169 4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลมุ่ - ทกั ษะทางสังคม คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทางาน กิจกรรมกำรเรียนรู้ (วธิ กี ารสอนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการคดิ วเิ คราะห์) นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ช่ัวโมงที่ 1-2 1. ครูต้งั คาถามใหน้ กั เรยี นช่วยกนั วิเคราะห์และแสดงความคดิ เหน็ ว่า เม่อื เอย่ ถึงชมพูทวีป นกั เรียนนกึ ถึงอะไรบ้าง 2. ครูสังเกตการแสดงความคิดเหน็ ของนักเรียน แล้วครูอธิบายเสริมให้นกั เรียนเข้าใจถงึ ความหมายและ ความสาคัญของชมพทู วปี โดยเชอ่ื มโยงให้นักเรียนตระหนักถึงความสาคญั ในฐานะท่เี ป็นดินแดน อนั กอ่ เกิดศาสนาที่สาคัญของโลก 3. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาความรู้เรอื่ ง ลักษณะของสังคมชมพูทวีปและคติความเชื่อทางศาสนาสมยั ก่อน พระพทุ ธเจา้ จากหนงั สือเรยี น หรือหนังสอื ค้นคว้าเพ่ิมเติมตามความเหมาะสม 4. นกั เรยี นทาใบงานท่ี 1.1 เรื่อง สงั คมชมพูทวปี และคติความเชื่อทางศาสนาสมยั กอ่ นพระพุทธเจา้ แลว้ ครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยคาตอบท่ีถูกต้อง 5. ครูสรุปให้นักเรียนเข้าใจถึงคติความเชื่อดง้ั เดิมทางศาสนาของชมพูทวปี สมยั กอ่ นพระพทุ ธเจ้าวา่ มีลักษณะและความเชอื่ อย่างไร เพอ่ื เป็นพ้ืนฐานในการทาความเข้าใจถึงคตคิ วามเช่อื รวมท้ังทฤษฎี และคาสอนทางพระพทุ ธศาสนาในสมยั พระพทุ ธเจา้
กำรวัดและประเมินผล 170 วิธกี ำร เคร่ืองมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบก่อนเรยี น รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.1 ใบงานท่ี 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล สื่อ/แหลง่ กำรเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรยี น พระพทุ ธศาสนา ม.4-ม.6 2) ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง สงั คมชมพูทวีปและคตคิ วามเชื่อทางศาสนาสมยั กอ่ นพระพุทธเจา้ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) ห้องจริยธรรม หรอื หอ้ งพทุ ธศาสน์ 3) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.panyathai.or.th/wiki/jndex http://th.wikipedia.org/wiki/
171 ใบงานที่ 1.1 สงั คมชมพูทวปี และคตคิ วำมเช่อื ทำงศำสนำสมัยก่อนพระพุทธเจำ้ คำชแ้ี จง นกั เรยี นตอบคาถามให้ถกู ตอ้ ง 1. อธบิ ายลกั ษณะทางภมู ศิ าสตรข์ องชมพทู วีปให้ถูกต้อง 2. ชมพทู วปี ในสมยั พทุ ธกาล ประกอบดว้ ย อาณาจกั รท่เี ป็นอิสระทงั้ เลก็ และใหญ่ โดยสามารถแบง่ ตามลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ ออกไดเ้ ป็น 2 สว่ นท่สี าคญั ไดแ้ ก่ ประก.อ. บดว้ ย ประก..อบดว้ ย แควน้ สาคัญ แคว้นสาคัญ ดงั นี้ ดังนี้
172 2. อธบิ ายโดยสรุปเกี่ยวกบั คตคิ วามเชอื่ ของชาวชมพทู วีปในสมัยก่อนพุทธกาลลงใน “บันทกึ ช่วยจา” บันทกึ ช่วยจา
173 ใบงานท่ี 1.1 สงั คมชมพูทวปี และคตคิ วำมเชอ่ื ทำงศำสนำสมยั ก่อนพระพทุ ธเจำ้ คำชแ้ี จง นกั เรยี นตอบคาถามให้ถูกต้อง 1. อธิบายลักษณะทางภูมศิ าสตรข์ องชมพทู วีปใหถ้ กู ต้อง 2. ชมพทู วีปในสมยั พทุ ธกาล ประกอบดว้ ย อาณาจกั รท่เี ป็นอิสระทงั้ เลก็ และใหญ่ โดยสามารถแบง่ ตามลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ ออกไดเ้ ป็น 2 สว่ นท่สี าคญั ไดแ้ ก่ มชั ฌมิ ประเทศ ปัจจนั ตประเทศ ประกอบด้วย ประกอบด้วย แคว้นสาคัญ แควน้ สาคัญ ดงั นี้ ดังนี้ แควน้ องั คะ มคธ กาสี โกศล วชั ชี แควน้ สกั กะ โกลยิ ะ วเิ ทหะ มลั ละ เจตี วงั สะ กรุ ุ ปัญจาละ ภคั คะ องั คตุ ตราปะ มจั ฉะ สรุ เสนะ อสั สกะ อวนั ตี คนั ธาระ กมั โพชะ
174 2. อธิบายโดยสรปุ เกีย่ วกบั คติความเชือ่ ของชาวชมพูทวปี ในสมัยก่อนพุทธกาลลงใน “บนั ทกึ ช่วยจา” บนั ทกึ ช่วยจา ในชมพทู วปี สมยั ก่อนพทุ ธกาลมคี ตคิ วามเชอื่ โดยสามารถสรุปได้ ดงั นี้ 1. คตคิ วามเชอื่ ทเี่ กิดจากธรรมชาติ เป็นความเชอื่ ว่าปรากฏการณธ์ รรมชาติ เช่น ฝนตก ฟา้ รอ้ ง พายพุ ดั แผน่ ดนิ ไหว มเี ทพเจา้ หรอื วญิ ญาณเป็นผบู้ นั ดาลใหเ้ กดิ จึงมกี ารตงั้ ชอื่ เทพเจา้ มีการบูชา บวงสรวง และเซ่นไหว้ เพอื่ ความสงบสขุ ในชีวติ 2. คตคิ วามเชอื่ ทเี่ กดิ จากคาสอนและพธิ ีกรรมของพวกพราหมณ์ ทาใหเ้ กดิ ความเชอื่ เรอื่ งวรรณะ และเชอื่ วา่ วรรณะพราหมณ์เป็นผนู้ าคาสอนจากเทพเจา้ มาประกาศ โดยมคี มั ภรี พ์ ระเวทเป็นหลกั 3. คตคิ วามเชอื่ ทเี่ กิดจากคาสอนและปรชั ญาของศาสนาตา่ งๆ ในสภาพสงั คม ทมี่ คี วามทกุ ขท์ าใหม้ นษุ ยต์ า่ งคน้ หาคาตอบใหก้ บั ชวี ติ จึงทาใหเ้ กิดคตคิ วาม เชอื่ ต่างๆจากพวกทไี่ ม่ยอมรบั คาสอนของศาสนาพราหมณ์
175 แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนรำยบคุ คล คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับท่ี รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 321 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผ้อู นื่ 3 การทางานตามหนา้ ทีท่ ่ีได้รับมอบหมาย 4 ความมนี ้าใจ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../............. เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ
176 176 บันทึกหลงั กำรจัดกำรเรียนรู้ แผนท่ี 8 เรอื่ ง ลักษณะของสงั คมชมพทู วปี และคตคิ วำมเชือ่ ทำงศำสนำสมัยก่อนพระพทุ ธเจำ้ ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดี พอใช้ ปรับปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเนือ้ หา ดี พอใช้ ปรับปรุง………………………. ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรับปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของส่อื ดี พอใช้ ปรับปรุง………………………. อ่ืนๆ……………………………………………………………………………………….....………..…………………… …........................................................................................…………………...………...................... 1. ผลทเี่ กดิ ขึน้ กับผเู้ รยี น นักเรียนสามารถบอกลักษณะของสังคมชมพูทวีปสมัยก่อนพระพุทธเจ้าได้ และอธิบายคติความเชื่อ ทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจ้าได้ 2. ปัญหำและอปุ สรรค นกั เรยี นทากิจกรรมกลุม่ ไมท่ นั ตามเวลาที่กาหนด เน่อื งจากนกั เรียนเข้าชั้นเรียนช้าเกนิ กว่ากาหนด 3. แนวทำงแกป้ ญั หำ/ข้อเสนอแนะ กาหนดเวลาในการเขา้ ช้ันเรยี น โดยมกี ารให้คะแนนจติ พสิ ยั ใหก้ บั นกั เรยี นที่เขา้ ชนั้ เรียนตรงตอ่ เวลา ลงชือ่ ……….........………….......….…..……. ผสู้ อน ( นายยงยุทธ์ อ่อนนวล ) ตาแหนง่ : ครู 4. ควำมคิดเหน็ ของผอู้ ำนวยกำรโรงเรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…… ลงช่ือ………...………….......…...........…..…….…. (นางสาวรพพี รรณ กตี า) ผอู้ านวยการโรงเรียน
177 แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ 9 หน่วยที่ 1 ประวัตแิ ละความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา เร่อื ง พระพุทธศำสนำมที ฤษฎีและวิธกี ำรท่ี เปน็ สำกลและมขี อ้ ปฏิบัติท่ียึดทำงสำยกลำง สาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลา 3 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ผูส้ อน นายยงยทุ ธ์ อ่อนนวล ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีหลักคาสอน รวมทั้งทฤษฎีที่เป็นสากล โดยยึดทางสายกลาง ที่ สามารถพิสูจน์ได้ ตลอดจนมุ่งเน้นในการพัฒนาศรัทธาและปัญญาท่ีถูกต้องในพระพุทธศาสนา เราในฐานะ ที่เป็นพุทธศาสนิกชนจึงควรท่ีจะศึกษาหลักธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจ้าเพอ่ื นามาพัฒนาศรัทธาและปญั ญา อันจะนาไปสปู่ ระโยชนส์ ุขและสนั ติภาพแกบ่ คุ คล สังคม และโลก ตัวชว้ี ัด/จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 ตวั ชว้ี ดั ส 1.1 ม.4-6/4 วเิ คราะหข์ ้อปฏบิ ตั ทิ างสายกลางในพระพทุ ธศาสนา หรือแนวคิดของศาสนา ที่ตนนับถือ ตามที่กาหนด ม.4-6/5 วเิ คราะหก์ ารพัฒนาศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา หรอื แนวคดิ ของศาสนาที่ตนนับถอื ตามที่กาหนด ม.4-6/6 วเิ คราะหล์ กั ษณะประชาธปิ ไตยในพระพุทธศาสนา หรือแนวคิดของศาสนาที่ ตนนับถอื ตามท่ีกาหนด ม.4-6/7 วเิ คราะหห์ ลักการของพระพุทธศาสนากับหลักวิทยาศาสตร์ หรือแนวคิดของ ศาสนาที่ตนนบั ถือ ตามทก่ี าหนด ม.4-6/8 วเิ คราะหก์ ารฝึกฝนและพัฒนาตนเอง การพ่งึ ตนเอง และการม่งุ อิสรภาพใน พระพทุ ธศาสนา หรือแนวคิดของศาสนาที่ตนนับถอื ตามทก่ี าหนด ม.4-6/9 วิเคราะหพ์ ระพทุ ธศาสนาวา่ เป็นศาสตรแ์ หง่ การศึกษาซงึ่ เน้นความสัมพนั ธ์ของ เหตุปัจจยั กบั วธิ ีการแกป้ ัญหา หรือแนวคดิ ของศาสนาที่ตนนบั ถอื ตามท่ี กาหนด ม.4-6/10 วิเคราะหพ์ ระพุทธศาสนาในการฝึกตนไมใ่ ห้ประมาท มุง่ ประโยชน์และสนั ติภาพ บุคคล สงั คม และโลก หรอื แนวคิดของศาสนาที่ตนนบั ถือ ตามทีก่ าหนด ม.4-6/11 วิเคราะหพ์ ระพทุ ธศาสนากับปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและการพัฒนา ประเทศแบบยั่งยืน หรือแนวคดิ ของศาสนาท่ีตนนับถือ ตามทีก่ าหนด ม.4-6/12 วเิ คราะห์ความสาคัญของพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับการศกึ ษาท่ีสมบูรณ์ การเมืองและสนั ตภิ าพ หรอื แนวคดิ ของศาสนาทตี่ นนบั ถอื ตามที่กาหนด
178 2.2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายทฤษฎแี ละวิธีการทีเ่ ป็นสากลรวมทงั้ มีข้อปฏบิ ัติทย่ี ดึ ทางสายกลางของ พระพุทธศาสนา 2) ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ทฤษฎีและวธิ ีการตลอดจนขอ้ ปฏบิ ตั ิทยี่ ดึ ทางสายกลางของ พระพทุ ธศาสนาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1) พระพทุ ธศาสนามีทฤษฎีและวิธีการที่เปน็ สากลและมขี ้อปฏบิ ตั ทิ ยี่ ดึ ทางสายกลาง 2) พระพุทธศาสนาเน้นการพฒั นาศรัทธาและปัญญาทถี่ กู ต้อง 3) ลกั ษณะประชาธปิ ไตยในพระพทุ ธศาสนา 4) หลกั การของพระพทุ ธศาสนากับหลักวิทยาศาสตร์ 5) การคดิ ตามนัยแห่งพระพุทธศาสนา และการคิดแบบวทิ ยาศาสตร์ 6) พระพุทธศาสนาเน้นการฝกึ หัดอบรมตน การพง่ึ ตนเอง และการมุง่ อิสรภาพ 7) พระพุทธศาสนาเป็นศาสตรแ์ หง่ การศึกษา 8) พระพุทธศาสนาเน้นความสัมพนั ธ์ของเหตปุ ัจจัย และวธิ กี ารแก้ปัญหา 9) พระพุทธศาสนาฝกึ ตนไมใ่ ห้ประมาท 10) พระพุทธศาสนามุง่ ประโยชน์สขุ และสันตภิ าพแกบ่ คุ คล สงั คม และโลก 11) พระพุทธศาสนากบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการพฒั นาแบบยง่ั ยนื 12) ความสาคัญของพระพุทธศาสนากบั การศึกษาที่สมบูรณ์ 13) ความสาคญั ของพระพุทธศาสนากับการเมอื ง 14) ความสาคัญของพระพุทธศาสนากับสนั ติภาพ 3.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ - สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - กระบวนการทางานกลุ่ม คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน
179 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ (วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการกล่มุ ) ช่ัวโมงท่ี 1-2 1. ครนู าสนทนาเพอื่ ทบทวนความรู้เก่ียวกับคตคิ วามเช่ือทางศาสนาในสังคมชมพูทวีปในสมัยกอ่ น พระพทุ ธเจ้าวา่ มคี ติความเชอ่ื อยา่ งไร เพ่อื เช่อื มโยงให้เห็นว่า คติความเชอื่ เหล่าน้เี ริม่ มคี วาม เปลย่ี นแปลงไปเมื่อเข้าสู่สมัยพระพทุ ธเจา้ ท่ีทรงเป็นองคศ์ าสดาผเู้ ผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในชมพทู วีป 2. ครตู ง้ั ประเดน็ คาถามให้นักเรียนรว่ มกันวิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ เพ่อื ประเมนิ ความรคู้ วาม เข้าใจในเบือ้ งตน้ ดังนี้ - พระพทุ ธศาสนามที ฤษฎีและวิธกี ารทเี่ ปน็ สากลอย่างไร - เมอื่ เปรยี บเทยี บพระพุทธศาสนากบั คตคิ วามเช่อื ในสงั คมชมพูทวีปสมยั ก่อนพระพทุ ธเจ้า มีความ เปล่ยี นแปลงหรอื แตกต่างหรอื ไม่ อยา่ งไร 3. ครูใหต้ ัวแทนนักเรียน 2-3 คน ออกมาแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั ประเด็นท่คี รตู ้ังคาถามที่หนา้ ชน้ั เรยี นโดยครูเป็นผูอ้ ธิบายสรปุ เพมิ่ เติมจากทตี่ ัวแทนนักเรียนออกมาแสดงความคิดเห็น 4. ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความรู้ เรือ่ ง พระพทุ ธศาสนามที ฤษฎที ่ีเป็นสากล พระพทุ ธศาสนามขี อ้ ปฏบิ ัติ ทย่ี ดึ ทางสายกลาง และพระพุทธศาสนาเน้นการพฒั นาศรัทธาและปญั ญาท่ถี กู ตอ้ ง จากหนังสือเรยี น จากนัน้ ให้นักเรยี นทาใบงานที่ 2.1 เรือ่ ง พระพทุ ธศาสนามีทฤษฎที เ่ี ป็นสากล และมีขอ้ ปฏิบัตทิ ย่ี ดึ ทางสายกลาง 5. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันเฉลยคาตอบในใบงาน จากนั้นครสู รปุ ใหน้ กั เรียนเข้าใจและตระหนักวา่ พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาท่ีมคี าสอนอันประกอบด้วยหลกั ทฤษฎที ่ีเปน็ สากล และมีข้อปฏิบัติท่ี ยดึ ทางสายกลาง ซ่ึงช่วยพัฒนาศรัทธาและปญั ญาในทางทีถ่ ูกตอ้ งเหมาะสมและสามารถพิสูจนไ์ ด้ดว้ ย ตนเอง 6. ครูนาภาพพระสงฆ์รว่ มประชมุ ทาสังฆกรรม เชน่ การทาวตั รเช้า-เย็น ทช่ี ุมนมุ สงฆ์ในพธิ รี บั กฐนิ เป็นตน้ มาให้นกั เรยี นดูท่ีหน้าชน้ั เรียน 7. ครตู ้งั ประเด็นคาถามจากภาพที่นามาแสดง โดยให้นักเรียนรว่ มกนั วิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ วา่ จากภาพดังกล่าว สามารถสะทอ้ นให้เหน็ ถงึ ประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนาไดห้ รอื ไม่ อย่างไร 8. ครูสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการแสดงความคิดเหน็ และสรปุ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่า ในพระพุทธศาสนา ก็มีลักษณะของสงั คมประชาธปิ ไตยเช่นเดียวกับสงั คมอน่ื ๆ ทง้ั การใหส้ ิทธิ เสรีภาพ และความเสมอ ภาคแกพ่ ระภกิ ษุภายใต้พระธรรมวนิ ัย ตลอดจนการยดึ ถอื มตใิ นทีป่ ระชุมของสงฆเ์ ป็นหลัก ซง่ึ เหล่านี้ถือ เป็นความสอดคลอ้ งกบั หลกั ประชาธปิ ไตยในการปกครองประเทศของสังคมประชาธปิ ไตย 9. ครใู หน้ ักเรยี นศกึ ษาความรู้ เรอ่ื ง ลักษณะประชาธปิ ไตยในพระพทุ ธศาสนา จากหนังสือเรียน แล้วให้ นกั เรยี นทาใบงานที่ 2.2 เร่ือง ประชาธปิ ไตยในพระพทุ ธศาสนา 10. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันเฉลยคาตอบในใบงาน โดยครชู มเชยนกั เรียนท่ที าคะแนนไดส้ งู สดุ และให้ กาลังใจนักเรียนท่ที าคะแนนได้นอ้ ย เพื่อเปน็ กาลงั ใจสาหรับนาไปพัฒนาตนเองต่อไป
180 ช่ัวโมงท่ี 3-4 1. นักเรียนรวมกลมุ่ กนั ตามสมคั รใจ กลมุ่ ละ 5-7 คน (โดยใหเ้ ลือกหัวหน้าและเลขานกุ ารกลมุ่ ดว้ ย) แลว้ ให้รว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รื่อง หลักการของพระพุทธศาสนากับหลกั วิทยาศาสตร์ และการคิดตาม นยั แหง่ พระพทุ ธศาสนาและการคิดแบบวิทยาศาสตร์ จากหนงั สอื เรยี น และแหลง่ การเรยี นรอู้ น่ื ๆ 2. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั ทาใบงานท่ี 2.3 เร่อื ง การคดิ ตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาและการคิดแบบ วทิ ยาศาสตร์ โดยใหร้ ว่ มกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ ในคาถามตอนท่ี 2 โดยใหห้ วั หนา้ กลุ่มมี บทบาทในการกระตนุ้ และชชี้ วนใหส้ มาชกิ ภายในกลุม่ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นตามประเด็นคาถาม ที่ได้กาหนดในใบงาน และเลขานุการกลมุ่ มีหน้าท่ีการจดบนั ทึกขอ้ คิดเห็นของสมาชิกภายในกลุม่ ซงึ่ เมื่ออภิปรายกันจนเสรจ็ เรยี บร้อยแลว้ ให้สมาชิกทุกคนร่วมกนั สรุปประเดน็ ทไ่ี ดจ้ ากการอภิปราย เพือ่ นามาเขียนตอบในตอนที่ 2 ของใบงาน 3. ตัวแทนนักเรยี นแต่ละกลุม่ ผลดั กนั นาเสนอผลงาน โดยมคี รเู ปน็ ผู้ชว่ ยเสนอแนะ 4. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปประเด็นสาคญั เกี่ยวกบั หลกั การของพระพุทธศาสนากับหลกั วทิ ยาศาสตร์ รวมท้งั การคดิ ตามนยั แหง่ พระพทุ ธศาสนาและการคิดแบบวทิ ยาศาสตร์ โดยครูเชือ่ มโยงใหน้ ักเรยี น เหน็ ถึงความสาคัญของหลกั การและวธิ ีคดิ ตามนัยแหง่ พระพทุ ธศาสนา ซึ่งสามารถนามาประยกุ ตใ์ ช้ใน ชวี ติ ประจาวนั ของนกั เรียนได้ ทงั้ ในเรือ่ งการเรยี น การทางาน ตลอดจนการใช้ชีวติ ในสงั คม 5. ครนู ากรณีศกึ ษาเรื่อง นายเกษม มาเล่าใหน้ กั เรียนฟัง ดังนี้ กรณีศึกษา เร่ือง นายเกษม นายเกษม เป็นอดีตผบู้ รหิ ารที่ประสบความสาเรจ็ ทั้งในชีวติ และธุรกิจของเขา แต่วนั หนึ่งเม่ือเกิด พษิ เศรษฐกิจครงั้ ใหญ่ ทาใหน้ ายเกษมกลายเป็นบุคคลลม้ ละลาย จากวนั นนั้ นายเกษมกเ็ ปล่ยี นไปทงั้ ด่มื เหลา้ สบู บหุ ร่ี และหมกมนุ่ อย่แู ตใ่ นความทกุ ขข์ องตนเอง จนกระท่งั นายเกษมไดพ้ บกบั พระรูปหน่ึงโดยบงั เอญิ และ เขาไดร้ ะบายความทุกข์ในใจทั้งหมดให้กับพระรูปนัน้ ไดฟ้ ัง ซ่ึงพระรูปนัน้ จึงไดใ้ หข้ อ้ คิดกับนายเกษ มว่า ธรรมดาของโลก ย่อมมีสขุ และทกุ ขเ์ วียนมาไมร่ ูจ้ บ ไมม่ ีสง่ิ ใดท่ีจีรงั ย่งั ยืน การท่ีเราจะมีสตเิ ตรียมพรอ้ มรบั กบั เรื่องราวต่างๆ นนั้ จาเป็นตอ้ งรูจ้ กั ฝึกหัดอบรมตนเองทงั้ กาย วาจา และใจ รวมทงั้ มีสมาธิและปัญญาในการ เขา้ ใจปัญหาและสามารถดาเนินชีวติ ไดอ้ ย่างม่นั คง และในทา้ ยท่ีสดุ ก็ใหแ้ สวงหาหนทางแหง่ อิสรภาพที่แทจ้ รงิ ในทางพระพทุ ธศาสนา ซ่ึงถือเป็นความสขุ ท่ีแทจ้ รงิ โดยนายเกษมก็รบั ไปปฏิบตั ิตามดว้ ยความคาดหวงั ว่า สงิ่ นีจ้ ะช่วยนาเขาใหพ้ น้ จากความทกุ ขท์ ี่ประสบอยู่ 6. เมอื่ ครเู ลา่ จบแล้ว ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง พระพุทธศาสนาเน้นการฝึกอบรมตนเอง การ พึ่งตนเองและการมุง่ อิสรภาพ พระพุทธศาสนาเป็นศาสตร์แห่งการศึกษา และพระพุทธศาสนาเนน้ ความสัมพนั ธ์ของเหตปุ จั จยั และวธิ กี ารแกป้ ญั หา จากหนังสอื เรียน หรอื หนังสือค้นควา้ เพิ่มเตมิ ตามความ เหมาะสม
181 7. ครูตั้งประเดน็ คาถามให้นกั เรียนวเิ คราะหก์ รณตี วั อย่างในข้างตน้ โดยนาความรู้ท่ไี ด้จากการศกึ ษาใน เร่อื งทคี่ รูมอบหมายมาประกอบการวิเคราะห์ ดังนี้ - สาเหตุแห่งความทุกข์ของนายเกษม คอื อะไร - คาสอนของพระทใ่ี ห้แก่นายเกษมน้นั สอดคลอ้ งกับหลักการฝกึ อบรม และการพ่ึงตนเองในทาง พระพุทธศาสนาอย่างไร - นักเรยี นคดิ วา่ ศาสตรแ์ ห่งการศกึ ษาในพระพุทธศาสนานัน้ สามารถนามาประยุกตใ์ ชใ้ นกรณีของ นายเกษมไดอ้ ย่างไรบา้ ง - ถา้ นกั เรียนเปน็ นายเกษม นกั เรยี นจะมีวิธแี กไ้ ขปัญหาท่ีเกดิ ขึ้นอยา่ งไร ใหต้ นเองพน้ จากความทุกข์ ทเ่ี ป็นอยู่ ตามหลกั พระพทุ ธศาสนาท่ีว่าดว้ ยเหตุปัจจัยและวิธกี ารแกไ้ ขปญั หา 8. ครูใหน้ กั เรียนเขยี นคาตอบทไี่ ด้จากการวเิ คราะห์ในประเด็นที่ครกู าหนดลงในใบงานท่ี 2.4 เรอ่ื ง พระพทุ ธศาสนา เมื่อเสร็จแล้วให้ตวั แทนนักเรยี นเก็บรวบรวมมาส่งครใู นตอนทา้ ยช่วั โมง 9. ครมู อบหมายงานให้นกั เรียนหาขา่ วในหนงั สอื พิมพ์ หรือแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศเกยี่ วกบั การชว่ ยเหลือ เกื้อกูลกันของคนในสงั คมไทยหรือต่างประเทศ มาคนละ 1 ข่าว สาหรับนามาใช้ทากิจกรรมในชว่ั โมง ต่อไป ช่ัวโมงที่ 5-6 1. ครูนาภาพขา่ วท่ีเกีย่ วกบั อุบัติเหตุทางรถยนต์ มาใหน้ ักเรียนดู และใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั แสดงความคิดเหน็ ว่า อบุ ัตเิ หตทุ เี่ หน็ ในภาพนน้ั เกดิ ขึน้ ได้อย่างไร และมแี นวทางใดบ้างทีจ่ ะปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ กิดอบุ ตั ิเหตุข้ึนอีก 2. ครสู งั เกตการรว่ มแสดงความคิดเหน็ ของนกั เรียน แล้วชว่ ยเพิ่มเติมความรโู้ ดยอธบิ ายให้นักเรยี นทราบ ว่าอบุ ัติเหตุที่เกิดขนึ้ น้นั ส่วนหน่ึงเกดิ จากความประมาทของบุคคลผู้ใช้รถใช้ถนน ซงึ่ ในทางพระพุทธศาสนา กม็ หี ลกั ธรรมทช่ี ่วยฝกึ ตนให้เป็นผไู้ ม่มคี วามประมาท ไดแ้ ก่ ไมป่ ระมาทในการละกายทุจริต (ประพฤติ กายสจุ ริต) ไม่ประมาทในการละวจที ุจริต (ประพฤติวจีสุจรติ ) ไม่ประมาทในการละมโนทุจรติ (ประพฤตมิ โนสุจริต) และไมป่ ระมาทในการละความเหน็ ผิด (ทาความเห็นให้ถูก) 3. ครูให้นกั เรยี นนาขา่ วเกยี่ วกับการชว่ ยเหลอื เก้อื กูลกนั ของคนในสังคมไทยหรอื ต่างประเทศ ซ่งึ ครู มอบหมายใหห้ าไว้ในช่วั โมงทแ่ี ล้ว มาติดลงในใบงานที่ 2.5 เรอื่ ง พระพุทธศาสนาม่งุ ประโยชน์ และสันติภาพแกบ่ ุคคล สงั คม และโลก จากนัน้ ใหน้ ักเรียนศกึ ษาความรู้เร่ือง พระพุทธศาสนามุง่ ประโยชน์สุข และสันตภิ าพแกบ่ คุ คล สังคม และโลก แล้วนาความรูม้ าวเิ คราะหแ์ ละตอบคาถามในใบงาน 4. ครูคดั เลอื กใบงานของนกั เรียน มา 2-3 ตัวอยา่ ง แลว้ ใหเ้ จ้าของผลงานออกมานาเสนอที่หน้าชั้นเรียน 5. ครสู รุปเน้ือหาจากทตี่ ัวแทนนักเรยี นออกมานาเสนอท่ีหนา้ ช้นั เรียน เกีย่ วกบั พระพุทธศาสนาทีม่ ุ่งประโยชน์ และสนั ตภิ าพให้เกิดแกบ่ คุ คล สังคม และโลก โดยเน้นย้าให้นกั เรียนตระหนักว่านอกจากหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา จะสามารถนามาใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์แก่ตนเองแลว้ ยังสามารถนามาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์
182 สขุ และนาสันตภิ าพให้เกดิ แก่สังคมและโลกของเราไดอ้ กี ดว้ ย เนอื่ งจากหลักคาสอนของพระพุทธศาสนา มคี วามเปน็ สากล สามารถประยกุ ต์ไดก้ ับทุกที่และทุกสถานการณ์ 6. ครยู กตัวอยา่ งขา่ วสถานการณ์ความขดั แย้งและปญั หาทางเศรษฐกจิ ในสงั คมยุคปัจจบุ ันให้นกั เรียนฟงั แล้วต้งั ประเดน็ คาถามใหน้ ักเรียนช่วยกันตอบหรือแสดงความคิดเห็นว่า หลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา สามารถนามาใช้ในการสรา้ งสนั ตภิ าพ หรอื แกป้ ัญหาเศรษฐกจิ ไดอ้ ย่างไรโดยให้นกั เรยี นศกึ ษาความรู้ เพ่มิ เตมิ ประกอบ จากหนังสือเรยี น เรื่อง พระพุทธศาสนากับการเมอื งและสันติภาพ และพระพทุ ธศาสนา กบั เศรษฐกิจพอเพียง 7. ครูใหน้ ักเรียนช่วยกนั สรปุ อกี ครัง้ เพ่ือใหไ้ ด้แนวทางแกไ้ ขปญั หาร่วมกนั จากนั้นครชู ่วยเพิ่มเตมิ เนอ้ื หา ในสว่ นท่ียงั ขาดไปให้สมบูรณ์ และสร้างความเข้าใจให้กับนกั เรียนได้ตระหนักถึงความสาคญั ในการใช้ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา สาหรับแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคมและบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจ 8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั สรุปความรู้ทไ่ี ด้จากการศกึ ษาและคิดวิเคราะหใ์ นประเดน็ ตา่ งๆ มา จดั ทาเป็นสมดุ สะสมความรู้ เร่ือง ประวตั ิและความสาคญั ของพระพุทธศาสนา โดยให้ครอบคลุมประเด็น ทก่ี าหนดให้ ดงั นี้ 1) การวิเคราะห์ลกั ษณะของสงั คมชมพูทวปี และคติความเชื่อทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจา้ 2) การวิเคราะห์พระพทุ ธศาสนาท่ีมีทฤษฎี และวธิ ีการทีเ่ ป็นสากล 3) การวิเคราะห์พระพุทธศาสนาทม่ี ขี ้อปฏบิ ัตทิ ่ียึดทางสายกลาง 4) การวิเคราะหพ์ ระพุทธศาสนาทเี่ นน้ พฒั นาศรทั ธาและปญั ญาที่ถูกต้อง 9. นักเรยี นออกมานาเสนอผลงานท่ีหน้าชนั้ เรียน โดยครคู อยอธิบายเพม่ิ เตมิ และใหข้ ้อเสนอแนะ นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 กำรวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ำร เคร่อื งมอื เกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานที่ 2.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.2 ใบงานที่ 2.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.3 ใบงานท่ี 2.3 ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.4 ใบงานท่ี 2.4 ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.5 ใบงานที่ 2.5 ประเมนิ สมุดสะสมความรู้ เร่ือง แบบประเมนิ สมุดสะสมความรู้ ประวตั ิและความสาคญั ของ เรอ่ื ง ประวัตแิ ละความสาคัญของ พระพุทธศาสนา พระพทุ ธศาสนา ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่
วิธีกำร เคร่ืองมือ 183 ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น เกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สื่อ/แหล่งกำรเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี น พระพทุ ธศาสนา ม.4-ม.6 2) ตัวอยา่ งสอื่ ประกอบการสอน 3) ตวั อย่างขา่ วปัญหาความขดั แยง้ ในสังคมและปญั หาเศรษฐกิจ 4) กรณีศกึ ษา เรอื่ ง นายเกษม 5) ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง พระพทุ ธศาสนามที ฤษฎที เ่ี ป็นสากล และมีข้อปฏิบตั ิทีย่ ึดทางสายกลาง 6) ใบงานที่ 2.2 เรื่อง ประชาธปิ ไตยในพระพุทธศาสนา 7) ใบงานที่ 2.3 เรอื่ ง การคดิ ตามนัยแห่งพระพทุ ธศาสนาและการคิดแบบวทิ ยาศาสตร์ 8) ใบงานที่ 2.4 เร่ือง พระพทุ ธศาสนา 9) ใบงานท่ี 2.5 เร่อื ง พระพทุ ธศาสนามุง่ ประโยชน์และสนั ตภิ าพแกบ่ ุคคล สังคม และโลก 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) ห้องจรยิ ธรรม หรอื หอ้ งพทุ ธศาสน์ 3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ http://www.thaidhammajak.com/webboard/detail http://www.buddhadasa.org/html/article http://www.panyathai.or.th/wiki/jndex
184 ตวั อย่างสอ่ื ประกอบการสอน พระสงฆท์ าวตั ร การประชมุ ของพระสงฆ์ อบุ ตั ิเหตทุ างรถยนต์
185 แบบประเมินสมดุ สะสมควำมรู้ เรอ่ื ง ประวตั ิและควำมสำคัญของพระพทุ ธศำสนำ กลุ่มท.ี่ ................................................. .............................................................................. 2. .............................................................................. สมาชกิ ของกลุ่ม 1. .............................................................................. 4. .............................................................................. .............................................................................. 6. .............................................................................. 3. 5. ลำดั รำยกำรประเมิน คณุ ภำพผลงำน บท่ี 4321 1 การวิเคราะห์ลักษณะของสังคมชมพูทวปี และคติความเช่ือ ทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจ้า 2 การวิเคราะห์พระพทุ ธศาสนาทมี่ ีทฤษฎี และวธิ ีการทีเ่ ปน็ สากล 3 การวิเคราะห์พระพทุ ธศาสนาทม่ี ีข้อปฏบิ ัตทิ ่ียึดทางสายกลาง 4 การวิเคราะห์พระพทุ ธศาสนาทเี่ น้นพฒั นาศรัทธาและปัญญา ทถ่ี กู ต้อง รวม ลงช่ือ..............................................................................ผู้ประเมิน / /....................... ........................... ........................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน เกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพ ดมี าก = ดี = 4 ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภำพ พอใช้ = 3 14-16 ดมี าก ปรับปรงุ = 2 11-13 ดี 1 8-10 พอใช้ 5-7 ปรบั ปรงุ
186 ใบงานที่ 2.1 พระพทุ ธศำสนำมีทฤษฎีทเ่ี ป็นสำกล และมขี อ้ ปฏิบตั ทิ ยี่ ดึ ทำงสำยกลำง คำชแี้ จง ตอบคาถามทกี่ าหนดต่อไปนี้ พระพทุ ธศาสนามที ฤษฎที เี่ ป็ นสากลอยา่ งไร พระพุทธศาสนามขี อ้ ปฏบิ ตั ทิ ย่ี ดึ ทางสายกลางอยา่ งไร
187 ใบงานท่ี 2.1 พระพุทธศำสนำมีทฤษฎีทเ่ี ปน็ สำกล และมีข้อปฏิบตั ทิ ี่ยดึ ทำงสำยกลำง คำช้แี จง ตอบคาถามทีก่ าหนดต่อไปนี้ พระพุทธศาสนามที ฤษฎที เ่ี ป็ นสากลอยา่ งไร พระพทุ ธศาสนามหี ลกั การและวธิ ีการซ่งึ เป็นทยี่ อมรบั ว่ามคี วามถูกตอ้ ง และ สามารถพสิ ูจนไ์ ด้ ทฤษฎีอนั เป็นสากลทพ่ี ระพทุ ธศาสนาเนน้ อยูเ่ สมอ คอื อรยิ สจั 4 ไดแ้ ก่ 1. สอนวา่ ชีวติ และโลกมปี ญั หา 2. สอนวา่ ปญั หามสี าเหตุ 3. สอนวา่ มนษุ ย์สามารถแกไ้ ขปัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง 4. สอนวา่ การแกป้ ญั หาตอ้ งใชป้ ญั ญาและความพากเพยี ร พระพุทธศาสนามขี อ้ ปฏบิ ตั ทิ ย่ี ดึ ทางสายกลางอย่างไร ข้อปฏบิ ัตทิ ยี่ ดึ ทางสายกลางของพระพุทธศาสนาท่ีเรียกว่า มชั ฌมิ าปฏิปทา หรืออรยิ มรรคมอี งค์ 8 คอื เห็นชอบ ดารชิ อบ เจรจาชอบ กระทาชอบ เล้ยี งชีพ ชอบ พยายามชอบ ระลกึ ชอบ และจิตตัง้ มั่นชอบ
ใบงานที่ 2.2 188 ประชำธปิ ไตยในพระพทุ ธศำสนำ คำชแ้ี จง อา่ นกรณตี วั อยา่ งทยี่ กมาให้ แล้วอธิบายวา่ เปน็ ลกั ษณะประชาธปิ ไตยในพระพทุ ธศาสนาหรือไม่ เพราะเหตใุ ด หลวงพโ่ี หนง่ บอกหลวงพีเ่ ทง่ วำ่ วนั นต้ี นจะไม่ลง อโุ บสถทำสงั ฆกรรม เพรำะเพลียจำกกำรเดิน บณิ ฑบำตในตอนเช้ำ ทปี่ ระชมุ คณะสงฆว์ ัดดอนศรีสะอำด มีมตเิ ป็น เอกฉนั ท์ให้หลวงพ่อทองได้รับผำ้ กฐิน ในงำน ทอดกฐินประจำปี 2552 เม่ือเกิดควำมเหน็ แตกเป็นสองฝำ่ ยในคณะสงฆ์ จะมกี ำรตัดสินโดยถอื เอำเสียงข้ำงมำกเป็นข้อยุติ ท่ีเรียกวำ่ “ เยภุยยสิกำ ” พระภิกษุสงฆท์ ่มี ีสิทธิเ์ ขำ้ ร่วมประชมุ ในกำรเตรยี ม งำนประจำปีของวดั จะต้องเปน็ พระที่มพี รรษำเกิน กว่ำ 10 ปเี ทำ่ นนั้ พระทบี่ วชใหมห่ รอื มีพรรษำน้อย ไม่มสี ิทธเ์ิ ขำ้ ประชมุ ในครัง้ น้ี พระภกิ ษสุ งฆ์มีควำมเทำ่ เทยี มกันและต้องเคำรพกัน ตำมลำดบั อำวโุ ส คือ ถือตำมลำดบั กำรอุปสมบท กอ่ นหลังและไมถ่ ือวำ่ มำจำกชนช้ันใด
189 ใบงานท่ี 2.2 ประชำธิปไตยในพระพุทธศำสนำ คำช้ีแจง อ่านกรณีตวั อย่างที่ยกมาให้ แล้วอธบิ ายว่าเปน็ ลกั ษณะประชาธปิ ไตยในพระพทุ ธศาสนาหรือไม่ เพราะเหตใุ ด หลวงพโี่ หน่งบอกหลวงพเ่ี ท่งวา่ วันนีต้ นจะไม่ลง ไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะการลง อุโบสถทาสังฆกรรม เพราะเพลียจากการเดนิ อโุ บสถทาสังฆกรรมถอื เป็นกิจกรรมทีพ่ ระสงฆ์ บณิ ฑบาตในตอนเช้า ทกุ รูปจะตอ้ งถอื เป็นเร่ืองสาคญั ทป่ี ระชมุ คณะสงฆว์ ดั ดอนศรสี ะอาด มีมตเิ ป็ น ถือเป็นประชาธิปไตย เอกฉันทใ์ ห้หลวงพ่อทองไดร้ ับผ้ากฐนิ ในงาน ทอดกฐนิ ประจาปี 2552 เมื่อเกดิ ความเหน็ แตกเป็ นสองฝ่ ายในคณะ ถอื เป็นประชาธิปไตย สงฆ์ ไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะพระภกิ ษุ จะมีการตดั สินโดยถือเอาเสียงข้างมากเป็ นข้อ ทุกรปู มีสทิ ธิเ์ ข้าร่วมประชุม และมสี ทิ ธเิ สรภี าพในการ ยุติ แสดงความคดิ เหน็ ท้งั ทีเ่ หน็ ด้วยและคดั ค้าน ทพเ่ี รระยี ภกิกว่าษุส“งเฆยภท์ ุยม่ี ยีสสทิ กิ ธาิเ์ ข”า้ ร่วมประชมุ ในการ เตรียมงานประจาปี ของวดั จะตอ้ งเป็ นพระทม่ี ี พรรษาเกินกวา่ 10 ปี เทา่ น้ัน พระทบ่ี วชใหม่ หรือมีพรรษาน้อยไม่มีสิทธ์เิ ข้าประชมุ ในครั้งนี้ พระภิกษุสงฆม์ ีความเท่าเทยี มกันและต้อง ถอื เปน็ ประชาธปิ ไตย เคารพกันตามลาดับอาวุโส คอื ถอื ตามลาดับ การอุปสมบทก่อนหลังและไมถ่ อื วา่ มาจากชน ช้ันใด
190 ใบงานท่ี 2.3 กำรคดิ ตำมนัยแห่งพระพุทธศำสนำและกำรคิดแบบวทิ ยำศำสตร์ ตอนที่ 1 คำชแ้ี จง เปรยี บเทียบและอธิบายหลกั การของพระพทุ ธศาสนากับหลักวทิ ยาศาสตร์ พระพุทธศำสนำ วทิ ยำศำสตร์ ดำ้ นควำมเช่อื ดำ้ นควำมรู้ ดำ้ นควำม แตกต่ำง
191 ตอนท่ี 2 คำชแ้ี จง ตอบคาถามตามประเด็นท่ีกาหนด นักเรียนคิดวำ่ กำรคดิ ตำมนยั แหง่ พระพทุ ธศำสนำ (ดว้ ยวิธีคดิ แบบโยนิโสมนสกิ ำร ) สำมำรถนำมำใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ในชวี ติ ประจำวนั ของนกั เรยี นได้อย่ำงไรบำ้ ง
192 ใบงานท่ี 2.3 กำรคดิ ตำมนัยแห่งพระพทุ ธศำสนำและกำรคดิ แบบวิทยำศำสตร์ ตอนท่ี 1 คำชี้แจง เปรียบเทยี บและอธบิ ายหลักการของพระพุทธศาสนากบั หลกั วิทยาศาสตร์ พระพทุ ธศำสนำ วิทยำศำสตร์ พระพทุ ธศาสนามีหลกั การด้านความเชอื่ วทิ ยาศาสตรจ์ ะเชอ่ื เรือ่ งใดจะตอ้ งมกี าร ดงั ปรากฏอยใู่ น กาลามสตู ร ซ่ึงพระพทุ ธ-เจา้ พิสูจนค์ วามจรงิ โดยใช้การทดลองและทกุ ทรงสอนไมใ่ ห้เชอ่ื อย่างงมงายไร้ อย่างจะตอ้ งดาเนินไปอย่างมีกฎเกณฑ์ ด้ำนควำมเชือ่ เหตผุ ล และมเี หตุผลเปน็ ตัวตัดสินใจโดยอาศัย ปญั ญาในการพจิ ารณา พระพุทธเจ้าทรงเริ่มคดิ จากประสบการณ์ วทิ ยาศาสตรย์ อมรับความรจู้ ากประสบ- ท่ไี ดเ้ หน็ คือ ความเจบ็ ความแก่ และ การณ์ ซง่ึ มกี ารพิสจู น์โดยผ่านตา หู ความตาย ซง่ึ ล้วนแต่ทุกข์ จมกู ลน้ิ กาย และใจ พระองคท์ รงทดลองโดยอาศัยประสบ-การณ์ ดำ้ นควำมรู้ ของพระองค์ จนในท่ีสดุ พระองค์กท็ รง สามารถค้นพบหลกั ความจริงอัน เป็นหนทางท่จี ะหลุดพ้นจากความทกุ ข์ ด้ำนควำม พระพทุ ธศาสนาเน้นการแสวงหาความจริง วทิ ยาศาสตรม์ งุ่ เนน้ การแสวงหาความจรงิ แตกตำ่ ง ภายใน คอื ความจรงิ ด้านจติ ใจทม่ี ุ่งให้มนุษย์ ภายนอกดา้ นวัตถเุ ปน็ สาคญั สามารถพฒั นาจิตใจของตนให้ หลดุ พน้ จากกิเลสไดอ้ ย่างสิ้นเชงิ
193 ตอนที่ 2 คำชแี้ จง ตอบคาถามตามประเด็นที่กาหนด นกั เรียนคดิ วำ่ กำรคดิ ตำมนยั แห่งพระพุทธศำสนำ (ดว้ ยวิธคี ิดแบบโยนิโสมนสกิ ำร )สำมำรถ นำมำใช้ใหเ้ กิดประโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวนั ของนกั เรียนได้อย่ำงไรบำ้ ง การคิดตามนัยแห่งพระพทุ ธศาสนา หรือวธิ คี ิดแบบโยนโิ สมนสิการ ซ่งึ เปน็ วิธคี ิด อยา่ งถูกวธิ ี มรี ะเบียบ และลึกซึ้ง ถอื เปน็ ขัน้ ตอนสาคญั ในการสรา้ งปัญญาท่บี ริสุทธ์ิ เปน็ อสิ ระ ทาใหเ้ ราสามารถชว่ ยเหลือตนเองได้ โดยวธิ คี ดิ แบบโยนิโสมนสิการน้นั มีอยู่หลายรูปแบบ ซง่ึ สามารถนามาใช้ในการแกไ้ ขปัญหาในชวี ติ ประจาวนั ของเราได้หลากหลายสถานการณ์ เช่น เวลาทเี่ ราต้องการจะซ้ือโทรศัพท์มอื ถือ หรอื ส่งิ ของอืน่ ๆ เรากส็ ามารถนาวธิ คี ดิ แบบคุณค่าแท้ คุณค่าเทยี มมาใช้ โดยให้นกึ ถึงประโยชน์ทีแ่ ท้จรงิ ของสง่ิ ของน้นั ๆ เพ่ือจะไดร้ ู้จักเสพ รู้จกั ใช้ สงิ่ ทั้งหลายเพื่อคุณคา่ ทแ่ี ท้จริง หรือเมือ่ เราประสบปัญหาจนเกดิ ความทกุ ข์ใจ ก็สามารถนาวธิ ีคดิ แบบอรยิ สัจ (วธิ ีคิด แบบแกป้ ญั หา) มาใช้ในการคิดตามเหตแุ ละผล โดยสบื สาวจากผลไปหาเหตุปัจจัย แล้วแกไ้ ข ทตี่ น้ เหตุ ก็จะสามารถทาให้เรารู้เหตแุ ห่งปญั หาท่ีสร้างความทุกข์ใจให้แก่เราได้ จนนาไปส่กู าร หาหนทางแกไ้ ขท่ีถกู ต้องและเหมาะสม เปน็ ต้น (หมายเหตุ พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครูผู้สอน)
194 ใบงานท่ี 2.4 พระพทุ ธศำสนำ คำช้แี จง อ่านกรณีตัวอยา่ งท่ีกาหนดให้ แล้วแสดงความคิดเห็นตามประเด็นท่กี าหนด นายเกษม เป็นอดีตผบู้ รหิ ารท่ปี ระสบความสาเรจ็ ทงั้ ในชีวิตและธุรกิจของเขา แต่ วนั หน่งึ เม่ือเกิดพิษเศรษฐกิจครงั้ ใหญ่ ทาใหน้ ายเกษมกลายเป็นบคุ คลลม้ ละลาย จากวนั นนั้ นายเกษมก็เปล่ยี นไปทงั้ ด่มื เหลา้ สบู บุหร่ี และหมกม่นุ อยแู่ ตใ่ นความทกุ ขข์ องตนเอง จนกระท่งั นายเกษมไดพ้ บกบั พระรูปหนง่ึ โดยบงั เอิญ และเขาไดร้ ะบายความทกุ ขใ์ นใจ ทงั้ หมดใหก้ บั พระรูปนนั้ ไดฟ้ ัง ซง่ึ พระรูปนนั้ จงึ ไดใ้ หข้ อ้ คิดกบั นายเกษมวา่ ธรรมดาของ โลก ยอ่ มมีสขุ และทกุ ขเ์ วยี นมาไมร่ ูจ้ บ ไม่มีสง่ิ ใดท่จี ีรงั ย่งั ยืน การท่เี ราจะมีสติเตรยี มพรอ้ ม รบั กบั เร่อื งราวตา่ งๆ นนั้ จาเป็นตอ้ งรูจ้ กั ฝึกหดั อบรมตนเองทงั้ กาย วาจา และใจ รวมทงั้ มี สมาธิและปัญญาในการเขา้ ใจปัญหาและสามารถดาเนินชีวติ ไดอ้ ยา่ งม่นั คง และใน ทา้ ยท่สี ดุ ก็ใหแ้ สวงหาหนทางแหง่ อิสรภาพท่แี ทจ้ รงิ ในทางพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ ถือเป็น ความสขุ ท่แี ทจ้ รงิ โดยนายเกษมก็รบั ไปปฏิบตั ิตามดว้ ยความคาดหวงั วา่ ส่งิ นจี้ ะช่วยนาเขา ใหพ้ น้ จากความทกุ ขท์ ่ปี ระสบอยู่ 1. สาเหตุแหง่ ความทกุ ขข์ องนายเกษม คืออะไร
195 2. คาสอนของพระทใ่ี หแ้ กน่ ายเกษมนน้ั สอดคล้องกับหลกั การฝึกอบรม และการพึ่งตนเองในทาง พระพุทธศาสนาอยา่ งไร 3. นักเรยี นคดิ วา่ ศาสตรแ์ ห่งการศึกษาในพระพทุ ธศาสนาน้นั สามารถนามาประยุกต์ใช้ในกรณขี อง นายเกษมได้อย่างไรบา้ ง 4. ถา้ นักเรียนเป็นนายเกษม นกั เรยี นจะมีวิธแี ก้ไขปญั หาทเ่ี กิดขึ้นอย่างไร ให้ตนเองพน้ จากความทุกข์ ที่เป็นอยตู่ ามหลกั พระพทุ ธศาสนาท่วี ่าด้วยเหตปุ ัจจยั และวิธกี ารแก้ไขปญั หา
196 ใบงานท่ี 2.4 พระพุทธศำสนำ คำชแี้ จง อา่ นกรณีตวั อย่างทีก่ าหนดให้ แล้วแสดงความคิดเหน็ ตามประเด็นที่กาหนด นายเกษม เป็นอดตี ผบู้ รหิ ารท่ปี ระสบความสาเรจ็ ทงั้ ในชีวิตและธุรกิจของเขา แต่ วนั หนง่ึ เม่ือเกิดพิษเศรษฐกิจครงั้ ใหญ่ ทาใหน้ ายเกษมกลายเป็นบคุ คลลม้ ละลาย จากวนั นนั้ นายเกษมก็เปล่ยี นไปทงั้ ด่มื เหลา้ สบู บหุ ร่ี และหมกม่นุ อยแู่ ตใ่ นความทกุ ขข์ องตนเอง จนกระท่งั นายเกษมไดพ้ บกบั พระรูปหนง่ึ โดยบงั เอิญ และเขาไดร้ ะบายความทกุ ขใ์ นใจ ทงั้ หมดใหก้ บั พระรูปนนั้ ไดฟ้ ัง ซง่ึ พระรูปนนั้ จงึ ไดใ้ หข้ อ้ คิดกบั นายเกษมวา่ ธรรมดาของ โลก ยอ่ มมีสขุ และทกุ ขเ์ วยี นมาไม่รูจ้ บ ไม่มีส่งิ ใดท่ีจีรงั ย่งั ยนื การท่เี ราจะมีสตเิ ตรยี มพรอ้ ม รบั กบั เร่อื งราวตา่ งๆ นนั้ จาเป็นตอ้ งรูจ้ กั ฝึกหดั อบรมตนเองทงั้ กาย วาจา และใจ รวมทงั้ มี สมาธิและปัญญาในการเขา้ ใจปัญหาและสามารถดาเนนิ ชีวติ ไดอ้ ยา่ งม่นั คง และใน ทา้ ยท่สี ดุ ก็ใหแ้ สวงหาหนทางแหง่ อิสรภาพท่แี ทจ้ รงิ ในทางพระพทุ ธศาสนา ซ่งึ ถือเป็น ความสขุ ท่แี ทจ้ รงิ โดยนายเกษมก็รบั ไปปฏิบตั ิตามดว้ ยความคาดหวงั วา่ ส่งิ นจี้ ะชว่ ยนาเขา ใหพ้ น้ จากความทกุ ขท์ ่ปี ระสบอยู่ 1. สาเหตุแห่งความทกุ ขข์ องนายเกษม คืออะไร สาเหตุความทุกข์ของนายเกษม มาจากการท่ีนายเกษมประสบปัญหาจากพิษเศรษฐกิจคร้งั ใหญ่ จนทาใหน้ ายเกษมกลายเป็นบุคคลลม้ ละลาย 2. คาสอนของพระท่ีเทศนใ์ ห้แก่นายเกษมน้นั สอดคลอ้ งกบั หลักการฝึกอบรม และการพ่ึงตนเองในทาง พระพทุ ธศาสนาอยา่ งไร คาสอนของพระท่ีเทศน์ให้แก่นายเกษมนนั้ สอดคลอ้ งกับหลกั การฝกึ อบรมและการพึง่ พาตนเองที่ ท่เี รียกว่า สกิ ขา ซึ่งมี 3 ข้ันตอน ได้แก่ 1) อธิศลี สิกขา คือการฝกึ อบรมหรือการควบคุมตนในเรอื่ งศลี ไดแ้ ก่ การควบคมุ กายและใจจากความช่ัว 2) อธจิ ติ ตสิกขา คอื การอบรมในเร่อื งจติ หรือทเ่ี รียกวา่ สมาธิ เป็นการฝกึ ฝนพฒั นาจิตใหด้ ีงามยงิ่ ๆ ข้ึนไป
197 3) อธปิ ญั ญาสกิ ขา เป็นการฝกึ อบรมใน เรอ่ื งปัญญา ใหเ้ กดิ ความรู้ ความเข้าใจ ทงั้ ความรู้ในทาง วชิ าการ ซงึ่ เป็นประโยชน์ในการดาเนินชวี ติ และความรู้ในระดับสูง คอื ความเขา้ ใจโลกและชีวติ มีจิต เป็นอิสระจากพนั ธะของกเิ ลสทง้ั หลาย 3. นกั เรียนคิดว่า ศาสตรแ์ ห่งการศกึ ษาในพระพทุ ธศาสนานน้ั สามารถนามาประยุกตใ์ ช้ในกรณีของ นายเกษมไดอ้ ย่างไรบ้าง นายเกษมควรน้อมนาเอาหลกั ที่เรียกว่า ไตรสกิ ขา มาใช้เพ่อื อบรมตนเองใหเ้ ป็นผ้ทู ี่สมบรู ณพ์ รอ้ ม ไปดว้ ยวชิ ชาและจรณะ ซึง่ หลกั ไตรสกิ ขาน้นั ประกอบด้วย 1) ศีลสิกขา เป็นการศกึ ษาในเรื่องศีล อันเปน็ การอบรมกาย วาจา โดยปฏิบตั ิตามศีลสาหรบั คฤหสั ถ์ ได้แก่ ศีล 5 และศลี 8 2) จติ ตสิกขา เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาจิตใจให้สูงข้นึ 3) ปญั ญาสิกขา เป็นการฝกึ อบรมทางปัญญาอย่างสูง ทาให้เกิดความรู้แจง้ ส่ิงทงั้ หลายตามความเป็นจรงิ ไมย่ ดึ มั่นในสิง่ ทงั้ หลาย หากนายเกษมปฏิบัติอบรมตนได้เช่นน้กี จ็ ะช่วยให้นายเกษมเขา้ ใจและสามารถแก้ไขสิง่ ทต่ี นเอง กาลงั เผชิญอยไู่ ดอ้ ยา่ งถึงพรอ้ มด้วยสติและปญั ญา 4. ถ้านักเรยี นเป็นนายเกษม นักเรียนจะมีวธิ ีแก้ไขปัญหาทีเ่ กดิ ข้นึ อย่างไร ใหต้ นเองพ้นจากความทุกข์ ทีเ่ ป็นอยู่ ตามหลกั พระพทุ ธศาสนาทีว่ า่ ด้วยเหตุปัจจยั และวิธกี ารแกไ้ ขปัญหา การจะแกไ้ ขปัญหาใดกต็ ามจาเปน็ ทีจ่ ะตอ้ งเขา้ ใจและพจิ ารณาให้ถอ่ งแท้ก่อนว่า สรรพส่ิงใดท่ี เกิดข้นึ มาน้ัน ล้วนมีเหตุปัจจัยและเส่อื มสลายไปเม่อื หมดเหตุปัจจยั นนั้ ๆ ไมม่ ีส่งิ ใดเกดิ ขึน้ หรอื ดบั สลายไปโดยท่ีไมม่ เี หตุปัจจยั ดงั น้นั เมื่อเกิดปัญหาหรือความทุกขข์ ้ึนก็ควรที่จะพิจารณาหาสาเหตุ อนั เปน็ ปจั จัยที่ทาใหเ้ กิดปญั หา เพ่ือท่ีเราจะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงเปา้ หมายและถูกต้องท่สี ุด (หมายเหตุ พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพินิจของครผู ู้สอน)
198 ใบงานท่ี 2.5 พระพุทธศำสนำมุง่ ประโยชน์และสนั ตภิ ำพแกบ่ ุคคล สงั คม และโลก คำช้แี จง หาขา่ วเก่ียวกบั การช่วยเหลือเก้อื กูลกันของคนในสงั คมไทยหรอื ตา่ งประเทศมาติดไว้ในกรอบ แลว้ ตอบคาถามในประเดน็ ทก่ี าหนด (ขา่ ว) 1. นักเรียนเลา่ เนื้อหาโดยสรุปของข่าว 2. จากข่าวข้างตน้ ตรงกับหลักธรรมขอ้ ใด ในสงั คหวัตถุ 4 โดยอธบิ ายและเช่อื มโยงเน้อื หาให้ชัดเจน 3. นักเรยี นคดิ วา่ หากเราถึงพร้อมดว้ ยหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา จะชว่ ยใหส้ ังคมและโลกของเรา มีความสงบสุขและเกิดสนั ติภาพไดอ้ ย่างไร
199 ใบงานที่ 2.5 พระพทุ ธศำสนำม่งุ ประโยชน์และสันตภิ ำพแกบ่ ุคคล สังคม และโลก คำชแ้ี จง หาขา่ วเก่ียวกบั การช่วยเหลอื เก้อื กลู กนั ของคนในสงั คมไทยหรือต่างประเทศมาติดไว้ในกรอบ แลว้ ตอบคาถามในประเดน็ ทก่ี าหนด (ขา่ ว) 1. นักเรียนเล่าเนอ้ื หาโดยสรุปของขา่ ว 2. จากขา่ วข้างตน้ ตรงกับหลักธรรมขอ้ ใด ในสงั คหวัตถุ 4 โดยอธิบายและเชอื่ มโยงเน้อื หาให้ชัดเจน 3. นักเรยี นคิดวา่ หากเราถึงพรอ้ มด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จะช่วยใหส้ ังคมและโลกของเรา มีความสงบสุขและเกดิ สันติภาพไดอ้ ยา่ งไร (หมายเหตุ พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครผู ู้สอน)
200 แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน คำช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนอื้ หา 2 การลาดับขั้นตอนของเร่อื ง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ รวม ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ
201 แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน กำรมี ลำดับที่ ชื่อ – สกุล กำรแสดง กำรยอมรับ กำรทำงำน ควำมมี ส่วนรว่ มใน รวม ของนกั เรยี น ควำม ฟงั คนอนื่ ตำมท่ีไดร้ บั นำ้ ใจ กำร 15 คิดเหน็ มอบหมำย คะแนน ปรบั ปรุง ผลงำนกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ำรให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../............... ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน
202 202 บันทกึ หลังกำรจดั กำรเรยี นรู้ แผนที่ 9 เรอ่ื ง พระพุทธศำสนำมีทฤษฎีและวธิ ีกำรท่ีเป็นสำกลและมีขอ้ ปฏบิ ตั ิที่ยดึ ทำงสำยกลำง ความเหมาะสมของกิจกรรม ดี พอใช้ ปรับปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดี พอใช้ ปรับปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรบั ปรุง………………………. ความเหมาะสมของสอื่ ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. อืน่ ๆ……………………………………………………………………………………….....………..…………………… …........................................................................................…………………...………...................... 1. ผลท่เี กิดข้ึนกับผู้เรยี น นักเรียนสามารถอธิบายทฤษฎีและวิธีการท่ีเป็นสากลรวมทั้งมีข้อปฏิบัติที่ยึดทางสายกลางของ พระพุทธศาสนา ปฏิบัติตนตามหลักทฤษฎีและวิธีการตลอดจนข้อปฏิบัติที่ยึดทางสายกลางของ พระพุทธศาสนาไดอ้ ย่างเหมาะสม 2. ปัญหำและอปุ สรรค นักเรยี นทากจิ กรรมกล่มุ ไมท่ นั ตามเวลาทกี่ าหนด เนอื่ งจากนักเรยี นเขา้ ชั้นเรยี นช้าเกินกวา่ กาหนด 3. แนวทำงแก้ปญั หำ/ขอ้ เสนอแนะ กาหนดเวลาในการเข้าช้นั เรยี น โดยมีการใหค้ ะแนนจติ พสิ ยั ให้กบั นกั เรยี นท่ีเข้าช้นั เรยี นตรงตอ่ เวลา ลงชอ่ื ……….........………….......….…..……. ผู้สอน ( นายยงยุทธ์ อ่อนนวล ) ตาแหน่ง : ครู 4. ควำมคิดเหน็ ของผู้อำนวยกำรโรงเรียน ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…… ลงชอ่ื ………...………….......…...........…..…….…. (นางสาวรพพี รรณ กตี า) ผ้อู านวยการโรงเรยี น
203 2 สำระพระพทุ ธศำสนำ ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4 เวลำเรียน 7 ชั่วโมง มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตวั ชี้วดั ส 1.1 ม.4- 6/2 วเิ คราะห์พระพุทธเจา้ ในฐานะเป็นมนุษยผ์ ู้ฝกึ ตนไดอ้ ย่างสูงสดุ ในการตรสั รู้ การก่อต้งั วธิ ีการสอน และการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา หรือวเิ คราะหป์ ระวตั ิ ศาสดาทต่ี นนับถือตามท่กี าหนด ม.4-6/3 วิเคราะหพ์ ุทธประวตั ิด้านการบรหิ ารและการธารงรักษาศาสนา หรอื วิเคราะห์ ประวตั ิศาสดาที่ตนนับถือตามท่กี าหนด ม.4- 6/14 วิเคราะห์ข้อคิดและแบบอย่างการดาเนินชีวติ จากประวัตสิ าวก ชาดก เรื่องเล่า และศาสนกิ ชนตวั อยา่ งตามทก่ี าหนด สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด พระพทุ ธเจา้ เปน็ ผฝู้ ึกตนไดอ้ ยา่ งสูงสดุ ในการตรัสรู้ การกอ่ ตงั้ วธิ กี ารสอนและการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา การศกึ ษาพุทธประวตั ิ ชาดก เร่ืองเลา่ จะไดข้ ้อคิดเพอ่ื นาไปใช้เปน็ แบบอย่างในการดาเนนิ ชีวติ สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) พระพทุ ธเจา้ ในฐานะเปน็ มนษุ ย์ผฝู้ ึกตนไดอ้ ย่างสูงสุด (การตรัสร)ู้ 2) การก่อตั้งพระพุทธศาสนา วธิ ีการสอน และการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาตามแนวพุทธจริยา 3) พทุ ธประวตั ดิ ้านการบริหารและการธารงรกั ษาศาสนาพระพุทธศาสนา 4) ชาดก - เวสสนั ดรชาดก - มโหสถชาดก - มหาชนกชาดก 3.2 สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถนิ่ - สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ
204 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ - กระบวนการทางานกลุม่ - กระบวนการสืบค้น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6. มีวนิ ัย 7. ใฝ่เรยี นรู้ 8. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ชน้ิ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) การจดั นิทรรศการ เร่อื ง คณุ ค่าพทุ ธประวัติและชาดก กำรวดั และกำรประเมินผล 7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1) ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง วเิ คราะห์พระพทุ ธเจ้าในฐานะมนุษยผ์ ฝู้ กึ ตนได้อยา่ งสูงสดุ 2) ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง วิธีการสอนของพระพทุ ธเจา้ 3) ใบงานที่ 1.3 เรือ่ ง การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาตามแนวพุทธจรยิ า 4) ใบงานท่ี 1.4 เร่ือง การบริหารและการธารงรักษาพระพุทธศาสนา 5) ใบงานที่ 2.1 เรือ่ ง เวสสนั ดรชาดก มโหสถชาดก และมหาชนกชาดก 6) ประเมินการนาเสนอผลงาน 7) สงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ 7.3 การประเมินหลงั เรยี น - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 7.4 การประเมนิ ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินนิทรรศการ เร่อื ง คณุ ค่าพุทธประวัตแิ ละชาดก
205 กำรประเมนิ ชิ้นงำน/ภำระงำน (รวบยอด) แบบประเมินนิทรรศกำร เรื่อง คุณคำ่ พุทธประวัติและชำดก รำยกำรประเมนิ คำอธบิ ำยระดบั คุณภำพ/ระดับคะแนน ดมี ำก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1. กำรวเิ ครำะห์ วิเคราะหพ์ ทุ ธประวัติ วเิ คราะห์พทุ ธประวัติ วเิ คราะห์พทุ ธประวตั ิ วเิ คราะหพ์ ทุ ธประวัติ ไดถ้ กู ต้องน้อย พทุ ธประวตั ิ ไดถ้ กู ต้องครบถ้วน ไดถ้ กู ต้อง ได้ถูกต้อง หรือไม่ได้เลย วิเคราะหข์ ้อคิดและ ทกุ ประเดน็ เป็นส่วนใหญ่ เปน็ บางประเด็น แบบอย่างการดาเนิน ชวี ติ จากชาดก 2. กำรวเิ ครำะห์ขอ้ คิด วเิ คราะห์ขอ้ คดิ และ วเิ คราะหข์ ้อคดิ และ วเิ คราะห์ข้อคดิ และ ได้ถูกต้อง 1 เร่อื ง และแบบอย่ำงกำร แบบอยา่ งการดาเนิน แบบอยา่ งการดาเนิน แบบอยา่ งการดาเนิน ดำเนนิ ชวี ติ จำกชำดก ชีวิตจากชาดก ชวี ติ จากชาดก ชีวิตจากชาดก ไดถ้ กู ต้อง ชัดเจน ได้ถกู ต้อง ครบถ้วน ไดถ้ ูกตอ้ ง 2 เรือ่ ง และครบถ้วน แต่ไม่ชัดเจนทั้ง 3 เร่ือง ทั้ง 3 เรือ่ ง 3. กำรจดั นทิ รรศกำร การจดั นิทรรศการ การจัดนิทรรศการ การจัดนทิ รรศการ การจดั นิทรรศการ มคี วามแปลกใหม่ มคี วามแปลกใหม่ ไมม่ คี วามแปลกใหม่ มคี วามแปลกใหม่ ดงึ ดดู ความสนใจไดเ้ ปน็ แตไ่ ม่ดึงดูดความสนใจ และไมด่ ึงดูดความสนใจ สว่ นใหญ่ และมี ดึงดูดความสนใจได้ดี ความคดิ สร้างสรรค์ และมีความคิด สรา้ งสรรค์ เกณฑก์ ำรตัดสินคุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 11-12 ดีมาก 9-10 ดี 7-8 พอใช้ 5-6 ปรับปรุง
206 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอ่ื งที่ 1 พุทธประวตั ิ วธิ ีสอนโดยเนน้ กระบวนกำร : กระบวนกำรคิดวิเครำะห์ เวลำ 4 ชัว่ โมง 1. ครูนาภาพสังเวชนยี สถานท้งั 4 แห่ง มาใหน้ กั เรียนดู แลว้ ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายวา่ สังเวชนยี สถานทัง้ 4 แหง่ มีความเกยี่ วขอ้ งกับพุทธประวัตอิ ยา่ งไรบ้าง 2. ครเู ลอื กภาพ “มหาโพธเิ จดยี ์” ทพ่ี ทุ ธคยา ซงึ่ เปน็ หนงึ่ ในสงั เวชนยี สถาน 4 แห่ง มาใหน้ ักเรียนดู พรอ้ มทง้ั อธิบายให้นกั เรียนทราบความสาคัญของสถานที่ 3. ให้นักเรยี นร่วมกันตอบว่า ธรรมะท่ีพระพทุ ธเจ้าทรงตรัสร้นู นั้ เรียกวา่ อะไร และประกอบดว้ ย หลักธรรมใดบา้ ง 4. ครนู าภาพ “เนกขมั มสถปู ” ที่เมืองพาราณสี ซง่ึ เป็นสงั เวชนยี สถานทีพ่ ระพุทธเจา้ ทรงแสดง ปฐมเทศนา มาให้นกั เรียนดู แล้วให้นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายว่า ธรรมะท่ีพระพทุ ธเจ้าทรงแสดง ปฐมเทศนาแกป่ ญั จวัคคยี ์เป็นครง้ั แรกน้นั มีชื่อว่าอะไร และมเี นอ้ื หาสาคัญอยา่ งไร 5. ครแู บง่ นักเรยี นเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ 8 คน คละกันตามความสามารถ แล้วให้สมาชกิ แต่ละกลุม่ จับคกู่ นั เพ่ือศกึ ษาความรตู้ ามทค่ี รูมอบหมายและทาใบงานตามท่ีกาหนด 6. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคู่ชว่ ยกันตรวจความถกู ต้องของใบงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย 7. ครูอธิบายเพ่มิ เติมและสรุปให้นักเรยี นเข้าใจถึงความสาคญั ของการศึกษาพุทธประวัติของ พระพุทธเจา้ เร่ืองท่ี 2 ชำดก วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนกำร : กระบวนกำรกลุ่ม เวลำ 3 ชว่ั โมง 1. ครตู ัง้ ประเดน็ คาถามใหน้ กั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น 2. ครูสังเกตการแสดงความคิดเห็นของนักเรียน โดยครเู ป็นผูช้ ว่ ยเพิม่ เตมิ ความรู้ 3. ครูจัดทาบตั รคาที่แต่ละใบมีชือ่ ทศชาติสดุ ท้ายของพระพทุ ธเจ้า และทศบารมีที่ได้ทรงบาเพญ็ 4. ครูแบ่งบัตรคาออกเปน็ 2 กอง กองแรกเปน็ ทศชาติ และกองที่สองเปน็ ทศบารมี แล้วคละลาดับ ของท้งั 2 กอง ไมใ่ ห้เรียงกนั จากนน้ั ให้นักเรียนช่วยกนั เรียงลาดบั บตั รคาทศชาติในกองแรกตงั้ แต่ พระชาติแรกจนถงึ พระชาตสิ ุดท้ายกอ่ นตรัสรู้เปน็ พระพทุ ธเจ้า จากน้ันใหน้ ักเรียนนาบัตรคา
207 ทศบารมีมาเรยี งลาดับใหส้ อดคลอ้ งกบั ทศชาติ โดยครูมหี นา้ ทเ่ี ป็นผตู้ รวจสอบความถกู ต้อง 5. ให้นกั เรียนจับคกู่ ันศึกษาชาดก เร่ือง เวสสนั ดรชาดก มโหสถชาดก และมหาชนกชาดก จาก หนงั สือเรยี น 6. นักเรยี นแตล่ ะคู่รว่ มกนั อภิปรายตามประเดน็ ท่ีกาหนดให้ใน ใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง เวสสนั ดรชาดก มโหสถชาดก และมหาชนกชาดก 7. นกั เรียนแตล่ ะคู่รวมกลมุ่ กัน กลุ่มละ 4 คู่ แล้วผลัดกันแลกเปล่ยี นความคิดเห็นกันตามประเดน็ ที่ กาหนดในใบงานท่ี 2.1 แล้วชว่ ยกันสรุปเปน็ ขอ้ สรุปของกลุม่ 8. ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนผลดั กนั ออกมานาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน 9. ใหน้ กั เรียนวิเคราะห์พุทธประวัติ ขอ้ คิด และแบบอย่างการดาเนนิ ชีวิตจากชาดกท่ีได้ศกึ ษา แลว้ ร่วมกันสรุปความรู้ เพ่อื จัดนทิ รรศการเร่ือง คุณค่าพทุ ธประวัตแิ ละชาดก นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 สอื่ /แหลง่ กำรเรียนรู้ 9.1 ส่อื การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.4-ม.6 2) ภาพสังเวชนียสถาน 4 ภาพเนกขัมมสถูป ภาพพระสงฆร์ ว่ มประชุมทาสงั ฆกรรม 3) เอกสารเพม่ิ เตมิ สาหรบั ครู 4) บตั รคาทศชาติและทศบารมี 5) ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง วเิ คราะห์พระพุทธเจ้าในฐานะมนษุ ย์ผู้ฝกึ ตนไดอ้ ยา่ งสูงสุด 6) ใบงานที่ 1.2 เร่อื ง วิธกี ารสอนของพระพุทธเจ้า 7) ใบงานที่ 1.3 เรอ่ื ง การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาตามแนวพุทธจรยิ า 8) ใบงานท่ี 1.4 เร่ือง การบรหิ ารและธารงรกั ษาพระพุทธศาสนา 9) ใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง เวสสันดรชาดก มโหสถชาดก และมหาชนกชาดก 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) ห้องจริยธรรม หรอื ห้องพุทธศาสน์ 3) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.thaidhammajak.com/webboard/detail http://www.buddhadasa.org/html/article http://www.panyathai.or.th/wiki/jndex
208 แบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 คำชี้แจง ให้นกั เรียนเลือกคาตอบทถี่ กู ต้องที่สดุ เพยี งขอ้ เดยี ว 1. หลักสจั ธรรมอันประเสริฐท่ีพระพุทธเจา้ ทรงตรัสรู้เรยี กวา่ อะไร ก. อริยสัจ 4 ข. อรยิ ธรรม ค. อรยิ มรรค ง. อริยจักษุ 2. ความจริงท่วี ่าด้วยวธิ ปี ฏบิ ตั เิ พอ่ื ความดับทกุ ข์ คือความหมายของหลกั ธรรมในขอ้ ใด ก. ทกุ ข์ ข. สมุทยั ค. นโิ รธ ง. มรรค 3. นักเรยี นคดิ ว่า สิ่งทีส่ ุดาคิดใครค่ รวญตรงกบั หลักธรรมขอ้ ใดในอริยสจั 4 สุดามีความทกุ ขใ์ จ เพราะทาขอ้ สอบได้คะแนนน้อยทีส่ ุดในช้นั เรียน เธอจึงคิดใคร่ครวญหาสาเหตทุ ี่ทาให้เธอไดค้ ะแนนน้อย ซ่ึงก็เปน็ เพราะเธอ ไมย่ อมอา่ นหนงั สือกอ่ นสอบ ก. ทกุ ข์ ข. สมทุ ยั ค. นโิ รธ ง. มรรค 4. ทกุ ขท์ ี่ยง่ิ ใหญข่ องความเป็นมนษุ ยใ์ นทศั นะของพระพุทธศาสนา ไดแ้ ก่ขอ้ ใด ก. ทกุ ข์ท่ีเกดิ จากการพลัดพรากจากสิง่ ทีต่ นรัก ข. ทุกขท์ ่เี กิดจากความผิดหวงั ไม่ได้ในสิง่ ที่ปรารถนา ค. ทกุ ข์อันเกดิ จากความเกดิ ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ง. ทกุ ขอ์ นั เกดิ จากความล่มุ หลงในรปู รส กล่นิ เสียง และสมั ผัส 5. พระพุทธเจา้ ทรงตรัสรตู้ รงกับวันใด และขณะนั้นทรงมีพระชนมายุกพี่ รรษา ก. วันขึน้ 15 ค่า เดือน 6 ขณะทม่ี พี ระชนมายุ 35 พรรษา ข. วันขน้ึ 15 คา่ เดือน 8 ขณะทม่ี ีพระชนมายุ 35 พรรษา ค. วันข้นึ 15 คา่ เดอื น 6 ขณะที่มีพระชนมายุ 36 พรรษา ง. วันขึ้น 15 คา่ เดือน 8 ขณะท่มี ีพระชนมายุ 36 พรรษา
209 6. พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดแกใ่ ครเป็นครั้งแรก และ ณ สถานที่ใด ก. พระประยรู ญาติ ณ กรุงกบลิ พสั ดุ์ ข. ปญั จวคั คยี ์ ณ ป่าอิสปิ ตนมฤคทายวนั ค. พระพทุ ธมารดา ณ สวรรค์ชน้ั ดาวดึงส์ ง. พระสงฆ์จานวน 1,250 รปู ณ เวฬวุ นาราม 7. เพราะเหตุใด จงึ กล่าววา่ พระพุทธเจา้ เป็นแบบอย่างของมนุษย์ ผูใ้ ชค้ วามเพียรเพ่ือความดงี าม ก. เพราะพระองคท์ รงเพียรพยายามเทศนาสงั่ สอนมนุษยใ์ ห้พบแต่ความดงี าม ข. เพราะพระองค์ทรงเพียรพยายามในการทรมานตน ซ่ึงเปน็ สง่ิ ที่ทาได้ยากในคนทวั่ ไป ค. เพราะพระองคท์ รงใช้ความเพยี รพยายามและใช้สตปิ ญั ญาในการตรสั ร้ธู รรมจนบรรลคุ วามสาเรจ็ เปน็ พระพุทธเจา้ ง. เพราะพระองคท์ รงมคี วามเพียรพยายามสอนคนที่เตม็ ไปด้วยอวชิ ชาใหเ้ ข้าใจและซาบซง้ึ ใน พระธรรมคาสอน จนนาไปสู่ความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง 8. สงั เวชนยี สถาน มีความสาคัญในพระพุทธศาสนาอยา่ งไร ก. เป็นสถานท่ีสาคญั ท่ีเกีย่ วเนอ่ื งกบั พระพทุ ธเจา้ ข. เปน็ สถานทีท่ ่องเทย่ี วสาคญั ของประเทศอินเดยี ค. เปน็ สถานทท่ี าสมาธเิ จริญจิตภาวนาทดี่ ีทีส่ ุดของพทุ ธบริษัท ง. เปน็ สถานที่ทม่ี โี บราณสถานรว่ มสมยั ในยุคพุทธกาลมากท่ีสุด 9. มหาโพธเิ จดยี ์ มีความสัมพนั ธ์กับสงั เวชนียสถานในเร่อื งใด ก. เป็นที่ประสตู ิของพระพทุ ธเจ้า ข. เป็นที่ตรสั รขู้ องพระพทุ ธเจา้ ค. เปน็ ท่ีแสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้า ง. เป็นท่เี สด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจา้ 10. พทุ ธจริยา มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใดมากทส่ี ดุ ก. เรื่องราวของพระพุทธเจา้ ข. พระธรรมเทศนาของพระพทุ ธเจา้ ค. จริยาวตั รในการบาเพ็ญประโยชน์ของพระพุทธเจ้า ง. การดาเนินชีวิตของพระพุทธเจ้าในฐานะศาสดาเอกของโลก
210 11. จากเหตุการณ์เมอื่ คร้งั ท่พี ระพุทธเจ้าเสดจ็ ไปทรงโปรดพระญาติ ทก่ี รุงกบลิ พัสด์ุ ซ่ึงกาลงั จะทา สงครามแย่งชิงนา้ ในแม่น้าโรหณิ ี จนสามารถปรองดองกนั ได้นน้ั จัดเปน็ พุทธจรยิ าในขอ้ ใด ก. โลกตั ถจริยา ข. ญาตัตถจริยา ค. พุทธตั ถจริยา ง. เทวทัตถจรยิ า 12. ขอ้ ใดไม่ถือเปน็ พุทธภารกจิ ของพระพทุ ธเจา้ ก. การตอบปัญหาเทวดาทม่ี าเฝา้ ข. การแสดงธรรมโปรดประชาชน ค. การเสดจ็ ออกรับบิณฑบาตโปรดสรรพสตั ว์ ง. การเจรญิ สมั พนั ธไมตรีกบั บรรดาผู้นาของศาสนาต่างๆ 13. การกระทาของบคุ คลในขอ้ ใด ถือว่าเปน็ ตวั อย่างของพุทธบริษทั ท่ดี ีทสี่ ุด ก. ดารา มกั ชวนเพ่ือนสนทิ ไปทาบุญที่วดั เสมอ ข. สรุ ยิ ะ เปน็ อาสาสมคั รไปทาความสะอาดวดั ตามชนบท ค. จันทรา ศกึ ษาและปฏิบัติตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาอย่างสมา่ เสมอ ง. ศศธิ ร ชอบทาบญุ ด้วยการพิมพห์ นงั สอื ธรรมะไปแจกตามวดั และสถานศึกษาต่างๆ 14. คาวา่ “ชาดก” มีความหมายตรงกบั ข้อใดมากท่ีสุด ก. นทิ านท่มี คี ติสอนใจ ข. เรอ่ื งเล่าในพระพุทธศาสนา ค. หนึ่งในคัมภีรท์ ว่ี า่ ดว้ ยพุทธประวัติของพระพทุ ธเจ้า ง. การเวยี นวา่ ยตายเกดิ ของพระพุทธเจ้าในภพชาตติ ่างๆ 15. ทศชาติกับทศบารมีในข้อใดที่ ไม่สัมพนั ธก์ ัน ก. เตมียชาดก – ศีลบารมี ข. วธิ ุรชาดก – สจั จบารมี ค. มหาชนกชาดก – วิรยิ บารมี ง. เวสสนั ดรชาดก – ทานบารมี 16. พระชาติสุดทา้ ยก่อนทพี่ ระโพธสิ ตั วจ์ ะเสด็จลงมาตรสั รูเ้ ปน็ พระพุทธเจา้ คือพระชาตทิ ่ีปรากฏอยู่ใน ชาดกเรื่องใด ก. มหาชนกชาดก ข. เวสสนั ดรชาดก ค. มโหสถชาดก ง. ภรู ิทัตตชาดก
211 17. รงุ่ โรจน์ เป็นเด็กท่เี รียนหนงั สือไม่เกง่ แตเ่ ขาก็ไดใ้ ชค้ วามเพยี รพยายามในการอ่านหนังสือ เพอ่ื หา ความรเู้ พ่ิมเติม และในทีส่ ุดเขาก็สามารถทาคะแนนสอบไดม้ ากท่ีสุดของชนั้ เรียน นกั เรียนคิดว่า รงุ่ โรจน์ มีการใช้หลกั ธรรมทีส่ อดคลอ้ งกบั ทศชาติชาดกในขอ้ ใด ก. มหาชนกชาดก ข. มโหสถชาดก ค. เวสสันดรชาดก ง. จนั ทกมุ ารชาดก 18. นกั เรยี นคิดวา่ คากล่าวใดเหมาะสมกับเรอื่ งราวในมโหสถชาดกมากที่สุด ก. รรู้ ักษาตวั รอดเปน็ ยอดดี ข. มปี ัญญาดงั่ มที รพั ย์อยนู่ ับแสน ค. หนทางพสิ ูจน์มา้ กาลเวลาพิสูจนค์ น ง. ความพยายามอย่ทู ีไ่ หน ความสาเรจ็ อยู่ทนี่ น่ั 19. ขอ้ ใดเปน็ เหตผุ ลสาคัญท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธรรม แลว้ ยกตัวอย่างในชาดกประกอบ ก. เพื่อทาให้คาสอนมีความนา่ สนใจ ข. เพื่อเปน็ การสรา้ งความเขา้ ใจในธรรมท่ที รงแสดง ค. เพื่อเป็นตัวอย่างประกอบ สาหรับให้เห็นภาพอยา่ งชัดเจน ง. เพอ่ื เปน็ ขอ้ คิดคติธรรมสอนใจ ซ่ึงมแี ฝงอยใู่ นชาดกเร่อื งตา่ งๆ ทท่ี รงแสดง 20. คุณค่าท่ีสาคญั ท่ีสดุ ของชาดก ไดแ้ กข่ อ้ ใด ก. ความบันเทงิ จากเน้ือเรื่องในชาดก ข. สานวนภาษาทส่ี ละสลวยซ่งึ มอี ยใู่ นชาดก ค. ขอ้ คิด คตสิ อนใจจากเรื่องราวต่างๆในชาดก ง. เปน็ การร่วมสืบสานเรื่องราวในพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ เฉลย 1. ก 2. ง 3. ข 4. ค 5. ก 6. ข 7. ค 8. ก 9. ข 10. ค 11. ข 12. ง 13. ค 14. ง 15. ก 16. ข 17. ก 18. ข 19. ง 20. ค
212 แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 10 หน่วยท่ี 2 พุทธประวตั ิและชาดก เรือ่ ง พุทธประวตั ิ สาระการเรยี นร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 4 ชวั่ โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 ผู้สอน นายยงยทุ ธ์ ออ่ นนวล ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด การศกึ ษาพุทธประวตั ิถือเปน็ หนา้ ทีส่ าคญั ประการหน่ึงของพทุ ธศาสนกิ ชนท่ีพงึ กระทา เพราะนอกจาก จะไดเ้ รียนรูพ้ ทุ ธประวตั ขิ องพระพทุ ธเจา้ แลว้ สามารถนาแบบอย่างพระจรยิ าวัตรของพระองค์ มาประยกุ ตใ์ ช้ ในชีวิตประจาวนั ได้อกี ด้วย ตัวชว้ี ดั /จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 ตัวช้วี ดั ส 1.1 ม.4- 6/2 วิเคราะหพ์ ระพทุ ธเจ้าในฐานะเป็นมนษุ ยผ์ ฝู้ กึ ฝนตนได้อย่างสงู สุดในการ ตรสั ร้กู ารก่อตั้ง วิธีการสอน และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือวิเคราะห์ ประวัติศาสดาท่ตี นนบั ถอื ตามทกี่ าหนด ม.4-6/3 วเิ คราะหพ์ ุทธประวตั ิด้านการบรหิ ารและการธารงรกั ษาศาสนา หรอื วเิ คราะห์ ประวัติศาสดาทีต่ นนบั ถอื ตามทีก่ าหนด 2.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) อธิบายการตรัสรูแ้ ละการกอ่ ต้ังพระพทุ ธศาสนาได้ 2) วเิ คราะหพ์ ระพทุ ธเจ้าในฐานะเป็นมนุษยผ์ ้ฝู กึ ตนได้อยา่ งสูงสดุ 3) อธิบายวิธีการสอนของพระพุทธเจ้าได้ 4) อธบิ ายการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาตามแนวพทุ ธจรยิ าได้ 5) อธบิ ายการบริหารและการธารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาได้ สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 1) พระพทุ ธเจ้าในฐานะเป็นมนษุ ย์ผ้ฝู กึ ตนได้อยา่ งสงู สุด (การตรัสรู้) 2) การกอ่ ตั้งพระพทุ ธสาสนา วิธีการสอน และการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาตามแนวพุทธจริยา 3) พทุ ธประวตั ดิ า้ นการบริหารและการธารงรกั ษาพระพุทธศาสนา 3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน - สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
213 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคดิ วิเคราะห์ - ทักษะการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ 4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ - กระบวนการทางานกลุม่ - กระบวนการสบื ค้น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 4. มวี นิ ยั 5. ใฝเ่ รียนรู้ 6. มงุ่ มัน่ ในการทางาน กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (วธิ ีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการคิดวเิ คราะห)์ นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ช่ัวโมงท่ี 1-2 1. ครูนาภาพสงั เวชนยี สถานทั้ง 4 แห่ง มาให้นักเรียนดู แลว้ ใหน้ ักเรียนร่วมกนั อภปิ รายวา่ สงั เวชนยี สถานท้ัง 4 มคี วามเก่ียวข้องกับพทุ ธประวัตอิ ยา่ งไรบ้าง 2. ครเู ลอื กภาพ “มหาโพธเิ จดีย์” ทพี่ ุทธคยา ซึ่งเปน็ หนึ่งในสังเวชนยี สถาน 4 มาใหน้ ักเรยี นดู พรอ้ มทงั้ อธบิ ายให้นกั เรยี นทราบความสาคัญของสถานทแี่ ห่งนวี้ า่ เปน็ สถานทต่ี รสั รูข้ อง พระพทุ ธเจา้ ในวันเพญ็ ขน้ึ 15 ค่า เดือน 6 3. ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั ตอบวา่ ธรรมะที่พระพทุ ธเจ้าทรงตรสั รูน้ ้ัน เรียกว่าอะไร และประกอบดว้ ย หลกั ธรรมขอ้ ไหนบา้ ง โดยครูเปน็ ผชู้ ่วยสรุปและอธบิ ายให้นกั เรยี นทราบวา่ ธรรมะที่ พระพุทธเจา้ ทรงตรสั รูน้ ้นั คอื สัจธรรมท่ีเปน็ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ทเ่ี รียกว่า อรยิ สัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค 4. ครนู าภาพ “เนกขมั มสถูป” ทีเ่ มอื งพาราณสี ซง่ึ เป็นสงั เวชนยี สถานท่พี ระพุทธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนา มาใหน้ กั เรยี นดู แล้วให้นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายวา่ ธรรมะที่พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ ปญั จวัคคยี เ์ ปน็ คร้งั แรกน้นั มชี อ่ื วา่ อะไร และมเี นอื้ หาสาคัญอย่างไร 5. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ ให้นกั เรยี นตระหนกั ถึงความสาคญั ของหลกั ธรรมที่เรยี กว่า “ธัมมจักกปั ปวตั ตนสูตร” ท่ีพระพทุ ธเจ้าทรงแสดงโปรดแก่ปัญจวัคคยี ์ ซงึ่ ถือวา่ เป็นการประกาศและก่อต้ังพระพุทธศาสนาข้ึน เป็นครง้ั แรกหลังจากทพี่ ระองคท์ รงตรสั รู้ 6. ครูแบง่ นกั เรยี นเป็นกลุม่ กลุ่มละ 8 คน คละกนั ตามความสามารถ แลว้ ให้สมาชิกแต่ละกล่มุ จับคู่ กัน
214 7. ให้นกั เรยี นแตล่ ะค่ใู นกล่มุ ศกึ ษาความรู้ตามทค่ี รูมอบหมายและทาใบงาน ดังต่อไปนี้ - คู่ท่ี 1 ศึกษาความรู้เรือ่ ง พระพทุ ธเจา้ ในฐานะมนษุ ย์ผฝู้ กึ ตนได้อยา่ งสูงสุด และทาใบงาน ที่ 1.1 เร่อื ง วิเคราะห์พระพทุ ธเจา้ ในฐานะผฝู้ กึ ตนไดอ้ ยา่ งสงู สดุ - คทู่ ่ี 2 ศึกษาความรู้เร่ือง วิธีการสอนของพระพทุ ธเจา้ และทาใบงานที่ 1.2 เรอื่ ง วธิ กี าร สอนของพระพทุ ธเจา้ - คู่ที่ 3 ศึกษาความรู้เรอ่ื ง การเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามแนวพุทธจรยิ า และทาใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาตามแนวพุทธจริยา - คูท่ ี่ 4 ศึกษาความรู้เรอื่ ง การบริหารและธารงรักษาพระพุทธศาสนา และทาใบงานท่ี 1.4 เรือ่ ง การบรหิ ารและธารงรกั ษาพระพุทธศาสนา ชัว่ โมงท่ี 3 1. ใหน้ กั เรยี นแต่ละคชู่ ว่ ยกนั ตรวจความถกู ตอ้ งของใบงานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 2. นกั เรียนแตล่ ะคูภ่ ายในกลมุ่ ผลดั กันอธิบายความรู้ทตี่ นไดศ้ กึ ษาและจากการทาใบงานตามหัวขอ้ เร่อื งดังกล่าว โดยใหเ้ พื่อนค่อู ่นื ซักถามขอ้ สงสัย 3. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ และสรุปให้นักเรยี นเขา้ ใจถึงความสาคัญของการศกึ ษาพทุ ธประวตั ิของ พระพทุ ธเจา้ ซงึ่ จะช่วยทาให้เข้าใจสภาพสังคมในสมยั พุทธกาล อนั เปน็ ประโยชน์ตอ่ การ วเิ คราะห์คาสอนในพระพุทธศาสนาและพุทธจรยิ าวตั รทท่ี รงปฏบิ ัตติ อ่ โลกได้เปน็ อย่างดี กำรวดั และประเมนิ ผล วิธกี ำร เคร่ืองมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น แบบทดสอบกอ่ นเรียน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.2 ใบงานท่ี 1.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 1.3 ใบงานที่ 1.3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 1.4 ใบงานท่ี 1.4 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สอ่ื /แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี น พระพุทธศาสนา ม.4-ม.6
215 2) ตัวอยา่ งสอ่ื ประกอบการสอน 3) เอกสารเพม่ิ เตมิ สาหรบั ครู 4) ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง วเิ คราะหพ์ ระพุทธเจา้ ในฐานะมนุษย์ผฝู้ ึกตนไดอ้ ยา่ งสูงสุด 5) ใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง วธิ ีการสอนของพระพทุ ธเจา้ 6) ใบงานที่ 1.3 เรื่อง การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาตามแนวพทุ ธจรยิ า 7) ใบงานท่ี 1.4 เรื่อง การบริหารและธารงรักษาพระพทุ ธศาสนา 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องสมดุ 2) ห้องจรยิ ธรรม หรอื ห้องพทุ ธศาสน์ 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://www.thaidhammajak.com/webboard/detail http://www.buddhadasa.org/html/article http://www.panyathai.or.th/wiki/jndex
216 ตัวอย่ำงส่ือประกอบกำรสอน สังเวชนียสถาน 4 เนกขมั มสถูป พระสงฆร์ ว่ มประชมุ ทาสงั ฆกรรม
217 เอกสำรเพมิ่ เตมิ สำหรบั ครู เร่ือง สังเวชนยี สถำน 4 สงั เวชนยี สถำน 4 แปลว่า สถานท่อี นั เป็นทต่ี ั้งแหง่ ความสงั เวช คอื เปน็ สถานท่ีทาใหเ้ กดิ ความระลกึ นึกถงึ พระพทุ ธเจา้ เกิดความแชม่ ชื่นเบิกบาน เกิดแรงบันดาลใจท่ีจะกระทาความดี เมือ่ ได้ไปพบเหน็ เป็นคาที่ ใช้เรียกสถานที่ที่เก่ียวเน่ืองกับพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ สาหรับสังเวชนียสถานท่ีสาคัญส่วนใหญอ่ ยู่ในประเทศ อินเดยี ได้แก่ สถำนที่ประสูติ ตั้งอยู่ท่ีสวนลุมพินีวัน อาเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล เป็นพุทธสังเวชนีย สถาน 4 ตาบลเพยี งแหง่ เดยี วท่อี ยู่นอกประเทศอินเดยี ลุมพนิ ีวัน เดิมเปน็ สวนปา่ สาธารณะหรือวโนทยานท่ีร่ม ร่ืนเหมาะแก่การพักผ่อน ในสมัยพุทธกาลลุมพินีวนั ต้ังอยู่กึง่ กลางระหวา่ งเมืองกบิลพัสดุ์ กับเมืองเทวทหะ ใน แคว้นสักกะ บนฝัง่ แม่น้าโรหิณี หลงั จากพระพุทธเจา้ ปรนิ ิพพานแล้ว พระเจ้าอโศกมหาราชได้โปรดให้สร้างเสา หินขนาดใหญ่มาปักไว้ตรงบริเวณท่ีประสูติ เรียกว่า เสาอโศก ที่จารึกข้อความเป็นอักษรพราหมีว่า พระพุทธเจา้ ประสูตทิ ต่ี รงน้ี สถำนท่ตี รัสรู้ ตั้งอย่ทู พ่ี ุทธคยา ทางด้านตะวันตกของแมน่ ้าเนรญั ชรา ไกลจากฝ่ังแม่น้าประมาณ 350 เมตร (นับจากพระแทน่ วชั รอาสน์) พุทธคยามีสญั ลักษณ์ที่สาคญั คอื องคเ์ จดยี ส์ ี่เหล่ยี มทีส่ ูงใหญ่ โดยสงู ถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 121.29 เมตร ล้อมรอบด้วยโบราณวัตถุ โบราณสถานสาคญั เช่น ตน้ พระศรีมหา โพธิ์ พระแทน่ วชั รอาสน์ ที่ประทับตรสั รู้ และอนมิ ิสสเจดีย์ เป็นตน้ สถำนที่แสดงปฐมเทศนำ ตั้งอยู่ท่ีอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี (ปัจจุบันเรียกว่า สารนาถ) ภายในสถานที่แหง่ นี้มี ธรรมเมกขสถูป ซ่ึงเป็นพทุ ธสถานขนาดใหญท่ ่ีสุดและสาคัญที่สุด สันนิษฐานว่าบริเวณ ที่ต้ังของธรรมเมกขสถูป เป็นสถานท่ีพระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาประกาศพระสัจธรรมเป็นครั้งแรก ณ สถานที่ แห่งนี้ สถำนที่ปรนิ ิพพำน ตั้งอย่ทู ก่ี ุสินารา ซึง่ ในสมัยพุทธกาลเป็นเมอื งเอกของแควน้ มลั ละ และยังเป็นที่ตั้ง ของสาลวโนทยานและมกฎุ พนั ธเจดีย์ อนั เป็นสถานทีเ่ สด็จดบั ขันธปรนิ ิพพานและถวายพระเพลงิ พระพุทธเจ้า ปัจจุบันกุสินารา มีอนุสรณ์สถานท่ีสาคัญคือ สถูปใหญ่ ซ่ึงพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรม สารีริกธาตุ วิหารปรินิพพานซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรปู ปางปรินิพพานอยู่ภายในและมีซากศาสนสถาน โบราณโดยรอบมากมาย
218 ใบงานที่ 1.1 วิเครำะห์พระพุทธเจำ้ ในฐำนะมนุษยผ์ ้ฝู ึกตนได้อย่ำงสูงสดุ คำชี้แจง อธิบายข้อความท่ีกาหนดให้ พรอ้ มกับยกตวั อย่างประกอบ พระพทุ ธเจ้าเช่ือม่นั มนุษยป์ ระเสริฐสงู สุด ในศักยภาพของมนุษย์ ไดด้ ว้ ยการฝึ ก พระพุทธเจ้า ในฐานะมนุษยผ์ ู้ ฝึ ก ตนได้อย่างสูงสุด พระพุทธเจ้าเป็ นแบบอยา่ ง ของมนษุ ยผ์ ู้ใช้ความเพียรเพื่อความดีงาม ใบงานท่ี 1.1
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265