ก
ก คำนำ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และได้กำหนด มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้เป็นกรอบทิศทางในการพัฒนา หลกั สูตรสถานศกึ ษา วางแผนจดั การเรียนการสอนและจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เพือ่ พฒั นาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดให้ พร้อมทั้งดำเนินการวัดประเมินผลการ เรียนรู้ของผู้เรียนให้มีคุณภาพตามหลักการของหลักสูตร เพื่อให้เกิดผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษา ไทย ดังนั้นขั้นตอนการนำหลักสูตรสถานศึกษาไปปฏิบัติจริงในชั้นเรียนของครูผู้สอน จึงจัดเ ป็นหัวใจสำคัญของการ พฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นให้บรรลตุ ามเปา้ หมายของหลกั สูตร บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด จึงจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาทัศนศิลป์ ชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 1 (ฉบับประกันฯ) เพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน โดยจัดทำเป็น หน่วยการ เรียนรู้อิงมาตรฐานและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการออกแบบย้อนกลับ (Backward Design) ที่มุ่งเน้น กระบวนการคิดและการประกันคุณภาพผู้เรียน ช่วยให้ผู้ปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประเมินคุณภาพ การศกึ ษา สามารถมนั่ ใจในผลการเรยี นรู้และคณุ ภาพของผ้เู รียนทม่ี หี ลักฐานตรวจสอบผลการเรยี นรู้อย่างเปน็ ระบบ คณะผู้จัดทำหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน ได้ดำเนินการออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบที่สำนักวิชาการ และมาตรฐานการศกึ ษา (สวก.) กำหนดขึ้น เพอื่ เปน็ เอกภาพเดยี วกนั ตามองคป์ ระกอบต่อไปน้ี
ข คำนำ (ต่อ) ผู้สอนสามารถนำแผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ ไปเป็นคู่มือวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบ การใช้หนังสือเรียน รายวิชาทัศนศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ฉบับประกันฯ) ที่ทางบริษัทจัดพิมพ์จำหน่าย โดยออกแบบการเรยี นรู้ (Instructional Design) ตามหลกั การสำคัญ คือ 1 หลกั การจดั การเรยี นร้อู ิงมาตรฐาน หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วย จะกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดไว้เป็นเป้าหมายในการจัดการเรียนการ สอน ผ้สู อนจะตอ้ งศึกษาและวิเคราะหร์ ายละเอียดของมาตรฐานตวั ชีว้ ัดทุกข้อว่า ระบใุ หผ้ ูเ้ รยี นต้องมีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องอะไร และต้องสามารถลงมือปฏิบัติอะไรได้บ้าง และผลการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ตามมาตรฐานตวั ชว้ี ดั นจี้ ะนำไปสูก่ ารเสริมสร้างสมรรถนะสำคัญและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคด์ ้านใดแก่ผูเ้ รยี น มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วดั ผเู้ รยี นรอู้ ะไร นาไปสู่ ผเู้ รยี นทำอะไรได้ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2 หลักการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ีเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ เมื่อผู้สอนวิเคราะห์รายละเอียดของมาตรฐานตัวชี้วัดและได้กำหนดเปา้ หมายการจดั การเรียนการสอนเรียบร้อย แล้ว จึงกำหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้และแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนของ กจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่ออกแบบไว้จนบรรลตุ วั ชว้ี ดั ทุกขอ้
มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ ตวั ชว้ี ดั เป้าหมาย ค การเรียนรู้ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น และการพฒั นา หลกั กำรจดั กำรเรยี นรู้ คณุ ภาพ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ของผเู้ รยี น เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั ของผเู้ รยี น สนองควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งบคุ คล เน้นพฒั นำกำรทำงสมอง กระตนุ้ กำรคดิ เน้นควำมรคู้ ่คู ุณธรรม 3 หลกั การบูรณาการกระบวนการเรยี นรูส้ ู่มาตรฐานตัวชวี้ ดั เมื่อผู้สอนกำหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้ และแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไว้แล้ว จึงกำหนด รูปแบบการเรียนการสอนและกระบวนการเรียนรู้ที่จะฝึกฝนผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้บรรลุผลตามมาตรฐาน ตัวชี้วัด โดยเลือกใช้กระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ที่เป็นเป้าหมายในหน่วยนั้นๆ เช่น กระบวนการ เรยี นร้แู บบบรู ณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการเรยี นรู้ด้วยตนเอง กระบวนการ เผชญิ สถานการณ์และการ แกป้ ญั หา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการพฒั นาลักษณะนิสัย กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการ คิดวิเคราะห์อยา่ งมีวจิ ารณญาณ กระบวนการทางสังคม ฯลฯ กระบวนการเรียนรู้ที่มอบหมายให้ผูเ้ รียนลงมอื ปฏิบตั นิ ้นั จะตอ้ งนำไปสู่การเสริมสร้างสมรรถนะสำคัญ และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผู้เรยี นตามสาระการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ ในแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ 4 หลักการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน และกจิ กรรมการเรียนรใู้ นแต่ละหนว่ ย ผู้สอนตอ้ งกำหนดขนั้ ตอนและวิธีปฏิบัติ ใหช้ ดั เจน โดยเนน้ ใหผ้ ูเ้ รียนได้ลงมอื ฝึกฝนและฝกึ ปฏบิ ัตมิ ากทส่ี ดุ ตามแนวคิดและวธิ กี ารสำคญั คือ 1) การเรียนรู้ เป็นกระบวนการทางสติปัญญา ที่ผู้เรียนทุกคนต้องใช้สม องคิดและทำความเข้าใจ ในสิ่งต่างๆ ร่วมกับการลงมือปฏิบัติ ทดลองค้นคว้า จนสามารถสรุปเป็นความรู้ได้ด้วยตนเอง และ สามารถนำเสนอผลงาน แสดงองคค์ วามรูท้ เี่ กดิ ขนึ้ ในแต่ละหนว่ ยการเรียนรไู้ ด้
ง 2) การสอน เปน็ การเลอื กวธิ ีการหรือกิจกรรมทเี่ หมาะสมกับการเรียนรู้ในหนว่ ยนั้นๆ และท่สี ำคัญคือ ต้องเป็น วิธีการที่สอดคล้องกับสภาพผู้เรียน ผู้สอนจึงต้องเลือกใช้วิธีการสอน เทคนิคการสอน และรูปแบบการสอน อยา่ งหลากหลาย เพือ่ ชว่ ยให้ผู้เรียนปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการเรียนรไู้ ดอ้ ย่างราบรื่นจนบรรลุตวั ชว้ี ดั ทกุ ข้อ 3) รปู แบบการสอน ควรเป็นวธิ กี ารและขัน้ ตอนฝึกปฏิบัติที่ส่งเสริมหรือกระตนุ้ ใหผ้ ู้เรยี นสามารถคดิ อย่างเป็น ระบบ เชน่ รปู แบบการสอนตามวัฏจักรการสรา้ งความรู้แบบ 5E รปู แบบการสอนโดยใช้ การคิดแบบโยนิโส มนสิการ รูปแบบการสอนแบบ CIPPA Model รูปแบบการเรียนการสอนตามวัฏจักร การเรียนรู้แบบ 4MAT รปู แบบการเรยี นการสอนแบบรว่ มมอื เทคนคิ JIGSAW, STAD, TAI, TGT เป็นตน้ 4) วิธีการสอน ควรเลือกใช้วิธีการสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหาของบทเรียน ความถนัด ความสนใจ และสภาพ ปัญหาของผู้เรียน วิธีสอนที่ดีจะช่วยให้ผู้เรียนบรรลุผลการเรียนรู้ตามตัวชี้วัดในระดับผลสัมฤทธิ์ที่สูง เช่น วิธีการสอนแบบบรรยาย การสาธิต การทดลอง การอภิปรายกลุ่มย่อย การแสดงบทบาทสมมติ การใช้กรณี ตวั อยา่ ง การใช้สถานการณจ์ ำลอง การใชศ้ ูนยก์ ารเรยี น การใชบ้ ทเรียนแบบโปรแกรม เปน็ ตน้ 5) เทคนิคการสอน ควรเลือกใช้เทคนิคการสอนที่สอดคล้องกับวิธีการสอน และช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาใน บทเรียนได้ง่ายขึ้น สามารถกระตุ้นความสนใจและจูงใจให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้อย่างมี ประสิทธิภาพ เช่น เทคนิคการใช้ผังกราฟิก (Graphic Organizers) เทคนิคการใช้คำถาม เทคนิคการเล่า นทิ าน การเลน่ เกม การใชต้ วั อย่างกระตนุ้ ความคดิ การใชส้ ่อื การเรยี นรู้ทนี่ า่ สนใจ เป็นต้น 6) สือ่ การเรยี นการสอน ควรเลือกใชส้ อ่ื หลากหลายกระตนุ้ ความสนใจ และทำความกระจา่ งใหเ้ นือ้ หาสอดคล้อง กับสาระการเรยี นรู้ และเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้บรรลตุ ัวชีว้ ัดอย่างราบรื่น เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ เอกสารประกอบการสอน แถบวดี ทิ ศั น์ แผ่นสไลด์ คอมพวิ เตอร์ VCD LCD Visualizer เป็นต้น ควรเตรียมสื่อ ใหค้ รอบคลุมทง้ั สื่อการสอนของครูและสื่อการเรยี นร้ขู องผู้เรียน
จ 5 หลกั การจัดกจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบยอ้ นกลบั ตรวจสอบ เมื่อผู้สอนวางแผนออกแบบการจัดการเรียนรู้ รวมถึงกำหนดรูปแบบการเรียนการสอนไว้เรียบร้อยแล้ว จึงนำ เทคนิควิธีการสอน วิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ไปลงมือจัดการเรียนการสอน ซึ่งจะนำผู้เรียนไปสู่การ สร้างชิ้นงานหรือภาระงาน เกิดทักษะกระบวนการและสมรรถนะสำคัญตามธรรมชาติวิชา รวมทั้งคุณลักษณะอันพึง ประสงคใ์ ห้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัดที่เป็นเปา้ หมายของหนว่ ยการเรียนรู้ ตามลำดับขั้นตอนการเรียนรู้ ทก่ี ำหนดไว้ ดังนี้ จากเป้าหมายและหลกั ฐาน เป้าหมายการเรยี นรู้ของหนว่ ย คิดยอ้ นกลบั ส่จู ดุ เร่ิมต้น ของกิจกรรมการเรยี นรู้ หลักฐานชิ้นงาน/ภาระงาน แสดงผลการเรียนรขู้ องหน่วย 4 กจิ กรรม คำถามชวนคดิ 3 กจิ กรรม คำถามชวนคดิ จากกิจกรรมการเรียนรู้ 2 กจิ กรรม คำถามชวนคดิ ทีละขนั้ บนั ไดส่หู ลกั ฐาน 1 กิจกรรม คำถามชวนคดิ และเป้ าหมายการเรียนรู้ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ท่มี ีประสิทธิภาพ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นไดล้ งมือปฏบิ ตั ิจริงแลว้ จะต้องฝึกฝน กระบวนการคิดทุกขั้นตอน โดยใช้เทคนิคการต้ังคำถามกระตุ้นความคิด และใช้ระดับคำถามให้สัมพันธ์ กับเนื้อหาการ เรียนรู้ตง้ั แต่ระดับความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสงั เคราะห์ และการประเมิน ค่า นอกจากจะชว่ ยให้ผเู้ รียนเกดิ ความเข้าใจบทเรียนอย่างลึกซึ้งแล้ว ยงั เป็นการเตรียมความพร้อมเพ่ือสอบ O-NET ซ่ึง เปน็ การทดสอบระดบั ชาติท่ีเน้นกระบวนการคิดระดบั วเิ คราะห์ สงั เคราะหด์ ้วย และในแตล่ ะแผนการเรยี นรจู้ ึงมี การระบุคำถามเพ่ือกระตุ้นความคิดของผู้เรียนไวด้ ว้ ยทุกกจิ กรรม ผูเ้ รยี นจะได้ฝึกฝนวธิ ีการทำข้อสอบ O-NET ควบคู่ไป กบั การปฏบิ ัติกิจกรรมการเรียนรู้ตามตวั ชีว้ ัดที่สำคัญ
ฉ 6 การเตรยี มความพร้อมรองรบั การประเมนิ คณุ ภาพจากหนว่ ยงานภายนอก (สมศ. รอบท่ี 3) ในปีการศึกษา 2554 ถึง 2558 สถานศึกษาทุกแห่งต้องเตรียมการรองรับการประเมินคุณภาพภายนอก จาก สม ศ. ในรอบที่ 3 ตามตารางเปรียบเทียบด้านคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และมาตรฐานการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกจาก สมศ. มาตรฐานการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2553 มาตรฐานเพ่อื การประเมนิ กระทรวงศึกษาธิการ คณุ ภาพภายนอก รอบสาม (ด้านคุณภาพผู้เรียน 5 ตวั บ่งชห้ี ลัก) (ดา้ นคุณภาพผเู้ รียน 6 มาตรฐาน) ตวั บ่งชท้ี ี่ 1 ผู้เรียนมีสุขภาพกาย มาตรฐานท่ี 1 ผู้เรยี นมีสุขภาวะท่ีดแี ละมีสนุ ทรยี ภาพ และสขุ ภาพจิตท่ีดี มาตรฐานที่ 2 ผเู้ รยี นมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม มาตรฐานท่ี 3 ที่พงึ ประสงค์ ตวั บง่ ชีท้ ่ี 2 ผเู้ รียนมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ผู้เรยี นมที กั ษะในการแสวงหาความรู้ และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ มาตรฐานที่ 4 ดว้ ยตนเอง รกั การเรยี นรู้ และพฒั นาตนเอง อย่างต่อเน่ือง ตวั บ่งชท้ี ่ี 3 ผู้เรยี นมคี วามใฝ่รู้ และเรยี นรู้ มาตรฐานที่ 5 ผู้เรยี นมคี วามสามารถในการคดิ อย่าง อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง มาตรฐานท่ี 6 เป็นระบบ คิดสรา้ งสรรค์ ตัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาได้อย่างมีสติ สมเหตุสมผล ตัวบ่งชี้ท่ี 4 ผเู้ รียนคดิ เปน็ ทำเปน็ ผเู้ รียนมคี วามร้แู ละทกั ษะท่ีจำเป็น ตวั บง่ ชี้ที่ 5 ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น ตามหลกั สูตร ผู้เรียนมีทักษะในการทำงาน รกั การทำงาน ของผเู้ รยี น สามารถทำงานรว่ มกับผูอ้ นื่ ไดแ้ ละมเี จตคติ ทด่ี ีตอ่ อาชพี สุจริต การออกแบบกจิ กรรมการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยจะครอบคลุมกจิ กรรมการเรียนรู้ และการประเมินผลด้าน ความรู้ความเข้าใจ (K) ด้านทักษะกระบวนการ (P) และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 พร้อมทั้งออกแบบเครื่องมือการวัดและประเมินผล รวมทั้งแบบบันทึกผลการเรียนรู้ด้านต่างๆ ไว้ครบถ้วน สอดคล้องกับมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียน และตัวบ่งชี้ที่ต้องรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. เช่น แบบบันทึกผล ด้านการคิดวเิ คราะห์ ด้านการอ่านและแสวงหาความรู้ ด้านสมรรถนะและคุณลักษณะ อนั พงึ ประสงคต์ ามหลักสูตร เป็น ต้น ผู้สอนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ประกอบ การจัดทำรายงานการประเมินตนเอง (Self Assessment Reports) จึงม่นั ใจอย่างยง่ิ วา่ การนำแผนการจัดการเรยี นรูฉ้ บับปรับปรงุ ใหม่ไปเป็นแนวทางจัดการ เรียนการสอนตามแผนการสอนท่ีจัดทำเป็นรายคาบไว้อย่างละเอียด จะช่วยพัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนักเรยี น ใหส้ งู ขน้ึ ตามมาตรฐานการศกึ ษาและการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาทุกประการ คณะผู้จัดทำ
สารบญั ช เรอื่ ง หน้า การพฒั นาศักยภาพการคิดของผู้เรียน คำอธิบายรายวชิ า 1-15 โครงสร้างรายวิชา 16-36 โครงสรา้ งแผนการจัดการเรยี นรู้ 37-51 52-72 แผนที่ 1 ความรู้เบือ้ งต้นเก่ยี วกับทศั นศลิ ป์ 73-98 99-110 แผนที่ 2 ทัศนธาตุ 111-121 122-131 แผนที่ 3 การออกแบบงานทศั นศลิ ป์ 132-142 143-153 แผนที่ 4 ความรู้เบื้องตน้ เก่ียวกบั การวาดภาพระบายสี แผนที่ 5 หลกั การวาดภาพแสดงทัศนียภาพ แผนที่ 6 งานปน้ั และงานส่ือผสม แผนท่ี 7 การออกแบบรูปภาพ สญั ลกั ษณ์ และงานกราฟิก แผนท่ี 8 หลกั การประเมินงานทัศนศลิ ป์ แผนท่ี 9 ทัศนศิลปข์ องชาติและท้องถิ่น แผนท่ี 10 ทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรมไทยและสากล
ซ การพฒั นาศกั ยภาพการคิดของผ้เู รียน 1 การคิดและกระบวนการคิด กำรคดิ เป็นพฤตกิ รรมกำรทำงำนทำงสมองของมนุษยใ์ นกำรเรยี บเรยี งขอ้ มลู ควำมรแู้ ละควำมรสู้ กึ นึกคดิ ท่ี เกดิ จำกกระบวนกำรเรยี นรผู้ ่ำนกำรดู กำรอ่ำน กำรฟัง กำรสงั เกต กำรสมั ผสั และกำรดงึ ขอ้ มูลควำมรทู้ บ่ี รรจุอยู่ ในสมองเดมิ ตำมประสบกำรณ์กำรเรยี นรทู้ ถ่ี ูกสงั่ สมมำ ทกั ษะกำรคดิ จงึ เป็นพฤตกิ รรมท่มี นุษยแ์ สดงกำรกระทำออกมำไดอ้ ย่ำงชดั เจนมองเหน็ เป็นรูปธรรม เช่น พฤตกิ รรมกำรสงั เกต แสดงออกดว้ ยกำรเพ่งดอู ย่ำงพนิ ิจพเิ ครำะห์ หรอื พฤตกิ รรมกำรเปรยี บเทยี บ เป็นกำรนำ ลกั ษณะของสง่ิ ของตงั้ แต่สองอย่ำงขน้ึ ไปมำเปรยี บเทยี บกนั เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ ถงึ สงิ่ เหมอื นหรอื สงิ่ ตำ่ ง เป็นตน้ ดงั นนั้ กำรคดิ จงึ เป็นพฤตกิ รรมซบั ซอ้ นทม่ี ลี กั ษณะแยกย่อยแตกต่ำงกนั ไป เช่น กำรคดิ วเิ ครำะห์ กำรคดิ สรำ้ งสรรค์ กำรคดิ ไตร่ตรองโดยใช้วจิ ำรณญำณ ซ่งึ ล้วนเก่ยี วขอ้ งกบั กระบวนกำรทำงำนของร่ำงกำย ประสำท สมั ผสั ทงั้ 5 และกำรเช่อื มโยงระหว่ำงขอ้ มูลท่รี บั รูเ้ ขำ้ มำใหม่กบั ขอ้ มูลเก่ำทถ่ี ูกบรรจุอยู่ในคลงั สมองของคนเรำ ตลอดเวลำ หำกเปรยี บเทียบกำรทำงำนของระบบคอมพวิ เตอร์กบั สมองมนุษย์หรืออำจเปรียบได้กบั สมองคนกบั สมองกลจะพบวำ่ กำรทำงำนของสมองคน ประกอบดว้ ยควำมชำญฉลำด 3 ลกั ษณะ คอื 1. ความสามารถในการเรียนร้แู ละสืบค้น (Tactical Intelligence) ทงั้ ในรูปแบบกำรสงั เกต กำรค้นหำ กำรซกั ถำม กำรทดลองปฏบิ ตั ิ เป็นตน้ 2. ความสามารถในการแยกแยะคุณค่า (Emotional Intelligence) ทงั้ ในรูปแบบกำรตดั สนิ กำรลงมติ กำรแสดงควำมคดิ เหน็ วพิ ำกษ์วจิ ำรณ์ ดว้ ยอำรมณ์ควำมรสู้ กึ ทเ่ี หน็ ดว้ ย หรอื ตอ่ ตำ้ น หรอื วำงเฉย เป็น ตน้ 3. ความสามารถในการประมวลเนื้อหาสาระ (Content Intelligence) จำกเร่ืองรำวท่ีเรียนรู้ใหม่ ผสมผสำนกบั ประสบกำรณ์เดมิ ทถ่ี ูกจดั เกบ็ อย่ใู นสมอง โดยผ่ำนกระบวนกำรกลนั่ กรอง และสงั เครำะห์ เป็นควำมรู้ใหม่ ท่ีมกั ประกอบไปด้วยควำมเข้ำใจ เหตุผล และทศั นคติ ทงั้ ในเชิงบวกหรอื เชิงลบ ซ่งึ ควำมรู้สกึ นึกคดิ ต่อเร่อื งรำวต่ำงๆ น่ีเอง ทส่ี มองกลของคอมพวิ เตอรไ์ ม่สำมำรถทำงำนได้เหมอื น สมองของมนุษย์ กำรฝึกฝนกระบวนกำรเรยี นรูแ้ ก่ผู้เรยี นจงึ ต้องกระตุ้นกำรทำงำนและเสรมิ สร้ำงควำมสำมำรถของสมอง ทงั้ 3 ดำ้ นท่กี ล่ำวมำ จงึ จะบงั เกดิ ผลกำรเรยี นรู้ท่สี มบูรณ์ คอื บงั เกดิ ควำมรู้ควำมเขำ้ ใจท่มี คี วำมชดั เจนยงิ่ ข้นึ บงั เกดิ ควำมชำนำญในทกั ษะและกำรปฏบิ ตั ไิ ดค้ ล่องแคล่วขน้ึ และทส่ี ำคญั บงั เกดิ ค่ำนิยมคุณธรรมทง่ี อกงำมข้นึ ในจติ ใจของผเู้ รยี น
ฌ 2 การสร้างศกั ยภาพในการคิดของสมอง กำรจดั กำรเรยี นกำรสอนตำมจุดหมำยของกำรปฏริ ปู กำรเรยี นรทู้ ศวรรษท่ี 2 และเป้ำหมำยกำรเรยี นรู้ของ หลกั สตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน พ.ศ. 2551 มจี ุดมุ่งหมำยสำคญั คอื กำรฝึกฝนใหผ้ เู้ รยี นมคี วำมสำมำรถ ในกำรคดิ และกำรเรยี นรู้ ผสู้ อนต้องจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรใู้ หส้ มั พนั ธ์กบั กระบวนกำรทำงำนทำงสมองของผเู้ รยี น (Brain-Based Learning : BBL) โดยฝึกฝนพฤตกิ รรมกำรคดิ ระดบั ต่ำงๆ ตำมลำดบั ทกั ษะกระบวนกำรคดิ ทเ่ี ป็น แกนสำคญั (Core Thinking Processes) ดงั น้ี 1. กำรสงั เกตลกั ษณะของสง่ิ ต่ำงๆ 2. กำรสงั เกตและระบุควำมเหมอื น 3. กำรสงั เกตและจำแนกควำมแตกตำ่ ง 4. กำรจดั หมวดหม่สู ง่ิ ของหรอื ตวั อยำ่ งทเ่ี ขำ้ พวก 5. กำรระบสุ ง่ิ ของและจำแนกตวั อยำ่ งทไ่ี มเ่ ขำ้ พวก 6. กำรเปรยี บเทยี บและระบขุ อ้ มลู ควำมรไู้ ดถ้ ูกตอ้ ง 7. กำรคน้ หำสงิ่ ของทม่ี ลี กั ษณะหมวดหม่เู ดยี วกนั 8. กำรรวบรวมและจดั ลำดบั สง่ิ ของตำมขนำด 9. กำรรวบรวมและจดั ลำดบั เหตุกำรณ์ตำมกำลเวลำ 10. กำรยกตวั อยำ่ งและกำรกล่ำวอำ้ ง 11. กำรสรปุ ควำมหมำยจำกสงิ่ ทอ่ี ่ำนหรอื ฟัง 12. กำรสรปุ ควำมหมำยจำกสงิ่ ทส่ี งั เกตและพบเหน็ 13. กำรวเิ ครำะหเ์ ช่อื มโยงควำมสมั พนั ธ์ 14. กำรวเิ ครำะหร์ ปู แบบและจดั ลำดบั ควำมสำคญั 15. กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู และสรำ้ งควำมรคู้ วำมคดิ 16. กำรนำเสนอขอ้ มลู ควำมรคู้ วำมคดิ เป็นระบบ 17. กำรแยกแยะขอ้ เทจ็ จรงิ และรำยละเอยี ดทเ่ี ป็นควำมคดิ เหน็ 18. กำรนยิ ำมและกำรสรุปควำม 19. กำรคน้ หำควำมเชอ่ื พน้ื ฐำนและกำรอำ้ งองิ 20. กำรแยกแยะรำยละเอยี ดทเ่ี ช่อื มโยงสมั พนั ธก์ นั และกำรใชเ้ หตผุ ล 21. กำรคดิ วเิ ครำะหข์ อ้ มลู ควำมรจู้ ำกเร่อื งทอ่ี ำ่ นอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ 22. กำรตงั้ สมมตฐิ ำนและกำรตดั สนิ ใจ 23. กำรทดสอบสมมตฐิ ำน อธบิ ำยสำเหตุและผลทเ่ี กดิ ขน้ึ 24. กำรพนิ ิจพเิ ครำะห์ ทำควำมกระจำ่ ง และเสนอควำมคดิ ทแ่ี ตกตำ่ ง 25. กำรคดิ รเิ รมิ่ สรำ้ งสรรค์ กำรจดั ระบบและโครงสรำ้ ง 26. กำรออกแบบสรำ้ งสรรคแ์ ละกำรประยกุ ตด์ ดั แปลง
ญ รปู แบบกำรคดิ ทงั้ 26 ประเภทน้ี ผสู้ อนสำมำรถนำมำสรำ้ งเป็นจุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมกำรเรยี น กำรสอน มอบหมำยใหผ้ เู้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั แิ ละแสดงพฤตกิ รรมกำรคดิ ตำมลำดบั เน้ือหำกำรเรยี นรู้ เหมำะสมกบั วยั และจติ วทิ ยำกำรเรยี นรู้ ตงั้ แต่ระดบั ช่วงชนั้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 1-3 ประถมศกึ ษำปีท่ี 4-6 และระดบั มธั ยมศกึ ษำ ปีท่ี 1-6 ซง่ึ จะสะทอ้ นออกมำไดอ้ ย่ำงชดั เจนว่ำ ผเู้ รยี นมคี วำมสำมำรถคดิ คล่อง คดิ ละเอยี ด คดิ กวำ้ ง คดิ ลกึ ซง้ึ คดิ หลำกหลำย และคิดสร้ำงสรรค์แตกต่ำงกนั ไปตำมคุณลักษณะและภูมิหลังประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ท่ีสงั่ สม อยใู่ นสมองเดมิ ของผเู้ รยี นแตล่ ะคน 3 การพฒั นากระบวนการคิด กำรคดิ เป็น คดิ คล่อง คดิ ได้ชดั เจน จนสำมำรถคดิ เป็น ปฏบิ ตั เิ ป็น และแก้ปัญหำได้ จะมลี กั ษณะเป็น กระบวนกำรกำรพฒั นำกำรคดิ แก่ผูเ้ รยี น จงึ เป็นกำรสอนกระบวนกำรและฝึกฝนวธิ กี ำรอย่ำงหลำกหลำยท่เี ป็น ปัจจยั สง่ เสรมิ เกอ้ื กูลกนั คอื 1. กำรสรำ้ งควำมพรอ้ มดำ้ นร่ำงกำย นับตงั้ แต่กำรรบั ประทำนอำหำร ด่มื น้ำ กำรหำยใจ กำรผ่อนคลำย กำรฟังเสยี งดนตรหี รอื ฟังเพลง กำรบรหิ ำรสมองดว้ ยกำรบรหิ ำรรำ่ งกำยอย่ำงถกู วธิ ี 2. กำรสร้ำงบรรยำกำศและสภำพแวดลอ้ มทเ่ี อ้อื อำนวยต่อกำรคดิ กำรเสรมิ แรงใหผ้ ู้เรยี นเกดิ กำรเรยี นรู้ และพฒั นำตนเอง 3. กำรจดั กจิ กรรมและกำรสรำ้ งเน้ือหำกำรเรยี นรทู้ เ่ี หมำะสมต่อกำรฝึกฝนวธิ กี ำรคดิ รูปแบบต่ำงๆ โดยใช้ กำรเรยี นรกู้ ระตนุ้ ผ่ำนกำรสอนและกำรฝึกทกั ษะกำรคดิ 4. กำรจดั กจิ กรรมและกระบวนกำรเรยี นรเู้ พ่อื สง่ เสรมิ กำรคดิ ตำมทฤษฎตี ่ำงๆ ทผ่ี ่ำนกำรวจิ ยั และพฒั นำ มำแล้ว เช่น ทฤษฎีพหุปัญญำ ทฤษฎีกำรสร้ำงควำมรู้ หลักเสริมสร้ำงควำมเป็นพหูสูตและหลกั โยนิโสมนสกิ ำรของพุทธศำสนำ กำรจดั กจิ กรรมบูรณำกำรกำรสอนกบั กำรฝึกทกั ษะกำรคดิ ในกลุ่ ม สำระต่ำงๆ และกำรเรยี นรผู้ ำ่ นกำรทำโครงงำน เป็นตน้ 5. กำรใชเ้ ทคนคิ วธิ กี ำรทส่ี ง่ เสรมิ พฒั นำกำรคดิ ของผเู้ รยี น สอดแทรกในบทเรยี นต่ำงๆ เชน่ เทคนคิ กำรใช้ คำถำม กำรอภปิ รำยโดยใชเ้ ทคนิคหมวก 6 ใบ กำรทำผงั กรำฟิก แผนภูมคิ วำมรู้ ผงั มโนทศั น์ และกำร ใช้กจิ กรรมบรหิ ำรสมอง (brain gym) เป็นต้น ซ่งึ มผี ูพ้ ฒั นำเทคนิควธิ กี ำรเหล่ำน้ีและได้รบั ควำมนิยม อยำ่ งแพรห่ ลำยในสถำนศกึ ษำต่ำงๆ หมายเหตุ : กำรสรำ้ งศกั ยภำพกำรคดิ ผ่ำนกำรจดั กระบวนกำรเรยี นรู้ท่สี ่งเสรมิ กำรคดิ ให้แก่ผู้เรยี นเป็น หัวใจสำคัญอย่ำงยิ่งของกำรปฏิรูปกำรศึกษำ และยงั ใช้เกณฑ์ประเมินวิทยฐำนะครู รวมทงั้ มำตรฐำนกำร ปฏบิ ตั งิ ำนของวชิ ำชพี ครู โปรดศกึ ษำวธิ กี ำรออกแบบกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่เี น้นกระบวนกำรคดิ จำกคู่มอื ครูและ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้อิงมำตรฐำน ทุกกลุ่มสำระกำรเรียนรู้และทุกรำยวิชำ ท่ีจดั พิมพ์เผยแพร่โดย บรษิ ัท อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั และศกึ ษำคน้ ควำ้ จำก www.aksorn.com ไดต้ ลอดเวลำ
ฎ จดุ เน้นการพฒั นาทกั ษะการคิดของผเู้ รียน ตามนโยบายปฏิรปู การศึกษาในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2552-2561) ม.4-6 ทกั ษะกำรคดิ แกป้ ัญหำอย่ำงสรำ้ งสรรค์ ม.3 ทกั ษะกระบวนกำรคดิ อย่ำงมวี จิ ำรณญำณ ทกั ษะกระบวนกำรคดิ สรำ้ งสรรค์ ม.2 ทกั ษะกำรสงั เครำะห์ ทกั ษะกำรประยุกตใ์ ชค้ วำมรู้ ทกั ษะการคิด ม.1 ทกั ษะกำรคดิ วเิ ครำะห์ ทกั ษะกำรประเมนิ ขนั้ สงู ทกั ษะกำรสรุปลงควำมเหน็ ทกั ษะการคิด ป.6 ทกั ษะกำรสรุปอำ้ งองิ ทกั ษะกำรนำควำมรไู้ ปใช้ ขนั้ พื้นฐาน ป.5 ทกั ษะกำรแปลควำม ทกั ษะกำรตคี วำม ป.4 ทกั ษะกำรตงั้ คำถำม ทกั ษะกำรใหเ้ หตุผล ป.3 ทกั ษะกำรรวบรวมขอ้ มลู ทกั ษะกำรเชอ่ื มโยง ป.2 ทกั ษะกำรเปรยี บเทยี บ ทกั ษะกำรจำแนกประเภท ป.1 ทกั ษะกำรสงั เกต ทกั ษะกำรจดั กลุม่ ท่ีมา : สำนกั วชิ ำกำรและมำตรฐำนกำรศกึ ษำ. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผ้เู รยี นสู่การปฏิบตั ิ. กรงุ เทพมหำนคร : สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร.
ฏ ทกั ษะการคิดท่ีนามาใช้ในการพฒั นาผ้เู รียนในแต่ละระดบั ชนั้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ศู ิลปะ ทกั ษะกำรเปรยี บเทยี บ ทกั ษะกำรจดั กลุ่ม ทกั ษะกำรคดั แยก ทกั ษะกำรเช่อื มโยง ม.4-6 ทกั ษะกำรนำควำมรไู้ ปใช้ ทกั ษะกำรจำแนกประเภท ทกั ษะกำรตงั้ เกณฑ์ ทกั ษะกำร คดิ วเิ ครำะห์ ทกั ษะกำรประเมนิ ทกั ษะกระบวนกำรคดิ สรำ้ งสรรค์ ทกั ษะกระบวนกำร คดิ อย่ำงมวี จิ ำรณญำณ ทกั ษะกำรสำรวจ ทกั ษะกำรจดั กลุ่ม ทกั ษะกำรรวบรวมข้อมูล ทกั ษะกำรคดั แยก ม.3 ทกั ษะกำรแปลควำม ทักษะกำรตีควำม ทกั ษะกำรนำควำมรู้ไปใช้ ทกั ษะกำรให้ เหตผุ ล ทกั ษะกำรวเิ ครำะห์ ทกั ษะกำรประเมนิ ทกั ษะกระบวนกำรคดิ สรำ้ งสรรค์ ทกั ษะกำรเปรยี บเทยี บ ทกั ษะกำรจดั กลุ่ม ทกั ษะกำรคดั แยก ทกั ษะกำรระบุ ทกั ษะ ม.2 กำรเช่ือมโยง ทกั ษะกำรนำควำมรู้ไปใช้ ทกั ษะกำรวิเครำะห์ ทกั ษะกำรประเมิน ทกั ษะกระบวนกำรคดิ สรำ้ งสรรค์ ทกั ษะกำรเปรยี บเทยี บ ทกั ษะกำรเช่อื มโมง ทกั ษะกำรนำควำมรู้ไปใช้ ทกั ษะกำร ม.1 รวบรวมขอ้ มูล ทกั ษะกำรจำแนกประเภท ทกั ษะกำรจดั กลุ่ม ทกั ษะกำรวเิ ครำะห์ ทกั ษะกำรทำใหก้ ระจำ่ ง ทกั ษะกำรประเมนิ ทกั ษะกระบวนกำรคดิ สรำ้ งสรรค์ ที่มา : สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน. 2553. แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นร้เู พ่อื พฒั นาทกั ษะการคิด ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ระดบั มธั ยมศึกษา. กรุงเทพมหำนคร : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์กำรเกษตรแห่งประเทศไทย.
ฐ จดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน ตามนโยบายปฏิรปู การศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) นโยบายปฏิรปู การศึกษาในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2552-2561) วิสยั ทศั น์ คนไทยไดเ้ รยี นรตู้ ลอดชวี ติ อยำ่ งมคี ณุ ภำพ เป้าหมาย ภำยในปี 2561 มกี ำรปฏริ ูปกำรศกึ ษำและกำรเรยี นรอู้ ยำ่ งเป็นระบบ ประเดน็ หลกั ของเป้าหมายปฏิรปู การศกึ ษา 1. พฒั นำคุณภำพ มำตรฐำนกำรศกึ ษำ และกำรเรยี นรขู้ องคนไทย 2. เพมิ่ โอกำสทำงกำรศกึ ษำและกำรเรยี นรอู้ ยำ่ งทวั่ ถงึ และมคี ุณภำพ 3. ส่งเสรมิ กำรมสี ว่ นรว่ มของทุกภำคสว่ นในกำรบรหิ ำรและกำรจดั กำรศกึ ษำ กรอบแนวทางในการปฏิรปู การศึกษา และการเรยี นรอู้ ย่างเป็นระบบ 1. พฒั นำคณุ ภำพคนไทยยุคใหม่ 2. พฒั นำคณุ ภำพครยู ุคใหม่ 3. พฒั นำคณุ ภำพสถำนศกึ ษำและแหลง่ เรยี นรใู้ หม่ 4. พฒั นำคุณภำพกำรบรหิ ำรจดั กำรใหม่ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษา จดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน ขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 • เป้ำหมำยหลกั สตู ร/คุณภำพผเู้ รยี น • ดา้ นความสามารถ ทกั ษะ และคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี น • กำรจดั กำรเรยี นรู้ • กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ โรงเรยี นจะตอ้ งประกนั ไดว้ ่ำผเู้ รยี นทกุ คนมคี วำมสำมำรถ ทกั ษะ และคณุ ลกั ษณะของ ผเู้ รยี นตำมจดุ เน้น นโยบายด้านการศึกษาของรฐั บาล มุ่งเน้นให้ผเู้ รียน แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน • มคี วำมสำมำรถในกำรรบั รู้ • ดา้ นการจดั การเรียนรู้ • รกั ทจ่ี ะเรยี นรใู้ นรปู แบบทห่ี ลำกหลำย • สนุกกบั กำรเรยี นรู้ 1. โรงเรยี นจะตอ้ งจดั กำรเรยี นรใู้ หผ้ เู้ รยี นมคี วำมสำมำรถ ทกั ษะ และคุณลกั ษณะทเ่ี ป็น • มโี อกำสไดเ้ รยี นรนู้ อกหอ้ งเรยี น จุดเน้น พรอ้ มทงั้ ผลกั ดนั ส่งเสรมิ ใหค้ รผู สู้ อนออกแบบและจดั กำรเรยี นรตู้ ำมควำมถนดั ควำมสนใจ เตม็ ศกั ยภำพของผเู้ รยี น อย่ำงสรำ้ งสรรค์ 2. กำรจดั กำรเรยี นรพู้ งึ จดั ใหเ้ ช่อื มโยงกบั วถิ ชี วี ติ เน้นกำรปฏบิ ตั จิ รงิ ทงั้ ในและนอก หอ้ งเรยี น โดยจดั กจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี นไม่น้อยกว่ำรอ้ ยละ 30 ของเวลำเรยี น 3. ใชส้ อ่ื เทคโนโลยที ห่ี ลำกหลำย เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสนุกกบั กำรเรยี น และเพมิ่ พนู ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ 4. แสวงหำควำมร่วมมอื จำกชุมชน จดั แหลง่ เรยี นรู้ ภมู ปิ ัญญำทอ้ งถนิ่ มำรว่ มในกำรจดั กำรเรยี นรู้ 5. ผบู้ รหิ ำรตอ้ งเป็นผนู้ ำทำงวชิ ำกำร ตลอดจนกำกบั ดแู ล นเิ ทศกำรจดั กำรเรยี นรู้ อยำ่ งสม่ำเสมอ และนำผลกำรนิเทศมำปรบั ปรุง พฒั นำกำรเรยี นกำรสอนของครู • ดา้ นการวดั และประเมินผล ครทู กุ คนวดั ผลและประเมนิ ผลผเู้ รยี นเป็นรำยบุคคลตำมจุดเน้นดว้ ยวธิ กี ำรและเครอ่ื งมอื ทห่ี ลำกหลำย เน้นกำรประเมนิ สภำพจรงิ ใชผ้ ลกำรประเมนิ พฒั นำผเู้ รยี นอยำ่ งตอ่ เน่อื ง และรำยงำนคณุ ภำพผเู้ รยี นตำมจดุ เน้นอยำ่ งเป็นระบบ ที่มา : สำนักวชิ ำกำรและมำตรฐำนกำรศกึ ษำ. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผเู้ รียนสู่การปฏิบตั ิ. กรงุ เทพมหำนคร : สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร.
ฑ กำรขบั เคล่อื นหลกั สตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน 2551 และกำรปฏริ ปู กำรศกึ ษำในทศวรรษทส่ี อง (พ.ศ. 2552-2561) ใหป้ ระสบผลสำเรจ็ ตำมจดุ เน้นกำรพฒั นำคณุ ภำพผเู้ รยี น โดยใหท้ ุกภำคสว่ นร่วมกนั ดำเนินกำร กระทรวงศกึ ษำธกิ ำรไดก้ ำหนดจุดเน้นกำรพฒั นำคุณภำพผเู้ รยี น ดงั น้ี ทกั ษะความสามารถ คณุ ลกั ษณะ จดุ เน้นตามช่วงวยั คณุ ลกั ษณะตามหลกั สตู ร ม.4-6 แสวงหำควำมรู้ เพอ่ื แกป้ ัญหำ รกั ชำติ ศำสน์ กษตั รยิ ์ ใชเ้ ทคโนโลยี เพอ่ื กำรเรยี นรู้ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ใชภ้ ำษำต่ำงประเทศ (ภำษำองั กฤษ) มุ่งมนั่ ในกำรศกึ ษำ และกำรทำงำน มที กั ษะกำรคดิ ขนั้ สงู ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะ กำรสอ่ื สำรอยำ่ งสรำ้ งสรรคต์ ำมชว่ งวยั ม.1-3 แสวงหำควำมรดู้ ว้ ยตนเอง มวี นิ ยั ใชเ้ ทคโนโลยี เพอ่ื กำรเรยี นรู้ มที กั ษะกำรคดิ ขนั้ สงู ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะ อยอู่ ย่ำงพอเพยี ง ใฝ่เรยี นรู้ กำรสอ่ื สำรอย่ำงสรำ้ งสรรคต์ ำมช่วงวยั ป.4-6 อำ่ นคลอ่ ง เขยี นคลอ่ ง คดิ เลข อยอู่ ย่ำงพอเพยี ง คล่อง ทกั ษะกำรคดิ ขนั้ พน้ื ฐำน ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะกำรสอ่ื สำรอย่ำง ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน สรำ้ งสรรคต์ ำมช่วงวยั ป.1-3 อำ่ นออก เขยี นได้ คดิ เลขเป็น รกั ควำมเป็นไทย มที กั ษะกำรคดิ ขนั้ พน้ื ฐำน มจี ติ สำธำรณะ ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะกำรสอ่ื สำรอยำ่ ง ใฝ่ดี สรำ้ งสรรคต์ ำมช่วงวยั ท่ีมา : สำนักวชิ ำกำรและมำตรฐำนกำรศกึ ษำ. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผเู้ รยี นส่กู ารปฏิบตั ิ. กรงุ เทพมหำนคร : สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร.
ฒ แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น กำรดำเนินกำรตำมจุดเน้นกำรพฒั นำคุณภำพผู้เรยี นในกำรขบั เคล่อื นหลกั สูตร และกำรปฏริ ูปกำรศกึ ษำ ในทศวรรษทส่ี อง (พ.ศ. 2552-2561) สกู่ ำรปฏบิ ตั ใิ นสถำนศกึ ษำนนั้ ครเู ป็นบุคลำกรสำคญั ทส่ี ุดในกำรดำเนินกำร ในระดบั หอ้ งเรยี นในกำรจดั กำรเรยี นรู้ กำรวดั และประเมนิ ผล เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นบรรลุเป้ำหมำยตำมจดุ เน้นกำรพฒั นำ คณุ ภำพผเู้ รยี น ดงั แผนภูมิ แนวทางการปฏิบตั ิระดบั สถานศึกษา นโยบำย ยุทธศำสตร์ เป้ำหมำยกำรพฒั นำผเู้ รยี น ทาความเข้าใจให้กระจา่ ง แนวทำงกำรพฒั นำผเู้ รยี นตำมจดุ เน้น บทบำทหน้ำทข่ี องผเู้ กย่ี วขอ้ ง ตรวจสอบ ทบทวน กำรจดั กำรเรยี นรทู้ ห่ี ลำกหลำยทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น วิเคราะหจ์ ดุ เด่น จดุ พฒั นา คุณภำพผเู้ รยี นในภำพรวมของสถำนศกึ ษำ คณุ ภำพผเู้ รยี นแยกเป็นรำยวชิ ำและระดบั ชนั้ จดุ เด่น จุดพฒั นำของสถำนศกึ ษำ กาหนดเป้าหมาย จุดเดน่ จุดพฒั นำของผเู้ รยี น การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน ปีกำรศกึ ษำ 2553 ระยะท่ี 1 ปีกำรศกึ ษำ 2554 ระยะท่ี 2, 3 ตามจดุ เน้น ปีกำรศกึ ษำ 2555 ระยะท่ี 4, 5 กาหนดภาระงาน ทบทวน ออกแบบหลกั สตู รกำรเรยี นรู้ การพฒั นาคณุ ภาพ ทบทวน ปรบั โครงสรำ้ งเวลำเรยี น ตำรำงเรยี น ตามจดุ เน้น ออกแบบกำรเรยี นรทู้ งั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น กำรวดั ผลและประเมนิ ผลตำมหลกั สตู รและจดุ เน้น ดาเนินการ พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน ดำเนินกำรพฒั นำผเู้ รยี นตำมหลกั สตู รทอ่ี อกแบบ นเิ ทศ กำกบั ตดิ ตำม และประเมนิ ระหว่ำงกำรปฏบิ ตั งิ ำนตำม ตามจดุ เน้น แผน วดั ผลและประเมนิ ผลผเู้ รยี นตำมจุดเน้น ตรวจสอบ ตรวจสอบ ปรบั ปรงุ พฒั นำ ปรบั ปรงุ พฒั นา นำผลกำรตรวจสอบ ปรบั ปรุงไปใชพ้ ฒั นำ สรปุ และรายงานผล การพฒั นาผเู้ รียน ผลกำรดำเนินงำน ควำมภำคภูมใิ จ และควำมสำเรจ็ ปัญหำ อปุ สรรค และแนวทำงแกไ้ ข
ณ แนวทางการปฏิบตั ิระดบั สถานศึกษา ขนั้ ที่ ประเดน็ ที่เก่ียวข้อง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 1. ทาความเขา้ ใจ 1. นโยบำย จดุ เน้น ยทุ ธศำสตร์ 1. ประชมุ ชแ้ี จง 1. ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งมคี วำมตระหนกั ให้กระจา่ ง และเป้ำหมำยกำรพฒั นำ 2. ประชำสมั พนั ธผ์ ำ่ น เหน็ ควำมสำคญั ในบทบำท คณุ ภำพผเู้ รยี นตำมจดุ เน้น ของตนเอง สอ่ื ตำ่ งๆ ทงั้ ใน 2. แนวทำงกำรพฒั นำคุณภำพ ระดบั สถำนศกึ ษำ 2. มคี วำมเขำ้ ใจในกำรนำ ผเู้ รยี นตำมจดุ เน้น และชมุ ชน จุดเน้นกำรพฒั นำคุณภำพ ผเู้ รยี นไปสกู่ ำรปฏบิ ตั ิ 3. บทบำทหน้ำทข่ี องผเู้ กย่ี วขอ้ ง ทงั้ ในและนอกโรงเรยี น 3. มคี วำมร่วมมอื ในระดบั องคก์ รและชมุ ชน 4. แนวทำงกำรออกแบบหลกั สตู ร และตำรำงกำรเรยี นรทู้ เ่ี หมำะสม 4. ครมู คี วำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ กบั กำรพฒั นำคุณภำพผเู้ รยี น ในกำรออกแบบหลกั สตู ร ตำมจดุ เน้น และปรบั ตำรำงเรยี น ใหเ้ หมำะสมกบั จดุ เน้น 5. มกี ำรปรบั พฤตกิ รรมกำร เรยี นกำรสอนตำมแนวทำง ปฏริ ปู กำรศกึ ษำรอบสอง 2. ตรวจสอบ 1. คุณภำพผเู้ รยี นในภำพรวม 1. ตรวจสอบเอกสำร 1. ขอ้ มลู สำรสนเทศ ทบทวน ของสถำนศกึ ษำทงั้ จดุ เด่นและ ขอ้ มลู ตำ่ งๆ 2. จดุ เด่น จุดพฒั นำดำ้ น วิเคราะหจ์ ดุ เดน่ จุดพฒั นำ เชน่ ผลกำรประเมนิ จดุ พฒั นา ในระดบั ชำติ สมศ. เขตพน้ื ท่ี 2. วเิ ครำะหข์ อ้ มลู ท่ี คณุ ภำพผเู้ รยี น สถำนศกึ ษำ กำรศกึ ษำ โรงเรยี น ฯลฯ เกย่ี วขอ้ ง และครผู สู้ อน 2. ผลกำรเรยี นของผเู้ รยี นแยกเป็น 3. ประชุมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ำร ระดบั ชนั้ และรำยวชิ ำ ระดบั 4. ประชมุ สมั มนำ สถำนศกึ ษำ เขตพน้ื ทก่ี ำรศกึ ษำ ฯลฯ 3. กาหนดเป้าหมาย 1. ตวั ชว้ี ดั ภำพควำมสำเรจ็ ของ 1. ประชมุ วำงแผน เป้ำหมำยสถำนศกึ ษำ และมี 2. จดั ทำแผนพฒั นำ แผนกำรพฒั นำคุณภำพผเู้ รยี น การพฒั นา สถำนศกึ ษำ ระยะท่ี 1 ตำมจดุ เน้นในแต่ละระยะท่ี คุณภำพ สอดคลอ้ งกบั บรบิ ท และ คณุ ภาพผเู้ รียน ภำคเรยี นท่ี 2/2553 ศกั ยภำพของสถำนศกึ ษำ/ ผเู้ รยี น ตามจดุ เน้น 2. ตวั ชว้ี ดั ภำพควำมสำเรจ็ ของ สถำนศกึ ษำ ระยะท่ี 2 ภำคเรยี นท่ี 1/2554 3. ตวั ชว้ี ดั ภำพควำมสำเรจ็ ของ สถำนศกึ ษำ ระยะท่ี 3 ภำคเรยี นท่ี 2/2554
ด ขนั้ ท่ี ประเดน็ ท่ีเกี่ยวข้อง วิธีการ ผลที่ได้รบั 4. กาหนดภาระ 4. ตวั ชว้ี ดั ภำพควำมสำเรจ็ ของ งานการพฒั นา สถำนศกึ ษำ ระยะท่ี 4 คณุ ภาพตาม ภำคเรยี นท่ี 1/2555 จดุ เน้น 5. ตวั ชว้ี ดั ภำพควำมสำเรจ็ ของ 5. ดาเนินการ สถำนศกึ ษำ ระยะท่ี 5 พฒั นาคณุ ภาพ ภำคเรยี นท่ี 2/2555 ผ้เู รยี นตาม จดุ เน้น 1. ทบทวนจุดแขง็ จุดอ่อนของ 1. ประชมุ ทบทวน 1. สถำนศกึ ษำมหี ลกั สตู รกำร เรยี นรทู้ ส่ี ่งเสรมิ กำรพฒั นำ องคป์ ระกอบ เช่น วสิ ยั ทศั น์ หลกั สตู รฯ และ คุณภำพผเู้ รยี นตำมจุดเน้น โครงสรำ้ งเวลำเรยี น กำรจดั ปรบั ปรงุ หลกั สตู ร 2. ตำรำงเรยี นใหม่ 3. ครผู สู้ อนมวี ธิ กี ำรจดั กำร รำยวชิ ำ/กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ 2. ประชุม ปฏบิ ตั กิ ำร เรยี นรทู้ ห่ี ลำกหลำยตำม กำรจดั ตำรำงเรยี น ฯลฯ ปรบั โครงสรำ้ ง จดุ เน้น 4. สอ่ื แหลง่ เรยี นรทู้ ห่ี ลำกหลำย 2. ออกแบบหลกั สตู รกำรเรยี นรทู้ ่ี เวลำเรยี น และจดั ทำ 5. มเี คร่อื งมอื วธิ กี ำรวดั ผล และประเมนิ ผลตำมจดุ เน้น สอดคลอ้ งกบั กำรพฒั นำคุณภำพ แผนกำรเรยี นรู้ ผเู้ รยี นตำมจดุ เน้น (พจิ ำรณำได้ 3. สำรวจ จดั หำ พฒั นำ จำกตวั อยำ่ ง 4 ลกั ษณะ) ส่อื และแหลง่ กำร 3. ปรบั โครงสรำ้ งเวลำเรยี น และ เรยี นรู้ ตำรำงเรยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั สตู รกำรเรยี นรทู้ อ่ี อกแบบไว้ 4. ออกแบบกำรจดั กำรเรยี นรใู้ ห้ สง่ เสรมิ กำรพฒั นำคุณภำพผเู้ รยี น ตำมจดุ เน้นทงั้ ในและนอก หอ้ งเรยี น 5. จดั หำ จดั ทำสอ่ื แหลง่ เรยี นรู้ และภมู ปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ ท่ี เหมำะสมกบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ 6. ออกแบบกำรวดั และประเมนิ ผล ทห่ี ลำกหลำยและเหมำะสมกบั ผเู้ รยี น โดยเน้นกำรประเมนิ สภำพจรงิ 1. จดั กำรเรยี นรตู้ ำมหลกั สตู รและ 1. ครจู ดั กจิ กรรมกำร 1. ผเู้ รยี นไดร้ บั กำรพฒั นำตำม ตำรำงเรยี นทอ่ี อกแบบไว้ โดยเน้นกำรพฒั นำคุณภำพ เรยี นรอู้ ยำ่ ง จุดเน้น ผเู้ รยี นตำมจดุ เน้น หลำกหลำย ทงั้ ในและ 2. ครมู รี ปู แบบและนวตั กรรมกำร 2. วดั และประเมนิ ผลควำมกำ้ วหนำ้ ของผเู้ รยี นระหวำ่ งเรยี น นอกหอ้ งเรยี น จดั กำรเรยี นรทู้ น่ี ำไปพฒั นำ 2. ออกแบบกำรวดั และ คุณภำพผเู้ รยี นไดต้ ำมจดุ เน้น ประเมนิ ผลทส่ี อดคลอ้ ง กบั จดุ เน้น
ต 3. วดั และประเมนิ ผลคุณภำพ ผเู้ รยี นตำมตวั ชว้ี ดั ของจดุ เน้น
ถ ขนั้ ท่ี ประเดน็ ท่ีเกี่ยวข้อง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 6. ตรวจสอบ 1. ตรวจสอบ ประเมนิ ผลกำรพฒั นำ 1. ประชมุ ครเู พ่อื 1. หลกั สตู รและกำรจดั กำร ปรบั ปรงุ พฒั นา เรยี นรไู้ ดร้ บั กำรพฒั นำ คุณภำพผเู้ รยี นตำมจดุ เน้นในขนั้ ประเมนิ ผลกำรนำ 2. กระบวนกำรบรหิ ำรหลกั สตู ร ท่ี 5 หลกั สตู รไปใช้ มกี ำรขบั เคลอ่ื น - กำรใชห้ ลกั สตู รกำรเรยี นรทู้ ่ี 2. ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งประเมนิ 3. ผเู้ รยี นมกี ำรพฒั นำตำม จุดเน้น สง่ เสรมิ กำรพฒั นำคณุ ภำพ ตนเอง ผเู้ รยี นตำมจดุ เน้น 3. ตรวจสอบแผนกำร - กำรใชโ้ ครงสรำ้ งเวลำเรยี นและ จดั กำรเรยี นรู้ ตำรำงเรยี นตำมรปู แบบของ หลกั สตู รกำรเรยี นรู้ - กำรจดั กำรเรยี นรทู้ ห่ี ลำกหลำย ทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น - กำรวดั และประเมนิ ผลทเ่ี น้น กำรพฒั นำคณุ ภำพผเู้ รยี นตำม จุดเน้น 2. นำผลกำรตรวจสอบปรบั ปรงุ จุดอ่อน และพฒั นำจุดเดน่ 7. สรปุ และรายงาน 1. สรุปผลกำรพฒั นำคุณภำพ 1. ประชุมสมั มนำ 1. มผี ลกำรพฒั นำคณุ ภำพ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ผเู้ รยี นตำมจุดเน้น ผลการพฒั นา ผเู้ รยี นตำมจดุ เน้นในดำ้ นกำร 2. นำเสนอผลงำน 2. มแี นวทำงและนวตั กรรม ผเู้ รยี น ดำเนินงำน ผลกำรดำเนนิ งำน คณุ ภำพผเู้ รยี น กำรพฒั นำคณุ ภำพผเู้ รยี น ตำมจดุ เน้น ตำมจดุ เน้น ปัญหำ อุปสรรค และ 3. จดั นิทรรศกำร 3. มหี ลกั ฐำนและร่องรอยในกำร ขอ้ เสนอแนะ แสดงผลงำนหรอื พฒั นำคณุ ภำพผเู้ รยี นตำม ประชำสมั พนั ธผ์ ลงำน จดุ เน้น 2. รำยงำนผลกำรพฒั นำคณุ ภำพ ส่สู ำธำรณชน 4. มคี วำมภำคภมู ใิ จใน ผเู้ รยี นตำมจดุ เน้น เม่อื สน้ิ สุด 4. สรุป รำยงำนผล ควำมสำเรจ็ เสนอผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง ตำมระยะท่ี 1-5 5. ไดข้ อ้ เสนอแนะเพอ่ื กำร พฒั นำ 3. นำผลจำกรำยงำนไปใชใ้ นกำร วำงแผนและพฒั นำ ที่มา : สำนักวชิ ำกำรและมำตรฐำนกำรศกึ ษำ. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผเู้ รยี นส่กู ารปฏิบตั ิ. กรงุ เทพมหำนคร : สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร.
ท แนวทางการปฏิบตั ิระดบั ห้องเรยี น ตรวจสอบ โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ ตำรำงเรยี น ทบทวนรายวิชาและกิจกรรม หน่วยกำรเรยี นรู้ แผนกำรจดั กจิ กรรม และโครงกำร ในความรบั ผิดชอบ สอ่ื และแหล่งกำรเรยี นรู้ วิเคราะห์ผเู้ รียน จดั ทำขอ้ มลู สำรสนเทศระดบั ชนั้ เรยี น รายบคุ คล จดั กลุม่ กำรพฒั นำผเู้ รยี นตำมจุดเน้น กาหนดแนวทาง รปู แบบกจิ กรรมในและนอกหอ้ งเรยี น การจดั การเรยี นรู้ หน่วยกำรเรยี นรู้ กจิ กรรมโครงกำร ท่ีสอดคลอ้ งกบั จดุ เน้น แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ จดั กำรเรยี นรตู้ ำมแนวทำงทอ่ี อกแบบ วดั และประเมนิ ผลกำรพฒั นำผเู้ รยี น ดาเนินการจดั การเรยี นรู้ วจิ ยั และนวตั กรรมกำรเรยี นรู้ นเิ ทศ ตดิ ตำม และแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ นาเสนอผล รำยงำนผลกำรพฒั นำผเู้ รยี นรำยบุคคล/กลุ่ม รำยงำนผลกำรพฒั นำตำมจุดเน้น การพฒั นาผ้เู รยี น รำยงำนกำรพฒั นำวจิ ยั /นวตั กรรมกำรเรยี นรู้ รำยงำนภำพควำมสำเรจ็ อุปสรรค และปัญหำ ตามจดุ เน้น
ธ แนวทางการปฏิบตั ิระดบั ห้องเรยี น ขนั้ ท่ี ประเดน็ ท่ีเก่ียวข้อง วิธีการ ผลที่ได้รบั 1. ตรวจสอบ 1. โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ โครงสรำ้ ง 1. ศกึ ษำเอกสำร ขอ้ มลู 1. ไดจ้ ุดเดน่ จุดพฒั นำของ ทบทวนรายวิชา กจิ กรรมพฒั นำผเู้ รยี น และกิจกรรมใน ต่ำงๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กำร รำยวชิ ำและกจิ กรรมในควำม ความรบั ผิดชอบ 2. ตำรำงเรยี นหน่วยกำรเรยี นรู้ 3. แผนกำรจดั กจิ กรรมพฒั นำ พฒั นำคณุ ภำพผเู้ รยี น รบั ผดิ ชอบ ผเู้ รยี นและแผนปฏบิ ตั กิ ำร ตำมจุดเน้น 2. ไดแ้ นวทำงกำรปรบั ปรงุ / โครงกำรตำ่ งๆ 4. สอ่ื แหล่งกำรเรยี นรู้ และ 2. วเิ ครำะหจ์ ดุ เดน่ พฒั นำรำยวชิ ำและกจิ กรรม ภมู ปิ ัญญำทอ้ งถนิ่ 5. คุณภำพผเู้ รยี นทกุ ระดบั ทงั้ จุดพฒั นำทกุ ดำ้ น ใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวทำงกำร ในภำพรวมและแยกรำยวชิ ำ เชน่ NT, O-Net, สมศ., 3. นำขอ้ มลู ของ พฒั นำคุณภำพผเู้ รยี นตำม เขตพน้ื ทก่ี ำรศกึ ษำ สถำนศกึ ษำมำ จุดเน้นของ สพฐ. และ เปรยี บเทยี บกบั แนว สถำนศกึ ษำ ทำงกำรพฒั นำคณุ ภำพ 3. มขี อ้ มลู พน้ื ฐำนในกำร ผเู้ รยี นตำมจุดเน้นของ กำหนดทศิ ทำงกำรพฒั นำ สพฐ. คณุ ภำพผเู้ รยี นตำมจุดเน้น 4. ตรวจสอบควำม สอดคลอ้ งของส่อื แหล่ง กำรเรยี นรู้ สถำนศกึ ษำ ทป่ี รบั ปรุงใหมแ่ ละสงิ่ ท่ี ใชอ้ ย่เู ดมิ 2. วิเคราะห์ผ้เู รียน 1. ขอ้ มลู ดำ้ นสตปิ ัญญำ ทกั ษะ 1. ศกึ ษำ รวบรวมขอ้ มลู 1. มขี อ้ มลู พน้ื ฐำนของผเู้ รยี น เป็นรายบคุ คล ควำมสำมำรถ และ คณุ ลกั ษณะ รำยบุคคล โดยใชว้ ธิ กี ำร เป็นรำยบุคคล 2. สุขภำพ รำ่ งกำย ดงั น้ี 2. มขี อ้ มลู ทเ่ี ป็นจดุ เด่นจดุ พฒั นำ 3. พน้ื ฐำนครอบครวั เศรษฐกจิ 4. สงั คม เพ่อื น และผเู้ กย่ี วขอ้ ง - ตรวจสอบจำกขอ้ มลู ของผเู้ รยี นรำยบุคคล และ 5. ผลสมั ฤทธทิ์ ำงกำรเรยี น 6. ผลงำนทภ่ี ำคภมู ใิ จประสบ เอกสำรของ รำยกลุม่ ควำมสำเรจ็ สถำนศกึ ษำ และ 3. มหี ลกั ฐำน รอ่ งรอยเพอ่ื 7. ผลกระทบทเ่ี ป็นปัญหำ Portfolio นกั เรยี น นำไปส่กู ำรพฒั นำผเู้ รยี นเป็น - สอบถำม รำยบคุ คล รำยกลุ่มอยำ่ งเป็น - สมั ภำษณ์ รปู ธรรม - สงั เกต ฯลฯ 2. วเิ ครำะหจ์ ดุ เด่น จดุ ดอ้ ย ของผเู้ รยี นรำยบคุ คล 3. จดั กลุ่มผเู้ รยี น โดยใหแ้ ต่ ละกลุ่มมคี วำมสอดคลอ้ ง ใกลเ้ คยี งกนั ตำมจดุ เน้น ระดบั ชนั้
น ขนั้ ท่ี ประเดน็ ท่ีเก่ียวข้อง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 3. กาหนดแนวทาง 1. หน่วยกำรเรยี นรู้ 1. ออกแบบกำรจดั กำร 1. มแี นวทำงในกำรพฒั นำผเู้ รยี น การจดั การ 2. แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ เรียนร้ทู ่ี 3. แผนกำรจดั กจิ กรรมพฒั นำ เรยี นรแู้ ละกำรจดั กจิ กรรม เป็นรำยบุคคลและรำยกลุ่ม สอดคล้องกบั จดุ เน้น ผเู้ รยี น ทห่ี ลำกหลำยเหมำะสม สอดคลอ้ งตำมจดุ เน้น 4. แผนปฏบิ ตั กิ ำรโครงกำรและ กบั จุดเน้นกำรพฒั นำ 2. มรี ปู แบบกำรจดั กำรเรยี นรู้ กจิ กรรมพเิ ศษต่ำงๆ 5. ส่อื แหล่งกำรเรยี นรู้ ภมู ิ ผเู้ รยี น และตำรำงเรยี นท่ี ทเ่ี หมำะสมกบั ผเู้ รยี นตำม ปัญญำ กำหนด จดุ เน้น 6. กำรวดั และประเมนิ ผล 2. จดั ทำ จดั หำส่อื แหล่งกำร 3. มสี ่อื แหล่งกำรเรยี นรู้ เรยี นรู้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ทห่ี ลำกหลำยสอดคลอ้ ง กจิ กรรมกำรเรยี นรทู้ ่ี ตำมจุดเน้น ออกแบบ 4. มเี ครอ่ื งมอื วดั และประเมนิ 3. ออกแบบเคร่อื งมอื วดั ผล คณุ ภำพผเู้ รยี นตำมจดุ เน้น และประเมนิ ผลท่ี หลำกหลำย โดยเน้นกำร ประเมนิ สภำพจรงิ ใน ระดบั ชนั้ เรยี น 4. ดาเนินการ 1. กำรจดั กำรเรยี นรตู้ ำมจุดเน้น 1. จดั กำรเรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี น 1. ผเู้ รยี นมที กั ษะควำมสำมำรถ จดั การเรยี นรู้ ทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น ตำมแผนกำรจดั กำร และคุณลกั ษณะตำมจุดเน้น 2. กำรประเมนิ ควำมกำ้ วหน้ำ ของผเู้ รยี น เรยี นรู้ 2. ชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในกำร 3. กำรประเมนิ คณุ ภำพผเู้ รยี น 2. จดั กจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี น จดั กำรเรยี นรู้ ตำมจุดเน้น ทส่ี ง่ เสรมิ จดุ เน้นตำม 3. มกี ำรใชน้ วตั กรรมกำรเรยี นรู้ 4. กำรพฒั นำนวตั กรรมกำร เรยี นรู้ ศกั ยภำพผเู้ รยี น ตำมจดุ เน้น 5. กำรวจิ ยั เพ่อื พฒั นำคุณภำพ 3. วดั และประเมนิ 4. ผเู้ รยี นไดแ้ สดงออกตำม ผเู้ รยี นในระดบั ชนั้ เรยี น ควำมกำ้ วหน้ำของผเู้ รยี น ศกั ยภำพของตนเอง 6. กำรนเิ ทศ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และประเมนิ คณุ ภำพตำม 5. มกี ำรพฒั นำคณุ ภำพผเู้ รยี น จดุ เน้น โดยใชก้ ระบวนกำรวจิ ยั 4. พฒั นำนวตั กรรมกำร 6. มกี ำรสรำ้ งควำมรว่ มมอื เรยี นรทู้ ช่ี ่วยใหเ้ กดิ กำร ระหวำ่ งครแู ละผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง พฒั นำเตม็ ตำมศกั ยภำพ 7. มกี ำรนำหลกั สตู รกำรเรยี นรู้ ทงั้ รำยบุคคลและรำยกลุ่ม ไปสกู่ ำรปฏบิ ตั ิ 5. นำผลกำรประเมนิ ไปใช้ พฒั นำและแกไ้ ขปัญหำ ผเู้ รยี นตำม กระบวนกำรวจิ ยั 6. ครผู สู้ อนและผเู้ กย่ี วขอ้ ง มกี ำรนิเทศแลกเปลย่ี น
บ เรยี นรู้ โดยเน้นกำรสรำ้ ง ควำมรว่ มมอื
ป ขนั้ ที่ ประเดน็ ที่เก่ียวข้อง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 5. นาเสนอผลการ 1. ผลกำรพฒั นำผเู้ รยี นตำม 1. ประเมนิ ผลกำรพฒั นำ 1. มผี ลกำรพฒั นำผเู้ รยี นตำม พฒั นาผ้เู รยี น จดุ เน้นรำยบุคคลและรำยกลมุ่ ตามจดุ เน้น คณุ ภำพผเู้ รยี นตำม จดุ เน้นในทกุ มติ ทิ งั้ รำยบคุ คล 2. ผลกำรพฒั นำนวตั กรรม กำรเรยี นรู้ จดุ เน้นดว้ ยวธิ กี ำรต่ำงๆ รำยกลุม่ และระดบั หอ้ งเรยี น 3. ผลกำรวจิ ยั ในชนั้ เรยี น 2. วเิ ครำะหแ์ ละสรุปผลกำร 2. มหี ลกั สตู รกำรเรยี นรรู้ ะดบั 4. ผลกำรพฒั นำหลกั สตู ร พฒั นำผเู้ รยี นทงั้ รำย หอ้ งเรยี นทเ่ี ป็นตวั อย่ำงใน กำรเรยี นรใู้ นระดบั หอ้ งเรยี น กลมุ่ และรำยบุคคลตำม กำรพฒั นำผเู้ รยี นตำมจุดเน้น จุดเน้น 3. มกี ำรวจิ ยั ในชนั้ เรยี นทเ่ี ป็น 3. นำผลกำรพฒั นำผเู้ รยี น แนวทำงในกำรพฒั นำผเู้ รยี น ไปจดั ทำเป็นขอ้ มลู ใน ตำมจดุ เน้น ระดบั หอ้ งเรยี นเพอ่ื ใชใ้ น 4. มรี ปู แบบควำมร่วมมอื ของครู กำรพฒั นำผเู้ รยี นตำม และผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง จดุ เน้น 5. มเี อกสำรรำยงำนและขอ้ มลู 4. สรุปผลกำรนำนวตั กรรม สำรสนเทศทเ่ี ป็นรอ่ งรอย กำรเรยี นรแู้ ละกำรวจิ ยั หลกั ฐำนในกำรพฒั นำผเู้ รยี น ในชนั้ เรยี น ตำมจดุ เน้น 5. จดั ทำรำยงำนผลกำร พฒั นำผเู้ รยี นตำม จุดเน้นระดบั หอ้ งเรยี น ในควำมรบั ผดิ ชอบ 6. จดั ทำรำยงำนผลกำร พฒั นำหลกั สตู รกำร เรยี นรรู้ ะดบั หอ้ งเรยี นใน ควำมรบั ผดิ ชอบ ที่มา : สำนกั วชิ ำกำรและมำตรฐำนกำรศกึ ษำ. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผเู้ รยี นส่กู ารปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหำนคร : สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร.
ผ แนวทางการประเมินตามจดุ เน้นคณุ ภาพผ้เู รยี น ทกั ษะการคิด จดุ เน้น : ทกั ษะการคิดขนั้ พืน้ ฐาน ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน ป.1 ทกั ษะกำรสงั เกตและ 1. ใหผ้ เู้ รยี นสงั เกตรปู ภำพ - แบบทดสอบ ผ่าน : ทกั ษะกำรจดั กลมุ่ ผลไม้ หรอื สตั ว์ ฯลฯ แลว้ - แบบบนั ทกึ ใหผ้ เู้ รยี นจดั กลุ่มรปู ภำพ ผเู้ รยี นจดั กลมุ่ และบอกเหตุผล ผลไม้ หรอื สตั ว์ ฯลฯ กำรสงั เกต ไดถ้ กู ตอ้ งและเหมำะสม พรอ้ มบอกเหตผุ ลในกำร จดั กลุม่ และบอก หมายเหตุ จดั กลุ่ม หรอื เหตุผลกำร จดั กลุ่ม เกณฑก์ ำรประเมนิ อำจจะจดั เป็น 2. จดั วสั ดหุ รอื สง่ิ ของให้ ระดบั คณุ ภำพกไ็ ด้ ถำ้ หำกมกี ำร ผเู้ รยี นสงั เกตแลว้ ใหผ้ เู้ รยี น จดั กลุ่มหรอื บอกเหตุผลหลำย จดั กลุม่ วสั ดหุ รอื สง่ิ ของ รำยกำร เชน่ พรอ้ มกบั บอกเหตุผลใน กำรจดั กล่มุ โดยมคี รคู อย ถำ้ หำกมกี ำรสงั เกตแลว้ สงั เกตกำรณ์กำรจดั กลมุ่ สำมำรถจดั กลมุ่ และบอกเหตุผล และกำรอธบิ ำยเหตผุ ล ได้ 6 รำยกำร อำจกำหนดเกณฑ์ ในกำรจดั กลมุ่ ของผเู้ รยี น กำรประเมนิ ดงั น้ี ฯลฯ ระดบั 1 จดั กลุ่ม แตบ่ อกเหตผุ ล ไมไ่ ด้ ระดบั 2 จดั กลุ่มและบอกเหตผุ ล ได้ 1-2 รำยกำร (ผ่ำน) ระดบั 3 จดั กล่มุ และบอกเหตุผล ได้ 3-4 รำยกำร ระดบั 4 จดั กลมุ่ และบอกเหตผุ ล ได้ 5-6 รำยกำร
ฝ ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน ป.2 ทกั ษะกำรเปรยี บเทยี บ 1. ใหผ้ เู้ รยี นสงั เกตรปู ภำพ - แบบทดสอบ ผ่าน : และทกั ษะกำรจำแนก วสั ดุ หรอื สง่ิ ของ ฯลฯ ทม่ี ี - แบบบนั ทกึ ผเู้ รยี นเปรยี บเทยี บ หรอื จำแนก ขนำดตำ่ งกนั แลว้ ให้ กำรสงั เกต และบอกเหตผุ ลไดถ้ ูกตอ้ ง นักเรยี นเปรยี บเทยี บขนำด กำรเปรยี บเทยี บ เหมำะสม หรอื ควำมสงู และจำแนก และกำรจำแนก หมายเหตุ รปู ภำพ วสั ดุ หรอื สง่ิ ของ เกณฑก์ ำรประเมนิ อำจจะจดั เป็น ฯลฯ ทม่ี ลี กั ษณะเหมอื นกนั ระดบั คณุ ภำพกไ็ ด้ ถำ้ หำกมกี ำร หรอื คลำ้ ยกนั พรอ้ มบอก เปรยี บเทยี บหรอื จำแนกแลว้ บอก เหตผุ ล หรอื เหตุผลหลำยรำยกำร เช่น 2. ใหน้ กั เรยี นสงั เกตวสั ดหุ รอื ถำ้ หำกมกี ำรสงั เกตแลว้ สง่ิ ของ ซง่ึ วสั ดุหรอื สงิ่ ของ สำมำรถเปรยี บเทยี บ หรอื จำแนก ทน่ี ำมำใหน้ กั เรยี นสงั เกต แลว้ บอกเหตุผลได้ 8 รำยกำร เป็นวสั ดหุ รอื สง่ิ ของชนิด อำจกำหนดเกณฑก์ ำรประเมนิ เดยี วกนั เช่น กอ้ นหนิ ดงั น้ี ใบไม้ ดนิ สอ ปำกกำ ฯลฯ ระดบั 1 เปรยี บเทยี บ หรอื แต่มขี นำด หรอื มคี วำมสงู จำแนก แตบ่ อกเหตผุ ล หรอื ควำมยำวต่ำงกนั ไมไ่ ด้ แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นเปรยี บเทยี บ ระดบั 2 เปรยี บเทยี บ หรอื ขนำด หรอื ควำมสงู หรอื จำแนก แลว้ บอกเหตุ ควำมยำว จำกนนั้ ให้ ผลได้ 1-3 ผเู้ รยี นจำแนกสงิ่ ของท่ี รำยกำร (ผ่ำน) ไมเ่ หมอื นกนั หรอื แตกต่ำง ระดบั 3 เปรยี บเทยี บ หรอื กนั ไวเ้ ป็นหมวดหมู่ จำแนก แลว้ บอกเหตุ พรอ้ มกบั อธบิ ำยเหตผุ ล ผลได้ 3-4 กำรจำแนก ครสู งั เกต รำยกำร กำรเปรยี บเทยี บและ ระดบั 4 เปรยี บเทยี บ หรอื กำรจำแนกของผเู้ รยี น จำแนก แลว้ บอกเหตุ ฯลฯ ผลได้ 5-6 รำยกำร
พ ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน ป.3 ทกั ษะกำรรวบรวม 1. ใหผ้ เู้ รยี นวำงแผน/ - แบบทดสอบ ผา่ น : ขอ้ มลู และทกั ษะ ออกแบบ กำหนด สถำนกำรณ์ กำรเชอ่ื มโยง จุดประสงค์ วธิ กี ำรเกบ็ ปฏบิ ตั จิ รงิ - ผเู้ รยี นวำงแผน/ออกแบบ รวบรวมขอ้ มลู และ กำหนดจดุ ประสงค์ วธิ กี ำรเกบ็ นำเสนอขอ้ มลู จำก รวบรวมขอ้ มลู และนำเสนอ สถำนกำรณ์ทก่ี ำหนดให้ ขอ้ มลู ไดเ้ หมำะสมตำมประเดน็ ทก่ี ำหนด 2. ใหผ้ เู้ รยี นเลอื กขอ้ มลู ท่ี เกย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั และ - ผเู้ รยี นเลอื กขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง บอกควำมหมำยของขอ้ มลู สมั พนั ธก์ นั และบอก โดยอำศยั ควำมรู้ และ ควำมหมำยและอธบิ ำยเหตผุ ล ประสบกำรณ์เดมิ ของ ของขอ้ มลู ไดเ้ หมำะสม ตนเองพรอ้ มกบั อธบิ ำย เหตผุ ลประกอบ ป.6 ทกั ษะกำรสรุปอำ้ งองิ 1. ประเมนิ ทกั ษะกำรสรุป - แบบทดสอบ ผา่ น : และทกั ษะกำรนำ ควำมรไู้ ปใช้ อำ้ งองิ โดยกำรกำหนด กำรสรุปอำ้ งองิ - สรปุ สถำนกำรณ์ หรอื เร่อื งรำว ต่ำงๆ และมกี ำรอำ้ งองิ สถำนกำรณ์หรอื เร่อื งรำว - แบบทดสอบกำร แหลง่ ขอ้ มลู ไดเ้ หมำะสม ต่ำงๆ จำกหนงั สอื พมิ พ์ นำควำมรไู้ ปใช้ - สรปุ และบอกวธิ กี ำรนำขอ้ สรุป จำกสถำนกำรณ์หรอื เร่อื งรำว ขอ้ ควำมจำกโฆษณำ แลว้ ตำ่ งๆ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ เหมำะสม ใหผ้ เู้ รยี นสรปุ ควำมเป็นไป ได้ พรอ้ มกบั สรปุ ขอ้ อำ้ งองิ จำกแหล่งขอ้ มลู ทเ่ี ช่อื ถอื ได้ 2. กำหนดเน้อื หำหรอื เรอ่ื งรำวใหผ้ เู้ รยี นอำ่ น แลว้ ใหผ้ เู้ รยี นสรุป และ บอก วธิ กี ำรทจ่ี ะนำไปใชใ้ น ชวี ติ ประจำวนั โดยกำร ตอ่ ยอดจำกเน้อื หำหรอื เร่อื งรำวทอ่ี ำ่ น
ฟ ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน ม.1 ทกั ษะกำรวเิ ครำะห์ 1. ประเมนิ ทกั ษะกำรคดิ - แบบทดสอบ ผ่าน : ทกั ษะกำรประเมนิ วเิ ครำะห์ โดยกำรกำหนด สถำนกำรณ์ และทกั ษะกำรสรปุ สถำนกำรณ์ใหผ้ เู้ รยี น - วเิ ครำะหข์ อ้ มลู จำกสถำนกำรณ์ ควำมคดิ เหน็ แลว้ ตงั้ คำถำมใหผ้ เู้ รยี น ไดเ้ หมำะสม วเิ ครำะห์ - สรปุ และอธบิ ำยเหตุผลได้ 2. กำหนดสถำนกำรณ์หรอื เหมำะสม คำถำมแลว้ ใหผ้ เู้ รยี น ประเมนิ หรอื ตดั สนิ 3. กำหนดสถำนกำรณ์ให้ ผเู้ รยี นแลว้ ตงั้ คำถำมให้ ผเู้ รยี นสรปุ พรอ้ มกบั อธบิ ำยเหตผุ ล ม.4-6 ทกั ษะกำรคดิ แกป้ ัญหำ ประเมนิ ทกั ษะกำรคดิ - แบบทดสอบ ผา่ น : อยำ่ งสรำ้ งสรรค์ แกป้ ัญหำอยำ่ งสรำ้ งสรรค์ สถำนกำรณ์ทเ่ี น้น ผเู้ รยี นแกป้ ัญหำจำกสถำนกำรณ์ โดยกำรกำหนดสถำนกำรณ์ กำรคดิ แกป้ ัญหำ ทก่ี ำหนดใหไ้ ดเ้ หมำะสมอยำ่ ง ใหผ้ เู้ รยี นแกป้ ัญหำ โดยเน้น อย่ำงสรำ้ งสรรค์ สรำ้ งสรรคแ์ ละมคี วำมเป็นไปได้ กำรแกป้ ัญหำเชงิ บวกทเ่ี ป็น ในกำรแกป้ ัญหำในชวี ติ จรงิ วธิ กี ำรทส่ี รำ้ งสรรค์ และมี ควำมเป็นไปไดใ้ นกำรนำไป ใชแ้ กป้ ัญหำในชวี ติ จรงิ ท่ีมา : สำนักวชิ ำกำรและมำตรฐำนกำรศกึ ษำ. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผเู้ รยี นส่กู ารปฏิบตั ิ. กรงุ เทพมหำนคร : สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พน้ื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร.
ภ คาอธิบายรายวิชา รายวิชา ทศั นศิลป์ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ศู ิลปะ ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 1 ภำคเรยี นท่ี1 รหสั วชิ ำ ศ 21101 เวลา 40 ชวั่ โมง/ปี ศกึ ษำ วเิ ครำะห์ ควำมหมำยและควำมสำคญั ขององคป์ ระกอบศลิ ป์ ทศั นธำตุ สรำ้ งและนำเสนอผลงำนทำง ทศั นศลิ ป์ จำกจนิ ตนำกำร โดยสำมำรถใชอ้ ุปกรณ์ทเ่ี หมำะสม รวมทงั้ สำมำรถใชเ้ ทคนิค วธิ กี ำรของศลิ ปินในกำร สร้ำงงำนได้อย่ำงมปี ระสทิ ธภิ ำพ วเิ ครำะห์ วพิ ำกษ์ วจิ ำรณ์คุณค่ำงำนทศั นศลิ ป์ เข้ำใจควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำง ทศั นศิลป์ ประวตั ศิ ำสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคุณค่ำงำนศลิ ปะท่เี ป็นมรดกทำงวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญำท้องถ่ิน ภูมปิ ัญญำไทยและสำกล ชน่ื ชม ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั โดยใชก้ ระบวนกำรคดิ กระบวนกำรสบื คน้ ขอ้ มลู กระบวนกำรปฏบิ ตั ิ กระบวนกำรพจิ ำรณำคุณค่ำ เพอ่ื ให้ เกดิ ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ สำมำรถนำไปปฏบิ ตั แิ ละประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ย่ำงเหมำะสม ตวั ชี้วดั ศ 1.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ศ 1.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 รวม 9 ตวั ชี้วดั
ม โครงสรา้ งรายวิชา วิชาทศั นศิลป์ ม.1 ลาดบั ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก ท่ี เรียนร/ู้ ตวั ชี้วดั (ชวั่ โมง) คะแนน 1 ความรเู้ บือ้ งต้น ศ 1.1 ม.1/1 ส่ิงแวดลอ้ มมีอิทธิพลตอ่ การสร้างสรรค์ 3 เก่ียวกบั ทศั นศิลป์ ผลงานทศั นศิลป์ ซ่ึงเป็นผลงานที่มีความ ละเอียด สวยงาม 2 ทศั นธาตุ ศ 1.1 ม.1/1 ทศั นธาตุเป็นส่วนประกอบการมองเหน็ หรือ 5 สิ่งท่ีเป็นปัจจยั การเห็น ในงานทศั นศิลป์ จะปรากฏท้งั ในงาน ทศั นศิลป์ และสิ่งแวดลอ้ ม ซ่ึงสามารถ บรรยายความแตกตา่ งและความคลา้ ยคลึง กนั ของทศั นศิลป์ และส่ิงแวดลอ้ มไดโ้ ดยใช้ ความรู้เร่ือง ทศั นธาตุ 3 การออกแบบงาน ศ 1.1 ม.1/2 การออกแบบเป็นส่วนสาคญั ในการ 4 ทศั นศิลป์ สร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศิลป์ ซ่ึงจะตอ้ ง เป็นไปตามหลกั การออกแบบ เพอ่ื ใหไ้ ด้ ผลงานที่มคี วามสวยงาม สะทอ้ น ถึงความคดิ สร้างสรรค์ 4 ความร้เู บือ้ งต้น ศ 1.1 ม.1/3 การวาดภาพระบายสีน้นั ผวู้ าดจะตอ้ งรู้วธิ ีใช้ 4 และเก็บรักษาเคร่ืองมือและอปุ กรณ์ในการ เก่ียวกบั การวาดภาพ วาดภาพระบายสี ตลอดจนแนวทางพ้ืนฐาน ระบายสี ในการ วาดภาพระบายสี
ย ลาดบั ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก ที่ เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั (ชวั่ โมง) คะแนน 5 หลกั การวาดภาพ ศ 1.1 ม.1/3 การวาดภาพแสดงทศั นียภาพ 6 แสดงทศั นียภาพ เป็ นเทคนิคการวาดภาพที่แสดงระยะ ไกลใกล้ เป็น 3 มิติ ซ่ึงผวู้ าดจะตอ้ งรู้ หลกั และวธิ ีการวาด เพือ่ ให้สามารถถา่ ยทอด ความประทบั ใจผา่ นภาพออกมาไดอ้ ยา่ ง สวยงาม สมจริง อกี ท้งั ตอ้ งมีทกั ษะในการใช้ และเก็บรักษาเครื่องมือและอปุ กรณ์ในการ วาดภาพระบายสีดว้ ย 6 งานปัน้ และ ศ 1.1 ม.1/4 การสร้างสรรคง์ านป้ันและงานส่ือผสม 4 งานส่ือผสม จะตอ้ งเขา้ ใจข้นั ตอนและวิธีการปฏิบตั ิและ จดั แสดงผลงานตามข้นั ตอน เพือ่ ใหส้ ามารถ จดั แสดงผลงานไดต้ รงตามจนิ ตนาการ และ เป็นเรื่องท่ีประทบั ใจของผชู้ ม 7 การออกแบบรปู ภาพ ศ 1.1 ม.1/5 การออกแบบรูปภาพ สัญลกั ษณ์ 6 และงานกราฟิ ก ผอู้ อกแบบจะตอ้ ง สญั ลกั ษณ์ และ มีความรู้ความเขา้ ใจหลกั การ วิธีการ งานกราฟิ ก ออกแบบ มีทกั ษะในการทางาน และ มีความคิดสร้างสรรค์ 8 หลกั การประเมิน ศ 1.1 ม.1/6 กำรประเมนิ งำนทศั นศลิ ป์ นนั้ 2 งานทศั นศิลป์ มวี ตั ถปุ ระสงคท์ แ่ี ตกตำ่ งกนั ซง่ึ ผปู้ ระเมนิ จะตอ้ งยดึ หลกั เกณฑ์ ประเมนิ ผลงำนทศั นศลิ ป์ เพอ่ื ให้ ประเมนิ ผลงำนไดอ้ ย่ำงเหมำะสม
ร ลาดบั ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก ที่ เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั (ชวั่ โมง) คะแนน 9 ทศั นศิลป์ ของชาติ ศ 1.2 ม.1/1 งำนทศั นศลิ ป์ ของชำตแิ ละของทอ้ งถนิ่ 3 และท้องถ่ิน ม.1/2 ในภำคต่ำงๆ ของประเทศไทย มลี กั ษณะและรปู แบบทเ่ี ป็นเอกลกั ษณ์ ของตนเอง ซง่ึ เป็นไปตำมปัจจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 10 ทศั นศิลป์ ใน ศ 1.2 ม.1/3 งำนทศั นศลิ ป์ ในวฒั นธรรมไทย 3 วฒั นธรรมไทย และสำกล มคี วำมแตกต่ำงกนั ของ และสากล จุดประสงคใ์ นกำรสรำ้ งสรรคง์ ำน
ล โครงสร้างแผนฯ วิชาทศั นศิลป์ ม.1 เวลำ 40 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 (ชวั ่ โมง) ความรู้เบือ้ งต้น 1. ศิลปะและ เกีย่ วกบั ทศั นศลิ ป์ ทศั นศิลป์ - วธิ ีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการวิเคราะห์ 1 กระบวนการ : กระบวนการสร้าง ความตระหนกั 2. ประเภทของ - วธิ ีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะการจาแนก 1 งานทศั นศิลป์ เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค ประเภท การต่อเรื่องราว (Jigsaw) 3. ส่ิงแวดลอ้ ม - วธิ ีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1 และ งานทศั นศิลป์ กระบวนการ : กระบวนการสร้าง ความตระหนกั หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 1. องคป์ ระกอบ - วธิ ีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2 ทศั นธาตุ ของทศั นธาตุ กระบวนการ : กระบวนการกล่มุ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การออกแบบงาน 2. ทศั นธาตกุ บั - วิธีสอนแบบ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2 ทศั นศิลป์ การจดั องคป์ ระกอบ กระบวนการ ศิลป์ กล่มุ สมั พนั ธ์ 3. ทศั นธาตุใน - วิธีสอนโดยการจดั การ 1. ทกั ษะการวิเคราะห์ 1 งานทศั นศิลป์ และ เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค สิ่งแวดลอ้ ม คคู่ ิดส่ีสหาย 2. ทกั ษะการจาแนก ประเภท 1. ความหมาย - วิธีสอนแบบสืบเสาะหา - ทกั ษะการ 1 และความสาคญั ของ ความรู้ (Inquiry Method : 5E) เปรียบเทียบ การออกแบบ
ว 2. หลกั สาคญั - วธิ ีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการ 2 ของ 1 การออกแบบ กระบวนการ : กระบวนการเรียน เปรียบเทียบ ความรู้ ความเขา้ ใจ 3. การออกแบบ - วิธีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการ งานทศั นศิลป์ กระบวนการ : กระบวนการปฏบิ ตั ิ เปรียบเทียบ
ศ หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ (ชวั ่ โมง) - วธิ ีสอนโดยการจดั การ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 1. ความเป็นมา เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิคคู่คดิ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 ความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกบั และแนวทางปฏิบตั ิ ไปใช้ การวาดภาพระบายสี ในการวาดภาพระบายสี 2. เคร่ืองมือและ - วธิ ีสอนโดยใชก้ ารสาธิต - ทกั ษะการนาความรู้ 1 อปุ กรณ์ในการ ไปใช้ วาดภาพระบายสี 3. องคป์ ระกอบ - วิธีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 ในการวาดภาพ กระบวนการ : กระบวนการสร้าง ไปใช้ เจตคติ 4. ข้นั ตอนใน - วธิ ีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 การ กระบวนการ : กระบวนการ ไปใช้ วาดภาพ ปฏิบตั ิ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 1. การสร้าง - วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา - ทกั ษะการนาความรู้ 1 ความรู้ (Inquiry Method : 5E) ไปใช้ หลักการวาดภาพแสดง ความลึกลวงตา แบบ 3 ทัศนียภาพ มิติ 2. หลกั การวาด - วิธีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 ภาพแสดงทศั นียภาพ เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค ไปใช้ เลา่ เรื่องรอบวง 3. วิธีวาดภาพ - วธิ ีสอนโดยใชก้ ารสาธิต - ทกั ษะการนาความรู้ 1 แสดงทศั นียภาพ ไปใช้ 4. การวาดภาพ - วธิ ีสอนโดยใชก้ ารสาธิต - ทกั ษะการนาความรู้ 1 ทิวทศั น์ ไปใช้ ที่แสดงทศั นียภาพ 5. การวาดภาพ - วิธีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 คน กระบวนการ : กระบวนการ ไปใช้ ท่ีแสดงทศั นียภาพ ปฏิบตั ิ
ษ 6. การกาหนด - วิธีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะการนาความรู้ 1 เงา เรียนรู้ แบบร่วมมือ : เทคนิคคคู่ ิด ไปใช้ ของวตั ถุ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 1. ลกั ษณะของ - วิธีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะกระบวนการ 1 งานป้ันและ ผลงานป้ันและงาน เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค คิดสร้างสรรค์ งานส่ือผสม สื่อผสม คู่คดิ สี่สหาย 2. หลกั การ จดั ทาผลงานป้ัน - วิธีสอนโดยใชก้ ารสาธิต - ทกั ษะกระบวนการ 1 3. หลกั การ คดิ สร้างสรรค์ จดั ทาผลงานสื่อผสม - วิธีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะกระบวนการ 1 4. การแสดงผล กระบวนการ : กระบวนการ คดิ สร้างสรรค์ งานป้ันหรือผลงาน ปฏิบตั ิ ส่ือผสม - วธิ ีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะกระบวนการ 1 กระบวนการ : กระบวนการกล่มุ คดิ สร้างสรรค์
ส หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรียนรู้ จดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ทกั ษะกระบวนการ (ชวั ่ โมง) การออกแบบรูปภาพ 1. การออกแบบ - วิธีสอนแบบสืบเสาะหา - 2 สัญลักษณ์ และงาน รูปภาพ กราฟิ ก ความรู้ (Inquiry Method : 5E) คดิ สร้างสรรค์ 2 2. การออกแบบ สญั ลกั ษณ์ - วธิ ีสอนแบบ - ทกั ษะกระบวนการ กระบวนการกลุ่ม คดิ สร้างสรรค์ สมั พนั ธ์ 3. การออกแบบ - วิธีสอนโดยเนน้ - ทกั ษะกระบวนการ 2 งานกราฟิ ก กระบวนการ : กระบวนการเรียน คดิ สร้างสรรค์ ความรู้ ความเขา้ ใจ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 1. การประเมิน - วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา - ทกั ษะการประเมิน 1 หลกั การประเมินงาน งานทศั นศิลป์ (1) ความรู้ (Inquiry Method : 5E) ทกั ษะการประเมิน 1 ทัศนศิลป์ 2. การประเมิน - วิธีสอนโดยใชก้ าร - งานทศั นศิลป์ (2) สาธิต หน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 1. ลกั ษณะ - วิธีสอนโดยเนน้ 1. ทกั ษะการรวบรวม 1 ทศั นศิลป์ ของชาตแิ ละ รูปแบบงานทศั นศิลป์ กระบวนการ :กระบวนการสร้าง ขอ้ มูล ทกั ษะการจดั กลุ่ม ท้องถิน่ ของชาติ และของทอ้ งถ่ิน ความคิดรวบยอด 2. 2. งานทศั นศิลป์ - วธิ ีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะการ 1 ในแตล่ ะภมู ิภาค เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค เปรียบเทียบ การตอ่ เรื่องราว (Jigsaw) 3. เปรียบเทียบ - วิธีสอนแบบ - ทกั ษะการ 1 งานทศั นศิลป์ ภาคต่างๆ กระบวนการกลุ่มสัมพนั ธ์ เปรียบเทียบ ของไทย หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 10 1. ผลงาน - วิธีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะการ 1 ทัศนศิลป์ ใน ทศั นศิลป์ เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค เปรียบเทียบ ในวฒั นธรรมไทย เล่าเร่ืองรอบวง
วฒั นธรรมไทย 2. ผลงาน - วิธีสอนโดยการจดั การ - ทกั ษะการ ห และสากล ทศั นศิลป์ เรียนรู้แบบร่วมมือ : เทคนิค เปรียบเทียบ 1 ในวฒั นธรรมสากล คคู่ ิดส่ีสหาย 1 3. ความแตกตา่ ง - วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา - ทกั ษะการ ของงานทศั นศิลป์ ใน ความรู้ (Inquiry Method : 5E) เปรียบเทียบ วฒั นธรรมไทยและ สากล
1 แผนการจดั การเรียนรู้ โรงเรยี นเหล่าหลวงประชานุสรณ์ ตำบลเหลา่ หลวง อำเภอเกษตรวสิ ยั จังหวดั รอ้ ยเอ็ด กลุ่มสาระการเรียนรู้ศลิ ปะ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง ความรู้เบอ้ื งตน้ เก่ยี วกับทัศนศลิ ป์ เวลา 3 ช่วั โมง 1 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกตา่ งและความคล้ายคลงึ กันของงานทัศนศลิ ปแ์ ละสิง่ แวดลอ้ ม โดยใชค้ วามรเู้ รอื่ ง ทศั นธาตุ 2 สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด สิ่งแวดล้อมมีอทิ ธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ ซง่ึ เป็นผลงานทม่ี คี วามละเอยี ด สวยงาม 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - ความแตกตา่ งและความคลา้ ยคลงึ กนั ของทัศนธาตุในงานทัศนศิลปแ์ ละสง่ิ แวดล้อม 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน 1) ความหมายของศิลปะและทัศนศิลป์ 2) ความสมั พันธ์ระหว่างศิลปะกับมนุษย์ 3) ประเภทของงานทัศนศิลป์ 4 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการจำแนกประเภท 4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2.ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
2 6 ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) หนงั สอื เลม่ เล็ก เรื่อง ความรูเ้ บือ้ งต้นเกี่ยวกับงานทศั นศลิ ป์ 7 การวดั และการประเมินผล 7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่ือง ความรเู้ บื้องตน้ เก่ียวกบั ทศั นศลิ ป์ 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1) ตรวจใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ความสัมพันธ์ระหวา่ งศลิ ปะกบั มนุษย์ 2) ตรวจใบงานที่ 1.2 เร่ือง ประเภทของงานทัศนศลิ ป์ 3) ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน 4) ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 5) สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล 6) สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 7) สังเกตคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 7.3 การประเมนิ หลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง ความร้เู บื้องตน้ เกี่ยวกับ ทัศนศลิ ป์ 7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ตรวจหนงั สอื เลม่ เล็ก เรอ่ื ง ความรู้เบอ้ื งต้นเก่ียวกบั งานทัศนศลิ ป์ 8 กิจกรรมการเรียนรู้ กอ่ นเรยี นนักเรียนทำแบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1
3 เร่อื งที่ 1 ศิลปะและทศั นศิลป์ 1 ชวั่ โมง วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการสร้างความตระหนกั ข้ันที่ 1 สังเกต 1. ครูนำภาพงานทศั นศลิ ปป์ ระเภทตา่ งๆ มาใหน้ กั เรียนดู แล้วใหน้ กั เรยี นสังเกตและแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั ความงาม และ คุณค่าของงานดังกล่าว 2. ครูยกตัวอยา่ งงานศลิ ปะที่ชน่ื ชอบ 1 ผลงาน พรอ้ มบอกเหตุผลทช่ี ่ืนชอบ แลว้ ตัง้ คำถามเพ่ือให้นกั เรยี นคดิ วิเคราะห์ ความหมายของศลิ ปะ ซ่ึงนกั เรยี นสามารถตอบไดอ้ ย่างหลากหลาย ขัน้ ที่ 2 วิเคราะหว์ จิ ารณ์ 1. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาความร้เู ร่ือง ความหมายของศิลปะและทศั นศิลป์ และความสัมพนั ธ์ระหวา่ งศลิ ปะกบั มนุษย์ จากหนังสอื เรียน 2. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันสรปุ ความหมายของศิลปะ แลว้ ครูอธบิ ายใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่ มนุษยเ์ ปน็ ผ้สู รา้ งสรรคง์ าน ศลิ ปะ โดยได้รบั แรงบันดาลใจมาจากการเลียนแบบธรรมชาติ การแสดงออกของบคุ ลิกภาพทางอารมณ์ของมนุษย์ การส่อื สาร ความต้องการของศิลปิน เปน็ ตน้ และงานศลิ ปะท่มี นษุ ยส์ ร้างสรรค์ขน้ึ นี้ เราสามารถรับรคู้ วามงาม ด้วยการมองเห็นและสมั ผัสได้ดว้ ยการจับต้อง 3. ครูให้นกั เรยี นชว่ ยกันยกตวั อย่างภาพท่ีแสดงถึงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมนุษยแ์ ละศลิ ปะ แล้วให้นักเรียนชว่ ยกัน วเิ คราะห์ว่า นักเรียนเห็นอะไรในภาพทยี่ กตวั อย่าง และภาพดงั กลา่ วสือ่ ความหมายอย่างไรบา้ ง 4. ครอู ธิบายเช่ือมโยงใหน้ ักเรยี นมคี วามร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งศลิ ปะกบั มนุษย์มากย่ิงขึ้น 5. ครใู หน้ ักเรยี นจับคู่กับเพ่ือน แลว้ ใหแ้ ตล่ ะค่ชู ่วยกันทำใบงานที่ 1.1 เร่ือง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งศิลปะกบั มนุษย์ 6. ครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยคำตอบในใบงานที่ 1.1 ขั้นท่ี 3 สรุป ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรเู้ กี่ยวกบั ความหมายของศิลปะและทศั นศลิ ป์ และความสัมพันธ์ระหว่างศลิ ปะกับ มนษุ ย์
4 ใบงานที่ 1.1 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งศลิ ปะกบั มนษุ ย์ คำช้แี จง ให้นกั เรียนดภู าพ แลว้ เขียนบรรยายความสัมพันธร์ ะหว่างศิลปะกับมนุษย์ ภาพที่ 1 ท่มี า : http://storyofast.wordpress.com/category/prehistoric-art/ ภาพท่ี 2 ที่มา : http://www.travel-is.com/forum/view.php?qID=14
ใบงานที่ 5 1.1 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งศิลปะกับมนษุ ย์ (ตวั อย่ำง) คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนดภู าพ แล้วเขียนบรรยายความสมั พันธร์ ะหวา่ งศิลปะกบั มนุษย์ ภาพที่ 1 ทมี่ า : http://storyofast.wordpress.com/category/prehistoric-art/ ภาพววั ไบซนั เปน็ ศลิ ปะสมัยกอ่ นประวตั ิศาสตร์ ยุคหนิ เกา่ ท่แี สดงใหเ้ หน็ ถงึ วถิ ชี วี ติ ของคนในการทำเกษตรกรรม และความใกล้ชิดของคนกบั สตั ว์ ภาพที่ 2 ท่ีมา : http://www.travel-is.com/forum/view.php?qID=14 ภาพเขยี นสรี ูปปลาที่ถ้ำผหี ัวโต เปน็ ภาพทีต่ ้องการบอกเลา่ ถงึ สิ่งทพี่ บเหน็ และสภาพความเป็นอยู่ท่อี ดุ มสมบรู ณ์ ด้วยอาหารการกินทมี่ ใี นธรรมชาติ (พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)
6 เรือ่ งที่ 2 ประเภทของงานทศั นศิลป์ 1 ชวั่ โมง วิธีสอนโดยการจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื : เทคนคิ การต่อเรอื่ งราว (Jigsaw) ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ครูแบง่ นักเรยี นเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ แล้วครแู จกภาพงานทศั นศลิ ปใ์ ห้นกั เรียนกลมุ่ ละ 1 ชุด แล้วใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั พิจารณาภาพทีก่ ลุ่มของตนได้รบั วา่ เป็นผลงานทัศนศลิ ป์ประเภทใดบ้าง 2. ครสู มุ่ นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ บอกประเภทของงานทศั นศลิ ปใ์ นบัตรภาพที่กลุม่ ของตนได้รบั โดยครแู ละเพื่อนกลมุ่ อ่ืนร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ขน้ั สอน 1. สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มกำหนดหมายเลขประจำตัว เปน็ หมายเลข 1-4 ตามลำดับ เรยี กกลุ่มนว้ี า่ กลมุ่ บา้ น แลว้ ให้ นักเรียนทมี่ หี มายเลขเดยี วกันไปรวมกันเปน็ กลมุ่ ใหม่ เรียกกลมุ่ นว้ี า่ กล่มุ ผเู้ ชีย่ วชาญ 2. สมาชกิ กล่มุ ผ้เู ช่ียวชาญรว่ มกันศกึ ษาความร้เู รื่อง ประเภทของงานทศั นศิลป์ จากหนงั สือเรียน และแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ ในหัวขอ้ ทีก่ ำหนด ดังน้ี - กลมุ่ หมายเลข 1 ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง จติ รกรรม - กลุม่ หมายเลข 2 ศึกษาความรู้เรื่อง ประติมากรรม - กลมุ่ หมายเลข 3 ศึกษาความรเู้ รือ่ ง สถาปัตยกรรม - กล่มุ หมายเลข 4 ศกึ ษาความรู้เรื่อง ภาพพิมพ์ จากนัน้ ร่วมกนั สรุปสาระสำคัญ 3. สมาชิกกลุ่มผเู้ ช่ียวชาญแยกย้ายกนั กลบั เข้ากลมุ่ เดิมหรือกลุม่ บา้ น ผลัดกันนำความรู้ท่ไี ดจ้ ากการศกึ ษามาเล่าให้ เพือ่ นในกลุม่ บ้านฟัง ผลดั กันซกั ถามข้อสงสัยและอธิบายจนทกุ คนมีความเขา้ ใจชัดเจนตรงกัน 4. ครอู ธบิ ายความรู้เก่ยี วกับประเภทของงานทัศนศิลปใ์ หน้ ักเรียนฟงั เพิ่มเตมิ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจ ชดั เจนมากยิ่งขน้ึ 5. นักเรียนแตล่ ะคนทำใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง ประเภทของงานทัศนศิลป์ เสรจ็ แล้วครูและนกั เรยี นช่วยกันเฉลยคำตอบ ในใบงานที่ 1.2 ขน้ั สรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรเู้ รอ่ื ง ประเภทของงานทัศนศิลป์
7 ใบงานท่ี 3. 1.2 ประเภทของงานทศั นศลิ ป์ คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นดูภาพ แลว้ บอกประเภทของงานทัศนศิลป์ใหถ้ กู ตอ้ ง 1. 2. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12.
8 ใบงานที่ 1.2 ประเภทของงานทศั นศิลป์ คำช้แี จง ให้นกั เรียนดภู าพ แลว้ บอกประเภทของงานทัศนศลิ ป์ใหถ้ ูกตอ้ ง 3. 1. 2. ภาพพมิ พ์ สถาปัตยกรรม ประตมิ ากรรม 4. 5. 6. จิตรกรรม ประตมิ ากรรม สถาปัตยกรรม 7. 8. 9. ภาพพิมพ์ ประตมิ ากรรม จติ รกรรม 10. 11. 12. ภาพพมิ พ์ จิตรกรรม สถาปัตยกรรม
9 เรอ่ื งที่ 3 สิ่งแวดลอ้ มและงานทศั นศิลป์ 1 ชวั่ โมง วิธสี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการสร้างความตระหนกั ขน้ั ที่ 1 สงั เกต 1. ครใู ห้นกั เรยี นดูภาพผลงานทัศนศิลป์ แล้วให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นวา่ ผลงานดังกลา่ วมีความสวยงามหรอื ไม่ พรอ้ มอธบิ ายเหตผุ ลประกอบ 2. ครูอธิบายให้นกั เรยี นเข้าใจว่า ส่งิ สวยงามในธรรมชาตทิ ่มี นุษยป์ ระทบั ใจและบนั ทกึ ไวเ้ ปน็ ผลงานทัศนศลิ ปส์ าขาต่างๆ ซงึ่ แต่ ละคนมีความพงึ พอใจทีแ่ ตกตา่ งกนั แสดงให้เหน็ วา่ ความสวยงามนั้นเปน็ ความคดิ เฉพาะตวั ของบคุ คล และถา้ มีความลกึ ซง้ึ ยง่ิ ขนึ้ ในระดบั ทีเ่ รยี กวา่ “สุนทรียภาพ” นักเรียนจะตอ้ งสงั่ สมประสบการณ์ในการพจิ ารณาผลงานทัศนศิลปไ์ ปทลี ะเล็กทลี ะ น้อย พร้อมทั้งต้องมคี วามรู้ความเขา้ ใจ ในศลิ ปะอกี ดว้ ย ขน้ั ท่ี 2 วิเคราะห์วิจารณ์ 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกันหาภาพผลงานทัศนศิลปท์ สี่ นใจ มากลุ่มละ 1 ภาพ (ครสู ่งั ใหน้ ักเรยี นเตรียมมา ล่วงหนา้ ) 2. สมาชิกแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะห์ภาพผลงานทัศนศลิ ปท์ ส่ี นใจ แลว้ ตอบคำถามในประเดน็ ท่ีกำหนด 3. ตัวแทนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการวเิ คราะหภ์ าพหน้าช้ันเรยี น ครแู ละเพื่อนกลุ่มอ่ืนรว่ มกันแสดงความ คดิ เหน็ และให้ข้อเสนอแนะ 4. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายเกี่ยวกับความสัมพนั ธข์ องส่ิงแวดลอ้ มและงานทัศนศิลป์ 5. ครูอธิบายเช่ือมโยงให้นักเรียนเข้าใจเหตผุ ลที่เราควรศึกษาวิชาทศั นศิลป์ เพื่อจะได้เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหวา่ ง ทัศนศลิ ปก์ ับสนุ ทรียภาพ และคุณค่าของงานทศั นศลิ ปแ์ ต่ละประเภท ขนั้ ที่ 3 สรุป ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรูเ้ กยี่ วกบั งานทัศนศิลป์ ในประเด็นท่ีกำหนด ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันจัดทำหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับงาน ทัศนศลิ ป์ โดยใหค้ รอบคลมุ ประเดน็ ตามที่กำหนด หลงั เรยี นนกั เรยี นทำแบบทดสอบ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
10 9 สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ 9.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี น ทัศนศลิ ป์ ม.1 2) บัตรภาพ 3) ตวั อย่างผลงานทศั นศลิ ป์ 4) ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งศลิ ปะกับมนษุ ย์ 5) ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง ประเภทของงานทัศนศิลป์ 9.2 แหลง่ การเรยี นรู้ แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ - http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/01 - http://www.aksorn.com/LC/Va/M1/02
11 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินหนงั สือเลม่ เลก็ เร่ือง ความรู้เบื้องต้นเก่ียวกบั งานทัศนศิลป์ รายการประเมนิ ดมี าก (4) คำอธิบายระดับคุณภาพ / ระดบั คะแนน ปรบั ปรงุ (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. การอธบิ าย อธบิ ายความหมายของ อธบิ ายความหมายของ อธิบายความหมายของ อธบิ ายความหมายของ ศลิ ปะและทัศนศลิ ปไ์ ด้ ศลิ ปะและทศั นศลิ ป์ได้ ศิลปะและทศั นศลิ ปไ์ ด้ ความหมายของ ศิลปะและทศั นศลิ ป์ได้ ถูกตอ้ ง ชดั เจนเปน็ ส่วน ถกู ต้อง ชัดเจนเป็น ถูกต้องเพียงสว่ นนอ้ ย ใหญ่ บางสว่ น และไมช่ ัดเจน ศลิ ปะและทัศนศลิ ป์ ถูกต้อง ละเอยี ด ชัดเจน ระบุประเภทของงาน ระบุประเภทของงาน ระบปุ ระเภทของงาน 2. การระบุประเภทของ ระบปุ ระเภทของงาน ทศั นศิลปไ์ ด้ถูกต้อง 3 ทศั นศลิ ป์ไดถ้ ูกตอ้ ง 2 ทศั นศิลปไ์ ด้ถกู ตอ้ ง 1 งานทัศนศลิ ป์ ทศั นศลิ ปไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง ทั้ง ประเภท ประเภท ประเภท 4 ประเภท อธบิ ายความแตกตา่ ง อธบิ ายความแตกตา่ ง อธิบายความแตกตา่ ง 3. การอธบิ ายความ อธบิ ายความแตกตา่ ง และความคลา้ ยคลงึ กนั และความคลา้ ยคลึงกัน และความคลา้ ยคลงึ กัน แตกตา่ งและความ และความคลา้ ยคลึงกนั ของงานทัศนศลิ ปแ์ ละ ของงานทศั นศลิ ปแ์ ละ ของงานทัศนศิลป์และ คล้ายคลงึ กนั ของ ของงานทัศนศลิ ปแ์ ละ สง่ิ แวดล้อมได้ถูกตอ้ ง สิง่ แวดลอ้ มไดถ้ กู ต้อง สิ่งแวดล้อมได้ แตไ่ ม่ งานทศั นศิลป์และ สงิ่ แวดลอ้ มไดถ้ ูกตอ้ ง เป็นส่วนใหญ่ ค่อนขา้ งสมเหตสุ มผล สมเหตุสมผล ไมม่ ี สิง่ แวดลอ้ ม สมเหตุสมผล พร้อม สมเหตุสมผล พร้อม พร้อมยกตัวอยา่ ง ตวั อย่างประกอบ ยกตวั อย่างประกอบ ยกตัวอยา่ งประกอบ ประกอบ อธิบายคณุ ค่าของงาน 4. การอธิบายคณุ คา่ อธิบายคุณค่าของงาน อธิบายคุณคา่ ของงาน อธิบายคุณค่าของงาน ทศั นศลิ ป์ไดถ้ กู ต้อง 1 ของงานทัศนศลิ ป์ ทศั นศลิ ป์ได้ถูกต้อง ทัศนศลิ ป์ได้ถกู ต้อง 4- ทศั นศิลปไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง 2- ข้อ ชัดเจน 6 ข้อขน้ึ ไป 5 ขอ้ 3 ข้อ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน 14 - 16 11 - 13 8 - 10 ต่ำกวา่ 8 ระดบั คุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181