แนวความคดิ ทางจิตวิทยาVIEWPOINTS IN PSYCHOLOGYคลงัความรดู้ จิ ทิ ลั มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ หมดอายุวันที่ 11-10-2564 ผศ.ดร. อรพนิ สถิรมน ภาควิชาจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลงานทางวิชาการนี้ได้รบั ทุนสนบั สนนุ จากกองทุนพฒั นาบุคลากร คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
แนวความคดิ ทางจิตวทิ ยา Viewpoints in Psychology จดั ทาโดย ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อรพิน สถิรมน ภาควชิ าจิตวิทยา คณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ ISBN (คeล-ังbควoาoมรk้ดู )ิจิท9ัล7ม8ห-า6ว1ทิ ย6า-ล4ยั 9เก7ษต-5รศ8า1สต-ร1์ หมดอายวุ ันท่ี 11-10-2564
คำนำ ตำรำวิชำ แนวควำมคิดทำงจิตวิทยำ (Viewpoints in Psychology) เป็ นควำมพยำยำมในกำรเขียนและ รวบรวมเนือ้ หำเพ่ือใช้ในกำรสอนรำยวิชำแนวควำมคิดทำงจิตวิทยำ 01453324 ของภำควิชำจิตวิทยำ คณะ สงั คมศำสตร์ มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร์ โดยม่งุ หวงั ให้เป็ นประโยชน์ทงั้ ต่อนิสิต นกั ศกึ ษำจิตวิทยำ และผ้สู นใจ ศำสตร์จิตวทิ ยำโดยทว่ั ไป ผู้เขียนขอขอบคุณคณะสังคมศำสตร์ ที่ให้ ควำมสนับสนุนทุนในกำรเขียนตำรำวิชำกำรเล่มนี ้ และขอขอบคณุ ฝ่ ำยสำรสนเทศ สำนกั หอสมุด มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร์ และผู้เก่ียวข้องทุกท่ำน ในโครงกำร หนังสืออิเล็กทรอนิคส์ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี ในกำรเปิ ดโอกำสให้ ผลงำนนีเ้ ป็ นส่วนหน่ึงของโครงกำรฯ ซ่ึงจะทำให้ทัง้ นิสิต นักศึกษำ และผู้สนใจสำมำรถเข้ำถึงได้ง่ำยและไม่มี คำ่ ใช้จำ่ ย และท้ำยสดุ ขอขอบคณุ นำงสำวณหทยั จิตรชื่น ในกำรพิมพ์ต้นฉบบั และจดั รูปเลม่ ด้วยควำมเพียร . ผศ.ดร. อรพิน สถิรมน คลงั ความรู้ดิจทิ ัล มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ หมดอายวุ นั ที่ 11-10-2564
สารบญั หน้า 1 บทท่ี 1 ก่อนการเป็ นศาสตร์จติ วิทยา 1 1.1 แนวความคดิ ทางจิตวทิ ยาในยคุ กรีก 9 1.2 แนวความคิดทางจิตวิทยาหลงั ยคุ อริสโตเตลิ จนถงึ ศตวรรษที่ 16 16 1.3 ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 18 ซง่ึ เป็นฐานสกู่ ารเป็นศาสตร์จิตวทิ ยา บทท่ี 2 จติ วทิ ยายุคเร่ิมต้น 27 27 2.1 วลิ เฮล์ม วนุ ดท์กบั การเป็น “ศาสตร์” ของจิตวทิ ยาในศตวรรษท่ี 19 32 2.2 วลิ เลียม เจมส์ และบทบาทของจิตวิทยาหน้าที่ (Functional Psychology) 33 2.3 จิตวิทยาเกสตอลต์ (Gestalt Psychology) 37 2.4 ซกิ มนั ด์ ฟรอยด์ และทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis) 39 2.5 พฤติกรรมนิยม (Behaviorism) 43 2.6 คาร์ล โรเจอร์และแนวคดิ จิตวิทยามนษุ ยนิยม (Humanistic Psychology) บทท่ี 3 จติ วิทยาในปัจจุบัน 45 3.1 แนวคิดชีวะ - จิตวิทยา (Biopsychology) 45 และประสาทจิตวทิ ยา (Neuropsychology) บทท่ี 4 ค3333333คล.......ว2345678ังาคมวากแแแแแแแม้านนนนนนนรวดู้วววววววหคคคคคคคิจนทิดิดิิดดิดิดดิ ้าลัจกพจจปดข้ิิิตตตาารฤมอระนวพวตหรสทิทิงส้ลกิูคาวบยยงัวริดวิชคกาารตัทิ มาทตมา(ยC(ชรนะาวPาณoพีงวฒัิยsลบgนัมy์จนยันnวอcเติิยธ(iกกhอtBมวรioษกv(รeทิ deP(ตมh(PยyoEรpahn(sาศaveSeaiาstiroonimsสtvceropeตaiircmoeรnlp-c์ppeCsptneeiysuvorrcyeslslthocpup)oghreealoioccclltgtoapiivvygleeepypr))s)eeprrsesppceteicvctetiiv)vee)) 47 48 51 52 54 55 57 59 4.1 แแนละวสโนภ้มาคพวสางั มคตม้อใงนกปาัจรจนบุกั นัจิตวิทยาในสถานการณ์ของโลหกมดอายุวนั ที่ 11-1509-2564 4.2 สาขาของวชิ าจิตวิทยา 62 4.3 การจดั ตงั้ องค์กรด้านจิตวทิ ยา 67
สารบัญ หน้า 85 บทท่ี 5 จรรยาบรรณในวิชาชพี จติ วิทยา (Code of Professional Ethics) 86 5.1 จรรยาบรรณนกั จิตวทิ ยาสมาคมนกั จิตวิทยาอเมริกนั ค.ศ. 2017 88 หลกั การทว่ั ไป 90 มาตรฐานจรรยาบรรณ (Ethical standards) 117 5.2 ระเบียบกระทรวงสาธารณสขุ วา่ ด้วยการรักษาจรรยาบรรณแหง่ วิชาชีพ ของผ้ปู ระกอบโรคศิลปะ พ.ศ. ๒๕๕๙ 122 131 หนังสืออ้างองิ ภาคผนวก คลงั ความรดู้ ิจิทัล มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ หมดอายุวันท่ี 11-10-2564
บทท่ี 1 ก่อนการเป็ นศาสตร์จติ วทิ ยา แนวความคิดทางจิตวิทยารูปแบบต่าง ๆ ค่อย ๆ พัฒนาขึน้ จากปรัชญา จนกระทงั่ ศตวรรษท่ี 19 จงึ เริ่มมีการศกึ ษาจิตวทิ ยาโดยใช้วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ และจิตวิทยากลายเป็นศาสตร์อกี สาขาหนงึ่ การท่ีจะเข้าใจถึงความเป็ นมาของวิชาจิตวิทยาจาเป็ นต้องเข้าใจถึงแนวคิดที่เกิดขึน้ ในยุโรป ตะวนั ตกเนื่องจากจิตวิทยาเป็ นสว่ นหน่งึ ของอารยธรรมทางตะวนั ตกซง่ึ มรี ากฐานมาจากสมยั กรีก ถือได้วา่ จิตวิทยาสมัยปัจจุบันซ่ึงเป็ นวิทยาศาสตร์ เป็ นผลพวงโดยตรงของความเจริญในทางความคิดของ ชาวตะวนั ตก แนวความคิดทางจิตวิทยาเร่ิมต้นในยุคกรีกโดยการศึกษาจิตวิญญาณ (Soul = Psyche) หรือ จิตใจ (Mind) ก่อนสมยั กรีกความเชื่อเรื่องของความสมั พนั ธ์ของมนุษย์กบั สิ่งแวดล้อมจะถูกอธิบายในรูป ของความเชื่อเรื่องวิญญาณ (Spirit) ที่อย่ใู นร่างกาย ทาให้เรามีชีวิตอย่แู ละมจี ิตสานกึ เม่อื หลบั วิญญาณ จะออกจากร่างชวั่ คราวและกลบั เข้ามาใหมก่ ่อนตื่นนอน เม่ือคนตาย วิญญาณจึงจะออกจากร่างไปอย่าง ถาวร กิจกรรมทัง้ หมดของมนุษย์ เช่น การรู้สึก การรับรู้ ความคิด อารมณ์ เชื่อว่าถูกควบคุมโดยภูตผี คาอธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติต่าง ๆ เช่น พืช สตั ว์ ฟ้ าผ่า แม่นา้ ยังคลุมเครือ ไม่มีก ารแบ่งแยกประเภท สงิ่ มีชีวิตและสง่ิ ไมม่ ีชีวิตอยา่ งชดั เจน การแยกระหวา่ งมนษุ ย์กบั สงิ่ แวดล้อมนนั้ ก็ไมช่ ดั เจน จากพระเนใจคน้ากั ลยมคังุคาิดคเกใปวนรา็นีกมแธ[ไนร1รดดู้.วร]้เจิมกกกทิลชิดลัลา่มุแคุ่มตควมนคิหวาหรวามวาือามวพคสมเทิ ยช่ิงเวยแื่อาชาวยาด่อื ลด้าามดัยลมน้าเ้อคกทธนมษร่ีจิดธรตะโรมดทรเรปชศยมาาลาอชตสง่ียาินาตจจนตริยสกิต์นิมราุปิยวรเไชอมิทดื่อธ้เ(ิวบปยN่า็นาาaสยt5ใ่ิงuสแนrกาaวลเlยดหisมุ่ ลตtคุ ใi้อcุขหกมอญoกงrร่i่อกeเกีรกาnียรtาaงเเกตtนioิดาิดnมปช)ลีวราาิตดกแบัฏลเกวะาลเชราณื่อดวงั์ตา่น่าชี ้งีวิตๆ กบั ส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ ไม่สามารถแยกออกจากกนั ได้ กฎทางกายภหาพมจดึงอเปา็ นยสุวากันลทสี่า1ห1รั-บ1ส0ิ่งม-2ีชี5วิต64 ทุกประเภท โดยในระยะแรกผู้นาแนวคิดนีจ้ ะอยู่ในเมืองมิเลทัส (Miletus) ซึง่ เป็ นหน่ึงในสหพันธรัฐกรีก โบราณ และเป็นท่ีรู้จกั กนั ในนามของ นกั ปราชญ์ไอโอเนียน (Ionian Physicists) ได้แก่
แนวความคดิ ทางจิตวิทยา 2 Viewpoint Psychology ทาเลส (Thales) ประมาณ 640 - 546 ปี ก่อนคริสตกาล ทาเลสเป็ นนักปรัชญา ซึ่งเป็ นผู้นาคณิตศาสตร์และดารา ศาสตร์เข้าสกู่ ารศกึ ษาของกรีก ทาเลสมคี วามเห็นวา่ นา้ เป็นต้นกาเนิด ของธรรมชาติทกุ สิง่ และเป็นรูปแบบสดุ ท้ายของมชี ีวิต ทาเลส ทีม่ าของภาพ : http://scienceworld. wolfram.com/biography/Thales.html อานักซิมานเดอร์ อานักซมิ านเดอร์ (Anaximander) ที่มาของภาพ : http://physics.unr.edu ประมาณ 610 - 546 ปี ก่อนคริสตกาล /grad/welser/astro/astronomers.html อานกั ซมิ านเดอร์ เ ป็ น ค น แ ร ก ที่ ทา แ ผ น ที่ ที่ แ ส ด ง ถึ ง รายละเอียดของโลกและท้ องฟ้ า และเป็ นผู้อธิบายว่า โลกเป็ น ศูนย์กลางของจักรวาลอันประกอบด้วยดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และ ดาวตา่ ง ๆ ล้อมรอบอยู่ yทoี่มlaาsขiอteง.ภcคอาoพลmานงั/:rักeคhซstวtopเิ ามu:/rมเ/csนeรoสscดู้ /iaaจิ nlpิทahxลัiilmosมeonหpehsาy.วj.pทิ gยาลสอยัิง่ มเากนชี ษีวักติตซรอเิศามานเสนกั ตซสริเ์ ม(Aเนnสaxเชimื่อeวnา่ eอsา)กปารศะ(มpาnณeu6m0a0) ปี ก่อนคริสตกาล เป็ นต้ นกาเนิดของ แนวคิดของนกั ปราชญ์ไอโอเนียนทงั้ สามคนถือเป็นกลมุ่ ความเช่ือหด้มานดธอรรามยชวุ าันตินทิยี่ ม11เพ-ร1า0ะม-2งุ่ ห5า64 คาตอบเกี่ยวกบั ต้นกาเนิดของชีวิต และอธิบายปรากฏการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ในโลกโดยไมย่ ดึ ความเชื่อท่ีว่า พระเจ้าเป็นผ้บู นั ดาลให้เป็นไป
3 นอกจากนกั คดิ กลมุ่ ไอโอเนียนแล้ว ยงั มผี ้มู แี นวคิดในกลมุ่ ธรรมชาตนิ ิยมคนอืน่ ๆ เชน่ เดโมครีตุส (Democritus) ประมาณ 460 - 362 ปี ก่อนคริสตกาล เดโมครีตสุ เช่ือว่าความรู้สกึ ของเราเกิดจากการรับการรู้สกึ ซงึ่ รับ \"อะตอม\" มาจากวตั ถใุ นโลก อะตอมอาจแตกตา่ งกนั ในเร่ือง ขนาด รูปร่าง ลกั ษณะ แตค่ วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งกนั เป็ นไปตามกฎ ธรรมชาติไม่ได้เกิดขึน้ จากโอกาสหรือผลตอ่ เน่ือง มนุษย์และสตั ว์ เดโมครีตสุ ท่ีมาของภาพ : http://www-gap.dcs.st-and.ac. ประกอบไปด้วยอะตอมที่ละเอยี ดออ่ น uk/~history/PictDisplay/Democritus.html เฮราคลีตุส (Heraclitus) ประมาณ 530 ปี ก่อนคริสตกาล เฮราคลติ ุส เฮราคลีตสุ เป็ นนกั ปราชญ์ของเมืองเอฟิ ซสั ในสหพนั ธรัฐ ทีม่ าของภาพ : https://martinsj2.files .wordpress.com/2012/04/herac กรีกโบราณ ซงึ่ เป็นศนู ย์การตดิ ตอ่ ค้าขายและวฒั นธรรม เขาเสนอ litus_ephesus_c535_hi.jpg แนวคิดว่า “ไฟ” เป็ นสัญลักษณ์แทนการเปล่ียนแปลง เป็ นสิ่ง สาคญั สาหรับการมีชีวิตอย่”ู พาร์เมนเิ ดส ทีม่ าของภาพ: http://beatway ก(เปmาลรoร่ีพยvับeนารm้รูทแ์เพจe่ีบปมคาnาิดลลนกtรเัง)งิเบแ์เคดตมนือวกส่านวนางาคมไิ(เรปPดๆิรดเู้ดaปสธเิจrปรลmทิเ็รน่ีหยมeลั เ็นnนพชมiแาdีวยหตeป่างาsินกธลว)ิายทิรงรรมขยสมาอกงัลช่งอเัยกโาใลเหตตกก้เทษิเกแปี่ยติด็ลังรนแะไศสนมกาิ่ง่วสลาถทตึกรราาเซค์งวึง้ ใลรแน่ืแอลกลนะาะไเรกหไใิดมชว้่ down.blogspot.com/ การสงั เกตตามธรรมชาติ (natural observation) และการตงั้ และ สรุปสมมติฐาน (hypothesis deduction) หมดอายุวนั ที่ 11-10-2564
แนวความคดิ ทางจติ วิทยา 4 Viewpoint Psychology [2] กลุ่มความเช่อื ด้านชวี วิทยา (Biological orientation) ในขณะที่นกั ปราชญ์กลมุ่ แรกมองวา่ สิ่งแวดล้อมภายนอกเป็ นพืน้ ฐานสาคญั ในชีวิต นกั คิดกลมุ่ นี ้ เน้นที่สภาพภายในของสรีระของมนษุ ย์วา่ เป็นสง่ิ สาคญั ตอ่ ชีวติ นกั คดิ กลมุ่ นี ้ได้แก่ แอคเมออน แอลคเมออน (Alcmaeon) ประมาณ 500 - 450 ปี ก่อนคริสตกาล ทม่ี าของภาพ : http://www. แอลคเมออนเป็ นบุคคลแรกที่ใช้วิธีการผ่าศพสตั ว์และอภิปราย philosophy.gr/presocrati cs/alcmaeon.htm ถึงเส้ นประสาทตาและท่อยูสเตเชียน (Ustachian tubes) เขาเห็น ความสาคญั ของสมอง และแยกความแตกต่างระหว่างการรับความรู้สึก และการคิด เขาเชื่อว่าส่ิงท่ีกาหนดการกระทาของมนุษย์เกิดจากกลไก ภายในร่างกายที่แสวงหาความสมดลุ ฮปิ โปเครตสิ แห่งเกาะโคส (Hippocrates of Kos) ประมาณ 460 - 377 ปี ก่อนคริสตกาล ฮิปโปเครติสเป็ นนักปราชญ์ที่ประสบความสาเร็จในการแยก การแพทย์ออกจากศาสนา และเป็ นผ้ทู ี่พยายามทาให้การแพทย์หลดุ ออก จากความเช่ือทางไสยศาสตร์ โดยแบ่งว่าคนเราประกอบด้วยธาตุนา้ ใน ร่างกาย 4 กลุ่มคือ โลหิต (blood), นา้ ดีสีเหลือง (yellow bile), นา้ ดีสีดา ฮhkทitปิม่ีstpaาโ:nปข//dอเwคsงw/ภรkwคตาoพ.sสิลg/hr:งั eipคepkวotrาcaมrvaeรtle.ู้ดcso.จิ hmทิtm/gัลlreมeหาแเวกบ(อลทิbาิดมะยlหaกาเาcนพแาลkดรหัยโปดหb่เงกเรกลคiอlษะeกาัรมพต)รีจส,เแรันรพแศพร(ธEโลยา์ดทเะmสาขคยเแตpสา์สรพรeเีมส์มชทdเหื่อยัoยปะวใc็์นซหา่le(แง่ึกpมsแพาh)่ พรทlปeรทเยขgับรย์ผาmะก์ปู้ทมมา)ัจีาคราจใรณวฮ้บุูหสาิป้นัเึกม5กโยเส0ปิดกงั 0าิดเวคคมิชจ–งราถาาต4รชือกิถ3สีพปส0ทไิ่งฏแดังเป้พิบ้รรกี้ับาตัทากตกอิรย่อกพยา์ นแลรูู่ดยลคงสกะวริ่ศยูิยสชัง่อว่อตเกงงกปเทร็ปานรา็ลนมผงู้ รับของอวัยวะรับสมั ผัส (pores) คุณภาพและความเข้มของการรับรู้สึก หมดอายวุ นั ที่ 11-10-2564 สามารถวดั ได้ และเชื่อวา่ หวั ใจเป็นศนู ย์กลางของชีวติ เอมเพโดครีส ท่มี าของภาพ: http://www.preso cratics.org/empedocles.htm
5 [3] กลุ่มความเช่อื แนวคณิตศาสตร์ (Mathematical orientation) แนวคิดนีม้ ุ่งไปสู่เหนือระดบั กายภาพ (beyond physical level) เน้นถึงความเช่ือถือไม่ได้ของ ประสาทสัมผัส และความจาเป็ นท่ีจะต้ องทาให้ เข้ าใจความจริ งโดยกระบวนการใช้ เหตุ ผล ให้ความสาคัญกับเหตุการณ์น้อยลง แต่มุ่งสู่ความสัมพันธ์ของโครงสร้ าง กลุ่มนีม้ ุ่งใช้โครงสร้ างทาง คณิตศาสตร์อธิบายความเป็นอนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ของโลก พทิ าโกรัส (Pythagoras) ประมาณ 580 - 500 ปี ก่อนคริสตกาล พิทาโกรัส อธิบายว่า เรารู้จักโลกโดยผ่านการรับความรู้สึก แต่ยงั เป็ นลกั ษณะท่ีบิดเบือน ผิวเผิน เขาเชื่อวา่ ความจริงที่อย่เู บือ้ งหลงั ความสมั พนั ธ์ โดยเฉพาะหลกั คณิตศาสตร์ จะไม่สามารถผ่านการรู้สึก แต่ต้องค้นพบโดยวิธีการเข้าใจแบบฉับพลนั (intuitive) จิตวิญญาณ ของมนุษย์และสตั ว์มีความรู้สกึ และการเข้าใจฉบั พลนั แต่เฉพาะมนุษย์ เทา่ นนั้ ท่ีรู้จกั ใช้เหตผุ ล นอกจากนีพ้ ิทาโกรัสเช่ือว่า จิตวิญญาณมีความเป็ นอมตะ พทิ าโกรัส เมื่อคนตาย จิตวิญญาณจะย้ายไปสู่ร่างใหม่ แนวคิดของพิทาโกรัส ทม่ี าของภาพ : http://scienceworld .wolfram.com/biography/Pythagor มฟเคริาอีสียนทิตกงึธ์มวถิพา่ีแงึ ลนโขใซต้วอคนฟอค่จลสิ สงิดาังามตกเคนปัย์ดัว็(ขนกาSขอมแอoรงีบรกpงเู้ดขพบhก้จิอiลผsาิทมโtสรsตลัลู มเ[)แท4รมไีลย]เ่ีผดนหะกน่า้จ้นาอนลกดวักร่เุมาทิกิสขารยค้าารโสตราหมวสอลเาาาตอยันคมใลินเนมาเกใชกแตันกษ่าบอือเเตรวปบบแรรล็ นตกบัศบาลอ่แารบตู้สมชุ่บเอผ่ ตพีวใบมสหติรราตม์้ากทัวะบั่ีเ(ปตสEผ็่่งินอ้cสู ทตแlนe่ีรงัวcใับ่ทสจtรi่ีปcโ้าูอดฏหาoยิบจรrจiับไeตั า่มnิไชยใ่ดtนaคช้จtชค่่าiรoตันวิ้งnาอส()aมบpูsง.จrแhaแรtทmิcงตนlแt่กiกทc็มa้า(ีกรlO)สลแbอุ่มลjนeผะcเู้เมลtหiก็ีคv็นeนวว้อาtา่ rมยuตรt้อโhู้ทซง)่ี ซง่ึ เป็นแนวคดิ ท่ีนาไปสวู่ ิธีการทางวิทยาศาสตร์ ผ้รู ู้ในกลมุ่ นี ้ได้แก่ โพรทากอรัส และจอเจียส หมดอายุวันที่ 11-10-2564
แนวความคดิ ทางจติ วทิ ยา 6 Viewpoint Psychology โพรทากอรัส (Protagoras) ประมาณ 481 - 411 ปี ก่อนคริสตกาล โพรทากอรัส ไม่เห็นด้วยกับการที่คนจะสรุปครอบคลุมจากสิ่งท่ี เราเห็นหรือรับรู้ เขาเช่ือว่า ความจริง ความดี ความสวยงาม เหล่านี ้ ไม่ปรากฏอยู่ได้ โดยตัวมันเอง มนุษย์เรามีเพียงสังกับ (concept) ของสงิ่ เหลา่ นี ้ดงั นนั้ คนเราจงึ ควรระมดั ระวงั ในการท่ีจะสรุปครอบคลมุ โพรทากอรัส จอเจียส (Gorgias) ประมาณ 485 - 380 ปี ก่อนคริสตกาล ทีม่ าของภาพ :http://www.philo5.com จอเจียส เห็นพ้องกับ โพรทากอรัส และได้แต่งหนังสือชื่อ “On /Les%20philosophes/Protagoras Nature” ซง่ึ เน้นวา่ คนเรา สามารถจะรู้วา่ ส่ิงใดส่ิงหน่ึงมีอยู่ ก็เฉพาะท่ีผ่าน _files/image003.jpg เข้ามาในการรับรู้ของเรา [5] กลุ่มความเช่อื ด้านมนุษยนิยม (Humanistic orientation) ค(sวeาlfมreสflาeแมคcนtลาวioงัรคคnถิด)วพนาิมีเเ้ชศรื่อษดู้ วจิ ก่าทิ ็มคัลืนอมษุกหยาา์เรปวใ็ิทนช้ยสเหาิ่งแจ(ลมAตลักยั ีชุnผะรเีวaกโวลลิตxาษกทaลกตgี่ตเราทบคoา่ศราุคยงrาใใaไมสหชคปs้้ตีลเภล)จกรักาาิดปแ์ ษษกวรรสณิวะากฒั่งิมทะแอานส่ี่ืนลมณาับะี แกๆสคา5นนรว0โวดยา0คยุ่งม–ิยมดสาน4ใาก2ษุนม8ยจกา์อนปรลยีกถกุ่ ม่ใู ร่ใอนะนนนรทีก้คะค่ังดาืรอเิบกสัรยิดอทต้ อ่ีสกาไนงูาฟนกลมักวนอเ่าซาข้ งาเาอตพกเาชนรอกา่ือเะาอรวัมศส่งาี หมดอายุวันท่ี 11-10-2564 อานักซากอรัส ทม่ี าของภาพ: http://www.luventicus.org /articulo s/02 A034/ anaxagoras.htm
7 โซเครตสิ (Socrates) ประมาณ 470 - 399 ปี ก่อนคริสตกาล โซเครตสิ โซเครตสิ เห็นว่าความคดิ เกี่ยวกบั ชีวติ เป็นสงิ่ จาเป็นความ ท่มี าของภาพ: http://web.mit.edu/mit- พิเศษของการเป็ นมนุษย์ก็คือ สามารถเข้าใจชีวิตได้ เขาใช้การ greece/www/IAP_imgs.htm ถามคาถามเฉพาะเจาะจง เป็ นวิธีการในการแสวงหาความเข้าใจ ความรู้เป็ นส่ิงดี เพราะนามาซงึ่ ความสขุ การมีความรู้ดีจะทาให้คน ปฏิบตั ิตนได้อยา่ งเหมาะสม นอกจากนีเ้ขายงั เห็นวา่ จริยธรรมเป็ น ส่ิงสาคญั ที่มนษุ ย์พงึ จะมี หาไมแ่ ล้วมนษุ ย์จะถดถอย แนวคิดเรื่องการเมืองและจริยธรรมของเขาเป็ นสิ่งที่สร้าง ความข่นุ เคืองให้กบั ผ้มู ีอานาจเขาจงึ ถกู บงั คบั ให้ฆ่าตวั ตาย นอกจากแนวคดิ ของโซเครติสได้ถกู สง่ ทอดไปยงั ลกู ศิษย์คือ เพลโต แล้วยงั ได้ขยายเพ่ิมเติมโดยเพลโต และ อริสโตเติล เพลโต (Plato) ประมาณ 427 - 347 ปี ก่อนคริสตกาล เพลโต เป็ นผ้นู าเสนอแนวคิดเร่ือง จิต - กาย โดยเขาเห็นว่ากิจกรรมของมนษุ ย์เกิดขนึ ้ จากจิตใจ แรกขยจ่าอลิติึดจงงะกวถกจิรญรือ่าาิตรคญยงมววกจิญขาเาาัดพอคณมยญเงลลรปปมค้ังาูทโ็ นครตนวณี่เะวกากเษุ กหามิดรยมอ็ะนรจแ์้รูบทบวบาดู้ ่ีแไ่เาวก่งขจิปทนปกเิทาปด้จกาฏเ็ัล้วนรชราิสิยงร่ืสอรมจัมับเท่ววหหะพคนา่่ีไตาเมมกวัทนวผุ าิดน่ลทิ่ีเธลตมขุษ์กึยขแม็รนึาซ้อยลู้สไลไึง์งจ้ะปดกึยั มดัคบ้ดโเเดนกกว้ิดวพายษาุษยเลมรบจตปยโกติตือรัต์ญกบั้อศทนอับสงญา่ีมธกสสแิ่งีเิบาหาตแลิ่งารวแตรคะย์ดวผเุสือชวลดลิ่ง่าื่อก้จอลสถิจจงู้มอว่ืใกอิตโมจนรไดวขเมรริญยป่ามอ่ไ็ผงนดงทญ่ากจ้ปี่กนาาิตั่อจยณกเวพใจนาิญหเัยลรนัป้้เญรสโ็กกนู้สตาิด็จาสึกไคะคณ่มวกจัญวน่เาาากหทรทกม็ค็นร่ีเ่ีดัจรักบอืดู้คอะิดก้วควยนแายวา่ทูาลรกามี่กไระมับู้ปเสาสขอพรึกส้าะยรโ่วูคใสับดาจกวมกกยโากคาซผกมบัรวฟ่าิจรเาสิน้ขูสกสม่ว้ทารตกึ คนรใา์ ิดมทจทงี่ี่ เป็นความคิดเห็น ซง่ึ เกิดจากการท่ีร่างกายมีปฏิสมั พนั ธ์กบั สง่ิ แวดล้อม เกิดเป็ นความเช่ือ จิตวิญญาณ เป็ น สว่ นที่สาคญั และไม่มีวนั ตาย จิตวิญญาณมีมาก่อนการเกิดร่างกาย เม่ือหเกมิดดชีวอิตาใยหมวุ ่ันจิทตว่ี ิญ11ญ-า1ณ0จ-2ะน5า64 ความรู้เดมิ มาสรู่ ่างกาย ชีวติ ท่ีดีในทศั นะของเพลโต กค็ ือการผสมผสานของเหตผุ ลและความพงึ พอใจ
แนวความคดิ ทางจิตวทิ ยา 8 Viewpoint Psychology เพลโต มองเห็นว่าร่างกายเปรียบเสมือนสถานจองจา และ มกั จะก่อสร้ างแต่จิตวิญญาณซง่ึ เป็ นส่วนที่อย่สู ูงกว่า จิตวิญญาณทา ให้มนุษย์มีความชาญฉลาด และคิดอย่างมีเหตผุ ลทาให้เกิดความเป็ น ระเบียบ ความสมดุล และความสง่างามในการมีชีวิตอยู่เป็ นมนุษย์ แนวคิดของเพลโตจัดเป็ นความเชื่อในแนวทวิภาค (mind - body dualism) เพลโตเน้นทฤษฎีของเขาอธิบายการเมืองและจริยธรรมเขาเห็น ว่ามนุษย์มกั เช่ือถือไม่ได้ สังคมควรจะเข้ามามีบทบาทในการปกป้ อง เพลโต มนษุ ย์จากความชวั่ ร้ายในตนเอง ท่มี าของภาพ :http://www-gap.dcs. st-and.ac.uk/~history/Mathematicians /Plato.html อริสโตเตลิ (Aristotle) ประมาณ 384 - 322 ปี ก่อนคริสตกาล อ ริ ส โต เติ ล เป็ น ศิ ษ ย์ ข อ งเพ ล โต ถึ ง 2 0 ปี เข าเป็ น ผู้วางรากฐานการสงั เกตอย่างมีระบบ และได้เขียนรายงานไว้เป็ น จ า น ว น ม า ก ทั้ง ใ น ด้ า น ต ร ร ก ศ า ส ต ร์ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ จริยศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ในสว่ นของจิตวิทยา เขาเช่ือในเร่ืองของ ท/.sAีม่tr-iาasขntoอdtงl.eaภ.chาค.พtumลk:/lh~งัอtคhtรpiิสsว:/tโ/าowตrมเywต/รwPลิดู้i-cgิจtaDิทpis.ัลdpclasมyหาวิทยาจโมขบลดิอตง่รุยั ยรเงวเนลมกเิญพ้นวุษีจลตัคญุตดถโวรปตาปุาศรทณมราะ่ีวะสรส้แูา่สทตงลธงี่แรครคะ์ท์บร์นก้จมานัาร้ ชงิงยอาขตตยอาิม่างมงจนทิตุษแ่ีเวลยพิญะ์นลทญนั้โุกตชาสว่ักณ่ิงรล้ตา่าย่าวองไรกเวิสข็ม้เาโปีพตเ็ชนัฒเต่ืออิลนวยา่ลา่าโกะลงทายกริง้่ิงเไคกปโวิดดเาพขยมึน่ือ้ เเมชขให่ือาา้ คือ กล่มุ แสนรุวปคแวนามวคเชิดื่อเกด่ีย้าวนกธบั รมรมนชษุ ายต์เริน่ิมิยเมป็นกรลูปุ่มแคบวบาทมี่เเหช็นื่อไดด้า้ชนดั ชเจีวนวิทในยยาคุ กหกลรมีกุ่มดคโดอวยาามมยีแเวุชน่ือนั วดคท้าิดี่นส1คา1ณค-ญั ิ1ตศ05า-ก2สลต5มุ่ ร6์ 4 กล่มุ ความเช่ือแบบผสม และกล่มุ ความเช่ือด้านมนุษยนิยม ซ่งึ แนวคิดทงั้ 5 กล่มุ เสนอวิธีในการเข้าใจ มนษุ ย์ในช่วงก่อนที่วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าขนึ ้
9 แนวความคิดทางจิตวิทยาหลงั ยคุ อริสโตเติลจนถึงศตวรรษท่ี 16 ยุคเฮเลนิสตกิ (Hellenistic) 300 ถงึ 30 ปี ก่อนคริสตกาล ยุคเฮเลนิสติก เป็ นช่วงที่ความเจริญรุ่งเรืองย้ายไปยังเมดิเตอร์เรเนียนฝั่งตะวนั ออก วฒั นธรรม กรีกมีบทบาทอย่างสงู สดุ ในยุโรป แอฟริกาเหนือ และเอเชียตะวนั ตก ทาให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในทุก ด้าน ทงั้ งานศลิ ปะ การสารวจ วรรณกรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี คณิตศาสตร์ ปรัชญา และวทิ ยาศาสตร์ ในยุคนีแ้ นวคิดเก่ียวกบั มนษุ ย์ที่สาคญั มี 2 กล่มุ คือ กล่มุ ท่ีเน้นแนวคิดในเรื่อง การควบคมุ ตนเอง (Stoic) และกลมุ่ ที่เน้นในเร่ืองการแสวงหาความสขุ (Epicurean) แนวคิดการควบคมุ ตนเอง หรือ สโตอิก (Stoic) ก่อตงั้ โดย เซโน แห่ง ซิทิอมุ (Zeno of Citium , ประมาณ 334 –262 ปี ก่อนคริสตกาล) เน้นการมงุ่ ค้นหาความจริงคือคณุ ธรรม การควบคมุ อารมณ์ตนเอง เพื่อเข้าถงึ อิสระที่แท้จริงเป็นสิ่งสาคญั สาหรับมนษุ ย์ แนวคิดเน้นแสวงหาความสุข หรืออิพิคิวเรียน (Epicurean) ก่อตัง้ โดย อิพิคิวรัส (Epicurus, ประมาณ 341 – 270 ปี ก่อนคริสตกาล) แนวคิดนีม้ งุ่ หาความสขุ ในชีวิต ทงั้ ทางร่างกายและจิตใจ ทีม่ าคขอลงังภคาพว:าเซhมtโtรนpดู้sแ:/จิ ห/uทิ่งpลัlซoaทิ มdอิ .หุมwiาkiวmทิ edยiaา.ลorยั gเกษตรศาสตร์ อพิ คิ วิ รัส ทม่ี าของภาพ: https://upload.wikimedia.org/ /wikipedia/commons/0/08/Zeno_of_Citium_- wikipedia/commons/8/88/Epikouros_BM_1843.jpg _Museo_archeologico_nazionale_di_Napoli.jpg หมดอายุวนั ที่ 11-10-2564
แนวความคดิ ทางจิตวิทยา 10 Viewpoint Psychology ยุคโรมัน (Roman: 30 ปี ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 300) จนถงึ ยุคกลาง (Middel Ages) ยุคโรมนั เป็ นยุคท่ีด้านการปกครองและกฎหมายมีความเจริญอย่างมาก ชาวโรมนั ให้คณุ ค่าต่อ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมากกว่าท่ีจะสนใจความคิดในเชิงปรัชญาแบบชาวกรีกในยุคก่อน เช่น มีการ สร้างปฏิทิน และการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์และการคานวณในงานสถาปัตยกรรม นกั คิดชาวโรมนั จะ จากดั บทบาทอยู่เพียงการเสนอทัศนะโดยท่ัวไปเกี่ยวกับชีวิต การศกึ ษาทงั้ หมดจะมุ่งเฉพาะ 3 ด้าน คือ วทิ ยาศาสตร์ จริยศาสตร์ และศาสนา ตวั อย่างแนวคดิ เกี่ยวกบั จิตของมนษุ ย์ในศาสนาคริสต์พบได้ในงานของเซนต์ ออกสั ติน เซนต์ ออกัสตนิ (St. Augustine) ค.ศ. 354 – 430 แบ่งจิตมนษุ ย์ออกเป็น 3 สว่ น คอื ความจา ความเข้าใจ และความตงั้ ใจหรือเจตนารมณ์ งานเขียนที่ สาคญั ของเขา คือ The Confessions (ค.ศ. 400) และ The City of God (ค.ศ. 413 – 426) ซงึ่ เป็นแนวทาง ในการตคี วามคาสอนในคมั ภีร์ไบเบิล และความเช่ือพืน้ ฐานของชาวคริสต์ ศคาลสงั นคาวาคมริรสู้ดตจิ ์เทิร่ิมัลมมีบหทาวบทิ าทยี่มทาามขลอeัยางnเกภgกาlขiพษsึเนh้:ซต/hbนนรtatตpัศบil์e:/าอแy/wสอ/aตwกตu่wยัสgร.uตุคa์ sนิctโcinรd.มh.etmันdu/จsaนc/คริสตจักรมีอิทธิพลสูงสุดในยุคกลาง (มMนiษุddยl์ตe่าAงจgาeกsส) ตั วโด์อย่ืนใตนรสงทว่ น่ีมทีจิต่ีเกวี่ยิญวญกับามณนแุษลยะ์ ศเชาื่อสวนา่ าพครระิสผต้เู ป์ไ็ดน้นเจา้าท(ศั Gนoะdใ)หหมมมบี ่ใดทนอบกาาาทรยมใวุ นอนั กงมิจทกน่ี รษุ1รย1ม์โข-ด1อยง0เมห-น2็นษุ5ว่ยา6์ 4 นอกจากนีย้ งั เช่ือว่าการศึกษาร่างกายมนษุ ย์ไม่ใช่ส่ิงที่จะทาให้เข้าใจถึงจิตใจหรือจิตวิญญาณของมนุษย์ ดงั ที่เสนอในผลงานของ เซนต์ โทมสั อไควนสั
11 เซนต์ โทมัส อไควนัส (St. Thomas Aquinas) ค.ศ. 1225 - 1274 เซนต์ โทมัส อไควนัส เป็ นบาทหลวงโรมันคาทอลิก คณะดอมินิกัน เกิดในตระกูลขุนนางชาวอิตาลี เขาเป็ นผู้ท่ีพยายาม ผสมผสานเทววิทยาในศาสนาคริสต์ เข้ ากับตรรกศาสตร์ ของ อริสโตเติล และทาให้แนวความคิดของอริสโตเติลกลบั มาเป็ นที่สนใจ ของนกั คดิ ชาวตะวนั ตกในยคุ นนั้ งา น เขี ย น ข อ งอ ไค ว นั ส ที่ มี ช่ื อ เสี ย ง คื อ “Summa เซนต์ โทมัส อไควนัส Theologica” ในปี ค.ศ. 1265–1274 ซ่ึงอธิบายว่ามนุษย์เป็ นสัตว์ ท่มี าของภาพ: สังคมที่สามารถควบคุมการกระทาของตนเองได้ด้วยสติปั ญญา มนุษย์จะตกอยู่ในอนั ตรายถ้าไม่ยอมรับระบบสงั คม จิตที่อบรมแล้ว http://www.univie.ac.at/Wissenschaf จะสง่ั การให้ร่างกายกระทาสงิ่ ตา่ งๆ ตามหน้าที่ในสงั คม งานเขียนของ tstheorie/heat/gallery/aquin-f.htm เขาแสดงให้เห็นถึงความเช่ือเร่ืองพระเจ้า โดยเช่ือว่านักปราชญ์เช่น อริ สโตเติลเป็ นผู้รอบ รู้ เนื่ องจากพ ระเจ้ าม อบ ความรอบ รู้ให้ ขณะเดียวกนั ก็เน้นเรื่องเจตนารมณ์อนั เป็ นอิสระของมนษุ ย์ในการที่จะ รู้จกั ทาความดี หวปคศเฉ่าวาัรวพเัาชสกขามญน้ิดอะเาชจาเทคม่ือาี่-เหรื่อใกปคิจสนนแก็ ลินตตเตังาังชว์สทง่รคิเงิทงนกือี่วไสาย้สรนาจนนะามยากทใรศนเาจดู้ราากรว่ือิจขสปานคงิทอตรฏหเือัลงมจริบลภ์ีตเเมพพัตาูชตนหยิตศ่นรผาารนสะีหร้วคอมใัมผริทวยหื้อพูณเยา้เถปวนัมลา์อ็ูกิญลน่ผธมนัตัย์นิดเญเเ้อเจกปอปก้ง่ีา็ยากนษกตณวเตอตคาหกชิิทสรมนวับศั่วราหือาะดราง้ลจมาสจ้า(ักายติตfเนrกปศรแeเก็ค์ทาลeนาสู่สวะรอwมนพวรมiัิกทรlาฤlส)ตษยตเถชาะาิกจือ่นอไรขิตดวราอก่า้มวรกงิบจัิทบเาบจกายรกิี่ยปตรทาางรเาแวรปเมงิตบลญ็ทนจีะพนิาตเญมจิพมงใีคาีเยพจาพกวงจ์จณากศสึงนมรข่วไอถผมอนแบึงิดง่ไหลชทดมนะน่ว้ี่สมน่ึงคองงั่งุุษขศกคาสอยตจมถ่คู ง์คาวกวาคกวราามารรนหมสจษใียน้เอะนขทังดนม้าเเ่ี ถกชใี1ไใืนิดอดจิ6ง้ มนษุ ย์ แตใ่ ช้การสวดมนต์อ้อนวอนตอ่ พระผ้เู ป็นเจ้า หมดอายวุ นั ที่ 11-10-2564
แนวความคดิ ทางจติ วทิ ยา 12 Viewpoint Psychology ยุคฟื้นฟูศิลปวทิ ยา (Renaissance) ค.ศ. 1450 - ค.ศ. 1550 อิท ธิ พ ลของศาสน จักรเร่ิ ม ลด ลงใน ยุคฟื ้น ฟู ศิ ลป วิท ยา จน ถึงป ล ายศ ตวรรษ ที่ 16 ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทาให้เกิดความขดั แย้งระหว่างคริสตจกั รกับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ มากขนึ ้ เร่ือย ๆ ในยุคนีม้ ีการฟื ้นฟูศิลปวิทยาของกรีก ได้มีการนาผลงานของอริสโตเติลและเพลโตมาเผยแพร่ และมีผลงานของนกั วทิ ยาศาสตร์ท่ีสาคญั ๆ หลายทา่ น เช่น ลีโอนาโด ดา วนิ ชี (Leonardo da Vinci) ค.ศ. 1452 - 1519 ลีโอนาโด ดา วินชี เป็ นชาวอิตาลี ผู้มีความสามารถ หลากหลาย สร้ างผลงานทัง้ ในด้านวิทยาศาสตร์และศิลปะ ถือเป็ นบุคคลสัญ ลักษณ์ ของยุคฟื ้นฟูศิลปวิทยาการณ์ (Renaissance Man) ลีโอนาโด ดา วนิ ชี ท่ีมาของภาพ: http://www.visi. eom/~reuteler/vinci/self.jpg คลังความรดู้ จิ ทิ ลั มหาวทิ โศปนยูนแาิโยคลล์กัยลนลเโัสดกคา์ใษงโเนปคตขรรอเอาปศงชรารอ์นอสะราิคตบ์นณัสรบิค์าเสสัปจุร็ กันิ(ยรNนะปiักcรแoคัชลlaเณะซuโียิsตลเศกCปหา็oนสมpผeตุนู้เrสรรn์แนอicลบอuแะดsน)นววงักคอคดิดา.าศทดร.ิตวา1งยศอ4์ าซา7สท3่ึงติขต-ัดยร1์ช์แเ5ปาย4็ น้วง3 ความเชื่อของคริสตจกั รวา่ โลกแบนและโลกเป็ นศนู ย์กลางของจกั รวาล ซงึ่ ถือเป็นการเริ่มต้นของการปฏิวตั ิทางวทิ ยาศาสตร์ นโิ คลัส คอปเปอร์นิคสั หมดอายวุ ันที่ 11-10-2564 ทีม่ าของภาพ : www.tripadvisor.co.uk/LocationPhoto DirectLink-g274856-d2647224-i245021678-Monument_of_Nicolaus_Copernicus- Warsaw_Mazovia_Province_Central_Poland.html#245021678
13 อังเดรย์ เวซาเลียส (Andreas Vesalius) ค.ศ. 1514 - 1564 เวซาเลียสถือเป็ นบิดาผู้ก่อตัง้ กายวิศาสตร์มนุษย์สมัยใหม่ เขาได้ทาการผ่าศพสัตว์และมนุษย์ เขาเสนอว่าสมองและระบบ ประสาททาให้เกิดกิจกรรมทางจิตวิทยา ไมใ่ ชห่ วั ใจ เวซาเลียส ท่ีมาของภาพ:http://academic.brooklyn.cuny. edu/history/virtual/portrait/vesalius2.gif ศตวรรษท่ี 17 ยุคฟื้นฟวู ทิ ยาศาสตร์ ศตวรรษท่ี 17 ได้รับการขนานนามว่า เป็ นยุคแห่งการใช้เหตุผล (The Age of Reason) โดยมี แนวคิดปรัชญาที่เกิดขึน้ ในยุคนีแ้ ละถือเป็ นรากฐานแนวคิดของชาวตะวนั ตก ซ่ึงนาไปส่กู ารศึกษาแบบ วิทยาศาสตร์ คือ แนวคิดประจักษ์นิยมของฟรานซิส เบคอน และจอห์น ล็อค แนวคิดเหตุผลนิยมใน ผลงานของ เรอเน เดการ์ด รวมถงึ แนวคดิ เชิงปรัชญาการเมืองการปกครองของโทมสั ฮอบส์ และผลงาน สาคญั ทางด้านวทิ ยาศาสตร์เกิดขนึ ้ ในช่วงนี ้คือ งานของกาลเิ ลโอ กาลิเลอี และเซอร์ไอแซค นิวตนั อผนปปธิวักรริหบะวะฟนดิสทจงัีศรบยักาาเากทนแฟษลศาค่าน์สซานรรลนงูสิวสณาิังนัยส้คคตน์เดุมทดิวบรข์ซาาเคนอมช(ิงสeอังกรงิปmอดู้ปนกรเงัิจpบฎระก(ิทัiชสFหrฤคลัiญrcามษaอiมทsาาnเนหmยสcบiาัม)sคแวเซอผลทิBปึ่นัสง็ะยaนเเานcทปชลoนักัง็้่ืนnอยั ัเก)ท5เขวกี่ีรยป่าคษู้จนคคืตอรกั .ชราศวใตาศน.ชาวาาฐ1มญอสา5หตังรน์6ูู้กรเ1ะจรก์ฤผัมฐิ–ษด้คู ูกบ1จิดเุ6ปลครา2ุ็้ิษนนน้ก6 ฟรานซิส เบคอน หมดอายวุ ันที่ 11-10-2564ท่ีมาของภาพ: https://en.wikipedia.org/ wiki/Francis_Bacon#/media/File:Some r_Francis_Bacon.jpg
แนวความคิดทางจิตวิทยา โทมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes ค.ศ. 1588 – 1679) เป็ นนกั ปรัชญาการเมือง ชาวองั กฤษ ผ้มู ีช่ือเสียงโด่งดงั จาก 14 Viewpoint Psychology ผลงานที่สาคญั คือหนงั สือช่ือ Leviathan ท่ีเขียนขนึ ้ เม่ือ พ.ศ. 2194 หนังสือเล่มนีก้ ลายเป็ นฐานประเด็นในแนวปรัชญาการเมือง โทมสั ฮอบส์ ตะวนั ตกในสมยั ตอ่ มาในเกือบทกุ แนว ทีม่ าของภาพ: https://en.wikipedia.org /wiki/Thomas_Hobbes#/media/File: นอกจากงานเขียนเก่ียวกับปรัชญาการเมืองตะวนั ตกแล้ว ฮอบส์ได้ สร้ างผลงานที่เป็ นประโยชน์ไว้ อีกหลายด้ าน เช่น จริยธรรม ประวตั ิศาสตร์ เรขาคณิต เทววิทยา รวมทงั้ ด้านปรัชญาทวั่ ๆ ไปอีก Thomas_Hobbes_(portrait).jpg หลายเร่ือง และท่ีสาคัญ คือด้านรัฐศาสตร์ (political science) โดยฮอบบส์เช่ือวา่ \"มนุษย์นนั้ โดยธรรมชาติมีการร่วมมือกนั ก็โดย มงุ่ ผลประโยชน์สว่ นตวั \" เรอเน เดการ์ด (René Descartes) ค.ศ. 1596 – 1650 เดการ์ตได้รับการยกย่องให้เป็ นบคุ คลท่ีสาคญั ที่สดุ คนหนึ่ง ในประวตั ิศาสตร์ตะวันตกสมยั ใหม่ แนวคิดของเขามีผลต่อนกั คิด ทo_Prม่ี goา/rwขtrอiekงtip_ภveาadพni:aเ_ครh/Rcอลtetoเpnงัmนs%ค:m/เC/วดuo3าpnก%มslาo/รA7aร์ด/d9ู้ด7_.3wิจD/iFิทekrisamลัcneasมdr_tieHaหs.a.าljspว_gทิ- ยาลยัเปรตเคยหร่วเโุวัวฏกขรมตามิษเปาผุสมสนคตสมลไธุษรมณมนคยัเศดยแ่ยัไิวยิาตก์นปมศามสวาน่ถมาตติเร(อตงึวรคร์ดr้นูจนaรงั์้รยรกัแtาาiงัษoกปตะเnปทท่เรหกa็ัช่ีนา์1lิดญiงนs7คปmกัเาิดแปรคร)็ลคะุ่นนณซ้สะนสตง่ึิตบร1อ่ัญไศะกด8ๆาช้บากสารกมลบตณตลาาพรญ่มุย์ท์ผโิกเดน้ามูาปัดยีเงณ้็ีชชนแรป่ือื่อแวบขรเวมนสอะบ่าเวียงสรคคคมงีายาิดวทนกเรปาปุสวษ์ท็มน่ารมัยีเรัปชผซ้ผ์ูทเ้ญบูรปียัสุกัช็กุนนาคญเเสหพซบนาิ่งลึ่งริกทกแเากัวปลี่ตะลใชิ ็ ่มนุินมดะาี รากฐานของการพฒั นาด้านแคลคหลู สัมใดนเอวลาายตุวอ่ ันมทา ี่ 11-10-2564
15 จอห์น ล็อค (John Locke) ค.ศ. 1632 – 1704 จอห์น ล็อค นักปรัชญ าชาวอังกฤษผู้มีช่ือเสียงในศตวรรษที่ 17 ทมี่ าของภาพ: https://th.wikipedia.org/ wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0 แนวคิดของเขาอยใู่ นกลมุ่ ประจกั ษ์นิยม เช่ือวา่ ความรู้ของมนษุ ย์มา %B8%A5%E0%B9%8C:John_Locke.jpg จาก 2 ทาง คือ ประสบการณ์ทางประสาทสมั ผสั และการไตร่ตรอง ซึ่งเป็ นประสบการณ์ ภายใน โดยเห็นว่าคนเราไม่สามารถใช้ ความคิดไตร่ตรองได้หากไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนัน้ มาก่อน เขาไม่เห็นด้วยกับความเช่ือท่ีว่า มนุษย์มีความคิดท่ีติดตัวมา แตก่ าเนิด ผลงานด้านวิทยาศาสตร์ กาลเิ ลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) ค.ศ. 1564 – 1642 กาลเิ ลโอเป็นชาวอิตาลี มีผลงานทงั้ ทางด้านดาราศาสตร์ ฟิ สิกส์ และวศิ วกรรม เขาได้รับยกย่องเป็น \"บิดาแห่งดาราศาสตร์ ส\"กวดcเบคทิoามลู ริดmรยมยััื่อเาาใคpงแ(หศวpลaหามดัseื่อง่สs\"อ่กnนวคตe\"ณุdาิททบsลรลuย่ีข์ิดห)ปงัิเlาอuลคาภรศmงแะโวมู อวาาหย)ิตัสไม(กุ่งกดTถตรฟตล้hททู้ดุริส์แศe์ายิจี่มลิกrากคุทิmคีะสสาใัลวเ์สoตรหทาศsมมรมคมc์ขกึยัห\"่โเoอษนใราpห่งงวาโไeคลมิททห)งย\"่ยดลทแี\"าลไบล่ีล(ดอhิดะแัย้แงyเลาเกขกdกแะม็่ฎrษหกยoทแาต่งงัsริศวมรรtงaศิทกศีงดtกาึายาiงcึ นรสษาดsทศตดา)ดู ห้ราาคป์าส(นณุ รgรตะrสร(aดm์ม\"vิษแบiitlฐลyiตัt์a)ะิแrแพyลนะ กาลเิ ลโอ กาลเิ ลอี ทีม่ าของภาพ: https://upload.wikimedia .org/wikipedia/commons/d/d4/Justus_ Sustermans__Portrait_of_Galileo_Galilei%2 C_1636.jpg กาลิเลโอมีผลงานการศกึ ษาด้านดาราศาสตร์จานวนมาก หมดอายวุ นั ท่ี 11-10-2564 งานที่สาคญั ของเขาคือ การประดษิ ฐ์และใช้กล้องโทรทรรศน์ในการ ค้นพบดาวบริวารของดาวพฤหสั และจดุ ดบั บนดวงอาทิตย์ และทา การพิสจู น์ได้วา่ โลกกลมได้สาเร็จ
แนวความคดิ ทางจติ วทิ ยา 16 Viewpoint Psychology เซอร์ไอแซค นิวตัน (Sir Isaac Newton) ค.ศ. 1642 – 1726 นิวตนั มีผลงานทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ท่ีสาคญั ทงั้ ในด้านกลศาสตร์และฟิ สิกส์ ได้แก่ คือ แคลคูลัส การค้นพบกฎแรงโน้มถ่วง กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน (Newton’s laws of motion) การ คานวณความเร็วเสียง และทฤษฎีสีของนิวตนั (Newton’s theory of colour) จากการการค้นพบเร่ืองการ หกั เหของแสงโดยใช้ปริซมึ แตกแสงขาวให้กลายเป็นสเปกตรัมของแสงได้ และใช้เลนส์กบั ปริซมึ อีกแท่งหนึง่ รวมแสงสเปกตรัมหลายสกี ลบั มาเป็นแสงขาวได้ เซอร์ ไอแซค นวิ ตัน ทีม่ าของภาพ: ศตวรรษทศค่ี ต1ล8วังรคมรวีกษาามทรรเ่ี คดู้1ิจล8ทิื่อไคนลัดว้ไรมหาับหวมสาใซกนวม่ึงทิ้าญ3เวยปาดหา็นล้วานhัย่นาฐIt้sาtเเpาaกซปขsaนษ:็cง่ึ/นอ/-ถตwสNยงwือรeู่กวุwwคศวาิt.ทาา่เobรรnสเrยiืป/อtเmตaป็านnงeรn็ศdปน์รiciาaัาญaศ/ก1.สcา/ฐญ4oตส1mา3ราน/ต1bใ์8ทioร(น9gT่ีท/จ์3rhศaา0ิตpe0ใตh8วหyAวิ้/ทเgกรยeิดราศษoาfทสE่ี ต1nรl8i์สgาhขteาnวmิชาeจnิตt)วโิทดยยานทับี่แแยตก่ จากวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (natural science) และปรัชญา คือ ด้านสรีรวหิทมยดาอด้าานยจุวิตนั ฟทิ ส่ีิก1ส1์ แ-ล1ะ0ท-ฤ2ษ5ฎ6ี 4 ววิ ฒั นาการ
ความก้าวหน้าในด้านสรีรวิทยา 17 ฟรานซ์ โยเซฟ กัลล์ (Franz Joseph Gall) ค.ศ. 1758 - 1828 ฟรานซ์ โยเซฟ กัลล์ ที่มาของภาพ: เป็ นคนแรกที่เช่ือวา่ สมองเป็ นอวยั วะของจิต เขาศกึ ษาถึงความ สัมพันธ์ของสมองส่วนที่คาดว่าจะมีความสาคัญกับพ ฤติกรรมที่ http://www.phrenology. สงั เกตเห็น เขาเช่ือวา่ โครงสร้างของสมองสามารถดไู ด้จากรูปร่างของ eom/franzjosephgall.html กะโหลกศีรษะ (Cranioscopy) ต่อมาได้ เกิดเป็ นศาสตร์พรีโนโลยี (Phrenology) ซึ่งเป็ นการศึกษาเกี่ยวกับลักษณะของกะโหลกศีรษะ โดยอ้างว่ารอยนูนในกะโหลกสามารถทานายลกั ษณะบุคลิกภาพและ ความสามารถทางสติปัญญาและจิตใจ ซงึ่ ได้รับความสนใจอย่างมาก มีการตัง้ ห้องทดลอง คลินิก และวารสารด้านพรีโนโลยีตัง้ แต่ปี ค.ศ. 1823 จนถึง ค.ศ. 1847 เม่ือการศึกษาสมองมีความก้าวหน้ามากขึน้ พรีโนโลยีเริ่มไม่เป็ นท่ีเช่ือถือนับแต่ปี ค.ศ. 1843 และถูกเรียกเป็ น วทิ ยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience) ปิ แอร์ ฌอง จอร์ส คาบานิส (Pierre Jean Georges Cabanis) ค.ศ. 1757 - 1808 เเ(คกรปmราา็นะaรบ้เผูtสพeลกึาrาiพaนคแะเรวlิอพiาสาคsงาบจtทลเiคหcงึปงัายมว)าค็น์นผารีอควิส้วมูนายาน่าเมคกู่ีไั้ป(สกริดดลWมูด้ร้ป่ารีคeยจิอัวบราิทบงขsสบะยeลัอเท่อามnจงมนsยีเัยญกขหeิสคบาษ,าเาวซสวกw์วานงึ่ทินาe่มาถิยยอรเปือaาทปสมrรเล็eปมานะัย)็งมนท(บเากeตคบัิดนmษิฐตใาตขจาpิขขนรอiอ(rอศวiiงงcmา่างกสiสsปวpลมtติชrฏ)มุ่ eอราิกแปs์งสิรsรลกิยiะรoับะีาจรnสหะวกัsะัจ)ษตนทิแต้์นาถ้อลวิยทุ นนะิทม่ีขิเเยคยกกอืิิมอดดาง ปิ แอร์ ฌอง จอร์ส คาบานิส ในระดบั ไขสนั หลงั แต่การตอบสนองอ่ืน ๆ เกิดในระดบั สงู ขนึ ้ คือมีการ หมทด่มีfrาaอขnอcาaงภยisาeวุพ.f:rนั /himtทtmp:่ีo//r1wtew1lsw/-b.a1acsa0ed/-aec2mai5de 64 สงั่ จากสมอง emiciens/fiche.asp?param=280
แนวความคดิ ทางจิตวิทยา ชาร์ลส์ เบลล์ (Charles Bell) ค.ศ. 1774 - 1842 นกั สรีรวิทยาชาวองั กฤษผ้นู ีไ้ ด้แยกเส้นประสาทไขสนั หลงั ของศพ 18 Viewpoint Psychology ที่เขาผ่าพิสูจน์ออกเป็ น 2 กลุ่มคือ กลุ่มเส้นประสาทรับความรู้สึก (sensory) แ ล ะ ก ลุ่ม เส้ น ป ระส าท ส่ังก าร (motor) เบ ล ล์ เช่ื อ ว่า ชาร์ลส์ เบลล์ เส้นประสาทรับความรู้สึกส่งข้อมูลไปยงั สมอง และเส้นประสาทสงั่ การ ทมี่ าของภาพ : http://www.med. รับข้ อมูลจากสมองไปท่ีกล้ ามเนือ้ ซึ่งก่อนหน้ านี ้ เป็ นท่ีเช่ือกันว่า เส้นประสาททางานสองทางคอื ทงั้ รับและสง่ ข้อมลู Virginia, edu/hs-li bra ry/hi storical/classics/Bell.htmI . ฟรังซัวส์ มาเจนดีย์ (Francois Magendie) ค.ศ. 1783 - 1855 ในปี ค.ศ. 1822 ฟรังซัวส์ มาเจนดีย์ค้นพบในสิ่งเดียวกับท่ี เบลล์ได้ พบทัง้ ๆ ที่ทัง้ สองไม่ได้ มีการติดต่อหรือทราบกันมาก่อน การค้นพบของมาเจนดีย์ยังชัดเจนมากขึน้ ด้วย เพราะเขาทาการศกึ ษา การทางานของเส้นประสาทไขสนั หลงั โดยทดลองกบั สตั ว์ที่ยงั มชี ีวิตอยู่ ฟรังซัวส์ มาเจนดยี ์ มหาวิทยาลคัยฌเ.กศอษ.งต1–ร7ศ9ปา4ิ แส-1อต8รร6์์ ม7ารี ฟลัวแรงส์ (Jean-Pierre Marie Flourens) ที่มาของภาพ: ฟลัวแรงส์เป็ นผู้บุกเบิกการวิจัยทดลองเร่ืองสมอง โดยเขา http://www.uic.edu/depts/ ค้นพบการทางานของสมองส่วนล่าง เขาเชื่อว่าในสมองทัง้ สองซีก mcne/founders/page0057.html ทางานเป็ นหน่วยเดียวกัน ความคิดเรื่องการทางานของสมองเป็ นหน่ึง คลงั ความรดู้ ิจทิ ลั เดยี วของฟลวั แรงส์เป็นที่เช่ือถือตอ่ มาอีกหหมลาดยอศาตยวรุวรนั ษท่ี 11-10-2564 ฌอง – ปิ แอร์ มารี ฟลัวแรงส์ ที่มาของภาพ: http://www.academie- francaise.fr/immortels/base/acade miciens/fiche.asp7param374
19 ปิ แอร์ ปอล โบรคา (Pierre Paul Broca) ค.ศ. 1824 - 1880 โบรคาเสนอแนวคิดเร่ืองซีกของสมองมีผลต่อพฤติกรรมเฉพาะ โดยเขา พบว่าศพของผู้ป่ วยที่มีความผิดปกติในเร่ืองการพูด (Speech disorders) ตา่ งมีความผิดปกติของสมองซีกซ้ายด้านหน้า (Left frontal lobe) ในปี ค.ศ. 1870 นักวิจัยชาวเยอรมัน 2 คนคือ กุสตาฟ ฟริทซ์ (Gustav Fritsch) และเอ็ดวาร์ ด ฮิทซิก (Edvard Hitzig) ได้ ทาการ ปิ แอร์ ปอล โบรคา กระตุ้นด้ วยไฟฟ้ าท่ี ซีรี บรัมของสุนัข พ บว่าสามารถทาให้ เกิ ด ท่มี าของภาพ: http://www.kfki การเคล่ือนไหวในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่างกนั ไป การค้นพบนีท้ าให้ .hu/chemonet/TermVil/kulonsz เกิดการทาแผนผงั การทางานของสมองท่ีทาหน้าท่ีเกี่ยวกบั เส้นประสาท /k001/broca.jpg รับความรู้สึกและเส้นประสาทสงั่ การ เกิดเป็ นสาขาวิชาพรีโนโลยียคุ ใหม่ ซงึ่ อธิบายระบุถึงแตล่ ะส่วนของ สมองว่ามีบทบาทหน้าที่ในการรับความรู้สึก หรือควบคมุ พฤติกรรมใด โดยการชีเ้ ฉพาะว่าบริเวณใดของ สมองรับผิดชอบต่ออะไรนัน้ ต่างไปจากที่กลั ล์ได้เคยเสนอไว้ และเช่ือว่าบางส่วนของสมองรับ ความรู้สึก บางสว่ นมีผลตอ่ การกระทา และการเชื่อมโยงของสมองสว่ นรับความรู้สกึ กบั สว่ นประสาทสงั่ การก่อให้เกิด พฤติกรรม ในมุมมองนี ้ สมองก็คือเครื่องกลอันซับซ้อนท่ีทาหน้ าที่ตอบสนอง (a complex reflex machine) ซงึ่ สอดคล้องกบั งานวิจยั ในสหภาพโซเวียต แสโ1คจซ9ลินตุวเ2ะาขวัว7พมียิทซ)ฤตผยง่ึ นติดไาเดัใิกพกวปปคน้กรตั่ืปอีกลปรลคถศตมรังี า.ุวึกคคะิทนศยิสษว.สิย.ามศาัยางา1มา.มรจ8ทเ(1รปะ(ิOต8B9ู้ดว็บน6ก2bิิจeทบพ7ับjhทิ eยวปืนa้คลัcอลารvฐtววิ ะiามiาvoาาไสดหนeดrนมiีามาท้sกผPทพวmีรฤ่ิsดอ์ทิแาษมy)ปตยลฟcใฎีโาักะงนลฮ้hีกลโหตoโอเคายัวล้lิใฟอoรลรเวนกวgงงาิช(ารษสปyIตvะง)เตรอ่ฏaเบ้บาซงรมnิบง่ืฮอบศึ่งาข์นเPเัาปตจปอสaไิรก็เขงนตvระสแาlฟรฐoสมบร์ าvา(ดอบ)นVท้งาคนขlมaนลกัอเีdคขาสจงiาวสmจิรตเาีสริชตiวมrวคิ่ือวิิททMเิวทก(ยยCา่iี่ยยkาสาlhวาaชมกaพเsากอiาsวlันoสงiรรcกvแัตสทaiันตcเอlดซh่ลCลียละBตoเอสบซn์e(ง่วง่ึฮdkGไแน์hเiดtจeหมito้eทเs่ีหงรnrtาeฟaแนiกnvl้รยาtgา,กทPังร)คทเี่ใเsป.ฉนyศด็พนc.ลสhาผ1อหoะู้ก8งlภo5่อแกg7าตลบัyพังะ–้) ในส่วนท่ีสรีรวิทยาและจิตวิทยาได้เข้ามาประสมประสานกันหเรมิ่มดต้อนาจยากุวันโยทฮี่า1น1ส-์ 1ม0ูล-เล2อ5ร6์ 4 (Johannes Muller, ค.ศ. 1801-1858) ได้เสนอไว้ในหนังสือ \"Elements of physiology\" ในปี ค.ศ. 1842 วา่ บทบาทของสมองคอื เป็นตวั เช่ือมโยงระหวา่ งข้อมลู จากเส้นประสาทรับความรู้สกึ กบั การตอบสนองของ
แนวความคดิ ทางจิตวทิ ยา 20 Viewpoint Psychology เส้นประสาทสง่ั การที่เหมาะสม การวเิ คราะห์การสง่ กระแสประสาทของมลู เลอร์นาไปสกู่ ารศกึ ษาวิจยั ของ อีมิว ดู บัวส์ – เรย์มอน (Emil Du Bois-Reymond, ค.ศ. 1818-1896 ) และเฮอร์แมน เฮล์มโฮลทซ์ เพื่อที่จะอธิบายธรรมชาติของการสง่ กระแสประสาท ทาให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการรับการรู้สกึ วลาดีมรี ์ มีโฮโลวชิ เบฮ์เจเรฟ อวิ าน พาฟลอฟ โยฮานส์ มลู เลอร์ ทมี่ าของภาพ: https://upload.wiki ทีม่ าของภาพ: ทม่ี าของภาพ: media.org/wikipedia/commons/0/ https://cdn.britannica.com/s:300x3 00/93/9693-004-78E28DB4.jpg https://upload.wikimedia.org/wikipedia/ 05/Bulla_bekhterev_v.jpg commons/3/30/Johannes_Mueller.jpg อเลก็ ซานเดอร์ เบน (Alexander Bain) ค.ศ. 1818 - 1903 คลงั ความรู้ดจิ ทิ ัล มหาสซทควงึ่มัาวทิ พงาพยามัฒาันนคลธนขัยิด์นอาเเิกยขงจบจษนึมน้ นิตตใแกไนรบดรเศอะ้บบผางัทนนดสก่ังรวงัตฤ้ เับเกรมษดเ์เ่ืออิมอทเาาี่เก(หแแTิดน็นนrคaวววdคว่าคiาิดิtดคiมoขขนnจออนaางงนัlกจ้โaยลเึงมsมฮ่มุ sื่อนัีคสoแเมัวcนราiพกaสมนัเtiกคมoธิดิnดลู์นยiเิยsลังtมsไนอ)มรัก(์Aม่มคแsาีจิลดsใิตะกoชแ้cแอลนiลธุ่มaวิบะtสiคoยาัมnิดังยพiไขกsมันอmา่มธงร)ี์ นิยม ให้ความสาคญั กบั การเรียนรู้ว่าเป็ นศูนย์กลางของกระบวนการทาง จิต เมื่อมกี ารคิดและมีการเช่ือมโยงของความคิดต่าง ๆ จิตกจ็ าได้ เกิดขนึ ้ อเลก็ ซานเดอร์ เบน โหดนยังกสาือรล2อกเลเล่มียทน่ีสแาบคบัญจาคกือโล\"TกhภeายSนenอsกeตหวaั nม(deดxtอtheeาrnยIanวุltewนั lloeทrclี่dt1\")(1เ1บ-8น15ไ50ด)-้เ2แขียล5นะ64 ทม่ี าของภาพ: \"The Emotion and the Will\" (1859) นอกจากนีเ้ ขายังได้ก่อตัง้ วารสาร http://en.wikipedia.org “The Journal of Mind” ขนึ ้ ใน ค.ศ. 1874 /wiki/Alexander_Bain
21 ความก้าวหน้าในด้านจติ ฟิ สกิ ส์ งานด้ านจิตฟิ สิกส์มี พื น้ ฐานมาจากการศึกษาของนักดาราศาสตร์ นักฟิ สิกส์ และ นกั สรีรวิทยา ตวั อยา่ งเชน่ ฟรีดดริก วิลเฮลม์ เบสเซล (Friedrich Wilhelm Bessel) ค.ศ. 1784 - 1846 นกั ดาราศาสตร์ชาวเยอรมนั ท่านนีเ้ป็นผ้เู ริ่มศกึ ษาเปรียบเทียบความ แต กต่างข องนักด าราศาส ต ร์ แ ต่ล ะค น ใน เรื่ องก ารตัด สิน เกี่ ย วกับ เวลาใน ขณะท่ีตามองผ่านกล้องดูดาวและหูฟังเสียงนาฬิกาบอกเวลา เบสเซลได้ ทาการศกึ ษาอย่างเป็ นระบบ และพบวา่ นกั ดาราศาสตร์ทุกคนรายงานเวลา ต่างกัน เพ่ือแก้ไขจุดอ่อนนีเ้ บสเซลได้กาหนดสตู รค่าสมการส่วนบุคคลขึน้ เพ่ือให้ สามารถตัดค่าแตกต่างระหว่างบุคคลออกในเวลาที่คานวณหา ตาแหน่ง เบสเซลสนั นิษฐานวา่ คา่ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลนนั้ คงที่ ฟรีดดริก วลิ เฮลม์ เบสเซล ที่มาของภาพ: http://cafe.rapi dus.net/sbelange/bessel.html คกนชpื่eอักา.ศrรปc\".กรEรeู้1สุสัlชpe6าตญtm4iเนoาฟ6คาenฟึกnลค”-กtังเธs(1อนใคCี7โนทอoวอo1าfรทกnด6์มเP์ฟาปs)อรs็cรรนซดู้yรีiกด์นoc่ึจิงเลuhิทไกัวฟดs่oาิฟลัลn้คpเิวเสสeมฮเhถิกนsนหลyึงsสsอ์ามอก์iวscรเแขาิทไ์tsaนล(าร\"ยGtไบวรeโาดู้uดคส์sลน้เs)ิึยยัดกขิซtโเaียไเทกด(รดvนGี่ื่ษออ้ยวหTต่oงอิเไนhคtรกลนteงัศfราrบoสเาาiรกe์dือสนะรdินo้ใูตหิสซนrWรก์ึeแกใภ์ วชนแiFlา้่hาควปeยeจปาcรหlmะhตวรลัnช่ถาางั Leญึงมเ“erกร)pภiาษbะeาขียnดtวอiiณtัzบะeง,ค.ศ. 1801 - 1887 ท่ีทาให้เกิดการตระหนักรู้ และการรับรู้ในระดับจิตสานึก (awareness and apperception) หมดอายุวนั ท่ี 11-10-2564 กุสตาฟ ธีโอดอร์ เฟคเนอร์ ทม่ี าของภาพ: http://www.psico tecnica.org/Fechner.html
แนวความคดิ ทางจติ วิทยา 22 Viewpoint Psychology เฟคเนอร์เห็นด้วยกบั ไลบ์นิซวา่ จิตไร้สานกึ (unconscious) มีอย่จู ริงและใช้คาวา่ “การรับ ความรู้สกึ ด้านลบ” (negative sensation) แทน โดยเห็นวา่ การรู้สกึ สว่ นนีจ้ ะไมเ่ ข้ามาในระดบั จิตสานกึ เฟคเนอร์มีความหวังว่า การทดลองด้านจิตฟิ สิกส์ (psychophysics) จะสามารถแสดง ความสมั พนั ธ์ของจิตและกายได้ กอ่ นหน้าเฟคเนอร์ นกั ปรัชญาสว่ นใหญ่จะถือว่าจิตใจมนุษย์เป็ นเร่ือง ส่วนบุคคล และไม่มีเคร่ืองมือใดท่ีจะสามารถนามาใช้วัดประสบการณ์ในจิตสานึก (conscious experiences) ของบคุ คลได้ จิตใจเป็นส่งิ ท่ีไมส่ ามารถจะทดลองหรือใช้กฎคณิตศาสตร์มาวดั ได้ เฟคเนอร์ได้แสดงให้เห็นวา่ การทดสอบเก่ียวกบั จิตสานึกสามารถทาได้โดยการควบคุม ส่งิ เร้า ท่ีบคุ คลนนั้ จะเผชิญ เราสามารถให้บคุ คลหน่ึงยกส่ิงของที่เรารู้วา่ หนกั เท่าไร เราสามารถให้เขาฟังเสียง ที่เราทราบระดับความถ่ีและความดัง เป็ นต้น แม้ว่าการวัดผลของประสบการณ์ในจิตสานึก (conscious experiences) หรือการรับความรู้สึกนัน้ จะทาไม่ได้โดยตรงเพราะเรา ไม่สามารถให้ คะแนนเป็นตวั เลขแก่นา้ หนกั ของประสบการณ์หรือความรู้สกึ เฟคเนอร์ได้ประยกุ ต์วธิ ีการของ อี. เฮช. เวเบอร์ (E.H. Weber , ค.ศ. 1795 - 1878) และเสนอ วิธีการกาหนดค่าหรือปริมาณเป็ นตวั เลขให้แก่การรู้สกึ โดยทางอ้อม เขาใช้วิธีการให้ผ้ถู ูกทดลองเลือก ว่าส่ิงใดในสอง ส่ิงท่ีหนักกว่า หรือเสียงใดดงั กว่า โดยใช้การจับค่อู ย่างเป็ นระบบเพ่ือหาค่าที่แท้จริง (Absolute values) และค่าความแตกต่างระหว่างของ 2 ส่ิง และใช้การสังเกตว่าเมื่อไรบุคคลจึง โคสจหเปดะนวา็ ยนตามกั ตผรมา1ว้รูนสรจ0งถามั พแอกเจพฟบคตอฎะันคลไ่เนแคฟดธงัเซยนณ้ค์งขค์จก่าอวอเิตายนาแรงก์ศไมหยอสดลาราระิ่ง้กรูดู้ส์กกเับตรหิจตสล้ าย้มุทิร่งิรบั กกื์เอหมัลพรับย้ไนาามบมอ่คใทกั หงชว่สวงั้ว1้่าาใาสาา่ว1นมอมSเทิ กปอเง=าขย็มาอนรK้ามรคีนถผลทขlว้ซทแูoัยอดา์จgยาเมงลกะใRกกเหษองขแา่า(้เงต้มเยกรยมรวรริดะจศ้ื่อูะิสธกคาาดีกกึกKาสวบัารแาตโเรวปยดมทรขจิ าก์ย่าแอยันนกทตงอกาบั่ัว้เกยขลหไคตา่ าาปนา่ง่างเกคัเคปมงป็นงน1็านดทจก0ตรังี่)ะก้นะปนเนวบชแอัน้า่นั้ื่บอบนคเครวดบดวือา่า้า์าจใจกนนมาึงาจกเกคสขริตาว้1รมาว้ราูส0มสิทมทึกงาูปยแดจรอาเตละชถกนกอแ่นคาดตปงราก์่ขาท1รนางอตดรอวขงาลยณออวมอกนงิลหสงลสซเ่ิงฮกาูิ่งแ์ เเคลตลรร้้์้่มมุาาะา วนุ ดท์ (Wilhelm Wundt, ค.ศ. 1832 – 1920 ) สาเหตุท่ีเฟคเนอร์ไม่ได้รหับมกดารอยากยย่อวุ งนั วท่าเ่ีป1็ น1ผ-ู้ก1่อ0ต-งั้2564 จิตวิทยาเพราะเขาไม่ได้ สนใจท่ีจะทาให้ สังคมเกิดความเข้ าใจในบทบาทของนักจิตวิทยาเหมือน เช่นวนุ ดท์
23 เฮอร์แมน ฟอน เฮล์มโฮลทซ์ (Hermann Von Helmhotz) เฮอร์แมน ฟอน แฮล์มโฮลทซ์ ค.ศ. 1821 - 1894 ท่มี าของภาพ: นักฟิ สิกส์และสรีรวิทยาชาวเยอรมนั ผู้มีช่ือเสียงท่านนีไ้ ด้ http://www.rz.hu-erlin.de ศึก ษ าเร่ื อ งป ฏิ กิ ริ ย าต อ บ ส น อ ง ต่ อ เวล า (Reaction - Time /hub/geschichte/hh_g.gif experiment) เพื่อตอบปัญหาเรื่องความเร็วของการส่งสัญญาณ ประสาท ในปี ค.ศ. 1850 เฮล์ มโฮลท ซ์ทดลองกระตุ้น เส้ นประสาทมอเตอร์ ของขากบ ในจุดท่ีใกล้ และไกลจากกล้ ามเนือ้ และวดั ระยะเวลาท่ีกล้ามเนือ้ เกิดการตอบสนอง ก่อนการทดลอง ของเฮล์มโฮลทซ์มีความเช่ือวา่ กระแสประสาทเดินทางอย่างรวดเร็ว มากหรือประมาณไม่ได้ เฮล์มโฮลทซ์ได้ประมาณว่าความเร็วของ สารส่งกระแสประสาทมีอตั ราประมาณ 26 เมตรต่อวินาที วิธีการ ของเฮล์มโฮลทซ์เป็นการวดั ปฏิกิริยาของส่ิงเร้าและการตอบสนอง ในสว่ นของจิตวิทยาเฮล์มโฮลทซ์เชื่อวา่ การรับเร่ืองระวางที่ (space) ไมใ่ ชส่ ่ิงท่ีติดตวั มาแตก่ าเนิด ดั ง เช่ น ที่ นั ก ป รั ช ญ า ช า ว อัง ก ฤ ษ จ อ ร์ จ บ า ร์ ก ลี ย์ (George Berkeley , ค .ศ . 1685 - 1759) เสนอไว้ แต่คนเราจะต้องพัฒนาการคานวณระยะห่างของวัตถุจากตัวเราเพียงแต่ว่าเราไม่รู้ตัวว่าได้ คคจคจทิิตตวนาานางไไรร้ารมูอว้้สสนณคยาาเ่าิดปนเนงชคเข็นกึฮมคึกน่อวใอลลนั่นางนแิส์มังเมในัแล้รครจโสานะฮะวกนเจวลายป็คใคมา่ิ็ทงือนจกดิรไซขจปดู้จคข์ตอริจิตกอวิงงัง้ิทาสงวหทเฮเมัล่าารฮฤลนนคือลษม์มิดึกัไน้์มหฎมโขกโฮาีวม่ฮอาวล่านลังรทิคทลเทเกรยวรซกั ็ซไาียาา์ใษม์ลมนนห่สณัยเครรราเ้เูืกอิดปะ่ือกค็็ภขเขนงษญักจออาสติดิตพงองง่ิรใกเะจมทศฮนาไดัเีา่ีเลรรหรรอส์มตะคาตตยตโรมาผุ่ใรูฮานับีตนล์ลบวอ่จกแทเณโิตทลลซลไะม่่าุห์ใกรมทนป้รตสีร่ีืมสอราาูปะนอว่ัมนแจนนทปึกบกั นุมารดษบใีจาะ้้วห์นเงึนสชย้เเิยบน่หร(มากiเมnดมเาือfฮยีeีวรนลเิวถrณฮeก์มกีปลn์ขบับัโฏ์มcอฮซจิบeโงลิกิตฮsเตัทมรลส)ทิาซนัทาจี่เ์นเแดซหะหมกึ์์เตม็ฟชน้้วอา่ือรวา่งะอว่าเเสรา่กยจามสิดิดตจิ่งก์ใไะทบันรแไ้ี่เสรโตมรละาาท่ร่ กดน้ทูววทบัึก่ากุ่า่ี เป็นอยู่ วิทแนยาวศคาิดสขตอรง์ถเฮือลเป์ม็นโตฮวัลอทยซ่า์ทงาขในั้ หส้เงูหข็นอวง่าวปธิ ีประฏสิบบตั กทิ า่ีเหรมณา์กะาสรมรับความหรมู้สดึกไอมา่สยามวุ นัารทถจ่ี 1ะแ1ย-1กย0่อ-2ยใ5ห6้ 4 เหลือเพียงส่วนของฟิ สิกส์และสรีรวิทยา และมีความจาเป็ นท่ีจะต้องมีสาขาวิชาใหมท่ ี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ
แนวความคิดทางจติ วิทยา 24 Viewpoint Psychology ฟรานซิสคัส ดอนเดอรส์ (Franciscus Donders) ค.ศ. 1818- 1889 นักสรีรวิทยาชาวดัชท์ เห็นว่าเวลาระหว่างการเร้ าและการ ตอบสนองสามารถนามาใช้วดั ความเร็วของกระบวนการทางจิตใจในเชิง ปริมาณได้ ดอนเดอรส์ได้รวมเอาแนวคิดของเฮล์มโฮลทซ์ ในเรื่อง ระยะเวลาในการตอบสนอง และของนักดาราศาสตร์ในเร่ืองกระบวนการ ทางจิต เช่นการตดั สินใจ เข้าไว้ด้วยกัน วิธีการของเขาเรียกว่า เมนทอล โครโนเมทรี (Mental Chronometry) ตวั อย่างเช่น หากทดลองระยะเวลา ฟรานซิสคสั ดอนเดอรส์ ในการมีปฏิกิริยาตอบสนองอาจทาง่าย ๆ โดยใช้สิง่ เร้าเดียว เช่น ให้คนกด ทีม่ าของภาพ: ป่ มุ เมื่อรู้สึกวา่ ถกู ช็อตไฟฟ้ าอย่างอ่อน ๆ ท่ีเท้า โดยให้ผู้ถูกทดลองกดป่ ุม ด้วยมือซ้ายเมอื่ ถกู ชอ็ ตท่ีเท้าซ้าย และกดป่ มุ ขวาเมอ่ื ถกู ชอ็ ตที่เท้าขวา http://163.238.8.169/users/orlows ky/images/donders.jpg ในกรณีเชน่ นีผ้ ้รู ับการทดลองจะต้องแยกวา่ เท้าใดถกู ช็อตและเลือกที่จะตอบสนอง หากผ้ถู ูกทดลองใช้เวลา 150 สว่ นของวนิ าทีในการกดป่ มุ หลงั การถกู ชอ็ ต และใช้เวลา 230 สว่ นของวินาทีในการแยกแยะและเลือก ป่ มุ แสดงวา่ กระบวนการคิดนนั้ ใช้เวลา 230 - 150 = 80 เมนทอล โครโนเมทรี ถูกนามาใช้โดยวิลเฮล์ม วนุ ดท์ เพราะว่าเป็ นวิธีการวดั เชิงปริมาณซ่ึงทาให้ จิตวิทยาการทดลองแยกตัวออกมาจากแนวคิดจิตวิทยาในเชิงปรัชญา (Qualitative philosophical psychology) การประยุกต์ใช้วิธีการของ เมนทอล โครโนเมทรี ประสบกับปัญหามากขึน้ เรื่อย ๆ จน มแค(กเกมBนราือาeนะรถวhเบเทคึจงรaวีทิดอยมvนลขานiสoกงอร์ rโคา้แตูiงคsรลมันmทวรงัคแใโนุคา)นนตคงดวนีศ่เนจอาทมักิตมยต์ใแทพใ่ราวนคจรดู้ฤงรเีทไริจรตเกื่รอซษเิทิก็กกทน่งัลร็ลตลคทกรับมาลว่ีมา2มาห์รมน(0มตเาJิายมดวัเaเมปื่อิทปสmป็จน็จยนินัญeึงิสตาใทsไลจาวหด่ีสMัยกกิท้าแนเลายcหปกรใขKาษนรใจอกeชคต่ึงอง้eาเวเรีกหจปnราศิต็เตรนมาน้Cูคผุสสผ(ื่อaิดลgตนลtงetร(แจใมen์Cจลlาาle)กoะกจrgการaานูปnรlลกักทimแับtเจiดบรviส่ืnิตอeลบนdงวอขPใ)คิทงอจsแวเยyงมรตากcื่าอาม่ทhากงกวoแรชาจ่าlต่วรoเบลัรงมกgู้กูคเคื่ตอyวศิเ่ดู)เ่ลาปกิษพตงาริด้รยีกอัยฒะแ์ชางบหนนการเตทวววาา่คาอขีอยรงเึินหดบบ้มบใพาสรนุควินฤกิปธคอตนั ีีทลคงิกข่ีจมซ.รอศะ่ึงารง.ขมศสว1ัดึ่นนเูุก9รกิษดย่ือ6ับมทง0า์ หมดอายวุ ันที่ 11-10-2564
25 ทฤษฎีวิวัฒนาการ ชาล์ส ดาร์วนิ (Chales Darwin) ค.ศ. 1809 - 1882 ดาร์วินได้เสนอแนวคิดของเขาใน \"On the origin of Species\" ทาให้เกิดคาถามตอ่ ศาสนจกั ร ใน เรื่องบทบาทของพระผ้เู ป็ นเจ้าต่อมนุษย์ ดาร์วินได้เสนอความคิดเห็นวา่ ความอยู่รอดของส่ิงมีชีวิตขนึ ้ อยู่ กบั โอกาส ไม่ได้เป็ นผลมาจากการปรับตวั ของส่ิงมีชีวิตนนั้ และเป็ นธรรมชาติที่ส่ิงมีชีวิตจะต้องต่อส้ดู ิน้ รน เพื่อการมีชีวิตรอด ดาร์วินเห็นว่าความแตกต่างของมนุษย์และสัตว์อยู่ท่ีระดับขึน้ ของกระบวนการ วิวฒั นาการท่ีไม่ใช่คณุ ภาพ แนวคิดของดาร์วินก่อให้เกิดการศกึ ษาจิตวิทยาเปรียบเทียบ (Comparative psychology) เร่ิมตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 1872 และแนวคดิ ววิ ฒั นาการ (Evolutional Perspective) เฮอร์เบริ ์ต สเปนเซอร์ (Herbert Spencer) ค.ศ. 1820 -1903 สเปนเซอร์ ได้ ประยุกต์ทฤษฎีของ ดาร์วินในการอธิบายการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของ ความสามารถในการเชื่อมโยง (evolutionary associationism) ฟรานซสิ เกลตัน (Francis Galton) ค.ศ.1822 -1911 เกลตนั ได้ประยุกต์ใช้ทฤษฎีของดาร์วินในการศกึ ษาเชาว์ปัญญากบั การถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม และเป็นหนงึ่ ในผ้กู อ่ ตงั้ แนวคิดการคดั เลอื กชาตพิ นั ธ์ุ (eugenics) tกeาsรtศinกึgษ) าแคมเลขลนะาังษุกคพายวยร์ใานวามิเยสรคงาัดู้ รคมิจามิททะหัลด์เสมชอหิงสบาวถคทิิตวยิาแามลลแัยะตเเกปกษ็ นตตผ่ารู้รงศิเรราะิ่มสหตใชวร้่า์แงบบบุคสคอลบถโดามยแกลาระใแชบ้กบาสราทรดวสจใอนบกทาารงเกจ็บิตข(้อmมeูลnใtaนl หมดอายุวันที่ 11-10-2564 ชาล์ส ดาร์วนิ เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์ ฟรานซิส เกลตนั ทีม่ าของภาพ : http://www.rbgkew.org ท่ีมาของภาพ : http://cepa.newschool. ทม่ี าของภาพ: http://www.mugu. .uk/heritage/people/images/darwin.jp edu/het/profiles/spencer.htm com/galton/
แนวความคดิ ทางจิตวิทยา 26 Viewpoint Psychology สรุป เงื่อนไขท่ีก่อให้จิตวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์ได้เกิดขนึ ้ ในยุโรป แนวคดิ และการศกึ ษาทดลองทงั้ ในฝรั่งเศส เยอรมนี สหภาพโซเวียต และอังกฤษ เป็ นพืน้ ฐานสาคัญท่ีทาให้ จิตวิทยาเป็ นศาสตร์ท่ี เจริญเตบิ โตอยา่ งรวดเร็วในสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 20 คลงั ความรูด้ ิจิทัล มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ หมดอายุวันที่ 11-10-2564
บทท่ี 2 จิตวิทยายคุ เริ่มต้น จิตปรัชญา (Philosophy of mind) ซงึ่ เป็ นต้นกาเนิดของจิตวิทยาได้ถูกนามาประสมประสานกับ สรีรวิทยา ซ่ึงเป็ นวิทยาศาสตร์สาขาใหม่ มีการคิดค้นวิธีการตา่ ง ๆ ท่ีจะวดั และจดั กระทากบั จิตสานึกของ มนษุ ย์โดยใช้การทดลองในห้องปฏิบตั กิ าร บคุ คลแรกที่ทาให้จิตวทิ ยา ได้รับการยอมรับวา่ เป็นวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาหนึ่ง ซ่ึงแยกออกจากวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (Natural Science) และปรัชญา ก็คือ วิลเฮล์ม แมกซมิ ิเลียน วนุ ดท์ (ค.ศ. 1832 - 1920) แหง่ เมืองไลป์ ซิก ประเทศเยอรมนี วิลเฮลม์ วนุ ดทก์ บั การเป็น “ศาสตร”์ ของจิตวิทยาในศตวรรษท่ี 19 วิลเฮล์ม แมกซิมิเลียน วุนดท์ (Wilhelm Maximilian Wundt) เกิดเม่ือวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1832 ท่ีเมืองบาเดน ประเทศเยอรมนี เป็นบุตรคนที่ 4 ของนกั สอนศาสนา แมกซิมิเลียน วนุ ดท์ และ มาริก เฟเดริก บรรพบุรุษทงั้ 2 ฝ่ ายของครอบครัววนุ ดท์ตา่ งก็เป็ นพวกมีสติปัญญาสงู เป็ นนกั วิทยาศาสตร์ นกั วชิ าการ ข้าราชการ และแพทย์ คลังความรู้ดิจิทลั มหาวทิ ยาลยั เกหเทเษรร่ีลสีียยตงอันรนจงศตแาใาพอ่นกสกทปไตเบัดมียรค้รนื่อ์์ ับ.กจัคศปสบว.รราก1ิญีรม8าวส5รญทิ ศ7นยาึกใจาแจษาพโขากยทอในฮนยงนัา้เศปขนจีาางสึคสอไ์.ตดมศย้รเลู่ทู.ร์ใเิ่1ี่มกนล8าสปอ5รอีร1ทค์นแา.ลววศวนุิชะ.ิจไาด1ยัดกท8้ดรา์5ตับ้าร5ดัทนปสดสริินวญลรนุีรใอญจวดงิททททายี่จใ์ไาบดาะง้ สรีรวิทยา เร่ิมจากการสอนนักเรียนเพียง 4 คน โดยใช้บ้านพัก ของมารดาเป็ นสถานที่สอน แต่ภายหลงั ต้องหยดุ สอนเนื่องจาก ป่ วยหนัก ต่อมาวุนดท์สมคั รและได้รับการจ้างเป็ นผ้ชู ่วยให้กบั เฮอร์แมน ฟอน เฮล์มโฮลทซ์ แหมม้วา่ดวอนุ าดยท์จวุ ะนั ชท่ืนชี่ 1มเ1ฮ-ล1์ม0โฮ-2ลท5ซ6์ 4 วลิ เฮล์ม แมกซิมเิ ลียน วุนดท์ มาก แต่ทัง้ สองก็ไม่สนิทสนมกัน เพราะวุนดท์ไม่ชอบบ้านท่ี ทม่ี าของภาพ: เป็นวตั ถนุ ิยมของเฮล์มโฮลทซ์ http://www.nndb.com/people/ 531/000053372/wundt-sm.jpg
แนวความคิดทางจิตวทิ ยา 28 Viewpoint Psychology ในระหว่างที่ทางานกับเฮล์มโฮลทซ์ วุนดท์เริ่มงานการสอนวิชาจิตวิทยาโดยบรรยายเรื่อง \"จิตวทิ ยาในฐานะท่ีเป็ นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ\" ในปี ค.ศ. 1862 เขามีงานเขียนอย่างตอ่ เนื่อง โดยงานชิน้ แรกของเขาคือ “Grundzüge der Physiologischen Psychologie” ซึ่งเนือ้ หามงุ่ เร่ืองจิตวิทยาการทดลอง ได้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1873 และมีการพิมพ์ซา้ อีกหลายครัง้ วุนดท์ได้รับการเล่ือนตาแหน่งทางวิชาการ ตามลาดบั ขนั้ และเข้าสวู่ งการเมอื งครัง้ หนงึ่ ในฐานะนกั สงั คมนิยมจิตนิยม (Idealistic Socialist) ในช่วง ค.ศ. 1875 ถึง ค.ศ. 1917 วุนดท์ได้รับตาแหน่งหัวหน้าแผนกปรัชญาที่เมืองไลป์ ซิก ที่ เมืองนีเ้ ขาตงั้ สถาบนั จิตวิทยา (Psychology Institute) ขึน้ ในปี ค.ศ. 1879 โดยเริ่มจากการเป็ นสถาบัน สว่ นตวั วนุ ดท์ใช้เงินทนุ ตนเองสนบั สนุนการดาเนินงานของสถาบนั นีจ้ นถึง ปี ค.ศ. 1881 สถาบนั แห่งนีก้ ็ ได้รับการยอมรับวิทยฐานะให้เป็ นมหาวิทยาลยั ในปี ค.ศ. 1855 และสามารถขยายจากห้องเรียนห้องเดียว ย้ายไปส่ตู กึ ท่ีออกแบบโดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1897 ตอ่ มาตกึ หลงั นีไ้ ด้ถกู ทาลายไปในระหว่างสงครามโลก ครัง้ ท่ี 2 ในช่วงท่ีสอนที่ไลป์ ซิก วุนดท์ได้ทุ่มเททางานมากโดยได้ควบคมุ วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกอย่าง น้อย 200 เร่ือง สอนลกู ศิษย์มากกว่า 24,000 คน เขียนและแก้ไขบทความสาหรับวารสารจิตวิทยาที่เขา ก่อตงั้ ขนึ ้ และไปบรรยายในตา่ งประเทศ วุนดท์ได้รับการยกย่องว่าเป็ นผู้ที่ก่อตงั้ จิตวิทยาให้เป็ นวิทยาศาสตร์ ในปัจจุบันนักวิชาการมี คอทสชีวงิ่ิชวงคติเาทช์ปมี่เเอขรนเยะาหอกไู่ใ็ววรนดอค์นนนุุ ้ผวเบลสดดจ้่าเู ังอปนทิทแตค็อนอ์เ์ไนวสสกดใลาวยีหเ้าพกูมปค้ชมนศร็ฒันีววกีึู้ดษิกติสานาิจยใว่มราิทน์ซนศเแคัลนงวึ่กึนิๆดนนัื่ อษมวาขท(หงาคแaอ่ีมจา3ิดtนงoวน1าขววmิทษุกคอสุนยiยงดิsทิงาดเ์tใหแลขiฤนทcลายัา)ษ์สตคะเเพกงัผ่มาฎคใษื่อลงีชแคมตทไง้เ.ลปาฉราศเนพศพะใจ.หขา่ือแ1าาส้อจเะ9กนสตงิตว2ทรเวริธ0วขิมี่์เคีกิทาครกิามดยวยบั รมาาขเพกแเชออปาินป่ือา็รงนิจลยเกเขจศไแุขัน้าดิตาลาใว้สะ8จ(่ถาpตเ8มผูเกuรปนยป์ทrน็ eนษีุแี่สlาพยทyมไ์รใวiบป่นnใินนูtรรรrิณยาสoวยsมห์มpบโรดก(eัฐคุ dยัcอบคuงtเลiขมาavใeนlอรiนsิก)ใงหtนาแic้อเลช)องะ่วป็ดมงเฏทเ่งุนว้ิบอา้ นิรยธตั ์แดิบขิกยอาาบยกรงี หมดอายวุ ันที่ 11-10-2564
29 ในบรรดาลูกศิษย์ของวุนดท์ท่ีมีส่วนช่วยก่อตัง้ ให้จิตวิทยาเป็ นศาสตร์ท่ีได้รับการยอมรับใน สหรัฐอเมริกา ได้แก่ จี. สแตนลีย์ ฮอล เลวสิ เทอร์แมน เจมส์ แมคคีน แคทเทล ทมี่ าของภาพ https://cdn.britann ทม่ี าของภาพ https://cdn.brita ที่มาของภาพ : https://cdn. ica.com/s:300x200/51/19551 nnica.com/s:300x300/65/90 britannica.com/s:300x300 /69/13069-004-5BD3495C.jpg -004-BC668069.jpg 65-004-0B6CF0EB.jpg จ.ี สแตนลีย์ ฮอล (G. Stanley Hall) ค.ศ. 1844 - 1924 ผ้กู อ่ ตงั้ สมาคมนกั จิตวิทยาอเมริกนั (American Psychological Association ; APA) และวารสาร จิตวิทยาอเมริกนั (American Journal of Psychology) (เชWาilวli์ปaเเจัmญลมวผญSสคิส้นูt์าeลาแเสrงัแทnมคแบ)อวตคบใารนคน์มทแฟนีกรดมอาดู้ สแนรริจอค์คดิท(บาทLัล-นเeเชรวทมwบะาณหลิดเiวsนา์ปรบั (วทะัญJเMิทด์ชa(ยญบ.ัSาmาTวtเาeaชล์ปesnาัยบrัญfวmเMoิเก์ปนrญaษcัdญทnkต–า์)eญBร–e=ศiาซnnคาอีมอeกส.Ctาศาอค็ตaIยยง.รnือtปุสุ์1ttสee8มฏเllกl7lอ)ิทig7ลงนิe-คn(1Bc.ศ9eiXn.5eS161tc08-Sa60li0ems-o)n1โด9S4ยc4ใaชle้ส)ตู มราขพอฒังวนิลาเลเปีย็นมแสบเบติวร์นดั ผู้บัญญัติศพั ท์คาว่า แบบทดสอบทางจิต (Mental Tests) โดยไหดม้เขดียอนาบยทวุคนัวาทมี่เร1่ือ1ง-“1M0e-n2ta5l64 tests and measurements” ซ่งึ ถือเป็ นจุดเร่ิมต้นของงานด้านการวดั และประเมินทางจิตวิทยา และเขา เป็นผ้กู อ่ ตงั้ วารสาร “Psychological Review” ร่วมกบั เจมส์ มาร์ก บาล์ดวิน ในปี ค.ศ. 1894
แนวความคดิ ทางจิตวทิ ยา 30 Viewpoint Psychology เจมส์ มาร์ก บาล์ดวนิ เจมส์ มาร์ก บาล์ดวิน (James Mark Baldwin) ที่มาของภาพ https://upload.wikimedia ค.ศ. 1861 -1934 .org/wikipedia/commons/4/4a/James_ เป็ นผู้มีผลงานสร้ างสรรค์ในด้านจิตวิทยาวิวัฒนาการ Mark_Baldwin_1917.jpg (evolutionary psycholog) และเป็ นท่ีรู้จักอย่างกว้างขวางใน งานสงั คมวิทยาชีววิทยา (sociobiology) บาล์ดวินเป็ นประธาน สมาคมจิตวิทยาอเมริกนั ในปี ค.ศ. 1897–1898 จอร์ส มัลคอม สแตรททอน (George Malcolm Stratton) ค.ศ. 1865 - 1957 ผ้กู ่อตงั้ ห้องปฏิบตั ิการด้านจิตวิทยาการทดลองแห่งแรก ในสหรัฐอเมริกา ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ และ พฒั นาแบบทดสอบสาหรับการคดั เลือกบคุ คลกรกองทพั อากาศ สหรัฐอเมริกาในสงครามโลกครัง้ ที่ 1 งานของเขาเกี่ยวข้องกับ จอร์ส มลั คอม สแตรททอน การรู้สึกและการรับรู้ เขาเป็ นผู้ริเร่ิมการศึกษาเก่ียวกับการรับรู้ ทม่ี าของภาพ https://upload.wiki ทางสายตาด้วยการใช้แว่นพิเศษที่ทาให้มองสลับซ้าย – ขวา m_eMdaialc.oormgค/_wSลitkrังiapคtetoวdniาa_มa/etร_nB/ู้ดdeิจ/rdkิท8e/lลัGeye.มojprหggeาวทิ ยาลัยอเกSปMแาษลcโaรนตhะtะueมลรrศdเอดaมาuง์tสiิlแกผoeนตล้อnูsครพบaั)ลิด์ lับฒTทกนhเีฤeซน–ษoลลาrฏyา่ก(ีAงวoาุฒrfnรcoิ ภเhlดdiาld็ วกLะ.dกGeใี เนveซeพslลeoัฒlpl)(mนGeคาen.กsศt)eา.lรl1แเD8ลด8ะe็ก0พv-eฒั(l1Goน9pe6าmsแ1eeบlln’บst อาโนลด์ แอล กีเซล หมดอายุวนั ท่ี 11-10-2564 ท่มี าของภาพ https://archive.org/details /0011_Life_Begins_11_32_13_00
31 เอด็ เวิร์ด บี ทชิ เชเนอร์ (Edward B. Titchener) ค.ศ. 1867 - 1927 ผู้นาแนวคิดของวนุ ดท์เข้าสู่สหรัฐอเมริกา โดยได้ปรับ เอด็ เวริ ์ด บี ทชิ เชเนอร์ แนวคิดของวุนดท์มาอธิบายจนเป็ นท่ีรู้จักในช่ือ โครงสร้างนิยม ทม่ี าของภาพ: https://digital.library. (structuralism) และเขียนหนงั สือ “Experimental Psychology: A Manual of Laboratory Practice” ซึ่งวางแนวทางในการ cornell.edu/catalog/ss:545484 ทดลองด้านจิตวิทยา ทิ ชเชเน อร์ เป็ น ผู้บัญ ญั ติ ศัพ ท์ ค าว่า “Empathy” ซงึ่ หมายถงึ การเข้าใจอยา่ งลกึ ซงึ ้ เอด็ เวิร์ด สคริปเจอร์ (Edward Scripture) ค.ศ. 1864 - 1945 ผู้สร้ างห้องปฏิบัติการด้านจิตวิทยาการทดลองที่มหาวิทยาลัยเยล และเป็ นผู้มีบทบาทใน ด้านวทิ ยาศาสตร์การพดู (Speech science) โฮเวิร์ด ซี วาร์เรน (Howard C. Warren) ค.ศ. 1867 - 1934 ประธานภาควิชาจิตวิทยาคนแรกของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และบรรณาธิการร่วมของ วารสาร “Psychological Review” คลังความร้ดู จิ ิทลั มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หมดอายุวนั ท่ี 11-10-2564 วลิ เฮล์ม วนุ ดท์ (นง่ั ) และเพื่อนร่วมงาน ในห้องปฏิบตั กิ ารด้านจิตวทิ ยาการทดลองแหง่ แรกมหาวิทยาลยั ไลป์ ซกิ ประเทศเยอรมนี ทม่ี าของภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/a3/Wundt-research-group.jpg
แนวความคดิ ทางจิตวิทยา 32 Viewpoint Psychology วิลเลียม เจมส์ และบทบาทของจิตวิทยาหน้าท่ี (Functional Psychology) เมือ่ ความตงั้ ใจของวนุ ดท์ในการทาให้จิตวทิ ยาเป็ นวิทยาศาสตร์ได้เผยแพร่เข้าไปในสหรัฐอเมริกา โดยนักจิตวิทยาชาวอเมริกันท่ีเคยได้รับการฝึ กฝนในเยอรมนีจากวุนดท์ ได้มีบทบาทในการก่อตัง้ ห้องปฏิบตั ิการทางจิตวิทยาในหลายมลรัฐ ขณะเดียวกนั ได้เกิดแนวคิดจิตวิทยาท่ีเน้นการมองพฤติกรรม ในรูปแบบการปรับตวั ต่อส่ิงแวดล้อม หรือ จิตวิทยาการหน้าที่ (Function Psychology) ซง่ึ ให้ความสาคญั กบั กระบวนการคิด (mental process) มากกวา่ เนือ้ หาความคิด (mental content) และเน้นคณุ คา่ ของการ ใช้ประโยชน์จากวิชาจิตวิทยา ผู้ริเริ่มพัฒ นาแนวความคิดจิตวิทยาการหน้ าที่ คือ วิลเลียม เจมส์ (William James ค.ศ. 1842 - 1910) โดยเขียนหนังสือ “The Principles of Psychology” ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1890 เสนอ ความเหน็ วา่ จิตวทิ ยาควรศกึ ษาภาวะของการรู้สานึก ซึ่งความรู้สานกึ นีเ้ป็ นลกั ษณะเฉพาะของแต่ละบคุ คล ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยตู่ ลอดเวลาปัจจยั ด้านชีวภาพและส่งิ แวดล้อมภายนอกจะเป็นสว่ นสาคญั ที่ทาให้คน สามารถปรับตวั ได้ จิตวิทยาการหน้าที่ไม่ได้เป็ นแนวคิดท่ีสมบูรณ์เป็ นระบบ วลิ เลียม เจมส์ แต่เป็ นแนวคิดที่เน้นเร่ืองการประยุกต์ใช้ประโยชน์ของวิชาจิตวิทยา ท่ีมาของภาพ: http://moebius. ในกใแมหนนลาิยหนรขแะมา่หวณโงอวค่ยนขิาทะร้อางจงทยทงาศทส่ีานกค่ีตนรูานล้ักาล้อาเทหัรยังงจยง่ีคทขกมเิช์ตกผอวดาิือควาลงรยนลิทามกดาแอกโยรรวูกนังงู้ดะพา่าบโขิจจจแแรคิทวิต่อิลตตจรนลัทิวะ่เงงตหกาิสททจมวาตงริี่ยมหติรา้ทผุาาคานหวงลยกวิดอนาิใททิาายนวิยรยซยิา่ทกมหา่ึงงาายลจนไเรการัยะป้าทลเม็าแทกานัยุ่งลรี่ตษแศคโะหา่ลตควจางระนลาิตกสศจ้ มัมานมั าติตสปีเทสวบรนโตี่ร์ิมทสดียะรใียยาจโ์ แย2นาไขชลปโกั าแคนะทจใหร์อถิตี่เหง่นยืองวสมื่าอทิเ้ รปค่งหใ้ยาไ็ืนนอาารง หมดpอsyา.edย./ajวุacm.ันuekทs/c.jopี่ ng1fe1re-nc1e0-2564 สหรัฐอเมริกา
33 ในสว่ นของมหาวิทยาลยั ชิคาโกมีนกั จิตวิทยา คือ จอห์น ดิวอี ้(John Dewey, ค.ศ. 1859 - 1952) เจมส์ แองเจล (James Angell, ค.ศ. 1869 - 1949) และฮาร์วีย์ คาร์ (Harvey Carr, ค.ศ. 1873 - 1954) ส่วนมหาวิทยาลัยโคลัมเบียมี เจมส์ แมคคีน แคทเทล (James Mckeen Cattell, ค.ศ.1860 - 1944) เอด็ เวริ ์ด ลี ทอร์นไดก์ (Edward Lee Thorndike, 1874 - 1949) โรเบิร์ด เอส วดู เวิร์ท (Robert S. Woodworth, 1869 - 1962) แนวคิดจิตวิทยาการหน้ าท่ีคงอยู่ในสหรัฐอเมริกาเพียงช่วงสัน้ ๆ นักทฤษฎีบางท่าน (Brennan,1991) ให้ความเห็นวา่ เราสามารถมองจิตวทิ ยาการหน้าท่ีได้ 2 ทาง คือ (1) จิตวทิ ยาการหน้าท่ี เปรียบเสมือนชว่ งเปล่ียนแปลงของสหรัฐอเมริกาจากแนวคิดจิตวิทยาโครงสร้างนิยมมาสกู่ ารเป็นจิตวิทยา พฤติกรรมนิยมหรือ (2) อาจมองได้ว่าแนวคิดจิตวิทยาการหน้าท่ีทาให้จิตวิทยาเป็ นศาสตร์ที่แข็งแกร่งใน สหรัฐอเมริกา เพราะมีจดุ ประสงค์ในด้านการประยุกต์ใช้ จึงทาให้วงการศึกษาเกิดความสนใจในศาสตร์ จิตวทิ ยา จิตวิทยาเกสตอลต์ (Gestalt Psychology) เเแสคทกคสล่าวาร้นระะนใ่ือๆมหคบปง้าเสณุยวดรเญูนชะนียสจ่ือกตวกมเคิตสม์อไาบแลดียวตบรลงัตั้ิทค่อทคทะเิแยวกฉวชังา้ตาานพาัหินง้ห่มมเเจาสมกปมรหะิตว่ด็สดู้นาขมนขขติจยมอาอออทิถองมุยปุ งงมัลงึลขฉกมมรนัตอาูมปรันน์เกงณหซแปุษสง่ึาบ็์ทน่ิงจเวยตบรกุนแิตทิ์อาัวทชนนัวย้จออินี่มิท้ไวาะยกปรีลลคยไ่าวเมกยััิาดปงมสเสษ่เ็เทกิ่กงกนชาณที่ษเสนั่สนมก่ีเตตะ่วาิรเดรชรเอารนฉขถศ่นถลเๆึพนห้ยาเซตดส็าในนา์เนีตยะหคบตเรวป็นาซช์ ์กมรววง่คึน้นัะี่หา่คาวกเวกราวทเืตับอัามากศรเถมพสขสพเุ้หยายร่เีตยหูใปอามอาจลยรรายลไ่ีย่มาายดาตมงมน้มเม์ตจทีจเ(าอพตม็ัGี่จะกธื่รุทอะมeิกบัสว่ีคหsีควาริเtดัาควู่ายaปกาคตรlกหtเมา)้าัวรรนะะแไนาถงึ่หมบเตังกห์มส่สกวาลน็ วคี่นาตร้อวนวศกม่าา่ายางึเกามมพ่อจรษรนัเเยลาถปราเแกีายป็แนหตผ็นนปพเรล่อลรืเอลว้สูะกโรอดง้ใสวนลมธหยมว่ตกั ิบ้าแนเขษรปลยางจอณ็ สยันยกะงี่์ ศึกษาถึงสิ่งท่ีเกิดขึน้ ในระดับสรีรวิทยาออกเป็ นส่วน ๆ จะไม่ช่วยทาใหห้เรมาดเขอ้าใาจยถวุ ึงนัสิ่งทท่ี ่ีเ1ก1ิด-ข1ึน้ 0ใน-2ท5าง64 จิตวิทยาได้ จิตวทิ ยาเกสตอลต์เช่ือวา่ สิ่งใด ๆ ก็ตามมคี วามหมายมากกวา่ ผลรวมของสว่ นประกอบยอ่ ย ผ้นู าแนวคดิ เกสตอลต์ คือ แมกซ์ เวอร์ไธเมอร์ วอล์ฟกงั โคลเลอร์ และเคริ ์ท คอฟกา
แนวความคิดทางจิตวทิ ยา 34 Viewpoint Psychology แมกซ์ เวอร์ไธเมอร์ (Max Wertheimer) ค.ศ. 1880 - 1943 แมกซ์ เวอร์ไธเมอร์เกิดท่ีเมืองปราก และศกึ ษาที่มหาวิทยาลัย ชาร์ลส์ ในประเทศเยอรมนี เวอร์ไธเมอร์ได้เรียนกับคาร์ล สตัมปฟ์ (Carl Stumpf ค.ศ. 1848 - 1936) ท่ีเมอื งเบอร์ลินเป็นเวลาหลายปี ก่อนท่ี จะช่วยงานออสวาลด์ คลเู ป (Oswald Külpe ค.ศ. 1862 - 1915) ที่เมือง วอร์ซเบิร์ก และได้รับปริญญาเอกในปี ค.ศ.1904 แมกซ์ เวอร์ไธเมอร์ ในปี ค.ศ.1910 เวอร์ไธเมอร์ได้ความคิดท่ีจะทดลองเรื่องการรับรู้ ทีม่ าของภาพ: การเคล่ือนไหว (apparent movement) จากการเห็นกล้องฉายหนังของ http://allpsy เล่นที่ประกอบขึน้ อย่างง่าย ๆ ในระหว่างที่เขาเดินเท่ียวสถาบันด้าน จิตวทิ ยาแห่งแฟรงก์เฟิ ร์ต และขอยืมกล้องของมหาวิทยาลยั นนั้ เพ่ือทดลอง ch.com/biographies/images/ wertheimer.gif เร่ืองการเกิดภาพลวงตาเม่ือฉายภาพน่ิงด้วยความเร็วสงู ในการนี ้วอล์ฟกงั โคลเลอร์ และ เคิร์ท คอฟกา ได้เข้ามาเป็นผ้รู ับการทดลองของ เวอร์ไธเมอร์ เร่ืองการรับรู้การเคลอื่ นไหวหลอก (phi phenomenon) ในปี ค.ศ.1919 เวอร์ไธเมอร์ ได้ตีพิมพ์ผลงานของเขา เร่ือง “Experimental Studies of the Perception of Movement” ซ่ึงถือเป็ นจุดเร่ิมต้นของจิตวิทยาเกสตอลต์ เน่ืองจากงานวิจัยของเขาได้ ชีใ้ ห้เห็นว่า การรับรู้การเคลอ่ื นไหว เช่น การรับรู้การเคล่ือนไหวหลอก เกิดจากปฏิสมั พนั ธ์ของผ้รู ับรู้และตวั สิ่งเร้ า ซึ่งไม่สามารถจะศึกษาตามวิธีของวุนดท์คือศึกษาเฉพาะการท่ีผู้ถูกทดลองเห็นส่ิงเร้ าแต่ละส่วน โมเไเทฟดดหิ่า้ยรบา์ตนไรวดในัร้ิทน้นยยาาคใใาเยคน.นสลศใลนชปหยั.งั1่ีวอ้ทกค9คงแี่บัเวส2.นมศา9มงวือมค.หท1งรรานา9ู้ดาวง3ิจิวมิทท3ยิทโ่ีจยลอัลเะากขรลมล์กคาง่หยัไรเดหาังส้ แว้ทลลรลทิิม่ีีภา้1ะยกยัยใาาแนนลเรหวปัยาพ่งอีเซฒักครีแจ์ษไ.นลาศธตากะเ.มร1วไเศยดธิ9อาีก้4อดรส์า5ราไตรมรดแรงเ้ันทว์กตนาอ้ปางีรมัญแา์ไหาธนหทนเวาม่ีป่งิจออศยัรยราะใา่์ หสเงทไ้ตแสดศกรร้ต้าาส่กีพงจหอสิามงรรรทัพฐรยพัคอ์เ์ขร์เื่ออมงงหรมิกล“หPางั rาจoโวาดdิทกยuยสcทางtาiคลvกรยeั าาใtรมนhสโiแnลอฟkกนiรnเใงขgนกา”์ เวอร์ไธเมอร์ได้เผยแพร่แนวคิดจิตวิทยาเกลตอลต์ในสหรัฐอเมริกา จนได้รับยกยอ่ งวา่ เป็นผ้สู ร้าง แรงบนั ดาลใจให้ชาวอเมริกนั สนใจจิตวทิ ยาเกสตอลต์ นอกจากนีเ้ขายงั ได้ขหยมายดขออาบยเขุวตันขอทง่ีจ1ิต1วิท-1ย0าเ-ก2ส564 ตอลต์ท่ีเดิมสนใจเฉพาะปัญหาเรื่องการรับรู้ไปสกู่ ระบวนการคดิ แนวความคิดท้ายสดุ ของเวอร์ไธเมอร์ ก็ คอื จิตวิทยาการรู้คิด
35 วอล์ฟกัง โคลเลอร์ (Wolfgang Kohler) ค.ศ. 1887 - 1967 วอล์ฟกงั โคลเลอร์ ศกึ ษาในมหาวทิ ยาลยั หลายแห่งก่อนท่ีจะเข้า เรียนกบั คาร์ล สตมั ปฟ์ ในเมืองเบอร์ลนิ และได้รับปริญญาเอก ในปี ค.ศ. 1909 โคลเลอร์ ได้ ศึกษาแนวทางในการจาแนกความแตกต่างและ วอล์ฟกัง โคลเลอร์ กระบวนการแก้ปัญหา โดยได้เดินทางไปท่ีเกาะคานารีในปี ค.ศ.1913 ท่ีมาของภาพ: เพ่ือศึกษาลิงชิมแปนซี โคลเลอร์พบว่าลิงมีวิธีการแก้ปัญหาโดยวิธีการ หย่ังรู้ (insightful strategies) มากกว่าใช้การลองผิดลองถูก (Trial and http://www.pigeon.psy.tufts.edu/ps error) ลิงท่ีฉลาดที่สุดในการทดลองของเขาคือ “สุลต่าน” สามารถ แก้ ปั ญหาต่าง ๆ ท่ีกาหนดไว้ โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ แบบหยั่งรู้ ych26/images/kohler.jpg โคลเลอร์ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาของเขาในปี ค.ศ.1917 และผลงานของ เขาได้รับการแปลเป็ นภาษาองั กฤษโดยมชี ื่อวา่ “The Mentality of Apes” ในปี ค.ศ. 1925 ในปี ค.ศ. 1920 โคลเลอร์ได้พิมพ์งานเขียนเร่ือง “Die physischen Gestalten in Ruheund in stationarem Zustand” (Static and Stationary Physical Gestalts) ซง่ึ เป็ นสว่ นหน่ึงที่ทาให้เขาได้รับการ แตง่ ตงั้ ให้ดารงตาแหนง่ ตอ่ จากคาร์ล สตมั ปฟ์ ในปี ค.ศ.1922 คเเ1วกกทิ9.ศสสย3ต.ตา51ออล9ลลยัโ5ตตคสโใ8ค์เ์คนไลวปดลลอชเ็น้อลงัรเ่วล์ทคทยองอว่่ีปารมรู้จา์รีงไอ์คมปลดกั รร้.กึ์อรอศ(ู้ดับซยSพ.ิจงึตา่w้1ยิทแงวั9aพกลลัใr3หวะtจ4hม้า้เเาmปขหงถก็้ขานาoงึ ปกววrรคeาิทรบัะง.ะบยปCศเาบร.ทoลโะ1lศคlยัเเe9ขทเลเg3ยกาศเe5ไลษอสด)อตร้หรจมรรโับน์รไคศันัดฐเกลาลม้อรรสเือับเะลาตมกทยออรรใกงย่ัร์ิหก์เไยู่ใก้าเดน่ปอษไ้บ็งดสนียรว้ดหปณรา่ ีกยรรเปัะวฐา็ธา่นยอเาทผเวนม้ี่ทูมอขรี่รสหิกอ์ไาาธงามวสเเิทมาปมร็ยอนาถารคกเ์ลสแมายันลนรฮอถะกั าแเาจรปนว์วิต็ นรวาวผคริทเ์้ดทูขวยาาี่ทแามไาอลดคใเะ้เหมิดขใ้จรจน้าิกิติตปสนัววี อคิทใิทนน.ยยศทปาา.ี่ี หมดอายวุ นั ท่ี 11-10-2564
แนวความคดิ ทางจติ วทิ ยา 36 Viewpoint Psychology เคริ ์ท คอฟกา (Kurt Koffka) ค.ศ. 1886-1941 เคริ ์ท คอฟกา คอฟกาได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลยั เบอร์ลิน ในปี ค.ศ. ท่มี าของภาพ: http://www.info 1909 เช่นเดียวกบั โคลเลอร์ หลงั จากร่วมงานกบั เวอร์ไธเมอร์ และ โคล america.org/teoria/imagenes/ เลอร์ แล้ ว คอฟ กาก็เข้ าทางานท่ี มหาวิทยาลัยกีเซิน (Giessen University) จนถึงปี ค.ศ. 1924 คอฟกาได้บรรยายให้กบั มหาวิทยาลยั koffka.jpg ในสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง เมือ่ เขาอพยพมาอย่ใู นสหรัฐอเมริกา กไ็ ด้เข้า สอนท่ีวิทยาลยั สมิท ตงั้ แตป่ ี ค.ศ.1927 จนกระทง่ั เสียชีวติ ในปี ค.ศ.1921 คอฟกาได้เขียนหนงั สือช่ือ “The Growth of The Mind” ซึ่งเป็ นหนังสือจิตวิทยาด้ านพัฒนาการเด็กที่ได้ รับการ ยอมรับอย่างกว้างขวาง ทงั้ ในสหรัฐอเมริกาและประเทศเยอรมนี ในปี ค.ศ.1922 คอฟกาได้เขียน “Perception: An Introduction to the Gestalt Theories” ลงใน วารสาร “Psychological Bulletin” ซง่ึ ทาให้นกั วชิ าการชาวอเมริกนั จานวนมากได้รู้จกั จิตวิทยาเกสตอลต์ ในปี ค.ศ.1935 คอฟกาได้เขียนหนงั สอื ชื่อ “Principles of Gestalt Psychology” โดยพยายามจะ อธิบายถงึ แนวคิดเกสตอลต์ แตป่ รากฏวา่ เป็ นงานเขียนท่ีเข้าใจยากมาก อยา่ งไรก็ตาม คอฟกาได้รับยกย่อง ว่าเป็ นห นึ่งใน บ รรดาผู้ก่อตัง้ จิตวิท ยาเกสตอลต์ โดยมี บ ทบ าทสาคัญ ใน การสอน แนวคิ ด สเสเเนกปชาอห็ส่นนมกรตเาัจฐวอกราอลลถากเตาแรใมนท์ใขคนเัหนรร้ี่่งลแชิีก้กยขงัน่วอาบนัคันงีกวเวกนทคกรแา้ับกี่ัผู แิินดดม้จแูนฝรวพคิตนาู้ดคงฤววแวจิิดิทาตคน(ทิ หLมยิิดกวัลaนาคสพรtจ่ึงมรeิดนฤซามหnเตในึ่งกtานจิกพวสวlิยeรในทิัฒตรนaมมยอมrนเาnาลรน(าลกiBื่อตnิยมัยโeg์ทงดมเาh)กกงัยไ้จaสษขดาเาvฉ้าตอรกiแพoมเรงแตrราศคiีนยsไ่ะเานดmวออนส้ไมค็ยตด)ดรีบ้ิดู่ารกโ้อเดง์ทวทาพยิรบยฤลยิ่ง์ ดษาผังใพทนเ่าฏปซไสสนีเป็ีนกาหโกยคสททรงัรัฐญัตี่นสละออิยหบใแเลนมมรวมตัฐกรนินแก์กอากานร็เคม(กาวือEรรรคิdกะแริดู้wตาคนจ้นุaิวดคิตrใคือdหว(ิดC้ิปนทcใo.ักรยนgะTพาเมnรoเฤื่อกiาltmตiงณสvิกกaeตรnิจคอรL)ก.มeลศเรนaปต.รr็ิยม์1จnนม9ทึiงnตใ3ไาg้นมน0ง)่ สังคมและพลวตั ของบุคลิกภาพ ซ่ึงมีซื่อว่า ทฤษฏีสนาม (Field theoryห) ขมอดงอเคาิรย์ทุวเนั ลทวิน่ี 1(K1u-r1t0Le-2w5in6) 4 ซง่ึ อธิบายเร่ืองแรงจงู ใจของบคุ คลและความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบคุ คล
37 ซิกมนั ด์ ฟรอยด์ และทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis) แนวคิดจิตวิเคราะห์เริ่มต้นในช่วงต้นศตวรรษท่ี 19 ผู้ก่อตงั้ คือ ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud ค.ศ.1856 - 1939) แพทย์ด้านประสาทวทิ ยาชาวออสเตรีย ฟรอยด์เร่ิมต้นงานบาบดั ทางจิตเวชกับผ้ปู ่ วยฮิสทีเรียในปี ค.ศ. 1886 โดยพบว่าผู้ป่ วยมีอาการดี ขึน้ ผ่านการพูดคุยเพื่อการบาบัด (Talking cure) เขาพัฒนาทฤษฎีจิตวิทยาพัฒนาการทางเพศ (Psychosexual developmental theory) และเชื่อว่า 5 ขวบแรกของชีวิตมีความสาคญั ตอ่ พฒั นาการของ บุคลิกภาพ ฟรอยด์แบ่งโครงสร้ างบุคลิกภาพเป็ น 3 ส่วน คือ อิด (Id) อีโก้ (ego) และซุปเปอร์อีโก้ (superego) ส่วนสาคญั ของทฤษฏีคือ ระดบั การรู้ตวั ของบคุ คล ที่แบ่งเป็ นจิตสานกึ (conscious) และจิต ไร้สานกึ (unconscious) ฟรอยด์อธิบายวา่ พฤติกรรมสว่ นใหญ่ของมนษุ ย์ เกิดจากแรงขบั ภายในและปมปัญหาของแตล่ ะ บุคคลซึ่งคนเราจะรู้ตวั น้อยมาก รวมถึงไม่สามารถควบคุมแรงขับนีไ้ ด้ ความฝันและคาพูดพลงั้ ปาก ชีใ้ ห้เห็นถึงความรู้สกึ ท่ีแท้จริงที่มาจากจิตไร้สานกึ ประสบการณ์ในอดีต โดยเฉพาะประสบการณ์ในวยั เด็ก มสี ว่ นสาคญั ในการก่อร่างของบุคลิกภาพในวยั ผ้ใู หญ่ ประสบการณ์ทางลบที่บคุ คลได้รับในวยั เด็กซง่ึ ไม่ได้รับการแก้ไข กลายเป็ นความติดข้องในแตล่ ะลาดบั ขนั้ ของพฒั นาการ ส่งผลต่อบคุ ลิกภาพของบคุ คล เแมล่ือะเคตวิบาโมตคผเปลิด็งัปนคกผว้ตูใาหิขมอญรง้ดู ่บจิ คุิทหลลัาิกกมภคหาวาพาวมิทขยัดาแลยัย้เงกใษนตจริตศใาตส้สตารน์ ึกมีมากเกินไป จะก่อให้เกิดความเจ็บป่ วยทางจิต หมดอายวุ ันท่ี 11-10-2564 ซกิ มนั ด์ ฟรอยด์ ท่ีมาของภาพ : https://cdn.britannica.com/s:300x300/29/59229-004-4C758356.jpg
แนวความคดิ ทางจิตวทิ ยา 38 Viewpoint Psychology แนวคิดของกลุ่มจิตวิเคราะห์ได้นามาเป็ นพืน้ ฐานในการศึกษาด้านบุคลิกภาพ และการบาบัด ในส่วนของการศกึ ษาบุคลิกภาพ แนวคิดของกลมุ่ จิตวิเคราะห์ ได้ทาให้เกิดการสร้างทดสอบทางจิตวิทยา แบบสะท้อนภาพ (Projective test) ตัวอย่างเช่น แบบทดสอบภาพหยดหมึกรอร์สชาค (Rorschach inkblot Test) แบบทดสอบ Thematic Apperception Test (TAT) และแบบทดสอบบคุ ลิกภาพแบบปรนยั เช่ น Myers–Briggs Type Indicator (MBTI) แ ล ะ Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI) ในการบาบัดพยาธิสภาพทางจิตจะใช้ สัมพันธภาพระหว่างนักจิตวิเคราะห์และผ้ ูรับการบาบัด เพ่ือให้เข้าถงึ ความขดั แย้งท่ีอย่ใู นระดบั จิตไร้สานึก กระบวนการบาบดั มงุ่ เน้นการนาสง่ิ ที่อย่ใู นจิตไร้สานึก เข้าส่จู ิตสานึก โดยมีเทคนิคที่สาคญั คือ การเชื่อมโยงอย่างอิสระ (Free association) การวิเคราะห์การ ปกปิ ดขดั ขืน (Analysis of resistance) การวเิ คราะห์การถ่ายโอนความรู้สกึ (Analysis of transference) และการแปลความหมาย (Interpretation) โดยเฉพาะการแปลความฝัน (Dream interpretation) จิตวิเคราะห์ในภายหลงั ได้พัฒนาและแตกแขนงออกเป็ นหลายสาย ทงั้ โดยกล่มุ นักจิตวิทยาร่วม สมยั ซง่ึ เช่ือในแนวคิดของจิตวิเคราะห์ เช่น แอดเลอร์ (Alfred Adler ค.ศ. 1870 - 1937) คาร์ล จุง (Carl Jung ค.ศ. 1875 - 1961) ซงึ่ มีความคิดเห็นบางอย่างแตกต่างจากทฤษฏีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ และ เรียกตนเองวา่ กล่มุ นีโอ ฟรอยเดียน (Neo-Freudians) และกลมุ่ นกั จิตวิเคราะห์รุ่นหลงั เช่น อีริค ฟรอมม์ ซ(Eลั rลicิแhวFนro(คHmลamงั rคryวคาS.มศtaร.cู้ด1kจิ9ิทS0uลั0ll-มiv1หa9าn8ว0ิทค)ย.ศาค.ลา1ยั เ8รเกน9ษ2ฮต-อร1รศ์น9า4าส9ยต)ร(เK์ปa็นrตe้nนHorney ค.ศ. 1885 - 1952) และแฮร่ี สแตค หมดอายุวนั ที่ 11-10-2564
39 พฤติกรรมนิยม (Behaviorism) ในช่วงการก่อตงั้ ศาสตร์จิตวิทยา วิลเฮล์ม วนุ ด์ และวิลเลียม เจมส์ นักจิตวิทยาผ้มู ีบทบาทถือว่า จิตวิทยาเป็ นวิทยาศาสตร์ของจิต โดยให้ความสาคญั กบั การศกึ ษาส่ิงท่ีอย่ใู นจิตสานกึ (Consciousness) ในขณะตอ่ มา ฟรอยด์เปลย่ี นมาให้ความสาคญั กบั การศกึ ษาทงั้ จิตไร้สานกึ และจิตสานกึ ก่อนสงครามโลกครัง้ ท่ี 1 แนวคิดพฤติกรรมนิยมได้พัฒนาขึน้ ซ่ึงนิยามของจิตวิทยาได้ถูก เปลี่ยนเป็ นวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรม ซงึ่ อาจถือได้วา่ จิตวิทยาได้เปลี่ยนจากจิตนิยม (mentalism) มา เป็นพฤตกิ รรมนิยม (behaviorism) โดยมีพืน้ ฐานมาจากงานของอิวาน พาฟลอฟ และวลาดมี ีร์ เบฮ์เจเรฟ แนวคิดพฤติกรรมนิยม ม่งุ การทานาย ควบคมุ อธิบาย หรือกาหนดรูปแบบพฤตกิ รรม เพื่อท่ีจะ อธิบายถึงสาเหตขุ องการเกิดพฤติกรรมต่าง ๆ โดยกล่มุ พฤติกรรมนิยมเสนอให้ใช้การสงั เกตพฤติกรรม ภายนอก ท่ีสามารถวดั และสงั เกตเห็นได้ ผ้กู ่อตงั้ แนวคดิ พฤตกิ รรมนิยมได้แก่ จอห์น บี วตั สนั และ บี เอฟ สกินเนอร์ จอห์น บี วัตสัน (John B. Watson) ค.ศ. 1878 - 1958 ทกทหไจดอาาาล้รรงงหกั ับจศาก์นนิแตึกานเวลษรปทิแว็อ็านคลยวจคคใอตัาะลิดนอานสทงัมรหจคนััฤะกา์านวดษเปจรปาบัาฏยรม็บนักช์สปีมรีผกญดู้อาวร้วูิาญในจิัตาาชริทแงชสท้ญอลัลราัดนยาะาวม่าลกวเองอหอฐิจนกังกางายักัวกวขจนเ้าฤกิทอจาพงษี่ยยิงกตขฤวามวอวตซลกาหิิวท่ึงิกัยบังาเารเใยสสนกวรนตนัามิษทสพวชอนตยห์ใาวาิรยานรฟ่าศวลมัฐหจลาอยอั้อแิสตอเชเงลมตมมฟิคปะรรนราิฏก์แเิกปุษโาิลบก็ันนยะตั้ ผแ์แจกิโจ้ลนูดราากบกะยาร จอห์น บี วตั สัน เกิดนนั้ ว่างเปล่า ประสบการณ์จากการเลีย้ งดแู ละส่ิงแวดล้อม หมดอายวุ นั ที่ 11-10-2564ทม่ี าของภาพ : https://www.quien.net/wp- (nurture) เป็นสงิ่ กาหนดการรับรู้ตวั ตน (self) content/uploads/John-Broadus-Watson- 300x298.jpg
แนวความคิดทางจิตวิทยา 40 Viewpoint Psychology วตั สนั เชื่อวา่ พฤตกิ รรมทางอารมณ์ของมนุษย์เกิดจากการเรียนรู้ โดยในปี ค.ศ. 1920 วตั สนั ได้ ทาการทดลองกบั เดก็ ชายอลั เบิร์ต (Little albert) โดยวางเง่ือนไขให้อลั เบิร์ตกลวั หนขู าวทงั้ ๆท่ีอลั เบิร์ตไม่ เคยกลวั หนขู าวมากอ่ น วตั สนั เช่ือวา่ หากสามารถควบคมุ สิ่งแวดล้อมของบคุ คลได้ก็จะสามารถจดั การให้เกิดพฤติกรรมที่ ต้องการได้ โดยเขาได้เขียนไว้วา่ “ใหท้ ารกที่มีสขุ ภาพดีสมบูรณ์แก่ฉนั 12 คน และใหเ้ ลีย้ งดูในโลกของฉนั รับรอง ว่าฉนั จะสามารถเลือกฝึ กเด็กคนใดก็ไดแ้ ม้โดยการส่มุ และทาให้เขาเติบโตข้ึนเป็ นคนที่มี ความสามารถเฉพาะต่างๆ ตามที่เลือกไม่ว่าจะเป็ นหมอ ทนาย ศิลปิ น พ่อค้า และแม้แต่ ขอทานหรือขโมย โดยไม่สาคญั เลยว่าทารกนน้ั จะมีความฉลาด นิสยั ความสามารถ และ มาจากเชือ้ ชาติใด” ทมี่ า : Watson, J. B., 1924, Behaviorism. Chicago: University of Chicago Press. p.82 บี เอฟ สกนิ เนอร์ (B. F. Skinner) ค.ศ. 1904 - 1990 บี เอฟ สกินเนอร์ เป็ นผู้เสนอหลกั การวางเงื่อนไขเป็ น ผ ล ก ร ร ม (Operant conditioning ห รื อ Instrumental มหาวิทยาลัยก(cเSกoฎษknขiตndอnรiงtศeiผorาลn’สsกinต(BาLgรรoa)์ ศxw)ึกเoขใษfนาาeปนfที าfคe่ีสทc.าฤศt)คษ. ั1ญฏม9ีขาข3ตออ8อ่งงยโเเดออขยด็ดานเวคาิรือห์ดนกลูทลี ี่หท่อิวองใรขส์นอ่ใไนงดสกกกล์ ิ่อนผง้เเู สนเมนอ่ืออร์ คบลี เทังอ่ีมคฟาวขสาอกมงนิภราเู้ดนพจิอรทิ ์ ลั หนูบงั เอิญกดคานเข้า อาหารก็ตกลงมา ทาให้หนูมีพฤติกรรมกด คานเรื่อย ๆ ตอ่ มาเมื่อหนูกดคานแล้วไม่มีอาหาร ช่วงระยะเวลา หนง่ึ หนกู ็จะหยดุ กดคาน ซง่ึ ทาให้เหน็ ความสาคญั ของสิง่ เสริมแรง https://cdn.britannica.com/s: ส(Rร้eาiงnพfoฤrตcิกerร)รมจทาี่ตก้อหงกลาักรกในามรนนีสษุ้ าหยม์ มาดรถอนาายมวุ านัปทระี่ ย1ุก1ต-์ใ1ช0้ใน-2ก5าร64 300x300/92/110192-004-36256FAE.jpg
41 การสารวจในปี ค.ศ. 2002 พบวา่ สกินเนอร์ ถือเป็นนกั จิตวทิ ยาที่มีอทิ ธิพลมากท่ีสดุ ในศตวรรษที่ 20 ผลงานของสกินเนอร์มีหนงั สือ 21 เลม่ และบทความ 180 บทความ หนงั สือท่ีมีชื่อเสียงมากเล่มหนึ่ง คือ นวนิยายวิทยาศาสตร์ เร่ือง “Walden Two” ซึ่งนาหลักการทางจิตวิทยาในการสร้ างสังคมอุดมคติ (Utopia) แนวคิดพฤติกรรมนิยมถกู วิพากษ์วา่ ละเลยกระบวนการที่เกิดในตวั บคุ คล และสนใจเฉพาะส่งิ เร้า และการตอบสนอง โดยเฉพาะนกั ภาษาศาสตร์ เช่น นอม ชอมสกี ้ (Noam Chomsky) ซง่ึ ชีว้ า่ ทฤษฏีส่ิงเร้า และการตอบสนองไม่สามารถอธิบายกระบวนการเรียนรู้ด้านภาษาและพฤติกรรมทัง้ หมดของมนุษย์ นกั จิตวิทยาสองทา่ นท่ีมีบทบาทสาคญั ในปรับเสริมแนวคิดพฤติกรรมนิยม โดยได้นาแนวคิด เร่ืองการรู้คิด (Cognition) มาเพิ่มในการอธิบายกระบวนการเรียนรู้ได้แก่ จเู ลียน รอตเตอร์ (Julian Rotter ค.ศ. 1916 – 2014) และ อลั เบิร์ต แบนดรู า (Albert Bandura ค.ศ. 1925 – ปัจจบุ นั ) จูเลียน รอตเตอร์ (Julian Rotter) ค.ศ. 1916 – 2014 จูเลียน รอตเตอร์ จูเลียน รอตเตอร์ เสนอ ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม ท่ีมาของภาพ : http://psych.ful lerton.edu/jmearns/Rotter4.jpg (Social learning theory) ในปี ค.ศ. 1954 ว่าสิ่งแวดล้ อมทาง สงั คมและบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล ทาให้เกิดโอกาสท่ีจะแสดง หมดอายุวันท่ี 11-10-2564 พเคดใงcรนาo้าือฤียนnตนตนกขtนบrิกราอo้คแุูรรlงร)รลลกร้มูคซกิะอลผคดิึ่งอภต่าแลลใาวาเล(ชงังตCคนพะค้าใอืoอกาแนนวรgจลาาส์กรพnมรคะาอาทiรจฒัวคtตรiดู้่ีพิตoบปญัเนจิตnวฤคริทาข)ทิอตะุมจอลัแยริกเนาม์งลใารมกรหอินคะรอหแ้มกคลลบตนาตกนวัินุคเววาษตนนัิก้ทิลคมอณไยิกดิ(ดสรIาภ์ะพn้ราลไนัtบาคฤดeยั ิสพก้ตญแัrเnยกัากดิกaกษร้่รา(แlเบัTรตนส–บมrกรรแaบนEศิรมรitวะxิายงแsดtสับจม)รeตองูวงไrnรปทาใน์จaนาสกlใใา่กูาฝLหจาร่o้สเคภรกcัมศวาิดuบกึฤยsกคษทใาoนุมาธรfิ์
แนวความคิดทางจติ วิทยา 42 Viewpoint Psychology อลั เบริ ์ต แบนดูรา (Albert Bandura) ค.ศ. 1925 – ปัจจุบัน แบนดรู า ได้เสนอวา่ การรู้คดิ (Cognition) มีบทบาทสาคญั ในการเรียนรู้ของมนษุ ย์ โดยอธิบาย วา่ มนษุ ย์เรียนรู้พฤตกิ รรมทางสงั คมจากการสงั เกต (Observational learning) พฤตกิ รรมของตวั แบบ (Model) ซง่ึ ได้รับการเสริมแรงและการลงโทษ แบนดรู าเน้นบทบาทของกระบวนการรู้คิด เขาใช้ชื่อ ทฤษฎีวา่ ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสงั คม (Social learning theory) (Bandura, 1969; 1977) และตอ่ มาในปี ค.ศ. 1986 ได้เปลยี่ นช่ือเป็น ทฤษฎีการรู้คดิ ทางสงั คม (Social Cognition theory) งานทดลองของแบนดรู าในปี ค.ศ. 1960 ซง่ึ เป็นท่รี ู้จกั ในชื่อ “Bobo doll experiment” แสดงให้ เห็นพฤติกรรมท่ีเกิดจากการเรียนรู้จากตวั แบบ และยงั พบวา่ เดก็ ได้รับอทิ ธิพลจากการกระทาของผ้ใู หญ่ โดยหากเดก็ เหน็ วา่ ตวั แบบซงึ่ เป็นผ้ใู หญ่ได้รับการชมเชยจากพฤตกิ รรมก้าวร้าว เดก็ จะมีพฤตกิ รรมตีต๊กุ ตา มากขนึ ้ แตห่ ากเห็นตวั แบบซงึ่ เป็นผ้ใู หญ่ได้รับการลงโทษ เดก็ จะหยดุ การตีต๊กุ ตา การทดลองนีถ้ ือเป็นจดุ เปลยี่ นของจิตวทิ ยามาเน้นความสาคญั ของการรู้คิดท่ีมีตอ่ พฤตกิ รรมมนษุ ย์ แบนดรู า อธิบายวา่ พฤตกิ รรมและบคุ ลิกภาพของมนษุ ย์ มาจากปัจจยั 3 อยา่ ง คือ พฤติกรรม การรู้คดิ และสิง่ แวดล้อม ซงึ่ มอี ทิ ธิพลตอ่ กนั และกนั (Reciprocal determinism) ซง่ึ นาไปสแู่ นวคดิ เร่ือง การรับรู้ความสามารถของตนเอง (Self-efficacy) หมายถงึ การที่บคุ คลสามารถรับรู้ระดบั ความสามารถ ของตนเองในการที่จะจดั การสถานการณ์ตา่ ง ๆ ที่เกิดขนึ ้ กบั ตนเอง คลังความรดู้ จิ ทิ ลั มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อัลเบริ ์ต แบนดูรา หมดอายวุ นั ที่ 11-10-2564 ท่ีมาของภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia /commons/thumb/c/cc/Albert_Bandura_Psychologist. jpg/800px-Albert_Bandura_Psychologist.jpg
43 คารล์ โรเจอรแ์ ละแนวคิดจิตวิทยามนุษยนิยม (Humanistic Psychology) นกั จิตวทิ ยาในแนวคิดมนษุ ยนยิ มท่ีสาคญั และเป็นทรี่ ู้จกั กค็ ือ คาร์ล รอเจอรส์ และ อบั ราฮมั มาส โลว์ ทงั้ สองได้รับอทิ ธิพลจากงานของอลั เฟรด แอดเลอร์ และ Kurt Goldstein (ค.ศ. 1878 – 1965) คาร์ล แรนซัม รอเจอรส์ (Carl Ransom Rogers ค.ศ. 1902 - 1987) คาร์ล รอเจอรส์ นกั จิตวทิ ยาชาวอเมริกนั เป็นผ้กู ่อตงั้ จิตวิทยาแนวมนษุ ยนิยม รอเจอรส์ เสนอว่ามนุษย์โดยธรรมชาติมีความสามารถท่ีจะตดั สินใจเกี่ยวกับชีวิตและสามารถ ควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้ ทุกคนมีพลังในการพัฒนาตนเองให้มีวุฒิภาวะที่สูงขึน้ และประสบ ความสาเร็จ เขาเช่ือวา่ ถ้าได้รับโอกาส มนษุ ย์จะมีพยายามอย่างที่สดุ ในการใช้ศกั ยภาพของตนเองอย่าง เต็มที่ เขาให้ความสาคัญกับความสามารถของบุคคลในการตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง ทุกคนมี ความสามารถในการเลือกกระทาพฤติกรรมมากกว่าท่ีจะถูกกาหนดโดยสิ่งแวดล้อม แนวทางการบาบดั ของเขาจงึ เน้นบทบาทของนกั จิตวิทยาในการช่วยให้บคุ คลได้ใช้ศกั ยภาพท่ีมีอย่ไู ด้เตม็ ความสามารถ รอเจอรส์ได้รับการยกย่องเป็ นบิดาของการทาวิจัยด้านจิตบาบัด และได้รับรางวลั “Award for Distinguished Scientific Contributions” จากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน ในปี ค.ศ. 1956 เขายังได้รับ อราเมงวริลักนั “Aใwนคปลaีrงั dคค.วfศoา.rม1Dร9ดู้i7sิจt2iิทnัลguมisหhาeวdทิ ยPาroลfัยeเsกsษioตnรaศlาCสoตnรt์ ributions to Psychology” จากสมาคมนกั จิตวทิ ยา หมดอายุวันท่ี 11-10-2564 คาร์ล รอเจอรส์ ทีม่ าของภาพ : https://cdn.britannica.com /s:300x300/34/38434-004-065E4D77.jpg
แนวความคิดทางจิตวิทยา 44 Viewpoint Psychology อับราฮมั มาสโลว์ (Abraham Maslow) ค.ศ. 1908 – 1970 อับราฮมั มาสโลว์ อบั ราฮัม มาสโลว์ ได้นาศพั ท์ “Actualization tendency” ทีม่ าของภาพ : https://upload.wikimedia.org/ ซง่ึ ปรากฏในแนวคิดของคาร์ล รอเจอรส์ มาใช้ศกึ ษา และตงั้ เป็ นชื่อ wikipedia/en/e/e0/Abraham_Maslow.jpg ความต้ องการขัน้ สูงสุดของมนุษย์ เรียกว่า Self Actualization need เป็ นความต้องการตระหนกั และใช้ศกั ยภาพของตนอย่างเตม็ ความสามารถ ในทฤษฏีลาดับขัน้ ความต้ องการของมนุษย์ (Hierarchy of needs) Self Actualization Need ความต้องการประจกั ษ์แหง่ ตน Self Esteem Need คลังความรู้ดจิ ทิ ลั มหLาoควิทวvายeมาลตaคัย้อวnเงกากdคมษาวSตตรBาa้อครมeศงfวตeกาาl้อoสามtงตรynรกคัรกgาว์Nแราiลศneมะกัปgeกดลnาd์ศิ รอeรเดปี sภ็นsยั เจN้าeขอeงd Physiological Need ความต้องการทางสรีระ ทฤษฏีลาดับขนั้ ความต้องการของมาสโลหว์ มดอายุวันที่ 11-10-2564 (Maslow’s Hierarchy of needs)
บทที่ 3 จิตวิทยาในปัจจบุ นั จากบทท่ี 1 และ 2 จะพบว่า ศาสตร์จิตวิทยามีท่ีมาจากหลากหลายสาขาวิชา เช่น ปรัชญา ชีววิทยา สรีรศาสตร์ จิตฟิ สิกส์ และภาษาศาสตร์ โดยแต่ละสาขาวิชาตา่ งก็มีประเดน็ ความสนใจมนษุ ย์ ในด้านต่าง ๆ กัน ทัง้ พฤติกรรม อารมณ์ ความคิด ทัศนคติ ความเช่ือ ความจา การเรียนรู้ สติปัญญา แรงจงู ใจ ภาวะผ้นู า การปรับตวั พฤตกิ รรมกลมุ่ สขุ ภาพจิต ฯลฯ ซง่ึ ทาให้จิตวิทยาในปัจจบุ นั เป็นศาสตร์ท่ี ศึกษามนุษย์ในหลากหลายด้าน จนนักจิตวิทยาคนหน่ึงไม่สามารถศึกษาและมีความเช่ียวชาญ ครอบคลมุ ได้ในทุกด้าน นักจิตวิทยาในปัจจุบันจึงอาจต้องเลือกศึกษาและปฏิบัติงานในเพียงบางด้านท่ี ตนเองมีความสนใจและความถนดั ของตนเอง ตามบริบทในหน่วยงานของตน หรือตามความต้องการของ สงั คม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต ยังเป็ นส่วนสาคญั ท่ีทาให้เกิดการ เปล่ียนแปลงทงั้ ในการศกึ ษาวิจยั และการทางานของนกั จิตวทิ ยา ในสว่ นของการวินิจฉยั การบาบดั รักษา และการให้บริการทางจิตวิทยา นักวิชาชีพจิตวิทยายังต้องตระหนักถึงความสาคญั กับปัจจัยด้านความ ขคปผแห้้อลัรูาลจับ้จบวจาาบแกเุบกกตรหัน่ีิยดกั่ลลเาขวใะรารคกนอาแยลงับกจสนทบังึงาถแวคาคุพรานควศงคนบิดวาสกึลกคมวแงัษา่ิาดมรคราดู้น้อจมณจจิัก่ืนะ-ิตทิ์วจมวๆแลััฒิตีคิทลววมนยะิทราหาคธวมยเารวมรโาวราาดททิสมมจดัง่ยว้เเะมเพชนาดแ่ียีกล่ิมใบ่นวยัาหม่งเชเรฉญอกาาพพกอษญ่จัฒกาขตะขะึเนร้นปปอขศา็งนเรอาชหผะแสง่น้บรยูตตตือุกานร่ลเนพบ์ตะเอาดั์ศใแเงชสนทแ้แภวคลนคา้นววิดพิคคแเจพติดชา่ือ่กทากใ็ยาตแหงังิพน้งมจ่าวันิีบตยคธวาติด์ุิทงอ่ อสเยศกื่น่วารานมตษรทาเาฐขี่ปอม้าาารคนใัจบจวะมใาชคใีคม้นเววเปหคาา็ นมวมมขาคพาอมะลิกงเส้าปาตมย็รนนแคขจเลลออระิึงงงง ในบทนีจ้ ะอธิบายถงึ แนวคดิ ทางจิตวิทยาซง่ึ มีบทบาทสาคญั ในปหัจจมบุ ดนั อายวุ นั ที่ 11-10-2564
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158