ประวัติพระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำ�เมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่หน่อพุทธภูมิ ผู้สืบสานกระแสพลังเหนือพลังแห่งหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญชาติภูมิ พระอาจารย์วรงคต วิรยิ ธโร ถือก�ำ เนิดที่ อำ�เภอวานรนวิ าส จงั หวัดสกลนคร ในสกลุ “สุวรรณคณุ ” เมือ่ วนั พฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๗ ตรงกบั ปวี อก ขน้ึ ๙ ค่�ำ เดือน ๑๒ โยมบดิ าชอื่ วันดี โยมมารดาชือ่ โสภา เป็นบตุ รคนที่ ๒ในพ่นี อ้ งทง้ั หมด ๓ คน เมอื่ หลวงตาเกิดมานั้น คุณแม่ได้น�ำ ทา่ นไปฝากให้คณุ ยายเลยี้ งท�ำ ใหท้ า่ นได้มีโอกาสค้นุ เคยกบั การเขา้ วัดอยูเ่ สมอมาตงั้ แต่เลก็ โดยหลวงตาเลา่ ว่าในสมัยเด็กนั้นทา่ นเคยไปร่วมพธิ ีพระราชทานเพลงิ ศพของหลวงปมู่ นั่ ภรู ิทัตโต พ่อแม่ครบู าอาจารยใ์ หญ่แห่งสายพระป่าดว้ ย ซง่ึ ในงานนั้นท่านได้มโี อกาสพบเหน็ พระธุดงค์สายพระปา่ ผ้มู ปี ฏิปทาจรยิ วัตรงดงามเรยี บรอ้ ยมาร่วมงานอยา่ งมากมายพบหลวงปู่ดู่ ศึกษากระแสพลังเหนือพลัง ต่อมาหลวงตาไดเ้ ข้ามาอยทู่ ี่กรุงเทพฯ โดยได้เป็นเด็กวดั อย่ทู ่วี ดั เบญจมบพิตร คณะ ๑๑ จากนนั้ ทา่ นได้เข้าท�ำ งานอยู่ที่ธนาคารกสกิ รไทยสำ�นกั งานใหญ่ (ในสมยั น้ันอยู่บรเิ วณซอยอารยี )์ และในชว่ งท่ีท�ำ งานอยนู่ ี้เอง เพื่อนคนหนึง่ ของทา่ นได้ไปบวชท่ีวดั สะแก ท่านจึงไดต้ ามไปงานบวชของเพ่อื นและได้พบกับหลวงปดู่ เู่ ปน็ คร้งั แรก เมอ่ืประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๙-๒๕๒o ครง้ั แรกที่หลวงตาได้พบหลวงปูด่ ูน่ ั้น หลวงปไู่ ด้มอบพระใหท้ ่านมา ๑ องค์ เพ่ือน�ำ ไปใช้กำ�ไวข้ ณะทำ�สมาธิ และสอนให้ภาวนาไตรสรณคมนว์ า่ พทุ ธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณงั คจั ฉามิ สงั ฆงั สรณงั คัจฉามิ ซ่ึงในครั้งแรกที่หลวงตานำ�พระมากำ�ทำ�สมาธิตามท่ีหลวงปู่สอนน้ันท่านก็รู้สึกว่าสามารถทำ�สมาธิได้น่ิงสงบเบาสบายดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและหลังจากนั้นมาจนถึงปัจจุบนั หลวงตาไมเ่ คยไปศึกษากับครูบาอาจารยท์ ่านใดอกี เลยมงุ่ ศึกษากระแสพลังเหนือพลังจากหลวงปู่ด่เู พียงรปู เดียวมาโดยตลอด หลวงตากลา่ วว่า “หลวงปจู่ ะสอนศิษย์แตล่ ะคนไมเ่ หมือนกนั ทา่ นจะดจู ากจริตนิสยั บญุ บารมีของแต่ละคน เวลาชีวประวตั ิ ๐๑๗
หลวงปู่อยู่กับหลวงตาเพียงลำ�พังก็จะสอนอีกแบบหนึ่งไม่เหมือน คนอืน่ หลวงปู่ทา่ นมคี วามรูม้ ากมีบุญบารมีเตม็ ลน้ แล้ว หลวงตา เป็นเพยี งเศษเสยี้ วหนง่ึ ของทา่ นเทา่ น้ัน” หลวงตาได้เล่าให้ฟังเรื่องบุญบารมีอันมากล้นของหลวง ปดู่ ู่วา่ “ในสมัยนนั้ แมห้ ลวงปจู่ ะอายุกว่า ๗o ปี แล้ว แต่ ท่านมีผิวสีชมพูสวยมากใครไปแตะโดนตัวท่านไม่ได้ ท่านมีบญุ บารมีบรสิ ทุ ธม์ิ าก แต่พวกเรายงั มีกิเลสมาก แตะ โดนแลว้ ตวั ท่านจะบวมเลย มคี รงั้ หนึ่งลกู ศิษยข์ อปิดทอง บชู าที่ขาของท่าน ท่านก็เมตตาให้ปดิ แตพ่ อรุ่งเช้าวนั ตอ่ มา ขาของทา่ นบวมทงั้ สองข้างเลย ตัง้ แตน่ นั้ มาทา่ นไม่ อนุญาตให้ใครปิดทองตัวท่านอกี เลย” หลวงตาเล่าพลาง หัวเราะเบาๆ ก่อนทง้ิ ท้ายว่า “ตอนนัน้ หลวงตาเองก็เป็นคน หน่งึ ท่ไี ปปดิ ทองหลวงป่ดู ว้ ย ตอนนั้นเราไมร่ ู้” ในสมัยท่ีหลวงปดู่ ู่ยังมีชีวิตอยนู่ ้นั หลวงปู่และลูกศษิ ยจ์ ะช่วยกัน สร้างพระทุกวันเพื่อฝึกให้ใจอยู่กับพระเสมอและนำ�พระมาใช้กำ�ท�ำ สมาธิภาวนา ซง่ึ หลวงปู่ได้กลา่ วถงึ เรือ่ งพระเคร่ืองท่คี นมกั มองว่าเปน็ เร่อื งงมงายไว้อยา่ งนา่ คดิ วา่ “ตดิ วัตถมุ งคลก็ยังดีกว่าตดิ วตั ถอุ ัปมงคล อย่างนอ้ ยดึงให้ใจเขาตดิอยกู่ ับพระเครื่อง ใหเ้ ห็นพระทกุ วนั ก็เป็นพทุ ธานุสติ ใจเขาก็เป็นบุญ ดกี ว่าปลอ่ ยใหใ้ จเขาไปตดิ อยูก่ ับเหล้ายา กิเลส ส่งิ ไมด่ ”ี และลกู ศิษย์ทา่ นหนึง่ ท่ศี กึ ษาวธิ กี ารสรา้ งพระเคร่ืองของหลวงปู่ไว้อย่างครบถ้วนและช่วยท่านสร้างพระมาตลอดในสมัยนั้นก็คือ “หลวงตาม้า” น่นั เองบวชจิตให้เป็นพระ ในสมยั ทหี่ ลวงตาเปน็ ฆราวาสนนั้ ทา่ นไดเ้ ทียวไปเทยี วมากรงุ เทพฯ-อยธุ ยาเพือ่ ศกึ ษาแนวทางการปฏิบัตติ ่างๆ กบั หลวงปู่ดเู่ ปน็ เวลากวา่ ๑o ปี และมคี วามร้สู ึกวา่อยากบวชพระมาโดยตลอด ต่อมาเม่อื ปรึกษาเรื่องการบวชกบั หลวงปู่ ท่านไดบ้ อกว่าผทู้ ี่จะเป็นพระนน้ั ใจตอ้ งเป็นพระ บวชจิตให้เปน็ พระ ตวั เราก็เป็นพระ โดยทา่ นสอนเรอื่ ง “การบวชจติ ” ไว้วา่ ขณะกราบพระ ขณะนงั่ สมาธิภาวนา กใ็ ห้นกึ วา่ “พุทธงั สรณัง คัจฉาม”ิ เรามีพระพทุ ธเจ้าเปน็ พระอปุ ัชฌาย์ “ธัมมงั สรณัง คัจฉาม”ิ เรามีพระธรรมเป็นพระกรรมวาจาจารย์๐๑๘ ชีวประวตั ิ
“สงั ฆงั สรณงั คจั ฉามิ” เรามพี ระอริยสงฆเ์ ป็นพระอนุสาวนาจารย์ สำ�รวมจติ ให้ดี มีความยินดใี นการบวช ชายก็เป็นภิกษุ หญิงกเ็ ป็นภกิ ษุณ ีพยายามรกั ษาใจให้เป็นพระอย่เู สมอจะมอี านิสงสส์ ูง เนกขมั มบารมขี ั้นอุกฤษฎ์ ตื่นมาก็กราบพระ นง่ั รถ ท�ำ งาน กินขา้ ว อาบน�ำ้ ท�ำ อะไร ก็ใหน้ กึ ถงึ พระ ท�ำ ใจใหอ้ ยู่ในบุญเสมอ ตามองอะไรกใ็ หไ้ ดบ้ ญุ มองพระ ท่องบทสวดมนต์ หฟู ังอะไรกใ็ ห้ไดบ้ ญุได้ยนิ ใครท�ำ บุญกอ็ นุโมทนา ไมใ่ ชห่ ผู ่ึงฟงั แตเ่ ร่ืองนินทาว่าร้ายกัน ใหใ้ จอยู่กับบญุ ไปเร่ือยๆ มันจะเบาสบาย อะไรทไ่ี ม่เปน็ บญุ มนั จะไมอ่ ยากเขา้ ใกล้ ไม่อยากกินเหลา้ เมายาไมอ่ ยากสรา้ งบาปกรรมใดๆ เมอ่ื ใจเป็นพระบอ่ ยๆ เขา้ กายก็จะค่อยๆ เปน็ พระไปเอง ตอ้ งเร่ิมจากข้างในไมใ่ ช่ขา้ งนอก บางคน ขา้ งนอกห่มจวี รเปน็ พระ แตใ่ จเปน็ โจร กไ็ ม่เรียกวา่ เป็นพระตายแล้วเกิดใหม่ก่อนออกบวช แม้หลวงตาจะเปน็ ฆราวาส แตก่ ไ็ ด้บวชใจเป็นพระเร่ือยมา จนกระทง่ั ประมาณ๑ ปี ก่อนจะออกบวชจริง ขณะทท่ี า่ นขับมอเตอร์ไซด์อยทู่ อ่ี ยธุ ยา รถของทา่ นไดโ้ ดนรถยนต์เฉ่ียวจนตัวท่านลอยสูงแล้วตกลงมาหัวโหม่งกับพื้นถนนอย่างรุนแรงจนสลบไป หลงั จากนำ�ตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว หมอบอกวา่ กะโหลกของท่านรา้ ว แต่โชคดมี ากทไ่ี ม่มเี ลือดคงั่ ในสมองและไมม่ ีบาดแผลรนุ แรงใดๆ เลย เพียง ๓ เดอื นกะโหลกก็ประสานกันดีเหมือนเดิม ซ่ึงหลวงตาเลา่ ให้ฟงั ว่า วนั นัน้ท่านห้อยเพยี งพระและสวมแหวนของหลวงปู่เท่าน้ัน ต่อมาเม่ืออาการดีขึน้ ทา่ นจึงไดไ้ ปกราบหลวงปู่ ซง่ึ หลวงป่ไู ด้บอกว่า “ตายแล้วเกิดใหม่ เอง็ มีชวี ติ ใหมแ่ ลว้ ชวี ติ เก่าตายไปแล้ว น่ีคอืชวี ิตใหม่แลว้ ”บวชพร้อมทั้งกายและใจ ๐๑๙ หลงั จากทผ่ี ่านอุบัตเิ หตุครั้งใหญ่ ผา่ นการบวชจิต ผา่ นการศึกษาตามแนวทางปฏิบัตติ า่ งๆ จากหลวงป่ดู ู่มาอย่างเตม็ ภูมิแล้ว หลวงตาก็พรอ้ มจะบวชเป็นพระทงั้ กายและใจ แต่เน่ืองจากหลวงป่ดู ู่ ไม่ไดเ้ ป็นพระอุปัชฌาย์ และท่านได้บอกไวว้ า่ “เวลาบวชตอ้ งดอู ปุ ัชฌาย์ ถ้าอุปัชฌาย์ไมเ่ ปน็ พระ เราก็เปน็พระไม่ได”้ หลวงตาจึงไดไ้ ปอุปสมบทเปน็ พระชีวประวัติ
ภิกษเุ มือ่ วันอาทิตยท์ ี่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๑ เวลา ๑๐.๐๖ น. ณ วัดพุทไธศวรรย์จ.อยธุ ยา โดยม ี พระครภู ทั รกิจโสภณ (หลวงพ่อหวล) เจา้ อาวาสวัดพุทไธศวรรย์(สมณศักด์ปิ จั จบุ ันคือ พระพทุ ไธศวรรย์วรคณุ ) เป็นพระอปุ ัชฌาย.์ พระครูสนุ ทรธรรมนเิ ทศ (บุญสง่ ) เปน็ พระกรรมวาจาจารย.์ พระครพู จิ ติ รกิจจาทร (เสน่ห์) เป็นพระอนุสาวนาจารย ์ โดยได้รบั ฉายาวา่ “กสุ โล” หลังจากบวชแล้ว หลวงตาตอ้ งการจะออกธดุ งค์เลย แต่หลวงพอ่ หวลได้บอกให้อยูใ่ หค้ รบพรรษาก่อน โดยขณะทจี่ ำ�พรรษาอยทู่ ีว่ ดั พทุ ไธศวรรยน์ นั้ หลวงพ่อหวลผู้สืบวิชาสายหลวงพอ่ เทียม วัดกษัตราธิราช และวชิ าเหล็กไหลจากสายหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ ยงั จะถ่ายทอดวิชาอาคมตา่ งๆ ให้กบั หลวงตาดว้ ย ทงั้ ที่ปกติท่านไมเ่ คยถา่ ยทอดวิชาใหใ้ คร แตห่ ลวงตาก็ขอไม่เรียน เพราะทา่ นร้สู กึ วา่ เรอื่ งของคาถาอาคมมีพิธีกรรมมาก ตอ้ งใชเ้ วลาเรียนและจดจำ�มาก และตัวทา่ นเองก็สนใจแต่การปฏบิ ตั ิตามแนวทางของหลวงป่ดู ู่เพยี งรูปเดยี วเท่านนั้ มาตลอด หลงั ออกพรรษา หลวงตากม็ ากราบลาหลวงปเู่ พ่ือออกธดุ งค ์ หลวงปจู่ ึงมอบเงินให้หลวงตา ๕oo บาท รวมทั้งของใชจ้ ำ�เป็นต่างๆ และได้หนั ไปหยบิ รปู หลอ่ หลวงปู่ด่เู น้อื ปนู มาให้ ๑ องค์ แล้วบอกหลวงตาวา่ “เอ็งไปไหน ข้าไปด้วย หากสงสัยอะไรในการปฏบิ ตั ิให้แกถามเอาจากพระองค์น”ี้พระของหลวงปู่วิ่งได้ พูดได้ พระของหลวงตาก็ดิ้นได้เหมือนมีชีวิต หลายทา่ นอาจสงสยั ว่า พระท่หี ลวงปูใ่ ห้มาน้นั เปน็ พระปนู ไม่มชี ีวติ จะพูดบอกตอบค�ำ ถามของหลวงตาได้อย่างไร แต่ในลูกศษิ ยส์ ายหลวงป่ดู ่นู ัน้ ทกุ คนจะรดู้ ีว่า “พระของหลวงปูม่ ีชีวิต” ดังทห่ี ลวงตาเคยเล่าวา่ “มอี ยคู่ รั้งหนง่ึ หลวงปู่น�ำ พระมา ใสใ่ นกะละมัง แล้วให้ลกู ศษิ ยท์ ุกคนทีอ่ ยตู่ รงน้ันซึง่ มีหลวง ตาอยู่ด้วยช่วยกันหลับตาอธิษฐานจิตปลุกเสกพระทุกคนก็ หลับตา แล้วสกั พักกไ็ ด้ยินเสยี งดงั “โกรกกรากๆ” ทกุ คนก็นึกว่าหลวงปู่เอามือลงไปกวนในกะละมังเลย ไม่ไดส้ นใจอะไร ต่อมา ลูกศิษย์คนหนึง่ ที่อยใู่ น ตอนนั้นได้มาเลา่ ให้ฟังวา่ ตอนไดย้ นิ เสยี งนั้นเขา แอบลมื ตาดู ปรากฏวา่ หลวงปไู่ มไ่ ด้เอามือลง ไปกวน ทา่ นเพียงเอามือจับกะละมงั แตพ่ ระ ทอี่ ย่ขู ้างในกลับวิ่งวนไปมา จนเกิดเสียงดงั ๐๒๐ ชวี ประวัติ
พอท่านหันมาเห็นว่าเขาแอบดูท่านเลยทำ�มือจุ๊ปากหา้ มไม่ให้เลา่ ใหใ้ ครฟงั จนทา่ นมรณภาพไปแลว้จึงได้มาเลา่ ให้ฟังทหี ลงั เรือ่ งพระด้ินได้ ลกู ศิษย์หลวงตาบอกว่าเปน็ เร่ืองธรรมดา มหี ลายคนเคยนำ�พระของท่านไปกำ�ทำ�สมาธิแล้วพระเกิดด้ินได้เช่นนีเ้ หมอื นกัน หลวงตาบอกว่า “พระของหลวงปู่หลวงตา ดิ้นได้ พดู ได้ทุกองค”์ เพราะเวลาอธษิ ฐานจิตปลกุ เสกน้นั ท่านจะอาราธนารวมกำ�ลงั บารมีพระพุทธเจ้าทกุ ๆพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์พระโพธสิ ตั ว์ท้งั ปวง เทพ พรหม ทว่ั สามแดนโลกธาตุ บุญบารมขี องทา่ นทงั้ หมด ให้มารวมกำ�ลังกันเป็นกระแสพลังเหนือพลังผ่านพระคาถามหาจักรพรรดิลงไปสู่พระเครื่องทุกองค์ และยังได้อธิษฐานจิตด้วยวิชา “ภตู ิพระพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นวิชาพิเศษในสายหลวงปู่ดู่ท่ีทำ�ให้วัตถุมงคลของท่านทุกองค์สามารถดิ้นได้พูดได้ราวกับมีชีวิตโดยเฉพาะกับผู้ท่ีหมั่นนำ�ไปกำ�ภาวนาจนจิตเกิดความสงบเบาสบายและสามารถจูนพลังงานจิตของตนให้เข้ากับพลังเหนือพลังท่ีหลวงปู่หลวงตาได้อธษิ ฐานไว้ในพระได้แลว้พญานาคที่ถ้ำ�ฮก หลงั จากกราบลาหลวงปดู่ ูแ่ ลว้ หลวงตาไดเ้ ดินทางโดยรถไฟไปยังเชยี งใหม่แล้วเร่ิมออกธุดงค์กำ�หนดจิตตามหาสถานท่ีท่ีมีกระแสพลังงานเก่ียวเน่ืองกับหลวงปู่ดู่ไปเรือ่ ยๆ จนไปถงึ พระบาทสร่ี อย อ.แมร่ ิม จ.เชยี งใหม่ ท่านไดพ้ บกบั ผูเ้ ฒ่าคนหนึง่ท่ีได้บอกเลา่ ถงึ ตำ�บลเมืองนะวา่ มีถ�ำ้ ท่ีมบี รรยากาศสงบ สปั ปายะ เหมาะกับการปฏิบัติธรรม ซ่ึงท่านได้ฟังแล้วรสู้ ึกวา่ มีลักษณะคล้ายกบั ท่ตี ามหาอยู่ ทา่ นจึงไดอ้ อกธดุ งค์ตอ่ไปยังเมืองนะ ๐๒๑ชวี ประวัติ
เมอื่ ธุดงคม์ าถงึ เมอื งนะ ในชว่ งแรกหลวงตาไดไ้ ป พักอยู่ท่ีถำ้�ฮก ซึ่งทา่ นเล่าใหฟ้ ังวา่ “ท่ถี ำ้�ฮกน้ีจะมีงู อยตู่ วั หนึ่ง ตวั สเี ขยี วเหลอื บแดง แล้วมหี งอนด้วย ก็คือพญานาคน่นั หละ่ เค้าจะมาขดตวั อยู่ใกลๆ้ กบั กลดทีเ่ ราปฏิบัติธรรมทกุ วัน แต่เรากไ็ ม่ได้สนใจ อะไร ตา่ งคนตา่ งอยู่” โดยหลวงตาไดอ้ ยปู่ ฏิบัติ ธรรมทีถ่ ้ำ�น้ีประมาณ ๑ เดือน แตเ่ นือ่ งจากถำ้�ฮก เปน็ ถ้ำ�ลึกทม่ี ีทางน�้ำ ใตด้ ินไหลผ่าน ทำ�ให้ถ�ำ้ มีความชืน้ มาก และไม่สะดวกต่อการอยู่ปฏิบตั ิธรรม ทา่ นจึงไดอ้ อกธุดงคห์ าถ้�ำ อ่ืนตอ่ ไปพบถ้ำ�เมืองนะ ถ้ำ�ศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวพันกับหลวงปู่หลวงตา หลงั ออกจากถำ้�ฮก หลวงตาได้ธดุ งคต์ ามกระแสพลังงานของหลวงปู่ดูต่ อ่ ไปเร่ือยๆจนได้พบกับถำ้�เมืองนะซึ่งในสมัยน้ันมีต้นไม้ข้ึนปกคลุมจนมองไม่เห็นปากถำ้�แต่เมื่อแหวกต้นไม้เข้าไปกลับพบว่าในถ้ำ�ซ่ึงเป็นถ้ำ�ร้างนั้นกลับสะอาดสะอ้านมากเหมอื นมีใครมาปดั กวาดเชด็ ถอู ย่ทู ุกวนั ทา่ นจงึ ไดก้ ำ�หนดจิตดกู ็พบว่าใต้ถ้�ำ แหง่ น้ีเปน็เมืองบาดาลและมีพญานาคอยู่เป็นจำ�นวนมากคอยเฝ้ารักษาส่ิงศักด์ิสิทธิ์อย่างหน่ึงท่ีเก่ยี วเนอื่ งกับหลวงปู่ทวดและหลวงป่ดู เู่ อาไว้ ท่านจึงตดั สนิ ใจอยปู่ ฏบิ ตั ิธรรมท่ีถ้ำ�เมอื งนะแห่งน้เี รือ่ ยมาจนถึงปัจจบุ ัน หลังจากจำ�พรรษาท่ีถ้ำ�เมืองนะได้ไม่นานก็มีลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ตามขึ้นมาหาหลวงตาและเล่าใหท้ า่ นฟงั วา่ “หลวงปู่เล่าใหเ้ ขาฟงั หมดทุกอยา่ งวา่ หลวงตาจะไปอยู่ท่ถี ้ำ�ไหน ลักษณะของถ้ำ�เปน็ อย่างไร ท้ังทีห่ ลวงปู่ไมเ่ คยมาทีถ่ ำ้�แห่งนี้ และไมเ่ คยออกจากกฏุ ิของทา่ นทอ่ี ยธุ ยาเลย” ตอ่ มาหลวงป่ดู ยู่ ังได้เมตตาอธิษฐานจิตพระหน้าตัก ๑๙ น้วิ องค์หนึ่งให้ลกู ศิษย์นำ�ขึ้นมามอบให้หลวงตาประดิษฐานไวใ้ นถ�ำ้ เมอื งนะแห่งน้ีอีกดว้ ย นอกจากถ้�ำ เมอื งนะจะมสี ิง่ ศักดิส์ ทิ ธ์ทิ ่ีเก่ียวเนอื่ งกบั หลวงปทู่ วด หลวงปู่ดู่แล้ว ถ้�ำ น้ยี ังมีความเกย่ี วพันกบั หลวงตาเปน็ อย่างมาก โดยหลวงตาเล่าวา่ บริเวณกฏุ ขิ องท่านในปัจจบุ ันนี้ ตอนทพี่ บคร้ังแรกนนั้ ท่านร้สู กึ ค้นุ เคยมาก รู้สึกว่ายังไงก็ต้องเอาตรงน้ีเป็นท่ีพกั ใหไ้ ด้ ทา่ นจงึ ได้ก�ำ หนดจิตดูกพ็ บว่า ท่ตี รงนีเ้ คยเป็นวัดมาก่อนตัง้ แตส่ มัยอยธุ ยา และบริเวณนเี้ ป็นทที่ ี่ทา่ นซึ่งเป็นพระในสมยั น้นั เคยอยูจ่ �ำ พรรษามาก่อน โดยทา่ นได้พบหลกั ฐานเป็นบาตรดินเกา่ ทแี่ ตกหกั ซ่ึงเป็นบาตรเก่าของท่านตัง้ แต่สมัยนั้นอยู่ในบรเิ วณนดี้ ้วย๐๒๒ ชีวประวตั ิ
ภพภมู ิต่างๆทถ่ี ำ�้ เมืองนะ ขณะทปี่ ฏบิ ัติธรรมอยู่ถ�้ำ เมอื งนะ หลวงตาได้เจอกับภพภูมิต่างๆ ท่อี าศัยกนั อยู่ในบริเวณนีบ้ อ่ ยครั้ง โดยทา่ นเลา่ ใหฟ้ งั ว่า “เคยเหน็ เทวดาใสช่ ฎามายนื อย่หู นา้ ถ้�ำ เราเห็นแต่กไ็ ม่ได้สนใจ เขาเห็นเราไมส่ นใจก็เลยบอกวา่ “ตุ๊นีห่ ยิ่งจรงิ วันหลงั ไม่มาดกี วา่ ”หลังจากนัน้ ลองเรียกเขายังไงเขากไ็ มย่ อมปรากฏตัวมาหาอกี เลย หรือบางครัง้ นัง่ พกั อยู่ในถำ้�กเ็ หน็ เหมือนคนเดินผ่านหนา้ ไป แลว้ กเ็ ดนิ หายเข้าไปในผนงั ถ�้ำ ตอ่ หนา้ ตอ่ ตาเลยกม็ ี แตเ่ รากเ็ ฉยๆ ไมไ่ ดส้ นใจอะไร” นอกจากนี้ ลกู ศิษย์หลวงตาจะรกู้ นั ดวี า่ ท่ีถ�้ำ นมี้ เี ทวดาอยูท่ า่ นหนงึ่ ซง่ึ ทุกคนจะเรียกว่า “พีย่ กั ษ์” เวลาใครมาถำ�้ เมืองนะก็มกั จะแวะมากราบไหว้พ่ียักษ์ซึ่งหลวงตาได้หล่อเป็นรูปยักษ์ยืนเฝ้าอยู่หน้าถ้ำ�เสมอเวลาใครมานอนคา้ งปฏบิ ัติธรรมที่ถ้ำ� ก็จะตั้งจติ อธษิ ฐานบอกพ่ียักษไ์ วว้ า่ ต้องการจะต่นื กโ่ี มง พอถึงเวลาทบี่ อกกลา่ วไว้นน้ั บางคนจะไดย้ ินเสยี งกระทืบพื้นดงั ตงึ ๆบางคนก็โดนเคาะหวั บางคนกฝ็ ันวา่ พ่ียกั ษไ์ ปเรยี กในฝันกม็ ี ทำ�ให้แต่ละคนสามารถตื่นขึน้ มาไดต้ รงเวลาโดยไม่ตอ้ งใช้นาฬิกาปลุกเลย ซ่งึ เรื่องพย่ี ักษน์ ี้เป็นเร่ืองท่ีมีหลายคนเคยพบเจอจนกลายเป็นเร่ืองปกตขิ องลูกศษิ ยว์ ดั ถ้�ำ เมืองนะไปแลว้เริ่มสร้างพระตามแนวทางหลวงปู่ดู่ ๐๒๓ ประมาณ ๓ ปีแรก ท่ีหลวงตามาปฏบิ ตั ิธรรมอยถู่ ำ้�เมอื งนะนั้น ทา่ นได้จำ�วัดในโลงศพและยังได้ต้ังจิตอธิษฐานเร่งความเพียรปฏิบัติธรรมอยู่แต่ภายในบรเิ วณถ้�ำ โดยไมอ่ อกไปไหน เพ่ือหวังจะได้บรรลุนิพพานในชาตนิ ี้ แตห่ ลงั จากทที่ า่ นเรง่ปฏบิ ตั ิธรรมพจิ ารณาทบทวนธรรมะตา่ งๆ ทห่ี ลวงปู่ดูไ่ ด้ถ่ายทอดไว้ให้แลว้ ทา่ นก็ได้พบกระแสพลังงานเก่าของตนเองว่าท่านเคยปรารถนาพุทธภูมิมาหลายภพหลายชาตแิ ลว้ ท่านจึงหันมาปฏิบตั ธิ รรมสร้างบารมีตามแนวทางพระโพธิสัตว์เช่นเดียวกับหลวงปู่ดู่ชีวประวตั ิ
ครูบาอาจารย์ของท่านนับแต่นั้นเป็นต้น มา ตอ่ มาเมื่อหลวงปดู่ ู่มรณภาพลงเม่อื วนั ที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๓ ท่านจงึ ไดอ้ อกจาก ถำ้�เพื่อมาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพใน ปพี .ศ.๒๕๓๔ โดยหลวงตาไดพ้ ิจารณาเห็น วา่ เมื่อหลวงปไู่ มอ่ ยูแ่ ล้ว กไ็ ม่มใี ครคอยเปน็หลักในการแผ่เมตตาชว่ ยเหลือภพภมู ทิ ั้งหลาย และสร้างพระเครื่องเพอื่ เปน็ กศุ โลบายให้คนหนั มาปฏบิ ตั ธิ รรมแทนหลวงปูเ่ ลย ในขณะทตี่ วั ท่านเองเปน็ ลูกศิษยท์ ีไ่ ด้ศกึ ษากระแสพลงั เหนือพลังและความรตู้ า่ งๆ จากหลวงปูม่ าอย่างเต็มภมู ิ รวมทงั้ ได้มาอยู่ที่ถำ้�เมืองนะซ่ึงมีสิ่งศักดิ์สิทธ์ิที่รวมกระแสพลังงานอันไม่มีประมาณของหลวงปู่ทวดหลวงป่ดู เู่ อาไว้อีกด้วย ทา่ นจึงควรจะช่วยท�ำ หน้าทวี่ างรากฐาน และเผยแผ่แนวทางการปฏิบัติธรรมสร้างบารมีช่วยเหลือสรรพสัตว์ท้ังหลายและสร้างพระเครื่องเพื่อใช้ในการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงปทู่ วด และ หลวงปดู่ ตู่ อ่ ไป ในช่วงแรกๆ หลวงตาไม่มั่นใจนักว่าจะสามารถท�ำ หน้าที่แทนหลวงปู่ไดห้ รือไม่ แต่เมอ่ื นึกถงึ ท่หี ลวงปู่เคยบอกท่านไวก้ อ่ นออกธดุ งค์ว่า “เอง็ ไปไหน ข้าไปด้วย” ก็ท�ำ ใหท้ า่ นมกี �ำ ลังใจวา่ หลวงปูจ่ ะตอ้ งคอยช่วยให้ทา่ นท�ำ หน้าท่นี ี้ไดส้ ำ�เร็จแน่ หลวงตาจึงไดอ้ ธษิ ฐานจิตวา่ “ถา้ จะให้ทา่ นทำ�หนา้ ท่แี ทนหลวงปูไ่ ด้ ขอใหห้ ลวงปนู่ ำ�ของที่เก่ยี วเนือ่ งกับหลวงปมู่ าใหภ้ ายใน ๓ เดือน” ซึง่ หลงั จากท่านอธิษฐานได้เพยี ง ๒ เดือน ก็มีลกู ศิษยข์ องหลวงปูข่ ้ึนมาทีถ่ ้�ำ และมอบส่งิ ศักดิส์ ิทธคิ์ กู่ ายของหลวงปชู่ ิ้นหนึง่ ให้กบัทา่ นท้งั ที่เขาบูชาของสิง่ นั้นมาในราคาแพงหลักแสน โดยเขากล่าวว่า “อยู่กบั เขาก็ไม่มีประโยชนอ์ ะไร อย่กู บั หลวงตามปี ระโยชนก์ ว่า” และหลังจากนั้นกเ็ รม่ิ มีคนนำ�มวลสารของหลวงปดู่ ู่มาถวายให้ท่านมากมายหลายอย่าง ทา่ นจงึ ได้เร่ิมเผยแพรแ่ นวทางการปฏิบัติธรรมในสายโพธิญาณและสร้างพระตามแนวทางของหลวงปู่ดู่เรื่อยมาตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ. ๒๕๓๔ จนถงึ ปัจจุบนัการอธิษฐานจิตพระเครื่องด้วยบุญฤทธิ์ การอธิษฐานจิตปลุกเสกพระในสายหลวงปู่ดู่น้ันท่านจะไม่ใช้คาถาอาคมในการปลกุ เสกเพราะเปน็ ก�ำ ลงั ของผปู้ ลกุ เสกเพยี งคนเดยี ว มพี ลงั งานน้อย และอาจเสอ่ื มคลายได้ แต่ทา่ นจะเนน้ การใช้บญุ ฤทธ์ิ อธษิ ฐานจติ รวมกระแสบญุ บารมีของพระพทุ ธเจา้ พระปัจเจกพุทธเจา้ พระธรรม พระอรยิ สงฆ์ พระโพธสิ ตั ว์ เทพ พรหม๐๒๔ ชีวประวตั ิ
ทุกพระองค์ให้มารวมกำ�ลังกันเป็นกระแสพลังเหนือพลังผ่านพระคาถามหาจักรพรรดิลงไปสู่พระเครื่องทกุ องค์ เพราะพลังงานบุญบารมีแหง่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์น้ัน เป็นพลงั งานบริสุทธิ์ท่ีไม่มีวันเสอื่ ม และมีพลังงานมากอยา่ งไม่มปี ระมาณ สามารถอธิษฐานใชไ้ ด้ทกุ ทาง ดงั คำ�อธษิ ฐานจิตปลกุ เสกเหรยี ญยนั ต์ดวงของหลวงปูด่ ูท่ ีว่ า่ “วนั น้ีเปน็ วันดี วนั เสาร์หา้ ขึ้นหา้ ค�่ำ เดือนห้า ข้าเสกเตม็ ท่ี ข้าอัญเชญิ บญุบารมีขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าท้ังแสนโกฏิจักรวาลมารวมเป็นพลังเหนือพลังและอัญเชิญดวงขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งแสนโกฏิจักรวาลมารวมเป็นดวงเดียวกัน เปน็ ดวงเหนือดวง พระผงดวงนี้ รวมท้งั เหรยี ญดวงนี้ จะมพี ุทธานุภาพมากผู้ใดน�ำ ไปบชู า ถงึ เขาผนู้ ้นั จะดวงตก แตพ่ ทุ ธานุภาพโดยไม่มีประมาณของดวงเหนอืดวง พลังเหนอื พลงั กจ็ ะคุ้มครองใหร้ อดปลอดภยั จากสิ่งอัปมงคล ผีปีศาจ คณุ ไสยมนต์ด�ำ ภยั พบิ ัตทิ ่ีจะเกิดขน้ึ ให้หนกั เปน็ เบา ทเุ ลาเป็นหาย แม้ผู้ใดถูกผปี ีศาจเขา้ สิง ให้น�ำ พระมาทำ�นำ�้ มนตด์ ืม่ กนั ก็จะหายจากคุณไสย ภูตผิ ปี ีศาจ และสิง่ อปั มงคลทัง้ ปวงแม้แตค่ นทีด่ วงดนี �ำ ไปบชู า กจ็ ะเกดิ โชคดี เป็นมงคล มีเสนห่ ์ เป็นท่รี ักใครต่ ่อคนทั้งหลาย รอดปลอดภยั จากภยั พิบัตทิ งั้ หมดท้งั มวล” “เหรยี ญดวงโพธิญาณกำ�ลังแผน่ ดิน” ก็เป็นพระเครอ่ื งรุน่ หน่ึงที่หลวงตาตั้งใจสรา้ งและอธิษฐานจิตตามแนวทางของหลวงปู่ดอู่ ยา่ งเต็มท่ี โดยท่านใชค้ วามพยายามรวบรวมมวลสารตา่ งๆ ของหลวงปู่ดู่ และมวลสารศักด์ิสิทธ์ิจากท่ัวประเทศเป็นเวลากวา่ ๕ ปี เพื่อใหเ้ ป็นเหรียญทผี่ นึกรวมพลงั อันศักดสิ์ ทิ ธจ์ิ ากทั่วแผน่ ดินเขา้ มาไวเ้ ปน็หนง่ึ เดียวกบั พลังบุญบารมแี ห่งโพธิญาณอนั ไม่มีประมาณของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญให้เป็นเหรียญทมี่ พี ลังเหนือพลงั สามารถใชบ้ ูชาแทนเหรยี ญยนั ตด์ วงของหลวงปูด่ ู่ซึ่งหาบูชาไดย้ ากในปจั จุบนั ได้ ดังทีห่ ลวงตากล่าวไวว้ า่ “ใครท่ีไม่มีเหรยี ญดวงของหลวงปดู่ ู่ เหรยี ญดวงโพธญิ าณนสี้ ามารถใชแ้ ทนไดไ้ ม่ยง่ิหยอ่ นไปกวา่ กัน เพราะมดี วงและรูปลกั ษณข์ องหลวงปูด่ อู่ ยู”่ พระเครื่องทุกรุ่นท่ีหลวงตาเมตตาสร้างขึ้นตามแนวทางของหลวงป่ดู ูน่ น้ั นอกจากจะมีพทุ ธคณุสูงล้นในทุกด้านแล้วพระเครื่องของท่านยังมีความพิเศษไม่เหมือนใคร คือ สามารถนำ�องค์พระไปใช้ก�ำเวลาสวดมนต์ทำ�สมาธิเพ่ือช่วยให้จิตเกิดความสงบได้ ๐๒๕ชีวประวตั ิ
ง่ายข้นึ สามารถดน้ิ ได้ พูดได้ ราวกบั มชี วี ิต และ ยังปรากฏมีพระธรรมธาตุเป็นแก้วใสข้ึนบนพระ เคร่ืองของหลวงตาแทบทุกองค์ไม่ว่าจะเป็นเน้ือ ผง เนอื้ โลหะ แหวนรุ่นตา่ งๆ หรือแมแ้ ต่ “เหรียญ ดวงโพธญิ าณก�ำ ลงั แผ่นดนิ ” ซง่ึ เปน็ เหรียญเน้อื โลหะท่ีเพ่ิงสร้างได้ไม่นานก็ปรากฏว่ามีพระธรรมธาตุเสดจ็ ขน้ึ บนเหรียญเปน็ จำ�นวนมากมายอีกดว้ ยการสร้างพระเครื่องของหลวงตาม้า การสร้างพระเครอ่ื งของหลวงตาม้าน้นั ทา่ นจะน�ำ มวลสารตา่ งๆ ของหลวงปู่ดมู่ าผสมรวมกบั ปูนซีเมนต์ขาวและน�ำ้ มนต์จักรพรรดิ จากน้นั จงึ น�ำ ไปกดพมิ พอ์ อกมาแล้วนำ�ไปอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วยกระแสพลังเหนือพลังแห่งพระคาถามหาจักรพรรดิโดยนับแต่ครั้งแรกทเ่ี ริ่มสร้างพระจนถงึ ปจั จุบนั นนั้ หลวงตาไดส้ รา้ งพระผงจกั รพรรดิตามแนวทางของหลวงปดู่ ู่ไว้แล้วมากกวา่ ๑๐ ลา้ นกวา่ องค์ ท่านสร้างพระทุกวนั เพอื่ใหใ้ จไดอ้ ยกู่ บั พระเป็นพุทธานุสสติกรรมฐานอยเู่ สมอ ดกี ว่าให้ใจไปอยู่กบั กเิ ลสราคะตณั หาสง่ิ ไมด่ ีอื่นๆ พระสว่ นหน่งึ ท่านจะเกบ็ ไวใ้ นไห แล้วน�ำ ไปไว้ตามถ้ำ�หรอื วัดตา่ งๆ เพอ่ื สบือายุพระศาสนาต่อไปและพระอีกส่วนหนึ่งท่านจะนำ�มาแจกให้ลูกศิษย์นำ�ไปใช้กำ�สวดมนตเ์ จรญิ ภาวนากัน โดยท่านสรา้ งเพือ่ แจกเพยี งอย่างเดียว ไม่ไดท้ ำ�เพ่ือจำ�หนา่ ย ทจ่ี ำ�หน่ายมีต่างหากเปน็ กรณีเฉพาะ เชน่ พระเนือ้ โลหะที่มีต้นทนุ สูง อาทิ “เหรียญดวงโพธญิ าณก�ำ ลังแผน่ ดนิ ” ซงึ่ ปัจจัยทุกบาททุกสตางคท์ ไี่ ด้จากการเชา่ บชู ากจ็ ะเขา้ สมทบกองทนุ พุทธพรหมปัญโญ เพื่อใชใ้ นงานบญุ ตา่ งๆ ของทางวดั อาทิ สง่ เดก็ นักเรียนในหมบู่ ้านตำ�บลเมอื งนะเรยี นหนังสอื กวา่ ๔๐ คน คา่ แรงงานจา้ งเด็กเลีย่ มกอบพระ กอ่ สรา้ งถาวรวัตถุในพระพทุ ธศาสนา รวมทั้งเปน็ คา่ ใชจ้ ่ายในการสร้างพระผงเพือ่ แจกแกผ่ สู้ นใจนำ�ไปใช้ฝึกสมาธิภาวนาตอ่ ไป หลวงตากลา่ ววา่ พระผงจักรพรรดนิ ้ี ใครอยากได้ตอ้ งมาขอท่ถี ำ้� ท่านจะมอบพระท่เี ล่ยี มพลาสติกแลว้ พร้อมประค�ำ ให้ ทา่ นบอกวา่ ถ้าไม่เล่ียมให้ เมื่อไดไ้ ปแล้ว ก็มักจะเอาไปวางไว้ไมเ่ อามาใชส้ วดมนตภ์ าวนากัน สว่ นประค�ำ กร็ ้อยใหเ้ พอื่ จะได้น�ำ พระมาหอ้ ยคอเพื่อใช้ปฏิบัติธรรมได้เลย ในเวลาวา่ งๆ หลวงตาจะนง่ั รอ้ ยประค�ำ ท่แี จกลกู ศิษยด์ ้วยตนเอง และยงั สามารถใชน้ ับเวลาสวดภาวนาพระคาถามหาจกั รพรรดิได้๐๒๖ ชีวประวตั ิ
ด้วยวา่ สวดไปกจี่ บแล้ว โดยทีท่ า่ นเมตตาทำ�ให้ทกุ อย่างโดยไม่เห็นแก่ความเหนอ่ื ยยากเลยน้นั ก็เพื่อต้องการใหล้ ูกศิษยท์ ุกคนสามารถนำ�พระเครอื่ งมาใช้ให้เกิดประโยชนท์ งั้ทางโลกและทางธรรมไดอ้ ย่างเต็มท่ีและทันทว่ งทีนน่ั เองพระเครื่องของหลวงตาใช้ปฏิบัติธรรมได้ พระเคร่ืองที่หลวงตาสร้างข้ึนด้วยวิชาท่ีสืบทอดมาจากหลวงปู่ดู่น้ันท่านไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อใช้เป็นเครื่องรางของขลังคุ้มครองป้องกันภัยดังท่ีมีผู้พบประสบการณ์กันอย่มู ากมายเท่านั้น แตพ่ ระท่ีท่านเมตตาอธษิ ฐานจติ ปลกุ เสกสรา้ งขึน้น้นั ยังสามารถน�ำ ไปใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการปฏิบตั ธิ รรมได้อีกด้วย โดยท่านจะมอบพระเคร่ืองให้ลูกศิษย์นำ�ไปใช้กำ�ไว้ขณะสวดมนต์ทำ�สมาธิภาวนาเพ่ือเป็นกำ�ลังใจในการปฏบิ ัตธิ รรม เพราะผู้ปฏบิ ตั ิบางคนอาจเกิดความร้สู กึ หวาดกลัวในขณะท่ีปฏิบตั ิธรรม กลัวความมืด กลัวภาพผี กลัวภาพนิมติ กลวั เสยี งต่างๆ แต่ถา้ มีพระอยใู่ นมือ กเ็ หมือนมหี ลวงปดู่ ู่ หลวงตาม้า คอยดแู ลอยูใ่ กลๆ้ ทำ�ให้เกดิ ก�ำ ลงั ใจมากขึ้น ความหวาดกลัวตา่ งๆ กจ็ ะลดน้อยลงไป จิตก็จะคลายกังวลสงบนงิ่ เปน็ สมาธไิ ด้ง่ายขึน้ ขณะทกี่ ำ�พระนั้นในใจกใ็ หภ้ าวนาไตรสรณคมนว์ า่ “พทุ ธงั สรณัง คจั ฉาม,ิธมั มัง สรณัง คจั ฉาม,ิ สงั ฆงั สรณัง คัจฉามิ” หรือ อติ ปิ ิโสฯ หรอื พระคาถามหาจกั ร พรรดิ พรอ้ มกบั กำ�หนดภาพพระไปด้วย อาจจะเป็นพระพทุ ธรปู ท่เี ราชอบใจ ภาพหลวงปทู่ วด ภาพหลวงป่ดู ู่ ภาพหลวงตาม้า หรือกำ�หนดใจอยู่กับพระเครื่องทอ่ี ยใู่ นมือเราก็ได้ซ่งึ ถือเปน็ การปฏิบตั ธิ รรมในแบบพุทธานสุ สติ หรือ สงั ฆานสุ สติ คือ เป็นกรรมฐานอย่างหนึ่งน่ันเองโดยพระเครื่องท่ีกำ�อยู่ในมือนั้นเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถกำ�หนดจิตอยู่กับพระได้ง่ายขนึ้ เพราะสามารถมองเห็นจับต้องสัมผัสกำ�หนดองคภ์ าวนา คือภาพพระพุทธพระสงฆ์ ได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมจากพระชีวประวตั ิ ๐๒๗
เคร่อื งทีก่ ำ�อยู่นน้ั โดยตรง นอกจากน้ี พระเครื่องของ หลวงตาทุกองค์ยังได้ผ่านการอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย วชิ า “ภตู ิพระพุทธเจ้า” ซง่ึ ทำ�ใหพ้ ระเคร่ืองของท่าน สามารถดิน้ ได้พูดได้ราวกับมชี ีวิต ดังนัน้ ผปู้ ฏิบัติ ที่หม่ันนำ�พระของท่านไปกำ�สวดมนต์ภาวนาอยู่ เสมอจนจิตสงบเบาสบาย และสามารถจนู พลังงาน จิตของตนให้เข้ากับพลังเหนือพลังอันบริสุทธิ์ท่ี ท่านได้อธิษฐานไว้ในพระได้ย่อมสามารถนำ�พระ ของท่านมาใช้กำ�ภาวนาถามตอบแนวทางในการปฏิบัติ ธรรมต่างๆ ได้ ราวกบั มหี ลวงปดู่ ู่ หลวงตามา้ มาคอยตอบขอ้ สงสยั ตา่ งๆ อยเู่ บือ้ งหนา้ ตนเลยทเี ดยี ว โดยบางคนกไ็ ด้ยนิ เปน็ เสียง บางคนเหน็ เปน็ภาพนมิ ติ หรอื บางคนหลับไปแล้วฝันวา่ หลวงปทู่ วด หลวงป่ดู ู่ หลวงตาม้า มาสอนธรรมะต่างๆ เลยก็มี ซง่ึ ประสบการณอ์ ันเหลอื เชอ่ื เช่นน้ี เปน็ สิ่งทีผ่ ู้หม่ันนำ�พระของทา่ นไปใช้ปฏิบัติธรรมอยเู่ สมอ จะสามารถพสิ ูจนใ์ ห้เห็นจรงิ ได้ดว้ ยตนเองพระธรรมธาตุบนพระเครื่องของหลวงตา พระผงและพระเครือ่ งของหลวงตา นอกจากจะสามารถถามตอบแนวทางการปฏบิ ัติตา่ งๆ ไดแ้ ล้ว กระแสพลงั เหนือพลังที่หลวงตาได้อธิษฐานจติ ปลุกเสกไวใ้ นพระเคร่ืองทุกองค์น้ันยังเป็นพลังงานอันบริสุทธ์ิที่จะช่วยโน้มน้าวให้จิตของผู้นำ�พระไปก�ำ ท�ำ สมาธิภาวนาน้ัน เกิดความสะอาด สวา่ ง สงบเย็น เบาสบาย ไดง้ ่ายขึน้ ดว้ ย ดังจะสงั เกตได้ว่าพระเครื่องของท่านมีลกั ษณะทพ่ี เิ ศษกว่าพระเคร่อื งอืน่ ๆ เช่นเดยี วกบั พระเคร่ืองของหลวงปู่ดู่อาจารย์ของท่านน่ันคือมีพระธรรมธาตุเป็นแก้วใสปรากฏข้ึนบนพระเครอ่ื งของทา่ นแทบทกุ องค์ ไมว่ ่าจะเปน็ เนอ้ื ผง เน้อื โลหะ หรือแมแ้ ต่ “เหรียญดวงโพธญิ าณก�ำ ลังแผ่นดนิ ” ซึ่งเปน็ เหรียญเนื้อโลหะท่เี พงิ่ สร้างได้ไม่นาน ก็พบวา่ มีพระธรรมธาตุปรากฏขึ้นบนเหรียญทีเ่ หลา่ ลูกศษิ ยล์ กู หาน�ำ ไปบชู าเปน็ จำ�นวนมาก วตั ถใุ ดกต็ ามท่มี กี ระแสพลงั งานจติ อนั บริสทุ ธิ์ไหลผ่าน วตั ถุนน้ั ก็จะถูกฟอกให้มีความบริสุทธ์ิไปด้วยเช่นเดียวกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท้ังหลายที่ท่านได้ปฏิบัติธรรมฟอกชำ�ระจิตใจจนสะอาดบริสุทธิ์ห่างไกลกิเลสแล้วธาตุขันธ์ของท่าน ไมว่ า่ จะเปน็ กระดูก เล็บ เส้นผม ก็จะถกู ฟอกใหส้ ะอาด จนกลายเปน็ พระธาตแุ ก้วใสบริสุทธิ์ แม้แต่ชานหมาก พระเคร่อื ง ของใช้ต่างๆ ของทา่ น ก็อาจถูกฟอกจนกลายเปน็๐๒๘ ชีวประวตั ิ
พระธาตุไปดว้ ย ดงั ปรากฏใหเ้ หน็ กับหลวงปคู่ รูบาอาจารยห์ ลายท่าน เช่น หลวงปู่ม่นั หลวงปู่แหวน หลวงพอ่ ฤาษีลงิ ดำ� หลวงปู่ดู่ เป็นตน้ สว่ น “พระธรรมธาต”ุ ทป่ี รากฏข้ึนบนพระเครอ่ื งของหลวงตานนั้ หลวงตาไดอ้ ธบิ ายวา่ มสี าเหตมุ าจากกระแสบุญบารมีอนั บริสุทธ์ขิ องพระพทุ ธเจา้ พระธรรมพระอริยสงฆ์ พระโพธสิ ตั ว์ เทพพรหม ทุกๆ พระองคท์ ที่ า่ นได้เมตตาอธษิ ฐานจิตรวมกระแสพลังเหนือพลังเหล่าน้ันลงไปในพระเครื่องทุกองค์นั่นเองท่ีได้เข้าไปฟอกใหพ้ ระเคร่ืองเกดิ ความสะอาดบริสุทธ์ิจนเกดิ พระธรรมธาตุ เป็นเมด็ แกว้ ใสข้ึน และมีลูกศิษย์หลายคนท่ีหมั่นนำ�พระของท่านไปใช้กำ�สวดมนต์ภาวนาอยู่เสมอได้มีพระธรรมธาตุปรากฏเพิ่มขึ้นกว่าคร้ังแรกที่ได้รับพระจากท่านไปและในบางคนมีพระธรรมธาตเุ พิม่ ขึน้ มามากจนดนั ให้กรอบพลาสตกิ ที่เลีย่ มเอาไว้แตกรา้ วไปเลยกม็ ี เร่ืองพระธรรมธาตนุ ี้ หลวงตากลา่ วว่า ขึ้นอยกู่ บั บญุ บารมแี ละการหมั่นน�ำ ไปใช้ปฏิบตั ธิ รรมของแตล่ ะคนเพราะทกุ คร้ังทนี่ ำ�พระไปใช้กำ�สวดมนตภ์ าวนาน้นั กระแสพลังงานอันบริสุทธ์ิจากบุญกุศลที่ได้ปฏิบัติธรรมไปนั้นจะแผ่ผ่านลงสู่พระเครื่องทุกคร้ังไป โดยหลวงตายงั เลา่ ใหฟ้ งั ด้วยว่า พระเคร่อื งของหลวงปดู่ ู่ หรอื ของท่านเองน้นั หากหมัน่ นำ�ไปใช้ปฏิบัตธิ รรมอย่เู สมอแล้ว ต่อไปในอนาคตจะกลายเปน็ แก้วไปทง้ั องค์ ดงั ทีเ่ คยมีบางคนเผลอท�ำ พระเครอื่ งของทา่ นหลน่ แตกโดยไมเ่ จตนา ปรากฏว่าไส้ในของพระเคร่ืองท่ีทำ�ขึ้นจากปูนซีเมนต์ขาวธรรมดานี้ได้กลายเป็นแก้วใสไปท้งั หมดอย่างนา่ อศั จรรยย์ ง่ิแสงสว่างแห่งบุญจากพระเครื่องของหลวงตา กระแสพลังงานแห่งบุญบารมีอันบริสุทธิ์ท่ีหลวงตาได้อธิษฐานจิตรวมลงสู่พระเครื่องของท่านทุกองค์น้ันนอกจากจะสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม จากพระธรรมธาตุท่ีเกดิ ขึน้ บนพระเคร่ืองทที่ ่านสรา้ งแลว้ ยงั มลี กู ศิษย์หลายคนไดเ้ คยเห็นกระแสพลังงานแห่งบุญอันสว่างไสวน้ันอย่างชัดเจนด้วยตนเองอีกด้วยโดยเวลานำ�พระมาใช้สวดมนต์ภาวนานั้นหลวงตามักจะแนะนำ�ให้ปิดไฟหรือจุดเทียนไว้ให้มีแสงสวา่ งเพียงไมม่ าก เพ่ือให้มีชีวประวตั ิ ๐๒๙
บรรยากาศสงบ สปั ปายะ เหมาะแก่การปฏิบตั ธิ รรม และยงั ช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถพิสูจน์ศึกษากระแสพลังงานแห่ง บญุ ไดด้ ้วยตนเองอีกด้วย โดยมีลกู ศษิ ยท์ ่ีนำ�พระของท่าน ไปหลบั ตาสวดมนตภ์ าวนาหลายคน เมือ่ ภาวนาไปจน จิตสงบสบายสักพักหน่ึงแล้วแม้จะหลับตาอยู่และ ปิดไฟในห้องมืดสนิทแต่กลับเห็นแสงสว่างสีนวลๆ สอ่ งผา่ นเปลอื กตาทห่ี ลบั อยู่เข้ามาอยเู่ สมอ บางคนก็ ตกใจ ลมื ตาดูว่าแสงอะไร แตเ่ ม่อื ลืมตาดูก็พบแต่หอ้ ง มืดสนิท ปราศจากแสงไฟใดๆ ส่องผ่านมา โดย แสงสว่างเหลา่ น้ี ไม่ใชจ่ ะเหน็ เฉพาะตอนหลบั ตา สวดมนตภ์ าวนาเทา่ น้ัน บางคนแมแ้ ตล่ ืมตาอยู่ กส็ ามารถมองเหน็ แสงสว่างนั้นได้ หลวงตาได้ เมตตาอธิบายวา่ นั่นคือแสงสว่างแห่งบุญ ทุก ครัง้ ทเ่ี ราทำ�บญุ ไม่วา่ จะเป็นใส่บาตร สวดมนต์ นง่ั สมาธิ จะมีแสงสว่างแหง่ บุญน้ันปรากฏขึ้นเสมอเพียงแต่จิตเรา ยังไม่เบาสบายหรือน่ิงละเอียดพอที่ จะเหน็ แสงสวา่ งนนั้ ไดเ้ ท่านนั้ แต่ เม่ือนำ�พระมากำ�สวดมนต์ภาวนาจนจิตน่ิงเบาสบาย ดีแล้วก็ย่อมจะสามารถเห็นแสงสว่างอันเกิดจากบุญกุศลท่ีตนได้ท�ำ ไว้รวมทงั้ แสงสว่างจากเทพพรหมทัง้ หลายทมี่ าอนุโมทนากบั บุญทีเ่ ราไดท้ �ำ และแสงสวา่ งแห่งบญุ บารมีอันบรสิ ทุ ธข์ิ องพระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระอรยิ สงฆ์ พระโพธิสัตว์ เทพ พรหม ทกุ ๆ พระองค์ ทห่ี ลวงตาไดอ้ ธษิ ฐานจติ รวมลงสพู่ ระเครือ่ งของท่านได้ ทุกๆ ครง้ั ท่หี ลวงตาสวดบทพระมหาจักรพรรดิ หรืออธิษฐานจิตปลกุ เสก พระเครื่องต่างๆ น้นั ทา่ นจะอธิษฐานจิตรวมบญุ บารมีอันไม่มีประมาณทั้งหมดส่งเปน็ กระแสพลังเหนือพลังไปสู่พระเคร่ืองทท่ี ่านได้เคยสร้างไว้ทุกๆ องคเ์ สมอ ดงั นน้ั จงึ เท่ากับว่าพระเคร่ืองทีท่ ุกท่านได้รับจากหลวงตาไปทุกๆ องคน์ ั้น ไดร้ ับการอธิษฐานจิตปลุกเสกจากหลวงตาอยู่ตลอดเวลาและหากหมั่นนำ�ไปสวดมนต์ภาวนาทำ�จิตให้เบาสบายดีๆ แล้ว ก็อาจมีโอกาสไดเ้ ห็นแสงแหง่ บญุ บารมที ่ีหลวงตาได้เมตตาอธิษฐานจติ๐๓๐ ชีวประวัติ
ไปสู่พระเครื่องทุกองค์เพื่อคอยช่วยเหลือดูแลลูกศิษย์ลูกหาทุกคนท้ังทางโลกและทางธรรมด้วยตาของตนเองดังท่ีมีลูกศิษย์หลายคนได้เคยพบเห็นและพิสูจน์จนแจ่มแจ้งชัดเจนมาแล้ว กระแสบุญบารมีอันบริสุทธ์ิสว่างไสวที่หลวงตาได้อธิษฐานจิตรวมลงสู่พระเคร่ืองของท่านทุกองค์นี้เองทำ�ให้นอกจากจะใช้พระเครื่องของท่านในการปฏิบัติธรรมไดแ้ ล้ว ยังสามารถนำ�มาใชแ้ ผบ่ ญุ สอ่ งสว่างชน้ี ำ�ทางใหเ้ หลา่ ภพภมู ทิ ้ังหลายท่ียงัวนเวียนทุกข์ทรมานในโลกน้ีให้ได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีมีความสุขมากขึ้นรวมทั้งยังสามารถใช้โน้มนำ�ให้เหล่าภูตผีปีศาจหรือเจ้ากรรมนายเวรท้ังหลายที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเจบ็ ไข้ไดป้ ว่ ย อุบัติเหตุต่างๆ ชวี ิตล�ำ บาก การเงนิ ไม่คลอ่ งตวั ฯลฯ ให้กลับกลายมาเปน็ มิตรกับเรา มารว่ มด้วยช่วยกันกบั เราสรา้ งบญุ กศุ ลตอ่ ไปไดอ้ กี ด้วย หลวงตาไดญ้ ัตติเป็นพระปา่ สายธรรมยตุ นกิ าย เมื่อวันท่ี ๒๔ เดอื นมถิ ุนายนพ.ศ. ๒๕๓๔ โดยมี พระธรรมดลิ ก (พระพุทธพจนวราภรณ์, จันทร์ กุสโล) เจ้าอาวาสวัดเจดย์หลวงวรวหิ าร อ.เมอื ง จ.เชียงใหม่ เปน็ พระอุปัชฌาย ์ พระครูปลัดทวี เจ้าอาวาสวัดป่าห้วยน้�ำ รนิ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ พระครูปลดั ธรรมจรยิ วัฒน์ (พระโสภณธรรมสาร, ฤทธริ งค์ ญาณวโร) เจ้าอาวาสวัดป่าดาราภริ มย์วรวหิ าร อ.แมร่ ิม จ.เชียงใหม่ เป็นพระอนสุ าวนาจารย์ชีวประวัติ ๐๓๑
ประวัติความเป็นมาของวัดพุทธพรหมปัญโญ หรือ วัดถ้ำ�เมืองนะหมู่ ๑ บ้านเมืองนะ ตำ�บลเมืองนะ อำ�เภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่คำ�ขวัญประจำ�อำ�เภอเชียงดาว เชียงดาวชายแดน ถ้�ำ สวยดอยสงู พระสถปู เมอื งงาย กำ�เนดิ สายแมป่ งิ อำ�เภอเชียงดาว จังหวดั เชียงใหม่ เปน็ เมืองเก่าแกโ่ บราณเมืองหน่ึง มีอายุอยา่ งน้อยท่ีสุดประมาณ ๗๑๓ ปี นับถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ลักษณะภมู ิประเทศ เป็นบริเวณป่าไม้ภูเขาสงู สภาพภมู ิอากาศ มี ๓ ฤดู คือในช่วงเดือนกรกฎาคม ถงึ เดอื นกันยายน เป็นช่วงทมี่ ีฝนตกชุกมากที่สุด ฤดูหนาว มีชว่ งระยะเวลายาวนานมากคอื ตงั้ แต่เดอื นพฤศจิกายน ถึง เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ สว่ นฤดูร้อนต้ังแตเ่ ดือนมนี าคม ถงึ เดือนเมษายน แต่สภาพอากาศไม่ร้อนมากนกั ประมาณ ๒๗องศาเซลเซียส อ�ำ เภอเชยี งดาว ประกอบไปด้วย ๗ ตำ�บล คอื ต�ำ บลเชียงดาว, ตำ�บลแมน่ ะ,ต�ำ บลเมืองงาย, ต�ำ บลเมอื งคอง, ตำ�บลปงิ โคง้ , ตำ�บลทงุ่ ข้าวพวง และ ตำ�บลเมอื งนะประวัติความเป็นมาของตำ�บลเมืองนะ จากค�ำ บอกเล่าของคนเกา่ แก่ซงึ่ เลา่ สบื ตอ่ กันมาว่า ต�ำ บลเมืองนะน้ีพระสมณโคดมหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันได้เสด็จมาโปรดมนุษย์และสรรพสัตว์ท้ังหลายเมื่อพระพุทธองค์เสดจ็ มาถึงเทือกเขาแห่งหนึง่ ซ่ึงเปน็ ท่รี วมของแมน่ ำ้�หลายสาย ซึ่งปัจจบุ นัเรยี กว่า “สนั ดอยถ้วย” พระพุทธองค์ทรงเสด็จประทบั ณ ใตต้ น้ ไมใ้ หญ่ เม่ือชาวบ้านทั้งหลายได้ทราบข่าวก็พากันมากราบสักการะบูชาไม่เพียงแต่มนษุ ยเ์ ทา่ นัน้ แม้แตส่ ตั วเ์ ดรจั ฉานก็มาร่วมกนั กราบสักการะบูชาดว้ ย ในบรรดาสัตว์เหล่าน้ันมีพญาช้างเผือกเชือกหน่ึงเกิดความศรัทธาได้เก็บเอาผลไม้มาถวายคือผลนะหรือลกู สมอ เมอื่ พระพทุ ธองคร์ บั ผลนะหรอื ลกู สมอก็กลายเป็นทองค�ำ ทันที พญาชา้ งเผือกจงึ ได้ถวายตวั รับใช้พระพุทธองค ์ อยตู่ ่อมาวันหนึง่ พญาชา้ งเผอื กลงไปเลน่ น�้ำ ในล�ำ ธารใกล้ๆ ได้มีพรานป่าใจดำ�อ�ำ มหิตมาพบเขา้ ได้รมุ ท�ำ รา้ ยพญาชา้ งเผือกจนขาดใจตาย ร่างของพญาชา้ งเผือกค่อยๆจมลงและหายไป กพ็ อดกี ับพระพทุ ธองค์เสด็จผา่ นมาพบเข้า พระองคท์ ่านทรงเทศนาสงั่ สอนจนพวกพรานป่าเลกิ ทำ�ความชว่ั และไดต้ ัง้ ถิ่นฐานบ้านเรอื นโดยตง้ั ชือ่ บรเิ วณประวัตวิ ัดถำ�้ เมืองนะ ๐๓๓
นี้วา่ “เมืองนะ” มาจนถึงปัจจบุ นั ซ่ึงสถานท่ีทีพ่ ญาช้างเผอื กลงไปเลน่ นำ�้ และถกู พรานท�ำ รา้ ยจนขาดใจตายก็คือน�้ำ ตกแหง่ หนึ่งซ่งึ เป็นตน้ กำ�เนดิ แมน่ ำ้�ปงิ ต้งั อยหู่ า่ งจากถ�ำ้เมืองนะ ประมาณ ๖ ก.ม. อยตู่ ดิ เขตชายแดนไทย-พม่า พนื้ ทโ่ี ดยท่วั ไปของต�ำ บลเมืองนะ เป็นพนื้ ท่ีเทือกเขาสลับกบั ทีร่ าบ มีเนอ้ื ทปี่ ระมาณ ๔๘๖ ตร.กม. หรอื ประมาณ๓๐๓,๘๐๐ ไร่อาณาเขตตำ�บลเมืองนะ ทิศเหนือ ตดิ กบั หรือประเทศพม่า ทศิ ใต้ ติดกับ ต.ทุ่งข้าวพวง และ ต.ปิงโคง้ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ทศิ ตะวันออก ตดิ กับ ต.ศรีดงเยน็ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ทศิ ตะวนั ตก ติดกบั ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชยี งใหม่ตำ�บลเมืองนะ มี ๑๔ หมบู่ า้ น ซงึ่ เปน็ หมู่บา้ น อพปร.ทั้งหมด ไดแ้ ก่ ๑.บา้ นเมอื งนะ ๒.บา้ นแกน้อย ๓.บา้ นนาหวาย ๔.บ้านโล๊ะปา่ หาญ ๕.บ้านโปง่ อ่าง ๖.บ้านนำ�้ ร ู ๗.บา้ นหว้ ยไส ้ ๘.บ้านจองค�ำ ๙.บ้านไชยา ๑๐.บา้ นอรุโรทัย ๑๑.บ้านหนองแขม ๑๒.บ้านหนองเขียว ๑๓.บ้านเจยี จันทร์ ๑๔.บ้านใหม่สามัคคี๐๓๔ ประวตั วิ ดั ถำ้�เมอื งนะ
ถ้ำ�เมืองนะ ขึ้นอยู่กบั หมู่บ้านเมืองนะ ตำ�บลเมืองนะ อ�ำ เภอเชยี งดาว ตงั้ อยตู่ ิดกับเส้นทางเดินทพั สายส�ำ คัญสมัยกรงุ ศรีอยุธยาทงั้ ฝา่ ยไทยและฝา่ ยพม่า อย่หู า่ งจากเขตแดนไทย-พม่าประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร เป็นต้นกำ�เนิดของแม่น้�ำ ปิง ซึง่ ไหลผา่ นต�ำ บลเมอื งนะตำ�บลเมอื งงาย ตำ�บลปงิ โคง้ และตำ�บลแม่นะ แล้วไหลไปสู่อ�ำ เภอแม่แตง รวมความยาวทไี่ หลผา่ นพน้ื ทอี่ �ำ เภอเชยี งดาวประมาณ ๙๗ กิโลเมตร ปัจจบุ ันนีเ้ ป็นที่ต้งั ศนู ย์อพยพไทยใหญก่ ว่าเจ็ดพันหลงั คาเรือน ตามประวัติศาสตรเ์ สน้ ทางสายนี้ เมือ่ ปี พ.ศ.๒๑๔๘ องคส์ มเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ใช้เดินทัพจะเข้าไปตีทัพอังวะที่มารุกรานเมืองงายและเมืองแสนหวีซึ่งเป็นเมืองขน้ึ ของกรุงศรอี ยุธยา โดยเสด็จยกทัพมาทางเมืองเชยี งใหมแ่ ละทรงพักทัพท่เี มอื งเชยี งใหมเ่ พอ่ื สกั การะพระพทุ ธสิหิงค์และทรงเสด็จยกทพั มาต้งั คา่ ยใหญท่ ่ีเมอื งงาย จากเมืองงายก็ทรงเสด็จยกทพั ผา่ นบ้านเมืองนะเข้าสู่เขตทุ่งแก้วของเมืองหาง ซ่ึงขณะนีอ้ ยู่ในเขตประเทศพม่าเรยี กว่า เมอื งตว่ น เพ่อื จะไปตีทพั องั วะ ท่ีบรเิ วณทุง่ แก้วนพี้ ระองค์ทา่ นไดเ้ กิดประชวรดว้ ย “ไขท้ รพิษ” ถ�้ำ เมอื งนะอยตู่ ดิ กับเสน้ ทางเดนิ ทพั มลี ักษณะต้ังอยูส่ ูงกวา่ พนื้ ทรี่ าบประมาณ๘ เมตร จคุ นไดป้ ระมาณ ๒๐-๓๐ คน เป็นถ้ำ�ตัน สภาพเป็นพืน้ เรยี บ แตท่ ่ีนา่ แปลกคือท่ปี ากถำ�้ มรี ่องรอยของการทลายปากถ้ำ�ให้กว้างออก และมกี ารนำ�หินจำ�นวนมากมาทำ�เปน็ ทางลาดข้ึนลง ขนาดกวา้ งระมาณ ๕ เมตร เพื่ออาจใช้เป็นทางขึ้นลงด้วยคนจ�ำ นวนมาก ซ่งึ ผดิ ปกตจิ ากถ้�ำ ท่ัวๆ ไป ซง่ึ ลักษณะเดมิ าจจะเปน็ หน้าผาค่อนขา้ งชันเหมอื นบรเิ วณใกลเ้ คียง สภาพของหนิ ทถ่ี ูกทำ�ลายที่ปากถำ�้ และหินทนี่ ำ�มาท�ำ ทางขน้ึ ลง ถา้ เป็นการสกึ กรอ่ นโดยทางธรรมชาตติ อ้ งใชเ้ วลาเป็นรอ้ ยๆ ปี ถงึ จะมสี ภาพแบบนั้นได้ และเม่ือย้อนหลังไปเมือ่ หลายรอ้ ยปีทีผ่ ่านมา ถ้าดูจากสภาพหินท่ีถกู ทลายท่ปี ากถ�้ำ และหินทน่ี ำ�มาทำ�ทางขนึ้ ลง บริเวณนีย้ งั คงจะเป็นป่าดงดิบ จะมีคนจ�ำ นวนมากมาทลายปากถ้ำ�และนำ�หนิ ก้อนโตๆ มาถมเปน็ ทางขึน้ -ลงได้ กเ็ ฉพาะคนที่มากับกองทัพเทา่ นัน้ และถ้ายามปกติคนในกองทัพก็ไม่มีความจำ�เป็นท่ีจะต้องไปทลายปากถ้ำ�ให้กว้างออกและทำ�ทางขึ้นลงท่มี ีขนาดใหญ่ เพราะตัวถำ้�มขี นาดเลก็ และตัน คงจะไม่มีสิ่งใดสำ�คัญที่จำ�เป็นต้องเคล่ือนย้ายด้วยคนจำ�นวนมากในเวลาเดียวกันข้ึนไปเก็บหรือนำ�ลงมาหรือมีน้ำ�หนักมากจนต้องทำ�ทางขนาดใหญ่ขึ้นไป ๐๓๗ประวัติวัดถ�ำ้ เมืองนะ
รองรบั และในประวัติศาสตรเ์ ท่าที่พอ ทราบอยู่บ้าง ก็ไม่ปรากฎวา่ มขี องมคี า่ สำ�คัญอะไร ลักษณะภายในถ้ำ� ภายในถ้ำ�มีแท่นหินขนาดคนนอนได้ สบาย แตป่ ัจจบุ นั นี้ไดม้ สี �ำ นกั สงฆเ์ กิด ขึ้นท่ีน่ี และได้ใชไ้ มก้ ระดานปูยกพืน้เหนือแท่นหินเป็นท่ีตั้งของพระพุทธรูปและมีการตกแต่งพื้นถำ้�ด้วยปูนซีเมนต์ทำ�ให้เปล่ียนสภาพทแี่ ท้จรงิ ไป สอบถามจากพระทีส่ �ำ นกั สงฆ์ได้ทราบวา่ “หลวงปูด่ ู่ พรหมปัญโญ” แห่ง วดั สะแก อำ�เภออทุ ยั จังหวัดระนครศรีอยุธยา ซึ่งชาวอยุธยาถอื วา่ ท่านเปน็ เกจริ ปู หนง่ึของอยธุ ยา ท่านไดบ้ อกให้คณะศิษยม์ าตั้งสำ�นกั สงฆข์ ึ้นทถี่ ้ำ�นะแห่งนี้ เพราะวา่ เป็นสถานทสี่ ำ�คัญที่สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ทรงเสดจ็ มาสวรรคต ณ ถำ้�แหง่ น้ี ดว้ ยการให้พระอาจารยว์ รงคต วิริยะธโร (หลวงตามา้ ) ซึง่ เป็นลูกศิษย์ออกธุดงคม์ าค้นหาจนพบ และนอกเหนือจากที่ได้กล่าวมาแล้วได้สอบถามชายชาวไทยใหญ่อายุประมาณ ๖๐ ปี ได้ความวา่ ต้ังแต่เขตทงุ่ แก้ว (เมอื งต่วน) ในพมา่ และต้งั แต่เขตแดนไทยตามล่องเขาทางเดินทัพจนถึงเมืองงายพบเห็นถำ้�ท่ีไหนบ้างที่มีการทลายปากถำ้�ให้กว้างออก และมีการท�ำ ทางขน้ึ -ลงทมี่ ขี นาดใหญ่เหมือนกับถำ้�ท่ีเมืองนะนี่บ้างหรือไม่ก็ได้ค�ำ ตอบจากชาวไทยใหญ่บอกวา่ ไม่มี และยังบอกต่อไปว่า บริเวณแถวนี้ เคยเดนิ หาของป่าต้งั แตส่ มัยยังเปน็ เดก็ ก็เห็นลกั ษณะถ�้ำ แบบนที้ ีเ่ ดยี ว คือ ที่ถ้ำ�เมืองนะน้ีเทา่ น้ันขอ้ สันนิษฐาน เมอื่ องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประชวร และมีพระอาการหนักมากแม่ทัพนายกองตลอดจนพระองค์ท่านก็อาจจะยกทัพกลับตามเส้นทางเดิมคือผ่านบ้านเมืองนะ เพ่อื จะมารักษาพระวรกายท่คี ่ายใหญ่ท่เี มืองงาย ในระหวา่ งทาง พระอาการประชวรของพระองค์ท่านอาจจะทรุดหนักลงมากจนแม่ทัพนายกองที่ร่วมเสด็จต้องหาที่พักฉุกเฉินท่ีสะดวกและรวดเร็วท่ีสุดและในเวลานั้นสถานท่ีท่ีเหมาะสมที่สุดก็คือ“ถำ้�” เพราะอาจจะไม่มเี วลาพอที่จะสร้างค่ายพกั ช่วั คราวในระหว่างทางได้ เพราะตอ้ งรีบเดินทพั กลับค่ายใหญท่ เ่ี มอื งงาย ด้วยอาการท่ีพระองค์ท่านประชวรหนกั มากพระองค์ทา่ นก็อาจจะเสด็จสวรรคต ณ ถ�้ำ ใดถ้�ำ หนงึ่ ทท่ี รงเสดจ็ เขา้ ไปพักริมเส้นทาง๐๓๘ ประวัติวัดถำ�้ เมืองนะ
การเดนิ ทพั กลับ จะเป็นไปไดไ้ หมวา่ องคส์ มเดจ็ พระนเรศวรมหาราชซึ่งทรงประชวรด้วยไข้ทรพิษและไดเ้ สด็จสวรรคตบริเวณนี้ อาจจะมาเสด็จสวรรคต ณ ถำ้�แหง่ น้ี ซึ่งอาจจะไม่ใช่เขตทุ่งแก้วในประเทศพม่าดังที่เข้าใจกันตามประวัติศาสตร์ก็อาจจะเป็นไปได้ โดยได้มีการเคล่อื นย้ายพระบรมศพออกจากถำ้�ดว้ ยคนจำ�นวนมาก เพอ่ื ให้สม พระเกยี รติ จึงมีการทลายปากถำ้�ให้กวา้ ง เพอ่ื ให้คนจ�ำ นวนมากเข้าออกได้สะดวก และทำ�ทางลาดขน้ึ -ลงท่มี ีขนาดใหญ่ เพอ่ื นำ�พระบรมศพไปยงั ทีต่ ง้ั คา่ ยใหญท่ ีเ่ มืองงาย กอ่ นทจ่ี ะนำ�พระบรมศพกลบั กรุงศรีอยธุ ยา.ประวตั วิ ัดถำ้�เมอื งนะ ๐๓๙
๐๔๐ สมเดจ็ พระนเรศวร
สมเดจ็ พระนเรศวร ๐๔๑
๐๔๒ สมเดจ็ พระนเรศวร
สมเดจ็ พระนเรศวร ๐๔๓
๐๔๔ สมเดจ็ พระนเรศวร
สมเดจ็ พระนเรศวร ๐๔๕
ประวัติความเป็นมาของ พระคาถามหาจักรพรรดิ พระคาถามหาจกั รพรรดิ เปน็ พระคาถาทเี่ รยี บเรยี งมาจาก “ชมพูปตสิ ตู ร” ในตอนที่พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเพ่ือกำ�ราบทิฎฐิมานะของพญาชมพูบดพี ระมหากษตริย์ผู้มากดว้ ยอทิ ธฤิ ทธ์ิ โดยผู้ที่แตง่ พระคาถาบทนีข้ ้นึ มากค็ ือหลวงป่ดู ู่ พรหมปญั โญ พระคาถาจกั รพรรดิน้ี เป็นพระคาถาหลักทีห่ ลวงปู่ดู่ใช้ในการรวบรวมบารมีแผ่เมตตาชว่ ยเหลอื ภพภูมทิ ั้งหลายท่ัวสามแดนโลกธาตุ และใช้ในการอธษิ ฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องทุกประเภทของทา่ น เร่ืองของพญาชมพบู ดมี อี ยู่ว่า ในสมัยพุทธกาลมีพระมหากษัตริย์ผู้เรืองอำ�นาจพระองค์หนึ่งปกครองเมืองปัญจาลราษฐ พระนามวา่ “พญาชมพบู ด”ี พระองคม์ ีอาวธุ ๒ อยา่ งคอื ฉลองพระบาทแกว้ ซงึ่ เม่ือสวมเขา้ ไปแล้วกจ็ ะพาพระองคเ์ หาะไปในท่ตี า่ งๆได้ ทั้งยงั ใชอ้ ธษิ ฐานแปลงเป็นนาคราชเข้าประหัตประหารศัตรูได้อกี ดว้ ย อาวุธวเิ ศษอย่างทส่ี องคอื “วษิ ศร” ซึง่เปน็ ลกู ศรวิเศษใชต้ ่างราชทตู ิ หากกษัตรยิ ์เมืองใดไมม่ าออ่ นน้อมข้นึ ตรงต่อพระองค ์ วิษศรน้ีก็จะไปร้อยพระกรรณพาตัวมาเข้าเฝ้าพระองค์จนได้ทำ�ให้กษัตริย์ท้ังหลายพากันยำ�เกรงในพระเดชานภุ าพแหง่ พญาชมพทู วีป ด้วยอาวธุ วเิ ศษคพู่ ระกาย พระองคไ์ ด้ขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกวา้ งขวางกระท่ังถงึ กรงุ ราชคฤห์ของพระเจา้ พิมพสิ ารผเู้ ปน็ พุทธอบุ าสกแห่งสมเดจ็ พระสัมมาสมั พุทธเจ้า อาวธุ วเิ ศษของพระองค์ไมอ่ าจทำ�อนั ตรายแก่พระเจ้าพิมพสิ ารได้ ดว้ ยอาศัยพุทธานภุ าพ พญาชมพูบดที รงแคน้ พระทยั มาก แมจ้ ะสง่ อาวุธวิเศษอยา่ งใดมา ก็พ่ายแพแ้ กพ่ ุทธจัรและพุทธานุภาพแห่งพระพทุ ธองค์ เมื่อพระพุทธองค์ทรงเห็นว่าพญาชมพูบดีประสบความพา่ ยแพ ้ มีทฏิ ฐิมานะเบาบางลง ประกอบกบั ทรงเล็งเหน็วาสนาปญั ญาของพญาชมพูบดีที่จะสามารถส�ำ เร็จมรรคผลได้ จึงมพี ทุ ธฎกี าตรัสใช้ให้องคอ์ นิ ทรแ์ ปลงเป็นราชทูติพาพญาชมพูบดีมาเข้าเฝ้าส่วนพระพุทธองค์ทรงเนรมิตองค์เป็นพระเจ้าจกั รพรรดิ ทรงเคร่ืองราชาภรณ์ความเปน็ มาของพระคาถามหาจักรพรรดิ ๐๔๗
แตล่ ว้ นงดงาม ส่วนพระสารีบุตรและพระโมคลั ลานเถระเจ้าพรอ้ มดว้ ยเหล่าภิกษุสงฆ์สาวกก็เนรมติ กายเป็นเสนาบดีใหญน่ ้อย ลว้ นแต่นา่ เกรงขาม ท้ังเนรมิตเวฬวุ ันใหเ้ ป็นพระนครใหญ่ประกอบด้วยกำ�แพงถึงเจ็ดชั้นและมีพุทธฎีกาตรัสสั่งให้เทวดาอินทร์พรหม คนธรรพ์ และนาค ร่วมเนรมิตเปน็ ตลาดน�้ำ และตลาดบก เมื่อพญาชมพูบดีเดินทางเข้าเขตพระนครก็ตกตะลึงกับความย่ิงใหญ่อลังการแหง่ พระนครทีพ่ ระพทุ ธองคท์ รงเนรมติ ซึง่ แมแ้ ต่เหล่าแมค่ ้าริมทางกย็ ังงดงามกวา่ พระอคั รมเหสีของตนเอง จึงร้สู ึกขวยเขินเดนิ ไมต่ รงทาง และเม่อื ผ่านมายังก�ำ แพงพระนครแต่ละชน้ั ทอดพระเนตรเหน็ เหล่าเสนาอ�ำ มาตยท์ ี่รักษาพระนคร พระทัยกป็ ระหว่ันพรน่ั กลวั พระเสโทไหลโทรมทัว่ พระสกลกาย ถึงก�ำ แพงชน้ั ในซ่งึ เป็นแกว้ ก็ท�ำ ท่าจูงกระเบนเหน็บร้ังด้วยเข้าพระทัยผิดคิดว่าเป็นน้ำ�เสียงนางในร้องเย้ยเยาะว่ากษัตริย์บ้านนอก กระทำ�เชยๆ พระองค์กร็ ูส้ ึกไดร้ บั อัปยศอยา่ งยิง่ พญาชมพูบดีเมื่อมาถึงตอ่ หนา้ พระพักตร์แหง่ พระบรมศาสดา ซึง่ เนรมติ กายเป็นพระเจ้าจกั รพรรดิ ก็ยงั ไม่หมดทิฎฐมิ านะ และเมื่อพระพุทธองค์เชอ้ื เชญิ ใหแ้ สดงฤทธิเ์ ดชอำ�นาจและของวิเศษทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งออกมา พญาชมพูบดกี ็ต้องได้รบั ความอัปยศยง่ิ ขน้ึ ไปอีก ด้วยไมอ่ าจทำ�อันตรายพระพุทธองค์ได้เลย เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าพญาชมพูบดีคลายทิฎฐิมานะลงมากแลว้ จึงทรงแสดงพระธรมมเทศนาโปรดพญาชมพบู ดี และเหลา่ เสนาอ�ำ มาตย์ที่ติดตามมาด้วยจำ�นวนมากให้เห็นส่ิงท่ีเป็นสาระและไม่ใช่สาระให้เห็นโทษแห่งการเวียนเกิดเวยี นตายเกดิ ในวฎั สงั สาร ทง้ั ใหเ้ หน็ คณุ แห่งพระนพิ พาน พญาชมพบู ดแี ละเหล่าเสนาอำ�มาตย์ต่างรู้สึกปีติโสมนัสปลดมงกุฎและเครื่องประดับของตนวางแทบพระบาทแห่งพระศาสดา เพ่ือสกั การะดว้ ยความรู้สึกเทิดทูนและทลู ขออปุ สมบทตอ่ พระพทุ ธองค์ จากนน้ั พระพทุ ธองค์พร้อมดว้ ยพระภิกษสุ งฆ์สาวก เทวดา อินทร์ พรหมคนธรรพ์ และ นาค กค็ ลายฤทานุภาพกลับสสู่ ภาพเดมิ พระพทุ ธองค์ทรงประทานอุปสมบทแก่พญาชมภูบดีพร้อมทั้งเหล่าเสนาอำ�มาตย์และทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้คลายความลมุ่ หลงในเบญจขันธ์มรี ปู เป็นต้นว่าอปุ มาดั่งพยบั แดด หาสาระตัวตนท่ีเท่ยี งแทอ้ ันใดมไิ ด้ และแสดงธรรมเทศนาตา่ งๆ เป็นเอนกปริยาย พญาชมพูบดีและเหลา่ เสนาอำ�มาตยก์ ็ดม่ื ดำ�่ ในพระอมตธรรมสลัดเสียซึ่งตณั หา อปุ าทาน จติ ของทา่ นก็เข้าอรหนั ตผล สำ�เรจ็ เปน็ พระอรยิ บุคคลในพระบวรพทุ ธศาสนา.ความเปน็ มาของพระคาถามหาจักรพรรดิ ๐๔๙
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192