คูม อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 ส่ิงตาง ๆ รอบตวั เรา 14 6.2 ยกตวั อยางส่ิงทีเ่ ปนวตั ถุ (เส้อื ผา หมอ หอก มดี บาน) การเตรยี มตวั ลวงหนา สําหรับครู 6.3 วัสดุคืออะไร (วสั ดุคอื สิ่งทน่ี าํ มาใชทาํ วตั ถุตา งๆ) เพ่ือจดั การเรยี นรูใ นครง้ั ถัดไป 6.4 วัสดุมอี ะไรบา ง ยกตวั อยา ง (ไม ดนิ โลหะ อฐิ ) 7. ครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนอีกคร้ัง โดยนําสิ่งของตาง ๆ ที่ใชใน ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดทํา ข้ันนําเขา สบู ทเรียนมาใหดูทีละชิ้น แลวถามนกั เรียน ดว ยคาํ ถามดังน้ี กิจกรรมท่ี 1 ชนิดของวัสดุมีอะไรบาง 7.1 สงิ่ ของนี้เรยี กวาอะไร (นกั เรยี นตอบตามความเปน จริง) โดยการสังเกตและระบุชนิดของวัสดุท่ี 7.2 สง่ิ ของน้จี ดั เปน วัตถหุ รือไม (จดั เปน วัตถ)ุ นํามาใชทําวัตถุตางๆ นักเรียนอาน 7.3 วตั ถุชิ้นนี้ทาํ จากวสั ดุอะไรบา ง (นักเรียนตอบตามความเปนจรงิ ) หนังสือเรียนหนา 6 เพ่ือศึกษาวาใน คร้ังตอไปจะไดเรียนเกี่ยวกับเร่ืองอะไร ครูถามคําถามขอ 7.1 -7.3 จนครบสิ่งของท่ีนํามาใหนักเรียนดู และจะตองเตรียมอุปกรณอะไรบาง จากนั้นครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ ครูพิจารณาคําตอบของนักเรียนวาถูกตองหรือไม หากไมถูกตองให 4-5 คน แตละกลุมประชุมแบงหนาที่ กันในการนําอุปกรณมาทํากิจกรรม แกไ ขใหถ ูกตองทนั ที อุปกรณใดที่นักเรียนไมสามารถเตรียม ไดใหค รจู ัดเตรยี มมาให เชน ครกหิน ขน้ั สรปุ จากการอา น (10 นาที) 8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดขอสรุปจากการอานวามนุษยใช สงิ่ ของมากมาย สงิ่ ของตางๆ เปน วตั ถุ ซึง่ ทาํ จากวสั ดตุ า งๆ 9. นกั เรยี นตอบคาํ ถามใน รหู รือยัง ในแบบบนั ทกึ กิจกรรม หนา 6 10. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียน ในรหู รอื ยังกับคําตอบทเ่ี คยตอบและบนั ทึกไวใ นคดิ กอนอาน 11. ครูเนนย้ํากับนักเรียนเกี่ยวกับคําถามทายเรื่อง ไดแก วัสดุมีอะไรอีก บาง มีสมบัติอยางไร และเราจัดกลุมวัสดุไดอยางไรเพื่อชักชวนให นกั เรียนหาคาํ ตอบรว มกันในกจิ กรรมตอ ไป 12. นกั เรียนฝกทกั ษะการเขียนในแบบบันทกึ กิจกรรมหนา 6 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
15 คูมือครรู ายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 สิ่งตา ง ๆ รอบตัวเรา แนวคําตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม สิ่งของเครื่องใชตา งๆ ส่ิงทีน่ ํามาใชทําเปน วัตถุตาง ๆ ไม หนิ อิฐ วตั ถุ วสั ดุ วัตถุ วัสดุ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 สิ่งตา ง ๆ รอบตัวเรา 16 กิจกรรมที่ 1.1 ชนดิ ของวัสดุมีอะไรบา ง กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดสังเกตและบอกชนิดของวัสดุ ทใี่ ชท ําวตั ถุ เวลา 1 ชว่ั โมง จดุ ประสงคการเรียนรู สังเกตและบอกชนิดของวสั ดทุ ใ่ี ชทําวัตถุ วัสดุ อุปกรณสาํ หรับทาํ กจิ กรรม สิง่ ท่คี รูตอ งเตรียม/กลุม 1. ผาเช็ดหนา 1 ผนื 2. กลอ งดนิ สอโลหะ 1 กลอง 3. ยางลบ 1 กอน 4. ไมบ รรทัดพลาสตกิ 1 อัน 5. แกวน้ํา 1 ใบ ส่อื การเรียนรแู ละแหลงเรียนรู 6. ยางรัดของ 1 เสน 1. หนังสอื เรยี น ป.1 เลม 2 หนา 6-7 7. จานกระเบ้ือง 1 ใบ 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.1 เลม 2 หนา 7-10 8. ครกหนิ 1 ใบ 3. ตวั อยางวดี ทิ ัศนปฏิบัตกิ ารวทิ ยาศาสตรเรื่องวัตถุ 9. ตะเกียบไม 1 คู ทําจากวสั ดอุ ะไร http://ipst.me/8042 ส่งิ ทน่ี กั เรียนตองเตรยี ม/กลุม 1. กระดาษวาดเขียน 1 แผน ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร S1 การสังเกต S8 การลงความเหน็ จากขอมลู ขอ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ S13 การตีความหมายขอมลู และลงขอ สรปุ 1. นกั เรียนอาจนาํ สิง่ ของอื่นมาเพ่มิ เติมได 2. ครูอาจเพิ่มเติมจํานวนคําถามในเกม ทกั ษะแหง ศตวรรษที่ 21 “ลมเพ ลมพัด” C5 ความรวมมือ สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
17 คมู อื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 สงิ่ ตา ง ๆ รอบตวั เรา แนวการจดั การเรยี นรู นักเรียนอาจไมสามารถ ตอบคําถามหรืออภิปรายไดตาม 1. ครูนําเขาสูกิจกรรม โดยใหนักเรียนอานช่ือกิจกรรมและทําเปนคิด แนวคําตอบ คุณครูควรใหเวลา เปน ในหนังสือเรียนหนา 6 จากน้ันตรวจสอบความเขาใจของ นักเรียนคิดอยางเหมาะสม รอ นักเรียนเก่ยี วกบั ส่งิ ทจ่ี ะเรยี น โดยใชคาํ ถาม ดังนี้ คอยอยางอดทน และรับฟง 1.1 กจิ กรรมนีน้ ักเรยี นจะไดเรียนเรื่องอะไร (เรียนเรื่องชนิดของวัสดุ แนวความคิดของนกั เรียน ทใ่ี ชท าํ วัตถ)ุ 1.2 นักเรยี นจะไดเรียนเรอ่ื งนี้ดวยวธิ ีใด (การสงั เกต) 1.3 เมื่อเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (สามารถบอกชนิดของวัสดุ ทใ่ี ชทําวัตถไุ ด) นกั เรียนบันทึกจุดประสงคล งในแบบบนั ทึกกจิ กรรม 2. นักเรียนอาน สิ่งที่ตองใช จากนั้นตรวจสอบส่ิงของท่ีตองใชในการทํา กิจกรรมโดยครแู สดงส่งิ ของตางๆ ใหน ักเรียนดูทลี ะชน้ิ 3. นักเรียนอาน ทําอยางไร ในหนังสือเรียนหนา 6 โดยใชวิธีการอานที่ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน และตรวจสอบความเขาใจ ของนักเรียนเกีย่ วกับวธิ ีทํากจิ กรรม โดยใช คาํ ถามดังน้ี 3.1 นักเรียนตองทําอะไรบาง (สังเกตวัตถุตาง ๆ แลวรวมกัน อภิปรายวาวตั ถแุ ตละช้นิ ทํามาจากวสั ดุชนดิ ใดบา ง) 4. เม่ือตรวจสอบจนแนใจวานักเรียนเขาใจข้ันตอนการทํากิจกรรม ให นกั เรียนเร่มิ ทาํ กิจกรรมโดยนักเรียนจะไดทาํ ดังนี้ • สังเกตวตั ถุตาง ๆ (S1) • บอกชอื่ วสั ดุท่ใี ชทําวัตถุนน้ั (S8) • บันทกึ ผลลงในแบบบันทึกกจิ กรรม • นาํ เสนอ อภปิ รายและลงขอสรุป(S13) (C5) 5. ตัวแทนนักเรียนในกลุมนําเสนอผลการสังเกต ครูอาจเตรียมตาราง บันทึกผลซ่ึงขยายจากแบบบันทึกในหนา 8-9 บนกระดาน ครู บันทึกผลการสังเกตตามการนําเสนอของนักเรียนลงในแบบบันทึกผล บนกระดาน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการสังเกต สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 สง่ิ ตา ง ๆ รอบตัวเรา 18 วัตถุแตละช้ินวาทําจากวัสดุอะไร (ผาเช็ดหนาทําจากผา กลองดินสอ โลหะทําจากโลหะ ยางลบทําจากยาง ไมบรรทัดพลาสติกทําจาก พลาสติก แกว นํ้าทําจากแกว ยางรัดของทําจากยาง จานกระเบ้ืองทํา จากกระเบ้อื ง ครกหนิ ทาํ จากหนิ ตะเกยี บไมท าํ จากไม) 6. ครูและนกั เรียนรวมกันอภปิ รายจนไดขอ สรปุ วา วสั ดทุ ่นี าํ มาใชทําวัตถุ มหี ลายชนิด เชน ผา โลหะ ยาง พลาสติก แกว กระเบือ้ ง หนิ ไม 7. นักเรียนรวมกันอภิปรายคําตอบใน ฉันรูอะไร โดยครูอาจเพิ่มเติม คําถามในการอภิปรายเพื่อใหไดแนวคําตอบตามคําถามทายกิจกรรม น้ี 8. นักเรียนเขียนสรุปส่ิงที่ไดเรียนรูในกิจกรรมน้ีดวยภาษาของตนเอง จากน้ันครูใหนักเรียนอาน ส่ิงท่ีไดเรียนรู และเปรียบเทียบกับขอสรุป ของตนเอง 9. ครูประเมินการเรียนรูโดยใหนักเรียนพิจารณาวัตถุชิ้นใหมซ่ึงทําจาก วัสดุชนิดเดียวกับวัตถุท่ีใชในกิจกรรม เชน หินทับกระดาษ เสื้อ นักเรยี น จานพลาสติก 10. ครูกระตุนใหนักเรียนตั้งคําถามใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูสุม นักเรยี น 2 -3 คน นําเสนอคาํ ถามของตนเองหนาชั้นเรยี น 11. ครูนําอภิปรายเพื่อใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตรและทักษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 ในขั้นตอน ใดบา ง 12.หากมีเวลา ครูอาจใหนักเรียนทํากิจกรรมเพ่ิมเติมเพ่ือเปนการ ตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนโดยใหนักเรียนแตละคนวาดรูป วัตถุส่ิงของท่ีชอบลงบนกระดาษวาดเขียนแลวใหระบุวัสดุท่ีนํามาใช ทําวัตถุนั้นเขียนไวดานหลังภาพ ตอจากนั้นใหตัดรูปเหลานั้นเย็บติด กับแถบกระดาษที่ทําเปนวงสําหรับสวมหัว จากนั้นใหนักเรียนแตละ คนสวมหมวกท่ีทําขึ้น ครูควรเตรียมหมวกที่เปนรูปวัตถุอื่นๆ เพื่อ เปลยี่ นใหนกั เรียนที่วาดรูปซ้ํากับเพอื่ น สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
19 คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 ส่ิงตา ง ๆ รอบตัวเรา 13.นกั เรยี นฝกรอ งเพลง ลมเพ ลมพัด 2-3 รอบ ครูอธิบายกติกาการเลน เกม “ลมเพ ลมพัด” โดยช้ีแจงใหทุกคนทราบวาแตละคนมีบทบาท สมมติตามวัตถุส่ิงของท่ีแตละคนวาดรูปไวซ่ึงทุกคนจะตองจําใหไดวา วัตถุน้ันทํามาจากวัสดุอะไร เริ่มเลนเกมโดยใหทุกคนรองเพลงลมเพ ลมพัด เมื่อเพลงจบครูจะสั่งใหวัสดุชนิดใดชนิดหนึ่ง ทําสิ่งใดส่ิงหน่ึง นักเรียนที่รูตัววาตนเองมีวัสดุอะไรก็จะตองทําตามคําส่ังนั้น เม่ือครู ตรวจสอบวานักเรียนทุกคนเขาใจกติกาแลวใหเร่ิมเลนเกมโดยรอง เพลงดงั น้ี เนือ้ เพลง ลมเพ ลมพดั “ลมเพ ลมพัด ลมสะบัดพัดมาไกลๆ ลมเพ ลมพัดอะไร ลมเพ ลมพัด อะไร ฉันจะบอกให ลมพดั พลาสตกิ ใหวิง่ ไปหลังหอ ง;*” * คือ ขอกําหนดที่ครูจะเปล่ียนแปลงเมื่อรองเพลงรอบใหม โดยครู จะตองเปลยี่ นขอกาํ หนดใหครบทกุ ขอ กําหนด เม่ือรองเพลงจบแตละคร้ัง ครูตรวจสอบดูวามีนักเรียนคนใดว่ิงไป รวมตัวกันหลังหอ งบาง จากน้นั ครูตรวจสอบเหตุผลท่ีนักเรียนมารวมตัว กันท่หี ลงั หอง ครูเปล่ียนขอกําหนดท่ีใหนักเรียนทํา หรืออาจใหนักเรียนแตละ คนผลัดกนั รอ งเพลงโดยเปลยี่ นขอกําหนดท่ีจะใหเ พ่ือนทํา เชน ใหไ มวงิ่ ไปทีห่ นาหอ ง หรือ ใหแกว นัง่ ลง หรอื ใหหินจบั มอื กนั ไว เปน ตน ทุกคร้ังท่ีนักเรียนปฏิบัติตามขอกําหนด ครูตองใหเวลานักเรียน อธบิ ายวา เพราะอะไรตนเองจงึ ทาํ หรอื ไมทําตามส่งิ ท่ีกําหนดในเพลง 14. ครูและนักเรียนสรุป รวมกันอีกครั้งวา วัตถุ คือ สิ่งของตาง ๆ ท่ีอยู รอบตัวเรา และวสั ดุ คือสิง่ ท่ีใชทําวตั ถุ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 สิ่งตา ง ๆ รอบตัวเรา 20 แนวคําตอบในแบบบันทึกกิจกรรม สงั เกตและบอก สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
21 คูมือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 สง่ิ ตาง ๆ รอบตวั เรา สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 สงิ่ ตา ง ๆ รอบตัวเรา 22 ผา โลหะ ยาง พลาสตกิ แกว กระเบื้อง หิน ไม สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
23 คมู ือครรู ายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 ส่งิ ตาง ๆ รอบตัวเรา ผา โลหะ ยาง พลาสติก แกว กระเบ้ือง แกว กระเบือ้ ง หิน ไม วสั ดุ หลายชนิด คาํ ถามของนกั เรยี นท่ีต้ังตามความอยากรขู องตนเอง สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 สิ่งตาง ๆ รอบตวั เรา 24 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมนิ การเรียนรูของนกั เรียนทําได ดงั น้ี 1. ประเมินความรูเดิมจากการอภปิ รายในชัน้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรูจากคาํ ตอบของนกั เรยี นระหวา งการจัดการเรียนรูแ ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทกั ษะแหง ศตวรรษท่ี 21 จากการทํากิจกรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทาํ กิจกรรมที่ 1.1 ชนดิ ของวัสดมุ ีอะไรบา ง ระดับคะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถึง ดี รหัส สิง่ ท่ีประเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสงั เกต S8 การลงความเหน็ จากขอมลู S13 การตคี วามหมายขอ มลู และลงขอ สรปุ ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 C5 ความรว มมือ รวมคะแนน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
25 คูม อื ครรู ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 ส่ิงตา ง ๆ รอบตัวเรา ตาราง แสดงการวิเคราะหทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรตามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเกณฑการประเมิน ดงั นี้ ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรุง (1) S1 การสงั เกต ส่งิ ทีส่ งั เกตได สามารถใชป ระสาทสัมผัสเกบ็ สามารถใชประสาทสัมผัสเก็บ ไมสามารถใช ประกอบดว ย -ลกั ษณะของวสั ดุ รายละเอยี ดลักษณะของวัสดไุ ด รายละเอียดลักษณะของวสั ดุได ประสาทสัมผัสเก็บ ถกู ตองดว ยตนเองโดยไมเ พมิ่ ถกู ตองโดยตองอาศัยการช้แี นะ รายละเอียดลักษณะ ความคดิ เห็น จากครูหรือผูอน่ื หรือเพมิ่ เติม ของวสั ดไุ ดถูกตอง ความคิดเห็น ดวยตนเอง หรอื มี การเพิ่มเตมิ ความ คิดเห็น แมว า ครหู รือ ผอู นื่ ชว ยแนะนาํ หรือ ชีแ้ นะ S8 การลง การบอกชนิดของ เพม่ิ เติมความคิดเหน็ เกี่ยวกับ เพ่ิมเติมความคิดเห็นเกีย่ วกับ ไมสามารถแสดงความ ความเหน็ จาก วสั ดทุ ใ่ี ชทําวัตถุ ขอมูลที่มอี ยูจากการสังเกตชนิด ชนดิ ของวสั ดไุ ดอยา งถูกตอง คดิ เหน็ เก่ียวกบั ขอมลู ขอ มูล ของวัสดไุ ดอยา งถกู ตอง มเี หตุผล บางสว น พยายามใหเ หตผุ ลจาก ทม่ี ีอยู หรือเพิ่มเตมิ จากความรูหรอื ประสบการณเดมิ ความรูห รือประสบการณเดมิ ได ความคดิ เห็นอยางไมมี ไดด ว ยตนเอง โดยการชีแ้ นะจากครูหรือผูอ่นื เหตผุ ล แมว าครูหรอื ผอู ื่นชว ยแนะนําหรอื ชแี้ นะ S13 การ การลงขอสรปุ สามารถตคี วามหมายจากการ ครูหรือผอู ่นื ตองชวยแนะนําหรือ ไมสามารถ ตคี วามหมายขอมูล เก่ียวกบั ชนิดของ สงั เกต และลงขอสรุปไดดว ย ชีแ้ นะจึงจะสามารถตีความหมาย ตีความหมายจากการ และลงขอสรปุ วสั ดทุ ใี่ ชทําวัตถุ ตนเองวา วสั ดมุ หี ลายชนิด เชน จากการสังเกต และลงขอ สรุปได สงั เกต และลงขอสรปุ ผา ไม แกว ยาง พลาสติก โลหะ วาวัสดมุ ีหลายชนิด เชน ผา ไม ไดดวยตนเองวา วัสดุมี กระเบื้อง หนิ แกว ยาง พลาสติก โลหะ หลายชนดิ เชน ผา ไม กระเบื้อง หิน แกว ยาง พลาสตกิ โลหะ กระเบื้อง หนิ แมว า ครหู รือผูอ่ืนชว ย แนะนาํ หรอื ชี้แนะ สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 สง่ิ ตา ง ๆ รอบตวั เรา 26 ตาราง แสดงการวิเคราะหทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเกณฑการประเมิน ดงั น้ี ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรุง (1) C5 ความ การทํางานรวมมือ สามารถทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับผูอ่ืน ไ ม ส า ม า ร ถ ทํ า ง า น รวมมอื กันในกลมุ ผู อื่ น แ ล ะ รั บ ฟ ง ค ว า ม และรับฟงความคิดเห็นของ ร ว ม กั บ ผู อ่ื น อ ย า ง คิดเห็นของผูอื่นอยาง ผูอื่นอยางสรางสรรคในการ สรางสรรคในการทํา ส ร า ง ส ร ร ค ใ น ก า ร ทํ า ทํากจิ กรรมเกีย่ วกับชนดิ ของ กิจกรรมเกี่ยวกับชนิด กิจกรรมเกี่ยวกับชนิดของ วั ส ดุ ท่ี ใ ช ทํ า วั ต ถุ ไ ด เ ป น ของวัสดุที่ใชทําวัตถุ วัสดุที่ใชทําวัตถุตั้งแต บางครั้งทั้งน้ีตองอาศัยการ แมวาครูหรือผูอ่ืนชวย เ ริ่ ม ต น จ น เ ส ร็ จ ส้ิ น กระตุนจากครหู รือผูอ่ืน แนะนาํ หรือชี้แนะ กจิ กรรม สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
27 คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 ส่งิ ตาง ๆ รอบตวั เรา กิจกรรมท่ี 1.2 วัสดแุ ตล ะชนดิ มีสมบตั ิอยา งไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดสังเกตสมบัติของวัสดุที่ใชทํา วัตถุโดยการใชมือกดวานุมหรือแข็ง ใชมือดึงวายืดไดหรือ ยืดไมได มองผานวัสดุเพื่อระบุวาใส ขุนหรือทึบ มองผิว วัสดุวามันวาวหรือไมมันวาว และใชประสาทสัมผัสอื่นๆ เพือ่ ระบุสมบตั ิของวัสดุ เวลา 1 ชว่ั โมง จดุ ประสงคก ารเรยี นรู 1. สงั เกตและอธิบายสมบตั ขิ องวสั ดุ 2. จัดกลุมวัสดตุ ามสมบตั ขิ องวสั ดุ วัสดุ อปุ กรณส าํ หรบั ทาํ กจิ กรรม ส่ิงท่ีครตู องเตรียม/กลุม สือ่ การเรยี นรูและแหลง เรียนรู 1. ตุกตาผา 1 ตัว 2. แทง ไม 1 แทง 1. หนังสือเรียน ป.1 เลม 2 หนา 8-10 3. จานพลาสติก 1 ใบ 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.1 เลม 2 หนา 11-16 4. แกวน้าํ 1 ใบ 3. ตัวอยางวีดิทัศนปฏิบัติการวิทยาศาสตรเร่ืองวัสดุแตละ 5. ชอนโลหะ 1 คัน ชนิดมีสมบตั อิ ยา งไร http://ipst.me/8043 6. กอนหิน 1 กอ น 4. ตัวอยางวีดิทัศนปฏิบัติการวิทยาศาสตรเรื่องจัด 7. ลกู บอลยาง 1 ลกู กลุม วตั ถไุ ดอยางไร http://ipst.me/8044 สิง่ ที่นกั เรยี นตอ งเตรยี ม/กลุม - ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร S1 การสังเกต S4 การจาํ แนกประเภท ขอ เสนอแนะเพิ่มเติม S8 ลงความเหน็ จากขอมลู 1. นกั เรยี นอาจนาํ สง่ิ ของอื่นๆ มาเพ่ิมเตมิ ได 2. ครูอาจใหน กั เรยี นสังเกตสิ่งของตาง ๆ ใน S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอ สรุป หองเรียน ทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 3. ครูอาจเปล่ียนรายการวัสดุอุปกรณโดย C2 การคิดอยางมวี ิจารณญาณ เปล่ียนมาใชวัสดุอุปกรณที่หาไดงายใน ทองถ่ิน C4 การสอ่ื สาร C5 ความรว มมอื สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 สิ่งตาง ๆ รอบตัวเรา 28 แนวการจดั การเรียนรู 1. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยใชคําถามเพื่อทบทวนส่ิงท่ีนักเรียนไดเรียนมาแลว ในการตรวจสอบความรู เกี่ยวกับชนิดของวัสดุจากกิจกรรมท่ี 1.1 วามีอะไรบาง (ผา ไม แกว ยาง ค รู เ พี ย ง รั บ ฟ ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง พลาสติก โลหะ กระเบ้ือง หนิ ) นักเรียน และยังไมเฉลยคําตอบ ใด ๆ แตชักชวนใหไปหาคําตอบ 2. ครูเชื่อมโยงความรูพ้ืนฐานสูเร่ืองสมบัติของวัสดุโดยใหนักเรียนฟงนิทาน ดว ยตนเองจากการทํากิจกรรม เรื่องลูกแกะ 3 ตัว แลวเขียนประเด็นท่ีตองการหาคําตอบบนกระดานเชน บานที่ลูกแกะ 3 ตัว สรางทําจากวัสดุอะไรบาง มีสมบัติตางกันอยางไร นิทานเรื่องลูกแกะ 3 ตัว หลังจากอา นนิทานครตู รวจสอบความเขาใจโดยถามนักเรยี นดงั ตอไปนี้ 2.1 จากนิทานเร่ืองลูกแกะ 3 ตัว ลูกแกะสรางบานโดยใชวัสดุอะไรบาง (ใน กาลครั้งหนึ่ง นานมาแลว มีลูกแกะ 3 การสรางบาน ลูกแกะใชฟ าง ไมและอิฐ) ตัวพี่นองอาศัยอยูดวยกันกับพอและแม 2.2 ฟาง ไมและอิฐมีลักษณะแตกตางกันอยางไรบาง (ฟางเบา มีลักษณะ เม่ือโตขึ้น พอและแมแกะบอกลูกๆท้ังสาม เปนเสน ไมหนักกวาฟางแตเบากวาอิฐ ผิวหยาบ มีลักษณะเปนแผน วา ถึงเวลาท่ีจะตองไปสรางบานของตนเอง สวนอิฐหนักที่สุด มีลักษณะเปนกอน ผิวขรุขระ ฟางและไมมีสีนํ้าตาล แลว ลูกแกะท้ังสามจึงตัดสินใจสรางบาน สวนอิฐมสี ีแดง) ใกลๆกัน ลูกแกะตัวท่ีหนึ่ง สรางบานดวย ครูใหความรเู พิ่มเติมวา วัสดุตา ง ๆ มลี ักษณะเฉพาะของสิ่งของตาง ๆ เชน ฟางซ่ึงมีลักษณะเปนเสน น้ําหนักเบา เมื่อ ใชม ือลูบ รูสึกหยาบ ลูกแกะตัวท่ีสอง สราง เบา มีสี นุม ขรขุ ระ เรยี บ เราเรียกลกั ษณะเฉพาะของสง่ิ นนั้ วา สมบตั ิของส่งิ นน้ั บานดวยไมซ่ึง มีลักษณะเปนแผน น้ําหนัก 3. ครชู กั ชวนใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.2 วัสดุแตละชนิดมีสมบัติอยางไร โดย เบา เม่ือใชมือลูบรูสึกหยาบ ใชมือกดแลว รูสึกแข็ง สวนลูกแกะตัวที่สาม สรางบาน อานช่ือกิจกรรมและ ทําเปนคิดเปน ในหนังสือเรียนหนา 8 ตรวจสอบ ดวยอิฐซ่ึงมีน้ําหนักมาก สัมผัสแลวรูสึก ความเขาใจของนักเรยี นเกีย่ วกบั ส่งิ ที่จะเรยี น โดยใชค ําถามดงั นี้ ขรขุ ระ 3.1 กิจกรรมนน้ี ักเรยี นจะไดเ รียนเรอ่ื งอะไร (สมบตั ขิ องวัสดแุ ตละชนิด) 3.2 นักเรียนจะไดเ รยี นเรื่องนีด้ วยวิธใี ด (การสงั เกต) 3.3 เมื่อเรียนแลว นกั เรียนจะทาํ อะไรได (อธิบายสมบตั ิของวสั ดุและจัดกลุม วัสดุได) 4. นักเรียนอาน สิ่งที่ตองใช แลวตรวจสอบรายการส่ิงของที่ตองสังเกตโดยครู แสดงส่ิงของตา งๆ ใหน กั เรียนดทู ีละช้นิ 5. นักเรยี นอาน ทําอยางไร โดยใชวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับความสามารถของ นกั เรยี น และตรวจสอบความเขา ใจของนักเรียนเก่ียวกับวิธีทํากิจกรรม โดย อาจใชค าํ ถามดังน้ี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
29 คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 สงิ่ ตาง ๆ รอบตัวเรา 5.1 นักเรียนสังเกตวัตถุเพ่ือตองการทราบเกี่ยวกับอะไร (ชนิดของวัสดุท่ีใช นักเรียนอาจไมสามารถ ทําวัตถุนนั้ ) ตอบคําถามหรืออภิปรายไดตาม แนวคําตอบ คุณครูควรใหเวลา 5.2 การสงั เกตวา วัสดนุ น้ั มสี มบัตินมุ หรอื แขง็ ควรทําอยางไร (ใชมือกด) นักเรียนคิด อยางเหมาะสม 5.3 การสังเกตวา วัสดุน้ันยดื ไดห รอื ยดื ไมได ทําอยางไร (ออกแรงดึงวัสด)ุ รอคอยอยางอดทน และรับฟง 5.4 การสังเกตวาวัสดุนั้นมีสมบัติใส ขุนหรือทึบ ทําอยางไร (มองสิ่งของ แนวความคดิ ของนกั เรียน ผานวัสดุนั้น โดยนําวัสดุท่ีจะทดสอบมาวางคั่นระหวางตา กับส่ิงของ แลวมองไปท่ีสิ่งของผานวัสดุนั้นๆ และดูวามองเห็นส่ิงของชัดเจน ไม ชดั เจนหรือมองไมเ หน็ ) 5.5 การสังเกตวาวัสดุน้ันมีผิวมันวาว หรือไมมันวาว ทําอยางไร (ดูผิวของ วัสดุ) ครูอาจนําวัสดุตัวอยางที่นอกเหนือกิจกรรมมาใหนักเรียนฝก วเิ คราะห เชน ชอนสเตนเลส กับชอนพลาสติก ทัพพีสเตนเลสกับดาม ทพั พี เปน ตน 5.6 นอกจากใชมือกด ออกแรงดึง มองสิ่งของผานวัสดุและ มองผิววัสดุ แลว สามารถตรวจสอบสมบัติของวัสดุอยางไรไดอีก (ใชประสาทสัมผัส อื่น ๆ ในการสงั เกต) 5.7 นกั เรยี นจัดกลุมวัสดุไดอยางไร (จัดกลมุ วัสดุตามสมบัตทิ ่ีเหมอื นกนั ) นักเรียนดูแบบบันทึกกิจกรรม หนา 11 แลวอานออกเสียงคําพรอมๆ กัน จากนั้นรวมกันอภิปรายรความหมายของคําซ่ึงเปนสมบัติของวัสดุ โดย ครชู วยเพ่มิ เติมดังน้ี นุม คือ เมอื่ กดแลวยบุ แขง็ คือ เมือ่ กดแลวไมย ุบ ยดื คือ เมื่อออกแรงดึง สามารถทําใหวสั ดยุ ืดยาวขน้ึ จากเดิม ไมย ืด คอื เม่ือออกแรงดงึ ไมสามารถทําใหวัสดุยืดยาวข้ึนจากเดิม ใส คือ เมื่อมองสิ่งของโดยมีวัสดุนั้นมาก้ันแลวสามารถมองเห็นสิ่งของ ชดั เจน วสั ดนุ ั้นมีสมบัติใส ขุน คือ เมื่อมองสิ่งของโดยมีวัสดุนั้นมากั้นแลวเห็นส่ิงของแตไมชัดเจน วสั ดุนัน้ มสี มบตั ิขนุ ทึบ คอื เมือ่ มองส่ิงของโดยมีวัสดุน้ันมากั้นแลวมองไมเห็นส่ิงของเลย วัสดุ นัน้ มสี มบตั ขิ นุ สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 ส่งิ ตา ง ๆ รอบตัวเรา 30 มันวาว คือ ผิววสั ดทุ ่มี ลี กั ษณะขึ้นเงาเปน มันวาว ไมม ันวาว คือ ผิววสั ดทุ ีไ่ มม ลี ักษณะเปนมนั วาวหรือผิวดา น 6. ตวั แทนนกั เรยี นรบั อปุ กรณจากครูแลวเรมิ่ ทาํ กจิ กรรม ดงั นี้ • สังเกตวัตถุ บันทกึ ชนดิ ของวัสดทุ ีน่ ํามาใชท าํ วตั ถุนัน้ (S1) (S8) • ใชมือกดเพอ่ื สังเกตวา วัสดุนน้ั มสี มบัตนิ มุ หรือแข็ง (S1) • ออกแรงดงึ วัสดุเพอ่ื สงั เกตวา วัสดนุ ้ันยดื ไดหรือยดื ไมได (S1) • มองสิ่งของผานวัสดุเพ่ือสังเกตวาวัสดุนั้นมีสมบัติใส ขุนหรือทึบ (S1) • มองวัสดเุ พือ่ สังเกตวา วัสดนุ ั้นมีผวิ มันวาวหรอื ผวิ ไมมนั วาว (S1) • ใชป ระสาทสัมผสั อ่นื ๆ สงั เกตสมบตั ิของวสั ดุ (S1) • เลอื กสมบัตขิ องวัสดแุ ละจดั กลุม วสั ดตุ ามสมบตั ิน้นั (S4) • นําเสนอและอภิปรายเพ่ือลงขอสรุปเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุที่ นํามาใชท ําวตั ถุ (S13) (C2) (C4) (C5) 7. นักเรียนเก็บอุปกรณใหเรียบรอยเม่ือเสร็จสิ้นกิจกรรม และเตรียมนําเสนอ ผลงาน 8. นักเรียนอภปิ รายผลการทํากจิ กรรมตามแนวคาํ ถามดงั น้ี 8.1 วัตถุท่ีนํามาสังเกตมีอะไรบาง (วัตถุท่ีนํามาสังเกตมี ตุกตาผา แทงไม จานพลาสติก แกวนํ้า ชอนโลหะ กอนหิน ลูกบอลยาง คําตอบอาจมี นอกเหนือจากน้ี ข้ึนอยูกับสง่ิ ของทีน่ กั เรยี นนาํ มาเพิม่ เติม) 8.2 วัตถุแตละชนิดทําจากวัสดุชนิดใด (ตุกตาผาทําจากผา แทงไมทําจาก ไม จานพลาสติกทําจากพลาสติก แกวน้ําทําจากแกว ชอนโลหะ ทําจากโลหะ กอ นหนิ ทําจากหนิ ลูกบอลยางทาํ จากยาง) 8.3 วสั ดแุ ตล ะชนดิ มสี มบัตเิ ปนอยางไร (ผานุม ยืดได ทึบ ไมม นั วาว ไมแข็ง ยดื ไมไ ด ทึบ ไมมันวาว พลาสติกแข็ง ทึบ ยืดไมได ไมมันวาว แกวแข็ง ยืดไมได ใส ไมมันวาว โลหะ แข็ง ยืดไมได ทึบ มันวาว หิน แข็ง ยืด ไมไ ด ทบึ ไมมนั วาว ยาง นุม ยืดได ทึบ ไมม ันวาว) 8.4 นักเรียนใชสมบัติใดในการจัดกลุมวัสดุและจัดไดก่ีกลุม อะไรบาง (คําตอบข้ึนอยูกับสมบัติท่ีนักเรียนเลือกมาจัด เชน จัดกลุมตามสมบัติ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
31 คูม อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 ส่งิ ตาง ๆ รอบตัวเรา แข็งหรือนุม จัดได 2 กลุม ไดแกกลุมที่มีสมบัติแข็งและกลุมท่ีมีสมบัติ นุม) 9. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปวา วัสดุแตละชนิดมี สมบัติ บางอยางเหมือนกัน บางอยางแตกตางกัน สามารถนําสมบัติท่ีเหมือนกันมา จัดกลมุ วัสดไุ ด 10.นักเรียนรวมกันอภิปรายคําตอบใน ฉันรูอะไร โดยครูอาจเพ่ิมเติมคําถามใน การอภิปรายเพอ่ื ใหไดแ นวคําตอบตามคําถามทายกจิ กรรมนี้ 11.นกั เรียนสรปุ สงิ่ ท่ไี ดเ รียนรูในกิจกรรมน้ีดวยภาษาของตนเอง จากน้ันอาน ส่ิง ท่ไี ดเ รยี นรู และเปรยี บเทยี บกับขอ สรปุ ของตนเอง 12. ครูชักชวนนักเรียนตอบคําถามใน นําเรื่อง วาวัสดุแตละชนิดมีสมบัติ บางอยางเหมือนกัน บางอยางแตกตางกัน เราสามารถนําสมบัติท่ีเหมือนกัน มาจดั กลุม วสั ดไุ ด 13. ครูกระตุนใหนักเรียนต้ังคําถามใน อยากรูอีกวา ซ่ึงเปนคําถามที่นักเรียน สงสัยหรอื อยากรเู พิ่มเติม ลงในแบบบันทึกกิจกรรม จากนั้นครูสุมนักเรียน 2- 3 คน นําเสนอคําถามของตนเองหนาชั้นเรียน 14. ครนู าํ อภปิ รายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรแ ละทักษะการเรียนรใู นศตวรรษที่ 21 ในขน้ั ตอนใดบาง 15. นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเร่ืองนี้ ในหนังสือเรียน หนา 11 จากน้ัน อภิปรายเพื่อนําไปสูขอสรุปเก่ียวกับส่ิงที่ไดเรียนรูในเร่ืองนี้ ครูกระตุนให นักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเนื้อเร่ือง ดังนี้ “นอกจากวัสดุที่ได เรียนมาแลว มีวัสดุอื่นๆ อีกหรือไม และแตละชนิดมีสมบัติอยางไร” ครู และนักเรียนรวมกันอภิปรายแนวทางการตอบคําถาม เชน วัสดุอ่ืน ๆ ไดแก เงิน มีผิวมันวาว แข็ง ยืดไมได ทึบ ครูควรเนนใหนักเรียนตอบ คําถามพรอ มอธิบายสมบตั ิของวสั ดุนนั้ 16. ครขู ยายความรูโดยใชคําถามดังน้ี นอกจากโลหะที่เปนเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง ยังมีโลหะอ่ืนอีกหรือไม และโลหะเหลานั้นมีสมบัติอยางไร นกั เรียนรว มกนั อภิปรายเพอ่ื หาคําตอบ สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 สิง่ ตา ง ๆ รอบตัวเรา 32 แนวคําตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม สังเกต อธบิ าย จดั กลุม ขึน้ อยกู ับคาํ ตอบ ผา ของนกั เรยี น ไม สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
33 คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 สิง่ ตาง ๆ รอบตวั เรา พลาสตกิ ขึ้นอยกู ับคาํ ตอบ ของนักเรียน โลหะ แกว ยาง สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 สง่ิ ตาง ๆ รอบตัวเรา 34 หิน ข้ึนอยูกับคาํ ตอบ โลหะ แกว หิน ของนกั เรียน คําตอบข้ึนอยูกบั นกั เรียน เชน นุม แข็ง นุม ผา ยาง แขง็ ไม พลาสตกิ แข็ง นุม สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
35 คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 ส่งิ ตา ง ๆ รอบตวั เรา ยืดได ยดื ไมไ ด ใส ทึบ ขนุ มันวาว ไมมนั วาว สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 ส่งิ ตาง ๆ รอบตวั เรา 36 นักเรียนตอบตามสมบตั ิทีท่ ดสอบเพิ่มเติม นุม แข็ง ทบึ ยดื ได ยดื ไมได ใส ขุน มนั วาว ไมม ันวาว จดั กลุม สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
37 คูม ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 ส่งิ ตา ง ๆ รอบตวั เรา สมบัติ แตกตา งกนั จัดกลุม คําถามของนักเรียนทต่ี ั้งตามความอยากรูของตนเอง สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 สง่ิ ตาง ๆ รอบตวั เรา 38 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมินการเรยี นรขู องนกั เรยี นทําได ดังน้ี 1. ประเมินความรเู ดิมจากการอภิปรายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรียนรูจากคําตอบของนกั เรยี นระหวางการจัดการเรียนรูแ ละจากแบบบันทึกกิจกรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 จากการทํากจิ กรรมของนกั เรยี น การประเมนิ จากการทาํ กิจกรรมที่ 1.2 วสั ดแุ ตละชนิดมีสมบัตอิ ยางไร ระดับคะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถึง ดี รหสั สงิ่ ท่ีประเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสังเกต S4 การจําแนกประเภท S8 การลงความเหน็ จากขอมลู S13 การตคี วามหมายขอ มลู และลงขอ สรุป ทักษะแหงศตวรรษที่ 21 C2 การคดิ อยางมวี ิจารณญาณ C4 การส่ือสาร C5 ความรว มมอื รวมคะแนน สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
39 คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 สิง่ ตา ง ๆ รอบตัวเรา ตาราง แสดงการวิเคราะหทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรตามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเกณฑการประเมิน ดังนี้ ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S1 การสงั เกต การสังเกต สามารถใชประสาทสมั ผสั สามารถใชป ระสาทสมั ผัสเก็บ ไมสามารถใชป ระสาทสัมผัส สมบตั ติ าง ๆ ของ วสั ดุแตละชนดิ เก็บรายละเอยี ดสมบตั ิตางๆ รายละเอียดสมบตั ิตางๆ ของ เก็บรายละเอยี ดสมบตั ติ างๆ ของวัสดแุ ตล ะชนดิ ได วสั ดุแตล ะชนิดไดถ ูกตองโดย ของวัสดแุ ตล ะชนดิ ได ถูกตองดวยตนเองโดยไม ตองอาศยั การชีแ้ นะจากครู ถกู ตองดวยตนเอง หรือมี เพม่ิ ความคิดเห็น หรอื ผูอนื่ หรอื เพมิ่ เติมความ การเพ่ิมเติมความคดิ เหน็ คิดเหน็ แมว า ครหู รอื ผูอนื่ ชว ย แนะนาํ หรือชแี้ นะ S4 การจําแนก การจดั กลมุ วสั ดุ สามารถจัดกลุมวสั ดุตาม สามารถจดั กลุม วัสดุตาม ไมสามารถจดั กลุมวสั ดุตาม ประเภท ตามสมบัตขิ องวสั ดุ สมบัตขิ องวัสดุไดอยาง สมบัตขิ องวัสดุไดอ ยาง สมบตั ิของวัสดแุ มว า ครหู รอื ถกู ตองดว ยตนเอง ถกู ตอง โดยการช้ีแนะจาก ผูอ่ืนชว ยแนะนาํ หรือช้ีแนะ ครูหรอื ผอู นื่ S8 การลง การระบุชนดิ ของ สามารถเพิ่มเติมความคดิ เห็น สามารถเพิ่มเตมิ ความคิดเหน็ ไมสามารถแสดงความคดิ เหน็ ความเหน็ จาก วัสดทุ ใี่ ชท ําวัตถุและ เกี่ยวกับขอมลู ท่ไี ดจ ากการ เกยี่ วกบั ขอมลู ที่ไดจากการ เก่ียวกบั ขอมูลที่ไดจากการ ขอมูล ระบุสมบัตขิ องวสั ดุ สังเกตเพ่อื ระบชุ นิดของวสั ดุ สงั เกตเพ่ือระบชุ นดิ ของวัสดุที่ สังเกตเพื่อระบุชนิดของวสั ดุ จากการสงั เกต ที่นาํ มาใชทาํ วัตถแุ ละระบุ นาํ มาใชท ําวตั ถุและระบุ ที่ใชท ําวัตถุและระบุสมบัติ สมบตั ิของวัสดจุ ากการสังเกต สมบัตขิ องวัสดุจากการสงั เกต ของวัสดจุ ากการสงั เกตได ไดอยางถกู ตอ ง มีเหตผุ ล จาก ไดถูกตอ ง มเี หตุผลโดยอาศยั แมว า ครหู รือผูอน่ื ชว ยแนะนํา ความรหู รอื ประสบการณเดมิ การช้แี นะจากครูหรอื ผูอื่น หรือชี้แนะ ไดด ว ยตนเอง S13 การ การอธิบายสมบัติ สามารถตีความหมายจากการ ครหู รือผูอ่ืนตองชวยแนะนํา แมว าครหู รือผูอ่ืนชวยแนะนํา ตีความหมายขอมูล ของวสั ดุแตละชนิด สังเกต และลงขอสรปุ ไดด วย หรือชแี้ นะจึงจะสามารถ หรือช้แี นะก็ไมสามารถ และลงขอสรปุ ตนเองวา วัสดแุ ตล ะชนดิ มี ตคี วามหมายจากการสังเกต ตีความหมายจากการสงั เกต สมบัติบางอยางเหมือนกัน และลงขอสรุปไดวาวสั ดุแตล ะ และลงขอสรุปไดด วยตนเองวา บางอยางแตกตางกัน สามารถ ชนดิ มสี มบัติบางอยาง วสั ดุแตละชนิดมีสมบัติ นําสมบัติมาจัดกลุม วัสดุได เหมือนกัน บางอยา งแตกตาง บางอยางเหมือนกนั บางอยา ง กัน สามารถนาํ สมบัติมาจัด แตกตา งกัน สามารถนาํ สมบัติ กลุมวสั ดุได มาจัดกลุมวสั ดุได สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 ส่ิงตา ง ๆ รอบตัวเรา 40 ตาราง แสดงการวเิ คราะหทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเกณฑก ารประเมิน ดงั นี้ ทักษะแหง รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรงุ (1) C2 การคิด การรวบรวมขอมูลท่ี สามารถเลือกสมบัติของ สามารถเลือกสมบัติของวัสดุ ไมสามารถเลือกสมบัติ อ ย า ง มี ไดจากการสังเกต วสั ดนุ ํามาจดั กลมุ วัสดุและ นํามาจัดกลุมวัสดุและจัดกลุม ของวัสดุนํามาจัดกลุม วจิ ารณญาณ สมบัติตาง ๆ ของ จัดกลุมวัสดุตามสมบัติที่ วัสดุตามสมบัติที่เลือกไดอยางมี วัสดุและจัดกลุมวัสดุตาม วัสดุเพ่ือเลือกสมบัติ เลือกไดอยางมีเหตุผลและ เหตผุ ลและถูกตองโดยอาศัยการ สมบัติท่ีเลือกแมวาครู จัดกลุมวัสดุและจัด ถกู ตอ งดวยตนเอง ช้ีแนะจากครหู รือผูอนื่ หรือผูอ่ืนชวยแนะนําหรือ กลมุ วัสดตุ ามสมบัติ ชี้แนะ C4 การส่ือสาร การนาํ เสนอขอมลู สามารถนําเสนอขอมูลท่ี สามารถนําเสนอขอมูลที่ไดจา ไมสามารถนําเสนอขอมูลที่ ไดจากการทํากิจกรรม การทํากิจกรรมเร่ืองวัสดุแตละ ไดจากการทาํ กิจกรรมเร่ือง เรื่องวัส ดุแตละช นิดมี ชนิดมีสมบัติอยางไร ในรูปแบบ วัสดุแตละชนิดมีสมบัติ สมบัติอยางไรในรูปแบบที่ ทีช่ ดั เจนและเขา ใจงายโดยอาศัย อยางไร แมวาครูหรือผูอื่น ชัดเจนและเขาใจงายได การชแ้ี นะจากครหู รือผอู ่นื ชว ยแนะนําหรือชแ้ี นะ ดว ยตนเอง C5 ความ การทํางานรวมมือ สามารถทํางานรวมกับ สามารถทาํ งานรวมกับผูอื่นและ ไมสามารถทํางานรวมกับ รว มมอื กนั ในกลมุ ผูอื่นและรับฟงความ รับฟงความคิดเห็นของผูอื่น ผูอ่ืนอยางสรางสรรคใน คิดเห็นของผูอื่นอยาง อยางสรางสรรคในการทํา การทํากิจกรรมเก่ียวกับ สรางสรรคในการทํา กจิ กรรมเก่ียวกับวัสดุแตล ะชนิด วัสดุแตละชนิดมีสมบัติได กิจกรรมเกี่ยวกับวัสดุแต มีสมบัติอยางไร ไดเปนบางครั้ง แมวาครูหรือผูอ่ืนชวย ละชนดิ มสี มบตั อิ ยางไร โดยตองอาศัยการกระตุนจาก แนะนําหรือชี้แนะ ต้ังแตเร่ิมตนจนเสร็จส้ิน ครูหรอื ผอู ่นื กิจกรรม สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
41 คูมือครูรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 สงิ่ ตาง ๆ รอบตวั เรา เร่ืองที่ 2 วัสดุในชวี ติ ประจาํ วนั ในเรอ่ื งน้ี นักเรียนจะไดเรียนรูเก่ียวกับวัสดุตาง ๆ ใน ชวี ิตประจําวัน จุดประสงคก ารเรียนรู 1. สงั เกตและบอกชนิดของวัสดทุ น่ี าํ มาใชท าํ วตั ถุตา ง ๆ ในชีวติ ประจําวัน เวลา 1.5 ชว่ั โมง วัสดุ อุปกรณสาํ หรับทาํ กจิ กรรม ไมบรรทัด กระเปานักเรียน รองเทานักเรียน วัตถุ อ่ืนๆ รอบตัวอกี 3 รายการ สื่อการเรียนรูและแหลง เรียนรู 1. หนังสอื เรียน ป.1 เลม 2 หนา 13-17 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.1 เลม 2 หนา 17-20 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 ส่ิงตาง ๆ รอบตัวเรา 42 แนวการจดั การเรียนรู (30 นาที) ในการตรวจสอบความรู ครู เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ ขนั้ ตรวจสอบความรู (5 นาที) ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง 1. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยใชคําถามเพ่ือทบทวนความรูในกิจกรรมที่ผานมา จากการอานเนอ้ื เรอ่ื ง เกย่ี วกบั ชนิดของวัสดทุ ่ีนํามาใชทําวัตถุ ดังนี้ 1.1 สิ่งของท่ีนักเรียนสํารวจมาแลวมีอะไรบาง ทําจากวัสดุกี่ชนิด ยกตัวอยาง (คําตอบอาจมีหลากหลาย เชน แกวน้ํา ทําจากวัสดุ 1 ชนิดคือแกว จาน พลาสตกิ ทาํ จากวัสดุ 1 ชนิดคือพลาสติก) 1.2 สิ่งของแตในชีวิตประจําวันมีอะไรบาง ทําจากวัสดุก่ีชนิด (นักเรียนตอบได ตามความเขาใจของตนเองแตครูยังไมบอกคําตอบท่ีถูกตอง ครูชักชวนให นักเรียนหาคําตอบจากการอา นนําเรอื่ ง) ขน้ั ฝกทกั ษะจากการอา น (20 นาที) 2. นกั เรียนอา นชือ่ เรอื่ ง และ คิดกอนอาน ในหนังสือเรยี นหนา 13 และลองตอบ คําถามใน คิดกอนอาน ตามความเขาใจของตนเอง ครูรวบรวมคําตอบของ นักเรยี นเพ่ือใชเ ปรยี บเทียบคาํ ตอบหลงั การอาน 3. ครใู หน กั เรยี นอานเนื้อเรือ่ ง โดยครูใชวธิ ฝี กการอา นทเี่ หมาะสม และตรวจสอบ ความเขา ใจของนกั เรียนโดยใชคาํ ถามดังนี้ 3.1 ส่ิงของท่ีนักเรียนพบในรานคา เปนสิ่งของท่ีนํามาใชกับสถานท่ีใดบาง (หอ งนอน หอ งครัว) 3.2 เรานําผามาใชทาํ อะไรไดบาง (ผาใชทําโคมไฟ กระเปา รองเทา กางเกง) 3.3 เรานําพลาสติกมาใชท าํ อะไรไดบ าง (พลาสตกิ ใชท ําขวดนาํ้ เสอื้ กนั ฝน) 3.4 วัตถทุ ีใ่ ชง านอยางเดียวกนั แตทาํ จากวัสดุตางกันมีอะไรบาง (จานทําจาก แกว พลาสติก กระเบื้อง) ข้ันสรปุ จากการอา น (5 นาท)ี 4. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือใหไดขอสรุปวา วัตถุตางๆ ใน ชีวิตประจําวันมีมากมาย บางอยางทําจากวัสดุชนิดเดียวกัน บางอยางทําจาก วัสดุไดห ลายชนดิ 5. นักเรยี นตอบคําถามใน รหู รอื ยัง ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา 17 6. ครแู ละนกั เรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนในรูหรือ ยงั กับคําตอบทีเ่ คยตอบและบนั ทึกไวใ นคิดกอนอา น 7. ครูเนนย้ําเกี่ยวกับคําถามทายเรื่อง ไดแก อยากรูไหมวาวัตถุแตละช้ินทําจาก วสั ดกุ ี่ชนิด เพ่ือชกั ชวนใหนกั เรยี นไปหาคําตอบรว มกันในกิจกรรมตอ ไป สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
43 คูม อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 สิง่ ตาง ๆ รอบตัวเรา แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม ผาใชท าํ โคมไฟ กระเปา รองเทา กางเกง พลาสติกใชทาํ ขวดนํา้ เส้ือกนั ฝน จานทําจากวัสดตุ างชนิดกันไดแกแกว พลาสติก กระเบื้อง สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 ส่ิงตาง ๆ รอบตวั เรา 44 กจิ กรรมท่ี 2 วัตถตุ า ง ๆ ทําจากวสั ดุ อะไรบา ง กจิ กรรมนีน้ ักเรยี นจะไดส งั เกตชนิดของวสั ดทุ ่ีใชท ําวตั ถใุ น ชีวติ ประจําวนั โดยสงั เกตวัตถตุ าง ๆ เพ่ือบอกชนดิ ของวัสดุ ทใ่ี ชทาํ วตั ถแุ ตละช้นิ เวลา 1 ชว่ั โมง จุดประสงคการเรียนรู สังเกตและบอกชนิดของวัสดุที่ใชนาํ มาใชทําวัตถุตาง ๆ ในชีวติ ประจําวนั วสั ดุ อุปกรณส ําหรบั ทาํ กจิ กรรม ส่งิ ท่ีครูตองเตรยี ม/กลมุ 1. ไมบ รรทดั 1 อัน สอ่ื การเรยี นรูและแหลงเรียนรู 2. กระเปา นักเรยี น 1 ใบ 3. รองเทา นักเรยี น 1 คู 1. หนงั สอื เรียน ป.1 เลม 2 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.1 เลม 2 สิ่งท่ีนกั เรียนตอ งเตรียม/กลุม หนา 15-16 หนา 18-20 1. วัตถุอน่ื ๆ รอบตวั 3 อยาง ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร S1 การสังเกต S4 การจําแนกประเภท S8 การลงความเหน็ จากขอมูล S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอสรปุ ทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 C2 การคดิ อยา งมวี ิจารณญาณ C4 การสื่อสาร C5 ความรวมมือ สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
45 คมู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 ส่ิงตาง ๆ รอบตวั เรา แนวการจดั การเรียนรู 1. ครูนาํ เขาสบู ทเรียนโดยใหน ักเรยี นดูรูปจักรยาน แลวถามนักเรียนวา นักเรียนอาจไมสามารถ จักรยานทาํ จากวสั ดุกี่ชนดิ อะไรบาง (นักเรียนตอบตามความเขาใจ) ตอบคําถามหรืออภิปรายไดตาม ครูชักชวนนักเรียนรวมกันสํารวจวัตถุรอบๆ ตัววาแตละชิ้นทําจาก แนวคําตอบ คุณครูควรใหเวลา วัสดุอะไรบาง และวัสดุดังกลาวเหมือนวัสดุที่นักเรียนเคยเรียน นักเรียนคิด อยางเหมาะสม มาแลว หรือไม อยางไร รอคอยอยางอดทน และรับฟง 2. นักเรยี น อา นชือ่ กิจกรรม และ ทําเปนคิดเปน ในหนังสือเรียนหนา แนวความคดิ ของนกั เรียน 15 ครูตรวจสอบความเขา ใจของนกั เรยี น โดยใชค าํ ถามดังนี้ 2.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเรื่องอะไร (วัสดุที่ใชทําวัตถุใน ชีวิตประจําวัน) 2.2 นกั เรียนจะไดเ รียนเรื่องนี้ดวยวธิ ีใด (การสงั เกต) 2.3 เม่ือเรยี นแลวนักเรียนจะทําอะไรได (สามารถบอกชนิดของวัสดุท่ีใช ทําวัตถุได) 3. นักเรียนอานสิ่งท่ีตองใชในหนังสือเรียนหนา 15 แลวชวยกัน ตรวจสอบวัตถุทน่ี าํ มา 4. ครใู หนักเรียนอาน ทําอยางไร โดยครูใชวิธีการอานที่เหมาะสมตาม ความสามารถของนักเรียน จากน้ันตรวจสอบความเขาใจเกี่ยวกับ การทาํ กิจกรรมวา โดยใชค ําถามวา นกั เรียนตองทําอะไรบาง (สังเกต ไมบรรทัด กระเปานักเรียน และรองเทานักเรียนแลวบอกชนิดของ วัสดุท่ีนาํ มาใชท ําวตั ถุน้นั ๆ) 5. เมื่อจากนักเรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมแลว ครูใหตัวแทน นกั เรยี นมารับอุปกรณเรมิ่ ทํากจิ กรรม ตามขั้นตอน ดังนี้ • สังเกตไมบรรทัด กระเปานักเรียน รองเทานักเรียนและวัตถุอ่ืนๆ จากน้นั บอกชนิดของวัสดุที่นาํ มาใชทําวตั ถนุ ัน้ ๆ บนั ทึกผล (S1) (S8) (C5) • นําเสนอผลการสังเกต (C4) • อภปิ รายและลงขอสรุป (S4) (S13) (C2) สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 ส่งิ ตาง ๆ รอบตวั เรา 46 6. นักเรียนเก็บอุปกรณใหเรียบรอย เมื่อเสร็จส้ินการทํากิจกรรมและ เตรยี มนําเสนอผลงาน 7. นักเรยี นอภปิ รายผลการทํากจิ กรรมตามแนวคาํ ถามดงั นี้ 7.1 วตั ถุตา ง ๆ ทาํ จากวัสดุใดบา ง (คาํ ตอบขึ้นอยกู บั วัตถุที่นักเรียนนํามา เชน วัตถอุ าจทาํ จากพลาสตกิ ผา โลหะ ยาง) 7.2 จดั กลมุ วตั ถุตามจํานวนของวสั ดุที่นํามาใชท ําวัตถุไดกี่กลุม อะไรบาง (คําตอบข้ึนอยูกับชนิดของวัสดุที่นํามาใชทําวัตถุท่ีนักเรียนสังเกตได เชน แบง วัตถไุ ด 2 กลุม ไดแ ก กลมุ ท่ีทําจากวัสดุเพียงชนิดเดียว กับ กลุมทที่ ําจากวสั ดุมากกวา 1 ชนิด) 8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือใหไดขอสรุปวา วัตถุที่เราใชใน ชีวิตประจําวัน บางชิ้นทําจากวัสดุเพียงชนิดเดียว บางช้ินทําจาก วัสดุมากกวา หน่งึ ชนดิ 9. นักเรียนรวมกันอภิปรายคําตอบใน ฉันรูอะไร โดยครูอาจเพ่ิมเติม คาํ ถามในการอภิปรายเพ่อื ใหไดแ นวคําตอบตามคาํ ถามทายกิจกรรม นี้ 10. นักเรียนสรุปสิ่งท่ีไดเรียนรูในกิจกรรมนี้ดวยภาษาของตนเอง จากน้ันครูใหนักเรียนอาน ส่ิงที่ไดเรียนรู และเปรียบเทียบกับ ขอ สรปุ ของตนเอง 11. ครูชักชวนนักเรียนตอบคําถามใน นําเรอื่ ง วาวัตถุแตละอยางอาจทํา จากวัสดุเพยี งชนดิ เดยี วหรือมากกวา หน่ึงชนดิ 12. ครูกระตุนใหนักเรียนตั้งคําถามใน อยากรูอีกวา ลงในแบบบันทึก กิจกรรม จากนั้นครูสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอคําถามของตนเอง หนาชั้นเรยี น 13. ครูนําอภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตรและทักษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 ในข้ันตอน ใดบา ง 13.1 นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หนา 17 ครนู ําอภปิ รายเพ่อื นําไปสูขอสรุปเกี่ยวกับสิ่งท่ีไดเรียนรูในเรื่องน้ี จากน้นั ครูกระตุนใหน กั เรยี นตอบคําถามในชว งทา ยของเน้ือเร่ือง สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
47 คูมอื ครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 สิ่งตา ง ๆ รอบตวั เรา ดังนี้ “วัสดุใดบางท่ีมนุษยทําข้ึน” ครูและนักเรียนรวมกัน อภิปรายแนวทางการตอบคําถาม เชน วัสดุท่ีมนุษยทําข้ึน เชน พลาสติก แกว ดินเผา วัสดุบางชนิดเกิดเองตามธรรมชาติ เชน หิน ไม เหล็ก ครูควรเนนใหนักเรียนตอบคําถามพรอมอธิบาย เหตผุ ลประกอบ สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 สง่ิ ตาง ๆ รอบตัวเรา 48 แนวคาํ ตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม สังเกต บอก ผา ผา หมายเหตุ ชนิดของวสั ดทุ ่ีใชท ําวัตถุตา งๆ อาจไมเ หมอื นกับแนวคาํ ตอบนี้ ใหต อบตามท่ีสังเกตได สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
49 คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยท่ี 3 สิ่งตาง ๆ รอบตวั เรา ขนึ้ อยกู บั วัตถทุ ี่ นักเรยี นนาํ มาสังเกต ขน้ึ อยกู บั วตั ถุท่ี นกั เรยี นนํามาสังเกต ขึ้นอยูก ับวตั ถุที่ นกั เรยี นนํามาสังเกต หมายเหตุ ชนิดของวสั ดทุ ี่นักเรียนนํามาอาจแตกตางกัน ใหทําเคร่อื งหมาย / ในตารางใหตรงตามสงั เกตได ไมบ รรทัด (หรือวตั ถุอนื่ ๆ ตามทส่ี ังเกตได) สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 ส่งิ ตาง ๆ รอบตวั เรา 50 กระเปา นักเรียน รองเทานักเรียน (หรือวัตถุอน่ื ๆ ตามทส่ี งั เกตได) เพยี งชนิดเดยี ว ไมบ รรทดั หลายชนิด กระเปา นกั เรยี น รองเทานกั เรยี น หนงึ่ หลาย คําถามของนกั เรียนที่ต้ังตามความอยากรูข องตนเอง สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
51 คูม ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 ส่ิงตา ง ๆ รอบตวั เรา แนวการประเมินการเรียนรู การประเมนิ การเรยี นรูของนักเรยี นทาํ ได ดงั นี้ 1. ประเมินความรูเ ดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรียน 2. ประเมนิ การเรียนรูจากคําตอบของนกั เรยี นระหวางการจดั การเรยี นรแู ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 จากการทํากิจกรรมของนักเรยี น การประเมนิ จากการทาํ กิจกรรมที่ 2 วตั ถตุ า งๆ ทําจากวสั ดุอะไรบา ง ระดบั คะแนน 2 คะแนน หมายถึง พอใช 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถงึ ดี รหสั สิ่งที่ประเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสงั เกต S4 การจาํ แนกประเภท S8 การลงความเห็นจากขอมลู S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอ สรปุ ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 C4 การสอ่ื สาร C5 ความรว มมือ รวมคะแนน สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 สง่ิ ตาง ๆ รอบตวั เรา 52 ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรตามระดับความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเกณฑก ารประเมิน ดงั น้ี ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S1 การสังเกต สง่ิ ทส่ี ังเกตได สามารถใชป ระสาทสมั ผัส สามารถใชป ระสาทสัมผสั เก็บ ไมส ามารถใชประสาท ประกอบดว ย เก็บรายละเอียดชนดิ ของ รายละเอียดชนิดของวสั ดทุ ี่ สมั ผัสเก็บรายละเอียดชนดิ ชนดิ ของวสั ดุท่ีใช วัสดุท่นี ํามาใชท าํ วัตถแุ ต นาํ มาใชทาํ วัตถุแตละชิน้ ได ของวัสดุทน่ี าํ มาใชท ําวัตถุ ทําวตั ถแุ ตล ะช้ิน ละชิน้ ไดถูกตอ งดวยตนเอง ถกู ตองโดยตอ งอาศัยการ แตละชน้ิ แมวาครูหรือผอู ืน่ โดยไมเ พ่ิมความคดิ เหน็ ชี้แนะของครหู รือผอู ืน่ หรือ ชว ยแนะนาํ หรอื ชี้แนะ เพิ่มเติมความคิดเหน็ S4 การจาํ แนก การจดั กลมุ วัตถุ สามารถจดั กลุมวัตถตุ า ง ๆ สามารถจัดกลุมวตั ถุตา ง ๆ ไมส ามารถจัดกลุมวตั ถตุ าง ๆ ประเภท ตามจํานวนวัสดุท่ี โดยใชเกณฑจ ํานวนของ โดยใชเ กณฑจ าํ นวนของวสั ดุที่ โดยใชเกณฑจ าํ นวนของ ใชทําวตั ถุ วสั ดุที่นาํ มาใชทาํ วตั ถุได นํามาใชท ําวัตถุไดถูกตองโดย วสั ดุที่นาํ มาใชท ําวัตถแุ มว า ถูกตองดวยตนเอง อาศยั การช้แี นะจากครูหรือ ครูหรอื ผอู ื่นชว ยแนะนํา ผอู ื่น หรอื ช้แี นะ S8 การลงความเห็น การระบุชนดิ ของ เพิ่มเติมความคิดเห็น เพิ่มเติมความคิดเหน็ เกย่ี วกับ ไมส ามารถแสดงความ จากขอมูล วสั ดทุ ่นี าํ มาใชท ํา เก่ียวกบั ขอมูลที่มีอยูจาก ขอมูลที่มอี ยูจากการสงั เกต คิดเห็นเก่ยี วกบั ขอ มลู ทีม่ ีอยู วตั ถแุ ตละชน้ิ การสงั เกตจาํ นวนชนิดของ จาํ นวนของวัสดทุ ่ีนํามาใชท าํ จากการสงั เกตจํานวนของ วสั ดทุ ่นี ํามาใชท าํ วัตถุได วตั ถไุ ดโ ดยอาศัยการช้แี นะ วัสดุทน่ี ํามาใชท ําวัตถุ แมว า อยางถูกตอง มเี หตผุ ลดวย จากครูหรือผูอ่ืน ครูหรือผอู ่นื ชวยแนะนําหรือ ตนเอง ช้แี นะ S13 การ การระบุชนดิ ของ สามารถตีความหมายจาก ครูหรอื ผูอ ืน่ ตองชว ยแนะนํา ไมสามารถตคี วามหมายจาก ตีความหมายขอมลู วัสดุทีน่ าํ มาใชทาํ การสังเกต และลงขอสรุปได หรือชแ้ี นะจงึ จะสามารถ การสงั เกต และลงขอสรปุ ได และลงขอสรุป วัตถุแตล ะชิ้น ดว ยตนเองวา วตั ถตุ าง ๆอาจ ตีความหมายจากการสงั เกต วาวตั ถตุ าง ๆอาจทําจากวัสดุ ทําจากวสั ดเุ พียงชนดิ เดียว และลงขอสรุปไดวาวัตถตุ าง ๆ เพยี งชนดิ เดียวหรือหลาย หรือหลายชนดิ อาจทําจากวสั ดุเพยี งชนิด ชนิด เดียวหรือหลายชนิด สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
53 คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 ส่งิ ตา ง ๆ รอบตวั เรา ตาราง แสดงการวิเคราะหทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเกณฑการประเมิน ดังน้ี ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรงุ (1) ศตวรรษที่ 21 สามารถนาํ เสนอผลการลง พอใช (2) ไมสามารถนาํ เสนอผล C4 การสอื่ สาร การนําเสนอผลการ ความเห็นจากขอมูล การลงความเหน็ จาก ลงความเห็นจาก เกี่ยวกับสิ่งท่ีอยูในถุง สามารถนาํ เสนอผลการลง ขอ มลู เกย่ี วกับสิ่งท่ีอยู C5 ความ ขอ มูลเกี่ยวกับส่งิ ท่ี ปริศนา ไดอยา งถูกตอง ความเห็นจากขอมลู ในถงุ ปรศิ นาได รวมมอื อยใู นถงุ ปรศิ นา ครบถวน เกยี่ วกับสงิ่ ท่ีอยใู นถุง มสี ว นรว มในการสงั เกตรูป ปริศนา ไดอยางถูกตอง แต ไมมีสว นรวม การมสี วนรวม และการสงั เกตส่ิงท่ีอยใู น ไมค รบถวน ในการสงั เกตรูปและ ในการสงั เกตรูป ถุงปริศนาต้งั แตเร่ิมตนจน มีสว นรวมในการสงั เกตรปู การสังเกตสงิ่ ที่อยใู นถงุ และการสงั เกต สาํ เร็จลุลว ง หรอื การสังเกตสิง่ ที่อยใู นถุง ปรศิ นา สังเกตสิง่ ที่อยใู นถุง ปริศนาเปน บางขณะ ปรศิ นา สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 ส่ิงตา ง ๆ รอบตัวเรา 54 กจิ กรรมทา ยบทท่ี 1 วสั ดุรอบตัวเรา ( 2 ชัว่ โมง) 1. นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปส่ิงที่ไดเรียนรูจากบทน้ี ในแบบบันทึก กิจกรรม หนา 21 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปสิ่งที่ไดเรียนรูของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ แผนภาพในหวั ขอ รอู ะไรในบทน้ี ในหนังสือเรยี น หนา 18 3. นักเรียนกตรวจสอบคําตอบของตนเองในสํารวจความรูกอนเรียน ใน แบบบันทึกกิจกรรม หนา 2-5 อีกครั้ง หากคําตอบไมถูกตองใหขีดเสน ทับขอความเหลานั้น แลวแกไขใหถูกตอง หรืออาจแกไขคําตอบดวย ดนิ สอสี 4. นักเรียนทํา แบบฝกหัดทายบทท่ี 1 นําเสนอคําตอบหนาช้ันเรียน ถา คําตอบยงั ไมถ ูกตอ งครูนําอภิปรายหรือใหสถานการณเพ่ิมเติมเพื่อแกไข แนวคดิ คลาดเคลอ่ื นใหถ กู ตอ ง 5. นักเรยี นรวมกันทาํ กจิ กรรม รว มคิด รว มทํา สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
55 คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 สิง่ ตาง ๆ รอบตัวเรา แนวคาํ ตอบในแบบฝก หดั ทา ยบท × × × × × × × × สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 ส่งิ ตา ง ๆ รอบตัวเรา 56 ตกุ ตา หมอน ฟองน้ํา ขวดนม ชอ น กระทะ แข็ง ไมยืด ทึบ หนิ มีผวิ ไมม นั วาว แตโลหะมีผวิ มันวาว สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
57 คูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 สิ่งตา ง ๆ รอบตัวเรา คาํ ตอบขน้ึ อยูกบั ผลการสาํ รวจของนกั เรียน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 สิ่งตา ง ๆ รอบตัวเรา 58 คาํ ตอบขึ้นอยูกับนกั เรยี น สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
59 คูมอื ครูรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 ส่ิงตาง ๆ รอบตวั เรา บทท่ี 2 เสยี งในชีวติ ประจาํ วัน จดุ ประสงคก ารเรียนรูป ระจําบท เมอ่ื เรียนจบบทนี้ นักเรยี นสามารถ 1. บรรยายการเกิดเสียง 2. บรรยายทิศทางการเคลือ่ นท่ีของเสยี งจาก แหลงกาํ เนดิ เสียง แนวคดิ สําคญั เสียงเกิดจากการส่ันของแหลงกําเนิดเสียง เสียง เคล่ือนทอ่ี อกจากแหลงกําเนดิ เสยี งทกุ ทิศทาง สอื่ การเรียนรแู ละแหลง เรียนรู บทน้ีมอี ะไร 1. หนงั สอื เรยี น ป.1 เลม 2 หนา 23-35 เรื่องที่ 1 เสียงรอบตัวเรา 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.1 เลม 2 หนา 26-39 คาํ สําคญั แหลงกําเนดิ เสยี ง (sound source) กิจกรรมที่ 1.1 เสยี งเกดิ ไดอยางไร กิจกรรมที่ 1.2 เสยี งเคล่อื นท่ีไปทิศทางใด สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยที่ 3 ส่งิ ตา ง ๆ รอบตัวเรา 60 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษที่ 21 รหัส ทักษะ กจิ กรรมท่ี 12 ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสงั เกต S2 การวดั S3 การใชจ ํานวน S4 การจําแนกประเภท S5 การหาความสัมพนั ธร ะหวา ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา S6 การจดั กระทาํ และสือ่ ความหมายขอ มลู S7 การพยากรณ S8 การลงความเหน็ จากขอมูล S9 การตง้ั สมมติฐาน S10 การกาํ หนดนยิ ามเชิงปฏบิ ัตกิ าร S11 การกําหนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอ สรุป S14 การสรางแบบจาํ ลอง ทักษะแหงศตวรรษที่ 21 C1 การสรางสรรค C2 การคดิ อยางมวี ิจารณญาณ C3 การแกป ญหา C4 การสอ่ื สาร C5 ความรวมมือ C6 การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
61 คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 ส่ิงตาง ๆ รอบตัวเรา แนวคดิ คลาดเคลอ่ื น ครบู นั ทกึ แนวคิดที่ไดจากการฟงการสนทนาและการอภิปราย เพ่ือนําไปใชใ นการจดั การเรียนรใู หส ามารถแกไขแนวคดิ คลาดเคลอ่ื นและตอยอดแนวคดิ ที่ถูกตอ ง แนวคดิ คลาดเคล่ือน แนวคิดท่ถี ูกตอ ง เสียงเคล่อื นท่ีไดใ นทศิ ทางเดยี วโดยมีลักษณะเหมือนลาํ แสง เสยี งเคลอื่ นท่ีออกจากแหลง กําเนดิ เสยี งทกุ ทศิ ทาง ไฟฉาย (Standriff, 2011) สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนวยท่ี 3 สง่ิ ตา ง ๆ รอบตัวเรา 62 บทนเ้ี รม่ิ ตน อยา งไร (1 ชวั่ โมง) 1. ครแู บง นักเรยี นออกเปน กลุม กลมุ ละ 4 คน แตละกลุมกําหนดเสียง ค รู รั บ ฟ ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง ประจํากลุม เชน เสียงมา เสียงแมว เสียงรถพยาบาล เมื่อครูช้ีไปที่ นักเรียนเปนสําคัญ ครูยังไม กลุมใด ใหกลุมนั้นสงเสียงรองพรอม ๆ กัน จากนั้นครูนําอภิปราย เฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวนให โดยใชค าํ ถามเพอ่ื ตรวจสอบความรเู ดิมของนักเรียน ดังนี้ หาคาํ ตอบท่ีถูกตองจากกิจกรรม 1.1 เสียงที่แตละกลุมทําข้ึน เกิดขึ้นไดอยางไร (นักเรียนตอบ ตาง ๆ ในบทเรยี น้ี ตามความเขา ใจของตนเอง) 1.2 นักเรียนไดยินเสียงไดอยางไร (นักเรียนตอบตามความ เขาใจของตนเอง) 2. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับเสียงในชีวิตประจําวัน โดยให นักเรียนอานหนังสือเรียน บทที่ 2 ของหนวยที่ 3 เริ่มจากการอาน ชื่อหนวย ชื่อบท และจดุ ประสงคการเรยี นรปู ระจําบท จากนั้นครูใช คาํ ถาม ดังน้ี 2.1 เมื่อเรียนจบบทนี้ นักเรียนสามารถทําอะไรไดบาง (บรรยายวาเสียงเกิดขึ้นไดอยางไร และเสียงเคลื่อนท่ีออก จากแหลงกําเนิดเสยี งในทิศทางใด) 3. นักเรียนอานชื่อบท และแนวคิดสําคัญ ในหนังสือเรียน หนา 24 โดยครูอาจใชค าํ ถาม ดังน้ี 3.1 ในบทนี้จะไดเรียนเร่ืองอะไรบาง (การเกิดเสียงและทิศ ทางการเคลอื่ นทข่ี องเสยี ง) 4. นักเรียนอานเนื้อเรื่องในหนังสือเรียน หนา 24 โดยครูใชวิธีฝกการ อานท่ีเหมาะสมกับนักเรียน จากน้ันครูถามคําถามเพ่ือตรวจสอบ ความรูเดมิ ของนกั เรียนโดยใชค ําถาม ดังน้ี 4.1 นกั เรียนสงั เกตเห็นอะไรบาง (นักเรียนตอบตามความเขาใจ ของตนเอง เชน เหน็ คนเลน ดนตรแี ละมีคนนัง่ ฟง) สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
63 คมู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.1 เลม 2 | หนว ยที่ 3 สิ่งตา ง ๆ รอบตวั เรา 4.2 นกั เรยี นเคยชมการแสดงดนตรีเหมอื นในรูปหรือไม การเตรยี มตัวลว งหนาสาํ หรับครู (นกั เรยี นตอบตามประสบการณข องตนเอง) เพอ่ื จดั การเรยี นรูใ นครงั้ ถดั ไป 4.3 เสยี งจากเคร่ืองดนตรีตา ง ๆ เกิดขน้ึ ไดอ ยางไร (นักเรยี น ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดอานเรื่อง ตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน เกิดจากการเปา การสี ท่ี 1 เสียงรอบตัวเรา ครูควรเตรียมสื่อ การตี การดดี ) ห รื อ ตั ว อ ย า ง ที่ ห ล า ก ห ล า ย เ กี่ ย ว กั บ แหลงกําเนิดเสียงตามธรรมชาติ และ 4.4 นกั เรยี นคดิ วา จะตองน่ังทต่ี าํ แหนง ใด จงึ จะไดยินเสียงจาก แหลงกําเนิดเสียงท่ีมนุษยสรางขึ้น โดย เคร่อื งดนตรี (นกั เรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน อาจจะนําตัวอยางที่เปนของจริงหรือ ขางหนา ขา ง ๆ หรือทกุ ตาํ แหนง) ภาพประกอบเพื่อใหนักเรียนเขาใจเนื้อหา ไดด ียิ่งข้ึน 5. ครชู กั ชวนนักเรยี นทาํ สํารวจความรูกอนเรยี นในแบบบันทกึ กจิ กรรม หนา 26 จากน้ันครูตรวจสอบความเขา ใจของนักเรยี นถึงวิธีการตอบ คําถามแตล ะขอ จนแนใจวา นักเรียนสามารถทําไดดว ยตนเอง จึงให นกั เรยี นตอบคําถามตามความเขา ใจของตนเอง ในการบนั ทึกคาํ ตอบ ของแตละคนอาจแตกตางกันได และอาจตอบถูกหรือผดิ ก็ได 6. ครูสังเกตการตอบคําถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบวานักเรียนมี แนวคิดเกี่ยวกับการเกิดเสียงและทิศทางการเคลื่อนท่ีของเสียง อยางไรบาง ครูอาจสุมใหนักเรียน 2 – 3 คน นําเสนอคําตอบของ ตนเองหนาชั้นเรียน โดยครูยังไมเฉลยคําตอบท่ีถูกตอง แตนักเรียน จะตองกลับมาตรวจสอบคําตอบของตนเองอีกคร้ังหลังเรียนจบบท นี้แลว ท้ังน้ีครูอาจบันทึกคําตอบของนักเรียนหรือแนวคิด คลาดเคล่ือนไวเปนขอมูลเพื่อนํามาออกแบบการจัดการเรียน การสอนและเพอื่ แกไ ขแนวคดิ ท่ีคลาดเคลื่อนน้นั ใหถูกตอง สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214