั่ สมความ สานกั งาน เพ่อื ให้มคี วามเข้าใจเรื่องการส่ังสมความเช่ยี วชาญในงานอาชพี การ สามารถศึกษารายละเอยี ดเพ่ิมเติม เชย่ี วชาญในงาน ก.พ. สรา้ งกรอบพัฒนาในการสง่ั สมความเชย่ี วชาญในงานอาชีพของตนเอง ได้ที่ อาชพี และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใชใ้ นงานอาชีพของตนเองได้ http://ocsc.chulaonline.net /main/default52.asp การฝกึ อบรม และ สานกั งาน เพ่ือใหท้ ราบถึงความหมาย ความสาคญั กระบวนการและประโยชน์ของ พฒั นาข้าราชการ ก.พ. การฝกึ อบรมและพฒั นาทรัพยากรบคุ คลรวมถงึ เทคนิคในการฝกึ อบรม และพัฒนาทรัยากรบุคคล 30
แหลง่ เรยี นรู้ออนไลน์เพ่ือการพฒั นาสมรรถนะดา้ นการยึดมั่นในความถกู ต้องชอบธรรม และจรยิ ธรรม วชิ า แหล่งท่ีมา คาอธิบาย Link เข้าเว็บไซต์ รูปภาพ การคิด TCU : ศกึ ษากระบวนการคิดของมนุษย์ การถ่ายทอดความคิด http://upload.thaic การใช้ โครงการ เหตผุ ล และการใช้เหตผุ ลของมนษุ ย์ การถ่ายทอด yberu.go.th/ เหตุผลและ มหาวทิ ยาลยั ความคดิ ออกมาเปน็ เหตุผล ความหมายของจรยิ ธรรม Reader/LearningRo จริยธรรม ไซเบอร์ไทย กระบวนการคดิ และการใช้เหตผุ ลบนพื้นฐาน om/2051/210738/T ความหมายของจรยิ ธรรม H/CR คุณธรรม สานกั งาน เพอ่ื ใหม้ คี ุณธรรมประจาใจเหมาะแกก่ ารเป็นข้าราชการ สามารถศึกษา สาหรับ ก.พ. ขา้ ราชการ พร้อมทัง้ เปน็ ขา้ ราชการทด่ี ี มีจรรยา รายละเอียดเพม่ิ เติมได้ท่ี และรกั ษาวนิ ยั อยา่ งเคร่งครัดย่งิ ข้ึน http://ocsc.chulaon line.net/main/ default52.asp 31
วชิ า แหลง่ ท่ีมา คาอธบิ าย Link เข้าเว็บไซต์ รปู ภาพ วินยั สานกั งาน เพอ่ื ใหม้ ีความเขา้ ใจเกีย่ วกบั วินยั ข้าราชการพลเรือน สามารถศึกษา ข้าราชการ พรอ้ มทงั้ สามารถวางแผนไดอ้ ย่างเหมาะสม รายละเอียดเพ่ิมเติมได้ พลเรือน ก.พ. ตามแบบแผนของขา้ ราชการท่ีมวี ินัย ท่ี http://ocsc.chula online.net/main ประมวล สานักงาน เพื่อใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจความหมายของคาว่า /default52.asp จริยธรรม ก.พ. จรยิ ธรรม การปฏบิ ัตติ นเป็นข้าราชการทดี่ ี บทบาท สามารถศึกษา ข้าราชการ หนา้ ท่ี รายละเอียดเพมิ่ เตมิ ได้ พลเรือน สานักงาน ของหน่วยงานตา่ ง ๆ ท่ีมีความเกี่ยวข้องกับประมวล ที่ http://ocsc.chula ก.พ. จริยธรรม กฎหมายและระเบียบทเี่ ก่ียวข้องกับประมวล online.net/main สิทธิ จริยธรรม /default52.asp มนษุ ยชน ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ไมป่ ระพฤติผิดประมวลจริยธรรม และ สามารถนาไปปฏิบตั ใิ นหน่วยงานของตนเองได้อย่างมี สามารถศึกษา ประสิทธภิ าพ รายละเอียดเพม่ิ เติมได้ เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เก่ียวกบั เรื่องสิทธิ ที่ http://ocsc.chula มนุษยชนข้ันพ้ืนฐาน และสามารถอธบิ ายเกย่ี วกบั สิทธิ online.net/main มนุษยชนขั้นพ้ืนฐานได้ /default52.asp 32
วชิ า แหลง่ ที่มา คาอธบิ าย Link เขา้ เวบ็ ไซต์ รูปภาพ มาตรฐาน สานกั งาน เพือ่ ให้มคี วามรู้ความเข้าใจแนวคิดเก่ียวกบั สามารถศึกษา ทาง จรรยาบรรณและมาตรฐานทางคณุ ธรรมและจริยธรรม รายละเอียดเพิ่มเตมิ ได้ คณุ ธรรม ก.พ. จรรยาบรรณวิชาชีพข้าราชการ จรรยาบรรณของ ท่ี http://ocsc.chula และ ขา้ ราชการพลเรือน มาตรฐานทางคุณธรรมและ online.net/main/ จรยิ ธรรม จริยธรรม พรอ้ มท้ังสามารถจัดทามาตรฐานทาง default52.asp คณุ ธรรมและจริยธรรมของข้าราชการได้ 33
แหล่งเรียนรู้ออนไลนเ์ พื่อการพัฒนาสมรรถนะดา้ นการทางานเป็นทีม (Teamwork - TW) วชิ า แหล่งท่ีมา คาอธิบาย Link เข้าเวบ็ ไซต์ รปู ภาพ การสรา้ ง TCU : เปา้ หมายสงู สุดของความสาเร็จ ในองค์กร คือการพฒั นา http://upload.th ทีมงาน โครงการ ระบบในทุกด้าน ของการดาเนินงาน เพอื่ นาสูก่ ารบริหารที่ aicyberu.go.th/R มหาวิทยาลัย มีประสทิ ธผิ ล ซงึ่ ในแตล่ ะด้านยอ่ มต้องประกอบไปด้วย eader/LearningR ไซเบอร์ไทย กาลงั สาคญั คือ บคุ ลากร ในแตล่ ะแผนกและฝา่ ยงานที่ oom/1659/2107 ต้องการพลงั และกาลังสมองในการพัฒนาซึ่งตอ้ งมีการ 38/TH/CR ฝกึ ฝนทกั ษะ และการดึงจุดเด่น หรอื ความถนัดของแต่ละ บคุ คล ออกมาประสานรวมกันใหเ้ ปน็ แนวทางเดียวกัน ที่ จะนาไปสู่จดุ หมายทส่ี มั ฤทธผ์ิ ลมากท่ีสุด ดังนัน้ การสรา้ ง ทัศนคติ ในการร่วมกันคดิ รว่ มกนั สร้าง ในองค์กรย่อมต้อง ก่อเกิดจาก ความเข้าใจ ความเห็นพอ้ งทต่ี รงกนั และต้อง อาศัย ระบบของการเขา้ ใจในการทางานเปน็ ทีม ทต่ี ้อง ประสานงาน รว่ มกนั ดว้ ยความรัก และความสามคั คี จงึ จะ ส่งผลดแี ละบรรลุเป้าหมายได้ การสื่อสาร สานักงาน ความหมายและความสาคญั ของการส่ือสารองค์กร บรบิ ท สามารถศึกษา ภายในองค์กร ก.พ. ต่างๆ ของการสื่อสารองค์กร หลกั แนวคดิ และแนวทางใน รายละเอียดเพิ่มเติม เพอ่ื การบริหาร การสอ่ื สารองค์กรเชิงกลยทุ ธ์ และแบบฝกึ ฝน เครื่องมือ ได้ที่ http://ocsc. ทรพั ยากร เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสาร chula online.net บุคคล /main/default52 .asp 34
วชิ า แหล่งที่มา คาอธิบาย Link เข้าเว็บไซต์ รปู ภาพ การสรา้ ง สานกั งาน เพอ่ื ให้สามารถทางานเป็นทีมและสรา้ งทมี งานได้อยา่ งมี สามารถศึกษา ทีมงานท่ีมี ประสทิ ธิภาพ รวมท้งั มีความสามารถในการแก้ไข รายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ ประสิทธิภาพ ก.พ. ปญั หาขณะทางานเปน็ ทีมได้ ไดท้ ี่ http://ocsc. chulaonline.net Communicati edX: Free Effective writing and presentation skills are /main/default52.asp on Skills and online essential for career success. Learn how to create https://www.edx.o Teamwork course and deliver high-impact communications, rg/course/commun improve your soft skills, and effectively lead and ication-skills- collaborate on teams. teamwork- fullbridgex- career2x#! 35
วชิ า แหลง่ ท่ีมา คาอธิบาย Link เขา้ เวบ็ ไซต์ รปู ภาพ Working in edX: Free Learn how to build effective teams, be a great https://www.edx.o Teams: A online team player and manage team conflict. rg/course/working- Practical course teams-practical- Guide guide-uqx- teams101x-0#! 36
วชิ า แหลง่ ที่มา คาอธบิ าย Link เขา้ เวบ็ ไซต์ รูปภาพ High coursera Are leaders born or made? Learn the essential https://www.cours Performance skills to develop and expand your leadership era.org/learn/leade Collaboration repertoire, design teams for collaboration, and rship-collaboration : Leadership, craft win-win negotiation strategies. High Teamwork, Performance Collaboration: Leadership, and Teamwork, and Negotiation focuses on Negotiation leadership, teamwork, and negotiation. Students will engage in self-assessments to analyze their leadership style, develop team charters to optimize their groups, and develop a game plan for effective negotiation. 37
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182