หลักสูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผูป้ ระเมินคุณภาพการศกึ ษาตามรูปแบบ แนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวง การประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ สำ�นกั ทดสอบทางการศึกษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน
หลกั สูตรการสัมมนาเชงิ ปฏิบัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ปีทพี่ ิมพ ์ พ.ศ. ๒๕๖๑จ�ำ นวนพิมพ์ ๑๐,๐๐๐ เลม่ผจู้ ัดพมิ พ์ สำ�นกั ทดสอบทางการศกึ ษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการพมิ พ์ท่ี โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำ กดั ๗๙ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพมหานคร ๑๐๙๐๐ โทร. ๐-๒๕๖๑-๔๕๖๗ โทรสาร ๐-๒๕๗๙-๕๑๐๑ นายโชคดี ออสวุ รรณ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา
คำ�น�ำ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑กำ�หนดให้การประกันคุณภาพการศึกษา เป็นการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาแตล่ ะระดบั และประเภทการศึกษา โดยมกี ลไกในการควบคมุตรวจสอบระบบการบริหารคุณภาพการศึกษาที่สถานศึกษาจัดขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาและสร้างความเชื่อม่ันให้แก่ผู้มีส่วนเก่ียวข้องและสาธารณชนว่าสถานศึกษาน้ันสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษา และบรรลเุ ปา้ ประสงค์ของหน่วยงานต้นสังกัดหรอื หน่วยงานท่กี �ำ กับดูแล จากการเปลีย่ นแปลงข้อก�ำ หนดดงั กลา่ วนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ไดป้ ระกาศให้ใช้มาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานศูนย์การศึกษาพิเศษพ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งก�ำ หนดให้จดั ทำ�แนวปฏบิ ัตสิ �ำ หรับการดำ�เนนิ งานประกนั คุณภาพการศกึ ษาและกรอบมาตรฐานเพอ่ื การประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษาทสี่ อดคลอ้ งกบั นโยบายและกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ สว่ นการประเมนิ ภายนอกใหม้ ีองคป์ ระกอบของผูป้ ระเมิน๓ ส่วนได้แก่ ๑) ผแู้ ทนส�ำ นกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)๒) ผูแ้ ทนหนว่ ยงานต้นสังกดั และ ๓) ผู้บรหิ ารสถานศึกษา สำ�นักงานคณะกรรมการการสึกษาข้ันพื้นฐาน ได้ดำ�เนินการ “หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑” เพ่อื สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจ และเพือ่เตรยี มบคุ ลากรจากตน้ สงั กดั หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง และผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาใหเ้ ปน็ ผปู้ ระเมนิ ทมี่ คี วามพรอ้ มในดา้ นทักษะการประเมนิ ตา่ ง ๆ เพื่อน�ำ ไปสู่การขับเคลือ่ นระบบการประกนั คุณภาพการศกึ ษา รวมถงึ เปน็ โอกาสในการแลกเปลยี่ นเรยี นรใู้ หเ้ กดิ การสะทอ้ นคดิ ในประเดน็ ต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง อนั จะเปน็ประโยชนต์ อ่ การวางแผนและก�ำ หนดแนวทางการด�ำ เนนิ งานเพอื่ ขบั เคลอ่ื นการประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศึกษาต่อไป ซ่ึงจะส่งผลทำ�ให้สถานศึกษาในสังกัดสามารถดำ�เนินการพัฒนาระบบประกันคณุ ภาพภายในอยา่ งเขม้ แขง็ โดยไดด้ �ำ เนนิ การในรปู แบบการสมั มนาเชงิ ปฏบฺ ตั กิ ารในรปู แบบกจิ กรรมดำ�เนินการท้ังในรูปแบบการบรรยายทฤษฎี ความรู้ การฝึกปฏิบัติจากกรณีศึกษา ใบงานกิจกรรมการประเมนิ คณุ ลกั ษณะและพฤตกิ รรมของผเู้ ขา้ รบั การสมั มนา โดยมที �ำ เนยี บผเู้ ขา้ รบั การสมั มนาและผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ จากการสมั มนาจ�ำ นวนกวา่ สองพนั คน และด�ำ เนนิ การคดั เลอื กและเสนอรายชอื่เขา้ รบั การพฒั นาเปน็ ผปู้ ระเมนิ ภายนอกตามจ�ำ นวนทสี่ �ำ นกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) แจง้ ประสานตอ่ ไป
หลกั สตู รการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารฯ เลม่ นี้ จงึ เปน็ เอกสารทจี่ ะน�ำ ไปสกู่ ารเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพด้านการประเมินให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้บรรลุตามเป้าหมาย สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอขอบคุณผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือในการดำ�เนินการโครงการน้ีเป็นอยา่ งดีย่งิ สำ�นักทดสอบทางการศกึ ษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน สงิ หาคม ๒๕๖๑
สารบญัคำ�นำ� หนา้ตอนท่ี ๑ โครงการการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษา ๑ ตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหมแ่ ละกฎกระทรวง การประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑. หลักการและเหตผุ ล ๑ ๒. วัตถปุ ระสงค์ ๒ ๓. เป้าหมาย ๒ ๔. ขอบเขตการด�ำ เนินงาน ๓ ๕. ข้ันตอนการดำ�เนนิ งาน ๕ ๖. บทบาทการด�ำ เนินงานของหน่วยงานแต่ละระดับ ๖ ๗. บทบาทของผูเ้ ขา้ รับการสัมมนา ๗ ๘. กระบวนการสัมมนา ๗ ๙. เง่อื นไขความสำ�เรจ็ ของการสมั มนา ๘ ๑๐. ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รบั ๘ ๑๑. ผรู้ ับผิดชอบโครงการ ๙ตอนที่ ๒ นโยบายการปฏริ ปู การศกึ ษาและการพัฒนาคณุ ภาพสถานศึกษา ๑๑ นโยบายการปฏิรูปการศกึ ษา ๑๑ การพัฒนาคุณภาพสถานศกึ ษา ๒๒ แนวคดิ และหลกั การการประเมินเพือ่ พฒั นาคุณภาพสถานศกึ ษา ๒๙
สารบัญ (ต่อ)ตอนที่ ๓ โครงสร้างและเนอื้ หาการสมั มนา หนา้ หน่วยที่ ๑ รปู แบบและแนวทางการประเมนิ คุณภาพภายใน ๔๑ ของสถานศกึ ษาแนวใหม่ ๔๕ หนว่ ยที่ ๒ มาตรฐานการศึกษาข้นั พื้นฐานตามกฎกระทรวง การประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๖๗ หนว่ ยที่ ๓ เสริมสรา้ งศกั ยภาพดา้ นการประเมิน หน่วยท่ี ๔ การจดั ทำ�รายงานผลการประเมนิ คุณภาพสถานศึกษา ๙๙ และการให้ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั เพ่ือการพัฒนาคณุ ภาพสถานศึกษา ๑๓๕ หน่วยท่ี ๕ การวางแผนบรหิ ารจดั การขยายผลการสมั มนา ภาคผนวก ๑๖๓คณะท�ำ งาน ๑๗๗ ๑๙๒
ตอนท่ี ๑ โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนามาตรฐาน ผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑๑. หลักการและเหตุผล ตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้ปฏิรูประบบการประเมินและประกันคุณภาพการศกึ ษาทงั้ ภายในและภายนอกของทกุ ระดบั กอ่ นจะมกี ารประเมนิ คณุ ภาพในรอบตอ่ ไป โดยใหม้ กี ารปรบั ปรงุ มาตรฐานและตวั ชว้ี ดั ใหน้ อ้ ยลง กระชบั และสะทอ้ นถงึ คณุ ภาพอยา่ งแทจ้ รงิ เนน้ การประเมนิสภาพจรงิ ไมย่ งุ่ ยาก ลดภาระการจดั เกบ็ ขอ้ มลู ลดการจดั ท�ำ เอกสารทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ ปรบั กระบวนทศั น์ในการประเมนิ ทีม่ ีเป้าหมายเพ่ือการพัฒนาบนพื้นฐานบริบทของสถานศึกษา นน้ั กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑กำ�หนดให้การประกันคุณภาพการศึกษา เป็นการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาแตล่ ะระดบั และประเภทการศกึ ษา โดยมกี ลไกในการควบคมุ ตรวจสอบระบบการบริหารคุณภาพการศึกษาท่ีสถานศึกษาจัดขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาและสร้างความเช่ือมั่นให้แก่ผู้มีส่วนเก่ียวข้องและสาธารณชนว่าสถานศึกษาน้ันสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษา และบรรลเุ ปา้ ประสงคข์ องหนว่ ยงานตน้ สงั กดั หรอื หนว่ ยงานทกี่ �ำ กบั ดแู ล จากการเปลย่ี นแปลงขอ้ ก�ำ หนดดงั กลา่ วนก้ี ระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดก้ �ำ หนดใหจ้ ดั ท�ำ แนวปฏบิ ตั สิ �ำ หรบั การด�ำ เนนิ งานประกันคุณภาพการศึกษาและกรอบมาตรฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาท่ีสอดคลอ้ งกับนโยบายและกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ สว่ นการประเมนิภายนอกใหม้ อี งคป์ ระกอบของผปู้ ระเมนิ ๓ สว่ นไดแ้ ก่ ๑) ผแู้ ทนส�ำ นกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมนิคณุ ภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) ๒) ผู้แทนหน่วยงานตน้ สงั กัด และ ๓) ผู้บริหารสถานศึกษา หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผูป้ ระเมินคณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 1 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ดังน้ัน เพ่ือให้ผู้แทนหน่วยงานต้นสังกัดและผู้บริหารสถานศึกษาสามารถทำ�หน้าที่ในการรว่ มเป็นคณะกรรมการประเมนิ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ทง้ั ในเรอ่ื งรูปแบบวิธกี ารประเมนิ แบบองคร์ วม(holistic assessment) การตดั สนิ โดยอาศยั ความเชย่ี วชาญ (expert judgment) การประเมนิ โดยอาศยัรอ่ งรอยเชงิ ประจกั ษ์ (evidence based assessment) การตรวจสอบทบทวนโดยบคุ คลระดบั เดยี วกนั(peer review) เทคนิคการสังเกต การสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์ร่องรอยหลักฐาน มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษา และการให้ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) แก่สถานศึกษาเพ่ือนำ�ไปสู่การปรบั ปรุงและพัฒนาได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ผู้ประเมินจงึ ตอ้ งมีความเชีย่ วชาญและมีประสบการณ์ในเร่ืองดังกล่าวเป็นอย่างดี สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานซ่ึงเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการดำ�เนินการเพ่ือพัฒนาระบบการประเมินและการประกันคุณภาพการศึกษา ระดับการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ไดร้ บั ความเหน็ ชอบในการด�ำ เนนิ งานงบบรู ณาการในการพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิรว่ มกับหน่วยงานอน่ื ๆ ที่เกยี่ วขอ้ ง จงึ จดั ท�ำ แผนพฒั นามาตรฐานผ้ปู ระเมนิ คณุ ภาพการศึกษา กอ่ นท่ีจะคัดเลือกรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์เป็นผู้ประเมินคุณภาพภายนอกร่วมกับสำ�นักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ต่อไป สำ�นักทดสอบทางการศึกษา จึงกำ�หนดโครงการพัฒนาระบบการประเมินมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑๒. วัตถุประสงค์ ๒.๑ เพอ่ื พฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาแนวใหมต่ ามกฎกระทรวงการประกนัคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ใหแ้ กบ่ คุ ลากรสำ�นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา และหนว่ ยงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง ๒.๒ ผู้ที่ได้รับการพัฒนาในระยะท่ี ๑ สามารถไปเป็นวิทยากรแกนนำ�ในการขยายผลการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาแนวใหม่ตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ใหแ้ กบ่ คุ ลากรในสำ�นกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา และสถานศกึ ษาอื่น ๆ๓. เปา้ หมาย ๓.๑ เป้าหมายเชงิ ปริมาณ ระยะที่ ๑ บุคลากรจากสำ�นักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา และหน่วยงานต้นสงั กัดทกุ สงั กดั ที่จดั การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน จ�ำ นวน ๕๒๕ คน ทเี่ ขา้ ร่วมสมั มนามผี ลการประเมนิ ตามกจิ กรรมสมั มนาผา่ นเกณฑต์ ามท่กี ำ�หนดมากกวา่ ร้อยละ ๙๐ ระยะท่ี ๒ ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา จำ�นวน ๒,๒๕๐ คน ทเ่ี ข้ารว่ มประชมุ ปฏิบัตกิ ารผ่านระบบVideo Conference มผี ลการประเมนิ ตามกจิ กรรมผ่านเกณฑต์ ามที่ก�ำ หนดมากกว่าร้อยละ ๙๐2 หลกั สูตรการสมั มนาเชงิ ปฏิบตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผ้ปู ระเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๓.๒ เปา้ หมายเชงิ คุณภาพ ๑) ผู้เข้ารับการสัมมนาได้รับความรู้ ความเข้าใจ ในการดำ�เนินงานประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษา รวมทั้งสามารถนำ�ความรู้ไปใช้เป็นแนวทางในการทำ�หน้าที่ประเมินคุณภาพสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล น่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกีย่ วขอ้ ง ๒) สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษามีข้อมูลทำ�เนียบบุคลากรและผู้บริหารสถานศึกษาทไี่ ดร้ บั การพฒั นาผา่ นเกณฑเ์ ปน็ ผปู้ ระเมนิ ทมี่ มี าตรฐานการประเมนิ ทส่ี ามารถใหค้ �ำ ชแ้ี นะ ใหค้ �ำ ปรกึ ษาแก่สถานศึกษาอื่นที่ไปประเมินได้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาอันจะนำ�ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ๓) ส�ำ นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามรี ะบบการบรหิ ารจดั การทเี่ ขม้ แขง็ ในดา้ นการพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษาใหไ้ ดม้ าตรฐานโดยมผี บู้ รหิ ารสถานศกึ ษาทไี่ ดร้ บั การพฒั นาเสริมสร้างศกั ยภาพดา้ นการประเมินน�ำ ไปส่กู ารขยายผลการพัฒนาอยา่ งเปน็ รูปธรรม ๔) สถานศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขนึ้ พนื้ ฐาน ไดร้ บั ค�ำ แนะน�ำ แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาโดยผู้ประเมนิ ท่ีมคี วามรคู้ วามสามารถ และไดร้ บั การยอมรับ ๕) ผู้เกี่ยวข้องทุกระดับมีส่วนร่วมในการดำ�เนินงานพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศกึ ษาและมคี วามพึงพอใจต่อการดำ�เนินงาน๔. ขอบเขตการด�ำ เนนิ งาน ๔.๑ กลมุ่ เปา้ หมายทีเ่ ข้ารบั การอบรมในครัง้ นี้ คอื ผอู้ ำ�นวยการสถานศกึ ษา และบคุ ลากรจากเขตพืน้ ที่การศึกษา และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ไดร้ บั การคัดเลือกตามคุณสมบตั ิและจำ�นวนตามท่ีสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำ�หนดไว้ โดยเฉลี่ยเขต/หน่วยงานละ ๒ คนโดยหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาเอกชน ส�ำ นกั บรหิ ารการศกึ ษาทอ้ งถน่ิส�ำ นกั การศึกษากรงุ เทพมหานคร ส�ำ นกั งานพระพทุ ธศาสนา ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา กรมพลศกึ ษา และกองก�ำ กับการตำ�รวจตระเวนชายแดน เป็นตน้หลักสตู รการสมั มนาเชงิ ปฏิบัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 3 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๔.๒ ระยะเวลาที่ใชใ้ นการสมั มนา คือ ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ระยะท่ี ๑ สัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ในช่วงระหวา่ งวนั ท่ี ๑๙ - ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ออกเป็น ๒ จุด ๆ ละ ๔ วัน ดังน้ี ท่ี วนั ที่ สถานท่ี ผูเ้ ขา้ วทิ ยากร รวม ภมู ิภาค รับการ หนว่ ย และ สัมมนา งาน เจ้าหน้าที่ ทีเ่ กี่ยวข้อง ๑ ๑๙ - ๒๒ โรงแรมเดอะ ๒๒๖ ๑๘ ๕๐ ๒๙๔ ภาคกลาง และ สิงหาคม พาลาสโซ ภาคเหนือ ๒๕๖๑ เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ๒ ๒๖ - ๒๙ โรงแรมริเวอร์ ๒๒๔ - ๕๐ ๒๗๔ ภาคตะวนั ออก สิงหาคม ไซด์ เขตบางพลัด เฉยี งเหนอื และ ๒๕๖๑ กรงุ เทพมหานคร ภาคใต้ รวม ๔๕๐ ๑๘ ๑๐๐ ๕๖๘ ระยะที่ ๒ การขยายผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินและกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ผ่านระบบ Video Conference ในช่วงระหวา่ งวันที่ ๓ - ๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๑ ระยะเวลา สถานท่ี ผู้เข้ารบั การ วทิ ยากรและ รวม หมายเหตุ สำ�นักงานเขตพ้นื ที่ สมั มนา เจา้ หน้าท่ี ๒,๗๐๐ ๓ - ๒๑ เขตละ ๒ คนกนั ยายน ๒๕๖๑ การศกึ ษา/ เขตละ ๑๐ คน (ก�ำ หนด ๒ วนั ) สถานศกึ ษา ๒,๒๕๐ ๔๕๐ 4 หลักสตู รการสัมมนาเชิงปฏบิ ัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผูป้ ระเมินคุณภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๕. ข้ันตอนการด�ำ เนนิ งาน การสัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหมแ่ ละกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ มีขนั้ ตอนการด�ำ เนินงาน ๓ ระยะดังน้ี ๕.๑ ระยะการเตรียมการ ๑) ก�ำ หนดทมี งานหลกั ทรี่ บั ผดิ ชอบโครงการ คอื กลมุ่ พฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษาระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สำ�นักงานทดสอบทางการศึกษา สำ�นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และก�ำ หนดใหม้ คี ณะท�ำ งานจากหลายฝา่ ยเขา้ รว่ มโครงการสมั มนา เชน่ อาจารย์จากมหาวทิ ยาลยั บคุ ลากรระดบั เขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา และบคุ ลากรจากหนว่ ยงานอนื่ ๒) วางแผนและออกแบบการจดั ทำ�เอกสารประกอบการสัมมนา ๓) จดั ท�ำ เอกสารและประกอบการสมั มนา ๔) สำ�รวจและรวบรวมจัดทำ�ฐานข้อมูลบุคลากรจากทุกเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและหนว่ ยงานต้นสังกดั ของสถานศกึ ษาอืน่ ๆ ๕) กำ�หนดคุณสมบัตขิ องผ้เู ขา้ รบั การสมั มนา และช่วงระยะเวลาการสมั มนา ๕.๒ ระยะการสมั มนา เปน็ ขน้ั ตอนทส่ี �ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานด�ำ เนนิ การจดั สมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิแนวใหมแ่ ละกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ซงึ่ เปน็ การใหค้ วามรทู้ งั้ มาตรฐานการศกึ ษาใหมต่ ามประกาศกฎกระทรวง รวมทงั้ การเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพดา้ นการประเมนิ ใหแ้ กผ่ เู้ ขา้ รบัการสมั มนา โดยเนอ้ื หาทใ่ี ชใ้ นการสมั มนาแบง่ ออกเปน็ ๓ ตอน ตอนท่ี ๑ โครงการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ ใหมแ่ ละกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบดว้ ย รายละเอียดโครงการสมั มนา ตอนท่ี ๒ นโยบายการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ตอนที่ ๓ เน้ือหาและโครงสร้างการสัมมนา ๕ หนว่ ยการเรียนรู้ คือ หน่วยที่ ๑ รปู แบบและแนวทางการประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาแนวใหม่ หน่วยที่ ๒ มาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐานตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษาพ.ศ. ๒๕๖๑ หน่วยที่ ๓ เสริมสร้างศักยภาพด้านการประเมิน หน่วยท่ี ๔ การจัดทำ�รายงานผลการประเมินคุณภาพสถานศึกษา และการให้ข้อมูลย้อนกลับเพ่ือการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาหนว่ ยที่ ๕ การวางแผนบรหิ ารจัดการขยายผลการสมั มนาหลกั สูตรการสัมมนาเชิงปฏิบตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 5 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
รูปแบบการสัมมนามีท้ังการบรรยายให้ความรู้ และการฝึกปฏิบัติทำ�กิจกรรม การทดสอบความรู้ของผู้เข้ารับการสัมมนาทั้งก่อนและหลังการสัมมนาเพื่อเป็นการประเมินประสิทธิภาพของการสมั มนา และจดั ทมี วทิ ยากรประเมนิ การรว่ มกจิ กรรมและผลงานในแตล่ ะกจิ รรมของผเู้ ขา้ รบั การสมั มนาเปน็ รายบุคคลตามเกณฑม์ าตรฐานท่กี ำ�หนดและบนั ทกึ สรปุ ผลการสัมมนา ๕.๓ ระยะหลงั การสมั มนา หลงั จากเสรจ็ สนิ้ การสมั มนาผทู้ มี่ ผี ลการประเมนิ ผา่ นเกณฑจ์ ะได้รบั วฒุ บิ ตั รและการประกาศรายชอื่ ขน้ึ ทะเบยี นไวท้ ส่ี �ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน และคดั เลอื กรายชอื่ ผผู้ า่ นเกณฑก์ ารสมั มนาสง่ ใหส้ �ำ นกั งานรบั รองและประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา (องคก์ ารมหาชน) ตามจำ�นวนทกี่ ำ�หนด เพ่อื เขา้ รบั การพฒั นาเปน็ ผู้ประเมนิ คุณภาพภายนอกต่อไป๖. บทบาทการด�ำ เนนิ งานของหนว่ ยงานแต่ละระดบั ๖.๑ ส�ำ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน • ศกึ ษาวิจยั /พฒั นารูปแบบและคมู่ อื การสมั มนา • กำ�หนดคุณสมบัติผู้เข้ารับการสัมมนาเพื่อพัฒนาเป็นผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน • ประสานงานกบั ส�ำ นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา และหนว่ ยงานตน้ สงั กดั ของสถานศกึ ษาอื่น ๆ เพ่ือคัดเลือกบุคลากรเข้ารับการสัมมนาตามคุณสมบัติและจำ�นวนท่ีสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานกำ�หนด • บรหิ ารจดั การโครงการสมั มนา ทง้ั ในดา้ นงบประมาณ บคุ ลากร และอน่ื ๆ • จดั ท�ำ ทะเบยี นรายชอ่ื ผทู้ มี่ ผี ลการสมั มนาผา่ นเกณฑต์ ามทส่ี �ำ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกำ�หนด และเผยแพร่/ประกาศรายช่ือให้เขตพ้ืนท่ีการศึกษา และหน่วยงานต้นสังกัดของสถานศกึ ษาในสงั กัดอื่น ๆ รับทราบ ๖.๒ สำ�นกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา/หน่วยงานตน้ สงั กัดของสถานศึกษาอน่ื ๆ • คัดเลือกผู้อำ�นวยการสถานศึกษา และบุคลากรในสังกัดตามคุณสมบัติและจำ�นวนท่ีสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกำ�หนด พร้อมทั้งจัดส่งรายชื่อบุคลากรดังกล่าวให้กับส�ำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน เพื่อเขา้ รับการสมั มนาตามระยะเวลาที่ก�ำ หนด • เผยแพร่/ประกาศรายช่ือผู้ที่มีผลการสัมมนาผ่านเกณฑ์ตามที่สำ�นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานก�ำ หนด ใหส้ ถานศกึ ษาในสงั กัดทราบ • ติดตาม และส่งเสริม สนับสนุน ผู้บริหารที่ได้รับการประกาศรายช่ือเป็นคณะกรรมการประเมินคุณภาพภายนอกร่วมกับสำ�นักงานรับรองและประเมินคุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน)6 หลกั สูตรการสัมมนาเชงิ ปฏิบัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๗. บทบาทของผู้เข้ารบั การสมั มนา ผูเ้ ขา้ รับการสัมมนา มีหนา้ ที่เขา้ ร่วมกจิ กรรมการสมั มนา ดงั นี้ ๗.๑ รบั ฟงั การบรรยายใหค้ วามรูจ้ ากวทิ ยากร ๗.๒ รับการทดสอบก่อนและหลังการสัมมนา และทำ�กิจกรรมในการสัมมนาทุกกิจกรรมทง้ั งานเด่ียวและงานกลุ่มตามลักษณะงานทวี่ ทิ ยากรชแี้ จง ๗.๓ เปล่ียนประธานและเลขานุการกลุ่มทุกวัน หรือตามความเหมาะสม เพ่ือกระจายให้ทุกคนมีโอกาสเป็นประธานและเลขานกุ ารของกลุม่ ๗.๔ ปฏิบัติตามกระบวนการกล่มุ แลกเปลยี่ นความคดิ เห็น อภิปราย ระดมพลังสมอง และสรปุ ความรู้ แนวปฏบิ ัตทิ ่ีได้จากกิจกรรมการสัมมนา ๗.๕ สง่ ผลงานจากการท�ำ กจิ กรรมทกุ กจิ กรรมใหว้ ทิ ยากรตรวจสอบ และเพอ่ื ใหข้ อ้ เสนอแนะในการพฒั นางาน ๗.๖ เข้าร่วมรับการสัมมนาตลอดช่วงระยะเวลาของการสัมมนา และร่วมกิจกรรมครบทุกกิจกรรม ๗.๗ ผทู้ ม่ี ผี ลการประเมนิ ผา่ นเกณฑแ์ ละไดร้ บั การประกาศชอื่ ขน้ึ ทะเบยี นไวจ้ ะตอ้ งท�ำ หนา้ ที่ในการช่วยเหลือ ใหค้ ำ�แนะน�ำ แก่สถานศกึ ษาอนื่ ๆ และผ้เู ขา้ รบั การสัมมนาท่ไี ด้รับการคัดเลือกรายช่ือให้เป็นผู้ประเมินคุณภาพภายนอกร่วมกับสำ�นักงานรับรองและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) จะต้องเข้ารับการพัฒนาและทำ�หน้าท่ีร่วมเป็นคณะกรรมการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศกึ ษาตามทสี่ ำ�นกั งานรับรองและประเมินคณุ ภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) กำ�หนด๘. กระบวนการสมั มนา กระบวนการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื สอ่ื สารและสรา้ งความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การประเมนิ และการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาแนวใหม่ และเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพดา้ นการประเมนิ มลี กั ษณะของกจิ กรรมสรุปไดด้ ังนี้ ๘.๑ การให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับฟังการบรรยายให้ความรู้จากวิทยากรท่ีมีความรู้ความเช่ยี วชาญในเนื้อหาตามหลักสูตรการสมั มนา และจัดกิจกรรมทีส่ นบั สนุนสง่ เสริม ใหผ้ ู้เขา้ รับการสัมมนาซ่งึ เปน็ ผู้ทม่ี พี นื้ ฐานความรูแ้ ละมปี ระสบการณใ์ นการจัดการศกึ ษา ไดม้ ีการพฒั นาต่อยอด และเพิ่มศกั ยภาพของตนเองใหส้ งู ขึ้น ผา่ นกระบวนการวิเคราะห์และสะท้อนผลในการด�ำ เนินงานปจั จบุ นั ๘.๒ การให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ลงมือปฏิบัติงาน (workshop) ตามกิจกรรมที่กำ�หนดไว้ในเน้ือหา หลักสูตรการสมั มนา และกำ�หนดแนวทางการนำ�ความร้ทู ่ีได้รบั จากการฟงั บรรยายและการให้ความรู้โดยวิทยากรสู่การปฏบิ ัตจิ รงิ เนน้ การลงมือปฏิบตั จิ รงิ โดยใชข้ ้อมลู ทีไ่ ด้จากการท�ำ งานในภาวะปกติของผูเ้ ขา้ ร่วมสมั มนาสำ�หรบั การวางแผนและเรียนร้รู ะหว่างการสมั มนาหลักสูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 7 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๘.๓ การให้ผู้เข้าร่วมสมั มนาไดศ้ กึ ษาหาความร้ดู ว้ ยตนเองจากเอกสารประกอบการสัมมนาโดยวทิ ยากรที่ใหค้ วามรู้ เป็นเพยี งผอู้ �ำ นวยความสะดวก ใช้เทคนคิ การกระต้นุ ยั่วยุ ชแี้ นะ วางเงื่อนไขเสริมแรง และท้าทายความสามารถให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มศักยภาพ การให้ผู้เข้ารว่ มสัมมนาไดท้ ดลองฝกึ ปฏิบัตจิ ริง ในการใชก้ ารสังเกต การสัมภาษณ์ การตัง้ ค�ำ ถาม การเกบ็ ขอ้ มลู จากแหล่งอนื่ ๆ การสรปุ ผล การเขยี นรายงาน และการฝึกการให้ขอ้ มูลย้อนกลบั แกส่ ถานศึกษาเพื่อการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา๙. เง่ือนไขความสำ�เร็จของการสัมมนา การสมั มนาเพอ่ื พฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพสถานศกึ ษาในครง้ั น้ี มเี งอ่ื นไขความส�ำ เรจ็สรุปได้ดังต่อไปน้ี ๙.๑ ผเู้ ขา้ รว่ มสมั มนาทกุ คนตอ้ งเปดิ ใจ ตงั้ ใจ รบั ฟงั เรยี นรู้ และลงมอื ฝกึ ปฏบิ ตั ใิ นทกุ กจิ กรรมตามโครงสร้างหลักสตู รการสัมมนา ๙.๒ กิจกรรมการสัมมนาต้องส่งเสริมให้มีสัมพันธภาพท่ีดีระหว่างวิทยากรกับผู้เข้ารับการสัมมนา และสรา้ งบรรยากาศของกจิ กรรมการสมั มนาทีม่ เี หตผุ ลในการอภิปราย รับฟงั ความคดิ เหน็ ซึ่งกนั และกัน ๙.๓ วทิ ยากรตอ้ งสนบั สนนุ กระตนุ้ ยว่ั ยุ ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การสมั มนาเกดิ การเรยี นรดู้ ว้ ยการสรา้ งและสรปุ ความรู้ด้วยตนเอง ๙.๔ จดั แหลง่ วทิ ยาการทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เนอื้ หาและกจิ กรรมการสมั มนา เพอ่ื ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มสมั มนาใช้ในการศึกษาเรียนรู้และฝึกปฏบิ ัติ ๙.๕ เนื่องจากผู้เขา้ รว่ มสัมมนามจี �ำ นวนมาก การบรหิ ารจัดการสัมมนาต้องมปี ระสิทธิภาพทง้ั ในดา้ นการบรหิ ารจดั การเวลา การจดั กลมุ่ ผเู้ ขา้ รบั การสมั มนา และการจดั เตรยี มสถานท่ี สอื่ อปุ กรณ์ท่ีเพียงพอ เหมาะสม สะดวก และเอ้ือต่อการเรยี นรู้๑๐. ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รบั ๑๐.๑ สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน มีทำ�เนียบรายชื่อบุคลากรที่มีความรู้ความเช้าใจระบบการประเมินและการประกันคุณภาพการศึกษาแนวใหม่ รวมท้ังมีศักยภาพในด้านการประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ทั้งทักษะการสังเกต การสัมภาษณ์ การตั้งคำ�ถามการสรุปตีความ สามารถใหค้ ำ�ชี้แนะ ให้คำ�ปรึกษาแกส่ ถานศกึ ษาได้สอดคล้องกับบริบทและความเปน็ไปไดข้ องสถานศกึ ษา และได้รบั การยอมรับจากสถานศึกษา และสามารถเปน็ คณะกรรมการประเมินคุณภาพภายนอกร่วมกับสำ�นักงานรับรองและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ8 หลักสตู รการสัมมนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๑๐.๒ หน่วยงานต้นสังกัดระดับสำ�นักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา และหน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษาอ่ืน ๆ มบี ุคลากรท่เี ป็นผู้ทมี่ ีความรู้ความสามารถด้านการประเมินและการประกันคุณภาพการศึกษา และมีศักยภาพด้านการประเมิน ทำ�หน้าท่ีในการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาของตนเองและสามารถให้คำ�แนะนำ�ให้คำ�ปรึกษาแก่สถานศึกษาอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษาแตล่ ะแหง่ อนั จะน�ำ ไปสกู่ ารปรบั ปรงุ และพฒั นาคณุ ภาพการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษาใหม้ คี ณุ ภาพสูงขึน้ ตอ่ ไป ๑๐.๓ สถานศกึ ษาระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน มีระบบการประกนั คณุ ภาพภายในทีเ่ ข้มแขง็สามารถวเิ คราะห์จดุ เด่น จุดควรพัฒนา และแนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษาของตนได้๑๑. ผูร้ ับผดิ ชอบโครงการ กลุม่ พัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ส�ำ นกั ทดสอบทางการศกึ ษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน โทร. ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๕๗ - ๘ โทรสาร ๐ ๒๖๒๘ ๕๘๖๒ e-mail: qa.obec@gmail.comหลกั สูตรการสมั มนาเชิงปฏิบัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมินคณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 9 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ตอนที่ ๒ นโยบายการปฏิรปู การศกึ ษาและการพฒั นาคณุ ภาพสถานศึกษานโยบายการปฏริ ูปการศกึ ษา ๑. ศาสตรพ์ ระราชา ต�ำราแหง่ ชวี ติ หลกั การทรงงาน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ ๙ มดี ังน้ี แนวคดิ หรอื หลกั การทรงงานของในหลวงรชั กาลที่ ๙ มคี วามนา่ สนใจทส่ี มควรน�ำมาประยกุ ต์ใชก้ บั ชวี ติ การท�ำงานเปน็ อยา่ งยง่ิ หากทา่ นใดตอ้ งการปฏบิ ัตติ ามรอยเบ้อื งพระยคุ ลบาท ท่านสามารถน�ำหลักการทรงงานของพระองคไ์ ปปรับใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนไ์ ด้ ดงั น้ี ๑. จะท�ำอะไรตอ้ งศกึ ษาข้อมลู ให้เป็นระบบ ๒. ระเบิดจากภายใน จะท�ำการใด ๆ ต้องเร่ิมจากคนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิดความเข้าใจและอยากท�ำ ไม่ใช่การสัง่ ให้ท�ำ ๓. แก้ปัญหาจากจดุ เล็ก ควรมองปัญหาภาพรวมก่อนเสมอ แตเ่ ม่อื จะลงมอื แก้ปัญหาน้ัน๔. ท�ำตามล�ำดับข้ันเร่ิมต้นจากการลงมือท�ำในส่ิงที่จ�ำเป็นก่อน เมื่อส�ำเร็จแล้วก็เริ่มลงมือส่ิงที่จ�ำเป็นล�ำดับตอ่ ไป ๕. ภูมิสงั คม ภมู ศิ าสตร์ สังคมศาสตร์ การพัฒนาใด ๆ ตอ้ งค�ำนงึ ถงึ สภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไรและสังคมวิทยาเก่ียวกับลักษณะนิสัยใจคอคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถ่ินท่ีมีความแตกต่างกัน ๖. ท�ำงานแบบองค์รวม ใช้วิธีคิดเพื่อการท�ำงาน โดยวิธีคิดอย่างองค์รวม คือการมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดอย่างเป็นระบบครบวงจร ทุกสิ่งทุกอย่างมีมิติเช่ือมต่อกัน๗. ไม่ติดต�ำราเมื่อเราจะท�ำการใดน้ัน ควรท�ำงานอย่างยืดหยุ่นกับสภาพและสถานการณ์น้ัน ๆไม่ใชก่ ารยดึ ติดอยู่กับแคใ่ นต�ำราวชิ าการ ๘. รจู้ ักประหยัด เรียบงา่ ย ไดป้ ระโยชนส์ ูงสดุ ๙. ท�ำให้งา่ ยทรงคดิ คน้ ดดั แปลงปรบั ปรงุ และแกไ้ ขงานไมย่ งุ่ ยากซบั ซอ้ น ๑๐. การมสี ว่ นรว่ มเปดิ โอกาสใหส้ าธารณชนได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น ๑๑.ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม ๑๒. บริการท่ีจุดเดียวใช้หลักการ“การบรกิ ารรวมทีจ่ ุดเดียว : One Stop Service” ๑๓. ใชธ้ รรมชาตชิ ว่ ยธรรมชาติ ๑๔. ใชธ้ รรมปราบอธรรม น�ำความจรงิ ในเรอ่ื งธรรมชาตแิ ละกฎเกณฑข์ องธรรมชาตมิ าเปน็ หลกั การแนวทางปฏบิ ตั ใิ นการหลกั สตู รการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผูป้ ระเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 11 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
แกไ้ ขปญั หาและปรบั ปรงุ สภาวะทไี่ มป่ กตเิ ขา้ สรู่ ะบบทป่ี กติ ๑๕. ปลกู ปา่ ในใจคน การจะท�ำการใดส�ำเรจ็ตอ้ งปลกู จิตส�ำนกึ ของคนเสยี กอ่ น ต้องให้เหน็ คณุ คา่ เห็นประโยชนก์ ับสิง่ ทจ่ี ะท�ำ ๑๖. ขาดทุนคือก�ำไร“การให้” และ “การเสียสละ” เป็นการกระท�ำอันมีผลเป็นก�ำไร ๑๗. การพง่ึ พาตนเอง ๑๘. พออยูพ่ อกนิ สามารถอยู่อยา่ ง “พออยู่พอกิน” ใหไ้ ดเ้ สยี กอ่ น แลว้ จึงคอ่ ยขยบั ขยายให้มขี ีดสมรรถนะทกี่ า้ วหน้าตอ่ ไป ๑๙. เศรษฐกจิ พอเพยี ง ใหด้ �ำเนนิ ชวี ติ ไปบน “ทางสายกลาง” เพอ่ื ใหร้ อดพน้ และสามารถด�ำรงอยู่ไดอ้ ย่างมัน่ คงและย่ังยืนภายใตก้ ระแสโลกาภวิ ัตน์และการเปล่ียนแปลงตา่ ง ๆ ๒๐. ความซื่อสัตย์สจุ ริตจรงิ ใจตอ่ กนั ๒๑. ท�ำงานอยา่ งมคี วามสุข ๒๒. ความเพียรการเรม่ิ ต้นท�ำงานหรอื ท�ำส่งิ ใดนนั้ อาจจะไม่ไดม้ คี วามพร้อม ต้องอาศยั ความอดทนและความมงุ่ มั่น ๒๓. รู้ รกั สามัคคี • รู้ คอื ร้ปู ญั หาและรู้วิธแี ก้ปญั หานั้น • รัก คือ เม่ือเรารู้ถึงปัญหาและวิธีแก้แล้ว เราต้องมีความรัก ท่ีจะลงมือท�ำลงมือแก้ไขปัญหานั้น • สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่สามารถลงมือท�ำคนเดียวได้ต้องอาศัยความร่วมมอื ร่วมใจกัน การศกึ ษาตอ้ งมงุ่ สร้างพน้ื ฐานให้แกผ่ ู้เรยี น ๔ ด้าน ๑. มที ศั นคติทีถ่ ูกตอ้ งตอ่ บ้านเมือง มคี วามรู้ความเขา้ ใจตอ่ ชาตบิ ้านเมอื ง/ยดึ มน่ั ในศาสนา/ม่ันคงในสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์/มีความเอือ้ อาทรตอ่ ครอบครวั และชมุ ชนของตน ๒. มีพ้ืนฐานชีวิตท่ีมั่นคง-มีคุณธรรม รู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิด-ชอบ ช่ัว-ดี/ปฏิบัติแต่สิ่งท่ีชอบสิ่งทด่ี ีงาม/ปฏเิ สธสงิ่ ทีผ่ ดิ สิ่งทีช่ ัว่ /ช่วยกันสรา้ งคนดีให้แกบ่ ้านเมือง ๓. มงี านท�ำ - มีอาชีพ การเลีย้ งดลู ูกหลานในครอบครวั หรือการฝึกฝนอบรมในสถานศึกษาต้องมุ่งให้เด็กและเยาวชนรักงาน สู้งานท�ำจนงานส�ำเร็จ/การฝึกฝนอบรมทั้งในหลักสูตรและนอกหลกั สตู รตอ้ งมจี ดุ มงุ่ หมายใหผ้ เู้ รยี นท�ำงานและมงี านท�ำในทส่ี ดุ /ตอ้ งสนบั สนนุ ผสู้ �ำเรจ็ หลกั สตู รมอี าชพีมีงานท�ำจนสามารถเลีย้ งตวั เองและครอบครวั ๔. เปน็ พลเมอื งดี การเปน็ พลเมอื งดเี ปน็ หนา้ ทข่ี องทกุ คน/ครอบครวั - สถานศกึ ษาและสถานประกอบการตอ้ งสง่ เสรมิ ใหท้ กุ คนมโี อกาสท�ำหนา้ ทเ่ี ปน็ พลเมอื งด/ี การเปน็ พลเมอื งดี คอื “เหน็ อะไรที่จะท�ำเพ่อื บ้านเมืองไดก้ ็ต้องท�ำ เช่น งานอาสาสมัคร งานบ�ำเพ็ญ ประโยชน์ งานสาธารณกุศล ให้ท�ำดว้ ยความมีน�้ำใจและเอ้ืออาทร”12 หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏิบตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๒. ยุทธศาสตรช์ าตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ในการทจี่ ะบรรลวุ สิ ยั ทศั นแ์ ละท�ำใหป้ ระเทศไทยพฒั นาไปสอู่ นาคตทพี่ งึ ประสงคน์ นั้ จ�ำเปน็ จะต้องมีการวางแผนและก�ำหนดยทุ ธศาสตร์การพัฒนาในระยะยาว และก�ำหนดแนวทางการพฒั นาของทกุ ภาคสว่ นใหข้ บั เคลอ่ื นไปในทศิ ทางเดยี วกนั ดงั นน้ั จงึ จ�ำเปน็ จะตอ้ งก�ำหนดยทุ ธศาสตรช์ าตใิ นระยะยาวเพื่อถ่ายทอดแนวทางการพัฒนาส่กู ารปฏิบตั ใิ นแตล่ ะชว่ งเวลาอย่างต่อเน่ืองและมกี ารบูรณาการ และสร้างความเข้าใจถึงอนาคตของประเทศไทยร่วมกัน และเกิดการรวมพลังของทุกภาคส่วนในสังคมท้ังประชาชนเอกชน ประชาสงั คม ในการขบั เคลอ่ื นการพฒั นาเพ่ือการสรา้ งและรกั ษาไว้ซึ่งผลประโยชน์แหง่ ชาตแิ ละบรรลุวิสยั ทศั น์ “ประเทศไทยมคี วามมัน่ คง มง่ั ค่ัง ย่ังยืน เป็นประเทศพฒั นาแลว้ ด้วยการพฒั นาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง” หรือคตพิ จน์ประจ�ำชาต“ิ มั่นคง มง่ั คง่ั ย่ังยืน” เพือ่ ให้ประเทศมีขดี ความสามารถในการแขง่ ขัน มรี ายไดส้ ูงอย่ใู นกลุ่มประเทศพัฒนาแลว้ คนไทยมคี วามสุขอยู่ดีกินดี สังคมมีความม่ันคง เสมอภาคและเป็นธรรม ซึ่งยุทธศาสตร์ชาติท่ีจะใช้เป็นกรอบแนวทางการพฒั นาในระยะ ๒๐ ปี ประกอบดว้ ย ๖ ยุทธศาสตร์ ดงั นี้ ๑) ยทุ ธศาสตรส์ รา้ งความม่นั คงใหก้ ับประเทศ ๒) ยุทธศาสตร์สร้างความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศ ๓) ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาและเสริมสร้างศักยภาพคน ๔) ยทุ ธศาสตร์สรา้ งโอกาสบนความเสมอภาคและความเทา่ เทียมกนั ทางสังคม ๕) ยุทธศาสตร์การเติบโตบนคณุ ภาพชวี ติ ทีเ่ ป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม ๖) ยทุ ธศาสตร์การปรับสมดุลและพัฒนาระบบบรหิ ารจัดการภาครฐั๓. แผนการศกึ ษาแห่งชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) วิสัยทัศน์“คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ด�ำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษท่ี ๒๑” วัตถุประสงคใ์ นการจัดการศกึ ษา ๔ ประการ คือ ๑) เพือ่ พัฒนาระบบและกระบวนการจดั การศกึ ษาท่มี คี ณุ ภาพและมีประสทิ ธิภาพ ๒) เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองดี มีคุณลักษณะทักษะและสมรรถนะที่สอดคล้องกับบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ และยทุ ธศาสตรช์ าติหลักสตู รการสัมมนาเชงิ ปฏิบตั ิการพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 13 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๓) เพ่ือพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และคุณธรรม จริยธรรม รู้รักสามัคคีและรว่ มมือผนึกก�ำลังม่งุ สกู่ ารพฒั นาประเทศอยา่ งย่ังยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๔) พฒั นาประเทศไทยกา้ วขา้ มกบั ดกั ประเทศทมี่ รี ายไดป้ านกลาง และความเหลอ่ื มลำ้� ภายในประเทศลดลงเพอื่ ใหบ้ รรลวุ สิ ยั ทศั นแ์ ละจดุ มงุ่ หมายในการจดั การศกึ ษาดงั กลา่ วขา้ งตน้ แผนการศกึ ษาแห่งชาติไดว้ างเปา้ หมายไว้ ๒ ดา้ น คือ เปา้ หมายด้านผ้เู รยี น (Learner Aspirations) โดยมุง่ พัฒนาผ้เู รยี นทุกคนให้มี คุณลักษณะและทักษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ ๒๑ (๓Rs ๘Cs) ประกอบด้วย ทกั ษะและคุณลกั ษณะตอ่ ไปน้ี v ๓Rs ได้แก่ การอ่านออก (Reading) การเขียนได้ (Writing) และการคิดเลขเป็น(Arithmetic) v ๘Cs ไดแ้ ก่ - ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทกั ษะการแกป้ ัญหา - ทักษะด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม - ทักษะดา้ นความเขา้ ใจต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ - ทักษะด้านความรว่ มมือ การท�ำงานเปน็ ทีมและภาวะผู้น�ำ - ทกั ษะด้านการสอ่ื สาร สารสนเทศและการรเู้ ท่าทันส่ือ - ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร - ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ - ความมเี มตตา กรณุ า มีวินัย คณุ ธรรม จริยธรรม เปา้ หมายของการจดั การศึกษา (Aspirations) ๕ ประการ ซง่ึ มีตัวช้วี ดั เพอ่ื การบรรลุเปา้ หมาย ๕๓ ตวั ชีว้ ัด ประกอบด้วย เป้าหมายและตวั ช้วี ดั ที่ส�ำคญัดงั นี้ ๑) ประชากรทุกคนเข้าถึงการศกึ ษาทม่ี ีคุณภาพและมมี าตรฐานอยา่ งทว่ั ถงึ (Access) ๒) ผเู้ รยี นทกุ คน ทกุ กลมุ่ เปา้ หมายไดร้ บั บรกิ ารการศกึ ษาทมี่ คี ณุ ภาพตามมาตรฐานอยา่ งเทา่เทยี ม (Equity) ๓) ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุขีดความสามารถเต็มตามศักยภาพ (Quality) ๔) ระบบการบรหิ ารจดั การศกึ ษาทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ เพอ่ื การลงทนุ ทางการศกึ ษาทค่ี มุ้ คา่ และบรรลุเป้าหมาย (Efficiency) ๕) ระบบการศกึ ษาทส่ี นองตอบและกา้ วทนั การเปลยี่ นแปลงของโลกทเ่ี ปน็ พลวตั (Relevancy)14 หลักสตู รการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั ิการพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมินคณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๔. ไทยแลนด์ ๔.๐ กระบวนทศั นใ์ นการพฒั นาประเทศภายใต้ “ประเทศไทย ๔.๐” เปน็ อกี นโยบายหนงึ่ ทเ่ี ปน็ การวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว เป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคล่ือนไปสู่การเป็นประเทศที่มน่ั คง มั่งคง่ั และยงั่ ยืน ตามวิสัยทศั นร์ ัฐบาลเป็นรูปแบบท่ีมกี ารผลกั ดันการปฏิรปู โครงสร้างเศรษฐกจิการปฏริ ูปการวจิ ยั และการพฒั นา และการปฏิรปู การศึกษาไปพรอ้ ม ๆ กนั เป็นการผนึกก�ำลังของทุกภาคส่วนภายใต้แนวคดิ “ประชารฐั ” ทผี่ นกึ ก�ำลงั กับเครอื ข่ายพันธมติ รทางธุรกจิ การวิจยั พฒั นา และบคุ ลากรทงั้ ในและระดบั โลกโดยภารกิจส�ำคญั ในการขับเคลอื่ นปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ เพอ่ื ต้องการปรบั เปล่ยี นโครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไปสู่ “Value-Based Economy” หรอื “เศรษฐกจิ ท่ีขบั เคลอื่ นดว้ ยนวัตกรรม” โดยมฐี านคดิ หลัก คือ เปลยี่ นจากการผลิตสนิ ค้า “โภคภณั ฑ์” ไปสู่สนิ ค้าเชงิ “นวตั กรรม”เปลี่ยนจากการขับเคล่ือนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรม ไปสู่การขับเคล่ือนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม และเปลย่ี นจากการเนน้ ภาคการผลติ สนิ คา้ ไปสูก่ ารเนน้ ภาคบรกิ ารมากขน้ึเปล่ียนจากการเกษตรแบบด้ังเดิมในปัจจุบันไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและเทคโนโลยี (Smart Farming) โดยเกษตรกรต้องร�่ำรวยขึ้น และเปน็ เกษตรกรแบบเป็นผปู้ ระกอบการ(Entrepreneur)เปล่ยี นจาก Traditional SMEs หรือ SMEs ทม่ี อี ยู่และรัฐต้องใหค้ วามช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ไปสกู่ ารเปน็ Smart Enterprises และ Startups บรษิ ทั เกดิ ใหมท่ มี่ ศี กั ยภาพสงู เปลยี่ นจากTraditional Services ซ่ึงมกี ารสรา้ งมูลค่าค่อนขา้ งตำ�่ ไปสู่ High Value Services และเปล่ยี นจากแรงงานทักษะต�่ำไปสูแ่ รงงานทมี่ คี วามรู้ ความเช่ยี วชาญ และทักษะสูงสามารถรับมือกบั โอกาสและภัยคกุ คามแบบใหม่ ๆ ที่เปลย่ี นแปลงอยา่ งเรว็ รุนแรงในศตวรรษท่ี ๒๑ โดยประเทศไทยในอดตี ที่ผ่านมามีการพฒั นาด้านเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนอื่ ง “ประเทศไทย ๑.๐” เนน้ การเกษตรเปน็ หลกั เชน่ ผลิตและขาย พืชไรพ่ ืชสวน “ประเทศไทย ๒.๐” เน้นอุตสาหกรรมแตเ่ ปน็ อตุ สาหกรรมเบา เชน่ การผลติ และขายรองเท้า เครื่องหนัง เครือ่ งดมื่ เครือ่ งประดับ เคร่อื งเขยี น กระเปา๋ เครอื่ งนุง่ หม่ เป็นต้น “ประเทศไทย ๓.๐” เน้นอุตสาหกรรมหนกั และการสง่ ออก เช่น การผลติ และขาย ส่งออกเหลก็ กลา้ รถยนต์ กลน่ั น�ำ้ มัน แยกกา๊ ซธรรมชาติ ปนู ซีเมนต์ “ประเทศไทย ๔.๐” ให้เป็นเศรษฐกิจใหม่ (New Engines of Growth) มีรายได้สูงโดยวางเป้าหมาย ให้เกิดภายใน ๕-๖ ปี กับการวางภาพอนาคตทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนของประเทศที่พัฒนา โดยไทยแลนด์ ๔.๐ จะมุ่งพัฒนาเพ่ือให้เกิดผลจริงต้องมีการพัฒนาวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวจิ ยั และพฒั นา แล้วต่อยอดในกลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเปา้ หมาย ดังน้ีหลักสตู รการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 15 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๑. กลมุ่ อาหาร เกษตร และเทคโนโลยชี วี ภาพ เชน่ สรา้ งเสน้ ทางธรุ กจิ ใหม่ (New Startups)ดา้ นเทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยอี าหาร เปน็ ตน้ ๒. กล่มุ สาธารณสขุ สขุ ภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ เชน่ พฒั นาเทคโนโลยี สุขภาพเทคโนโลยกี ารแพทย์ สปา เปน็ ต้น ๓. กลุ่มเครื่องมือ อุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และระบบเคร่ืองกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม เชน่ เทคโนโลยหี ่นุ ยนต์ เป็นต้น ๔. กล่มุ ดิจติ อล เทคโนโลยีอนิ เตอร์เนต็ ที่เชื่อมตอ่ และบงั คับอุปกรณ์ต่าง ๆ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกลฝังตวั เชน่ เทคโนโลยีด้านการเงิน อุปกรณ์เชอ่ื มตอ่ ออนไลนโ์ ดยไม่ตอ้ งใชค้ นเทคโนโลยกี ารศึกษา อ-ี มารเ์ ก็ตเพลส อี-คอมเมริ ซ์ เปน็ ต้น ๕. กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการท่ีมีมูลค่าสูง เช่น เทคโนโลยีการออกแบบ ธุรกจิ ไลฟส์ ไตล์ เทคโนโลยีการทอ่ งเท่ียว การเพ่มิ ประสิทธภิ าพการบริการ๕. นโยบายรัฐบาลดา้ นการศกึ ษา นโยบายด้านการศึกษา ข้อที่ ๔ การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบ�ำรุงศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม เพอ่ื สร้างสงั คมใหเ้ ขม้ แข็งอย่างมีคณุ ภาพและคุณธรรมควบคู่กนั ดงั นี้ v จัดให้มีการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ ทั้งในระบบ และการศึกษาทางเลือกไปพรอ้ มกัน v ปรับเปล่ียนการจัดสรรงบประมาณและการเรียนรู้ สนับสนุนการศึกษาให้สอดคล้องกับความจ�ำเปน็ ของผเู้ รยี น และลักษณะของพื้นทขี่ องโรงเรียน ปรับปรงุ และบูรณาการระบบการกูย้ ืมเพ่ือการศึกษาใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ นโยบายด้านการศึกษา ข้อท่ี ๘ การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวตั กรรมเพื่อน�ำไปสกู่ ารผลิตและบริการทที่ ันสมยั v สนบั สนนุ การเพม่ิ คา่ ใชจ้ า่ ยในการวจิ ยั และพฒั นาของประเทศ เพอื่ มงุ่ ไปสเู่ ปา้ หมายใหไ้ ม่ตำ�่ กว่ารอ้ ยละ ๑ ของรายได้ประชาชาติและมสี ดั สว่ นรัฐตอ่ เอกชน ๓๐ : ๗๐ เพ่ือให้ประเทศสามารถแข่งขันและก้าวหนา้ ทดั เทยี มประเทศอืน่ v เร่งเสริมสร้างสังคมนวัตกรรม โดยส่งเสริมระบบการเรียนการสอนท่ีเช่ือมโยงระหว่างวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ ผลติ ก�ำลงั คนในสาขาทข่ี าดแคลน เชอ่ื มโยงระหวา่ งการเรยี นรกู้ บั การทอ่ งจ�ำ อตุ สาหกรรมขนาดกลางและขนาดยอ่ ม มชี อ่ งทางในการใชเ้ ทคโนโลยีระหวา่ งหนว่ ยงานและสถานศึกษา16 หลกั สตู รการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ัติการพฒั นามาตรฐานผูป้ ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
v การปฏิรปู ระบบให้สิ่งจูงใจ ระเบียบและกฎหมายท่ีเป็นอปุ สรรคตอ่ การท�ำงานวจิ ัยและพัฒนาไปต่อยอดหรอื ใชป้ ระโยชน์ ส่งเสรมิ การจัดท�ำแผนพัฒนาการวิจยั และพัฒนาในระดบั ภาค หรือกลุม่ จงั หวัดใหส้ อดคลอ้ งความตอ้ งการของทอ้ งถน่ิ และน�ำไปใช้ประโยชนเ์ ชิงพาณชิ ย์ได้ v สง่ เสรมิ ใหโ้ ครงการลงทนุ ขนาดใหญข่ องประเทศ ใชป้ ระโยชนจ์ ากผลการศกึ ษาวจิ ยั และพฒั นา และนวตั กรรมของไทยตามความเหมาะสม โดยใหม้ นี โยบายจดั ซ้อื จดั จ้างภาครัฐทเี่ อ้ืออ�ำนวยสรา้ งโอกาสการพัฒนาเทคโนโลยขี องประเทศ v ปรบั ปรงุ และจดั เตรยี มใหม้ โี ครงสรา้ งพนื้ ฐานดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยดี า้ นการวจิ ยัและพัฒนา และด้านนวัตกรรมซ่ึงเป็นโครงสร้างพ้ืนฐานทางปัญญาในการต่อยอดสู่การใช้เชิงพาณิชย์ของภาคอุตสาหกรรม v ใหอ้ งคก์ รภาคประชาสงั คม ภาคเอกชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ และประชาชนทว่ั ไปมโี อกาสจดั การศกึ ษาทมี่ คี ณุ ภาพ ทวั่ ถงึ และรว่ มปฏริ ปู การศกึ ษาและเรยี นรู้ กระจายอ�ำนาจการบรหิ ารจัดการศึกษาสสู่ ถานศึกษา เขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาและองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน v พัฒนาคนในทุกช่วงวัยโดยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างความรู้และทักษะใหม่ที่สามารถประกอบอาชพี ได้อย่างหลากหลาย รองรบั การเปลีย่ นแปลงในอนาคต v ส่งเสริมอาชีวศึกษาและการศึกษาระดับวิทยาลัยชุมชน เพ่ือสร้างแรงงานท่ีมีทักษะตรงตามความต้องการทอ้ งถ่นิ และตลาดแรงงาน v พัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูที่มีคุณภาพและมีจิตวิญญาณของความเป็นครูสง่ เสรมิ ใหค้ รมู วี ฒุ ติ ามวชิ าทส่ี อน ใหส้ ามารถน�ำเทคโนโลยแี ละเครอื่ งมอื มาใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ชว่ ยครหู รอืเพื่อการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง v ทะนบุ �ำรงุ และอปุ ถมั ภพ์ ระพทุ ธศาสนาและศาสนาอน่ื ๆ สนบั สนนุ ใหท้ กุ องคก์ รมบี ทบาทในการปลกู ฝงั คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และพฒั นาคณุ ภาพชีวติ v อนรุ กั ษฟ์ น้ื ฟแู ละเผยแพรม่ รดกทางวฒั นธรรมของประเทศเพอ่ื นบา้ นและวฒั นธรรมสากลและ การสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะและวฒั นธรรมทเ่ี ปน็ สากล เพอ่ื เขา้ สเู่ สาหลกั วฒั นธรรมของอาเซยี นและประชาคมโลก v ปลกู ฝงั คา่ นยิ ม และจติ ส�ำนกึ ทด่ี ี รวมทงั้ สนบั สนนุ การผลติ สอ่ื คณุ ภาพเปดิ พน้ื ทสี่ าธารณะให้เยาวชนและประชาชนไดม้ โี อกาสแสดงออกอย่างสร้างสรรค์หลกั สตู รการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผูป้ ระเมินคุณภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 17 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๖. นโยบายการจัดการศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธกิ าร นโยบายที่ ๑ ด้านการจัดการศึกษาเพือ่ ความมั่นคง ๑. เสริมสร้างความม่ันคงของสถาบันหลัก และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ๑.๑ น้อมน�ำแนวพระราชด�ำริ สืบสานพระราชปณิธานและพระบรมราโชบายด้านการศึกษาหรือ “ศาสตรพ์ ระราชา” มาใชใ้ นการจัดกระบวนการเรยี นร้อู ยา่ งยงั่ ยืน ๑.๒ ปลูกฝังและเสริมสร้างวิถีประชาธิปไตย ความสามัคคี สมานฉันท์ สันติวิธีต่อต้านการทุจริตคอรัปช่ัน และยึดม่ันในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๑.๓ เสรมิ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั สถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ผ่านหลักสูตรและกระบวนการเรียนรูป้ ระวตั ิศาสตร์ และความเป็นพลเมอื ง ๒. ปลูกฝังผ้เู รยี นดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ ๒.๑ ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน ที่เอ้ือต่อการพัฒนาคณุ ธรรมจริยธรรม คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ตามหลักสูตรและค่านิยมหลกั ของคนไทย ๑๒ ประการ ๒.๒ เสรมิ สรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั ภัยคุกคามในรปู แบบใหม่ เชน่ อาชญากรรมและความรนุ แรงในรปู แบบต่าง ๆ สง่ิ เสพตดิ ภยั พบิ ตั จิ ากธรรมชาติ ภยั จากโรคอบุ ตั ใิ หม่ ภยั จากไซเบอร์ฯลฯ นโยบายที่ ๒ ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และส่งเสริมการจัดการศึกษาเพอ่ื สร้างขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ๑. เสริมสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาผู้เรียนอย่างมีคุณภาพด้วยการปรับหลักสูตรการวดั และประเมินผลที่เหมาะสม ๑.๑ ปรบั ปรงุ หลกั สตู รในระดบั ปฐมวยั และหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน และน�ำหลักสตู รไปสู่การปฏิบัตใิ หเ้ กิดประสทิ ธิภาพ และจดั การเรยี นรใู้ หส้ อดคล้องกับหลกั สตู ร ตามความจ�ำเป็นและความตอ้ งการของผ้เู รียน ชมุ ชน ท้องถ่ิน และสงั คม ๑.๒ สง่ เสรมิ การเรยี นการสอนใหผ้ เู้ รยี นมคี วามมนั่ ใจในการสอ่ื สารภาษาองั กฤษ ภาษาประเทศคู่ค้า และภาษาอาเซยี นอย่างนอ้ ย ๑ ภาษา ๑.๓ พัฒนาระบบการวัดและประเมินผลทุกระดับ ให้มีคุณภาพและมาตรฐานน�ำไปสู่การพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียนเตม็ ตามศกั ยภาพ18 หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏบิ ตั ิการพฒั นามาตรฐานผูป้ ระเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๒. พฒั นาคณุ ภาพกระบวนการเรยี นรู้ ๒.๑ พัฒนาผู้เรียนระดับก่อนประถมศึกษา ให้มีพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สงั คม และสติปญั ญา ใหม้ ีความพร้อมเข้าสู่การเรียนในระดับทีส่ ูงข้ึน ๒.๒ สง่ เสริมสนับสนุนให้ผเู้ รียนสามารถอา่ นออกเขยี นได้ตามช่วงวัย ๒.๓ สง่ เสรมิ สนับสนนุ ใหผ้ ู้เรียนมีนสิ ยั รกั การอ่าน ๒.๔ สง่ เสรมิ การจดั การเรยี นรทู้ ใี่ หผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรผู้ า่ นกจิ กรรมการปฏบิ ตั จิ รงิ (ActiveLearning) เน้นทักษะกระบวนการ ให้เกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดแก้ปัญหา และคิดสร้างสรรค์ในทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น ๒.๕ สง่ เสริมให้ผเู้ รยี นมีทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ ๒.๖ ปลกู ฝงั ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ ๒.๗ สนับสนุนการผลิต จัดหา และใช้ส่ือการเรียนการสอน เทคโนโลยี นวัตกรรมและสงิ่ อ�ำนวยความสะดวกทห่ี ลากหลายรวมทงั้ การพฒั นาหอ้ งสมดุ และแหลง่ เรยี นรภู้ ายในสถานศกึ ษาในการจัดการเรยี นรไู้ ดท้ ้งั ในห้องเรียน และนอกห้องเรียนเพือ่ ให้ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรู้อย่างเต็มศักยภาพ ๒.๘ ส่งเสริมการจัดหลักสูตรทักษะอาชีพ ควบคู่ไปกับวิชาสามัญ เช่น ทวิศึกษา (Dual Education), หลักสตู รระยะสัน้ ๒.๙ ส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาผู้เรียนท่ีมีความต้องการจ�ำเป็นพิเศษ (ผู้พิการผดู้ อ้ ยโอกาสและผมู้ ีความสามารถพเิ ศษ) ใหเ้ ต็มตามศกั ยภาพดว้ ยรูปแบบทีเ่ หมาะสม ๒.๑๐ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ การจดั กจิ กรรมแนะแนวเพอ่ื การศกึ ษาตอ่ และการประกอบอาชพีอยา่ งเขม้ แข็งตอ่ เนือ่ งและเปน็ รูปธรรม ๓. สรา้ งขดี ความสามารถในการแข่งขนั ๓.๑ ยกระดับผลการประเมินระดับนานาชาติตามโครงการ PISA (Programme forInternational Student Assessment) ๓.๒ สง่ เสรมิ การพฒั นาศักยภาพผเู้ รียนสู่ความเป็นเลิศในด้านต่าง ๆ ๓.๓ ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงบูรณาการแบบสหวิทยาการ เช่น สะเต็มศึกษา (ScienceTechnology Engineering and Mathematics Education : STEM Education) เพ่ือพัฒนากระบวนการคดิ และการสรา้ งสรรค์นวัตกรรมเพ่อื สร้างมูลค่าเพม่ิ สอดคล้องกับประเทศไทย ๔.๐ ๔. สง่ เสริมสนบั สนุนการท�ำวิจยั และน�ำผลการวจิ ยั ไปใช้พฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษา ๔.๑ สง่ เสรมิ การท�ำวิจยั เพ่ือพัฒนาการบริหารจดั การศกึ ษา ๔.๒ สง่ เสรมิ การท�ำวจิ ยั เพอื่ พฒั นาหลกั สตู ร กระบวนการเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผลโดยเนน้ ให้มกี ารวจิ ัยในช้ันเรยี นหลักสูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ัติการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 19 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
นโยบายที่ ๓ ด้านการส่งเสริม พฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษา ๑. พฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ใหส้ ามารถจดั การเรยี นรอู้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ ในรปู แบบท่ีหลากหลาย เชน่ ๑.๑ TEPE Online (Teachers and Educational personnel Enhancement Basedon Mission and Functional Areas as Majors) ๑.๒ ชมุ ชนแหง่ การเรยี นรูท้ างวิชาชพี (Professional Learning Community : PLC) ๑.๓ การเรียนรู้ผา่ นกจิ กรรมการปฏิบัตจิ รงิ (Active Learning) ๑.๔ การพัฒนาครูทงั้ ระบบที่เช่อื มโยงกบั การเล่ือนวิทยฐานะ ฯลฯ ๒. พฒั นาระบบการบรหิ ารงานบคุ คลใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ โดยเชอ่ื มโยงกบั หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งดังน้ี ๒.๑ การก�ำหนดแผนอัตราก�ำลัง การสรรหา การบรรจุแต่งตั้ง การประเมินและการพฒั นา ๒.๒ การสรา้ งแรงจงู ใจใหค้ รแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษามขี วญั และก�ำลงั ใจในการท�ำงาน นโยบายท่ี ๔ ด้านโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียม การเข้าถึงบริการทางการศึกษา ๑. เพิ่มโอกาสการเขา้ ถึงการศกึ ษาท่มี ีคณุ ภาพ ๑.๑ สง่ เสรมิ ประชากรวยั เรยี นทกุ คนใหไ้ ดร้ บั โอกาสในการเขา้ รบั บรกิ ารทางการศกึ ษาอย่างท่ัวถงึ มคี ุณภาพและเสมอภาค ๑.๒ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น ระบบสง่ เสรมิ ความประพฤตินกั เรียน ระบบคุ้มครองนกั เรยี น และการสรา้ งภูมิค้มุ กันทางสังคม ๒. ลดความเหล่ือมล้ำ� ทางการศกึ ษา ๒.๑ ประสานหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ในการจัดการศึกษาท่ีเหมาะสม ส�ำหรับเด็กด้อยโอกาส ทไ่ี มอ่ ยใู่ นทะเบยี นราษฎร เชน่ เดก็ ไรส้ ญั ชาติ เดก็ พลดั ถน่ิ เดก็ ตา่ งดา้ ว เดก็ ไทยทไ่ี มม่ เี ลขประจ�ำตวัประชาชน เป็นต้น ๒.๒ ส่งเสริมสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการจัดการศึกษาให้ครอบคลุมทุกพ้ืนท่ีอย่างทั่วถึง เช่น การพัฒนาคุณภาพศึกษาทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Distance learninginformation technology : DLIT), การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาดว้ ยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม (Distance Learning Television : DLTV) ฯลฯ20 หลักสูตรการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั ิการพฒั นามาตรฐานผ้ปู ระเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
นโยบายที่ ๕ ด้านการจัดการศึกษาเพ่ือสร้างเสริมคณุ ภาพชีวิตท่เี ปน็ มิตรกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ๑. จดั การศกึ ษาเพื่อสรา้ งเสริมคุณภาพชีวิต ๑.๑ สง่ เสริม สนับสนนุ การสรา้ งจิตส�ำนึกรักษ์ สงิ่ แวดล้อม มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และนอ้ มน�ำแนวคิดตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสกู่ ารปฏิบตั ใิ นการด�ำเนินชวี ติ ๑.๒ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหส้ ถานศกึ ษาพฒั นาหลกั สตู ร กระบวนการเรยี นรู้ แหลง่ เรยี นรู้และสอ่ื การเรียนรตู้ ่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การสรา้ งเสริมคณุ ภาพชวี ติ ทเี่ ป็นมิตรกับส่งิ แวดล้อม ๑.๓ สร้างเครือข่ายความรว่ มมอื กบั ภาคส่วนตา่ ง ๆ ในการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม นโยบายท่ี ๖ ดา้ นการพฒั นาระบบบรหิ ารจดั การและสง่ เสรมิ ใหท้ กุ ภาคสว่ นมสี ว่ นรว่ มในการจัดการศึกษา ๑. พัฒนาระบบบรหิ ารจัดการให้มปี ระสทิ ธิภาพ ๑.๑ พฒั นาระบบการวางแผน การนาแผนไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ การกากบั ตดิ ตาม ตรวจสอบและประเมนิ ผล เพ่ือการบรหิ ารจัดการท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพ โดยยดึ หลักธรรมาภิบาล ๑.๒ พัฒนาระบบงบประมาณและการสนบั สนุนคา่ ใช้จ่ายเพื่อการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ๑.๓ พัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือการจัดการศึกษา ท่ีมีมาตรฐานเชื่อมโยงและเขา้ ถึงได้ ๑.๔ สร้างความเข้มแข็ง และยกระดับคุณภาพสถานศึกษาตามบริบทของพื้นท่ี เช่นโรงเรียนทปี่ ระสบปัญหาวกิ ฤตทางการศกึ ษา (ICU), โรงเรยี นประชารัฐ (ดีใกลบ้ ้าน), โรงเรียนคุณธรรม,โรงเรยี นห้องเรียนกฬี า, โรงเรียนมาตรฐานสากล ฯลฯ ๑.๕ สง่ เสรมิ ระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศกึ ษาให้เข้มแข็ง ๑.๖ ยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตสิ านกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา สานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษสถานศกึ ษา และองค์ คณะบคุ คล ที่มผี ลงานเชงิ ประจกั ษ์ ๒. สร้างความเข้มแขง็ ในการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม ๒.๑ ส่งเสริมการบริหารจัดการเขตพ้ืนที่การศึกษาโดยใช้พื้นท่ีเป็นฐาน (Area-baseManagement), รปู แบบการบริหารแบบกระจายอ�ำนาจ “CLUSTERs” เปน็ ตน้ ๒.๒ เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาจดั ท�ำแผนบรู ณาการจดั การศกึ ษารว่ มกบั ส�ำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั และส�ำนกั งานศกึ ษาธิการภาคหลกั สูตรการสัมมนาเชิงปฏบิ ัติการพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 21 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๒.๓ สร้างความเข้มแข็งในการยกระดับคุณภาพการศึกษารูปแบบเครือข่าย เช่นเครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการศึกษา ศูนย์ พัฒนากลุ่มสาระการเรียนรู้ สหวิทยาเขตกล่มุ โรงเรยี นฯลฯ ๒.๔ สง่ เสรมิ และพัฒนาโรงเรยี นดว้ ยพลงั ประชารฐั อย่างตอ่ เน่ือง และย่ังยืน ๓. สง่ เสริมการมสี ว่ นร่วมพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน ๓.๑ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ผปู้ กครอง ชมุ ชน สงั คม และสาธารณชน ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจสร้างความตระหนกั ในการจดั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน การกากบั ดแู ล ตลอดจนการสว่ นรว่ มรบั ผดิ ชอบในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ๓.๒ ประสานสถาบันหรือหน่วยงานทางการศึกษาให้คัดเลือกผู้เรียนเข้าศึกษาต่อด้วยวิธกี ารที่หลากหลายการพฒั นาคุณภาพสถานศึกษา๑. การยกระดับทกั ษะภาษาองั กฤษ ด้วยภาษาอังกฤษ เป็นภาษาสากลท่ีมีการใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุดภาษาหนึ่ง โดยที่องค์ความรู้ทีส่ �ำคญั ของโลกสว่ นใหญ่ถกู บันทกึ และเผยแพร่เปน็ ภาษาองั กฤษ จงึ มคี วามจ�ำเปน็ ที่ตอ้ งจดั ให้มีการเรียนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อให้ผเู้ รียนมีความรคู้ วามสามารถในการใช้ภาษาองั กฤษเป็นเคร่อื งมือเข้าถึงองค์ความรู้และก้าวทันโลก รวมถึงพัฒนาตนเองเพื่อน�ำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยต่อไปเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการได้ก�ำหนดนโยบายการปฏริ ปู การเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ ในระดบั การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ดังนี้ ๑. ใช้กรอบมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษท่ีเป็นสากล ได้แก่ The CommonEuropean Framework of Reference for Languages (CEFR) เป็นกรอบความคิดหลักในการจัดการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษของประเทศไทย ทงั้ ในการออกแบบหลกั สตู ร การพฒั นาการเรียนการสอน การทดสอบ การวดั ผล การพฒั นาครู รวมถึงการก�ำหนดเป้าหมายการเรยี นรู้ ๒. ปรบั จดุ เนน้ การเรยี นการสอนภาษาองั กฤษใหเ้ ปน็ ไปตามธรรมชาตขิ องการเรยี นรโู้ ดยเนน้การส่ือสาร (Communicative Language Teaching : CLT) โดยปรับการเรียนการสอนจากการเนน้ไวยากรณม์ าเป็นเน้นการสื่อสารทเี่ รม่ิ จาก การฟัง ตามดว้ ยการพดู การอา่ น และการเขียนตามล�ำดับ ๓. ส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษท่ีมีมาตรฐานตามกรอบมาตรฐานหลักดว้ ยหลักสตู รแบบเรียนสอื่ การเรยี นการสอน แต่ดว้ ยวิธกี ารท่ีแตกตา่ งกันได้ ทงั้ น้ตี ามความพรอ้ มของแตล่ ะสถานศึกษาและแสดงถึงความถนัดและความสนใจของผูเ้ รยี น22 หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏบิ ัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผู้ประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๔. ส่งเสรมิ การยกระดบั ความสามารถในการใช้ภาษาองั กฤษ ได้แก่ ๔.๑) ขยายโครงการพิเศษด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ได้แก่ (๑) EnglishProgram (EP), (๒) Mini English Program (MEP) และ (๓) International Program (IP) ส�ำหรับผู้เรียนท่ีมีความสามารถทางวิชาการสูง(๔) English Bilingual Education (EBE) โดยจัดการเรียนการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษา และศลิ ปศึกษาแบบสองภาษา (ภาษาไทย-ภาษาองั กฤษ) และ(๕) English for Integrated Studies (EIS) ดว้ ยการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตรเ์ ปน็ ภาษาองั กฤษ ๔.๒) พัฒนาห้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ (Enrichment Class) เพ่ือให้ผู้เรียนที่มีศักยภาพทางภาษาองั กฤษสามารถใช้ภาษาเพือ่ การสอ่ื สารทางสงั คม (Social Interaction) และดา้ นวชิ าการ (Academic Literacy) และพัฒนาห้องเรยี นสนทนาภาษาองั กฤษ (Conversation Class)ทเี่ น้นทักษะการฟังและการพูด อย่างนอ้ ยสปั ดาห์ละ๒ ชัว่ โมง รวมถงึ การพฒั นาหลักสตู รและรายวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ืออาชีพ เพ่ือให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการใช้ภาษาอังกฤษส�ำหรับประกอบอาชีพโดยเฉพาะส�ำหรบั ผู้เรียนทีจ่ ะจบชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ และในโรงเรียนขยายโอกาส ๔.๓) จัดกิจกรรมและสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความสามารถด้านภาษาอังกฤษ เช่น(๑) การเข้าค่ายภาษาองั กฤษแบบเข้ม ระยะ ๒-๔ สัปดาห์ (๘๔ - ๑๗๐ ชว่ั โมง) ในช่วงปดิ ภาคเรียนส�ำหรบั นักเรยี นทวั่ ไป และค่ายนานาชาตสิ �ำหรับนักเรยี นที่มคี วามสามารถสงู (๒) การเพ่มิ ช่วั โมงเรียนการเรียนอย่างตอ่ เนอ่ื ง ครง่ึ วนั /ทั้งวนั /หรอื มากกว่าน้นั รวมทง้ั (๓) การจัดสภาพแวดล้อม/บรรยากาศที่ส่งเสริม/กระตุ้นการฝึกทักษะการสื่อสาร เช่น English Literacy Day, English Zone, EnglishCorner, การประกวดแข่งขันต่าง ๆ ปา้ ยสารนิเทศ และการเพิ่มกิจกรรมการอา่ นในและนอกห้องเรียนด้วยเนอ้ื หาสาระท่หี ลากหลาย เป็นตน้ ๔.๔) ให้มีการเรียนการสอนวิชาสนทนาภาษาอังกฤษเป็นการท่ัวไป และมีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น รวมถึงจัดให้เป็นสาระเพ่ิมเติมในลักษณะวิชาเลือกได้ด้วย เพ่ือให้ผเู้ รียนเลือกเรยี น ตามความสนใจความถนดั และศกั ยภาพ ๕. ยกระดับความสามารถในการจัดการเรียนการสอนของครูให้สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ที่เน้นการส่ือสาร (CLT) และเป็นไปตามกรอบความคิดหลัก CEFR โดยจัดให้มีการประเมินความรู้พ้ืนฐานภาษาอังกฤษส�ำหรับครู (ผู้สอน) เพ่ือให้มีการฝึกอบรมครู ตลอดจนพัฒนาระบบติดตามแก้ปัญหาและชว่ ยเหลอื ครู และใหม้ ีกลไกลการเพ่ิมประสทิ ธิภาพการเรียนการสอน ท่ีมีการวางแผนอย่างเปน็ ระบบและมคี วามหลากหลายเพอ่ื ตอบสนองความแตกตา่ งของระดบั ความสามารถทางภาษาองั กฤษเพ่ือให้สามารถยกระดับความสามารถทางภาษาองั กฤษได้จรงิ นอกจากนค้ี วรมีระบบการฝึกฝน และการสอบวัดระดับความสามารถออนไลนเ์ พ่ือการพัฒนาต่อเน่ืองด้วยหลกั สูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ตั ิการพฒั นามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 23 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๖. สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารใชส้ อื่ เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การศกึ ษาเปน็ เครอื่ งมอื ส�ำคญั ในการชว่ ยพัฒนาความสามารถทางภาษาของครแู ละผเู้ รียน ท้งั การสง่ เสรมิ ให้มกี ารผลติ การสรรหา e-content,Learning applications รวมถงึ แบบฝกึ และแบบทดสอบทไี่ ดม้ าตรฐานและมคี ณุ ภาพส�ำหรบั การเรยี นรู้รวมทงั้ สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารใชช้ อ่ งทางการเรยี นรผู้ า่ นโลกดจิ ทิ ลั ยกตวั อยา่ งเชน่ การเรยี นรกู้ ารฟงั การออกเสยี งที่ถกู ต้องตาม Phonics จากสอ่ื ดจิ ทิ ัล กระทรวงศกึ ษาธกิ ารมงุ่ มน่ั ทจี่ ะท�ำใหก้ ารปฏริ ปู เกดิ ผลอยา่ งแทจ้ รงิ ตอ่ นกั เรยี น ครู หอ้ งเรยี นโดยมเี ป้าหมาย แผนปฏิบัติการ แผนปฏิรปู ตามยทุ ธศาสตร์ชาติ ท่ีชดั เจน กอ่ ใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การยกระดับภาษาอังกฤษของผู้เรียนผ่านโครงการ Bootcampร่วมกับภาคประชารัฐ ปรับหลักสูตรภาษาอังกฤษ เปลี่ยนกิจกรรมการเรียนการสอนให้ต่ืนตัวเร่ืองภาษาในทกุ โรงเรยี น จดั ตัง้ ศูนยพ์ ฒั นาครู ๑๘ แห่งทวั่ ประเทศ พัฒนาครูภาษาองั กฤษ ๒๐,๐๐๐ คนก�ำหนดมาตรฐานภาษาองั กฤษในแตล่ ะช่วงชนั้ โดยใชม้ าตรฐาน CEFR ใชเ้ ทคโนโลยีตา่ ง ๆ ชว่ ยเสริมแอปพลเิ คชน่ั ECHO English ท�ำใหส้ ามารถเรียนภาษา ได้ทุกทท่ี ุกเวลา๒. โรงเรียนคณุ ธรรม การปฏบิ ตั ติ ามแนวทางโรงเรยี นคณุ ธรรม เปน็ วาระส�ำคญั ของชาตอิ นั ดบั แรกทจี่ ะน�ำพาความเช่ือมั่นศรัทธาต่ออนาคตของประเทศชาติ โดยให้ความส�ำคัญในเร่ืองการสืบสาน พระราชปณิธานเดินตามรอยเบ้ืองพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตามพระราชประสงคข์ องสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี ๑๐ กระทรวงศกึ ษาธิการจงึ ก�ำหนดกรอบแนวคิดทสี่ �ำคญัของโรงเรยี นคณุ ธรรม ๕ ดา้ น ทมี่ คี วามเชอ่ื มโยงกนั ในทกุ มติ แิ ละถอื เปน็ การสรา้ งใหน้ กั เรยี นมคี ณุ ธรรมน�ำความรู้ ดงั น้ี ๑. ความพอเพียง : ด�ำรงชีวิตด้วยความพอเพียง ประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อ รู้จัก ความพอดีพอเหมาะ และใช้ชวี ิตแบบเรียบง่าย ๒. ความกตญั ญู : เปน็ พน้ื ฐานดา้ นคณุ ธรรมของทกุ คน และเปน็ สัญลกั ษณข์ อง คนดี เราจงึต้องมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ซ่ึงเปรียบเสมือนพระในบ้าน และกตัญญูต่อครูอาจารย์ซึ่งเปรียบเสมือนพระท่ีโรงเรียน ๓. ความซ่ือสัตย์สุจริตสร้างชาติ : ความซื่อสัตย์เป็นพ้ืนฐานส�ำคัญในการด�ำรงชีวิต ค�ำพูดหรือ การกระท�ำทุกอย่างควรมาจากใจ ๔. ความรับผิดชอบ : ความรับผดิ ชอบซงึ่ เปน็ สิ่งส�ำคัญในการเจริญสัมมาชีพตอ่ ไปในวันข้างหน้า ยดึ ม่ันกฎกตกิ าในการท�ำงานอยา่ งเสมอตน้ เสมอปลาย คงเส้นคงวาในความดี ปากตรงกับใจ และอยา่ หลงลืมตัว24 หลกั สตู รการสัมมนาเชิงปฏิบัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๕. คณุ ธรรมจรยิ ธรรม : การยดึ มนั่ คุณธรรม จรยิ ธรรมเปน็ เรือ่ งส�ำคัญ และต้องด�ำรงตนให้เปน็ แบบอยา่ งของสงั คม ตวั ชวี้ ดั โรงเรยี นคณุ ธรรม ๗ ขอ้ ดงั น้ี ๑. มอี ดุ มการณค์ ณุ ธรรมตอ่ การพฒั นาในโรงเรยี นคณุ ธรรม๒. มกี ลไกและเครอ่ื งมอื ในการปฏบิ ตั คิ ณุ ธรรมจรยิ ธรรมรว่ มกนั ทง้ั โรงเรยี น ๓. มพี ฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ความพอเพยี ง ความกตญั ญู ความซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ อดทน และเสยี สละในโรงเรยี นเพม่ิมากขนึ้ ๔. พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงคล์ ดนอ้ ยลง ๕. มกี ระบวนการมสี ว่ นรว่ มและสรา้ งความรบั ผดิ ชอบจากผเู้ กยี่ วขอ้ งในโรงเรยี น ๖. มอี งคค์ วามรู้ นวตั กรรมดา้ นคณุ ธรรม และบรู ณาการรว่ มกนั ไวใ้ นชนั้ เรยี น๗. เป็นแหล่งเรยี นรูด้ า้ นคณุ ธรรม๓. สะเตม็ ศึกษา STEM Education คือการสอนแบบบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา (InterdisciplinaryIntegration) ระหวา่ งศาสตรส์ าขาตา่ ง ๆ ไดแ้ กว่ ทิ ยาศาสตร์ (Science: S) เทคโนโลยี (Technology: T)วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer: E) และคณิตศาสตร์ (Mathematics: M) โดยน�ำจุดเดน่ ของธรรมชาติตลอดจนวธิ กี ารสอนของแตล่ ะสาขาวชิ ามาผสมผสานกนั อยา่ งลงตวั เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นน�ำความรทู้ กุ แขนงมาใช้ในการแก้ปญั หาการคน้ คว้าและการพัฒนาสิง่ ต่าง ๆ ในสถานการณโ์ ลกปจั จุบันซง่ึ อาศัยการจัดการเรยี นรู้ทค่ี รผู ู้สอนหลายสาขารว่ มมอื กนั เพราะในการท�ำงานจริงหรอื ในชีวิตประจ�ำวนั น้นั ต้องใชค้ วามรู้หลายดา้ นในการท�ำงานทงั้ สนิ้ ไมไ่ ดแ้ ยกใชค้ วามรเู้ ปน็ สว่ น ๆ นอกจากนี้ STEM Education ยงั เปน็ การส่งเสรมิ การพัฒนาทกั ษะส�ำคญั ในโลกโลกาภิวัตนห์ รือทักษะทจ่ี �ำเป็นส�ำหรบั ศตวรรษท่ี ๒๑ STEM Education เปน็ การจัดการศึกษาท่ีมแี นวคิดและลักษณะดังน้ี ๑. เป็นการบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา (Interdisciplinary Integration) น่ันคือเป็นการบรู ณาการระหว่างศาสตรส์ าขาต่าง ๆ ไดแ้ กว่ ทิ ยาศาสตร์ (S) เทคโนโลยี (T) วศิ วกรรมศาสตร์ (E)และคณติ ศาสตร์ (M) ท้งั น้ไี ดน้ �ำจดุ เด่นของธรรมชาติตลอดจนวิธกี ารสอนของแตล่ ะสาขาวชิ ามาผสมผสานกนั ๒. เปน็ การบรู ณาการทส่ี ามารถจดั สอนไดใ้ นทกุ ระดบั ชน้ั ตงั้ แตช่ น้ั อนบุ าล-มธั ยมศกึ ษาตอนปลายโดยพบว่าในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ก�ำหนดเป็นนโยบายทางการศึกษาให้แต่ละรัฐน�ำSTEMEducation มาใช้ผลจากการศึกษาพบว่าครูผู้สอนใช้วิธีการสอนแบบ Project-based Learning,Problem-based Learning, Design-based Learning ท�ำให้นักเรยี นสามารถสรา้ งสรรค์พฒั นาชนิ้งานไดด้ แี ละถา้ ครผู สู้ อนสามารถใช้ STEM Education ในการสอนไดเ้ รว็ เทา่ ใดกจ็ ะยงิ่ เพม่ิ ความสามารถและศักยภาพผู้เรียนไดม้ ากขึน้ เท่านนั้ ซ่ึงในขณะนี้ในบางรฐั ของประเทศสหรฐั อเมริกามีการน�ำ STEMหลกั สูตรการสมั มนาเชิงปฏิบตั ิการพัฒนามาตรฐานผ้ปู ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 25 และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
Education ไปสอนต้งั แตร่ ะดบั วัยก่อนเรยี น (Preschool) ดว้ ย นอกจาก STEM Education จะเปน็การบูรณาการศาสตร์ท้ัง ๔ สาขาดังท่ีกล่าวข้างต้นแล้วยังเป็นการบูรณาการด้านบริบท (ContextIntegration) ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ชวี ติ ประจ�ำวนั อกี ดว้ ยซงึ่ จะท�ำใหก้ ารสอนนนั้ มคี วามหมายตอ่ ผเู้ รยี นท�ำให้ผเู้ รยี นเหน็ คณุ คา่ ของการเรยี นนนั้ ๆ และสามารถน�ำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจ�ำวนั ไดซ้ ง่ึ จะเพมิ่ โอกาสการท�ำงานการเพิม่ มลู ค่าและสามารถสรา้ งความแข็งแกร่งให้กบั ประเทศดา้ นเศรษฐกิจได้๔. การยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นภารกิจท่ีส�ำคัญท่ีสุดของสถานศึกษา ท่ีควรด�ำเนินการเพอื่ พฒั นานกั เรยี นทกุ คนทไี่ ดเ้ ขา้ เรยี น และจบการศกึ ษาอยา่ งมคี ณุ ภาพ และคณุ ภาพสงู ตามเกณฑ์เป้าหมาย และมาตรฐานของหลกั สูตรให้นกั เรยี นไดพ้ ัฒนาเต็มศักยภาพ ขั้นที่ ๑ Taking Stock คือ การตรวจสภาพปจั จบุ นั เก่ียวกับผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นหรอื ผลการประเมนิ คณุ ภาพโรงเรยี น เพอื่ วเิ คราะหว์ า่ โรงเรยี นเรามคี ณุ ภาพมากนอ้ ยเพยี งใดเปน็ การวเิ คราะห์และจัดท�ำฐานขอ้ มลู (Baseline) เช่น พจิ ารณาจากผลการสอบ O-NET, NT หรอื ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นประจ�ำปขี องสถานศึกษา ขั้นท่ี ๒ Setting Goal เป็นการก�ำหนดเป้าหมายความส�ำเร็จ ๑) ผลการประเมนิ คุณภาพภายในระดบั ดมี าก ๒) กลมุ่ สาระการเรยี นร้หู ลักอย่างน้อยรอ้ ยละ ๙๐ อยใู่ นระดับดีมาก ๓) ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นโดยเฉพาะการประเมนิ O-NET จะตอ้ งเพม่ิ ขนึ้ อยา่ งนอ้ ย รอ้ ยละ๓ ของฐานเดิม ข้ันท่ี ๓ Developing Strategies and implementing มงุ่ พฒั นากลยุทธ์แล้วน�ำกลยทุ ธ์สู่การปฏบิ ัติ ตัวอย่างของกลยทุ ธ์ เชน่ ๑) ขบั เคลอ่ื นหอ้ งเรยี นคณุ ภาพ หรอื ประกนั คณุ ภาพแตล่ ะรายวชิ า แตล่ ะกลมุ่ สาระการเรยี นรแู้ มแ้ ตค่ รทู กุ คนตอ้ งตงั้ เปา้ หมายในการพฒั นาคณุ ภาพ และด�ำเนนิ การยกระดบั คณุ ภาพใหไ้ ดต้ ามเปา้หมาย ดังนัน้ การนยิ ามว่า “ผูน้ �ำการเปลี่ยนแปลง กค็ อื ผทู้ ีท่ �ำงานส�ำเร็จใครสามารถท�ำผลงานปนี ี้ไดด้ ีกว่าปีท่ีแลว้ เรียกวา่ ผูน้ �ำการเปลี่ยนแปลง ๒) ปฏิรูปการบริหารจัดการห้องเรียนประจ�ำช้ันก�ำหนดเกณฑ์ “ห้องประจ�ำชั้น/ท่ีปรึกษาคณุ ภาพ” ๓) บริหารจัดการสถานศึกษาท่ีเน้นการขับเคลื่อนเชิงทฤษฎีอย่างเป็นระบบตามกรอบหลักวชิ า26 หลักสตู รการสมั มนาเชงิ ปฏิบัติการพฒั นามาตรฐานผ้ปู ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ขน้ั ท่ี ๔ Documenting Progress เปน็ ขนั้ ตอนการประเมนิ รวบรวมเอกสารหลกั ฐานทแ่ี สดงถงึ ความก้าวหน้าของงานตามเป้าหมาย ทงั้ นี้ การด�ำเนนิ งานแตล่ ะขั้นตอนเนน้ “การมีส่วนร่วม” ของ ครู อาจารย์ ผ้เู กย่ี วข้องฝา่ ยต่าง ๆ เช่น กรรมการสถานศึกษา เครอื ขา่ ยผู้ปกครอง สมาคมศิษยเ์ กา่ เปน็ ตน้ มลู นธิ ิสถาบนั วจิ ัยและพัฒนาการเรยี นรู้ (มสวร.) ได้สงั เคราะห์วธิ กี ารปฏบิ ัตทิ ี่เป็นเลิศ (BestPractices) เรอ่ื ง การยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น จาก ๑๖ โรงเรียนดเี ด่นแล้วจ�ำแนกเปน็ ประเดน็หลกั เพื่ออธิบายวธิ ปี ฏบิ ตั ิ ดังน้ี ๑. การบรหิ ารจัดการเพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น มีวธิ ีการด�ำเนนิ การ ดงั น้ี ๑.๑ การจัดการความรู้เพ่ือก�ำหนดนโยบาย และจัดท�ำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรยี น ๑.๒ การวิเคราะห์สภาพการจดั การศึกษาของโรงเรียน ๑.๓ การก�ำหนดยทุ ธศาสตรใ์ นการพฒั นากระบวนการยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น ๑.๔ การนเิ ทศภายในแบบกลั ยาณมติ ร ๑.๕ การประสานงานกบั ผปู้ กครองเพอื่ เฝ้าระวังและตดิ ตามแก้ไขปัญหา ๒. วธิ ีการยกระดบั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน ด�ำเนนิ การได้ ๓ รปู แบบ คือ รปู แบบที่ ๑ การยกระดบั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรยี นใหส้ งู ขนึ้ ตามเกณฑท์ ค่ี าดหวงัมีวิธีการด�ำเนนิ การ ดังนี้ ๑) การปรบั เปล่ยี นท่าทีของครูในการจัดการเรียนรู้ ๒) การก�ำหนดเกณฑท์ ีค่ าดหวังและเกณฑก์ ารประเมินผล ๓) การจดั กลุ่มผูเ้ รียนทเ่ี หมาะสม ๔) การก�ำหนดรูปแบบการพัฒนาการเรียนรแู้ ละการจดั กจิ กรรม รปู แบบท่ี ๒ การยกระดบั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนเพอื่ มุ่งสคู่ วามเปน็ เลิศ ๑) การจัดการเรียนรูแ้ บบห้องเรยี นพเิ ศษ ๒) การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เพอื่ ส่งเสริมความเป็นเลศิ รปู แบบท่ี ๓ การชว่ ยเหลอื นักเรียนทไี่ มผ่ า่ นเกณฑก์ ารจบหลกั สูตร ๑) การดูแลใกลช้ ดิ เพอ่ื ปรบั พฤตกิ รรมและให้โอกาสนกั เรยี น ๒) การเพม่ิ พนู ผลสัมฤทธิเ์ พ่อื ใหไ้ ด้ตามเกณฑ์การจบหลกั สตู ร หลักสูตรการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั ิการพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 27 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๕. หลกั สูตรรายวิชาเพ่ิมเตมิ การป้องกนั การทจุ รติ ๑) ชื่อหลกั สตู ร “รายวชิ าเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกนั การทุจริต” ๒) จดุ มุ่งหมายของรายวชิ า เพ่ือให้นักเรยี น ๒.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๒.๒ มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ ริต ๒.๓ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับ STRONG : จติ พอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต ๒.๔ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ๒.๕ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๒.๖ ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทุจริตทกุ รปู แบบ ๒.๗ ปฏบิ ัติตนเปน็ ผูท้ ่ี STRONG : จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ ริต ๒.๘ ปฏบิ ัตติ นตามหน้าท่พี ลเมืองและมคี วามรับผิดชอบต่อสงั คม ๒.๙ ตระหนักและเหน็ ความส�ำคัญของการต่อตา้ นและปอ้ งกนั การทุจรติ ๓) ค�ำอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ STRONG : จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ รติ รหู้ นา้ ทขี่ องพลเมอื งแลรับผิดชอบต่อสังคม ในการต่อต้านการทุจริตโดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จ�ำแนก แยกแยะการฝกึ ปฏบิ ตั จิ รงิ การทาโครงงานกระบวนการเรยี นรู้ ๕ ขน้ั ตอน (๕ STEPs) การอภปิ ราย การสบื สอบการแกป้ ญั หา ทกั ษะการอา่ นและการเขยี นเพอื่ ใหม้ คี วามตระหนกั และเหน็ ความส�ำคญั ของการตอ่ ตา้ นและการปอ้ งกันการทจุ รติ ๔) ผลการเรยี นรู้ ๔.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๔.๒ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจริต ๔.๓ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับ STRONG : จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ ริต ๔.๔ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั พลเมอื งและมคี วามรับผิดชอบต่อสังคม ๔.๕ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ ๔.๖ ปฏิบัติตนเปน็ ผ้ลู ะอายและไม่ทนตอ่ การทุจรติ ทุกรูปแบบ ๔.๗ ปฏบิ ตั ิตนเป็นผู้ที่ STRONG : จติ พอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต ๔.๘ ปฏิบัติตนตามหน้าทพี่ ลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสงั คม ๔.๙ ตระหนกั และเหน็ ความส�ำคญั ของการต่อต้านและปอ้ งกันการทุจรติ28 หลักสูตรการสัมมนาเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผ้ปู ระเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
แนวคดิ และหลกั การการประเมินเพอื่ พฒั นาคุณภาพสถานศกึ ษา สรปุ แนวคดิ และหลกั การประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาของตา่ งประเทศชนั้ น�ำดา้ นการศกึ ษาของโลก ได้แก่ ญ่ปี ่นุ สิงคโปร์ สหรัฐอเมรกิ า และนวิ ซแี ลนด์ ดังนี้ ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศท่ีมีมาตรฐานด้านการศึกษาในระดับสูง ได้รับการจัดอันดับให้เปน็ ประเทศท่มี ีคุณภาพการศึกษาอนั ดับ ๒ ของโลก จากการศึกษาพบว่าระบบการจดั การศกึ ษาของประเทศญป่ี ุ่น แบง่ ได้ ๓ ระดบั ได้แก่ ระดับท่ี ๑ คือ ปฐมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ระดับที่๒ อาชวี ศึกษา และระดบั ที่ ๓ คอื อดุ มศกึ ษา ซ่ึงระดับที่ ๑ คอื ปฐมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศกึ ษา ได้ก�ำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่ง ต้องจัดท�ำรายงานการประเมินตนเองเสนอต่อกระทรวงการศึกษา วัฒนธรรม กฬี า วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (Ministry of Education, Culture, Sports, Scienceand Technology หรอื MEXT) โดยพจิ ารณาจากเอกสารรายงานของสถานศึกษาและการเข้าตรวจประเมินเพอื่ ยืนยนั ผลการประเมนิ ตนเอง ประเทศสิงคโปร์ มีคุณภาพการศึกษาอยู่อันดับที่ ๓ ของโลก และอันดับที่ ๑ ในอาเซียนรฐั บาลสงิ คโปรใ์ หค้ วามส�ำคญั กบั การศกึ ษามาก โดยถอื วา่ ประชาชนเปน็ ทรพั ยากรทส่ี �ำคญั ของประเทศการเรยี นการสอนในสงิ คโปรจ์ ะเนน้ ความสะดวก เรยี นจากความเปน็ จรงิ และสง่ิ ทจี่ �ำเปน็ ตอ่ การใชช้ วี ติในโลกยุคใหม่ ๔ ด้าน คอื เทคโนโลยี คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษา ระบบจดั การศึกษาของสงิ คโปร์ แบ่งออกได้ ๓ ระดบั คอื ๑. ขนั้ การศกึ ษาปฐมวยั ๒. ขนั้ พน้ื ฐาน (ประถมศกึ ษา-มัธยมศกึ ษา)และ ๓. ข้นั อนปุ ริญญาและสายอาชีพ โดยขน้ั พนื้ ฐาน (ประถมศกึ ษา-มัธยมศกึ ษา) ใชร้ ะบบ SchoolExcellence Model (SEM) หรือต้นแบบการประเมินความเป็นเลิศของโรงเรียนในด้านการบริหารและการจดั การเรียนการสอนแบบองค์รวม ประกอบด้วยการประเมินตนเองและการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก โดยคณะผู้ตรวจสอบจากกระทรวงศึกษาธิการ เข้าไปตรวจสอบโรงเรียนท่ีคัดเลือกมา มเี กณฑก์ ารประเมนิ ๙ ด้าน ได้แก่ ความเปน็ ผนู้ �ำ การวางแผนกลยุทธ์ การบรหิ ารบคุ ลากร ทรพั ยากรกระบวนการที่เน้นนักเรียน การบริหารและผลการด�ำเนินงาน ผลการปฏิบัติงานของบุคลากรการมีส่วนร่วมกับชุมชน และผลการด�ำเนินงานท่ีส�ำคัญ ซ่ึงการประเมินดังกล่าวจะสะท้อนให้เห็นถึงความเปน็ ผนู้ �ำของผบู้ รหิ ารวา่ จดั การบรหิ ารอยา่ งไรใหส้ ามารถไดผ้ ลผลติ ตามแผนทว่ี างไว้ และผลลพั ธ์ท่เี กดิ ข้ึนเปน็ อย่างไรหลกั สตู รการสัมมนาเชิงปฏบิ ตั ิการพฒั นามาตรฐานผ้ปู ระเมินคุณภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 29 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
หลักเกณฑก์ ารประเมนิ ความเป็นเลิศของโรงเรยี นแบบองคร์ วมในประเทศสงิ คโปร์ การประเมนิ คณุ ภาพความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นดา้ นการบรหิ ารและการจดั การเรยี นการสอนแบบองคร์ วมของคณะผตู้ รวจสอบจากกระทรวงศึกษาธิการของรัฐบาลสิงคโปร์ มีหลักเกณฑ์ ๙ ดา้ นดังนี้ ๑. ความเป็นผู้น�ำ มีความเป็นผู้น�ำ มีการบริหารจัดการท่ีเป็นระบบในโรงเรียน มุ่งเน้นการเรียนร้ขู องผู้เรียนและความเปน็ เลิศในการปฏบิ ตั งิ านของโรงเรียน มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สังคม ๒. การวางแผนกลยทุ ธ์ โรงเรยี นและผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี รว่ มก�ำหนดกลยทุ ธ์ แผนปฏบิ ตั กิ ารและแผนงานเพื่อมุ่งพัฒนาการด�ำเนินงานของโรงเรยี นให้มปี ระสิทธภิ าพ ๓. การบริหารบุคลากร การให้การศึกษา การพัฒนาและการใช้ศักยภาพของบุคลากรเป็นการสร้างคุณภาพโรงเรยี นที่ดีเย่ยี ม ๔. ทรพั ยากร โรงเรยี นมกี ารจดั การทรพั ยากรภายในและภายนอก เพอื่ สนบั สนนุ แผนกลยทุ ธ์และกระบวนการด�ำเนนิ งานอย่างมีประสิทธิภาพ ๕. กระบวนการที่เน้นนักเรียน การออกแบบกระบวนการด�ำเนินงานของโรงเรียนเพ่ือปรบั ปรุงและพัฒนาให้ผ้เู รยี นมผี ลงานทด่ี ีอยา่ งตอ่ เน่อื ง ๖. การบรหิ ารและผลการด�ำเนนิ งาน การบริหารทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสทิ ธิผล คอืความส�ำเร็จของโรงเรียน ๗. ผลการปฏิบัติงานของบุคลากร การฝึกอบรม การพัฒนา และการสร้างขวัญก�ำลังใจบคุ ลากร คอื ความส�ำเร็จของโรงเรยี น ๘. การมีส่วนร่วมกับชุมชน โรงเรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ๙. ผลการด�ำเนินงานที่ส�ำคัญ โรงเรียนมีการพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวม เพื่อให้ผู้เรียนมคี ุณภาพบรรลตุ ามเปา้ หมายทีก่ �ำหนดไว้ ระบบประกนั คุณภาพการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ กรอบวสิ ยั ทศั นด์ ้านการศกึ ษาของสงิ คโปรส์ ร้างขน้ึ เพอ่ื เตรยี มประเทศใหพ้ รอ้ มเข้าสศู่ ตวรรษที่ ๒๑ ประกอบด้วย วิสยั ทศั น์ ๔ อย่างที่สมั พันธ์กันและจ�ำเปน็ ต่อการเปลย่ี นแปลง ได้แก่ วสิ ยั ทัศน์ท่ี ๑ วสิ ยั ทศั น์เพือ่ ชาติ โรงเรียนนักคิด ประเทศแหง่ การเรยี นรู้ วิสัยทศั น์ที่ ๒ วสิ ัยทัศน์เพอ่ื การศึกษา สอนใหน้ อ้ ยลง เรยี นร้ใู ห้มากขน้ึ วสิ ยั ทัศนท์ ี่ ๓ วสิ ยั ทัศน์เพ่อื การปฏิบตั ิ กลยุทธต์ ึงสลบั หย่อน วิสยั ทศั นท์ ี่ ๔ วิสัยทศั นเ์ พอ่ื ความร่วมมอื ชุมชนการเรยี นร้ทู างวิชาชพี30 หลักสูตรการสมั มนาเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมินคณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ประเทศสหรฐั อเมรกิ า มรี ะบบการศกึ ษาทห่ี ลากหลายแตกตา่ งกนั ขน้ึ อยกู่ บั แตล่ ะรฐั มรี ะบบการจดั การศึกษาที่ดีเพ่อื ให้การศกึ ษาของท้งั ประเทศเปน็ ไปในทิศทางเดียวกัน คณุ ภาพการศึกษาของสหรฐั อเมรกิ าปจั จบุ นั อยใู่ นล�ำดบั ท่ี ๑๔ ของโลก มขี นั้ ตอนการประเมนิ และรปู แบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา แบง่ เปน็ ๒ ชว่ ง คอื ระดบั การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน และระดบั อดุ มศึกษา ในระดบั การศึกษา ข้ันพื้นฐาน การบริหารโรงเรียนของรัฐจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการเรียนการสอนภายใต้การดูแลของรัฐบาลแตล่ ะมลรัฐ เรียกวา่ “Common Core Standards” มาตรฐานดังกลา่ ว ระบุรายละเอียดเกย่ี วกบั เน้อื หาทุกรายวิชาทีน่ ักเรยี นควรไดร้ บั ในส่วนของโรงเรียนเอกชน จะท�ำการประเมนิ คณุ ภาพจากองคก์ รภายนอกซงึ่ เปน็ องค์กรกลางระดบั ประเทศ เชน่ National Council for Private SchoolAccreditation (NCPSA) โดยแบ่งการประเมินเป็น ๒ ประเภท คือ การประเมนิ ผลระยะยาว และการประเมินหลกั จะเน้นดูผลสมั ฤทธิก์ ารศกึ ษาในวิชาคณติ ศาสตร์ และการอ่านของนักเรยี นระดบั ชนั้ประถมปที ี่ ๔ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ และมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ มีการประเมนิ ทุก ๆ ๔ ปี ประเทศนวิ ซแี ลนด์ มคี ณุ ภาพการศกึ ษาอยอู่ นั ดบั ที่ ๑๖ ของโลก มรี ะบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษา ๒ ระดับ คอื ระดับขน้ั พน้ื ฐาน และระดบั อดุ มศกึ ษา ในระดับขนั้ พน้ื ฐาน ส�ำนกั งานประเมนิคุณภาพการศกึ ษา Education Review Office (ERO) เปน็ หน่วยงานของรฐั ทปี่ ระเมินและรายงานมาตรฐานการศึกษาของนกั เรียนในโรงเรยี นปฐมวัย ประถมศกึ ษา และมธั ยมศกึ ษา จะตรวจสอบศนู ย์พัฒนาเด็กและโรงเรียนเป็นประจ�ำทุก ๆ ๓ ปี หากพบว่าการด�ำเนินงานสถานศึกษายังต้องปรับปรุงและมีความเสีย่ งต่อความปลอดภัยของเดก็ ก็จะเข้าไปประเมินถขี่ นึ้ จากการศึกษารูปแบบการประเมินคุณภาพการศึกษาจากประเทศช้ันน�ำของโลกดังกล่าวมีความแตกต่างกนั ไปตามความเหมาะสมและบรบิ ทของประเทศ มีประเดน็ ท่ีเหมือนกนั ทุกประเทศ คือระบบประกันคุณภาพภายในทเี่ ขม้ แขง็ ที่มา: http://www.thaitribune.org/contents/detail/๓๐๕?contentid=๒๒๗๓๔&rand=๑๕๑๐๒๒๗๔๘๐หลกั สตู รการสมั มนาเชงิ ปฏิบตั กิ ารพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมินคุณภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 31 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
หลักการประเมินของ Ofsted Ofsted (Office for Standards in Education; ส�ำนกั งานมาตรฐานการศึกษา) เปน็ สถาบนัตรวจสอบทางการศกึ ษาในประเทศอังกฤษ การตรวจสอบคณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษาในระดบั อนบุ าล ประถมศกึ ษา มัธยมศึกษา และการศกึ ษาพเิ ศษ เพอ่ื ใหผ้ ู้ปกครองได้รับขอ้ มลูท่ีถูกต้องเกี่ยวกับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียน โดยเน้นความส�ำคัญ ๔ เรื่อง ได้แก่ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนักเรียน (Pupil Achievement) มาตรฐานการเรียนการสอน (TeachingStandards) พฤตกิ รรมและความเปน็ ผนู้ �ำโรงเรยี น (Behavior and School leadership) ซง่ึ ผปู้ กครองของนักเรยี นจะมีสว่ นชว่ ยประเมินคณุ ภาพโรงเรยี นโดยการแสดงความคดิ เหน็ บนเวบ็ ไซตโ์ รงเรยี นโรงเรยี นทรี่ ับการประเมนิ โดย Ofsted จะได้รับผลการประเมนิ แบง่ เปน็ ๔ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑. ระดับดีเดน่ (outstanding) โรงเรียนกลมุ่ นี้ไม่จ�ำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบเปน็ ประจ�ำ รบั การเยยี่ มชมโรงเรยี นนอ้ ยลง ๒. ระดับดี (good) โรงเรียนกลุ่มท่ีได้รับการประเมินในระดับดี จะได้รับการเยี่ยมและตรวจคุณภาพทกุ ๕ ปี ๓. ระดับน่าพอใจ (satisfactory) โรงเรยี นกลุ่มทีไ่ ด้รับการประเมนิ ในระดบั น่าพอใจ จะได้รับการเย่ียมและตรวจคุณภาพทุก ๓ ปี ๔. ระดับพอใจพอประมาณ (inadequate) โรงเรยี นกลุ่มท่ีไดร้ บั การประเมินในระดับพอใจพอประมาณ จะไดร้ บั การเย่ียมและตรวจคณุ ภาพอย่างใกล้ชดิ ทกุ ปี ที่มา: http://uinter.eduzones.com/๒๐๑๒/th/archives/๒๑๓ สืบค้นเม่ือ ๑๒ เมษายน๒๕๖๑หลกั การประเมนิ ของ McKinsey McKinsey เปน็ บรษิ ทั ทปี่ รกึ ษาทางดา้ นการบรหิ ารจดั การ (Management Consulting Firm)ชนั้ น�ำของโลกทใี่ หบ้ รกิ ารภาคเอกชน ภาครฐั และภาคสงั คมอยา่ งกวา้ งขวาง เพอ่ื ปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพและการบรรลุเป้าหมายที่ส�ำคัญที่สุด ภายใต้หลัก ๗S ได้แก่ ๑. Structure (โครงสร้างองค์กร) ๒.Strategy (กลยุทธ)์ ๓. Staff (การจดั การบคุ คลเข้าท�ำงาน) ๔. Style (รูปแบบ) ๕. System (ระบบ)๖. Shared value (คา่ นยิ มร่วม) และ ๗. Skill (ทกั ษะ) ผลการประเมินของ McKinsey แบ่งเป็น ๕ ระดับ ได้แก่ Poor (ปรับปรุง) Fair (พอใช้)Good (ดี) Great (ดีมาก) และ Excellent (ดีเยี่ยม) ท้ังนี้ การประเมินของ McKinsey น้ัน เปน็ การประเมินเพ่ือให้โรงเรียนได้พัฒนาคุณภาพการศึกษาจากระดับหน่ึงไปยังระดับท่ีสูงขึ้น เช่น โรงเรียนพฒั นาคุณภาพจากระดับควรปรับปรงุ ไปเป็นระดับพอใช้ หรือพัฒนาจากระดบั พอใช้ไปเปน็ ระดบั ดี32 หลักสตู รการสัมมนาเชงิ ปฏิบัติการพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
จากการวิจยั ของ McKinsey สามารถสรุปไดว้ า่ การปรบั ปรุงการเรยี นการสอนของโรงเรยี นทม่ี ีคณุ ภาพ จะด�ำเนนิ การในเรื่องส�ำคญั ๓ ประการ ดงั นี้ ๑. คดั คนทเ่ี หมาะสม (right people) มาเป็นครู (คุณภาพของระบบการศึกษาไมส่ ามารถสงู กว่าคณุ ภาพของครู) ๒. พัฒนาสู่การเป็นครูท่ีมีคุณภาพ (การปรับปรุงคุณภาพของผู้เรียนเป็นผลมาจากการปรับปรุงการเรยี นการสอนเทา่ น้นั ) ๓. จัดระบบและก�ำหนดเป้าหมายที่จะสนับสนุนเพื่อประกันว่าเด็กทุกคนสามารถได้รับประโยชน์จากการจัดการเรียนการสอนท่ีดีท่ีสุด (ระบบที่ดีที่มีคุณภาพสูงสุดจะเกิดข้ึนก็ต่อเม่ือมีการยกระดบั มาตรฐานของนักเรยี นทุกคนเท่านั้น) ที่มา: ส�ำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา นอกจากน้ี การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาควรเปน็ ขอ้ เสนอแนะทเี่ ปน็ ไปไดภ้ ายใตบ้ รบิ ทของสถานศกึ ษา โดยอาจน�ำเสนอใหเ้ หน็ ประเดน็ ในการยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาจากสภาพที่เป็นอยู่ไปสู่สภาพท่ีคาดหวังในแต่ละระดับคุณภาพตามเส้นทางการปรับปรุงพัฒนาที่ Mour-shed, Chijioke, & Barber (๒๐๑๐) เสนอไว้ ๔ กลมุ่ คือ จากระดับปรบั ปรุงสรู่ ะดับพอใช้ จากระดับพอใชส้ รู่ ะดบั ดี จากระดบั ดสี รู่ ะดบั ดมี าก และจากระดบั ดมี ากสรู่ ะดบั ดเี ยย่ี ม โดยแตล่ ะกลมุ่ จะมปี ระเดน็หรอื หวั ขอ้ ทตี่ อ้ งน�ำมาพฒั นาเพอื่ ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษา พรอ้ มทงั้ มาตรการ (interventions) ทจี่ ะน�ำมาใช้เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศึกษาตามประเด็นทกี่ �ำหนด ดังแสดงในตารางตอ่ ไปน้ีตาราง กลมุ่ มาตรการทีใ่ ชพ้ ัฒนาคุณภาพการศึกษาตามเสน้ ทางการปรับปรุงพัฒนา เสน้ ทาง ระดบั ปรบั ปรงุ สพู่ อใช้ ระดับพอใช้สดู่ ี ระดบั ดีส่ดู ีมาก ระดับดมี ากสู่ดเี ยยี่ ม การปรับปรงุ การบรรลเุ ป้าหมาย การมีพน้ื ฐานท่ี การสร้างรูปแบบทาง การปรบั ปรุงโดยประเด็น การอ่านออกเขยี นได้ เหมาะสม วิชาชีพ เพื่อนรว่ มวชิ าชพี และ และการคิดค�ำนวณ ขัน้ พื้นฐาน นวัตกรรมหลกั สตู รการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมินคุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 33 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
เสน้ ทาง ระดบั ปรบั ปรงุ สพู่ อใช้ ระดับพอใชส้ ดู่ ี ระดับดีสูด่ มี าก ระดบั ดมี ากสดู่ ีเย่ียม การปรบั ปรุงกลมุ่ มาตรการ • ให้แรงจงู ใจและ • พ้ืนฐานด้านขอ้ มลู • การเพ่มิ ความ • การบ่มเพาะการ โครงสร้างสนับสนนุ และความรบั ผิดชอบ สามารถในการเขา้ สู่ เรยี นร้แู บบน�ำเพอ่ื น แก่ครทู ีม่ ที ักษะใน ทีต่ รวจสอบได้ ต�ำแหน่งครแู ละ ส�ำหรบั ครูและ ระดบั ตำ่� - ความโปร่งใสตอ่ ผล ผบู้ รหิ าร ผู้บริหาร - สอื่ การเรยี นการ การปฏิบัตงิ านของ - โปรแกรมการ - การปฏิบัติงานแบบ สอนตน้ แบบ โรงเรียนทม่ี ตี ่อสถาน สรรหา ร่วมมือรวมพลัง - การสอนงานดา้ น ศกึ ษาและ/หรอื - การฝกึ อบรมก่อน - การกระจายอ�ำนาจ หลักสตู ร สาธารณะ ประจ�ำการ สทิ ธใิ นการสอนแก่ - ชว่ งเวลาการสอน - การตรวจสอบ - ขอ้ ก�ำหนดในการ สถานศึกษาและครู ในภาระงาน สถานศึกษาและ ออกใบรบั รอง - โปรแกรมการสับ - การตรวจเยยี่ ม สถาบนั ทีต่ รวจสอบ เปล่ียนและการ โรงเรยี นจากส่วน ชว่ ยงาน กลาง - ส่ิงจูงใจส�ำหรบั ผู้ที่ มผี ลการปฏิบัตงิ าน ระดับสงู • ผลักดันให้โรงเรยี น • พนื้ ฐานดา้ นการเงนิ • การเพ่ิมความ • การสร้างกลไกการ มีคุณภาพขั้นตำ�่ และการจัดองคก์ ร สามารถของครูและผู้ สนับสนนุ ทางวิชาชพี - เปา้ หมายผลลพั ธ์ - การหาจ�ำนวน บรหิ ารทด่ี �ำรงอยู่ เพิ่มขน้ึ - สนบั สนนุ เพม่ิ เติม สถานศกึ ษาและครู - โปรแกรมการฝึก - ปลดปล่อยทาง ส�ำหรบั โรงเรียนท่ีมี ทเ่ี หมาะสม อบรมในระหว่าง วชิ าชีพออกจาก ผลการด�ำเนินงาน - การกระจายอ�ำนาจ ประจ�ำการ ภาระผูด้ แู ลระบบ ระดับตำ�่ ด้านการเงินและ - การสอนงานในการ โดยการจัดหาคณะ - การปรบั ปรุง การบรหิ ารจัดการ ปฏบิ ตั ิงาน ท�ำงานเพิ่มเติม โครงสรา้ งพ้นื ฐาน - การเพม่ิ เงนิ ทนุ - เส้นทางอาชีพ ของโรงเรยี น - โมเดลการจัดสรร - เวทสี �ำหรบั ครูและ - การก�ำหนดต�ำรา เงินทุน ชมุ ชน เรียน - การออกแบบ องค์กรใหม่34 หลกั สตู รการสมั มนาเชงิ ปฏิบตั ิการพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
เสน้ ทาง ระดับปรับปรุงสู่พอใช้ ระดับพอใช้ส่ดู ี ระดบั ดสี ู่ดีมาก ระดบั ดมี ากสดู่ ีเยี่ยม การปรับปรงุกลุ่มมาตรการ • ใหน้ กั เรยี นมที นี่ ั่ง • พื้นฐานดา้ นวธิ ี • การตดั สนิ ใจทใ่ี ช้ • การทดลอง/ - ขยายทน่ี งั่ ของ การสอน โรงเรยี นเป็นฐาน นวัตกรรมแบบ โรงเรียน - โมเดล/กระแสหลัก - การประเมนิ ตนเอง System-sponsored - เติมเตม็ ความ ของสถานศกึ ษา - โรงเรยี นที่มคี วาม ท่วั ทงั้ โรงเรียน ต้องการขน้ั พ้นื ฐาน - ภาษาท่ีใช้ในการ เป็นอิสระและเฉพาะ - การใหเ้ งินทนุ เพือ่ น เพ่อื เพ่มิ การเขา้ เรียน เรยี นการสอน ทาง วัตกรรมเพ่มิ ขน้ึ - การแบ่งปนั นวัตกรรมจาก แนวหนา้ ไปทั่วทุก โรงเรยี น ที่มา: How the world’s most improved school systems keep getting better(Mourshed, Chijioke, & Barber, ๒๐๑๐)หลักสตู รการสมั มนาเชิงปฏิบัตกิ ารพฒั นามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 35 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
แนวทางการประเมินคณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษาของประเทศไทย จากประกาศกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๓๕ ตอนที่ ๑๑ ก หนา้ ๓ เมอื่ วนั ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ กลา่ วถึง “การประกันคุณภาพการศึกษา” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาแตล่ ะระดบั และประเภทการศกึ ษา โดยมกี ลไกในการควบคมุ ตรวจสอบระบบการบรหิ ารคณุ ภาพการศกึ ษาทส่ี ถานศกึ ษาจดั ขนึ้ เพอื่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาและสรา้ งความเชอ่ื มน่ั ใหแ้ กผ่ มู้ ีสว่ นเกย่ี วขอ้ งและสาธารณชนวา่ สถานศกึ ษานนั้ สามารถจดั การศกึ ษาไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ ตามมาตรฐานการศกึ ษา และบรรลเุ ปา้ ประสงคข์ องหนว่ ยงานตน้ สงั กดั หรอื หนว่ ยงานทก่ี �ำกบั ดแู ล โดยใหส้ ถานศกึ ษาแตล่ ะแหง่ จดั ใหม้ รี ะบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษา โดยการก�ำหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาแตล่ ะระดับและประเภทการศึกษาท่รี ัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศก�ำหนด พร้อมทั้งจัดท�ำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศกึ ษาทม่ี งุ่ คณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาและด�ำเนนิ การตามแผนทก่ี �ำหนดไวจ้ ดั ใหม้ กี ารประเมนิ ผลและตรวจสอบคุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษา ตดิ ตามผลการด�ำเนนิ การเพื่อพฒั นาสถานศกึ ษาใหม้ คี ณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษา และจดั สง่ รายงานผลการประเมนิ ตนเองใหแ้ กห่ นว่ ยงานตน้ สงั กดัหรือหน่วยงานทกี่ �ำกับดูแลสถานศกึ ษาเปน็ ประจ�ำทกุ ปี ให้หน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานท่ีก�ำกับดูแลสถานศึกษามีหน้าท่ีในการให้ค�ำปรึกษา ชว่ ยเหลือ และแนะน�ำสถานศึกษา เพอื่ ใหก้ ารประกนั คุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษาพฒั นาอย่างตอ่ เน่อื ง และจดั ส่งรายงานการประเมนตนเองของสถานศึกษา พรอ้ มกบั ประเดน็ ต่าง ๆ ทตี่ อ้ งการให้มีการประเมนิ ผลและการตดิ ตามตรวจสอบซง่ึ รวบรวมไดจ้ ากหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งหรอื จากผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสียกับสถานศกึ ษาแหง่ น้นั ให้แก่ สมศ. เพือ่ ใช้เปน็ ข้อมลู และแนวทางในการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกสมศ. ด�ำเนินการประเมินผลและติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และจัดส่งรายงานผลการประเมินและการติดตามตรวจสอบดังกล่าว พร้อมข้อเสนอแนะให้แก่สถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานท่ีก�ำกับดูแลสถานศึกษานั้น ๆ เพื่อให้สถานศึกษาใช้เป็นแนวทางในการปรับปรงุ และพัฒนาคุณภาพการศึกษาต่อไป สมศ. อาจจัดใหบ้ ุคคลหรอื หน่วยงานที่ได้รับการรับรองจากส�ำนักงานด�ำเนินการประเมินผลและติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาได้36 หลกั สตู รการสมั มนาเชิงปฏิบัติการพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมินคุณภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ดังน้ัน เพ่ือให้การด�ำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาเป็นไปตามกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ จงึ ใหส้ ถานศกึ ษาในสงั กดั ทกุ โรง เขา้ ใจถงึ แนวทางการด�ำเนนิ งานพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศึกษาและการรองรับการประเมินภายนอกรอบสี่ ดังน ี้ ๑) สถานศกึ ษาแตล่ ะแหง่ ตอ้ งจดั ใหก้ ารประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษาตามกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมกี ารก�ำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาแต่ละระดับและประเภทการศึกษาท่ีกระทรวงศึกษาธิการประกาศก�ำหนด พรอ้ มทงั้ จดั ท�ำแผนพฒั นาการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษาทม่ี งุ่ คณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษา และด�ำเนนิ การตามแผนทกี่ �ำหนดไว้ จดั ใหม้ กี ารประเมนิ ผลและตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษา ติดตามผลการด�ำเนินงานเพ่ือพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษา และจดั สง่ รายงานผล การประเมนิ ตนเอง (SAR) ใหแ้ กห่ นว่ ยงานตน้ สงั กดั หรอื หนว่ ยงานทก่ี �ำกบัดแู ลสถานศึกษาเปน็ ประจ�ำทุกปี ๒) ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ สถานศึกษาจะได้มีการน�ำมาตรฐานการศึกษาที่กระทรวงศกึ ษาธิการจะก�ำหนดประกาศใช้ ไปเทียบเคียงและจัดท�ำเป็น “มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา”จดั ท�ำแผนพฒั นาการจดั การศกึ ษา และด�ำเนนิ งานตามแผนฯ ตลอดชว่ งปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ และจัดท�ำ SAR ตามกรอบมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา หลังส้นิ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ (ประมาณเดือนม.ี ค.-เม.ย.๖๒) แล้วจงึ จดั ส่ง SAR ใหห้ น่วยงานต้นสงั กัดหรอื หน่วยงานที่ก�ำกบั ดูแลสถานศึกษา ๓) เมอ่ื หนว่ ยงานตน้ สงั กดั หรอื หนว่ ยงานทกี่ �ำกบั ดแู ลสถานศกึ ษาไดร้ บั SAR จากสถานศกึ ษา ก็จะมกี ารสรปุ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ผลการด�ำเนินงาน และจดั สง่ SAR พรอ้ มประเดน็ ต่าง ๆ ท่ีตอ้ งการให้มีการประเมินผลและติดตามตรวจสอบให้แก่ สมศ. เพ่ือใช้เป็นข้อมูลและแนวทางในการประเมินคณุ ภาพภายนอก ๔) การประเมินคณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษาและการตดั สนิ ระดับคณุ ภาพตามมาตรฐานเปน็ ไปตามหลักการตัดสนิ โดยอาศยั ความเช่ยี วชาญ (expert judgment) และการตรวจทานผลการประเมนิ โดยคณะกรรมการประเมนิ ในระดบั เดยี วกนั (peer review) โดยเทยี บกบั เกณฑห์ รอื มาตรฐานทกี่ �ำหนดไว้ คณะกรรมการประเมนิ ตอ้ งมคี วามรอู้ ยา่ งรอบดา้ นและวเิ คราะหข์ อ้ มลู รว่ มกนั ในการตดั สนิเพื่อให้ระดบั คณุ ภาพตามเกณฑท์ ี่ก�ำหนด ซ่ึงจะไม่ใชก่ ารใหค้ ะแนนตามความคดิ เห็นของคนใดคนหนึ่งหลักสตู รการสมั มนาเชิงปฏบิ ัติการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 37 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๕) การประเมนิ คณุ ภาพภายในเปน็ หนา้ ทข่ี องสถานศกึ ษาทต่ี อ้ งตรวจสอบและประเมนิ ตนเองตามสภาพบริบทของสถานศึกษาท่ีแท้จริง โดยให้ความส�ำคัญกับการประเมินเชิงคุณภาพ ผนวกกับการประเมินเชิงปริมาณควบคู่กันไป การตัดสินคุณภาพของสถานศึกษาให้ใช้เกณฑ์การให้คะแนนผลงานหรือกระบวนการ ท่ไี ม่แยกสว่ นหรอื แยกองค์ประกอบในการก�ำหนดคะแนนประเมิน แตเ่ ปน็ การประเมนิ ในภาพรวมของผลการด�ำเนินงานหรือกระบวนการด�ำเนนิ งาน (holistic assessment) ๖) การก�ำหนดเป้าหมายการด�ำเนินงานภายในของสถานศึกษา ให้สถานศึกษาก�ำหนดเปา้ หมายและเกณฑก์ ารประเมนิ ตามสภาพบรบิ ทของสถานศกึ ษาเอง เพอื่ ตรวจสอบและประเมนิ ผลการด�ำเนินงานตามภารกิจของสถานศกึ ษา โดยให้ยดึ หลกั การด�ำเนนิ งานเพือ่ พัฒนา และสะทอ้ นคุณภาพการด�ำเนินงานตามเปา้ หมายทกี่ �ำหนดตามมาตรฐานของสถานศึกษา ๗) การประเมนิ คณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษาใหเ้ นน้ การประเมนิ ตามหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามสภาพจริงของสถานศึกษา (evidence based) โดยเลือกใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีเหมาะสมและสะท้อนคุณภาพการด�ำเนินงานตามมาตรฐานของสถานศึกษาได้อย่างชัดเจน และมเี ป้าหมาย การประเมนิ เพอื่ การพฒั นา ลดภาระการจดั เกบ็ ขอ้ มูลและเอกสารที่ไม่จ�ำเปน็ในการประเมนิ แตข่ อ้ มลู ตอ้ งมคี วามนา่ เชอ่ื ถอื และสามารถตรวจสอบผลการประเมนิ ไดต้ ามสภาพบรบิ ทของสถานศกึ ษาน้นั ๆ ๘) คณะที่ท�ำหน้าท่ีประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาควรศึกษามาตรฐานการศึกษาและประเด็นพิจารณาท่ีก�ำหนดให้เข้าใจถ่องแท้ก่อนด�ำเนินการประเมินคุณภาพสถานศึกษาของตนหลังประเมินแล้วให้แจ้งผลการประเมินและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการศึกษา สรุปและเขียนรายงานการประเมนิ ตนเอง (self-assessment report) ๙) ในการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้สถานศึกษาด�ำเนินการ โดย ให้มีการประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาอย่างน้อยปีละ ๑ คร้ัง และในการประเมนิ คณุ ภาพภายในตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาใหใ้ ชว้ ธิ กี ารและเครอื่ งมอื ทห่ี ลากหลายและเหมาะสม ๑๐) ใหส้ ถานศึกษาสรุปและจดั ท�ำรายงานการประเมนิ ตนเองท่สี ะท้อนคุณภาพผ้เู รยี นและผลส�ำเร็จของการบริหารจัดการศึกษา น�ำเสนอรายงานต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและหนว่ ยงานตน้ สงั กดั เผยแพรร่ ายงานตอ่ สาธารณชนและหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง และเตรยี มรบั การประเมนิคณุ ภาพภายนอกต่อไป38 หลักสตู รการสมั มนาเชิงปฏบิ ตั กิ ารพัฒนามาตรฐานผ้ปู ระเมินคณุ ภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
๑๑) โครงสร้างรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษาไม่มีรูปแบบตายตัว ให้สถานศึกษาจัดท�ำในส่ิงที่สถานศึกษาต้องการน�ำเสนอได้ ส่ิงส�ำคัญที่สุดของรายงานการประเมินตนเอง คือกระบวนการพัฒนาคุณภาพซ่ึงหมายรวมถึง กิจกรรม/โครงการ/งานที่สถานศึกษาด�ำเนินการท่ีจะสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ หลกั การ แนวคดิ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา การมเี ปา้ หมายหรอื รปู แบบทชี่ ดั เจนในการพฒั นาการเรยี นการสอน ซงึ่ ทกุ กจิ กรรม/โครงการ/งานสง่ ผลถงึ การพฒั นาผเู้ รยี นใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายของสถานศกึ ษา ๑๒) ขอ้ ควรตระหนกั ในการประเมนิ คณุ ภาพภายใน ๑๒.๑) ผปู้ ระเมนิ ควรมคี วามรลู้ กึ และเขา้ ใจบรบิ ทของการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษาท้งั ในแง่ มุมของภาระงาน โครงสร้าง เทคนคิ ต่าง ๆ ทีใ่ ช้ในการบรหิ าร และการพัฒนาการจัดการเรียนรู้และมปี ระสบการณ์เพียงพอ เพื่อการชว่ ยชแี้ นะการปรับปรุงพฒั นาสถานศึกษาได้อย่างชดั เจน และตรงประเดน็ เกิดประโยชน์ต่อสถานศึกษาอย่างแทจ้ รงิ ๑๒.๒) ผู้ประเมินควรวิเคราะห์อภิปรายด้วยใจเป็นกลาง โดยพิจารณาจากข้อมูลหลกั ฐานทเี่ กบ็ รวบรวมจากหลาย ๆ ดา้ น ทงั้ ขอ้ มลู ปจั จบุ นั และผลการประเมนิ การด�ำเนนิ งานทผ่ี า่ นมา (อาจพิจารณาย้อนหลัง ๓ ปี) ทัง้ นีเ้ พือ่ ให้ทราบถงึ ความกา้ วหน้าในการพัฒนาวา่ อยูใ่ นระดบั ใด ๑๒.๓) สงิ่ ทม่ี คี ณุ คา่ มากทส่ี ดุ ทไ่ี ดร้ บั จากการประเมนิ ภายในของสถานศกึ ษา คอื การได้รบั ขอ้ ชแี้ นะ ค�ำแนะน�ำ แนวทางการพฒั นาสถานศกึ ษาทเ่ี ปน็ รปู ธรรมและปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ดงั นน้ั ผปู้ ระเมนิจงึ ควรรคู้ วามเคลอ่ื นไหวของการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในเรอื่ งการพฒั นาการเรยี นการสอน ๑๒.๔) การก�ำหนดระยะเวลาด�ำเนนิ การประเมินภายในของสถานศกึ ษาน้นั ให้สถานศกึ ษาก�ำหนดไดเ้ องตามความเหมาะสม แตค่ วรสอดคลอ้ งกบั สภาพและบรบิ ทของการด�ำเนนิ งาน เพอ่ืความสะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารหลักฐาน เชน่ แผนพฒั นาคณุ ภาพการจัดการศกึ ษา แผนการเรยี นรู้ บนั ทกึ หลงั สอนรายงานประชมุ เปน็ ตน้ ซงึ่ จะเหน็ ไดว้ า่ เอกสารหลกั ฐานตา่ ง ๆ นน้ั เกดิขน้ึ จากการปฏิบตั ิงาน ไมใ่ ชก่ ารสร้างเอกสารหลกั ฐานเพิ่มเติม ๑๒.๕) การเก็บรวบรวมข้อมูลในส่วนของการสังเกตและสัมภาษณ์นั้น ควรกระท�ำดว้ ยความระมดั ระวงั ตอ้ งสรา้ งความรสู้ กึ เปน็ มติ รมากกวา่ การจบั ผดิ หรอื การกลา่ วโทษ และควรพดู คยุสอบถามดว้ ยความสภุ าพและสรา้ งความไวว้ างใจเปน็ อนั ดบั แรก กอ่ นทจี่ ะสอบถามเพอื่ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ตอ่ ไปหลกั สูตรการสัมมนาเชิงปฏบิ ัตกิ ารพัฒนามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหม่ 39 และกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ตอนท่ี ๓ โครงสรา้ งและเน้ือหาการสมั มนาหน่วยที่ ๑ รปู แบบและแนวทางการประเมินคณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษาแนวใหม่หน่วยท่ี ๒ มาตรฐานการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานตามกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑หน่วยท่ี ๓ เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพด้านการประเมินหนว่ ยท่ี ๔ การจดั ท�ำ รายงานผลการประเมนิ คณุ ภาพสถานศกึ ษา และการใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั เพอ่ื การพัฒนาคณุ ภาพสถานศึกษาหนว่ ยท่ี ๕ การวางแผนบริหารจัดการขยายผลการสมั มนา การพฒั นามาตรฐานผปู้ ระเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามรปู แบบแนวทางการประเมนิ แนวใหมแ่ ละกฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ น้ี เปน็ การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ และเพมิ่ พนู ความรู้ความสามารถและทักษะในการประเมินคุณภาพการศึกษาตามแนวปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ให้แก่ผู้เข้ารับการสัมมนา ซึ่งการประเมินคุณภาพการศึกษาตามแนวใหม่น้ีจะไม่เน้นการสร้างเอกสารในกระบวนการประเมิน แต่ต้องเป็นการประเมินโดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ (evidencebased) เลอื กใชว้ ธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทเี่ หมาะสม และสะทอ้ นคณุ ภาพการด�ำเนนิ งานตามมาตรฐานของสถานศึกษา ใช้การตรวจทานผลการประเมินโดยคณะกรรมการประเมินในระดับเดียวกัน (peerreview) โดยเทียบกับเกณฑ์หรือมาตรฐานท่ีก�ำหนดไว้ ผู้ประเมินต้องมีความรู้อย่างรอบด้านและวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันเพ่ือการตัดสินให้ระดับคุณภาพตามเกณฑ์ท่ีก�ำหนด ยึดหลักการตัดสินระดับคุณภาพตามหลักการตัดสินโดยอาศัยความเช่ียวชาญ (expert judgment) ของผู้ประเมิน ใช้เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงานหรอื กระบวนการทไี่ มแ่ ยกสว่ นหรอื แยกองคป์ ระกอบ แตเ่ ปน็ การประเมนิ ในภาพรวมของผลการด�ำเนินงานหรือกระบวนการด�ำเนินงานในภาพรวม (holistic assessment) รวมทั้งผู้ประเมินต้องสามารถให้ค�ำแนะน�ำและข้อช้ีแนะแก่สถานศึกษา เพ่ือพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการจัดการศึกษาตามบริบทของสถานศกึ ษาอยา่ งเปน็ รปู ธรรมหลักสตู รการสัมมนาเชงิ ปฏิบัติการพัฒนามาตรฐานผู้ประเมนิ คุณภาพการศกึ ษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 41 และกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑
ในการสัมมนาครั้งนี้ ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานใช้วิธีการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โดยรูปแบบการสัมมนามีทั้งการบรรยายให้ความรู้ การฝึกท�ำกิจกรรมการประเมินในรูปแบบใหม่ การทดสอบความรู้ของผูเ้ ข้ารบั การสัมมนาทงั้ ก่อนและหลังการสัมมนาเพื่อเป็นการประเมนิประสทิ ธภิ าพของการสมั มนา มที มี วทิ ยากรคอยเปน็ พเี่ ลย้ี งใหค้ �ำปรกึ ษาและชแี้ นะในระหวา่ งการฝกึ ท�ำกจิ กรรม รวมท้งั ท�ำหน้าทีใ่ นการประเมินผลผูร้ ว่ มสัมมนาเปน็ รายบุคคล ระยะเวลาการสัมมนา ๓ วนัโดยมีขอบข่ายโครงสร้างของการสมั มนา ดงั น้ี โครงสร้างเน้อื หาโครงสรา้ งเนื้อหาประกอบด้วยสาระส�ำคญั จ�ำนวน ๕ หนว่ ยการเรียนรู้ ดังนี้หน่วยที่ ชือ่ เร่อื ง วตั ถปุ ระสงค์ บทบาทของผู้เข้ารบั การสัมมนา ๑ รปู แบบและแนวทางการประเมนิ คุณภาพภายในของสถานศกึ ษาแนวใหม่ รปู แบบและแนวทาง ๑) เพอ่ื ให้ผู้เขา้ รบั การสมั มนา ๑. ตรวจสอบมโนทัศน์ การประเมินคณุ ภาพ มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั รปู แบบ ๒. ฟังการบรรยาย/ดคู ลปิ วีดิโอ ภายในของสถาน การประเมินคุณภาพภายในแนวใหม่ ๓. ศกึ ษาเอกสารเสริมความรู้ เรอื่ ง ศกึ ษาแนวใหม่ ๒) เพอื่ ใหผ้ ู้เขา้ รับการสัมมนาแลก แนวคดิ หลักการ และรปู แบบการ เปล่ียนเรียนรเู้ กีย่ วกับรปู แบบการ ประเมนิ คณุ ภาพภายในแนวใหม่ ประเมินคณุ ภาพภายในแนวใหม่ ๔. ท�ำ ใบงานกจิ กรรมกลุ่ม ๒ มาตรฐานการศึกษาขนั้ พื้นฐาน ตามประกาศกฏกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎกระทรวง เพ่อื ใหผ้ เู้ ขา้ รับการสัมมนามคี วามรู้ ๑. ตรวจสอบมโนทศั น์ การประกนั คุณภาพ ความเขา้ ใจและเสริมสรา้ งองค์ความ ๒. ฟงั การบรรยายจากวิทยากร การศกึ ษา พ.ศ. ร้เู กีย่ วกับกฏกระทรวงการประกนั ๓. ฝึกปฏิบัตใิ บกจิ กรรม ๒๕๖๑ และมาตรฐาน คุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๔. ศกึ ษาเอกสารเสรมิ ความรู้ การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน และมาตรฐานการศกึ ษาระดบั แลกเปลย่ี นเรยี นรู้จากการปฏบิ ัติ ปฐมวัย มาตรฐานการศกึ ษา ระดบั งานเดยี่ วและงานกลมุ่ การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานมาตรฐานการ ๕. การนำ�เสนอผลงานและการ ศึกษา ระดบั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน สะทอ้ นผล ศนู ย์การศกึ ษาพิเศษ42 หลักสูตรการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพฒั นามาตรฐานผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาตามรูปแบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
หนว่ ยท่ี ชอ่ื เรอ่ื ง วัตถปุ ระสงค์ บทบาทของผู้เขา้ รบั การสมั มนา ๑. ปฏิบัตกิ ิจกรรมใบงาน๓ เสริมสรา้ งศกั ยภาพดา้ นการประเมิน ๒. น�ำ เสนอผลงาน ๓. ฟังการบรรยายสรปุ จากวิทยากร ๓.๑ บทบาทหนา้ ที่ เพื่อใหผ้ ้เู ข้ารับการสมั มนามคี วามรู้ และคุณลักษณะของ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั บทบาทหนา้ ที่ ผูป้ ระเมนิ คุณภาพ และคุณลกั ษณะของผปู้ ระเมนิ สถานศึกษา คุณภาพสถานศกึ ษา ๓.๒ ทกั ษะของผู้ ๑. เพอื่ พัฒนาความสามารถในการ ๑. ฟงั การบรรยายจากวิทยากร ประเมนิ คุณภาพ ออกแบบการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเพ่อื ๒. ปฏิบตั ิกจิ กรรมใบงาน สถานศกึ ษา การประเมินคุณภาพการศึกษา : ๓. นำ�เสนอผลงานและและการ ทกั ษะการสงั เกต การตง้ั คำ�ถามและ สะทอ้ นผล สัมภาษณผ์ ู้มีส่วนเกย่ี วข้อง ๒. เพ่ือพัฒนาทักษะการตคี วาม การ ตรวจสอบความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมูล และการสรปุ ความ๔ การจดั ทำ�รายงานผลการประเมินคณุ ภาพสถานศกึ ษา และการใหข้ อ้ มลู ย้อนกลับเพ่อื การพฒั นา คณุ ภาพสถานศึกษา ๔.๑ การจดั ทำ� เพือ่ ให้ผูเ้ ขา้ รบั การสมั มนา ๑. ฟงั การบรรยายจากวิทยากร รายงานการประเมิน มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถ ๒. ศึกษาเอกสารเสริมความรู้ คณุ ภาพสถานศกึ ษา เขยี นรายงานการ ประเมนิ คณุ ภาพ การแลกเปลย่ี นเรียนรู้ การปฏบิ ัติ การศกึ ษา งานเดี่ยวและงานกลุม่ ๓. การนำ�เสนอผลงานและ การสะทอ้ นผล ๔.๒ การใหข้ ้อมูล เพอ่ื ให้ผู้เขา้ รบั การสัมมนา ๑. ฟงั การบรรยายจากวิทยากร ยอ้ นกลบั เพ่อื การ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเทคนคิ การ ๒. ศึกษาเอกสารเสรมิ ความรู้ พัฒนาคณุ ภาพสถาน ใหข้ อ้ มูลย้อนกลับ เพื่อการพฒั นา การแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ การปฏบิ ตั ิ ศกึ ษา คณุ ภาพสถานศกึ ษาภายใต้ข้อมูล งานเดี่ยวและงานกลุ่ม และบรบิ ทของสถานศกึ ษา ๓. การนำ�เสนอผลงานและ การสะท้อนผล๕ การวางแผนบริหารจดั การขยายผลการสมั มนา การวางแผนบริหาร เพ่ือใหผ้ ้เู ข้ารับการสัมมนา ๑. ฟังการบรรยายจากวทิ ยากร จดั การขยายผลการ มคี วามเขา้ ใจ และสามารถวางแผน ๒. ปฏิบตั ิกิจกรรมตามใบงาน สมั มนา การสัมมนารว่ มกัน ๓. นำ�เสนอแผนการขยายผลหลกั สตู รการสมั มนาเชิงปฏิบตั ิการพฒั นามาตรฐานผูป้ ระเมนิ คณุ ภาพการศึกษาตามรปู แบบแนวทางการประเมินแนวใหม่ 43 และกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202