Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน วิชาสังคมศึกษา (ส31101) ชั้นม.4 (ครูยงยุทธ์ อ่อนนวล)

แผนการสอน วิชาสังคมศึกษา (ส31101) ชั้นม.4 (ครูยงยุทธ์ อ่อนนวล)

Published by ครูยงยุทธ์ อ่อนนวล, 2021-09-13 14:20:16

Description: แผนการสอน วิชาสังคมศึกษา (ส31101) ชั้นม.4 (ครูยงยุทธ์ อ่อนนวล)

Search

Read the Text Version

119 5. สมาชิกแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั ทาใบงานที่ 2.3 เร่ือง ปรากฏการณท์ างอุทกภาค และร่วมกันเฉลย คาตอบ โดยครแู นะนาเพิม่ เตมิ ข้นั ท่ี 5 กำรสรปุ เพอื่ ตอบคำถำม 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษา Geo Tip เรื่อง หมอกทะเล จากหนังสือเรยี นภูมศิ าสตร์ ม.4-6 เพื่อ วิเคราะห์เพม่ิ เตมิ ปรากฏการณ์ทางอุทกภาค จากนนั้ รว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล 2. นกั เรยี นในช้ันเรียนรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือทางภมู ศิ าสตร์ และเคร่ืองมือดา้ น เทคโนโลยีในการสืบค้นอุทกภาค 3. ครูใหส้ มาชกิ ในแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปสาระสาคญั เพื่อตอบคาถามเชงิ ภมู ศิ าสตร์ 4. ครูใหน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร์ ม.4-6 เกย่ี วกบั เร่ือง อุทกภาค โดยครแู นะนา เพ่มิ เติม ขนั้ สรปุ ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ความร้เู กี่ยวกบั อทุ กภาค ตลอดจนความสาคัญทม่ี อี ิทธพิ ลตอ่ การดาเนินชีวติ ของประชากร หรอื ใช้ PPT สรปุ สาระสาคัญของเนอื้ หา ขนั้ ประเมนิ 1. ครูประเมนิ ผลโดยสงั เกตจากการตอบคาถาม การรว่ มกันทางาน และการนาเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาใบงาน และแบบฝึกสมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 9. กำรวดั และประเมินผล วธิ วี ดั เครื่องมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ - ตรวจใบงานที่ 2.3 - ใบงานท่ี 2.3 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ รำยกำรวดั 9.1 การวัดและประเมนิ ผล ระหว่างการจดั กจิ กรรม การเรียนรู้ 1) วเิ คราะหก์ าร เปลี่ยนแปลงทาง กายภาพด้านอทุ กภาค ของพื้นท่ีใน ประเทศไทยและ ภมู ภิ าคต่าง ๆ ของโลก ซ่ึงได้รบั อิทธพิ ลจาก ปัจจยั ทางภมู ิศาสตรไ์ ด้ 2) อธบิ ายวัฏจกั รทาง

120 อทุ กวทิ ยา และ - ประเมินการ - แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ 2 ผลกระทบทเ่ี กดิ จากน้า นาเสนอ ในมหาสมุทรได้ ผลงาน นาเสนอ ผา่ นเกณฑ์ 3) การนาเสนอผลงาน - สังเกตพฤตกิ รรม การทางาน ผลงาน 4) พฤตกิ รรม รายบคุ คล การทางานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 การทางานกลมุ่ 5) พฤติกรรม - สังเกตความใฝ่ การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ การทางานกลุ่ม เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 6) คุณลกั ษณะ ทางาน อันพงึ ประสงค์ - ประเมินการใช้ การทางานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ เครอื่ งมอื 9.2 การรู้เร่ืองภูมิศาสตร์ ทางภูมิศาสตร์ - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ - แบบประเมินการใช้ - ระดับคณุ ภาพ 2 เครอ่ื งมือทาง ผ่านเกณฑ์ ภูมศิ าสตร์ 10. สอ่ื /แหลง่ กำรเรยี นรู้ 10.1 ส่อื กำรเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียนภูมศิ าสตร์ ม.4-6 2) แบบฝกึ สมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 3) หนงั สือค้นควา้ เพ่มิ เติม (1) โครงการตาราวิทยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตรม์ ูลนธิ ิ สอวน. 2557. ภูมิศำสตร์กำยภำพ. กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพมิ พ์. (2) โครงการตาราวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตรม์ ูลนิธิ สอวน. 2559. ภมู ศิ ำสตร์เทคนคิ . กรงุ เทพมหานคร : ดา่ นสุทธาการพมิ พ์. (3) โครงการตาราวทิ ยาศาสตร์และคณติ ศาสตร์มลู นธิ ิ สอวน. 2557. ภูมศิ ำสตร์มนุษย์. กรงุ เทพมหานคร : ด่านสุทธาการพมิ พ์. (4) แผนที่ทหาร, กรม. ม.ป.ป. แผนท่ีเล่มประเทศไทยมำตรำส่วน 1 : 3,000,000. กรุงเทพมหานคร : กรมแผนทีท่ หาร.

121 4) เคร่อื งมอื ทางภูมศิ าสตร์ ไดแ้ ก่ แผนที่ ลกู โลกจาลอง รปู ถ่ายทางอากาศ และภาพจาก ดาวเทียม 5) ใบงานท่ี 2.3 เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ทางอทุ กภาค 10.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ - http://earth.google.co.th - http://maps.google.co.th - http:// thaigoodview.com

122 ใบงำนท่ี 2.3 เร่ือง ปรำกฏกำรณท์ ำงอทุ กภำค คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนเขียนแผนภำพแสดงวัฏจกั รทำงอทุ กวทิ ยำ แลว้ ตอบคำถำมตำมประเด็นทีก่ ำหนดให้ แผนภาพแสดงวฏั จกั รทางอทุ กวทิ ยา 1. จากแผนภาพ สามารถอธบิ ายวัฏจกั รทางอทุ กวทิ ยาได้อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเกิดวัฏจกั รของน้าตามธรรมชาติ มีข้นั ตอนอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. มนษุ ยใ์ ชป้ ระโยชน์จากแหล่งนา้ จืดและแหลง่ นา้ เค็มอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. การไหลเวียนของกระแสนา้ ในมหาสมทุ ร มอี ิทธพิ ลต่อการดาเนินชวี ติ ของมนุษย์อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลย 123 ใบงำนท่ี 2.3 เรอ่ื ง ปรำกฏกำรณท์ ำงอุทกภำค คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นเขียนแผนภำพแสดงวฏั จกั รทำงอทุ กวทิ ยำ แลว้ ตอบคำถำมตำมประเดน็ ที่กำหนดให้ แผนภาพแสดงวฏั จักรทางอุทกวิทยา 1. จากแผนภาพ สามารถอธิบายวัฏจกั รทางอุทกวิทยาได้อยา่ งไร …วฏั…จ…กั …ร…ทา…ง…อุท…ก…ว…ทิ …ย…า …เป…็น…ก…าร…ห…ม…ุน…เว…ยี …นข…อ…ง…น…า้ ใ…น…ธร…ร…มช…า…ต…ิ จ…า…กม…ห…า…ส…มทุ…ร…ส…อู่ …าก…า…ศ…จ…าก…อ…า…กา…ศ…ส…ู่พ…้ืน…ดิน……แล…ว้ ไหลสู่ …ม…หา…ส…ม…ุท…รอ…กี …ค…รง้ั…โ…ด…ย…น้า…ใ…นโ…ล…ก…หม…ุน…เ…วยี …น…ใน…ร…ูป…แ…บ…บไ…อ…น…้าอ…นั …เก…ิด…จ…าก…ก…า…รร…ะ…เห…ย…ข…อ…งน…้า…ต…าม…แ…ห…ลง่…น…า้ …ต่า…ง…ๆ…เ…มอื่ อ่มิ ตัว …กจ็…ะ…ก…ล…่ันต…ัว…เป..…็น…ละ…อ…อ…งน…้า…แ…ล…ว้ …ตก…ล…ง…สู่ผ…วิ …โล…ก…เ…ช…น่ …ฝ…น…ห…มิ …ะ…ล…ูก…เห…็บ…………………………………………………………… 2. การเกดิ วัฏจักรของนา้ ตามธรรมชาติ มีขน้ั ตอนอย่างไร …กา…ร…เก…ดิ …ว…ัฏจ…กั …ร…ท…าง…ข…อง…น…า้ …มี…4…ข…้ัน…ต…อน……ค…ือ…ก…าร…ร…ะเ…ห…ย…ก…าร…ค…ว…บแ…น…่น…ก…า…ร…เก…ดิ …ฝน……แ…ละ…ก…า…รร…ว…มต…วั …ข…อ…งน…้า……… 3. มนุษยใ์ ช้ประโยชนจ์ ากแหลง่ น้าจืดและแหลง่ นา้ เคม็ อยา่ งไร …ม…นุษ…ย…์ใ…ชป้…ร…ะ…โย…ช…น…์จา…ก…แ…ห…ล่ง…น…้า…จดื…แ…ล…ะแ…ห…ล…ง่ …นา้…เค…็ม…ใ…น…กา…ร…อ…ปุ โ…ภ…ค…บ…ร…ิโภ…ค…ก…า…รต…งั้ …ถ…นิ่ …ฐา…น…ก…า…รค…ม…น…า…คม…ข…น…ส…่ง การเปน็ …แ…หล…่ง…อ…าห…า…ร…แ…ห…ล่ง…เพ…า…ะ…เล…ีย้ …งส…ตั …ว…์ แ…ห…ล…่งท…่อ…ง…เท…ยี่ …ว…ร…วม…ไ…ปถ…ึง…ก…าร…เป…น็…แ…ห…ล…ง่ พ…ล…งั …งา…น…………………………………… 4. กระแสน้าในมหาสมทุ ร มอี ทิ ธพิ ลต่อการดาเนินชวี ติ ของมนุษย์อย่างไร กระแสนา้ ในมหาสมทุ รมีอทิ ธิพลต่อลกั ษณะภูมิประเทศ ภมู อิ ากาศ ทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งผลต่อการดารงชีวิต ของมนุษย์ในพน้ื ท่ี เช่น การเกดิ กระแสน้าอุน่ -กระแสนา้ เย็น การเกิดความช้ืนในอากาศ รวมถึงการก่อใหเ้ กิด ทรัพยากรทางทะเลทอ่ี ุดมสมบูรณ์

124 แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน คำช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนอื้ หา 2 การลาดับขั้นตอนของเร่อื ง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ รวม ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ

125 แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนรำยบคุ คล คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับท่ี รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผ้อู นื่ 3 การทางานตามหนา้ ทีท่ ่ีได้รับมอบหมาย 4 ความมนี ้าใจ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../............. เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ

126 แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน กำรมี ลำดับที่ ชอื่ – สกุล กำรแสดง กำรยอมรับ กำรทำงำน ควำมมี ส่วนรว่ มใน รวม ของนกั เรยี น ควำม ฟงั คนอ่นื ตำมทีไ่ ดร้ ับ นำ้ ใจ กำร 15 คดิ เหน็ มอบหมำย คะแนน ปรบั ปรุง ผลงำนกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ำรให้คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน

127 127 บันทึกหลงั กำรจดั กำรเรียนรู้ แผนท่ี 5 เร่อื ง อุทกภำค ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดี พอใช้ ปรบั ปรุง………………………. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของสอ่ื ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. อื่นๆ……………………………………………………………………………………….....………..…………………… …........................................................................................…………………...………...................... 1. ผลทีเ่ กิดข้ึนกับผ้เู รียน นักเรียนสามารถอธิบายวัฏจักรทางอุทกวิทยา และผลกระทบท่ีเกิดจากน้าในมหาสมุทรได้ เลือกใช้ เคร่ืองมือทางภมู ิศาสตร์ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพด้านอุทกภาคของพนื้ ที่ในประเทศไทยและ ภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก ซง่ึ ได้รบั อิทธพิ ลจากปัจจัยทางภมู ิศาสตรไ์ ด้ 2. ปัญหำและอุปสรรค นักเรียนบางส่วนยงั ขาดความสนใจในการเรียน และยงั ไมค่ ่อยใฝ่เรยี นรู้ 3. แนวทำงแก้ปญั หำ/ขอ้ เสนอแนะ ใช้เทคนิคการสอนที่ตรงกับสภาพของนักเรียน และมีการกระตุ้นความสนใจโดยการมีกิจกรรม ใหน้ ักเรยี นไดม้ ีสว่ นร่วมมากขึน้ ลงชอื่ ……….........………….......….…..……. ผู้สอน ( นายยงยทุ ธ์ ออ่ นนวล ) ตาแหนง่ : ครู 4. ควำมคิดเห็นของผู้อำนวยกำรโรงเรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…… ลงชื่อ………...………….......…...........…..…….…. (นางสาวรพพี รรณ กตี า) ผู้อานวยการโรงเรยี น

128 แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 6 หน่วยท่ี 2 การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพของโลก เรอื่ ง ชวี ภำค สาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 3 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 ผสู้ อน นายยงยทุ ธ์ ออ่ นนวล ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ช้วี ดั 1.1 ตวั ชี้วัด ส 5.1 เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซึ่งมีผลต่อกัน ใช้ แผนที่และเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใชภ้ มู ิสารสนเทศอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ม.4-6/1 วเิ คราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในประเทศไทยและภูมภิ าคต่าง ๆ ของโลก ซ่งึ ได้รับอิทธพิ ลจากปัจจัยทางภมู ศิ าสตร์ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. วิเคราะหก์ ารเปล่ียนแปลงทางกายภาพด้านชวี ภาคของพน้ื ทใ่ี นประเทศไทยและภูมภิ าคต่าง ๆ ของ โลก ซง่ึ ได้รบั อิทธพิ ลจากปัจจยั ทางภูมิศาสตรไ์ ด้ (K) 2. อธบิ ายระบบนเิ วศและลักษณะการเปลย่ี นแปลงทางชีวภาคของแต่ละพ้นื ท่ีได้ (K) 3. เลอื กใชเ้ ครื่องมอื ทางภูมิศาสตร์ในการศึกษาการเปล่ียนแปลงทางกายภาพดา้ นชวี ภาคของพื้นทใ่ี น ประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซง่ึ ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตรไ์ ด้ (P) 4. สนใจศึกษาการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพของพ้นื ทใ่ี นประเทศไทยและภูมภิ าคต่าง ๆ ของโลก ซึ่ง ได้รบั อทิ ธิพลจากปัจจัยทางภมู ศิ าสตร์เพม่ิ มากขึ้น (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้ท้องถ่นิ สำระกำรเรยี นรู้จำกสื่อ (พิจารณาตามหลกั สตู ร - การเปล่ียนแปลงทางกายภาพ สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ของพื้นทใี่ นประเทศไทยและ 1) การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ สถานศกึ ษา) ภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลกในดา้ นชวี ภาค (ประกอบด้วย 1. ธรณภี าค 2. บรรยากาศภาค 3. อทุ กภาค 4. ชวี ภาค) ของพืน้ ทใ่ี น ประเทศไทยและภมู ภิ าคต่าง ๆ ของโลกซ่งึ ไดร้ ับอิทธิพลจากปจั จยั ทางภมู ิศาสตร์

129 2) การเปล่ียนแปลงทางกายภาพ ที่ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภมู ิอากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ 4. มโนทศั น์สำคัญ (Key Concept) - ปัจจัยทางภมู ิศาสตรม์ ีอิทธิพลต่อการเปล่ียนแปลงทางกายภาพด้านชวี ภาคในประเทศไทยและภมู ิภาค ต่าง ๆ ของโลก ซงึ่ ส่งผลตอ่ ภมู ิประเทศ ภูมอิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ 5. คำถำมหลกั (Big Question) 1. ปจั จัยทางภูมศิ าสตรท์ ี่สง่ ผลต่อการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพด้านชวี ภาคมอี ะไรบ้าง อย่างไร 2. การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพด้านชวี ภาคส่งผลต่อภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาตใิ น ประเทศไทยและภมู ภิ าคต่าง ๆ ของโลกอย่างไร 6. กำรรู้เรอ่ื งภูมศิ ำสตร์ (Geo–Literacy) ทักษะทำงภมู ศิ ำสตร์ 1. การแปลความขอ้ มลู ทาง ควำมสำมำรถทำงภมู ิศำสตร์ กระบวนกำรทำงภูมิศำสตร์ ภมู ิศาสตร์ 1. การใหเ้ หตุผลทางภมู ิศาสตร์ 1. การตัง้ คาถามเชงิ ภูมิศาสตร์ 2. การคดิ เชิงพ้ืนที่ 2. การตัดสนิ ใจอย่างเป็นระบบ 2. การรวบรวมขอ้ มลู 3. การจัดการขอ้ มลู 4. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู 5. การสรปุ เพื่อตอบคาถาม 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการคิด 1. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทกั ษะการทาใหก้ ระจ่าง 2. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 2) ทกั ษะการนาความร้ไู ปใช้ 2. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ

130 8. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้  วิธสี อนแบบกระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ (Geographic Inquiry Process) ช่วั โมงท่ี 1 ขนั้ นา 1. ครใู หน้ กั เรยี นดภู าพชีวนเิ วศแตล่ ะพ้ืนที่ จากน้นั สุ่มนกั เรียนเพือ่ ตอบคาถามวา่ แตล่ ะภาพเป็นชีวนเิ วศ ในพ้นื ทแ่ี บบใด (ตัวอยา่ งภาพชีวนเิ วศ) ทุนดรา ป่าฝนเขตรอ้ น ทะเลทราย เทอื กเขาสงู ปา่ สน ทงุ่ หญา้ เขตร้อน ขน้ั สอน ข้ันที่ 1 กำรต้ังคำถำมเชิงภูมศิ ำสตร์ 1. ครูให้นักเรียนศึกษาแผนที่แสดงเขตชีวนิเวศของโลก จากหนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 แล้ว อภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนที่ดังกล่าวร่วมกัน พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับภาพชีวนิเวศตัวอย่าง และ แสดงความคดิ เห็นเพมิ่ เติม 2. ครูกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันต้งั ประเดน็ คาถามเชงิ ภมู ศิ าสตร์ เชน่ 1) ปัจจยั ทางภมู ศิ าสตรท์ าใหเ้ กิดความหลากหลายของระบบชวี นเิ วศอย่างไร 2) ระบบชีวนเิ วศในภมู ิภาคต่าง ๆ ของโลกมีลกั ษณะอย่างไร

131 3) การเปล่ียนแปลงทางชีวภาคในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก มีผลกระทบต่อวิถีการดาเนินชีวิต อย่างไร ขัน้ ท่ี 2 กำรรวบรวมข้อมลู 1. ครูให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3-4 คน สบื ค้นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ระบบนิเวศของแตล่ ะพ้นื ที่ จากหนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 หรือจากแหล่งการเรียนรู้อ่ืน ๆ เช่น หนังสือในห้องสมุด เวบ็ ไซตใ์ นอินเทอรเ์ น็ต ประกอบการใช้เคร่อื งมอื ทางภูมิศาสตร์ ในประเดน็ ต่อไปนี้ 1) ปา่ ฝนเขตรอ้ น 6) เทือกเขาสงู 2) ป่าไมผ้ ลดั ใบ 7) ทะเลทราย 3) ทุง่ หญ้าเขตอบอุน่ 8) ป่าสน 4) ทุ่งหญ้าเขตรอ้ น 9) ทนุ ดรา 5) เมดเิ ตอร์เรเนยี น 2. ครูแนะนาแหลง่ ข้อมลู สารสนเทศทนี่ ่าเช่ือถือให้กับนักเรยี นเพิม่ เตมิ ช่วั โมงที่ 2 ข้ันที่ 3 กำรจัดกำรข้อมลู 1. สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มนาขอ้ มูลที่ตนได้จากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความร้รู ะหว่าง กัน 2. จากน้ันสมาชิกในกลุ่มช่วยกันคัดเลือกข้อมูลท่ีนาเสนอเพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีถูกต้อง และร่วม อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั ระบบนิเวศของแตล่ ะพ้นื ท่เี พม่ิ เติม ขนั้ ท่ี 4 กำรวิเครำะห์และแปลผลข้อมูล 1. สมาชิกแต่ละกลุ่มนาข้อมูลท่ีได้จากการศึกษามาทาการวิเคราะห์ และร่วมกันตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งของข้อมลู ครชู ่วยชีแ้ นะเพมิ่ เตมิ 2. ครูให้นักเรียนกลุ่มเดิมนาข้อมูลของตนเองที่เก่ียวกับชีวนิเวศของแต่ละพ้ืนท่ีท่ีกลุ่มตน รบั ผดิ ชอบมาเช่อื มโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพ จากหนงั สือเรียนภูมศิ าสตร์ ม.4-6 หรอื จากเวบ็ ไซต์ ในอินเทอร์เน็ต ประกอบการนาเสนอเพม่ิ เตมิ ตามประเดน็ ดงั นี้ 1) ความหลากหลายในชนดิ ของสิ่งมชี ีวติ 2) ความหลากหลายทางชีวนเิ วศวิทยา 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอข้อมูล จากน้ันวิเคราะห์ในเรื่องราวที่นาเสนอ และอภิปราย เสนอแนะข้อคดิ เห็นร่วมกัน 4. นกั เรยี นกลุม่ เดิมร่วมกันทาใบงานท่ี 2.4 เร่ือง ระบบชีวนิเวศ โดยครแู นะนาเพ่ิมเติม ข้ันที่ 5 กำรสรปุ เพอื่ ตอบคำถำม 1. นักเรียนในชนั้ เรยี นร่วมกนั สรปุ เก่ยี วกบั การใชเ้ ครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเคร่อื งมือด้าน เทคโนโลยใี นการสืบค้นชวี นเิ วศ

132 2. ครูให้สมาชิกในแต่ละกลุม่ ช่วยกนั สรปุ สาระสาคญั เพอ่ื ตอบคาถามเชิงภูมิศาสตร์ 3. ให้นักเรียนทาแบบฝกึ สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร์ ม.4-6 เรอื่ ง ชีวภาค เพื่อทดสอบความรทู้ ่ไี ด้ศึกษา มาเฉลย และอภปิ รายสรปุ รว่ มกนั ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เก่ียวกับชีวนิเวศ ตลอดจนความสาคัญที่มีอิทธิพลต่อการดาเนินชีวิต ของประชากร หรอื ใช้ PPT สรุปสาระสาคัญของเน้อื หา ขน้ั ประเมิน 1. ครปู ระเมนิ ผลโดยสังเกตจากการตอบคาถาม การรว่ มกันทางาน และการนาเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาใบงาน และแบบฝกึ สมรรถนะฯ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 9. กำรวดั และประเมนิ ผล รำยกำรวัด วิธีวดั เครื่องมอื เกณฑก์ ำรประเมนิ - ใบงานที่ 2.4 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 9.1 การวดั และประเมินผล - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ระหวา่ งการจัดกิจกรรม นาเสนอ ผา่ นเกณฑ์ ผลงาน การเรียนรู้ 1) วเิ คราะหก์ าร - ตรวจใบงานท่ี 2.4 เปล่ยี นแปลงทาง กายภาพดา้ นชวี ภาค ของพืน้ ท่ใี นประเทศ ไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซ่งึ ได้รบั อทิ ธพิ ลจากปัจจยั ทาง ภมู ศิ าสตรไ์ ด้ 2) อธบิ ายระบบนเิ วศและ ลักษณะการ เปล่ยี นแปลงทาง ชวี ภาคของแต่ละพื้นท่ีได้ 3) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ ผลงาน

133 4) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต - ระดบั คณุ ภาพ 2 การทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ 5) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม การทางานกล่มุ การทางานกล่มุ การทางาน 6) คุณลกั ษณะ - สังเกตความใฝ่เรยี นรู้ รายบุคคล อันพงึ ประสงค์ และมุ่งมั่นในการ ทางาน - แบบสังเกต - ระดบั คณุ ภาพ 2 9.2 การรู้เร่อื งภมู ิศาสตร์ - ประเมนิ การใช้ เคร่ืองมอื พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ ทางภูมศิ าสตร์ การทางานกลุม่ - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ - แบบประเมินการใช้ - ระดับคุณภาพ 2 เคร่อื งมือทาง ผ่านเกณฑ์ ภมู ิศาสตร์ 10. ส่ือ/แหลง่ กำรเรยี นรู้ 10.1 สอ่ื กำรเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียนภูมศิ าสตร์ ม.4-6 2) แบบฝึกสมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 3) หนังสอื ค้นคว้าเพมิ่ เติม (1) โครงการตาราวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มลู นิธิ สอวน. 2557. ภมู ิศำสตร์กำยภำพ. กรุงเทพมหานคร : ดา่ นสทุ ธาการพิมพ์. (2) โครงการตาราวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตร์มูลนิธิ สอวน. 2559. ภูมิศำสตร์เทคนคิ . กรงุ เทพมหานคร : ด่านสุทธาการพมิ พ์. (3) โครงการตาราวิทยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตรม์ ูลนธิ ิ สอวน. 2557. ภมู ศิ ำสตรม์ นษุ ย์. กรงุ เทพมหานคร : ดา่ นสทุ ธาการพมิ พ.์ 4) เครอื่ งมือทางภูมิศาสตร์ ได้แก่ แผนท่ี ลูกโลกจาลอง รปู ถา่ ยทางอากาศ และภาพจาก ดาวเทยี ม 5) ใบงานที่ 2.4 เรื่อง ระบบชวี นิเวศ 10.2 แหลง่ กำรเรียนรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ - http://earth.google.co.th

134 - http://maps.google.co.th - http:// thaigoodview.com - https://etcgeography.wordpress.com

135 ใบงำนท่ี 2.4 เร่ือง ระบบชวี นเิ วศ คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นสบื ค้นข้อมลู ระบบนเิ วศของแต่ละพ้นื ท่ี แลว้ วเิ ครำะหต์ ำมประเดน็ ทก่ี ำหนด โดยใชค้ วำมสำมำรถทำงภมู ิศำสตร์ 1. ลักษณะระบบนเิ วศ………………………………………………………………………………………………………………………………. บริเวณที่พบ…………………………..………………………………………………………………………………………………………….. ส่งิ มชี ีวิตทีพ่ บ……………………..…………………………………………………………………………………………………………... 2. ลักษณะระบบนิเวศ…………..…………………………………………………………………………………………………………………. บรเิ วณทีพ่ บ…………..………………..………………………………………………………………………………………………………….. สิ่งมีชีวติ ทพ่ี บ…………..……………..……………………………………………………………………………………………………….…..

136 3. ลกั ษณะระบบนเิ วศ…………..…………………………………………………………………………………………………………………. บริเวณทีพ่ บ……….………………..………………………………………………………………………………………………………….. สง่ิ มชี ีวิตทีพ่ บ………..……………..…………………………………………………………………………………….…………………….. 4. ลกั ษณะระบบนเิ วศ………………………………………………………………………………………………………………………………. บรเิ วณทพี่ บ…………………………..………………………………………………………………………………………………………….. สิ่งมีชวี ิตท่พี บ……………………..…………………………………………………………………………………….…………………….. 5. ลักษณะระบบนเิ วศ…………..…………………………………………………………………………………………………………………. บริเวณท่ีพบ………………………..………………………………………………………………………………………………………….. สิ่งมีชีวติ ที่พบ……………………..…………………………………………………………………………………….…………………….

เฉลย 137 ใบงำนท่ี 2.4 เรอื่ ง ระบบชีวนิเวศ คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนสบื ค้นข้อมูลระบบนิเวศของแต่ละพ้ืนท่ี แลว้ วิเครำะห์ตำมประเด็นทีก่ ำหนด โดยใช้ควำมสำมำรถทำงภมู ิศำสตร์ (ตวั อยา่ งคาตอบ) 1. ลกั ษณะระบบนิเวศ…ป…่า…ฝ…น.เ.ข…ต…ร…อ้ น………………………………………………………………………………………………………….. บรเิ วณที่พบ…………..…เข…ต…รอ้…น…ใ…กล..เ้…ส…น้ …ศูน…ย…์ส…ตู …ร…เช…่น…ป…า่ …ใน…ป…ร…ะ…เท…ศ…อิน…โ…ด…น…เี ซ…ยี …ป…่า…ใน…ล…ุม่ …นา้…แ…อ…ม…ะซ…อ…น…ท…ว…ปี …อ…เม.ร. กิ าใต้ สิง่ มชี วี ติ ท่พี บ………….พ.…นั …ธ์ุพ…ชื……สตั..…วป์ …่า…น…ก…แ…ม…ล…ง……………………………………………………………………………………... 2. ลกั ษณะระบบนิเวศ…ป…า่…ส…น..ห…ร…ือ…ไท…ก…า…………………………………………………………………………………………………….. บริเวณทีพ่ บ…………..…แถ…บ…ซ…ีก…โล…ก.เ.…หน…ือ…ท…ม่ี …อี …าก…า…ศ…หน…า…ว…เย…น็ …เ…ชน่……ท…รี่ า…บ…ไซ…บ…เี …รยี …ท…ว…ปี …ย…โุ ร…ป…ต…อน…เ…ห…นอื……………….. สง่ิ มีชีวติ ที่พบ……………พัน…ธ…์ุพ…ชื …ต.ร.…ะก…ลู …ส…น…ก…ว…าง…ม…ูส…ก…วา…ง…เร…น…เด…ีย…ร์………………………………………………………….…..

138 3. ลกั ษณะระบบนเิ วศ…ท…ะ…เล…ท..ร…า…ย…………………………………………………………………………………………………………….. บริเวณทพ่ี บ…………..ท…ว…ีป…แ…อฟ…ร…กิ ..า…ภ…มู …ภิ …า…คเ…อ…เช…ีย…ตะ…ว…ัน…ต…กเ…ฉ…ียง…ใต…้…บ…าง…พ…น้ื …ท…ีข่ อ…ง…จ…นี แ…ล…ะ…ม…อง…โ…กเ…ล…ีย……………….. สง่ิ มีชวี ิตทพ่ี บ………..…พ…ันธ…ุพ์ …ืช…ต.ร.…ะก…ลู …ป…า…ล์ม……อิน…ท…ผ…ล…มั …อ…ฐู …จ…้ิงจ…อ…ก…ท…ะเ…ล…ท…รา…ย……………………….…………………….. 4. ลักษณะระบบนิเวศ…ท…นุ …ด…รา……ห.ร.ือ…ท…ุง่ …ห…ิม…ะ ………………………………………………………………………………………….. บริเวณที่พบ……………ข…ว้ั …โล…ก.ท.…่ีม…อี …าก…า…ศ…หน…า…ว…เย…็น…ต…ลอ…ด…ท…้งั ป…ี…………………………………………………………………….. สิ่งมีชวี ติ ทพ่ี บ…………ไ..ล…เค…น……มอ…ส..ส…์ …หญ……า้ เ…ซด…จ…์ แ…ม…ว…น…า้ ล…า…ย…พิณ……ห…ม…ีข…าว…ข…ั้วโ…ล…ก…ห…ม…าป…่า…ห…ิม…ะ…….…………………….. 5. ลกั ษณะระบบนเิ วศ…ท…งุ่ …ห.ญ.…า้ …เข…ต…รอ้…น…………………………………………………………………………………………………….. บริเวณท่พี บ……………ท…ว…ปี .แ…อ…ฟ…ริก…า…ท…ว..ีป…อ…เม…ร…กิ …าใ…ต…้ ท…า…งเ…ห…นือ…ข…อ…งป…ร…ะ…เท…ศ…อ…อ…สเ…ต…รเ…ลยี……………………………….. ส่งิ มีชวี ิตท่ีพบ…………พ…นั …ธ…ุพ์ …ชื .ท.…ี่ม…ลี ัก…ษ…ณ…ะ..เ…ป…็นต…้น…ห…ญ…้า…ย…าว…ไ…ม…พ้ …มุ่ …ส…ิงโ…ต…ม…า้ …ลา…ย…ค…ว…าย…ป…า่ ………….…………………….

139 แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน คำช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนอื้ หา 2 การลาดับขั้นตอนของเร่อื ง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ รวม ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ

140 แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนรำยบคุ คล คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับท่ี รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผ้อู นื่ 3 การทางานตามหนา้ ทีท่ ่ีได้รับมอบหมาย 4 ความมนี ้าใจ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../............. เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ

141 แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน กำรมี ลำดับที่ ชอื่ – สกุล กำรแสดง กำรยอมรับ กำรทำงำน ควำมมี ส่วนรว่ มใน รวม ของนกั เรยี น ควำม ฟงั คนอ่นื ตำมทีไ่ ดร้ ับ นำ้ ใจ กำร 15 คดิ เหน็ มอบหมำย คะแนน ปรบั ปรุง ผลงำนกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ำรให้คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน

142 142 บนั ทึกหลงั กำรจดั กำรเรยี นรู้ แผนที่ 6 เรอื่ ง ชีวภำค ความเหมาะสมของกิจกรรม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดี พอใช้ ปรับปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของส่อื ดี พอใช้ ปรับปรุง………………………. อนื่ ๆ……………………………………………………………………………………….....………..…………………… …........................................................................................…………………...………...................... 1. ผลทเี่ กิดขนึ้ กบั ผู้เรยี น นักเรียนสามารถอธิบายระบบนิเวศและลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาคของแต่ละพ้ืนที่ได้ เลอื กใชเ้ คร่ืองมือทางภูมศิ าสตร์ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพด้านชวี ภาคของพน้ื ที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธพิ ลจากปัจจัยทางภมู ศิ าสตร์ได้ 2. ปัญหำและอปุ สรรค นกั เรียนทากจิ กรรมกลุ่มไมท่ นั ตามเวลาท่ีกาหนด เน่อื งจากนักเรียนเข้าชน้ั เรียนช้าเกินกวา่ กาหนด 3. แนวทำงแก้ปญั หำ/ขอ้ เสนอแนะ กาหนดเวลาในการเขา้ ชนั้ เรียน โดยมกี ารใหค้ ะแนนจติ พสิ ยั ใหก้ ับนกั เรียนทเ่ี ขา้ ชัน้ เรียนตรงตอ่ เวลา ลงช่อื ……….........………….......….…..……. ผูส้ อน ( นายยงยทุ ธ์ ออ่ นนวล ) ตาแหนง่ : ครู 4. ควำมคิดเห็นของผูอ้ ำนวยกำรโรงเรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…… ลงชอ่ื ………...………….......…...........…..…….…. (นางสาวรพีพรรณ กีตา) ผูอ้ านวยการโรงเรยี น

143 แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี 7 หน่วยท่ี 2 การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพของโลก เรือ่ ง กำรเปลีย่ นแปลงทำงกำยภำพทสี่ ่งผล ต่อภูมปิ ระเทศ ภมู อิ ำกำศ และ ทรพั ยำกรธรรมชำติ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 เวลา 3 ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ผู้สอน นายยงยุทธ์ ออ่ นนวล ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ดั 1.1 ตัวชี้วดั ส 5.1 เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธข์ องสรรพสิ่งซ่ึงมีผลต่อกัน ใช้ แผนทีแ่ ละเคร่อื งมือทางภูมศิ าสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทาง ภูมิศาสตร์ ตลอดจนใช้ภูมิสารสนเทศอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ม.4-6/1 วิเคราะหก์ ารเปลยี่ นแปลงทางกายภาพในประเทศไทยและภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก ซง่ึ ได้รับอิทธิพลจากปัจจยั ทางภูมศิ าสตร์ 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. วเิ คราะหก์ ารเปลีย่ นแปลงทางกายภาพท่ีส่งผลต่อภูมปิ ระเทศ ภมู ิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาตขิ อง พ้นื ทใี่ นประเทศไทยและภูมภิ าคต่าง ๆ ของโลก ซ่ึงไดร้ ับอทิ ธิพลจากปัจจยั ทางภูมิศาสตรไ์ ด้ (K) 2. เลอื กใชเ้ ครอื่ งมือทางภมู ิศาสตร์ในการศึกษาการเปลย่ี นแปลงทางกายภาพทสี่ ่งผลตอ่ ภูมปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศและทรัพยากรธรรมชาติของพน้ื ท่ีในประเทศไทยและภูมภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ซึง่ ไดร้ บั อิทธิพลจาก ปัจจัยทางภูมิศาสตรไ์ ด้ (P) 3. สนใจศกึ ษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพท่ีส่งผลตอ่ ภูมปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ ของพื้นท่ใี นประเทศไทยและภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก ซ่ึงได้รบั อิทธพิ ลจากปัจจัยทางภมู ศิ าสตรเ์ พิ่มมากข้ึน (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถน่ิ สำระกำรเรียนร้จู ำกส่อื (พจิ ารณาตามหลักสตู ร - การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพที่ สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง 1) การเปล่ียนแปลงทางกายภาพ สถานศึกษา) ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมอิ ากาศ และทรัพยากรธรรมชาติของ (ประกอบด้วย 1. ธรณีภาค พื้นทใ่ี นประเทศไทยและ 2. บรรยากาศภาค ภูมภิ าคต่าง ๆ ของโลก 3. อทุ กภาค 4. ชวี ภาค) ของพ้ืนที่ใน ประเทศ

144 ไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของ โลก ซง่ึ ไดร้ บั อิทธิพลจากปัจจัย ทางภมู ิศาสตร์ 2) การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ ท่สี ง่ ผลตอ่ ภมู ิประเทศ ภูมอิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ 4. มโนทัศน์สำคญั (Key Concept) - ปจั จัยทางภูมิศาสตรม์ ีอิทธิพลตอ่ การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพในประเทศไทยและภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของ โลกซง่ึ สง่ ผลตอ่ ภูมิประเทศ ภูมอิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ 5. คำถำมหลกั (Big Question) 1. ปจั จัยทางภูมศิ าสตรท์ ่ีสง่ ผลตอ่ การเปล่ียนแปลงทางกายภาพมีอะไรบ้าง อย่างไร 2. การเปล่ียนแปลงทางกายภาพสง่ ผลตอ่ ภมู ิประเทศ ภูมอิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาตใิ นประเทศไทย และภมู ิภาคต่าง ๆ ของโลกอยา่ งไร 6. กำรรูเ้ ร่อื งภูมศิ ำสตร์ (Geo–Literacy) ทกั ษะทำงภมู ิศำสตร์ 1. การแปลความขอ้ มลู ทาง ควำมสำมำรถทำงภูมิศำสตร์ กระบวนกำรทำงภูมศิ ำสตร์ ภูมศิ าสตร์ 1. การให้เหตุผลทางภมู ิศาสตร์ 1. การตง้ั คาถามเชงิ ภมู ศิ าสตร์ 2. การคดิ เชงิ พืน้ ที่ 2. การตดั สินใจอย่างเปน็ ระบบ 2. การรวบรวมขอ้ มลู 3. การจดั การข้อมลู 4. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล 5. การสรุปเพอ่ื ตอบคาถาม 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการคดิ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทักษะการทาให้กระจา่ ง 2. มุ่งมน่ั ในการทางาน 2) ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ 2. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

145 8. กจิ กรรมกำรเรียนรู้  วิธสี อนแบบกระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ (Geographic Inquiry Process) ช่ัวโมงท่ี 1 ข้ันนา 1. ครใู หน้ กั เรียนดูภาพตัวอย่างการเปล่ียนแปลงทางกายภาพที่สง่ ผลต่อภมู ิประเทศ ภมู ิอากาศ และ ทรัพยากรธรรมชาติ จากนัน้ สุ่มนักเรยี นเพอ่ื ตอบคาถามว่าแต่ละภาพเป็นการเปล่ยี นแปลงในลักษณะ ใดและมสี าเหตุมาจากสง่ิ ใด (ตัวอย่างภาพการเปลี่ยนแปลงฯ) ถ้า หาดทราย พ้ืนท่แี หง้ แล้ง นา้ เน่าเสยี ธารนา้ แข็ง คราบน้ามนั ในแหลง่ น้า 2. ครูให้นักเรียนศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับกุมภลักษณ์ จากหนังสือภูมิศาสตร์ ม.4-6 เชื่อมโยงกับภาพ ตัวอย่างการเปล่ียนแปลงทางกายภาพท่ีส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ และแสดง ความคิดเห็นรว่ มกัน 3. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ใช้สมาร์ตโฟนสืบค้นภาพลักษณะภูมิประเทศแต่ละประเภทท่ีเกิดจากการ กระทาของธารนา้ ไหล ตามข้อมลู จากหนงั สือภูมิศาสตร์ ม.4-6 ดังน้ี 1) น้าตกและแกง่ 5) ทางน้าโคง้ ตวัด 2) หุบเขารูปตวั วี 6) ลาน้าสาขา

146 3) ทีร่ าบน้าทว่ มถงึ 7) ทะเลสาบรูปแอก 4) หาด 8) ดินดอนสามเหล่ียม ขน้ั สอน ขัน้ ที่ 1 กำรตั้งคำถำมเชิงภมู ศิ ำสตร์ 1. ครูนารูปถ่ายทางอากาศหรือภาพจากดาวเทียมท่ีเก่ียวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ สง่ ผลต่อภมู ปิ ระเทศ ภูมอิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ มาให้นักเรยี นดู จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นลองบอกสง่ิ ที่ เหน็ จากสายตาและเปรียบเทยี บกับภาพทน่ี กั เรียนสืบค้นมา 2. ครูถามคาถามเพือ่ เป็นการกระต้นุ นกั เรียน เชน่ 1) ปัจจัยใดบา้ งทก่ี ่อให้เกิดภูมปิ ระเทศแบบเนินตะกอนรูปพัด (แนวตอบ เชน่ กระแสน้า กระแสลม ตะกอนดิน ลักษณะภมู ปิ ระเทศ ฯลฯ) 2) ดินดอนสามเหล่ยี มทีส่ าคัญของไทยและของโลก ได้แก่พน้ื ท่บี รเิ วณใด (แนวตอบ ในประเทศไทย เช่น บริเวณแม่น้าตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี บริเวณอื่น ๆ ของโลก เชน่ บริเวณแม่น้าโขง ประเทศเวียดนาม บริเวณปากแม่นา้ อริ วดี ประเทศพมา่ บรเิ วณปากแม่น้าไนล์ ประเทศอียปิ ต์ ฯลฯ) 3) ปัจจัยใดบ้างท่ีกอ่ ให้เกิดความแตกต่างของภูมปิ ระเทศท่เี กิดจากการกร่อนโดยธารนา้ แขง็ (แนวตอบ เชน่ กระแสนา้ กระแสลม อุณหภมู ิ ความรอ้ น ภมู อิ ากาศ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ฯลฯ) 4) ภูมปิ ระเทศท่ีเกิดจากการกรอ่ นโดยธารนา้ แขง็ แต่ละประเภท มีสิง่ ใดบ้างทแ่ี ตกต่างกนั (แนวตอบ เชน่ สาเหตุการเกิด ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ ฯลฯ) 3. ครูกระตุ้นให้นักเรยี นชว่ ยกนั ตง้ั ประเด็นคาถามเชิงภมู ิศาสตร์ เชน่ 1) การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพท่ีสง่ ผลตอ่ ภมู ิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ ที่ เป็นผลมาจากการกระทาของมนุษย์ ท่ีมีอิทธิพลมากทสี่ ดุ คอื การเปล่ยี นแปลงในด้านใด และสง่ ผลกระทบ อยา่ งไร 2) หากในอนาคตมกี ารเปล่ยี นแปลงทางกายภาพท่สี ่งผลตอ่ ภมู ิอากาศเพ่มิ มากข้นึ มนุษยค์ วรมี แนวทางป้องกนั หรือรับมอื ได้อยา่ งไร 3) การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพท่ีสง่ ผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ มี อิทธิพลตอ่ วิถีชีวติ ของมนุษย์อย่างไรบ้าง ขน้ั ท่ี 2 กำรรวบรวมขอ้ มลู 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6-8 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงทางกายภาพท่ี สง่ ผลตอ่ ภูมปิ ระเทศ ภูมอิ ากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ จากหนงั สือเรียนภูมศิ าสตร์ ม.4-6 หรือจากแหลง่ การเรียนรู้อื่น ๆ เช่น หนังสือในหอ้ งสมุด เว็บไซต์ ในอินเทอร์เน็ต ประกอบการใชเ้ ครื่องมอื ทางภมู ิศาสตร์ ใน ประเดน็ ต่อไปน้ี 1) การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพทสี่ ง่ ผลตอ่ ภมู ปิ ระเทศ

147 2) การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่สง่ ผลตอ่ ภมู ิอากาศ 3) การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพทสี่ ่งผลตอ่ ทรัพยากรธรรมชาติ 2. ครูแนะนาแหล่งข้อมลู สารสนเทศท่ีนา่ เชื่อถอื ให้กับนักเรียนเพิม่ เตมิ ชั่วโมงที่ 2 ขน้ั ท่ี 3 กำรจดั กำรขอ้ มลู 1. สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุ่มนาข้อมูลที่ตนได้จากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความร้รู ะหว่าง กัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุ่มช่วยกันคัดเลือกข้อมูลที่นาเสนอเพ่ือให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และร่วมกัน อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เพมิ่ เติม ข้นั ท่ี 4 กำรวเิ ครำะหแ์ ละแปลผลข้อมูล 1. สมาชิกแต่ละกลุ่มนาข้อมูลท่ีได้จากการศึกษามาทาการวิเคราะห์ และร่วมกันตรวจสอบความ ถูกตอ้ งของขอ้ มลู ครูช่วยช้ีแนะเพมิ่ เติม 2. ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอขอ้ มลู และรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิม่ เติม 3. ครใู หน้ ักเรยี นศกึ ษา Geo Tip จากหนังสอื เรียนภมู ิศาสตร์ ม.4-6 เพอ่ื วิเคราะหข์ อ้ มลู เพิม่ เติม 4. สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันทาใบงานที่ 2.5 เร่ือง การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ส่งผลต่อภูมิ ประเทศ ภูมิอากาศ และทรพั ยากรธรรมชาติ เฉลยและอภิปรายสรุปรว่ มกัน โดยครูแนะนาเพ่ิมเติม 5. ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกสมรรถนะฯ ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ส่งผล ต่อภมู ปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ แล้วนาส่งครูในชั่วโมงถดั ไป ชั่วโมงท่ี 3 ข้ันที่ 5 กำรสรปุ เพอื่ ตอบคำถำม 1. นักเรียนในชัน้ เรียนร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกับการใชเ้ ครือ่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ และเคร่ืองมือดา้ น เทคโนโลยใี นการสืบคน้ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพท่ีส่งผลต่อภูมปิ ระเทศ ภูมอิ ากาศ และ ทรัพยากรธรรมชาติ 2. ครใู ห้สมาชกิ ในแตล่ ะกล่มุ ช่วยกันสรุปสาระสาคัญเพื่อตอบคาถามเชงิ ภูมศิ าสตร์ 3. ครูมอบหมายให้นกั เรียนทาชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) การจัดป้ายนเิ ทศแสดงผลการสืบคน้ ขอ้ มลู เรอื่ ง การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพของโลก 4. ให้นกั เรยี นทาแบบวัดฯ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 เรอื่ ง การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพที่ส่งผลต่อ ภมู ิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ เพ่อื ทดสอบความรทู้ ี่ไดศ้ ึกษามา

148 ขนั้ สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ ความรเู้ กยี่ วกบั การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพท่ีส่งผลตอ่ ภมู ิประเทศ ภมู อิ ากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนความสาคัญท่ีมีอิทธิพลต่อการดาเนินชีวิตของประชากร หรือใช้ PPT สรุป สาระสาคัญของเนือ้ หา ขน้ั ประเมนิ 1. ครูประเมนิ ผลโดยสงั เกตจากการตอบคาถาม การร่วมกนั ทางาน และการนาเสนอผลงานหน้าชนั้ เรยี น 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาใบงาน แบบวัดฯ และแบบฝึกสมรรถนะฯ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 3. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของ โลก 9. กำรวัดและประเมนิ ผล วิธวี ดั เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ รายการวดั - ตรวจใบงานที่ 2.5 - ใบงานท่ี 2.5 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 9.1 การวัดและประเมินผล - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมินการนาเสนอ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ระหวา่ งการจดั กิจกรรม ผลงาน ผลงาน ผา่ นเกณฑ์ การเรยี นรู้ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 1) วเิ คราะหก์ าร การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 เปลี่ยนแปลงทาง กายภาพท่ีสง่ ผลตอ่ ภูมปิ ระเทศ ภูมอิ ากาศ และทรพั ยากร ธรรมชาติของพืน้ ที่ใน ประเทศไทยและ ภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธพิ ลจาก ปจั จัยทางภมู ิศาสตรไ์ ด้ 2) การนาเสนอผลงาน 3) พฤติกรรม การทางานรายบุคคล 4) พฤติกรรม

149 การทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความใฝ่เรยี นรู้ - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ - ระดบั คุณภาพ 2 และมงุ่ มน่ั ในการทางาน อันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรยี น - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.2 การวัดและประเมินผล หลงั เรียน หลังเรยี น - ประเมนิ การใช้เครอื่ งมอื - แบบประเมนิ การใช้ - ระดบั คณุ ภาพ 2 - แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง การเปล่ียนแปลง ทางกายภาพของโลก 9.3 การรเู้ รื่องภมู ิศาสตร์ ทางภมู ิศาสตร์ เครือ่ งมือทางภมู ิศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์ 10. สอ่ื /แหล่งกำรเรยี นรู้ 10.1 สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี นภูมศิ าสตร์ ม.4-6 2) แบบฝึกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร์ ม.4-6 3) แบบวัดและบนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ ภูมิศาสตร์ ม.4-6 4) หนังสือคน้ ควา้ เพ่ิมเตมิ (1) โครงการตาราวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตรม์ ูลนธิ ิ สอวน. 2557. ภมู ศิ ำสตร์กำยภำพ. กรงุ เทพมหานคร : ดา่ นสุทธาการพมิ พ์. (2) โครงการตาราวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตรม์ ูลนธิ ิ สอวน. 2559. ภูมิศำสตรเ์ ทคนิค. กรงุ เทพมหานคร : ดา่ นสทุ ธาการพิมพ.์ (3) โครงการตาราวิทยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์มูลนธิ ิ สอวน. 2557. ภูมศิ ำสตรม์ นุษย์. กรงุ เทพมหานคร : ด่านสทุ ธาการพิมพ์. (4) ปัญญา จารศุ ิร.ิ ธรณีวิทยำแปรสณั ฐำน. 2558. กรุงเทพมหานคร : ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (5) แผนท่ที หาร, กรม. ม.ป.ป. แผนทเี่ ล่มประเทศไทยมำตรำส่วน 1 : 3,000,000. กรุงเทพมหานคร : กรมแผนท่ที หาร. 5) เครอื่ งมอื ทางภูมศิ าสตร์ ไดแ้ ก่ แผนที่ ลูกโลกจาลอง รูปถ่ายทางอากาศ และภาพจาก ดาวเทียม 6) ใบงานที่ 2.5 เร่อื ง การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพทสี่ ง่ ผลตอ่ ภมู ิประเทศ ภูมอิ ากาศ และ ทรพั ยากรธรรมชาติ

150 10.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ - http://www.learners.in.th/blogs/posts/32187 - http://earth.google.co.th - http://maps.google.co.th - http:// thaigoodview.com - https://www.youtube.com/watch?v=fsUnFAQdUSA - https://www.youtube.com/watch?v=fjfXZzx04So - https://www.youtube.com/watch?v=3NAuTj_iCbA - https://etcgeography.wordpress.com

151 ใบงำนท่ี 2.5 เรือ่ ง กำรเปล่ียนแปลงทำงกำยภำพที่ส่งผลต่อภปู ระเทศ ภมู อิ ำกำศ และทรัพยำกรธรรมชำติ คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นสืบค้นขอ้ มลู กำรเปลยี่ นแปลงทำงกำยภำพท่สี ่งผลต่อภมู ิประเทศ ภมู อิ ำกำศ และ ทรัพยำกรธรรมชำตทิ ่นี กั เรยี นสนใจมำ 1 เหตกุ ำรณ์ แลว้ วิเครำะหต์ ำมประเด็นทกี่ ำหนด (ภาพตวั อย่างการเปลี่ยนแปลงฯ) สำเหตุ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ผลกระทบตอ่ มนุษย์ ผลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศ …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ……………………. …………………….

เฉลย 152 ใบงำนท่ี 2.5 เรอื่ ง กำรเปลย่ี นแปลงทำงกำยภำพทสี่ ่งผลตอ่ ภูประเทศ ภมู อิ ำกำศ และทรพั ยำกรธรรมชำติ คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนสืบค้นขอ้ มูลกำรเปล่ียนแปลงทำงกำยภำพที่ส่งผลตอ่ ภูมิประเทศ ภูมอิ ำกำศ และ ทรพั ยำกรธรรมชำติทนี่ กั เรียนสนใจมำ 1 เหตุกำรณ์ แล้ววิเครำะหต์ ำมประเดน็ ท(ตก่ี ัวำอหยน่างด) (ภาพตัวอย่างการเปลีย่ นแปลงฯ) สำเหตุ ……ป…ัญ……ห…า…ม…ล…พ…ิษ…ท…า…ง…น…า้ …ม…สี…า…เ…ห…ต…ุส…า…ค…ัญ…ม…า…จ…า…ก…ช…มุ …ช…น……ห…ร…ือ…แ…ห…ล…ง่ …อ…ตุ …ส…าห……ก…รร…ม……………… ……ท…ม่ี…ัก…ม…กี…า…ร…ท…้งิ…ข…ย…ะ……ส…งิ่ ป……ฏ…ิก…ูล…ห…ร…ือ…ป…ล…อ่…ย…ส…า…ร…เ…ค…ม…ที …่ีเป……็น…พ…ิษ…ล…ง…ส…แู่ …ห…ล…ง่ …น…า้ …………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ผลกระทบตอ่ มนุษย์ ผลกระทบต่อระบบนิเวศ …ป…ัญ……ห…า…ม…ล…พ…ิษ…ท…า…ง…น…้า……ส…่ง…ผ…ล…ก…ร…ะ…ท…บ…ต…่อ…ช…ีว…ิต…ข…อ…ง ป……ัญ…ห…า…ม…ล……พ…ิษ…ท…า…ง…น…้า……ส…่ง…ผ…ล…ก…ร…ะ…ท……บ…ต…่อ…ร…ะ…บ…บ… …ม…น…ุษ…ย…์เ…ป…็น…อ…ย…่า…ง…ม…า…ก……เช…่น……ใ…น…ด…้า…น…ป…ัญ……ห…า…ก…า…รใ…ช้ น……ิเว…ศ……เช…น่ ……ท…า…ให…้น……า้ เ…ส…่ือ…ม…ค…ุณ…ภ……าพ……ส…่ง…ผ…ล…ต…่อ…เ…น…่อื …ง …น…้า…ใ…น…ก…า…ร…อ…ุป…โ…ภ…ค……บ…ร…ิโภ……ค…ค…ม……น…า…ค…ม…ร…ว…ม…ไ…ป…ถ…ึง ถ…ึง…ว…ัฏ…จ…ัก…ร…ข…อ…ง…น…้า…ท…่ีส…ูญ……เ…ส…ีย…ค…ุณ…ภ…า…พ…ต……าม…ไ…ป…ด…้…วย… …ก…า…ร……ป…น…เ…ป…้ื อ……น…ข…อ……ง…ส…า…ร…พ…ิ…ษ…ใ…น…อ……า…ห…า…ร……ท…่ี มี ร…ว…ม…ไ…ป…ถ…ึง…ก…า…ร…ท…าใ…ห…ส้…ญู ……เส…ยี …ส…ิง่ …ม…ชี …ีว…ิต………ใ…น…น…้า……ท…ั้ง …แ…ห…ล…ง่ …ก…า…เน…ิด…ม…า…จ…า…ก…แ…ห…ล…ง่ …น…า้ …ด…ว้ …ย…เช…่น……ก…นั …………… พ……ืช…น…้า…แ…ล…ะ…ส…ัต…วน์……้าช…น…ิด……ต…่าง……ๆ………………………………… ……………………. …………………….

153 แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน คำช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนอื้ หา 2 การลาดับขั้นตอนของเร่อื ง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ รวม ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ

154 แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนรำยบคุ คล คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับท่ี รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผ้อู นื่ 3 การทางานตามหนา้ ทีท่ ่ีได้รับมอบหมาย 4 ความมนี ้าใจ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../............. เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ

155 แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน กำรมี ลำดับที่ ชอื่ – สกุล กำรแสดง กำรยอมรับ กำรทำงำน ควำมมี ส่วนรว่ มใน รวม ของนกั เรยี น ควำม ฟงั คนอ่นื ตำมทีไ่ ดร้ ับ นำ้ ใจ กำร 15 คดิ เหน็ มอบหมำย คะแนน ปรบั ปรุง ผลงำนกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ำรให้คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน

156 156 บันทึกหลังกำรจดั กำรเรียนรู้ แผนที่ 7 เรือ่ ง กำรเปลยี่ นแปลงทำงกำยภำพท่ีสง่ ผลต่อภูมปิ ระเทศ ภูมอิ ำกำศ และทรัพยำกรธรรมชำติ ความเหมาะสมของกิจกรรม ดี พอใช้ ปรับปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดี พอใช้ ปรบั ปรุง………………………. ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรับปรุง………………………. ความเหมาะสมของสอ่ื ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. อ่นื ๆ……………………………………………………………………………………….....………..…………………… …........................................................................................…………………...………...................... 1. ผลทเี่ กดิ ข้นึ กับผูเ้ รยี น นักเรียนสนใจศึกษาการเปล่ียนแปลงทางกายภาพท่ีส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และ ทรัพยากรธรรมชาติของพ้ืนที่ในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง ภมู ศิ าสตรเ์ พ่มิ มากขึ้น 2. ปัญหำและอปุ สรรค นักเรียนบางส่วนยงั ขาดความสนใจในการเรียน และยงั ไมค่ อ่ ยใฝ่เรยี นรู้ 3. แนวทำงแก้ปญั หำ/ขอ้ เสนอแนะ ใช้เทคนิคการสอนที่ตรงกับสภาพของนักเรียน และมีการกระตุ้นความสนใจโดยการมีกิจกรรม ให้นักเรียนไดม้ สี ว่ นรว่ มมากขึน้ ลงชื่อ……….........………….......….…..……. ผ้สู อน ( นายยงยุทธ์ อ่อนนวล ) ตาแหนง่ : ครู 4. ควำมคิดเห็นของผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี น ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…… ลงชือ่ ………...………….......…...........…..…….…. (นางสาวรพพี รรณ กีตา) ผอู้ านวยการโรงเรยี น

157 1 สำระพระพุทธศำสนำ ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 4 เวลำเรยี น 7 ชวั่ โมง  มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด ส 1.1 ม.4-6/1 วเิ คราะห์สังคมชมพทู วปี และคติความเชอื่ ทางศาสนาสมัยกอ่ นพระพทุ ธเจา้ หรอื สงั คมสมัยของศาสดาท่ีตนนบั ถอื ม.4-6/4 วเิ คราะห์ขอ้ ปฏบิ ตั ิทางสายกลางในพระพทุ ธศาสนา หรอื แนวคดิ ของศาสนาทต่ี น นบั ถอื ตามที่กาหนด ม.4-6/5 วเิ คราะหก์ ารพัฒนาศรัทธาและปัญญาทถ่ี กู ตอ้ งในพระพทุ ธศาสนา หรอื แนวคิดของ ศาสนาทตี่ นนบั ถอื ตามทีก่ าหนด ม.4-6/6 วิเคราะหล์ ักษณะประชาธปิ ไตยในพระพุทธศาสนา หรอื แนวคิดของศาสนาทต่ี น นบั ถอื ตามท่กี าหนด ม.4-6/7 วเิ คราะหห์ ลักการของพระพุทธศาสนากับหลักวิทยาศาสตร์ หรอื แนวคิดของศาสนา ที่ตนนบั ถอื ตามทกี่ าหนด ม.4-6/8 วิเคราะหก์ ารฝกึ ฝนและพฒั นาตนเอง การพงึ่ ตนเอง และการมุง่ อสิ รภาพใน พระพุทธศาสนา หรือแนวคดิ ของศาสนาที่ตนนบั ถือ ตามที่กาหนด ม.4-6/9 วิเคราะหพ์ ระพทุ ธศาสนาวา่ เปน็ ศาสตร์แหง่ การศึกษาซึ่งเน้นความสมั พันธข์ องเหตุ ปัจจยั กบั วธิ กี ารแกป้ ัญหา หรอื แนวคิดของศาสนาท่ีตนนบั ถือ ตามทีก่ าหนด ม.4-6/10 วเิ คราะหพ์ ระพทุ ธศาสนาในการฝกึ ตนไมใ่ ห้ประมาท มงุ่ ประโยชนแ์ ละสันติภาพ บคุ คล สงั คม และโลก หรอื แนวคิดของศาสนาที่ตนนับถอื ตามทกี่ าหนด ม.4-6/11 วเิ คราะหพ์ ระพทุ ธศาสนากบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและการพฒั นาประเทศ แบบยง่ั ยนื หรือแนวคดิ ของศาสนาทีต่ นนับถอื ตามท่ีกาหนด ม.4-6/12 วิเคราะหค์ วามสาคัญของพระพุทธศาสนาเก่ยี วกบั การศกึ ษาทสี่ มบรู ณ์ การเมือง และสันติภาพ หรือแนวคิดของศาสนาท่ีตนนับถอื ตามท่ีกาหนด  สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด สังคมชมพูทวีปและคตคิ วามเช่ือทางศาสนาสมัยก่อน พระพุทธเจ้ามีคติความเชอื่ ทางศาสนาแตกต่างกบั พระพทุ ธศาสนาซ่ึงมีทฤษฎีและวิธีการท่ีเป็นสากล มีขอ้ ปฏิบัติทย่ี ึดทางสายกลาง และเนน้ การพฒั นาศรทั ธา และปญั ญาท่ถี ูกตอ้ ง  สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 1) ลักษณะของสังคมชมพทู วีปและคติความเชือ่ ทางศาสนาสมัยกอ่ นพระพุทธเจา้

158 2) พระพทุ ธศาสนามที ฤษฎีและวธิ กี ารทเ่ี ปน็ สากลและมขี ้อปฏิบัตทิ ีย่ ดึ ทางสายกลาง 3) พระพุทธศาสนาเนน้ การพฒั นาศรัทธาและปญั ญาทถี่ ูกต้อง 4) ลักษณะประชาธปิ ไตยในพระพทุ ธศาสนา 5) หลกั การของพระพทุ ธศาสนากบั หลกั วทิ ยาศาสตร์ 6) การคิดตามนยั แหง่ พระพุทธศาสนา และการคดิ แบบวิทยาศาสตร์ 7) พระพทุ ธศาสนาเน้นการฝกึ หัดอบรมตน การพง่ึ ตนเอง และการม่งุ อิสรภาพ 8) พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสตรแ์ ห่งการศึกษา 9) พระพุทธศาสนาเนน้ ความสัมพันธ์ของเหตุปัจจยั และวิธกี ารแก้ปัญหา 10) พระพทุ ธศาสนาฝกึ ตนไม่ให้ประมาท 11) พระพทุ ธศาสนามุ่งประโยชนส์ ุขและสนั ตภิ าพแก่บคุ คล สงั คม และโลก 12) พระพุทธศาสนากบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และการพฒั นาแบบยั่งยนื 13) ความสาคัญของพระพุทธศาสนากบั การศึกษาท่ีสมบรู ณ์ 14) ความสาคัญของพระพุทธศาสนากบั การเมอื ง 15) ความสาคญั ของพระพุทธศาสนากบั สันตภิ าพ 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่ิน -  สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ 4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต - กระบวนการทางานกลุม่ - ทกั ษะทางสังคม  คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน  ช้ินงำน/ภำระงำน (รวบยอด) สมดุ สะสมความรู้ เรือ่ ง ประวตั แิ ละความสาคญั ของพระพุทธศาสนา

159  กำรวดั และกำรประเมินผล 7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 7.2 การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1) ใบงานที่ 1.1 เร่อื ง สังคมชมพูทวีปและคตคิ วามเชื่อทางศาสนาสมัยก่อนพระพทุ ธเจา้ 2) ใบงานที่ 2.1 เร่ือง พระพุทธศาสนามีทฤษฎที ี่เป็นสากล และมีข้อปฏิบตั ิทย่ี ดึ ทางสายกลาง 3) ใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง ประชาธปิ ไตยในพระพทุ ธศาสนา 4) ใบงานท่ี 2.3 เรอื่ ง การคิดตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาและการคิดแบบวทิ ยาศาสตร์ 5) ใบงานท่ี 2.4 เรือ่ ง พระพทุ ธศาสนา 6) ใบงานท่ี 2.5 เรื่อง พระพทุ ธศาสนามุ่งประโยชนแ์ ละสันติภาพแก่บคุ คล สังคม และโลก 7) ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 8) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล 9) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 7.3 การประเมินหลังเรยี น - แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 7.4 การประเมินชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมนิ สมดุ สะสมความรู้ เรื่อง ประวตั ิและความสาคญั ของพระพุทธศาสนา

160 กำรประเมนิ ช้นิ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) แบบประเมนิ สมดุ สะสมควำมรู้ เรอ่ื ง ประวตั แิ ละควำมสำคญั ของพระพุทธศำสนำ รำยกำรประเมนิ คำอธบิ ำยระดับคณุ ภำพ/ระดบั คะแนน 1. กำรวเิ ครำะห์ ดีมำก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ลกั ษณะของสังคม ชมพูทวปี และคติ เขียนวเิ คราะห์ลกั ษณะ เขยี นวิเคราะหล์ ักษณะ เขยี นวเิ คราะห์ลักษณะ เขยี นวิเคราะหล์ กั ษณะ ควำมเช่อื ทำง ของสงั คมชมพูทวีป และ ของสังคมชมพทู วปี และ ของสงั คมชมพูทวปี และ ของสงั คมชมพูทวีป และ ศำสนำ สมัยก่อน คติความเชื่อทางศาสนา คติความเช่ือทางศาสนา คตคิ วามเชอื่ ทางศาสนา คตคิ วามเชอื่ ทางศาสนา พระพทุ ธเจ้ำ สมัยกอ่ นพระพุทธเจ้า สมัยก่อนพระพุทธเจา้ สมยั ก่อนพระพทุ ธเจ้า สมยั ก่อนพระพทุ ธเจ้า 2. กำรวิเครำะห์ พระพทุ ธศำสนำท่ี อย่างเป็นเหตเุ ป็นผล อย่างเปน็ เหตเุ ป็นผล อย่างเป็นเหตเุ ป็นผล อยา่ งไมเ่ ปน็ เหตุเป็นผล มี ถกู ตอ้ ง ถกู ต้อง ถกู ตอ้ ง ทฤษฎี และวธิ กี ำร 3 ประเด็นข้ึนไป 2 ประเดน็ 1 ประเดน็ ที่ เป็นสำกล เขียนวิเคราะห์ เขียนวเิ คราะห์ เขยี นวิเคราะห์ เขยี นวิเคราะห์ 3. กำรวิเครำะห์ พระพทุ ธศาสนาท่มี ี พระพทุ ธศาสนาที่มี พระพุทธศาสนาที่มี พระพทุ ธศาสนาทม่ี ี พระพทุ ธศำสนำที่ ทฤษฎี และวิธีการที่ ทฤษฎี และวิธีการท่ี ทฤษฎี และวธิ ีการที่ ทฤษฎี และวิธกี ารท่ี มี ข้อปฏิบัติที่ยดึ ทำง เป็นสากล ได้อยา่ งมี เปน็ สากล ได้อยา่ งมี เปน็ สากล ไดอ้ ย่างมี เปน็ สากล ไดบ้ าง สำยกลำง เหตผุ ล ถกู ต้อง เหตผุ ล ถกู ต้อง เหตุผล ถกู ต้อง ประเดน็ แตไ่ ม่ชดั เจน 4. กำรวเิ ครำะห์ พระพทุ ธศำสนำที่ ครบถว้ น ทุกประเดน็ เกอื บครบทุกประเด็น บางประเดน็ เน้นพัฒนำศรทั ธำ และปญั ญำท่ี เขียนวิเคราะห์ เขียนวิเคราะห์ เขยี นวเิ คราะห์ เขียนวิเคราะห์ ถูกตอ้ ง พระพุทธศาสนาทีม่ ี พระพุทธศาสนาที่มี พระพทุ ธศาสนาทม่ี ี พระพทุ ธศาสนาที่มี ข้อปฏบิ ัติทยี่ ึดทาง ขอ้ ปฏิบัติที่ยดึ ทาง ขอ้ ปฏบิ ัติท่ียึดทาง ข้อปฏิบตั ทิ ยี่ ึดทาง สายกลาง ไดถ้ กู ตอ้ ง สายกลาง ไดถ้ ูกตอ้ ง สายกลาง ไดถ้ กู ต้อง สายกลาง ไมถ่ กู ตอ้ ง ครบถว้ น ทกุ ประเดน็ เกือบครบทุกประเด็น บางประเดน็ เปน็ ส่วนใหญ่ เขยี นวเิ คราะห์ เขยี นวเิ คราะห์ เขียนวิเคราะห์ เขยี นวิเคราะห์ พระพทุ ธศาสนาท่ี พระพทุ ธศาสนาท่ี พระพทุ ธศาสนาท่ี พระพุทธศาสนาท่ี เน้นพัฒนาศรทั ธา เนน้ พัฒนาศรัทธา เนน้ พัฒนาศรัทธา เนน้ พัฒนาศรทั ธา และปัญญา ได้ถูกตอ้ ง และปญั ญา ได้ถูกต้อง และปญั ญา ได้ถกู ตอ้ ง และปัญญา ไม่ถกู ตอ้ ง ครบถว้ นทกุ ประเดน็ เกือบครบทุกประเด็น บางประเดน็ เป็นส่วนใหญ่ เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภำพ 14-16 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 5-7 ปรบั ปรุง

161  กิจกรรมกำรเรียนรู้  นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่องท่ี 1 ลกั ษณะของสังคมชมพูทวปี และคตคิ วำมเชอื่ ทำงศำสนำสมัยกอ่ น พระพุทธเจำ้ วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนกำร : กระบวนกำรคิดวิเครำะห์ เวลำ 4 ชั่วโมง 1. ครูต้งั คาถามให้นักเรียนชว่ ยกนั วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็นว่า เม่อื เอย่ ถึงชมพทู วีป นักเรียนนึก ถงึ อะไรบา้ ง 2. ครสู งั เกตการแสดงความคดิ เห็นของนกั เรียน แลว้ ครูอธิบายเสริมให้นกั เรียนเข้าใจถงึ ความหมายและ ความสาคญั ของชมพทู วปี โดยเชอ่ื มโยงใหน้ ักเรียนตระหนกั ถึงความสาคญั ในฐานะท่เี ป็นดนิ แดน อนั กอ่ เกิดศาสนาที่สาคญั ของโลก 3. ครใู หน้ ักเรยี นศกึ ษาความรู้เร่ือง ลกั ษณะของสังคมชมพูทวีปและคติความเชือ่ ทางศาสนาสมัยก่อน พระพทุ ธเจา้ จากหนังสือเรยี น หรือหนังสือคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ ตามความเหมาะสม 4. นกั เรยี นทาใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง สงั คมชมพูทวปี และคติความเชื่อทางศาสนาสมัยก่อนพระพทุ ธเจ้า แล้วครูและนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยคาตอบที่ถูกตอ้ ง 5. ครสู รุปให้นกั เรยี นเข้าใจถึงคติความเชื่อด้งั เดิมทางศาสนาของชมพูทวีปสมัยก่อนพระพุทธเจ้าวา่ มีลกั ษณะและความเชือ่ อย่างไร เพ่ือเป็นพนื้ ฐานในการทาความเข้าใจถงึ คตคิ วามเชือ่ รวมทั้งทฤษฎี และคาสอนทางพระพุทธศาสนาในสมัยพระพุทธเจ้า เร่ืองที่ 2 พระพุทธศำสนำมีทฤษฎีและวิธีกำรทีเ่ ปน็ สำกลและมีขอ้ ปฏบิ ตั ิท่ียึดทำงสำยกลำง วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนกำร : กระบวนกำรกลุ่ม เวลำ 3 ชวั่ โมง 1. ครูนาสนทนาเพอื่ ทบทวนความร้เู ก่ียวกับคติความเชือ่ ทางศาสนาในสังคมชมพูทวปี สมยั ก่อน พระพทุ ธเจา้ วา่ มีคตคิ วามเชื่ออย่างไร ครตู ัง้ ประเด็นคาถามให้นักเรยี นรว่ มกันวิเคราะห์และแสดงความเหน็ 2. ครูใหต้ วั แทนนักเรียน 2-3 คน ออกมาแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกับประเดน็ ที่ครูตั้งคาถามท่ีหนา้ ช้นั เรียนโดยครเู ปน็ ผูอ้ ธิบายสรปุ เพม่ิ เตมิ จากทต่ี วั แทนนักเรยี นออกมาแสดงความคดิ เห็น 3. นกั เรียนศึกษาความรู้ เร่ือง พระพุทธศาสนามีทฤษฎีท่เี ป็นสากล พระพทุ ธศาสนามีขอ้ ปฏิบัตทิ ่ยี ึด ทางสายกลาง และพระพทุ ธศาสนาเนน้ การพฒั นาศรทั ธาและปัญญาทถี่ กู ต้อง จากหนังสือเรยี น

162 จากนนั้ ใหน้ ักเรียนทาใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง พระพทุ ธศาสนามีทฤษฎที ีเ่ ปน็ สากล และมขี ้อปฏิบัติท่ยี ดึ ทางสายกลาง 4. ครูนาภาพพระสงฆ์รว่ มประชุมทาสงั ฆกรรม มาแสดงให้นักเรียนดูที่หนา้ ช้นั เรียน 5. ครูตง้ั ประเดน็ คาถามจากภาพทีน่ ามาแสดง โดยให้นักเรียนร่วมกนั วิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ ว่า จากภาพดังกล่าว สามารถสะท้อนให้เหน็ ถึงประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนาได้หรือไม่ อย่างไร 6. ครูใหน้ กั เรยี นศึกษาความรู้ เรอ่ื ง ลักษณะประชาธปิ ไตยในพระพทุ ธศาสนา จากหนงั สือเรียน จากนัน้ ใหน้ กั เรียนทาใบงานที่ 2.2 เร่อื ง ประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา 7. นักเรียนรวมกลุม่ กนั ตามสมัครใจ เพอ่ื ศึกษาความรู้เร่อื ง หลักการของพระพทุ ธศาสนากับหลกั วทิ ยาศาสตร์ และการคิดตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาและการคดิ แบบวิทยาศาสตร์ จากหนงั สือ เรยี น 8. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันทาใบงานท่ี 2.3 เร่อื ง การคิดตามนยั แหง่ พระพทุ ธศาสนาและการคิด แบบวิทยาศาสตร์ เสร็จแลว้ ให้ตวั แทนแต่ละกลมุ่ ผลดั กันออกมานาเสนอผลงาน โดยครเู ป็นผเู้ สนอแนะ 9. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ประเดน็ สาคัญเกย่ี วกับหลกั การของพระพุทธศาสนากบั หลัก วิทยาศาสตร์ 10. ครูนากรณตี วั อย่างมาเลา่ ใหน้ ักเรียนฟัง แล้วใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรู้เรอ่ื ง พระพทุ ธศาสนาเน้นการ ฝกึ อบรมตนเอง การพง่ึ ตนเอง และการมงุ่ อสิ รภาพ พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสตรแ์ หง่ การศกึ ษา และ พระพทุ ธศาสนาเน้นความสมั พันธข์ องเหตุปัจจยั และวิธีการแก้ปัญหา จากหนังสอื เรียน 11. ครใู ห้นักเรียนเขียนคาตอบท่ไี ด้จากการวเิ คราะห์ในประเดน็ ทค่ี รูกาหนดลงในใบงานท่ี 2.4 เรอื่ ง พระพุทธศาสนา แล้วครูมอบหมายงานให้นกั เรยี นหาขา่ วในหนงั สอื พิมพห์ รอื แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ เก่ยี วกบั การช่วยเหลอื เก้อื กลู กันของคนในสังคมไทยหรอื ตา่ งประเทศ มาคนละ1 ข่าว 12. ครูนาภาพข่าวเกี่ยวกับอบุ ัตเิ หตทุ างรถยนต์ มาให้นกั เรียนดู และใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั แสดงความคดิ เห็น วา่ อบุ ัตเิ หตุทเี่ หน็ ในภาพนัน้ เกิดขน้ึ ไดอ้ ย่างไร และมแี นวทางใดบ้างท่ีจะปอ้ งกนั ไม่ให้เกิดอุบตั ิเหตุ ขึน้ อีก โดยครสู งั เกตการรว่ มแสดงความคดิ เหน็ ของนักเรยี น แล้วช่วยเพม่ิ เติมความรู้ 13. ครูให้นกั เรียนนาขา่ วเกยี่ วกับการช่วยเหลอื เกอ้ื กูลกนั ของคนในสงั คมไทยหรือต่างประเทศ ซงึ่ ครู มอบหมายใหห้ าไว้แล้ว มาติดลงในใบงานที่ 2.5 เรื่อง พระพุทธศาสนามุ่งประโยชน์และสนั ตภิ าพแก่ บคุ คล สังคม และโลก จากน้นั ให้นกั เรียนศึกษาความร้เู รอ่ื ง พระพุทธศาสนามงุ่ ประโยชน์ และสันติภาพ แกบ่ ุคคล สังคม และโลก แลว้ นาความรู้มาวิเคราะห์และตอบคาถาม จากนั้นครูเลือกผลงานของนกั เรียน มา 2-3 ตวั อยา่ ง แล้วให้เจ้าของผลงานออกมานาเสนอทห่ี น้าช้นั เรียน 14. ครูสรปุ เนอ้ื หาจากที่ตัวแทนนกั เรยี นออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน เก่ียวกบั พระพุทธศาสนาท่ีมุง่ ประโยชน์และสันติภาพให้เกดิ แกบ่ ุคคล สังคม และโลก แล้วครยู กตัวอยา่ งขา่ วสถานการณ์ความขัดแยง้ และ ปญั หาทางเศรษฐกิจในสังคมยุคปัจจุบันให้นักเรียนฟงั แลว้ ตั้งประเดน็ คาถามใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตอบหรือแสดง ความคิดเหน็

163 15. ครูใหน้ กั เรยี นช่วยกันสรุปอีกครงั้ เพ่อื ใหไ้ ดแ้ นวทางแกไ้ ขปญั หาร่วมกนั จากนน้ั ครชู ่วยเพมิ่ เตมิ เนอื้ หา ในส่วนทีย่ งั ขาดไปให้สมบรู ณ์ และสรา้ งความเข้าใจใหก้ ับนักเรยี นไดต้ ระหนกั ถึงความสาคัญในการใช้หลักธรรม ทางพระพุทธศาสนา สาหรับแก้ไขปญั หาความขัดแย้งในสงั คมและบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจ 16. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั สรปุ ความรทู้ ่ีได้จากการศกึ ษาและคิดวเิ คราะหใ์ นประเด็นตา่ งๆ มา จดั ทาเป็นสมดุ สะสมความรู้ เรอื่ ง ประวัติและความสาคัญของพระพทุ ธศาสนา โดยให้ครอบคลุมประเด็น ท่ีกาหนดให้ ดงั น้ี 1) การวิเคราะห์ลกั ษณะของสังคมชมพูทวีป และคติความเชื่อทางศาสนาสมัยกอ่ นพระพุทธเจา้ 2) การวิเคราะห์พระพทุ ธศาสนาท่มี ีทฤษฎี และวธิ กี ารทีเ่ ปน็ สากล 3) การวิเคราะห์พระพทุ ธศาสนาที่มขี ้อปฏิบัติทีย่ ึดทางสายกลาง 4) การวิเคราะหพ์ ระพุทธศาสนาท่เี น้นพัฒนาศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จากนั้นให้แต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานท่ีหน้าช้ันเรียน โดยครูคอยอธบิ ายเพ่ิมเติม และใหข้ ้อเสนอแนะ  นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1  สือ่ /แหล่งกำรเรียนรู้ 9.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี น พระพุทธศาสนา ม.4-ม.6 2) ตวั อยา่ งสอื่ ประกอบการสอน 3) ตวั อย่างขา่ วปัญหาความขัดแยง้ ในสังคมและปัญหาเศรษฐกจิ 4) กรณีศึกษา เรอื่ ง นายเกษม 5) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สังคมชมพูทวปี และคติความเช่ือทางศาสนาสมัยก่อนพระพทุ ธเจ้า 6) ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง พระพทุ ธศาสนามที ฤษฎีทเ่ี ป็นสากล และมีข้อปฏบิ ตั ิทย่ี ดึ ทางสายกลาง 7) ใบงานท่ี 2.2 เรื่อง ประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา 8) ใบงานท่ี 2.3 เร่ือง การคดิ ตามนัยแหง่ พระพทุ ธศาสนาและการคดิ แบบวิทยาศาสตร์ 9) ใบงานที่ 2.4 เรื่อง พระพุทธศาสนา 10) ใบงานที่ 2.5 เรื่อง พระพทุ ธศาสนามงุ่ ประโยชน์และสนั ตภิ าพแกบ่ ุคคล สังคม และโลก 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องสมดุ 2) ห้องจริยธรรม หรอื ห้องพุทธศาสน์ 3) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.thaidhammajak.com/webboard/detail http://www.buddhadasa.org/html/article http://www.panyathai.or.th/wiki/jndex http://th.wikipedia.org/wiki/

164 แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนเลอื กคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสดุ เพยี งขอ้ เดียว 1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คติความเชื่อของชาวชมพูทวปี สมัยกอ่ นพุทธกาล ก. เชอื่ ในวญิ ญาณ ภูตผีปีศาจ และเทพเจ้าตา่ งๆ ข. เชอื่ เรื่องชนชน้ั วรรณะ โดยมีคัมภรี ์พระเวทเป็นหลัก ค. เชอ่ื เรอื่ งอิทธปิ าฏิหาริย์ อานาจลึกลับของพราหมณ์ ง. เช่อื เรอื่ งความจรงิ อนั ประเสริฐ 4 ประการ ท่ีจะนาไปสกู่ ารหลุดพน้ ความทุกข์ 2. ขอ้ ใดให้ความหมายของคาวา่ “พระพุทธศาสนามีทฤษฏีและวิธกี ารท่เี ป็นสากล” ได้ถูกตอ้ งทส่ี ดุ ก. เป็นที่ยอมรับของคนนานาประเทศ ข. มหี ลกั การกาหนดไว้เปน็ ลายลกั ษณ์อักษร ค. มีหลกั การและวธิ ีการเปน็ ที่ยอมรับวา่ มคี วามถกู ต้องและพสิ ูจนไ์ ด้ ง. มีผูค้ นทวั่ โลกรบั ไปปฏิบัตติ าม และนาไปเผยแผจ่ นเปน็ ทีร่ ้จู ักทั่วไปในสากล 3. ขอ้ ปฏิบตั ิที่ยึดทางสายกลางของพระพุทธศาสนาได้แกข่ ้อใด ก. มัชฌิมาปฏปิ ทา ข. เยภุยยสิกา ค. โอวาทปาติโมกข์ ง. อนันตลกั ขณสตู ร 4. ความเช่อื มั่นในสิ่งทดี่ ีงามที่ประกอบดว้ ยเหตุผล คือความหมายของคาในขอ้ ใด ก. ความเชอ่ื ข. ความเล่อื มใส ค. ความศรัทธา ง. ความมีวจิ ารณญาณ 5. ขอ้ ใดถอื เป็นลกั ษณะประชาธปิ ไตยในพระพทุ ธศาสนา ก. พระสงฆจ์ ะเคารพกันตามลาดับชนชนั้ โดยไม่คานึงถึงลาดบั อาวโุ ส ข. การประชุมลงอโุ บสถทาสงั ฆกรรม ไม่บังคบั วา่ พระสงฆ์ทุกรูปต้องเข้าร่วม ค. พระสงฆ์ท่ีมีพรรษามากเทา่ น้นั จงึ จะมีสทิ ธิ์ในการออกเสียงแสดงความคิดเห็น ง. เม่อื มคี วามเห็นแตกออกเปน็ สองฝ่าย ท่ีประชุมของสงฆจ์ ะถือเอาเสียงขา้ งมากเปน็ ขอ้ ยุติ

165 6. ข้อใดไม่จัดเปน็ หลักความเชือ่ ใน กาลามสูตร 10 ประการ ก. อยา่ เพ่ิงปลงใจเช่อื เพียงเพราะอา้ งตารา ข. อย่าเพงิ่ ปลงใจเชอ่ื เพยี งเพราะคนพูดเปน็ ทีร่ กั ค. อย่าเพ่ิงปลงใจเช่อื เพยี งเพราะตรกึ ตามอาการ ง. อย่าเพิ่งปลงใจเชอื่ เพียงเพราะไดย้ นิ ได้ฟงั ตามๆกันมา 7. วธิ คี ดิ ในข้อใดจัดเปน็ การคดิ ตามแบบโยนโิ สมนสกิ าร ก. วิธคี ดิ แบบชักจงู ใจดว้ ยของรางวัล ข. วิธีคิดแบบทาใจใหย้ อมรบั กับปัญหา ค. วธิ ีคิดแบบตามหลกั การและความมุง่ หมาย ง. วิธคี ดิ แบบปลอ่ ยวางตามกฎแหง่ กรรมและความไม่เท่ยี ง 8. เมื่อนักเรยี นต้องการซอื้ มือถอื เครือ่ งใหม่ นกั เรยี นควรใชว้ ิธคี ดิ ใด มาชว่ ยตดั สินใจในการเลอื กซื้อ เพ่อื จะไดร้ ู้จักใชส้ ิ่งของอยา่ งคุ้มคา่ และแท้จริงมากทีส่ ุด ก. วธิ ีคิดแบบคุณค่าแท้คุณค่าเทยี ม ข. วิธีคดิ แบบคุณโทษและทางออก ค. วิธีคดิ แบบแยกแยะสว่ นประกอบ ง. วิธีคดิ แบบสืบสาวหาเหตุและปัจจยั 9. วธิ ีคดิ แบบจาแนกประเดน็ และแงม่ มุ ตา่ งๆในทุกด้าน โดยการมองเห็นไดห้ ลายมมุ เพือ่ ให้เกิดความ เข้าใจ และได้คาตอบท่ถี กู ตอ้ งสมบรู ณ์ จดั เปน็ วิธีคิดแบบใด ก. วิธีคิดแบบอริยสัจ ข. วธิ คี ิดแบบวภิ ัชชวาท ค. วิธคี ดิ แบบสามัญลกั ษณะ ง. วิธคี ดิ แบบอบุ ายปลกุ เร้า คณุ ธรรม 10. นายแดง เมอ่ื ประสบปัญหาในชวี ิต กม็ ักจะแกไ้ ขปญั หาโดยการคิดตามเหตุและผล สบื สาวจากผล ไปหาเหตุปัจจัย แลว้ แกไ้ ขที่ตน้ เหตุ แสดงว่า นายแดงใช้วธิ ีคิดแบบใดในโยนิโสมนสกิ าร ก. วธิ ีคิดแบบอรยิ สัจ ข. วิธคี ิดแบบวิภัชชวาท ค. วธิ คี ิดแบบปลกุ เร้ากศุ ล ง. วิธีคดิ แบบแยกแยะ ส่วนประกอบ 11. ข้อใดกล่าวไดถ้ กู ตอ้ งท่ีสดุ เก่ยี วกับการคดิ แบบวิทยาศาสตร์กับวิธคี ดิ ทางพระพุทธศาสนา ก. วิธคี ิดทางพระพทุ ธศาสนาไม่ยอมรับกฎเกณฑ์เหมือนทวี่ ทิ ยาศาสตร์ยอมรับ ข. วทิ ยาศาสตรก์ บั พระพุทธศาสนาต่างก็มีวิธคี ดิ ทเ่ี นน้ การมองในด้านวัตถุมากกว่าสิ่งอนื่ ค. การคดิ แบบวทิ ยาศาสตร์และพระพุทธศาสนาตา่ งเป็นไปเพ่ือการหาคาตอบและข้อสรุป ง. การคดิ แบบวทิ ยาศาสตรม์ ลี กั ษณะสอดคล้องกับวธิ คี ิดของทางพระพทุ ธศาสนาทเี่ น้นการแก้ไข ปัญหาดว้ ยเหตแุ ละผล

166 12. การฝกึ หัดอบรมตนเองในทางพระพุทธศาสนา จาเปน็ จะต้องยดึ หลกั ปฏบิ ัติในขอ้ ใด ก. สิกขา 3 ข. สติปฏั ฐาน 4 ค. เบญจศีล 5 ง. อริยมรรค 8 13. เป้าหมายของการฝึกอบรมตนเองของพระพุทธศาสนา คือข้อใด ก. ความหลุดพ้นจากการครอบงาของความโลภ โกรธ หลง ข. ความอ่ิมเอมใจในการไดค้ น้ พบความสุขจากการทาสมาธิ ค. การได้รับความยอมรับจากสงั คมวา่ เป็นผู้ทีม่ ีความดงี ามทางกายและใจ ง. การได้นาหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนามาประยุกตใ์ ช้ไดอ้ ย่างเหมาะสม 14. ข้อใดสรปุ ไมถ่ กู ตอ้ งเก่ียวกับความสมั พันธข์ องเหตุปจั จัยในทางพระพุทธศาสนา ก. ทุกข์-สมทุ ยั เป็นเหตุ นิโรธ-มรรค เปน็ ผล ข. ทุกข์-นโิ รธ เปน็ เหตุ สมทุ ยั -มรรค เปน็ ผล ค. สมทุ ัย-มรรค เปน็ เหตุ ทกุ ข์-นิโรธ เปน็ ผล ง. สมุทัย-นิโรธ เป็นเหตุ ทกุ ข์-มรรค เปน็ ผล 15. หลกั ธรรมในข้อใด ที่ชว่ ยทาใหเ้ กิดประโยชน์สุขและสันติภาพในสังคม ก. ไตรสิกขา ข. สงั คหวตั ถุ ค. สาราณียธรรม ง. มัชฌมิ าปฏปิ ทา 16. จากสถานการณ์ความขัดแยง้ ทางการเมืองในปจั จุบัน นกั เรยี นคดิ วา่ หลักธรรมในขอ้ ใด สามารถนามาใช้ในการแกไ้ ขปญั หา เพื่อการอยูร่ ่วมกันอย่างสันติ ก. อธปิ ไตย 3 ข. สังคหวตั ถุ 4 ค. เบญจศีล 5 ง. อริยมรรค 8 17. ผูใ้ หญ่ลี เป็นผใู้ หญ่บา้ นหนองน้าใส ทไ่ี ด้รับการยอมรบั ว่าเป็นแบบอย่างทีด่ ีในการยึดถอื ความเหน็ สว่ นใหญข่ องชาวบา้ นเปน็ หลักในการตดั สนิ ใจแก้ปัญหาต่างๆ ในหมู่บา้ น นักเรยี นคิดวา่ ผู้ใหญล่ ี มีคณุ ธรรมในขอ้ ใด ก. อัตตาธิปไตย ข. โลกาธิปไตย ค. ธรรมาธิปไตย ง. มัชฌิมาธปิ ไตย

167 18. การดาเนินชวี ิตอย่างพอเพียงตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงให้สอดคลอ้ งกบั หลกั ธรรม ทางพระพุทธศาสนา นกั เรียนควรยดึ ถอื หลกั ธรรมต่อไปนี้ ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. สปั ปรุ สิ ธรรม ข. อบุ าสกธรรม ค. บุญกิริยาวัตถุ ง. สาราณยี ธรรม 19. พฤติกรรมในขอ้ ใด ท่ีสอดคล้องกบั หลักเศรษฐกิจพอเพยี งตามหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ก. ต๊กุ ชอบตามแฟชั่นการแตง่ กายใหมๆ่ ในสังคม ข. ติก๊ นิยมสะสมโทรศัพท์มือถือรนุ่ ต่างๆที่คนกาลังนิยม ค. ต๋อม ใช้เงินเท่าท่ตี นเองมีอย่างประหยดั และรู้จักประมาณตน ง. แตม๋ เป็นคนใจบุญชอบหยิบยมื เงนิ คนอนื่ ไปบริจาคตามมูลนิธิต่างๆ 20. นักเรยี นคดิ วา่ การกระทาของปลดั ไชยาสอดคล้องกับข้อใดมากท่ีสุด “ปลดั ไชยา เป็นปลดั อาเภอท่มี ีวสิ ยั ทศั นก์ วา้ งไกล เขามกั ปลกู ฝังความรูใ้ หแ้ กช่ าวบา้ น เก่ียวกบั การพฒั นาชุมชน โดยใหค้ านงึ ถงึ ธรรมชาติ ไมท่ าลายสง่ิ แวดลอ้ ม มีความสามคั คี ปรองดองกนั ในชมุ ชน และลดความอยากไดท้ ่ไี ม่มีวนั สนิ้ สดุ โดยใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีไปในทางท่ผี ิด ซง่ึ ปลดั ไดแ้ นะนาใหช้ าวบา้ นยดึ ถือหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ จะช่วยทาใหเ้ กิดปัญญาในการละกิเลสตณั หา อนั เป็นสาเหตทุ ่ที าใหเ้ กิดความเดอื ดรอ้ น ของชาวบา้ น” ก. การนาพระพุทธศาสนามาใช้กบั การพฒั นาท่ยี ั่งยนื ข. การนาพระพุทธศาสนามาใช้กับการสร้างผู้นาในชุมชน ค. การนาพระพุทธศาสนามาใช้กับการแกป้ ญั หาของชาวบ้าน ง. การนาพระพุทธศาสนามาใชใ้ นการสรา้ งความนิยมใหก้ ับตวั ผ้นู า เฉลย 1. ง 2. ค 3. ก 4. ค 5. ง 6. ข 7. ค 8. ก 9. ข 10. ก 11. ง 12. ก 13. ก 14. ค 15. ข 16. ก 17. ข 18. ง 19. ค 20. ก

168 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 8 หน่วยที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคัญของพระพุทธศาสนา เรอ่ื ง ลักษณะของสงั คมชมพูทวปี และคติ ควำมเชอ่ื ทำงศำสนำสมัยก่อนพระพุทธเจ้ำ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลา 4 ชัว่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ผสู้ อน นายยงยทุ ธ์ ออ่ นนวล ………………………………………………………………………………………………………………………………………………  สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด สังคมชมพูทวปี สมัยพุทธกาลมีลัทธคิ วามเช่ืออันหลากหลายทเี่ กิดจากคาสอนและปรัชญาของศาสนา ตา่ งๆ ซ่ึงผคู้ นในดนิ แดนชมพทู วีปตา่ งกม็ คี วามคิดความเชอื่ ทแ่ี ตกต่างกันไป  ตวั ชว้ี ดั /จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 ตัวช้วี ัด ส 1.1 ม.4-ม.6/1 วเิ คราะห์สงั คมชมพทู วปี และคติความเชื่อทางศาสนาสมยั ก่อน พระพทุ ธเจ้าหรือสังคมสมยั ของศาสดาที่ตนนับถือ 2.2 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) บอกลักษณะของสงั คมชมพทู วปี สมยั กอ่ นพระพทุ ธเจา้ ได้ 2) อธบิ ายคตคิ วามเชือ่ ทางศาสนาสมัยกอ่ นพระพุทธเจา้ ได้  สำระกำรเรยี นรู้ 3.1สาระการเรียนร้แู กนกลาง - ลักษณะของสงั คมชมพทู วปี และคติความเช่ือทางศาสนาสมยั กอ่ นพระพุทธเจ้า 3.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน -  สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ