90 ตวั อยา ง พทุ โฺ ธ มงคฺ ละ สมฺพโู ต สมพฺ ทุ โฺ ธ ทปิ ฺทตุ ฺตโม พทุ ธฺ มํคล มา คมมฺ ะ สพพฺ ทกุ ขฺ า ปมฺุจเร ธมโฺ ม มงฺคละ สมพฺ โู ต คมฺภีโร ทุทสั โส อนุง ธมมฺ มํคล มา คมั ฺม สพั พฺ ทกุ ฺขา ปมุ จฺ เร สงโฺ ฆ มงคฺ ละ สมฺพูโต ทกขฺ ไิ นโย อนตุ ตโร สฆํ มคํ ล มา คมมฺ สพฺพทกุ ฺขา ปมุจฺ เร (บทสขู วญั คน, นิยม สองสโี ย. สมดุ บันทกึ ) (2) กลาวถึงกาลอนั เปน มงคล ผูเรยี กขวญั จะกลา วถึงเวลาอนั เปนมงคลทีจ่ ะทําการเรยี กขวญั โดยอา งถงึ เหตกุ ารณที่ พอ งกับความเปน มงคลน้นั เพอ่ื แสดงใหเจา ของขวัญและผรู ว มพธิ ีเหน็ วา วันและเวลาดังกลาว เปน เวลาทเี่ หมาะสมทส่ี ดุ ทจ่ี ะประกอบพธิ กี รรมอนั เปนมงคล ตัวอยา ง ศรี ศรี สวสั สดี อช ในวันน้ีก็เปนวันดี เปนวันศรวี ันไส วันเปก เส็ดกาบไกเลศิ เจยี งคาน เปน วนั มังคะละการอนั ประเสรฐิ ใหบงั เกดิ ธมั วฒุ ิ 4 ประการ เปน โอฬารอันแผก วา งย่งิ กวา ชางโสกแสนคําเตชะนําเขมกลา เปนวันปองฟา เลิศลือเซง็ วนั เม็งก็หมดใสวนั ไต ก็หมดปลอด วนั นกี้ ็หากเปน ยอดพญาวนั ชางสะตันไดบ ริวารพอลา น ออกนอกบา นปะใสไ หเงิน กแ็ มน ในวันนี้ เมืองเถนิ จักปอ งเมอื งหอ ยา ชา งหมอจะไดเปน เศรษฐี ก็แมน ในวนั นี้ ราชสีหจ ะกอ เรยี กรอง ก็แมนในวนั น้ี ย่ิงอวดจอ งหมายหาตวั เวร ก็แมนในวันนี้ มหาเถรจกั บณิ ฑบาตขาว ก็แมน ในวันน้ี ปูเถาจะสอนหลาน อาจารยจ กั นําโชคมาหอื้ กแ็ มนในวนั นแ้ี ทด หี ลี (บทสขู วญั คน, นยิ ม สองสีโย. สมุดบันทึก) (3) บอกชอื่ เจา ภาพ สิง่ ท่ขี าดไมไ ดอ กี ประการหนงึ่ คอื การบอกชอื่ เจาภาพ หรอื เจาของขวัญ เพือ่ ให ผูเขารว มพธิ ีกรรมรบั ทราบ โดยอาจระบุชือ่ เจาภาพเปน รายบุคคล หรือ เปนกลุมบคุ คลกไ็ ด ดัง ตวั อยาง
91 ตัวอยา ง บดั นีห้ มายมี พอ แมพน่ี อ งญาตวิ งศา เขาก็มาจกุ ถา เล้ียง 32 ขวญั มเี กษาพอเปน เคลา ตราบตอเทามดั ถลงุ คัง ก็เดิมเพ่ือวา เปนปรโิ ยสานอันตนื่ เตน แมนวา 32 ขวัญแหง เจา หากไปลา เลนอยหู นใด ผขู านกั เลา โลมใจแหง เจา ขวญั เกา ขวญั เคลาจุง เรยี กเลา คืนมากอนเทอะ (บทสขู วญั คน, นิยม สองสโี ย. สมุดบันทกึ ) อยางไรก็ตาม บางสาํ นวนอาจไมม ีการกลา วถึงเนอื้ หาในสวนนี้กไ็ ด เชน บทเรยี กขวัญ ผูป ว ย และบทเรียกขวัญคบู า วสาว ของทวี เขือ่ นแกว (2541: 169 – 176) (4) เชิญขวัญ ขวญั เปนสิง่ ท่ีมอี ยูประจาํ ตัวคน และสตั ว ตลอดจนสงิ่ ตางๆ คนลานนาเชื่อวาคนเราวามี 32 ขวัญ ซึ่งประกอบไปดวยอาการ 32 ประการของมนุษย และอาจหนีออกไปจากรางกายของ คนดวยเหตุตาง ๆ ดังนั้นจึงตองเรียกขวัญใหกลับมาอยูกับเจาของขวัญโดยอางถึงคุณของ เทพเจา เพือ่ ใหนําขวัญกลบั มาสเู จา ของขวัญ ตวั อยา ง สาธุ สาธุพอ หมอเฒา หมอชา งเลาเอาขวญั มีท้ังพระกมุ พระกณั ฑ พระมารดา ยาหมอ นึ่ง จงุ ไปลากทืน้ รบี เร็วพลันเดยี วน้ี แมน วาขวัญเจา จักไปหลกี ลี้อยหู นใด จักเปนการอันเมินนานพายหนา ขอยา จงุ ไปเซาะหามาหอ้ื ได หกั ไมแทก็ รอยหาเครอื่ งบูชา เทียนสถี าดอกสรอ ย เหลาหัวเดด็ หา รอ ย ใสแ พง นอยมาฟาย ผาแดงลายทบแหนบ ผาขาวแหนบยองบน หมากพลสู นแตงพรอ ม ตกแตง นอ มนํามา ถวายบชู าบไ ว ถึงแกนไทคือกุมภัณฑ กาเรเย่ืองใดเดจิงจกั ได ขอยาไปเซาะไซ รบี เอามากอ นเทอะ (บทสูข วญั คน, นยิ ม สองสีโย. สมุดบันทึก)
92 (5) กลา วถงึ การทอ งเท่ยี วของขวญั ผูเ รียกขวัญจะกลาวถงึ การทอ งเท่ยี วของขวัญทตี่ อ งระหกระเหินไปยังทีต่ า ง ๆ ที่ไม สมควร เชนไปตกอยทู ปี่ าไม หรือกําลงั เทีย่ วเลนจนลมื ท่ีจะกลบั มาสูรา งกายของเจาของขวัญ ตวั อยาง ขวันเจา อยา ไพหลงเสียดงดําสรอกหว ย ทรี่ งุ ฅาวกินกลวยที่ปา ไมบ มีฅน ขวันเจา อยาไพอยูกลางเดือนดาวยังฟา ขวนั เจา จงุ หื้ออวา ยหนาฅนื มา เนิอขวนั เจาเนิอ ขวนั เจาอยาไพอยทู สี่ าลาหลงั สูงเกา หอ ง ขวันเจา อยา ไพอยูท ฟ่ี า รองแผนดินสดุ ขวันเจาอยา ไพอยทู ี่สมุททหลวงแลคงุ คาใหยกวา ง ขวนั เจาอยา ไพอยูในทอ งชางเอราวณั เนอิ เจา ขวันทวารทงั เกาขวันเจาอยาไพอยยู ังเมอื งยาเถา ดอกซอนมาร ขวันเจา อยา ไพอยจู มิ่ ร้ินแลยุงยังปา ขวันเจาอยา ไพอยูยังทา นา้ํ แลทางหลวง ขวนั เจาอยาไพชมดวงดอกไม …………………….. (บทสขู วญั คน, นยิ ม สองสีโย. สมุดบันทึก) (6) กลาวถงึ ความงามของบายศรแี ละเคร่อื งบชู าขวญั บายศรีเปน เครือ่ งประกอบพิธกี รรมท่สี าํ คัญ ผูเรยี กขวญั จะกลา วถึงความงามของบายศรที ่ี ประดบั ดว ยดอกไมนานาพันธอุ ยา งสวยงามเพ่อื เชญิ ขวัญใหม าชม นอกจากนีย้ ังกลาวถึงอาหาร คาวหวานทีเ่ ตรยี มไวเพอ่ื ใหข วญั มารับเคร่ืองสงั เวยดงั กลาว การพรรณนาจะละเอยี ดมากหรอื นอยเพียงใดขึ้นอยูกบั ความสามารถและชนั้ เชงิ ของผูเรยี กขวญั ตัวอยา ง ของกนิ มสี ะพาดใสเหนือพา มีทงั้ ไกตม คงู ามชาตติ วั ป ขวัญเหยขวญั คาํ หมากสว ยบา ยปนู พลู มที งั้ สุกะรามันตะลาด นํา้ ออ ยออ ยดูหวาน มที ง้ั กนั ตะรีหนวยกลว ย ปลาปง แลเปน ตัว มีทงั้ ขา วสะดกู อ นสะดยู อย ขา วแคบรา วใสม นั หมู มีท้ังขา วสารและขา วแช ขาวตมกลว ยใสจ านแบน ขนมหนวั ใสม ะพรา ว นํ้าออยใสส ูนงา ขนมอี่ตูใสถว ย เหมย้ี งสมอมแลวหากใจดี ขนมแตนจืนใหม พนั แลว ถอดตองขาว ไขม อนหนาสุกหลม มที ้งั น้ําคูและนํา้ จนั ทน มีทง้ั บหุ ร่พี ันตองยอด ยง่ิ กวาสาวเขาพนั ฝากชู
93 มีทัง้ นา้ํ มันและนํา้ สมปอย ขมนิ้ ออ ยเอาผิว มีท้ังคาํ ปลิว และเงินลาน แมน จักใสชางกย็ ังเหลอื แด หอมรสเลาหอมทวั่ เทาทอดัง มที ั้งผา ตาปง มวงแหล ผอแทห ากดวู อน สสี กุ ออนดูแลบ ผา ขาวแขบขอ นไหมคํา แวน หวที าํ สอดกอยคาํ แดง ควนคาแพงบถ อย ขา วแคบออยหอมทอดัง ดอกดวงสงั ก็มนี ี้พรา่ํ พรอ ม มีท้งั ดอกตะลอ ม คําแฮ ตายเหนิ แกบานตา่ํ ยีป่ ุน ผ่ําวรแดง ซอมพอแสงกิ่งกอ ม บัวกาบคอมบานงาม มีท้งั ดอกนางกลายบานแบง สรอ ย มที ้งั ดอกซอ นนอ ยบานตัน มที ง้ั ดอกมะลวิ นั หอมแกน มีท้ังดอกบัวแวนงามถมถอง มีทัง้ ดอกตองและดอกงว้ิ บานแสดส้ิวเม่ือยามหนา มที ้งั ดอกกวาวบานหลามกา น แมงภูซวานมัวเมา ชมรสหนัวคลงึ เคลาแอว ไปมา สว นดอกไมท งั้ หลายนัน้ นา ลางพอ งกห็ าได ลางพอ งก็หาบได ดอกไมมหี ลายประการ ....................... (บทสูข วญั คน, นิยม สองสีโย. สมุดบนั ทึก) (7) เชญิ ขวญั ใหมาอยูก บั เจา ของขวญั การเรียกขวญั จะจบดว ยการเชิญขวัญใหม าอยูก ับเจาของขวัญ เพ่ือความเปนมงคลแก เจา ของขวญั และจะจบดวยการผูกขอมอื ใหแกเ จา ของขวัญ ตัวอยาง ขวัญเจา ไปอยจู ม่ิ นกเคา อนั ชา งคกุ เมอ่ื ยามหนาวกห็ อ้ื มา แมนวาขวัญเจา ไปอยจู ่มิ เหน็ หางยาว และเหน็ โอมก็หื้อมา ขวญั เจา อยาไดเ คยี ดสมขมใจ ขวญั เจาอยากอนั ใดผูขาหากจะหยัก ขวัญเจา มักอันใดผขู าหากจกั ปอ น จงุ มาถา ยถกถอนจงุ มาทมุ ผา สีออนและเหนบ็ ดอกไม ขอ อัญเชิญ 32 ขวัญแหง แกวแกนไทจงุ ห้อื มากอนเทอะ (บทสูข วญั คน, นิยม สองสีโย. สมุดบนั ทึก)
94 ข. บทเรียกขวญั ควาย วิทยานิพนธเรื่อง “การศึกษาบทสูขวัญและพิธีสูขวัญของชาว ไทลื้อ อําเภอปว จงั หวัดนาน” ของ สมพงษ จิตอารยี (2545) ไดก ลาวถงึ เนือ้ หาของบทสูขวัญควาย วาจําแนกได 2 สวน คือ การพรรณนาบุญคุณของควายท่ีชวยมนุษยทํานา และการกลาวขอโทษขอขมา ที่ได ดาวาเฆ่ียนตีระหวางการทํางาน สวนผลการศึกษาของผูวิจัย ที่พิจารณาเน้ือหาและโครงสราง ประกอบกัน สามารถจําแนกบทเรียกขวญั ควาย ไดดังน้ี (1)กลาวถงึ กาลอันเปน มงคล การสูขวัญควายจะเริ่มดว ยการกลาวถึงวาระอันเปน มงคล ท่เี หมาะสมเพื่อจะประกอบ พธิ ีกรรมโดยเหตุการณทีม่ าพอ งกับวนั ที่เปนมงคลท่เี กยี่ วขอ งกบั การเกษตร และเกยี่ วขอ งกบั พทุ ธประวตั ิ ตวั อยาง อชั ชในวันนกี้ เ็ ปนวนั ดี เปน ศรีมงคลอันประเสริฐ เปน การอันเกดิ กับโลกหากสืบกนั มา ในโลกาแหลงหลา เชน เมอ่ื ปางเจาฟาพระยาศรีสทุ โธมา การทําไรท าํ นาปลูกขาว อนั สบื เคา เหงา เมอ่ื สทิ ธตั ถะออกไปไถนา เปน ธรรมดาแตงไว หือ้ สืบใชเปน ประเพณี ปไหนมีละเทอ่ื เมอื่ เดือน 11 สืบ 12 ฝนตกน้ํานองหา ใหญ ไปแปงไปเอานํา้ ใสเ ตม็ นา (ทวี เชื่อนแกว ,2541: 182) (2) กลาวถึงบญุ คุณของควาย เนือ้ หาในสว นนีจ้ ะกลา วถึงการขมาควายทเ่ี จา ของไดใ ชแรงงานอยา งหนกั เพื่อไถนา บางครัง้ ตอ งเฆย่ี นตเี ม่อื ไมไ ดด ั่งใจเจา ของ อกี ท้ังตอ งแบกแอกเพอื่ คราดไถหนาดนิ ท่ีเปน งาน หนัก การกระทําดงั กลาวถอื วา มีบุญคุณตอมนุษยมาก ตัวอยา ง ผูขา ก็มาร่าํ เพิงดู ยังบญุ คณุ เจาทง้ั สอง ทไ่ี ดกระทําการไถนา เปลง วาจาเฆย่ี นดา คา ท่ีไดใ ชกินแรง ผูขา ก็ขอขมายกโทษ
95 สองเจาตวั ประเสริฐ คอื ววั และควาย ขอทานมีความเมตตา กรณุ าตขู า คา ไดใ ขกนิ แรง ผขู า ก็รกั แพง เพียงหวั ใจแหง ผูขา ตั้งแตน ้ีไปหนา ผูขาก็บห อ้ื เจา ไดทุกขโ ศกเศรา ทกุ ขย ากในทางกิน ผูข าจักห้ือเจา ไดพ นจากไถแผนดนิ อันอดิ หวิ ลํา้ บาก อดทกุ ขย ากมานาน (ทวี เชือ่ นแกว,2541: 182 - 183) (3) ขอขมาววั ควาย เนือ่ งจากเจาของควายตอ งใชแรงงานของควายอยางหนักเปน เวลานาน ตองบังคับเฆี่ยน ตีควาย ดังนั้นจึงตองมีการปลอบประโลม ตลอดจนขอขมาในส่ิงที่ชาวนาไดทําไมดีกับควาย ตลอดระยะเวลาสามเดอื นท่ผี านมา ตัวอยาง บัดนผ้ี ขู า จกั โถมนาคณุ เปน ใหญ ก็ไดต กแตง พรอมนอ มนาํ มา ยงั สคุ นั ธาทกะหอมออมใหญ ไวห ื้อเจาไดร ดเกลา และดาํ หวั เน้อื ตนตวั เปน มลู มลทิน ตดิ แปดดนิ ยามเม่ือสายแดดตอง ยามเมือ่ ฟารองและฝนฮาํ ผขู ากน็ าํ มายงั บุปผาราชาดวงดอกไม เขาตอกใตเ ทยี นงาม ขอขมาตามแตโทษ ยามเม่ือไดใ ชก ารโกรธราวี ไดดา และบุบตี เชอื กฟาดยีดาหยอ ห้อื เจาโคนามหึงษา ขอละลดปลดเสียยังโทษโทษา (ทวี เชอ่ื นแกว,2541: 183) (4) เรยี กขวญั ควาย ผเู รียกขวัญจะกลาวเชญิ ขวัญใหม าอยกู ับตัวของควาย โดยมคี วามเช่อื วา ควายมีขวัญ 32 ขวัญเชนเดียวกับคน ขวัญของควายอาจหนีไปเน่ืองจากการทํางานอยางหนักและอาจตกใจ เนอื่ งจากการเฆี่ยนตี ดังนน้ั ผเู รยี กขวญั จะเชญิ ขวัญใหมารบั เครอ่ื งบตั รพลที ่เี จา ภาพไดเตรียมไว
96 ตวั อยาง จกั เรยี กรอ ง 32 ขวัญเจา โคนะมหึงษา ห้ือเจามาอยสู ืบสรา งกอ สมภาร 32 ขวญั เจา หอ้ื ไดมาอยูสรา งเจยบาน กับดว ยผูข า อนั เปนมนษุ ยโ ลกเมอื งคน 32 ขวัญเจา อยา ไดโศกเศรา หมอง 32 ขวญั เจา หอื้ ไดมากินนา้ํ ใส ใบหญาออนเขยี วงาม 32 ขวัญเจา จงุ มาเสวยจํายามเลยคูน อ ย มีทั้งกลวยออ ยมากหวานใจ 32 ขวญั เจา อยา ไปเทย่ี วลา ไกล กลางดงไพรเขตนอก เหตวุ าเจา บอรปู ากเหมอื นคน 32 ขวญั เจาอยาไปลา เววนอยกู ลางปา 32 ขวัญเจา อยาไปลาดงไพร 32 ขวัญเจา อยา ไปกวงไกลทางอื่น (ทวี เช่อื นแกว ,2541: 183) (5) ใหพ ร การเรียกขวญั ควายจะจบลงทก่ี ารใหพร เพ่ือใหควายไดสุขสบายไมม ีโรคภัยเบยี ดเบยี น นอกจากนี้ยังขอใหค วาย อยใู นพระธรรมของพระพุทธเจา ไดพบกับพระศรีอริยเมตไตย ใหพน ทุกขท ้ังปวง และเขาถึงนพิ พาน ตัวอยาง ขอหื้อเจา จงุ มีอายุเลายืนนาน สพั พจัญไรอยา ไดการเทพา สพั พะผีหา และผเี หงา อยามากลายมาใกล สัพพหมูอันตราย กห็ อ้ื หายดบั วอด หอื้ เจา ไดถือเอายอดทานปารมี เนกขัมบัญญาปารมี วิริยะขันตี สจั จอธษิ ฐานปาระมี เมตตาอเุ บกขาปารมีไปคชู าติ ห้อื เจาไดพนจากเดยี รจั ฉาน ห้ือเจา ไดพบสมภารเจา นักปราชญ เจา ปริสมงิ่ มงคล อนั จกั ไดลงมาเกดิ เปน พระในโลกา ยามนน้ั นาคนท้งั หลาย บไ ดหวานกลาไถนา เปน ดง่ั ขา และเจา กจ็ ักไดสขุ เทยี่ งเทา อายขุ า และเจาจักยืนแสนป สมบตั ิเรามีบไร ก็จกั ไดพนจากโอฆสงสารไปหนา กับเจาฟา ตนชอื่ วา อริยเมตไตรย บอ คลาดบอ คลา จตั ตาโรธรรมมา อันวาธรรมทง้ั สี่ ขอเปน ดงั่ รม และเงา เอาเปน ฉัตรแกว คูม งุ หวั ภวาสัพพตี โี ย
97 จงุ หื้อเปนขัวราวงามผิวผอง วินาสสนั ตุ จงุ หอื้ เปน ทห่ี นองเกาะผนั สพั พโรโค เปย ธิมีหลายส่งิ วนิ าสสันตุ จหุ อื้ มวยมงิ่ คลาไป มะโน หอ้ื เจา ไดอ ยูสุขจาํ เริญใจ ชุวนั คนื คํา่ เชา วินาสสนั ตุ ตราโย อายุวรรณัง จงุ หือ้ เจา มีอายเุ ลา ยืนยาว ตพห นสิ นิจจงั เท่ียงหม้ัน วฑุ ฒาปจายโิ น อยา ไดชาํ้ เหงย่ี งกนั หาย จตั ตาโรธรรมมาผาดโปรด หือ้ เจามียงิ่ โยดแทด หี ลี (ทวี เชือ่ นแกว,2541: 184) 3.3.4 บทสงเคราะห บทสงเคราะหในลา นนา มีเน้อื หาและโครงสรา ง ดงั น้ี (1) กลา วถึงโอกาสในการประกอบพธิ กี รรม เนือ้ หาสว นแรกของบทสงเคราะหคอื การกลาวถึงโอกาสในการประกอบพิธกี รรม ดังตวั อยาง สรีสทิ ธิสวัสดี อัชชโย อชั ชโย อชั ในวันนี้กเ็ ปนวันดี ศรศี ุภมงั คละอันประเสรฐิ ลาํ้ เลศิ ย่ิงกวา วนั และยาทงั หลาย วนั เม็งกห็ มดใส วันไทก็หมดปลอด เปน วันยอดแหงพญาวนั ………………………. (ญานสมฺปนฺโน,มปป : 76) (2) เจาภาพ เนื้อหาสวนตอ ไปจะกลา วถงึ เจาภาพ หรือ ผทู ่ีประสบเคราะหม า ดว ยการระบชุ ือ่ อยา ง ชดั เจน ดงั ตวั อยาง บัดนี้หมายมี นาย นาง...(ระบุชื่อ).... ก็ไดต อ งทรงยงั เคราะหถอ ยชา (ญานสมฺปนฺโน,มปป : 76)
98 (3) กลา วปดเคราะห เนื้อหาสวนนี้ เปนการกลา วปดเปาเคราะหร า ยทีอ่ าจมาในลักษณะตา ง ๆ ใหผ านพน ไป ดังตัวอยา ง ................................. ผขู า ก็จักปดไปแ ตกอนปางหลัง เคราะหเ มื่อยังแรกเกิด เคราะหอ นั บประเสรฐิ มวลมี เคราะหส ิบสองราศเี กย้ี วกอด ลกั ขณาสอดเกาะกมุ อาทิตยซ้ํามาสมุ แกน กลา พระจนั ทรส ง หลาสวักสวาด ถว นสามอังคารรงั หยาดเลิศแลว ถว นสพ่ี ุทธผองแผวใสงาม พัสถวนหาตามแถมเลา สโุ ขถว นหกบเ สาดวงใสโสรี ถวนเจด็ รศั มไี วหลายส่าํ สพั พเคราะหพ รอมพรํา่ นานา อันมใี นกายาแหง เจา นวฆาตทงั เคลา มวล มีทงั นักขัตฤกษศรี 27 ตวั นบั หมาย แมนวา เคราะหท งั หลายมาพรอ มอยูแ ลว จงุ หอื้ ไดคลาดแคลวหนีเสยี ไกล ถอื เคราะหจ งั ไรถอยชา เคราะห 13 นาม 15 กห็ อ้ื หนี ท้ังเคราะหป เคราะหเดอื น เคราะหวัน เคราะหยาม เคราะหบ ดบี ง ามจี้ใส เคราะหนอยเคราะหใ หญมวลมี เคราะหกาลเี มอื่ หลบั เมื่อตื่น เคราะหเ มอื่ ยืนเม่ือเทียว เคราะเมอ่ื เคย้ี วเม่ือกิน เคราะหเ มื่อคนื บห ัน เคราะหเ ม่ือวนั บรู เคราะหเมอ่ื อูเมื่อจา เคราะหนานาตัวกลา เคราะหต่าํ ชา จดเจอื เคราะหเหนอื เคราะหใ ต เคราะหเมือ่ เจบ็ เม่ือไข เคราะหว ันตกวันออก อยดู าวขอกแดนใดก็ดี กห็ ื้อคา ยหนีไปวันนยี้ ามนี้ เคราะหด ํากาํ่ กตี้ วั กลา เคราะหชนหนา ชนหลงั แมน วา เคราะหต วั ใดยัง 108 อยาง ค็อยาไดขอ งคา ง อยูใ นตนตวั แหง นาย – นาง........สกั เยอื่ งสกั ประการ แมน เคราะหตวั หาญเกี้ยวหนอ ง ก็จุง หอื้ ไดด ับลองไปดวยไฟ ห้อื ไดไหลไปดว ยนํา้ อยาหอื้ ไดคนื มาแถมซํา้ พอสอง หื้อไดป องดับหายไป บดั น้แี ดเ ทอะ หรู ู หูรู สวาหาย …………………………. (ญานสมฺปนฺโน,มปป : 76 - 77)
99 (4) กลาวใหพรดว ยภาษาลานนา เน้ือหาสวนน้จี ะกลาววา หลงั จากที่เคราะหรายตาง ๆ ไดถูกปดเปาออกไปจนหมดแลว ก็ จะขอพรใหเ จาภาพพบความสุข ความสมหวังดานตางๆ ดังตัวอยาง ....................................... เมือ่ สพั พเคราะหท ังหลายไดคายออก หือ้ ตกไปยังขอกฟา จักรวาล ไปอยูสถานทแ่ี ผน ดนิ สุดไกล และหากตวั ใดไดก ลบั เปน ปาปเคราะหแ ลว ขอจุงไดคลาดแคลวมาเปน โสมะ และตวั ใดหากเปนโสมะแลว ก็ดี ขอจุงเปนศรีนาํ มายังโชคป โชคเดือน โชควัน โชคยาม อายุป อายเุ ดือน อายุวัน อายุยาม หือ้ มีอายหุ มั้นยืนยาว รอ ยซาวขวบเขา วัสสา ไดอยูค าํ้ ชูศาสนาไปไจๆ ห้ือไดสวสั ดี แดเทอะ แมน จกั อยูก ็หื้อทีฆามีชัย แมนจักไปกห็ ื้อมีโชคลาภ ปราบแพศตั รู หลับตาก็ห้ือไดเ งนิ หมื่น ต่นื ก็หือ้ ไดคาํ แสน ไดเปน เศรษฐเี จาเงินเจาคาํ เจาชางเจา มา มขี าหญิงชาย ไปทางใดก็มคี นหุมคนรัก แมนจกั ปรารถนาสิ่งใด กห็ ื้อไดสิ่งนัน้ ชุประการ จงุ จกั มเี ท่ียงแทด หี ลี ดังพระมนุ ตี นประเสริฐ อนั ล้ําเลิศยิง่ กวา โลกโลกา กลาวเปนคาถาไวว า …………………………. (ญานสมฺปนโฺ น,มปป : 77) (5) กลาวใหพ รดวยภาษาบาลี เนื้อหาสวนทา ยสุดของบทสงเคราะห คอื การกลา วใหพ รเปน ภาษาบาลี ซงึ่ มีเนอ้ื หา คลายคลงึ กบั การใหพรเปน ภาษาลา นนา ดงั ตัวอยา ง สัพพะพตั ถะ สัพพะตา สัพพะเคราะห สพั พะภยั ยา สพั พะทุกขา สพั พะโรคา วินาสนั ตุ เตฯ ชะยะสทิ ธิ ธนัง ลาภัง โสตถิ ภาคะยัง สุขัง พะลงั สิริ อายุ จะวณั โณ จะ โภคัง วุฑฒีจ ยะ สะวา สะตะวสั สา จะ อายุ จะ ชีวะ สิทธี ภะวันตเุ ตฯ (ญานสมปฺ นโฺ น,มปป : 77)
100 3.3.5 บทขนึ้ ทาวทงั้ สี่ เน้ือหาและโครงสรางของบทขน้ึ ทา วทั้งสมี่ ดี งั ตอไปนี้ (1) ชมุ นมุ เทวดาเปน ภาษาบาลี สว นแรกของบทขนึ้ ทาวท้ังสีค่ อื การกลา วชมุ นุมเทวดา ใหเทวดารบั รถู งึ การจดั งานใน คร้งั นัน้ เพือ่ มาปอ งกันและดแู ลงานนัน้ ใหส าํ เร็จลุลว ง โดยบทชุมนุมเทวดานจี้ ะแตง ดว ยภาษา บาลีทัง้ หมด ดังตัวอยาง สัคเค กาเม จะ รูเป คริ ิสิขะระตะเฏ จันตะลกิ เข วิมาเน ทเี ปรฏั เฐ จะ คาเม ตะรวุ ะนะคะหะเน เคหะวตั ถมุ หิ เขตเต ภุมมัฎฐาทะโย จะตโุ ลกะปาละราชา ยะมะราชา อินโท เวสสุวณั ณะราชา อะรยิ ะเมตเตยโย โพธิสตั ตา วะกาทะโย อะริยะสาวะกา จะ ปุถุชะนา กลั ยาณาจะ สมั มาทิฏฐิ เย วะ พุทเธ ปะสันนา ธมั เม ปะสนั นา สังเฆ ปะสันนา พุทเธ สะคาระวา ธมั เม สะคาระวา สงั เฆ สะ คาระวา อโิ ต ฐานะโตยาวะ ปะรมั ปะรา อมิ ัสะมิงสุ จกั กะวาเฬสุ เทวะตา ยงั มนุ วิ ะระวะจะนัง สาธะโว โน สณุ นั ตุฯ (ทวี เขอ่ื นแกว ,2541 : 145 ) (2) บอกถึงงาน และช่อื เจา ภาพ หลงั จากกลาวบทชมุ นมุ เทวดาเสรจ็ เรยี บรอ ยแลว เนอื้ หาในสว นตอไปจะกลา วถึง งานทีจ่ ดั ขนึ้ และช่อื ของเจาภาพ ดงั ตัวอยา ง โภนโต เทวะตา ดูราทาวเจา เทพา บดั นหี้ มายมี (บอกช่อื เจาภาพวาจะทําอะไร) ………………….. (ทวี เข่อื นแกว ,2541 : 145 – 147) (3) กลาวบชู าทา วท้งั สีเ่ ปน ภาษาลา นนา เน้อื หาสว นน้ีเปนการกลา วบูชาเทาทั้งสีต่ ลอดจนพระอินทรและนางธรณี โดยกลา ว อัญเชญิ จากทสี่ ถิต ใหมารบั เครื่องเซนบตั รพลีทเี่ จา ภาพไดจดั เตรยี มไวเ พื่อถวาย และออนวอน ใหชวยดูแลใหพ ธิ ีกรรมนน้ั สําเรจ็ ลุลว งไดดว ยดี ตัวอยา งการกลาวบชู าทา วทั้งสี่ บัดนีผ้ ขู าท้งั หลาย กข็ ออญั เชญิ เจา จุงเสด็จออกจากผังคะปราสาท แลว มารับเอาเครอื่ งสกั การบูชา โภชนาหารทง้ั หลายเหลาน้ี แลวขอเชิญทา นทงั้ หลาย
101 มาคุม ครองรกั ษายังผขู าทง้ั หลาย ห้ือพน เสยี ยังอบุ าทวพ ยาธิรา ย อุปทวกังวล อนทรายทั้งหลาย ชใุ หญน อยชาย-ญงิ สรรพสตั วข องเลี้ยงของดู ก็ขอหือ้ พนจากอนทราย นานาตางๆ เทย่ี งแตด หี ลี (ทวี เขือ่ นแกว ,2541 : 147 – 148) (4) กลาวบชู าทาวทง้ั สีเ่ ปน ภาษาบาลี หลังจากกลาวบูชาทาวทั้งสตี่ ลอดจนพระอนิ ทรและนางธรณเี ปนภาษาลานนาเรยี บรอย แลว กจ็ ะกลาวบชู าเปนภาษาบาลอี ีกครงั้ หนึ่ง ตัวอยางบทกลา วบชู า ปรุ มิ ัญจะ ทิสัง ราชา ธะตะรัฏโฐ ปะสาสะติ คันธัพพานงั อาธิปะติ มะหาราชา ยะสสั สิ โส ปุตตาป ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหพั พะลา อิทธมิ นั โต ชตุ มิ นั โต วณั ณะวนั โต ยะสสั สโิ น โมทะมานา อะภิกกามุง ภิกขูนัง สะมติ งิ วะนงั ทักขณิ ญั จะ ทสิ งั ราชา วิรฬุ โห ตัปปะสาสะติ กุมภณั ฑานัง อาธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส ปตุ ตาป ตสั สะ พะหะโว อินทะนามา มะหพั พะลา อทิ ธิมันโต ชตุ มิ ันโต วัณณะวนั โต ยะสัสสโิ น โมทะมานา อะภกิ กามุง ภิกขูนงั สะมิติง วะนงั (ทวี เขอ่ื นแกว ,2541 : 148) (5) กลาวถึงเครอ่ื งบตั รพลี เน้ือหาสวนน้ีจะกลาวถึงเคร่ืองสังเวยที่เตรียมไว ท้ังเครื่องคาวหวานและเครื่องบูชา ตา ง ๆ ดงั ตัวอยา ง จ่งิ จกั พากนั สลงขงขวาย ตกแตงแปลงพรอ ม นอมนํามายังมธบุ ปุ ผา ราชา ดวงดอก เขาตอกดอกไมลาํ เทยี น และโภชนอาหาร ขา วตมขา วหนมใหมดูงามพอตา .......................... (หนานเตจ า, มปป: 90)
102 (6) ขอพรจากทา วทงั้ สี่ เนือ้ หาในสวนนีเ้ ปนการกลา วขอพรจากทา วท้ังสี่ เพอื่ ขอย้ําอีกครง้ั ใหชวยคุมครองให การจัดพธิ ีกรรมครัง้ น้นั ประสบผลสําเร็จ อยาไดมเี หตรุ ายมากล้าํ กราย และขอใหค มุ ครอง เจาภาพที่จะจดั งานในครง้ั นี้ดว ย ตวั อยาง ขอหอ้ื ยงั ผูข าทัง้ หลาย ไดพ น เสยี จากยงั อนาคตภัยใหญ และโจรภยั มนษุ ย และกรรมเคราะหทัง้ หลาย และโจรมารทัง้ หลายในวันนี้ และตนตัวผขู า ทง้ั หลาย ขออยาหือ้ มีกงั วลสนสอ แลคาํ รา ยตอใบหู อนั จักไดม าเปน ศัตรู กข็ อห้ือหลบหลีก ปลกี เวน ไปไกลๆ แสนโยชนแล ท้งั ทาวท้ังส่แี ละแมน างธรณี อันเปน สกั ขี หมายหนา จือ่ จาํ ทาน และสพั พประการใหญนอย อันผขู าทั้งหลาย หากใฝน ํามา ผขู า ทั้งหลาย ขอหื้อพน จากทุกขพายหนา ขอแลว แตคํามักปรารถนา แหง ผูขาทง้ั หลาย อนั มาชมชนื่ หนายนิ ดี ในคาํ ทั้งหลายฝูงนแี้ ทดีหลี แลวขอเจาท้งั หลาย ชตุ นชอุ งค จงุ จกั มาระวงั รักษา ตนตวั แหงผขู า ทง้ั หลาย ชุผูชุคน นอยใหญชายหญิง เท่ียงแทด หี ลีเทอะ (หนานเตจ า, มปป: 90 - 91) 3.3.6 บทปนพร จากการศกึ ษา บทใหพ รแบบลา นนา โดยศึกษาจากพรปใหม พบวาบทปนพรมเี นอ้ื หา และโครงสรางดงั ตอไปนี้ (1) เกริ่นนําดว ยการกลา วถึงโอกาสทจี่ ะใหพร เมือ่ เริม่ ใหพ รผใู หพ รจะกลาวถึงโอกาสท่ีจะใหพร เชน เนือ่ งในวนั สงกรานต จะกลาวถงึ การลว งไปของปเกา และการเร่มิ ปใ หม ดังตัวอยาง
103 เอวัง โหตุ สมั ปฏจิ ฉาม.ิ ..ดีและ อชั ชะ ในวนั นก้ี ็เปน วนั ดี ตถิ ีอนั วเิ ศษ เหตวุ า ระวสิ งั ขารปเกา อติกคนั นโท กข็ ามลว งพน ไปพลนั นบั ถนื หลงั เสีย้ งเขต เหตุวาปใหมแกวพญาวันก็มาทัน พญาวันกม็ าไคว เปนเวลาอนั สนุกใหญ มว นเลน เนอื งนัน คนหนุม กาํ และชายแถว (ทวี เขอ่ื นแกว ,2541 : 14 ) (2) กลา วถงึ ผูร บั พร เนือ้ หาสว นนี้จะกลา วถึงชื่อของผรู บั พร โดยนยิ มกลา วช่อื แลวตามดวยญาติพ่ีนองและ มิตรสหาย ไมว า ผรู บั พรจะมาเปนมากันหลายคน หรอื มาคนเดยี วก็ตาม เชน จากกรณีศกึ ษาที่ หมบู า นแมห อพระ(15 เมษายน 2550) ผรู บั พรคือ มีเพยี งคนเดียว แตผ ูป นพรกก็ ลาวถึงญาตพิ ี่ นอ งของผรู ับพรดว ย ดงั ตวั อยาง พรอ มดวยลูกเตา หลานเหลนคูผคู คู น บัดนี้ก็มอี ่แี กวเปน เคลา มธบุ ุปผาลาชาดวงดอก ก็ไดสลงขงขวายตกแตงพรอ มนอ มมายงั เขา ตอกดอกไมท ําเทียน (ถอดความจากแถบบันทึกเสยี งบทปนพรแมอ ุยนาค เพ่งิ เตงิ , 15 เมษายน 2551) บางกรณที ผ่ี รู ับพรมหี ลายคน กอ็ าจเลือกกลาวถงึ เพยี งคนเดียว ซง่ึ อาจเปนผูอาวโุ ส ท่สี ดุ ในกลุมของผูรบั พร สวนคนอ่ืนที่เหลอื ก็กลาวรวมๆวาเปนญาตพิ น่ี อ งของผรู ับพรทีก่ ลาว เปนช่ือหลกั ดังตวั อยาง บัดน้หี มายมนี างสมเปน เคลา พรอมดวยลูกหลาน กม็ าสลงขงขวายแปลงพรอม ตกแตง มายงั นาํ้ สคุ ันโทธกะ เจาตอกดอกไมล าํ เทยี น มาถวายเปน ทานยังตนตวั แหงขา (ถอดความจากแถบบันทกึ เสยี งบทปนพรพอสม สายชมพู, 17 เมษายน 2551) (3) กลาวถึงเครื่องคารวะ และการรับเอาเครอื่ งคารวะน้นั เน้ือหาในสวนน้ี จะกลาวพรรณนาถงึ สิง่ ของทนี่ าํ มาเปน เครือ่ งดําหัว สว นใหญจ ะ กลาวถึงขาวตอก ดอกไม ธูปเทยี น โภชนอาหารตา งๆ และท่ีขาดไมไ ดค ือ นํ้าขมิ้นสม ปอย ดังตวั อยา ง
104 บดั นเ้ี จา ขา ตังหลาย ก็นํามายังเทียนงามและโภชนาหาร นํ้าสุคนั โธทกะจวนจันทน เอามาตงั้ ไวเ หนอื ขัน เพื่อจกั ขอสมมาและถวายทาน เถงิ แกตนตวั แหงเราแทดีหลี (ทวี เขอ่ื นแกว ,2541 : 15 ) ตัวอยางอีกสํานวนหนง่ึ ก็ไดต กแตง แปงพรํา่ พรอ ม นอมนาํ มายังมธบุ ปุ ผา ราชาขาวตอกดอกไมล ําเตยี น นํา้ อบนา้ํ หอม และโภชนอาหาร เพ่อื จักมาห้อื เปน ตาน แกตนตวั แหงขา ต้ังสอ งหนาหากงามดี บัดนี้ตขู าก็มธี รรมเมตตา (อดุ ม อมรจักร, 2521: 150) (4) กลาวยกโทษและใหพรเปน ภาษาลา นนา วัตถุประสงคท ีส่ ําคัญอีกประการหนึง่ ของประเพณดี ําหวั คือ การขอขมาลาโทษ และผูให พรก็มีหนาท่ีตองกลาวยกโทษใหแกผูที่มาคาราวะน้ัน ตลอดจนใหพรเปนภาษาลานนา โดยมี เนื้อหากลาวถึงการอวยพรใหผูรับพรมีอายุยืนยาว มีโชคลาภ เปนท่ีรักใครแกคนท่ัวไป นอกจากนีย้ ัง อวยพรใหเกดิ ความอดุ มสมบรู ณแกผ ูรับพรในดา นตาง ๆ ตวั อยาง จุงห้อื เจา ทังหลายมโี ชคลาภ ลาภสการมีอายุยาวยนื ยิ่ง สพั พส่งิ เงินคาํ สพั พทานจะไปพรอยบาง เปน ท่ีอวดอา งเอ็นดู เปนทีม่ ตุ ใู จใคว หอ้ื เกดิ เปนเจา ผใู หญราชธานี ห้ือมีปญ ญาดีเลิกแลบ หอ้ื มศี ลี 5 ศีล 8 ไวกบั ตนตัว เล้ียงวัวกห็ ื้อมีลกู หลาย เล้ียงควายกห็ อ้ื พลันแพรพ ลนั งอก มีลูกเตา บอกสอนกห็ อื้ ฟงคาํ กระทํากสกิ รรมมนี าและไร จุงไดข าวใหมเต็มฉาง พานชิ กรรมคา ขาย รายรอ งทอ งบานเทยี วเมือง ก็ห้อื สมคําเคืองชุเย่ือง ตราบตอ เทารอดเนรปาน นัน้ จงุ จักมีเทีย่ งแทด หี ลี (ทวี เข่ือนแกว ,2541 : 15 )
105 (5) กลา วใหพ รเปนภาษาบาลี การกลาวใหพรเปนภาษาบาลีเปนเน้ือหาสวนสุดทายของบทปนพรปใหม แสดงวาการ ใหพรน้ันกําลังจะสิ้นสุดลง เนื้อหาของการในพรในข้ันตอนน้ีคลายกับการใหพรเปนภาษาลานนา โดยเนนใหเ กดิ ความเปน มงคลแกผรู บั พร อายยุ นื ยาว ใหม ีแตความสุข การใชภ าษาบาลีเพ่ือเพิ่ม ความเขม ขลงั ศักดิ์สทิ ธ์ิแกการใหพรในครั้งน้ัน โดยถือวาภาษาบาลีเปนภาษาแหงพระธรรม และ บททใ่ี ชกลาวเปรียบเสมือนพระพุทธพจนของพระพุทธเจา ตวั อยา งการใหพ รเปน ภาษาบาลี สพั พตี ีโยววิ ชั สนั ตุ สพั พะโลโกวนิ สั สันตุ มาเต ภะวะตะวันตราโย สขุ ี ตีฆายโุ ก ภะวะอภิ วาทะนะ สลี สิ สะนิจจัง วุฑฒา ปะจายีโน จตั ตาโร ธรรมมา วิช ทนั ติ อายุ วณั โณ สขุ ขงั พลงั (ทวี เขือ่ นแกว ,2541 : 17 ) ภาพรวมของผลการศกึ ษาในบทน้ี พบวา ตวั บทของวรรณกรรมประกอบพิธีกรรม ไดรับ การบันทึกไวในเอกสาร 3 ประเภทไดแก พับสา หนังสือ และสมุดบันทึก สวนรูปแบบคํา ประพันธพบวา สวนใหญจะแตงดวยคําประพันธประเภทราย ยกเวนบทสืบชาตาท่ีเปนภาษา บาลีและแตงดวยคําประพันธประเภทฉันท ทั้งน้ีวรรณกรรมแตละประเภทก็จะมีรูปแบบ โครงสรา งแตกตา งกันออกไปโดยสอดคลอ งกับขน้ั ตอนการทําพิธกี รรม
บทท่ี 4 ภมู ิปญญา และลกั ษณะเดน ของวรรณกรรมประกอบพธิ ีกรรม การศึกษาในบทนี้ จะกลาวถึงภูมิปญญา และลักษณะเดนที่ปรากฏในวรรณกรรมประกอบ พิธีกรรม ท้ังสวนของการประกอบพิธีกรรมและตัวบทวรรณกรรม ซึ่งภูมิปญญาในที่น้ี หมายถึงสิ่งที่ สะทอนใหเห็นถึงความชาญฉลาดในการคิดและจัดการของคนลานนา สวนลักษณะเดน หมายถึง ลักษณะเฉพาะท่ีแตกตางจากวรรณกรรมประเภทเดียวกันในทองถ่ินอ่ืน และแตกตางจาก วรรณกรรมประเภทอ่ืนๆ ในทอ งถน่ิ เดียวกนั ผลการศึกษาวิเคราะห มีรายละเอียดดงั นี้ 4.1 ภูมปิ ญ ญา ก. วเิ คราะหภ มู ิปญ ญาลา นนาจากพิธกี รรม พิธีกรรมที่นําเอาตัวบทวรรณกรรมเขามาใชประกอบพิธีกรรม ไมวาจะเปนเวนทาน สืบชาตา สงเคราะห เรียกขวัญ ข้ึนทาวท้ังสี่ และปนพรปใหม ลวนแลวไดสะทอนใหเห็นภูมิปญญา ของคนลานนาหลายประการ ไมวาจะเปน ภูมิปญญาในการสรา งระบบความสัมพันธระหวางคนกับ ธรรมชาติ คนกับส่ิงเหนือธรรมชาติ และคนกับคน ภูมิปญญาในการสรางระบบคิดเร่ืองวันและฤกษ ยามที่เหมาะสมกับการประกอบพิธีกรรมตางๆ ภูมิปญญาในการคัดเลือกผูประกอบพิธีกรรม ภูมิ ปญญาทางดานศิลปะท่ีสัมพันธกับพิธีกรรม ภูมิปญญาในการใชเครื่องประกอบพิธีกรรมท่ีมี ความหมายเชิงสัญลักษณ และภูมิปญญาในการนําวัสดุธรรมชาติท่ีมีอยูรอบตัวมาใชในพิธีกรรม รายละเอยี ดของการสะทอนภมู ปิ ญญาจากพิธีกรรมในแตละดา น มรี ายละเอียดดงั นี้ 1) ภูมิปญญาในการสรางระบบความสัมพันธระหวางคนกับธรรมชาติ คนกับส่ิง เหนอื ธรรมชาติ และคนกบั คน เอกวิทย ณ ถลาง(2544 : 45) ไดกลาวไววา คนลานนามีความคิด ความเชื่อและระบบ คุณคาที่มีพัฒนาการมายาวนานกวาพันป เรียกวา ภูมิปญญาสะสม ซ่ึงแสดงใหเห็นระบบความคิด ความเช่ือ คุณคา ความหมาย ทาทีและความรูสึกที่คนมีตอการปรับตัวและการเปลี่ยนแปลงตางๆ ซึ่งภูมิปญญาสะสมดังกลาว อานันท กาญจนพันธ (2535 : 50 – 67 อางใน เอกวิทย ณ ถลาง, 2544 : 46) ไดจําแนกได 5 ประการ คอื 1. ความเชื่อเกี่ยวกบั ตนกาํ เนิดของมนษุ ยและชนชาติ 2. ความเชอื่ เกย่ี วกบั อาํ นาจของความอุดมสมบูรณ 3. ความเชอ่ื เก่ยี วกบั การนับถือผี 4. ความเช่อื เกี่ยวกบั ยุคอุดมคตแิ ละการปลดปลอ ย 5. ความเชือ่ เกี่ยวกบั ขวัญ
107 ผวู ิจัยคิดวาคนลานนานาจะมีความคิดวา ระบบความเช่ือเหลานี้จะสงผลใหพวกตนมีชีวิตท่ี มีความสุข จึงไดมีการแสดงออกมาในรูปแบบของการประกอบพิธีกรรม เพ่ือแสดงใหเห็นวา พวกตน มีความเชื่อเรื่องเหลานี้ และในการประกอบพิธีกรรมตางๆ ก็ไดสะทอนใหเห็นภูมิปญญาของคน ลานนา ในการกําหนดความสัมพันธเชิงอํานาจ ระหวางคนกับธรรมชาติ คนกับส่ิงเหนือธรรมชาติ และคนกับคน โดยกําหนดใหคนลานนาอยูรวมกับส่ิงเหลาน้ันดวยความเคารพ อันจะนํามาซึ่ง ความสขุ ในการดาํ เนินชวี ิต เหตทุ ีค่ นลา นนาตอ งแสดงออกถึงความเคารพตอ สงิ่ ตางๆ เหลา นัน้ ผูวิจยั คิดวา นา จะเพ่ือ ความผาสุกในการดําเนินชีวิต กลาวคือ ความปรารถนาของคนในสังคมลานนารวมถึงคนในสังคม อ่นื ๆ ก็คอื ความความสุข ท้ังสขุ ทางกายและสุขทางใจ และสิ่งที่คนลานนาเช่ือวาสิง่ ที่จะบันดาลให เกิดความสุขเหลาน้ันได ก็คือ ธรรมชาติ ส่ิงเหนือธรรมชาติ และคน โดยความสุขที่จะไดรับจาก ธรรมชาตินั้น คือ ความอุดมสมบูรณ ท้ังในรูปแบบของขาวปลาอาหารท่ีเพาะปลูกหรือหาไดจาก ธรรมชาติ ฯลฯ สว นความสุขที่ไดจากสิ่งเหนอื ธรรมชาติ จะสะทอนใหเห็นชัดเจนในความเช่ือเรื่องผี และขวัญ โดยคนลานนาเช่ือวา ทั้งผีและขวัญสามารถปกปองคุมครองและดลบันดาลใหเกิดความ ผาสุก หรอื ทุกขยากได สวนความสุขทไี่ ดจากคนคือ อยูรวมกนั ในสังคมไดอยางมีความสุข ตัวอยางการประกอบพิธีกรรมท่ีสะทอนใหเห็นวาคนลานนามีการกําหนดใหคนอยูรวมกับ ธรรมชาติ ส่ิงเหนือธรรมชาติ และคน ดวยความเคารพ เชน พิธีกรรมข้ึนทาวทั้งสี่ ซึ่งจะพบวา แทบทุกครั้งที่จะมกี ารประกอบพธิ ีกรรมสาํ คญั ๆ ตางๆ จะตองขึ้นทาวท้ังส่ีเพื่อเปนการบอกกลาว แกส่ิงเหนือธรรมชาติ เพ่ือขอใหปกปองคุมครองใหการประกอบพิธีกรรมครั้งน้ันลุลวงไปไดดวยดี ไมมีเหตุรายใดๆ เกิดข้ึน สงผลใหคนอยูรวมกับส่ิงเหนือธรรมชาติไดอยางมีความสุข อีกพิธีกรรม หน่งึ คอื พิธกี รรมดําหัว ซึง่ เปนพิธกี รรมท่ีผูนอ ยไดม โี อกาสไปขอขมาและแสดงความรักความเคารพ ตอผูใหญ และผูใหญก็ไดมีโอกาสใหอภัยแกผูนอยและแสดงความรักความเมตตาตอผูนอยใน รูปแบบของการปนพร สงผลใหคนในสังคมอยูรวมกันไดอยางมีความสุข นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรม ทานขาวใหม ซ่ึงแสดงใหเห็นถึงความเคารพตอขาว ความเคารพตอบรรพบุรุษซึ่งอาจจะเปนบิดา มารดา ญาติพ่ีนองท่ีลวงลับไปแลว หรือ เจาของท่ีนาคนเกา ดังปรากฏออกมาใหเห็นในรูปของการ ถวายทานและอุทิศสวนบุญสวนกุศลไปยังบุคคลเหลานั้นผานบทเวนทานขาวใหม ซึ่งนอกจากจะ เปนการขอบคุณธรรมชาติ สิ่งเหนือธรรมชาติ และคนอ่ืนๆ ท่ีเก่ียวของจนทําใหไดผลผลิตขาว ยัง เปนการเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณจากการไดผลผลิตขาวแลวอีกดวย นอกจากนี้ยังเปนการ แสดงออกโดยเช่ือวาความกตัญูและความเคารพตอส่ิงเหลาน้ัน จะบันดาลใหเกิดความอุดม สมบูรณใ นการปลูกขา วปต อ ๆ ไปดว ย
108 2) ภูมิปญญาในการสรางระบบคิดเรื่องวันและฤกษยามที่เหมาะสมกับการประกอบ พธิ ีกรรมตาง ๆ ในการประกอบพิธกี รรมตาง ๆ คนลานนา จะมีความพิถีพิถันในการเลือกวันและฤกษยามท่ี เหมาะสมกับการประกอบพธิ ีกรรมเหลาน้ัน หากเปน พิธีกรรมเกยี่ วกับงานอวมงคล เชน งานศพ การประกอบพิธีกรรม จะเลี่ยงไมใหตรง กับวันพุธ ดวยคนลานนาจะพูดตอ ๆ กันมาวา “วันพุธบดีเสียผี” หมายถึง วันพุธ ไมควรนําศพไป เผา (สัมภาษณ พอหนานสวน ยาวิชัย,10 พฤศจิกายน 2550 นอกจากจะเล่ียงไมใหตรงกับวันพุธ แลว ตองดูตามปฏิทินไมใหตรงกับวันเกากองตามระบบการนับวันแบบคนไทลื้อดวย ซ่ึงสาเหตุท่ี ไมใหตรงกับวันเกากอง เพราะมีเรื่องเลาวาในอดีต เคยมีคนนําศพไปเผาวันน้ี จากนั้นภายในวัน เดียวกันก็มีคนตายเพิ่มอีกเรื่อย ๆ จนนับจํานวนกองไฟที่ใชเผาศพไดถึงเกากอง หรือเกาศพ (สัมภาษณเกริก อัครชโิ นเรศ, 25 กรกฎาคม 2551) หากเปนพิธีกรรมที่เก่ียวกับงานมงคล ก็พิจารณาแยกยอยไดตามประเภทของการประกอบ พิธีกรรม หากเปนพิธีกรรมใหญ เชน พิธีกรรมสืบชาตา บวช แตงงาน ก็จะตองหาวันดี และตอง พิจารณาจากระบบปฏิทินหลายระบบประกอบกัน โดยมีหลักในการพจิ ารณาตามลําดับดังนี้ 2.1 พิจารณาเลอื กเดอื น คนลานนาในอดีต จะนับวันเวลาตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเดือนทางลานนา จะนับเร็วกวา เดือนทางจันทรคติของภาคกลางไป 2 เดือน เชน ชวงเทศกาลลอยกระทง ทางลานนา จะเปน เดือนย่เี พ็ง หรอื เพ็ญเดอื นสอง แตภาคกลางจะเปน เพญ็ เดือนสิบสอง เดือนตาง ๆ ทางจันทรคติ ของลานนา มดี ังน้ี (สมั ภาษณพระครสู ริ ิ สตุ าภิมณฑ,17 พฤศจกิ ายน 2550) เดือนเกย๋ี ง(อาย)ประมาณเดอื นตุลาคม เดือนย่ี ประมาณเดอื นพฤศจกิ ายน เดอื นสาม ประมาณเดือนธันวาคม เดอื นสี่ ประมาณเดือนมกราคม เดือนหา ประมาณเดือนกุมภาพันธ เดอื นหก ประมาณเดอื นมีนาคม เดอื นเจด็ ประมาณเดือนเมษายน เดอื นแปด ประมาณเดือนพฤษภาคม เดอื นเกา ประมาณเดอื นมถิ นุ ายน เดือนสบิ ประมาณเดือนกรกฎาคม เดือนสิบเอด็ ประมาณเดอื นสงิ หาคม
109 เดอื นสบิ สอง ประมาณเดอื นกนั ยายน การพจิ ารณาเลอื กเดอื นทเี่ หมาะสมในการประกอบพิธกี รรมมงคล ขน้ึ อยกู บั วา จะประกอบ พธิ ีกรรมใด หากเปนพธิ ีกรรมแตง งาน ปลูกบานใหม หรือ ข้นึ บานใหมจะเลอื กเดอื นทเ่ี ปนเลขคู เชน เดอื นยี่ เดือนสี่ หากเปนงานเฉลมิ ฉลองถาวรวตั ถทุ างพระพทุ ธศาสนา จะนยิ มเลอื กจัดในเดือน ที่อยใู นชว งฤดหู นาว เพราะเปน ชว งทเี่ สร็จสน้ิ จากการปลกู ขาว และชวงน้ันไมค อ ยมฝี นตก เชน เดอื นส่ี เดือนหา เดือนหก เปน ตน (สัมภาษณพอ หนานภูมรนิ ทร ชมุ , 22 ธันวาคม 2550) อน่ึง ชวงเขา พรรษา คนลานนาจะไมน ยิ มประกอบพธิ กี รรมมงคลใด ๆ ไมว าจะเปน แตงงาน ปลกู บา นใหม หรอื ขึ้นบานใหม 2.2 พิจารณาเลอื กวัน การพิจารณาวันที่เหมาะสมแกการประกอบพิธีกรรม พิจารณาหลายระบบประกอบกัน การ นบั วนั แตล ะระบบมีดงั น้ี 2.2.1 ระบบวนั เม็ง ระบบวันเม็ง คอื การเรยี กวนั ตามปฏทิ นิ สรุ ยิ คติ คือ วันอาทิตย วนั จนั ทร วนั องั คาร วันพุธ วันพฤหสั บดี วนั ศกุ ร วนั เสาร การพิจารณาวันตามระบบวันเม็งนี้ ตองเลือกวันที่ไมตรงกับวันเสียของแตละเดือน ซึ่งวัน เสยี ของแตละเดอื น มดี งั นี้ เดอื นเกยี๋ ง(อา ย)วนั เสียประจาํ เดอื นคือ วันอาทติ ย และ วันจันทร เดือนยี่ วนั เสยี ประจําเดือนคอื วันองั คาร เดือนสาม วนั เสยี ประจําเดอื นคือ วันเสาร และ วันพฤหสั บดี เดอื นส่ี วันเสียประจําเดือนคอื วันศุกร และ วันพุธ เดอื นหา วนั เสยี ประจําเดอื นคอื วนั อาทติ ย และ วันจนั ทร เดอื นหก วันเสียประจําเดือนคือ วนั อังคาร เดือนเจ็ด วันเสียประจาํ เดอื นคอื วันเสาร และ วนั พฤหสั บดี เดือนแปด วนั เสียประจําเดือนคือ วนั ศุกร และ วนั พธุ
110 เดอื นเกา วนั เสยี ประจําเดอื นคอื วนั อาทติ ย และ วันจันทร เดอื นสบิ วนั เสยี ประจําเดือนคอื วันองั คาร เดือนสบิ เอด็ วนั เสียประจําเดือนคือ วนั เสาร และ วันพฤหสั บดี เดือนสบิ สอง วนั เสียประจาํ เดอื นคอื วันศกุ ร และ วนั พธุ (ปกขทนื ลานนา, 2552) 2.2.2 ระบบวนั ขางขนึ้ ขา งแรม ในการนบั วนั ทางจนั ทรคติ จะเร่ิมนับจากขึ้น 1 คํ่า เร่ือยไป จนถึงขึ้น 15 ค่ํา จากน้ันจะนับ ตอเปน วันแรม1 คาํ่ เรื่อยไปจนถึงวนั แรม 14 ค่ํา หรือวันแรม 15 ค่ํา ข้ึนอยกู ับวาเดือนน้ันเปนเดือน อะไร หากเปน เดอื นท่เี ปนเลขคู เชน เดอื นย่ี เดอื นส่ี เดอื นหา วันสุดทา ยของเดอื น หรอื ทคี่ นลา นนา เรียกวา วนั เดือนดบั จะเปน วนั เลขคี่ คือ วนั แรม 15 คา่ํ แตห ากเปนเดือนท่ีเปน เลขค่ี เชน เดือนสาม เดอื นหา เดอื นเจด็ วันสดุ ทา ยของเดอื นจะเปนวันแรม 14 ค่ํา คนลานนานิยมเรียกใหทองจํางายๆ วา “เดือนค่ดี บั คู เดอื นคดู ับค”่ี (พอหนานดุสติ ชวชาต,ิ 14 กันยายน 2551) โดยในแตละวัน จะมีทง้ั วันดีและไมดี และแตละตํารา ก็จะมีวิธีนับท่ีตางกัน ตําราหน่ึงซึ่งถือวาไดรับความนิยมมาก คือ ตาํ ราจากหนังสอื ประเพณเี ดิม ของทวี เขื่อนแกว ท่มี กี ารบอกวาแตละวันดีหรือไมดีดังนี้ (ทั้งขางขึ้น ขางแรมใชเหมอื นกัน) 1 คาํ่ ชา งแกวขน้ึ สูโ รงธรรม ดี 2 คํ่า ฟง ธรรมกลางปาชา ไมดี 3 คา่ํ ลา งมือถาคอยกนิ ดี 4 ค่ํา นอนปลายตีนตากแดด ไมดี 5 คํ่า ผีลอ มแวดปองเอา ไมด ี 6 คํ่า ลงสาํ เภาไปคา ดี 7 คาํ่ เคราะหอ ยถู า คอยชน ไมดี 8 คาํ่ สาละวนบเ ม้ียน ไมด ี 9 ค่าํ ถูกเสี้ยนพระราม ไมด ี 10 คาํ่ หาความงามบไ ด ไมดี 11 คํ่า ขไี้ รเกดิ เปน ดี ดี 12 คาํ่ บมีดีสกั หยาด ไมด ี 13 ค่าํ ไชยปราบชมพู ดี 14 ค่ํา ศัตรูปองราย ไมดี 15 ค่าํ ถูกแมผหี วั หลวงปองเอา ไมด ี
111 (ทวี เขอ่ื นแกว ,2524: 147) 2.2.3 ระบบวนั หนไท ในระบบวนั หนไท จะมกี ารบอกไววาในแตละวัน ควรหรือไมควรทํากิจกรรมใดบาง ซ่ึงวันใน ระบบหนไท มอี ยจู าํ นวนท้ังสิ้น 60 วัน ดังนี้ วันกาบใจ ไมควรแตงงาน การข้ึนบา นใหม บรรพชาอปุ สมบทและพิธีมงคลอน่ื ๆ ดี วันดบั เปา ไมควรออกจากบา นไปคาขายตา งถ่ิน จะถกู โจรฆาตาย วนั รวายยี อยาเลี้ยงสุราแกเ จานาย ขุนนางใหญ จะทาํ ใหเกดิ เรอื่ งราวและหน้สี ิน วันเมอื งเหมา ไมค วรทาํ สวน ถางหญา ตัดตนไม ไมค วรยกทัพไปรบ จะถูกศัตรูฆาตาย วนั เปก สี อยา เรม่ิ ทอผา ผา ผนื นั้นหากใครนุงแลวจะเปนอนั ตราย เหมาะแกการ หมัน้ หมาย วนั กดั ใส อยาซื้อมีด หอก ดาบ จะฆาตนเอง อยา หวานกลา วดั กดสะงา อยาไปคาขายตา งถ่นิ จะไดรบั อันตราย วนั รว งเมด็ อยาไปลาสัตว ทําหนา ไม ธนู อยา เดินทางเขาปาจะหลงทาง วันเตา สนั ทาํ คอกสัตวเ ลยี้ งจะแพรพันธุดี ผูกมติ รวันน้ีจะใหค ณุ แกตนในวันขา งหนา วันกา เรา ทาํ พิธสี ขู วญั เรยี กขวญั จะหายจากพยาธโิ รคภัย ทําตาขา ยจบั ปลาดี วนั กาบเส็ด อยา เอาไหมมาคาดฝก ดาบ จะฉิบหาย สรา งหกู ทอผา เจาของจะอายสุ ้ัน วนั ดบั ใค อยาตดั ผม โกนหนวดจะเกดิ ความเจ็บไข อยา ตดั เสอ้ื ผา จะเส่อื มศกั ด์ิศรี วันรวายใจ อยาขม่ี า เดินเมือง ผจี ะทําใหปวยหนัก วันเมอื งเปา อยาหุม กลอง อยาทําผาปูทน่ี อน ฟกู หมอน จะเปน อนั ตราย วนั เปกยี อยาทาํ เสือ่ สาด เครอื่ งลาดปูนงั่ จะทาํ ใหต ายโหง วันกดั เหมา หาไมมาทําเรือนดี อยแู ลว เจริญรงุ เรือง ไปคา ขายจะราํ่ รวย วันกดสี หาไมมาทาํ เรอื ทาํ เรอื น จะอยูดมี สี ขุ ตลอดชวี ิต วันรวงใส อยา ทาํ เชือกลา มสัตว สตั วจ ะตาย วันเตาสะงา ไมควรข่ีมา เทีย่ วไปตางเมอื ง วันกาเมด็ อยา ซ้อื หรือทาํ มดี หอก ดาบ จะฆา ตวั เองตาย วนั กาบสัน อยาตัดเสอ้ื ผา แตท ําคอกสัตวดี วนั ดบั เรา ควรตดั ผม ผหู ญงิ จะรักชอบ วนั รวายเส็ด ปลกู หมาก มะพรา ว ตาล จะไมไ ดผล วนั เมืองใค ยกทัพไปรบศึกจะชนะ ไปสูข อสาวดี วนั เปก ใจ เรยี นคาถาอาคม สกั หมกึ ดี
112 วันกดั เปา อยาหุมกลอง อยา แขงขัน พนัน ทาประลอง หรือทะเลาะววิ าท จะฉิบหาย วนั กดยี ไปคาขาย จะไดสัตว 4 เทา วันรวงเหมา ไมค วรตดั ไมมาทาํ เรือน อยาสรา งวิหาร หอโรง ทอี่ ยูอาศัย วนั เตา สี ไมค วรแตง งาน จะหยาราง ปลกู พืชผกั ดี วันกา ใส แตง งานดี จะมที รพั ยมาก หากไปงานเลย้ี งจะทะเลาะววิ าท ขัดแยง กนั วันกาบสะงา ไมค วรแตง งาน ชีวิตจะไมย ั่งยนื สรางยุงฉางดี วนั ดับเมด็ ไมควรแตง งาน ชวี ติ คูจ ะไมยงั่ ยืน ไปคา ขายจะถกู ฆา ตาย วนั รวายสนั อยาตัดเสือ้ ผา ตัดตนไมมาทาํ รัว้ หรอื กอ กาํ แพงดี วนั เมอื งเรา ไปงานเล้ยี งจะถูกคนอนื่ สบปรามาทใหไดขายหนา วนั เปก เส็ด อยา ไปรบ จะถูกฆา ตาย วนั กัดใค ทาํ ธนหู นา ไม จะพบกบั ความอับโชค ยิงสัตวไ มถ ูก วดั กดใจ ไปคา ขายจะไดเ ส้ือผา เงนิ ทอง วันรว งเปา อยา ปลกู พืช ววั ควายจะรบกวน วนั เตา ยี ปลูกมะพรา ว หมาก ตนตาล ดีมาก วันกาเหมา อยา ใหของแกผ ูอ่นื จะเสียมากกวาได วันกาบสี ผสมหาง(ชาด) สที ไ่ี ดจ ะแดงดี วนั ดับใส เกดิ ลกู วันน้ี จะเล้ียงไมโ ต ตายตั้งแตเด็ก วนั รวายสะงา ตดั ไมท ําครก สาก ทําโรงเรอื นเก็บของดี วันเมอื งเม็ด ทําแห จะจบั ปลาไดมาก วันเปกสัน อยา ตัดเส้ือผา สวมใสแ ลวจะเกิดความเดอื ดรอ น อยา เล้ยี งสุราแกเ จา นาย จะเดือดรอ น วันกัดเรา ขงึ ตาขา ยดักนก ทําถงุ ใสเงนิ ดี วนั กดเส็ด ไมควรแตงงาน จะเสยี ทรัพย สมบัติจะฉบิ หาย อยา ทําเชอื กลา มวัวควาย จะทําใหสัตวตอ งตาย วนั รว งใค ไมค วรแตงงาน มกั จะเกดิ การหยา ราง เลย้ี งแขกจะเกดิ การทะเลาะววิ าท วนั เตาใจ ทําคอกสตั วเ ลย้ี งจะแพรพันธดุ มี าก วนั กา เปา แตง งานดี มีหลักฐานม่นั คง และจะรกั กนั ม่ันคง ไมค วรนาํ เรือลงนาํ้ เรือมักจะลม วันกาบยี แตงงานดจี ะรักกันมน่ั คง ไมค วรลงน้ํา เขาปา จะมภี ัย วนั ดบั เหมา แตง งานดี จะรักกนั ม่นั คงมีทรัพยมาก ตัดเย็บเส้อื ผา จะมีคนรักมาก
113 วันรวายสี ไมค วรแตง งาน พอ แมจะอายุส้ัน ทาํ ฟูก ท่นี อนดี วนั เมอื งใส ไมค วรแตง งาน พอแมจ ะอายุสนั้ อยา ออกรบทัพจับศกึ จะไดร ับบาดเจบ็ วันเปก สะงา ไมค วรแตง งาน มักเกิดการหยา รา ง อยา ขม่ี า เดินเมอื ง จะเกดิ อนั ตราย วนั กดั เม็ด ไมควรแตงงาน จะหยารา ง ซือ้ สัตวม าเลยี้ งดมี าก วนั กดสัน แตง งานดี จะมที รัพยมาก อยา ตดั เสื้อผา สูขอสาวดี พอแมฝ ายหญงิ จะเมตตา วันรว งเรา แตง งานดี จะรักกันมน่ั คง ทําผา หม ผา นวม คนในเรอื นจะตาย วันเตาเสด็ ไมควรแตง งาน จะอยูด ว ยกันไมนาน อยาทาํ เตาไฟ ผเี รือนไมพ อใจ จะใหโทษ วันกาใค ไมค วรแตง งาน ซื้อสตั วมาเลย้ี ง สตั วจะอายสุ ้ัน (ปกขทืนลา นนา, 2552) 2.2.4 ระบบวนั เกากอง วันในระบบวันเกากอง จะบอกวาวันใดควรหรือไมค วรทํากิจกรรมใด มีอยูจํานวนท้ังสิ้น 12 วัน ไดแก วันเกากอง ประกอบพิธีกรรม กระทาํ กิจกรรมไดทุกอยา งแตไมค วรเผาศพ วันรองพนื เหมาะสาํ หรบั ทําสวนไรน า ทําร้ัวบานดี วันพืนดอก อยา เพงิ่ นาํ ภรรยามาอาศัยในบาน วนั พนื ดาย ทําการใดกด็ ีทกุ ประการ วันสพู กั ไมควรขดุ ดิน ทาํ สวนไรน า วนั รับได ไมค วรออกบา นไปคาขาย ไมควรสรา งบา นใหม วันรับตาย เหมาะสําหรบั ปรงุ ยารักษาโรค วนั ขวํ้าได ไมค วรไปคาขาย เมยี มักจะมชี ู ควรทาํ ความสะอาดบา นเรือน วนั ไสเจา ไมค วรทําอะไรเก่ยี วกับเจา นาย จะเกดิ โทษ วนั ไสเสีย ไมควรปรุงยา แตเ หมาะสาํ หรบั สง ภยั ถอนบา นเรอื น วนั ทายพา ว ไมควรตีเหลก็ ทําดาบ จะเปนภัยแกต วั เอง วนั ยีเพยี ง ไมควรทําการศึก แตเ หมาะสําหรบั ทํานาทําไร เลีย้ งววั ควาย ซ้อื ของ มาใหม ดี (ปกขทืนลานนา, 2552)
114 2.2.5 ฟาตีแฉง เศษ การพิจารณาวันในระบบวันฟาตีแฉงเศษ จะมีการคํานวณไววา ในแตละวันฟาตีแฉงเศษ อะไร แลว ดหี รอื ไม ซึ่งจํานวนแตล ะตัวเลข มคี วามหมายดงั น้ี เศษ 0 , 1 , 8 ไมดี เศษ 3 , 7 ไมด ี เศษ 2 , 4 , 5 , 6 ดี (ปก ขทืนลานนา, 2552) 2.3 พจิ ารณาเลอื กฤกษ หรอื เวลา นอกจากจะพิจารณาเดอื นและวันใหเหมาะสมแลว ฤกษก็เปนส่ิงสําคัญมากเชนกัน ดังน้ันใน แตล ะวนั จึงควรหาฤกษท ่เี ปนมงคล ซ่ึงแตล ะวนั มรี ายละเอยี ดดงั น้ี วันอาทติ ย 09.00 – 10.30 น. 16.00 – 18.00 น. วันจนั ทร 07.30 – 09.00 น. 13.30 – 15.00 น. 16.00 – 18.00 น. วันองั คาร 12.00 – 13.30 น. วนั พุธ 09.00 – 10.30 น. วนั พฤหัสบดี 09.00 – 10.30 น. วนั ศกุ ร 10.30 – 12.00 น. วนั เสาร 12.00 – 13.30 น. (ปกขทนื ลานนา, 2552) การพิจารณาเลือกวันที่เหมาะสมกับการประกอบพิธีดังที่ไดกลาวมาขางตน เปนเกณฑใน การเลือกวันอยางละเอียด สําหรับใชประกอบพิธีกรรมท่ีมีความสําคัญมาก เชน บวช แตงงาน ขึ้น บานใหม สืบชาตา เปนตน ซ่ึงพิธีกรรมเหลานี้ จําเปนอยางยิ่งที่จะตองพิจารณาวันในหลายๆ ระบบ ใหรอบคอบ เพ่ือหาวันที่ไมมีสวนเสียเลย หรือ หากเลี่ยงไมไดจริงๆ ก็ใหไดวันท่ีมีสวนดีมากกวา สวนเสีย อยางไรก็ตาม บางพิธีกรรม เชน พิธีกรรมสงเคราะห ก็อาจไมจําเปนตองหาวันอยาง ละเอยี ดเชนน้ี อาจพจิ ารณาแควา ไมใหตรงกับวันเสยี ประจาํ เดอื นนั้น ก็ถือวาใชไดแลว(สัมภาษณพอ หนานประสทิ ธิ์ โตวเิ ชียร, 15 กันยายน 2551)
115 นอกจากน้ี คนลานนายังมีความเช่ือวาในรอบ 1 ป วันท่ีถือวาเปนวันดีท่ีสุด เปนมงคลที่สุด คือ วันพญาวัน ซึ่งสวนใหญจะตรงกับวันท่ี 15 เมษายนของทุกป ไมวาระบบการนับวันแบบอื่นๆ เปน อยางไรก็ตาม ก็ถือวาไมม ีผล ยกตัวอยางเชน ในเดือน 7 วันเสียประจําเดือนคือ วันเสารและวัน พฤหัสบดี สมมุติวาวันพญาวันปนั้น ตรงกับวันพฤหัสบดี แมจะเปนวันเสีย แตเน่ืองจากเปนวัน พญาวัน จึงถือวาเปนวันดี และเปนวันท่ีดีมากดวย ดังน้ันจึงมีการประกอบพิธีกรรมสําคัญ ๆ หลาย พิธีกรรมในวันพญาวันน้ี (สัมภาษณพ อหนานประสทิ ธิ์ โตวเิ ชยี ร, 15 กันยายน 2551) อยางไรก็ตาม บางพิธีกรรมมีการกําหนดวันไวตายตัววาจะตองประกอบพิธีกรรมวันใด เชน สงเคราะหบานจะตองประกอบพิธีกรรมในวันที่ ปากป (ประมาณวันที่16 เมษายน) ทานขาวใหม (เวนทานขา วใหม) จะตองประกอบพธิ ีกรรมในวนั เพ็ญเดือนส่ี เปน ตน 3) ภมู ิปญญาในการคัดเลอื กผูป ระกอบพธิ กี รรม ผูประกอบพธิ กี รรมนบั วาเปน องคป ระกอบหนึ่งท่ีมคี วามสาํ คัญในการประกอบพธิ กี รรมตางๆ ดว ยในหลายพธิ กี รรม คนลานนาเชอ่ื วา เปน พธิ ีกรรมทีม่ คี วามศกั ด์ิสทิ ธ์แิ ละมคี วามขลัง เพราะฉะนัน้ ผทู ่ี จะทําหนา ทีใ่ นการทาํ ใหพธิ กี รรมนนั้ เกดิ ความศกั ดิ์สิทธ์ิ ก็ตอ งเปน คนท่ีมีความพิเศษแตกตางจากคน ธรรมดาทว่ั ไป ไมใ ชว า ใครจะมาประกอบพิธกี รรมกไ็ ด ซ่งึ ผูที่รับหนา ท่ใี นการประกอบพิธีกรรมตา ง ๆ สว นใหญช าวจะคดั เลือกไวห มูบา นละ 1 คน เรยี กวา “ปจู ารย” บางแหงเรียก “ปูอาจารย” หรือ “พอ จารย” มคี วามหมายเทียบเทาไดก ับคําวา “มคั นายก” ของทางภาคกลาง สําหรบั ความหมายของคําวา “ปูจารย” สารานกุ รมวฒั นธรรมไทยภาคเหนือ เลม 8 ( 2538 : 3542)ไดกลาวอธบิ ายไวว า ปูจ ารยหรอื ปูอาจารยหมายถงึ บคุ คลที่มีความรดู า นพทุ ธศาสนา และพทุ ธ ศาสนพธิ ี เปนผนู ําในการไหวพระ รับศีล เวนทาน หรือการประกอบพิธตี างๆ ท้งั การประกอบพธิ ีในวัด และในบา น คุณสมบตั ขิ องผทู ี่จะมารับตําแหนง ปจู ารยของแตล ะหมูบ านน้ัน จะตองประกอบไปดว ย คณุ ลกั ษณะดงั นี้ คือ 1. ตอ งเคยผานการอุปสมบทมากอน หรือทีช่ าวบา นเรยี กวา “หนาน” คนลา นนาจะเรยี กผูท เ่ี คยผานการอปุ สมบทมาแลว วา “หนาน” และเรยี กผูทเี่ คยผานการ บรรพชามาแลว วา “นอ ย” ผูท ีจ่ ะมารบั หนา ทีเ่ ปน ปจู ารยได จะตองเปน หนานเทา นน้ั หากหนานคนใด เคยเปน อดตี เจา อาวาสที่มีใบประกาศแตงตง้ั จากทางราชการ เวลาสึกออกมาจะเรยี กวา “หนานหลวง” แตหากเปนเพยี งพระลูกวดั ธรรมดาเวลาสกึ ออกมาเปนเปน เพยี ง “หนาน” เทา นัน้ ระหวา ง “หนาน หลวง” และ “หนาน” หากหมูบานใดมหี นานหลวง ก็จะพจิ ารณาเลือกไวเ ปน ปจู ารย กอ นหนานธรรมดา
116 เพราะเชื่อวา เวลาหนานหลวงประกอบพธิ กี รรมใดๆก็ตาม จะมคี วามขลงั และปราบชนะขดึ หรือขอ อบุ าทวตางๆได อยา งไรกต็ าม ในกรณีที่หมูบา นนนั้ ไมมีผูท่ีเคยอุปสมบทมากอนแมแตคนเดียว ก็จะมีการแกไ ข ขอกําหนดโดยพิจารณาคัดเลือกเอาผูทเี่ คยผานการบรรพชามากอน หรือ ที่เรียกวา “นอย” แลวทําการ อุปสมบท หรือ เปก (มาจากภาษาบาลีวา อุปสัมปทา เปกฺข) เพ่ือใหเปนพระ ในชวงระยะเวลาส้ันๆ ประมาณ 1-3 วัน แลวก็ใหสึกออกมาเพื่อใหบุคคลผูนั้น มีสถานภาพเปน “หนาน” ถึงจะสามารถปฏิบัติ หนาท่ีเปนปูจารยได ดังภาษิตลานนาบทหน่ึง กลาววา “บดีเอานอยเปนอาจารย บดีเอาหนานเปน ชางซอ” หมายถึง ไมควรเอา “นอย” มาทําหนาที่เปนปูจารย และไมควรเอาหนานไปเปนชางซอ ซึ่ง สะทอนใหเห็นถงึ คานิยมดงั กลา ว 2. มอี าวุโส ในการคัดเลือกปจู ารยใ นแตล ะหมูบานนน้ั หากหมูบ า นใดมี หนานหลายคน ชาวบา นก็จะใช เกณฑอ าวโุ ส ซง่ึ อาจจะอาวุโสดวยอายวุ ยั หรอื อาวโุ สดวยอายกุ ารบวช แลว แตช าวบานจะเหน็ สมควร 3. มีไหวพริบปฏภิ าณ ผูที่จะมาทําหนาท่ีเปนปูจารยไดน้ัน ลักษณะสําคัญประการหนึ่งก็คือ ตองมีไหวพริบ ปฏิภาณดี เพราะอาจกลาวไดวา ปูจารยคือผูดําเนินงานและผูนําในการประกอบพิธีกรรมตางๆแทบจะ ทุกพิธี ซ่ึงบางคร้ังการจัดงานหรอื พิธีกรรมตางๆ อาจมีปญหาเฉพาะหนาใหแกไข ปูจารยก็ตองรูจักใช ไหวพริบปรับและแกไขใหมีความเหมาะสม ยกตัวอยางเชน การประกอบพิธีกรรมบางอยางเริ่มตน ประกอบพธิ ีชากวากําหนดการ และทางเจาภาพหรือศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย ตองการใหพิธีกรรมน้ันๆ จบสิ้นลงอยา งรวดเร็ว ปูจ ารยก็จะตอ งตดั หรือลดั บางข้นั ตอนที่ไมส าํ คญั ออกเพื่อใหท ันเวลา เปนตน 4. มคี วามเสียสละ ผูที่จะเปนปูจารยไดน้ันจะตองเปนผูที่มีความเสียสละสูง เพราะมีภาระหนาท่ีหลายประการให รับผิดชอบ นับต้ังแตงานสวนรวม เชน ทุกครั้งท่ีมีงานบุญที่วัด ปูจารยจะตองไปดวย เพราะหากขาด ปูจ ารยก ็ไมส ามารถประกอบพธิ ีกรรมน้ันๆได นอกจากนนั้ กย็ งั มงี านสว นตัวของชาวบา นแตละคน เชน งานแตงงาน การเรียกขวัญ งานขึ้นบานใหม งานศพ การสงเคราะห ฯลฯ เรียกไดวา พิธีกรรมเกือบทุก อยางในชุมชน ปูจารย ตองเปนผูท่ีมีสวนรวมสําคัญเสมอ และทุกคร้ังเม่ือมีชาวบานมาเชิญไปรวม ประกอบพธิ ีกรรม ถึงแมจะมีภารกิจสวนตัวท่ีตองกระทํา ก็ตองเสียสละไปปฏิบัติภารกิจของผูอ่ืนกอน เสมอ
117 5. เปน ผูป ระพฤติดปี ระพฤติชอบ คุณสมบัติประการน้ี นับวามีความสําคัญอยางมาก เพราะกิจกรรมตางๆ ท่ีปูจารย มีสวนรวม สําคัญในการประกอบพิธีน้ัน จะเปนกิจกรรมหรือพิธีกรรมท่ีเกี่ยวเน่ืองกับความศักดิ์สิทธ์ิที่ตองอาศัย ความศรัทธา ท้ังศรทั ธาตอพิธีกรรมและตอตัวผูประกอบพิธีกรรม หากปูจารย มีความประพฤติท่ีไม เหมาะสม ชาวบานกจ็ ะเชือ่ กันวา จะสงผลทําใหพ ิธกี รรมนนั้ ๆ คลายความศักดสิ์ ิทธลิ์ งไป 6. มีความรเู รื่องศาสนพิธี คณุ ลักษณะสําคญั อีกประการหนึ่งของผูที่จะมาทําหนาท่ีเปนปูจารยนั้นก็คือ จะตองมีความรูใน เรอ่ื งศาสนพธิ มี ากพอสมควร เพราะในการประกอบพิธกี รรมตางๆน้ัน ปจู ารย ถือไดว า จะตองเปนผูท่รี บั หนา ทเ่ี กอื บทุกอยาง นบั ต้ังแตแ นะนาํ การจดั เตรียมสถานท่ี ลําดับขน้ั ตอนในการประกอบพิธี เปนพิธีกร ฯลฯ และทีส่ ําคัญคือ เปนผูประกอบพธิ ี เชน ในการเวนทานเปน ตน สวนสาเหตุที่ทําใหปูจ ารยพน จากตําแหนง อาจมีดว ยกันหลายประการ เชน 1) เสยี ชวี ิต 2) ลาออกดว ยความชราภาพ 3) ลาออกดวยภารกจิ สว นตัว 4) มีปจู ารยคนใหมท ่ีมคี ณุ สมบัติดกี วา สว นหนา ท่ขี องปูจารย มีดงั น้ี 1. ชวยหาฤกษยามใหกับชาวบาน ทั้งในงานที่เปนมงคลเชน ปลูกบานใหม ข้ึนบานใหม แตง งาน เปนตน หรือในงานอวมงคล เชน หาวันท่จี ะนําศพไปฌาปนกจิ เปน ตน 2. ชวยตรวจดูดวงชะตาของชาวบานในกรณีท่ีชาวบานเจ็บปวยหรืออาจจะประสบกับ เคราะหภัย ตางๆ เชน อุบัติเหตุ โดยจะมีการแนะนําใหชาวบานประกอบพิธีกรรมตามความ เหมาะสม เชน รดนํ้ามนต สงสะทวง (อาน “สะตวง” )หรือกระทงสะเดาะเคราะห บูชาธาตุ สบื ชาตา เปน ตน 3. เปนผูนําในการประกอบพิธีกรรมทุกอยาง ท้ังพิธีกรรมในงานบุญ งานมงคล และ อวมงคล
118 4) ภูมิปญ ญาทางดา นศลิ ปะทีส่ มั พนั ธก บั พิธกี รรม พธิ ีกรรมหลายพิธกี รรม จาํ เปน จะตอ งจดั เตรียมเครอื่ งประกอบพิธกี รรมใหพรอมและถูกตอง เพื่อใหการประกอบพิธีกรรมในครั้งน้ันดําเนินเสร็จลุลวงไปไดอยางสมบูรณ ในการจัดเตรียมเครื่อง ประกอบพิธีกรรมแตละคร้ัง นอกจากจะทําใหถูกตองแลว อาจมีการประดิษฐใหมีความวิจิตรบรรจง งดงามจับตาผูพบเห็น เชน ในพิธีกรรมเรียกขวัญ ทั้งเรียกขวัญลูกแกวและเรียกขวัญคูบาวสาว เคร่ืองประกอบพิธีกรรมหน่ึง ที่สําคัญมากและจะตองจัดเตรียมไว คือ บายศรี ซึ่งคนลานนา ไดมี การประดิษฐใหมีความงดงาม สืบทอดกันมารุนตอรุน และไดพัฒนารูปแบบใหสวยงามย่ิงๆ ข้ึนจน ปจจุบันจัดไดวาบายศรีลานนา ก็เปนงานศิลปะแขนงหนึ่งท่ีคนลานนาภาคภูมิใจ และยังเปน เอกลักษณของลา นนาเองดวย ซ่งึ ก็มีทมี่ าจากการใชเปน เคร่อื งประกอบพิธีกรรมเรียกขวัญนนั่ เอง นอกจากน้ีงานศิลปะแขนงอื่น ๆ เชน การตัดตุง การตัดชอ การตัดกระดาษ ก็นับไดวามี ที่มาจากการใชเปนเคร่ืองประกอบพิธีกรรมท้ังนั้น อยางเชน การตัดตุง ก็มีท่ีมากจากการเวนทาน เจดียทราย คือ ตัดตุงเพ่ือนาํ ไปใชป ก กองเจดยี ทราย ในวนั พญาวันของชว งเทศกาลสงกรานตหรือป ใหมเมือง หรือ การตัดชอ ก็มีท่ีมาจากการใชเปนเครื่องประกอบพิธีกรรมสืบชาตาและสงเคราะห เปน ตน 5) ภูมปิ ญ ญาในการใชเ ครื่องประกอบพธิ ีกรรมทมี่ ีความหมายเชงิ สญั ลกั ษณ ในการจัดเตรียมเคร่ืองประกอบพิธีกรรมตางๆ เครื่องประกอบพิธีกรรมหลายชนิดอาจหา ยาก หรือ อาจจะตองใชในจํานวนท่ีมากเกินกวาท่ีชาวบานธรรมดาจะสามารถหามาได ดังน้ันคน ลานนา จึงมีวิธีเล่ียงไปใชสิ่งอื่นท่ีสามารถนํามาใชแทนกันได เชน เบี้ย หรือหอยเบี้ยที่ในอดีตใช แทนเงินตราในการซ้ือขายแลกเปล่ียนปจจุบันหายากมาก ในบางพิธีกรรมตองใชเบ้ียเปนจํานวน มาก เชน ในพิธีกรรมสืบชาตา เครื่องประกอบพิธีกรรมในสวนของขันต้ัง ตองใชเบี้ย จํานวน 108 ดังนั้นหากจะใหหาหอยเบี้ยจํานวน 108 ตัว ก็คงหายากมาก ดังนั้นคนลานนาจึงเล้ียงไปใชส่ิงอ่ืน แทน เชน ลูกเดือยหิน ซ่ึงมีลักษณะคลายกับรูปรางของหอยเบี้ย หรือ ใชใบของพืชชนิดหนึ่งซึ่ง คนลานนาเรียกวาเบี้ย ซึ่งมีชื่อพองกับคําวาหอยเบี้ย เปนตน (สัมภาษณพอหนานสุทัศ หนักต้ือ, 18 พฤศจกิ ายน 2550) อกี ตวั อยางหนึ่ง เชน ขาวสารพัน ตามความหมาย คือ ขาวสารจํานวน 1,000 ลิตร ซึ่งหาก ใชข าวสารมากเทา นี้จริงมาเปน เครื่องประกอบพิธีกรรม คงเปนเรื่องลําบากมาก ดังน้ันคนลานนาจึง นําขวดแกวใสสําหรับใชใสเหลา ซึ่งคนลานนา ออกเรียกขวดใสชนิดนี้วา “ขวดพัน” (ออกเสียง ปน) ซึ่งมีเสียงพองกับคําวา พัน ที่หมายถึงตัวเลขจํานวน 1,000 พอดี มาใสขาวสารเพ่ือเปนเครื่อง ประกอบพธิ ีกรรมแทน เปน ตน (สัมภาษณพ อ หนานสทุ ศั หนักตอ้ื , 18 พฤศจกิ ายน 2550)
119 จากตัวอยางที่ไดกลาวมาในขางตน สะทอนใหเห็นภูมิปญญาในการแกปญหาเพื่อใหการ ประกอบพิธีกรรมสามารถดําเนินตอไดอยางครบถวน สวนการเลือกส่ิงท่ีจะมาแทนนั้นก็จะตองมี หลกั เกณฑใ นการเลือก ไมใชเลอื กอะไรมาก็ได อนงึ่ เคร่อื งประกอบพิธกี รรมหลาย ๆ ชนดิ โดยเฉพาะเครื่องประกอบพิธที เี่ ก่ียวเน่ืองกบั สงิ่ ท่ี เปนมงคลและความเจริญกาวหนา เชน พิธีกรรมสืบชาตา เคร่ืองประกอบพิธีกรรมก็จะเปนเสมือน สญั ลกั ษณแ หงความเจรญิ งอกงาม เชน หนอ กลว ย หนอออย หนอ มะพราว หรอื หากเปน ผลไม ก็เปนผลไมท่ีมีลูกมากเชน มะพราว 1 แขนง(ทะลาย) กลวย 1 เครือ ส่ิงเหลาน้ีลวนเปนสัญลักษณ ของการเจริญงอกงามทั้งส้ิน ซึง่ ผูวิจัยคิดวา สงผลตอความรูสึกของผูจัดพิธีกรรมและผูรวมพิธีกรรม มาก 6) ภูมปิ ญญาในการนําวัสดุธรรมชาตทิ มี่ อี ยรู อบตวั มาใชใ นพิธีกรรม ในการจัดเตรยี มเคร่ืองประกอบพิธีกรรมโดยเฉพาะในอดีต สวนใหญจะนําวัสดุธรรมชาติท่ีมี อยูรวบตัวมาจัดทํา ไมคอยมีส่ิงของท่ีตองใชเงินซื้อมา ยกตัวอยางเชน ในการประกอบพิธีกรรมสง เคราะหคนปวย ท่ีหมูบานรองบอน หมู 1 ต.ปากกาง อ.ลอง จ.แพร เครื่องประกอบพิธีกรรมของ สะทวงเคร่ืองสี่จะประกอบไปดวยหมาก เมี่ยง บุหร่ี กลวย ออย แกงสมแกงหวาน ขนม ขาวสุก อาหารแหง เชน แคบหมู ดอกไม เทียน และชอ คนลานนาในอดีตแทบ ไมตองใชเงินในการ จัดเตรียมเลย เพราะสะทวง ก็ทําจากกาบกลวย กลวย ออย ดอกไม หมาก พลู ก็หาเอาจาก บา นของตนเองมหี รือขอจากบานใกลเรือนเคียงกัน รูปปนก็ใชดินเหนียวท่ีไปขุดมาจากฝงนํ้า ขนม ก็ทําเอง ซึ่งสวนใหญก็ทําเปนขาวตมท่ีทํามาจากขาวเหนียวหอดวยใบตอง อาหารก็ใชวิธีทําแกงสม แกงหวาน คือ เอาใบไมตาง ๆ เชน ใบมะขาม ใบฟกทอง ฯลฯ มาแกงผสมกัน แลวสมมุติใหเปน ตวั แทนของอาหาร ซ่งึ จะพบวาแทบไมไดใ ชเงนิ ซ้ืออะไรเลย เคร่ืองประกอบพิธีกรรมของอีกพิธีกรรมหน่ึงท่ีเห็นไดชัด คือ กวยสลาก ที่ใชในพิธีกรรม ทานกวยสลากภัตต ซึ่งคําวา กวยสลากคือ คือ ตะกราหรือภาชนะท่ีบรรจุเคร่ืองไทยทานในงาน ทาํ บุญสลากภัตต (พจนานุกรมลานนาไทยฉบับแมฟ าหลวง,2547: 25) จากการเก็บขอมลู ที่วัดบา น หลวง ต.โหลงขอด อ.พราว จ.เชียงใหม พบวา ชาวบาน บางคนยังสานกวยสลากดวยไมไผ ซ่ึงหา ไดงายในทองถ่ิน เครื่องไทยทานภายในกวยก็จะประกอบไปดวยขาวของเครื่องใชตาง ๆ ท่ีหาไดใน ทองถนิ่ เชน กัน ไมวา จะเปนหมาก เมย่ี ง บหุ ร่ี ผลไม ผกั พรกิ แหง ขา ตะไคร ขนมจําพวก ขาวตม ขนมเทยี น ฯลฯ ซึ่งก็แทบจะไมต อ งใชเงนิ ในการจัดเตรยี มเลยเชน กนั
120 ข. วิเคราะหภมู ปิ ญญาลา นนาจากวรรณกรรม 1) ภมู ิปญญาในการใชภาษา วรรณกรรมประกอบพิธีกรรม เปนส่ิงท่ีสะทอนใหเห็นภูมิปญญาของคนลานนาหลายดาน หน่งึ ในนนั้ คอื ภูมิปญ ญาในการใชภาษา เพราะในการแตง วรรณกรรมประกอบพิธีกรรมแตละคร้ังนั้น ผแู ตง ตอ งแตง ใหไพเราะ เน้อื หาดี และมคี วามศักด์ิสทิ ธ์ิ การแตง ใหไ พเราะน้นั รปู แบบมผี ลอยางยง่ิ ดังท่ไี ดกลา วไวใ นสวนตนของบท วาวรรณกรรม ประกอบพิธีกรรม แตงดวยรูปแบบคําประพันธประเภทราย ซ่ึงตองมีการสงสัมผัสระหวางวรรคให คลองจองกันเพื่อความไพเราะ ดังนั้นการท่ีผูแตงสามารถเรียบเรียงเน้ือหาใหตอเน่ืองเปนเร่ือง เดียวกันและเปนไปตามลําดับโครงสรางหลักที่ยึดถือกันมาแตโบราณ พรอมกับการแตงใหแตละ วรรคตองสัมผัสคลองจองกันดวย จึงนับไดวาเปนการใชความสามารถอยางสูง สะทอนใหเห็นภูมิ ปญญาในดา นการประพันธว รรณกรรมของคนลานนาไดเปนอยา งดี นอกจากน้ีแลว ผูแตงยังจะตองคํานึงถึงเนื้อหาของวรรณกรรมดวย เพราะวรรณกรรม ประกอบพิธีกรรมหลายๆ สํานวน มีเน้ือหาที่มีประโยชนตอผูฟงมาก บทวรรณกรรมบางประเภท เชน บทเรียกขวัญคนปวย ผูแตงสามารถใชคําท่ีทําใหผูฟงเกิดจินตนาการตามจนเกิดความรูสึก เคลิบเคลิ้มตามไปดวย เชน ตอนท่ีเลาวาขวัญไปอยูท่ีใดบาง ถาฟงแลวคิดตาม จะเห็นภาพสถานที่ เหลาน้ันปรากฏออกมาในจินตนาการของแตละคน ซ่ึงแตละท่ีดูมีความวังเวง โดดเดี่ยว ไมนาท่ีจะ ไปอยู ฟงแลวเกิดความรสู กึ อยากออกมาจากที่น่นั เชน ขวันเจาอยา ไพหลงเสียดงดาํ สรอกหว ย ทีร่ งุ ฅาวกินกลวยทีป่ า ไมบ ม ีฅน ขวนั เจา อยาไพอยกู ลางเดอื นดาวยังฟา ขวนั เจาจงุ หอื้ อวา ยหนาฅนื มา เนิอขวันเจา เนอิ ขวันเจา อยา ไพอยูท่ีสาลาหลังสูงเกา หอง ขวนั เจา อยา ไพอยทู ฟี่ า รองแผน ดนิ สดุ ขวนั เจาอยาไพอยูท ี่สมุททห ลวงแลคงุ คาใหยกวา ง ขวันเจา อยา ไพอยใู นทอ งชา งเอราวัณเนิอเจา ขวนั ทวารทังเกา ขวันเจา อยาไพอยูยงั เมอื งยาเถาดอกซอนมาร ขวนั เจาอยาไพอยูจ ่มิ ริ้นแลยงุ ยงั ปา ขวันเจา อยาไพอยยู ังทาน้ําแลทางหลวง ขวันเจาอยา ไพชมดวงดอกไม (บทเรยี กขวญั , ทวี เขอื่ นแกว . 2541 : 170 – 171)
121 ตัวบทบางประเภท เชน บทเรียกขวัญลูกแกว ผูแตงมีความสามารถในการเลือกใชคําและ ความ ทําใหเม่ือผูฟงไดยินแลวเกิดความรูสึกตื้นตันใจ เชน ชวงท่ีเลาถึงตอนที่แมตองเลี้ยงดูดวย ความยากลาํ บาก ดงั ตัวอยาง คันวา ไดสามสบิ วนั พอพน ไพแลว แมคอยรกั ษาลูกแกว แมโ ดยดี แมคเ็ อาไพขดั สีอาบน้ํา วา ลกู รกั สองรานี้นานอ จักเกิดมาคํา้ สองเรา ราจกั เลี้ยงไวห ้อื ใหย จกั ไดห ื้อการศกึ ษา เล้ียงไวห ื้อใหยก ินแรง คอยปฏบิ ตั ิปด แปลง บห อ้ื มดแมงมาตอมไต ยามเมอ่ื เจา ไปทันใหยเ ทื่อ แมค ็คอ ยอมุ คอ ยวาง แมค อ ยอมุ ขวางแขนสอก อมุ ออกนอกและในเรือน อดทาํ เพยี รเล้ียงลกู เลย้ี งไวห ื้อลูกอยสู วัสดี คันเถงิ เวลานีม้ าแมค อ็ ุมนายไพนอนอู แมค็กาํ ไกวยกุ ยูว าอื่อชา นอนค็จงุ นอนเทอะสายตา หลบั ค็จงุ หลับเทอะชาคว้ิ สายอะลง่ิ ตงิ่ ตวิ้ แมอื่อชา ๆ หลบั คจ็ งุ หลบั เทอะสายตา แมอ ยา ไพออ นไห แมแวแกนไธจ ักไกว คันวา ไดสามสีเ่ ดือนไพแลว ค็มีเพียรอันขวํา้ และดืบ คอยสะหลดื อยดื ไพยงั บพ อไพไกล ยังคอยไปคอ ยดบื ไดเท่ือคบื ผัดมน พรองเกดิ มาเปนฅนนน้ี านอคส็ งั วา มาดยู าก ใหยดวยอนั พอ แมหากรักษา แตนนั้ มาซ้าํ วา คลานและนั่ง กลัวไพที่บชา งหลอนตก แมคไ็ พยกเอาเจาไวท เี่ กาอยูเ ลงิ ๆ (อดุ ม รุงเรอื งศรี, 2544: 119) นอกจากนี้ เน้ือหาของตัวบทบางประเภท เชน บทปนพร ในสวนที่เปนการกลาวใหพร ลวนแตกลาวถึงส่ิงท่ีดี สิ่งที่เปนความปรารถนาของทุกคน เมื่อผูฟงไดยินแลวเกิดความจรรโลงใจ ดงั ตวั อยา ง เอวงั โหนตุ ดีแล อชั ช ในวันนี้คห็ ากเปน วันดี ดถิ ีวันวิเศษ เหตุวาสงั ขารปเกา กข็ า มพนไปแลว ปใหมแกวพญาวันคม็ ารอดมาเถงิ เทิงเจาทังหลาย ค็บละเสียยังรีต อดีตปาเวณี อัน เปน มาลว งมาแลวปางกอน เจาทงั หลายค็บผ อนเสยี ยังศรทั ธา
122 จงึ ไดน อ มนํามายงั สคุ ันธาโทตกะ ทานวัตถทุ งั หลายฝูงน้มี าถวายเปน ทาน เพือ่ จกั มาขอขมาโทษณโทษ ผูขาค็โปรดอโหสกิ รรม แมน วา เจาทังหลาย ไดกระทาํ เปน ทางดที างชอบ จงุ ห้อื สมประกอบมโนปณธิ า และจุง หอ้ื มีอายุ ฑีฆายนื ยง่ิ โรคภยั สิง่ หนไี กล หือ้ มวี รรณะในสดชืน่ เปนทร่ี กั และพอใจแกผูอืน่ เขาหัน หือ้ มคี วามสขุ สนั ตทกุ คํา่ เชา กาผกิ าสขุ เจตผิกาสุขพรํา่ พรอ มบริบรู ณ หือ้ มีกาํ ลงั อดุ หนนุ เตือมแถง อยา ห้ือเห่ยี วแหงชปุ ระกา หอื้ สมดังคาํ พรวานกลา วไว สมดั่งนึกไดชุประการเที่ยงแทดหี ลี สพั พตี โี ย ววิ ชั สนั ตุ สัพพโรโค วินัสสันตุ มาเต ภวตวันตราโย สขุ ี ทฑี ายุโก ภว อภิวาทน สลี ิส นิจจัง วฑุ ฒาปจายิโน จตั ตาโร ธมั มา วัชทันติ อายุ วัณโณ สขุ ขงั พลงั (ประเทอื งวิทยา,2549 : 2) จากตัวอยางที่ไดกลาวมาขางตน ผูวิจัยคิดวาเปนส่ิงท่ีแสดงใหเห็นไดเปนอยางดี ถึงภูมิ ปญญาในการสรรคําและความ ที่มีความหมายดี เหมาะกับวรรณกรรมแตละประเภท ซึ่งนอกจากจะ ไพเราะแลว ยงั มเี นอื้ หาทม่ี คี วามหมายตอ ผฟู ง อีกดวย นอกจากนี้ จะพบวาวรณกรรมประกอบพิธีกรรมหลายๆ ประเภท นิยมแตงดวยภาษา ลานนาเปนหลัก ผลดีคือ คนฟงแลวเขาใจความหมายไดทันที เชน ไดยินวาเคราะหไดถูกปด ออกไปแลวก็โลงอก สบายใจไดยินวาการทําบุญคร้ังน้ีไดอานิสงสมากมายอยางไรบาง ก็มีความสุข แลว เปน ตน อยางไรก็ตาม แมสวนใหญจะแตงดวยภาษาลานนา ยิ่งบางสํานวนแตงเปนภาษาลานนา เกือบหมด เชน บทปนพร ก็ตองมีการแทรกภาษาบาลีเขาไปดวยเสมอ บางสํานวนก็มาก บาง สํานวนกน็ อ ย และในการแทรกลงไปนั้น กแ็ ทรกอยางลงตวั ไมไ ดทาํ ใหผ ฟู งรสู กึ วา ขาดตอน เปน คน ละบทกลาวกัน เชน เอวัง โหนตุ ดแี ล อชั ช ในวนั นีก้ ห็ ากเปนวนั ดี ดิถี วันวิเศษ เหตวุ าสังขารปเ กา ก็ขา มพน ไปแลว ปใ หมแกวพญาวันก็มารอดมาเถงิ เทิงเจา ทังหลาย กบ็ ล ะเสยี ยังรตี อดตี ปาเวณี (ประเทืองวทิ ยา,2549 : 2)
123 หรือ จากตัวอยางของบทเวนทาน บางสํานวนกอนจะมีการกลาวถวายทานเปนภาษาบาลี อาจจะมีการใชความเช่ือมภาษาลานนา ใหเขากับภาษาบาลีไดอยางไมรูสึกติดขดั เชนบอกวา ดั่งผู ขา จักไดโอกาส ตามบทบาทบาลวี า สาธุ โอกาส...... หรืออกี ตวั อยา งหนง่ึ เชน ขอพระตไิ ตรมนุ ี จงุ มีมหากรณุ าธคิ ณุ อันยง่ิ รบั เอายงั สพั พะวตั ถุสิ่งสลากภัตตา ของสมณะศรทั ธา และมูลศรัทธาผขู าทงั หลายนน้ั แทดหี ลี ดว ยด่ังผูขาจกั ไดโ อกาส ตามบทบาทบาลวี า สาธุ โอกาส มยํ ภนฺเต อิมานิ สหธปู ปุปผา ลาชทานํ สลากภตตฺ ทานํ มหาสลากภตตฺ ทานํ สมมฺ าสมพฺ ุทธฺ สสฺ ธมฺมสฺส สงฆฺ สสฺ สกกฺ จจฺ ํ ปูเชม ฯ ทตุ ยิ มปฺ … …….. ตตยิ มปฺ … …..พุทโฺ ธ โน ธมโฺ ม โน สงโฺ ฆ โน สลากภตตฺ ทานํ มหาสลากภตตฺ ทานํ อมหฺ ากํ ฑีฆรตตฺ ํ หติ าย สุขาย ยาว นพิ พฺ านปจจฺ โย โหฺตุ โน นิจจฺ ํ (บทเวนทานขาวสลาก, ทวี เขอื่ นแกว . 2524 : 55) การท่ีคนลานนา สามารถแทรกภาษาบาลีลงไปในเน้ือหาของวรรณกรรมประกอบพิธีกรรม ไดอ ยางลงตัว โดยทค่ี นฟงไมร สู กึ ขาดตอนเปน กระทอนกระแทน นอกจากจะฟงดูไพเราะแลว ยัง ชวยทําใหบทกลาวดูมีความศักด์ิสิทธิ์อีกดวย สิ่งน้ีก็นับเปนภูมิปญญาอันชาญฉลาดของคนลานนา อีกประการหนง่ึ ไดเ ชน กนั 2) ภูมิปญญาในการกําหนดโครงสรางใหยืดหยุน สามารถปรับใหเขากับยุคสมัยที่ เปลีย่ นแปลงไปได โครงสรางของวรรณกรรมประกอบพิธีกรรม จะเปนโครงสรางแบบหลวม ๆ กลาวคือ กําหนดเพียงคราว ๆ วา เร่ิมตนดวยสวนใด ตามดวยสวนใด และลงทายดวยสวนใด สวน รายละเอียดปลกี ยอ ยนอกเหนอื จากน้ัน ผูป ระกอบพธิ ี หรือผแู ตง วรรณกรรม สามารถเพิม่ เติม สิง่ ใด ลงไปก็ได ที่คิดวาเพมิ่ เตมิ ลงไปแลว จะเปนประโยชนต อ ผูฟง ส่ิงทน่ี ิยมเพมิ่ เขา ไป เชน มลู เหตุในการ ประกอบพิธีกรรม การสั่งสอน ฯลฯ นอกจากโครงสรางแบบหลวม ๆ จะเปดโอกาสใหเพ่ิมเติม
124 เน้ือหาสวนอื่นๆ เขาไปไดแลว ยังเปดโอกาสใหผูประกอบพิธีเลือกตัดเนื้อหาบางสวนออกไปก็ได หากเหน็ วา จําเปนตอ งตดั (รายละเอยี ด ดเู พิ่มเตมิ ในบทท่ี 5) ผูวิจัยคิดวา การที่วรรณกรรมประกอบพิธีกรรมมีโครงสรางหลวม ๆ เพ่ือใหผูประกอบพิธี สามารถเพิ่มในสิ่งที่ผูฟงอยากฟง และสามารถตัดหรือลด ในส่ิงท่ีผูฟงไมอยากฟง นอกจากจะ เปนไปตามหลักในการส่ือสาร คือ ผูสงสารตองคํานึงถึงความตองการและความพรอมในการรับสาร ของผูรับสารดวยแลว ยังเปนไปตามหลักทางเศรษฐศาสตร เร่ือง อุปสงค อุปทาน คือ ให ความสําคญั กับความตองการของผฟู ง สวนใดท่ีคิดวาผูฟง อยากฟง ฟงแลวไดประโยชน ฟงแลว ชอบใจกจ็ ะเพ่มิ เตมิ ลงไป เชน กลา วบอกวาเจาภาพ เปนใคร กลาวถึงอานิสงสท่ีจะไดรับจากการ ประกอบพิธกี รรมน้นั เปน ตน แตสว นใดทีค่ ดิ วาขดั กับความตองการของผฟู ง เชน ผูฟง มเี วลานอย จะกลาวอยางละเอียดจนครบบท ก็จะทําใหผูฟงเบ่ือและไมอยากฟง ผูวิจัยคิดวาสิ่งเหลานี้คือ ภูมิปญญาอันชาญฉลาดของคนลานนาท่ีไดเปดชองทางใหวรรณกรรมสามารถปรับตัวใหเขากับยุค สมัยและความตองการของผูฟง ลักษณะเชนนี้เอง ท่ีสงผลใหวรรณกรรมประกอบพิธีกรรม สามารถปรับตัวเปลี่ยนเน้ือหาของตัวเองไดงาย ทําให ยังสามารถดํารงอยูไดในสังคมยุคปจจุบัน และมีบทบาทหนาท่ใี นการนําไปใชป ระกอบพธิ กี รรมอยู จากท่ีไดกลาวถึงภูมิปญญาลานนาจากวรรณกรรม จะพบวาเปาหมายสูงสุดของการ ประกอบพิธีกรรม คือ เพื่อใหผูรวมพิธีกรรมเกิดความสบายใจ ซ่ึงตัวบทวรรณกรรมที่ไดรับการ สรางสรรคจ ากภูมิปญ ญาของคนลานนาไมวาจะดวยภาษาและทวงทํานองที่ไพเราะ เนื้อหาท่ีกินใจ หรือแมกระท่ังการยืดหยุนหรือปรับเปล่ียนโครงสราง เพื่อใหเหมาะสมกับการประกอบพิธีแตละครั้ง ก็มีสวนทําใหผูท่ีไดฟงเกิดความสบายใจ และความสบายใจนี้เองจะนํามาซ่ึงความสุข และเมื่อ ประกอบพิธีกรรมแลวมีความสุข พธิ ีกรรมก็จะสามารถดํารงสืบไปได 4.2 ลักษณะเดน ก. ลกั ษณะเดนของพธิ กี รรมลา นนา พิธีกรรมตาง ๆ ในลานนา หลายพิธีกรรมมีความโดดเดน บางพิธีกรรมมีแตในลานนา เทานั้น บางพิธีกรรมสะทอนจิตใจ นิสัย และความเช่ือของคนลานนา บางพิธีกรรมมีลักษณะการ ผสมผสานพระพุทธศาสนาเขา กับความเช่ือเร่ืองผีและการนบั ถือสิง่ ศกั ดิ์สิทธ์ิ ดงั มรี ายละเอียด ดังนี้ 1) พิธกี รรมบางอยางมแี ตในลานนาเทานน้ั คนลา นนา เปน คนกลมุ หนึ่งท่นี ับถอื พระพทุ ธศาสนาเชนเดยี วกับคนไทยในภมู ภิ าคอืน่ ๆ ไม วาจะเปนภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคใต ซึ่งแตละภาคก็จะมีการประกอบพิธีกรรมทั้ง พิธีกรรมท่ีเก่ียวเนื่องกับพระพุทธศาสนา และพิธีกรรมอ่ืน ๆ ดังน้ัน ในแตละรอบป คนไทยใน
125 ภูมิภาคตาง ๆ ก็จะมีการประกอบพิธีกรรมอยางสม่ําเสมอ บางพิธีกรรมก็มีลักษณะคลายกันทุก ภมู ภิ าค แตบ างพิธกี รรมกม็ ีปรากฏเพียงภูมิภาคใดภมู ภิ าคหนงึ่ เทานัน้ และพิธกี รรมทพ่ี บเฉพาะใน ลานนา ก็มีอยูหลายพิธีกรรม เชน พิธีกรรมสืบชาตา พิธีกรรมขึ้นทาวท้ังสี่ และพิธีกรรมเวนทาน เปนตน พิธีกรรมสืบชาตาคือพิธีกรรมตอดวงชาตา เพื่อใหเจาของชาตามีชีวิตที่ดีข้ึน และใหประสบ แตสิ่งดีๆ แมคนไทยท่ัวทุกภูมิภาคจะมีความเช่ือเร่ืองโชคชะตาเหมือนกันแตรูปแบบการประกอบ พิธีกรรมจะตางกัน หากพิจารณาในดานของการจัดพิธีกรรม จะพบวา พิธีกรรมที่จัดขึ้นแบบเปน พิธีใหญที่จะตองใชเคร่ืองประกอบพิธีกรรมเปนจํานวนมาก ตองใชคนชวยกันจัดเตรียมหลายคน และทสี่ ําคัญ คือ มีตัวบทสาํ หรบั ประกอบพิธีกรรมอยางชัดเจน ผูวิจัยคิดวา มีแตใ นลานนา พิธีกรรมขึ้นทาวท้ังส่ีก็เปนอีกพิธีกรรมหนึ่งท่ีผูวิจัยพบวามีแตในลานนาเทานั้น แมใน ภูมิภาคอื่นๆ จะมีความเช่ือเก่ียวกับระบบจักรวาล ดังปรากฏในหนังสือไตรภูมิพระรวง วาโลก ประกอบไปดว ยหลายทวีป และแตละทวีปมีเทพผูคอยปกปกรักษาอยู ซึ่งความเช่ือเหลาน้ีเปนความ เช่ือที่คลายคลึงกันกับความเชื่อของคนลานนา แตการแสดงออกมาในรูปของการประกอบพิธีกรรม ทมี่ เี ครอื่ งประกอบพิธีกรรมอยางชดั เจน และมตี ัวบทสาํ หรบั ใชประกอบพธิ ีกรรมโดยเฉพาะ ผวู จิ ยั คดิ วา มีแตในลา นนาเทาน้ัน นอกจากนี้ พิธีกรรมขึ้นทาวท้ังสี่ยังเปนแบบแผนใหคนลานนายึดถือมาโดย ตลอดวาหากจะประกอบพิธกี รรมสําคัญใด ๆ จะตองประกอบพธิ ีกรรมขน้ึ ทา วทั้งสกี่ อ นเสมอ อีกพิธีกรรมหนึ่ง คือ พิธีกรรมเวนทาน ซ่ึงเปนพิธีกรรมท่ีพบเฉพาะในลานนาเชนกัน แมวา คนไทยท่นี บั ถอื พระพทุ ธศาสนา จะมีอยูทว่ั ทุกภูมภิ าค และจะตองมีการประกอบพิธีเกี่ยวกับการบุญ ถวายทานอยูเสมอ แตรูปแบบของการประกอบพิธีกรรมที่มีลําดับขั้นตอนชัดเจน มีตัวบทสําหรับใช กลาวถวายทานโดยเฉพาะและแตงขนึ้ มาอยางวิจติ รอลงั การ ผวู จิ ยั พบวามีแตใ นลานนาเทานั้น 2) พิธีกรรมลานนาสะทอ นจิตใจ นสิ ยั และความเช่อื ของคนลานนา การประกอบพิธีกรรมหลายพิธีกรรมของคนลานนา ไดสะทอนจิตใจ นิสัย และความเช่ือ ของคนลานนาในหลายๆ ดาน ไมวาจะเปนการสะทอนถึงความละเมียดละไม ความละเอียดออน ความออนนอ มถอ มตน และความมีสัมมาคารวะ ดงั เหน็ ไดจ ากพิธกี รรมตาง ๆ ดังน้ี พิธีกรรมที่สะทอนถึงความละเมียดละไม ความละเอียดออน โดยเฉพาะเร่ืองการทําบุญของ คนลานนา ไดแก การสมมาครัวทานในพิธีกรรมเวนกรรมทาน โดยกอนที่จะประเคนของถวายทาน แดพระสงฆแ ละกลาวคําเวนทานนนั้ ปูจารยซ่งึ เปน ผูป ระกอบพธิ ีจะนํานาํ้ ขม้ินสมปอยประพรมที่ของ ถวายทานเพื่อใหของทานเปนของที่บริสุทธิ์จากนั้นจึงกลาวสมมาครัวเพื่อขอขมาในสิ่งที่ไดละเมิด
126 หรือกระทําการใด ๆ ที่ไมเหมาะสมตอเคร่ืองไทยทานซึ่งถือวาเปนของสูงทั้งต้ังใจและไมตั้งใจท้ังน้ี เพอื่ ไมใ หเปนบาปแกต นเอง นอกจากน้ี ยังมีพิธีกรรมสูขวัญควาย ที่มีข้ันตอนการประกอบพิธีตลอดจนเนื้อหาของบท วรรณกรรมท่ีกลาวถึงการขอขมาควาย ซึ่งถือวาเปนสัตวที่มีบุญคุณตอคนมาก โดยเฉพาะสังคม เกษตรกรรมท่ีตองใชควายไถนา และชวงที่ใชควายไถนาน้ันอาจไดลวงเกินดวยกาย วาจา หรือใจ เกรงวาจะเปนบาปกรรมติดตัวไป ผูวิจัยคิดวาการขอขมาไดแมประท่ังสัตวเลี้ยง เปนสิ่งสะทอนให เหน็ ถงึ ความละเมียดละไมของจิตใจ ความสาํ นกึ ในบุญคณุ ของสรรพสงิ่ ท้ังมีชีวิตและไมมชี วี ิตของคน ลา นนาไดอยางชัดเจน พิธีกรรมท่ีสะทอนถึงความออนนอมถอมตนและความเปนคนมีสัมมาคารวะของคนลานนา อีกพิธีกรรมหนึ่ง คือ พิธีกรรมข้ึนทาวท้ังสี่ เพราะกอนที่คนลานนาจะประกอบพิธีกรรม สําคัญ ๆ จะตอ งประกอบพิธีกรรมข้ึนทา วทงั้ สก่ี อนเสมอ เพ่ือบอกกลาวใหส ่งิ ศักดิ์สทิ ธิท์ ่ีคนลา นนาเชอ่ื วา เปนผู เปนใหญที่ดูแลรักษาทวีปตาง ๆ ไดทราบกอน เปรียบเสมือนการบอกกลาวและขออนุญาตจากผู หลกั ผูใหญ หรือ เจาถ่นิ ใหท ราบวาจะประกอบพธิ กี รรมอะไร พิธีกรรมปนพรปใหม หรือพิธีกรรมดําหัว ก็เปนอีกพิธีกรรมหน่ึงที่สะทอนใหเห็นความ กตัญู ความเคารพผูอาวุโสของผูนอย และความเมตตา การรูจักใหอภัยของผูใหญ ท่ีใน ระยะเวลา 1 ป อยา งนอ ยที่สุด ตอ งหากโอกาสสักคร้ังหน่ึงไปแสดงความรักและเคารพตอผใู หญทตี่ น นับถือ เพ่ือขอพรจากทาน นอกจากนี้ หากมีการทะเลาะเบาะแวงหรือทําอะไรลงไปใหเกิดความ ไมพอใจซ่ึงกันและกนั พิธีกรรมปนพรปใ หมห รือการดําหัว ก็นับไดวาเปนพิธีกรรมหนึ่งที่เปดโอกาส ใหผูนอยไดขอขมาในสิ่งท่ีไดกระทําใหผูใหญไมสบายใจ และผูใหญเองก็จะถือโอกาสนี้ใหอภัยแก ผูนอย นอกจากน้ียังจะพบวา กอนที่ผูประกอบพิธี จะเร่ิมประกอบพิธี สวนใหญจะตองยกพานขึ้น บชู าครกู อน เพอื่ รําลึกถึงคุณของครูบาอาจารยท่ีไดประสทิ ธ์ิประสาทสรรพวิชาความรู ตาง ๆ นับได วาเปนอีกส่ิงหนึ่งที่สะทอนใหเห็นถึงความกตัญู และการรูจักระลึกถึงผูมีพระคุณของคนลานนาได เปน อยางดี 3) พิธีกรรมลานนามีลักษณะเปนการผสมผสานพระพุทธศาสนา เขากับความเชื่อ เรื่องผีและการนบั ถอื เรอ่ื งสิง่ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ การประกอบพิธีกรรมหลายพิธีกรรมในลานนา แมรูปแบบทั่วไปจะเปนพิธีกรรมทาง พระพุทธศาสนา แตก็ยังพบวามีความเช่ือเร่ืองผีและการนับถือส่ิงศักด์ิสิทธิ์ปรากฏอยูรวมดวย เชน พิธีกรรมขึ้นทาวทั้งสี่ จะเห็นชัดเจนวาเปนพิธีกรรมท่จี ัดขึ้นเพ่ือบวงสรวงแดทาว ผูเปนใหญในสี่
127 ทวีป ไดแก ทา วกุเวร ทาวธตรฐ ทาววริ ุฬหก และทาววิรปู ก ข รวมถึงพระอนิ ทรและแมน างธรณี โดยมีการจัดเตรียมเคร่ืองประกอบพิธีกรรมสําหรับใชบวงสรวงไวอยางชัดเจน และมีรูปแบบการ ประกอบพิธีกรรมท่ียืดถือกันมาชานาน และที่สําคัญ ผูวิจัยพบวา เปนพิธีกรรมสําคัญที่ประกอบ รวมกับพิธีพุทธได และท่ีนาสนใจคือ ตองประกอบพิธีข้ึนทาวทั้งส่ีกอนประกอบพิธีทาง พระพทุ ธศาสนา เชน ในการประกอบพิธีกรรมถวายทานถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา หรือท่ีคน ลา นนาเรียกวาปอยหลวงซ่ึงเปนพิธีกรรมทําบุญในพระพุทธศาสนา แตกอนประกอบพิธีกรรมก็ตอง มกี ารขน้ึ ทา วท้งั สี่ ตลอดจนบวงสรวงเส้อื วัดกอ น เปน ตน พิธีกรรมเวนทานก็เปนอีกพิธีกรรมหนึ่งที่เห็นไดชัดเจนวามีการผสมผสานพระพุทธศาสนา เขากับความเช่ือเร่ืองผีและส่ิงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหลายโอกาส เปนพิธีกรรมท่ีจัดข้ึนเพ่ือการทําบุญถวาย ทานในพระพุทธศาสนาอยางชัดเจน เชน เวนทานเขาพรรษา เวนทานออกพรรษา เวนทานธรรม มหาชาติ ฯลฯ แตจะเห็นไดชัดเจนวา กอนที่จะกลาวโครงสรางในสวนอื่น ๆ หลังจากท่ีกลาวบท สมมาครัวทานแลวจะมีบทที่เรียกวาบทอัญเชิญเทวดา ซึ่งเนื้อหาจะมีการกลาวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทงั้ หลายใหม ารว มในการประกอบพธิ กี รรมทางพระพุทธศาสนาในคร้งั นัน้ ดว ย นอกจากน้ีบางพิธีกรรมแมดูเหมือนเปนพิธีกรรมท่ีไมเก่ียวของกับพุทธศาสนา และไมมี พระสงฆเขามาเกี่ยวของ เชน พิธีกรรมสงเคราะห และพิธีกรรมเรียกขวัญ แตผูประกอบพิธีกรรม ก็คือ ปูจารย ซ่ึงก็เปนผูท่ีเคยเปนพระมากอน อีกทั้งเน้ือหาของวรรณกรรมท่ีปูจารยใชกลาว หลาย สว นก็เปนภาษาบาลี ซ่งึ เปนภาษาท่ีคนธรรมดา ไมไดใช มีพระสงฆเทาน้ันที่ใชภาษาบาลี ดังนั้นจึง เปนไปไดวาแมบางพิธีกรรมจะไมเห็นชัดเจนวามีพระพุทธศาสนาเขามาเกี่ยวของดวยแบบเต็ม รูปแบบ แตก็มีเกีย่ วของแบบแฝง หรือแบบออม อน่ึง ผูวิจัยยังไดสังเกตอีกวาในวิถีชีวิตของคนลานนาท่ีมีการนับถือท้ังพระพุทธศาสนาและ นับถอื ผี การจัดลาํ ดับความสําคัญมกั จะจัดใหพ ระอยเู หนอื กวา ผี เชน แตละบาน จะตั้งหิ้งพระใหสูง กวาห้ิงผี แตหากเปนการประกอบพิธีกรรม ผูวิจัยกลับพบวา มีการประกอบพิธีกรรมใหผีกอนพุทธ โดยเฉพาะอยางยิ่งถาเปนพิธีกรรมท่ีตองมีการบวงสรวง หรือ เซนสังเวย เชน การถวายทานขาว ใหมเดือนส่ีเพ็ง แมคนลานนาจะบอกวาไดแบงขาวใหมในนาสวนหน่ึงไวสําหรับถวายทานให พระพุทธศาสนา แตกอ นจะถึงวันถวายทาน 1 วนั ชวงเย็นชาวบานจะนําขาวใหมท่ีนึ่งสุกแลวพรอม กับอาหาร ไปถวายใหเจาท่ี ปูยา พอบาน (เส้ือบาน ) หรือผีเจานายอื่น ๆ ท่ีตนเคารพนับถือกอน นอกจากนี้ในตอนรุงเชาของวันถวายทาน กอนจะนําขาวใหมไปกองแลวเวนทานถวายให พระพุทธศาสนานน้ั จะนําขา วใหมพ รอมสํารับอาหาร ไปทําบญุ ถวายทานใหแกญาติพี่นองที่ลวงลับ ไปแลวกอน สวนนี้ผูวิจัยคิดวา อาจมาจากระบบความเช่ือเร่ืองผีกับพุทธท่ีแมคนลานนาจะนับถือให พุทธเหนือกวาผี แตหากมองในเร่ืองของการเขามากอนจะพบวาผีมากอนพุทธ เพราะคนลานนา
128 นับถือผีมาชานาน กอนจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา เมื่อเปนเชนนี้ การจัดลําดับความสําคัญ เชน หิ้งบูชาตาง ๆ จึงจัดใหพุทธอยูสูงกวาผี แตลําดับกอนหลังในการประกอบพิธีกรรม สวนใหญ จะพบวา จะจัดพธิ ีกรรมใหผ กี อน อยางไรก็ตามลักษณะท่ีไดกลาวมาในขางตน ก็เกิดการผสมผสานกันอยางลงตัว และเปนที่ นาสังเกตวาไมมีใครทักทวงวาตองถวายพระกอนเซนผี ทั้งน้ีเพราะความเช่ือเรื่องผีและพุทธได ผสมผสานและหลอมรวมกันจนเหมือนจะเปนส่ิงเดียวกันไปแลว ดังน้ันในการประกอบพิธีกรรม คน ลานนาจึงมองวา เปน พิธกี รรมทตี่ อ งปฏบิ ตั ิ โดยไมไ ดจาํ แนกวา เปนพุทธหรือเปน ผี ข. ลักษณะเดน ของตัวบทวรรณกรรมลา นนา 1) มภี าษาบาลปี รากฏอยดู ว ยเสมอ ลักษณะเดนประการหน่ึงของตัวบทวรรณกรรมประกอบพิธีกรรม คือ ทุกสํานวน จะตองมี ภาษาบาลีปรากฏอยูดวยเสมอ บางสํานวนหรือบางตัวบท อาจแตงดวยเปนภาษาบาลีลวน เชน บท สืบชาตา ดังตวั อยาง เภสัชชัง เทวะมะนุสสานัง กะฏกัง ติตติกัง ระสัง อิมพิลัง ละวะนญั เจวะ สัพพะพะยาธิ วินัส สันตุ เอกะทะวิติจะตุปญจะ ฉะสัตตาทินัง ตะถา ยาวะ ทุกขา วินัสสันตุ ชีวิทานัง ทะทันตุ เต ชีวิ ทานัง ทะทันตัสสะ อายุ วณั ณงั สุขงั พะลัง ชีวิทานานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา ชีวิทานัง จะ โย ทตั ะวา โอสะถงั อตุ ตะมงั วะรัง สะรีรงั ทุกขงั นาเสติ เภสัชชัง ทานะมุตตะมงั ตัสะมา กะเรยยะ กัละ ยาณัง นิจจะยัง สัมปะรายะนัง ปุญญานิ ปะระโลกัสะมิง ปะติฏฐา โหนติ ปาณินัง อิมินา ชีวิทาเนนะ ตุมหากัง กงิ ภะวิสสะติ ทีฆายุกา สะทา โหนตุ สุขิตา โหนตุ สัพพะทา โย โส ทะทาติ สักกัจจัง สีละ วันเตสุ ตาทิสุ นานา ทานัง วะรัง ทัตะวา ชีวิทานัง มะหัปผะลัง เอวัง มะหิทธิกา เอสา ยะทิทัง ปญุ ญะสมั ปะทา ตสั ะมา ธรี า ปะสงั สนั ติ ปณ ฑติ า กะตะปุญญะตันติ ฯ (สนัน่ ธรรมธ,ิ 2547 : 32) บางสํานวนหรือบางตัวบทอาจมีภาษาบาลีปรากฏอยูสวนใดสวนหน่ึง เชน ปรากฏใน ตอนตน ของตวั บท ดงั ตวั อยา ง สุณันตุ โภนโตเทวสงั ฆาโย ดูราพระยาเจา ชตุ นชอุ งค คือพระยาธตรฏั ฐะ ตนอยูรักษาหนวันออกกด็ ี พระยาวริ ฬุ หกะ ตนอยูรักษาหนใตกด็ ี พระยาวริ ปู กขะ ตนอยทู ศิ หนวนั ตกก็ดี พระยากเุ วระ ตนอยหู นเหนอื กด็ ี
129 พระยาอนิ ตาเจา ฟา ตนเปน เจาเปน ใหญ แกเทวดาสรวงสวรรคชน้ั ฟา มที า วทงั ส่เี ปน ตนประธาน พายตา่ํ ใตมที า ววารุณะ และนางธรณเี ปน ทสี่ ดุ (บทขนึ้ ทาวทัง้ ส,่ี ทวี เขอ่ื นแกว. 2541 : 145 – 147) พทุ โธ มงั คละ สัมพโู ต สมั พทุ โธ ทปิ ทตุ ตโม พุทธมังคละ มา คมั มะ สพั พทุกขา ปมญุ จเรธมั โม มงั คละ สมั พูโต คมั ภีโร ททุ สั โส อนงุ ธมั ม มงั คละ มา คมั มะ สพั พทกุ ขา ปมุญจเรสงั โฆ มงั คละ สมั พโู ต ทกั ขิไนโย อนตุ ตโร สังฆ มงั คละ มา คมั มะ สพั พทุกขา ปมญุ จเร ศรี ศรี สวัสสดี อช ในวนั นก้ี เ็ ปน วันดี เปน วนั ศรีวนั ไส วนั เปกเสด็ กาบไกเ ลศิ เจียงคาน เปน วนั มังคะละการอนั ประเสริฐ ใหบงั เกดิ ธมั วฒุ ิ 4 ประการ เปนโอฬารอนั แผก วาง ยง่ิ กวาชา งโสกแสนคําเตชะนําเขมกลา เปน วนั ปอ งฟา เลศิ ลอื เซ็ง วันเม็งกห็ มดใสวนั ไต ก็หมดปลอด วนั นก้ี ็หากเปน ยอดพญาวนั ชา งสะตนั ไดบ ริวารพอลา น ออกนอกบา นปะใสไ หเงิน ก็แมนในวนั น้ี เมอื งเถินจกั ปอ งเมอื งหอ ยาชา งหมอ จะไดเ ปน เศรษฐี (บทสขู วัญคน, นยิ ม สองสีโย. สมดุ บนั ทึก) บางตัวบทอาจมีภาษาบาลีปรากฏตอนทาย เชน ขอพระไตรรตั นผ านแผว จุงห้อื แลว มโนรถคาํ ปรารถนา แหงศรัทธาผขู าทังหลาย ชผุ ชู คุ นชใุ หญน อ ยชายหญิง ขอสมด่งั คาํ คนิงใฝอา ง ขออยา ไดหลงของคา ง อยูเหงิ เมนิ นาน นั้นจุงมีเทีย่ งแทด ีหลี กายกมมฺ ํ วจกี มมฺ ํ มโนกมมฺ ํ สญจิจจฺ โทสํ อสญจิจฺจโทสํ สพพฺ ํ โทสํ ขมนตฺ ุ โน (บทเวนทานขา วบาตร, พอ หนานคํา ย่งิ โยชน. พับสา)
130 จากตวั อยางท่ีไดก ลาวมาขางตน จะพบวาตัวบทปนพรปใหมทุกสํานวน มีภาษาบาลีปรากฏ อยูดวยเสมอ แมแตบทปนพร ที่ชาวบานธรรมดาสามารถแตงเองได ภาษาที่ใชเกือบท้ังหมดจะเปน ภาษาลา นนา แตก็ยังมีบาลแี ทรกอยู เชน เอวงั โหตุ สว นอัชชะ ในวันน้ี กเ็ ปน วันดี เปน วันสรีศุภมงั คละอนั ประเสริฐ ลํา้ เลศิ ยง่ิ กวาวัน และยามทงั้ หลาย บัดนีป้ เกาก็ขา มลวงลน พน ไปแลว ปใหมแกว พญาวนั ก็มาชจุ อด รอดถึงแกเ ราเจาขาทง้ั หลาย ทั้งพอ แมญ าตกิ าวงศาพน่ี อ งชุผูชุคน กไ็ ดต กแตงแปลงพร่ําพรอ มนอ มนาํ มา ยังมธบุ ุปผาราชาขา วตอกดอกไมล าํ เทยี น (อุดม อมรจกั ร, 2521: 150) เอวงั โหนตุ ดแี ล อชั ชาในวันนคี้ เ็ ปนวนั ดี สงั ขารปเ กา กล็ วงลน พน ไปแลว สังขารปใหมแ กวพญาวนั กม็ ารอดมาเถงิ เทิงฑีฆากาลวันนีแ้ หละ บัดนี้กม็ อี ่แี กว เปน เคลา พรอ มดว ยลกู เตา หลานเหลนคผู คู ูคน กไ็ ดสลงขงขวายตกแตงพรอ มนอมมายงั มธุบุปผาลาชาดวงดอก เขาตอกดอกไมท าํ เทยี น (ถอดความจากแถบบันทึกเสยี งบทปน พรแมอ ยุ นาค เพง่ิ เติง, 2551) นอกจากนี้ยังพบวา บางสํานวน อาจกลาวเปนบทปนพรปใหมส้ันๆ วา “อายุวัณโณสุขัง พลังเนอ” กย็ งั พบวา มภี าษาบาลอี ยดู วยอีกเชน กัน ผูวิจัยคิดวา เหตุที่ตัวบทวรรณกรรมประกอบพิธีกรรมทุกสํานวนจะตองมีภาษาบาลีรวมอยู ดวย จนเกิดเปนลักษณะเดนน้ัน นาจะเปนผลมาจากวรรณกรรม ไดถูกนําไปใชในการประกอบ พิธีกรรม ซ่ึงเปนเร่ืองของความเชื่อ ความศักด์ิสิทธิ์ และความศักดิ์สิทธ์ิจะเกิดข้ึนไดหรือไมน้ัน ตัว บทวรรณกรรมก็มีสวนสําคัญมาก หากตัวบทดูมีความศักดิ์สิทธิ์ และดูมีความขลัง ก็จะชวยให พิธีกรรมดูมีความศักดิ์สิทธ์ิมากขึ้นตามดวย และการท่ีจะทําใหตัวบทวรรณกรรมดูมีความศักดิ์สิทธ์ิ น้ัน ผูวิจัยคิดวา การมีภาษาบาลีเขาไปอยูดวย จะทําใหตัวบทดูมีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที เพราะ โดยปกติ ภาษาบาลีถือวาเปนภาษาสูง เปนภาษาท่ีใชกับศาสนา และใชประกอบพิธีกรรม ไมไดใช พูดคุยสนทนาในชีวิตประจําวันท่ัวไป ถือเปนภาษาท่ีพิเศษ ดังน้ัน หากวรรณกรรม มีภาษาบาลีอยู ดวย ก็จะชว ยใหพิธกี รรมดมู คี วามศกั ด์สิ ิทธิข์ ึน้ ตามมาดว ย
131 2) วรรณกรรมประกอบพิธีกรรมประเภทเดียวกัน แมจะมีหลายสํานวนแตก็มี โครงสรา งหลักเหมือนกัน เปนที่นาแปลกวาวรรณกรรมประกอบพิธีกรรมในลานนา แตละประเภทมหี ลายสํานวนมาก เชน บทเวนทานขาวบาตร เฉพาะในตําบลแมหอพระ อําเภอแมแตง จังหวัดเชียงใหมพบสํานวนที่ แตกตางกนั ถึง 4 สํานวน หรอื บทปนพรปใ หม แคใ นหมบู า นแมห อพระหมูบา นเดยี ว เทา ท่ีสํารวจได พบวามีความแตกตางกันถึง 15 สํานวน ซ่ึงหากไดทําการสํารวจอยางละเอียดท่ัวทั้ง 8 จังหวัด ภาคเหนือตอนบนที่เรียกวาเดินแดนลานนา ผูวิจัยคิดวาอาจมีหลายสํานวนจนนับไมถวน แตก็ สังเกตไดวาแตละสํานวน จะมีรายละเอียดปลีกยอยแตกตางกันไปบาง เปนตนวาคําศัพทที่แตละ ทองถ่ินเรียกแตกตางกัน การกลาวถึงส่ิงศักด์ิสิทธ์ิในแตละทองถิ่น เชน เชียงใหม ก็นิยมกลาวถึง พระธาตุดอยสเุ ทพ ลาํ พนู ก็กลาวถงึ พระธาตหุ ริภุญไชย จงั หวัดนาน ก็กลาวถงึ พระธาตุแชแหง เปน ตน หรือ บางสํานวนอาจเพิ่มเติมเน้ือหาบางสวนเขาไปในวรรณกรรมตางกัน เชน บางสํานวนอาจ เพิม่ มลู เหตุในการประกอบพธิ กี รรม บางสํานวนกลาวชมเคร่ืองประกอบพิธีกรรม เปนตน แตไมวา จะมีรายละเอียดปลีกยอยดังกลาวขางตนจะแตกตางกันอยางไร โครงสรางหลักจะเหมือนกันหมด เชน บทปนพรมักเร่ิมจากการเกร่ินนําดวยการกลาวถึงโอกาสท่ีจะใหพร ตามดวยการกลาวถึง ผูรับพร เคร่ืองคาราวะและการรับเอาเคร่ืองคารวะน้ัน กลาวยกโทษและใหพรเปนภาษาลานนา จบดวยการกลา วใหพ รเปน ภาษาบาลี หรือ บทสูขวญั ลูกแกว ไมวา จะเปน สาํ นวนใด กม็ กั จะเร่ิมจาก เกร่ินนําถึงวาระอันเปนมงคล บรรยายความเกี่ยวกับสภาพกอนเปนลูกแกว กลาวถึงเครื่อง ประกอบพิธีและขั้นตอนในการประกอบพิธีกรรมเรียกขวัญลูกแกว กลาวปดเคราะห จบดวยการ กลา วบทผกู ขอ มือลูกแกว เปน ตน ตวั อยา งบทปน พรหลายสาํ นวน ท่มี โี ครงสรางหลกั เหมอื นกนั คอื จะเร่มิ จากเกร่นิ นําดวย การกลา วถงึ โอกาสทจี่ ะใหพ ร กลาวถึงผรู บั พร กลาวถึงเครอ่ื งคารวะ และการรบั เอาเครอ่ื งคารวะ น้นั กลาวยกโทษและใหพ รเปน ภาษาลานนา จบดว ยกลาวใหพ รเปน ภาษาบาลี บทปน พรสาํ นวนของทวี เขอ่ื นแกว (เกรนิ่ นาํ ดวยการกลาวถึงโอกาสทจ่ี ะใหพ ร) เอวงั โหนตุ ดีแล อชั ช ในวันน้กี ็หากเปน วันดี ดถิ ี วันวิเศษ เหตวุ าสังขารปเ กา ก็ขา มพน ไปแลว ปใ หมแกวพญาวนั กม็ ารอดมาเถงิ
132 (กลาวถึงผูรบั พร) อันเปนมาลวงมาแลว ปางกอน เทงิ เจาทงั หลาย กบ็ ล ะเสยี ยังรตี อดตี ปาเวณี เจา ทังหลายกบ็ ผ อนเสียยังศรัทธา (กลาวถงึ เครอื่ งคารวะ และการรับเอาเครอ่ื งคารวะนัน้ ) จงึ ไดน อ มนํามายงั สคุ นั ธาโทตกะ ทานวตั ถุทังหลายฝงู นี้มาถวายเปน ทาน เพ่ือจักมาขอขมาโทษณโทษ (กลาวยกโทษและใหพ รเปนภาษาลา นนา) ผขู า กโ็ ปรดอโหสิกรรม แมนวาเจาทังหลาย ไดก ระทําเปนทางดีทางชอบ จงุ ห้ือสมประกอบมโนปณิธา และจุง หื้อมอี ายุ ฑฆี ายืนยงิ่ โรคภยั สงิ่ หนไี กล หื้อมวี รรณะในสดชืน่ เปนที่รักและพอใจแกผ อู น่ื เขาหนั หอื้ มคี วามสขุ สันตทุกคา่ํ เชา กาผกิ าสขุ เจตผิกาสุขพราํ่ พรอ มบริบูรณ ห้ือมีกาํ ลงั อุดหนุนเตอื มแถง อยาหอื้ เห่ียวแหง ชปุ ระกา หือ้ สมดงั คําพรวานกลา วไว สมดง่ั นึกไดชุประการเทย่ี งแทดหี ลี (กลาวใหพ รเปนภาษาบาล)ี สพั พโลโค วินัสสันตุ สขุ ี ทฑี ายุโก ภว สพั พตี โี ย ววิ ชั สนั ตุ นจิ จัง วฑุ ฒาปจายิโน มาเต ภวตวนั ตราโย อายุ วัณโณ สขุ ขัง พลัง อภวิ าทน สีลิส จัตตาโร ธัมมา วชั ทนั ติ (ประเทอื งวิทยา,๒๕๔๙ : ๒)
133 บทปน พรสาํ นวนของแมอ ุยนาค เพง่ิ เติง (เกริน่ นาํ ดวยการกลา วถึงโอกาสทจ่ี ะใหพ ร) เอวังโหนตุ ดแี ล อัชชาในวนั นค้ี เ็ ปน วนั ดี สังขารปเกา กล็ วงลนพน ไปแลว สังขารปใหมแกว พญาวนั กม็ ารอดมาเถงิ เทิงฑีฆากาลวันน้แี หละ (กลาวถึงผรู ับพร) บดั นกี้ ็มอี ีแ่ กวเปน เคลา พรอ มดวยลูกเตาหลานเหลนคูผคู ูค น (กลา วถึงเครอื่ งคารวะ และการรับเอาเครอื่ งคารวะนัน้ ) ก็ไดสลงขงขวายตกแตง พรอ มนอมมายงั มธบุ ุปผาลาชาดวงดอก เขา ตอกดอกไมทําเทียน มาถวายเปน ตาน (กลา วยกโทษและใหพ รเปนภาษาลานนา) อายุมน่ั ยนื ยาว ตง้ั แตน ีไ้ ปหนา ก็ขอหอื้ อยดู ีมสี ุข ฮิมาคา ขึ้นเนอ (กลา วใหพ รเปน ภาษาบาล)ี สพั พตี ีโย วินาสนั ตุ สัพพโลโค วิสาสนั ตุ มาเต ภวตวันตราโย สขุ ี ทีฑายุโก ภว อภินสิ ส นิจจงั นจิ จัง จตั ตาโร ธัมมา วินาสันตุ อายุ วัณโณ สขุ ขงั พลัง
134 (ถอดความจากแถบบันทกึ เสยี งบทปน พรแมอยุ นาค เพง่ิ เตงิ , 15 เมษายน 2551) บทปน พรสํานวนของอดุ ม อมรจกั ร (เกรน่ิ นาํ ดว ยการกลา วถึงโอกาสทจ่ี ะใหพ ร) เอวงั โหตุ สว นอัชชะ ในวนั น้ี กเ็ ปนวนั ดี เปนวันสรีศภุ มังคละอันประเสริฐ ลํ้าเลิศยิ่งกวา วนั และยามท้งั หลาย บัดนี้ปเ กา ก็ขามลวงลน พน ไปแลว ปใหมแ กว พญาวนั ก็มาชจุ อด (กลาวถึงผูร ับพร) ทงั้ พอ แมญ าตกิ าวงศาพน่ี องชุผชู คุ น รอดถงึ แกเราเจา ขาทงั้ หลาย (กลาวถึงเครอื่ งคารวะ และการรับเอาเครอ่ื งคารวะน้ัน) กไ็ ดต กแตงแปลงพร่ําพรอมนอมนาํ มา ยงั มธบุ ปุ ผาราชาขา วตอกดอกไมลําเทยี น น้าํ อบน้าํ หอม และโภชนะอาหาร เพอื่ จักมาหอื้ เปน ตานแกตนตวั แหง ขา ต้งั สองหนา หากงามดี บดั น้ีตูขากม็ ธี รรมเมตตา ปฏคิ คหะรบั เอายงั มธบุ ุบผา ราจา เขาตอกดอกไมล ําเตียน น้ําอบ น้ําหอม และโภชนะอาหาร ของทา นทั้งหลาย (กลา วยกโทษและใหพ รเปนภาษาลา นนา) ตั้งแตวนั นไี้ ปภายหนา ขอหื้อทานทัง้ หลาย ถึงจักอยกู ็ห้ือมไี ชย แมนจกั ไปกข็ อหอื้ มีโชคลาภ
135 ปราบแพ ขา ศกึ ศัตรู ขออยา ไดมาใกล ทกุ ขยากไรก ข็ อหอื้ หนเี สีย จงุ ห้ือเจา ทง้ั หลาย มีอายเุ ทยี่ งมนั่ รอยพนั วัสสา แมนจกั ฮิก็ห้ือปน มา คนั นวา จกั หาก็หอื้ ปน ได ทั้งเงนิ คําเครื่องใช จงุ ไหลหลง่ั เทมา ขอห้ือเจา ทงั้ หลายจงอยดู ว ยสขุ 3 ประการ มนี ิพพานเปน ทแี่ ลว อยาไดค ลาดไดคลา เที่ยงแทด หี ลี ตามบทบาทบาลีวา (กลา วใหพ รเปน ภาษาบาล)ี สพั พตี ีโย วิวชั สันตุ สัพพโลโค วินสั สันตุ มาเต ภวตวันตราโย สขุ ี ทฑี ายโุ ก ภว อภวิ าทน สลี สิ นจิ จงั วฑุ ฒาปจายิโน จัตตาโร ธมั มา วัชทนั ติ อายุ วัณโณ สขุ ขัง พลงั (อุดม อมรจกั ร, 2521: 150) ผูวิจัยคิดวาสาเหตุที่ทําใหโครงสรางหลักของวรรณกรรมประกอบพิธีกรรมประเภทเดียวกัน ในลานนามโี ครงสรา งหลกั เหมือนกนั อาจเปนผลมาจากการท่ไี ดบนั ทึกไวเ ปน ลายลักษณอักษรอยาง ชัดเจน ดงั นั้นทกุ คร้งั ที่มีการคดั ลอกก็จะตองคัดลอกจากตนฉบับ และเวลาคัดลอก จะตองคัดลอกให หมด สวนเวลาใชจ ริง จะใชห มดหรือไมก็แลว แต ดังนนั้ เมือ่ คัดลอกหมด ไมวาจะสืบตอกันไปกี่รุน โครงสรางและเน้ือหาจึงไมแตกตางจากตนฉบับเดิมมากนัก อาจมีแตกตางไปบาง เชน ปรับให เหมาะกับผูฟงในทองถ่ินของตน เชนคําศัพทบางคํา สถานท่ีบางแหง ฯลฯ แตส่ิงเหลาน้ีก็ไมได กระทบกระเทือนตอโครงสรางหลักของวรรณกรรมเลย สวนการเพิ่มหรือตัดเนื้อหาบางสวนของ วรรณกรรม จะกระทําขณะประกอบพิธีกรรม มักไมบันทึกเปนลายลักษณอักษรไว (สัมภาษณ ดุสิต ชวชาติ,14 กันยายน 2551) ดังนั้นไมวาวรรณกรรมจะแพรกระจายไปอยางไร โครงสรางหลักก็ยัง เหมือนเดมิ
136 3)ตัวบทของวรรณกรรมพิธีกรรม สะทอนความคดิ สรา งสรรคข องชาวบา นผู ประกอบพธิ กี รรม วรรณกรรมหลายประเภท ผูสรางสรรคและผูเสพจะเปนคนละคนกัน กลาวคือ มักจะมี นักปราชญหรือกวีแตงไว แลวแพรกระจายไปยังท่ีตางๆ ผูที่รับวรรณกรรมเหลาน้ันไปใช จะทํา หนาท่ีเปนเพียงผูรับไปอานเทานั้น ไมวาจะเปนวรรณกรรมสะเทือนอารมณ วรรณกรรมคําสอน วรรณกรรมพระพุทธศาสนา ฯลฯ แตวรรณกรรมประกอบพิธีกรรม จะมีลักษณะเดนกวาวรรณกรรม ประเภทอืน่ ๆ คอื ผทู ่ีรับวรรณกรรมเหลา นัน้ ไปใช หากนําไปใชห ลายครั้งจนสามารถจดจําโครงสราง และเน้ือหาของวรรณกรรมได ก็จะสามารถเรียบเรยี งและสรางสรรคตัวบทขน้ึ เองได ดังจะเห็นไดจ าก ปูจารยหลายทาน สามารถแตงตัวบทวรรณกรรมประกอบพิธีกรรมใชเอง เชน มณี พยอมยงค สามารถแตงบทเวนทานใหม ลี ักษณะเฉพาะและเหมาะสมกับการประกอบพธิ ีกรรมแตละครง้ั ได และ บางครั้งยังสามารถแตงขึ้นจากปฏิภาณขณะประกอบพิธีกรรม โดยไมตองเตรียมตัวบทลวงหนา (สัมภาษณดุสิต ชวชาติ,14 กันยายน 2551) ตัวบทของวรรณกรรมประกอบพธิ กี รรมอกี ประเภทหน่ึงท่แี สดงใหเห็นลกั ษณะเดนประการน้ี ไดช ัดเจน คอื บทปนพร ซึง่ ชาวบานแตล ะคนอาจเรียบเรียงข้ึนมาเปนสํานวนของตนเองได โดยอาจ แตง เปนสาํ นวนสั้นๆ หรือแตงเปน สํานวนทไี่ พเราะ มีความสละสลวยของภาษา ก็แลวแตภูมิปญญา ในการสรางสรรคของผูแตง จากการสัมภาษณชาวบานหลายๆ ทาน ไดกลาววาอาศัยจดจํามาจาก การเคยไดยินผูใหญก ลา วปน พร แลว ลองกลาวเปน สํานวนของตัวเอง ตัวอยางบทปนพรส้ันๆ ท่ีชาวบานจดจําโครงสรางและเน้ือหาบางสวนแลวนํามาเรียบเรียบ ใหมเ ปน สํานวนของตวั เอง เชน “เออ วันนี้ก็เปนวันดีวันปใหมเ นอ ลูกหลานมาดาํ หวั ก็ขอหือ้ อยูด ีมสี ุขอายมุ ัน่ ยนื ยาว ฮมิ าคาขึน้ เนอ” (ถอดความจากแถบบันทกึ เสยี งบทปน พรแมไหล ทองคาํ , 15 เมษายน 2551) นอกจากน้ียังมีสํานวนอ่ืนๆ เชน สํานวนของพอสม สายชมพู ซึ่งแมจะเปนสํานวนท่ีมี เน้ือหาไมยาวมากเหมือนสํานวนของทวี เข่ือนแกว และอุดม อมรจักร แตก็มีโครงสรางครบทุก สวน นับตั้งแต เกริ่นนําดวยการกลาวถึงโอกาสที่จะใหพร กลาวถึงผูรับพร กลาวถึงเครื่องคารวะ และการรับเอาเครือ่ งคารวะนั้น กลา วยกโทษและใหพรเปนภาษาลา นนา กลาวใหพ รเปนภาษาบาลี ดังตัวอยาง
137 เอวังโหนตอุ ัชชะ ในวันนก้ี เ็ ปน วันดี สรีวนั ปลอดเปน ยอดพญาวัน สงั ขารปเ กา กล็ วงลนพนไปแลว สงั ขารปใ หมแกวพญาวนั กม็ ารอดมาเถงิ เทงิ ฑฆี ากาลวนั นแ้ี หละ บัดนี้ก็มีนางสมเปน เคลา พรอ มดว ยลูกหลาน ก็บอ ละเสยี ยงั รตี อดตี ปาเวณี กม็ ามาสลงขงขวาย ตกแตงมายงั นาํ้ ขมนิ้ สมปอ ย เขาตอกดอกไมลําเทยี น มาถวายเปน ทานยงั ตนตวั แหงขา ต้ังนี้ไปหนากข็ อหอื้ อยดู ีมสี ขุ อายมุ น่ั ยนื ยาวรอ ยซาวผสา ฮิมาคา ขึน้ เนอ สพั พตี ีโยวิวาสันตุ อายวุ ณั โณ สขุ ขงั พลัง เนอ อยูดมี สี ขุ (ถอดความจากแถบบนั ทึกเสยี งบทปนพรพอ สม สายชมพู, 17 เมษายน 2551) อยา งไรกต็ ามเปน ทีน่ าสังเกตวา ภาษาบาลีที่ปรากฏในสวนทา ยของบทปน พรท้งั สองสาํ นวน ทไ่ี ดก ลาวมาขางตน อาจไมถ ูกตอ งตามหลกั ไวยากรณม ากนัก แตท ง้ั น้ี ผวู จิ ัยคดิ วาไมไดเ ปน ปญ หา กบั การประกอบพธิ ีกรรม เพราะทั้งผปู นพรและผูรบั พร ยอมรับความศกั ด์ิสิทธข์ิ องภาษาบาลดี ว ย ความเชอ่ื และความศรทั ธา มากกวายอมรบั จากความหมาย ดงั นั้นเมอื่ ทั้งสองฝายไดร บั รูวาไดม ีการ ใหพ รเปน ภาษาบาลีแลว ตา งฝา ยกพ็ งึ พอใจ 4.3 ความสัมพันธระหวางพิธีกรรมและวรรณกรรมประกอบพธิ ีรรม ก. วรรณกรรมชว ยสรา งบรรยากาศความศักดิ์สทิ ธิ์ใหแกพ ิธกี รรม ชาวลา นนาเชอ่ื วาในการประกอบพธิ กี รรมแตละครัง้ นอกจากจะมเี ครื่องประกอบพธิ ที ต่ี อง เตรียมใหถ กู ตอ งและครบถว นแลว ยังจะตอ งมกี ารอา นวรรณกรรมประกอบพธิ กี รรมดว ย เพอ่ื ใหก าร ประกอบพธิ ีกรรมครั้งนน้ั เกดิ ความศักดิส์ ทิ ธ์ิ ซึง่ ผูวจิ ัยคดิ วา เหตทุ ี่คนลานนามีความเชอื่ เชน นั้น นาจะมาจากเหตุผลประการตาง ๆ ดงั นี้ 1) วรรณกรรมประกอบพิธกี รรม มีการใชภาษาท่ีสละสลวยในการพรรณนาความและใช ภาษาบาลที ชี่ ว ยเสริมสรา งใหต วั บทวรรณกรรมดูเปน ถอ ยคําที่มศี กั ดสิ์ งู ไมใ ชภ าษาพูดธรรมดา 2) มลี ลี าการอานดวยทว งทํานองคลา ยกับการเทศน ซง่ึ นอกจากจะไพเราะแลว ยังทําใหท าํ ใหดมู คี วามขลงั อกี ดว ย
138 3) เน้ือหามกี ารกลา วถึงส่งิ ศกั ด์สิ ทิ ธทิ์ ั้งหลาย ไมวาจะเปน เทพเทวดา อินทร พรหม ครฑุ นาค ซึง่ กเ็ ปนส่ิงชวยสรางเสริมใหพ ธิ ีกรรมเกดิ ความขลังและศกั ด์ิสทิ ธ์ิ 4) ความเชอื่ ทฝ่ี ง ลกึ ในใจของชาวลา นนามากอ นหนานั้นแลว วา วรรณกรรมประกอบ พธิ กี รรม เปนบททม่ี คี วามศกั ดิส์ ิทธิ์ นอกจากนคี้ นลา นนายงั มคี วามเชอ่ื วา ตราบใดทีย่ ังไมมกี ารกลา วบทวรรณกรรม กย็ ังถือวา พธิ กี รรมคร้ังน้นั ยงั ไมสมบูรณแบบ เชน พิธกี รรมสง เคราะห แมจ ะจดั เตรยี มเครอ่ื งประกอบ พธิ กี รรมไวจ นครบ แตหากยงั ไมม กี ารกลาวบทสง เคราะห กย็ งั ถอื วาเคราะหยังไมไดรบั การสง ยัง ไมพนจากเคราะห หรือ พธิ กี รรมเรียกขวญั หากเพยี งแคน าํ บายศรหี รือครวั ขาวขวัญไปวางไว ตรงหนา ผูทต่ี อ งการใหเ รยี กขวญั กย็ ังถอื วา ขวญั ยงั ไมกลบั เขามา เพราะยงั ไมไ ดก ลาวบทเรยี กขวญั อีกตัวอยางหนึ่งที่เห็นไดชัดเจนคือพิธีกรรมเวนทาน ท่ีชาวบานจะเชื่อวา ข้ันตอนที่สําคัญ ที่สุดในการถวายทานก็คือ “ข้ันตอนการเวนทาน” พอหนานประสิทธ์ิ โตวิเชียร (สัมภาษณ15 กันยายน 2551)ไดยกตัวอยางใหฟงวา “สมมติวาหมูบานหนึ่ง มีการรวมกับบริจาคเงินกันเพ่ือสราง วิหารข้ึนมา เมอ่ื วิหารสรา งเสร็จ กจ็ ะมีการเตรียมที่จะจัดงาน “ปอยหลวง” หมายถึงจัดงานถวาย ทาน ซ่ึงจะตองมีการเวนทาน พรอมกับงานเฉลิมฉลอง ไวลวงหนา แตในชวงระยะเวลาที่ยังไมได เวนทานวิหารหลังดังกลาวนั้น แมวาชาวบานท้ังหมดที่รวมกันสราง จะมีโอกาสไดเห็นวิหารที่ สรางใหมเสร็จแลว และเคยไดเขาไปใชงานวิหารดังกลาวแลวก็ตาม แต ตราบใดที่ยังไมไดเวนทาน หากใครคนใดคนหนงึ่ เสยี ชวี ติ ไปเสียกอ น กจ็ ะเปน สิ่งท่ีนาเสียใจและนา เสียดายเปนอยา งมาก เพราะ ชาวบา นเช่อื กันวา ครัวทานหรือสงิ่ ของถวายทานทยี่ ังไมไดเวนทานกเ็ ปรียบเสมือนของสิง่ นน้ั ยังเปน ของเราอยู ยังมิไดมีการสงมอบใหกับพุทธศาสนา ถือไดวา ผูตายที่ไมมีโอกาสไดถวายทานวิหาร เสยี กอ น ยงั ไมไดร ับบุญหรอื อานสิ งสจากวิหารท่ตี นสรา ง เปนตน” จากตัวอยางขางตน แสดงใหเห็นไดวา การประกอบพิธีกรรมทุกคร้ัง แมจะเตรียมเครื่อง ประกอบพิธีกรรมไวจนครบ แตตราบใดที่ยังไมมีการอานวรรณกรรมประกอบพิธีกรรม การ ประกอบพธิ ีกรรมในคร้งั นั้น ก็ถอื วา ยังไมเสร็จสิ้นอยางสมบูรณแบบ ข. วรรณกรรมใชอ ธบิ ายความเปนมาของพธิ กี รรม ตัวบทของวรรณกรรมประกอบพิธีกรรมบางประเภท นับไดวามีสวนชวยในการบอกความ เปนมาของพิธีกรรม แนวทางปฏิบัติในการประกอบพิธีกรรมตางๆ ตลอดจนเคร่ืองประกอบ พิธกี รรม ไวอยา งชดั เจน ตัวอยางของตัวบทวรรณกรรมท่ีชวยรักษาใหพิธีกรรมสามารถดํารงอยูได ดวยการบอก ความเปนมาของพิธีกรรม เชน บทเวนทานสลากภัตต ท่ีอธิบายถึงความเปนมาของพิธีกรรม
139 ทานกวยสลากภัตต ไววา มีท่ีมาจากเด็กเลี้ยงควายกลุมหนึ่งที่บริจาคหอขาวของตัวเองแดพระสงฆ แตเน่ืองดวยตกลงกันไมไดวาใครจะถวายใหพระภิกษุรูปใด จึงตองมีการทําสลากข้ึนมาแลวให พระสงฆเปนผูเลือกจับ หากจับไดของเด็กคนใดก็ใหเด็กคนน้ันนําหอขาวไปถวายทานให ซ่ึงการ ถวายทานในครั้งนี้ไดสงผลใหเด็กเลี้ยงควายประสบความสุขความเจริญทั้งในชาติน้ีและชาติหนา ดังตวั อยาง ไดสรางไวแ ตก อนเดมิ มา เรียกวา ทานขา วสลาก หากมอี านิสงสมากนักหนา เปนด่งั พระสัตถาเทศนาปางกอ น ขามลว งมาผอ นเมนิ นาน ในเชตวนั อารามแหง หอ ง อันมีในขงเขตทองเมอื งสาวตั ถี พระกเ็ ทสนา แกจ ตปุ รสิ ทุ ธะชที ังส่ี มารอดเถงิ ทีท่ ารกา วาอถกาเล ยังมีกาละเมอ่ื กอ น เดก็ นอยออ นทารกา เขาก็อยูคามาเขตหอ ง จาถูกตอ งฮาฮือ พากนั เอากระบอื เปนหมู แอวเลี้ยงอยูห ลงั ควาย แลวก็สะพายขาวหอ เปนนิจจะตอ ทึงวนั ตามรมิ สันและหนทางไคว ทจี่ ิม่ ใกลศ าลา เถงิ เวลาใกลเ ทีย่ ง ตาวันบดิ เบย่ี งสเู วหา หกนาฬิกามารอด ปลอยควายสอดลา หากิน ตามริมสันปากวาง สว นตัวเขาก็มายอบยง้ั อยใู นศาลา แลว กพ็ ากันเทกินยังภุญชาหอ ขา ว เบนหนารอสมุ กัน ไปเปน นิรันดรบ ขาด ทุกมอื้ หากดีหลี ฯ ยงั มีในกาละวนั หน่ึงเลา อะถะกาเล ก็พากนั เดนิ มคั คาหนทางใหญ เจา ภิกขเุ ผา วงศา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259