Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรียนสาระความรู้พื้นฐาน รายวิชา คณิตศาสตร์ (พค21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

หนังสือเรียนสาระความรู้พื้นฐาน รายวิชา คณิตศาสตร์ (พค21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Published by nongbualumphulibrary, 2018-12-06 11:38:48

Description: หนังสือเรียนสาระความรู้พื้นฐาน
รายวิชา คณิตศาสตร์
(พค21001)
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Search

Read the Text Version

195 (2) เครอ่ื งมือและเทคโนโลยที ี่ใช 1. เคร่ืองคดิ เลข 2. เคร่ืองคอมพวิ เตอร 3. เครื่องจักรอุตสาหกรรมในแตละสาขาอุตสาหกรรม 4. เครื่องบรรจุภัณฑล งกลอ งหรอื แพค็ เปนพลาสตกิ (3) ความรแู ละทกั ษะทางคณิตศาสตรท ่ใี ช 1. การคํานวณเงินรายไดประจําสัปดาห ประจาํ เดือนโดยหักวนั ลาหยดุ 2. การคํานวณเงินคาทํางานลวงเวลาเปนจํานวนชั่วโมงตอคาจางรายชั่วโมง 3. การคาํ นวณเงนิ กูและดอกเบ้ีย (ดอกเบี้ยคงที่, ดอกเบ้ียทบตน) 4. การทําบัญชีรับ – จายประจาํ วัน 5. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา 1.3 กลุม อาชีพพาณิชยกรรม ไดแก อาชพี คาขาย ผูประกอบการรา นอาหารและเครือ่ งดม่ืผูประกอบการขายปลีกและขายสง ธุรกิจการซอ้ื ขายอสังหาริมทรพั ย ธุรกิจการซือ้ ขายหุนในตลาดหลกั ทรัพย อาชีพการทาํ บัญชี การตลาด เปนตน (1) ลกั ษณะงานเบ้อื งตน ทีใ่ ชทักษะคณติ ศาสตร 1. การจัดเตรยี มสถานที่ การคํานวณการจัดวางโตะ เกาอี้ หรอื วัสดุ อปุ กรณใ นการขาย 2. การจัดซื้อวัตถุดิบในการคาขายปลีกหรือขายสง 3. การจาํ หนา ยสินคา การคาํ นวณราคาสนิ คาตอ หนว ย การทอนเงิน 4. การจดั ทําบัญชพี สั ดุ (การจัดซื้อ การเบิกจา ยพสั ด)ุ 5. การจดั ทําบัญชีรับ – จายประจําวนั 6. การฝากเงิน การถอนเงิน การออมเงิน

196 7. การประชาสัมพันธในงานธุรกิจคาขายหรือพาณิชยกรรม ซึ่งตองใช ทักษะในการคํานวณขนาดของปายโฆษณา ขนาดตัวอักษร ขนาดและ จาํ นวนแผน พับหรือใบปลิวโฆษณา 8. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา (2) เคร่อื งมือและเทคโนโลยีทใี่ ช 1. เคร่ืองคดิ เลข 2. เคร่ืองเกบ็ เงิน – ทอนเงนิ 3. เคร่ืองคอมพวิ เตอร 4. เคร่ืองไมโครเวฟ 5. เครื่องปน นา้ํ ผลไม (3) ความรแู ละทักษะทางคณิตศาสตรทใ่ี ช 1. การคํานวณขนาดของพ้นื ที่ใชส อยเพือ่ จดั วาง โตะ เกาอห้ี รือวัสดุ อุปกรณใ นการขาย 2. การคาํ นวณปริมาณการจัดซอื้ วัตถุดบิ ในแตละวัน 3. การคาํ นวณในการจดั ซ้ือพัสดุ 4. การจัดทําบัญชีรับ – จา ยประจาํ วนั 5. การคาํ นวณขนาดของปา ยโฆษณา ประชาสัมพนั ธห รอื แผนพบั แผนปลิว โฆษณา 6. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา 1.4 กลมุ อาชพี ดา นความคดิ สรา งสรรค ไดแ ก ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจการออกแบบตกแตงท่ีอยอู าศยั สํานักงานและสวนหยอม การจัดดอกไมและแจกนั ประดับ ธรุ กจิ การทําพวงหรีด การจัดกระเชาของขวัญ เปนตน

197 (1) ลักษณะงานเบอ้ื งตน ที่ใชทักษะคณติ ศาสตร 1. การจัดเตรียมขนาด ปริมาตร รูปทรงของพื้นที่หรือชิ้นงานในการจัดทํา ธุรกิจ ซึ่งตองใชการวัดความกวาง ความยาว ความสูงของพื้นที่หรือ ชิ้นงาน การออกแบบรูปทรงโดยใชรูปเรขาคณิตสามมิติ 2. การคํานวณปริมาณของวัสดุอุปกรณในการใชประดิษฐสรางสรรค ช้ินงาน หรอื การจดั ตกแตง สวนหยอม 3. การคํานวณเพื่อกําหนดราคาขายสินคา 4. การจดั ทาํ บัญชพี สั ดุ (การจัดซื้อ การเบกิ จา ยพสั ดุ) 5. การจัดทําบัญชีรับ – จาย ประจาํ วัน 6. การประชาสัมพันธในอาชีพธุรกิจทุกประเภท ซึ่งตองใชทักษะใน การคํานวณเปนพื้นฐาน 7. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา (2) เคร่ืองมือและเทคโนโลยีทใ่ี ช 1. เคร่ืองคดิ เลข 2. เคร่ืองคอมพวิ เตอร 3. โปรแกรมสําเร็จรูปในการออกแบบสินคา (3) ความรแู ละทักษะทางคณิตศาสตรท ่ีใช 1. การคาํ นวณพนื้ ท่ีผวิ ปรมิ าตรของพื้นทหี่ รือออกแบบรูปทรงทใี่ ชใน การทํางานอาชีพ 2. การคํานวณปรมิ าณของวสั ดุ อปุ กรณทใ่ี ชป ระดิษฐ สรา งสรรค ช้นิ งาน 3. การคํานวณตนทุนและกําไร เพ่อื กําหนดราคาขายสนิ คา 4. การจัดทําบัญชีพัสดุ 5. การจัดทําบัญชีรับ – จายประจาํ วนั 6. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา 1.5 กลุม อาชีพบรหิ ารจดั การและการบริการ ไดแก อาชีพกลุมงานบริการและการทองเที่ยวงานบริการรักษาความปลอดภัย บริการดูแลสตอ ก บริการดูแลผสู งู อายุ บริการสันทนาการและการกฬี า เปน ตน

198(1) ลักษณะงานเบื้องตนทใี่ ชทกั ษะคณติ ศาสตร 1. การสํารวจพื้นที่ในการใหบริการ การคํานวณระยะทางในการใหบริการ 2. การจดั ซื้อวัสดุ อปุ กรณใ นการใหบ รกิ าร 3. การรับสมัครและกาํ หนดเงนิ เดือนตามตาํ แหนง งานของเจา หนา ทใ่ี น การใหบ รกิ าร 4. การจัดทําตารางเวลา การอยูเวร - ยามของเจาหนาที่ประจําสํานักงาน 5. การจัดทํากําหนดการทองเที่ยวและการใหบริการ รวมทั้งกําหนด ราคาขายบริการในแตละพื้นที่ 6. การคํานวณการใชน ํา้ มันเช้ือเพลิงของยานพาหนะที่ใหบริการ 7. การจัดทําบัญชพี สั ดุ และการเบิกจา ยพสั ดุ 8. การจัดทําบัญชีรับ – จา ยประจําวัน 9. การจัดทําแผนปายโฆษณา ประชาสัมพันธการใหบริการ 10. การจัดทําสรุปรายงานและการนําเสนอขอมูล 11. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา(2) เครื่องมอื และเทคโนโลยีท่ใี ช 1. เคร่ืองคดิ เลข 2. เคร่ืองคอมพวิ เตอร 3. เครื่องออกกําลังกาย 4. อปุ กรณใ นการเตรียมอาหาร น้ําดม่ื นมแกท ารกและผูสงู อายุ 5. ยานพาหนะในการใหบ รกิ าร 6. แผนที่ของสถานทหี่ รอื จดุ ที่ใหบรกิ าร

199(3) ความรแู ละทักษะทางคณติ ศาสตรทีใ่ ช 1. การคํานวณพื้นที่และการวัดระยะทาง 2. การคํานวณปรมิ าณของวัสดุ อุปกรณท ี่จําเปนตองจัดซื้อ จดั หา เพื่อใหบรกิ าร 3. การคาํ นวณเงนิ เดอื นและกาํ หนดตาํ แหนง งานของเจา หนา ท่ี 4. การจัดทําตารางการปฏิบัติงาน 5. การคํานวณการใชเชื้อเพลิงรถยนตตอระยะทางที่ใหบริการ 6. การจัดทําบัญชีเบื้องตน 7. การใชสถิติในการจัดทําสรุปรายงานหรือนําเสนอขอมูล 8. การคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา

200เร่อื งท่ี 2 การนําความรูท างคณติ ศาสตรไ ปเช่อื มโยงกับงานอาชพี ในสังคม คณติ ศาสตรเปนวิชาท่ีวา ดวยเหตผุ ล กระบวนการคิดและแกปญ หาเสริมสรา งใหม ีการคิดอยางมีวิจารญาณเปนระบบ เปนคนมีเหตุผล มีทักษะการแกปญหา สามารถวิเคราะหปญหาและสถานการณไ ดอยางถถ่ี วน รอบคอบ การเชื่อมโยงความรูตาง ๆ ทางคณิตศาสตรกับงานอาชีพเปนการนําความรูและทักษะ/กระบวนการตาง ๆ ทางคณิตศาสตรไปสัมพันธกับเนื้อหาและความรูของงานอาชีพอยางเปนเหตุเปนผล ชวยในการตัดสินใจในงานอาชีพ เชน การใชตารางและกราฟประกอบการใชสถิติมาชวยในการวิเคราะหงานอาชีพเพื่อสํารวจความตองการสินคาเพื่อการผลิต ใชรอยละในการคิดคํานวณดอกเบย้ี ภาษี กําไรขาดทุน เปนตน2.1 ทักษะการจดั ทาํ บัญชีรายรับ – รายจา ยประจาํ วันตวั อยา ง การจัดทําบัญชีรายรับ – รายจายประจําวันของผูประกอบการรานอาหารวันที่ 25 กันยายน 2554 จายคาซื้อวัตถุดิบในการขายอาหาร 3,000 บาท คาน้ํา คาไฟฟา 850 บาท คาอาหาร 250 บาท ไดรับเงินจากการขายอาหาร 6,500 บาทวนั ที่ 26 กันยายน 2554 จายคาโทรศัพท 650 บาท จายคาน้ํามันรถยนต 1,400 บาท จายคาอาหาร 280 บาท จายคาผลไม 150 บาท ไดรับเงินจาก การขายอาหาร 5,400 บาทวันท่ี 27 กันยายน 2554 จา ยคาหนงั สือพิมพ 480 บาท จายคา อาหาร 310 บาท จายคาน้ําดื่ม 270 บาท จายคาซอมรถยนต 4,800 บาท ไดรับเงินจากการขายอาหาร 4,500 บาทวันท่ี 28 กันยายน 2554 จายคาอาหาร 240 บาท จายคาบัตรการกุศล 1,000 บาท ซือ้ ถงุ พลาสตกิ ใสอาหาร 550 บาท ไดรับเงินจากการขายอาหาร 6,800 บาท

ตวั อยาง การจัดทําบัญชีรายรับ – รายจายประจําวันของผูประกอบการรานอาหาร 201วนั เดือน ป รายการรบั จาํ นวนเงนิ วนั เดือน ป รายการจาย จาํ นวนเงนิ25 ก.ย. 54 ไดเงินจากการขาย บาท สต. บาท สต. 3,000 - อาหาร 6,500 - 25 ก.ย. 54 ซ้อื วัตถดุ ิบในการ 850 -26 ก.ย. 54 ไดเงินจากการขาย ขายอาหาร 250 - อาหาร 650 - คานาํ้ คาไฟฟา 1,400 -27 ก.ย. 54 ไดเงินจากการขาย 280 - อาหาร คาอาหาร 150 - 480 -28 ก.ย. 54 ไดเงินจากการขาย 5,400 - 26 ก.ย. 54 คาโทรศัพท 310 - อาหาร 270 - คา นา้ํ มนั รถยนต 4,800 - รวม 240 - คาอาหาร 1,000 - 550 - คาผลไม 14,230 - 4,500 - 27 ก.ย. 54 คา หนังสือพมิ พ 8,970 - คาอาหาร คา นํ้าดื่ม คาซอมรถยนต 6,800 - 28 ก.ย. 54 คาอาหาร คาบัตรการกุศล ซื้อถุงพลาสติกใส อาหาร 23,200 - รวม ยอดคงเหลือยกไป เม่ือจัดทําบัญชีรายรบั และรายจา ยประจําวนั แลว ผูเรียนจะคาํ นวณยอดคงเหลอื ซง่ึ ไดจากการนํารายรับไปลบกับรายจาย เมื่อจัดทําบัญชีในหนาถัดไปหรือในเดือนถัดไปก็จะนํายอดคงเหลือไปบันทึกในรายการของรายรับในหนาถัดไป ซึ่งจะไปเปนยอดรายการรับรวมกับรายการรับเงินที่จะไดจากการรบั เงินจากการขายอาหารในวันตอ ๆ ไป

2022.2 ทักษะการคํานวณรายไดและการแลกเปลี่ยนเงนิ ตราตวั อยาง บริษัทแหงหนึ่งสั่งซื้อเครื่องจักรจากตางประเทศราคา 45,000 ดอลลารสหรัฐ เม่ือสินคา สงมาถึงเมืองไทยตองผานพิธีการศุลกากร เสียภาษีศุลกากร 10% ภาษมี ลู คาเพ่ิม 7% คาธรรมเนียมและคาบริการตาง ๆ รวม 4,000 บาท ราคาเครื่องจักรและคาใชจายทั้งหมดรวมวธิ ีทํา เปนเงินเทาไร (1 ดอลลารสหรัฐ เทา กับ 30.42 บาท) ราคาเครอ่ื งจกั ร 45,000 × 30.42 = 1,368,900 บาท เสยี ภาษศี ุลกากร 10% = 1,368,900 × 10 = 136,890 บาท 100 7 เสียภาษีมูลคา เพ่มิ 7% = 1,368,900 × 100 = 95,823 บาท ∴ ราคาเครื่องจักรและคาใชจายทั้งหมด รวมเปนเงิน = ราคาเครื่องจักร + ภาษศี ลุ กากร + ภาษีมลู คา เพม่ิ + คา ธรรมเนียมและคาบริการตาง ๆ = 1,368,900 + 136,890 + 95,823 + 4,000 = 1,605, 613 บาท2.3 การคดิ คํานวณดอกเบ้ียสินเชื่อธนาคารตวั อยาง บรษิ ทั สัง่ ซ้ือเครื่องจกั รจากตัวอยางขางตน บรษิ ทั ไดข อสินเชื่อจากธนาคารไดรับสิทธิในการ ผอนชาํ ระเคร่ืองจกั รเปน รายเดือน เดือนละ 120,000 บาท คิดดอกเบี้ยปละ 7.5% เมื่อผอนชําระวธิ ีทํา ครบ 1 ป จะตองเสียเงินทัง้ หมดเทา ไร ดอกเบย้ี = เงินตน ×อตั ราดอกเบ ้ยี × ระยะเวลา 100 7.5 1 เดือนที่ 1 เสียดอกเบย้ี = 1,368,900 × 100 × 12 = 8,555.63 บาท เดอื นท่ี 2 เงนิ ตน คงเหลอื = 1,368,900 – 120,000 = 1,248,900 บาท เสยี ดอกเบย้ี = 1,248,900 × 7.5 × 1 = 7,805.63 บาท 100 12 เดือนที่ 3 เงนิ ตน คงเหลอื = 1,248,900 – 120,000 = 1,128,900 บาท เสียดอกเบย้ี = 1,128,900 × 7.5 × 1 = 7,055.63 บาท 100 12

203เดือนที่ 4 เงนิ ตน คงเหลอื = 1,128,900 – 120,000 = 1,008,900 บาทเสยี ดอกเบ้ยี = 1,008,900 × 7.5 × 1 = 6,305.63 บาท 100 12เดือนที่ 5 เงนิ ตน คงเหลอื = 1,008,900 – 120,000 = 888,900 บาทเสียดอกเบี้ย = 888,900 × 7.5 × 1 = 5,555.63 บาท 100 12เดือนท่ี 6 เงนิ ตน คงเหลอื = 888,900 – 120,000 = 768,900 บาทเสียดอกเบี้ย = 768,900 × 7.5 × 1 = 4,805.63 บาท 100 12เดือนท่ี 7 เงนิ ตน คงเหลอื = 768,900 – 120,000 = 648,900 บาทเสยี ดอกเบ้ยี = 648,900 × 7.5 × 1 = 4,055.63 บาท 100 12เดือนที่ 8 เงนิ ตน คงเหลอื = 648,900 – 120,000 = 528,900 บาทเสียดอกเบยี้ = 528,900 × 7.5 × 1 = 3,305.63 บาท 100 12เดอื นที่ 9 เงนิ ตน คงเหลอื = 528,900 – 120,000 = 408,900 บาทเสยี ดอกเบย้ี = 408,900 × 7.5 × 1 = 2,555.63 บาท 100 12เดอื นท่ี 10 เงนิ ตน คงเหลอื = 408,900 – 120,000 = 288,900 บาทเสยี ดอกเบีย้ = 288,900 × 7.5 × 1 = 1,805.63 บาท 100 12เดอื นที่ 11 เงนิ ตน คงเหลอื = 288,900 – 120,000 = 168,900 บาทเสยี ดอกเบยี้ = 168,900 × 7.5 × 1 = 1,055.63 บาท 100 12เดอื นที่ 12 เงนิ ตน คงเหลอื = 168,900 – 120,000 = 48,900 บาทเสยี ดอกเบี้ย = 48,900 × 7.5 × 1 = 305.63 บาท 100 12เมื่อผอนชาํ ระครบ 1 ป จะตอ งเสียเงนิ ทั้งหมด = ราคาเครื่องจักร + ดอกเบย้ี 12 เดือน = 1,368,900 + 8,555.63 + 7,805.63 + 7,055.63 + 6,305.63 + 5,555.63 + 4,805.63 + 4,055.63 + 3,305.63 + 2,555.63 + 1,805.63 + 1,055.63 + 305.63 = 1,422,067.56 บาท

2042.4 การคาํ นวณกาํ ลังการผลิต (อัตราสว น/สัดสวน)ตัวอยา ง เครื่องจักรบรรจุน้ําตาลทรายขนาด 8 กรมั ไดนาทีละ 100 ซอง ทํางานวันละ 8 ชั่วโมง เคร่ืองจกั รจะทําการบรรจุไดกซ่ี องวธิ ที ํา อัตราสวนของเวลาที่ใชในการบรรจุตอจํานวนซองเทากับ 1 นาที ตอ 100 ซอง หรือ 8 ชั่วโมง ตอ A (8 ชั่วโมง × 60 นาที : A) นนั่ คอื 1 : 100 = 8 ×60 : A 1 = 480 100 A A = 480 × 100 A = 48,000 ดังน้นั เคร่ืองจกั รบรรจุนาํ้ ตาลทรายขนาด 8 กรมั วันละ 8 ชัว่ โมง เทากับ 48,000 ซอง2.5 การคํานวณรายได (รอ ยละ อัตราสว น สัดสว น)ตวั อยา ง พนกั งานไดรับเงนิ เดอื น ๆ ละ 12,000 บาท คาเบี้ยขยัน 10% ของเงินเดือน คา ลว งเวลาได ชั่วโมงละ 50 บาท เดือนนี้ทํางานลวงเวลา 8 วนั ๆ ละ 3 ชั่วโมง หักเงินคาประกันสังคม 5% ของเงนิ เดือน พนกั งานคนน้ีจะไดร บั เงินเทา ไรวธิ ีทํา คา เบ้ียขยนั = 10 × 12,000 = 1,200 บาท 100 อตั ราสว นของจาํ นวนชว่ั โมงลว งเวลา : รายได เทากับ 1 ช่ัวโมง ตอ 50 บาท นนั่ คอื 8 × 3 : รายได = 1 : 50 24 : รายได = 1 : 50 24 = 1 รายได 50 รายได = 24 × 50 = 1,200 บาท คาประกันสังคม = 5 ×12,000 = 600 บาท 100 พนกั งานคนนไ้ี ดรบั เงิน = เงนิ เดือน + เบ้ียขยัน + คาลวงเวลา – คาประกันสังคม = 12,000 + 1,200 + 1,200 – 600 = 13,800 บาท

2052.6 ทักษะการคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาตัวอยา งท่ี 5 โอฬารมีรายไดจากการประกอบอาชีพเดือนละ 10,500 บาท ไมมีครอบครัว เมื่อยื่นแบบคาํ นวณภาษี มีสิทธหิ กั คา ใชจายได 40% ของรายไดแตไมเกนิ 60,000 บาทคาลดหยอ นผมู ีเงินได 30,000 บาท สิ้นปโอฬารจะตองชําระภาษีหรือไมวิธที ํา เงินไดพึงประเมินของโอฬารตลอดป = 10,500 × 12 = 126,000 บาท 40หัก คา ใชจ ายไดร อยละ 40 ของเงินไดพึงประเมิน = 100 ×126,000 = 50,400 บาทหกั คาลดหยอ นผูมีเงินได 30,000 บาทเงนิ ไดสทุ ธทิ ี่ตองคํานวณภาษี = เงินไดพึงประเมิน – (เงินหักคาใชจาย + คา ลดหยอ น) = 126,000 – (50,400 + 30,000) = 45,600 บาทกรมสรรพากรกําหนดใหผูม ีเงินไดสทุ ธติ งั้ แต 0 ถึง 150,000 บาท ไดรับการยกเวนภาษีดังน้ัน โอฬารตอ งยนื่ แบบภาษีเงนิ ไดบ ุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.91) แตไ มตองชําระเงินเพราะไดรับการยกเวน ภาษี ดังตาราง ตารางอัตราภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา เงินไดสุทธิขน้ั เงนิ ไดส ทุ ธติ ัง้ แต จาํ นวนสงู สดุ เงนิ ไดสุทธิ อตั ราภาษี ภาษเี งินได ภาษีในแตละ ภาษสี ะสม แตล ะขน้ั รอยละ ขนั้ เงินได สูงสดุ ของขั้น ของขนั้0 ถงึ 100,000 100,000 .............. .... 5 .............. .... ยกเวน 0เกนิ 100,000 ถงึ 150,000 50,000 .............. .... 10 .............. .... ยกเวน 0เกนิ 150,000 ถงึ 500,000 350,000 .............. .... 10 .............. .... 35,000 35,000เกนิ 500,000 ถึง 1,000,000 500,000 .............. … 20 .............. … 100,000 135,000เกนิ 1,000,000 ถึง 4,000,000 3,000,000 .............. … 30 .............. … 900,000 1,035,000 .............. … 37 .............. …เกนิ 4,000,000 บาทขึ้นไป รวม →

2062.7 การทาํ ปายจากแผน อะครีลกิตัวอยา ง ทําปายจากแผน อะครลี ิกติดหนาหอ งตา ง ๆ ดังนี้ หอ งประชมุ Meeting Room หองแสดงสนิ คา Show Room หองเกบ็ ของStore Room ปายทั้ง 3 ทาํ ดว ยแผน อะครลี กิ หนา 3 มม. สีขาว โดยมีขนาดกวาง 8 นว้ิ ยาว 21 นิ้ว โดยทางรานคิดคาใชจายการจัดทําตารางฟุตละ 165 บาท จะตองเสียคาใชจายทําปายทั้งสามเทากับเทาไรวธิ ที ํา พปาื้นยทมป่ี คีคาววยาาทมมั้งยกหาววมาง2ด18=นน้วิวิ้182==×11128222211×ฟฟ3ุตตุ = 3.5 ตารางฟุต เสียคาใชจายทําปาย = 3.5 × 165 = 577.50 บาท

207 แบบฝก หดั1. จงจัดทําบัญชีรับจายประจําวันของนายสมพร ซึ่งประกอบอาชีพเปนผูขายปาทองโก ในเวลา 5 วนัดงั รายการดงั น้ีวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ยอดเงนิ คงเหลอื มาจากเดือนกนั ยายน 2554 8,000 บาท จายคาซือ้ แปง สาลีและวตั ถุดิบอน่ื ๆ 2,500 บาท จา ยคา แกส หุงตม 350 บาท คาอาหาร 270 บาท ไดรับเงินจากการขายปาทองโก 4,800 บาทวนั ที่ 2 ตุลาคม 2554 จายคา นาํ้ คา ไฟฟา 840 บาท คาอาหาร 320 บาท คาถุงพลาสติก 200 บาท คาถงุ กระดาษ 100 บาท ไดรับเงินจากการขายปาทองโก 4,200 บาทวนั ที่ 3 ตุลาคม 2554 จายคาโทรศัพท 430 บาท คาอาหาร 290 บาท จา ยคา หนงั สอื เรียนลูก 950 บาท คา น้ําด่มื 160 บาท ไดรับเงินจากการขายปาทองโก 3,900 บาทวันท่ี 4 ตุลาคม 2554 จายคา เส้อื ผา 1,250 บาท คาอาหาร 340 บาท ซ้อื แปงสาลแี ละวตั ถดุ ิบอน่ื ๆ 2,000 บาท ไดรับเงินจากการขายปาทองโก 4,500 บาทวนั ท่ี 5 ตุลาคม 2554 จายคาอาหาร 250 บาท คาน้ําดื่ม 120 บาท จายคาหนังสอื พิมพ 480 บาท ไดรับเงินจากการขายปาทองโก 3,800 บาท2. ใหผ เู รยี นจัดทาํ บัญชีรบั – จายประจําวันของตนเองในเวลา 1 สัปดาห ตามความเปนจริง พรอมทั้งสรุปรายรับ รายจาย และยอดเงินคงเหลือ________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

2083. รา นเฟอรนิเจอรแหงหนง่ึ ซ้อื เฟอรน ิเจอรค รบ 25,000 บาท (ราคาสินคา + ภาษีมลู คาเพม่ิ ) ไดล ด 10% ราคาเฟอรนิเจอร และทุกรายการตองเสียภาษีมลู คาเพ่มิ 7% สมรตองการซอ้ืประเภท ราคา เตียงนอน ตูเสื้อผา และโตะ สมรตอ งจา ยเงนิ เทาไร หากสมรซื้อเฟอรนิเจอรทุกรายการในตาราง สมรตองจายเงินเตยี งนอน 6,000 เทาไรตูเสอ้ื ผา 8,500เกา อ้ี 600โตะ 5,500ตตู ดิ ผนัง 3,200________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________4. อมรมีเงินสด 500,000 บาท อมรควรนําเงินสดไปออมประเภทใด จึงจะไดผลตอบแทนมากทสี่ ดุ ในระยะเวลา 1 ป จงบอกเหตุผล (1) ฝากออมทรัพยไ ดด อกเบ้ียรอ ยละ 0.75 บาท/ป (2) ฝากประจํา 4 เดือนไดด อกเบย้ี รอ ยละ 3.42 บาท/ป กรณฝี ากประจาํ ตอ งเสยี ภาษี 15% ของดอกเบย้ี (3) ซือ้ สลากออมสนิ ฉบบั ละ 50 บาทไดดอกเบี้ยฉบับละ 2.50 บาท เม่ือฝากครบ 3 ป ฝากครบ 1 ป ไดดอกเบ้ยี ฉบับละ 0.25 บาท และมีสิทธถิ ูกรางวัลเลขทาย 4 ตวั รางวัลละ 150 บาท จํานวน 2 รางวัล/เดือน________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

2095. จํานงเปนพนักงานขายอุปกรณการแพทยไดคาตอบแทนเดือนละ 15,000 บาท แตยังไมมีครอบครัว ส้ินปมสี ทิ ธหิ ักคา ใชจ ายรอ ยละ 40 ของเงนิ ไดพงึ ประเมิน แตไ มเกนิ 60,000 บาท หกั ลดหยอ น ผูมีเงินได 30,000 บาท หักคาเบี้ยประกันชวี ติ 10,000 บาท ส้นิ ปย ่ืนแบบแสดงรายการภาษเี งินได บุคคลธรรมดาตองชําระภาษีหรือไม ถาชําระตองชําระภาษีเทาไร____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________6. การใชส ถติ ชิ วยในการวิเคราะห (สถิติ) พ.ค. ชิน้ 400 350 300 250 200 150 100 50 0 ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. บริษัทแหงหนึ่งจําหนายกระเปาไดตามกราฟขางตน เมื่อพิจารณาจากกราฟ บริษัทแหงนี้ควรดาํ เนนิ การอยา งไร________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

2107. พนกั งานไดร บั คา จา งรายวันวนั ละ 215 บาท ไดคาลวงเวลา 1.5 เทาของรายได ทํางานปกติ 5 วนั ทําลวงเวลา 3 วัน พนักงานคนนไ้ี ดรับคา จา งเทา ไร________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________8. ถาตองการดูแนวโนม ผลกําไรของธรุ กจิ ยอนหลงั 3 ป ควรใชแ ผนภมู ชิ นดิ ใดในการวิเคราะห________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________9. ทําแผน ปา ยตดิ หนา หองตางๆ ดังน้ี หอ งประชมุ 1 Meeting Room 1 สตูดิโอ Studio หอ งประชมุ 2Meeting Room 2 ปายทั้ง 3 ทาํ ดวยแผน อะครลิ กิ หนา 2 มม. สีครีม โดยมีขนาดกวาง 10 น้ิว ยาว 21 นว้ิ โดยทาง รานคิดคาใชจายตารางฟุตละ 185 บาท ตองเสียคาใชจายทั้งหมดเทาไร________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

211เฉลยแบบฝกหัด

212แบบฝกหัดที่ 1 เฉลย บทที่ 1 จํานวนและการดําเนินการ1. จงเลอื กจาํ นวนเตม็ บวก จาํ นวนเตม็ ลบ และจาํ นวนเตม็ จากจาํ นวนตอไปน้ี- 1, 4 , 0, -3, 500 , − 500 2 1000 250จาํ นวนเตม็ บวก ประกอบดว ย 4 2จํานวนเตม็ ลบ ประกอบดว ย -1 -3 500 − 250จาํ นวนเต็ม ประกอบดวย -1, 4 , 0, -3, − 500 250 22. จงเติมเครื่องหมาย < หรือ > เพื่อใหประโยคตอ ไปนี้เปน จรงิ 1) -4 ............... <................. 3 2) -4 .............. <................. -3 3) -2 .............. >............... -5 4) 4................ >................ -2 5) 4................ >................. -83. จงเรียงลําดับจํานวนเต็มจากนอยไปหามาก 1) -2, -8, -4, -15, -20, -7 ………-20, -15, -8, -7, -4, -2………………… 2) 4, -8, 0, -2, 16, -17 ………-17, -8, -2, 0, 4, 16 ……………………

213แบบฝกหดั ที่ 21. จงเติมคําวา “มากกวา” หรือ “นอ ยกวา ” หรือ “เทากับ” 1) คาสมั บรู ณข อง (-3)..................เทา กบั ...........คาสัมบรู ณของ 3 2) จํานวนตรงขามของ (-4) ...........มากกวา..........................จาํ นวนตรงขามของ 4 3) จํานวนตรงขามของ 5 ...............นอ ยกวา ..........................จํานวนตรงขามของ -5 4) คา สมั บูรณของ A...........เทา กบั ...................คาสมั บูรณข อง(-A) เมื่อA เปน จาํ นวนใดๆ 5) จํานวนตรงขามของ A .....นอ ยกวา ......จํานวนตรงขามของ (-A) เมือ่ A เปน จาํ นวนใดๆ2. จงเติมเครื่องหมาย <, > หรือ = ลงในชองวาง 1) – (- 5) .....................=...........................5 2) จํานวนตรงขามของ 8 .................. <..................................8 3) จํานวนตรงขามของ (-8)................. >................................(-8) 4) − 25................. = ..................... − 25 5) − 20.................〉.......................(− 20) 6) − 25................〉.......................... − 5 7) จํานวนตรงขามของ (-2) .......................... <.........................จํานวนตรงขามของ(-7) 8) จํานวนตรงขามของ 32........................ >...............................จํานวนตรงขามของ 77

214แบบฝก หัดท่ี 31. จงแสดงการหาผลบวกของสองจาํ นวนทก่ี าํ หนดให โดยใชเ สน จาํ นวน 1. 3+2 2. (-3)+(-2) 3. 2+1 4. (-2)+(-1) 5. 5+ (-1) 6. (-1) +5 7. (-5) +3 8. 3 + (-5)

215 2. จากผลการบวกโดยใชเสนจํานวน จงเติมคาํ ตอบตอ ไปนใี้ หสัมบูรณ ผลบวกของ a กบั bประโยคแสดงผลบวกของ a+b คา สมั บรู ณของ a คาสมั บรู ณข อง b คา สัมบรู ณของ(a+b) เทา กนั หรือไมกบั a + b1. 3+2 = 5 32 5 เทา กนั2. (-3)+(-2) = -5 32 5 เทากัน3. 2+1 = 3 21 3 เทากนั4. (-2)+(-1) = -3 21 3 เทากัน5. 5+ (-1) = 4 51 4 เทา กนั6. (-1) +5 = 4 15 6 เทากนั7. (-5) +3 = -2 53 2 เทากัน8. 3 + (-5) = -2 35 2 เทากนั

216แบบฝก หดั ท่ี 4 4. (-5) – (-8)1. จงทาํ ใหเ ปน ผลสําเร็จ วิธีทาํ (-5) – (-8) = (-5) + 8 1. (-12) – 7 =3วิธที าํ (-12) – 7 = (-12) + (-7) = - 19 2. 7 – (-12) 5. [8 – (-2)] – 6วธิ ที ํา 7 – (-12) = 7 + 12 วิธีทํา [8 – (-2)] – 6 = [ 8 + 2] + (-6) = 19 = 10 + (-6) 3. (-8) – (-5) =4วธิ ีทาํ (-8) – (-5) = (-8) + 5 6. 8 – [(-2) – 6] วิธีทาํ 8 – [(-2) + (-6)] = 8 – (-8) = -3 =8+8 = 162. จงหาคาของ a – b และ b – a เมอ่ื กาํ หนด a และ b ดงั ตอไปน้ี1. a = 5, b = (-3)วธิ ีทํา a – b = 5 – (-3) b – a = (-3) – 5= 5 + 3 = (-3) + (-5)= 8 = -8 2. a = (-14), b = (-6) b – a = (-6) – (-14) = (-6) + 14วิธที าํ a – b = (-14) – (-6) =8 = (-14) + 6 = (-8) 3. a = (-4), b = (-4) b – a = (-4) – (-4) = (-4) + 4วิธีทํา a – b = (-4) – (-4) =0 = (-4) + 4 =0

แบบฝกหดั ท่ี 5 217จงหาผลลัพธ1). [(-3) × (-5)] × (-2) 6). (-5) × [6 + (-6)]วธิ ีทํา [(-3) × (-5)] × (-2) = 15 × (-2) วธิ ีทํา (-5) × [6 + (-6)] = (-5) ×0 = (-30) =02). (-3) × [(-5) × (-2)] 7). [(-7) × (-5)] + [(-7) × 2]วธิ ีทํา (-3) × [(-5) × (-2)] = (-3) × 10 วธิ ีทาํ [(-7) × (-5)] + [(-7) × 2] = 35 + (-14) = -30 = 213). [4 × (-3)] × (-1) 8). (-7) × [(-5) + 2]วธิ ีทํา [4 × (-3)] × (-1) = (-12) × (-1) วิธีทาํ (-7) × [(-5) + 2] = (-7) × (-3) = 12 = 21 9). [5 × (-7)] + [5 × 3]4). 4 × [(-3) × (-1)] วิธีทาํ [5 × (-7)] + [5 × 3] = (-35) + 15วธิ ที าํ 4 × [(-3) × (-1) ] = 4 × 3 = (-20) = 125). [(-5) × (-6)] + [(-5) × (-6)] 10). 5 × [(-7) + 3]วธิ ที ํา [(-5) × (-6)] + [(-5) × (-6)] = 30+30 วิธีทํา 5 × [(-7) + 3] = 5 × (-4) = 60 = (-20)

218แบบฝกหัดที่ 61. จงเติมคําตอบใหสมบูรณเพื่อแสดงหลักของความสัมพันธระหวางการหารและการคูณ ตอไปนี้ประโยคที่แสดงความสัมพันธ a = b × c ประโยคที่แสดงความสัมพันธ a ÷ b = c หรอื a ÷ c = b10 = 5 x 2 10 ÷ 5 = 2 หรอื 10 ÷ 2 = 535 = 7 x 5 35 ÷ 7 = 5 หรอื 35 ÷ 5 = 733 = 3 x 11 33 ÷ 3 = 11 หรอื 33 ÷ 11 = 3(-14) = 7 x (-2) (-14) ÷7 = (-2) หรอื (-14) ÷ (-2) = 7(-21) = 7 x (-3) (-21) ÷7 = (-3) หรอื (-21) ÷ (-3) = 7(-15) = 3 x (-5) (-15) ÷3 = (-5) หรอื (-15) ÷ (-5) = 310 = (-5) x (-2) 10÷(-5) = (-2) หรอื 10÷(-2) = (-5)จงหาผลหาร 4. (-72) ÷ 91. 17 ÷ 17 วธิ ีทํา (-72) ÷ 9 = -8วธิ ีทํา 17 ÷ 17 = 12. 23 ÷ (-23) 5. [(-51) ÷ (-17)] ÷ [15 ÷(-5)]วิธีทาํ 23 ÷ (-23) = -1 วธิ ีทาํ [(-51) ÷ (-17)] ÷ [15 ÷(-5)] = 3 ÷ (-3)3. 15 ÷ (-3) = -1วิธที ํา 15 ÷ (-3) = -5 6. [(-72) ÷ 9] ÷ [ 16 ÷ (-2)] วธิ ีทํา [(-72) ÷ 9] ÷ [ 16 ÷ (-2)] = (-8) ÷ (-8) =1

198แบบฝก หัดท่ี 71. จงเตมิ จาํ นวนเต็มในชองวางทเ่ี วน ไวเพ่ือใหแตล ะประโยคตอ ไปนี้เปนจริง1.1 5 1.2 (-5)1.3 7 1.4 61.5 (-9) 1.6 (-5)1.7 (-13) 1.8 131.9 0 1.10 (-3)2. เมอื่ กําหนดให a = 8, b = 10, c = 3 และ d = -6 จงหาคาของ ac + bd a+bวิธที ํา (8× 3) + (10 × (− 6)) = 24 + (− 60) 8 + 10 18 = ( − 36 ) 18 = (-2)

199แบบฝกหดั ท่ี 1 เฉลย บทท่ี 2 เศษสว นและทศนยิ ม1. จงเตมิ เศษสว นลงใน 1) ใหถูกตอ ง2)2. จงเขียนเสน จํานวนแลว หาจดุ ทแ่ี ทนจาํ นวนตอ ไปน้ี 1) 4 , 1 1 , 20 8 2801 23 2) 1 1 , 4 3 , 29 2 66 * 11 23. จงเขยี นจํานวนตอ ไปน้ีใหอยูในรปู ของทศนิยม1. 6 = 0.6 2. 12 = 0.12 0.357 10 1003. 357 = 4. 1 + 2 + 3 = 0.123 1000 10 100 1000

200แบบฝก หดั ที่ 21. จงเปลย่ี นเศษสว นตอไปน้ีใหเ ปนทศนิยม โดยการทําสวนใหเปน 10 , 100 ,1,000,.......1) 9 = 225 = 2.25 2) 1 3 = 175 = 1.75 4 100 4 1003) 39 = 97.5 = 0.975 4) 7 = 28 = 0.28 40 100 25 1005) 1 = 125 = 0.125 6) 8 = 64 = 0.064 8 1000 125 10002. จงเปลย่ี นเศษสว นตอไปน้ีใหเปนทศนิยม โดยการหารเศษสวน1) 9 = 0.81 2) 3 1 = 3.14 11 73) 7 = 0.4375 4) 5 = 1.25 16 45) 5 = 0.83 6) 8 3 = 8.6 6 5

201แบบฝกหดั ที่ 3 เพ่ือใหไ ดเ ศษสวนท่ีเทา กัน1. ใหเ ตมิ ตัวเศษหรือตวั สว นของเศษสว นลงใน2. ใหเ ติมเครื่องหมาย > , < หรือ = ลงใน ใหถ ูกตอง

2023. ใหนักศกึ ษาเติมเครอ่ื งหมาย > , < หรือ = ระหวา งจํานวนสองจาํ นวน1) -0.500 ......<........0.501 2) 103.012 .........>............. – 0.5013) 5.28 .......... <.......... 5.82 4) – 5.28 .........=................. -5.285) 8.354 ......... <........ 8.534 6) -8.544 .............. <............. -8.5347) -13.06 ......... <........ 13.06 8) 103.012 ......... >........... -103.0129) -5.125 ..........=........ -5.1250 10) -7.10 .............. <........... -7.014. ใหนักศึกษาเรียงลําดับจํานวนตอไปนี้จากคานอยไปคามาก 5) -1.724, -1.738, 0.832, -2.000 - 2.000, - 1.738, -1.724, 0.8326) -30.710, -31.170, -31.107, 30.017 -30.710, -31.170, -31.107, 30.0177) 83.000, -38.000, -83.001, -138.500 -138.500, -83.001, -38.000, 83.0008) -34.50, -37.40, -41.54, -39.62, -42.50 -42.50, -41.54, -39.62, -37.40, -34.50แบบฝกหดั ที่ 41. ใหหาผลลัพธตอ ไปนี้ 1.2 6 = 1 1.1 12 = 6 12 2 2 1.4 16 = 1 5 1.3 24 = 2 11 11 12 1.6 2 = 1 1.5 2 = 1 24 12 12 6

2032. ใหเ ติมจํานวนลงใน แลวทําใหประโยคเปนจริง 2.1 6 2.2 6 8 6 2.3 12 2.4 5 8 3 2.5 7 แลวทําใหประโยคเปนจริง 3.2 9 8 143. ใหห าจํานวนมาเติมลงใน 3.1 3 3.4 15 = 2 3 = 2 1 6 6 62 3.3 1 3.6 14 6 24 3.5 7 = 1 3 3.8 111 44 28 3.7 35 =117 18 184. ใหหาผลลัพธตอไปนี้1. วธิ ีทํา = 3 +  14 + 20  2. วิธีทาํ = 7 +  5 + 4  = 7 + 9 7  35 35  10  9 9  10 9 = 3 + 34 = 3× 5 + 34 = 15 + 34 = 7 +1 7 35 7 × 5 35 35 35 10 = 49 = 17 35 10 = 114 35 = 12 53. วิธที าํ =  3 × 8  +  7 + 5  + 2 4. วิธที าํ = 46 +  7 − 7  5 8   8 5 5 11  3 33  =  24 + 35  + 2 = 46 +  7 × 11  − 7  40 40  5 11 3 11  33 = 59 + 2 = 46 +  77 − 7 11  33 33 40 5 = 59 +  2 × 8  = 46 + 70 40  5 8  11 33 = 59 + 16 =  46 × 3 + 70  11 3 33 40 40 = 75 = 1 35 = 138 + 70 = 208 = 610 40 40 33 33 33 33

204แบบฝกหดั ที่ 51. จงหาผลคณู ตอไปน้ี1) 2 1 ×11 35 วธิ ที าํ = 7 × 6 35 = 42 15 = 212 = 2 4 15 52) 11 × 5 59 วิธที าํ = 6 × 5 59 = 30 = 2 45 33) 5 2 ×11 11 9 วธิ ที ํา = 57 × 10 11 9 = 570 = 5 75 = 5 25 99 99 334) 16 2 × 7 3 10 วธิ ที าํ = 50 × 7 3 10 = 35 = 11 2 335) 5 × 2 2 ×1 2 16 3 5 วธิ ที าํ = 5 × 8 × 7 16 3 5 = 7 =11 666) 6 2 × 3 × 1 346 วธิ ที ํา = 20 × 3 × 1 = 5×1×1 = 5 3 4 6 1× 2×3 6

2057) 15 × 24 × 35 49 25 18 วธิ ที ํา = 15 × 24 × 35 49 25 18 =4 78) 24 × 10 × 11 × 10 25 27 25 22 วิธที าํ 24 × 10 × 11 × 10 25 27 25 22 = 8× 2×1×1 5 × 9 × 5 ×1 = 16 225แบบฝกหดั ท่ี 61. จงหาผลลัพธตอไปน้ี 1.1 วิธที ํา = 4 × 8 55 = 32 = 1 7 25 25 1.2 วิธที าํ = 10 × 2 11 5 =4 11 1.3 วิธีทํา = 9 × 12 24 6 =3 4 1.4 วธิ ที ํา = 15 × 24 16 5 = 9 =41 22 1.5 วธิ ที ํา = 99 × 25 100 11 = 9 =21 44 1.6 วธิ ที ํา = 3 × 1 23 =1 2

2062. จงทําใหเปนผลสาํ เรจ็ 9 ×  21 − 31 2.1 วิธที ํา = 17  5 9  = 9 × 189 − 155  = 9 × 34 17  45 45  17 45 = 2 2.2 วธิ ที ํา = 5  3 + 2  ÷  3 − 2  = 6 6 6 6 = 5 ÷1 = 5×6 2.3 วิธีทํา = 66 6 = = 5 2.4 วิธที าํ = = 11 × 7 × 12 3 6 11 14 3 42 3 24 × 7 × 10 753 16แบบฝกหัดที่ 71. ใหหาคําตอบของโจทยปญหาตอไปนี้ 1) ตองมีเงิน 320 บาท ซื้อรองเทา 2 ของเงินทั้งหมด ซ้ือเสอ้ื 5 ของเงินทเ่ี หลอื จง 5 16หาวาตองเหลือเงินเทาไรวิธที าํ ตองมีเงิน 320 บาท ซอ้ื รองเทา 2 ของเงินทั้งหมด คิดเปน 2 × 320 = 128 55 เหลอื เงินจากการซอ้ื รองเทา 320 – 128 = 192 บาท ซ้ือเส้อื 5 ของเงินท่ีเหลอื คดิ เปน 5 ×192 = 60 บาท 16 บาท 16 192 – 60 = 132 เหลือเงินจากการซอื้ เสื้อตอบ ตองเหลอื เงิน 132 บาท

2072) หองประชุมหองหนึ่งมีความยาวเปน 3 3 ของความกวาง และความกวางเปน 4 2 ของ 45 ความสูง ถา หอ งสงู 3 1 เมตร และมีนักเรยี น 462 คน จงหาวา โดยเฉลย่ี นักเรยี นคนหนึ่ง 2 มีอากาศหายใจกี่ลูกบาศกเมตรวิธที าํ หองประชุมมีความกวาง 4 2 ของความสูง = 22 × 7 = 77 เมตร 5 52 5 มีความยาวเปน 3 3 ของความกวาง = 15 × 77 = 231 เมตร 4 45 4ดังนั้นหองประชุมมีปริมาตร = 7 × 77 × 231 = 124,509 ลูกบาศกเมตร 25 4 40ในหอ งประชมุ มนี กั เรยี น 462 คน โดยเฉลย่ี นกั เรยี นคนหน่ึงมอี ากาศหายใจตอบ โดยเฉลี่ยนักเรียนคนหนึ่งมีอากาศหายใจ = 124,509 ÷ 462 40 = 124,509 × 1 40 462 = 6.7375 ลูกบาศกเมตร 6.7375 ลูกบาศกเมตร3) จางคนปลกู หญาบนสนามรูปสีเ่ หลี่ยมผืนผากวาง 6 4 เมตร ยาว 10 1 เมตร ในราคาตาราง 52เมตรละ 45 บาท จะตองจายเงินทั้งหมดเทาไรวธิ ที ํา สนามรูปสี่เหล่ยี มผนื ผา กวาง 6 4 เมตร = 34 เมตร 5 5 ยาว 10 1 เมตร = 21 เมตร 2 2พืน้ ที่สนาม = 34 × 21 = 357 ตารางเมตร 52 5จายคาจางคนปลูกหญา ตารางเมตรละ 45 บาท ตองจายเงิน = 45 × 357 = 3,375 บาทตอบ จายคาจางปลูกหญาบนสนามเทากับ 3,213 บาท 5

2084) โทรทัศนเครื่องหนึ่งประกาศลดราคาลง 1 ของราคาที่ปดไวเดิม แตผูซ อื้ เปนเพื่อนกับผูขาย 4ลดใหอ กี 1 ของราคาทปี่ ระกาศลดแลว ในคร้ังแรก ซ่ึงปรากฏวา ผูซื้อจายไป 4,200 บาท จงหาวา 5โทรทศั นเ ครือ่ งนี้ปดราคาเดิมไวเ ทา ไรวธิ ีทํา โทรทัศนเครื่องหนึ่งลดราคาลง 1 ของราคาที่ปดไว 4ถาลดราคา 1 บาท ราคาทล่ี ดแลว เหลือ 1− 1 = 3 บาท 44 4ขายใหเพอ่ื นลดใหอกี 1 ของราคาที่ประกาศลด 1×3 = 3 5 4 20 5 3 − 3 = 15 − 3 = 12 = 3 บาทขายไปจริงราคา 4 20 20 20 5 เศษสว น 3 คดิ เปนเงนิ 4,200 บาท = 4,200 × 5 = 7,000 บาท 5 3 ดังนั้นราคาเดิมขายไวตอบ เดิมตดิ ราคาไว 7,000 บาท5) ในการเดนิ ทางครั้งหนงึ่ เสยี คา ทพ่ี กั 2 ของคาใชจายทั้งหมด คาเดินทาง 1 ของคาใชจาย 54ทั้งหมด คาใชจา ยอน่ื ๆ คิดเปนเงนิ 1,470 บาท จงหาวาคาใชจายทั้งหมดเปนเงินเทาไรวธิ ีทาํ คาใชจายทั้งหมดเปนเงิน 1 บาท เสยี คา ท่พี ัก 2 ของคาใชจายทั้งหมดเปนเงิน = 2 บาท 5 5 เสียคาเดินทาง 1 ของคาใชจายทั้งหมดเปนเงิน = 1 บาท 4 4 รวมคาที่พักและคาเดินทาง = 2 + 1 = 13 บาท เปนคาใชจายอ่ืนๆ 5 4 20 ดงั น้ัน 7 คิดเปน เงิน 1,470 บาท = 1− 13 = 7 บาท 20 20 20 ดงั น้นั คาใชจายทั้งหมด = 1,470 x 20 = 4,200 บาทตอบ คาใชจ ายท้ังหมด 4,200 บาท 7

แบบฝกหดั ที่ 8 2091. จงเติมผลลพั ธตอไปน้ี 1.2 -0.2 1.1 0.99 1.4 0.1 1.3 -0.1 1.6 -12.5 1.5 -16.7 1.8 -15.15 1.7 50.09 1.10 3.306 1.9 10.1 1.12 -16.57 1.11 -9.1 1.14 -50.1 1.13 -36.7 1.16 2.7843 1.15 8.4782 1.18 -63.938 1.17 -57.03 1.20 3.327 1.19 -3.237 1.2 -0.1176แบบฝกหดั ท่ี 9 1.4 -32.68081. จงหาคาของ 1.1 -28.92 1.3 6.67422. จงหาคาของ 2.1 -1,240 2.2 -10.1802 2.3 -12.596 2.4 24.5746 2.5 -3.33

210แบบฝกหดั ที่ 10ใหนักศึกษาแกปญ หาโจทยตอไปน้ี1. เชอื กยาว 17.25 เมตร นําอกี เสน หนง่ึ ยาว 5.2 เมตร มาผกู ตอกนั ทําใหเสียเชอื กตรงรอยตอ0.15 เมตร นาํ เชือกท่ีตอแลวมาวางเปน รูปสีเ่ หล่ยี มผืนผา ใหดา นกวางยาวดา นละ 1.5 เมตร ดา นยาวจะยาวดานละกี่เมตรวิธที ํา เชือกที่เหลือจากการนํามาตอกันคิดเปน (17.25 + 5.2) – 0.15 = 22.3 เมตรนํามาวางใหเ ปน รปู สเ่ี หล่ียมผืนผาใหดานกวา งยาว 1.5 เมตรดานกวางทั้ง 2 ดา นจะใชเชือกไป 1.5 x 2 = 3 เมตรเหลอื เชือกเปน ดา นยาว 22.3 – 3 = 19.3แตด า นยาว มี 2 ดา น ดงั นน้ั ดานยาว ดา นละ 19.3 ÷ 2 = 9.65 เมตรตอบ ดา นยาวจะยาวดา นละ 9.65 เมตร2. น้าํ ตาลถงุ หน่ึงหนัก 9.35 กโิ ลกรัม จํานวน 16 ถงุ ใชทําขนมเฉลย่ี แลว วนั ละ 4.4 กิโลกรมัจะใชนํา้ ตาลไดทงั้ หมดก่วี ันวธิ ที ํา นํา้ ตาลถงุ หนึ่งหนัก 9.35 กิโลกรัม จาํ นวน 16 ถุง = 9.35 x 16 = 149.6 กโิ ลกรมั ใชท าํ ขนมเฉลีย่ แลววนั ละ 4.4 กโิ ลกรมั จะใชน้าํ ตาลได = 149.6 = 34 วนั 4.4ตอบ จะใชน ํ้าตาลไดทั้งหมด 34 วนั3. หอ งรปู ส่ีเหลีย่ มผนื ผา กวาง 4.8 เมตร ยาว 9.6 เมตร นํากระเบ้ืองรูปสเี่ หลีย่ มจัตุรัสขนาด 32ตารางเซนติเมตร มาปูหองจะตองใชก ระเบ้ืองกแี่ ผนวิธที ํา พน้ื ท่ีหองสีเ่ หลีย่ มผืนผา กวา ง 4.8 เมตร ยาว 9.6 เมตร = 480 x 960 = 460,800 ตร.ซม.พน้ื ทกี่ ระเบอ้ื งรปู สเี่ หล่ียมจัตุรัสขนาด = 32 ตร.ซม. ถา ปูหองจะตองใชก ระเบอ้ื ง = 460,80014,400 แผนตอบ จะตองใชก ระเบื้อง 14,400 แผน 32

2114. มีทองคําแทงหนึ่งหนัก 12.04 กรัม ซื้อเพ่ิมอกี 25.22 กรมั แบงขายไปสองคร้งั หนกั ครัง้ ละ8.02 กรมั ทเ่ี หลอื นําไปทําแหวน 5 วง หนักวงละ 3.45 กรมั เทา ๆ กัน จะเหลือทองอกี กีก่ รมัวิธที าํ ทองคาํ แทง หน่ึงหนกั 12.04 กรัม ซื้อเพมิ่ อีก 25.22 กรัม = 12.04 + 25.22 = 37.26 กรมัแบงขายไปสองครั้ง หนักครั้งละ 8.02 กรมั = 8.02 x 2 = 16.04 กรมัเหลอื ทอง = 37.26 – 16.04 = 21.22 กรมันาํ ไปทาํ แหวน 5 วง หนกั วงละ 3.45 กรมั เทา ๆ กัน = 5 x 3.45 = 17.25 กรมัทองที่เหลือจากการทําแหวนจะได = 21.22 – 17.25 = 3.97 กรมัตอบ จะเหลือทองอีก 3.97 กรมั

212 เฉลย บทท่ี 3 เลขยกกาํ ลงัแบบฝก หัดท่ี 11. จงเขียนจาํ นวนตอ ไปน้ีในรูปเลขยกกาํ ลังทมี่ เี ลขชี้กาํ ลังเปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1 พรอ มท้งับอกฐานและเลขชี้กําลัง1.1 25 = ……… 5 x 5…………………=……..…52 ……………..มี = …………5…………….เปน ฐานและ..............2..................เปนเลขชีก้ ําลงั1.2 64 = ………8 x 8…………………=……………82 …………..มี = …………8…………….เปน ฐานและ...............2..................เปน เลขช้กี ําลงั1.3 169 = ………13 x 13……………....=……………132 …….…..มี = ……………13……….เปน ฐานและ..............2....................เปน เลขชก้ี าํ ลงั1.4 729 = ……………27 x 27………..=………… 272 ……….…..มี = …………27………….เปน ฐานและ............2......................เปนเลขชก้ี ําลัง1.5 -32 = …(-2) (-2) (-2) (-2) (-2)…….=………… (− 2)5 ………..มี = …………(-2)…………เปน ฐานและ............5.....................เปนเลขชี้กําลัง1.6 -243 = …(-3) (-3) (-3) (-3) (-3)……….=……… (− 3)5 …………..มี = ……………(-3)………เปน ฐานและ............5.....................เปน เลขชก้ี ําลงั1.7 0.125 = …(0.5) (0.5) (0.5)………….=………… (0.5)3 ……..…..มี = …………(0.5)………เปน ฐานและ.....................3..............เปนเลขชกี้ าํ ลัง2. จงเขียนจาํ นวนท่ีแทนดว ยสัญลกั ษณต อ ไปนี้2.1 2 × 2 ×2 ×2 ×2× 2× 2 × 2 = 2562.2 (-3) (-3) (-3) (-3) = 812.3 (0.3) (0.3) (0.3) (0.3) (0.3) = 0.002432.4 (0.02) (0.02) (0.02) (0.02) (0.02) (0.02) = 0.0000000000642.5  1   1   1  =  1  3 3 3  27 2.6  2   2   2  =8 7 7 7 3432.7 (-5) (-5) (-5) (-5) = 6252.8 - (2×2×2) = -82.9  1   1   1   1   1  =1 10  10  10  10  10  1000002.10 (0.5) (0.5) (0.5) (0.5) (0.5) (0.5) = 0.015625

213แบบฝกหดั ท่ี 21 จงเขียนจํานวนตอ ไปน้ใี นรูปสัญกรณว ิทยาศาสตร 1. 4 x 105 2. 2.3 x 1010 3. 6.39 x 108 4. 2.475 x 1082. ดาวเสารอยูหางจากดวงอาทิตยประมาณ1,430,000,000 กิโลเมตร จงเขียนใหอยใู นรูปสญั กรณวิทยาศาสตร ตอบ 1.43 x 1093. สญั กรณว ิทยาศาสตรใ นแตล ะขอตอไปนแ้ี ทนจํานวนใด 3.1 2,000,000 3.2 48,000,000,000,000 3.3 4,030,000,000 3.5 912,500แบบฝก หัดที่ 31 จงเขียนจํานวนทแี่ ทนดว ยสญั ลกั ษณต อ ไปน้ี1.1 25+6 = 2,0481.2 32 x 9 = 2881.3 63 = 2161.4 0.752 = 0.56251.5  1  × 9 =1 = -216 91.6 (− 6)31.7 8 × 625 = 5 = 1 2 125 16 221.8 1 × 16807 = 1 224 117649 321.9 (0.125) 1  = 0.0078125 16 1.10 (−11)5 = 161051

2142. จงเขยี นผลคณู ของจาํ นวนในแตละขอ ตอไปนใี้ นรปู เลขยกกาํ ลงั2.1 22+3+7 = 2122.2 ( )− 3 3+1+5 = (− 3)92.3 5× 5 4 × 5 2 = =5 1+4+2 5 72.4 11 2 ×11×11 2 = =11 2+1+2 11 52.5 ( )− 3 4+3+7 = (− )3 14แบบฝก หัดที่ 4 = 271. จงหาผลลัพธ = 35 1.1 29−2 1.2 36−11.3 113−6 = 11−3 = 11.4  1 4−2 11 3 5 =  1 21.5 (0.03)5−4 5 = (0.03)1.6 ( 0.8 ) 5 ÷ ( 0.8 ) 7 = ( 0.8 ) 5−7 = ( 0.8 ) −2 = 1 ( 0.8 ) 21.7 5(3+4)−7 = 50 =11.8 7(6+1)−4 = 731.9 132+(4−5) = 131.10 m(6−7)+4 = m32. จงหาผลลพั ธตอไปนี้ในรูปทมี่ เี ลขช้ีกําลังเปนจาํ นวนเต็มบวก2.1 53+(−4) = 5−1 =12.2 38+(−6)−2 = 30 = 152.3 4(−6)−1 = 4−7 = 12.4 26+(−1) = 25 472.5 (1.5)2−3 = (1.5)−1 =1 12.6 x2−5 = x −3 a = a 4−5 1.5( ) ( )2.7 a3+1 ÷ a0+5 =1 x3 = =a −12.8 =m−7−(−5) m −7+5 = m−2 = 1 m2

215 เฉลย บทท่ี 4 อัตราสว นรอยละแบบฝกหัดที่ 11.จงเขียนอัตราสวนจากขอความตอไปนี้1.1 1 เซนตเิ มตร : 100 กโิ ลเมตร1.2 200 กโิ ลเมตร : 3 ชั่วโมง1.3 40 คน : 1,000 คน1.4 72 ครัง้ : 1 นาที2. สลากกินแบงรัฐบาลแตละงวดเปนเลข 6 หลกั เชน 889748 ซึง่ มหี มายเลขตางกันทั้งหมด1,000,000 ฉบับ ในจํานวนทั้งหมดนี้มีสลากที่ถูกรางวัลเลขทาย 2 ตวั ทง้ั หมด 10,000 ฉบับ ถูกรางวัลเลขทาย 3 ตวั 4,000 ฉบับ และถูกรางวัลท่ี 1 อกี 1 ฉบับ2.1 1 : 1,000,0002.2 10,000 : 1,000,0002.3 4,000 : 1,000,0002.4 10,000 : 4,0003. พอ คา จดั ลกู กวาดคละสขี นาดเทา กนั ลงในขวดโหลเดยี วกนั โดยนบั เปน ชดุ ดงั น้ี “ลกู กวาดสแี ดง3 เม็ด สเี ขียว 2 เม็ด สเี หลอื ง 5 เมด็ ” จงหา3.1 3: 103.2 3: 53.3 สีเหลอื งเพราะมีจํานวนมากทส่ี ุด ดงั นั้นโอกาสทจี่ ะหยบิ ไดสีเหลอื งจึงมมี ากแบบฝก หัดที่ 21. ถาอัตราการแลกเปลี่ยนเงินดอลลารตอเงินหนึ่งบาทเทากับ 1 : 43 จงเติมราคาเงินในตาราง43 86 129 430 860

2162. จงเขียนอัตราสว นท่ีเทา กบั อตั ราสว นทก่ี าํ หนดใหต อไปนีม้ าอกี 3 อัตราสว น2.1 4 , 6 , 8 6 9 122.2 10 , 15 , 20 18 27 363. จงตรวจสอบวา อัตราสวนตอ ไปนี้เทากันหรอื ไม 6 x9 = 8 x 7 6≠7 54 ≠ 56 89 12 = 18 12 x15 = 18 x 10 10 15 180 =180 0.3 = 6 10 200 0.3 x200 = 6 x 10 60 = 604. จงทาํ ใหอัตราสว นตอ ไปนี้มีหนวยเดยี วกนั และอยูใ นรูปอยางงา ย4.1 2x 24 : 10 หรือ 48 : 10 หรือ 24 : 54.2 200 : 1.5 x 1,000 เมตร หรือ 200 : 1,500

217แบบฝกหัดท่ี 31. พอแบง เงนิ ใหลูกสามคนโดยกาํ หนด อตั ราสว นของจํานวนเงนิ ลกู คนโต ตอ คนกลาง ตอ คนเลก็ เปน 5 : 3 : 2 จงหาอตั ราสว นตอ ไปน้ี1.1 5 : 21.2 2 : 31.3 3 : 101.4 2 : 102. เศรษฐคี นหนง่ึ ไดเขยี นพินัยกรรมไวก อ นจะเสียชีวิตวา ถา ภรรยาทก่ี ําลงั ตงั้ ครรภคลอดลูกเปน ชายใหแ บง เงนิ ในพนิ ยั กรรมเปน อตั ราสว นเงินของภรรยาตอบุตรชายเปน 1 : 2 แตถ าคลอดลกู เปน หญิงใหแบงเงินในพินัยกรรมเปนอัตราสวนเงินของภรรยาตอบุตรหญิงเปน 2 : 1 เม่ือเศรษฐีคนน้ีเสียชวี ิตลงปรากฏวาภรรยาคลอดลูกแฝด เปนชาย 1 คน หญงิ 1 คน จงหาอัตราสว นของเงนิ ในพนิ ยั กรรมของภรรยาตอบุตรชาย ตอบุตรหญิงตอบ อัตราสวนเงินของภรรยาตอเงินของบุตรชาย เปน 1 : 2 อัตราสวนเงินของภรรยาตอเงินของบุตรหญิง เปน 2 : 1เมื่อเศรษฐีเสียชีวติ ลงภรรยาคลอดลกู เปนฝาแฝด ชาย 1 คน หญงิ 1 คน ตองแบง พินยั กรรมเปนสามสวน คอื อัตราสวนเงินของภรรยาตอเงินของบุตรชาย เปน 1: 2 = 2: 4 อัตราสวนเงินของภรรยาตอเงินของบุตรหญิง เปน 2 : 1น่นั คือ อัตราสวนเงินของภรรยาตอ เงินของบตุ รชายตอบุตรหญิงเปน 2 :4 : 1แบบฝกหดั ที่ 41. จงเขยี นสดั สว นจากอตั ราสว นตอ ไปน้ี1.1 3 = 6 481.2 A = 9 7 271.3 12 = B 10 51.4 5 65 = 4D

2182. จงหาคา ตวั แปรจากสดั สว นทก่ี าํ หนดใหตอ ไปน้ี2.1 A = 12 3 15วธิ ีทํา A = 12 × 3 15 = 2.42.2 3 = 21 B 28วิธที าํ B = 3× 28 21 =4แบบฝก หดั ที่ 51. ขายมะละกอ 3 ผล ราคา 50 บาท ถาขาย มะละกอ 15 ผล จะไดเ งินเทาไรวธิ ีทาํ ขายมะละกอ 3 ผล ราคา 50 บาท ขายมะละกอ 15 ผล ราคา x บาทจะได 3 = 15 50 x x = 15x50 3 x = 2502. กศน.แหงหนึ่งมีนักศึกษาทั้งหมด 400 คน มจี าํ นวนนักศึกษาหญิงตอจํานวนนกั ศึกษาชายเปน 5: 3 จงหาวา มีนักศึกษาชายกี่คนและนักศึกษาหญิงกี่คนวิธีทํา กศน. แหง หนง่ึ มนี ักศึกษาทั้งหมด 400 คนมีจาํ นวนนกั ศกึ ษาหญิงตอจาํ นวนนกั ศึกษาชาย เปน 5: 3ดัง้ นนั้ ถาแบงนกั ศึกษา กศน.ทั้งหมดออกเปน 5+3 = 8 สว นจะไดนักศกึ ษา กศน. สว นละ = 400 = 50 คน 8ฉะนน้ั มนี กั ศกึ ษาชาย อยู 3 สวน เปน 3 x 50 = 150 คนมีนักศึกษาหญิงอยู 5 สวน เปน 5 x 50 = 250 คน

2193. พอแบงมรดกใหลูกสองคน โดยอัตราสวนของสวนแบงของลูกคนโตตอสวนแบงลูกคนเล็ก เปน 7: 3 ถาลูกคนโตไดเงินมากกวาลูกคนเล็ก 80,000 บาท จงหาสวนแบงที่แตละคนไดรับวิธที าํ อัตราสวนของสวนแบงของลูกคนโตตอสวนแบงลูกคนเล็ก เปน 7: 3ดังนั้น พอแบงเงินทั้งหมดเปน 10 สว นลูกคนโตมีเงินมากกวาลูกคนเล็ก 4 สว น เปน เงิน 80,000 บาทดงั นน้ั เงิน 1 สว น เปนเงนิ 80,000 = 20,000 บาท 4สรปุ ไดวา ลกู คนโตไดร บั เงินมรดก 7 สวน เปนเงิน 7 x 20,000 = 140,000 บาท ลกู คนเลก็ ไดร บั เงินมรดก 3 สว น เปนเงิน 3 x 20,000 = 60,000 บาทแบบฝก หัดท่ี 61.1 901.2 481.3 7%1.4 25%1.5 6001.6 0.5แบบฝกหดั ท่ี 7 20 %1. 125 คน 250 บาท2. 2.1 1,200 คน 250×100 = 1, 250 บาท 2.2 480 คน3. 20วธิ ีทาํ สินคา ทุกชนิดลดราคา คณุ แมซ ื้อเครื่องแกวแลวไดสวนลด ดังนั้นรานคาปดราคา4. วธิ ีทํา สนามหญา แหงหน่ึงกวา ง 5 เซนตเิ มตร ยาว 8 เซนตเิ มตร มาตราสว น 1 เซนติเมตร : 50 เมตร ดังน้นั สนามหญา จรงิ กวา ง 250 เมตร ยาว 400 เมตร หาพน้ื ทีส่ ่เี หลย่ี มผนื ผา จะได 250 x 400 = 100,000 ตารางเมตร

2205. วิธที าํ นกนอ ยไดอัตราดอกเบยี้ รอยละ 3 ตอ ป แตถกู หกั ภาษีรอยละ 15 คดิ เปน 15 ×3 = 0.45 100 เทา กบั ดอกเบี้ยทถี่ ูกหกั ภาษีแลว 3 – 0.45 = 2.55 นกนอ ยฝากเงนิ 10,000 บาท สนิ้ ปจ ะไดด อกเบี้ยท่ถี กู หักภาษี รอ ยละ 2.55 คดิ เปน 2.55 ×10,000 = 255 บาท 100 รวมมีเงินบัญชี 10,000 + 225 = 10,225 บาทในตนปที่สอง สิน้ ปท่ีสองจะไดดอกเบี้ยรอ ยละ 2.55 ของเงินฝากปทีส่ อง = 2.55 ×10,255 = 261.50 บาท 100 ครบสองปจะมีเงินในบัญชี 10,255 + 261.50 = 10,516.50 บาท6. วธิ ที ํา วีระซื้อรถยนต ราคา 200,000 บาทขายตอ ไดก าํ ไร 20% เปน เงิน 20 × 200,000 = 40,000 บาทวรี ะมเี งินทงั้ หมด 100 บาท 240,000 บาท วรี ะเอาเงนิ ไปเลน หนุ ขาดทุน 20% เปนเงิน 20 × 240,000 = 48,000 100ดงั นัน้ วีระเหลือเงิน 240,000 - 48,000 = 192,000 บาท

221 เฉลย บทที่ 5 การวัดแบบฝกหัดท่ี 11. จงเติมหนวยความยาวหรือหนวยพื้นที่ใหเหมาะสมกับขอความตอไปนี้ 1.1 มลิ ลิเมตร 1.2 เซนตเิ มตร, เซนติเมตร, มิลลิเมตร 1.3 กโิ ลเมตร 1.4 เมตร, เมตร, กโิ ลเมตร 1.5 เซนตเิ มตร, เซนติเมตร, มิลลิเมตร 1.6 ตารางเซนตเิ มตร 1.7 ตารางเมตร 1.8 เมตร หรือ วา , ไร-งาน-ตารางวา, ตารางเมตร 1.9 เมตร2. จงเติมคําลงในชองวางที่กําหนดใหถูกตอง 2.1 1,600 2.2 170,000 2.3 7 ไร 3 งาน 19 ตารางวา 2.4 5 2.5 2 x 10 10 2.6 2,222 2.7 2.9 2.8 432 2.9 38 2.10 1,072 938,000 และ 1,400,0003. จงตอบคําถามตอไปนี้ พรอมแสดงวธิ ที าํ 1) สวนแหงหนง่ึ มพี น้ื ท่ี 4,800 ตารางเมตร คดิ เปนพน้ื ทีก่ ่ไี รวธิ ีทํา พน้ื ที่ 1,600 ตารางเมตร เทากับ 1 ไร พืน้ ที่ 4,800 ตารางเมตร เทากับ 4,800 = 3 ไร 1,600

2222) พืน้ ที่ 25 ตารางฟตุ คดิ พื้นทีก่ ่ตี ารางเซนติเมตรวิธีทาํ 1 ฟุต = 30 เซนตเิ มตร1 ตารางฟุต = 30 x 30 ตารางเซนตเิ มตร25 ตารางฟุต = 30 x 30 x 25 = 22,500 ตารางเซนตเิ มตร3) ลุงแดงแบงทดี่ นิ ใหล ูกชาย 3 คน โดยแบง ใหล กู ชายคนโตได 2 ไร ลกู ชายคนกลาง 850ตารางวา และลูกชายคนเล็กได 3,000 ตารางเมตร อยากทราบวา ใครไดส วนแบง ที่ดนิ มากทสี่ ดุวิธีทํา คนโตได 2 ไร คิดเปน 2 x 1,600 = 3,200 ตารางเมตรคนที่สองได 850 ตารางวา คิดเปน 850 x 4 = 3,400 ตารางเมตรคนเลก็ ได 3,000 ตารางเมตรแสดงวา คนกลางไดม ากทส่ี ดุ4) พนื้ ที่ 5,625 ไร คิดเปนพนื้ ท่ี ก่ตี ารางกโิ ลเมตรวธิ ที าํ พนื้ ท่ี 625 ไร = 1 ตารางกิโลเมตรพนื้ ท่ี 5,625 ไร = 5,625 = 9 ตารางกิโลเมตร 6255) สมเกยี รติซ้อื โลหะแผนชนิดหนึง่ 3 ตารางเมตร ราคา 456 บาท สมนกึ ซอ้ื โลหะแผนชนดิ เดยี วกนั 4 ตารางหลา ราคา 567 บาท อยากทราบวาใครซื้อไดถูกกวากัน ตารางเมตรละกี่บาท(กาํ หนด 1 หลา = 90 เซนตเิ มตร)วธิ ที ํา 1 หลา = 90 เซนตเิ มตร1 ตารางหลา = 90 x 90 ตารางเซนตเิ มตร4 ตารางหลา = 90 x 90 x 4 ตารางเซนตเิ มตร100 x 100 ตารางเซนตเิ มตร = 1 ตารางเมตรดังนั้น 90 x 90 x 4 ตารางเซนตเิ มตร = 90x90x4 = 3.24 ตารางเมตร 100x100ดงั น้นั สมนกึ ซ้อื โลหะแผน ราคา 567 บาท คิดเปนราคาตารางเมตรละ 567 =175 บาท 3.24 สมเกียรติซอื้ โลหะแผนราคา 456 บาท คิดเปนราคาตารางเมตรละ 456 =152 บาท 3ดังนนั้ สมเกียรตซิ ือ้ ไดในราคาที่ถูกกวา

223แบบฝก หัดท่ี 21.จงเติมหนวยการวัดที่เหมาะสมลงในชองวาง 2.1 เมตร 2.2 มลิ ลิเมตร 2.3 กโิ ลเมตร 2.4 กโิ ลกรมั 2.5 วนิ าที 2.6 องศาเซลเซยี ส 2.7 ไร – งาน – ตารางวา 2.8 ลูกบาศกเซนติเมตร หรอื ลติ ร 2.9 เซนตเิ มตร 2.10 กโิ ลกรมัแบบฝกหดั ท่ี 31. จงหาพื้นทส่ี ว นทแี่ รเงาของรปู ตอไปนี้ ตวั เลขท่ีเขียนกาํ กับดานไวถ ือเปน ความยาวของดาน และมีหนว ยเปน หนว ยความยาว1. 1 x20x15 = 150 ตารางหนวย 2. 1 x10x5 = 25 ตารางหนว ย 2 22. รปู สามเหลย่ี มหน่ึงรูปมีพน้ื ท่ี 90 ตารางเซนติเมตร มีฐานยาว 12 เซนติเมตร จะมีความสูงกี่เซนตเิ มตรวิธีทาํ 90 = 1 x12x สูง ความสงู 2 = 90x2 = 15 12