หนังสือเรยี นสาระความรพู น้ื ฐาน รายวิชา คณติ ศาสตร (พค11001) ระดบั ประถมศกึ ษา หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 สาํ นกั งานสง เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ ารหามจาํ หนายหนังสือเรยี นเลม นี้จัดพมิ พด วยเงนิ งบประมาณแผน ดินเพื่อการศกึ ษาตลอดชีวิตสาํ หรับประชาชน ลขิ สทิ ธิ์เปนของ สํานักงาน กศน. สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเอกสารทางวชิ าการลาํ ดบั ท่ี 10/2554
หนงั สือเรยี นสาระความรพู นื้ ฐานรายวชิ า คณติ ศาสตร( พค11001 )ระดับประถมศกึ ษาลิขสทิ ธเิ์ ปน ของ สาํ นกั งาน กศน. สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเอกสารทางวิชาการลําดับที่ 10/2554
คาํ นาํ สํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ไดดําเนินการจัดทําหนังสือเรียน ชุดใหมนี้ข้ึน เพ่ือสําหรับใชในการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ทีม่ ีวัตถุประสงคในการพัฒนาผูเรียนใหมีคุณธรรมจริยธรรม มีสติปญญาและศักยภาพในการประกอบอาชีพ การศึกษาตอ และสามารถดํารงชีวิตอยูใ นครอบครัว ชุมชน สังคมไดอยางมีความสุข โดยผูเรียนสามารถนําหนังสือเรียนไปใช ดวยวิธีการศึกษาคนควาดวยตนเอง ปฏิบัติกิจกรรมรวมทัง้ แบบฝกหัดเพือ่ ทดสอบความรูค วามเขาใจในสาระเนือ้ หาโดยเม่อื ศึกษาแลวยังไมเ ขา ใจ สามารถกลบั ไปศกึ ษาใหมไ ด ผเู รยี นอาจจะสามารถเพิ่มพูนความรูห ลังจากศึกษาหนังสือเรียนนี้ โดยนําความรูไปแลกเปล่ียนกับเพ่ือนในช้ันเรียน ศึกษาจากภูมิปญญาทองถิ่นจากแหลง เรียนรูและจากสื่ออ่นื ๆ ในการดําเนินการจัดทําหนังสือเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ไดรับความรวมมือทีด่ ีจากผูท รงคุณวุฒิและผูเกี่ยวของหลายทานที่คนควาและเรียบเรียงเน้ือหาสาระจากสื่อตางๆ เพ่ือใหไดส่ือที่สอดคลองกับหลักสูตร และเปนประโยชนตอผูเ รียนทีอ่ ยูน อกระบบอยางแทจริง สํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยขอขอบคุณคณะที่ปรึกษา คณะผูเรียบเรียง ตลอดจนคณะผูจัดทําทุกทานท่ีไดใหความรวมมือดวยดีไว ณ โอกาสนี้ สํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หวังวาหนังสือเรียนชุดนี้จะเปนประโยชนในการจัดการเรียนการสอนตามสมควร หากมีขอเสนอแนะประการใด สํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ขอนอมรับไวดวยความขอบคุณยิ่ง สํานักงาน กศน.
สารบญั หนาคํานํา 1คําแนะนําการใชแบบเรียน 74โครงสรา งรายวชิ าคณติ ศาสตร ระดบั ประถมศกึ ษา 101บทท่ี 1 จาํ นวนและการดาํ เนินการ 122บทท่ี 2 เศษสว น 131บทท่ี 3 ทศนิยม 188บทท่ี 4 รอ ยละ 216บทท่ี 5 การวดั 232บทท่ี 6 เรขาคณิต 244บทท่ี 7 สถิติและความนาจะเปนเบื้องตน 248เฉลย บทที่ 1 จาํ นวนและการดาํ เนนิ การ 251เฉลย บทท่ี 2 เศษสว น 253เฉลย บทท่ี 3 ทศนิยม 261เฉลย บทท่ี 4 รอ ยละ 270เฉลย บทที่ 5 การวดัเฉลย บทท่ี 6 เรขาคณิตเฉลย บทที่ 7 สถิติและความนาจะเปนเบอ้ื งตน
คาํ แนะนาํ การใชแบบเรยี น หนงั สอื เรยี นสาระความรพู น้ื ฐาน รายวิชา คณิตศาสตร (พค 11001) ระดบั ประถมศกึ ษาเปนหนังสือเรียนทจี่ ัดทําขนึ้ สาํ หรับผูเรยี นที่เปนนักศกึ ษานอกระบบ ในการศึกษาหนังสือเรยี นสาระความรูพ ้ืนฐาน รายวิชา คณิตศาสตร ผเู รียนควรปฏบิ ัติดังน้ี 1. ศึกษาโครงสรางรายวิชาใหเขาใจในหัวขอสาระสําคัญ ผลการเรียนรูที่คาดหวังและ ขอบขายเนื้อหา 2. ศึกษารายละเอียดเนื้อหาของแตละบทอยางละเอียด และทาํ กจิ กรรมตามทกี่ ําหนด แลวตรวจสอบกับแนวตอบกจิ กรรมท่กี าํ หนด ถาผเู รียนตอบผดิ ควรกลับไปศกึ ษา และทําความเขาใจในเน้ือหานนั้ ใหมใหเขาใจกอนท่ีจะศกึ ษาเรอื่ งตอ ไป 3. ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมทา ยเร่ืองของแตละเร่ือง เพ่ือเปนการสรปุ ความรูความเขาใจของ เนอ้ื หาในเรอ่ื งน้นั ๆอกี ครัง้ และการปฏบิ ัติกจิ กรรมของแตละ เนอ้ื หาในแตละเร่ือง ผูเรยี นสามารถนําไปตรวจสอบกบั ครแู ละเพื่อนๆทร่ี ว มเรียนในรายวชิ าและระดบั เดยี วกนั ได 4. แบบเรียนเลม นมี้ ี 8บทคือ บทที่ 1 จาํ นวนและการดาํ เนินการ บทที2่ เศษสว น บทท3ี่ ทศนิยม บทที่ 4 รอ ยละ บทที่ 5 การวดั บทที่ 6 เรขาคณิต บทที่ 7 สถิติ บทที่ 8 ความนาจะเปนเบื้องตน
โครงสรา งรายวชิ าคณติ ศาสตร ระดบั ประถมศกึ ษา (พค11001)สาระสําคัญ มคี วามรูความเขาใจเกย่ี วกบั จํานวนและตัวเลข เศษสว น ทศนิยมและรอยละ การวัดเรขาคณิต สถติ ิ และความนาจะเปน ไปไดเบื้องตนผลการเรยี นรูที่คาดหวงั ๑. ระบหุ รือยกตวั อยางเกยี่ วกับจํานวนและตัวเลข เศษสวน ทศนยิ มและรอ ยละ การวดั เรขาคณิต สถิติ และความนาจะเปนไปไดเบื้องตนได ๒. สามารถคิดคํานวณและแกโจทยปญหาเกี่ยวกับจํานวนนับเศษสวน ทศนิยม รอยละ การวัด เรขาคณิตไดขอบขา ยเน้ือหา บทที่ 1 จาํ นวนและการดาํ เนินการ บทที่ 2 เศษสว น บทที่ 3 ทศนิยม บทที่ 4 รอ ยละ บทที่ 5 การวดั บทที่ 6 เรขาคณิต บทที่ 7 สถิติ บทที่ 8 ความนาจะเปนเบื้องตนสือ่ การเรียนรู 1. ใบงาน 2. หนงั สอื เรียน
บทที่ 1 จํานวนและการดาํ เนนิ การสาระสําคญั 1. การอานและเขียนตัวเลขแทนจํานวน การประมาณคา และการบวก ลบ คูณ หาร การดาํ เนนิ การ เกยี่ วกบั จาํ นวน การนํามาใชในชีวิตประจําวัน และการบูรณาการกับศาสตรอื่นได 2. สมบัติของจํานวนนับ และศูนย สมบัติการสลับที่ของการบวกและการคูณ สมบัติการเปลย่ี นหมู การบวก การคณู สมบตั กิ ารบวกดว ยศนู ย สมบตั กิ ารคณู ดวยหน่ึง และสมบัตแิ ยกตัวประกอบ สามารถนําไปใชป ระโยชนใ นการคดิ คาํ นวณไดผลการเรียนรูท่ีคาดหวงั เมื่อศึกษาบทที่ 1 แลว ผูเรียนสามารถ 1. อา นและเขยี นตวั เลขแทนจาํ นวนได 2. บอกคาประจําหลักและคาของตัวเลขได 3. เขยี นจาํ นวนในรปู การกระจายได 4. เปรยี บเทยี บจาํ นวนนบั ได 5. ประมาณคาเปนจํานวนเต็มได 6. นาํ ความรูและสมบตั ิ เกีย่ วกบั จํานวนนับ และศนู ย ไปใชไ ด 7. บวก ลบ คณู และหาร จํานวนนบั ได 8. หาตวั ประกอบของจาํ นวนนับได 9. บอกจํานวนเฉพาะและตัวประกอบเฉพาะได 10. แยกตวั ประกอบของจาํ นวนนบั ได 11. หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจํานวนนบั ทก่ี าํ หนดใหไ ดขอบขา ยเนอ้ื หา เร่ืองท่ี 1 การอา นและเขยี นตวั เลขแทนจาํ นวน เรื่องท่ี 2 คา ประจาํ หลักและคาของตัวเลข เรื่องที่ 3 การเขียนจาํ นวนในรปู การกระจาย เร่ืองที่ 4 การเรียงลําดับจํานวน เรื่องที่ 5 การประมาณคา เร่ืองท่ี 6 สมบตั ิของจํานวนนบั และศนู ย และการนาํ ไปใชใ นการแกป ญ หา เรื่องที่ 7 การบวก ลบ คณู และหาร จาํ นวนนบั และการแกป ญ หา เร่ืองท่ี 8 ตวั ประกอบของจํานวนนบั และการหาตวั ประกอบ เร่ืองที่ 9 จํานวนเฉพาะและตัวประกอบเฉพาะ เรื่องที่ 10 การแยกตัวประกอบ เร่ืองท่ี 11 ห.ร.ม. และ ค.ร.น.
2เรือ่ งท่ี 1 การอานและเขยี นตัวเลขแทนจํานวนจาํ นวน ใชในการบอกปริมาณของคน สัตว สิ่งของตาง ๆ วามีมากหรือนอยเทาไรตัวเลข เปนสญั ลกั ษณทใ่ี ชแ ทนจาํ นวนตวั เลขโดด เรานิยมใชต ัวเลขแทนจาํ นวนตา ง ๆ ซ่ึงประกอบดวยตัวเลขโดดสิบตัว ไดแก 1, 2,3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 01.1 จาํ นวนท่ีเขยี นแทนดว ยตวั เลขหนง่ึ หลกั ตัวเลข ฮนิ ดอู ารบิกจาํ นวน ตัวหนงั สือ ตวั เลขไทย ศนู ย ๐ 0 หนึ่ง ๑ 1 สอง ๒ 2 สาม ๓ 3 สี่ ๔ 4 หา ๕ 5 หก ๖ 6 เจด็ ๗ 7 แปด ๘ 8 เกา ๙ 9
แบบฝก หดั ที่ 1 3 ก. จงเขียนตัวเลขไทย และเลขฮินดูอารบิกแทนภาพจํานวนในแตล ะขอ ตัวเลข ตัวเลข จาํ นวน ไทย ฮินดู(1) อารบคิ(2)(3)(4)(5) ข. จงฝก เขยี นตัวเลขไทยและตวั เลขฮินดอู ารบิก แสดงจาํ นวน ตัวเลขไทย
41.2 จาํ นวนท่ีเขยี นแทนดว ยตวั เลขสองหลกั ตวั เลข ฮนิ ดูอารบกิจํานวน ตวั หนังสือ ตวั เลขไทย ๑๑ 11 สบิ เอ็ด หา สบิ ๕๐ 50 เกาสิบเกา ๙๙ 99
แบบฝก หัดที่ 2 5 ก. จงเขียนตัวเลขไทยและตัวเลขฮินดูอารบิกแทนภาพจาํ นวนในแตละครั้ง ตวั เลข ตวั เลขฮนิ ดู จาํ นวน ไทย อารบคิ(1)(2)(3)(4)(5)
6ข. จงฝก เขยี นตัวเลขไทยและตวั เลขฮินดอู ารบกิ ลงในสมุด๑๑ ๑๙ ๒๘ ๓๗ ๔๖ ๕๐11 19 28 37 46 50ค. จงเขียนตัวเลขสองหลักท่ีเรยี งลําดับกนั ลงในชอ งวา งทเ่ี วน ไวตัวเลขไทย๑๐ ..... ๑๒ ๑๓ ...... ๑๕ ...... ....... ๑๘ ..... ..... ..... ๒๒ ...... ..... ...... ๒๖๒๗ ...... ...... ๓๐ตวั เลขฮินดูอารบกิ31 32 ..... ....... ....... 36 ...... ...... 39 ...... ....... 42 ...... 44 ...... ....... 47 ...... ....... 50ง. จงเขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ แสดงจาํ นวน(1) สามสิบแปด ................ (2) หกสบิ หา ................ (3) เจ็ดสิบเจด็ ................(4) แปดสบิ เอด็ ................ (5) เกาสบิ หก ................ (6) เกา สิบเกา ................จ. จงเขยี นเปน ตัวหนงั สอื(1) 35 ......................... (2) 53 ......................... (3) 68 .........................(4) 86 ......................... (5) 79 ......................... (6) 97 .........................1.3 จาํ นวนท่ีเขยี นแทนดว ยตวั เลขสามหลกั เชน 238 2 อยใู นหลกั รอย 3 อยูในหลกั สบิ 8 อยใู นหลกั หนว ย 2 3 8 อานวา สองรอยสามสิบแปดตวั เลขหนาสุดหรือทางซายมือสุด คือ ตวั เลขหลกั รอยตัวเลขถัดตัวหนามาทางขวามอื คือ ตัวเลขหลกั สิบตัวเลขสุดทายหรือขวามือสุด คือ ตวั เลขในหลกั หนว ย1.4 จํานวนที่เขียนแทนดวยตวั เลขสี่หลกั เชน 6,385 6 อยูในหลักพัน 3 อยูในหลกั รอ ย 8 อยใู นหลกั สบิ 5 อยใู นหลกั หนว ย 6 , 3 8 5 อา นวา หกพันสามรอ ยแปดสิบหาเพื่อสะดวกในการอาน นิยมเขียนเครื่องหมาย (,) ค่ันระหวางตวั เลขหลกั รอยกบั ตวั เลขหลกั พัน
71.5 จํานวนท่ีเขยี นแทนดว ยตัวเลขหาหลกั หกหลกั เจ็ดหลัก และมากกวาเจด็ หลกั 1) ตวั เลขหาหลกั เชน 76,432 7 อยใู นหลักหม่ืน 6 อยใู นหลกั พนั 4 อยใู นหลกั รอ ย 3 อยใู นหลกั สบิ 2 อยใู นหลกั หนว ย 7 6 , 4 3 2 อา นวา เจ็ดหมื่นหกพนั สร่ี อยสามสบิ สอง 2) ตัวเลขหกหลัก เชน 278,647 2 อยใู นหลกั แสน 7 อยใู นหลกั หมื่น 8 อยูในหลกั พนั 6 อยใู นหลักรอ ย 4 อยูใ นหลกั สบิ 7 อยใู นหลกั หนว ย 2 7 8 , 6 4 7 อานวา สองแสนเจ็ดหมน่ื แปดพนั หกรอยสส่ี บิ เจด็3) ตวั เลขเจด็ หลกั เชน 3,245,618 3 อยูใ นหลกั ลาน 2 อยใู นหลกั แสน 4 อยูในหลกั หมน่ื 5 อยูในหลกั พนั 6 อยใู นหลกั รอ ย 1 อยใู นหลักสบิ 8 อยใู นหลกั หนว ย 3 , 2 4 5 , 6 1 8 อา นวา สามลา นสองแสนสห่ี มน่ื หา พนั หกรอ ยสิบแปด4) ตัวเลขท่มี ากกวา เจ็ดหลกั เชน 15,340,796 อา นวา สิบหาลานสามแสนส่ีหม่นื เจ็ดรอ ยเกา สิบหก 421,674,081 อา นวา ส่รี อยย่ีสบิ เอ็ดลา นหกแสนเจ็ดหมื่นส่ีพนั แปดสบิ เอด็
8 จะเห็นวา จาํ นวนนับทเ่ี ปนตัวเลขมากกวาเจ็ดหลัก ตัวเลขที่อยถู ดั จากหลักลานทางซาย จะเปน ตวั เลขในหลกั สิบลา น รอ ยลาน พันลา น.......ตามลําดับแบบฝกหัดท่ี 3 จงเขียนคําอา นจาํ นวนท่แี ทนดว ยตัวเลขตอ ไปนี้(1) 345 อา นวา ______________________________________________________(2) 8,017 อา นวา ______________________________________________________(3) 20,897 อา นวา ______________________________________________________(4) 302,466 อา นวา ______________________________________________________(5) 1,367,589 อา นวา ______________________________________________________(6) 703,970,500 อา นวา ______________________________________________________
9เรื่องท่ี 2 คา ประจาํ หลักและคาของตัวเลข2.1 คาประจําหลักของตัวเลขที่อยูถัดไปทางซายมือของตัวเลขแตละหลัก จะเพิ่มขึ้นเปนสิบเทาเสมอ และคาของตัวเลขแตละหลกั จะมคี าเทากบั ผลคูณของตวั เลขน้ัน ๆ กับคา ประจําหลักของตวั เลขน้ัน2.2 การอานตัวเลขแทนจํานวน จะอานแทนคาประจําตําแหนง เรียงตามลําดับจากคาประจาํ หลักทม่ี ี คามากที่สุดไปจนถึงคาประจําหลกั ท่ีมีคา นอยทสี่ ุด เชน จาํ นวน รอ ย ลาน แสน หมน่ื พัน รอ ย สิบ หนว ย สบิ หนว ย216,354,789 2 1 6 3 5 4 7 8 9216,354,789 อา นวา สองรอยสบิ หกลา นสามแสนหาหมืน่ ส่พี ันเจด็ รอ ยแปดสิบเกาคาประจําหลักและคาของตัวเลขจํานวนดังกลาว มีดังนี้ หลกั คา ประจาํ หลกั ตวั เลขในแตละหลกั คา ของตัวเลขตามคาประจาํ หลักหนว ย 1 9 9 x 1 = 9 10 8 8 x 10 = 80สิบรอ ย 100 7 7 x 100 = 700พัน 1,000 4 4 x 1,000 = 4,000หมน่ื 10,000 5 5 x 10,000 = 50,000แสน 100,000 3 3 x 100,000 = 300,000ลาน 1,000,000 6 6 x 1,000,000 = 6,000,000สิบลา น 10,000,000 1 1 x 10,000,000 = 10,000,000รอยลา น 100,000,000 2 2 x 100,000,000 = 200,000,000จากตาราง เชน 9 เปนหลกั หนว ย จึงมีคาเปน 9 8 เปน หลกั สบิ จึงมคี า เปน 80 5 เปน หลกั หม่ืน จึงมคี าเปน 50,000 2 เปนหลักรอยลาน จึงมีคา เปน 200,000,000ตัวอยาง 426,739 ตัวเลขท่ีขีดเสนใตอยใู นหลกั ใด และมคี า เทา ไรวิธคี ดิ 426,739 2 อยใู นหลักหม่นื มคี า เปน 2 x 10,000 = 20,000
10แบบฝกหัดที่ 4 จงบอกวา ตัวเลขท่ีอยูใน อยใู นหลักใดและมีคาเทาไร1. 115,116 ______________________________________________________2. 765,908 ______________________________________________________3. 9,235,776 ______________________________________________________4. 12,456,789 ______________________________________________________5. 420,831,546 ______________________________________________________เรอื่ งที่ 3 การเขยี นจํานวนในรูปกระจาย สามารถเขียนจาํ นวนในรูปของการบวกของคาประจําหลัก ดังนี้ ตวั อยาง จงเขียน 9,521,364 ในรูปของการกระจาย วธิ คี ิด 9,521,364 = (9x1,000,000) + (5x100,000) + (2x10,000) (1x1,000) + (3x100) + (6x10)+(4x1) นนั่ คอื 9,521,364 = 9,000,000 + 500,000 + 20,000 + 1,000 + 300 + 60 +4แบบฝก หัดท่ี 5จงเขียนจาํ นวนทีก่ ําหนดใหอยูในรูปของการกระจายลงในสมดุ1. 504,120 3. 19,754,8302 468, 793 4. 562,849,321ขอยกเวน การอา นตัวเลขในชีวิตประจาํ วัน ในชีวิตประจําวัน เราจะเห็นวามีการนําตัวเลขไปใชกับสิ่งตาง ๆ หลายแบบ แตละแบบมีวิธกี ารอา นแตกตา งกนั ไปตามแตห นวยงานทีเ่ กยี่ วของกําหนดไว หรือตามความนิยมของคนสวนใหญ เชน1) การอานตามคาประจําหลัก(1) พุทธศักราช และคริสตศกั ราช เชน พ.ศ. 2552 อานวา พทุ ธศักราชสองพนั หารอยหาสิบสอง ค.ศ. 2009 อา นวา ครสิ ตศ ักราชสองพันเกา(2) บานเลขที่อา นได 2 แบบ คือ 1. อานตามคาประจําหลัก สําหรับตัวเลขหนาเครื่องหมาย / และอานแบบเรียงตัวหลังเครื่องหมาย / 2. อา นแบบเรยี งตัว เชน 377/18 อา นวา บานเลขที่สามรอ ยเจด็ สิบเจ็ดทับหนึง่ แปด หรอื บา นเลขทสี่ ามเจ็ดเจ็ดทบั หน่งึ แปด บานเลขที่ 94/140 อา นวา บานเลขที่เกา สิบส่ที บั หนึ่งส่ีศูนย หรอื บา นเลขที่ เกา สที่ ับหนงึ่ สศ่ี ูนย
11 2) การอานแบบเรียงตัว (1) รหสั ไปรษณยี เชน 10510 อานวา หนึ่งศนู ยห า หนงึ่ ศูนย 10300 อา นวา หนึ่งศนู ยส ามศนู ยศ นู ย (2) ทะเบียนยานพาหนะ เชน ธศ 3041 อา นวา ทอสอสามศนู ยสีห่ นง่ึ หมายเหตุ เพอ่ื ปองกนั ความสบั สน มกั จะอา นช่อื ของพยัญชนะไทยไปดว ย เชน ทอธงสอ สาลา สามศนู ยสีห่ น่ึง (3) หมายเลขโทรศัพท เชน 02 – 571 – 4239 อานวา ศูนยสองหา เจ็ดหนง่ึ ส่โี ทสามเกา 08 – 1480 – 3424 อานวา ศูนยแปดหน่ึงส่แี ปดศนู ยส ามส่โี ทสี่ หมายเหตุ ตวั เลข 2 ในหมายเลขโทรศัพท นิยมอานวา โท เพราะชว ยใหฟ งชัดเจนข้ึน (4) หนงั สือราชการ เชน ท่ี กท 2013.2/27 อานวา ท่ี กอทอสองศูนยหนึ่งสาม จุดสองทับสองเจ็ดเร่ืองท่ี 4 การเรยี งลําดบั จาํ นวน การเรยี งลาํ ดบั จาํ นวน โดยการนาํ จาํ นวนหลาย ๆ จํานวนมาเปรียบเทียบกันทลี ะคู แลว เรียงลาํ ดบั จากจาํ นวนนอยไปหาจาํ นวนมาก หรือจากจาํ นวนมากไปหาจาํ นวนนอ ย วธิ ีการเปรยี บเทียบ ใหดทู ลี ะหลกั วา ตวั เลขในหลกั เดยี วกันจํานวนใดมีคามากกวา แตถามี คา ของหลกั เลขตวั แรกเทา กัน กใ็ หดตู ัวเลขในหลักถัดไป ทาํ เชน นี้ไปจนครบทุกหลัก ตัวอยาง จงเปรียบเทียบวา 39,215 กบั 39,251 จํานวนใดมีคามากกวา แลวเรียงลําดับจากมากไปนอย วิธีคดิ จํานวนทง้ั สอง มคี า ตัวเลขในหลกั หมนื่ หลักพัน และหลักรอยเทา กัน จงึ ใหพ ิจารณาตวั เลข ในหลักถัดไป คือ หลกั สิบ จะเหน็ วา หลกั สบิ ของจํานวน 39,251 คือ 5 มีคาเปน 50 แตห ลกั สบิ ของจาํ นวน 39,215 คอื 1 มีคาเปน 10 ดงั นน้ั 39,251 มีคามากกวา 39,215 จงึ เขียนเรียงลําดับไดดังนี้ 39,251 39,215แบบฝก หดั ที่ 6 จงเรยี งลาํ ดบั จากจาํ นวนนอ ยไปหาจาํ นวนมาก 1. 956,420 965,204 659,024 69,594 69,945 2. 10,050 10,500 1,001,001 110,001 111,100 3. 769,386 1,001,900 972,142 893,013 100,119 4. 2,403,107 2,460,710 2,471,613 2,498,789 999,991
124.1 การเปรียบเทียบจํานวนโดยใชเครื่องหมาย > (มากกวา), < (นอ ยกวา ), = (เทา กบั ), ≠ (ไมเทา กับ)(1) ถาจํานวนที่อยูขางหนามากกวาจํานวนที่อยูขางหลังใหใชเครื่องหมาย > เชน 85 > 58 อา นวา แปดสิบหามากกวาหาสิบแปด 72 > 48 อา นวา เจ็ดสิบสองมากกวาสี่สิบแปด(2) ถาจํานวนที่อยูขางหนานอยกวาจํานวนขางหลังใหใชเครื่องหมาย < เชน 58 < 85 อา นวา หา สบิ แปดนอ ยกวา แปดสบิ หา 48 < 72 อา นวา สี่สิบแปดนอ ยกวาเจ็ดสบิ สอง(3) ถาจํานวนสองจํานวนมีคาเทากันใหใชเครื่องหมาย = เชน 25 + 55 = 80 อา นวา ผลบวกของยี่สบิ หากับหาสบิ หา มคี าเทากับแปดสบิ 120 + 40 = 160 อา นวา ผลบวกของหนึ่งรอยยีส่ บิ กบั สส่ี บิ มคี า เทากบั หนงึ่ รอ ยหกสิบ(4) ถาจํานวนสองจํานวนมีคาไมเทากันใหใชเครื่องหมาย ≠ เชนแบบฝกหดั ที่ 7 1,031 ≠ 1,003 อา นวา หนึ่งพันสามสิบเอ็ดมีคาไมเทากับหนึ่งพันสามจงเปรยี บเทียบจาํ นวนตอไปน้ี โดยเติมเครอื่ งหมาย > < หรอื = ลงในชองวาง (1) 89 98 (2) 1,181 1,811 (3) 1,888 8,881 (4) 355 553 (5) 1,001 1,100 (6) 1,500 1,005 (7) 202 + 28 230 (8) 23,870 23,807 (9) 495 385 + 110 (10) 7,605 7,650เร่ืองท่ี 5 การประมาณคา การบอกขนาด ปรมิ าณ หรือจํานวนสงิ่ ของตา ง ๆ ทเ่ี ก่ียวของกบั ชวี ิตประจาํ วนั บางครั้งไมตองการความละเอียดมาก จึงใชการประมาณคาใกลเคียงสิ่งนั้น ๆ มากที่สุด เพอ่ื การจดจําไดงาย 5.1 การประมาณคาใกลเคียงจํานวนเต็มสิบ110 111 112 113 114 115 116 117 118 119 120 121 122 114 อยูระหวา ง 110 กับ 120 แตอ ยูใกล 110 มากกวา ดังน้นั คา ประมาณใกลเ คียงจํานวนเต็มสิบของ 114 คือ 110 และ 115 อยูกง่ึ กลางระหวา ง 110 และ 120 คาประมาณใกลเคียงจํานวนเต็มสิบของ 115 คอื 120
13 การประมาณคาใกลเคียงจํานวนเต็มสิบของจํานวนใด ๆ ใหพิจารณาตัวเลขในหลักหนวยของ จาํ นวนนน้ั ถาหลักหนวยมคี าตา่ํ กวา 5 ใหประมาณเปนจํานวนเต็มสิบที่มีคานอยกวาและถา หลกั หนว ย มีคาเท5า.ก2ับก5ารหปรรือะหมนาวณยคสางูใกกวลา เ ค5ยี ใงหจําปนรวะนมเาตณม็ เรปอนยจพํานนั วหนมเต่ืน็มสแสิบนที่มีคามากกวา การประมาณคา ใกลเ คียงจาํ นวนเต็มรอ ย พัน หม่ืน แสน กใ็ ชห ลักการเดยี วกนั คือ ใหพิจารณาตวั เลขในหลกั ถดั ไปทต่ี าํ่ กวา - ลองพิจารณาคาประมาณใกลเคียงจํานวนเต็มรอยของ 2,440 และ 2,460 - คาประมาณใกลเคียงจํานวนเต็มรอยของ 2,440 คอื 2,400 - คาประมาณใกลเคียงจํานวนเต็มรอยของ 2,460 คอื 2,500แบบฝก หัดที่ 8 ก. หาคาประมาณใกลเคียงจํานวนเต็มสบิ 1) 54 _____________________________ 6) 718 ______________________________ 2) 129 ____________________________ 7) 895 ______________________________ 3) 381 _____________________________ 8) 919 ______________________________ 4) 562 _____________________________ 9) 1,045 ____________________________ 5) 675 _____________________________ 10) 2,655 ___________________________ ข. หาคาประมาณใกลเคียงจํานวนเต็มรอย 1) 109 _____________________________ 6) 1,049 ______________________________ 2) 182 ____________________________ 7) 2,534 ______________________________ 3) 276 _____________________________ 8) 5,079 ______________________________ 4) 593 _____________________________ 9) 14,306 _____________________________ 5) 626_____________________________ 10) 203,148 ___________________________ ค. หาคาประมาณใกลเคียงจํานวนเต็มแสนของพลเมืองประเทศตาง ๆ 1) ประเทศญี่ปุน 118,519,000 คน _________________________________________ 2) ประเทศฝรั่งเศส 55,239,000 คน ________________________________________ 3) ประเทศอินเดยี 688,600,000 คน ________________________________________ 4) ประเทศจีน 1,004,000,000 คน _________________________________________ 5) ประเทศรัสเซีย 279,900,000,000 คน ____________________________________
14เร่อื งที่ 6 สมบัตขิ องจาํ นวนนบั และศูนย และการนําไปใช ในการแกป ญ หา จาํ นวนนบั คอื จาํ นวนเตม็ บวก ไดแ ก 1, 2, 3, 4, 5, .............. เปนตนไป เรื่อย ๆ จาํ นวนนับท่ีมคี า นอ ยทสี่ ดุ คือ 1 จํานวนนับที่มีคามากที่สุด ไมสามารถบอกคาได เพราะจํานวนนับมีมากมาย ไมสิ้นสุด เราสามารถนับไปไดเรื่อย ๆ สว น 0 เปน ตัวเลข แตไ มใ ชจ ํานวนนบั 6.1 สมบตั ิของหนง่ึ 1) การคูณจาํ นวนใด ๆ ดวยหนง่ึ หรือคณู หนง่ึ ดว ย จาํ นวนใด ๆ จะไดผ ลคณู เทา กบั จาํ นวนนบั เชน 4 × 1=4 หรอื 1 × 4 = 4 2) การหารจํานวนใด ๆ ดว ยหน่งึ จะไดผ ลหารเทา กบั จาํ นวนน้ัน เชน 3÷1=3 หรอื 7 ÷ 1 = 7 6.2 สมบัติของศนู ย 1) การบวกจาํ นวนใด ๆ ดว ยศนู ยห รอื การบวกศนู ยด ว ยจาํ นวนใด ๆ จะไดผ ลบวกเทา กับ จาํ นวนนน้ั เชน 2+0=2 หรอื 0 + 2 = 2 2) การคูณจาํ นวนใด ๆ ดวยศนู ย หรอื การคณู ศนู ยดวยจาํ นวนใด ๆ จะไดผ ลคูณเทา กบั ศนู ย เชน 2×0=0 หรอื 0 × 2 = 0 3) การหารศูนยด ว ยจํานวนใด ๆ ทไ่ี มใชศูนย จะไดผลหารเทากบั ศูนย เชน 0÷6=0 หรอื 0 ÷ 8 = 0 หรอื 0 ÷ 15 = 0 หมายเหตุ ในทางคณิตศาสตร เราไมใช 0 เปน ตัวหาร ดงั นน้ั การหารจาํ นวนใด ๆ ดว ย 0 ไมมีความหมายทางคณิตศาสตร เชน 5 ÷ 0 ไมมีความหมายทางคณิตศาสตร หรอื 36 ÷ 0 ไมมีความหมายทางคณิตศาสตร หรอื 790 ÷ 0 ไมมีความหมายทางคณิตศาสตร
15ตองเปนศูนย 4) ถาผลคณู ของ 2 จํานวนใด ๆ เทากับศนู ย จํานวนใดจาํ นวนหนึ่งอยา งนอ ยหน่งึ จาํ นวน เชน หรอื 4×0=0 หรอื 0×9=0 0×0=0
16เร่ืองที่ 7 การบวก การลบ การคณู การหาร จาํ นวนนับ และการแกป ญ หา1.1 การบวก ความหมายของการบวก การบวก คอื การนาํ จาํ นวนต้ังแต สองจาํ นวนขึ้นไปมารวมกัน จาํ นวนท่ไี ดจากการรวมจํานวนตา ง ๆ เขา ดว ยกัน เรียกวา “ผลรวม” หรอื “ผลบวก” และใชเครื่องหมาย + เปนสญั ลกั ษณแ สดงการบวก รปู แบบของการบวกการบวกตามแนวนอน การบวกตามแนวตั้ง 5+2 = 7 5 + เรียกวา ตวั ตงั้ 2 เรยี กวา ตัวบวก 7 เรยี กวา ผลบวก หลกั หนว ย หลกั สิบ หลกั หนว ย50 + 10 = 60 5 + 0 + 1 0 60 หลักสิบหลกั สบิ หลกั รอย หลกั สิบ หลกั หนว ย หลกั หนว ย 4 0 0 +400 + 250 =650 2 5 0หลกั รอ ย 650การบวกกบั 0 1) จํานวนเลขทเ่ี ปน 0 บวกกับ 0 ไดผ ลบวกเปน 0 2) จาํ นวนเลขใด ๆ บวกกับ 0 จะไดผลบวกเทากับเลขจาํ นวนนั้น เชน 5 + 0 ได 5 หรอื 0 + 5 ได 5การบวกจํานวนสองจํานวนและสามจํานวนที่ไมมีการทด การบวกจาํ นวน 2 จาํ นวน การบวกจาํ นวน 3 จาํ นวน 123 + 543 = 6 6 6 2 , 3 1 2 + 2, 1 1 4 + 5, 3 2 1 = 9 , 7 4 7 123 + 2,3 1 2 54 3 2,1 1 4 + 6 6 6 5,3 2 1 9,7 4 7 การบวกจาํ นวนสองจาํ นวน หรอื สามจาํ นวนทไ่ี มม กี ารทด เปน การนาํ จาํ นวนเลขสองจาํ นวนหรอื สามจาํ นวนมาบวกกัน แลวผลบวกของตวั เลขแตล ะหลักจะมีคา ไมเ กิน 9
17เราสามารถหาผลบวกของการบวกจํานวนเลขตามแนวนอนได โดยมวี ธิ ีทาํ ดังนี้ ตวั อยา ง 423 + 215 มีคาเทาไร วธิ ีทาํ 423 + 215 = 638 ตอบ 638วิธีคิด คอื 4 2 3 215จํานวนที่ หนง่ึ จํานวนที่ สองใหบ วกทลี ะหลัก โดยเรม่ิ จากหลักหนว ยขวามอื สุดของทงั้ 2 จาํ นวน ดงั น้ีหลกั หนว ย เลข 3 ของจํานวนท่ี หนึ่ง บวกกับ เลข 5 ของจํานวนที่ สอง ไดเ ทา กับ 8 ใสลงไปในผลบวกของหลกั หนว ยหลกั สบิ เลข 2 ของจํานวนที่ หน่ึง บวกกับ เลข 1 ของจํานวนที่ สอง ไดเ ทา กับ 3 ใสลงไปในผลบวกของหลกั สบิหลักรอ ย เลข 4 ของจํานวนที่ หนึ่ง บวกกับ เลข 2 ของจํานวนท่ี สอง ไดเ ทากับ 6 ใสลงไปในผลบวกของหลกั รอยผลบวก รวมผลบวกเปน 638การบวกโดยการกระจายจํานวนตามคาประจาํ หลักตัวอยา ง 310 + 423 + 236 มีคาเทาไรวธิ ที าํ 310 + 423 + 236 = (300 + 10 + 0) + (400 + 20 + 3) + (200 + 30 + 6) = (300 + 400 + 200) + (10 + 20 + 30) + (0 + 3 + 6) = 900 + 60 + 9 = 969 ตอบ 969
18แบบฝกหัดที่ 9ก. ใหเติมเครื่องหมาย > , < หรอื = ลงใน (1) 98 80 + 9 (2) 138 + 821 959 (3) 999 + 101 1,101 (4) 11,312 10,000 + 1,213ข. ใหหาผลบวกของจํานวนตอไปนี้ โดยการกระจายตามคาประจําหลัก (1) 62 + 6 (2) 43 + 34 (3) 1,234 + 2,103 (4) 312 + 213 + 101 (5) 2,311 + 3,042 + 506การหาผลบวกของจาํ นวนเลขตามแนวตง้ั มีวิธที ําดังน้ีวธิ ที ี่ 1 โดยการกระจายจํานวนตามคาประจําหลักตวั อยา งท่ี 1 147 + 720 มีคาเทาไรวิธีทาํ 147 + 100 + 40 + 7 + 720 700 + 20 + 0 800 + 60 + 7 = 867 ตอบ 867ตัวอยา งท่ี 2 จงหาผลบวกของ 2,433 กับ 2,114 และ 5,322วิธที ํา 2,433 + 2,000 + 400 + 30 + 3 + จาํ นวนท่ี 1 2,114 2,000 + 100 + 10 + 4 จํานวนที่ 2 5,322 4,000 + 500 + 40 + 7 ผลบวก 5,000 + 300 + 20 + 2 + จาํ นวนท่ี 3 = 9,869 ผลบวก 9,000 + 800 + 60 + 9 ตอบ 9,869
19วธิ ีท่ี 2 โดยใชวิธีลดัตวั อยาง 147 + 720 มีคาเทาไรวิธที าํ 147 + ตงั้ ตัวเลขแตละตวั ใหมหี ลักตรงกนั แลวบวกทลี ะหลกั 720 867 ตอบ 867ตวั อยา ง จงหาผลบวกของ 2,433 กบั 2,114 และ 5,322วธิ ที ํา 2, 4 3 3 + 2, 1 1 4 4, 5 4 7 + 5, 3 2 2 9, 8 6 9 ตอบ 9,869แบบฝก หัดที่ 10 ก. ใหหาผลบวกของจาํ นวนตอไปนี้ โดยวธิ กี ระจายจาํ นวนตามคา ประจาํ หลัก (1) 140 + 123 (2) 210 + 304 + 63 (3) 11,200 + 3,504 + 23,183 (4) 210,250 + 454,104 + 33,141 ข. ใหห าผลบวกโดยใชต ารางหลกั เลขและวิธลี ัด (1) 121 + 47 (2) 132 + 325 (3) 12,100 + 454,104 + 33,141 (4) 1,152,113 + 2,112,421 + 1,320,260
20การบวกจาํ นวนสองจํานวนและสามจํานวนทมี่ ีการทด การบวกจาํ นวน 2 จาํ นวน การบวกจาํ นวน 3 จาํ นวน7,665 + 5,247 = 12,912 22,452 + 76,258 + 50,864 = 149,574 7, 6 6 5 2 2,4 5 2 + 5, 2 4 7 7 6,2 58 + 12, 9 1 2 5 0, 8 64 1 4 9, 5 7 4การบวกจํานวนสองจํานวนและสามจํานวนที่มีการทด มีวิธีทํา และวิธีคิดเชนเดียวกับการบวกที่ไมมที ด แตเม่ือผลบวกของตวั เลขในแตละหลกั ไดตง้ั แต 10 ขึ้นไป จะตองทดเลขตัวหนาขึ้นไปบวกกับตัวเลขในหลักท่ีสูงกวาถดั ไปขา งหนาการหาผลบวกของการบวกจํานวนเลขทม่ี ีการทดตามแนวนอนวิธที ี่ 1 โดยวธิ ลี ัด ตวั อยาง จงหาผลบวกของ 7,665 กบั 5,247 วิธีทาํ 7,665 + 5,247 = 12,912วธิ ีคดิ คือ ตอบ 12,912 7,665 5,247 จาํ นวนที่ หนง่ึ จาํ นวนที่ สองหลกั หนว ย 5 ของจํานวนที่ หนง่ึ บวกกับ 7 ของจํานวนที่ สอง เปน 12 ใหใส 2 ลงไปในผลบวกของหลกั สิบหลักรอ ย หลกั หนว ย สว น 1 ซ่ึงเปน หลักสบิ ใหทดขึน้ ไปไวบวกกับตัวเลขในหลักสิบตอไป โดยการ ทดไวก อ น 6 ของจํานวนที่ หนง่ึ บวกกับ 4 ของจํานวนที่ สอง เปน 10 แลว บวกกบั 1 ทท่ี ดไวเปน 11 ใหใ ส 1 ตวั หลงั ลงไปในผลบวกของหลกั สบิ สว น 1 ตวั หนา ใหท ดขน้ึ ไปไวบ วกกบั ตัวเลข ในหลกั รอ ยตอไป 6 ของจาํ นวนท่ี หนึ่ง บวกกับ 2 ของจํานวนที่ สอง เปน 8 แลว บวกกบั 1 ทท่ี ดไวเปน 9 ใส ลงไปในผลบวกของหลักรอย
21หลกั พนั 7 ของจํานวนที่ หนง่ึ บวกกับ 5 ของจํานวนที่ สอง เปน 12 ใหใส 2 ลงไปในผลบวกของผลบวก หลักพนั และใส 1 ลงไปในผลบวกของหลกั หมืน่ ไดเลย เพราะไมมีเลขตัวหนา ที่จะบวกอกี แลว ดงั นน้ั ผลบวกเปน 12,912วธิ ีท่ี 2 โดยการกระจายจํานวนตามคาประจําหลักตวั อยา ง 7,665 + 5,247 มีคาเทาไรวธิ ที ํา 7,665 + 5,247 = (7,000 + 600 + 60 + 5) + (5,000 + 200 + 40 + 7) = (7,000 + 5,000) + (600 + 200) + (60 + 40) + (5 + 7) = 12,000 + 800 + 100 + 12 = 12,000 + 900 + (10 + 2) = 12,000 + 900 + 10 + 2 = 12,912 ตอบ 12,912การหาผลบวกของจํานวนที่มีการทดตามแนวตั้งวธิ ีท่ี 1 โดยการกระจายจํานวนตามคาประจําหลักตวั อยา ง จงหาผลบวก 627,665 กับ 385,247วธิ ที าํ 6 2 7, 6 6 5 600,000 + 20,000 + 7,000 + 600 + 60 + 5 3 8 5, 2 4 7 300,000 + 80,000 + 5,000 + 200 + 40 + 7 900,000 + 100,000 + 12,000 + 800 + 100 + 12 = 1,000,000 + (10,000 + 2,000) + 900 + (10 + 2) = 1,000,000 + 10,000 + 2,000 + 900 + 10 + 2 = 1,012,912 ตอบ 1,012,912
22วิธีท่ี 2 โดยใชวิธีลดัตวั อยา ง จงหาผลบวกของ 31,562 87,149 และ 60,975วิธีทาํ 3 1 ,5 6 2 8 7 ,1 4 9 + 6 0 ,9 7 5 1 7 9 ,6 8 6 ตอบ 179,686แบบฝกหดั ท่ี 11ก. ใหนักศึกษาหาผลบวกของจํานวนตอไปนี้ โดยการกระจายจํานวนตามคาประจาํ หลักตามแนวนอน(1) 54,623 + 93,545 (2) 871,496 + 247,308ข. ใหน ักศกึ ษาหาผลบวกของจํานวนตอ ไปนี้ โดยใชตารางหลักเลข และวิธีลดั ตามแนวต้งั(1) 3,486,801 + 1,670,528 (2) 584, 169 + 958,782 + 321,456โจทยป ญหาการบวกตัวอยา ง สวนแรกเกบ็ มะพรา วได 2,355 ผล สวนทสี่ องเกบ็ ได 4,020 ผล สวนท่สี ามเก็บได3,700 ผล รวมเกบ็ มะพราวไดกผ่ี ล ประโยคสัญลกั ษณ คือ 2,355 + 4,020 + 3,700 = วิธีที่ 1 สวนแรกเกบ็ มะพรา วได 2,355 ผล สวนทส่ี องเกบ็ ได 4,020 ผล สวนที่สามเก็บได 3,700 ผล รวมเก็บมะพรา วได 2,355 + 4,020 + 3,700 = 10,075 ผล ตอบ 10,075 ผลวธิ ีท่ี 2 สวนแรกเกบ็ มะพรา วได 2,355 ผล สวนทส่ี องเกบ็ ได 4,020 + ผล สวนที่สามเก็บได 3,700 ผล รวมเก็บมะพรา วได 10,075 ผล ตอบ 10,075 ผล
23 การทําโจทยเกี่ยวกับการบวก มีวิธีการบวกเชนเดียวกับการบวกจํานวนเลขธรรมดา แลวแตจะเลอื กทาํ วธิ ีใด แตท ่นี ยิ มมกั ทาํ 2 วธิ ขี างบน โดยเฉพาะ วิธีท่ี 2 เหมาะสําหรับโจทยที่มีตัวเลขมาก ๆจะทําใหการบวกตัวเลขงายและถูกตองมากขึ้นแบบฝก หัดท่ี 12ใหแ สดงวธิ ที าํ(1) ในตําบลหนง่ึ มีคนแก 1,323 คน คนวัยทํางาน 9,705 คน เดก็ 4,320 คน รวมมีประชากรทั้งหมดกี่คน(2) นายชาลีขายขาวครั้งที่หนึ่งไดเงิน 18,257 บาท ครั้งสองที่ขายได 16,540 บาท ครั้งที่สามขายได 13,050 บาท นายชาลีขายขาวรวมสามครั้งไดเงินทั้งหมดเทาไร(3) สถานสงเคราะหเ ดก็ แหง หนง่ึ ไดร ับบริจาคเงินจากผูมีจิตศรัทธา ครง้ั ท่หี นง่ึ ไดเ งนิ 351,279 บาท ครง้ั ทส่ี องไดเงิน 131,217 บาท รวมไดรับเงินบริจาคทั้งหมดเทาไร(4) ถานายปองซื้อตูเยน็ ผอนสงเดอื นละ 2,500 บาท ซื้อโทรทศั นผอนสง เดือนละ 3,500 บาท และ ซอื้ หมอหุงขา วไฟฟา ผอนสงอีกเดือนละ 500 บาท นายปองจะตองผอนสงเงินใหรานคาทั้งหมด เดอื นละเทา ไรสมบตั ิการสลบั ที่ของการบวกตวั อยา งที่ 1 403 + 326 = 729 326 + 403 = 729 ดังน้นั 403 + 326 = 326 + 403ตัวอยางท่ี 2 2 3 4 + 641 + 6 4 1 234 875 875จํานวนสองจาํ นวนทน่ี ํามาบวกกนั สามารถสลับทก่ี นั ได โดยที่ผลบวกยังคงเทา เดมิ ดงั เชน12 + 36 = 36 + 12เราเรียกคุณสมบัตขิ อน้ีวา “สมบตั ิการสลับท่ีของการบวก”
24สมบตั กิ ารเปลยี่ นหมู สมบัตกิ ารเปลย่ี นหมูของการบวก 3 + 5+ 2 = (3 + 5) + 2 3 + 5 + 2 = 3 + (5 + 2) = 8 +2 = 3+7 = 10 = 10 ดงั นนั้ (3 + 5 ) + 2 = 3 + (5 + 2)121 + 122 + 321 = (121 + 122) + 321 121 + 122 + 321 = 121 + (122+321) = 243 + 321 = 121 + 443 = 564 = 564 ดงั น้นั (121 + 122) + 321 = 121 + (122 + 321) ในการบวกจาํ นวนสามจาํ นวน ตอ งบวกทลี ะสองจาํ นวนกอน โดยจะบวกสองจาํ นวนใดกอ นกไ็ ดแลวจึงไปบวกกบั จํานวนท่ีเหลอื ผลบวกจะเทา กนั เราเรยี กสมบัตขิ อ นว้ี า “สมบตั กิ ารเปล่ยี นหมูของการบวก” และนิยมใสเครื่องหมายวงเล็บ ( ) คน่ั จํานวนสองจาํ นวนที่จะบวกกอ น เราสามารถแสดงคุณสมบัติการเปลี่ยนหมูของการบวกได ดงั น้ีตวั อยา ง 41 + 12 + 34 = (41 + 12) + 34วธิ ที ี่ 1 41 + 12 + 34 = 53 + 34วธิ ที ี่ 2 = 87 = 41 + (12 + 34) = 41 + 46 = 87 โดยทั่วไปนิยมนําสมบัติการเปลี่ยนหมูของการบวก ไปใชบวกจํานวนสองจํานวนที่นอยกอ นแลวจึงไปบวกกับจาํ นวนที่มาก เชน วิธที ่ี 2 หรอื ถา มีสองจาํ นวนใดทบ่ี วกกนั แลว ไดผ ลบวกลงทา ยดว ย0 กจ็ ะบวกสองจาํ นวนนน้ั กอ น แลว จงึ บวกดว ยจาํ นวนท่ีเหลอื จะชวยใหค ิดเลขงายข้ึน
257.2 การลบความหมายของการลบการลบ คอื การนาํ จํานวนหนงึ่ หกั ออกจากอกี จาํ นวนหน่ึง หรือเปนการเปรียบเทยี บจาํ นวนสองจาํ นวนซงึ่ จาํ นวนทเี่ หลอื หรอื จํานวนที่เปน ผลตา งของสองจํานวนน้เี รียกวา “ผลลบ” และใชเครื่องหมาย – เปนสญั ลักษณแ สดงการลบรปู แบบของการลบ การลบตามแนวนอน การลบตามแนวตั้ง 7- 2 = 5 7 – ตัวต้ัง 2 ตวั ลบตัวตั้ง ตัวลบ ผลลบ 5 ผลลบ405 - 200 = 205 รอย สิบ หนว ย 40 5 – 20 0 20 51. การลบ มี 2 รปู แบบ เชนเดยี วกบั การบวก คอื การลบตามแนวนอน และการลบตามแนวตง้ั แตล ะ รูปแบบจะมีวธิ ีคิดและวิธีลบเหมอื นการบวก คือ ตอ งลบกันทลี ะหลกั โดยเริม่ จากหลักหนวยกอ น แลวจึงลบหลักถัดไปขางหนาตามลําดับ2. การลบกับ 0 2.1 จาํ นวนเลขที่เปน 0 ลบกับ 0 ไดผ ลลบเปน 0 2.2 จาํ นวนใด ๆ ทีม่ ีตวั ลบเปน 0 จะไดผ ลลบเทา กับเลขจาํ นวนนนั้ เชน 5 – 0 = 5 การลบที่ไมมีการกระจายขามหลัก การลบทไ่ี มมีการกระจายขา มหลกั เปนการลบกันของจํานวน สองจํานวน ซึง่ ตัวเลขในแตละหลกั ของตัวลบไมเกินตัวตง้ั ซึ่งอยใู นหลักเดียวกนั เราสามารถแสดงวธิ ีการลบท่ีไมม ีการกระจายขา มหลกั ได ดงั นี้วธิ ที ี่ 1 โดยวิธีลัดตัวอยา ง 465 หกั ออกเสยี 214 จะเหลอื เทา ไรวิธที ํา ประโยคสัญลักษณ คอื 465 – 214 = 465 - 214 = 251 ตอบ 251
26วิธีคดิ ข้นั ท่ี 1 ลบหลักหนวยกอ น คอื 5 หกั ออกเสยี 4 เหลอื 1ขน้ั ที่ 2 ลบหลักสิบ คอื 6 หักออกเสีย 1 เหลอื 5ข้ันท่ี 3 ลบหลักรอย คอื 4 หักออกเสีย 2 เหลอื 2ดังนัน้ ผลลบ คอื 251วิธีที่ 2 โดยการกระจายจํานวนตามคา ประจาํ หลกั ตัวอยาง มาลัยมีเงิน 255 บาท ใชไป 120 บาท มาลัยเหลือเงินเทาไร ประโยคสัญลักษณ คือ 255 – 120 = วธิ ีทํา มาลัยมีเงิน 255 บาท ใชไป 120 บาท มาลัยเหลือเงิน 255 – 120 = (200 + 50 + 5) – (100 + 20 + 0) = (200 – 100) + (50 – 20) + (5 – 0) = 100 + 30 + 5 = 135 บาทวิธีคดิ ตอบ 135 บาทขัน้ ที่ 1 กระจายตัวตง้ั และตัวลบตามคาประจาํ หลัก โดยใสวงเล็บไวแ ละมีเครอื่ งหมาย – คน่ั ระหวา ง 2 วงเลบ็ขั้นที่ 2 จับคูใ หมโดยเอาคาประจําหลักทอี่ ยูใ นหลักเดยี วกัน ใสไ วใ นวงเลบ็ เดียวกัน และมีเคร่ืองหมาย – คั่นกลาง สวนนอกวงเล็บใสเครื่องหมาย + คน่ั (ดูบรรทดั ท่ี 2)ข้นั ที่ 3 เอาจํานวนในแตละวงเลบ็ ลบกัน ไดเทาไร ใสเคร่อื งหมาย + คน่ั แตล ะจาํ นวน (ดูบรรทัดท่ี 3)ขั้นท่ี 4 จะเหน็ วา บรรทัดท่ี 3 ที่เหลือแตล ะจาํ นวน คือ คา ประจําหลกั จงึ มาบวกกันใหเ ปนจาํ นวน เดียวกัน คือ 135 (ดูบรรทัดท่ี 4)การลบจาํ นวนสองจาํ นวนตามแนวตง้ั ท่ไี มม กี ารกระจายขามหลกั การลบจํานวนสองจํานวนตามแนวตั้งน้ี ตัวต้ังตองอยขู า งบนตวั ลบเสมอ และตวั เลขแตล ะหลกั ตอ งตรงกนั ดวย เราสามารถหาผลลบไดดังนี้วิธที ี่ 1 โดยการกระจายจํานวนตามคา ประจาํ หลักตวั อยา ง 756 – 302 = วธิ ที ํา 756 – 700 + 50 + 6 – 302 300 + 0 + 2 ตอบ 454 400 + 50 + 4 = 454
27วธิ ีท่ี 2 โดยวธิ ีลดั เนอื่ งจากวิธลี ัดนี้ มีแนวคิดและวิธีการทํามาจากการใชตารางหลักเลข ดังนั้นจะแสดงขั้นตอนการทาํ ใหดูดงั น้ีตัวอยา ง จงหาผลลบของ 578 กับ 453วิธีทาํ ประโยคสัญลักษณ คอื 578 - 453 = 5 7 8 – 4 5 3 125 ตอบ 125 การลบทมี่ กี ารกระจายขา มหลกั การลบที่มีการกระจายขามหลกั ใชเ มอ่ื ตวั เลขในแตละหลกั ของตวั ต้งั นอ ยกวา ตวั ลบ ซึ่งอยูในหลักเดยี วกนั จึงตอ งมีการกระจายตัวตัง้ ขา มหลัก โดยกระจายตัวตั้งในหลกั ทีส่ งู กวา ซ่ึงอยถู ดั ไปขา งหนาหนง่ึ หลกั มารวมกับตัวต้งั ตวั ท่ีนอยกวาน้ี แลว จึงนําตวั ลบมาหกั ออก ซ่ึงเราสามารถแสดงวธิ กี ารลบท่มี ีการกระจายหลักไดดงั น้ี การลบจํานวนสองจาํ นวนตามแนวนอนที่มกี ารกระจายขามหลัก การลบตามแนวนอนนี้ เรานิยมใชวิธีลัดมากกวาการกระจายจํานวนตามคาประจําหลักเพราะดูไมซับซอ น ดงั น้นั จะแสดงวธิ ลี ดั อยา งเดียวดังนี้ตวั อยา ง 56 – 38 = วิธีทาํ 56 – 38 = 18 ตอบ 18วิธคี ดิ 56 – 50 + 6 – 38 30 + 8 ใชวิธีคิดแบบการกระจายจํานวนตามคาประจําหลักตามแนวตั้ง จะเห็นวา ตัวตั้งคือ 6 นอ ยกวา ตัวลบคอื 8 ดังนั้นตองกระจายจากหลักสิบมา 1 สิบ หรอื 10 มารวมกนั 6 เปน 16 แลว จงึ นาํ 8 มาหกั ออก ดังน้ี 50 + 6 – 40 + 16 – 30 + 8 30 + 8 10 + 8 = 18
28 สว นการลบของจาํ นวนท่มี เี ลขหลายหลักกใ็ ชวธิ ีคิดเดยี วกบั ตวั อยางน้ี คือ ถาตวั ต้งั ในหลกั สิบนอยกวาตวั ลบในหลกั สิบ ก็ใหก ระจายตวั ตั้งในหลักรอยมารวมกับตัวตงั้ ในหลกั สิบแลวจงึ นําตัวลบมาหักออก ถาตัวต้งัในหลกั รอ ยนอยกวา ตวั ลบในหลกั รอ ย ก็กระจายตัวตั้งในหลักพันมารวมแลว จงึ นําตัวลบมาหกั ออก ทาํ เชนน้ีเร่ือยไปจนกวา จะหมดวิธีที่ 1 โดยการกระจายจํานวนตามคาประจําหลักตวั อยาง 724 - 467 = วธิ ีทาํ 724 – 700 + 20 + 4 – 600 + 110 + 14 – 467 400 + 60 + 7 400 + 60 + 7 ตอบ 257 200 + 50 + 7 = 257วธิ ีคดิ 724 – 700 + 20 + 4 467 400 + 60 + 7 เนอื่ งจากหลักหนว ยตวั ตั้งคอื 4 นอ ยกวา ตวั ลบคือ 7 จงึ ตองกระจายจากหลักสิบมา 1 สบิ หรอื 10รวมกนั เปน 14 ดงั น้ี 700 + 20 + 4 – 700 + 10 + 14 – 400 + 60 + 7 400 + 60 + 7 สําหรับหลกั สบิ ตัวต้งั ถูกกระจายไปเสีย 10 เหลอื อกี 10 ซึ่งนอยกวาตวั ลบ คือ 60 จงึ ตองกระจายจากหลักรอยมา 1 รอย หรอื 100 รวมเปน 110 แลวจงึ ลบกนั ดงั น้ี 700 + 10 + 14 – 600 + 110 + 14 – 400 + 60 + 7 400 + 60 + 7 200 + 50 + 7 = 257 ในทํานองเดยี วกนั การลบของจํานวนที่มีเลขเกนิ รอยขน้ึ ไป การกระจายจากหลักอน่ื ๆ กใ็ ชวิธเี ดยี วกนักบั การกระจายจากหลักรอยมาหลักสิบ หรือจากหลกั สบิ มาหลกั หนวยวธิ ที ่ี 2 โดยวิธีลัดตวั อยาง จงหาผลลบของ 7,151 – 6,249วธิ ีทาํ 6 117 4 11 7 15 1 – 6 24 9แบบฝก หดั ที่ 15 ตอบ 902 9 0 2 จงสังเกตผลลบของตัวเลขตัวหนาสุดที่เปน 0
29แบบฝกหัดท่ี 13จงหาผลลพั ธของจํานวนเลขตอไปนี้(1) 900 - 400 (2) 888 - 727 (3) 15,280 - 10,270(4) 63 – (5) 6,248 – (6) 27,648 – 25 41 9,806(7) 3,000 + 500 + 40 + 5 – (8) 50,000 + 4,000 + 500 + 60 – 1,000 + 400 + 30 + 2 20,000 + 3,000 + 300 + 30ความสมั พันธระหวางการบวกและการลบ การลบ การบวกตัวตง้ั – ตวั ลบ = ผลลบ ผลลบ + ตวั ลบ = ตัวต้งั7– 2 = 5 5+ 2 =7 เนอ่ื งจากการลบ คอื การนําจํานวนหนงึ่ ออกจากอีกจาํ นวนหน่งึ จึงเปนการกระทาํ ทก่ี ลับกนั กบั การบวก หรือตรงขามกับการบวก กลาวคือ การบวกเปนการนําจํานวนสองจํานวนมารวมกัน ผลบวกจะมีคามากขึ้น แตการลบเปนการนําจํานวนสองจํานวนมาหักออกจากกัน ผลลบจะมีคานอยลง ดังตัวอยางขางบน จะเหน็ วา ตัวตัง้ + ตัวลบ = ผลลบ ในทางกลับกัน ผลลบ – ตัวลบ = ตวั ตงั้ ดังนั้น จากความสัมพันธระหวางการบวกและลบนี้ เราสามารถนําไปใชตรวจสอบผลลบวาถูกตองหรอื ไมโดยวธิ กี ารบวกดงั น้ีตวั อยาง จงหาผลลบแลว ตรวจคาํ ตอบ ตรวจคําตอบ ตรวจคาํ ตอบ 465 251 485 271 214 – 214 + 214 – 214 + 251 465 271 485 251 เปนคําตอบท่ีถกู ตอง 271 เปนคําตอบท่ีถูกตอง
30 การบวกลบระคน นอกจากความสัมพันธดังกลาวขางตนแลว บางคร้งั โจทยอาจกําหนดประโยค สัญลกั ษณทมี่ ีทั้งการบวกและลบจาํ นวนเลขตา ง ๆ ในขอ เดยี วกันมาใหท าํ ในวงเลบ็ กอ นตวั อยา ง (3,237,596 + 242,456) – 366,530 = วธิ ีทํา 3 , 2 3 7, 5 9 6 + 2 4 2, 4 5 6 3 , 4 8 0, 0 5 2 – 3 6 6, 5 3 0 3 , 1 1 3, 5 2 2 ตอบ 3,113,522วิธคี ิด เนือ่ งจากจํานวนหนา สดุ ทีก่ าํ หนดใหน ้ีเปนจํานวนเลขทม่ี ีคา มากท่ีสดุ เราจึงสามารถเลือกทําไดส องวธิ ีโดยจะนาํ จาํ นวนทส่ี องบวกกอ นแลว จงึ ลบดวยจาํ นวนทส่ี าม ดงั วิธีที่ 1 กไ็ ด หรือจะนําจํานวนที่สามไปลบกอนแลวจงึ บวกดวยจํานวนทส่ี อง ดงั วิธีที่ 2 กไ็ ด แตถ า จาํ นวนหนา และจาํ นวนทส่ี องซง่ึ เปนตวั บวกนอยกวา ตวั ลบเราจะนําตวั ลบกอนไมไดจะตอ งทําตามวธิ ที ่ี 1 เพยี งวิธเี ดียว การบวกลบระคนนี้ยังอาจมีโจทยปญหาที่เปนเรื่องที่เก่ียวของกับชวี ิตประจาํ วนั ของเราทัง้ ในแงบ วกและลบพรอม ๆ กันดวย ซง่ึ จะกลาวถงึ ในเรื่องตอไป
31โจทยป ญหาโจทยปญ หาการลบ เปนเร่ืองทีเ่ ก่ียวของกบั ชีวิตประจําวันเชน เดยี วกบั การบวกตัวอยางท่ี 1 แมคาขายสมโอได 350 ผล ขายมังคุดได 270 ผล แมคาขายสมโอมากกวามังคุดกี่ผลประโยคสัญลกั ษณ คอื 350 – 270 = วธิ ที าํ แมคาขายสมโอได 350 ผลขายมังคุดได 270 – ผลแมคาขายสม โอมากกวามังคุด 80 ผลตอบ 80 ผลตวั อยา งท่ี 2 เดือนที่แลวสมชายมีเงิน 3,456 บาท เดือนน้ีหาไดอ กี 2,009 บาท แลว นาํ เงินไปซ้ือตเู ส้อื ผาราคา 1,750 บาท เขาจะเหลือเงินเทาไรประโยคสัญลกั ษณ คือ (3,456 + 2,009) – 1,750 = วิธีทาํ เดอื นทีแ่ ลว มีเงนิ 3,456 บาทเดอื นนห้ี าไดอกี 2,009 + บาทรวมมีเงิน 5,465 – บาทซื้อตเู ส้ือผา ราคา 1,750 บาทเขาจะเหลอื เงนิ 3,715 บาทตอบ 3,715 บาทวิธีคดิ สาํ หรับตวั อยา งที่ 2 ในข้ันตอนแรกนาํ มาบวกกนั เพราะตอ งรกู อ นวา สมชายหาเงนิ ได2 เดอื นรวมกันไดเ ทา ไรกอ น สว นในขน้ั ตอนท่ี 2 ตองนําไปลบออกจากเงินทั้งหมด เพราะเขาซื้อตเู ส้อื ผากต็ องใหเงินพอ คา ไป เงินจะเหลือนอยลง จงึ ตอ งลบออก
32การคูณ ความหมายของการคูณ การคณู คือ การบวกจํานวนท่ีเทา ๆ กัน หรือเปนการนับเพ่มิ จาํ นวนคร้งั ละเทา ๆ กนั และสามารถแสดงไดโ ดยการคณู จาํ นวนเพยี ง 2 จํานวน คอื จาํ นวนทีเ่ ทากนั กบั จํานวนคร้ังทีบ่ วกกัน จํานวนท่ีไดจ ากการคูณ 2 จาํ นวนเขา ดว ยกนั เรยี กวา “ผลคณู ” และใชเครื่องหมาย × เปนสัญลกั ษณแสดงการคณู ใชเ ขยี นอยูระหวางตัวเลข 2 จํานวนท่นี าํ มาคูณกนั การคูณจึงเปนวิธีลัดของการบวก และประโยคที่แสดงการคูณทางขวามือนั้น เรียกวา ประโยคสัญลักษณของการคณู เชน 2 × 9 = 18 เปน ประโยคสญั ลกั ษณของการคณู อา นวา 2 คณู ดว ย 9 เทากับ 18 2 เรียกวา ตัวตงั้ 9 เรียกวา ตวั คูณ 18 เรียกวา ผลคณู ดงั น้นั ตวั ตัง้ × ตวั คูณ = ผลคณู เนื่องจากการคูณเปนวธิ ีลัดของการบวก จึงไดม ีการนํามาสรางเปน ตารางการคูณ หรอื ทเี่ รยี กวาสตู รคณู เพ่ือชวยใหบ วกจาํ นวนเลขทเ่ี ทา ๆ กัน ไดรวดเร็ว และสะดวกขึ้น และนยิ มทองจํากนั เชนสูตรคูณคูณกบั 2 คูณกบั 3 คณู กบั 4 คณู กับ 5 คูณกับ 62×1 = 2 3×1 = 3 4×1 = 4 5×1 = 5 6×1 = 62 × 2 = 4 3 × 2 = 6 4 × 2 = 8 5 × 2 = 10 6 × 2 = 122 × 3 = 6 3 × 3 = 9 4 × 3 = 12 5 × 3 = 15 6 × 3 = 182 × 4 = 8 3 × 4 = 12 4 × 4 = 16 5 × 4 = 20 6 × 4 = 242 × 5 = 10 3 × 5 = 15 4 × 5 = 20 5 × 5 = 25 6 × 5 = 302 × 6 = 12 3 × 6 = 18 4 × 6 = 24 5 × 6 = 30 6 × 6 = 362 × 7 = 14 3 × 7 = 21 4 × 7 = 28 5 × 7 = 35 6 × 7 = 422 × 8 = 16 3 × 8 = 24 4 × 8 = 32 5 × 8 = 40 6 × 8 = 482 × 9 = 18 3 × 9 = 27 4 × 9 = 36 5 × 9 = 45 6 × 9 = 542 × 10 = 20 3 × 10 = 30 4 × 10 = 40 5 × 10 = 50 6 × 10 = 602 × 11 = 22 3 × 11 = 33 4 × 11 = 44 5 × 11 = 55 6 × 11 = 662 × 12 = 24 3 × 12 = 36 4 × 12 = 48 5 × 12 = 60 6 × 12 = 72
33จาํ นวนทค่ี ณู กบั 00 คอื 0 × 1 = 00 + 0 คอื 0 × 2 = 00+0+0 คอื 0 × 3 = 00+0+0+0 คอื 0 × 4 = 0ดงั นั้น ทุกจาํ นวนที่คณู กบั 0 จะมผี ลคณู เทากบั 0จากตารางการคูณทั้งหมดที่กลาวมานั้น สามารถรวมเปนตารางการคูณแบบสั้น ๆ เพื่อชวยใหค นท่ีทอ งจาํ ไมไดไ วใชหาผลคณู ดงั นี้ตารางการคูณ1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 121 2 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 122 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 22 243 3 6 9 12 15 18 21 24 27 30 33 364 4 8 12 16 20 24 28 32 36 40 44 485 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 55 606 6 12 18 24 30 36 42 48 54 60 66 727 7 14 21 28 35 42 49 56 63 70 77 848 8 16 24 32 40 48 56 64 72 80 88 969 9 18 27 36 45 54 63 72 81 90 99 10810 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100 110 12011 11 22 33 44 55 66 77 88 99 110 121 13212 12 24 36 48 60 72 84 96 108 120 132 144วิธใี ชต ารางการคณู มีวธิ ใี ชด ังน้ี1. ตารางแถวบน นับจากซายไปขวา (แถวนอน) เปนตัวตงั้2. ตารางแถวซา ยหนา สดุ นบั จากบนลงลาง (แถวตง้ั ) เปนตวั คูณ3. การดูผลคูณวาจะไดเทาไร ใหนับจากตัวตั้งแถวบนลงมา และนับจากตัวคูณทางซายไปขวาตัดกันที่ตารางไหน จํานวนเลขในตารางนั้นเปนผลคณู ทต่ี องการ เชนตองการหารผลคูณของ 6 × 8 ก็ใหนับจากตารางที่ 6 แถวบนไลลงมา และนับจากตารางที่ 8 ทางซายไปทางขวา จะพบวามันไปตัดกันที่ตาราง ซึ่งมีจํานวนเลขเปน 48 ดงั น้ัน ผลคณู ของ 6 × 8 กค็ อื 48ในทาํ นองเดยี วกัน ถาจะหาผลคณู ของจาํ นวนเลขอื่น ๆ กใ็ หท ําเหมอื นตัวอยางขางบน เชน3 × 7 = 21, 9 × 4 = 36
34แบบฝกหัดท่ี 14ใหเตมิ ผลคณู ลงในตารางการคณู ตอ ไปน้ี(1)× 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 1244 20 40(2) × 9 10 11 12×3 4 5 6 7 6 54 66 1345 67 7 70 84 2 8 12 8 72 88 3 9 15 21 4 16 24 9 90 108 5 15 25 35 10 90 110รปู แบบของการคณู การคูณตามแนวต้ัง การคูณตามแนวนอน 7 × ตัวตั้ง 7 × 5 = 35 5 ตวั คณู 86 × 4 = (80 + 6) × 4 35 ผลคณู = (80 × 4) + (6 × 4) = 320 + 24 86 × = 344 4 344การหาผลคูณระหวางจํานวนที่ไมเกนิ 3 หลกั มหี ลายลกั ษณะ ดังนี้ เม่อื ตวั คูณเปน ตวั เลขหลกั เดียว เปนการคูณของจํานวน 2 จาํ นวน ซง่ึ ตัวต้ังอาจเปนตวั เลขหลักเดียวสองหลัก หรือสามหลักกไ็ ด แตต ัวคูณเปนจํานวนหลักเดยี ว และเราสามารถหาผลคณู ได ดังน้ีวิธีที่ 1 โดยวธิ คี ูณอยางงาย วิธนี ้ีเหมาะสาํ หรบั ตวั ต้ังท่ีเปนตวั เลขหลักเดียว เราสามารถหาผลคณู ไดโดยการเปด ตารางการคูณ หรือทองสูตรคูณแลวตอบไดทันที
35 ตัวอยาง 7 × 5 = วธิ ที ํา การคูณตามแนวตัง้ การคณู ตามแนวนอนวธิ ีทํา 7 × 5 = 35 7 × ตอบ 35 5 35 ตอบ 35 จงสังเกตการณคูณตามแนวนอนเปนการคูณในรูปประโยคสัญลักษณวธิ ที ่ี 2 โดยวธิ กี ระจายจาํ นวนตามคาประจําหลัก วิธีนใ้ี ชก บั ตัวตง้ั ทเ่ี ปนตวั เลขต้ังแต 2 หลักขึน้ ไป ตัวอยาง จงหาผลคูณของ 37 กับ 4 การคูณตามแนวนอน การคณู ตามแนวตั้งวิธที าํ 37 × 4 = (30 + 7) × 4 วธิ ที าํ = (30 × 4) + (7 × 4) 37 × 30 + 7 × = 120 + 28 4 4 = 148 ตอบ 148 120 + 28 = 148 ตอบ 148ตัวอยา ง การคูณตามแนวนอน การคณู ตามแนวตัง้วธิ ีทํา วิธที ํา 578 × 6 = (500 + 70 + 8) × 6 = (500 × 6) + (70 × 6) + (8 × 6) 578 × 500 + 70 + 8 × = 3,000 + 420 + 48 4 6 = 3,468 3,000 + 420 + 48 = 3,468 ตอบ 3,468 ตอบ 3,468
36วธิ ที ่ี 3 โดยวิธลี ดั โดยท่วั ไปนิยมใชวธิ ีนก้ี ับการคณู ตัวตัง้ ทีเ่ ปนจาํ นวนเลขต้ังแต 2 หลักข้ึนไปมากกวา วิธที ่ี 2 ตวั อยาง จงหาผลคูณของ 45 กบั 9 การคณู ตามแนวนอน วธิ ีทํา การคณู ตามแนวตัง้วธิ ที าํ 45 × 9 = 405 ตอบ 405 45 × 9 405 ตอบ 405แนวคดิ คอื คณู ทลี ะหลกั โดยเรม่ิ จากหลักหนว ย ดงั น้ีหลกั หนว ย 5 × 9 = 45 ใส 5 ลงในหลกั หนว ย สว น 4 ซง่ึ เปน หลักสบิ ใหท ดขึน้ ไปไว บวกกบั ตวั เลขในหลกั สบิ ตอไปหลกั สิบ 4 × 9 = 36 แลว บวกอกี 4 ทท่ี ดไวรวมเปน 40 ใหใ ส 0 ลงในหลักสิบ และ 4 ลงในหลักรอ ยไดเ ลย เพราะไมมเี ลขตวั หนาที่ตองคูณอีกผลคูณ ดงั นน้ั ผลคูณเปน 405ตวั อยา ง จงหาผลคูณของ 578 กบั 6 การคูณตามแนวนอน วธิ ีทาํ การคณู ตามแนวตง้ัวิธที ํา 578 × 6 = 3,468 ตอบ 3,468 578 × 6 3,468 ตอบ 3,468แนวคดิ สาํ หรบั ตัวอยา งที่ 2 น้ีจะมวี ธิ คี ดิ เชนเดียวกบั ตวั อยา งท่ี 1 เพียงแตค ูณหลกั รอยเพ่ิมอกี 1 ตวั ดงั น้ีหลกั หนว ย 8 × 6 = 48 ใส 8 ลงในหลกั หนว ย สว น 4 ซึ่งเปนหลกั สบิ ใหทดขึ้นไปไว บวกกับตวั เลขในหลักสบิ ตอ ไปหลกั สบิ 7 × 6 = 42 บวกอีก 4 ทท่ี ดไวรวมเปน 46 ใหใส 6 ลงในหลกั สบิ สว น 4 ตวั หนา ใหท ดข้นึ ไปไวบ วกกับตัวเลขในหลกั รอ ยตอไปหลกั รอย 5 × 6 = 30 บวกอีก 4 ทท่ี ดไวรวมเปน 34 ใหใ ส 4 ลงในหลกั รอ ยและ 3 ลงในหลกั พันไดเ ลย เพราะไมม เี ลขตวั หนา ที่จะตอ งคูณอีกผลคณู ดังนน้ั ผลคูณเปน 3,468
37แบบฝกหดั ท่ี 15ก. ใหผูเรียนหาจํานวนที่ทําใหประโยคเปนจรงิ(1) 5 × 37 = 5 × (30 + )(2) 65 × 3 = (60 × 3) + (5 × )(3) 47 × 8 = ( +)×8(4) 123 × 7 = ( + 20 + ) × 7(5) (300 + 40 + 6) × 9 = (300 × 9) + ( × 9) + (6 × )ข. ใหผเู รยี นหาผลคณู ตอไปน้โี ดยวธิ ลี ัด(1) 28 × 3 (2) 78 × 4 (3) 64 × 7(4) 90 × 8 (5) 328 × 8เมอ่ื ตัวคณู เปนตวั เลขสองหลัก เปนการคูณของจํานวน ซง่ึ ตวั ตงั้ อาจเปนตัวเลขหลกั เดียว สองหลกัหรอื สามหลัก แตตวั คณู เปนตัวเลขสองหลกั วธิ คี ณู ใหนําตัวคูณไปคูณตวั ต้ังทีละตวั โดยเร่มิ จากหลักหนวยกอน แลวนําผลคณู ของตัวคูณแตละตวั มาบวกกัน ก็จะไดผลคณู ทงั้ หมดเราสามารถหาผลคณู ไดหลายวธิ ี วิธีทน่ี ยิ มใชกัน ไดแ กวิธที ี่ 1 โดยวธิ ลี ดัวธิ นี ี้นิยมใชค ณู ตวั เลขตามแนวตั้ง ไมนยิ มคูณตามแนวนอน เพราะการคูณตามแนวต้ังจะตรวจสอบตวั เลขไดง า ย เห็นชดั เจนกวา สว นการคณู ตามแนวนอนน้ันจะมวี ธิ คี ดิ เหมือนแนวตง้ั แตไ มแ สดงใหด ู จะใสเฉพาะผลคณู ใหเ หน็ เทาน้นัดังนัน้ จะใหตวั อยา งเฉพาะการคณู ตามแนวตั้ง ดังนี้ตวั อยา ง 234 × 36 แบบท่ี 1 แบบท่ี 2วธิ ที ํา วิธีทาํ 234 234 36 × 30 + 6 36 ×1404 + 234 × 6 1404 +7020 234 × 30 7028,4 2 4 8,4 2 4ตอบ 8,424 ตอบ 8,424วิธคี ดิ วิธนี ใี้ ชคา ประจําหลักของตวั คูณ วธิ คี ดิ วิธนี ้เี ลขตวั หลังของผลคณู แตละตัวแตล ะตัว คูณกบั ตัวต้ัง แลว นําผลคณู มาบวกกนั จะอยตู รงหลกั เดียวกันกบั ตัวคณู ตวั นั้น แลว นํา ผลคณู แตล ะตวั มาบวกกัน
38วธิ ที ่ี 2 โดยการแยกเปนตัวประกอบของตัวคูณ ตัวประกอบของตัวคูณ คอื การเปลย่ี นตัวคูณใหเปน เลขหลักเดยี ว โดยแยกตัวคูณใหเปนผลคณู ของจาํ นวนเลขหลักเดียว เชน 21 = 3 × 7 เราเรยี ก 3 และ 7 วาเปนตัวประกอบของ 21 วธิ ีนีต้ วั ต้งั จะเปนเลขกหี่ ลกั ก็ตาม ถา ตวั คูณเปนเลขหลักเดียวจะทาํ ไดสะดวกและงา ยขน้ึ กวาท่ตี ัวคณูเปนเลขหลายหลัก เพราะไมตอ งนําผลคณู มาบวกกนั อีก เพยี งแตใ ชตวั คณู คณู ตัวต้ังทลี ะตัวจนหมด ตัวอยา ง จงหาผลคูณของ 274 กบั 21 การคณู ตามแนวนอน การคณู ตามแนวตง้ัวิธที าํ 21 = 3 × 7 วิธที ํา 21 = 3 × 7274 × 21 = 274 × (3 × 7) 274 274 = (274 × 3) × 7 21 × 3 × = 822 × 7 822 × = 5,754 7 ตอบ 5,754 ตอบ 5,754 5,754วธิ ีคิด 1. แยกตวั คูณ คอื 21 ออกเปน 3 × 7 2. นาํ 3 ซง่ึ เปน ตัวคูณท่นี อย คณู กบั 274 กอ น จะได 822 (เหตุท่นี าํ ตัวเลขนอยคูณกอน เพ่ือจะ ไดผ ลคูณเปน จาํ นวนเลขนอ ย ๆ งา ยแกก ารคูณเลขตัวตอไป) 3. นาํ 7 ไปคณู 822 ดงั น้ันจะไดผลคณู เปน 5,754วิธที ่ี 3 โดยการแยกตัวคูณที่เปนพหุคูณของ 10 วธิ ีน้ีจะใชเ มอื่ ตัวคูณเปนพหุคูณของ 10 คือ ตัวคูณท่ีลงทายดว ย 0 นน่ั เอง ตวั อยา ง จงหาผลคูณของ 324 กบั 30 การคูณตามแนวนอน การคูณตามแนวต้ังวธิ ที ํา 30 = 3 × 10 วธิ ีทํา 30 = 3 × 10324 × 30 = 324 × (3 × 10) 324 = (324 × 3) × 10 3 × = 972 × 10 972 × = 9,720 10 ตอบ 9,720 9,720 ตอบ 9,720
39วธิ ที ี่ 4 โดยวธิ ีการกระจายจํานวนตามคาประจําหลักวธิ ีนชี้ วยใหก ารหาผลคูณงายขนึ้ สาํ หรับการคูณจาํ นวนท่ีมีเลขหลาย ๆ หลักใหกระจายจํานวนท่มี ีหลักมากกวา ไมว าจาํ นวนน้ันจะเปน ตวั ตัง้ หรือตัวคูณ แลวจึงคูณกบั อกี จาํ นวนหน่งึ จากน้ัน จึงนําผลคณู แตละตวั มาบวกกนั เหมอื นวิธที ี่ 1 ของการคูณ โดยวิธลี ัดนัน่ เองตัวอยาง จงหาผลคูณของ 382 กับ 23การคณู ตามแนวนอน การคูณตามแนวตง้ัวธิ ีทํา วิธีทํา382 × 23 = (300 + 80 + 2) × 23 382 300 + 80 + 2 = (300 × 23) + (80 × 23) + (2 × 23) 23 × 23 ×= 6,900 + 1,840 + 46 6,900 + 1,840 + 46= 8,786 = 8,786ตอบ 8,786 ตอบ 8,786แบบฝก หัดที่ 16ก. ใหหาผลคณู ตอไปนี้ โดยวธิ ลี ัด(1) 36 × 17 (2) 45 × 22 (3) 55 × 40(4) 79 × 30 (6) 123 × 21ข. ใหห าผลคูณตอไปนี้ โดยการแยกตัวประกอบของตวั คูณ(1) 54 × 20 (2) 63 × 21 (3) 154 × 24 (4) 583 × 32ค. ใหหาผลคูณตอไปนี้ โดยวิธกี ระจายจาํ นวนตามคาประจาํ หลักตามแนวนอน(1) 78 × 60 (2) 98 × 72 (3) 825 × 56 (4) 999 × 80 เม่ือตัวคูณเปนจาํ นวนเลข สามหลกั สําหรับตัวคูณที่เปน จาํ นวนเลขสามหลักน้ี เราสามารถหาผลคูณไดห ลายวิธี แตวิธที ่เี หมาะสมและสะดวกคอืวธิ ที ี่ 1 โดยวิธีลดั วธิ นี น้ี ยิ มใชคณู จาํ นวนเลขตามแนวตง้ั และมีวธิ ีคิดเหมอื นตัวคณู ที่เปนจํานวนเลขสองหลกั ดงั น้ันจะใหตัวอยางเฉพาะการคูณตามแนวตั้ง ดังนี้
40 ตวั อยาง 267 × 125 แบบท่ี 1 แบบท่ี 2วิธที าํ วิธีทํา 267 267 125 × 267 × 5 125 × 267 × 20 1335 + 267 × 100 1335 + 5340 534 26700 2 67 3 3,3 7 5 3 3,3 7 5 ตอบ 33,375 ตอบ 33,375วิธีที่ 2 โดยการแยกตัวคูณที่เปนพหุคูณของ 10 วธิ นี จ้ี ะใชเมอื่ ตัวคูณเปนพหุคณู ของ 10 เชนเดยี วกับตัวคูณทีเ่ ปน เลขสองหลกั ดงั น้ี ตัวอยางท่ี 1 จงหาผลคูณของ 372 × 250 การคณู ตามแนวนอน การคณู ตามแนวตัง้วธิ ที ํา วิธีทาํ250 = 25 × 10 = 5 × 5 × 10 250 = 25 × 10 = 5 × 5 × 10372 × 250 = 372 × (5 × 5 × 10) 372 × = (372 × 5) × 5 × 10 5 = (1,860 × 5) × 10 1,860 × = 9,300 × 10 5 = 93,000 9,300 ตอบ 93,000 10 93,000 ตอบ 93,000
41ตัวอยางท่ี 2 จงหาผลคูณของ 362 กับ 100 การคูณตามแนวนอน วิธีทํา การคณู ตามแนวตงั้วธิ ีทาํ 100 = 10 × 10 100 = 10 × 10 362 × 100 = 362 × (10 × 10) 362 × 10 = (362 × 10) × 10 = 3,620 × 10 3,620 × = 36,200 10 ตอบ 36,200 36,200 ตอบ 36,200สาํ หรับตัวคูณท่ีเปน 100 ซงึ่ เปน พหคุ ณู ของ 10 เราจะสังเกตเห็นวา ผลคูณของจํานวนเลขใด ๆ ทีค่ ณู กับ 100 จะมคี า เทากับเลขจํานวนน้นั ตอทายดวย 00 (ศูนย 2 ตวั ) นน่ั เองจากตัวอยางท่ี 2 เราสามารถหาผลคูณของ 362 กบั 100 ไดใ หมโดยวธิ ลี ดั ซง่ึ จะสะดวกกวาดังน้ีการคณู ตามแนวนอน วิธีทาํ การคณู ตามแนวตงั้วธิ ีทํา 362 × 100 = 36,200 ตอบ 36,200 362 × 100 36,200 ตอบ 36,200แบบฝก หัดท่ี 17 (4) 764 × 491ก. ใหห าผลคูณตอ ไปน้ีโดยวิธีลัด (4) 917 × 320 (1) 136 × 111 (ข) 275 × 165 (3) 398 × 234ข. ใหห าผลคูณตอไปนี้ โดยวธิ กี ารแยกตัวคูณตามแนวตงั้ (1) 247 × 200 (ข) 624 × 120 (3) 879 × 240
42โจทยป ญหา เน่อื งจากการคูณเปนวธิ ีลัดของการบวก โจทยป ญ หาเก่ยี วกับการคูณจงึ เปนเรื่องราวทีเ่ กยี่ วของกบัชวี ติ ประจาํ วนั เชนเดยี วกบั การบวก แตช วยใหเ กดิ การคิดแกป ญ หาเรว็ ขน้ึ กวา การบวกตัวอยา งท่ี 1 กระเทียมแหงกิโลกรัมละ 18 บาท ถาขายได 9 กโิ ลกรมั จะไดเ งินเทาไรวธิ ีทาํ ประโยคสัญลกั ษณ คือ 18 × 9 = กระเทียมแหง กิโลกรมั ละ 18 บาทขายได 9 กโิ ลกรมัดงั นน้ั จะไดเงนิ 18 × 9 = 162 บาทตอบ 162 บาทตวั อยางที่ 2 ขาวสารถังละ 130 บาท น้ําปลาขวดละ 18 บาท ถาซื้อขาวสาร 4 ถังน้ําปลา 14 ขวด จะตองจายเงินทั้งหมดเทาไรวธิ ีทํา ประโยคสญั ลกั ษณ คอื (130 × 4) + (18 × 14) = ขา วสารถังละ 130 บาทซอื้ 4 ถัง คิดเปน เงิน 130 × 4 = 520 บาทน้ําปลาขวดละ 18 บาทซื้อนาํ้ ปลา 14 ขวด คิดเปน เงิน 18 × 14 = 252 บาทดงั น้นั จะตอ งจา ยเงนิ ทัง้ หมด 520 + 252 = 772 บาทตอบ 772 บาท การทําโจทยป ญหาที่เก่ียวกับการคณู น้ี ทาํ ไดทั้งแบบแนวนอนและแนวตง้ั แตสว นใหญจะทาํ ตามแนวนอน ซง่ึ อยใู นรปู ของประโยคสัญลกั ษณ เพราะเห็นวาสั้นดีกวาวิธีอื่น ๆแบบฝก หัดท่ี 18 (1) สม กโิ ลกรมั ละ 15 บาท ซื้อ 10 กิโลกรัม จะตองจา ยเงนิ เทา ไร (2) ชาวบานในหมบู านหนง่ึ แบงกลุมกนั สรางถนนเขา หมูบา น กลุมละ 9 คน รวม 8 กลุม จะตองใชคน ทง้ั หมดก่คี น (3) ชาวสวนปลกู ตน มะมวง 9 แถว แถวละ 20 ตน และตน ฝรั่ง 7 แถว แถวละ 22 ตน ดังน้ัน มีตนไมในสวนท้งั หมดกี่ตน (4) ซื้อขนมมาครั้งแรก 15 ถงุ ถุงละ 5 ชนิ้ ครง้ั ทสี่ อง 20 ถงุ ถงุ ละ 6 ชน้ิ นาํ ไปแจกเดก็ คนละ 1 ช้ิน เดก็ จะไดรับแจกก่ีคน (5) ขายขาวเปลือกได 43 เกวยี น ไดราคาเกวียนละ 4,500 บาท จะไดเ งินเทาไร
431.2 สมบตั ิการสลบั ท่ีของการคูณ การคณู ตามแนวต้ัง การคณู ตามแนวนอน3×2 = 6 3 × 2 ×2×3 = 6 2 3ดังนน้ั 3 × 2 = 2 × 3 6= 610 × 9 = 90 10 × 9 ×9 × 10 = 90 9 10ดังนน้ั 10 × 9 = 9 × 10 90 = 90จํานวนสองจาํ นวนทม่ี าคณู กัน สามารถสลบั ทกี่ นั ได กลาวคือ ตัวตัง้ และตัวคูณสลับทีก่ ันไดโ ดยท่ีผลคูณยงั คงเทาเดิม ดังเชน 3 × 2 = 2 × 3 หรอื 10 × 9 = 9 × 10 เราเรียกสมบัติขอ นี้วา “สมบัติการสลบั ท่ีของการคณู ”สมบัตกิ ารเปลยี่ นหมขู องการคณู3 × 5 × 6 = (3 × 5) × 6 3×5×6 = 3 × (5 × 6) = 3 × 30= 15 × 6 = 90= 90ดงั น้นั (3 × 5) × 6 = 3 × (5 × 6) การนาํ จาํ นวนสามจํานวนมาคูณกนั จะคณู สองจํานวนใดกอนแลวไปคณู กับจํานวนทีเ่ หลอืผลคณู จะเทากนั เสมอ เราเรียกสมบัติขอน้ีวา “สมบตั ิการเปล่ียนหมูของการคณู ” ประโยชนข อนกี้ ็เพื่อจะชว ยใหค ดิ เลขงา ยข้นึ โดยยึดหลกั ขอใดขอ หนงึ่ ดังนี้ 1. คณู สองจาํ นวนที่นอยกอน แลว จึงคณู กับจาํ นวนที่เหลอื 2. คณู สองจํานวนท่ีไดผ ลคณู ลงทายดว ย 0 กอน แลว จึงคูณกับจาํ นวนท่ีเหลือ 3. ถามีจาํ นวนทล่ี งทายดวย 0 อยูหนึ่งจํานวนทีไ่ มเ กิน 3 หลัก ใหคูณสองจํานวนทีไ่ มลง ทา ยดว ย 0 กอน แลว จึงคณู จาํ นวนทีล่ งทายดวย 0 3. สมบตั กิ ารแจกแจงของการคณู(5 + 10) × 4 = 15 × 4 (5 + 10) × 4 = (5 × 4) + (10 × 4) = 60 = 20 + 40 = 60ดงั นน้ั (5 + 10) × 4 = (5 × 4) + (10 × 4)
44 การนาํ จาํ นวนใด ๆ ไปคณู กับผลบวกของจํานวนอีกสองจํานวน จะมีผลคูณเทากับการนําจาํ นวนนน้ั ไปคูณทลี ะจาํ นวน แลว บวกกนั เราเรียกสมบัตขิ อนี้วา “สมบัติการแจกแจงของการคูณ” สมบัติการแจกแจงของการคูณนี้ นิยมนําไปใชในการคูณจํานวน 2 จํานวน ท่ีเปนตัวเลขต้งั แต 2 หลักขึ้นไป โดยวิธกี ระจายจํานวนตามคาํ ประจําหลกั ตามแนวนอน แตสําหรบั ในช้ันนี้ นิยมใชก บั ตวัคูณท่เี ปน เลขไมเ กินสองหลกั ซง่ึ ผเู รยี นไดเ รยี นมาบางแลว ในการคูณทม่ี ตี วั คูณเปน เลขหลกั เดยี วนั่นเองแบบฝก หัดที่ 19จงเติมจํานวนเลขลงใน เพอ่ื ใหประโยคเปน จริง 1. ÷ 7 = 0 2. × 1 = 4 3. 10 ÷ = 10 4. 46 + = 46 5. + 0 = 0 + 8 6. 0 × 9 = 9 × 7. 716 + = 210 + 716 8. 50 × 70 = 70 × 9. (9 +7) + 26 = 9 + ( + 26) 10. (40 × 17) × 69 = 40 × (17 × ) 11. (5,040 + 1,460) × 445 = + (1,460 × 445)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275