2243. สามเหลี่ยมมุมฉาก ABC มีมุม BAC เปนมุมฉาก และกําหนดความยาวของดานดังรูป จงหาความยาวของดาน Aวธิ ที าํ ABC เม่อื AB เปนฐาน พ้ืนท่สี ามเหลย่ี มคือ 1 x6x8 = 24 − − − − −1 2 ABC เม่อื BC เปน ฐาน พื้นท่สี ามเหลีย่ ม คอื 1 x10xa − − − − − − − 2 2 สมการที่ 1 = สมการที่ 2 จะได 1 x10xa = 24 2 ดงั นน้ั a = 4.8 หนว ย4. จงหาพื้นที่ของสวนที่แรเงาของไมฉากรูปสามเหลี่ยม ซึ่งมีขนาดตามรูป (ความยาวที่กําหนดมีหนว ยเปน เซนติเมตร) 30วิธีทํา พืน้ ทส่ี ามเหลีย่ มรปู นอก = 1 x30x25 = 375 ตารางหนวย ตารางหนวย 2พ้นื ท่ีสามเหลย่ี มรูปใน = 1 x24x20 = 240 2ดงั นัน้ พ้ืนท่ีสวนท่ีแรเงามีพนื้ ท่ีเทา กับ 375 – 240 = 135 ตารางหนว ย
225แบบฝกหัดท่ี 41.1 พ้นื ทร่ี ปู สเี่ หลย่ี มจัตุรัส = ดา น x ดา น = 8 x 8 = 64 ตารางเซนตเิ มตร1.2 พ้ืนที่รปู สเ่ี หลยี่ มจัตุรสั = 1 x ผลคูณของเสนทแยงมุม = 1 ( 12×12 ) = 72 ตาราง 22 เซนตเิ มตร1.3 พน้ื ที่รูปสเ่ี หล่ียมผืนผา = กวาง x ยาว = 4 x 7 = 28 ตารางเซนตเิ มตร1.4 พ้ืนที่สี่เหลยี่ มดานขนาน = ฐาน x สูง = 12 x 8 =96 ตารางเมตร1.5 พ้ืนท่สี ่ีเหล่ียมคางหมู = 1 x ผลบวกดานคูขนาน x สงู = 1 x(5 +11)x6 = 48 ตารางเมตร 221.6 พ้นื ทร่ี ปู สี่เหลยี่ มขนมเปยกปูน = 1 x ผลคูณของเสนทแยงมุม = 1 x12x8 = 48 ตารางเมตร 221.7 พ้นื ทรี่ ูปส่ีเหลีย่ มรปู วาว = 1 x ผลคูณของเสนทแยงมมุ = 1 x8x10 = 40 ตารางเมตร 221.8 พ้นื ท่รี ูปส่ีเหลี่ยมรูปวาว = 1 x ผลคูณของเสน ทแยงมมุ = 1 x7x12 = 42 ตารางเมตร 221.9 พื้นที่รปู สี่เหลย่ี มใดๆ = 1 x เสนทแยงมุม x ผลบวกของเสนกิ่ง = 1 x10x(5 + 7) = 60 22 ตารางเมตร2. จงหาพื้นที่สวนที่แรงเงา ตัวเลขที่เขียนกํากับไวถือวาเปนความยาวของดานและมีหนวยความยาวเปน เมตรวธิ ีทาํ พนื้ ท่ีสามเหล่ียมรูปเล็ก = 1 x4x4 = 8 ตารางเมตร 2 พืน้ ท่ีสามเหลี่ยมรปู ใหญ = 1 x8x6 = 24 ตารางเมตร 2จะเห็นวา พน้ื ทีส่ วนที่แรเงามีพนื้ ทเ่ี ทา กบั 24 – 8 = 16 ตารางเมตร
226วิธีทํา พ้ืนทสี่ ี่เหลีย่ มรูปใหญ = 50x40 = 2,000 ตารางเมตร พ้ืนท่สี เ่ี หล่ียมรปู เล็ก = 44x34 = 1,496 ตารางเมตรจะเหน็ วา พื้นท่สี ว นท่แี รเงามีพ้ืนท่เี ทา กับ 2,000 – 1,496 = 504 ตารางเมตรแบบฝก หัดท่ี 51. จงหาพน้ื ทส่ี วนที่แรเงา ตวั เลขทเ่ี ขยี นกํากบั ดานมหี นว ยเปน เซนตเิ มตร และจดุ O, Q แทนจดุศูนยก ลางของวงกลม 1.1วธิ ีทํา พื้นทสี่ ามเหลย่ี ม รูป 1 = 1 x8x3 = 12 พ้นื ท่ีสเี่ หล่ียม รปู 2 2ดงั นนั้ พื้นท่ีทแ่ี รเงาท้งั หมด = 1 x10x8 = 40 2 = 12 + 40 = 52 ตารางหนวย
2271.2วธิ ีทํา พืน้ ทวี่ งกลม = 22 x3.5x3.5 พ้นื ทีท่ ่ีแรเงาท้ังหมด 7 = 38.5 ตารางหนวย1.3วธิ ที าํ พน้ื ทีว่ งกลม = 22 x7x7 = 154 ตารางหนวย พ้นื ที่สเ่ี หล่ียม 7 พ้นื ทท่ี แี่ รเงาทง้ั หมด = 14 x 14 = 196 = 196 – 154 = 42
2281.4 11 2.5 2 6วิธีทํา พ้ืนทีส่ ามเหลีย่ มรปู ท่ี 1 = 2.5 พน้ื ทีส่ ามเหลยี่ มรปู ที่ 2 = 1x6=6 พืน้ ท่ีสามเหลีย่ มรูปท่ี 3 = 2x1=2 1x6=6ดงั น้นั พื้นทีแ่ รเงาท้ังหมด = 6+2+6 = 14 ตารางหนวย1.5วิธีทาํ พนื้ ทีส่ ี่เหลย่ี มรูปท่ี 1 = 4 x 5 = 20 พื้นทสี่ ามเหลยี่ มรูปท่ี 2 = 1 x4x3 = 6 2ดังนัน้ พ้ืนทีท่ ้ังหมด = 20 + 6 = 26 ตารางหนว ย1.6วิธีทํา พนื้ ที่สามเหลยี่ มรปู ท่ี 1 = พื้นที่สามเหลี่ยมรูปที่ 2 พื้นที่สามเหลย่ี มรูปท่ี 1และรูปที่ 2 = 1 x3x2x2 = 6 พน้ื ทส่ี ่เี หลย่ี มรูปที่ 3 2 ดังนนั้ พ้นื ท่ีส่ีเหลี่ยมทัง้ หมด = 5 x 3 = 15 = 6 + 15 = 21 ตารางหนว ย
229แบบฝก หัดท่ี 61. แผนผังบา นหลังหนึง่ มีลักษณะและขนาดดงั รปู ถา บริเวณทีแ่ รเงาตอ งการเทปูนซีเมนต โดยเสยีคาใชจายตารางเมตรละ 250 บาท จะตองเสียคาใชจายทั้งหมดกี่บาท กําหนดความยาวมีหนวยเปนเซนตเิ มตรวธิ ที ํา พืน้ ทีส่ ่ีเหลย่ี มรปู ท่ี 1 = 1x2 = 2 ตารางเมตรพ้ืนที่ส่ีเหลี่ยมรูปท่ี 2 = 1x3 = 3 ตารางเมตร 3 ตารางเมตรพนื้ ทีส่ ี่เหลย่ี มรปู ท่ี 3 = 1.5 x 2 = 8 ตารางเมตร 250 บาทดงั น้นั พ้ืนทส่ี วนที่แรเงา = 2+3+3 = 2,000 บาทตองการเทปูนซีเมนตโดยเสียคาใชจายตารางเมตรละจะตอ งเสยี คาใชจายทั้งหมด = 250 x 8 =2. ตอ งการตดั เส้ือตัวหนง่ึ มีลักษณะดังรูป จะตองใชผา กตี่ ารางเมตร (ไมคิดตะเข็บ) ความยาวที่กาํ หนดมหี นวยเปน เซนตเิ มตร
230วิธที าํ พืน้ ท่ีสเ่ี หล่ยี มสว นแขนเสื้อ สว นที่ 1= ( 1 x (0.2+0.3) x 0.15) = 0.0375 ตารางเมตร 2พน้ื ท่ีสเ่ี หลี่ยมสว นแขนเสอื้ สว นท่ี 2= ( 1 x (0.2+0.3) x 0.15) = 0.0375 ตารางเมตร 2พ้ืนท่สี ีเ่ หลีย่ มสวนทเ่ี ปนลําตัว = 0.4 x 0.4 = 0.16 ตารางเมตรพนื้ ทีท่ งั้ หมด คือ 0.0375 + 0.0375 + 0.16 = 0.235จะตอ งใชผ า 2 ชิน้ จะตอ งใชผาท้งั หมด 0.235 x 2 = 0.47 ตารางเมตรแบบฝกหดั ท่ี 71. จงคาดคะเนเวลาหรือชวงเวลาใหเหมาะสมกับสถานการณตอไปนี้ 1.1 5.00 นาฬกิ า 1.2 12.00 นาฬกิ า 1.3 หนาว , ธนั วาคม2. จงวงกลมลอมรอบขอที่เหมาะสมที่สุด สําหรับใชหนวยในการคาดคะเน ระยะทาง น้ําหนัก หรือขนาดของสิ่งตอไปนี้ 2.1 ข 2.2 ข 2.3 ก 2.4 2.4.1 ค 2.4.2 ก 2.4.3 ข 2.4.4 ข 2.5 2.5.1 ข 2.5.2 ก3. ทางหลวงสายพหลโยธินกรุงเทพฯ-แมสาย ยาว 952 กิโลเมตร รถประจําทางปรับอากาศวิ่งบนทางหลวงสายนต้ี ลอดเสน ทางดว ยอตั ราเรว็ 80-100 กิโลเมตรตอ ชวั่ โมง 3.1 10 – 12 ชวั่ โมง 3.2 4.00 – 6.00 3.3 24.00 – 2.00
2314. ลฟิ ตของโรงแรมแหง หน่ึงบรรทกุ ผูโดยสายไดเ ท่ียวละไมเ กิน 10 คน (600 กิโลกรัม) บางครั้งมีผโู ดยสารเขา ลิฟตเ พียง 8 คน ลฟิ ตจ ะมีเสียงเตือน บางครัง้ มีผูโดยสาร 12 คน ลิฟตไ มม ีเสียงเตอื นยังใชงานไดเปนเพราะเหตุใด จงอธิบายตอบ ถานํ้าหนกั ของคน 8 คน รวมกันเกนิ 600 กโิ ลกรมัถา นํ้าหนกั ของคน 12 คน รวมกันไมเ กนิ 600 กโิ ลกรมั5. ทางหลวงสายเพชรเกษม (กรุงเทพฯ-บานคลองพราน จังหวัดนราธิวาส) 1,352 กโิ ลเมตร ทางหลวงสายมิตรภาพ (กรงุ เทพฯ-จงั หวดั หนองคาย) 508 กิโลเมตร ทางหลวงสายสุขุมวิท (กรุงเทพฯ-จงั หวดั ตราด) 400 กโิ ลเมตร 5.1 ระยะทาง 1,352 + 508 = 1,860 กโิ ลเมตร ใชอัตราเร็ว 90 – 100 กิโลเมตร ตอช่วั โมง จะใชเ วลาประมาณ 19 – 22 ชั่วโมง5.2 ใชเวลา 1,352 = 13.52 ชั่วโมง จะถึงนราธิวาสเมื่อเวลาประมาณ ตี 2 1005.3 ใชเวลา 400 = 5 ชว่ั โมง 1,400 กโิ ลเมตร 805.4 ทางหลวงเพชรเกษม ประมาณทางหลวงมิตรภาพ ประมาณ 500 กโิ ลเมตรทางหลวงสุขุมวิท ประมาณ 400 กโิ ลเมตร
232แบบฝกหดั ที่ 1 เฉลย บทที่ 6 พนื้ ทีผ่ วิ และปริมาตร1. จงหาพน้ื ที่ผวิ และปรมิ าตรของปรซิ มึ ตอไปนี้วิธีทํา ปริมาตร = พน้ื ที่ฐาน x สงู = 1 x8x3x5 = 60 ลูกบาศกเซนติเมตร 2 วธิ ีทํา ปริมาตร = พื้นทีฐ่ าน x สูง = 1 x12x2x4 = 48 ลูกบาศกเซนติเมตร 2 แบบฝกหัดที่ 21. จงหาปริมาตร และพื้นที่ผิวทั้งหมดของทรงกระบอกสูง 10 เซนตเิ มตร มีเสน ผา นศูนยก ลาง 14เซนตเิ มตรวธิ ที าํ ปริมาตร = ¶r2h = 22 x7x7x10 = 1,540 ลูกบาศกเซนติเมตร 7พืน้ ท่ีฐาน = ¶ r 2 = 22 x7x7 = 154 ตารางเซนตเิ มตรพ้นื ที่ผวิ ขาง = 7 2¶rh = 2x 22 x7x10 = 440 ตารางเซนตเิ มตร 7
233ดงั น้นั พน้ื ทีผ่ ิวทั้งหมด คือ 440 + (154 x 2) = 748 ตารางเซนตเิ มตร2. จงหาปริมาตรของทรงกระบอกใบหนึ่งที่มีรัศมีของฐาน 3.5 น้ิว และสูง 5 นิ้ววธิ ที าํ ปริมาตร = ¶r2h = 22 x3.5x3.5x5 = 192.5 ลูกบาศกน ว้ิ 73. จงหาปรมิ าตรและพื้นทีผ่ วิ ท้ังหมดของถังเกบ็ นา้ํ รปู ทรงกระบอกใบหน่งึ ท่มี รี ัศมีท่ีฐาน 3 เมตรสงู 4 เมตร 90 เซนตเิ มตรวธิ ที าํ ปริมาตร = ¶r2h = 22 x3x3x4.9 = 138.6 ลูกบาศกเมตรพ้ืนที่ผิวขา ง = 7 2¶rh = 2x 22 x3x4.9 = 92.4 ตารางเมตร พ้ืนท่ีฐานทัง้ 2 ขาง = 7ดังนัน้ พ้นื ท่ีผิวทั้งหมด = 2 x (3.14)x 3x 3 = 56.52 ตารางเมตร 92.4 + 56.52 = 148.92 ตารางเมตรแบบฝก หัดท่ี 31. จงหาปริมาตรและพน้ื ท่ผี วิ ทั้งหมดของพีระมิดทสี่ งู 6 เซนตเิ มตร ฐานเปนรูปสี่เหล่ยี มจัตุรัส ยาวดา นละ 16 เซนตเิ มตรวธิ ที ํา หาสงู เอยี ง จากสตู ร c2 = a2 + b2พ้ืนทฐี่ านสี่เหลี่ยมจัตุรัส = c2 = 82 + 62 = 256 ตารางเซนตเิ มตร C = 10 512 ตารางเซนตเิ มตร 16 x 16 320 ตารางเซนตเิ มตร 576 ตารางเซนตเิ มตรปริมาตรพีระมิด = 1 x พน้ื ทีฐ่ าน x สงู 3 = 1 x256x6 = 3 พ้ืนท่ผี ิวเอยี ง = 1 x(4x16)x10 =ดงั น้นั พืน้ ท่ีผิวท้ังหมด = 2 256 + 320 =
2342. จงหาพื้นที่ผิวเอียงของพีระมิดฐานรูปหกเหลี่ยมดานเทา มุมเทา ยาวดานละ 4 เซนติเมตร สูงเอียง7.5 เซนตเิ มตรวิธที าํ พ้นื ที่ผิวเอียง = 1 x ความยาวรอบฐาน x สงู เอยี ง 2 = 1 x (4 x 6) x 7.5 = 90 ตารางเซนติเมตร 2 = 2 x 6 x 7.5แบบฝก หัดที่ 41. จงหาปริมาตร และพื้นที่ผิวทั้งหมดของกรวยกลมที่สูง 24 เซนติเมตร มีเสนผานศูนยก ลาง 14เซนตเิ มตรวธิ ีทํา ปริมาตร = 1¶r2h 3 = 1 x 22 x7x7x24 37 = 1,232 ลูกบาศกเซนติเมตรสงู เอยี ง = A2 = 242 + 72 = 625 A = 25พื้นทฐี่ าน = ¶ r 2 = 22 x7x7 = 154 ตารางเซนตเิ มตรพื้นท่ีผวิ เอียง = 7 ¶rl = 22 x7x25 = 550 ตารางเซนตเิ มตร = 704 ตารางเซนตเิ มตร 7ดังนน้ั พนื้ ที่ผิวทัง้ หมด = 154 + 5502. จงหาปริมาตรและพื้นที่ผิวทั้งหมดของกรวยกลมที่สูงเอียง 5 เซนตเิ มตร มเี สนผา นศูนยกลาง8 เซนตเิ มตร (ตอบในรูป π)วิธีทาํ หาสงู ตรง c2 = a2 + b2ปริมาตร = a2 = 52 − 42 = 16 ¶ ลูกบาศกเซนติเมตรพ้ืนทผี่ วิ เอียง = a =3 = 1 ¶r2 h 3 1 ¶ 42 x3 3 ¶rl
235 = ¶ (4)(5) = 20 ¶ ตารางเซนติเมตรพ้ืนทฐี่ าน = ¶r2 = 16 ¶ ตารางเซนติเมตร = ¶ 42 = 36¶ ตารางเซนติเมตรพืน้ ทผี่ วิ ท้งั หมด = 20 ¶ + 16¶3. จงหาปริมาตรจรวดทรงกระบอกมีปลายเปนกรวย มีเสนผานศูนยกลาง 14 เซนติเมตร ความยาวทรงกระบอก 30 เซนตเิ มตร ความสงู ยอดกรวย 12 เซนตเิ มตรวิธีทํา ปริมาตรทรงกระบอก = ¶r2h ปริมาตรทรงกรวย ปริมาตรทั้งหมด = 22 x7x7x30 = 4,620 ลูกบาศกเซนติเมตร 7 = 1¶r2h 3 = 1 x 22 x7x7x12 = 616 ลูกบาศกเซนติเมตร 37 = 4,620 + 616 = 5,236 ลูกบาศกเซนตเิ มตรแบบฝก หดั ท่ี 51. จงหาปริมาตรและพื้นที่ผิวของทรงกลมซึ่งมีเสนผานศูนยกลาง 14 เซนตเิ มตรวิธีทาํ ปริมาตรทรงกลม = 4 ¶r3เซนตเิ มตร 3 พ้นื ทผ่ี วิ ทรงกลม = 4 × 22 × 7× 7× 7 = 1,437.3 ลูกบาศก 37 = 4¶ r 2 = 4 x 22 x7x7 = 616 ตารางเซนติเมตร 7
2362. ทรงกลมมีปริมาตร 38,808 ลูกบาศกเ ซนติเมตร จงหารศั มแี ละพ้นื ท่ผี วิวิธีทาํ ปริมาตรทรงกลม = 4 ¶r3 พื้นทผ่ี ิวทรงกลม 38,808 = 3 4 x 22 xr 3 r3 = 37 r= 38,808× 3× 7 = 4× 22 21 เซนตเิ มตร 4¶ r 2 = 4x 22 x21x21 = 5,544 ตารางเซนติเมตร 73. ทรงกลมมพี ื้นท่ผี ิว 616 ตารางนว้ิ จงหาปริมาตรของทรงกลมวิธที าํ พ้ืนทผี่ ิวทรงกลม = 4¶ r 2616 = 4 × 22 × r 2 7 r 2 = 616 × 1 × 7 4 22 r = 7 เซนตเิ มตรปริมาตรทรงกลม = 4 ¶r3 3 = 4 × 22 × 7 × 7 × 7 37 = 1,437.33 ลูกบาศกเซนติเมตร4. โลหะกลมลกู หน่ึง รศั มีภายนอก 21 เซนติเมตร รศั มีภายใน 7 เซนตเิ มตร จงหาปรมิ าตรเนอ้ื โลหะวิธีทํา ปริมาตรทรงกลมรูปนอก = 4 ¶r3 3 = 4 × 22 × 21× 21× 21 37 = 38,808 ลูกบาศกเซนตเิ มตร ปริมาตรทรงกลมรูปใน = 4 ¶r3ดงั นน้ั ปรมิ าตรเน้ือโลหะ 3 = 4 × 22 × 7 × 7 × 7 37 = 1,437.33 ลูกบาศกเซนติเมตร = 38,808 - 1,437.33 = 37,370.67
237แบบฝก หดั ท่ี 61. สระแหง หนง่ึ เปน รูปสเ่ี หล่ียมผืนผา กนสระกวาง 5 วา ลกึ 3 เมตร ยาว 15 เมตร ถาใชเครอ่ื งสบู น้าํออกจากสระไดนาทีละ 9,000 ลติ ร จะตองใชเ วลาสบู นํ้าเทาไรวธิ ที าํ ปรมิ าตรสระนาํ้ = กวาง x ยาว x ลึก = 10 x 15 x 3 ลูกบาศกเมตร = 450 ลูกบาศกเมตร1 ลูกบาศกเมตร = 1,000,000 ลูกบาศกเซนติเมตร = 450 x 1,000,000 = 450,000,000 ลูกบาศกเซนติเมตร1 ลติ ร = 1,000 ลูกบาศกเซนติเมตร = 450,000,000 = 450,000 ลติ รสบู น้ําออกจากสระไดนาทีละ = 1,000 9,000 ลติ รตอ งใชเ วลาสูบน้ํา = 450,000 = 50 นาที 9,0002. อางเลี้ยงปลาทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากกวาง 90 เซนตเิ มตร ยาว 1.2 เมตร จุนํา้ 540 ลิตร ตองการปูกระเบ้ืองภายในอา งดวยแผนกระเบอื้ งรปู สีเ่ หลีย่ มจัตุรัส ยาวดา นละ 10 เซนติเมตร ตองใชก ระเบอ้ื งอยางนอยทีส่ ุดเทาไรวธิ ีทาํ อา งเลย้ี งปลาจุน้ํา 540 ลติ ร คดิ เปน 540 x 1,000 = 540,000 ลูกบาศกเซนติเมตรหาความลึกอางเลี้ยงปลาจาก 540,000 = 90 x 120 x ลึก ความลึก = 540,000 = 50 เซนตเิ มตร 90 ×120หาพ้นื ทอ่ี า งเลีย้ งปลาดา นท่ี 1 = 50 x 90 = 4,500 ตารางเซนตเิ มตรหาพืน้ ท่ีอา งเลยี้ งปลาดา นท่ี 2 = 50 x 90 = 4,500 ตารางเซนตเิ มตรหาพน้ื ทอ่ี างเลยี้ งปลาดา นที่ 3 = 50 x 120 = 6,000 ตารางเซนตเิ มตรหาพน้ื ที่อางเล้ียงปลาดา นที่ 4 = 50 x 120 = 6,000 ตารางเซนติเมตรหาพ้นื ท่อี างเลย้ี งปลาดานท่ี 5 = 90 x 120 = 10,800 ตารางเซนติเมตรหาพ้ืนทีอ่ างเลย้ี งปลาดานท่ี 6 = 90 x 120 = 10,800 ตารางเซนติเมตรดังนน้ั พืน้ ที่อา งเลี้ยงปลาท้ังหมด = 4,500 +4,500 +6,000 +6,000 + 10,800 +10,800= 42,600 ตารางเซนติเมตรหาพน้ื ที่กระเบ้ือง = 10 x 10 = 100 ตารางเซนติเมตรดงั น้ันตองใชก ระเบ้ือง = 42,600 = 426 แผน 100
2383. นา้ํ ยาบวนปากขวดหนึ่งปริมาตรสุทธิ 700 มิลลิลติ ร ใชอ มปวนปากครง้ั ละ 10 มลิ ลิลติ ร วันละ 2คร้งั จะใชไ ดก ว่ี นัวิธที าํ น้ํายาบวนปากขวดหนง่ึ ปริมาตรสุทธิ 700 มิลลลิ ิตรใชน าํ้ ยาบว นปาก ครงั้ ละ 10 มลิ ลลิ ิตร วนั ละ 2 ครัง้ = 10 x 2 = 20 มิลลิลติ รจะใชไ ดท ้ังหมด = 700 = 35 วนั 204. ถังน้ําทรงลูกบาศกยาวดานละ 2 เมตร จุนํา้ ไดก ลี่ ิตรวธิ ีทาํ ถังน้ําทรงลูกบาศก มีความจุ = 2x2x2 = 8 ลูกบาศกเมตร 8,000,000 ลูกบาศกเซนติเมตรคิดเปน = 8 x 1,000,000 = 8,000 ลติ รจุน้ําได = 8,000,000 = 1,0005. ถังทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากวัดภายในกวาง 90 เซนตเิ มตร ยาว 1.50 เซนติเมตร สงู 1.20 เมตร บรรจนุ า้ํเต็มถัง ถาตองการตวงน้าํ มนั จากถงั ใสแกลอนซึ่งมีความจุ 4.5 ลิตร จะไดน้าํ ทัง้ หมดกี่แกลอนวธิ ีทาํ ถังทรงสี่เหลี่ยมมีปริมาตร = 90 x 150 x 120 = 1,620,000 ลูกบาศกเซนติเมตรสามารถจุน้ําได = 1,620,000และแกลอน 1 ใบสามารถจุน้ําได 1,000 = 1,620 ลติ ร = 4.5 ลติ รดังน้ัน นาํ้ 1,620 ลิตร สามารถจุได = 1,620 = 360 แกลอน 4.5
239แบบฝกหัดที่ 71. ถงั เก็บนา้ํ มันของปม แหงหนง่ึ เปนรปู ทรงกลม มีเสนผา นศูนยก ลาง 7 เมตร ตองการทาสีครึ่งทรงกลมบน โดยเสียคาทาสีตารางเมตรละ 40 บาท ตองเสียคาทาสีกี่บาทวธิ ที าํ พื้นทผี่ ิวทรงกลม = 4¶ r 2พน้ื ท่ผี ิวคร่ึงทรงกลม = 1 x 4¶ r 2เสียคาทาสีตารางเมตรละ 2จะเสียคาทาสี = 1 × 4 × 22 × 3.5 × 3.5 27 = 77 ตารางเมตร = 40 บาท = 77 x 40 = 3,080 บาท2. หินออนทรงลูกบาศกมีขนาดดานละ 2.1 เมตร ถาตองการกลึงใหเปนรูปทรงกลมใหมีขนาดเสนผานศูนยกลางเทากับความยาวของดานลูกบาศก จะหาวาจะตองกลึงหินออกไปปริมาตรเทาใดวิธีทําปริมาตรลูกบาศก = ดา น3ปริมาตรทรงกลม = 2.1 x 2.1 x 2.1 = 9.261 ลูกบาศกเมตรจะตอ งกลงึ ออก = 4 ¶r3 3 = 4 × 22 × 2.1 × 2.1 × 2.1 3 7 2 2 2 = 4.851 ลูกบาศกเมตร = 9.261 – 4.851 = 4.41 ลูกบาศกเมตร
2403. นําแทงตะกั่วทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากกวาง 8 นว้ิ ยาว 11 น้ิว หนา 5 นว้ิ ไปหลอมเปน ลูกปน ทรงกลมขนาดรัศมี 1 นวิ้ จะหลอมไดก่ลี ูกวิธีทาํ ปริมาตรของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก = 8 x 11 x 5 = 440 ลูกบาศกนว้ิปริมาตรลูกปนทรงกลม 1 ลกู = 4 ¶r3จาํ นวนลกู ปน ทไ่ี ด 3 = 4 × 22 × (1)3 37 = 88 ลูกบาศกน ว้ิ 21 = 440 ÷ 88 21 = 440 × 21 88 = 105 ลูก
241 เฉลยบทท่ี 7 คอู นั ดับและกราฟแบบฝก หดั ท่ี 11. จงเขยี นคอู ันดบั จากแผนภาพทก่ี าํ หนดใหต อไปน้ี 1.1 (1,-1), (2,-2), (3,-3), (4,-4) 1.2 (1,c), (2,b), (3,a) , (4,d) 1.3 (1,0), (2,-1), (3,-2), (4,-3),(5,-4)2. จงหาคา x และ y จากเง่ือนไขท่ีกาํ หนดใหใ นแตละขอ ตอไปน้ี 2.1 x = 4 , y = 3 2.2 x = y , y = 2 2.3 x = 6 , y = 0 2.4 x = 4 , y = 4แบบฝก หดั ที่ 2 B= (-1,2) C= (-4, -2) D=(1,-1) 1.1 A = ( 1,3) B= (-3,1) C= (4, 0) D=(3,-4) 1.2 A = ( 0,2)
2422.1
243 2.2แบบฝกหดั ที่ 3กราฟขางลางแสดงการเดินทางของอนุวัฒนและอนุพันธ 3.1 2 ชัว่ โมง 3.2 3 ชั่วโมง 3.3 320 กโิ ลเมตร 3.4 2 ช่ัวโมง 3.5 160 กโิ ลเมตร
244 เฉลย บทท่ี 8 ความสัมพันธร ะหวา งรูปเรขาคณิตสองมติ แิ ละสามมิติแบบฝก หัดที่ 11. จงบอกชนิดของรูปเรขาคณิตสามมิตทิ ีม่ ีรูปคล่ีดงั ตอไปนี้1. พรี ะมิดฐานสามเหลี่ยม 2. ปรซิ ึมสเ่ี หลี่ยม หรอื ทรงสี่เหลี่ยมมมุ ฉาก3. พรี ะมนิ ฐานหกเหล่ยี ม 4. ปริซึมหา เหลย่ี ม2. จงเขียนรูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติในแตละขอตอไปนี้
245
246แบบฝก หัดท่ี 2
247แบบฝกหัดท่ี 3 จงจับคูภ าพดานหนา ดานขา ง และดา นบน ในแตล ะขอตอไปนี้กบั รูปเรขาคณิตสามมิติที่กําหนดใหทางขวามือ โดยเลอื กตวั อกั ษรท่ีกาํ กบั ไวในรปู เรขาคณติ สามมิติ เขียนเตมิ ลงในชอ งวางบนขวาของแตละขอ ค ก
248ขจ ง
2492. จงเขยี นภาพดา นหนา ดา นขา ง และดา นบนของรูปเรขาคณิตสามมติ ิตอไปน้ี พรอมท้ังเขยี นจาํ นวนลูกบาศกก ํากบั ไวใ นตารางสี่เหลยี่ มจตั ุรัส
250แบบฝกหดั ที่ 1 เฉลย บทที่ 9 สถติ ิขอท่ี ขอ ความ ขอมลู สถิติ เปน ไมเ ปน1 แดงสงู 163 เซนติเมตร 2 นางสาวิภาวมี ีสว นสดั เปน 35-24-36 3 นา้ํ หนกั ของนกั เรยี นทุกคนท่ีเรยี นชดุ การเรยี นทางไกล 4 อณุ หภูมิท่ีจงั หวัดปทุมธานีวันนีว้ ดั ได 25 องศาเซลเซยี ส 5 สมศรไี ดค ะแนน 15 คะแนน ในการโยนเหรยี ญ 10 คร้งั เกิดหวั 6 ครั้ง เกดิ กอ ย 4 ครัง้ ได6 อัตราสวนทจี่ ะเกิดหัว 6 107 อาจารยศุภราเงินเดือน 23,000 บาท8 ความสูงเฉลี่ยของประชาชนที่เปนชาย 162 เซนตเิ มตร9 คน 6 คน เปนชาย 4 คน เปนหญิง 2 คน ท่ีอยูใ นบานวิชัย10 จาํ นวนคดอี าชญากรรมในป 2551 ซึ่งรวบรวมมาจากบันทึกคดี อาชญากรรมแตละวันในแตละสถานีตํารวจ2. ใหผูเรียนพจิ ารณาขอมลู ในแตล ะขอ ตอไปนี้ แลวเขียนเครื่องหมาย ลงในชองที่ตรงกับ ความคิดเห็น ขอมลู สถติ ิขอท่ี ขอความ ขอ มูล ขอมูล คุณภาพ ปริมาณ1 สถิติคนไขแยกตามเชื้อโรคของโรงพยาบาลแหงหนึ่ง 2 จํานวนครั้งของการโทรศัพททางไกลจากแตละเครอื่ งใน สํานักงาน 10 เครื่อง ในวนั หน่งึ3 ผูจดั การถูกสมั ภาษณถ งึ จํานวนเปอรเ ซ็นตข องเวลาทํางานท่ีใชใ น การประชุม4 เครื่องสําอางโดยเฉพาะสีของสีทาปาก ซึ่งแตละบริษัทใน 10 บรษิ ัท ไดระบุวามยี อดขายมากที่สดุ
2513. ใหผเู รยี นพิจารณาขอความตอไปน้ี แลวเติมคําตอบลงในชองวางตามความคิดเห็นของผูเรียนวาเปนขอมูลปฐมภมู ิ หรือทตุ ยิ ภมู ิ 3.1 ทุติยภมู ิ 3.2 ปฐมภูมิ 3.3 ทตุ ิยภูมิ 3.4 ปฐมภูมิ 3.5 ทตุ ยิ ภูมิแบบฝกหัดที่ 21. แผนภมู ิรปู วงกลมแสดงรายไดข องหา งสรรพสนิ คา แหง หนง่ึ โดยเฉลย่ี ตอ วัน จาํ แนกตามแผนกตา งๆ1.1 นอ ยกวา 0.86 %1.2 รายไดจากแผนกเครื่องสําอางนอ ยทส่ี ดุ คดิ เปน 12.87% ของรายไดจ ากแผนกที่รายไดม ากทส่ี ดุ1.3 51.43%1.4 แผนกเครอ่ื งเขยี นแบบเรยี น คดิ เปน 20.11% ของรายไดทั้งหมด
2522. จากการสอบถามงบประมาณที่แตละกลุมสาระการเรียนรูไดมาจากการจัดสรรงบประมาณของทางโรงเรยี น เปน ดงั น้ีกลมุ สาระการเรียนรู งบประมาณ จาํ นวนเปอรเ ซน็ ต ขนาดของมุมท่ีจดุ ศูนยก ลาง (บาท) ของรปู วงกลม (องศา)คณิตศาสตร 35,000 35,000 ×100 = 10.29 35,000 × 360 = 37.06 340,000 340,000วิทยาศาสตร 100,000 29.41 105.88ภาษาตางประเทศ 48,000 14.12 50.82ภาษาไทย 34,500 10.15 36.53ศิลปะ 18,500 5.44 19.59การงานอาชีพและเทคโนโลยี 40,500 11.91 42.83สุขศึกษาและพลศกึ ษา 29,500 8.68 31.24สังคมศึกษา ศาสนา และ 34,000 10.00 36.0วฒั นธรรม3. จงเขยี นแผนภมู ริ ปู วงกลมโดยใชจ าํ นวนเปอรเซน็ ตแ ละขนาดของมุมที่จุดศูนยกลางของรูปวงกลมที่คํานวณไดจากตารางขางตน
2534. ใหผ ูเรยี นพิจารณากราฟเสนตอไปน้ี4.1 พ.ศ. 2529 , พ.ศ. 2531 , พ.ศ. 25334.2 พ.ศ. 2529 แตกตา งกนั ประมาณ 28,000 ลูกบาศกเมตร4.3 ปรมิ าณไมสักและไมประดูที่ผลติ จะลดลงเร่ือยๆ แตปริมาณไมประดูจะมีการเปลี่ยนแปลงมากกวา4.4 ไมส ักผลิตได 26,000 ×100 = 76.47% ของไมประดู 34,0004.5 ปทีผ่ ลิตไดม ากท่สี ุด คอื พ.ศ. 2530 คอื 52,000 ลูกบาศกเมตร ปท ีผ่ ลติ ไดน อยสดุ คอื พ.ศ. 2533 คือ 5,000 ลูกบาศกเมตร ดังนั้น ทงั้ สองปนีต้ างกันอยู 52,000 – 5,000 = 47,000 ลูกบาศกเมตร5. ตารางแสดงรายรับ – รายจายของนาย ก ในรอบ 6 เดอื นแรกของป พ.ศ. 2546 เปน ดังน้ี
254จากตารางนาํ เสนอขอมลู ดว ยกราฟเสน ไดด งั น้ีแบบฝกหัดที่ 31. จากขอมูล 2, 6,1, 5, 13, 6, 16 จงหาคาเฉลี่ยเลขคณิต ฐานนิยม และมัธยฐาน คา เฉลีย่ เลขคณติ = 7 มธั ยฐาน = 4 ฐานนยิ ม = 62. จากขอมูล 24, 16,18, 36, 7, 28, 6, 36, 12 จงหาคา เฉลี่ยเลขคณติ ฐานนยิ ม และมัธยฐาน คา เฉลยี่ เลขคณติ = 20.33 มธั ยฐาน = 18 ฐานนยิ ม = 363. จากขอมูล 10.1, 13.8, 15.6, 4.5, 18.6, 8.4 จงหาคาเฉลี่ยเลขคณิต ฐานนิยม และมัธยฐาน คาเฉลยี่ เลขคณติ = 11.83 มธั ยฐาน = 11.95 ฐานนยิ ม = -
255แบบฝกหดั ที่ 41. จากตารางใหนักเรียนหาความถี่สะสม โดยเติมลงในชองความถี่สะสมมัธยฐาน = 45ฐานนยิ ม = 45คา เฉลย่ี เลขคณติ คอื 44.72
2563. ตอไปนี้เปนตารางแจกแจงความถี่ของน้ําหนัก (หนว ยเปนกโิ ลกรมั ) ของนกั เรยี น 60 คน หาความถี่สะสมไดดังนี้2) ฐานนิยมของน้ําหนักอยใู นชว งใด ตอบ 40 -443) โดยสว นใหญน กั เรยี นหนักอยใู นชว งใด ตอบ 40 -444). ถาเรียงน้ําหนกั นอ ยทส่ี ดุ ไปยังน้ําหนักมากที่สุด จงหาตําแหนงของมัธยฐาน ตอบ มธั ยฐานอยูระหวางน้ําหนกั ของคนที่ 30 และ 315) นักเรียนคิดวามธั ยฐานของนํ้าหนักอยูในชวงใด ตอบ 40 -44
2576) หาคาเฉล่ยี เลขคณิต ใหนักเรยี นเติมคาตางๆ ลงในชองวางใหสมบูรณ
258
259 เฉลย บทที่ 10 ความนาจะเปนแบบฝก หดั ที่ 11. ใหผูเรียนพิจารณาการทดลองสุมตอไปนี้วาผลจากการทดลองสุมอาจเปนอยางไรบาง 1.1 อาจได หัว หรอื กอ ย 1.2 อาจไดห ัวท้งั 2 เหรียญ หรอื ได หัว และ กอย หรอื อาจไดก อ ยท้ังสองเหรยี ญ 1.3 อาจไดลูกปง ปองสเี หลืองสองลกู หรอื สเี หลือง 1 ลกู และสแี ดง 1 ลูก2. จงเขียนผลที่อาจจะเกิดขึ้นไดทั้งหมดจากการหมุนแปนวงกลมที่มีหมายเลข 1 และ2 แลว มาโยน เหรียญบาท 1 อันตอบ H,1 H,2 T,1 T, 23. จงเขียนผลทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นไดจากการหยิบสลาก 1 ใบ จากสลากที่เขียนหมายเลขตั้งแต 10 ถึง 20 ไวตอบ 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20แบบฝกหดั ท่ี 21. ทอดลูกเตา 1 ลกู 1 ครั้ง จงเขียน 1.1 1, 2, 3, 4, 5,6 1.2 1, 2, 3, 4, 5 1.3 3, 62. ทอดลูกเตา 2 ลกู พรอมกัน 1 คร้ังจงเขยี น 2.1 {(1,1),(1,2),(1,3),(1,4),(1,5),(1,6), (2,1),(2,2),(2,3),(2,4),(2,5),(2,6), (3,1),(3,2),(3,3),(3,4),(3,5),(3,6), (4,1),(4,2),(4,3),(4,4),(4,5),(4,6), (5,1),(5,2),(5,3),(5,4),(5,5),(5,6), (6,1),(6,2),(6,3),(6,4),(6,5),(6,6)} 2.2 (2,6), (3,5), (4,4), (5,3) (6,2) 2.3(4,6), (5,5), (5,6), (6,4),(6,5),(6,6) 2.4 (1,1),(1,2), (2,1)
260 2.5 (1,1), (1,3),(1,5),(2,1),(2,2),(2,4),(2,6), (3,1),(3,3),(3,5),(4,2),(4,4),(4,6), (5,1),(5,3),(5,5),(6,2),(6,4),(6,6) 2.6 ไมมี หรือ เปน เหตุการณท่เี ปนไปไมได3. จากการสอบถามถึงปกรายงานที่ผูเรียนชอบ 2 สี ในจํานวน 5 สี คือ สขี าว สีฟา สีชมพู สีเขยี ว และสเี หลือง จงเขยี น 3.1 (สีขาว,สีฟา ), (สีขาว,สีชมพ)ู , (สีขาว,สีเขยี ว), (สีขาว,สเี หลอื ง), (สีฟา ,สีชมพู), (สีฟา,สีเขยี ว), (สฟี า,สเี หลอื ง), (สชี มพู,สเี ขียว), (สีชมพ,ู สเี หลอื ง), (สเี ขยี ว,สเี หลอื ง) 3.2 (สีขาว,สีฟา), (สีขาว,สีชมพ)ู , (สีฟา ,สีชมพ)ู , (สฟี า,สีเขียว), (สฟี า ,สเี หลอื ง), (สชี มพ.ูสีเขียว), (สีชมพู,สเี หลอื ง)แบบฝก หัดที่ 315 102. 1 63. 5 74. 1 525. 26 526. 6 367. ไมมี8. 100 ใบ9. 1 410. 6 12แบบฝกหดั ที่ 4จากโจทยต อไปน้ใี หนักเรียนตอบวาใครไดเ ปรียบ1. ใหนักเรียนทาํ ลูกบาศกห นึ่งลกู แลวเขยี นเลข 1 ทีห่ นาหนงึ่ ของลกู บาศก เขียนเลข 2 ทห่ี นาอกีสองหนา สวนอกี สามหนา ที่เหลือเขยี น 3 ใชก ตกิ าตอ ไปนตี้ ัดสนิ การแพ ชนะ เสมอในการโยนลูกบาศกทีท่ ําข้นึ นี้คนละครั้ง 1.1 ไมม ีใครไดเ ปรียบเสยี เปรยี บ 1.2 ผูเลน คนที่สองไดเปรยี บ
261 เฉลย บทที่ 11เร่อื ง การใชทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตรในงานอาชีพ1. บัญชีรับจายประจําวันของนายสมพร ซึ่งประกอบอาชีพเปนผูขายปาทองโกในเวลา 5 วนัวัน เดอื น ป รายการรบั จาํ นวนเงนิ วนั เดือน ป รายการจา ย จาํ นวนเงนิ บาท สต. บาท สต.1 ต.ค. 54 - ยอดเงินคงเหลือ 8,000 - 1 ต.ค. 54 - ซื้อแปงสาลีและ 2,500 - วัตถดุ บิ อ่ืน ๆยกมาจากเดือน 350 - - คา แกส หงุ ตม 270 -กันยายน 2554 4,800 - - คาอาหาร 840 -- ไดรับเงินจาก 320 - 200 -การขายปาทองโก 4,200 - 2 ต.ค. 54 - คานา้ํ คา ไฟฟา 100 - 430 -2 ต.ค.54 - ไดรับเงนิ จาก 290 -การขายปาทองโก 950 - - คาอาหาร 160 - 1,250 - - คาถุงพลาสติก 340 - 2,000 - - คาถุงกระดาษ3 ต.ค. 54 - ไดร บั เงนิ จาก 3,900 - 3 ต.ค. 54 - จายคาโทรศัพท 250 - 120 -การขายปาทองโก - คาอาหาร 480 - - คาหนงั สอื เรียน - คา นํ้าดม่ื4 ต.ค. 54 - ไดร ับเงนิ จาก 4,500 - 4 ต.ค. 54 - จา ยคา เสอื้ ผาการขายปาทองโก - คาอาหาร - ซอ้ื แปง สาลแี ละ วตั ถดุ ิบอ่ืน ๆ5 ต.ค. 54 - ไดร ับเงินจาก 3,800 - 5 ต.ค. 54 - คาอาหารการขายปาทองโก - คานํ้าด่มื - คา หนงั สือพมิ พรวมรายรบั 29,200 - รวมรายจาย 10,850 - ยอดคงเหลือยกไป 18,350 -
2622. ใหผ เู รยี นจดั ทําบัญชรี บั จา ยประจําวันของผูเรยี นในเวลา 1 สปั ดาหวนั เดอื น ป รายการรบั จาํ นวนเงนิ วนั เดอื น ป รายการจาย จาํ นวนเงนิ บาท สต. บาท สต. - คา น้าํ มนั รถยนต 1,200 -วนั ที่ 1 ไดร บั เงินเดือนหรือ 18,000 - วนั ที่ 1 - คาอาหารไดเงินจากการขาย - คาผลไม 340 - - คาอาหาร 130 -วนั ที่ 2 ไดดอกเบย้ี จาก 3,000 - วนั ที่ 2 - คาโทรศัพท 280 - เงินฝาก - คา นาํ้ ด่ืม 430 - - คากาซหุงตม 150 - วันที่ 3 - คาอาหาร 360 - - คา หนงั สือพิมพ 240 - วันที่ 4 - คาอาหาร 240 - - คาเส้ือผา 220 - วนั ที่ 5 - คาซักอบรดี 850 - - คา น้ํามนั รถยนต 350 -รวมรายรบั วันที่ 6 - คาอาหาร 1,200 - วนั ที่ 7 - คาผลไม 280 - 21,000 - - คาอาหารและนมสด 180 - - คารองเทา 400 - - คาอาหาร 1,800 - - คานาํ้ ดื่ม 280 - รวมรายจาย 140 - ยอดคงเหลือยกไป 9,070 - 11,930 -
2633. (1) สมรตองการซอ้ื เตยี งนอน ตูเสอ้ื ผา และโตะ = 6,000 + 8,500 + 5,500 = 20,000 เสยี ภาษมี ูลคาเพิม่ = 20,000 × 7 = 1,400 บาท 100 สมรตอ งจายเงิน = 20,000 + 1,400 = 21,400 บาท สมรซ้อื เฟอรน ิเจอรขางตนไมค รบ 25,000 บาท ไมไดรับสวนลด (2) สมรซื้อทุกรายการจากตาราง 6,000 + 8,500 + 600 + 5,500 +3,200 = 23,800 บาท เสียภาษีมูลคา เพม่ิ 23,800 × 7 = 1,666 บาท 100 ราคาเฟอรน ิเจอรทงั้ หมด 23,800 + 1,666 = 25,466 บาท สมรซ้ือสนิ คาเกนิ 25,000 บาท ไดร บั สว นลด 10% ∴ ไดร ับสว นลด 25,466 × 10 = 2,546.60 บาท 100 สมรตองจา ยเงนิ = 25,466 – 2,546.60 = 22,919.40 บาท4. (1) ดอกเบย้ี ออมทรพั ย = 500,000 × 0.75 ×1 = 3,750 บาท 100 3.42 4 (2) ดอกเบ้ยี ฝากประจํา 4 เดอื น = 500,000 × 100 × 12 = 5,700 บาท ฝากครบ 1 ป = 5,700 × 3 = 17,100 บาท เสียภาษี = 17,100 × 15 = 2,565 บาท 100 ไดรบั ดอกเบ้ยี จรงิ = 14,535 บาท (3) ซ้ือสลากออมสินได = 500,000 = 10,000 ฉบับ 50 ฝากครบ 1 ป ขอถอนไดรบั ดอกเบย้ี ฉบับละ 0.25 บาท ไดร ับดอกเบย้ี 500,000 × 0.25 = 2,500 บาท 50 มีสิทธิถูกรางวัลเลขทาย 4 ตวั 12 เดือน ๆ ละ 2 รางวัล ๆ ละ 150 บาท = 12 ×2 × 150 = 3,600 บาท ∴ ไดรับเงินรางวัลและดอกเบี้ยจากการซื้อสลากออมสิน = 2,500 + 3,600 = 6,100 บาท ∴ อมรควรฝากประจํา 4 เดือน จะไดรับผลตอบแทนมากที่สุด
2645. เงินไดพึงประเมินของจํานง 15,000 × 12 = 180,000 บาทหัก คา ใชจ า ย 40% ของเงินไดพึงประเมิน แตไมเกิน 60,000 บาท 40 = 100 ×180,000 = 72,000 บาทจํานงสามารถหักคาใชจายไดแค 60,000 บาทหกั คา ลดหยอ นตนเอง 30,000 บาท และคาเบี้ยประกันชีวิต 10,000 บาทรวมหกั คา ลดหยอน 30,000 + 10,000 = 40,000 บาทเงินไดส ทุ ธิของจํานง = เงินไดพึงประเมิน – (หกั คาใชจาย + หกั คา ลดหยอ น) = 180,000 – (60,000 + 40,000) = 80,000 บาทดังนั้น จํานงตองยื่นแบบภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 91) แตไ มต องชําระเงนิเพราะไดรับการยกเวนภาษี (กรมสรรพากรกาํ หนดใหผูมีเงนิ ไดสทุ ธติ ัง้ แต 0 ถึง 150,000 บาทไดรับการยกเวนภาษี)6. เมื่อพิจารณาขอมูลจากกราฟ บริษัทแหง นี้จาํ หนา ยกระเปา ไดส ูงข้ึนตามลําดบั ควรเพิม่ จาํ นวนในการสั่งซือ้ กระเปา เพิม่ ขน้ึ เพื่อเปนสตอคในการจําหนาย7. คาจางทํางานปกติ = 215 × 5 = 1,075 บาทคาลวงเวลา = 215 × 1.5 × 3 = 967.50 บาทพนักงานคนนี้ไดรับคาจาง = 1,075 + 967.50 = 2,042.50 บาท8. ควรใชกราฟเสนในการดแู นวโนม ผลกําไรของธุรกจิ ยอนหลัง9. วธิ ีทํา พปา้ืนยทมปี่ ีคาวยาทมง้ักยหาววมางด211=0นน11วิ้ 20ว้ิ ×==121221211102×ฟ3ฟตุ ตุ= 4.375 ตารางฟุต เสียคาใชจายทั้งหมด = 4.375 × 185 = 809.375 บาท
265ทีป่ รกึ ษา คณะผจู ัดทํา1. นายประเสรฐิ2. ดร.ชัยยศ บญุ เรอื ง เลขาธิการ กศน.3. นายวชั รนิ ทร อมิ่ สุวรรณ รองเลขาธิการ กศน.4. ดร.ทองอยู จําป รองเลขาธิการ กศน.5. นางรกั ขณา แกวไทรฮะ ที่ปรึกษาดานการพัฒนาหลักสูตร กศน. ตัณฑวุฑโฒ ผอู าํ นวยการกลมุ พัฒนาการศึกษานอกโรงเรยี นผูเขยี นและเรียบเรียง มวงบุญมี ขาราชการบํานาญ1. นายไชโย ตตยิ รัตนาภรณ ขาราชการบํานาญ2. นางสาวกรุณา ขาราชการบํานาญผบู รรณาธิการ และพัฒนาปรับปรงุ ขาราชการบํานาญ1. นายชุมพล หนูสง สํานักงาน กศน. จ.สมุทรสาคร สํานักงาน กศน. จ.สมุทรสาคร2. นายไชโย มวงบุญมี กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน3. นางสาวสริ นิ ธร นาคคุม กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน4. นางสาวบีบีฮารา สะมัท กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน5. นางพรทิพย กลารบ กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน6. นายสุรพงษ มั่นมะโน กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียนคณะทํางาน มนั่ มะโน1. นายสุรพงษ กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน2. นายศุภโชค ศรีรัตนศิลป3. นางสาววรรณพร ปทมานนท4. นางสาวศริญญา กุลประดิษฐ5. นางสาวเพชรินทร เหลอื งจิตวฒั นาผูพิมพตนฉบับ นางสาวเพชรินทร เหลอื งจิตวฒั นาผอู อกแบบปก ศรรี ัตนศลิ ป นายศภุ โชค
266 คณะผูพัฒนาและปรบั ปรุงครั้งที่ 2ทปี่ รกึ ษา บญุ เรอื ง เลขาธิการ กศน. อม่ิ สุวรรณ รองเลขาธิการ กศน.1. นายประเสรฐิ จําป รองเลขาธิการ กศน.2. ดร.ชัยยศ ผูเช่ียวชาญเฉพาะดา นพฒั นาส่ือการเรียนการสอน3. นายวชั รนิ ทร จนั ทรโอกลุ ผูเชย่ี วชาญเฉพาะดานเผยแพรทางการศึกษา ผาตินินนาท หวั หนา หนว ยศกึ ษานิเทศก4. นางวทั นี ธรรมวธิ ีกุล ผอู าํ นวยการกลมุ พฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน5. นางชุลีพร งามเขต6. นางอัญชลี ศูนยเทคโนโลยีทางการศึกษา7. นางศุทธีนี ขาราชการบํานาญ สํานักงาน กศน. กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียนผูพฒั นาและปรับปรงุ คร้งั ท่ี 2 กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน1. นางจารุพร พุทธวริ ิยากร กลุมพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน2. น.ส.วรวรรณ เบญ็ จนริ ัตน3. นางพรรณทิพา ชินชัชวาล4. น.ส.เบญ็ จวรรณ อําไพศรี5. นางสาวปย วดี คะเนสม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293