Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2. สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002

2. สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002

Published by clube.indy, 2020-04-21 00:28:26

Description: 2. สุขศึกษา พลศึกษา ทช21002

Search

Read the Text Version

43 3. การออกกําลังกายโดยการบรหิ ารรา งกาย โดยแสดงทาทางตาง ๆ เพือ่ เปนการบริหาร รา งกาย หรือเฉพาะสวนท่ตี องการใหก ลา มเนอื้ กระชบั อาทิ การบรหิ ารแบบโยคะ หรือแอ โรบิค หลักการออกกาํ ลงั กายเพอ่ื สขุ ภาพ คอื การออกกาํ ลังกายชนดิ ทเ่ี สรมิ สรางความอดทนของ ปอด หัวใจ ระบบไหลเวยี นเลอื ด รวมทั้งความแข็งแรงของกลา มเนอ้ื ความออ นตวั ของขอตอ ซึง่ จะ ชวยใหรา งกายแขง็ แรงสมบรู ณ สงางาม และสขุ ภาพจิตดี การออกกาํ ลงั กายแบบแอโรบคิ เปนกิจกรรมท่ีไดรับการยอมรับ และเปน ทน่ี ิยมกันอยาง แพรห ลายทั่วโลก ในดานการออกกําลังกายเพ่อื สุขภาพ (Exercise For Health) โดยยดึ หลกั ปฏิบัติงาย ๆ ดงั นี้ 1. ความหนัก ควรออกกําลงั กาย (Intensity) ใหห นักถึงรอ ยละ 70 ของอตั ราการเตน สูงสดุ ของหัวใจแตล ะคน โดยคํานวณไดจากคา มาตรฐานเทากับ 170 ลบดว ยอายุของตนเอง คาท่ไี ดคอื อัตราการเตนของหัวใจคงท่ีทีเ่ หมาะสม ทต่ี องรักษาระดับการเตน ของหัวใจน้ี ไวช ว งระยะเวลาหนึ่งท่ี ออกกําลังกาย 2. ความนาน (Duration)การออกกําลังกายอยางตอเนอ่ื งนานอยา งนอย 20 นาที ข้นึ ไปตอ ครงั้ 3. ระยะผอนคลายรา งกายหลังฝก (Cool Down) ประมาณ 5 นาที เพือ่ ยดื เหยียดกลามเนื้อ และความออ นตวั ของขอ ตอรวมระยะเวลาท่อี อกกาํ ลังกายตดิ ตอ กันทั้งสน้ิ อยา งนอย 20 – 30 นาทตี อ วัน ผูทอ่ี อกกาํ ลังกายมาก หรือเปนนกั กฬี า จะมกี ารใชพลงั งานมากกวาบคุ คลท่วั ไป และมีการ สญู เสียน้าํ และแรธ าตมุ ากขึน้ จึงควรกินอาหารทใ่ี หพ ลงั งานอยา งเพยี งพอสมดลุ กับกจิ กรรมทใ่ี ชในแต ละวัน โดยควรเพิม่ อาหารประเภท ขาว แปง ผลไม หรือน้ําผลไม เพ่อื เพิ่มพลังงาน และด่มื นํา้ ให เพยี งพอ ไมจําเปน ตอ งกนิ ผลิตภณั ฑเสรมิ อาหาร หรอื ดม่ื เครอ่ื งดื่มประเภทเกลือแร และเครื่องดื่มชู กําลงั

44 กจิ กรรมการเรียนรูทายบทที่ 2 กจิ กรรมท่ี 1 1. ใหนักศึกษาอธิบายตามความเขา ใจของตนเอง ในหัวขอ ตอ ไปนี้ “จติ ท่ีสดใส ยอมอยใู นรา งกายท่สี มบูรณ” 2. ใหน กั ศกึ ษาฝก เขียน แผนการวางแผนดแู ลสุขภาพตนเองในเวลา 7 วัน กิจกรรมท่ี 2 1. ประโยชนของการออกกาํ ลงั กายดานตาง ๆ ทส่ี งผลตอ สขุ ภาพของมนษุ ย จาํ แนกไดด า น อะไรบาง จงอธิบาย กิจกรรมท่ี 3 1. การออกกําลังกายมผี ลตอ พัฒนาการของมนุษยอยา งไร จงอธบิ าย 2. กอนทจ่ี ะออกกําลงั กาย เราควรใหคาํ แนะนําผจู ะออกกําลงั กายอยา งไร

45 บทที่ 3 สุขภาพทางเพศ สาระสาํ คญั ปญ หาหาเรอื่ งการมเี พศสมั พันธกอนวยั อันควร กําลงั เปนปญหาที่นาหวงใยในกลมุ เยาวชน ไทย ดังนั้นการเรียนรูในเร่อื งของพฤติกรรมท่จี ะนาํ ไปสกู ารมีเพศสมั พนั ธ การถกู ลวงละเมดิ ทางเพศ และการตง้ั ครรภไ มพ ึงประสงค จึงเปน เรอ่ื งจาํ เปน ท่จี ะไดป องกันตนเอง นอกจากน้ีการดแู ลรางกาย โดยเฉพาะระบบสืบพันธุก็เปน เร่ืองทจี่ ะทาํ ใหทกุ คนมสี ุขภาวะที่ดี สามารถปฏิบตั ไิ ดถ กู ตองก็จะไมท ํา ใหเ กิดปญหาดานสุขภาพทางเพศ ผลการเรยี นรูทค่ี าดหวัง 1. อธิบายการหลกี เลี่ยงพฤติกรรมท่นี าํ ไปสูการมีเพศสัมพันธ การลวงละเมิดทางเพศ การ ตงั้ ครรภท ไ่ี มพ งึ ประสงค 2. อธบิ ายวธิ กี ารดูแลสุขภาพทางเพศท่ีเหมาะสมและไมทาํ ใหเ กดิ ปญ หาทางเพศ ขอบขายเนอ้ื หา เรือ่ งที่ 1 สรรี ะรา งกายทเี่ กยี่ วขอ งกบั การสืบพันธุ เรอ่ื งที่ 2 การเปล่ยี นแปลงเมอ่ื เขาสูว ัยหนมุ สาว เร่ืองที่ 3 พฤตกิ รรมทีน่ าํ ไปสกู ารมีเพศสมั พันธ เร่อื งท่ี 4 สขุ ภาพทางเพศ

46 เร่อื งท่ี 1 สรีระรางกายทีเ่ กยี่ วของกับการสบื พนั ธุ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษยนั้น หมายถึง การเจริญเติบโตและ พฒั นาการทางรางกายและจิตใจควบคกู ันไปตลอด เร่ิมตั้งแต วัยเดก็ วัยแรกรุน วัยผูใหญ ตามลาํ ดับ โดยทั่วไปแลว การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการทางรางกายของคนเราจะส้นิ สดุ ลงเมื่อ มีอายุประมาณ 25 ป จากวัยน้ีอวัยวะตา ง ๆ ของรา งกายเร่ิมเสื่อมลง จนยางเขาสวู ัยชราและตายใน ที่สดุ สวนการเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการทางจิตใจนนั้ ไมม ขี ดี จํากัด จะเจริญเตบิ โตและพัฒนาเจริญ งอกงามขน้ึ เรอ่ื ย ๆ จนกระทัง่ เขาสวู ัยชรา 1. อวัยวะสบื พนั ธแุ ละสขุ ปฏิบัตเิ กย่ี วกับอวัยวะสืบพันธุ การสบื พันธขุ องมนุษยเ ปน ธรรมชาตอิ ยา งหน่ึงท่เี กดิ ขนึ้ เพื่อดาํ รงไวซึ่งเผาพนั ธุ การ สืบพันธุนัน้ จําเปนตองอาศัยองคประกอบทสี่ ําคญั คือ เพศชายและเพศหญงิ ท้งั เพศชายและเพศหญงิ ตางก็มีโครงสรา งท่เี กย่ี วขอ งกับอวัยวะเพศและการสืบพนั ธุโ ดยเฉพาะของตน 1.1 ระบบสืบพันธขุ องเพศชาย อวัยวะสบื พนั ธชุ ายสว นใหญอยภู ายนอกของรางกาย สามารถปอ งกันและระวงั รักษา ไมใ หเกิดโรคติดตอ หรือโรคติดเช้ือตาง ๆ ไดโดยงาย อวัยวะสืบพนั ธชุ ายมีความเก่ียวขอ งกบั ระบบ การขับถา ยปสสาวะ เพราะวาการขบั น้ําอสุจิออกจากรางกายตอ งผา นทอปสสาวะดวย อวัยวะสืบพนั ธุ ชายประกอบดว ยสวนตา ง ๆ ทสี่ าํ คญั ดังนี้ (1.) ตอมอัณฑะ (Testis) มีลกั ษณะและรปู รา งคลายไขไกฟองเล็ก ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร หนกั ประมาณ 15-30 กรัม อัณฑะขางซายจะใหญกวางขางขวาเลก็ นอย ตามปกตจิ ะมีอัณฑะอยู 2 ลูก ภายในลกู อัณฑะมีหลอดเลก็ ๆ จํานวนมาก ขดเรียงอยูเปน ตอน ๆ เรยี กวา หลอด สรางอสุจิ (Seminiferous Tabules) มีหนาทผี่ ลิตฮอรโ มนเพศชายและตัวอสจุ ิ สวนดา นหลังของตอ ม อัณฑะ จะมกี ลุมของหลอดเล็ก ๆ อีกมากมายขดไปมา เรียกวาหลอดเก็บตวั อสุจิ (Epididymis) เปนท่ี เก็บเชอื้ อสุจิชว่ั คราว เพอ่ื ใหเ ชอ้ื อสจุ ิเจรญิ เตบิ โตไดเ ตม็ ท่ี (2.) ตอ มลกู หมาก (Prostate Gland) เปน ตอ มที่หุม อยูร อบทอ ปสสาวะสว นใน ตรง ดานลางของกระเพาะปสสาวะ มีหนาท่สี รางของเหลวซงึ่ มีฤทธ์ิเปนดา งออ น ๆ สงเขาไปในถงุ เก็บ อสุจิ เพื่อผสมกับนา้ํ เล้ียงตวั อสุจิ ของเหลวนีจ้ ะไปทําลายฤทธิก์ รดจากนํา้ เมือกในชองคลอดเพศหญิง ปองกันไมใหตัวอสจุ ิถกู ทําลายดวยสภาพความเปน กรด เพื่อใหเกิดการปฏิสนธขิ ้นึ ได (3.) ลึงค หรอื องคชาต (Penis) เปนสวนประกอบหน่ึงของอวัยวะสืบพันธุชาย ที่ แสดงใหเหน็ วา เปนเพศชายอยางชดั เจน มีลกั ษณะย่ืนออกมา สวนปลายสุดจะมีรปู รางคลายหมวก เหลก็ ทหารสวมอยู ขนาดใหญก วา ลําตวั ลึงคเล็กนอ ย สว นน้ีจะมเี สนประสาทมาหลอ เลยี้ งมาก ทําให

47 มคี วามรูสึกไวตอ การสัมผัส เม่ือมีความตองการทางเพศเกิดขนึ้ จะทําใหลึงคเปล่ยี นจากนุมเปน แข็ง เนื่องจากคง่ั ของเลือด ทําใหข นาดใหญขึน้ 1-2 เทา ตวั ในระหวา งการแขง็ ตวั ของลึงคม ตี อ มเลก็ อยใู น ทอ ปสสาวะ ผลติ นา้ํ เมอื กเหนยี ว ๆ ซ่ึงจะถูกขับออกมา เพ่อื ชวยในการหลอ ลื่นและยังทําใหตัวอสุจิ ผานออกสภู ายนอกไดสะดวกอีกดว ย (4.) ทอ พกั ตัวอสุจิ (Epididymis) มีลักษณะคลา ยรูปดวงจันทรครึ่งซีก หอ ยติดอยู กบั ตอมอัณฑะสวนบนคอนขา งจะใหญเ รียกวา หัว(Head) จากหัวก็เปน ตวั (Body)และเปนหาง(Tail) ทอ นีป้ ระกอบดวยทอ ทคี่ ดเค้ยี วเปนจํานวนมาก เมือ่ ตวั อสจุ ิถูกสรา งข้ึนมาแลว จะถกู สงเขาทอนเี้ พอ่ื เตรยี ม ทจี่ ะออกมาสทู อปสสาวะ (5.) ทอ นําตัวอสจุ ิ (Vas Deferens) เปนทอ เลก็ ๆ ตอ จากลกู อัณฑะ จะทําหนาทพี่ า ตวั อสจุ แิ ละน้ําอสุจิใหไ หลขนึ้ ไปตามหลอดและไหลเขา ไปในถุงน้ําอสุจิ (6.) ถุงอณั ฑะ (Scrotum) เปนถุงทห่ี อหุม ตอมอัณฑะไว ขณะทย่ี งั เปนตัวออ นอยู ตอม อณั ฑะจะเจรญิ เติบโตในโพรงของชอ งทอง เม่อื ครบกําหนดตอมอัณฑะจะคอย ๆ เคล่ือนลงลางจากชอง ทองมากอยใู นถุงอัณฑะท่ีบรเิ วณขาหนีบ ถงุ อณั ฑะมีลักษณะเปน ผวิ หนังบาง ๆ สีคล้ํา มีรอยยน มี แนวกลางระหวางทวารหนักไปจนถงึ ลึงค จะมกี ลามเนื้อ บาง ๆ กน้ั ถงุ อณั ฑะออกเปน 2 หอง ถงุ อณั ฑะ จะหอยติดอยูกบั กลา มเน้อื ชนดิ หน่ึง และจะหดตวั หรือหยอนตัว เมอ่ื อุณหภูมิของอากาศเปลย่ี นแปลง เพอ่ื ชว ยรักษาอุณหภูมิใหเ หมาะสมในการสรางอสจุ ิ และปองกันการกระเทอื นจากภายนอก 1.1.1 การสรา งเซลลสืบพันธุเพศชายและการฝน เปยก เซลลสบื พันธุเพศชายหรือตวั อสจุ ิ (Sperm) จะถูกสรา งข้ึนในทอผลิตอสุจิ (Seminiferous Tubules) ตวั อสจุ มิ ีขนาดเล็กมาก มรี ูปรา งลักษณะคลา ย ๆ ลกู กบแรกเกดิ ประกอบดวย สวนหวั ทมี่ ีขนาดโต แลวคอ ยลงมาเปนสว นหางที่ยาวเรียว และสวนหางน้ีจะใชในการแหวกวา ยมา มขี นาดลําตัวยาวประมาณ 0.05 มลิ ลิเมตร มขี นาดเลก็ กวา ไขเ พศหญิงหลายหม่ืนเทา หลงั จากตัวอสุจิ ถกู สรา งขน้ึ ในทอผลติ ตัวอสุจแิ ลว จะฝง ตวั อยูในทอพกั ตัวอสจุ ิจนกวาจะเจริญเต็มท่ี ตอจากนั้นจะ เคลือ่ นที่ไปยังถุงเกบ็ ตัวอสจุ ิ ในระยะนี้ตอ มลกู หมากและตอมอ่ืน ๆ จะชว ยกันผลิตของเหลวมาเล้ียง ตัวอสจุ ิ หากไมมกี ารระบายออกโดยมเี พศสัมพนั ธ รางกายจะระบายออก โดยใหน้ําอสุจิเคลือ่ น ออกมาตามทอปสสาวะเองในขณะนอนหลบั ซ่ึงเปน การลดปรมิ าณน้าํ อสุจิใหนอยลง โดยธรรมชาติ และยังเปนวิธีหน่ึงที่ชวยลดความเครียดเก่ียวกับอารมณทางเพศได เราเรียกวาการฝน เปยก (Wet Dream) เปนปรากฎการณท ่ชี ใี้ หเหน็ วาวยั รุน ชายน้ันบรรลวุ ุฒิภาวะทางเพศแลว และรางกายก็พรอ ม ทีจ่ ะใหก ําเนิดบุตรได

48 1.1.2 สุขปฏิบตั ิเก่ียวกับอวยั วะเพศชาย 1. อาบนํ้าอยางนอยวันละ 2 ครั้ง ใชสบูชําระรางกายและอวัยวะเพศให สะอาดแลวเชด็ ใหแหง 2. สวมเส้อื ผา ทส่ี ะอาด โดยเฉพาะกางเกงในไมคบั และไมห ลวมเกินไป 3. ไมใชสว มหรือขบั ถายทผี่ ิดสขุ ลกั ษณะ 4. ไมสําสอ น หรือรว มประเวณกี ับผขู ายบริการทางเพศ 5. หากสงสัยวา เปนกามโรคควรไปปรกึ ษาแพทย 6. ไมค วรใชย าหรือสารเคมเี พอื่ กระตนุ ความรูสกึ ทางเพศ 7. อยาหมกหมุนหรือหกั โหมเก่ยี วกับความสัมพันธท างเพศเกนิ ไป ควรหา กจิ กรรมนนั ทนาการหรือเลนกฬี า 8. ระวังอยาใหอ วยั วะเพศถกู กระทบกระแทกแรง ๆ 1.2 ระบบสบื พนั ธขุ องเพศหญงิ โ ค ร ง ส ร า ง ที่ เ กี่ ย ว ข อ ง กั บ อ วั ย ว ะ เ พ ศ แ ล ะ ก า ร สื บ พั น ธุ ข อ งเ พ ศ ห ญิ ง ประกอบดว ยหลายสวนดวยกัน ในที่นจ้ี ะกลาวถงึ เฉพาะสว นทสี่ ําคัญเทา นน้ั (1.) ตอ มรังไข (Ovary) เปน ตอ มสืบพันธุของเพศหญิง มีหนา ท่ีผลิตเซลลสบื พนั ธุ ของเพศหญงิ ท่ีเรียกวา ไข (Ovum) ตอมรงั ไขน ้ีมอี ยดู ว ยกัน 2 ตอม คอื ขางขวาและขางซาย ซง่ึ อยูใน โพรงขององุ เชิงกราน มีรปู รา งคอนขางกลมเล็กมีนํ้าหนักประมาณ 2-3 กรัม นอกจากน้ีตอมรังไขจะ หลง่ั ฮอรโมนเพศหญงิ ออกมาทาํ ใหไขสุก และเกิดการตกไข (2.) ทอ รงั ไข (Pallopain Tubes) ภายหลงั ทีไ่ ขหลุดออกจากสวนท่หี อหุมแลว จะผาน เขา สทู อ รังไข ทอ น้ยี าวประมาณ 6-5 เซนติเมตร ปลายขา งหนึง่ มลี กั ษณะคลายกรวย ซ่ึงอยใู กลก ับ รังไข สวนปลายอกี ขา งหนง่ึ น้นั จะเรียวเลก็ ลงและไปตดิ กบั มดลูก ภายในทอ รงั ไขจ ะมีกลา มเนอื้ พิเศษ ซง่ึ บุดวยเยอื่ ทีม่ ีขนและบีบรดั ตัวอยเู สมอ ซง่ึ ทําหนา ทีโ่ บกพัดเอาไขที่สุกแลวเขา ไปในทอรงั ไข คอย การผสมพันธจุ ากตัวอสุจขิ องชาย และสง ไปสมู ดลูกตอไป (3.) มดลูก (Uterus) มดลูกอยูในอุมเชงิ กรานระหวางกระเพาะปสสาวะกบั ทวารหนัก ปกติยาวประมาณ 7-8 เซนตเิ มตร กวา งประมาณ 4 เซนตเิ มตร และหนาประมาณ 2 เซนตเิ มตร เปน อวัยวะทป่ี ระกอบดวยกลามเนอื้ และมีลักษณะภายในกลวง ซึ่งมีผนังหนาไขจ ะเคลอ่ื นตัวลงมาตาม ทอรงั ไข เขา ไปในโพรงมดลกู ถาไขไดผ สมกบั อสุจิแลวจะมาฝงตัวอยใู นผนงั ของมดลูกทหี่ นาและมี เลอื ดมาเลยี้ งเปนจํานวนมาก ไขจะเจริญเติบโตเปน ตวั ออนตรงบรเิ วณนี้ ภายหลงั วัยหมดประจําเดอื น แลว มดลูกจะเลก็ และเห่ียวลง

49 (4.) ชองคลอด (Vagina) มีลกั ษณะเปน โพรงซง่ึ มคี วามยาวประมาณ 8-10 เซนติเมตร ชอ งคลอดประกอบดว ยกลา มเนือ้ เรียบ สวนในสดุ เปน สวนท่ีหุมอยูรอบปากมดลูก ภายในบุดวยเย่ือ บาง ๆ ลักษณะเปนรอยยนสามารถยืดหดและขยายตัวไดมากเวลาคลอด ที่ชองคลอดนี้จะมี เสนประสาทมาเล้ียงจํานวนมาก โดยเฉพาะอยางยง่ิ บรเิ วณรเู ปดชองคลอด และชองคลอดยงั ทําหนาที่ เปนทางผา นของเลือดประจาํ เดือนจากโพรงมดลกู ออกจากรางกาย และเปนทางผา นของตัวอสุจจิ าก เพศชายเพอ่ื ไปผสมกบั ไขทีท่ อรังไข (5.) คลิสตอรสิ (Clitoris) ลักษณะเปนกอนเนื้อเล็ก ๆ ต้งั อยูบนสว นของแคมเล็ก เปน เนอื้ เย่อื ทยี่ ึดหดได มหี ลอดเลือดและเสนประสาท และไวตอ ความรูส กึ ทางเพศเชนเดียวกับลึงค ของชาย (6.) ตอ มนํา้ เมอื ก (Bartholin Gland) เปนตอ มเลก็ ๆ อยู 2 ขางของชอ งคลอด ตอม นที้ าํ หนาทห่ี ล่งั นํา้ เมือกออกมา เพ่ือใหชวยหลอลื่นชอ งคลอดในระหวางท่มี ีการรวมเพศ (7.) ฝเย็บ (Perineum) อยพู ื้นลางของอุงเชิงกรานที่ก้ันอยูระหวางชองคลอดกับ ทวารหนัก ขยายและยึดหดตัวได ประกอบดวยกลามเนื้อท่ีสําคัญ 3 มัด มีหนาท่ีชวยเสริมสราง กลามเนือ้ ชอ งคลอดใหแขง็ แรง และปอ งกันชอ งคลอดหยอ น ถาหากขาดแลวไมเย็บ จะทําใหมดลูก ตํา่ ลงมาไดเมือ่ อายุมากข้นึ (8.) เตา นม (Breast) มีอยู 2 เตา ซง่ึ มีขนาดใกลเ คยี งกัน ตรงกลางของเตานมจะมีผิว ที่ยืน่ ออกมาเรยี กวา หัวนม เตานมแตละเตา จะประกอบขึ้นดวยกอนเน้ือหลายกอน กอนเนอ้ื แตละ กอนจะประกอบดวยทอทีแ่ ตกแขนงไปมากมาย เตา นมจะมีขนาดโตขึ้นเมื่อเขาสูวัยสาว เน่ืองจากมี เนอ้ื เย่อื เกย่ี วพันและไขมันเพม่ิ ข้นึ ขณะทตี่ งั้ ครรภเ ตา นมจะโตขน้ึ เนื่องจากมีการเจริญเติบโตของตอม นํา้ นมและทอจาํ นวนมาก บรเิ วณเตานมน้จี ะมีหลอดเลอื ดและเสน ประสาทไปเล้ียงอยูมาก จึงทาํ ใหมี ความไวตอการสัมผัส

50 1.2.1 ความรเู กย่ี วกับผลของการบรรลวุ ุฒิภาวะทางเพศหญงิ เม่อื เพศหญิงเจริญเติบโตเปนสาว ไมเฉพาะแตจะมลี ักษณะของความเปน หญิง ดว ยการมีเตานมเจรญิ เติบโต และมีลกั ษณะเปล่ียนแปลงอน่ื ๆ เกิดขน้ึ เทานัน้ การบรรลุ วฒุ ิภาวะของเพศหญิงขึ้นอยูกบั การมปี ระจาํ เดอื นครั้งแรก และมปี ระจาํ เดือนทกุ ๆ เดือน โดยเฉล่ยี จะ เกิดข้นึ ทุก ๆ 28 หรือ 30 วัน และการมีประจําเดอื นแตล ะเดอื นอาจะแบงออกไดเปน ระยะดังนี้ 1. ระยะทาํ ลาย (Destructive Phase) เปนระยะที่มเี ลือดออกมา เนื่องจากมี การทําลายของเย่อื บภุ ายในของผนงั มดลูก ระยะนจี้ ะใชเ วลาประมาณ 3-7 วัน หรือเรียกวา จะมีเลือด ระดูออกมาอยูประมาณ 3-7 วัน จํานวนเลอื ดที่ไหลออกมามีจํานวนไมแนนอนโดยทั่วไปจะมีปริมาณ 125 ลกู บาศกเซนตเิ มตร นอกจากเลือดท่ีไหลออกมาแลวยังมเี ศษของผนังมดลูกท่ีถูกทําลายหลุดปน ออกมาดว ย ระยะทําลายนเี้ ร่มิ แรกมักจะมอี าการท้ังทางรางกายและจติ ใจ เชน ถา ยปสสาวะบอ ย มี สวิ ขึ้นบนใบหนา เตานมจะโตและแข็ง มอี าการปวดศีรษะ เพลีย หงดุ หงิด เปน ตน 2. ระยะฟอลลิคูลา (Follicular Phase) ตอมพิทอู ิทารีสวนหนา (Anterior Lobe) หลง่ั ฮอรโมนชนดิ หน่ึงออกมาและซมึ เขา กระแสเลือด แลวนาํ ไปยงั ตอ มรังไขจ ะทําใหไขซึ่งอยู ภายในรังไขเจริญเตบิ โตและสกุ ระยะนก้ี ินเวลาประมาณ 9 วนั และเม่อื รวมกับระยะทีม่ ีเลือดระดูไหล ออกมาในระยะทาํ ลายจะกินเวลาประมาณ 14 วนั 3. ระยะลูเทียล (Luteal Phase) เปนระยะที่ไขสกุ เตม็ ท่ีและจะหลุดออก จากรังไข รงั ไขจ ะสรา งฮอรโ มนชนดิ หน่ึงเพือ่ กระตุนใหผนังมดลูกหนาและมเี ลือดมาหลอเล้ียงมาก เพอื่ รอรับไขท ่ีจะถูกผสมพันธุ ถาไขไ มไ ดรับการผสมพันธุฮอรโมนน้จี ะลดลง ซึ่งเปนการเริ่มตน ระยะทาํ ลาย และจะมีเลือดระดไู หลออกมาใหม 1.2.2 สขุ ปฏิบัติเก่ยี วกับอวัยวะสบื พนั ธุของเพศหญิง 1. อาบนํา้ ชําระลางกายใหส ะอาดอยเู สมอ เวลาอาบนํ้าควรทําความสะอาด อวัยวะเพศเปนพิเศษ เชน ลา ง เช็ดใหแหง โดยเฉพาะอยางย่งิ ในชว งมีประจําเดือน ควรใชน ํา้ อุน ชําระสวนท่เี ปอ นเลอื ด เปน ตน 2. หลังจากถา ยอุจจาระ ปสสาวะควรทําความสะอาดแลว เช็ดใหแหง 3. ควรสวมเสอ้ื ที่สะอาด โดยเฉพาะอยางยง่ิ กางเกงในตองสะอาด ไมค ับไม หลวมเกนิ ไป และควรเปลี่ยนทุกวัน 4. รักนวลสงวนตัว ไมค วรมเี พศสัมพนั ธกอนแตงงาน 5. ไมควรใชยากระตนุ หรอื สารเคมตี อ อวัยวะเพศ 6. การใชส ว มเพอื่ การขบั ถา ย ควรคํานงึ ถึงความสะอาดและถูกสุขลกั ษณะ 7. ควรทํางานอดิเรก หรอื ออกกาํ ลงั กายเสมอเพ่ือเบนความสนใจทางเพศ

51 8. ในยามท่มี ปี ระจําเดอื นควรเตรียมผาอนามยั ไวใหเพยี งพอ และเปลี่ยนอยู เสมออยาปลอ ยไวนาน 9. ในชวงมีประจําเดอื นไมควรออกกําลังกายที่ผาดโผนและรุนแรง ควร ออกกําลังกายเพยี งเบา ๆ และพักผอ นใหเพียงพอ 10. ควรจดบันทึกการมีประจําเดือนไว ถาประจําเดือนมาชาหรือเร็วบาง เล็กนอ ยถอื วา ปกติ ถา ประจาํ เดอื นมาชา หรอื เรว็ กวา ปกติ 7-8 วันขึ้นไป ควรไปปรึกษาแพทย 11. ในชว งมีประจาํ เดอื น ถามีอาการปวดทองควรใชก ระเปาน้ํารอนมาวาง ท่ที อ งนอ ย เพอื่ ใหค วามอบอุน และอาจรบั ประทานยาแกป วดไดบ าง 12. ถา มีอาการผิดปกติทางรา งกายในชวงมีประจําเดือน เชน ปวดทองมาก หรือมเี ลือดไหลออกมา ควรรบี ไปปรึกษาแพทยท นั ที 13. ระวังอยา ใหอ วยั วะเพศกระทบกระแทกแรง ๆ 14. ถา หากมกี ารเปลี่ยนแปลงท่ีผดิ ปกตขิ องอวัยวะเพศ ควรไปปรกึ ษาแพทย เรอ่ื งท่ี 2 การเปลย่ี นแปลงเมอื่ เขาสูว ยั หนุม สาว 1. พฒั นาการทางเพศและการปรบั ตวั เมอื่ เขาสวู ยั รนุ วยั รุนจะมกี ารเปลีย่ นแปลงทางรา งกายอยา งรวดเรว็ และมพี ัฒนาการทางเพศควบคู กันไปดว ย โดยเพศชายและเพศหญิงจะมีความแตกตา งกัน 1.1 การเปลี่ยนแปลงทางรา งกายของเพศหญิง การเขา สูช วงวยั รุน ของเด็กหญิงจะเกิดข้นึ เรว็ กวาเด็กชาย คือ จะเริ่มข้ึนเม่ืออายุ ประมาณ 11-13 ป ตอมใตส มองจะผลิตฮอรโมนทไี่ ปกระตุนการเจริญเติบโต และกระตนุ การทาํ งานของ รังไขใหส รางเซลลสืบพันธุและผลิตฮอรโ มนเพศหญิง ในชวงน้ีวยั รนุ หญิงจะมีการเจรญิ เติบโตอยาง รวดเรว็ สว นสงู และนําหนกั เพ่ิมมากขึน้ อวัยวะเพศโตขึ้น มขี นขึ้นบรเิ วณหัวเหนาและรักแร เอวคอด สะโพกผายออก เตานมโตขึ้น อาจมีสิวข้ึนตามใบหนา สวนมดลูก รังไข และอวัยวะท่ีเก่ียวของ เจริญเตบิ โตข้ึน เรม่ิ มีประจําเดือน ซ่ึงลักษณะการมีประจาํ เดือนในเพศหญิงจะเปนการบงบอกวา วัยรุน หญิงไดบรรลวุ ุฒิภาวะทางเพศแลว และสามารถต้ังครรภไ ด การมปี ระจาํ เดือน (menstruation) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาติที่เกิดใน เพศหญงิ เมื่อยางเขาสูวัยรุน โดยรงั ไขจะสรางฮอรโ มนและผลิตไข ปกติไขจะเจริญเติบโตและสุก เดือนละ 1 ฟอง สลบั กนั ระหวา งรงั ไขซายและขวา เมอื่ ไขสุกจะหลดุ ออกจากรังไขแลวถูกพดั พาเขา ไปในทอรังไขห รือปก มดลกู เพอ่ื รอรบั การผสมจากตัวอสุจิของเพศชาย ในขณะเดยี วกันฮอรโมนเพศ หญงิ ทผ่ี ลติ จากรังไขและสง ไปตามรา งกาย จะทําใหเกิดการเปลีย่ นแปลงของเยื่อบุมดลูก โดยในชวง สัปดาหแรกของรอบเดือน ผนังมดลูกจะหนามากที่สุด มีหลอดเลือดมาเล้ียงมากมาย เพื่อ เตรียมพรอ มทจ่ี ะรบั การเกาะฝงของไขท่ไี ดรับการผสมจากตวั อสจุ ิ ถาหากไขไ มไ ดร บั การผสม เยื่อบุ

52 มดลกู กจ็ ะคอ ย ๆ หลดุ ออก หลอดเลอื ดบริเวณเยอ่ื บุมดลกู ก็จะลอกหลุดและฉีกขาด ทําใหเลือดไหล ออกทางปากมดลกู ผานชองคลอดออกสภู ายนอก เรียกวา ประจําเดอื น อาการเมือ่ มีประจาํ เดือน กอ นมีประจําเดอื น บางคนอาจมอี าการบางอยาง เกิดขึน้ ได เชน ปวดศรษี ะ ทองอืดเฟอ ปวดเมื่อกลามเนื้อบริเวณหลงั และบน้ั เอว เตา นมตึงและเจ็บ หงดุ หงิดงา ย อารมณไมปกตหิ รือเบอ่ื อาหาร คลน่ื ไสอ าเจียน ขอ ควรปฏิบตั ิขณะมปี ระจําเดอื น คือ ใชผา อนามัยอยางถกู วิธี และลางมือ ใหส ะอาดทุกครง้ั นอกจากนข้ี ณะมปี ระเดอื น บางคนมอี าการบางอยางดงั กลา วขางตน และอาจมกี าร ปวดทอ งนอ ยเพม่ิ ดวย ซง่ึ เปนอาการปกตทิ ่ีจะหายไปเองเมือ่ ประจาํ เดือนหยุด หากมีอาการผิดปกติท่ี รุนแรง เชน ปวดทองมากขณะมีประจําเดือน มีประจําเดือนนานเกิน 7 วัน หรือประจําเดือนมา คลาดเคลือ่ นจากปกติมาก ควรปรกึ ษาแพทยโ ดยเฉพาะสตู ินรีแพทย ผาอนามัยควรเปลี่ยนบอย ๆ อยางนอยวันละ 2-3 คร้ัง และทุกคร้ังหลัง อาบนํ้าหรือหลงั ถา ยอจุ จาระ รักษาความสะอาดของรา งกายและเส้อื ผา ทีส่ วมใส ไมใชเส้ือผา รวมกับ ผูอ ่ืน ออกกําลังกายใหนอ ยลงกวาปกติ พักผอ นใหเ พยี งพอ ทําจติ ใจใหร า เรงิ แจม ใส ถามอี าการปวด ทองนอ ยมากใหนอนควา่ํ แลว ใชห มอนรองใตท อ งนอ ยประมาณ 15-20 นาที ประจาํ เดือนจะออกไดดี และชวยใหท ุเลาปวด อาจไมจาํ เปน ตอ งใชยาแกป วด ควรรบั ประทานยาแกปวดหากมีอาการปวดมาก ถาปวดทองรนุ แรงมากหรอื มเี ลอื ดออกมากผดิ ปกติควรรีบปรกึ ษาแพทย และขณะมีประจาํ เดือนไม ควรอาบน้ําแบบแชในแมน้ําลําคลอง อา งนํ้าในบา นหรือสระวายน้าํ เพราะเชื้อโรคในนํ้าอาจเขา สู โพรงมดลูกได เนือ่ งจากปากมดลกู จะเปดเลก็ นอ ย จงึ ควรอาบน้าํ แบบตกั หรือใชฝ ก บัว 1.2 การเปล่ียนแปลงทางรา งกายของเพศชาย เด็กชายจะเริ่มเขาสูวัยรุนเม่ืออายุประมาณ 13-15 ป ตอมใตสมองจะผลิต ฮอรโมนที่ไปกระตุน ใหรา งกายเจริญเติบโต และกระตุนใหอ ัณฑะผลิตเซลลสบื พันธุและฮอรโ มน เพศชายมีการเปลย่ี นแปลงของรางกายทเ่ี หน็ ไดช ดั โดยเฉพาะความสูงและนํา้ หนกั ตัวท่ีเพิม่ ขนึ้ แขนขา ยาวเกงกา งไหลกวา งออก กระดูกและกลา มเนอ้ื แข็งแรงขน้ึ และมีกําลังมากขึ้น เสียงแตก นมแตกพาน มีหนวดเครามีขนข้นึ ที่หนาแขง รกั แร และบริเวณอวัยวะเพศ บางคนอาจมีสิวขึ้นบริเวณใบหนา หนาอก หรือหลงั อวัยวะเพศโตขน้ึ และแข็งตวั เม่ือมคี วามรสู กึ ทางเพศหรือถูกสมั ผสั และมีการหลั่ง น้าํ อสจุ หิ รอื นํ้ากามออกมาในขณะหลบั (ฝน เปยก) ซงึ่ เปนอาการทบี่ ง บอกวาไดบ รรลวุ ฒุ ภิ าวะทางเพศ แลว และยังหมายถงึ การมคี วามสามารถที่จะทาํ ใหเพศหญงิ เกิดการตัง้ ครรภไดอ ีกดว ย การฝน เปย ก (wet dream) เปนปรากฏการณตามธรรมชาตทิ ่ีเกดิ ในเพศชาย กลา วคือในดานรา งกายลกู อัณฑะจะทําหนา ที่สรางฮอรโ มนเพศชายและตวั อสุจิ โดยจะเก็บสะสมไวท ่ี ถุงเกบ็ น้ําอสุจิ ในดานจติ ใจและอารมณ ฮอรโ มนเพศจะมผี ลทําใหว ัยรนุ เรม่ิ มคี วามรสู ึกทางเพศ และ

53 สนใจเพศตรงขา ม เมือ่ รางกายมกี ารผลิตน้าํ อสุจิเก็บไวม ากขึ้น ประกอบกับจิตใจและอารมณม ีการ เปล่ียนแปลงดังกลา ว จะมผี ลทําใหเกดิ ความตึงเครยี ดของประสาท ในขณะหลับอาจฝน จนิ ตนาการ เกีย่ วกับเรือ่ งเพศหรือเรือ่ งที่หวาดเสยี ว สงผลใหถ งุ เกบ็ นํา้ อสจุ ิรดั ตัวทาํ ใหตวั อสจุ ิและนํ้าหลอเลย้ี งถูก บบี เขาสูทอปสสาวะและขับเคล่ือนออกมาภายนอกโดยอตั โนมตั ิ ซึ่งเรียกอาการทเ่ี กิดขึ้นนี้วา ฝน เปยก ซึ่งนบั วาเปนการผอนคลายความตึงเครยี ดทางจิตใจและอารมณทางเพศตามธรรมชาติ จึงไมถอื วาผิดปกตแิ ตอยางใด 1.3 ตอมไรทอทม่ี ีอทิ ธิพลตอการควบคมุ พฒั นาการทางเพศ ตอมไรทอ ที่มีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพฒั นาการของวัยรุนที่สาํ คญั ไดแก ตอมใตสมองหรือตอมพทิ ูอิทารี (Pituitary gland) ตอมเพศ (Gonads) ตอมไทรอยด (thyroid gland) และตอมหมวกไต (adrenal or suprarenal glands) ซ่ึงตอ มไรท อแตละตอมสงผลตอการเจริญเติบโต และพฒั นาการของวยั รุน 1.4 อารมณทางเพศ (sexuality) หรอื ความตองการทางเพศ (sexusl desire) ในท่ีน้ีจะหมายถึง ความรูส ึกของบุคคลทมี่ ผี ลมาจากส่งิ เราภายในหรือสิ่งเราภายนอก ท่เี ปนปจ จัยทม่ี ากระตนุ ใหเกิดความรสู ึกทางเพศข้ึน โดยมรี ะดบั ความแตกตางมากนอ ยตา งกัน ขึ้นอยู กับความสามารถในการควบคมุ อารมณและพ้นื ฐานทางดานวฒุ ภิ าวะของแตละบคุ คล จากความหมายดังกลา วจะเหน็ ไดวา สงิ่ เรา ภายในและสง่ิ เราภายนอกเปน ปจจยั สาํ คัญ ที่จะสงผลใหอารมณและอารมณทางเพศเกิดขึ้น และเมื่อวิเคราะหในประเด็นที่เก่ียวของกับ ความสําคญั ของอารมณท างเพศกบั วยั รุน แลว สรุปประเด็นทสี่ ําคญั ได ดังนี้ 1) อารมณท างเพศถือวาเปนสัญชาตญาณในการดํารงเผาพันธุของมนุษยท่ี เกดิ ข้ึนตามธรรมชาติ เปนตวั บงชปี้ ระการหนงึ่ ที่แสดงใหเ ห็นถงึ ความสมบูรณของพฒั นาการทางดาน รา งกาย จติ ใจ และอารมณข องวยั รนุ ที่กาวเขาสูชว งของวัยเจรญิ พันธุมากขึน้ 2) ปจจบุ ันส่ือหลายรูปแบบท่ปี รากฏอยใู นสังคมมสี วนชว ยกระตนุ แรงขับทาง เพศ (Sex drive) ของวยั รุนใหเ กดิ อารมณทางเพศไดงายขึน้ การนําเสนอภาพหรือขอความทเ่ี ก่ียวของ กับเร่ืองเพศผานส่ือตาง ๆ เปนปจจยั หนึ่งทย่ี ่ัวยใุ หว ัยรุน เกดิ อารมณท างเพศที่เสย่ี งตอการมเี พศสัมพันธ ไดงายและเร็วข้นึ โดยส่ือตาง ๆ เหลาน้ีอาจอยใู นรูปแบบของหนังสือหรือภาพยนตรบางประเภท รวม ไปถึงขอมูลที่ไดจากการสืบคน ดว ยระบบอนิ เทอรเนต็ ซงึ่ ผลกระทบจากอารมณทางเพศในแงลบจะมี มากยงิ่ ข้นึ หากวัยรนุ ขาดความรูค วามเขาใจในแนวทางการควบคุมอารมณทางเพศอยางถูกตอ ง จนใน ทส่ี ุดอาจนําไปสพู ฤตกิ รรมเส่ียงตอ การมีเพศสมั พันธโ ดยไมต ัง้ ใจ และนํามาสูปญหาตาง ๆ ในสงั คมท่ี เกี่ยวของกบั พฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเ หมาะสมของวัยรุน ได 3) อารมณทางเพศของวัยรุนหากขาดวิธีการควบคุมท่ีถูกตอง จะนําไปสู ปญ หาพฤติกรรมทางเพศท่ไี มเ หมาะสมของวัยรุนมากข้นึ วยั รุน แมจ ะเปน วัยทม่ี ีแรงขับทางเพศสงู กวา

54 ทกุ วยั และพรอมที่จะมีเพศสัมพนั ธหรือมีบุตรไดก็ตาม แตส ังคมและวัฒนธรรมของไทยก็ยังไม ยอมรับท่ีจะใหวัยรุนชาย-หญิง แสดงพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสมดังกลาว โดยเฉพาะการมี เพศสมั พนั ธจนกวาจะไดท ําการสมรสหรือยูใ นชวงวยั ที่เหมาะสมอารมณทางเพศที่เกดิ ขึน้ ในชว งการ เขาสูว ัยรนุ เปน พัฒนาการอยา งหนึ่งทีแ่ สดงใหเห็นถงึ ความพรอ มของรางกายทจี่ ะสืบทอดและดาํ รงไว ซึ่งเผาพันธุ โดยมสี ิ่งเราสําคญั ใน 2 ลักษณะ ประกอบดวย ลกั ษณะของปจ จัยท่ีเปนส่ิงเราภายใน (intrinsic stimulus) และลักษณะของปจ จัยท่ีเปน สง่ิ เรา ภายนอก (extrinsic stimulus) 1) ลักษณะของปจ จยั ทีเ่ ปน สิง่ เรา ภายใน ปจจัยท่ีเปนสิ่งเราภายใน ในที่นี้หมายถึง สิ่งเราซ่ึงเปนผลที่เกิดจาก กระบวนการเปลยี่ นแปลงตาง ๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนในรางกาย โดยไดรับอทิ ธิพลมาจากการทาํ งานของระบบ ตอมไรทอ ซ่ึงผลิตฮอรโมน ออกมาเพื่อกระตุนใหรางกายมีการพัฒนาอยางเปนระบบตอเนื่อง ฮอรโมนเพศเปนปจ จยั ภายในท่ีสาํ คัญท่ีเปนสิ่งเราใหวัยรุนมีพัฒนาการของอารมณทางเพศเกิดขึ้น และนาํ ไปสูการเกิดความตองการทางเพศตามชวงวยั ในเพศชายฮอรโ มนที่เปน ปจ จัยสําคัญในเร่อื ง ดงั กลาว คือ ฮอรโมนเทสโทสเตอโรน สว นในเพศหญิง คือ ฮอรโมนเอสตราดิโอล และ ฮอรโมน ฟอลลคิ วิ ลาร 2) ลกั ษณะของปจ จัยทเ่ี ปน ส่งิ เราภายนอก ปจ จัยทเี่ ปนส่ิงเราภายนอก ในท่ีน้ีหมายถึง สภาพแวดลอมภายนอกตาง ๆ ท่ี สามารถกระตนุ หรอื ย่วั ยใุ หผ ทู ่ีรับรู หรอื ไดร ับการถายทอดเกิดความรูสกึ ทเี่ กดิ เปนอารมณท างเพศข้ึน ประกอบดว ย ส่ือรูปแบบตา ง ๆ ท่ีกระตุนหรือย่ัวยใุ หวัยรนุ เกิดอารมณทางเพศ ปจ จุบันมีสื่อ หลากหลายรปู แบบโดยเฉพาะ ส่ือทางเพศ ไดน ําเสนอภาพและ/หรือขอความทเี่ กยี่ วกับเพศ ซ่งึ มักจะ นําไปสูการกระตุนหรือย่ัวยุใหผูรับสื่อโดยเฉพาะในวัยรุน ความหลากหลายของส่ือในลักษณะ ดังกลา วทาํ ใหม ีผเู ปรยี บเปรยสื่อตา ง ๆ เหลา นี้เปน สนิ คา เพศพาณิชย ซึ่งนบั วนั จะมีการผลติ และนาํ มา เผยแพรใ หเ หน็ เพ่มิ มากขน้ึ สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมท่ีเปลี่ยนไป ปจ จุบันเปนท่ียอมรบั กนั อยาง หน่ึงวา สภาพทางสังคมและวฒั นธรรมไทยไดเปลี่ยนไปจากเดิม นับต้ังแตที่มีการรับวัฒนธรรม ตะวันตกเขาสูสังคมไทย กอใหเ กิดการเปล่ยี นแปลงขนึ้ หลายลักษณะ โดยเฉพาะในประเทศไทยเกิด ความเปล่ยี นแปลงท่เี กีย่ วของกบั เรอ่ื ง การคบเพื่อนตา งเพศของวัยรุนไทย พบวามีอสิ ระเพ่ิมมากขนึ้ นอกจากนีป้ จจุบันสภาพของครอบครวั ไทยมีการเปลย่ี นแปลงไป ผูปกครองมีเวลาใกลช ดิ กับบุตร หลานนอยลง ซ่ึงเปน ผลมาจากสภาพของภาวะเศรษฐกิจ นอกจากน้ียงั พบวา ความมีอิสระของส่ือตอ การนาํ เสนอเร่ืองราวที่เกี่ยวของกับเพศ จัดไดวาเปนสิง่ เราภายนอกท่ีสําคัญ ทส่ี ามารถท่ีจะเราและ กระตุนใหว ยั รนุ เกิดความตอ งการทางเพศข้ึนได โดยเฉพาะหากขาดการดแู ลและการควบคมุ ทีถ่ ูกตอง เหมาะสม

55 คา นยิ มและพฤติกรรมท่ีไมเ หมาะสมในบางลักษณะของวยั รนุ ผลจากสภาพ ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกี่ยวของกับเรื่องเพศที่เปลยี่ นไป สงผลใหวัยรุนไทยเกิดคานิยม และมี พฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในหลายลักษณะ เปนตน วา คานิยมในเรื่องการแตงกายตามสมัยนิยม (Fashion) ที่มากเกินควรของวยั รุน โดยไมค าํ นึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดข้ึน เชน ลักษณะการสวม เส้ือผา ทรี่ ัดรูป หรือเปดเผยสัดสวนรา งกายของวยั รุนเพศหญิง ซ่งึ การแสดงออกดังกลา วจะกระตนุ และย่ัวยใุ หวยั รนุ ชายเกิดอารมณท างเพศได นอกจากนี้ยังพบวาวัยรุนมักจะมีคานิยมท่ีเกยี่ วกับความ ตองการในการแสดงออกโดยอิสระ เปนตนวา การเท่ียวเตรในเวลากลางคืน การสัมผัสรางกายของ เพศตรงขา ม หรอื การจบั มือถือแขนอยา งเปด เผยในทีส่ าธารณะ การอยตู ามลําพังสองตอสอง หรือการ ไมใ หความสาํ คญั ในเร่อื งการรักษาพรหมจารี ฯลฯ ซงึ่ ส่งิ ตาง ๆ เหลานี้ถอื วา เปน ปจจยั ภายนอกที่สามารถ จะกระตุนหรอื ย่วั ยใุ หวัยรุนเกดิ อารมณท างเพศข้นึ ได ความเปล่ยี นแปลงทเ่ี กิดข้ึนในขณะทว่ี ยั รุนเกดิ การ เปลยี่ นแปลงทางเพศ อารมณเ พศหรือความตอ งการทางเพศท่ีเกิดข้ึนกบั วยั รุน ไมวา จะเกิดจากสิ่งเรา ภายในหรือภายนอกก็ตาม มักจะทําใหเกิดการเปล่ียนแปลงใน 2 ลักษณะสําคัญ ประกอบดวย ลักษณะการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนกับสภาพจิตใจ และลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนกับสภาพ รา งกาย 1) ลักษณะการเปลย่ี นแปลงที่เกิดข้นึ กบั สภาพจิตใจ โดยปกติขณะทีค่ นเราเกดิ อารมณท างเพศจะพบวา มีจิตนาการท่ีเกีย่ วของกบั เรื่องเพศอยูในระดับหน่ึง ซึ่งจะมากหรือนอยหรือมีความแตกตางกัน ยอมขึ้นอยูกับพ้ืนฐาน ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละความรูส กึ ของแตล ะคน และโดยท่ัวไปพบวา ความต่ืนเตน ทางเพศทเ่ี ปนพน้ื ฐานของการเกดิ อารมณทางเพศในเพศหญิงจะเกิดไดชากวา เพศชาย อยางไรก็ตาม ท้งั เพศชายและเพศหญิงเม่ือเกดิ อารมณทางเพศข้นึ หากความสามารถในการควบคุมอารมณแ ละการ จดั การในเรื่องดงั กลาวไมดพี อ ก็มักจะสง ผลใหเ กิดปญหาทางดานสขุ ภาพจติ ข้นึ ได โดยเรมิ่ จากภาวะ ทางดา นจติ ใจทเี่ กดิ ความเครียดข้นึ แลวนํามาสูภ าวะของความวติ กกังวลท่ีเกี่ยวของกับเรื่องเพศ จน อาจนําไปสูการขาดความเชอื่ มนั่ ในตนเองได 2) ลักษณะการเปลยี่ นแปลงทเ่ี กิดขน้ึ กบั สภาพรา งกาย ขณะที่สภาพจิตใตมีการเปลี่ยนแปลงและแสดงออกถงึ ความตองการทางเพศ ปฏิกริ ยิ าของรางกายท่ีแสดงใหเหน็ ถึงภาวะความเปล่ยี นแปลงดงั กลา วของรางกายจะเหน็ ไดช ัดเจน มากขน้ึ โดยเฉพาะรางกายที่แสดงใหเห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลา วของรา งกาย จะเห็นได ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอวยั วะเพศท่ีมกี ารไหลเวียนของเลือดท่ีสงมามากขึ้น สงผลให อวัยวะเพศเกดิ การขยายตัว เพศชาย พบวาบริเวณองคชาตหรอื ลงึ ค (penis) จะมขี นาดเพม่ิ ขน้ึ และแข็งตวั ขึน้ ผนงั ท่ีหุมอณั ฑะ (Scrotum) จะหนาข้นึ ลกู อัณฑะจะเคลื่อนตวั สงู ข้นึ

56 เพศหญิง พบวา บรเิ วณอวยั วะเพศนอกจากจะขยายตัวแลว บริเวณชองคลอด อาจมกี ารขับนา้ํ หลอลน่ื ออกมา รวมทั้งกลา มเนื้อบรเิ วณดงั กลา วยงั อาจเกิดการหดรดั ตวั ขน้ึ เปนระยะ นอกจากการเปลี่ยนแปลงบริเวณอวัยวะเพศแลว ผลจากการเกิดอารมณท าง เพศยังสงผลใหการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพ่ิมขึน้ ทาํ ใหเ ลือดไหลเวยี นเพิ่มข้ึน เปนผลใหผิวหนัง บริเวณทีส่ ังเกตได มีการเปลี่ยนแปลงเปน สีแดงเพิม่ ขนึ้ เชน บรเิ วณใบหนา ลําคอ อก และหนาทอง นอกจากนี้ ในเพศหญงิ หัวนมและเตานมอาจมกี ารขยายตวั ข้ึน ผลกระทบดานลบท่ีเกิดขึ้นจากการเกิดอารมณท างเพศของวัยรุน จนนํามาสู ปญ หาทางสังคมทเ่ี หน็ ไดชดั อกี ประการหน่ึงในปจ จบุ ัน คือ การมีพฤตกิ รรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสม ของวยั รนุ ซ่งึ นํามาสูปญ หาตา ง ๆ ตามมา เปน ตน วา การเกิดปญหาการต้งั ครรภท ี่ไมพึงประสงคใน วัยรุน การเกดิ ปญหาการตดิ โรคทางเพศสัมพันธและโรคเอดสในวยั รุน โดยปญ หาเหลาน้ีถือวาเปน ผลกระทบท่ีสืบเนื่องมาจากการเกดิ อารมณทางเพศของวยั รุนท่ีไมไดรับการควบคุมและจัดการท่ี ถกู ตองเหมาะสม ซง่ึ ผลกระทบดังกลาวถือไดวาเปนปญหาทางสังคมที่สําคัญอีกประการหน่ึงใน ปจ จบุ นั แนวทางในการจัดการกับอารมณทางเพศของวยั รุน การจดั การกับอารมณทาง เพศของวยั รุนมแี นวทางการปฏิบัตทิ ่ีสาํ คญั อยู 2 ลกั ษณะ ประกอบดว ย แนวทางการปฏิบตั เิ พ่ือระงับ อารมณทางเพศ และแนวทางการปฏบิ ัตเิ พอ่ื ผอ นคลายความตอ งการทางเพศ 1) แนวทางการปฏิบตั เิ พอ่ื ระงับอารมณท างเพศ แนวทางการปฏบิ ตั ิเพอ่ื ระงับอารมณท างเพศ หมายถงึ ความพยายามในการที่ จะหลีกเลย่ี งตอ สิ่งเรา ภายนอกท่มี ากระตุนใหอารมณทางเพศมีเพิ่มมากข้ึน แนวทางในการปฏบิ ัติ มี ดังนี้ หลกี เลี่ยงการดหู รอื อานขอความจากสอ่ื ตา ง ๆ ทมี่ ภี าพหรือขอความที่สามารถ ยัว่ ยุใหเกิดอารมณทางเพศ เชน การดูหนงั สือ หรือภาพยนตร หรือสอ่ื อินเทอรเน็ตท่ีมีภาพหรือ ขอความทแ่ี สดงออกทางเพศ ซ่งึ เปนการยว่ั ยุใหเ กดิ อารมณท างเพศ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรอื การทําตัวใหว างหรือปลอ ยตัวใหมคี วามสบายเกนิ ไป เชน การนอนเลน ๆ โดยไมหลับ การนั่งฝน กลางวนั หรือนัง่ จติ นาการที่เกี่ยวขอ งกับเรอ่ื งเพศ การอยู ในสภาพของบรรยากาศทีม่ แี สงสเี สียงทก่ี อหรอื ปลุกเราใหเ กดิ อารมณท างเพศ อยางไรก็ตาม แมในทางจิตวิทยาและในทางการแพทยจะมีความเห็นที่ สอดคลองกนั วา การบําบัดความใครดว ยตนเองโดยทว่ั ไปจะไมก อ ใหเ กดิ ความผดิ ปกติทงั้ ทางรา งกาย และจติ ใจ แตก ไ็ มค วรปฏบิ ตั ิบอยจนเกิดความหมกมุนตอเรื่องดังกลา ว ซึ่งจะกอ ใหเกิดเปนลักษณะ นสิ ยั ซ่งึ อาจสง ผลลบตอ บุคลกิ ภาพและความเขมแข็งทางดานการควบคุมอารมณท่ีดีได ดังน้ัน หากมี ความจําเปนและไมสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปฏบิ ัติในเรื่องดังกลาวได ควรระลึกและคํานึงถึง หลกั การปฏบิ ัติที่เกี่ยวขอ งใน 3 ลักษณะที่สาํ คญั คือ ตองคํานึงในหลักของความสะอาดเปน พ้ืนฐาน

57 ตองคํานงึ ถึงสถานทใี่ นการปฏิบัติ คือ ตองมคี วามเปน สวนตวั ไมประเจดิ ประเจอ และตองไมปฏบิ ตั ิ ดว ยวิธีการทีร่ นุ แรง ซ่งึ อาจกอใหเ กดิ บาดแผล หรือมีการอักเสบ หรอื ตดิ เชือ้ ได 1.5 การปรับตวั ทางเพศเมอื่ เขาสูว ยั รุน เม่ือเขา สวู ัยรุน เพอ่ื ชวยใหสามารถปรับตวั ไดอยางถูกตองและเหมาะสมกบั เพศของตนดียงิ่ ข้นึ วยั รนุ ควรมแี นวทางในการปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1) ศกึ ษาใหเขาใจถงึ การเปลีย่ นแปลงทางเพศของรางกายและจิตใจ เม่อื ยาง เขาสูวัยรนุ เราจะสังเกตเหน็ วา มกี ารเปลีย่ นแปลงเกิดขนึ้ ในตวั เราหลายอยาง บางอยางก็อาจทําใหเ รา ไมสบายใจ เชน วัยรนุ ชายบางคนไมอ ยากพดู คุยกับเพ่ือนเพราะอายที่เสยี งแตกพรา สําหรับวัยรนุ หญิงท่มี ปี ระจาํ เดอื นเปนครงั้ แรกอาจมีความรูสกึ กงั วลและมอี าการตาง ๆ เกดิ ขน้ึ แตถาหากไดศ ึกษา และทําความเขาใจเก่ียวกับสภาพการเปลย่ี นแปลงดงั กลาว จะทาํ ใหเขา ใจและสามารถปฏิบัติตนได อยางถูกตอง 2) ปรับตัวเขา กบั เพ่อื นตา งเพศใหเหมาะสม วัยรุน เปนวัยท่ีมีการเปล่ียนแปลง ทางเพศหลายอยา งทง้ั ชายและหญิงเริ่มมคี วามสมั พันธก นั ทางสังคมมากขึ้น ทําใหช ายและหญิงตา งมี ความสนใจในเพอ่ื นตางเพศมากขึ้น การคบเพ่ือนตางเพศไมใชส่ิงเสียหาย แตต องปฏิบัติตนอยูใน ขอบเขตทีเ่ หมาะสมและรจู ักมารยาทท่คี วรปฏบิ ตั ติ อ กนั ดังน้ี ฝายชาย ควรใหเกียรติฝายหญิง ไมเก้ียวพาราสีหรือฉวยโอกาส มีความ บรสิ ุทธิใ์ จ และควรใหค วามชวยเหลือฝา ยหญิง เชน ชวยถือของ สละทนี่ ั่งให ไมแสดงกิริยาวาจาท่ี ไมเหมาะสม เชน พดู จาหยาบโลน หรือใชกาํ ลงั รนุ แรง เปน ตน ฝายหญงิ ควรวางตวั ใหเหมาะสม สงวนตัว ไมอยูในท่ีรโหฐานกับเพศตรง ขามตามลําพัง ไมไปในท่เี ปลี่ยว แตง ตัวสุภาพ ไมแสดงกิริยาวาจาท่ีไมเหมาะสม เชน สงเสยี งดัง หรือ กลา วคาํ ผรุสวาท เปนตน แสดงความมีนาํ้ ใจและใหเกยี รติฝา ยชาย 3) ควรรีบปรกึ ษาผูใ หญเ มอื่ มีปญหาหรือมีอุปสรรคใด ๆ เก่ียวกับเรื่องเพศ วัยรุน สว นมากมักจะมคี วามวิตกกังวลในเร่อื งตา ง ๆ เกย่ี วกับการเปลยี่ นแปลงทางดานรางกายและจติ ใจ เม่ือ มีปญหาเกิดขน้ึ ควรจะปรึกษาพอ แม ครู ญาตพิ นี่ อ ง และผูใ หญทีไ่ วว างใจ เพราะทานมปี ระสบการณ มากกวาเรา ยอมจะชว ยแนะแนวทางปฏบิ ตั ทิ ถี่ กู ตองใหแ กเ ราได 4) ปฏบิ ัตติ ามขนมธรรมเนียมประเพณอี นั ดงี าม โดยการเคารพเช่ือฟงผูใหญ หม่ันศึกษาเลาเรียน ไมประพฤติไปในทางชูสาวกอนเวลาอันเหมาะสม การยึดม่ันใน ขนบธรรมเนยี มประเพณอี ันดงี ามจะชว ยเตอื นใจใหเ ราปฏิบตั ใิ นทางท่ถี กู 2. วัยรุนกับการคบเพอื่ น วัยรุนเปนวยั ที่ใหความสําคญั กับเพอื่ นและตองการใหตนเองเปนทีน่ ิยมชมชอบใน กลมุ เพอื่ น การมเี พ่อื นท่ีดีจะทําใหว ัยรนุ มผี ูท่คี อยรวมทุกขรว มสุข ปรับทุกข ชี้แนะแนวทางในการ

58 แกไ ขปญ หาอยา งถกู ตอง แตถ า วยั รนุ คบเพ่อื นทไ่ี มด กี ็จะชักนําไปสทู างท่ไี มด ี วัยรนุ จึงควรรูจักเลอื ก คบเพ่อื นทีด่ แี ละสรางความสัมพันธท ีด่ กี บั เพ่อื น ซึ่งจะชวยใหส ามารถปรบั ตัวใหเขากับสงั คมไดต อไป 2.1 หลักการคบเพอ่ื น ควรมีหลกั ปฏิบัติในการคบเพื่อน คอื วยั รุนควรพิจารณากลุมเพ่ือนทีค่ บวามี ความประพฤติเปนอยางไร ถาเพ่ือนคนใดประพฤติตนในทางไมด ี ก็ควรแนะนําและชักจูงใหเขา ประพฤติในทางทด่ี ี รจู กั ปฏเิ สธและไมห ลงเชอื่ คาํ ชกั ชวนหรอื ปฏิบัติตามเพ่ือนท่ีมีความประพฤติไมดี เชน ชวนใหห นีเรียนเทยี่ วกลางคนื เลน การพนัน เสพสารเสพติด เปนตน โดยในการพูดปฏิเสธนั้น ใหปฏิบัติดงั น้ี พูดดว ยน้ําเสยี งหนกั แนน มัน่ คง ควรบอกความรูสกึ ดกี วา บอกเหตผุ ลหรือขออา ง เพราะความรูส กึ เปน เรอ่ื งสวนตัวของแต ละบุคคล ถาบอกเหตุผลหรือขออาง เพอ่ื นอาจจะนาํ เหตุผลอ่ืนมาลบลางใหปฏิเสธไมได และรจู ัก แนะนําและชักชวนเพ่ือนปฏิบัติกิจกรรมท่ีดีและมีประโยชน เชน เลนกีฬา เลนดนตรี เรียน ภาษาตา งประเทศ เรียนคอมพวิ เตอร เขารวมในกิจกรรมพัฒนาตาง ๆ ในชุมชน เปนตน โดยเลือก ตามความสนใจและความเหมาะสมของตนเอง จะไดเ ปน การใชเ วลาวา งใหเกิดประโยชน 2.2 หลกั ทั่วไปในการผูกมิตร หลักท่ัวไปในการผูกมติ ร มีแนวทางในการปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1) รจู ักยอมรับคําตชิ ม เชน รบั ฟงความคิดเหน็ หรือคาํ วิพากษวิจารณข องผูอื่น เกีย่ วกบั ตัวเราเองดวยความเต็มใจ เปน ธรรม ไมล าํ เอียงเขา ขา งตนเอง และสามารถควบคุมอารมณไ ด 2) รูจักอารมณขัน มองโลกในแงดี และควรเปนคนย้ิมงาย เปน บุคลกิ ลกั ษณะทดี่ ีและเปนเสนหท ที่ ําใหผูพบเหน็ หรอื คบคาสมาคมดว ยรสู กึ ชมชอบ เกดิ ความสุขและ ความสบายใจ นับวา เปนสง่ิ สําคญั ยง่ิ อยางหนง่ึ ท่จี ะนําไปสกู ารตอนรับและความรวมมอื ที่ดี 3) รจู ักออ นนอมถอมตน ไมคยุ โออวดความสามารถของตน ไมพูดจาดูถูก หรือยกตนขม ผอู ่นื และรจู กั ยอมรับขอ บกพรอ งหรือความดอยของตนในดา นตาง ๆ 4) รูจกั รับผิดชอบตอหนาท่ี เชน หนาท่ีสําคัญของนักเรียนคือเรียน ครูมี หนา ที่ใหก ารศกึ ษาอมรมแกน ักเรียน นักศกึ ษา 5) รูจักประนีประนอม เมื่อเกิดปญหาหรืออุปสรรคขึ้น ควรจะมีการ ประนีประนอมหรือรอมชอมกัน ซ่ึงเปนวิธีการหน่ึงทคี่ นเราอาจตกลงกันไดอยางยุติธรรมและมี เหตุผล 6) รูจกั เอาใจเขามาใสใจเรา ใหคดิ เสมอวาอะไรก็ตามท่เี ราเองไมชอบ ไม ตองการใหผ อู ่ืนกระทาํ ตอ เรา กจ็ งอยากระทาํ ส่งิ น้ันตอบุคคลอื่น และถาตองการใหบุคคลอื่นกระทํา ส่ิงใดตอเราก็จงกระทาํ สิง่ นั้นตอเขา 7) รูจักใหกําลังใจคนอื่น เชน ยกยองใหเกียรติ ใหกําลังใจผูอ่ืนดวยการ ชมเชย รจู ักแสดงความช่นื ชมยนิ ดตี อ ความสําเร็จของเพือ่ นรวมหอ ง เพ่อื นรว มงาน เปนตน

59 8) รูจกั ไวว างใจคนอื่น คือ รจู กั ไวเนอื้ เช่ือใจคนอน่ื บา งตามสมควร เพราะคน อ่ืนอาจมีความดอยเกินไปในดานตาง ๆ ไดเชนเดียวกับเรา นอกจากนี้บางครั้งการประเมินคา ความสามารถของผอู ่ืนดอ ยเกนิ ไป อาจนาํ มาซึ่งความผิดหวงั ไดดวย 9) รูจักรวมมือกับคนอ่ืน เชน การใหความรวมมือกับหมูคณะในการ ประกอบกิจกรรมตา ง ๆ ของสวนรวมดวยความเต็มใจ เพราะผูท่ีเหน็ แกตวั หรือเอาแตไดยอมเปนที่ รงั เกียจของสังคม 10) รูจักเคารพสิทธิของผูอื่น เชน ไมควรใชทรัพยส่ิงของของผูอื่นโดย พลการ ไมก า วกา ย หรอื ละเมดิ สทิ ธซิ ง่ึ เปนผลประโยชนอ นั ชอบธรรมของผูอ่นื 2.3 หลักในการสรา งเสริมความสมั พันธอันดีกบั กลุม เพือ่ น หลกั ในการสรางเสรมิ ความสัมพันธอ ันดีกับกลมุ เพอื่ น มีแนวทางปฏิบตั ิ ดงั นี้ 1) รจู ักตนเองและรูจกั คนอน่ื วยั รุนตองมีความเขาใจในความตอ งการของตน และของเพ่ือนยอมรับสภาพความเปนจริงของตน และยอมรบั ความแตกตา งในตัวเพื่อนกับตัวเอง ไม อิจฉาริษยาเพือ่ นทีม่ ฐี านะดีกวา หรือมีความสามารถมากกวา และไมยกตนขมทานหรือดูถูกเหยียด หยามเพอื่ นท่ีดอยกวาตน แตใหยินดีกับความสาํ เรจ็ ของเพือ่ น และคอยชว ยเหลือสนับสนุนเพื่อนหาก มีโอกาส 2) มีมนุษยสมั พนั ธทดี่ ี รูจ กั พดู รูจักฟง เรยี นรูที่จะพดู เรื่องตาง ๆ ในจงั หวัด ที่เหมาะสม เปดโอกาสใหเพื่อนไดแ สดงความคดิ เห็น และรบั ฟง ความคิดเห็นของเพ่ือน เอาใจใสใน ตัวเพอ่ื น และใหความสาํ คัญกับเพอ่ื นดวยความบริสุทธใ์ิ จ ตลอดจนมีความซ่ือสัตยแ ละจริงใจตอ เพือ่ น 3) การมองโลก ใหม องในแงท่เี ปนจรงิ ไมมองในแงดีจนเกินไป อันอาจถูก หลอกลวงและคดโกงได แตไมม องคนในแงรา ยจนเกนิ ไป อันจะทําใหเปน คนใจแคบ ไมรจู กั การให อภัย 4) มีน้ําใจเปนนักกฬี า ยอมรับผิดเมือ่ รูวา ตนผดิ ปฏิเสธในสง่ิ ท่ีตนไมสามารถ ทาํ ได เมือ่ ใหส ัญญาอยา งไรไวกบั ใครก็ตอ งพยายามทําตามสัญญานั้นใหด ีทส่ี ุด นอกจากน้ยี งั ตองรจู ัก เสียสละและใหอภัยแกเพ่อื นเม่ือเกิดขอผิดพลาด โดยทาํ ความเขาใจถึงสาเหตทุ ที่ ําใหเ กิดขอผิดพลาด น้ัน และรว มมอื กันปรับปรุงแกไ ขตามสาเหตทุ ี่เกดิ ขึน้ ตอ ไป หรือสงผลมากระทบ และเม่ือเกิดอารมณข้ึนก็มักจะพบวาพฤติกรรมการ แสดงออกดงั กลา ว มักมีการเปลีย่ นแปลงหรือแตกตา งไปจากสภาพเดิม ซึ่งสังเกตเหน็ ไดชัดเจนหรือ อาจไมช ัดเจน ทงั้ นีข้ นึ้ อยกู บั ความสามารถในการปรับสภาพอารมณของแตล ะบุคคล

60 เร่ืองท่ี 3 พฤตกิ รรมทีน่ าํ ไปสกู ารมีเพศสมั พนั ธ ปจจุบนั ปญ หาจากพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนมีหลายลักษณะ เชน การมีเพศสัมพันธก อนวัยอนั ควร การติดเชื้อเอดสแ ละโรคตดิ ตอทางเพศสมั พนั ธ รวมทัง้ การตัง้ ครรภ ท่ีไมพ ึงประสงคในวยั รุนทั้งทม่ี าจากพฤตกิ รรมทางเพศท่ไี มเหมาะสมโดยตรง และมาจากอุบัติภัยทาง เพศนับเปน ปญ หาทางเพศของวัยรนุ ท่อี ยูในอันดับตน ๆ อยา งไรกต็ าม มวี ยั รุนทจี่ บั คูกนั บางคูไมม เี พศสัมพนั ธกัน ซ่ึงมีสาเหตุหลายประการ เชน พอแมดแู ลเอาใจใสอ บรมสง่ั สอนดี พอ แมต ิดตามดแู ลอยา งใกลช ิด ไมเปดโอกาสใหท้งั คไู ดอยู ในสถานการณท เ่ี ส่ียงตอ การมเี พศสมั พันธ วยั รุนคิดไปขางหนา เกดิ ความเกรงกลวั วา จะมีปญหาตาง ๆ ตามมามากมาย มีความละอายใจและรสู ึกวาผดิ กลัวเสยี ชื่อเสยี ง และกลัวคนอื่นจะรู ไมมโี อกาสท่ี จะไดกระทาํ มีความยบั ยัง้ ชั่งใจ เปน ตน การจบั คูกันนนั้ สว นใหญจะทาํ ใหก ารเรยี นแยลง การมีครู ักไมใชสัญลักษณของการ ประสบความสาํ เรจ็ ในชวี ติ ไมใชแฟชัน่ หากวัยรนุ คนใดยังไมมคี ูรกั กไ็ มควรรูสึกวา ตัวเองดอยกวา เพ่อื นท่มี ีคนรัก ไมจําเปนที่จะตองคบกับใครสกั คนเปนครู ัก เพียงเพราะตองการใหต นเองเหมอื น เพอื่ นคนอนื่ ๆ เทา น้ัน ความคาดหวงั ในเรือ่ งความรกั ของผูห ญงิ และผูชายทแ่ี ตกตา งกนั น้ัน เปน สิง่ ทว่ี ัยรนุ ที่ จับคกู นั ไมควรมองขา ม เพราะจะทาํ ใหร ูว า หญงิ และชายจะปฏบิ ัติตอ คนรักตา งกนั ผูชายจะคดิ ถงึ เรื่อง การไดสัมผัส ลวงเกินจนถึงขั้นมีเพศสัมพันธ จึงเปนสาเหตุหนึ่งที่จะทาํ ใหผูหญิงตองเสียความ บริสทุ ธิก์ อนวัยอนั ควร และมักไมคอ ยเตม็ ใจ ซ่งึ วัยรนุ หญงิ จะตองระวงั ใหด ใี นเรือ่ งนี้ 1. พฤติกรรมท่เี ส่ยี งตอ การมีเพศสัมพันธ วัยรนุ เปน วัยท่เี กดิ ความเปลยี่ นแปลงและพฒั นาการอยางรวดเร็วในเรื่องเพศ บางคน จึงเกดิ ความสนใจในเพศตรงขาม สนใจในเรอ่ื งเพศ การจับคูเ ปน คูร ักกนั การเกดิ อารมณท างเพศ การ ดสู ื่อลามก การมีเพศสมั พันธก บั ครู กั การมสี มั พันธกับหญงิ ขายบรกิ ารทางเพศ หรือการขายบรกิ ารทาง เพศ เม่ือเปนเชน น้ีผลเสียท่ตี ามมา ไดแ ก การมีเพศสมั พนั ธก อนวยั อนั ควร ทาํ ใหเกิดความ วติ กกงั วล เสียการเรียนเพราะจะสนใจการเรยี นนอ ยลง เกิดการตัง้ ครรภท ่ีไมพึงประสงค การทําแทง ปญหาลูกไมมีพอ ทารกถูกทอดทิ้ง โรคติดตอทางเพศสัมพนั ธ โรคเอดส เปน ตน เหตุและผลดังกลา วขางตนนี้ มกั จะเร่ิมจากตวั ของวัยรนุ เองที่มีพฤติกรรมเสี่ยงตอการ มเี พศสมั พันธ ซึง่ มดี งั นี้ 1. สนใจเรื่องเพศมาก ปกตวิ ยั รุนก็จะสนใจเร่ืองเพศอยแู ลว เพราะเปนธรรมชาติของ วยั แตถ าหมกมนุ กบั เรอื่ งน้ีมากเกินไป และโอกาสหรือสถานการณเ อื้ออาํ นวยวัยรุนอาจมเี พศสมั พนั ธ

61 โดยไมค ิดไมไ ดต ัดสนิ ใจหรอื ไมไ ดว างแผนลวงหนา คือปลอยใหเปนไปตามความตอ งการและอาจไม คิดถงึ ผลกระทบทจี่ ะเกิดขน้ึ ภายหลัง 2. มีความหมกมุนในเรอ่ื งเพศ มวี ยั รนุ จํานวนหนง่ึ โดยเฉพาะวยั รุนชายที่หมกมนุ ใน เร่ืองเพศมากเกินไปอาจมีการสําเรจ็ ความใครดวยตนเองบอยครั้ง โดยไมพยายามหลกี เลี่ยง หรือ พยายามจัดการกบั อารมณทางเพศ ในผหู ญิงก็อาจมีบางแตไ มมากเทาผชู าย บคุ คลประเภทนี้มีความ เส่ียงตออาการมีเพศสมั พนั ธ 3. ชอบถูกเน้ือตองตัวเพศตรงขา ม ผูชายมกั จะยินดที ีไ่ ดถกู เนอื้ ตอ งตวั ผูห ญงิ หรอื ให ผูหญิงมาถูกเนอ้ื ตอ งตวั ตนเอง สวนผูหญิงทค่ี ิดเชน เดยี วกับผชู ายน้ีกม็ ีบาง การถูกเน้ือตอ งตัวกันทําให เกดิ อารมณท างเพศได ถามีโอกาสหรือสถานการณทเ่ี อ้ืออํานวยกอ็ าจถงึ ข้นั การมเี พศสมั พันธก นั ได เร่ืองน้มี กั จะพบเหน็ อยูบ อ ยคร้งั ในหมูวัยรุนท่ีมักถือโอกาสถูกเน้ือตองตัวกัน ถาถูก ผูใหญด หุ รือเตือนกจ็ ะบอกวาเปน เพอ่ื นกัน ไมคดิ อะไร ถงึ แมวาจะมีบางคนทีไ่ มไ ดค ดิ อะไรจริง ๆ แต กไ็ มเหมาะสม เพราะจะถูกมองวา เปนหญิงสาวที่ไมรักนวลสงวนตัว ใหผ ูชายถกู เน้ือตองตัวงาย ๆ ผชู ายก็ไมเปนสุภาพบุรุษเพราะชอบหาเศษหาเลยดว ยการถูกเนือ้ ตองตัวผูหญิง ดังนั้นนักเรยี นควร ปองกันและหลกี เลีย่ งไมใ หเ กดิ พฤติกรรมนี้ 4. คิดวาการมเี พศสมั พันธไ มใชเ รอื่ งเสียหาย ไมวา ชายหรอื หญงิ ท่ีคดิ เชนนี้จะเปนผู ที่เสีย่ งตอ การมีเพศสัมพันธมาก ผูชายมักจะคดิ เชนน้ี ซึ่งเปนนสิ ยั ท่ีติดตัวของผูชายมาอยูแลว แตถา ผหู ญิงคดิ เชนนด้ี ว ยกน็ บั วา เปน การสนบั สนุนใหผ ชู ายสมหวงั ขนึ้ จนเปน เปน ปญ หาสําคญั ปญหาหนึ่ง ในครอบครัวและสงั คมไทย เพราะเปนความคิดที่นําไปสูการมีเพศสัมพันธกอ นวัยอันควร ซ่ึงจะ กอ ใหเ กิดปญหาตามมามากมาย 5. ดสู อ่ื ลามก ปจจบุ นั นี้มีสือ่ ลามกขายกนั มากมายตามทอ งตลาด วยั รุน หลายคนรวู า แหลงซอ้ื ขายอยทู ่ใี ด การดูสือ่ ลามกประเภทนที้ ําใหผ ูด เู กดิ อารมณทางเพศ วยั รนุ เปนวัยที่อยากรูอ ยาก ลอง เมื่อดูแลวบางครั้งอาจอยากทดลองทําตามคูพระนางในสื่อลามกนั้น ดงั วัยรุนทีม่ ีขาวลงหนา หนงั สอื พิมพว าไปขม ขืนหรือไปมว่ั สมุ มเี พศสมั พนั ธกันแลว รับสารภาพวาทําตามอยางในสือ่ ลามกที่ เคยดู 6. เปนคนเจาชู คนเจา ชูคนทช่ี อบมีคูรักหรือสามีภรรยามากกวา 1 คน หรือมีไป เร่อื ย ๆ ตามความพอใจ วยั รนุ ท่ีเปนคนเจาชูจะมใี จกลา ในเรอ่ื งนี้ และขาดความรับผิดชอบในสิ่งที่ ตนเองกระทาํ ไมรักใครจริง ถา เบอื่ ก็พรอ มท่จี ะทอดทง้ิ บุคคลประเภทนี้จะมเี พศสัมพนั ธงา ย ๆ ไมคิด อะไรมาก ผหู ญิงเปน ฝา ยท่ตี องรับภาระในสิ่งทที่ ้ังคูไดกระทาํ ลงไป เชน เปนฝา ยตัง้ ครรภอาจตองไป ทําแทง หรอื ตอ งคลอดลกู แลวเลยี้ งลกู ตามลาํ พัง เปน ตน จงึ ตองระวงั คนเจา ชแู ละตอ งไมเ ปน คนเจา ชู 7. เคยมีประสบการณทางเพศมาแลว ไมวาจะเปนผูชายหรือผูหญิงที่เคยมี ประสบการณในการมีเพศสัมพนั ธมาแลว ในคร้ังตอ ๆ ไปมันจะไมคิดมาก ใจกลาขึ้น ไมกลัว หรอื ไมก ็ติดใจในเพศรสจึงเปนมูลเหตทุ ีท่ ําใหเ กิดความเสี่ยงตอการมเี พศสมั พันธซ ํา้ ไดอกี

62 8. เสพสารเสพตดิ ผูท่เี สพสารเสพติดจะเกิดอาการมนึ เมาเคลิบเคลม้ิ ขาดความรูสึก ผดิ ชอบชั่วดี ครองสตไิ มได จึงมกั ทาํ อะไรลงไปแบบไมค ดิ อะไรมากหรอื งง ๆ ไมคอยรูตัว ดงั ขาวที่ พบเห็นบอ ย ๆ วาวยั รนุ ไปจัดปารต้ยี าอี ยาบา หรือไมกไ็ ปด่ืมแอลกอฮอล พอมึนเมาเสพสารเสพติด หรอื ยอมมเี พศสมั พนั ธเ พ่ือแลกกับสารเสพติดในกรณที ตี่ ดิ สารเสพติดแลว 9. ขาดความไตรตรอง บคุ คลประเภทนมี้ ักไมคดิ ถึงผลทีจ่ ะตามมาหรือผลกระทบ หลงั การมีเพศสัมพันธว าจะเปนอยางไร เปน คนแกปญหาเฉพาะหนาไปวันหน่ึง ไมค ดิ ถึงอนาคตวา เปนอยางไร ตดั สินใจโดยขาดสติ 10. อยากรูอยากลอง วัยรนุ เปนวัยที่อยากรูอยากลองอยแู ลว แตถาอยากรอู ยากลอง เรือ่ งเพศน้นั นบั วาเปนอันตราย ปจ จัยท่ีกระตุนใหอ ยากรอู ยากลองนอกจากจะมาจากตนเองแลว ยงั อาจมาจากปจจัยอื่น ๆ เชน เพอ่ื นชักชวน อา นหนังสอื ลามก 2. การหลกี เลย่ี งและปองกันตนเองจากสถานการณการเสย่ี งตอ การตงั้ ครรภโดยไมต ้ังใจ มีผูหญิงจาํ นวนไมน อ ยที่ตั้งครรภโ ดยไมตั้งใจ ทั้งนเ้ี พราะไมค าดคิดมากอนวาจะมี เพศสมั พนั ธกบั ผูชายซ่งึ อาจเปนคูร กั ของตนเอง เปน เพ่ือน คนแปลกหนา พอเลีย้ ง หรือแมแตญาติ ของตน และไมมีการปองกันการตงั้ ครรภแ ตอ ยางใด ดังน้นั ผูห ญิงควรเรียนรถู งึ การหลีกเลี่ยงและ ปองกนั ตนเองจากสถานการณเส่ียงตอการตัง้ ครรภโ ดยไมต ั้งใจ ซงึ่ มีขอแนะนําดังนี้ 1. ในกรณเี ม่อื อยูกับคูรักของตนเอง ควรปฏบิ ตั ดิ งั นี้ 1.1 ไมยอมใหครู กั ไดสัมผัส จับมือ โอบกอด ถา ถูกกระทําเชน นคี้ วรแสดงทา ที ไมพ อใจและปฏิเสธการกระทําดังกลา วอยางจริงจัง มิฉะนั้นอาจนําไปสกู ารมีเพศสัมพนั ธเ น่อื งจาก สภาพแวดลอมเหมาะสมและเปน ใจ 1.2 ไมอยูในที่ลับตาคนสองตอสอง เพราะคูร กั อาจจะลวงเกินเราได และย่งิ เรา มใี จชอบฝายชายดวยก็อาจจะยินยอมจนถึงข้ันมีเพศสมั พันธได 1.3 ไมไ ปเทยี่ วกันแบบคางคืน เพราะการคา งคืนจะเปนการเปดโอกาสใหฝาย ชายลวงละเมิดทางเพศได 1.4 ไมควรดสู อื่ ลามกโดยเฉพาะกบั ครู ัก เพราะจะทําใหทั้งสองฝายเกิดอารมณ ทางเพศและนาํ ไปสูก ารมีพฤตกิ รรมทางเพศท่ไี มเหมาะสม 1.5 การไปเที่ยวในงานวันสาํ คญั ตาง ๆ เชน วนั วาเลนไทน วนั ลอยกระทง วนั ข้ึนปใ หม ท่ีเปน การเที่ยวในเวลากลางคืน แลว จะไปตอกันในสถานท่ีท่อี าจจะมเี พศสัมพันธกันได ดังนน้ั การไปเทย่ี วกบั คูร กั ในวนั สําคญั ดงั กลา วควรระมัดระวังตวั ใหดี ถา เราคิดวา ไมนาไววางใจก็ไม ควรไปโดยหาทางปฏิเสธอยางนุมนวล 1.6 การไปเที่ยวงานสังสรรคห รอื ตามสถานบนั เทิงกบั คนรักควรระมดั ระวังตัว ดว ย เพราะอาจดืม่ เครอื่ งดืม่ ท่มี ีแอลกอฮอลแ ลว ทาํ ใหม ึนเมาไมรสู ึกตัว

63 1.7 อยาใจออนถาถูกขอท่จี ะมีเพศสัมพันธดวย อยาหลงคารมเขาเปนอนั ขาด และไมตอ งกลวั เขาโกรธ รกั ษาความบริสุทธิ์ของเราดีกวา หากพลาดพล้ังไปแลวก็ควรระวังอยาให เกดิ ข้ึนอกี 2. ในกรณเี มือ่ อยกู ับเพอ่ื นชาย ควรปฏบิ ัติดังนี้ 2.1 อยาใหม าถูกเนือ้ ตองตัวโดยไมจาํ เปน เพราะถาวนั ใดที่เพ่ือนชายมีโอกาส ผหู ญิงอาจพลาดทาเสยี ทีได 2.2 อยา ไวใจใครมากนัก มเี พื่อนหลายคนทหี่ ลอกพาเพื่อนไปขม ขนื บางรายให เพ่ือนคนอื่น ๆ ขม ขนื ดว ยตามท่ีมีขาวใหพ บเหน็ อยูบอ ย ๆ 2.3 ไมไปเทย่ี วแบบคา งคนื ถงึ แมจะไปเปน หมูคณะกต็ องระมัดระวัง 2.4 การไปเทยี่ วตามสถานบันเทงิ แลวกลบั ดึกอาจเปน อนั ตราย ถามีเพื่อนอาสา ไปสงบา นก็ควรระวงั เพราะอาจพาไปท่ีอื่นได 3. ในกรณีเมื่ออยกู ับคนแปลกหนา ควรปฏิบัติดังน้ี 3.1 อยาไวใ จคนแปลกหนาเปนอนั ขาด เพราะยังไมรูจักนสิ ยั ใจคอเขาดพี อ ถา หลงเช่ืออาจถูกเขาหลอกได โดยเฉพาะถาพบกนั ในสถานบันเทิงเริงรมยเขาอาจจะมองเราวาเปน ผหู ญิงที่รกั สนกุ คงจะมเี พศสัมพันธด ว ยไมยาก 3.2 ไมควรเดนิ ทางไปในที่เปล่ียวยามคํ่าคืน เพราะมผี ูหญิงถกู คนรายลักพาตัว ไปขมขืนมาหลายรายจนนับไมถ วนแลวในสถานการณเชนน้ี 3.3 อยา เชื่อคนทรี่ ูจกั กันทางอินเทอรเน็ต ถึงแมจะคุยกันจนเหมือนรูจักกันดแี ลวก็ ตาม เพราะยงั ไมเคยเห็นหนา กัน กย็ งั คงเปน คนแปลกหนาอยูดี หญิงสาวหลายรายท่ีถูกคนท่ีรูจักกันทาง อนิ เทอรเ นต็ หลอกไปขมขนื บางรายมีการถา ยรูปไวเพือ่ ขมขูและตอ รองเรือ่ งอ่ืนๆอีกดว ย 4. ในกรณเี มอ่ื อยูกบั พอเลีย้ งหรอื ญาติ ผูห ญิงท่ีถกู คนใกลชิดในครอบครัวขมขนื นน้ั มีมาก และมกั ไมยอมบอกใคร บางรายถูกขม ขืนมานานนบั ป บางครัง้ เกดิ การตั้งครรภ เพราะคนใน ครอบครัวน้นั ใกลชิดเหน็ กนั อยทู ุกวันหรอื พบกันบอย ไวใจกันมาก ในเรื่องน้ีผูหญงิ ควรปฏิบัตติ น ดังน้ี 4.1 ใหสังเกตการณสัมผัสของบุคคลเหลานน้ั วา สัมผัสดวยความเอ็นดูแบบ ลกู หลานหรอื แบบชสู าว ถามกี ารสัมผัสนาน ลบู คลํา จบั ตองของสงวน ตองระมัดระวงั อยาเขา ใกล 4.2 ควรนอนในหอ งทม่ี ดิ ชดิ ใสก ลอนหรอื ล็อคกุญแจใหเ รียบรอ ย 4.3 ถา บุคคลเหลานน้ั มนึ เมาอยา ไวใจ เพราะทําใหขาดสติ และกระทําในสง่ิ ท่ี ไมค าดคดิ ได 4.4 การแตง ตัวอยูบา น การอาบน้าํ ตอ งกระทําอยา งมดิ ชดิ อยาเปดเผยเรอื นราง มากนัก เพราะอาจเปนการย่วั ยอุ ารมณท างเพศแกบคุ คลเหลา นนั้ ได

64 4.5 ถาถูกบคุ คลเหลา น้นั ลวนลามควรบอกใหค นในบา นทราบ หรอื รองตะโกน ใหผ ูอนื่ ชว ยเหลือ ไมต องอายเพราะเขาทาํ ไมถ กู ตอง ขอควรคิดเกย่ี วกบั การมเี พศสมั พนั ธ มีผูหญิงบางคนท่ีคิดวาการมีเพศสัมพันธเปนเร่ืองปกติไมใชเร่ืองผิด ไมรับรูถึง ขนบธรรมเนยี มและวัฒนธรรมไทย จึงควรตรวจสอบตนเองวามคี วามรับผิดชอบตอตนเองและสังคม เพยี งใด โดยตอบคาํ ถามเหลา นใี้ หไดเสียกอนที่จะคดิ มีเพศสัมพนั ธ 1. ถา ยินยอมมีเพศสัมพนั ธ เราจะยอมรบั กบั ผลทจ่ี ะตามมาไดเ พยี งใด เชน คําครหา ของคนในสงั คม ความกลัวคนอื่นจะลวงรู การตั้งครรภ การถกู ผชู ายทิง้ หลังจากไดเสียกันแลว การ เสยี ความบริสทุ ธิ์ไปแลวผูช ายคนนค้ี อื คนทจี่ ะเปน คูชวี ิตของเราหรือไม เปนตน 2. เมื่อเรายงั ไมพรอ มที่จะมีลกู จะปอ งกันตนเองอยา งไร รูวธิ ปี องกันการตั้งครรภ เพยี งใด เมอ่ื ปอ งกันแลวจะผิดพลาดไดหรอื ไม ถาพลาดมีลกู ข้ึนมาจะทําอยา งไร ผูชายจะรับผิดชอบ หรอื ไม ตนเองไมอบั อายคนอนื่ ๆ หรือถาจะตอ งไปทําแทง การทาํ แทงมอี ันตรายเพยี งใด 3. การตงั้ ครรภทไี่ มพ ึงประสงคในวัยรุน การต้ังครรภท ี่ไมพึงประสงคใ นวัยรุน หมายถงึ การตั้งครรภทเี่ กิดขึ้นในวยั รนุ เพศ หญิงซ่ึงเปนผลสืบเนอ่ื งมาจากการมีเพศสัมพันธทเี่ กดิ ข้ึนโดยไมไดต ้ังใจ โดยอาจมีสาเหตุสาํ คัญมาจาก พฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรนุ หรอื อาจเกดิ จากการถกู ขม ขืนกระทําชาํ เรา 3.1 ปญ หาและผลกระทบของการตัง้ ครรภทไี่ มพ งึ ประสงคใ นวัยรุน ปญหาการตงั้ ครรภท ไี่ มพ ึงประสงคผ ลกระทบทส่ี าํ คญั ดังน้ี 1) สงผลกระทบตอ วยั รนุ ทต่ี ้งั ครรภโ ดยไมพ งึ ประสงคโดยตรง ซ่ึงผลกระทบ ดังกลาวสรางปญ หาทีต่ ดิ ตามมา เปนตนวา ปญหาทางดา นจติ ใจและอารมณ วัยรุนท่มี ปี ญ หาการตงั้ ครรภท ่ไี มพ ึงประสงค มักมีความรูสึกวาตนเองทาํ ผิด เกิดความละอายใจ และมีความคิดวา ไมมใี ครรักใครตองการอีก ซ่ึง บางคนอาจแสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมและรุนแรงข้ึน หรือบางคนอาจไมแสดงออกและ มักเกบ็ กดอยากทาํ ลายชวี ิตตนเอง ฯลฯ ซึง่ ภาวะทางจิตใจและอารมณข องวัยรุนท่ีต้ังครรภโดยไมพ งึ ประสงคนีจ้ ะมีมากหรือนอยขน้ึ อยูก บั การยอมรับและความเขาใจของคนในครอบครัว ถาครอบครวั ยอมรับเขาใจ และใหอ ภัย ปญหาทางดานจติ ใจและอารมณก็จะลดนอ ยลงได ปญ หาทางดา นสขุ ภาพ ปญ หาท่ีมักพบ คอื ปญหาโรคเอดสแ ละโรคติดตอ ทางเพศสัมพันธ การมีเพศสัมพันธโดยไมไ ดม ีการปองกันและคุมกําเนดิ ยอมมีโอกาสใหวัยรุนเพศ หญงิ ไดร บั เชื้อเอดส หรอื โรคติดตอ ทางเพศสมั พนั ธจากฝายชายในอัตราเสีย่ งที่สูง ปญหาทางทําแทง

65 ซึง่ มกั จะสง ผลกระทบตอ ผูทาํ แทงไดโดยเปนอนั ตรายตอชวี ิต ซึ่งมักเกิดจากการตกเลือดหรือการติด เชอ้ื อยางรุนแรง นอกจากนั้นยังเปน อุปสรรคตอการมบี ุตรในอนาคต แมการทาํ แทงจะผานพนไป แต การทาํ แทง อาจทําใหเกิดการอักเสบเรื้อรังในโพรงมดลูกและทอมดลูก เปนผลใหโพรงมดลูกและทอ มดลกู ตีบตนั มดลูกทะลุหรอื อักเสบอยา งรุนแรงเพราะเครื่องมอื ทาํ แทง ทาํ ใหบ างคนตอ งตดั มดลกู ทง้ิ หรือการขยายปากมดลูกขณะทําแทงทําให ปากมดลูกฉีกขาด หูรูดของปากมดลูกหลวม เกิด ภาวการณแทงบุตรไดงา ย และยังสงผลใหมีปญ หาสุขภาพท่ีตอเนื่อง โดยเฉพาะมกั จะพบวามีการ อกั เสบเร้ือรงั ในชองเชิงกราน 2) สงผลกระทบตอ ครอบครัวของวัยรุนท่ีต้ังครรภโดยไมพงึ ประสงค มกั พบเสมอวาเมอ่ื วัยรุนเพศหญิงตง้ั ครรภโ ดยไมพ ึงประสงคขนึ้ วัยรุน ของเพศชายมกั จะไมแสดงความ รับผิดชอบตอสิ่งที่เกิดข้ึนภาระความผิดชอบจึงตกเปนของฝายหญิงและครอบครัวเพียงฝายเดียว ถา ครอบครัวฝายหญงิ มีความเขา ใจและใหอภยั ตอความผิดพลาดที่เกดิ ขนึ้ และครอบครัวยังพรอมที่จะ รวมแกป ญหาการเลีย้ งดเู ดก็ ที่จะเกิดขึ้นได กจ็ ะชวยลดปญหาทางดานอารมณแ ละจิตใจของวัยรุนเพศ หญิงลงได แตใ นทางตรงขา ม หากครอบครัวของวัยรุน เพศหญิงไมสามารถยอมรับปญหาที่เกิดขึ้น ดังกลา วกอ็ าจสงผลใหเ กดิ ปญ หาตา ง ๆ ตามมาได 3) สงผลกระทบตอ สังคมและประเทศชาติ การตั้งครรภท่ีไมพ ึงประสงคข อง วัยรนุ ทาํ ใหเ กดิ ปญหาทางสงั คมตาง ๆ ตามมาดังทไ่ี ดก ลาวมาแลว นอกจากนี้ ประเทศชาติตอ งสูญเสยี งบประมาณบางสวนท่ีตอ งนํามาใชเพือ่ การบาํ บดั รกั ษา ดแู ลสขุ ภาพของวยั รุนเพศหญิงที่ตั้งครรภโ ดยไม พึงประสงค ตอ งจดั งบประมาณในการเลย้ี งดูประชากรสวนหนึ่งที่เกิดจากผลพวงของปญ หาดงั กลาว 3.2 การปองกันการตัง้ ครรภทไี่ มพงึ ประสงคใ นวัยรุน การปองกันมีแนวทางในการปฏิบัติ ดังนี้ 1) ตองรจู ักหลีกเล่ยี งสถานการณท่เี ออ้ื อํานวยใหเกิดการมเี พศสัมพันธ มัก พบวาการมีเพศสัมพนั ธทไ่ี มไ ดต ้งั ใจของวัยรุนมักจะเกิดจากสถานการณหรือบรรยากาศทีเ่ อื้อใหเกิด โอกาสตอการมีเพศสัมพันธ เชน การอยตู ามลําพังสองตอสองในที่ลับตาคน หรือการเขา รวมในกจิ กรรม พบปะสังสรรคท่มี กี ารดื่มเครือ่ งผสมแอลกอฮอล เปนตน 2) ตองรูจักใชทักษะในการปฏิเสธเพ่ือแกไขสถานการณเสี่ยงตอการมี เพศสมั พันธ วิธกี ารหลีกเลี่ยงและแกไ ขสถานการณด ังกลา ว ฝา ยหญงิ ตอ งนาํ ทกั ษะการปฏเิ สธไปใช ซ่ึง การปฏิเสธของฝายหญิงจะเปน สญั ญาณเตือนใหฝายชายหยุดแสดงพฤตกิ รรมทางเพศทไี่ มเหมาะสม ออกมา แนวทางในการใชคาํ พูดทีเ่ ปน ทักษะของการปฏิเสธ มีหลายขอ ความ เชน “หยุดนะ อยา ทํา แบบนี้” ฉันไมช อบหยดุ นะ” “อยานะ ฉนั จะตะโกนใหลั่นเลย” “คุณไมมีสทิ ธิ์ท่ีจะทําแบบนี้” และ อนื่ ๆ ตามความเหมาะสมซึ่งคําพูดทเ่ี ปน ทกั ษะในการปฏเิ สธมกั จะมคี ําวา “ไม” “อยา ” หรือ “หยดุ ”

66 3) ตองรูจกั ใหเ กยี รตซิ ง่ึ กันและกัน การที่ฝา ยหญิงและฝายชายนาํ หลักความ เสมอภาคทางเพศ และการวางตัวทเี่ หมาะสมตอเพศตรงขามมาใช ถือวาเปน การใหเ กียรติซ่ึงกันและ กัน ซ่งึ จะชว ยปองกนั อารมณในขณะพบปะพดู คุยกนั ไมใหพัฒนาไปสคู วามตองการทางเพศได 4) ตองระมัดระวงั ในเร่อื งการแตงกาย ปจ จุบันรปู แบบการแตงกายของวัยรุน โดยเฉพาะวัยรนุ เพศหญงิ มักนิยมสวมเสื้อผาทีร่ ดั รูปหรอื นอ ยชน้ื เกนิ ไป ซึง่ การแตงกายดงั กลาวจะทํา ใหเห็นรูปรา งสดั สวนชัดเจนขึ้น การแตงกายในลกั ษณะดังกลาวจะสงผลเราใหเพศตรงขามเกิด อารมณและขาดความ ยง้ั คิด อาจนําไปสูการแสดงพฤติกรรมการลวงละเมิดทางเพศทีเ่ ปน อันตราย จนถึงการตั้งครรภที่ไม พึงประสงคใ นเพศหญงิ ได 5) ควรหลกี เล่ียงการเดนิ ทางตามลําพังในยามวิกาลหรือในเสนทางที่เปลี่ยว จากสถติ ขิ องวยั รุนเพศหญิงพบวา อนั ตรายทไ่ี ดรบั จากการถูกขมขืนมักเกิดขึ้นในยามวิกาลหรือใน เสนทางท่ีเปล่ียวผูคนสัญจรนอย ดังน้ัน วิธีการปองกันท่ีดีท่ีสุดหากจําเปนจะตองเดินทางใน สถานการณดังกลาว ควรจะมเี พื่อนหรือญาตริ วมเดินทางไปดว ยเพือ่ ปองกันอนั ตรายท่ีอาจเกดิ ข้ึน 4. ความรเู บอื้ งตองเกยี่ วกับกฎหมายคมุ ครองสทิ ธผิ ถู ูกลวงละเมิดทางเพศ กฎหมายไดระบฐุ านความผดิ เกยี่ วกับการถกู ลวงละเมิดทางเพศไว 2 ลักษณะ ดงั นี้ 4.1 ความผดิ ฐานขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา ผูที่ขมขืนกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน 15 ป ซึ่งมิใชภรรยาตน โดย เด็กหญงิ นน้ั จะยนิ ยอมหรอื ไมกต็ าม ตอ งระวางโทษจําคุกตั้งแต 4-20 ป และปรบั ตั้งแต 8,000-40,000 บาท (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคหนง่ึ ) ถา การกระทาํ ความผิดตามวรรคแรก เปน การกระทําแกเด็กหญิงอายไุ มเกิน 13 ป ตอ งระวางโทษจาํ คุกตัง้ แต 7 ป ถึง 20 ป และปรับต้ังแต 14,000-40,000 บาท หรือจําคุกตลอด ชีวติ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง) ถาการกระทําผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ไดกระทําโดยรวมกระทํา ความผิดดวยกันอนั มลี กั ษณะเปนการโทรมเด็กหญิง (คือรวมกันกระทําความผิดต้ังแต 2 คนข้ึนไป) โดย เดก็ หญิงนนั้ ไมยนิ ยอม หรือไดกระทําโดยมีอาวธุ เชน อาวุธปน หรอื วัตถุระเบิด หรือโดยการใช อาวุธอ่นื ๆ ตองระวางโทษจําคุกตลอดชีวิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา277 วรรคสาม) แตมขี อยกเวน คือ ถา การกระทําดงั กลาวขางตนเปนการกระทําที่ชายกระทํา กบั เดก็ หญิงอายมุ ากกวา 13 ป แตไ มเ กิน 15 ป โดยเดก็ หญงิ น้ันยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให สมรสกนั ผูกระทําผดิ ไมตอ งรบั โทษ และถา ศาลอนญุ าตใหส มรสกันในระหวางทีผ่ ูกระทําผิดกําลัง

67 รบั โทษในความผดิ น้ันอยู ศาลตองสัง่ ปลอ ยผกู ระทาํ ความผดิ น้นั ไป (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคส)่ี ถาเปนการกระทาํ ชําเราเด็กหญิงอายุยงั ไมเ กนิ 15 ป ซึง่ มิใชภรรยาของตน โดย เด็กหญิงน้ันจะยินยอมหรือไมก็ตาม หรอื เปนการกระทําแกเด็กอายุไมก ิน 13 ป แลวเปนเหตุให เดก็ หญิงไดร บั อนั ตรายสาหสั เชน ไดรบั บาดเจบ็ สาหสั ผกู ระทาํ ตองระวางโทษต้งั แต 15 ป ถึง 20 ป และปรบั ต้งั แต 30,000-40,000 บาท หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (1) ) และหากเด็กนนั้ ถึงแกความตาย ผกู ระทาํ ตองระวางโทษประหารชีวิต หรือจําคกุ ตลอดชวี ติ (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (2) ) หากการกระทาํ ชําเราเดก็ หญิงอายุยังไมเกิน 3 ป หรือการกระทําแกเดก็ หญิง อายยุ ังไมเกิน 15 ป ดงั กลา วขางตน ไดร ว มกระทําความผิดดว ยกันอันมีลักษณะเปน การโทรมหญิง หรอื กระทาํ โดยมีอาวธุ ปน หรอื วตั ถุระเบดิ หรอื โดยการใชอาวธุ และเปนเหตใุ หเดก็ หญิงผถู ูกระทํา ไดรบั อันตรายสาหสั ผกู ระทําตอ งระวางโทษประหารชีวิต หรอื จาํ คุกตลอดชวี ติ และหากเด็กหญิงท่ี ถูกกระทําถงึ แกความตาย ผูกระทาํ ตองไดรับโทษประหารชีวิต และหากเดก็ หญิงที่ถูกกระทําถึงแก ความตาย ผูกระทาํ ตอ งไดรับโทษประหารชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ตร)ี 4.2 ความผิดฐานกระทําอนาจารตอเดก็ ผทู ่กี ระทําอนาจารแกบุคคลอายุตา่ํ กวา 15 ป โดยขเู ข็ญดวยประการใด ๆ โดย ใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย โดยบคุ คลนนั้ อยใู นภาวะท่ีไมสามารถขดั ขืนได หรือโดยทําใหบุคคลนนั้ เขาใจ ผิดวาตนเปน บุคคลอนื่ ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กิน 10 ป หรือปรับไมเกนิ 20,000 บาท หรือทั้งจําท้งั ปรับ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคหนง่ึ ) ถา การกระทาํ อนาจารนั้น กระทาํ ตอ เด็กอายไุ มเกนิ 15 ป และผกู ระทําผิดได กระทําโดยการขูเขญ็ ดว ยประการใด ๆ โดยใชกําลังประทุษราย โดยบคุ คลน้นั อยใู นภาวะที่ไมสามารถ ขัดขนื ได หรอื โดยทําใหบคุ คลนั้นเขาใจผิดวาตนเปนบคุ คลอ่ืน มีโทษหนักคือ ผูกระทาํ ตอ งระวาง โทษจาํ คุกไมเกิน 15 ป หรือปรับไมเกิน 30,000 บาท หรอื ทั้งจาํ ท้ังปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง) หากการกระทําดังกลา วขางตน เปนเหตใุ หผ ูถูกกระทําไดร ับอันตรายสาหัส ผกู ระทาํ อนาจารตองระวางโทษจําคกุ ตั้งแต 5 ป ถงึ 20 ป และปรบั ตงั้ แต 10,000-40,000 บาท และ หากผถู ูกกระทําถึงแกความตาย ผูกระทาํ ตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรือจําคกุ ตลอดชวี ติ (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 280) การขม ขนื กระทาํ ชําเราผเู ยาว และการกระทาํ อนาจารแกเ ดก็ อายุไมเกิน 15 ป โดยเดก็ น้ันจะยินยอมหรือไมก ต็ าม เปน ความผดิ อาญาแผน ดนิ ไมสามารถยอมความกนั ได

68 แตถาเปน การขมขืนกระทําชําเราหญิงท่ีมิใชภรรยาตน โดยเด็กหญิงน้ัน ไมใ ชผ ูเ ยาว และการกระทําอนาจารแกบ คุ คลอายตุ ่ํากวา 15 ป ทั้งสองกรณีน้ี ถา มไิ ดกระทาํ ตอ หนา ธารกาํ นลั คอื ในทเี่ ปด เผย และไมเปน สาเหตใุ หผ ถู ูกกระทําไดร บั อันตรายสาหสั หรอื ถงึ แกความตาย หรอื มไิ ดเปนการกระทาํ แก ผสู ืบสันดาน คือ ลูก หลาน เหลนของตนเอง มิใชเปน การกระทําตอศิษยซ ่ึงอยูในความดูแล มใิ ชเปน การกระทําตอผอู ยูใ นความควบคมุ ตามหนาทร่ี าชการ หรือมใิ ชเ ปนการกระทาํ ตอผูอยใู นความพิทักษ หรือในความอนบุ าล กรณที ้ังหมดท่ีกลาวมาเปนความผิดอันยอมความได คือเปนกรณที ี่ผเู สียหาย หรือผูถูกกระทาํ และผกู ระทาํ ความผิดตกลงหรือสมัครใจไมเ อาความตอกัน ก็เปนอนั เลิกแลวตอกัน (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281) กิจกรรม 1. สรีระรางกายท่ีเก่ยี วของกับการสบื พนั ธุของเพศหญงิ และเพศชาย มีอะไรบาง จงอธบิ ายพอสังเขป เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 2. เขยี นสรปุ เกย่ี วกับการเปลย่ี นแปลงเพือ่ เขาสวู ัยหนมุ สาว เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________

69 ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 3. วิธกี ารหลกี เลี่ยงพฤตกิ รรมทีน่ าํ ไปสกู ารมีเพศสมั พนั ธกอนวัยอนั ควรมีอะไรบาง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เรอ่ื งท่ี 4 สุขภาพทางเพศ “ความสขุ ”เปน สงิ่ ทม่ี นุษยท ุกคนตองการไมเคยถูกจํากดั ดวยเพศ วัย ชนชาติ “สขุ ภาวะทางเพศ”กเ็ ปนเรอ่ื งท่ีทกุ คนลวนตองการเชนกัน แผนงานสรางเสริมภาวะทางเพศ โดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สส.)และมูลนธิ ิสรา งความเขาใจเรอ่ื งสุขภาพผูหญงิ (สคส.)ไดดําเนินงานผลกั ดนั วาระการสรางสุข ภาวะทางเพศข้นึ อยา งตอเน่อื ง เพราะสุขภาวะทางเพศไมไ ดม ีความหมายแคบๆแคเ รอ่ื งเพศสัมพันธแต มีความหมายลึกซึ้งและมิตทิ ่กี วางกวานั้น เรื่องเพศจึงไมใชแคเร่ืองของเน้ือตัวรางกายแตยงั หมายถึงความรับผิดชอบการดูแลสุขภาพ รา งกายการสรางความสัมพันธที่ดีระหวา งกันการเคารพสทิ ธิกันและกันและความเทาเทียม เพราะ สงั คมน้ันมคี วามหลากหลายทางเพศมากวา แคห ญิงหรอื ชาย ผทู ่มี ีสขุ ภาวะทางเพศทด่ี ีกจ็ ะปฏบิ ตั ติ อ คนทีม่ ีวิถที างเพศแตกตา งจากตัวเองดว ยความเคารพไม วา จะเปนสาวประเภทสองหรือหญิงรกั หญิงชายรักชาย หรือผูท่ีรกั สองเพศและยังปฏิบัตกิ ับเพื่อครู ัก หรือชายทส่ี ําคญั คือมคี วามรับผิดชอบตอ สังคมและตนเองในเรื่องการมีเพศสัมพันธทปี่ ลอดภัย สงั คมจาํ เปน ตอ งลบความคิดทางลบวาเรือ่ งเพศเปนเร่อื งเพศเปนเรือ่ งสกปรก อันตรายทตี่ อง หลีกใหหา งแตความจริงเราจาํ เปน ตองศึกษาเรยี นรูใหเขาใจเพราะเร่ืองเพศเปนส่งิ ท่สี ามารถแสดงออก อยา งอิสระมีความสขุ บนพืน้ ฐานของความปลอดภัยเพื่อดาํ เนินชวี ติ ไดอ ยา งเปน สุข

70 แผนงานสรา งเสรมิ สุขภาวะทางเพศไดจ ดั ทําความรสู ุขภาวะทางเพศในแตละชว งวัยไวเพราะ แตละชวงวัยก็จะมีความสนใจและความตองการตา งกัน ในวยั เดก็ เปน ชวงเวลาแหง การสรา งพนื้ ฐานสุขภาวะทางเพศทด่ี ีได เดก็ เล็ก อายุ 5-8 ป เร่มิ รบั รู ไดถ งึ บทบาททางเพศวา สงั คมสรางใหห ญงิ ชายมคี วามแตกตา งกนั ดวยกจิ กรรม ดว ยการกาํ หนดกรอบ กฎเกณฑต างๆทีช่ ายทาํ ได หญิงทาํ ไมไ ด หญิงทําได ชายทาํ ไมไ ด ซง่ึ ขดั ขวางพัฒนาการและสรางความ เขา ใจผดิ ๆใหเ ด็ก วันแรกรุน อายุ 9-12 เปน ชวงวัยทตี่ องเตรียมความพรอมเพ่ือกาวเขาสูวยั รุน ซ่ึงชว งน้ีเปนวยั แหงการเปล่ียนแปลงการไดรับขอมูลทีถ่ กู ตองและพรอมใช จงึ เปน สิ่งทท่ี าํ ใหเดก็ มภี ูมคิ มุ กันท่ีจะเขาสู วัยรุนไดอยางสวยงามจําเปนตองเขาใจและอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงน้ันและเปดโอกาสใหเด็ก รับผิดชอบในครอบครัวใหเ ด็กไดต ัดสนิ ใจดวยตวั เองและรบั ผิดชอบผลทีจ่ ะตามมาไมใ ชต ดั สนิ ใจแทน ทกุ อยาง เด็กวัยน่เี ริ่มจะมีการเปลยี่ นแปลงทางอารมณ และความรูสึกทางเพศ ไมใชเรอ่ื งผิดแตการให ขอ มลู และความรูท่ีถูกตอ งเปน สงิ่ จําเปนการตอบคาํ ถามแบบตรงไปตรงมา เปด โอกาสใหเด็กไดเ รียนรู ในสง่ิ ทีเ่ หมาะทคี่ วรเปนเรื่องทค่ี วรสงเสริม เม่อื กาวเขา สูวัยรนุ ชวงอายุ 13-18 ป ชว งแหง การเปล่ียนแปลงในทกุ ๆ ดา น จาํ เปนตองไดรบั ขอมลู เร่ืองเพศอยา งถกู ตองและรอบดาน เพื่อใหเทา ทันการเปล่ยี นแปลงของตัวเอง ท้ังดานกายใจและ อารมณ จําเปน ตอ งสรางทกั ษะของเพศสมั พันธท ปี่ ลอดภยั รว มไปกบั ความรับผิดชอบเพือ่ ใหสามารถ แยกแยะไดว า เซ็กสไมใ ชแคเร่ืองสนุกแตมผี ลที่จะตามมาอกี มากมาย การใหค วามรูอยางตรงไปตรงมา ไมท าํ ใหเรือ่ งเซก็ สเ ปน ความผดิ ละอาย ทําใหเกิดเพศสัมพันธท ่ปี ลอดภัยและมคี วามรบั ผดิ ชอบข้นึ ได ผูใ หญจ ําเปนตองเขาใจกระบวนการเรียนรูของมนุษยวาตองใชเวลาในการสั่งสมความรู ประสบการณความภมู ิใจในตัวเองจึงสามารถมเี พศสัมพนั ธทีม่ ีความสัมพันธท ี่มีความปลอดภัยและ เปน สขุ ได “การใหข อมลู ไมไดเปน การชโ้ี พรงใหกระรอก แตเปนการสรางความเขาใจและทักษะใน ชีวิตใหเ ดก็ สามารถเติบโตเปนผใู หญท ่เี ขา ใจและมคี วามรบั ผิดชอบได วธิ ีการปฏบิ ัตเิ พอื่ การมีสขุ ภาพทางเพศท่ดี ี ควรคํานงึ ถงึ การมีเพศสมั พันธทปี่ ลอดภัย โดยไมเ ปล่ียนคูห รือมเี พศสัมพันธกบั บุคคลท่ีไมใชสามภี รรยา ของตน ถาคดิ จะมีเพศสัมพันธกับบุคคลทไ่ี มใ ชคูของตนควรปองกนั ความไมป ลอดภัยทีอ่ าจเกดิ ข้นึ โดยใชถ ุงยางอนามยั เนน การรักษาความสะอาดสวนบคุ คล เมื่อมีเพศสัมพันธแลวควรตอ งรบี ทําความสะอาดสวน บุคคลไมห มกั หมม เพราะจะทําใหเกิดเชอื้ โรคซ่งึ เปนตน เหตุของอาการคันจนลุกลามเปนโรคทีอ่ วัยวะ เพศได

71 ควรมีเพศสมั พนั ธแบบธรรมชาติ ไมผิดธรรมชาติของคนปกติ เชนการใชว ัตถุแปลกปลอมใน การรวมเพศ การรว มเพศโดยใชวัตถเุ ลยี นแบบธรรมชาติเชน ตุก ตายาง ใหคํานึงถงึ ความปลอดภัย การคุมกาํ เนดิ เปน สว นหน่ึงของการวางแผนครอบครัวในเรอ่ื งระยะท่พี รอมจะมีบุตรเมอ่ื ใดคํานวณบตุ รท่ีจะ มีก่ีคน หรือระยะหางของการมีบุตรเวน นานเทาใด ทั้งนี้เพ่ือใหเหมาะสมกับความพรอมและความ ตองการของคูสมรส การคุมกําเนิดเปน วิธกี ารปฏิบัตเิ พ่อื ปองกนั การตง้ั ครรภ การวางแผนครอบครัวและการคุมกําเนิด การวางแผนครอบครัวและการคมุ กําเนิด (Family Planning and Birth Control) คือการที่ คู สมรสวางแผนในเรื่องการมีบตุ รวา จะมีบุตรเมือ่ ใด จะมีบตุ รกี่คน แตละคนจะเวนนานเทาใดท้งั นี้ เพือ่ ใหเ หมาะสมกับความพรอ มและความตองการของคสู มรส สว นการคมุ กําเนดิ นัน้ เปนวธิ กี ารเพื่อมิ ใหเกิดการตั้งครรภซ ่ึงมอี ยหู ลายวิธี 1.การใชถงุ ยางอนามยั (Condom) ถุงยางอนามัยมลี ักษณะเปน ถุงท่ีทําดวยยางบางๆยืดได ใช สวมอวยั วะเพศชายขณะท่ีแขง็ ตัวพรอ มท่จี ะรว มเพศ การใชถุงยางอนามยั เปนการปองกันไมใ หต วั อสจุ ิ เขาไปในโพรงมดลกู ผสมกับไขข องฝา ยหญิงได เพราะถกู ถงุ ยางปองกนั ไว ตัวอสุจแิ ละน้ําอสจุ ิจะอยู ในถงุ ยางอนามัย เม่อื ใชเสรจ็ แลว จะถอดออกใหใ ชก ระดาษชาํ ระจับขอบถุงยางใหกระชบั อวยั วะเพศ กอนแลว จงึ ถอดถงุ ยางออกแลวนาํ ไปทิ้งถังขยะมกี ารผลิตถงุ ยางอนามัยสําหรับผหู ญิงใชเ หมือนกนั ขนาดใหญก วา ถงุ ยางอนามยั ท่ีผชู ายใชแ ตไมคอ ยไดร ับความนยิ ม 2.การรับประทานยาเม็ดคุมกําเนิด(Contraceptive Pill) ยาเม็ดคุมกําเนิดจะประกอบดวย ฮอรโ มนสังเคราะห 2 ชนดิ คอื เอสโตรเจน โพรเจสเทอโรน ซ่ึงจะออกฤทธ์ิคลา ยกับฮอรโมนทม่ี ีอยู ตามธรรมชาติในรางกายของผหู ญิง และสรางกลไกตางๆ ในรางกายเพ่อื ท่ีจะปอ งกนั การต้งั ครรภดว ย การปองกันไมใ หไ ขส กุ และยับย้ังการตกไข ตลอดจนทาํ ใหม กู บรเิ วณ ปากมดลกู เหนียวขนจนตวั อสจุ ิ จะผานเขาสูโพรงมดลูกไดยาก แตถากลไกท้ัง 2 ประการน้ีไมไดผล มันจะเปล่ียนแปลงเยื่อบุโพรง มดลกู ไมใ หเ หมาะสมสําหรับการฝง ตัวของไขท ี่ถูกผสมแลว ยาเมด็ คมุ กาํ เนดิ ที่ใชอยทู ่ัวไปมี 3 แบบ คือ 2.1 แบบ 21 เม็ด ยาเม็ดในแผงจะประกอบดว ยฮอรโมนท้ังหมด การเริ่มรบั ประทานยาเมด็ แรก ใหเ ร่มิ ตรงกบั วนั ของสัปดาหท ี่ระบแุ ผงยา เชน ประจําเดือนมาวันแรกคือวันศุกรก็เรม่ิ กินท่ี “ศ” หรือ วันศุกร โดยรับประทานวนั ละ 1 เม็ดเปน ประจาํ ทกุ วันตามลูกศรช้ีจนหมดแผง หลังจากนั้นใหหยุดใช ยา 7 วนั เม่ือหยดุ ยาไปประมาณ 2-3 วันกจ็ ะมเี ลอื ดประจาํ เดอื นมาและเมื่อหยุดจนครบ 7 วันแลวไมว า เลือดประจําเดือนจะหมดหรอื ไมก ต็ ามใหเริ่มแผงใหมทนั ที

72 2.2 แบบ 28 เมด็ ยาเม็ดในแผงหน่งึ จะประกอบดว ยฮอรโ มน 21 เมด็ และสว นที่ไมใชฮอรโมน อีก 7 เม็ด ซึ่งมักจะมีขนาดเล็กหรือใหญกวา 21 เม็ดแรก การเร่ิมรับประทานยาแผงแรกใหเริ่ม รบั ประทานยาในวันแรกที่ประจาํ เดือนมา โดยรับประทานยาเม็ดแรกในสวนทร่ี ะบวุ าเปนจุดเริ่มตน 1 แลว รับประทานทุกวนั ตามลูกศรช้ีจนหมดแผง โดยเม่อื รบั ประทานหมดแผงแลว ใหร บั ประทานยาแผง ใหมต อไปเลยทันทีไมวาประจําเดอื นจะหมดหรือยังก็ตาม วิธีรับประทานแบบ 28 เม็ดจะคอนขาง สะดวกกวาแบบ 21 เมด็ ท่ไี มตอ จดจาํ วันทต่ี อ งหยุดยา ถาลมื รับประทาน 1 เม็ด ใหรบั ประทานทนั ทีเมื่อนึกได และรับประทานเมด็ ตอไปเวลาเดิม ถา ลืมรับประทาน 2 เม็ด ใหร ับประทานยาวนั ละ 2 เม็ด ติดตอกันไปเปน เวลา 2 วันโดยแบงรับประทาน ตอนเชา 1 เมด็ ตอนเยน็ 1 เมด็ และใชว ธิ ีการคมุ กาํ เนิดแบบอนื่ รว มดวย เชนใชถ ุงยางอนามัยเปน เวลา 7 วนั ถาลมื รับประทาน 3 เมด็ ข้ึนไป ควรหยดุ ยาและรอใหเ ลือดประจาํ เดอื นมากอนแลวคอยเริ่มแผงใหม และใชว ธิ ีการคุมกําเนิดแบบอน่ื รวมดว ย 2.3 แบบรบั ประทานหลงั รว มเพศภายใน 24 ช่ัวโมง แตเดอื นหน่งึ ไมควรใชเกิน4 ครง้ั ยาน้ีใช กนิ ทันทหี รอื ภายใน 24 ชัว่ โมงหลงั รวมเพศ และควรกนิ ยาอกี หนึ่งเมด็ ในเวลา 12 ชวงโมงตอมายาเม็ด นมี้ กั มีปรมิ าณของฮอรโ มนเอสโตรเจน (Estrogen) สูง การใชยาชนดิ น้ีใหผ ลเสียมากกวา ผลดี พบวา เปน อาการขางเคียง คือ คล่ืนไส อาเจยี น มเี ลือดออกมากกวา ปกติ และทําใหท อ นําไขเคลือ่ นไหวชา อนั เปนเหตุทาํ ใหเ กดิ ทอ งนอกมดลกู ได 3.การฝงยาเมด็ คมุ กําเนิดใตผวิ หนงั ยาประเภทนี้มีสว นประกอบของเอสโตรเจนสูงมีฤทธิท์ ํา ใหไ ขท ีผสมแลวไมสามารถฝง ตวั ไดในผนังมดลกู เปนยาเมด็ คุมกําเนดิ ชนดิ ฝง ไวใ ตผิวหนงั บรเิ วณ ดานใตท อ งแขนของฝา ยหญิง มีลกั ษณะเปนแคปซูลเล็กๆ 6 อัน ยาจะซึมจากแคปซูลเขา สรู างกายอยาง สมาํ่ เสมอ สามารถคมุ กําเนดิ ไดนานถึง 5 ป ตัวยาที่ใสในแคปซูลเปนชนิดเดียวกบั ยาเม็ดคุมกาํ เนิด แบบ 21 เมด็ 4.การใสหวงอนามัย (Iucd :: Intra Uterine Contraceptive Device) ใชโดยการใสห วง อนามัยไวในโพรงมดลกู ซ่ึงแพทยจ ะเปน ผใู สหว งให สามารถคุมกําเนดิ ได 3-5 ป แลวจึงมาเปลี่ยน ใหมแ ตก็มบี างชนดิ ท่ตี อ งเปลี่ยนทกุ ๆ 2 ป วิธนี ้ไี มเหมาะสําหรบั ผูหญงิ ทยี่ ังไมเคยมีบุตร 5.การฉีดยาคมุ กําเนดิ ใชก ับผหู ญิงฉดี ครงั้ หนึ่งปองกันไดน าน 3 เดือน อาจมีขอ เสยี อยูบางคือ เมอื่ ตองการมีบุตรอาจตองใชเวลานานกวา จะต้งั ครรภ และไมเหมาะสําหรับผูทมี่ ีประจาํ เดือนมาไม สมํ่าเสมอ

73 6.การนบั ระยะปลอดภัย (Count safe Period) คือนับวนั กอนประจาํ เดือนมา 7 วัน และหลัง ประจาํ เดอื นมา 7 วนั เพราะไขย งั ไมส ุกและเย่ือบุโพรงมดลกู กาํ ลงั เปล่ียนแปลง แตถาประจาํ เดือนมา ไมแ นนอน การคมุ กําเนดิ วิธนี อี้ าจผดิ พลาดได 7.การหลง่ั อสจุ ภิ ายนอก คือการหล่งั น้ําอสจุ อิ อกมานอกชองคลอด แตกอ็ าจมนี ้ําอสุจิบางสวน เขา ไปในชอ งคลอดได วธิ ีนี้จงึ มโี อกาสตง้ั ครรภไ ดส ูง 8. การผาตัดทาํ หมัน เปน การคุมกําเนดิ แบบถาวร ดงั น้นั ผทู ค่ี ิดจะทําหมันจะตอ งแนใจแลววา จะไมม บี ตุ รอกี ซึ่งสามารถทําไดท้งั ผหู ญิงและผูชาย 8.1 การทาํ หมนั ชาย ทาํ โดยแพทยใชเวลาประมาณ 10 นาที โดยการใหผ ูที่จะทําหมันนอนบน เตียงผาตัด มมี านกั้นมิใหเห็นขณะที่แพทยกําลังผาตัดเจาหนาที่จะโกนขนบริเวณอวัยวะเพศออก เลก็ นอยแลวแพทยจะฉดี ยาชาเฉพาะที่ แลว จึงเจาะถงุ อณั ฑะเพือ่ ผูกทอ อสุจโิ ดยไมต อ งเยบ็ หา มแผลถูก นา้ํ 3 วัน หลงั ทาํ หมนั ชายแลวจะตองคุมกําเนดิ แบบอืน่ ไปกอ นฝายชายจะหล่ังนาํ้ อสุจปิ ระมาณ 15 ครงั้ แลวน้ําอสจุ คิ รงั้ ท่ี 15 หรือมากกวาไปใหแพทยตรวจวายงั มีตัวอสุจิหรอื ไม ถาแพทยต รวจวาไมมีตัว อสุจิแลว ก็สามารถมีเพศสัมพันธไ ดโดยไมตองใชก ารคมุ กําเนดิ แบบอ่ืนอีกตอ ไปเลย 8.2 การทําหมนั หญงิ แบง ออกเปน 2 แบบคอื 1.การทาํ หมันเปยก คอื การทาํ หมันหลงั คลอดบตุ รใหมๆ ภายใน 24-48 ชั่วโมง เพราะ จะทําไดง า ยเนื่องจากมดลกู ยังมขี นาดใหญแ ละลอดตัวสูง โดยขอบบนอยูสูงเกือบถึงสะดือวิธีนีจ้ ะ ผาตดั ทางหนา ทอ ง 2.การทําหมนั แหง คือการทาํ หมนั ในระยะปกตขิ ณะท่ไี มมีการต้ังครรภหรอื หลังการ คลอดบตุ รมานานแลว มดลูกจะมขี นาดปกตแิ ละอยลู ึกลงไปในอุงเชงิ กราน การทาํ หมันแหง อาจทําได หลายวธิ ี เชน ผาตดั ทางดา นหนาทอ ง ผาตดั ทางชอ งคลอด โดยใชเ ครอ่ื งมือตา งๆที่ทันสมยั ชว ยการไป รับบรกิ ารทําหมันน้ีสามารถไปรบั บริการไดในหลายหนวยงานท่ใี หบริการทางดานสาธารณสขุ ทัง้ ของ ภาครัฐและเอกชน เชน โรงพยาบาลตางๆ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน สมาคมวางแผน ครอบครัวแหง ประเทศไทย สมาคมทาํ หมันแหงประเทศไทย เปนตน 9.การคุมกาํ เนดิ ดว ยยาเม็ดคุมกําเนดิ ฉุกเฉิน เปนการปอ งกนั การต้ังครรภเฉพาะฉุกเฉินเชน การมีเพศสัมพนั ธโดยไมไ ดใ ชการปองกันวธิ อี ืน่ มากอน ใชถุงยางอนามัยเสรจ็ แลว ไมแ นใ จวารวั่ หรือ แตก ลมื กนิ ยาแบบประจําวันติดตอกนั สองวนั ใสหวงอนามัยแตหว งหลดุ มีเพศสัมพนั ธในชว งที่ไม ปลอดภัย กรณีถกู ขม ขืน ซึ่งองคกรอนามัยโลกไดใหก ารรบั รองวา การกินยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉิน เปนวิธที ี่ปลอดภยั และมปี ระสทิ ธภิ าพในการปองกันการตงั้ ครรภไดร ะดบั หน่ึง

74 ยาเม็ดคมุ กาํ เนดิ ฉุกเฉนิ จะมีประสิทธิภาพสูงก็ตอเมื่อ มีการนํามาใชตามขอบง ชี้ท่ีกําหนดไว และใชเทา ท่ีจาํ เปน เทา นนั้ สาํ หรับผลขา งเคยี งท่ีเกิดข้นึ บอ ย คอื การมรี อบระดผู ิดปกติ คล่ืนไสอาเจียน แตห ากใชบ อยและตอ เนื่องมโี อกาสตง้ั ครรภนอกมดลกู ได การทาํ แทง การทําแทง หมายถึง การทําใหการต้ังครรภส้ินสุดกอนอายุครรภ 28 สัปดาหสําหรับใน ประเทศไทยการทําแทง ยงั ไมเปน เรือ่ งทผี่ ดิ กฎหมายไมว าจะกระทาํ โดยแพทยป ริญญาหรอื หมอเถือ่ นก็ ตาม กฎหมายจะอนุญาตใหทําแทง ได 2 กรณี คือ กรณีถูกขมขืนและกรณีตัง้ ครรภน ้นั เปนอัตราตอ สขุ ภาพของมารดาและทารกในครรภ เทา นน้ั เมื่อเกิดการตั้งครรภไ มพึ่งประสงคเดก็ วัยรุนจะเกิดความกงั วลจากความไมพรอมที่จะเปน ผรู ับผิดชอบกับการมีบุตร จึงคิดหาวิธีการทําลายเด็กในครรภ โดยการทําแทงกับหมอเถื่อนท่ีผิด กฎหมาย ผดิ ศลี ธรรม เพราะในสังคมไทยไมเ ปดใหมกี ารทาํ แทง แบบเสรี นอกจากการตั้งครรภในคร้ัง นั้นแพทยพ จิ ารณาใหท ําแทง ได ในกรณีอาจเกิดอันตรายถึงชวี ิตผเู ปนแม เชน การทองนอกมดลูก ครรภ เปนพิษ ทองไขปลาดุก หรือในกรณีท่ีแมไดรับเชื้อโรคหลังจากการต้ังครรภแลว เชน ไดรับเช้ือหัด เยอรมัน การทําแทง โดยทว่ั ไปของเด็กวยั รุนจะทาํ แทงกับผูทีไ่ มมคี วามรูดา นการแพทยท ีแ่ ทจ รงิ จึงทาํ ใหเ กิดอนั ตรายกับผูม าทาํ แทง เชน เกิดการตกเลือด หรือไดรบั อันตรายอาจเกดิ การติดเช้ือโรค จาก เครื่องมือ อุปกรณที่นํามาใช เกิดความสกปรกจากการใชอุปกรณ สถานท่ีจนทําใหมารดาเปน บาดทะยกั ไดด ว ย การแทงบุตรท่ที ําใหเ กิดอนั ตรายตอ สุขภาพของผูเปน แมเ นอื่ งจากมบี างสวนของทารกหรือรก หลงเหลืออยจู งึ ตอ งนําสวนทเ่ี หลอื ออกจากมดลกู ใหหมดโดยแพทยต อ งใชเคร่ืองดูดหรอื ใชวิธีขูดจาก โพรงมดลูก หรอื อาจตอ งใชฮอรโมนท่ีใหใหมดลูกเกิดการบบี ตัวขบั สวนทีค่ างออกและในบางกรณี แพทยต องใชย าปฏชิ ีวนะเพ่อื การรักษาหรือปอ งกนั การตดิ เช้ือตดิ เชื้อ HIVS สวนใหญเกิดจากการมีเพศสัมพันธกับบุคคลอื่นท่ีไดรับเชื้อไวรสั HIV ในรางกายรองลงมา เกดิ จาการใชสารเสพติดชนิดฉีดเขาเสน เลือดทําใหไดรับเชื้อ HIV จากเลือดที่สัมผัสหรือเลือดที่ไดรับ เขา สูรางกาย บุคคลทีม่ ีโอกาสไดร บั เชือ้ ไวรสั HIV VS โดยไมไดเ กิดจากการมีเพศสมั พนั ธและไมไ ดใชเขม็ ฉดี ยาใด ๆ สวนหนึง่ จะเกิดกบั บคุ คลสวนหนึ่งทางการแพทย ท่ีมโี อกาสสัมพันธน้ําเลอื ดน้ําเหลือง ท่ี คดั หลง่ั จากผปู วยโดยไมไดปองกันตนเองโดยการใชถ งุ มอื กอ นสัมผัสกบั ผูป วยจึงมีโอกาสไดรับหรือ ตดิ เชอื้ HIV VS ไดการตัง้ ครรภเ มอ่ื ไมม ีความพรอม การมเี พศสมั พนั ธกอ นวัยอนั ควร เปน ปญหาของสังคมไทยมากขนึ้ ทั้งนเี้ พราะคา นิยมในเร่ือง การรักนวลสงวนตัวของเพศหญิง หรือการเห็นคุณคาในการรักษาความบริสุทธ์ิของตนจนถึงวัย แตงงาน เด็กวัยรนุ ปจจุบันไมไ ดค ํานงึ ถงึ ทง้ั น้ีอาจเปนเพราะการดแู ลเอาใจใสใหการอบรมจากบิดา

75 มารดามีนอ ยลง เด็กยุคใหมรบั อารยะธรรมความกา วหนาหรืออิทธิพลตางประเทศมากข้ึน จึงไมค อ ย เชื่อฟงบดิ ามารดา จงึ เปน สิ่งจาํ เปนท่ีตอ งปลกู ฝงใหเกิดจติ สาํ นึกโดยครอบครวั ชุมชนโรงเรยี นสถาบนั ทีม่ ีสวนเกี่ยวของควรเขา มามบี ทบาทรณรงคป อ งกันปญหานร้ี ว มกนั การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร เปนพฤติกรรมที่กอใหเกิดปญหาตางๆตามมาในชีวิต ตลอดจนเปนปญหาหรือภาระแกสังคม ชมุ ชนดวย เชนเกิดการติดโรคทางเพศสัมพันธแ ละยังเปน บุคคลแพรเชอื้ โรคทางเพศสมั พันธแ กค นอนื่ ดว ยถาบคุ คลนนั้ ใหบริการทางเพศการต้ังครรภเม่ือไมมี ความพรอมหรือตั้งครรภโ ดยไมค าดคิดนอกจากจะสงผลกระทบตอ ชีวิตของตนเองแลว ยัง สงผล กระทบตอครอบครัว ทําใหบ ดิ ามารดา ญาติพน่ี อ งอับอายเสียใจรวมสง ผลกระทบตอ สงั คม เชน ปญ หา เด็กถกู ทอดทิ้งเพราะพอ แมไมต องการบุตร หรือไมพรอ มจะรบั เลยี้ งดบู ุตรเนอ่ื งจากยังไมม ีอาชีพ เรียน ไมจ บ ดังนน้ั จึงตองใหคาํ แนะนําอบรมส่งั สอนใหพ ฤตกิ รรมตนอยูในกรอบของสังคมที่ดีไมย ุงเกยี่ ว เรื่องเพศสัมพันธปองกันตนเองไมปลอยตัวใหมีเพศสัมพันธในวัยทีย่ ังไมส มควรใหต้งั ใจศึกษาเลา เรียน และสามารถประกอบอาชพี จนเลย้ี งตัวเองไดแลว จึงคิดมีครอบครวั ภายหลัง 1.สอนความรเู รื่องเพศ เพศสมั พนั ธและการคุมกําเนิดแกเดก็ นักเรียน นกั ศกึ ษาท่ีกําลังกาวเขา สู วัยรนุ พรอ งท้ังชี้ใหเหน็ ขอ ดีขอเสยี ของการมีเพศสัมพันธกอ นวยั อนั ควร และการตง้ั ครรภเมือ่ ไมพรอม โดยเนนยํ้าใหเหน็ ผลเสีย ไดแก การสญู เสยี โอกาสในการศกึ ษา และการประกอบอาชพี การงานที่ดี ตลอดจนโอกาสในการเจอคคู รองทด่ี ีในอนาคต 2.สอนวยั รนุ ชายใหม ีความรับผดิ ชอบและใหเ กยี รตผิ ูหญงิ เน่ืองจากในสงั คมไทยยัง ยกยอง เพศชายวาเปนเพศท่ีแข็งแรงกวาจึงควรสอนใหผูชายมีความคิดท่ีจะปกปองชวยเหลือ เพศหญิง มากกวานอกจากน้ีเพศชายจะตองใหเกียรติผูหญิงและมีความรับผดิ ชอบในการกระทําของตนเอง ปญ หาการทําแทง สวนใหญพ บวา ฝายชายไมย อมรบั การตั้งครรภ 3.ปลูกฝง คา นยิ มในการรกั นวลสงวนตัวตงั้ แตวัยเด็ก และเนนย้ํามากขึ้นในวัยรุน ไดแกการ แตงกายใหสุภาพ ไมแตงกายลอแหลม ยัว่ ยุอารมณเพศตรงขามซึ่งเปน เหตใุ หเกิดการขมขืนกระทํา ชาํ เรา 4.สอนใหรูจ กั การปฏิเสธในสถานการณท ี่ไมเหมาะสมไดแ กปฏเิ สธทจี่ ะไปเที่ยวตอ หลังเลกิ เรยี น ปฏิเสธท่จี ะไปไหนๆกับเพ่อื นชายตามลาํ พงั ไมเ ปดโอกาสใหเ พศตรงขา มถูกเนื้อตอ งตัว เปน ตน แนวทางการแกไ ขปญหาการต้งั ครรภไ มพ่งึ ประสงคนค้ี งตอ งเรม่ิ จากการปลกู ฝงนสิ ยั ตั้งแตวัย เด็กใหส อดคลอ งกบั สภาพสงั คมในยคุ โลกาภิวฒั นน ี้ เชื่อวา ปญ หาการทําแทงผิดกฎหมายอาจเบาบาง ลงไป

76 บทท่ี 4 สารอาหาร สาระสาํ คัญ ความตอ งการสารอาหาร ตาม เพศ วยั ของรา งกาย เปนความตอ งการสารอาหารในบุคคลแตล ะ ชวง และแตละเพศ ยอ มมคี วามแตกตางกัน เปน ท่ยี อมรับกันทวั่ ไปแลววาอาหารมสี วนสําคัญอยางมาก ในวัยเด็กทั้งในดา นการเจรญิ เติบโตของรา งกายและการพัฒนาการในดา นความสัมพนั ธของระบบการ เคลอื่ นไหวของรางกาย ผลการเรยี นรูท่ีคาดหวงั 1. วิเคราะหป ญ หาสขุ ภาพทเ่ี กดิ จากการบริโภคอาหารไมถ กู หลกั โภชนาการ 2. บอกสารอาหารท่ีรา งกายตองการตามเพศ 3. อธบิ ายวธิ ีการประกอบอาหารเพื่อรักษาคุณคา ของอาหาร ขอบขา ยเนือ้ หา เรื่องท่ี 1. สารอาหาร เรื่องที่ 2. วิธกี ารประกอบอาหารเพือ่ คงคณุ คาของสารอาหาร เร่ืองท่ี 3. ความเชื่อและคา นยิ มเกีย่ วกบั การบรโิ ภค เร่ืองท่ี 4. ปญหาสขุ ภาพท่เี กดิ จากการบรโิ ภคอาหารไมถ กู หลักโภชนาการ

77 เร่อื งท่ี 1 สารอาหาร ปรมิ าณความตอ งการสารอาหาร ตาม เพศ วัยและสภาพรางกาย ความสําคัญของอาหารและ ความตองการสารอาหารในบุคคลแตละชวง และแตล ะเพศ มคี วามแตกตา งกันตามธรรมชาติ ดังนั้น ปรมิ าณของสารอาหารท่คี วรไดรบั ในแตละบคุ คลจะแตกตางกนั 1. ความตอ งการสารอาหารในวยั เด็ก เปนที่ยอมรับกันท่ัวไปแลววา อาหารมีสวน สําคัญอยางมากในวัยเด็กทั้งในดานการ เจรญิ เตบิ โตของรา งกายและการพฒั นาการในดา นความสัมพันธของระบบการเคลื่อนไหวของรา งกาย ตลอดจนในดานจติ ใจ และพฤติกรรมในการแสดงออกและปจจัยท่ีมีสวนสําคญั ท่ีทําใหเด็กไดรับ อาหารที่ถกู หลักทางโภชนาการ ไดแก 1.ครอบครัวทีค่ อยดูแลและเปนตัวอยา งที่ดี 2.ตัวเดก็ เอง ท่จี ะตองถกู ฝก ฝน 3.ส่งิ แวดลอ มทําใหเกิดการปฏบิ ตั ิอยางคนขางเคยี ง อาหารที่ถูกหลกั โภชนาการในวัยเดก็ นนั้ เปนทที่ ราบดีอยแู ลววาเด็กตองการอาหารครบทั้ง 3 ประเภท เพ่ือการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการ สง่ิ ทตี่ อ งคํานึงถงึ คือ อาหารทใี่ หเ ดก็ ควรไดรับ ไดแก 1.อาหารท่ีใหโปรตีน ไดแ ก นม ไข เนื้อสัตว ตลอดจนโปรตีนจากพืชจําพวกถ่ัวเขียว ถั่ว เหลอื ง 2.อาหารที่ใหพลงั งาน ไดแกขา ว แปง นํ้าตาล ไขมนั และน้าํ มัน สว นนํา้ อดั ลม หรือขนมหวาน ลกู กวาดตาง ๆ ควรจํากดั ลง เพราะประโยชนน อ ยมากและบางทที ําใหมปี ญ หาเรอื่ งฟน ผุดวย 3.อาหารที่ใหวติ ามนิ และเกลอื แรไดแ ก พวก ผกั ผลไม และอาหารทีม่ ีใยอาหารที่มีสวนทําให เก็บไมทอ งผูก 2. ความตองการสารอาหารของเดก็ วยั เรียน ในปจจุบนั ภาวะของความเรงรบี ในสงั คมอาจจะทําใหพอ แมหรอื ผปู กครองละเลยเร่ืองอาหาร เชาของเด็กวัยเรียน เดก็ วยั เรียนเปน วยั ทีร่ างกายกาํ ลงั เจรญิ เตบิ โต ตองการอาหารเชา ถ า เ ด็ ก ไ ม ไ ด รบั ประทานอาหารเชา จะทําใหเ ดก็ ขาดสมาธิในการเรยี น สมองมึน งว ง ซมึ และถาเด็กอดอาหารเปน เวลานาน ๆ ตดิ ตอกัน จะทําใหมีผลเสยี ตอระบบการยอ ยอาหาร และเปน โรคขาดสารอาหารไดดังน้ัน การเลือกอาหารเชาที่เดก็ วัยเรยี นควรไดร บั ประทานและหาไดงาย คือ นมสด 1 กลอง ขา วหรือขนมปง ไข อาจจะเปน ไขด าว ไขลวก หรอื ไขเ จียว ผลไมท ห่ี าไดงา ย เชน กลวยน้ําวา มะละกอ หรือสม เทาน้ี เดก็ กจ็ ะไดรับสารอาหารที่เพียงพอแลว 3. ความตองการสารอาหารในวัยรนุ วยั รุน เปนวยั ทีม่ กี ารเจรญิ เติบโตในดา นรางกายอยางมาก และมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ และจิตใจคอนขางสูง มีกิจกรรมตาง ๆ คอนขางมากท้ังในดานสังคม กีฬา และบันเทิง ความตองการ สารอาหารยอมมมี ากขนึ้ ซึ่งจะตอ งคาํ นงึ ทงั้ ปรมิ าณและคณุ ภาพใหถูกหลักโภชนาการ

78 ปจ จยั ท่ีสาํ คญั คือ 1.ครอบครัว ควรปลกู ฝง นสิ ัยการรับประทานอาหารทีถ่ ูกหลักโภชนาการ เร่ิมตน จากท่บี านท สาํ หรบั วัยรนุ ทพ่ี ยายามจํากัดอาหารลง คนในครอบครัวจะตอ งใหคาํ แนะนาํ เพอื่ ไมไปจาํ กัดอาหารท่ีมี คณุ คาและจําเปน ตอ รางกาย 2.วัยรุน จะเรมิ่ มีความคดิ เหน็ เปนของตัวเองมากข้นึ การรับความรูเกีย่ วกับโภชนาการ มีความ จาํ เปนเพือ่ ใหเห็นความสาํ คญั ของการรบั ประทานอาหารที่มีคณุ คาทางโภชนาการอยางสม่ําเสมอซ่งึ จะ มผี ลดตี อ ตวั วยั รุนเองโดยตรง 3.ส่งิ แวดลอ มในโรงเรียนหรือสถานศึกษาอทิ ธิพลจากเพอื่ นฝูงมีสวนทที่ ําใหว ัยรุนเลยี นแบบ กนั เร่อื งการรับประทานอาหาร ตลอดจนการบรโิ ภคสารอนั ตราย เชน เหลา บุหร่ี และยาเสพติด การ ดูแลอยางใกลชิดตลอดจนการสนับสนุนใหวัยรุนเลนกีฬา หรือทํากิจกรรมที่มีประโยชนจะมีผล ทางออม ทําใหนิสัยท่ีดีในการบริโภคอาหารไมถ ูกเบี่ยงเบนไป ความตองการอาหารท่ีใหโปรตีน พลงั งาน และวิตามินตอ งเพียงพอสาํ หรบั วัยรนุ วิตามินตองเหมาะสมและโดยเฉพาะอยางยิ่งอาหารท่ีมี เกลอื แรประเภทแคลเซียมและเหลก็ ตอ งเพียงพอ 4. ความตองการสารอาหารในวัยผูใหญ วัยผูใหญถงึ แมจะหยุดเจรญิ เตบิ โตแลว รา งกายยังตอ งการสารอาหารอยา งครบถว น เพ่ือนําไป ทํานุบํารุงอวัยวะ และเนือ้ เย่อื ตาง ๆ ของรางกาย ใหคงสภาพการทํางานที่มสี มรรถภาพตอไป และ ปจ จัยสําคัญอยางหนึ่ง ที่จะทําใหวัยผูใหญยงั คงแข็งแรงไดแก การบริโภคอาหารท่ีถกู ตองตามหลกั โภชนาการ การควบคมุ อาหารในวัยผใู หญ มขี อแนะนําดงั นี้ 1.ใหบริโภคอาหารหลายชนิด เน่ืองจากไมมีอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งท่ีใหคุณคาทาง โภชนาการไดครบถวน 2. บริโภคอาหารในปริมาณท่ีพอเหมาะ เพ่อื ใหน ้ําหนกั อยใู นเกณฑท่ตี องการ 3. หลกี เลย่ี งการรับประทานท่ีมีไขมันมากเกนิ ไป 4. บริโภคอาหารทม่ี ปี ริมาณของแปง และกากใยใหเ พยี งพอ 5. หลีกเล่ยี งการบรโิ ภคอาหารที่ปรุงดวยปรมิ าณน้ําตาลจาํ นวนมาก 6. หลกี เลีย่ งการบรโิ ภคอาหารเค็มมากเกินไป 7. หลกี เลีย่ งเคร่อื งดืม่ ที่มแี อลกอฮอล 5. ความตองการสารอาหารของวยั ผสู ูงอายุ ผสู งู อายุในท่นี ห้ี มายถึงผูท่ีอยใู นวยั 60 ปข ้ึนไป สาํ หรบั ปญหาเรอื่ งอาหารการกนิ หรอื โภชนาการในวยั น้ี ขอใหร ับประทานอาหารใหครบทกุ หมูแ ละควบคุมปริมาณ โดยดจู ากการควบคมุ น้ําหนักตัวไมใหมากข้ึน และกรณนี ํา้ หนักเกินอยูแ ลว ควรจะลดนํ้าหนกั ใหส มั พันธกับสว นสูง

79 ขอแนะนําในการดูแลเรื่องอาหารในผูส งู อายมุ ีดังน้ี 1.โปรตีน ควรใหรับประทานไขวันละ 1 ฟอง และดื่มนมอยางนอยวันละ 1 แกวสําหรับ โปรตีนจากเนอื้ สัตวค วรลดนอยลง 2.ไขมนั ควรใชน า้ํ มนั ถวั่ เหลอื งหรอื นํา้ มนั ขา วโพด ในการปรุงอาหารเพราะเปนนํ้ามนั พืชทม่ี ี กรดไลโนเลอกิ 3.คารโบไฮเดรต คนสูงอายุควรรับประทานขาวลดลงและไมควรรับประทานนํ้าตาลใน ปริมาณที่มาก 4.ใยอาหาร คนสงู อายคุ วรรับประทานอาหารทเี่ ปน พวกใยอาหารมากข้ึน เพอื่ ชวยปองกันการ ทอ งผูกชว ยลดระดบั โคเลสเตอรอลในเลอื ดและลดอุบัตกิ ารของการเกดิ มะเร็งลาํ ไสใ หญลงได 5.นาํ้ ด่มื คนสงู อายุควรดืม่ นา้ํ ปริมาณ 1 ลิตรตลอดทงั้ วัน แตท ้งั น้ีสามารถปรับเองไดตามความ ตองการของรางกาย โดยสังเกตดวู าถาปสสาวะมสี ีเหลืองออน ๆ เกือบขาว แสดงวาน้ําในรางกาย เพียงพอแลว สวนเครื่องดื่มแอลกอฮอลรวมท้ังน้ําชา กาแฟ ควรงดเวนถา ระบบยอยอาหารในคน สูงอายไุ มด ี ทา นควรแบงเปนม้อื ยอ ย ๆ แลวรับประทานทลี ะนอย แตหลายม้อื จะดีกวา แตอ าหารหลัก ควรเปน มอื้ เดยี ว 6.ความตองการสารอาหารในสตรีต้งั ครรภ สตรีตั้งครรภ นอกจากตอ งมีสารอาหารท้งั 6 ประเภทไดแ กโปรตีน คารโ บไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลอื แร และนํ้า ในอาหารที่รบั ประทานเปนประจําใหครบทุกประเภทแลว สตรีตั้งครรภตอง ทราบอกี วา ควรท่จี ะเพ่มิ สารอาหารประเภทใด จึงจะทาํ ใหเ ด็กในครรภไ ดร ับประโยชนส งู สดุ ดังน้ี 1.อาหารท่ีใหโ ปรตีน ไดแกไข นม เนื้อสตั ว เครื่องในสัตวแ ละถ่ัวเมล็ดแหง สตรีตั้งครรภจงึ ควรรับประทานไขวันละ 1-2 ฟอง นมสดวันละ 1-2 แกว เนื้อสัตวบกและสัตวทะเล ซ่ึงจะไดธาตุ ไอโอดีนดวยอาหารประเภทเตาหูและนมถวั่ เหลือง กม็ ีประโยชนในการใหโปรตีนไมแพเน้ือสัตว เชนกนั 2.อาหารท่ใี หพ ลังงาน ไดแ ก ขาว แปง นา้ํ ตาล ไขมนั และนํา้ มัน สตรตี ้ังครรภค วรรับประทาน ขา วพอประมาณรว มกบั อาหารท่ีใหโปรตนี ดังกลา วแลว ควรใชน ํ้ามันพืชซ่งึ มีกรดไขมนั จําเปน ในการ ประกอบอาหาร เชนน้าํ มนั ถัว่ เหลือง นํา้ มนั ขาวโพด สตรตี ง้ั ครรภควรจะตองรับอาหารทจี่ ะใหพลังงาน มากข้นึ วันละปรมิ าณ 300 แคลลอรี่ 3.อาหารท่ีใหวิตามินและเกลอื แร สตรีตัง้ ครรภตองการอาหารท่ีมวี ติ ามินและเกลือแรเ พ่ิมข้ึน ควรรบั ประทานอาหารประเภทผกั และผลไมทุกๆวันเชนสม มะละกอ กลวย สลับกันไป จะไดใย อาหารเพอ่ื ประโยชนใ นการขบั ถายอุจจาระดว ย เกลอื แรทสี่ าํ คัญควรรบั ประทานเพม่ิ ไดแ ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนเี ซียม เหลก็ สงั กะสี และไอโอดนี สว นวิตามนิ ไดแ กกลุมที่ละลายในไขมนั เชน เอ ดี อี เค และท่ลี ะลายในนํ้าไดแ กวิตามนิ บีและวิตามนิ ซี

80 รางกายเราตองการสารอาหารที่มอี ยูในอาหารตางๆ เพ่อื ใหมีสุขภาพท่ีดี แตเราจะตอ งรูวาจะ กินอยา งไร กินอาหารอะไรบา งมากนอ ยเพยี งใดจงึ จะไดสารอาหารครบเพียงพอกบั ความตองการของ รางกาย ขอปฏิบัติการกนิ อาหารเพ่อื สุขภาพท่ีดีของคนไทย 9 ขอหรอื โภชนาการบัญญัติ 9 ประการน้ี จะชว ยไดถาทานปฏิบตั ติ ามหลักดังตอ ไปน้ี 1.กินอาหารครบ 5 หมูแตล ะหมูใ หห ลากหลายและหมั่นดแู ลน้ําหนักตวั 2.กินขาวเปน อาหารหลกั สลบั กบั อาหารประเภทแปงเปน บางมอ้ื 3.กินพชื ผักใหม ากและกนิ ผลไมเปนประจาํ 4.กนิ ปลา เน้ือสัตวท ่ีไมต ิดมนั ไข ถั่วเมล็ดแหงเปน ประจาํ 5.ดมื่ นมใหเหมาะสมตามวัย 6.กินอาหารที่มไี ขมนั พอสมควร 7.หลีกเลย่ี งการกินอาหารรสหวานจดั และเค็มจัด 8.กินอาหารทีส่ ะอาดปราศจากการปนเปอ น 9.งดหรอื ลดเครือ่ งดืม่ ที่มแี อลกอฮอล สารตา นอนุมลู อสิ ระ ในรางกายของคนเราเซลลจะผลิตสารชนิดหนึ่งเพือ่ ทําลายเน้ือเยื่อตนเองเพ่ิมมากข้ึน สารน้นั เรียกวาอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระน้ีเปน ตวั การสําคญั ท่ีทําใหเกิดปญหาทางสุขภาพหลายประการ ท้ัง ภาวะความจาํ เสือ่ ม โรคมะเรง็ เปน ตน ในขณะเดียวกันรา งกายกส็ ามารถจดั การกบั อนุมูลอิสระไดโดยสรางสารตานอนมุ ูลอิสระ ออกมาในกระแสเลือด เพื่อจับกับอนมุ ูลอสิ ระไดถึง 99.9 % คงเหลอื ทําลายเซลลอยูเพียง 0.1% แต กระนน้ั ก็ทาํ ใหเซลลเกดิ การบาดเจ็บและยง่ิ นานวันรอยแผลก็สะสมมากข้ึน เม่ือคนเราแกลงรางกายก็ จะสรางสารตานอนุมลู อสิ ระลดลงรา งกายจะตองการสารตา นอนุมลู อสิ ระมากข้ึน เพ่ือสงผลใหอายุยืน สุขภาพแขง็ แรงตอ ตา นโรคชรา โรคมะเรง็ เปนตน สารตานอนุมูลอิสระที่สาํ คญั ทเ่ี ราพบในแหลง อาหาร มดี งั น้ี 1.เบตา-แคโรทีน มีมากในแครอท และผักสีเหลืองสมผักสีเขียวเขมตางๆเชนมะเขือเทศ ฟก ทอง ตาํ ลงึ ผักบงุ ผักกวางตุง ผกั คะนา ยอดแค เปน ตน 2.วติ ามินซี มีมากในฝรง่ั สม มะขามปอ ม มะนาว มะเขือเทศ ผกั ผลไมส ด ตา งๆ ผกั คะนา และ กระหล่ําดอกมีวิตามนิ ซสี ูงมาก วติ ามิน ซี ถกู ทาํ ลายไดง า ย ดว ยความรอนความขน้ึ และแสง 3.วิตามนิ อี มีในรําละเอียด ในพวกธัญพชื ท่ีไมขดั ขาว ขา วโพด ถว่ั แดง ถัว่ เหลอื ง ผักกาดหอม เมล็ดทานตะวนั งา นํ้ามันราํ น้าํ มันถั่วลิสง นา้ํ มันจากเมลด็ พชื ตา งๆ 4.ซีลเิ นียม พบในอาหารทะเลเนือ้ สัตวธัญพชื ทีไ่ มขัดขาวนอกจากน้ียังมสี ารท่พี บในผักผลไม ทมี่ คี ุณสมบัติในการตา นสารอนมุ ลู อสิ ระซง่ึ สามารถจบั กับอนมุ ลู อิสระลดอนั ตรายไมใหเ กิดโรคมะเร็ง

81 ได พบไดม ากในตระกูลสม องุน และผลไมสดอ่นื ๆรวมท้ังผักผลไมตางๆ เชน กระเทียม ผักตระกูล ผกั กาด ตวั อยา ง ประเภทและจํานวนของอาหารทค่ี นไทยควรรับประทานอาหารใน 1 วัน สําหรบั เด็กอายุ 6 ปขึน้ ไปถึงวัยผูใหญและผูสงู อายโุ ดยแบง ตามการใหพลงั งาน กลมุ อาหาร หนว ยครัวเรอื น พลังงาน (กโิ ลแคลอร)ี 1,600 2,000 2,400 ขา ว – แปง 1 ทพั พี = 60 กรมั หรือ คร่งึ ถว ยตวง 8 ทพั พี 10 ทัพพี 12 ทพั พี ผกั 1 ทพั พี = 40 กรัม หรอื ครึง่ ถว ยตวง 4 (6) ทพั พี 5 ทัพพี 6 ทพั พี ผลไม 1 สวน = สมเขียวหวาน 1 ผล หรอื 3 (4) สวน 4 สว น 5 สว น กลวยนํา้ วา 1 ผล หรือ เงาะ 4 ผล เนื้อสตั ว 1 ชอนกนิ ขาว = ปลาทูครงึ่ ตัว หรอื 6 ชอน 9 ชอ น 12 ชอ น ไขค ร่ึงฟอง หรือไกคร่ึงนอง กินขาว กนิ ขา ว กนิ ขา ว นม 1 แกว = 250 ซซี ี 2 (1) แกว 1 แกว 1 แกว นาํ้ มัน นํ้าตาล และ ชอนชา ใชแ ตน อ ยเทา ทจ่ี ําเปน เกลอื หมายเหตุ เลขใน ( ) คือปรมิ าณท่แี นะนาํ สําหรบั ผูใหญ 1,600 กิโลแคลอรี สําหรบั เด็กอายุ 6-13 ป หญิงวัยทาํ งานอายุ 25-60 ป ผสู ูงอายุ 60 ปขึ้นไป 2,000 กโิ ลแคลอรี สาํ หรับ วัยรนุ หญิง-ชาย อายุ 14-25 ป วยั ทํางานอายุ 25-60 ป 2,400 กโิ ลแคลอรี สําหรับ หญงิ -ชาย ทีใ่ ชพลังงานมากๆ เชน เกษตรกร ผูใชแรงงาน นักกีฬา สรปุ อาหารเปนปจ จยั ทม่ี ผี ลตอ การเจรญิ เติบโต และพัฒนาการของมนุษย การรับประทานอาหาร ควรยดึ หลักโภชนาการ เพือ่ ใหไ ดพ ลังงานและสารอาหารท่ีพอเพียง วัยรนุ เปน วัยท่กี าํ ลงั เจริญเติบโต จึงควรบริโภคอาหารใหถูกตองตามหลักโภชนาการ

82 เรื่องท่ี 2 วิธีการประกอบอาหารเพือ่ คงคณุ คาของสารอาหาร 1. หลักการปรงุ อาหารที่ถูกสุขลกั ษณะ เพ่ือใหไดอาหารท่สี ะอาด ปลอดภัย และมีคุณคาทางโภชนาการ มหี ลักการปรุงอาหารท่ถี ูก สขุ ลักษณะ โดยคาํ นึงถงึ หลกั 3 ส คอื สงวนคณุ คา สกุ เสมอ สะอาดปลอดภัย สงวนคุณคา คือ การปรุงอาหารจะตอ งปรงุ ดว ยวิธีการปรุง ประกอบเพอ่ื สงวนคุณคาของ อาหารใหม ปี ระโยชนเตม็ ที่ เชน การลางใหส ะอาดกอนหัน่ ผัก การเลือกใชเกลือเสริมไอโอดีน สุกเสมอ คอื ตอ งใชความรอ นในการปรงุ อาหารใหส ุกโดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสตั วท้งั น้ี เพ่ือตองการจะทาํ ลายเชือ้ โรคท่ีอาจปนเปอนมากบั อาหาร การใชความรอนจะตองใชความรอนใน ระดับทสี่ งู ในระยะเวลานานเพียงพอที่ความรอ นจะกระจายเขา ถึงทกุ สวนของอาหาร ทําใหสามารถ ทําลายเชือ้ โรคไดอยา งมปี ระสิทธภิ าพ สะอาดปลอดภัย คือ จะตองมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของอาหารกอนการปรุง ประกอบวาอยใู นสภาพท่ีสะอาด ปลอดภัย ไดมาตรฐาน เชน เน้ือหมูสด ตองไมม ีเม็ดสาคู (ตัวออ น พยาธติ ัวตืด) นาํ้ ปลา จะตองมีเครื่องหมาย อย.รับรอง เปนตน และจะตอ งมกี รรมวีธีขั้นตอนการปรุง ประกอบอาหารท่สี ะอาด ปลอดภยั และถกู สขุ ลกั ษณะ มผี ปู รงุ ผูเสิรฟ อาหารท่มี สี ุขวทิ ยาสวนบคุ คลทดี่ ี รูจักวิธีการใชภาชนะอปุ กรณและสารปรุงแตงรสอาหารทถ่ี ูกตองเชน วีการสดปริมาณสารพิษกาํ จัด ศตั รูพืชทีต่ กคา งในผกั สด การใชชอนชิมอาหารเฉพาะในการชมิ อาหารระหวา งการปรงุ อาหาร 2. หลักการทําอาหารใหสะดวกและรวดเรว็ อาหารท่ปี รงุ เองนอกจากจะประหยัดแลวยงั ไดอาหารที่สะอาด สด ใหม มีรสถูกปากและลด ความเสี่ยงจากการมสี ารเคมปี นเปอนแต เวลา มักจะเปนขอจาํ กดั ในการลงมือทําอาหาร แมบา นอาจมี วิธกี ารเตรียมอาหารพรอมปรุงในวนั หยุด เกบ็ ไวในตเู ย็นแลวนํามาปรุงใหมไดโดยใชเวลานอยแตได คณุ คามากเรม่ิ จากอาหารประเภทเนอื้ สตั ว เชน หมู ไก กุง ปลา เมื่อซือ้ มาจัดเตรียมตามชนิดท่ีตองการ ปรุงหรือหุงตม แลว ทาํ ใหสกุ ดวยวธิ กี ารตมหรอื รวน แลวแบงออกเปน สวนๆตามปรมิ าณทีจ่ ะใชแ ตละ ครัง้ แลว เกบ็ ไวใ นตูเ ย็น ถา จะใชในวันรุง ขึ้น หรือเก็บไวในชอ งแชแ ข็งถา จะเก็บไวใชน าน เมอื่ ตอ งการ ใชก น็ าํ ออกมาประกอบอาหารไดทันที โดยไมต อ งเสียเวลา รอใหละลายเหมือนการเก็บดบิ ๆ ทั้งช้ิน ใหญโ ดยไมห่นั การเตรยี มลว งหนาวิธนี ี้ นอกจากจะสะดวก รวดเรว็ แลว ยังคงรสชาติและคุณคาของ อาหารอีกดว ย 3. หลักการเก็บอาหารใหส ะอาดปลอดภัย การเกบ็ อาหารตามหลักการสขุ าภบิ าลอาหารมีวัตถุประสงคเ พื่อยืดอายุของอาหารท่ีใชบริโภค โดยจะตองอยใู นสภาพที่สะอาดปลอดภยั ในการบรโิ ภค หลกั การในการเก็บอาหารใหคํานึงถึงหลกั 3 ส. คือสดั สว นเฉพาะ สิ่งแวดลอมเหมาะสม สะอาดปลอดภยั สดั สว นเฉพาะ คือ ตอ งเก็บอาหารใหเ ปนระเบียบ แยกเก็บตามประเภทอาหารโดยจดั ใหเ ปน สัดสวนเฉพาะไมปะปนกัน มฉี ลากซื้อหรอื เคร่อื งหมายอาหารแสดงกํากับไว

83 สิ่งแวดลอมเหมาะสม คอื ตองเก็บอาหารโดยคํานึงถึงการจดั สภาพสิ่งแวดลอมใหเหมาะสม กบั อาหารแตล ะประเภทโดยคํานงึ ถงึ อุณหภูมิความชื้นเพ่อื ชวยทําใหอ าหารสดสะอาดเก็บไดนานไม เนาเสยี งายส่ิงแวดลอมของอาหารจะจดั การใหอยใู นสภาพท่ีจะปองกันการปนเปอนได เชน การเก็บ อาหารกระปอ งในบริเวณทมี่ ี อาหารหมนุ เวียน สงู จากพน้ื อยางนอย 30 ซม. การเกบ็ นมพาสเจอไรสไว ในอณุ หภูมิต่ํากวา 7 องศาเซลเซยี ส เปน ตน สะอาดปลอดภยั คือ ตอ งเกบ็ อาหารในภาชนะบรรจุท่ถี ูกสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภยั มีการ ทําความสะอาดสถานทีเ่ กบ็ อยางสมา่ํ เสมอไมเกบ็ สารเคมที เ่ี ปน พษิ อ่ืนๆเชน การใชถงุ พลาสติก/กลอ ง พลาสตกิ สาํ หรบั บรรจอุ าหารในการบรรจุอาหารท่เี ก็บไวใ นตเู ยน็ /ตแู ชแขง็ เปน ตน 4. อณุ หภูมิเทา ไหรจึงจะทําลายเชอื้ โรคได เชื้อจุลินทรยี มอี ยูท่วั ไปตามส่ิงแวดลอมมนุษย สัตว อาหาร ภาชนะอุปกรณแ ละสามารถจะ ดํารงชีวิตอยูไดในชวงอุณหภูมิต่ํากวา 0 องศาเซลเซียส จนถึง 75 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะ เชอื้ จลุ นิ ทรียท ีก่ อ ใหเกิดโรคระบาดทางเดินอาหารมักจะเปนเชือ้ จุลินทรียที่สามารถเจริญเติบโตไดดีท่ี อุณหภูมิหองประมาณ 25 องศาเซลเซียส ถงึ 40 องศาเซลเซียส ฉะนั้น การทําลายเช้ือจลุ นิ ทรียท ีก่ อ ใหเ กดิ โรคระบบทางเดินอาหารจําเปน จะตอ งกาํ หนดชวง อณุ หภูมิท่ีเหมาะสมเพ่ือจะไดแ นใ จวา เชอ้ื จุลนิ ทรยี ถ ูกทําลายจนหมดส้ินในขบวนการผลติ อาหารทาง อตุ สาหกรรมการทาํ ลายเชอ้ื โรคจําเปน ตองอาศัยอุณหภมู ิทเ่ี หมาะสมควบคูไปกับระยะเวลาท่เี หมาะสม จึงจะมปี ระสิทธิภาพในการทําลายท่ดี ี คืออุณหภูมิท่สี งู มากใชระยะเวลาสั้น(121องศาเซลเซียสเปน เวลา 1 นาที)และอุณหภมู ิที่ตา่ํ ใชระยะเวลานาน(63 องศาเซลเซียส เปน เวลา 30 นาท)ี ทั้งท่ียงั มปี จจยั อื่น ท่เี ก่ียวขอ งในการควบคุมไดแ กป ริมาณเชอื้ จุลินทรยี ป ระเภทของอาหารคาความเปนกรด ดาง ความชน้ื สําหรับในการปรุงประกอบอาหารในครัวเรือนอุณหภูมิท่ีสามารถทําลายเชื้อจุลนิ ทรยี  คอื 80 องศาเซลเซยี ส-100 องศาเซลเซยี ส (อณุ หภูมนิ ้ําเดอื ด)เปน เวลานาน 15 นาทสี าํ หรับอุณหภูมใิ นตูเยน็ 5 องศาเซลเซียส-7องศาเซลเซยี ส เชอ้ื จลุ ินทรยี สามารถดาํ รงชีวิตอยไู ด และสามารถเพ่ิมจํานวนไดอยาง ชา ในขณะทีอ่ ุณหภูมแิ ซแข็งตํา่ กวา 0 องศาเซลเซยี ส เช้อื จลุ ินทรียส ามารถดํารงอยูไ ดแ ตไมเพิม่ จํานวน อณุ หภูมทิ เี่ ชื้อจุลนิ ทรียต ายคือ-20องศาเซลเซียส และฉะนั้นเพอ่ื ความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอาหารเน้ือสัตวควรปรุงอาหารใหสุกเสมอโดยท่ัวทุกสวนที่อุณหภูมิสูงกวา 80 องศา เซลเซียส ขนึ้ ไปหรือสกุ เสมอ สะอาด ปลอดภัย 5. อุณหภูมิท่เี หมาะสมในการเกบ็ อาหารสดประเภทเนื้อสัตว อาหารเนอื้ สตั วสด เปนอาหารทมี่ คี วามเสย่ี งสงู เพราะมีปจ จัยเอ้ือตอ การเนา เสยี ไดง าย คือมี ปริมาณสารอนิ ทรยี สงู มีปรมิ าณน้ําสูง ความเปนกรดดา งเหมาะสมในการเจรญิ เติบโตของเชือ้ จลุ ินทรีย การเก็บเนอ้ื สตั วส ดทถี่ ูกสุขลกั ษณะ คือตองลางทําความสะอาดแลวจึงห่นั หรือแบงเนื้อสัตว เปนช้ิน ๆ ขนาดพอดที ี่จะใชในการปรุงประกอบอาหารแตละคร้ังแลวจึงเก็บในภาชนะทีส่ ะอาดแยก เปนสัดสวนเฉพาะสําหรับเน้ือสัตวสดที่ตองการใชใหหมด ภายใน 24 ช่ัวโมงสามารถเก็บไวใน

84 อณุ หภูมิตูเย็นระหวาง 5 องศาเซลเซยี ส -7 องศาเซลเซยี สในขณะท่เี นือ้ สัตวสดทต่ี องการเก็บไวใ ชน าน (ไมเกิน7วัน)ตองเก็บไวในอุณหภูมิตูแชแข็ง อุณหภูมิตาํ่ กวา 0 องศาเซลเซียส ทั้งนี้เมือ่ จะนาํ มาใช จาํ เปนจะตองนํามาละลายในไมโครเวฟ แตถ าละลายในน้ําเย็นจะตองเปล่ียนนํ้าทุก 30 นาที เพอื่ ให อาหารยงั คงความเยน็ อยูแ ละนํ้าทใ่ี ชละลายไมเ ปนแหลง สะสมของเชอื้ จุลินทรียที่อาจจะปนเปอ นมาทํา ใหม ีโอกาสเพมิ่ จาํ นวนไดม ากข้นึ จนอาจจะเกดิ เปนอนั ตรายได สรุปอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการเก็บอาหารเนื้อสัตวสดคืออุณหภูมิตูเย็นต่ํากวา 7 องศา เซลเซียสในกรณที ีจ่ ะใชภายใน 24 ช่ัวโมง และตํ่ากวา 0 องศาเซลเซยี ส (อุณหภูมิแชแ ข็ง) ในกรณีที่จะ ใชภ ายใน 7 วันซง่ึ เปน อุณหภูมทิ ่เี ชอื้ จุลนิ ทรียย งั คงดาํ รงชวี ิตอยไู ดแ ตม ีอัตราการเจริญเติบโตตํ่าจนถงึ ไมม กี ารเจริญเติบโตทาํ ใหส ามารถเกบ็ รักษาเนื้อสัตวใหสด ใหม สะอาด ปลอดภัย 6. ภาชนะบรรจุอาหารสาํ คัญอยา งไร ภาชนะบรรจุอาหารเปนปจจัยสําคัญท่ีเส่ียงตอการปนเปอนเช้ือโรค สารเคมีที่เปนพิษกับ อาหารท่พี รอ มจะบริโภค ทงั้ น้ี สามารถจะกอ ใหเ กดิ การปนเปอ นไดท กุ ขนั้ ตอน ตงั้ แตข้ันตอนการเกบ็ อาหารดิบ ข้ันตอนการเสิรฟใหกับผบู ริโภค ขัน้ ตอนการเก็บอาหารดบิ ถาภาชนะบรรจทุ ําดวยวสั ดทุ เี่ ปนพิษหรอื ภาชนะทป่ี นเปอ นเช้ือโรค ก็จะทําใหอาหารทบ่ี รรจุอยูป นเปอ นไดโ ดยเฉพาะภาชนะบรรจอุ าหารเนอ้ื สัตวส ด เม่ือใชแ ลวตองลาง ทําความสะอาดใหถูกตองกอนจะนํามาบรรจุเนื้อสัตวสดใหมเพราะอาจจะเปนแหลงสะสมของ เช้ือจุลนิ ทรียไ ดง ายขน้ั ตอนการปรุงประกอบอาหารถา ภาชนะอุปกรณท ี่ใชในการปรงุ ประกอบอาหาร ถาภาชนะอุปกรณที่ใชใ นการปรงุ ประกอบมีการปนเปอ นดวยสารเคมีท่ีเปนพิษ กส็ ามารถปนเปอน อาหารท่ีปรุงประกอบไดเชน ตะแกรงทาสีบรอนดเวลาปงปลา สีบรอนด และสารตะกั่วก็อาจจะ ปนเปอนกับเนื้อปลาไดใ ชภาชนะพลาสติกออนใสนํ้าสมสายชทู ําใหม ีการปนเปอนสารพลาสติก ออกมากบั น้าํ สมสายชทู าํ ใหมกี ารปนเปอ นสารพลาสตกิ ออกมากับนาํ้ สมสายชไู ด ขั้นตอนการเสิรฟอาหารพรอมบรโิ ภคอาหารปรุงสําเร็จถาภาชนะที่ใชลางไมส ะอาดมีการ ปนเปอ นเชอื้ จุลินทรยี สารเคมที เี่ ปน อนั ตรายก็จะปนเปอ นอาหารจนอาจกอ ใหเกิดอนั ตรายกบั ผบู รโิ ภค ได ฉะนั้นเพอื่ ใหไ ดภ าชนะอปุ กรณท ่ีสะอาด ปลอดภยั สิ่งสําคญั ก็คือจะตองรูจ ักวธิ ีการเลือกใช ภาชนะอปุ กรณท่ถี ูกตองไมท าํ จากวสั ดทุ เี่ ปนพิษและใชใหเหมาะสมกับประเภทของอาหารรวมทั้งตอง รูจกั วธิ กี ารลา งและการเกบ็ ภาชนะอปุ กรณใหถ ูกตอง เรอ่ื งท่ี 3 ความเชอื่ และคานยิ มเก่ียวกับการบริโภค คานยิ ม (Value) หมายถึง ลักษณะดา นสังคมซึ่งมีความเชื่อถือ (Beliefs) กันอยาง กวา งขวาง ซึ่งเปนแนวทางในการพิจารณาพฤติกรรมท่เี หมาะสม โดยมกี ารยอมรับอยางแพรห ลายจาก สมาชิกของสังคม หรือหมายถึง ความเช่ือถือของสวนรวมซึ่งมีมานาน โดยมีจุดมงุ หมายเพอื่ การมี

85 ชีวติ อยูรวมกนั เปน ความรูสึกเก่ยี วกบั กิจกรรม ความสัมพนั ธก นั หรือจดุ มุงหมายซึ่งมีความสําคัญตอ ลักษณะหรอื ความเปน อยูของชุมชน ส่งิ ท่ีคนกลุมหนึ่ง ๆ วาอะไรก็ตามที่คนในสังคมสวนใหญชอบ ปรารถนาหรือตองการใหเปน ในปจ จุบันเรามกั จะใหย ินวา คนไทยมีคานยิ มชอบใชของตางประเทศ ชอบเลียนแบบ ชาวตางประเทศโดยรับเอาวัฒนธรรมของตางประเทศเขามามาก โดยลมื คิดถึงความเสียหายที่จะ เกดิ ขนึ้ ซึ่งคําวา “คา นยิ ม” ถือวาเปนปจจัยภายนอกซ่งึ เปนปจจัยท่ีมีอทิ ธิพลตอความรูสึกนึกคิดของ บคุ คลเปน ส่งิ ที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู หรือสิ่งอื่นใดก็ตามท่ีเปนตัวกาํ กับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลเปน ส่งิ ทีเ่ กิดข้ึนจากการเรียนรู หรือส่ิงอ่ืนใดก็ตามท่ีเปนตัวกาํ กับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลท่ีอยใู นสงั คมน้ัน ๆ ซ่ึงความสาํ เร็จหรือความลมเหลวของธรุ กิจทางการตลาดข้นึ อยูกับความ สอดคลองกบั คา นิยมเปน สําคัญ ดังนน้ั คานิยมจึงเก่ียวของกบั การตอบสนองตอ สิ่งกระตุนดวยวธิ ีที่มี มาตรฐาน ซึง่ บุคคลจะถกู กระตนุ ใหมสี ว นรว มในพฤตกิ รรมเพอ่ื ใหบ รรลคุ า นยิ ม และความเกี่ยวของ กับพฤตกิ รรมผบู ริโภคและกลยุทธทางการตลาด ในขณะท่ีแตละชั้นของสังคมจะมีลักษณะของ คานิยมและพฤติกรรมในการบรโิ ภคจะแตกตา งกันออกไป ตวั อยางคานยิ มกับพฤตกิ รรมการบริโภค ของคนไทย มดี งั น้ี 1. กลุมคา นยิ มความร่ํารวย และนิยมใชข องจากตา งประเทศ จุดเดน ทีเ่ ปนนสิ ัยของคนไทย ชอบทาํ ตัววาตัวเองเปนคนร่ํารวยเนื่องมาจากการใชสินคา สนิ คาทน่ี ยิ มใชจะเปน สนิ คาที่นําเขา มาจากตางประเทศเทา นน้ั สวนทีเ่ กย่ี วของกับพฤติกรรมการบริโภค เปนบคุ คลท่ีชอบใชของแพง ๆ ทําใหคนอ่นื มองวาตวั เองเปนผทู ่ีรํ่ารวย ตองการให คนยกยอ งนับถือ เปนคนที่ตองมีเกียรติ ตองการเปนผูนําในการใชสนิ คา นิยมใชส ินคาท่ีนาํ เขา มา เทาน้ัน มองวาสนิ คาในประเทศเปนสินคาท่ไี มมีคุณภาพ ไมมีมาตรฐาน เปนสินคาดอยคุณภาพ จะรูสึกภูมิใจทุกครั้งเม่ือไดใชสินคาที่เปนสนิ คาจากตา งประเทศ ชอบไปเท่ียวตางประเทศเพ่ือไป ซ้ือสินคา บางคร้ังซ้ือมาแลวกไ็ มไดใ ชประโยชนก็จะซอื้ หรือบางคร้ังอาจจะไมมีเวลาไปเท่ียว ตางประเทศก็ชอบฝากใหคนอ่ืนซ้อื มีความเปน ตางชาติสงู มาก จะเปนบุคคลที่เนนการแตงกายดี ตั้งแตศ รี ษะจรดเทา เพ่อื เสริมสรางบุคลิกภาพ สรางความนาเชือ่ ถอื นิยมใชบัตรเครดิตการด ชอบ ความสะดวกสบายไมช อบการรอคอยนาน ๆ ชอบสังคมกบั เพื่อนท่มี ีฐานะร่ํารวย เทาเทยี มกัน ไม ชอบคบหาสมาคมกันคนที่ดอ ยกวาหรือจนกวา ทําอะไรคิดถึงตัวเองมากกวาคนอ่นื บางครัง้ อาจจะ ประสบกับปญหาทางดา นการเงนิ แตก ลวั วาคนอื่นจะรูถงึ ฐานะของตนเองตอ งยอมกูเงินเพ่ือพยุงฐานะ ของตนเองก็ยอมเพือ่ รักษาภาพลักษณของตนเอง โดยไมตองการใหใครมามองวา ตัวเองจนลําบาก หรอื ตํ่าตอ ยกวา คนอ่นื

86 ผลกระทบกับคา นิยมแบบนี้ ลกั ษณะแบบนี้ ควรจะปรบั ปรุงแกไ ขเพอื่ สังคมจะไดด ีข้ึน โดยเฉพาะคนรุนใหมไม ควรใหฟุงเฟอซ่ึงจะเปนการสรางคานิยมที่ไมดี และถือวาคานิยมแบบนี้จะเปนอันตรายตอ ประเทศชาติอยา งมาก ซง่ึ อาจกอ ใหเ กิดความเสยี หาย เทากับวาประเทศของเราไดตกไปเปนเมืองข้ึน ของตา งชาติ ซึง่ เปนการยากทีเ่ ราจะกปู ระเทศชาติกลับคืนมาได ซึง่ ควรจะไดมีการปรับปรงุ แกไข 2. คานยิ มสขุ ภาพดี จดุ เดน ท่ีเปน นสิ ัยของคนไทย เปนบุคคลที่รกั ษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัว เพือ่ ทจ่ี ะไดมชี วี ิตยืนยาว สว นท่ีเกยี่ วขอ งกับพฤติกรรมการบรโิ ภค พฤตกิ รรมของบุคคลท่ีมีคานิยมสุขภาพดี มักจะเปนคนทดี่ ูแลตนเองเปนอยา งดี มี การออกกําลังกายอยางสมาํ่ เสมอ ชอบความสะอาด ไปพบแพทยเปนประจํา มกี ารพักผอนอยาง เพียงพอเลอื กรับประทานอาหารท่มี ีคุณคา มีประโยชนตอ รางกาย เพือ่ ทําใหส ขุ ภาพแข็งแรง รวมทั้ง ดแู ลคนในครอบครัวดว ยตองการใหคนในครอบครวั ปราศจากโรคภยั ไขเจบ็ ตองการมีชวี ิตทีย่ นื ยาวมี รา งกายที่แข็งแรงและสมบูรณ ชอบพักผอ นอยกู บั บา น และทานอาหารในบา นเพราะเนน ความสะอาด ชอบดหู นังฟงเพลงอยใู นบา น สินคา ทีน่ ยิ มบรโิ ภค ไดแ ก 1. อาหารมังสวริ ตั ิ 2. อาหารเสริม 3. นมทม่ี ีแคลเซยี ม เพือ่ เสรมิ สรา งกระดกู 4. นมพรองมนั เนย, โยเกริ ต 5. วิตามนิ ตา งๆ เชน วิตามินซ,ี วติ ามินบี ฯลฯ 6. ผักปลอดสารพษิ 7. ด่มื นาํ้ ผลไม 8. ด่มื น้าํ แร 9. โสมเกาหลี, เห็ดหลนิ จอื 10. ไกตนุ ยาจีน, ไกด ํา 11. ยารกั ษาโรค (จากแพทยสงั่ ) ผลกระทบกบั คานยิ มแบบน้ี เปน คา นยิ มท่ีดนี าจะมีการสนบั สนนุ เพราะจะทาํ ใหค นมสี ุขภาพดขี ึน้ เพื่อชวี ติ ความ

87 เปน อยใู นครอบครัวดขี ้นึ และทาํ ใหค รอบครัวมีความสุขมากขนึ้ บุคคลทม่ี คี านิยมแบบนี้ เปนบคุ คลทม่ี ฐี านะในระดบั B ขึ้นไป และเปน ผูดแู ลเอาใจใสต อสุขภาพ กลุมเปา หมาย เปนกลุมวยั กลางคนทเ่ี นนดูแลสุขภาพใหแข็งแรงปลอดจากโรคภัย ไขเ จบ็ 3. คา นิยมรักความสนุก จดุ เดน ท่ีเปน นิสยั ของคนไทย เปนบุคคลทรี่ ักความสนุก มีความรื่นเริงอยูตลอดเวลา ชอบ ENTERTAIN ชอบ สงั สรรคไ มวา จะเปน เทศกาลใดก็ตาม สว นทเี่ กย่ี วขอ งกบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภค ลักษณะของพฤติกรรมบุคคลจะเปนบุคคลท่ีรักสนุก ชอบความรื่นเริง มีความ สังสรรคในหมูญาตพิ ่ีนอง เพอ่ื นฝูงอยตู ลอดเวลา ไมวาจะเปนการจัดปารต้ีทุกสิน้ เดือน หรือเปน เทศกาลตา ง ๆ เชน วนั ข้นึ ปใ หม, วนั ตรุษจนี , วันสงกรานต ฯลฯ ทกุ เทศกาลก็จะมีความสนุกสนาน ตลอดเวลา สินคา ที่นยิ มบริโภค ไดแ ก 1. รบั ประทานอาหารทุกชนิด เชน อาหารกับแกลม อาจทาํ ทานเอง หรอื ไป ทานนอกบาน 2. เครอื่ งดม่ื ทกุ ชนดิ เชน นํ้าอดั ลม 3. ผลไมตา ง ๆ (ผลไมไ ทยและผลไมนําเขา) 4. ขนมขบเคยี้ วตา ง ๆ 5. ดมื่ สรุ า (ผลิตในประเทศไทยและนาํ เขาจากตา งประเทศ) 6. ชอบรองเพลง KARAOKE (อาจจะรองเพลงอยใู นบาน หรือตาม สถานเริงรมยตา ง ๆ) 7. ชอบดูภาพยนตร 8. ชอบไปรับประทานอาหาร และฟงเพลงตามโรงแรม, หอ งอาหารตา ง ๆ และตามคาเฟ 9. ชอบไปเทยี่ วตามสถานที่ในตา งจงั หวัด เชน ไปนํา้ ตก, ภูเขา และทะเ ผลกระทบกับคานยิ มแบบนี้ บุคคลที่มคี า นิยมแบบนี้อยา งนอ ยก็นาจะสนับสนุน เพราะทําใหเ กิดสภาพคลองทาง การเงินทาํ ใหเ งินทองไมไ หลออกนอกประเทศ มีการใชจ ายภายในประเทศ ซึ่งเปน การกระจายรายได

88 ไปยงั สถานทองเท่ียวตางๆ ภายในประเทศไดเปน อยางดี ทาํ ใหม ีการจับจา ยใชสอยและเปน การสราง รายไดใหกับชุมชนตางๆ และแหลงทองเที่ยวตางๆ ทาํ ใหคนมีอาชีพมากข้นึ ซึ่งจะทําใหเกิดการ หมนุ เวยี นทางดานการเงินอาจสงผลใหภาวะทางเศรษฐกิจในประเทศดขี ึน้ 4. คา นยิ มบรโิ ภคนยิ ม จดุ เดนทเ่ี ปน นสิ ัยของคนไทย เปน บุคคลทมี่ นี สิ ยั ชอบบรโิ ภคเปนหลัก ซึง่ ไมไ ดคาํ นงึ ถงึ คุณภาพ สวนทีเ่ กยี่ วขอ งกบั พฤตกิ รรมการบริโภค ลกั ษณะพฤติกรรมการบริโภคชอบรับประทานอาหารนอกบาน พยายามสรรหา รา นอาหารท่อี รอ ยๆ ไมวาจะอยใู กลห รอื ไกล ถาข้นึ ชอ่ื ในระดับ เชลลชวนชิม, แมชอ ยนางรํา และ ไมล องไมรู ซ่ึงมใี บรับประกนั ชอบที่จะไปทดลองชมิ ดูวา อรอ ยสมชื่อหรือเปลา ชอบรา นอาหารท่ีมี ลักษณะสะอาด มีความสะดวกสบาย มีท่ีจอดรถสะดวก บางครั้งบรโิ ภคมากจนเกินความจําเปน และ มีผลตอสุขภาพ ทาํ ใหเ กดิ โรคตางๆ ไดง าย เชน โรคไขมันอดุ ตนั โรคเบาหวาน ความดัน อาหาร ไมย อ ยอาหารเปนพิษ ฯลฯ สินคาที่นยิ มบรโิ ภค ไดแ ก 1. อาหารทกุ ชนดิ เชน รา นอาหารดังๆ 2. อาหาร fast food เชน KFC, McDonald 3. รา นอาหารญีป่ นุ เชน Oishi, ฟจู ิ 4. รานไอศกรมี เชน Swensens 5. ขนมขบเคย้ี วตา งๆ 6. เครื่องดมื่ ทกุ ชนิด 7. สุรายหี่ อตางๆ ผลกระทบกบั คา นิยมแบบน้ี บคุ คลทมี่ คี า นยิ มแบบนี้ อาจจะปนทอนสุขภาพได เพราะไมไดร ะมัดระวังในเร่อื ง ของการรบั ประทานอาหาร ควรจะมกี ารปรบั ปรงุ แกไขเพื่อใหมีสุขภาพแขง็ แรง และมีชีวิตทย่ี ืนยาว ได ผูที่มีคานิยมบริโภคแบบน้ี ถาเปนผสู งู อายุจะทาํ ใหเ กิดอันตรายตอสุขภาพ เชน มกั จะพบกับ โรคภยั ไขเจบ็ ตางๆ และมักจะมอี ายสุ ั้น เร่ืองที่ 4 ปญ หาสขุ ภาพท่ีเกิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถ กู หลัก โภชนาการ ปจ จุบันการดาํ เนินชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในเขตเมอื ง เปนไปอยางเรงรีบ ทําใหการ บริโภคอาหาร กเ็ นน อาหารตามทรี่ บั ประทานไดสะดวกรวดเร็ว เชน อาหารฟาสตฟูด (Fast Food) ทาํ ใหเกิดปญ หาโรคอว น และโรคอื่นๆอีกมาก ดงั น้ันจงึ ควรทาํ ความเขาใจถงึ องคประกอบสําคญั ดงั น้ี

89 1) อาหาร (Food) หมายถึงส่ิงท่ีเรากินไดและมีประโยชนต อรางกาย สงิ่ ที่กินไดแตไมเปน ประโยชนห รอื ใหโทษแกรา งกาย อาทิ สุรา เห็ดเมา เรากไ็ มเรยี กสง่ิ นั้นวา เปนอาหาร 2) โภชนาการ (Nutrition) มคี วามหมายกวางมากกวา อาหาร โภชนาการ หมายถงึ เรอ่ื งตา งๆ ที่วาดวยอาหาร อาทิ การจัดแบงประเภทสารอาหาร ประโยชนของอาหาร การยอยอาหาร โรคขาด สารอาหาร เปน ตน โภชนาการเปน วชิ าสาขาหน่งึ ซ่ึงมลี ักษณะเปน วทิ ยาศาสตรป ระยุกต ทก่ี ลาวถงึ การ เปลยี่ นแปลงตา งๆของอาหารที่เรารับประทานเขาไปเพื่อใชประโยชนในดานการเจรญิ เตบิ โตและ ซอ มแซมสวนตา งๆของรา งกาย 3) สารอาหาร ( Nutrient) หมายถงึ สารเคมีที่เปนสวนประกอบสําคัญในอาหาร สารเคมี เหลา นีม้ ีความสาํ คญั และจําเปน ตอรา งกาย อาทิ เปนตัวทําใหเ กิดพลงั งานและความอบอุนตอรางกาย ชวยในการเจริญเติบโต ชวยซอ มแซมสว นทสี่ ึกหรอทาํ ใหรางกายทาํ งานไดต ามปกติ เม่ือนําอาหารมา วิเคราะหจะพบวามีสารประกอบอยูมากมายหลายชนิด ถา แยกโดยอาศยั หลักคุณคาทางโภชนาการจะ แบง ออกเปน 6 ประเภท ไดแกโ ปรตีน คารโ บไฮเดรต ไขมนั วติ ามนิ เกลอื แร และน้ํา 4) พลังงานและแคลอร่ี ไขมัน คารโบไฮเดรต และโปรตนี ใหประโยชนแกรา งกายหลายอยา งท่ีสําคัญคือ การใช พลงั งานแกรางกาย พลงั งานในทีน่ ้หี มายถึงพลังงานท่ีรางกายจําเปน ตอ งมี ตอ งใชและสะสมไว เพื่อใช ในการทาํ งานของอวยั วะท้งั ภายในและภายนอกรา งกาย นักวิทยาศาสตรวัดปริมาณของพลังงานหรือกําลังงานท่ไี ดจากอาหารเปนหนวยความรอน เรียกวา แคลอรี่ โดยกาํ หนดวา 1 แคลอร่ี เทา กับปริมาณความรอนที่ทาํ ใหนํ้า 1 กรัม มีอุณหภูมิสูงขนึ้ 1 องศาเซลเซียส แตในทางโภชนาการพลังงานท่ีไดรับจากการอาหารที่กินเขาไป 1 แคลอร่ี (ใหญ) เทากบั ปรมิ าณ ความรอน ทที่ ําใหน้ํา 1 กโิ ลกรัม มอี ณุ หภูมิสูงขน้ึ 1 องศาเซลเซียส 5) อาหารหลกั 5 หมู อาหารเปน ส่งิ จาํ เปน ยิ่งสาํ หรบั การเจริญเติบโต การบํารุงเลยี้ งสวนตางๆ ของรางกาย มักพบวาบางคนเลือกที่จะกินและไมกนิ อาหารอยางหนึ่งอยางใด ซ่ึงเปนการกระทาํ ท่ไี ม ถูกตอง หากไมกินอาหารตามความตองการของรางกาย การกินอาหารตองคํานึงถึงคุณคาของ สารอาหารมากกวา ความชอบหรือไมช อบ การเลือกกนิ หรือไมกินอาหารเกิดจากสาเหตหุ ลายประการ ดังน้ี ความคุน เคย เราจะเลอื กอาหารท่เี ราคุนเคยหรอื กินอยเู ปนประจาํ และจะไมเลือกกินอะไรท่ีไม คนุ เคยดังนัน้ จงึ มีอาหารอกี หลายอยา งท่ีเรายังไมเคยกิน ซึ่งอาจจะอรอยถูกปากกไ็ ด รสชาติ หรือความ “อรอย” เปนเหตุผลท่คี นเราเลือกอาหาร ความอรอ ยของแตละคนจะไม เหมือนกนั อาหารอยางหนงึ่ บางคนจะบอกวาอรอ ยแตบ างคนจะเฉยๆ หรือไมอรอ ย ลักษณะเฉพาะของเนื้ออาหาร อาทิ บางคนชอบอาหารกรอบ อาหารนุม บางคนชอบเคี้ยว อาหารพวกเนือ้ ทเี่ หนียวๆ เปน ตน

90 ทศั นะคติ ของคนไทยครอบครัวหรอื เพือ่ นจะมีอิทธิพลตอความชอบไมช อบอาหารของทาน อาทใิ นครอบครัวทพี่ อ ไมกินตนหอมหรอื ผักชเี ลย ไปกินอาหารท่ีไหนก็จะเขี่ยตนหอมผกั ชีออกจาก จานทุกครง้ั ลกู ๆก็จะเลยี นแบบกลายเปนไมช อบไปดว ย ดังนั้นเพ่ือสุขภาพเราจึงควรลองกินอาหารที่ไมเคยกินทีละอยางสองอยางโดยคํานึงถึง ประโยชนข องมนั มากกวา เมอ่ื ไดลองกินแลวอาจะพบวา จรงิ ๆ แลว มนั กอ็ รอยไมแพอาหารจานโปรด และไมเ กดิ ปญหาสุขภาพที่เกดิ จากการบรโิ ภคอาหารไมถ ูกหลกั โภชนาการดว ย ปญหาจากการบรโิ ภคอาหารไมถูกหลักโภชนาการไดแก - ภาวะทุพโภชนาการ - ภาวะโภชนาการเกนิ (โรคอวน) ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) ภาวะทุพโภชนาการ หมายถึง ภาวะท่ีรา งกายไดร ับสารอาหารผดิ เบ่ียงเบนไปจากปกติ อาจเกดิ จากไดรบั สารอาหารนอ ยกวาปกตหิ รือเหตุ ทตุ ยิ ภูมิ คือเหตุเน่ืองจากความบกพรอ งตางจากการกินการ ยอ ยการดูดซมึ ในระยะ 2-3 ปแรกของชีวติ จะมผี ลกระทบตอระดับสตปิ ญญา และการเรียนภายหลัง เนื่องจากเปนระยะท่มี กี ารเจรญิ เติบโตของสมองสูงสุด ซงึ่ ระยะเวลาท่ีวิกฤติตอพฒั นาการทางรา งกาย ของวัยเด็กมากท่ีสุดนนั้ ตรงกับชว ง 3 เดือนหลังการตัง้ ครรภจนถึงอายุ 18-24 เดือนหลังคลอด เปน ระยะที่มกี ารปลอกหุมเสนประสาทของระบบประสาท และมีการแบงตวั ของเซลล ประสาทมากท่สี ดุ เมอื่ อายุ 3 ป มีผลกระทบตอการเจริญเตบิ โต ถึงรอยละ 80 สําหรับผลกระทบทาง รา งกายภายนอกทมี่ องเห็นไดคือเด็กมีรูปรางเต้ีย เล็ก ซุบผอม ผิวหนงั เห่ียวยนเนอ่ื งจากไขมนั ช้ัน ผวิ หนงั นอกจากนอี้ อวยั วะภายในตางๆ ก็ไดรับผลกระทบเชน กนั 1. หัวใจ จะพบวา กลา มเนื้อหวั ใจไมแ นน หนา และการบีบตัวไมด ี 2. ตับ จะพบไขมนั แทรกอยูในตับ เซลลเน้ือตับมีลักษณะบางและบวมเปน นํา้ สาเหตุให ทาํ งานไดไมดี 3. ไต พบวาเซลลท ่วั ไปมีลักษณะบวมนาํ้ และติดสจี าง 4. กลามเนื้อ พบวา สวนประกอบในเซลลลดลง มีน้ําเขา แทนท่ี นอกจากการขาดสารอาหารแลว การไดรับอาหารเกิน ในรายทอี่ ว นฉกุ ถ็ อื เปนภาวะทพุ โภชนาการเปน การไดรับอาหารมากเกนิ ความตองการ พลังงานท่ีมีมากนน้ั ไมไ ดใ ชไป พลังงานสวนเกินเหลาน้ันก็จะ แปลงไปเปนคลอเรสเตอรรอลเกาะจบั แนนอยูตามสวนตางๆของรางกาย และอาจลุกลามเขาสูเสน เลือด ผลท่ตี ามมากค็ ือ โรคอวน โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ และโรคตา งๆ การประเมนิ สภาวะโภชนาการ 1. ประวัติ ที่นําเด็กมาจากโรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุชักนาํ ใหเกดิ ภาวะขาดสารอาหาร 2. การตรวจรางกาย เพื่อหารอ งรอยการผดิ ปกตซิ ึ่งเกดิ จากการขาดสารอาหารและวติ ามนิ

91 การตรวจรา งกาย เพ่ือประเมนิ สภาวะโภชนาการของเด็กแบงไดเ ปน 2 ตอน คอื การตรวจรา งกายท่วั ไป กบั การตรวจโดยการวดั ความเจริญทางรา งกาย การตรวจรางกายทวั่ ไปโดยแพทย จะเปนแนวทางชว ยประเมินสภาวะของเด็ก และเปน แนวทางวินิจฉยั การขาดสารอาหารและวิตามนิ การตรวจโดยการวัดความเจริญทางรา งกาย เปน การวดั ขนาดทางรางกายคอื สวนสงู และนาํ้ หนัก เพอ่ื บอกถงึ โภชนาการของเด็ก ภาวะโภชนาการเกิน เมอ่ื คนเราบรโิ ภคอาหารชนิดใด ชนิดหน่ึง เกินความตองการของรางกาย จะทําใหเ กิดภาวะ โภชนาการเกินจนเกดิ โรคได และโรคที่เกิดจากภาวะโภชนาการเกิน เปนสาเหตุของการสูญเสียชีวิต เปนจํานวนไมนอย และเปนตนเหตุของการเจ็บปวยที่ตองเสียคา ใชจายในการรักษายาวนานเชน โรคหวั ใจและหลอดเลือด ตลอดจนโรคอว น เปน ตน โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด (Cardiovascular Disease) โรคหวั ใจและหลอดเลือด เปน สาเหตกุ ารตายที่สาํ คญั ในลาํ ดับตน ๆ ของประชาชนไทยมาโดย ตลอด โรคดงั กลาวเปนการเปลย่ี นแปลงทางอายุรศาสตรทเ่ี ก่ียวของกบั หัวใจและหลอดเลือด ซ่ึงจะ หมายรวมถึงโรคตางๆ และภาวะอาการของโรค เชน โรคหลอดเลอื ดหัวใจ (Coronary heart disease) ภาวะหลอดเลอื ดหัวใจแขง็ (Arteriosclerosis) และอาการความดันเลือดสงู (Hypertension) เปนตน โรค ทีส่ ําคัญในกลมุ นคี้ ือ โรคหลอดเลอื ดหัวใจหรือโรคหลอดเลอื ดหวั ใจตบี ซึ่งจดั วาเปนโรคท่ีเปน สาเหตุ ของการปวย และการตายทสี่ ูงของประชาชนชาวไทยในปจจบุ นั โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดหวั ใจ เปน โรคชนดิ หนง่ึ ทเ่ี กิดจากหลอดเลอื ดแดงหัวใจแข็ง ตบี ตัน ขาดความ ยืดหยุน หลอดเลือดหวั ใจตบี หรอื ตัน หรอื เกิดจากลิม่ เลอื ดอดุ ตนั หลอดเลือดหัวใจ จนทําใหกลามเนอ้ื หวั ใจขาดเลือด หรือทําใหก ลา มเนอ้ื หัวใจตาย โรคน้ีเปนสาเหตุสําคัญของอัตราการปวยการตาย ของ คนไทยในปจจุบัน และมีแนวโนมจะเพิม่ มากขึ้นในอนาคต สาเหตุ 1. กรรมพนั ธุ ผทู ี่พอ แม ปยู า ตายาย ปวยเปนโรคหลอดเลือดหวั ใจจะมคี วามเส่ียงมากกวา ไขมนั ในหลอดเลือด ถาสงู กวาปกติจะทาํ ใหหลอดเลือดแข็ง เสยี่ งตอการเปนโรคหลอดเลอื ดหัวใจ 2. ความดนั เลอื ดสูง 3. เบาหวาน ผูท เ่ี ปน เบาหวานมกั จะเปน โรคหลอดเลือดหัวใจดว ย 4. ความอวน ความอว นกบั โรคหลอดเลือดหัวใจ มกั จะเกดิ ขึน้ ดวยกันเสมอ โดยเฉพาะคน อวนท่พี ุง มักจะมไี ขมันในเลือดสงู จนเปนโรคหลอดเลือดหัวใจดว ย

92 5. ออกกําลังกายนอยหรือขาดการออกกําลงั กาย การไหลเวียนเลอื ดไมค ลอ งพอ การเผา ผลาญพลังงานนอ ย ทาํ ใหสะสมไขมนั จนกลายเปน โรค 6. ความเครียด และความกดดันในชีวติ อาจสงผลทําใหเปนโรคน้ไี ด 7. การสูบบหุ ร่ี สารนิโคตินและทารจ ากควนั บุหรม่ี ีผลตอ การเกิดโรคนี้ นอกจากสาเหตทุ ่สี ําคญั ดงั กลา ว ซง่ึ จดั วาเปนปจจยั ท่สี ามารถเปล่ียนแปลงได อาจมปี จ จัยเสย่ี ง อื่น ๆ ที่เปนสาเหตุของการเกดิ โรคหลอดเลอื ดหัวใจ เชน เพศ อายุ เชื้อชาติ เปนตน จากการศึกษา พบวาเพศชายเสีย่ งตอการเกดิ โรคน้ีมากกวา เพศหญงิ ยกเวน ผูหญงิ ในวัยหมดประจําเดือนเนื่องจากมี ระดับฮอรโ มนเอสโตรเจนลดลง มีไขมนั ในเลอื ดสูง สําหรบั อายุพบวามอี ัตราการเกดิ โรคนส้ี ูงมากใน ผูสูงอายุ และเชอ้ื ชาติพบวาในคนผิวดาํ มีอตั ราการเกิดโรคนม้ี ากกวา คนผวิ ขาว อาการ 1. เจบ็ หนาอกเปน ๆ หายๆ หรอื เจ็บเมอื่ เครียด หรือเหนอื่ ย ซง่ึ เปนลักษณะอาการเริ่มแรก 2. เจบ็ หนาอกเหมอื นมีอะไรไปบบี รดั เจบ็ ลกึ ๆ ใตกระดูกดา นซา ยราวไปถึงขากรรไกรและ แขนซายถึงนว้ิ มอื ซา ย เจบ็ นานประมาณ 15-20 นาที ผูปวยอาจมเี หง่ือออกมาก คลนื่ ไสหายใจลําบาก รสู ึกแนนๆ คลายมเี สมหะตดิ คอ บางคร้งั มอี าการคัดจมูกคลา ยเปนหวัด เมือ่ เปน มากจะมีอาการหนา มดื คลา ยจะเปนลม และอาจถึงขน้ั เปนลมได บางครัง้ พอเหนอื่ ยกจ็ ะรสู ึกงว งนอนและเผลอหลบั ไดงาย 3. ผูปว ยมีอาการหวั ใจสัน่ หวั ใจเตนไมส มํา่ เสมอ 4. ในกรณีทรี่ นุ แรง อาการเจ็บหนาอกจะรนุ แรงมาก มักจะเกิดจากการที่มีลิม่ เลือดไปอุดตนั บรเิ วณหลอดเลอื ดท่ีตบี ทาํ ใหเกดิ กลามเนื้อหัวใจตาย ผูปวยอาจมีอาการหวั ใจวาย ชอ็ ก หัวใจหยุดเตน ทาํ ใหเ สยี ชีวิตอยางกะทนั หันได การปอ งกัน 1. หากพบวา บุคคลในครอบครวั มีประวตั ิเปนโรคนี้ ควรเพม่ิ ความระมัดและหลกี เลย่ี งจาก ปจจยั เส่ยี ง เพราะอาจกระตุน การเกิดโรค 2. ลดอาหารที่ทาํ จากน้ํามันสัตว กะทิจากมะพรา ว น้าํ มันปาลม และไขแ ดง 3. ไมควรรับประทานอาหารทม่ี รี สเคม็ จดั 4. ลดอาหารจาํ พวกแปง คารโ บไฮเดรต รับประทานอาหารพวกผกั ผลไมม ากๆ 5. งดอาหารไขมันจากสตั วแ ละอาหารหวานจัด 6. ออกกําลังกายอยา งสมาํ่ เสมอ 7. พักผอนใหเพียงพอวนั ละ 6-8 ชวั่ โมง และหาวิธผี อนคลายความเครียด 8. หลกี เลี่ยงหรืองดการสบู บุหรี่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook