กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา 256๖ นางสาวอทติ ยิ า เหลาศรี ตาแหนง่ ครผู ชู้ ่วย โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 33 จงั หวัดลพบรุ ี สังกดั สานักงานการศกึ ษาพิเศษ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
บันทกึ ข้อความ ส่วนราชการ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๓ จังหวดั ลพบุรี ที่ ………………………………..……..…….. ลงวันท่ี ๙ เดอื น มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เร่ือง ขออนมุ ตั ิใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ เรียน ผ้อู านวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๓ จังหวดั ลพบุรี ขา้ พเจา้ นางสาวอทิตยิ า เหลาศรี ตาแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ไดร้ บั มอบหมายให้ ปฏิบัติการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๑ จานวน 1.5 หน่วยกิต ในภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ ข้าพเจ้าได้วิเคราะห์ สาระ และมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด คาอธิบายรายวิชา โครงสร้าง รายวชิ าเพอื่ จัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ซึง่ สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๓ จังหวัดลพบุรี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ ๒๕๖๐) โดยจัด กิจกรรมการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ดังน้ันจึงขออนุมัติใช้แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทยรหัสวิชา ท ๒๑๑๐๑ ดังกล่าวเพ่ือใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพสงู สุด และเพอ่ื พฒั นาคุณภาพผ้เู รียนให้บรรลเุ ปา้ หมายของหลักสตู รฯ ต่อไป จงึ เรยี นมาเพื่อทราบและพิจารณา ลงชอื่ ……………………………………………….. (นางสาวอทติ ิยา เหลาศรี) ครู ความเห็น ความเหน็ (กลุ่มบริหารวิชาการ) ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ (นางสาวอทิตยิ า เหลาศรี) (นางสาวทวที รพั ย์ จนั ทรทิพย์) หัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย รองผ้อู านวยการโรงเรียน ความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น อนมุ ัตใิ ห้ใช้แผนการจดั การเรียนร้ไู ด้ ไม่อนุมัติ เพราะ .......................................................................... (นายประเวศ ท่งั จนั ทร์แดง) ผอู้ านวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๓ จงั หวดั ลพบุรี
๓ 3ช คาอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ วิชา ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต ............................................................. ศึกษาหลักการอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง การอา่ นจับใจความสาคญั ระบุเหตุและผล และข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็นจากเร่ืองท่ีอ่าน การอ่านตีความ ศึกษาข้อสังเกตและความสมเหตุสมผลของงาน เขียนประเภทชักจูงใจโน้มน้าวใจ เขา้ ใจลักษณะของเสียงในภาษาไทย ชนิดของคาในภาษาไทย จาแนกและใช้ สานวนท่ีเป็นคาพังเพยและสุภาษิต อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน รวมท้ังสรุปความรู้และ ข้อคิดจากการอา่ นเพื่อประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตจรงิ คัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด เขียนเรียงความ เขียนย่อความจากเรื่องที่อ่าน เขียนแสดงความ คิดเห็นเก่ียวกับสาระจากสื่อท่ีได้รับ เล่าเร่ืองย่อจากเร่ืองที่ฟังและดู พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ เกี่ยวกับเรื่องที่ฟงั และดู พูดรายงานเร่อื งหรือประเด็นท่ีศึกษาค้นควา้ จากการฟัง การดแู ละการสนทนา แต่งบท ร้อยกรอง สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองท่ีมี คุณคา่ ตามความสนใจ โดยใชก้ ระบวนการส่ือสารภาษาไทยท่หี ลากหลายและเหมาะสม มมี ารยาทในการอ่าน มีมารยาทในการเขียน มีมารยาทในการฟัง การดู การพูด รวมทั้งมีคุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ รหัสตวั ชี้วัด ท๑.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๙ ท๒.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๙ ท๓.๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ท๔.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๓ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ท๕.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ รวมท้ังสิ้น ๒๓ ตัวชว้ี ดั
โครงสร้างรายวิชา รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ รายวิชาภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต หน่วยที่ ช่ือหนว่ ย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอดและ เวลา น้าหนัก ๑. (ชว่ั โมง) คะแนน การเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ๒. ๑๒ ๑๐ ๓. พน้ื ฐานอ่าน ท๑.๑ ม.๑/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ๔. ๑๒ ๑๐ เขียน ม.๑/๒ เหมาะสมกับเรื่องท่ีอ่าน จบั ใจความสาคญั จากเรอ่ื งทอี่ ่าน ๑๒ ๑๐ ม.๑/๓ ระบุเหตุและผลและข้อเทจ็ จริงกับข้อคิดเหน็ จากเร่ืองที่ ๑๒ ๑๐ ม.๑/๙ อา่ น มีมารยาทในการอา่ น คัดลายมอื ตัวบรรจงครงึ่ ท๒.๑ ม.๑/๑ บรรทดั เลา่ เร่ืองย่อจากเร่ืองท่ีฟังและดู อธบิ ายลักษณะ ท๓.๑ ม.๑/๒ ของเสียงในภาษาไทย ท่องจาบทอาขยานตามทก่ี าหนด ท๔.๑ ม.๑/๑ และบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ ท๕.๑ ม.๑/๕ เรยี นรู้ ท๑.๑ ม.๑/๕ ตีความคายากในเอกสารวชิ าการโดยพิจารณาจากบรบิ ท สุภาษติ ท๒.๑ ม.๑/๔ เขียนเรียงความมมี ารยาทในการเขียน พูดรายงานเร่ือง ม.๑/๙ หรอื ประเด็นท่ีศกึ ษาค้นคว้าจากการฟังการดูและการ ท๓.๑ ม.๑/๕ สนทนา มีมารยาทในการฟัง การดู การพูด จาแนกและใช้ ม.๑/๖ สานวนทเ่ี ป็นคาพังเพยและสุภาษิต สรปุ ความรู้และขอ้ คิด ท๔.๑ ม.๑/๖ จากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชวี ติ จริง ท๕.๑ ม.๑/๔ พนิ ิจพจิ ารณ์ ท๑.๑ ม๑/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ท๒.๑ ม๑/๖ ม๑/๙ เหมาะสมกบั เรื่องที่อ่าน เขยี นแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับ ท๓.๑ ม๑/๓ ม๑/๖ สาระจากสอ่ื ทไี่ ด้รับ มมี ารยาทในการเขยี น พดู แสดง ท๔.๑ ม๑/๓ เรอื่ งท่ีฟังและดู มีมารยาทในการฟังแสดงความคดิ เห็น ท๕.๑ ม ๑/๑ อยา่ งสรา้ งสรรคเ์ กี่ยวกบั เรื่องทฟ่ี งั และดู มมี ารยาทในการ ม๑/๓ ฟงั และดู การพดู ชนิดและหน้าทข่ี องคา อธบิ ายคณุ ค่า ม๑/๕ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอี่ า่ น นิทาน ท๑.๑ ม๑/๑ ม.๑/๒ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง สารพัน ท๒.๑ ม๑/๕ ม๑/๙ เหมาะสมกบั เรอื่ งท่ีอ่าน จบั ใจความสาคญั จากเรือ่ งที่อา่ น ท๓.๑ ม๑/๕ ม๑/๖ เขยี นบทยอ่ ความจากเรอ่ื งท่ีอ่าน มมี ารยาทในการเขียน ท๔.๑ ม๑/๓ พดู รายงานเรื่องหรือประเดน็ ท่ีศกึ ษาค้นคว้าจากการฟัง ท๕.๑ ม ๑/๑ การดแู ละการสนทนา มีมารยาทในการฟัง การดู การพูด ชนิดและหนา้ ทขี่ องคา สรุปเนื้อหาวรรณคดีและ วรรณกรรมที่อา่ น
หนว่ ยท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอดและ เวลา น้าหนกั ๕. การเรียนรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สรา้ งสรรค์ ๑๒ ๑๐ บทกวี ท๑.๑ ม.๑/๑ม.๑/๕ ตีความคายากในเอกสารวชิ าการโดยพิจารณาจากบริบท ๖๐ ๑๐๐ ท๒.๑ ม.๑/๖ ม.๑/๙ ระบขุ ้อสังเกตและความสมเหตุสมผลของงานเขยี นและ ท๓.๑ ม.๑/๓ ม.๑/๖ ประเภทชักจงู ใจโนม้ น้าวใจ เขยี นแสดงความคิดเหน็ ท๔.๑ ม.๑/๕ เกีย่ วกับสาระจากสอ่ื ทไ่ี ด้รบั มีมารยาทในการเขยี น พดู ท๕.๑ ม.๑/๑ แสดงความคดิ เห็นอย่างสร้างสรรค์เกย่ี วกบั เรือ่ งที่ฟงั และ ดู การพดู แตง่ บทร้อยกรอง สรปุ เน้อื หาวรรณคดีและ วรรณกรรมท่ีอ่าน รวมตลอดภาคเรียน
15 ๘ กหลน่มุ่วหกสยลนาก่มุร่วาะสรยกเากราราียระรนเกเรรรายี ทู้ียรนน่ีเรร๑รวู้ยี ทู้ เิชนรี่ าร๑ื่อภภู้วงาเิชารพษษาอ่ื ้ืนภาางไฐไาททพษายยนื้นาอไฐทา่านยนเอข่าียนนเขียน เรอ่ื รงายกเแรวาผื่อิชรนงาอรแกา่ากพผานยาน้ืนรวอรจฐกอชิอดัาาาากนกรนพเจพสาภอนื้ รัดยีาื้นอฐเกงษรฐการายีาาเน้อรสไนนภยทเยีรรภแายงยทู้ี าษกบนี่ษ้ว๑าทราไทูรไทอท่ี ย๑ยยแกว ชเน้ัวมลาัธยชมเ๑้ันวศมลชกึ าธั ั่วษยโามม๑ปงศีทชกึ ่ี่วัษโ๑ามปงีที่ ๑ ขอบขเขอตบเเนข้ือตหเนา้ือหา กจิ กรรกมจิ กการรเรมียกนารู้เรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ ความคหวามมายหขมอางยกขาอรงอกา่ านรออ่ากนเอสอยี กงเสียง ขน้ั นำข้ันนา ๑. หนงั สือเรียนนภภาาษษาาไไททยยชชั้นั้นมมัธธั ยยมมศศึกึกษษาาปปีทีที่ ๑ี่ ๑ จดุดา้๑ห๒นปล..จดครกัออดุา้ห๑ะวเธธกนสปาบิบิล.ณมคงรกัอาาคะรวยยฑเธก์กู้สาคหบิ์กณามงวลาารคารยักฑรเมก์ู้อครก์กหายี่าวาารนมรนารเอมอาอรรยา่หอู้ยี่านขนกมนออเอารสงอยอู้ ียกกขกงาเอเรสรสง้ออยี ียกย่างงานรแรรอ้กออ้อยว้อยา่ แกนแกเกอส้ว้วอยีไดกง้ไเสดยี้ งได้ ๑. คหยหกราลคตา้า้ ูในมมด่อล๑หด้ีผผาไ.น้ปงี/ู้หู้หคคกกักแนญญรรลเนิคีู้รูใิงงิดลแหยีกใใลงสสน้นร้วคก่ก่บัอกั แราาอเขูงงรกคเเ็งียกกกเรแนสรงงั้งรยีับอใ/คงนใงอร/นค/ไากคเเมำวววเรอส่มลลง้ั า่ยีโีขาาครนงททลรคคแาำำาภลาวงงดยัอาาะเเขนน่าปขบนลรลยี าแะาดลโดเยคะบเคขลปียตลารน่องาะแไโปคยนคลี้ง รแ้อก๓๔๒๕๒๓๔ย้ว.......แบใคใบคใกบบบำทาท้วคงอคอออาว่าว่า่านา่านานนนมมแแเจจรรรลลำู้าือู่้ะเนะเนงรปรปว่ือวอื่กรนรนงงะาะหหโ๖รโ๖ลยอลยกัคบา่คกับกนทกทาอารอรออก่า่าเนสนอียอองอรกกอ้ เเสยสยีแียงกงบ้วบททร้อย ดา้ นท๒ักษ. อะธกบิระาบยหวนลักการารอา่ นออกเสยี งรอ้ ยแก้วได้ ยานีด้ ี/หก้านิ มแผลู้หวแญขิงง็ใ/สแก่ รางงไเมกม่ งี/โใรนคเวภลัยาเบทียางดาเนบียน ภา๕ร.ะใงบางนา/นช้นิเรงือ่ างนการอา่ นออกเสยี งรอ้ ยแก้ว นักดเร้าียนนทสักาษมะากรถระอบ่านวรนอ้ กยาแรกว้ ได้ถูกต้องและ ๒. นกั เรยี นหแา้ สมดผงหู้ คญวงิาใมสค่กิดาเงหเก็นงจใานก/กเวาลรอาทอกางเสานยี งคำ ภคาระูมงอาบนห/มชา้นิ ยงใาหน้นกั เรียนฝกึ อา่ นออกเสยี งบท เดหา้๒๓๑มน...าเดคใรมหะฝา้๑นณุักวีสมน่เคินกั.รมลาควเมยียัะกักราุณนีวสับียษมินรมเลนณเรู้ยัปกกัสื่อะบั็นษางมเไอณรทา่าือ่ ยะรนงถออ่าา่ นนร้อยแก้วได้ถกู ต้องและ ขอวา่อ้นั๑๒ถกส..กู เอนนสตนกักัวียอ้ า่เเง๒งรรถบห.ียยี กู ทรนนนยยตอืรแศาากั ้อ้อไนนบึกเมงยร้ีดี้ดษ่งหแ่ียแกี/ี/ารลนกกกลใือะว้แบินนิุ่มไปสคมแแอรดวลล่แอะงาว้้วลกโคมยแแะเวปรคขขปาู้เ็นสง็็งรรม/แือ่ือ่ะค๖แรคงโิดรงยวกหง/เคาหไไลลสมมมน็ุ่มกั ื่อไม่่มแจดกคี/ีโลาอ้ารโวกรว้รคยาคอใกา่ภมห่าภางไัยแ้นไรดัยเรตอบอ้เบล่อยียะยีกด่าดเงเสบไเบยีรียงยี นคนา รอ้ คยรแูมกอว้ บนหอมกาเวยลใหาเน้ รกัยี เนรยี นฝึกอา่ นออกเสยี งบทร้อย กลุ่มส่งขต้ันวั สแทอนมาจับสลาก เพอื่ เลอื กบทอ่าน แก้วนอกเวลาเรยี น ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓. รกั ความเปน็ ไทย ๑. นกั เรยี นศกึ ษาใบความรเู้ รอื่ ง หลักการอา่ น ออกเสยี งบทร้อยแก้ว ๒. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ออกเป็น ๖ กลุ่มแลว้ ใหแ้ ต่ละ กลุ่มส่งตวั แทนมาจบั สลาก เพ่ือเลอื กบทอ่าน 185
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ เรือ่ ง พน้ื ฐานอา่ นเขียน แผนการจดั การเรียนรูที่ ๑ 16 กลุ่มสาระการเรยี นร้ภูวิชาษาภาไาทษยาไทย เรื่อง การอานออกเสยี งบทรอ ยแกว เวลา ๑ ช่ัวโมง รายวิชาพพ้นื ื้นฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ๓. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ฝึกซ้อมอา่ นบทร้อยแก้วโดย มีครูคอยแนะนา ๔. ครูใหน้ กั เรยี นส่งตวั แทนของแต่ละกลุ่มออกมา อ่านหน้าชนั้ เรยี นโดยเพ่ือน ๆ ช่วยกันประเมนิ การอ่าน แล้วใหน้ ักเรยี นปรับปรงุ แกไ้ ขการอ่าน ๕. นกั เรียนช่วยกันประเมินการอา่ น แล้วนา ข้อเสนอแนะมาปรับปรงุ การอ่าน โดยครูชว่ ย เสนอแนะแก้ไขเพมิ่ เติม ๖. นกั เรยี นทาใบงาน เรื่อง การอ่านออกเสียง รอ้ ยแกว้ ขนั้ สรุป นกั เรยี นสรปุ หลักการอ่านและวธิ ีการอา่ น บทร้อยแก้ว การเตรยี มตวั ก่อนการอา่ นออกเสยี ง และมารยาทในการอ่าน ครูอธิบายเสริมและนกั เรียน ฝึกฝนเพ่ิมเติม 196
17 1170 การวดั และประเมนิ ผล ส่ิงท่ีต้องการวัด/ประเมนิ วิธีการ เครือ่ งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ผา่ นเกณฑ์การประเมิน อธิบายหลักการอ่าน ตรวจใบงาน เร่อื ง ใบงาน เรือ่ ง การอ่าน รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ออกเสียงร้อยแก้วได้ถูกต้อง การอา่ นออกเสยี ง ออกเสยี งรอ้ ยแก้ว ร้อยแกว้ ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ แบบประเมินจาก รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป อา่ นร้อยแกว้ ได้ถูกต้องและ ประเมนิ จากการอา่ น การอา่ นออกเสยี ง เหมาะสมกับเรื่องอา่ น ออกเสยี งบทร้อยแกว้ บทร้อยแก้ว ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ ระดบั ๒ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมนิ ๑. มีวนิ ัย คุณลักษณะ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. รักความเปน็ ไทย ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ................................................................................................................................ .............................................. ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ ......................................ผตู้ รวจ (.........................................................) วันท่ี..........เดือน..................................พ.ศ…...….
11 11 ใบความรู้ เรือ่ ง การอา่ นออกเสียงร้อยแก้ว . หนว่ ยที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ เรือ่ ง การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ การอา่ นออกเสยี ง ๑. ความหมายของการอา่ นออกเสยี ง การอา่ นออกเสยี ง คอื การเปลง่ เสียงตามตัวอกั ษร ถ้อยคำ และเครือ่ งหมายต่าง ๆ ทีก่ ำหนดไว้ให้ ถกู ต้อง ชัดเจน แกผ่ ู้ฟงั การอา่ นออกเสยี งถอื เป็นการส่ือความหมายทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ “ทักษะ” (วาสนา บุญสม, ๒๕๔๑ : ๒๒) ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑.๑ เกดิ ทักษะการเปลง่ เสยี งให้ชดั เจน ๑.๒ เกิดทักษะการใช้อวัยวะทอ่ี อกเสยี งไดถ้ กู ตอ้ ง ๑.๓ เกดิ ทกั ษะการออกเสยี งควบกลำ้ ไดถ้ ูกตอ้ ง ชัดเจนยิ่งขนึ้ ๑.๔ เกดิ ทักษะการวิเคราะหค์ ำท่ีอา่ นมากขึน้ ๑.๕ เกดิ ทกั ษะการเปลง่ เสียงตามรูปตัวอักษรควบกล้ำไดค้ ล่องแคลว่ ๒. หลักเกณฑใ์ นการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว หลกั เกณฑ์ทว่ั ไปในการอา่ นออกเสียงรอ้ ยแกว้ (ฟองจันทร์ สขุ ย่ิง และคณะ, ๒๕๕๔ : ๓ – ๔) มดี งั นี้ ๒.๑ ก่อนอา่ นควรศึกษาเรื่องทอ่ี ่านให้เข้าใจโดยศกึ ษาสาระสำคัญของเรื่องและขอ้ ความ ทกุ ขอ้ ความเพื่อจะแบ่งวรรคตอนในการอ่านได้อยา่ งเหมาะสม ๒.๒ อ่านออกเสียงดงั พอเหมาะกบั สถานที่และจำนวนผู้ฟงั ให้ผู้ฟังไดย้ นิ ทั่วถงึ กนั ไมด่ ังหรอื ค่อยจนเกินไป ๒.๓ อา่ นให้คลอ่ ง ฟังรื่นหแู ละออกเสียงให้ถูกตอ้ งตามอักขรวิธี ชัดถอ้ ยชัดคำ โดยเฉพาะตัว ร ล หรอื คำควบกล้ำ ตอ้ งออกเสยี งให้ชัดเจน ๒.๔ อ่านออกเสียงใหเ้ ปน็ เสียงพดู อยา่ งธรรมชาติท่สี ดุ การเตรียมตวั กอ่ นการอา่ นออกเสยี ง การเตรยี มตัวก่อนการอ่านออกเสยี ง (จุไรรตั น์ ลักษณะศริ แิ ละบาหยัน อิ่มสำราญ, ๒๕๔๗ : ๒๖) มีดงั น้ี ๑. อ่านบทให้เขา้ ใจ การอ่านใหผ้ ู้อ่ืนฟัง มีวตั ถุประสงค์สำคัญเพอื่ ให้ผู้ฟังรับรแู้ ละเข้าใจตรงตาม เน้ือหาสาระที่อา่ น ฉะนนั้ ผ้อู ่านจงึ ต้องเข้าใจข้อความน้นั เสียกอ่ นเพ่อื ความมัน่ ใจ และเพือ่ ความเขา้ ใจที่ตรงกนั ระหวา่ งผู้สง่ สารและผูร้ บั สาร ขอ้ ความใดทอี่ า่ นไมเ่ ข้าใจหรือสงสยั ว่าจะผิดพลาด ตอ้ งตรวจสอบเสยี กอ่ น ๒. ทำเครื่องหมายแสดงจังหวะการอ่าน ในการอ่านเราควรทำเครื่องหมายลงในบทว่าตอนใด ควรหยุด คำใดควรเน้น และคำใดควรทอดจงั หวะ การทำเครอื่ งหมายในบทมกี ฎเกณฑ์ตายตัว แต่โดยทางท่ี นยิ มปฏบิ ตั ิกัน มกั ทำเครือ่ งหมายง่าย ๆ ดังน้ี
19 1129 ก. เคร่ืองหมายขีดเฉียงขดี เดียว (/) ขีดระหว่างคา แสดงการหยุดเว้นนิดหน่ึงเพราะมีคาหรือ ข้อความอน่ื ต่อไปอีก การอา่ นตรงคาทม่ี เี ครื่องหมายนจี้ ึงไมค่ วรลงเสยี งหนกั เพราะยังไมจ่ บประโยค ข. เครื่องหมายขีดเฉียงสองขีด (//) ขีดหลังประโยคหรือระหว่างคาเพื่อแสดงให้รู้ว่าให้หยุด เวน้ นานหนอ่ ย ค. เครอ่ื งหมายวงกลมล้อมคา เพือ่ บอกวา่ เปน็ คาทีส่ งสยั หรอื ไมแ่ นใ่ จว่าอา่ นอย่างไร ง. คาทตี่ ้องการเน้นให้ขีดเสน้ ใต้ที่คาน้นั จ. คาใดท่ีทอดจงั หวะ ใหท้ าเสน้ โคง้ ทส่ี ว่ นบนของคาน้ัน ( ⌒ ) ฉ. เครื่องหมายมุมคว่าหรือหมวกเจ๊กคว่า ( ^ ) แสดงว่าข้อความนั้นจะเน้นเสียงข้ึนสูง และ มุมหงายหรือหมวกเจ๊กหงาย ( v ) แสดงการเน้นเสียงลงตา่ ๓. ซ้อมอ่านให้คล่อง หลังอ่านบทจนเข้าใจและทาเครื่องหมายแสดงจังหวะการอ่านแล้ว ควรซ้อม อ่านให้คล่องโดยใช้ไมโครโฟนเพื่อใหผ้ ู้อ่ืนช่วยสังเกต หรือบันทึกเสียงไวเ้ พ่ือฟงั และแก้ไขข้อบกพรอ่ งของตวั เอง อาจต้องซอ้ มหลายคร้งั จนกว่าจะแกไ้ ขไดเ้ ป็นทน่ี า่ พอใจ การปรับปรงุ ตนเองเก่ียวกบั การอ่าน ๑. อ่านหนังสอื ทุกวัน ๒. การอา่ นเป็นส่งิ จาเปน็ แม้จะมกี จิ กรรมยงุ่ ยากเพยี งใด ตอ้ งหาเวลาอา่ นหนังสือใหไ้ ด้ ๓. จดบันทกึ วา่ กอ่ นจะปฏบิ ัติ การอา่ นเปน็ อย่างไรเมือ่ ดาเนินการไปแลว้ มีอะไรเปลยี่ นแปลงอย่างไร ๔. ต้องหาทางฝกึ อ่านมาก ๆ จงจาไว้วา่ ยิ่งได้ฝกึ มากเทา่ ใดก็ส่งผลมากขน้ึ เท่านั้น ๕. พยายามอ่านด้วยความตั้งใจและตั้งใจอา่ นใหด้ ีขึน้ กวา่ เดิมทุกวนั
20 1230 ใบงาน เร่ือง การอ่านออกเสียงร้อยแกว้ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง ๑. ความหมายของการอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๒. หลกั การอ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ ..................................................................................................................................................... ......................... .......................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................... ................................... ................................................................................................ .............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................ ..............................................
23 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรื่อง พน้ื ฐานอ่านเขียน เร่อื ง บทอาขยาน เวลา ๑ ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรภู้วิชาษาภาไาทษยาไทย ขอบเขตเนอื้ หา รายวชิ าพพ้ืนื้นฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๑ ความหมายและประเภทของบทอาขยาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหล่งเรียนรู้ หลกั การท่องบทอาขยาน ขนั้ นา ๑. บทท่องอาขยาน นริ าศภูเขาทอง และโคลงโลกนิติ จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ ๑. ครยู กตวั อย่างบทอาขยานบทหลกั และบทรองหรือ ๒. หนังสอื เรยี นวรรณคดีวจิ ักษ์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ๑. อธบิ ายความหมายและประเภทของบทอาขยาน บทเลอื กในระดบั ชนั้ ประถมศึกษา บทหลกั แมวเหมยี ว ๓. ใบความรู้ เรอ่ื ง บทอาขยาน ได้ กาดา สยามานสุ ติ โคลงโลกนติ ิ บทรองและบทเลอื ก ภาระงาน/ชนิ้ งาน ๒. อธบิ ายหลกั การทอ่ งบทอาขยานได้ รกั เมืองไทย ตง้ั ไขล่ ้มต้มไขก่ ิน ตนเป็นท่พี ่ึงแห่งตน นักเรียนฝกึ ทอ่ งบทอาขยานบทหลักจากหนังสืออ่าน ด้านทักษะกระบวนการ ทอ่ งจาบทอาขยานได้ ดวงตะวนั เพิ่มเติม บทอาขยานภาษาไทย ด้านคณุ ลกั ษณะ ๒. ครูซกั ถามนกั เรยี นว่าใครเคยทอ่ งบทอาขยานตาม ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ตวั อย่างเรื่องใดบา้ งและท่องอย่างไร ๒. มีวินัย ข้นั สอน ๓. ใฝเ่ รียนรู้ ๑. นักเรียนศกึ ษาใบความรู้และอภปิ รายร่วมกนั ๔. รักความเปน็ ไทย ๕. มนี สิ ัยรักการอ่าน เกี่ยวกบั การอา่ นบทร้อยกรอง เรอื่ งบทอาขยานวา่ ต้อง คานึงถงึ หลักอยา่ งไรบ้าง เช่น นา้ เสียงชดั เจน ถูกตอ้ ง และเปน็ ไปตามภาษามาตรฐาน การออกเสยี ง พยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์ คาควบกล้าถกู ต้องตามหลกั ภาษาไทย การรู้จกั เวน้ วรรคตอน เน้นและทอดเสียงให้ สอดคลอ้ งกับเน้ือเร่ือง เปน็ ต้น 1623
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรื่อง พ้นื ฐานอา่ นเขยี น แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒ 24 กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้วิชาษาภาไาทษยาไทย เรือ่ ง บทอาขยาน เวลา ๑ ชวั่ โมง รายวิชาพพ้ืน้ืนฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ๒. ครูนาบทร้อยกรองจากบทอาขยานบทหลัก ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ เร่อื งนิราศภเู ขาทองและ โคลงโลกนิติ มาอ่านให้นักเรียนฟงั แลว้ ให้นกั เรยี น ฝกึ อา่ นเปน็ ทานองธรรมดาจากนั้นฝกึ อา่ นเป็นทานอง เสนาะ ๓. สังเกตการอ่านบทร้อยกรองของนักเรียนต้องเวน้ วรรคตอนให้ถูกต้อง รวมทง้ั อ่านใหถ้ ูกฉนั ทลักษณข์ อง บทประพนั ธ์ ๔. ครูใหน้ ักเรียนฝึกอ่านบทร้อยกรองพร้อมกนั เป็น กลมุ่ ฝกึ อ่านจบั คู่ ฝึกอ่านเป็นรายบคุ คล ขั้นสรุป ๑. ครูและนกั เรยี นสรุปหลักการอา่ นบทรอ้ ยกรอง และบทอาขยาน แล้วบนั ทึกลงสมดุ ๒. นักเรียนบอกประโยชนข์ องการท่องบทอาขยาน ครูสรุปเพ่มิ เติม 17 24
18 18 การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ สง่ิ ทต่ี ้องการวดั /ประเมิน สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน ดา้ นความรู้ ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๑. ความหมายและ ประเภทของบทอาขยาน ประเมินการอ่าน แบบประเมิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ๒. หลกั การทอ่ งบทอาขยาน ออกเสียงบทอาขยาน ความสามารถใน ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ด้านทักษะ/กระบวนการ เปน็ ทำนองเสนาะ การอา่ นบทอาขยาน ท่องจำบทอาขยานได้ ดา้ นคุณลักษณะ แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ คุณลักษณะ ระดบั ๒ ๑. มวี นิ ยั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. รักความเปน็ ไทย ๔. มีมารยาทในการอ่าน ๘. บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ ......................................ผตู้ รวจ (.........................................................) วนั ท่.ี .........เดอื น..................................พ.ศ…...….
26 2196 ใบความรเู้ รือ่ ง บทอาขยาน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรื่องบทอาขยาน รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ๑. บทอาขยาน ๑.๑ ความหมายและประเภทของบทอาขยาน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ให้นิยามคา “อาขยาน” ไว้ว่า บทท่องจา การบอกเล่า การบอกการสวด เร่ือง นิทาน “อาขยาน” อ่านออกเสียงได้ ๒ อย่าง คือ อา – ขะ – หยาน หรือ อา – ขะ – ยาน บทอาขยานที่ให้นักเรียนท่องจานั้น แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ บทอาขยานท่ีเป็นบทหลัก บทรอง และบทเลือกอิสระ บทหลัก หมายถึง บทอาขยานท่ีกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กาหนดให้นักเรียนนาไปท่องจา เพอ่ื ความเป็นอนั หนึง่ อันเดียวกนั ท่ัวประเทศ บทรอง หมายถึง บทอาขยานท่ีครูผู้สอนหรือสถานศึกษาเป็นผู้ท่ีกาหนดให้นักเรียนท่องจา เสริมจากบทอาขยานที่กระทรวงศึกษาธิการกาหนด (บทหลัก) เป็นบทร้อยกรองที่มีลักษณะตรงตาม หลักเกณฑ์ การคัดเลือกบทอาขยาน อาจเป็นบทร้อยกรองที่แสดงภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น เพลงพื้นบ้าน เพลงกลอ่ มเด็ก ค่าวซอพญา เพลงชานอ้ ง เพลงเรอื บทกวีรว่ มสมัยทมี่ คี ณุ ค่า บทเลือกอิสระ หมายถึง บทอาขยานที่นักเรียนแต่ละคนเลือกสรรมาท่องจาเองด้วย ความสมัครใจ หรือด้วยความช่ืนชอบ อาจเป็นบทร้อยกรองท่ีมีผู้แต่งไว้ หรือเป็นบทร้อยกรองที่นักเรียนแต่ง ขึ้นเอง หรือผู้ปกครองเป็นผู้แต่งข้ึนก็ได้ แต่ต้องบอกได้ว่ามีเหตุผลอย่างไรจึงเลือกบทร้อยกรองน้ัน ๆ มา ท่องจาเปน็ บทอาขยานของตนเอง โดยความเห็นชอบของครูผูส้ อนหรือสถานศึกษา บทรอ้ ยกรองทีจ่ ะคดั เลือกให้เปน็ บทรองและบทเลือกอสิ ระ ควรมลี ักษณะดงั นี้ ๑. มีเนือ้ หา ความยากงา่ ยเหมาะสมกับวยั ๒. มีความยาวพอเหมาะ พอควร ๓. มีคุณธรรม คติธรรม ใหแ้ นวทางการดาเนนิ ชีวติ ท่ีดงี าม ๔. มสี นุ ทรยี ภาพทางภาษา ๕. มีความถูกต้องตามฉันทลกั ษณ์ ๖. มีรปู แบบท่หี ลากหลาย ๑.๒ หลักการท่องบทอาขยาน การท่องอาขยานทาได้ ๒ แบบ คือ การอ่านบทอาขยานตามหลักท่ัวไป หรือออกเสียงแบบ รอ้ ยแก้ว และการอา่ นแบบทานองเสนาะ ดังน้ี
27 2270 ๑.๒.๑ การทอ่ งบทอาขยานตามหลกั การทวั่ ไป การท่องบทอาขยานส่วนใหญ่เป็นการท่องออกเสียง คือ ผู้ท่องเปล่งเสียงออกมา ดัง ๆ ในขณะท่ีใช้สายตากวาดไปตามตัวอักษร ยึดหลักการออกเสียงเหมือนหลักการอ่านท่ัวไป เพ่ือให้ การออกเสียงมปี ระสทิ ธภิ าพ ควรฝกึ ฝนดงั น้ี ๑) ฝึกเปล่งเสียงให้ดังพอประมาณ ไม่ตะโกน ควรบังคับเสียง เน้นเสียง ปรับระดับ เสียงสูง – ตา่ ให้สอดคล้องกับจงั หวะลลี า ท่วงทานอง และความหมายของเนอ้ื หาทีอ่ า่ น ๒) ท่องด้วยเสียงท่ีชัดเจน แจ่มใส ไพเราะ มีกระแสเสียงเดียว ไม่แตกพร่า เปลง่ เสยี งออกจากลาคอโดยตรงด้วยความมัน่ ใจ ๓) ท่อง ออกเสยี งใหถ้ กู อกั ขรวิธี และต้องเขา้ ใจเนอื้ หาของบทอาขยานนีก้ ่อน ๔) ออกเสียง ร ล คาควบกล้าใหถ้ กู ตอ้ งชดั เจน ๕) ท่องให้ถูกจังหวะ และวรรคตอน ๖) ท่องใหไ้ ด้อารมณ์และความร้สู กึ ตามเน้ือหา
28 2281 บทอาขยาน หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เรื่องบทอาขยาน รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ นริ าศภูเขาทอง มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจใหส้ ะอ้นื โอ้สธุ าหนาแนน่ เปน็ แผ่นพื้น ถงึ ส่ีหม่นื สองแสนทัง้ แดนไตร เมอ่ื เคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไมม่ ีท่ีพสธุ าจะอาศัย ล้วนหนามเหนบ็ เจ็บแสบคบั แคบใจ เหมือนนกไรร้ ังเร่อยเู่ อกา ถงึ เกร็ดยา่ นบ้านมอญแต่กอ่ นเก่า ผ้หู ญิงเกล้ามวยงามตามภาษา เดยี๋ วนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทัง้ ผดั หน้าจับเขมา่ เหมือนชาวไทย โอ้สามญั ผนั แปรไมแ่ ท้เท่ยี ง เหมือนอยา่ งเยี่ยงชายหญงิ ทิง้ วิสยั นี่หรือจติ คิดหมายมีหลายใจ ทีจ่ ิตใครจะเปน็ หน่งึ อย่าพงึ คิด ถงึ บางพดู พูดดีเปน็ ศรีศักดิ์ มคี นรกั รสถ้อยอร่อยจิต แม้นพดู ช่วั ตวั ตายทาลายมติ ร จะชอบผดิ ในมนุษย์เพราะพดู จา พระสนุ ทรโวหาร (ภ่)ู
22 โคลงโลกนิติ คณนา พระสมุทรสุดลึกล้น หย่ังได้ สายด่ิงท้ิงทอดมา กำหนด เขาสูงอาจวัดวา ยากแทห้ ยั่งถงึ จิตมนุษย์นี้ไซร้ ชลธาร ก้านบัวบอกลึกต้ืน ชาติเชื้อ มารยาทส่อสันดาน ควรทราบ โฉดฉลาดเพราะคำขาน บอกร้ายแสลงดิน หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรอ้ื เขาหนัง โคควายวายชีพได้ อยไู่ ซร้ เป็นส่ิงเป็นอันยัง ขารร่าง คนเด็ดดับสูญสงั - แต่ร้ายกับดี เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แหนงหนี เพ่ือนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว มากได้ หาง่าย หลายหม่ืนมี วาอาตม์ เพ่ือนตาย ถ่ายแทนชี- ยากแทจ้ ักหา หายาก ฝากผีไข้ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
32 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เร่อื ง พนื้ ฐานอ่านเขยี น แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓ เวลา ๑ ชวั่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรภู้วิชาษาภาไาทษยาไทย เร่อื ง การคดั ลายมือ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ขอบเขตเนื้อหา สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ ลกั ษณะของการคัดลายมอื รายวชิ าพพ้ืนน้ื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ๑. ใบความรู้ เร่อื ง การคดั ลายมือ กจิ กรรมการเรยี นรู้ หลักการคัดลายมือ ขั้นนา ๒. ใบงาน เรอ่ื ง การคดั ลายมอื จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. ครูใหน้ กั เรยี นคดั เลือกนักเรยี นทีม่ ีลายมือสวย ๓ ดา้ นความรู้ คน เขยี นชื่อตนเองบนกระดานหน้าชั้นเรียนด้วย ภาระงาน/ชนิ้ งาน ฝกึ คดั ลายมือ ๑. อธิบายลักษณะของการคัดลายมือ ลายมือตวั บรรจงครงึ่ บรรทดั ๒. อธิบายหลักการคดั ลายมือ ๒. ครใู หเ้ พอ่ื นนักเรียนในช้ันเรียนให้คะแนนวา่ ใคร เขียนสวยทส่ี ุด พรอ้ มทั้งใหเ้ หตุผลประกอบ ด้านทักษะกระบวนการ ขนั้ สอน สามารถคัดลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทัดตามแบบที่ ๑. แบ่งกลุม่ นกั เรียน กลุม่ ละ ๕ คน นักเรียนแตล่ ะ กลุม่ ร่วมกันศึกษาใบความรู้ เร่อื ง การคัดลายมือ กาหนดให้ได้ ๒. ครใู หน้ กั เรยี นฝึกคัดลายมือตามรปู แบบ ดา้ นคุณลักษณะ ๑. มวี ินยั ตัวอกั ษรไทย ตามแบบกระทรวงศึกษาธิการลงใน ใบงาน เรอื่ ง คัดลายมือ ตามเวลาท่ีกาหนด ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. ครูให้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั แลกเปล่ยี นแสดง ๓. มงุ่ ม่ันในการทางาน ความคดิ เห็นผลงานของกลมุ่ ๔. รักความเปน็ ไทย 25 32
๔. รักความเป็นไทย ความคดิ เหน็ ผลงานของกลมุ่ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง พ้ืนฐานอา่ นเขียน แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ 33 กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้วิชาษาภาไาทษยาไทย เรอื่ ง การคดั ลายมือ เวลา ๑ ช่ัวโมง รายวิชาพพืน้ ้นื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ข้ันสรปุ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ วิธีการคัดลายมอื เพอ่ื ทา ความเขา้ ใจเก่ียวกบั วิธีการคัดลายมอื ที่ถกู ต้อง 26
34 2374 การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ส่ิงทตี่ ้องการวดั /ประเมิน ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ดา้ นความรู้ ประเมนิ การคดั ลายมือ แบบประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ๑. ลักษณะของ การคดั ลายมือ การคดั ลายมือ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ๒. หลักการคัดลายมือ ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ คุณลกั ษณะ คดั ลายมอื ตัวบรรจง ผา่ นเกณฑ์คณุ ภาพ ครึ่งบรรทดั ได้ ระดับ ๒ ด้านคุณลกั ษณะ ๑. มวี นิ ัย ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. มงุ่ มัน่ ในการทางาน ๔. รกั ความเป็นไทย ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ได้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................ผตู้ รวจ (.........................................................) วนั ที่..........เดือน..................................พ.ศ…...….
35 2385 ใบความรู้ เรอื่ ง การคดั ลายมือ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓ เรือ่ ง การคดั ลายมอื รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ การคัดลายมือ การคัดลายมือ เป็นการฝึกเขียนตัวอักษรไทยให้ถูกต้องตามหลักการเขียนคาไทย ซึ่งต้องคานึงถึง ความถูกต้องของอักษรไทย เขียนให้อ่านง่าย มีช่องไฟ มีวรรคตอน ตัวอักษรเสมอกัน วางพยัญชนะ สระ และ วรรณยุกต์ให้ถูกท่ี ตัวสะกด การันต์ถูกต้อง และลายมือสวยงาม การคัดลายมือมีแบบการคัดหลายแบบ ซ่ึงแบ่งได้ ๒ ประเภท คือ ตัวเหลีย่ ม และตัวกลมหรอื หัวมน ลักษณะของการคดั ลายมอื การคดั ลายมอื มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑. การคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เหมาะสาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ และ ๒ เนอื่ งจากเป็นชว่ งท่กี ลา้ มเน้ือและการประสานระหวา่ งตากบั มือยงั พัฒนาไมเ่ ตม็ ที่ ๒. การคัดลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทัด เหมาะสาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ และ ๔ เน่อื งจากจะมกี ารประสานระหว่างกล้ามเนือ้ และตาเพ่ิมมากขน้ึ ๓. การคัดลายมือหวัดแกมบรรจง เป็นการคัดลายมือหวัดแต่ให้อ่านออก การเขียนลายมือหวัด แกมบรรจงเป็นการเขียนท่ีใช้ในชีวิตประจาวัน ซึ่งผู้เขียนจะต้องเขียนให้อ่านง่าย มีช่องไฟ เว้นวรรคตอน ถกู ตอ้ ง และเขียนด้วยลายมือท่สี วยงาม โดยคดั ให้รวดเรว็ สวยงาม ถูกตอ้ ง และน่าอ่าน หลักการคดั ลายมอื ๑. นั่งตัวตรง เขียนด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายวางบนกระดาษที่จะเขียนเพ่ือมิให้กระดาษเล่ือนไปมา ขอ้ ศอกขวาวางบนโต๊ะขณะเขยี น สายตาหา่ งจากกระดาษทเ่ี ขียนประมาณ ๑ ฟุต ๒. จับดินสอหรือปากกาให้ถูก โดยดินสอหรือปากกาจะอยู่ท่ีหัวแม่มือกับนิ้วชี้ และน้ิวกลาง ส่วน น้วิ นางกบั น้ิวก้อยงอไว้ในฝ่ามือ ๓. เขียนตัวอักษรให้ถูกส่วน ตัวอักษรต้ังตรง การเขียนพยัญชนะไทยทุกตัวต้องเร่ิมเขียนหัวก่อน ยกเว้นตัว ก และ ธ ซึ่งไม่มีหัว เว้นช่องไฟและวรรคตอนให้พองาม วางเคร่ืองหมายต่าง ๆ ให้ถูกต้องตาม ตาแหน่ง ๔. วางพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ให้ถูกต้องตามตาแหน่ง ซึ่งสระทุกตัวมีตาแหน่งที่สัมพันธ์กับ พยัญชนะ เชน่ ๔.๑ สระทอี่ ยูห่ น้าพยญั ชนะ ได้แก่ เ- แ- โ- ใ- ไ- ๔.๒ สระทีอ่ ย่หู ลงั พยัญชนะ ไดแ้ ก่ -ะ -า ๔.๓ สระท่ีอยเู่ หนอื พยัญชนะ ไดแ้ ก่ -ิ -ี -ึ -ื ๔.๔ ไม้หนั อากาศ ( -ั ) ไม้ไตค่ ู้ ( - ็ ) นิคหิต ( - ) จะวางเหนอื พยญั ชนะตรงกลาง
3629 36 ๔.๕ สระทอี่ ยใู่ ต้พยัญชนะ ไดแ้ ก่ -ุ -ู ตัวอกั ษรแบบกระทรวงศึกษาธกิ าร สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. ภาษาไทย สาระที่ควรรู้ คู่มือการเรยี นการสอนภาษาไทย ระดบั ประถมศึกษา. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั , ๒๕๕๓.
37 3370 ใบงาน เรือ่ ง การคัดลายมือ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๓ เร่ือง การคดั ลายมือ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนคัดลายมอื ตวั บรรจงคร่งึ บรรทัดตามรูปแบบตวั อกั ษรไทยแบบกระทรวงศึกษาธกิ าร ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ .............................................................................................................................................................................. ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ .............................................................................................................................................................................. ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ ................................................................................. ............................................................................................. ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ ................................................................................. ............................................................................................. ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ .............................................................................................................................................................................. ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................ .............................................................................................................................................................................. ...................................................................................................... ........................................................................ ...................................................................................................... ........................................................................
40 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๔ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง พน้ื ฐานอ่านเขียน เร่อื ง การคดั ลายมือ เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรภู้วิชาษาภาไาทษยาไทย ขอบเขตเน้ือหา รายวิชาพพื้นน้ื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ลกั ษณะของการคัดลายมือ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ หลกั การคัดลายมือ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข้นั นา ๑. บทอาขยาน เร่อื ง นิราศภูเขาทอง ด้านความรู้ ๑. ครูนาผลงานนักเรียนทีเ่ ขียนดว้ ยลายมอื เป็น ๒. ใบงาน เร่อื ง การคัดลายมอื ๑. อธบิ ายลักษณะของการคัดลายมือ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยสวยงามมาใหน้ กั เรียนดู ภาระงาน/ชิ้นงาน ๒. อธิบายหลกั การคัดลายมือ ๒. นกั เรียนตอบคาถามวา่ ลายมือมีความสาคัญตอ่ การคัดลายมือตัวบรรจงครง่ึ บรรทดั ด้านทกั ษะกระบวนการ คัดลายมือตัวบรรจงครง่ึ บรรทัดตามแบบท่ีกาหนด การเขยี นตอบหรือจดบนั ทึกหรอื ไม่อยา่ งไร ใหไ้ ด้ ข้นั สอน ดา้ นคณุ ลักษณะ ๑. ครูนาบทอาขยาน เรือ่ งนิราศภูเขาทอง มาให้ ๑. มีวินยั นักเรียนคดั ลายมือตวั บรรจงครงึ่ บรรทดั ตามแบบที่ ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ กาหนดให้ ลงในใบงานเรอื่ ง การคัดลายมอื ๓. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ๒. ครแู ละนักเรยี น ร่วมกนั ประเมินผลงานของ ๔. รักความเปน็ ไทย นกั เรียนตามแบบประเมินการคัดลายมือ ๓. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันคัดเลอื กผลงานท่ีดเี ด่นจัด ป้ายนเิ ทศ 33 40
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๑ เรอื่ ง พ้ืนฐานอา่ นเขยี น แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ 41 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้วิชาษาภาไาทษยาไทย เรือ่ ง การคดั ลายมือ เวลา ๑ ชั่วโมง รายวิชาพพ้นื ้นื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ขน้ั สรปุ ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ หลกั การคดั ลายมือและ สรา้ งความตระหนักใหน้ ักเรียนเห็นความสาคัญของ ลายมอื เพื่อนาไปใชใ้ นการเขียนสอ่ื สารใน ชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 34
42 4325 การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครื่องมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ส่งิ ท่ีต้องการวัด/ประเมนิ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ดา้ นความรู้ ประเมนิ การคดั ลายมือ แบบประเมิน ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป ๑. ลกั ษณะของการคดั ประเมนิ คุณลกั ษณะ การคดั ลายมือ ลายมือ แบบประเมิน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ๒. หลกั การคัดลายมอื คุณลักษณะ ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป ดา้ นทักษะ/กระบวนการ คัดลายมอื ตวั บรรจง ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ ครึ่งบรรทัด ระดับ ๒ ดา้ นคณุ ลักษณะ ๑. มวี นิ ัย ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. มุ่งมน่ั ในการทางาน ๔. รกั ความเปน็ ไทย ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................... ................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ...................................................................................... ........................................................................................ ลงช่ือ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วนั ที่..........เดือน..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ......................................ผู้ตรวจ (.........................................................) วันท่.ี .........เดอื น..................................พ.ศ…...….
45 3485 บทอาขยานนิราศภูเขาทอง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ เร่อื ง การคัดลายมอื รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ มาถงึ บางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอน้ื โอส้ ธุ าหนาแนน่ เป็นแผ่นพืน้ ถงึ สห่ี ม่ืนสองแสนทง้ั แดนไตร เม่อื เคราะห์รา้ ยกายเราก็เท่านี้ ไมม่ ีทพ่ี สุธาจะอาศัย ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รงั เร่อยเู่ อกา ถึงเกรด็ ย่านบ้านมอญแต่กอ่ นเกา่ ผู้หญงิ เกล้ามวยงามตามภาษา เดีย๋ วน้ีมอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจบั เขมา่ เหมือนชาวไทย โอ้สามัญผนั แปรไมแ่ ท้เที่ยง เหมอื นอย่างเยี่ยงชายหญงิ ทง้ิ วิสัย นหี่ รือจิตคิดหมายมหี ลายใจ ท่จี ิตใครจะเปน็ หนงึ่ อย่าพงึ คดิ ถึงบางพดู พดู ดเี ปน็ ศรีศกั ด์ิ มคี นรักรสถอ้ ยอรอ่ ยจิต แมน้ พูดชั่วตวั ตายทาลายมติ ร จะชอบผดิ ในมนุษยเ์ พราะพดู จา พระสนุ ทรโวหาร (ภู่)
46 3469 ใบงานเรือ่ ง การคัดลายมือ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง การคัดลายมือ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ คาช้แี จง ให้นกั เรยี นคดั ลายมือบทอาขยานเรื่องนิราศภูเขาทองตวั บรรจงคร่ึงบรรทดั ตามรูปแบบตวั อักษรไทย แบบกระทรวงศกึ ษาธิการ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................. ....................................................... ...................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... .............................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... ................................................................................................. ............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................ .............................................. .................................................................................... .................................................... ...................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................
47 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๕ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เร่ือง พ้ืนฐานอ่านเขียน เรือ่ ง การอา่ นจบั ใจความสาคัญ เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภวิชาษาภาไาทษยาไทย รายวิชาพพนื้ ้นื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ขอบเขตเนอื้ หา หลกั การอา่ นจับใจความสาคัญ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ขั้นนา ๑. ใบความรู้ เร่ือง การอา่ นจบั ใจความสาคญั ด้านความรู้ มคี วามรคู้ วามเข้าใจหลักการอ่านจับใจความสาคญั ครสู นทนากับนักเรยี นว่าการอ่านมคี วามสาคญั ใน ๒. ใบงาน เร่ือง การอ่านจบั ใจความสาคัญ ด้านทกั ษะกระบวนการ ชีวิตประจาวนั อยา่ งไร ภาระงาน/ชน้ิ งาน จับใจความสาคัญจากเรื่องท่ีอา่ นได้ ข้ันสอน สรปุ ความรูเ้ รอ่ื งการจับใจความสาคญั ลงในสมุด ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ๑. ใฝ่เรยี นรู้ ๑. แบ่งกลมุ่ นักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ เร่อื ง การอา่ น- ๒. ม่งุ ม่นั ในการทางาน จับใจความสาคัญ ใหน้ ักเรยี นอา่ นและวิเคราะห์ ๓. มีมารยาทในการอา่ น หลกั การอา่ นจบั ใจความสาคัญ ๒. ครแู จกใบงาน เร่อื ง การอา่ นจับใจความสาคญั ใหน้ กั เรียนฝกึ อ่านจับใจความสาคัญ จากนน้ั ใหต้ ัวแทน นกั เรียนมานาเสนอผลงานการอา่ นจับใจความสาคญั ๓. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น ถึงลักษณะของใจความสาคัญทีป่ รากฏในใบงาน ขัน้ สรปุ ครแู ละนักเรียนสรปุ ความร้เู ร่ืองการจบั ใจความสาคัญ พร้อมทั้งปลูกฝังมารยาทในการอ่าน นักเรียนจดบนั ทึก ลงในสมดุ 4470
48 4481 การวดั และประเมนิ ผล ส่ิงทต่ี ้องการวดั /ประเมนิ วธิ กี าร เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ มีความรู้ความเข้าใจ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป หลกั การอ่านจับใจความสาคัญ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ จับใจความสาคัญจากเร่อื งที่ ตรวจใบงาน เร่ือง ใบงาน เรอ่ื ง การอ่าน- ผ่านเกณฑ์การประเมนิ จบั ใจความสาคญั รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป อ่านได้ การอ่านจบั ใจความ สาคัญ ด้านคณุ ลกั ษณะ ๑. ใฝ่เรียนรู้ ประเมนิ คุณลกั ษณะ แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ คณุ ลกั ษณะ ระดบั ๒ ๒. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ ......................................ผู้ตรวจ (.........................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..................................พ.ศ…...….
49 4429 ใบความรู้เรื่องการอา่ นจับใจความสาคัญ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๕ เร่ือง การอ่านจับใจความสาคญั รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ความหมายของใจความสาคัญ ใจความสาคัญ คือข้อความสาคัญของเรื่อง จะตัดออกไม่ได้ ถ้าตัดออกไปจะทาให้เนื้อความ เปล่ยี นแปลงไปหรือได้ความไม่ครบถ้วน การอา่ นเพ่ือสรปุ ใจความสาคัญ ผู้อ่านต้องมีสมาธิ อ่านอย่างรอบคอบ และผู้อ่านจะต้องทาความเข้าใจเร่ืองท่ีอ่าน ต้องอ่านหลาย ๆ เที่ยว แล้วต้ังคาถามเกี่ยวกับเร่ืองท่ีอ่านว่า ใคร ทาอะไร ที่ไหน เม่ือใด อย่างไร แล้วตอบคาถามนั้นเพียงสั้น ๆ แต่ให้ได้ใจความชัดเจน จากนน้ั นามาเรยี บเรียง ให้เปน็ ประโยคสน้ั ๆ หลักการอ่านจับใจความสาคญั การอา่ นเพอ่ื จบั ใจความจะต้องพิจารณาทีละย่อหนา้ โดยปกติย่อหน้าแตล่ ะย่อหน้าจะมีใจความสาคัญ ที่สุดอยู่หน่ึงประโยค ข้อความอ่ืน ๆ เป็นส่วนขยายใจความสาคัญให้กระจ่างชัดข้ึน ด้วยวิธีอธิบายความหมาย ยกตัวอย่างเปรียบเทียบหรือแสดงเหตุผล ประโยคใจความสาคัญอาจอยู่ตอนต้นย่อหน้า อยู่ท้ายย่อหน้า กลางย่อหน้า หรืออาจอยู่ทั้งตอนต้นและท้ายย่อหน้า แต่ส่วนใหญ่มักอยู่ตอนต้นย่อหน้า ในบางครั้งประโยค ใจความสาคัญก็ไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน ผู้อ่านต้องแยกให้ได้ว่า ข้อความใดเป็นใจความสาคัญ ข้อความใดเป็น ใจความที่ขยายหรอื เสริมใจความสาคัญ ตวั อย่างการอา่ นใจความสาคัญ ความรกั ความเข้าใจ คือสายใยของครอบครัว เป็นคาขวญั ท่ีชนะเลศิ การประกวดคาขวญั วนั ครอบครัว ซึง่ รฐั บาลกาหนดใหว้ นั ท่ี ๑๔ เมษายน ของทุกปเี ปน็ วนั ครอบครัว ประโยคใจความสาคัญ อยู่ตอนตน้ ของข้อความ ได้แก่ ความรกั ความเขา้ ใจ คือสายใยของครอบครัว ประโยคใจความรอง คอื ประโยคที่มาขยาย ไดแ้ ก่ รฐั บาลกาหนดให้วนั ท่ี ๑๔ เมษายน ของทกุ ปี เป็นวันครอบครัว จะเห็นไดว้ า่ ประโยคน้ีใจความสาคัญอย่ตู อนต้นของข้อความ ใจความที่ ๒ เปน็ สว่ นขยาย แมวเปน็ สัตวน์ า่ รกั แตผ่ มไม่เคยผูกพันดว้ ย มันนา่ ราคาญมากในสายตาผม แตเ่ ม่ือคร้งั เปน็ เด็กมาแล้ว เหน็ แมเ่ ลีย้ งแมวมาดว้ ยความรกั แบบหลงใหล หาขา้ วให้มันกนิ จับมันขึน้ มาอุม้ เรยี กมนั ด้วยเสยี งแบบเอ็นดู ท้ังท่ีร้องกวนใจ เคล้าแข้งเคล้าขาเกะกะ และเป็นสัตว์เล้ียงท่ีฉวยโอกาสท่ีแสดงความรักคนเฉพาะเม่ือเวลามัน หวิ อมิ่ แล้วกไ็ ป หรอื ไมก่ น็ อนหลบั เกียจคร้าน บ่อยคร้ังที่ผมอจิ ฉาทคี่ ิดวา่ แม่รักแมวมากกว่าผม (ขอทาน แมว และคนเมา : อศั ศิริ ธรรมโชต)ิ ใจความสาคญั อย่ปู ระเดน็ สดุ ท้าย กล่าวคือ ผูแ้ ต่งอจิ ฉาแมว และคดิ วา่ แม่รกั แมวมากกวา่ เขา สว่ น ประโยคอน่ื ๆ เป็นสว่ นขยายว่าทาไมผ้แู ตง่ จึงอจิ ฉาแมว
50 4530 ใบงาน เรือ่ ง การอา่ นจับใจความสาคญั หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๕ เรือ่ ง การอา่ นจบั ใจความสาคญั รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ กลุม่ ท่ี................ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นจับใจความสาคญั บทความต่อไปน้ี ๑. การดารงรักษาและสืบสานวัฒนธรรมไทยเป็นสิ่งท่ีคนไทยทุกคนต้องสานึกว่าเป็นเร่ืองสาคัญและ จาเป็นอย่างยงิ่ ท่ีต้องร่วมมอื รว่ มใจกันทา เพราะวฒั นธรรมของเราเป็นสิ่งท่สี วยสดงดงาม น่าหวงแหน และน่า ทะนุถนอมเป็นย่ิงนัก การที่จะปลูกจิตสานึกให้คนไทยได้ระลึกถึงเรื่องน้ีให้ท่ัวถึงกันจาเป็นต้องมีการรณรงค์ อย่างต่อเนื่องกันโดยตลอด มิใช่แค่จะกระทากันเป็นปีๆ แล้วหยุดไป เราเคยได้บทเรียนมาพอสมควรแล้วว่า วัฒนธรรมต่างชาติได้แพร่เข้ามาในบ้านเมืองเราหลายอย่างและหลายทิศทาง เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่พยายาม ปลูกจติ สานกึ ให้คนไทยโดยเฉพาะเยาวชนของเราไดต้ ระหนักถึงความสาคัญในเร่ืองน้ี ก็คงจะเปน็ เรือ่ งที่น่าหว่ ง (พลเอกเปรม ติณสลู านนท์ ๒๕๓๗ : ๑) ใจความสาคญั ...................................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................... .......................... ๒. ในสมัยก่อนเม่ือใกล้วันสารท ชาวบ้านจะนิยมกวนขนมท่ีเรียกกันว่า กระยาสารทกันแทบทุกบ้าน แต่ปัจจุบันทากันในบางท้องถ่ินเท่าน้ัน ผู้ท่ีไม่ได้ทาก็มักเตรียมจัดซ้ือขนมดังกล่าว ซึ่งจะมีขายโดยทั่วไปเม่ือถึง เทศกาลน้ี กระยาสารท คือ ขนมหวานชนิดหนึ่งทาด้วยข้าวเม่า ข้าวตอก ถั่วงา มะพร้าว กวนกับน้าตาล สามารถเก็บไว้ได้นาน เมื่อกวนหรือหาซ้ือมาแล้วก็จัดแบ่งเป็นส่วน ๆ ห่อด้วยใบตอง เป็นจานวนมากน้อยตาม ต้องการเพ่ือนาไปตักบาตร เนื่องจากกระยาสารทเปน็ ขนมท่ีมรี สหวานจัด หากรับประทานกบั กล้วยไข่สุกจะทา ให้รับประทานกระยาสารทได้มาก ผูท้ าบญุ จงึ นิยมนากลว้ ยไข่ไปตักบาตรคู่กบั กระยาสารทเพ่ือใหม้ รี สดีขนึ้ (สานกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๓๐ : ๕๙) ใจความสาคัญ ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................... .................... ............................................................................................................... ............................................................... เฉลย ๑.การดารงรกั ษาและสืบสานวัฒนธรรมไทยเป็นส่ิงที่คนไทยทกุ คนต้องสานึกว่าเปน็ เร่อื งสาคญั และจาเปน็ อยา่ ง ยงิ่ ทต่ี อ้ งร่วมมือรว่ มใจกนั ทา ๒.กระยาสารท คือ ขนมหวานชนดิ หนึง่ ทาดว้ ยข้าวเมา่ ขา้ วตอก ถ่วั งา มะพร้าว กวนกับน้าตา
51 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง พ้นื ฐานอา่ นเขียน แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๖ เวลา ๑ ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภวิชาษาภาไาทษยาไทย เรื่อง ระบุขอ้ สังเกตงานเขียนประเภทโนม้ นา้ วใจ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ ขอบเขตเนื้อหา ความหมายของการโนม้ นา้ วใจ รายวชิ าพพน้ื น้ื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. คาขวญั ข้อสังเกตของงานเขยี นประเภทโนม้ นา้ วใจ ขั้นนา ครูยกตัวอย่างคาขวญั “ขบั ช้าอกี นดิ ชวี ติ จะ ๒. ใบความรู้ เร่ือง งานเขยี นประเภทโนม้ น้าวใจ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ ปลอดภัย”และให้นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ วา่ ๓. ใบงาน เร่ือง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ๑. บอกความหมายของการโนม้ นา้ วใจ คาขวญั น้ตี ้องการใหผ้ ูอ้ ่านทาอะไร มีความสมเหตุ ๔. กระดาษชาร์ท ๒. บอกข้อสงั เกตงานเขียนประเภทโนม้ นา้ วใจ สมผลหรือไม่ ภาระงาน/ชิน้ งาน ขน้ั สอน การนาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน ดา้ นทักษะกระบวนการ ๑. แบ่งกลุม่ นกั เรยี น ๔ กลมุ่ ศกึ ษาใบความรู้ เร่ือง ระบุหรือจาแนกข้อสังเกตและความสมเหตสุ มผล งานเขียนประเภทโนม้ นา้ วใจด้วยการวิเคราะห์ ของงานเขียนประเภทโนม้ น้าวใจได้ ข้อสังเกต แลว้ เขยี นลงในกระดาษชารท์ ดา้ นคณุ ลักษณะ ๑. ซ่ือสัตยส์ ุจริต ๒. ครใู หต้ ัวแทนกลุม่ นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน ๓. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ข้อสังเกตงานเขียน ๒. มีวินัย ประเภทโนม้ น้าวใจ ๓. ใฝ่เรยี นรู้ ๔. นกั เรยี นทาใบงาน เรื่อง ระบุข้อสังเกตและ ๔. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ความสมเหตุสมผลงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ ๕. มุ่งม่ันในการทางาน 44 51
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง พื้นฐานอ่านเขยี น แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๖ 52 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภวิชาษาภาไาทษยาไทย เรือ่ ง ระบุขอ้ สังเกตงานเขยี นประเภทโน้มน้าวใจ เวลา ๑ ชั่วโมง รายวิชาพพ้ืน้นื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ๕. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันตรวจใบงาน เร่อื งระบุ ข้อสงั เกตและความสมเหตุสมผลงานเขยี นประเภท โน้มนา้ วใจ ขั้นสรุป ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปงานเขียนประเภท โน้มนา้ วใจเพ่ือนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน 45
53 5436 การวัดและประเมินผล ส่งิ ที่ต้องการวดั /ประเมิน วิธกี าร เคร่อื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ความหมายของการโน้มน้าวใจ นาเสนอผลงาน แบบประเมนิ นาเสนอ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ผลงาน ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป ขอ้ สังเกตของงานเขยี น ประเภท โน้มนา้ วใจ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ระบุข้อสงั เกตและ ตรวจใบงาน เรอ่ื ง ใบงาน เร่ือง งานเขยี น ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ประเภทโน้มน้าวใจ รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ความสมเหตุสมผลของงานเขียน งานเขยี นประเภท ประเภทโนม้ น้าวใจ โน้มน้าวใจ ด้านคณุ ลกั ษณะ ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพ ๑. มวี นิ ยั คณุ ลักษณะ ระดบั ๒ ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๓. ม่งุ มน่ั ในการทางาน ๔. มจี ติ สาธารณะ ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปัญหาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข .......................................................................................................... .................................................................... ลงช่ือ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ......................................ผตู้ รวจ (.........................................................) วนั ท.่ี .........เดอื น..................................พ.ศ…...….
54 4574 ใบความรู้ เร่อื ง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๖ เรือ่ ง การอ่านจบั ใจความสาคญั รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ความหมายของการโน้มนา้ วใจ การโน้มน้าวใจ คือ การพยายามเปล่ียนแปลง ความเช่ือ ทัศนคติ การกระทาของบุคคลอ่ืนด้วย กลวิธีทเี่ หมาะสม ใหม้ ีผลกระทบใจผู้นัน้ จนเกิดการยอมรบั และเปล่ยี นตามผโู้ น้มนา้ วใจตอ้ งการ ข้อสงั เกตของงานเขยี นประเภทโนม้ นา้ วใจ ๑. การแสดงให้เห็นถึงความน่าเช่ือถือของบุคคลผู้โน้มน้าวใจโดยธรรมดาบุคคล ที่มีคุณลักษณะ ๓ ประการ คือ มีความรู้จริง มีคุณธรรม และมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ย่อมได้รับความเช่ือถือ จากบุคคล ทั่วไป ๒. การแสดงให้เห็นตามกระบวนการของเหตุผล ผู้โน้มน้าวใจต้องแสดงให้เห็นว่า เรื่องท่ีตนกาลัง โนม้ น้าวใจมีเหตผุ ลหนักแน่น และมคี ณุ ค่าควรแกก่ ารยอมรับอยา่ งแท้จริง ๓. การแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกและอารมณ์ร่วม บุคคลที่มีอารมณ์ร่วมกันคล้อยตามกันได้ง่ายกว่า บุคคลท่ีมีความรู้สึกอคติต่อกัน เมื่อใดที่ผู้โน้มน้าวใจค้นพบและแสดงอารมณ์ร่วมออกมา การโน้มน้าวใจก็จะ ประสบความสาเรจ็ ๕. การแสดงให้เห็นทางเลือกทั้งด้านดีและด้านเสีย ผู้โน้มน้าวใจต้องโน้มน้าวผู้รับสารให้เช่ือถือ หรือ ปฏิบัติเฉพาะทางท่ีตนต้องการ โดยชี้ให้เห็นว่าสิ่งน้ัน มีด้านท่ีเป็นโทษ อย่างไร ด้านท่ีเป็นคุณอย่างไร ๖. การสร้างความสุขให้แก่ผู้รับสาร การเปล่ียนบรรยากาศ ให้ผ่อนคลายด้วยอารมณ์ขัน จะทาให้ผู้รับ สารเปลีย่ นสภาพจากการตอ่ ต้านมาเปน็ ความร้สู ึกกลาง ๆ พร้อมทจี่ ะคล้อยตามได้ ๗. การเร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า เมื่อมนุษย์เกิดอารมณ์ขึ้นอย่างแรงกล้า ไม่ว่าดีใจ เสียใจ โกรธแค้น อารมณ์เหล่าน้ี มักจะทาให้มนุษย์ไม่ใช้เหตุผลอย่างถี่ถ้วน พิจารณาถึงความถูกต้องเหมาะสม เมื่อมี การตดั สินใจ กอ็ าจจะคลอ้ ยไปตามทผี่ ้โู น้มน้าวใจเสนอแนะได้ง่าย
55 4585 ใบงาน เร่อื ง งานเขียนประเภทชักจูงโน้มน้าวใจ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๖ เรื่อง การอ่านจับใจความสาคัญ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเขยี นเครื่องหมาย หน้าข้อความที่เป็นสารโนม้ นา้ วใจทมี่ คี วามสมเหตสุ มผล และขีดเครอ่ื งหมาย X หนา้ ขอ้ ความท่ีไมใ่ ช่สารโน้มน้าวใจ .......... ๑. บา้ นเมอื งสวย ดว้ ยมอื เรา .......... ๒. ปฏบิ ัตติ ามกฎ ลดปัญหาจราจร .......... ๓. ประหยดั น้าวนั น้ี ก่อนทจ่ี ะไมม่ ีน้าใช้ .......... ๔. ใชน้ า้ อยา่ งคุม้ คา่ เพือ่ วนั นี้ เผ่อื วนั หน้า .......... ๕. ท้ิงขยะใหเ้ ป็นท่ี เพ่ิมราศีแกบ่ า้ นเมือง .......... ๖. ห้ามทิ้งขยะบริเวณน้ี ปรบั ทีละสองพัน .......... ๗. ทางรอดของโลกปัจจุบนั นมี้ ีอยทู่ างเดยี วเท่านัน้ .......... ๘. บา้ นสะอาด เมืองสะอาด คนในชาตมิ ีความสุข .......... ๙. อทุ ยานรอบมหาสถานนั้นเล่ากง็ ามไมน่ ้อย เต็มไปด้วยตน้ ไม้นานาพันธุ์ ไมด้ อกและลดาวลั ย์งาม นา่ ทศั นา ..........๑๐. โลหิตคือสายธารแหง่ ชวี ิต ถา้ ร่างกายขาดโลหิตชีวิตกอ็ ยไู่ มไ่ ด้ โลหติ จึงเป็นนา้ หลอ่ เลยี้ ง รา่ งกายท่จี าเป็นอย่างยิง่ เพื่อใหม้ ีชีวติ อยู่ได้ เฉลย ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. X ๘. ๙. X ๑๐. X
56 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ เร่อื ง พืน้ ฐานอ่านเขียน แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๗ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้วิชาษาภาไาทษยาไทย เรื่อง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ) เวลา ๑ ช่ัวโมง ขอบเขตเนอ้ื หา รราายยววิชิชาาพ้นื ฐานภาษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ เสียงในภาษาไทย กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ข้นั นา ๑. แผนภาพอวัยวะทเ่ี กี่ยวข้องกับการออกเสียง ด้านความรู้ ๑. ครใู ห้นักเรยี นดแู ผนภาพอวยั วะทเ่ี ก่ียวข้องใน ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ) การออกเสียงและรว่ มสนทนากับนกั เรียนว่ามีอวยั วะ ภาระงาน/ช้นิ งาน ๑. อธบิ ายความหมายของเสยี งในภาษาไทยได้ ใดบา้ ง แผนภาพความคดิ ๒. ครใู หน้ ักเรยี นทดลองออกเสียงและสังเกตอวยั วะ ๒. อธิบายท่มี าของเสยี งในภาษาไทยได้ ทีเ่ ก่ียวข้องในการออกเสียงว่ามีลกั ษณะอย่างไร ขณะท่ีออกเสียง ๓. อธบิ ายชนดิ ของเสยี งในภาษาไทยได้ ขนั้ สอน ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ๑. แบง่ กลุม่ นกั เรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง เสียงใน จาแนกเสียงสระได้ ภาษาไทย (เสียงสระ) ในหัวข้อตอ่ ไปน้ี ดา้ นคุณลักษณะ กล่มุ ที่ ๑ ความหมายของเสยี งในภาษา ๑. มวี นิ ัย กลุ่มที่ ๒ กาเนิดของเสยี งในภาษา ๒. ใฝเ่ รียนรู้ กลุ่มท่ี ๓ ความหมายของเสียงสระ ๓. มุ่งมน่ั ในการทางาน กลมุ่ ท่ี ๔ เสยี งสระเดยี่ ว ๔. รกั ความเปน็ ไทย กลุ่มที่ ๕ ลกั ษณะอวยั วะในการออกเสยี ง สระเดีย่ ว 4956
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๑ เรอ่ื ง พน้ื ฐานอา่ นเขียน แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๗ 57 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภวิชาษาภาไาทษยาไทย เรือ่ ง เสยี งในภาษาไทย (เสียงสระ) เวลา ๑ ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ รายวิชาพพนื้ ืน้ ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย กลมุ่ ที่ ๖ สระประสม กล่มุ ท่ี ๗ ข้อสงั เกตของเสียงสระ ๒. ตัวแทนกล่มุ นาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรียน ๓. นกั เรยี นและครรู ่วมกันแสดงความคดิ เห็น เสนอแนะเพ่ิมเติม ๔. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันตรวจใบงาน ข้ันสรุป ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ เร่ืองเสียงในภาษาไทย เสยี งสระและใหน้ ักเรยี นสรปุ บนั ทกึ เปน็ แผนภาพ ความคิด 50
58 5581 การวัดและประเมินผล สง่ิ ทีต่ ้องการวัด/ประเมนิ วิธีการ เคร่ืองมือทใี่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ควคาวมาหมหมามยาขยอขงอเงสเียสงียใงนใน สงั เกตพฤติกรรม พฤติกรรมกลุ่ม ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป ภาษาาไไททยยทมี่ าของเสยี งในภาษาไทย ชนทิดีม่ ขาขอองเงสเสยี ยีงใงนในภภาษาษาไาทไทยย แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ชนิดของเสยี งในภาษาไทย การนาเสนอผลงาน ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป ด้านทกั ษะ/กระบวนการ แบบประเมนิ จาแนกเสยี งสระได้ นาเสนอผลงาน คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ระดับ ๒ ด้านคณุ ลกั ษณะ ประเมินคุณลักษณะ ๑. มีวนิ ยั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมนั่ ในการทางาน ๔. รกั ความเป็นไทย ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ......................................................................................................................... ..................................................... ลงชอ่ื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ที.่ .........เดือน..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.........................................................) วนั ที่..........เดือน..................................พ.ศ…...….
59 5529 ใบความรู้ เรอื่ ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ) หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๗ เรือ่ ง เสียงในภาษาไทย (เสยี งสระ) รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ เสียงในภาษา หมายถึง เสียงที่มนุษย์เปล่งออกมาเพื่อส่ือความหมายระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพื่อสนอง ความต้องการตา่ ง ๆ เช่น เพอื่ ขอความช่วยเหลอื เพอ่ื ขอความรู้ เพอ่ื แสดงความรู้สกึ พอใจหรอื ไมพ่ อใจ เปน็ ต้น กาเนิดของเสยี งในภาษา อวัยวะที่ทาให้เกิดเสียงในภาษา ได้แก่ ปอด หลอดลม กล่องเสียงซ่ึงอยู่ในลาคอตรงลูกกระเดือก ต่อมาก็มีล้ินไก่และส่วนต่าง ๆ ในช่องปาก ได้แก่ เพดาน ล้ิน ปุ่มเหงือก และริมฝีปาก นอกจากน้ีจมูกก็มีส่วน ทาให้เกิดเสียงได้ด้วย อวัยวะต่าง ๆ เหล่านี้ทางานประสานกัน ทาให้เกิดเสียงในภาษาขึ้น เราจะสังเกตได้ว่า อวัยวะท่ีทาใหเ้ กิดเสียงตา่ ง ๆ ยงั ทาหน้าท่สี าคญั อยา่ งอ่ืน ในการดารงชวี ติ อีกด้วย เช่น ปากเรามีไว้รับประทาน อาหาร หลอดลม ปอด มีหน้าทเ่ี กยี่ วกับหายใจ เป็นต้น ชนิดและลักษณะของเสยี งสระในภาษาไทย โดยท่วั ไป เสยี งในภาษามอี ยู่ ๓ ชนดิ ได้แก่ เสยี งสระ เสยี งพยญั ชนะ และเสยี งวรรณยุกต์ เสียงสระ หมายถึง เสียงท่ีเกิดจากลมท่ีออกจากปอดผ่านหลอดลม และกล่องเสียง ท่ีลาคอออกมา พ้นช่องปาก หรือช่องจมูก โดยไม่ถูกสกัดก้ัน ณ ที่หนึ่งท่ีใดในช่องทางของลม แต่ในขณะที่เราออกเสียงสระ สายเสียงท่ีอยู่ในกลอ่ งเสยี งจะปิดและเปดิ อย่างรวดเร็ว สายเสียงจงึ มีความสนั่ สะเทอื น บังเกดิ ความกังวานหรือ ความก้อง และออกเสยี งไดน้ าน เช่น อา อี อัว ฯลฯ เสียงสระในภาษาไทยแบ่งออกได้ ๒๑ เสียง แบ่งเป็นเสียงสระเด่ียว ๑๘ เสียง และเป็นเสียงสระ ประสม ๓ เสียง ดงั นี้ เสียงสระเด่ยี ว มีเสียงสระ ๑๘ เสียง แบ่งเปน็ เสยี งสั้น ๙ เสยี ง และเสียงยาว ๙ เสียงดังนี้ สระเสียงสนั้ สระเสียงยาว /อะ/ /อา/ /อิ/ /อ/ี /อึ/ /อื/ /อ/ุ /อ/ู /เอะ/ /เอ/ /แอะ/ /แอ/ /เออะ/ /เออ/ /โอะ/ /โอ/ /เอาะ/ /ออ/
60 5630 สระเด่ยี ว คือสระท่เี ปล่งออกมาเปน็ เสียงเดียว เกิดจากลมผ่านเสน้ เสยี ง ซง่ึ มีการสะบัดแลว้ ผ่านเลยไป ทางช่องปาก โดยไม่ถูกกัก ณ อวัยวะใดอวัยวะหน่ึง แต่จะถูกล้ินและริมฝีปากทาให้เกิดเสียงในลักษณะใด ลกั ษณะหนึ่ง เมือ่ นักเรยี นออกเสียงสระเดี่ยวจึงมีอวัยวะสาคัญ ได้แก่ ล้นิ และรมิ ฝีปาก ที่ร่วมกนั สรา้ งเสยี งสระ ให้แตกต่างกันออกไป การยกระดับล้ิน ระดับสูง กลาง ต่า ส่วนของล้ิน ล้ินส่วนหน้า ส่วนกลาง ส่วนหลัง ลักษณะของริมฝีปากเหยียด ปกติ ห่อกลม และลักษณะช่องปาก แคบ ปานกลาง กวา้ ง ล้วนแต่ทาให้นักเรียน ออกเสยี งสระข้างตน้ ไดแ้ ตกตา่ งกนั ลักษณะอวยั วะในการออกเสยี งสระ สรปุ ไดด้ งั น้ี สระเสียงส้ัน สระเสยี งยาว ช่องปาก ระดบั ล้ิน ริมฝปี าก อิ อี แคบ สว่ นหน้ากระดกข้นึ สูง เหยียดออก เอะ เอ ส่วนหน้ากระดกปานกลาง เหยยี ดออก แอะ แอ ปานกลาง ส่วนหน้าอยู่ในระดับตา่ เหยียดออก อี อือ กวา้ ง สว่ นกลางกระดกข้ึนสูง เออะ เออ แคบ สว่ นกลางกระดกปานกลาง ปกติ อะ อา ส่วนกลางอยใู่ นระดับตา่ ปกติ อุ อู ปานกลาง สว่ นหลังกระดกขน้ึ สูง ปกติ โอะ โอ กวา้ ง ส่วนหลังกระดกปานกลาง หอ่ กลม เอาะ ออ แคบ ส่วนหลังอย่ใู นระดบั ตา่ หอ่ กลม หอ่ กลม ปานกลาง กว้าง สระประสมหรอื สระเล่อื น เสียงในภาษาไทยนอกจากจะจาแนกเป็นเสียงสระเด่ียวหรือสระแท้ ๑๘ เสียงแล้ว ยังจาแนกเป็น เสียงสระประสมหรือสระเลื่อนอีก ๓ เสียง ที่เรียกว่าสระเลื่อนหรือสระประสมเพราะท่ีเกิดจากลมซึ่งเคลื่อนท่ี ผา่ นอวัยวะในชอ่ งปากท่ีมีการเปลย่ี นหรอื เลื่อนเสยี ง ระหว่างสระเดีย่ ว สระประสม (สระเลือ่ น) มี ๓ เสยี ง คอื เอีย (อี + อา) เอือ (ออื + อา) อวั (อู + อา) ข้อสงั เกต อนึ่งตาราหลักภาษาไทยบางตารานับเสียงสระมี ๒๔ เสียง โดยนับสระเดี่ยว ๑๘ เสียง เสียงสระ ประสม ๖ เสียง ซึ่งนอกจาก เอีย เออื อัว แลว้ ยงั มีสระเสียงสั้นอีก ๓ เสียง เอยี ะ เอือะ และอวั ะ แต่คาทใี่ ช้ สระเหล่านี้พบน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นคาเลียนเสียงธรรมชาติ และคาที่มาจากภาษาถิ่นหรือภาษาต่างประเทศ เชน่ ผวั ะ ยัวะ เกย๊ี ะ เจ๊ียะ มะเมยี เปน็ ต้น นักภาษาศาสตร์จงึ ไม่นบั ว่าสระเหล่านีเ้ ป็นเสยี งสาคญั ในภาษา
61 5641 บางตาราก็นับเสียงสระว่ามี ๓๒ เสียงโดยนับสระเดยี่ ว ๑๘ เสียง ไดแ้ ก่ /อะ/ /อา/ /อ/ิ /อ/ี /อึ/ /อ/ื /อ/ุ /อู/ /เอะ/ /เอ/ /แอะ/ /แอ/ /เออะ/ /เออ/ /โอะ/ /โอ/ /เอาะ/ /ออ/ สระประสม ๖ เสยี ง ได้แก่ เอียะ เอีย เออื ะ เออื อวั ะ อวั สระเกนิ ๘ เสียง ไดแ้ ก่ /อา/ /ไอ/ /ใอ/ /เอา/ /ฤ/ /ฤๅ/ /ฦ/ /ฦๅ/ บางตาราไม่นับสระเกินเพราะถอื วา่ เป็นสระท่ีไม่ใช่สระแทๆ้ มีพยัญชนะมาประสม เช่น อา (อะ+ม) มีเสยี งตัว ม เป็นตวั สะกด ไอ (อะ+ย) มีเสียงตัว ย เป็นตัวสะกด ใอ (อะ+ย) มเี สียงตวั ย เป็นตวั สะกด เอา (อะ+ว) มีเสยี ง ว เป็นตัวสะกด ฤ (รึ) (ร + ื) มีเสยี งพยญั ชนะ ร ฤๅ (รอื ) (ร + ื) มีเสยี งพยญั ชนะ ร ฦ (ล)ึ (ล + )ื มเี สยี งพยัญชนะ ล ฦๅ (ลือ) (ล + )ื มีเสียงพยญั ชนะ ล ฉะนั้นบางตาราจึงนับเสียงสระว่า มีเพียง ๒๑ เสียง โดยไม่นับสระเกิน เพราะถือว่าไม่ใช่เสียงสระ แท้ ๆ มีเสียงพยัญชนะประสมอยู่และไม่นับสระประสม /เอียะ/ /เอือะ/ /อัวะ/ เพราะคาประสมสระเหล่านี้ มนี อ้ ยและเปน็ คายมื จากภาษาอื่น
62 6525 แผนภาพอวัยวะทีเ่ กี่ยงข้องกับการออกเสียง หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๗ เรื่อง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ) รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑
63 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๘ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๑ เรื่อง พนื้ ฐานอ่านเขียน เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ) เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนร้ภูวิชาษาภาไาทษยาไทย รายวิชาพพ้ืนน้ื ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ) ขน้ั นา ๑. ใบความรู้ เรอ่ื ง ตาแหนง่ ของสระในภาษาไทย จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรียนจับคู่เล่นเกมทายซฉิ ันช่ืออะไร ใหน้ ักเรียน ๒. ใบงาน เรอื่ ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ) ด้านความรู้ บอกเสียงสระทปี่ รากฏในชอื่ ของเพื่อน ๆ ๓. แผนภมู ติ าแหนง่ ของสระ อธิบายตาแหนง่ ของสระในภาษาไทยได้ ขนั้ สอน ภาระงาน/ชน้ิ งาน ดา้ นทักษะกระบวนการ ๑. ครูใหน้ ักเรยี นสงั เกตจากแผนภมู ิเก่ยี วกบั ครมู อบหมายใหน้ กั เรียน จาแนกสระในภาษาไทยได้ ตาแหนง่ ของสระท้ัง ๒๑ ตัว ซึง่ แตล่ ะตัวจะอยใู่ น ด้านคุณลกั ษณะ ตาแหนง่ ตา่ ง ๆ กนั เช่น อย่หู นา้ พยัญชนะ ฝึกออกเสียงสระท้งั ๒๑ ตวั ๑. มวี ินยั ๒. ใฝ่เรยี นรู้ หลังพยญั ชนะ บนพยัญชนะ เปน็ ต้น ๓. รกั ความเปน็ ไทย ๒. ครใู ห้นักเรียนระดมความคิดเก่ียวกบั การวางสระ ไมถ่ ูกตาแหน่งจะมผี ลอย่างไรพร้อมศกึ ษาใบความรู้ เรือ่ ง ตาแหน่งของสระในภาษาไทย ๓. ครใู ห้นักเรียนทาใบงาน เร่อื ง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ) ๔. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันตรวจใบงาน ให้ ขอ้ เสนอแนะแก้ไขและชมเชยนักเรียนท่ีทาได้ถูกต้อง 56
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ เร่ือง พื้นฐานอ่านเขียน แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๘ 64 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภวิชาษาภาไาทษยาไทย เรื่อง เสยี งในภาษาไทย (เสียงสระ) เวลา ๑ ชั่วโมง ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ รายวิชาพพ้นื ืน้ ฐฐาานนภภาาษษาาไไททยย ข้ันสรปุ ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ลักษณะของสระใน ภาษาไทย เพ่ือทาความเข้าใจตรงกนั และนาไปใช้ได้ อยา่ งถูกต้อง 57
65 5685 การวดั และประเมนิ ผล สงิ่ ทต่ี ้องการวัด/ประเมนิ วธิ กี าร เครื่องมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ตาแหนง่ ของสระในภาษาไทย สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ตรวจใบงาน เรื่อง ใบงาน เรือ่ ง เสียงใน ผ่านเกณฑ์การประเมนิ จาแนกเสียงสระในภาษาไทย เสยี งในภาษาไทย ภาษาไทย (เสียงสระ) รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ได้ (เสียงสระ) ด้านคณุ ลักษณะ ประเมินคุณลักษณะ แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์คุณภาพ ๑. มีวินัย คณุ ลักษณะ ระดับ ๒ ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. รักความเปน็ ไทย ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ................................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันที่..........เดอื น..................................พ.ศ…...…. ๙. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ ......................................ผูต้ รวจ (.........................................................) วนั ท.่ี .........เดอื น..................................พ.ศ…...….
66 5696 ใบความรู้ เรอ่ื ง ตาแหนง่ ของสระในภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๘ เรอ่ื ง เสียงในภาษาไทย (เสยี งสระ) รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ สระอยู่ท่ใี ด สระ ๒๑ รปู มวี ิธเี ขยี นดังนี้ ๑. เขยี นไว้หน้าหยัญชนะมี ๔ รูป ไดแ้ ก่ เ ใ ไ โ ๒. เขียนไว้หลงั พยัญชนะ ๗ รปู ได้แก่ ะ ๅ ฤ ย ร ว อ ๓. เขียนไว้บนพยัญชนะ มี ๕ รปู ได้แก่ ั ิ ่ ๔. เขยี นไว้ล่างพยญั ชนะมี ๒ รูป ได้แก่ ุ ู ๕. เขียนโดด ๆ ไม่ต้องประสมพยญั ชนะมี ๔ รปู ได้แก่ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ๖. ใช้ไดต้ ามลาพังไมต่ ้องประสมกับรปู สระอ่นื มี ๑๗ รปู ได้แก่ ะ ั า ิ ุ ู เ ใ ไ โ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ร อ ๗. ตอ้ งประสมกับรูปสระอื่นมี ๔ รปู ไดแ้ ก่ ่ ย ว ๘. ใชล้ าพงั กไดใ้ ช้ควบกับพยัญชนะกได้ ออกเสียงคลา้ ยมี ร อย่ดู ว้ ย มี ๑ รูป คอื ฤ (ตัว ฤๅ ฦ ฦๅ ตาม หลักกใช้ควบกบั พยัญชนะได้แตไ่ ม่มีทีใ่ ช้) ๙. ใชเ้ ป็นสระกได้ ใช้เปน็ พยัญชนะกได้ มี ๔ รปู ได้แก่ ย ร ว อ
67 6670 ใบงาน เรอ่ื ง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ) หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๘ เร่อื ง เสยี งในภาษาไทย (เสียงสระ) รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ กิจกรรมที่ ๑ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขยี นเครื่องหมาย ✓หน้าข้อความท่ีถูกตอ้ ง และเขียน เคร่อื งหมาย หน้าข้อความทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง ........................ ๑. แหล่งเริม่ ต้นของเสียง คือ ปาก ........................ ๒. เสียงสระ และเสียงพยัญชนะนบั เปน็ เสียงในภาษา ........................ ๓. เสียงทมี่ นษุ ย์ใชเ้ พื่อสอ่ื ความหมาย คือเสยี งในภาษา ........................ ๔. เสียงในภาษาเกิดจากลมเดินทางจากปอดผ่านหลอดลมออกมาทางชอ่ งปากหรือจมูก โดยไม่กระทบส่ิงใดเลย ........................ ๕. อวัยวะตา่ ง ๆ ในปาก เช่น ลิน้ ไก่ ลนิ้ ฟัน เพดาน และริมฝีปาก มีส่วนในการทาให้ เกิดเสยี งในภาษาฟังเปน็ เสยี งตา่ งกนั ออกไป กิจกรรมท่ี ๒ คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามลงในชอ่ งวา่ งต่อไปน้ีให้ถูกต้องเหมาะสม ๑. เสียงในภาษาเรม่ิ ต้นที่ .......................................................................................................................... .......... ๒. เสยี งในภาษาไทยแบ่งออกได.้ ............................เสยี ง ไดแ้ ก.่ ........................................................................... ๓. เสียงสระทอี่ ย่ใู นคาเหลา่ น้ี คือ ซู่ ........................... แซง ............................ งอ .......................... วัว .............................. ๔. นักเรยี นจาแนกคาสระเสียงเด่ยี วแท้ลงในชอ่ งวา่ ง กวน จดื กลงึ ตู้ ขลุย่ เบอื่ เตรียม เทพ เกลด็ เพลีย กดั จาน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ๕. ขดี เส้นใต้คาท่ีมสี ระประสม (สระเล่ือน) ทงุ่ นา ป่าเขา หนองน้า บา้ นเรือน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368