43 3. การออกกําลังกายโดยการบรหิ ารรา งกาย โดยแสดงทาทางตาง ๆ เพือ่ เปนการบริหาร รา งกาย หรือเฉพาะสวนท่ตี องการใหก ลา มเนอื้ กระชบั อาทิ การบรหิ ารแบบโยคะ หรือแอ โรบิค หลักการออกกาํ ลงั กายเพอ่ื สขุ ภาพ คอื การออกกาํ ลังกายชนดิ ทเ่ี สรมิ สรางความอดทนของ ปอด หัวใจ ระบบไหลเวยี นเลอื ด รวมทั้งความแข็งแรงของกลา มเนอ้ื ความออ นตวั ของขอตอ ซึง่ จะ ชวยใหรา งกายแขง็ แรงสมบรู ณ สงางาม และสขุ ภาพจิตดี การออกกาํ ลงั กายแบบแอโรบคิ เปนกิจกรรมท่ีไดรับการยอมรับ และเปน ทน่ี ิยมกันอยาง แพรห ลายทั่วโลก ในดานการออกกําลังกายเพ่อื สุขภาพ (Exercise For Health) โดยยดึ หลกั ปฏิบัติงาย ๆ ดงั นี้ 1. ความหนัก ควรออกกําลงั กาย (Intensity) ใหห นักถึงรอ ยละ 70 ของอตั ราการเตน สูงสดุ ของหัวใจแตล ะคน โดยคํานวณไดจากคา มาตรฐานเทากับ 170 ลบดว ยอายุของตนเอง คาท่ไี ดคอื อัตราการเตนของหัวใจคงท่ีทีเ่ หมาะสม ทต่ี องรักษาระดับการเตน ของหัวใจน้ี ไวช ว งระยะเวลาหนึ่งท่ี ออกกําลังกาย 2. ความนาน (Duration)การออกกําลังกายอยางตอเนอ่ื งนานอยา งนอย 20 นาที ข้นึ ไปตอ ครงั้ 3. ระยะผอนคลายรา งกายหลังฝก (Cool Down) ประมาณ 5 นาที เพือ่ ยดื เหยียดกลามเนื้อ และความออ นตวั ของขอ ตอรวมระยะเวลาท่อี อกกาํ ลังกายตดิ ตอ กันทั้งสน้ิ อยา งนอย 20 – 30 นาทตี อ วัน ผูทอ่ี อกกาํ ลังกายมาก หรือเปนนกั กฬี า จะมกี ารใชพลงั งานมากกวาบคุ คลท่วั ไป และมีการ สญู เสียน้าํ และแรธ าตมุ ากขึน้ จึงควรกินอาหารทใ่ี หพ ลงั งานอยา งเพยี งพอสมดลุ กับกจิ กรรมทใ่ี ชในแต ละวัน โดยควรเพิม่ อาหารประเภท ขาว แปง ผลไม หรือน้ําผลไม เพ่อื เพิ่มพลังงาน และด่มื นํา้ ให เพยี งพอ ไมจําเปน ตอ งกนิ ผลิตภณั ฑเสรมิ อาหาร หรอื ดม่ื เครอ่ื งดื่มประเภทเกลือแร และเครื่องดื่มชู กําลงั
44 กจิ กรรมการเรียนรูทายบทที่ 2 กจิ กรรมท่ี 1 1. ใหนักศึกษาอธิบายตามความเขา ใจของตนเอง ในหัวขอ ตอ ไปนี้ “จติ ท่ีสดใส ยอมอยใู นรา งกายท่สี มบูรณ” 2. ใหน กั ศกึ ษาฝก เขียน แผนการวางแผนดแู ลสุขภาพตนเองในเวลา 7 วัน กิจกรรมท่ี 2 1. ประโยชนของการออกกาํ ลงั กายดานตาง ๆ ทส่ี งผลตอ สขุ ภาพของมนษุ ย จาํ แนกไดด า น อะไรบาง จงอธิบาย กิจกรรมท่ี 3 1. การออกกําลังกายมผี ลตอ พัฒนาการของมนุษยอยา งไร จงอธบิ าย 2. กอนทจ่ี ะออกกําลงั กาย เราควรใหคาํ แนะนําผจู ะออกกําลงั กายอยา งไร
45 บทที่ 3 สุขภาพทางเพศ สาระสาํ คญั ปญ หาหาเรอื่ งการมเี พศสมั พันธกอนวยั อันควร กําลงั เปนปญหาที่นาหวงใยในกลมุ เยาวชน ไทย ดังนั้นการเรียนรูในเร่อื งของพฤติกรรมท่จี ะนาํ ไปสกู ารมีเพศสมั พนั ธ การถกู ลวงละเมดิ ทางเพศ และการตง้ั ครรภไ มพ ึงประสงค จึงเปน เรอ่ื งจาํ เปน ท่จี ะไดป องกันตนเอง นอกจากน้ีการดแู ลรางกาย โดยเฉพาะระบบสืบพันธุก็เปน เร่ืองทจี่ ะทาํ ใหทกุ คนมสี ุขภาวะที่ดี สามารถปฏิบตั ไิ ดถ กู ตองก็จะไมท ํา ใหเ กิดปญหาดานสุขภาพทางเพศ ผลการเรยี นรูทค่ี าดหวัง 1. อธิบายการหลกี เลี่ยงพฤติกรรมท่นี าํ ไปสูการมีเพศสัมพันธ การลวงละเมิดทางเพศ การ ตงั้ ครรภท ไ่ี มพ งึ ประสงค 2. อธบิ ายวธิ กี ารดูแลสุขภาพทางเพศท่ีเหมาะสมและไมทาํ ใหเ กดิ ปญ หาทางเพศ ขอบขายเนอ้ื หา เรือ่ งที่ 1 สรรี ะรา งกายทเี่ กยี่ วขอ งกบั การสืบพันธุ เรอ่ื งที่ 2 การเปล่ยี นแปลงเมอ่ื เขาสูว ัยหนมุ สาว เร่ืองที่ 3 พฤตกิ รรมทีน่ าํ ไปสกู ารมีเพศสมั พันธ เร่อื งท่ี 4 สขุ ภาพทางเพศ
46 เร่อื งท่ี 1 สรีระรางกายทีเ่ กยี่ วของกับการสบื พนั ธุ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษยนั้น หมายถึง การเจริญเติบโตและ พฒั นาการทางรางกายและจิตใจควบคกู ันไปตลอด เร่ิมตั้งแต วัยเดก็ วัยแรกรุน วัยผูใหญ ตามลาํ ดับ โดยทั่วไปแลว การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการทางรางกายของคนเราจะส้นิ สดุ ลงเมื่อ มีอายุประมาณ 25 ป จากวัยน้ีอวัยวะตา ง ๆ ของรา งกายเร่ิมเสื่อมลง จนยางเขาสวู ัยชราและตายใน ที่สดุ สวนการเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการทางจิตใจนนั้ ไมม ขี ดี จํากัด จะเจริญเตบิ โตและพัฒนาเจริญ งอกงามขน้ึ เรอ่ื ย ๆ จนกระทัง่ เขาสวู ัยชรา 1. อวัยวะสบื พนั ธแุ ละสขุ ปฏิบัตเิ กย่ี วกับอวัยวะสืบพันธุ การสบื พันธขุ องมนุษยเ ปน ธรรมชาตอิ ยา งหน่ึงท่เี กดิ ขนึ้ เพื่อดาํ รงไวซึ่งเผาพนั ธุ การ สืบพันธุนัน้ จําเปนตองอาศัยองคประกอบทสี่ ําคญั คือ เพศชายและเพศหญงิ ท้งั เพศชายและเพศหญงิ ตางก็มีโครงสรา งท่เี กย่ี วขอ งกับอวัยวะเพศและการสืบพนั ธุโ ดยเฉพาะของตน 1.1 ระบบสืบพันธขุ องเพศชาย อวัยวะสบื พนั ธชุ ายสว นใหญอยภู ายนอกของรางกาย สามารถปอ งกันและระวงั รักษา ไมใ หเกิดโรคติดตอ หรือโรคติดเช้ือตาง ๆ ไดโดยงาย อวัยวะสืบพนั ธชุ ายมีความเก่ียวขอ งกบั ระบบ การขับถา ยปสสาวะ เพราะวาการขบั น้ําอสุจิออกจากรางกายตอ งผา นทอปสสาวะดวย อวัยวะสืบพนั ธุ ชายประกอบดว ยสวนตา ง ๆ ทสี่ าํ คญั ดังนี้ (1.) ตอมอัณฑะ (Testis) มีลกั ษณะและรปู รา งคลายไขไกฟองเล็ก ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร หนกั ประมาณ 15-30 กรัม อัณฑะขางซายจะใหญกวางขางขวาเลก็ นอย ตามปกตจิ ะมีอัณฑะอยู 2 ลูก ภายในลกู อัณฑะมีหลอดเลก็ ๆ จํานวนมาก ขดเรียงอยูเปน ตอน ๆ เรยี กวา หลอด สรางอสุจิ (Seminiferous Tabules) มีหนาทผี่ ลิตฮอรโ มนเพศชายและตัวอสจุ ิ สวนดา นหลังของตอ ม อัณฑะ จะมกี ลุมของหลอดเล็ก ๆ อีกมากมายขดไปมา เรียกวาหลอดเก็บตวั อสุจิ (Epididymis) เปนท่ี เก็บเชอื้ อสุจิชว่ั คราว เพอ่ื ใหเ ชอ้ื อสจุ ิเจรญิ เตบิ โตไดเ ตม็ ท่ี (2.) ตอ มลกู หมาก (Prostate Gland) เปน ตอ มที่หุม อยูร อบทอ ปสสาวะสว นใน ตรง ดานลางของกระเพาะปสสาวะ มีหนาท่สี รางของเหลวซงึ่ มีฤทธ์ิเปนดา งออ น ๆ สงเขาไปในถงุ เก็บ อสุจิ เพื่อผสมกับนา้ํ เล้ียงตวั อสุจิ ของเหลวนีจ้ ะไปทําลายฤทธิก์ รดจากนํา้ เมือกในชองคลอดเพศหญิง ปองกันไมใหตัวอสจุ ิถกู ทําลายดวยสภาพความเปน กรด เพื่อใหเกิดการปฏิสนธขิ ้นึ ได (3.) ลึงค หรอื องคชาต (Penis) เปนสวนประกอบหน่ึงของอวัยวะสืบพันธุชาย ที่ แสดงใหเหน็ วา เปนเพศชายอยางชดั เจน มีลกั ษณะย่ืนออกมา สวนปลายสุดจะมีรปู รางคลายหมวก เหลก็ ทหารสวมอยู ขนาดใหญก วา ลําตวั ลึงคเล็กนอ ย สว นน้ีจะมเี สนประสาทมาหลอ เลยี้ งมาก ทําให
47 มคี วามรูสึกไวตอ การสัมผัส เม่ือมีความตองการทางเพศเกิดขนึ้ จะทําใหลึงคเปล่ยี นจากนุมเปน แข็ง เนื่องจากคง่ั ของเลือด ทําใหข นาดใหญขึน้ 1-2 เทา ตวั ในระหวา งการแขง็ ตวั ของลึงคม ตี อ มเลก็ อยใู น ทอ ปสสาวะ ผลติ นา้ํ เมอื กเหนยี ว ๆ ซ่ึงจะถูกขับออกมา เพ่อื ชวยในการหลอ ลื่นและยังทําใหตัวอสุจิ ผานออกสภู ายนอกไดสะดวกอีกดว ย (4.) ทอ พกั ตัวอสุจิ (Epididymis) มีลักษณะคลา ยรูปดวงจันทรครึ่งซีก หอ ยติดอยู กบั ตอมอัณฑะสวนบนคอนขา งจะใหญเ รียกวา หัว(Head) จากหัวก็เปน ตวั (Body)และเปนหาง(Tail) ทอ นีป้ ระกอบดวยทอ ทคี่ ดเค้ยี วเปนจํานวนมาก เมือ่ ตวั อสจุ ิถูกสรา งข้ึนมาแลว จะถกู สงเขาทอนเี้ พอ่ื เตรยี ม ทจี่ ะออกมาสทู อปสสาวะ (5.) ทอ นําตัวอสจุ ิ (Vas Deferens) เปนทอ เลก็ ๆ ตอ จากลกู อัณฑะ จะทําหนาทพี่ า ตวั อสจุ แิ ละน้ําอสุจิใหไ หลขนึ้ ไปตามหลอดและไหลเขา ไปในถุงน้ําอสุจิ (6.) ถุงอณั ฑะ (Scrotum) เปนถุงทห่ี อหุม ตอมอัณฑะไว ขณะทย่ี งั เปนตัวออ นอยู ตอม อณั ฑะจะเจรญิ เติบโตในโพรงของชอ งทอง เม่อื ครบกําหนดตอมอัณฑะจะคอย ๆ เคล่ือนลงลางจากชอง ทองมากอยใู นถุงอัณฑะท่ีบรเิ วณขาหนีบ ถงุ อณั ฑะมีลักษณะเปน ผวิ หนังบาง ๆ สีคล้ํา มีรอยยน มี แนวกลางระหวางทวารหนักไปจนถงึ ลึงค จะมกี ลามเนื้อ บาง ๆ กน้ั ถงุ อณั ฑะออกเปน 2 หอง ถงุ อณั ฑะ จะหอยติดอยูกบั กลา มเน้อื ชนดิ หน่ึง และจะหดตวั หรือหยอนตัว เมอ่ื อุณหภูมิของอากาศเปลย่ี นแปลง เพอ่ื ชว ยรักษาอุณหภูมิใหเ หมาะสมในการสรางอสจุ ิ และปองกันการกระเทอื นจากภายนอก 1.1.1 การสรา งเซลลสืบพันธุเพศชายและการฝน เปยก เซลลสบื พันธุเพศชายหรือตวั อสจุ ิ (Sperm) จะถูกสรา งข้ึนในทอผลิตอสุจิ (Seminiferous Tubules) ตวั อสจุ มิ ีขนาดเล็กมาก มรี ูปรา งลักษณะคลา ย ๆ ลกู กบแรกเกดิ ประกอบดวย สวนหวั ทมี่ ีขนาดโต แลวคอ ยลงมาเปนสว นหางที่ยาวเรียว และสวนหางน้ีจะใชในการแหวกวา ยมา มขี นาดลําตัวยาวประมาณ 0.05 มลิ ลิเมตร มขี นาดเลก็ กวา ไขเ พศหญิงหลายหม่ืนเทา หลงั จากตัวอสุจิ ถกู สรา งขน้ึ ในทอผลติ ตัวอสุจแิ ลว จะฝง ตวั อยูในทอพกั ตัวอสจุ ิจนกวาจะเจริญเต็มท่ี ตอจากนั้นจะ เคลือ่ นที่ไปยังถุงเกบ็ ตัวอสจุ ิ ในระยะนี้ตอ มลกู หมากและตอมอ่ืน ๆ จะชว ยกันผลิตของเหลวมาเล้ียง ตัวอสจุ ิ หากไมมกี ารระบายออกโดยมเี พศสัมพนั ธ รางกายจะระบายออก โดยใหน้ําอสุจิเคลือ่ น ออกมาตามทอปสสาวะเองในขณะนอนหลบั ซ่ึงเปน การลดปรมิ าณน้าํ อสุจิใหนอยลง โดยธรรมชาติ และยังเปนวิธีหน่ึงที่ชวยลดความเครียดเก่ียวกับอารมณทางเพศได เราเรียกวาการฝน เปยก (Wet Dream) เปนปรากฎการณท ่ชี ใี้ หเหน็ วาวยั รุน ชายน้ันบรรลวุ ุฒิภาวะทางเพศแลว และรางกายก็พรอ ม ทีจ่ ะใหก ําเนิดบุตรได
48 1.1.2 สุขปฏิบตั ิเก่ียวกับอวยั วะเพศชาย 1. อาบนํ้าอยางนอยวันละ 2 ครั้ง ใชสบูชําระรางกายและอวัยวะเพศให สะอาดแลวเชด็ ใหแหง 2. สวมเส้อื ผา ทส่ี ะอาด โดยเฉพาะกางเกงในไมคบั และไมห ลวมเกินไป 3. ไมใชสว มหรือขบั ถายทผี่ ิดสขุ ลกั ษณะ 4. ไมสําสอ น หรือรว มประเวณกี ับผขู ายบริการทางเพศ 5. หากสงสัยวา เปนกามโรคควรไปปรกึ ษาแพทย 6. ไมค วรใชย าหรือสารเคมเี พอื่ กระตนุ ความรูสกึ ทางเพศ 7. อยาหมกหมุนหรือหกั โหมเก่ยี วกับความสัมพันธท างเพศเกนิ ไป ควรหา กจิ กรรมนนั ทนาการหรือเลนกฬี า 8. ระวังอยาใหอ วยั วะเพศถกู กระทบกระแทกแรง ๆ 1.2 ระบบสบื พนั ธขุ องเพศหญงิ โ ค ร ง ส ร า ง ที่ เ กี่ ย ว ข อ ง กั บ อ วั ย ว ะ เ พ ศ แ ล ะ ก า ร สื บ พั น ธุ ข อ งเ พ ศ ห ญิ ง ประกอบดว ยหลายสวนดวยกัน ในที่นจ้ี ะกลาวถงึ เฉพาะสว นทสี่ ําคัญเทา นน้ั (1.) ตอ มรังไข (Ovary) เปน ตอ มสืบพันธุของเพศหญิง มีหนา ท่ีผลิตเซลลสบื พนั ธุ ของเพศหญงิ ท่ีเรียกวา ไข (Ovum) ตอมรงั ไขน ้ีมอี ยดู ว ยกัน 2 ตอม คอื ขางขวาและขางซาย ซง่ึ อยูใน โพรงขององุ เชิงกราน มีรปู รา งคอนขางกลมเล็กมีนํ้าหนักประมาณ 2-3 กรัม นอกจากน้ีตอมรังไขจะ หลง่ั ฮอรโมนเพศหญงิ ออกมาทาํ ใหไขสุก และเกิดการตกไข (2.) ทอ รงั ไข (Pallopain Tubes) ภายหลงั ทีไ่ ขหลุดออกจากสวนท่หี อหุมแลว จะผาน เขา สทู อ รังไข ทอ น้ยี าวประมาณ 6-5 เซนติเมตร ปลายขา งหนึง่ มลี กั ษณะคลายกรวย ซ่ึงอยใู กลก ับ รังไข สวนปลายอกี ขา งหนง่ึ น้นั จะเรียวเลก็ ลงและไปตดิ กบั มดลูก ภายในทอ รงั ไขจ ะมีกลา มเนอื้ พิเศษ ซง่ึ บุดวยเยอื่ ทีม่ ีขนและบีบรดั ตัวอยเู สมอ ซง่ึ ทําหนา ทีโ่ บกพัดเอาไขที่สุกแลวเขา ไปในทอรงั ไข คอย การผสมพันธจุ ากตัวอสุจขิ องชาย และสง ไปสมู ดลูกตอไป (3.) มดลูก (Uterus) มดลูกอยูในอุมเชงิ กรานระหวางกระเพาะปสสาวะกบั ทวารหนัก ปกติยาวประมาณ 7-8 เซนตเิ มตร กวา งประมาณ 4 เซนตเิ มตร และหนาประมาณ 2 เซนตเิ มตร เปน อวัยวะทป่ี ระกอบดวยกลามเนอื้ และมีลักษณะภายในกลวง ซึ่งมีผนังหนาไขจ ะเคลอ่ื นตัวลงมาตาม ทอรงั ไข เขา ไปในโพรงมดลกู ถาไขไดผ สมกบั อสุจิแลวจะมาฝงตัวอยใู นผนงั ของมดลูกทหี่ นาและมี เลอื ดมาเลยี้ งเปนจํานวนมาก ไขจะเจริญเติบโตเปน ตวั ออนตรงบรเิ วณนี้ ภายหลงั วัยหมดประจําเดอื น แลว มดลูกจะเลก็ และเห่ียวลง
49 (4.) ชองคลอด (Vagina) มีลกั ษณะเปน โพรงซง่ึ มคี วามยาวประมาณ 8-10 เซนติเมตร ชอ งคลอดประกอบดว ยกลา มเนือ้ เรียบ สวนในสดุ เปน สวนท่ีหุมอยูรอบปากมดลูก ภายในบุดวยเย่ือ บาง ๆ ลักษณะเปนรอยยนสามารถยืดหดและขยายตัวไดมากเวลาคลอด ที่ชองคลอดนี้จะมี เสนประสาทมาเล้ียงจํานวนมาก โดยเฉพาะอยางยง่ิ บรเิ วณรเู ปดชองคลอด และชองคลอดยงั ทําหนาที่ เปนทางผา นของเลือดประจาํ เดือนจากโพรงมดลกู ออกจากรางกาย และเปนทางผา นของตัวอสุจจิ าก เพศชายเพอ่ื ไปผสมกบั ไขทีท่ อรังไข (5.) คลิสตอรสิ (Clitoris) ลักษณะเปนกอนเนื้อเล็ก ๆ ต้งั อยูบนสว นของแคมเล็ก เปน เนอื้ เย่อื ทยี่ ึดหดได มหี ลอดเลือดและเสนประสาท และไวตอ ความรูส กึ ทางเพศเชนเดียวกับลึงค ของชาย (6.) ตอ มนํา้ เมอื ก (Bartholin Gland) เปนตอ มเลก็ ๆ อยู 2 ขางของชอ งคลอด ตอม นที้ าํ หนาทห่ี ล่งั นํา้ เมือกออกมา เพ่ือใหชวยหลอลื่นชอ งคลอดในระหวางท่มี ีการรวมเพศ (7.) ฝเย็บ (Perineum) อยพู ื้นลางของอุงเชิงกรานที่ก้ันอยูระหวางชองคลอดกับ ทวารหนัก ขยายและยึดหดตัวได ประกอบดวยกลามเนื้อท่ีสําคัญ 3 มัด มีหนาท่ีชวยเสริมสราง กลามเนือ้ ชอ งคลอดใหแขง็ แรง และปอ งกันชอ งคลอดหยอ น ถาหากขาดแลวไมเย็บ จะทําใหมดลูก ตํา่ ลงมาไดเมือ่ อายุมากข้นึ (8.) เตา นม (Breast) มีอยู 2 เตา ซง่ึ มีขนาดใกลเ คยี งกัน ตรงกลางของเตานมจะมีผิว ที่ยืน่ ออกมาเรยี กวา หัวนม เตานมแตละเตา จะประกอบขึ้นดวยกอนเน้ือหลายกอน กอนเนอ้ื แตละ กอนจะประกอบดวยทอทีแ่ ตกแขนงไปมากมาย เตา นมจะมีขนาดโตขึ้นเมื่อเขาสูวัยสาว เน่ืองจากมี เนอ้ื เย่อื เกย่ี วพันและไขมันเพม่ิ ข้นึ ขณะทตี่ งั้ ครรภเ ตา นมจะโตขน้ึ เนื่องจากมีการเจริญเติบโตของตอม นํา้ นมและทอจาํ นวนมาก บรเิ วณเตานมน้จี ะมีหลอดเลอื ดและเสน ประสาทไปเล้ียงอยูมาก จึงทาํ ใหมี ความไวตอการสัมผัส
50 1.2.1 ความรเู กย่ี วกับผลของการบรรลวุ ุฒิภาวะทางเพศหญงิ เม่อื เพศหญิงเจริญเติบโตเปนสาว ไมเฉพาะแตจะมลี ักษณะของความเปน หญิง ดว ยการมีเตานมเจรญิ เติบโต และมีลกั ษณะเปล่ียนแปลงอน่ื ๆ เกิดขน้ึ เทานัน้ การบรรลุ วฒุ ิภาวะของเพศหญิงขึ้นอยูกบั การมปี ระจาํ เดอื นครั้งแรก และมปี ระจาํ เดือนทกุ ๆ เดือน โดยเฉล่ยี จะ เกิดข้นึ ทุก ๆ 28 หรือ 30 วัน และการมีประจําเดอื นแตล ะเดอื นอาจะแบงออกไดเปน ระยะดังนี้ 1. ระยะทาํ ลาย (Destructive Phase) เปนระยะที่มเี ลือดออกมา เนื่องจากมี การทําลายของเย่อื บภุ ายในของผนงั มดลูก ระยะนจี้ ะใชเ วลาประมาณ 3-7 วัน หรือเรียกวา จะมีเลือด ระดูออกมาอยูประมาณ 3-7 วัน จํานวนเลอื ดที่ไหลออกมามีจํานวนไมแนนอนโดยทั่วไปจะมีปริมาณ 125 ลกู บาศกเซนตเิ มตร นอกจากเลือดท่ีไหลออกมาแลวยังมเี ศษของผนังมดลูกท่ีถูกทําลายหลุดปน ออกมาดว ย ระยะทําลายนเี้ ร่มิ แรกมักจะมอี าการท้ังทางรางกายและจติ ใจ เชน ถา ยปสสาวะบอ ย มี สวิ ขึ้นบนใบหนา เตานมจะโตและแข็ง มอี าการปวดศีรษะ เพลีย หงดุ หงิด เปน ตน 2. ระยะฟอลลิคูลา (Follicular Phase) ตอมพิทอู ิทารีสวนหนา (Anterior Lobe) หลง่ั ฮอรโมนชนดิ หน่ึงออกมาและซมึ เขา กระแสเลือด แลวนาํ ไปยงั ตอ มรังไขจ ะทําใหไขซึ่งอยู ภายในรังไขเจริญเตบิ โตและสกุ ระยะนก้ี ินเวลาประมาณ 9 วนั และเม่อื รวมกับระยะทีม่ ีเลือดระดูไหล ออกมาในระยะทาํ ลายจะกินเวลาประมาณ 14 วนั 3. ระยะลูเทียล (Luteal Phase) เปนระยะที่ไขสกุ เตม็ ท่ีและจะหลุดออก จากรังไข รงั ไขจ ะสรา งฮอรโ มนชนดิ หน่ึงเพือ่ กระตุนใหผนังมดลูกหนาและมเี ลือดมาหลอเล้ียงมาก เพอื่ รอรับไขท ่ีจะถูกผสมพันธุ ถาไขไ มไ ดรับการผสมพันธุฮอรโมนน้จี ะลดลง ซึ่งเปนการเริ่มตน ระยะทาํ ลาย และจะมีเลือดระดไู หลออกมาใหม 1.2.2 สขุ ปฏิบัติเก่ยี วกับอวัยวะสบื พนั ธุของเพศหญิง 1. อาบนํา้ ชําระลางกายใหส ะอาดอยเู สมอ เวลาอาบนํ้าควรทําความสะอาด อวัยวะเพศเปนพิเศษ เชน ลา ง เช็ดใหแหง โดยเฉพาะอยางย่งิ ในชว งมีประจําเดือน ควรใชน ํา้ อุน ชําระสวนท่เี ปอ นเลอื ด เปน ตน 2. หลังจากถา ยอุจจาระ ปสสาวะควรทําความสะอาดแลว เช็ดใหแหง 3. ควรสวมเสอ้ื ที่สะอาด โดยเฉพาะอยางยง่ิ กางเกงในตองสะอาด ไมค ับไม หลวมเกนิ ไป และควรเปลี่ยนทุกวัน 4. รักนวลสงวนตัว ไมค วรมเี พศสัมพนั ธกอนแตงงาน 5. ไมควรใชยากระตนุ หรอื สารเคมตี อ อวัยวะเพศ 6. การใชส ว มเพอื่ การขบั ถา ย ควรคํานงึ ถึงความสะอาดและถูกสุขลกั ษณะ 7. ควรทํางานอดิเรก หรอื ออกกาํ ลงั กายเสมอเพ่ือเบนความสนใจทางเพศ
51 8. ในยามท่มี ปี ระจําเดอื นควรเตรียมผาอนามยั ไวใหเพยี งพอ และเปลี่ยนอยู เสมออยาปลอ ยไวนาน 9. ในชวงมีประจําเดอื นไมควรออกกําลังกายที่ผาดโผนและรุนแรง ควร ออกกําลังกายเพยี งเบา ๆ และพักผอ นใหเพียงพอ 10. ควรจดบันทึกการมีประจําเดือนไว ถาประจําเดือนมาชาหรือเร็วบาง เล็กนอ ยถอื วา ปกติ ถา ประจาํ เดอื นมาชา หรอื เรว็ กวา ปกติ 7-8 วันขึ้นไป ควรไปปรึกษาแพทย 11. ในชว งมีประจาํ เดอื น ถามีอาการปวดทองควรใชก ระเปาน้ํารอนมาวาง ท่ที อ งนอ ย เพอื่ ใหค วามอบอุน และอาจรบั ประทานยาแกป วดไดบ าง 12. ถา มีอาการผิดปกติทางรา งกายในชวงมีประจําเดือน เชน ปวดทองมาก หรือมเี ลือดไหลออกมา ควรรบี ไปปรึกษาแพทยท นั ที 13. ระวังอยา ใหอ วยั วะเพศกระทบกระแทกแรง ๆ 14. ถา หากมกี ารเปลี่ยนแปลงท่ีผดิ ปกตขิ องอวัยวะเพศ ควรไปปรกึ ษาแพทย เรอ่ื งท่ี 2 การเปลย่ี นแปลงเมอื่ เขาสูว ยั หนุม สาว 1. พฒั นาการทางเพศและการปรบั ตวั เมอื่ เขาสวู ยั รนุ วยั รุนจะมกี ารเปลีย่ นแปลงทางรา งกายอยา งรวดเรว็ และมพี ัฒนาการทางเพศควบคู กันไปดว ย โดยเพศชายและเพศหญิงจะมีความแตกตา งกัน 1.1 การเปลี่ยนแปลงทางรา งกายของเพศหญิง การเขา สูช วงวยั รุน ของเด็กหญิงจะเกิดข้นึ เรว็ กวาเด็กชาย คือ จะเริ่มข้ึนเม่ืออายุ ประมาณ 11-13 ป ตอมใตส มองจะผลิตฮอรโมนทไี่ ปกระตุนการเจริญเติบโต และกระตนุ การทาํ งานของ รังไขใหส รางเซลลสืบพันธุและผลิตฮอรโ มนเพศหญิง ในชวงน้ีวยั รนุ หญิงจะมีการเจรญิ เติบโตอยาง รวดเรว็ สว นสงู และนําหนกั เพ่ิมมากขึน้ อวัยวะเพศโตขึ้น มขี นขึ้นบรเิ วณหัวเหนาและรักแร เอวคอด สะโพกผายออก เตานมโตขึ้น อาจมีสิวข้ึนตามใบหนา สวนมดลูก รังไข และอวัยวะท่ีเก่ียวของ เจริญเตบิ โตข้ึน เรม่ิ มีประจําเดือน ซ่ึงลักษณะการมีประจาํ เดือนในเพศหญิงจะเปนการบงบอกวา วัยรุน หญิงไดบรรลวุ ุฒิภาวะทางเพศแลว และสามารถต้ังครรภไ ด การมปี ระจาํ เดือน (menstruation) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาติที่เกิดใน เพศหญงิ เมื่อยางเขาสูวัยรุน โดยรงั ไขจะสรางฮอรโ มนและผลิตไข ปกติไขจะเจริญเติบโตและสุก เดือนละ 1 ฟอง สลบั กนั ระหวา งรงั ไขซายและขวา เมอื่ ไขสุกจะหลดุ ออกจากรังไขแลวถูกพดั พาเขา ไปในทอรังไขห รือปก มดลกู เพอ่ื รอรบั การผสมจากตัวอสุจิของเพศชาย ในขณะเดยี วกันฮอรโมนเพศ หญงิ ทผ่ี ลติ จากรังไขและสง ไปตามรา งกาย จะทําใหเกิดการเปลีย่ นแปลงของเยื่อบุมดลูก โดยในชวง สัปดาหแรกของรอบเดือน ผนังมดลูกจะหนามากที่สุด มีหลอดเลือดมาเล้ียงมากมาย เพื่อ เตรียมพรอ มทจ่ี ะรบั การเกาะฝงของไขท่ไี ดรับการผสมจากตวั อสจุ ิ ถาหากไขไ มไ ดร บั การผสม เยื่อบุ
52 มดลกู กจ็ ะคอ ย ๆ หลดุ ออก หลอดเลอื ดบริเวณเยอ่ื บุมดลกู ก็จะลอกหลุดและฉีกขาด ทําใหเลือดไหล ออกทางปากมดลกู ผานชองคลอดออกสภู ายนอก เรียกวา ประจําเดอื น อาการเมือ่ มีประจาํ เดือน กอ นมีประจําเดอื น บางคนอาจมอี าการบางอยาง เกิดขึน้ ได เชน ปวดศรษี ะ ทองอืดเฟอ ปวดเมื่อกลามเนื้อบริเวณหลงั และบน้ั เอว เตา นมตึงและเจ็บ หงดุ หงิดงา ย อารมณไมปกตหิ รือเบอ่ื อาหาร คลน่ื ไสอ าเจียน ขอ ควรปฏิบตั ิขณะมปี ระจําเดอื น คือ ใชผา อนามัยอยางถกู วิธี และลางมือ ใหส ะอาดทุกครง้ั นอกจากนข้ี ณะมปี ระเดอื น บางคนมอี าการบางอยางดงั กลา วขางตน และอาจมกี าร ปวดทอ งนอ ยเพม่ิ ดวย ซง่ึ เปนอาการปกตทิ ่ีจะหายไปเองเมือ่ ประจาํ เดือนหยุด หากมีอาการผิดปกติท่ี รุนแรง เชน ปวดทองมากขณะมีประจําเดือน มีประจําเดือนนานเกิน 7 วัน หรือประจําเดือนมา คลาดเคลือ่ นจากปกติมาก ควรปรกึ ษาแพทยโ ดยเฉพาะสตู ินรีแพทย ผาอนามัยควรเปลี่ยนบอย ๆ อยางนอยวันละ 2-3 คร้ัง และทุกคร้ังหลัง อาบนํ้าหรือหลงั ถา ยอจุ จาระ รักษาความสะอาดของรา งกายและเส้อื ผา ทีส่ วมใส ไมใชเส้ือผา รวมกับ ผูอ ่ืน ออกกําลังกายใหนอ ยลงกวาปกติ พักผอ นใหเ พยี งพอ ทําจติ ใจใหร า เรงิ แจม ใส ถามอี าการปวด ทองนอ ยมากใหนอนควา่ํ แลว ใชห มอนรองใตท อ งนอ ยประมาณ 15-20 นาที ประจาํ เดือนจะออกไดดี และชวยใหท ุเลาปวด อาจไมจาํ เปน ตอ งใชยาแกป วด ควรรบั ประทานยาแกปวดหากมีอาการปวดมาก ถาปวดทองรนุ แรงมากหรอื มเี ลอื ดออกมากผดิ ปกติควรรีบปรกึ ษาแพทย และขณะมีประจาํ เดือนไม ควรอาบน้ําแบบแชในแมน้ําลําคลอง อา งนํ้าในบา นหรือสระวายน้าํ เพราะเชื้อโรคในนํ้าอาจเขา สู โพรงมดลูกได เนือ่ งจากปากมดลกู จะเปดเลก็ นอ ย จงึ ควรอาบน้าํ แบบตกั หรือใชฝ ก บัว 1.2 การเปล่ียนแปลงทางรา งกายของเพศชาย เด็กชายจะเริ่มเขาสูวัยรุนเม่ืออายุประมาณ 13-15 ป ตอมใตสมองจะผลิต ฮอรโมนที่ไปกระตุน ใหรา งกายเจริญเติบโต และกระตุนใหอ ัณฑะผลิตเซลลสบื พันธุและฮอรโ มน เพศชายมีการเปลย่ี นแปลงของรางกายทเ่ี หน็ ไดช ดั โดยเฉพาะความสูงและนํา้ หนกั ตัวท่ีเพิม่ ขนึ้ แขนขา ยาวเกงกา งไหลกวา งออก กระดูกและกลา มเนอ้ื แข็งแรงขน้ึ และมีกําลังมากขึ้น เสียงแตก นมแตกพาน มีหนวดเครามีขนข้นึ ที่หนาแขง รกั แร และบริเวณอวัยวะเพศ บางคนอาจมีสิวขึ้นบริเวณใบหนา หนาอก หรือหลงั อวัยวะเพศโตขน้ึ และแข็งตวั เม่ือมคี วามรสู กึ ทางเพศหรือถูกสมั ผสั และมีการหลั่ง น้าํ อสจุ หิ รอื นํ้ากามออกมาในขณะหลบั (ฝน เปยก) ซงึ่ เปนอาการทบี่ ง บอกวาไดบ รรลวุ ฒุ ภิ าวะทางเพศ แลว และยังหมายถงึ การมคี วามสามารถที่จะทาํ ใหเพศหญงิ เกิดการตัง้ ครรภไดอ ีกดว ย การฝน เปย ก (wet dream) เปนปรากฏการณตามธรรมชาตทิ ่ีเกดิ ในเพศชาย กลา วคือในดานรา งกายลกู อัณฑะจะทําหนา ที่สรางฮอรโ มนเพศชายและตวั อสุจิ โดยจะเก็บสะสมไวท ่ี ถุงเกบ็ น้ําอสุจิ ในดานจติ ใจและอารมณ ฮอรโ มนเพศจะมผี ลทําใหว ัยรนุ เรม่ิ มคี วามรสู ึกทางเพศ และ
53 สนใจเพศตรงขา ม เมือ่ รางกายมกี ารผลิตน้าํ อสุจิเก็บไวม ากขึ้น ประกอบกับจิตใจและอารมณม ีการ เปล่ียนแปลงดังกลา ว จะมผี ลทําใหเกดิ ความตึงเครยี ดของประสาท ในขณะหลับอาจฝน จนิ ตนาการ เกีย่ วกับเรือ่ งเพศหรือเรือ่ งที่หวาดเสยี ว สงผลใหถ งุ เกบ็ นํา้ อสจุ ิรดั ตัวทาํ ใหตวั อสจุ ิและนํ้าหลอเลย้ี งถูก บบี เขาสูทอปสสาวะและขับเคล่ือนออกมาภายนอกโดยอตั โนมตั ิ ซึ่งเรียกอาการทเ่ี กิดขึ้นนี้วา ฝน เปยก ซึ่งนบั วาเปนการผอนคลายความตึงเครยี ดทางจิตใจและอารมณทางเพศตามธรรมชาติ จึงไมถอื วาผิดปกตแิ ตอยางใด 1.3 ตอมไรทอทม่ี ีอทิ ธิพลตอการควบคมุ พฒั นาการทางเพศ ตอมไรทอ ที่มีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพฒั นาการของวัยรุนที่สาํ คญั ไดแก ตอมใตสมองหรือตอมพทิ ูอิทารี (Pituitary gland) ตอมเพศ (Gonads) ตอมไทรอยด (thyroid gland) และตอมหมวกไต (adrenal or suprarenal glands) ซ่ึงตอ มไรท อแตละตอมสงผลตอการเจริญเติบโต และพฒั นาการของวยั รุน 1.4 อารมณทางเพศ (sexuality) หรอื ความตองการทางเพศ (sexusl desire) ในท่ีน้ีจะหมายถึง ความรูส ึกของบุคคลทมี่ ผี ลมาจากส่งิ เราภายในหรือสิ่งเราภายนอก ท่เี ปนปจ จัยทม่ี ากระตนุ ใหเกิดความรสู ึกทางเพศข้ึน โดยมรี ะดบั ความแตกตางมากนอ ยตา งกัน ขึ้นอยู กับความสามารถในการควบคมุ อารมณและพ้นื ฐานทางดานวฒุ ภิ าวะของแตละบคุ คล จากความหมายดังกลา วจะเหน็ ไดวา สงิ่ เรา ภายในและสง่ิ เราภายนอกเปน ปจจยั สาํ คัญ ที่จะสงผลใหอารมณและอารมณทางเพศเกิดขึ้น และเมื่อวิเคราะหในประเด็นที่เก่ียวของกับ ความสําคญั ของอารมณท างเพศกบั วยั รุน แลว สรุปประเด็นทสี่ ําคญั ได ดังนี้ 1) อารมณท างเพศถือวาเปนสัญชาตญาณในการดํารงเผาพันธุของมนุษยท่ี เกดิ ข้ึนตามธรรมชาติ เปนตวั บงชปี้ ระการหนงึ่ ที่แสดงใหเ ห็นถงึ ความสมบูรณของพฒั นาการทางดาน รา งกาย จติ ใจ และอารมณข องวยั รนุ ที่กาวเขาสูชว งของวัยเจรญิ พันธุมากขึน้ 2) ปจจบุ ันส่ือหลายรูปแบบท่ปี รากฏอยใู นสังคมมสี วนชว ยกระตนุ แรงขับทาง เพศ (Sex drive) ของวยั รุนใหเ กดิ อารมณทางเพศไดงายขึน้ การนําเสนอภาพหรือขอความทเ่ี ก่ียวของ กับเร่ืองเพศผานส่ือตาง ๆ เปนปจจยั หนึ่งทย่ี ่ัวยใุ หว ัยรุน เกดิ อารมณท างเพศที่เสย่ี งตอการมเี พศสัมพันธ ไดงายและเร็วข้นึ โดยส่ือตาง ๆ เหลาน้ีอาจอยใู นรูปแบบของหนังสือหรือภาพยนตรบางประเภท รวม ไปถึงขอมูลที่ไดจากการสืบคน ดว ยระบบอนิ เทอรเนต็ ซงึ่ ผลกระทบจากอารมณทางเพศในแงลบจะมี มากยงิ่ ข้นึ หากวัยรนุ ขาดความรูค วามเขาใจในแนวทางการควบคุมอารมณทางเพศอยางถูกตอ ง จนใน ทส่ี ุดอาจนําไปสพู ฤตกิ รรมเส่ียงตอ การมีเพศสมั พันธโ ดยไมต ัง้ ใจ และนํามาสูปญหาตาง ๆ ในสงั คมท่ี เกี่ยวของกบั พฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเ หมาะสมของวัยรุน ได 3) อารมณทางเพศของวัยรุนหากขาดวิธีการควบคุมท่ีถูกตอง จะนําไปสู ปญ หาพฤติกรรมทางเพศท่ไี มเ หมาะสมของวัยรุนมากข้นึ วยั รุน แมจ ะเปน วัยทม่ี ีแรงขับทางเพศสงู กวา
54 ทกุ วยั และพรอมที่จะมีเพศสัมพนั ธหรือมีบุตรไดก็ตาม แตส ังคมและวัฒนธรรมของไทยก็ยังไม ยอมรับท่ีจะใหวัยรุนชาย-หญิง แสดงพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสมดังกลาว โดยเฉพาะการมี เพศสมั พนั ธจนกวาจะไดท ําการสมรสหรือยูใ นชวงวยั ที่เหมาะสมอารมณทางเพศที่เกดิ ขึน้ ในชว งการ เขาสูว ัยรนุ เปน พัฒนาการอยา งหนึ่งทีแ่ สดงใหเห็นถงึ ความพรอ มของรางกายทจี่ ะสืบทอดและดาํ รงไว ซึ่งเผาพันธุ โดยมสี ิ่งเราสําคญั ใน 2 ลักษณะ ประกอบดวย ลกั ษณะของปจ จัยท่ีเปนส่ิงเราภายใน (intrinsic stimulus) และลักษณะของปจ จัยท่ีเปน สง่ิ เรา ภายนอก (extrinsic stimulus) 1) ลักษณะของปจ จยั ทีเ่ ปน สิง่ เรา ภายใน ปจจัยท่ีเปนสิ่งเราภายใน ในที่นี้หมายถึง สิ่งเราซ่ึงเปนผลที่เกิดจาก กระบวนการเปลยี่ นแปลงตาง ๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนในรางกาย โดยไดรับอทิ ธิพลมาจากการทาํ งานของระบบ ตอมไรทอ ซ่ึงผลิตฮอรโมน ออกมาเพื่อกระตุนใหรางกายมีการพัฒนาอยางเปนระบบตอเนื่อง ฮอรโมนเพศเปนปจ จยั ภายในท่ีสาํ คัญท่ีเปนสิ่งเราใหวัยรุนมีพัฒนาการของอารมณทางเพศเกิดขึ้น และนาํ ไปสูการเกิดความตองการทางเพศตามชวงวยั ในเพศชายฮอรโ มนที่เปน ปจ จัยสําคัญในเร่อื ง ดงั กลาว คือ ฮอรโมนเทสโทสเตอโรน สว นในเพศหญิง คือ ฮอรโมนเอสตราดิโอล และ ฮอรโมน ฟอลลคิ วิ ลาร 2) ลกั ษณะของปจ จัยทเ่ี ปน ส่งิ เราภายนอก ปจ จัยทเี่ ปนส่ิงเราภายนอก ในท่ีน้ีหมายถึง สภาพแวดลอมภายนอกตาง ๆ ท่ี สามารถกระตนุ หรอื ย่วั ยใุ หผ ทู ่ีรับรู หรอื ไดร ับการถายทอดเกิดความรูสกึ ทเี่ กดิ เปนอารมณท างเพศข้ึน ประกอบดว ย ส่ือรูปแบบตา ง ๆ ท่ีกระตุนหรือย่ัวยใุ หวัยรนุ เกิดอารมณทางเพศ ปจ จุบันมีสื่อ หลากหลายรปู แบบโดยเฉพาะ ส่ือทางเพศ ไดน ําเสนอภาพและ/หรือขอความทเี่ กยี่ วกับเพศ ซ่งึ มักจะ นําไปสูการกระตุนหรือย่ัวยุใหผูรับสื่อโดยเฉพาะในวัยรุน ความหลากหลายของส่ือในลักษณะ ดังกลา วทาํ ใหม ีผเู ปรยี บเปรยสื่อตา ง ๆ เหลา นี้เปน สนิ คา เพศพาณิชย ซึ่งนบั วนั จะมีการผลติ และนาํ มา เผยแพรใ หเ หน็ เพ่มิ มากขน้ึ สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมท่ีเปลี่ยนไป ปจ จุบันเปนท่ียอมรบั กนั อยาง หน่ึงวา สภาพทางสังคมและวฒั นธรรมไทยไดเปลี่ยนไปจากเดิม นับต้ังแตที่มีการรับวัฒนธรรม ตะวันตกเขาสูสังคมไทย กอใหเ กิดการเปล่ยี นแปลงขนึ้ หลายลักษณะ โดยเฉพาะในประเทศไทยเกิด ความเปล่ยี นแปลงท่เี กีย่ วของกบั เรอ่ื ง การคบเพื่อนตา งเพศของวัยรุนไทย พบวามีอสิ ระเพ่ิมมากขนึ้ นอกจากนีป้ จจุบันสภาพของครอบครวั ไทยมีการเปลย่ี นแปลงไป ผูปกครองมีเวลาใกลช ดิ กับบุตร หลานนอยลง ซ่ึงเปน ผลมาจากสภาพของภาวะเศรษฐกิจ นอกจากน้ียงั พบวา ความมีอิสระของส่ือตอ การนาํ เสนอเร่ืองราวที่เกี่ยวของกับเพศ จัดไดวาเปนสิง่ เราภายนอกท่ีสําคัญ ทส่ี ามารถท่ีจะเราและ กระตุนใหว ยั รนุ เกิดความตอ งการทางเพศข้ึนได โดยเฉพาะหากขาดการดแู ลและการควบคมุ ทีถ่ ูกตอง เหมาะสม
55 คา นยิ มและพฤติกรรมท่ีไมเ หมาะสมในบางลักษณะของวยั รนุ ผลจากสภาพ ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกี่ยวของกับเรื่องเพศที่เปลยี่ นไป สงผลใหวัยรุนไทยเกิดคานิยม และมี พฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในหลายลักษณะ เปนตน วา คานิยมในเรื่องการแตงกายตามสมัยนิยม (Fashion) ที่มากเกินควรของวยั รุน โดยไมค าํ นึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดข้ึน เชน ลักษณะการสวม เส้ือผา ทรี่ ัดรูป หรือเปดเผยสัดสวนรา งกายของวยั รุนเพศหญิง ซ่งึ การแสดงออกดังกลา วจะกระตนุ และย่ัวยใุ หวยั รนุ ชายเกิดอารมณท างเพศได นอกจากนี้ยังพบวาวัยรุนมักจะมีคานิยมท่ีเกยี่ วกับความ ตองการในการแสดงออกโดยอิสระ เปนตนวา การเท่ียวเตรในเวลากลางคืน การสัมผัสรางกายของ เพศตรงขา ม หรอื การจบั มือถือแขนอยา งเปด เผยในทีส่ าธารณะ การอยตู ามลําพังสองตอสอง หรือการ ไมใ หความสาํ คญั ในเร่อื งการรักษาพรหมจารี ฯลฯ ซงึ่ ส่งิ ตาง ๆ เหลานี้ถอื วา เปน ปจจยั ภายนอกที่สามารถ จะกระตุนหรอื ย่วั ยใุ หวัยรุนเกดิ อารมณท างเพศข้นึ ได ความเปล่ยี นแปลงทเ่ี กิดข้ึนในขณะทว่ี ยั รุนเกดิ การ เปลยี่ นแปลงทางเพศ อารมณเ พศหรือความตอ งการทางเพศท่ีเกิดข้ึนกบั วยั รุน ไมวา จะเกิดจากสิ่งเรา ภายในหรือภายนอกก็ตาม มักจะทําใหเกิดการเปล่ียนแปลงใน 2 ลักษณะสําคัญ ประกอบดวย ลักษณะการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนกับสภาพจิตใจ และลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึนกับสภาพ รา งกาย 1) ลักษณะการเปลย่ี นแปลงที่เกิดข้นึ กบั สภาพจิตใจ โดยปกติขณะทีค่ นเราเกดิ อารมณท างเพศจะพบวา มีจิตนาการท่ีเกีย่ วของกบั เรื่องเพศอยูในระดับหน่ึง ซึ่งจะมากหรือนอยหรือมีความแตกตางกัน ยอมขึ้นอยูกับพ้ืนฐาน ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละความรูส กึ ของแตล ะคน และโดยท่ัวไปพบวา ความต่ืนเตน ทางเพศทเ่ี ปนพน้ื ฐานของการเกดิ อารมณทางเพศในเพศหญิงจะเกิดไดชากวา เพศชาย อยางไรก็ตาม ท้งั เพศชายและเพศหญิงเม่ือเกดิ อารมณทางเพศข้นึ หากความสามารถในการควบคุมอารมณแ ละการ จดั การในเรื่องดงั กลาวไมดพี อ ก็มักจะสง ผลใหเ กิดปญหาทางดานสขุ ภาพจติ ข้นึ ได โดยเรมิ่ จากภาวะ ทางดา นจติ ใจทเี่ กดิ ความเครียดข้นึ แลวนํามาสูภ าวะของความวติ กกังวลท่ีเกี่ยวของกับเรื่องเพศ จน อาจนําไปสูการขาดความเชอื่ มนั่ ในตนเองได 2) ลักษณะการเปลยี่ นแปลงทเ่ี กิดขน้ึ กบั สภาพรา งกาย ขณะที่สภาพจิตใตมีการเปลี่ยนแปลงและแสดงออกถงึ ความตองการทางเพศ ปฏิกริ ยิ าของรางกายท่ีแสดงใหเหน็ ถึงภาวะความเปล่ยี นแปลงดงั กลา วของรางกายจะเหน็ ไดช ัดเจน มากขน้ึ โดยเฉพาะรางกายที่แสดงใหเห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลา วของรา งกาย จะเห็นได ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอวยั วะเพศท่ีมกี ารไหลเวียนของเลือดท่ีสงมามากขึ้น สงผลให อวัยวะเพศเกดิ การขยายตัว เพศชาย พบวาบริเวณองคชาตหรอื ลงึ ค (penis) จะมขี นาดเพม่ิ ขน้ึ และแข็งตวั ขึน้ ผนงั ท่ีหุมอณั ฑะ (Scrotum) จะหนาข้นึ ลกู อัณฑะจะเคลื่อนตวั สงู ข้นึ
56 เพศหญิง พบวา บรเิ วณอวยั วะเพศนอกจากจะขยายตัวแลว บริเวณชองคลอด อาจมกี ารขับนา้ํ หลอลน่ื ออกมา รวมทั้งกลา มเนื้อบรเิ วณดงั กลา วยงั อาจเกิดการหดรดั ตวั ขน้ึ เปนระยะ นอกจากการเปลี่ยนแปลงบริเวณอวัยวะเพศแลว ผลจากการเกิดอารมณท าง เพศยังสงผลใหการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพ่ิมขึน้ ทาํ ใหเ ลือดไหลเวยี นเพิ่มข้ึน เปนผลใหผิวหนัง บริเวณทีส่ ังเกตได มีการเปลี่ยนแปลงเปน สีแดงเพิม่ ขนึ้ เชน บรเิ วณใบหนา ลําคอ อก และหนาทอง นอกจากนี้ ในเพศหญงิ หัวนมและเตานมอาจมกี ารขยายตวั ข้ึน ผลกระทบดานลบท่ีเกิดขึ้นจากการเกิดอารมณท างเพศของวัยรุน จนนํามาสู ปญ หาทางสังคมทเ่ี หน็ ไดชดั อกี ประการหน่ึงในปจ จบุ ัน คือ การมีพฤตกิ รรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสม ของวยั รนุ ซ่งึ นํามาสูปญ หาตา ง ๆ ตามมา เปน ตน วา การเกิดปญหาการต้งั ครรภท ี่ไมพึงประสงคใน วัยรุน การเกดิ ปญหาการตดิ โรคทางเพศสัมพันธและโรคเอดสในวยั รุน โดยปญ หาเหลาน้ีถือวาเปน ผลกระทบท่ีสืบเนื่องมาจากการเกดิ อารมณทางเพศของวยั รุนท่ีไมไดรับการควบคุมและจัดการท่ี ถกู ตองเหมาะสม ซง่ึ ผลกระทบดังกลาวถือไดวาเปนปญหาทางสังคมที่สําคัญอีกประการหน่ึงใน ปจ จบุ นั แนวทางในการจัดการกับอารมณทางเพศของวยั รุน การจดั การกับอารมณทาง เพศของวยั รุนมแี นวทางการปฏิบัตทิ ่ีสาํ คญั อยู 2 ลกั ษณะ ประกอบดว ย แนวทางการปฏิบตั เิ พ่ือระงับ อารมณทางเพศ และแนวทางการปฏบิ ัตเิ พอ่ื ผอ นคลายความตอ งการทางเพศ 1) แนวทางการปฏิบตั เิ พอ่ื ระงับอารมณท างเพศ แนวทางการปฏบิ ตั ิเพอ่ื ระงับอารมณท างเพศ หมายถงึ ความพยายามในการที่ จะหลีกเลย่ี งตอ สิ่งเรา ภายนอกท่มี ากระตุนใหอารมณทางเพศมีเพิ่มมากข้ึน แนวทางในการปฏบิ ัติ มี ดังนี้ หลกี เลี่ยงการดหู รอื อานขอความจากสอ่ื ตา ง ๆ ทมี่ ภี าพหรือขอความที่สามารถ ยัว่ ยุใหเกิดอารมณทางเพศ เชน การดูหนงั สือ หรือภาพยนตร หรือสอ่ื อินเทอรเน็ตท่ีมีภาพหรือ ขอความทแ่ี สดงออกทางเพศ ซ่งึ เปนการยว่ั ยุใหเ กดิ อารมณท างเพศ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรอื การทําตัวใหว างหรือปลอ ยตัวใหมคี วามสบายเกนิ ไป เชน การนอนเลน ๆ โดยไมหลับ การนั่งฝน กลางวนั หรือนัง่ จติ นาการที่เกี่ยวขอ งกับเรอ่ื งเพศ การอยู ในสภาพของบรรยากาศทีม่ แี สงสเี สียงทก่ี อหรอื ปลุกเราใหเ กดิ อารมณท างเพศ อยางไรก็ตาม แมในทางจิตวิทยาและในทางการแพทยจะมีความเห็นที่ สอดคลองกนั วา การบําบัดความใครดว ยตนเองโดยทว่ั ไปจะไมก อ ใหเ กดิ ความผดิ ปกติทงั้ ทางรา งกาย และจติ ใจ แตก ไ็ มค วรปฏบิ ตั ิบอยจนเกิดความหมกมุนตอเรื่องดังกลา ว ซึ่งจะกอ ใหเกิดเปนลักษณะ นสิ ยั ซ่งึ อาจสง ผลลบตอ บุคลกิ ภาพและความเขมแข็งทางดานการควบคุมอารมณท่ีดีได ดังน้ัน หากมี ความจําเปนและไมสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปฏบิ ัติในเรื่องดังกลาวได ควรระลึกและคํานึงถึง หลกั การปฏบิ ัติที่เกี่ยวขอ งใน 3 ลักษณะที่สาํ คญั คือ ตองคํานึงในหลักของความสะอาดเปน พ้ืนฐาน
57 ตองคํานงึ ถึงสถานทใี่ นการปฏิบัติ คือ ตองมคี วามเปน สวนตวั ไมประเจดิ ประเจอ และตองไมปฏบิ ตั ิ ดว ยวิธีการทีร่ นุ แรง ซ่งึ อาจกอใหเ กดิ บาดแผล หรือมีการอักเสบ หรอื ตดิ เชือ้ ได 1.5 การปรับตวั ทางเพศเมอื่ เขาสูว ยั รุน เม่ือเขา สวู ัยรุน เพอ่ื ชวยใหสามารถปรับตวั ไดอยางถูกตองและเหมาะสมกบั เพศของตนดียงิ่ ข้นึ วยั รนุ ควรมแี นวทางในการปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1) ศกึ ษาใหเขาใจถงึ การเปลีย่ นแปลงทางเพศของรางกายและจิตใจ เม่อื ยาง เขาสูวัยรนุ เราจะสังเกตเหน็ วา มกี ารเปลีย่ นแปลงเกิดขนึ้ ในตวั เราหลายอยาง บางอยางก็อาจทําใหเ รา ไมสบายใจ เชน วัยรนุ ชายบางคนไมอ ยากพดู คุยกับเพ่ือนเพราะอายที่เสยี งแตกพรา สําหรับวัยรนุ หญิงท่มี ปี ระจาํ เดอื นเปนครงั้ แรกอาจมีความรูสกึ กงั วลและมอี าการตาง ๆ เกดิ ขน้ึ แตถาหากไดศ ึกษา และทําความเขาใจเก่ียวกับสภาพการเปลย่ี นแปลงดงั กลาว จะทาํ ใหเขา ใจและสามารถปฏิบัติตนได อยางถูกตอง 2) ปรับตัวเขา กบั เพ่อื นตา งเพศใหเหมาะสม วัยรุน เปนวัยท่ีมีการเปล่ียนแปลง ทางเพศหลายอยา งทง้ั ชายและหญิงเริ่มมคี วามสมั พันธก นั ทางสังคมมากขึ้น ทําใหช ายและหญิงตา งมี ความสนใจในเพอ่ื นตางเพศมากขึ้น การคบเพ่ือนตางเพศไมใชส่ิงเสียหาย แตต องปฏิบัติตนอยูใน ขอบเขตทีเ่ หมาะสมและรจู ักมารยาทท่คี วรปฏบิ ตั ติ อ กนั ดังน้ี ฝายชาย ควรใหเกียรติฝายหญิง ไมเก้ียวพาราสีหรือฉวยโอกาส มีความ บรสิ ุทธิใ์ จ และควรใหค วามชวยเหลือฝา ยหญิง เชน ชวยถือของ สละทนี่ ั่งให ไมแสดงกิริยาวาจาท่ี ไมเหมาะสม เชน พดู จาหยาบโลน หรือใชกาํ ลงั รนุ แรง เปน ตน ฝายหญงิ ควรวางตวั ใหเหมาะสม สงวนตัว ไมอยูในท่ีรโหฐานกับเพศตรง ขามตามลําพัง ไมไปในท่เี ปลี่ยว แตง ตัวสุภาพ ไมแสดงกิริยาวาจาท่ีไมเหมาะสม เชน สงเสยี งดัง หรือ กลา วคาํ ผรุสวาท เปนตน แสดงความมีนาํ้ ใจและใหเกยี รติฝา ยชาย 3) ควรรีบปรกึ ษาผูใ หญเ มอื่ มีปญหาหรือมีอุปสรรคใด ๆ เก่ียวกับเรื่องเพศ วัยรุน สว นมากมักจะมคี วามวิตกกังวลในเร่อื งตา ง ๆ เกย่ี วกับการเปลยี่ นแปลงทางดานรางกายและจติ ใจ เม่ือ มีปญหาเกิดขน้ึ ควรจะปรึกษาพอ แม ครู ญาตพิ นี่ อ ง และผูใ หญทีไ่ วว างใจ เพราะทานมปี ระสบการณ มากกวาเรา ยอมจะชว ยแนะแนวทางปฏบิ ตั ทิ ถี่ กู ตองใหแ กเ ราได 4) ปฏบิ ัตติ ามขนมธรรมเนียมประเพณอี นั ดงี าม โดยการเคารพเช่ือฟงผูใหญ หม่ันศึกษาเลาเรียน ไมประพฤติไปในทางชูสาวกอนเวลาอันเหมาะสม การยึดม่ันใน ขนบธรรมเนยี มประเพณอี ันดงี ามจะชว ยเตอื นใจใหเ ราปฏิบตั ใิ นทางท่ถี กู 2. วัยรุนกับการคบเพอื่ น วัยรุนเปนวยั ที่ใหความสําคญั กับเพอื่ นและตองการใหตนเองเปนทีน่ ิยมชมชอบใน กลมุ เพอื่ น การมเี พ่อื นท่ีดีจะทําใหว ัยรนุ มผี ูท่คี อยรวมทุกขรว มสุข ปรับทุกข ชี้แนะแนวทางในการ
58 แกไ ขปญ หาอยา งถกู ตอง แตถ า วยั รนุ คบเพ่อื นทไ่ี มด กี ็จะชักนําไปสทู างท่ไี มด ี วัยรนุ จึงควรรูจักเลอื ก คบเพ่อื นทีด่ แี ละสรางความสัมพันธท ีด่ กี บั เพ่อื น ซึ่งจะชวยใหส ามารถปรบั ตัวใหเขากับสงั คมไดต อไป 2.1 หลักการคบเพอ่ื น ควรมีหลกั ปฏิบัติในการคบเพื่อน คอื วยั รุนควรพิจารณากลุมเพ่ือนทีค่ บวามี ความประพฤติเปนอยางไร ถาเพ่ือนคนใดประพฤติตนในทางไมด ี ก็ควรแนะนําและชักจูงใหเขา ประพฤติในทางทด่ี ี รจู กั ปฏเิ สธและไมห ลงเชอื่ คาํ ชกั ชวนหรอื ปฏิบัติตามเพ่ือนท่ีมีความประพฤติไมดี เชน ชวนใหห นีเรียนเทยี่ วกลางคนื เลน การพนัน เสพสารเสพติด เปนตน โดยในการพูดปฏิเสธนั้น ใหปฏิบัติดงั น้ี พูดดว ยน้ําเสยี งหนกั แนน มัน่ คง ควรบอกความรูสกึ ดกี วา บอกเหตผุ ลหรือขออา ง เพราะความรูส กึ เปน เรอ่ื งสวนตัวของแต ละบุคคล ถาบอกเหตุผลหรือขออาง เพอ่ื นอาจจะนาํ เหตุผลอ่ืนมาลบลางใหปฏิเสธไมได และรจู ัก แนะนําและชักชวนเพ่ือนปฏิบัติกิจกรรมท่ีดีและมีประโยชน เชน เลนกีฬา เลนดนตรี เรียน ภาษาตา งประเทศ เรียนคอมพวิ เตอร เขารวมในกิจกรรมพัฒนาตาง ๆ ในชุมชน เปนตน โดยเลือก ตามความสนใจและความเหมาะสมของตนเอง จะไดเ ปน การใชเ วลาวา งใหเกิดประโยชน 2.2 หลกั ทั่วไปในการผูกมิตร หลักท่ัวไปในการผูกมติ ร มีแนวทางในการปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1) รจู ักยอมรับคําตชิ ม เชน รบั ฟงความคิดเหน็ หรือคาํ วิพากษวิจารณข องผูอื่น เกีย่ วกบั ตัวเราเองดวยความเต็มใจ เปน ธรรม ไมล าํ เอียงเขา ขา งตนเอง และสามารถควบคุมอารมณไ ด 2) รูจักอารมณขัน มองโลกในแงดี และควรเปนคนย้ิมงาย เปน บุคลกิ ลกั ษณะทดี่ ีและเปนเสนหท ที่ ําใหผูพบเหน็ หรอื คบคาสมาคมดว ยรสู กึ ชมชอบ เกดิ ความสุขและ ความสบายใจ นับวา เปนสง่ิ สําคญั ยง่ิ อยางหนง่ึ ท่จี ะนําไปสกู ารตอนรับและความรวมมอื ที่ดี 3) รจู ักออ นนอมถอมตน ไมคยุ โออวดความสามารถของตน ไมพูดจาดูถูก หรือยกตนขม ผอู ่นื และรจู กั ยอมรับขอ บกพรอ งหรือความดอยของตนในดา นตาง ๆ 4) รูจกั รับผิดชอบตอหนาท่ี เชน หนาท่ีสําคัญของนักเรียนคือเรียน ครูมี หนา ที่ใหก ารศกึ ษาอมรมแกน ักเรียน นักศกึ ษา 5) รูจักประนีประนอม เมื่อเกิดปญหาหรืออุปสรรคขึ้น ควรจะมีการ ประนีประนอมหรือรอมชอมกัน ซ่ึงเปนวิธีการหน่ึงทคี่ นเราอาจตกลงกันไดอยางยุติธรรมและมี เหตุผล 6) รูจกั เอาใจเขามาใสใจเรา ใหคดิ เสมอวาอะไรก็ตามท่เี ราเองไมชอบ ไม ตองการใหผ อู ่ืนกระทาํ ตอ เรา กจ็ งอยากระทาํ ส่งิ น้ันตอบุคคลอื่น และถาตองการใหบุคคลอื่นกระทํา ส่ิงใดตอเราก็จงกระทาํ สิง่ นั้นตอเขา 7) รูจักใหกําลังใจคนอื่น เชน ยกยองใหเกียรติ ใหกําลังใจผูอ่ืนดวยการ ชมเชย รจู ักแสดงความช่นื ชมยนิ ดตี อ ความสําเร็จของเพือ่ นรวมหอ ง เพ่อื นรว มงาน เปนตน
59 8) รูจกั ไวว างใจคนอื่น คือ รจู กั ไวเนอื้ เช่ือใจคนอน่ื บา งตามสมควร เพราะคน อ่ืนอาจมีความดอยเกินไปในดานตาง ๆ ไดเชนเดียวกับเรา นอกจากนี้บางครั้งการประเมินคา ความสามารถของผอู ่ืนดอ ยเกนิ ไป อาจนาํ มาซึ่งความผิดหวงั ไดดวย 9) รูจักรวมมือกับคนอ่ืน เชน การใหความรวมมือกับหมูคณะในการ ประกอบกิจกรรมตา ง ๆ ของสวนรวมดวยความเต็มใจ เพราะผูท่ีเหน็ แกตวั หรือเอาแตไดยอมเปนที่ รงั เกียจของสังคม 10) รูจักเคารพสิทธิของผูอื่น เชน ไมควรใชทรัพยส่ิงของของผูอื่นโดย พลการ ไมก า วกา ย หรอื ละเมดิ สทิ ธซิ ง่ึ เปนผลประโยชนอ นั ชอบธรรมของผูอ่นื 2.3 หลักในการสรา งเสริมความสมั พันธอันดีกบั กลุม เพือ่ น หลกั ในการสรางเสรมิ ความสัมพันธอ ันดีกับกลมุ เพอื่ น มีแนวทางปฏิบตั ิ ดงั นี้ 1) รจู ักตนเองและรูจกั คนอน่ื วยั รุนตองมีความเขาใจในความตอ งการของตน และของเพ่ือนยอมรับสภาพความเปนจริงของตน และยอมรบั ความแตกตา งในตัวเพื่อนกับตัวเอง ไม อิจฉาริษยาเพือ่ นทีม่ ฐี านะดีกวา หรือมีความสามารถมากกวา และไมยกตนขมทานหรือดูถูกเหยียด หยามเพอื่ นท่ีดอยกวาตน แตใหยินดีกับความสาํ เรจ็ ของเพือ่ น และคอยชว ยเหลือสนับสนุนเพื่อนหาก มีโอกาส 2) มีมนุษยสมั พนั ธทดี่ ี รูจ กั พดู รูจักฟง เรยี นรูที่จะพดู เรื่องตาง ๆ ในจงั หวัด ที่เหมาะสม เปดโอกาสใหเพื่อนไดแ สดงความคดิ เห็น และรบั ฟง ความคิดเห็นของเพ่ือน เอาใจใสใน ตัวเพอ่ื น และใหความสาํ คัญกับเพอ่ื นดวยความบริสุทธใ์ิ จ ตลอดจนมีความซ่ือสัตยแ ละจริงใจตอ เพือ่ น 3) การมองโลก ใหม องในแงท่เี ปนจรงิ ไมมองในแงดีจนเกินไป อันอาจถูก หลอกลวงและคดโกงได แตไมม องคนในแงรา ยจนเกนิ ไป อันจะทําใหเปน คนใจแคบ ไมรจู กั การให อภัย 4) มีน้ําใจเปนนักกฬี า ยอมรับผิดเมือ่ รูวา ตนผดิ ปฏิเสธในสง่ิ ท่ีตนไมสามารถ ทาํ ได เมือ่ ใหส ัญญาอยา งไรไวกบั ใครก็ตอ งพยายามทําตามสัญญานั้นใหด ีทส่ี ุด นอกจากน้ยี งั ตองรจู ัก เสียสละและใหอภัยแกเพ่อื นเม่ือเกิดขอผิดพลาด โดยทาํ ความเขาใจถึงสาเหตทุ ที่ ําใหเ กิดขอผิดพลาด น้ัน และรว มมอื กันปรับปรุงแกไ ขตามสาเหตทุ ี่เกดิ ขึน้ ตอ ไป หรือสงผลมากระทบ และเม่ือเกิดอารมณข้ึนก็มักจะพบวาพฤติกรรมการ แสดงออกดงั กลา ว มักมีการเปลีย่ นแปลงหรือแตกตา งไปจากสภาพเดิม ซึ่งสังเกตเหน็ ไดชัดเจนหรือ อาจไมช ัดเจน ทงั้ นีข้ นึ้ อยกู บั ความสามารถในการปรับสภาพอารมณของแตล ะบุคคล
60 เร่ืองท่ี 3 พฤตกิ รรมทีน่ าํ ไปสกู ารมีเพศสมั พนั ธ ปจจุบนั ปญ หาจากพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนมีหลายลักษณะ เชน การมีเพศสัมพันธก อนวัยอนั ควร การติดเชื้อเอดสแ ละโรคตดิ ตอทางเพศสมั พนั ธ รวมทัง้ การตัง้ ครรภ ท่ีไมพ ึงประสงคในวยั รุนทั้งทม่ี าจากพฤตกิ รรมทางเพศท่ไี มเหมาะสมโดยตรง และมาจากอุบัติภัยทาง เพศนับเปน ปญ หาทางเพศของวัยรนุ ท่อี ยูในอันดับตน ๆ อยา งไรกต็ าม มวี ยั รุนทจี่ บั คูกนั บางคูไมม เี พศสัมพนั ธกัน ซ่ึงมีสาเหตุหลายประการ เชน พอแมดแู ลเอาใจใสอ บรมสง่ั สอนดี พอ แมต ิดตามดแู ลอยา งใกลช ิด ไมเปดโอกาสใหท้งั คไู ดอยู ในสถานการณท เ่ี ส่ียงตอ การมเี พศสมั พันธ วยั รุนคิดไปขางหนา เกดิ ความเกรงกลวั วา จะมีปญหาตาง ๆ ตามมามากมาย มีความละอายใจและรสู ึกวาผดิ กลัวเสยี ชื่อเสยี ง และกลัวคนอื่นจะรู ไมมโี อกาสท่ี จะไดกระทาํ มีความยบั ยัง้ ชั่งใจ เปน ตน การจบั คูกันนนั้ สว นใหญจะทาํ ใหก ารเรยี นแยลง การมีครู ักไมใชสัญลักษณของการ ประสบความสาํ เรจ็ ในชวี ติ ไมใชแฟชัน่ หากวัยรนุ คนใดยังไมมคี ูรกั กไ็ มควรรูสึกวา ตัวเองดอยกวา เพ่อื นท่มี ีคนรัก ไมจําเปนที่จะตองคบกับใครสกั คนเปนครู ัก เพียงเพราะตองการใหต นเองเหมอื น เพอื่ นคนอนื่ ๆ เทา น้ัน ความคาดหวงั ในเรือ่ งความรกั ของผูห ญงิ และผูชายทแ่ี ตกตา งกนั น้ัน เปน สิง่ ทว่ี ัยรนุ ที่ จับคกู นั ไมควรมองขา ม เพราะจะทาํ ใหร ูว า หญงิ และชายจะปฏบิ ัติตอ คนรักตา งกนั ผูชายจะคดิ ถงึ เรื่อง การไดสัมผัส ลวงเกินจนถึงขั้นมีเพศสัมพันธ จึงเปนสาเหตุหนึ่งที่จะทาํ ใหผูหญิงตองเสียความ บริสทุ ธิก์ อนวัยอนั ควร และมักไมคอ ยเตม็ ใจ ซ่งึ วัยรนุ หญงิ จะตองระวงั ใหด ใี นเรือ่ งนี้ 1. พฤติกรรมท่เี ส่ยี งตอ การมีเพศสัมพันธ วัยรนุ เปน วัยท่เี กดิ ความเปลยี่ นแปลงและพฒั นาการอยางรวดเร็วในเรื่องเพศ บางคน จึงเกดิ ความสนใจในเพศตรงขาม สนใจในเรอ่ื งเพศ การจับคูเ ปน คูร ักกนั การเกดิ อารมณท างเพศ การ ดสู ื่อลามก การมีเพศสมั พันธก บั ครู กั การมสี มั พันธกับหญงิ ขายบรกิ ารทางเพศ หรือการขายบรกิ ารทาง เพศ เม่ือเปนเชน น้ีผลเสียท่ตี ามมา ไดแ ก การมีเพศสมั พนั ธก อนวยั อนั ควร ทาํ ใหเกิดความ วติ กกงั วล เสียการเรียนเพราะจะสนใจการเรยี นนอ ยลง เกิดการตัง้ ครรภท ่ีไมพึงประสงค การทําแทง ปญหาลูกไมมีพอ ทารกถูกทอดทิ้ง โรคติดตอทางเพศสัมพนั ธ โรคเอดส เปน ตน เหตุและผลดังกลา วขางตนนี้ มกั จะเร่ิมจากตวั ของวัยรนุ เองที่มีพฤติกรรมเสี่ยงตอการ มเี พศสมั พันธ ซึง่ มดี งั นี้ 1. สนใจเรื่องเพศมาก ปกตวิ ยั รุนก็จะสนใจเร่ืองเพศอยแู ลว เพราะเปนธรรมชาติของ วยั แตถ าหมกมนุ กบั เรอื่ งน้ีมากเกินไป และโอกาสหรือสถานการณเ อื้ออาํ นวยวัยรุนอาจมเี พศสมั พนั ธ
61 โดยไมค ิดไมไ ดต ัดสนิ ใจหรอื ไมไ ดว างแผนลวงหนา คือปลอยใหเปนไปตามความตอ งการและอาจไม คิดถงึ ผลกระทบทจี่ ะเกิดขน้ึ ภายหลัง 2. มีความหมกมุนในเรอ่ื งเพศ มวี ยั รนุ จํานวนหนง่ึ โดยเฉพาะวยั รุนชายที่หมกมนุ ใน เร่ืองเพศมากเกินไปอาจมีการสําเรจ็ ความใครดวยตนเองบอยครั้ง โดยไมพยายามหลกี เลี่ยง หรือ พยายามจัดการกบั อารมณทางเพศ ในผหู ญิงก็อาจมีบางแตไ มมากเทาผชู าย บคุ คลประเภทนี้มีความ เส่ียงตออาการมีเพศสมั พนั ธ 3. ชอบถูกเน้ือตองตัวเพศตรงขา ม ผูชายมกั จะยินดที ีไ่ ดถกู เนอื้ ตอ งตวั ผูห ญงิ หรอื ให ผูหญิงมาถูกเนอ้ื ตอ งตวั ตนเอง สวนผูหญิงทค่ี ิดเชน เดยี วกับผชู ายน้ีกม็ ีบาง การถูกเน้ือตอ งตัวกันทําให เกดิ อารมณท างเพศได ถามีโอกาสหรือสถานการณทเ่ี อ้ืออํานวยกอ็ าจถงึ ข้นั การมเี พศสมั พันธก นั ได เร่ืองน้มี กั จะพบเหน็ อยูบ อ ยคร้งั ในหมูวัยรุนท่ีมักถือโอกาสถูกเน้ือตองตัวกัน ถาถูก ผูใหญด หุ รือเตือนกจ็ ะบอกวาเปน เพอ่ื นกัน ไมคดิ อะไร ถงึ แมวาจะมีบางคนทีไ่ มไ ดค ดิ อะไรจริง ๆ แต กไ็ มเหมาะสม เพราะจะถูกมองวา เปนหญิงสาวที่ไมรักนวลสงวนตัว ใหผ ูชายถกู เน้ือตองตัวงาย ๆ ผชู ายก็ไมเปนสุภาพบุรุษเพราะชอบหาเศษหาเลยดว ยการถูกเนือ้ ตองตัวผูหญิง ดังนั้นนักเรยี นควร ปองกันและหลกี เลีย่ งไมใ หเ กดิ พฤติกรรมนี้ 4. คิดวาการมเี พศสมั พันธไ มใชเ รอื่ งเสียหาย ไมวา ชายหรอื หญงิ ท่ีคดิ เชนนี้จะเปนผู ที่เสีย่ งตอ การมีเพศสัมพันธมาก ผูชายมักจะคดิ เชนน้ี ซึ่งเปนนสิ ยั ท่ีติดตัวของผูชายมาอยูแลว แตถา ผหู ญิงคดิ เชนนด้ี ว ยกน็ บั วา เปน การสนบั สนุนใหผ ชู ายสมหวงั ขนึ้ จนเปน เปน ปญ หาสําคญั ปญหาหนึ่ง ในครอบครัวและสงั คมไทย เพราะเปนความคิดที่นําไปสูการมีเพศสัมพันธกอ นวัยอันควร ซ่ึงจะ กอ ใหเ กิดปญหาตามมามากมาย 5. ดสู อ่ื ลามก ปจจบุ นั นี้มีสือ่ ลามกขายกนั มากมายตามทอ งตลาด วยั รุน หลายคนรวู า แหลงซอ้ื ขายอยทู ่ใี ด การดูสือ่ ลามกประเภทนที้ ําใหผ ูด เู กดิ อารมณทางเพศ วยั รนุ เปนวัยที่อยากรูอ ยาก ลอง เมื่อดูแลวบางครั้งอาจอยากทดลองทําตามคูพระนางในสื่อลามกนั้น ดงั วัยรุนทีม่ ีขาวลงหนา หนงั สอื พิมพว าไปขม ขืนหรือไปมว่ั สมุ มเี พศสมั พนั ธกันแลว รับสารภาพวาทําตามอยางในสือ่ ลามกที่ เคยดู 6. เปนคนเจาชู คนเจา ชูคนทช่ี อบมีคูรักหรือสามีภรรยามากกวา 1 คน หรือมีไป เร่อื ย ๆ ตามความพอใจ วยั รนุ ท่ีเปนคนเจาชูจะมใี จกลา ในเรอ่ื งนี้ และขาดความรับผิดชอบในสิ่งที่ ตนเองกระทาํ ไมรักใครจริง ถา เบอื่ ก็พรอ มท่จี ะทอดทง้ิ บุคคลประเภทนี้จะมเี พศสัมพนั ธงา ย ๆ ไมคิด อะไรมาก ผหู ญิงเปน ฝา ยท่ตี องรับภาระในสิ่งทที่ ้ังคูไดกระทาํ ลงไป เชน เปนฝา ยตัง้ ครรภอาจตองไป ทําแทง หรอื ตอ งคลอดลกู แลวเลยี้ งลกู ตามลาํ พัง เปน ตน จงึ ตองระวงั คนเจา ชแู ละตอ งไมเ ปน คนเจา ชู 7. เคยมีประสบการณทางเพศมาแลว ไมวาจะเปนผูชายหรือผูหญิงที่เคยมี ประสบการณในการมีเพศสัมพนั ธมาแลว ในคร้ังตอ ๆ ไปมันจะไมคิดมาก ใจกลาขึ้น ไมกลัว หรอื ไมก ็ติดใจในเพศรสจึงเปนมูลเหตทุ ีท่ ําใหเ กิดความเสี่ยงตอการมเี พศสมั พันธซ ํา้ ไดอกี
62 8. เสพสารเสพตดิ ผูท่เี สพสารเสพติดจะเกิดอาการมนึ เมาเคลิบเคลม้ิ ขาดความรูสึก ผดิ ชอบชั่วดี ครองสตไิ มได จึงมกั ทาํ อะไรลงไปแบบไมค ดิ อะไรมากหรอื งง ๆ ไมคอยรูตัว ดงั ขาวที่ พบเห็นบอ ย ๆ วาวยั รนุ ไปจัดปารต้ยี าอี ยาบา หรือไมกไ็ ปด่ืมแอลกอฮอล พอมึนเมาเสพสารเสพติด หรอื ยอมมเี พศสมั พนั ธเ พ่ือแลกกับสารเสพติดในกรณที ตี่ ดิ สารเสพติดแลว 9. ขาดความไตรตรอง บคุ คลประเภทนมี้ ักไมคดิ ถึงผลทีจ่ ะตามมาหรือผลกระทบ หลงั การมีเพศสัมพันธว าจะเปนอยางไร เปน คนแกปญหาเฉพาะหนาไปวันหน่ึง ไมค ดิ ถึงอนาคตวา เปนอยางไร ตดั สินใจโดยขาดสติ 10. อยากรูอยากลอง วัยรนุ เปนวัยที่อยากรูอยากลองอยแู ลว แตถาอยากรอู ยากลอง เรือ่ งเพศน้นั นบั วาเปนอันตราย ปจ จัยท่ีกระตุนใหอ ยากรอู ยากลองนอกจากจะมาจากตนเองแลว ยงั อาจมาจากปจจัยอื่น ๆ เชน เพอ่ื นชักชวน อา นหนังสอื ลามก 2. การหลกี เลย่ี งและปองกันตนเองจากสถานการณการเสย่ี งตอ การตงั้ ครรภโดยไมต ้ังใจ มีผูหญิงจาํ นวนไมน อ ยที่ตั้งครรภโ ดยไมตั้งใจ ทั้งนเ้ี พราะไมค าดคิดมากอนวาจะมี เพศสมั พนั ธกบั ผูชายซ่งึ อาจเปนคูร กั ของตนเอง เปน เพ่ือน คนแปลกหนา พอเลีย้ ง หรือแมแตญาติ ของตน และไมมีการปองกันการตงั้ ครรภแ ตอ ยางใด ดังน้นั ผูห ญิงควรเรียนรถู งึ การหลีกเลี่ยงและ ปองกนั ตนเองจากสถานการณเส่ียงตอการตัง้ ครรภโ ดยไมต ั้งใจ ซงึ่ มีขอแนะนําดังนี้ 1. ในกรณเี ม่อื อยูกับคูรักของตนเอง ควรปฏบิ ตั ดิ งั นี้ 1.1 ไมยอมใหครู กั ไดสัมผัส จับมือ โอบกอด ถา ถูกกระทําเชน นคี้ วรแสดงทา ที ไมพ อใจและปฏิเสธการกระทําดังกลา วอยางจริงจัง มิฉะนั้นอาจนําไปสกู ารมีเพศสัมพนั ธเ น่อื งจาก สภาพแวดลอมเหมาะสมและเปน ใจ 1.2 ไมอยูในที่ลับตาคนสองตอสอง เพราะคูร กั อาจจะลวงเกินเราได และย่งิ เรา มใี จชอบฝายชายดวยก็อาจจะยินยอมจนถึงข้ันมีเพศสมั พันธได 1.3 ไมไ ปเทยี่ วกันแบบคางคืน เพราะการคา งคืนจะเปนการเปดโอกาสใหฝาย ชายลวงละเมิดทางเพศได 1.4 ไมควรดสู อื่ ลามกโดยเฉพาะกบั ครู ัก เพราะจะทําใหทั้งสองฝายเกิดอารมณ ทางเพศและนาํ ไปสูก ารมีพฤตกิ รรมทางเพศท่ไี มเหมาะสม 1.5 การไปเที่ยวในงานวันสาํ คญั ตาง ๆ เชน วนั วาเลนไทน วนั ลอยกระทง วนั ข้ึนปใ หม ท่ีเปน การเที่ยวในเวลากลางคืน แลว จะไปตอกันในสถานท่ีท่อี าจจะมเี พศสัมพันธกันได ดังนน้ั การไปเทย่ี วกบั คูร กั ในวนั สําคญั ดงั กลา วควรระมัดระวังตวั ใหดี ถา เราคิดวา ไมนาไววางใจก็ไม ควรไปโดยหาทางปฏิเสธอยางนุมนวล 1.6 การไปเที่ยวงานสังสรรคห รอื ตามสถานบนั เทิงกบั คนรักควรระมดั ระวังตัว ดว ย เพราะอาจดืม่ เครอื่ งดืม่ ท่มี ีแอลกอฮอลแ ลว ทาํ ใหม ึนเมาไมรสู ึกตัว
63 1.7 อยาใจออนถาถูกขอท่จี ะมีเพศสัมพันธดวย อยาหลงคารมเขาเปนอนั ขาด และไมตอ งกลวั เขาโกรธ รกั ษาความบริสุทธิ์ของเราดีกวา หากพลาดพล้ังไปแลวก็ควรระวังอยาให เกดิ ข้ึนอกี 2. ในกรณเี มือ่ อยกู ับเพอ่ื นชาย ควรปฏบิ ัติดังนี้ 2.1 อยาใหม าถูกเนือ้ ตองตัวโดยไมจาํ เปน เพราะถาวนั ใดที่เพ่ือนชายมีโอกาส ผหู ญิงอาจพลาดทาเสยี ทีได 2.2 อยา ไวใจใครมากนัก มเี พื่อนหลายคนทหี่ ลอกพาเพื่อนไปขม ขนื บางรายให เพ่ือนคนอื่น ๆ ขม ขนื ดว ยตามท่ีมีขาวใหพ บเหน็ อยูบอ ย ๆ 2.3 ไมไปเทย่ี วแบบคา งคนื ถงึ แมจะไปเปน หมูคณะกต็ องระมัดระวัง 2.4 การไปเทยี่ วตามสถานบันเทงิ แลวกลบั ดึกอาจเปน อนั ตราย ถามีเพื่อนอาสา ไปสงบา นก็ควรระวงั เพราะอาจพาไปท่ีอื่นได 3. ในกรณีเมื่ออยกู ับคนแปลกหนา ควรปฏิบัติดังน้ี 3.1 อยาไวใ จคนแปลกหนาเปนอนั ขาด เพราะยังไมรูจักนสิ ยั ใจคอเขาดพี อ ถา หลงเช่ืออาจถูกเขาหลอกได โดยเฉพาะถาพบกนั ในสถานบันเทิงเริงรมยเขาอาจจะมองเราวาเปน ผหู ญิงที่รกั สนกุ คงจะมเี พศสัมพันธด ว ยไมยาก 3.2 ไมควรเดนิ ทางไปในที่เปล่ียวยามคํ่าคืน เพราะมผี ูหญิงถกู คนรายลักพาตัว ไปขมขืนมาหลายรายจนนับไมถ วนแลวในสถานการณเชนน้ี 3.3 อยา เชื่อคนทรี่ ูจกั กันทางอินเทอรเน็ต ถึงแมจะคุยกันจนเหมือนรูจักกันดแี ลวก็ ตาม เพราะยงั ไมเคยเห็นหนา กัน กย็ งั คงเปน คนแปลกหนาอยูดี หญิงสาวหลายรายท่ีถูกคนท่ีรูจักกันทาง อนิ เทอรเ นต็ หลอกไปขมขนื บางรายมีการถา ยรูปไวเพือ่ ขมขูและตอ รองเรือ่ งอ่ืนๆอีกดว ย 4. ในกรณเี มอ่ื อยูกบั พอเลีย้ งหรอื ญาติ ผูห ญิงท่ีถกู คนใกลชิดในครอบครัวขมขนื นน้ั มีมาก และมกั ไมยอมบอกใคร บางรายถูกขม ขืนมานานนบั ป บางครัง้ เกดิ การตั้งครรภ เพราะคนใน ครอบครัวน้นั ใกลชิดเหน็ กนั อยทู ุกวันหรอื พบกันบอย ไวใจกันมาก ในเรื่องน้ีผูหญงิ ควรปฏิบัตติ น ดังน้ี 4.1 ใหสังเกตการณสัมผัสของบุคคลเหลานน้ั วา สัมผัสดวยความเอ็นดูแบบ ลกู หลานหรอื แบบชสู าว ถามกี ารสัมผัสนาน ลบู คลํา จบั ตองของสงวน ตองระมัดระวงั อยาเขา ใกล 4.2 ควรนอนในหอ งทม่ี ดิ ชดิ ใสก ลอนหรอื ล็อคกุญแจใหเ รียบรอ ย 4.3 ถา บุคคลเหลานน้ั มนึ เมาอยา ไวใจ เพราะทําใหขาดสติ และกระทําในสง่ิ ท่ี ไมค าดคดิ ได 4.4 การแตง ตัวอยูบา น การอาบน้าํ ตอ งกระทําอยา งมดิ ชดิ อยาเปดเผยเรอื นราง มากนัก เพราะอาจเปนการย่วั ยอุ ารมณท างเพศแกบคุ คลเหลา นนั้ ได
64 4.5 ถาถูกบคุ คลเหลา น้นั ลวนลามควรบอกใหค นในบา นทราบ หรอื รองตะโกน ใหผ ูอนื่ ชว ยเหลือ ไมต องอายเพราะเขาทาํ ไมถ กู ตอง ขอควรคิดเกย่ี วกบั การมเี พศสมั พนั ธ มีผูหญิงบางคนท่ีคิดวาการมีเพศสัมพันธเปนเร่ืองปกติไมใชเร่ืองผิด ไมรับรูถึง ขนบธรรมเนยี มและวัฒนธรรมไทย จึงควรตรวจสอบตนเองวามคี วามรับผิดชอบตอตนเองและสังคม เพยี งใด โดยตอบคาํ ถามเหลา นใี้ หไดเสียกอนที่จะคดิ มีเพศสัมพนั ธ 1. ถา ยินยอมมีเพศสัมพนั ธ เราจะยอมรบั กบั ผลทจ่ี ะตามมาไดเ พยี งใด เชน คําครหา ของคนในสงั คม ความกลัวคนอื่นจะลวงรู การตั้งครรภ การถกู ผชู ายทิง้ หลังจากไดเสียกันแลว การ เสยี ความบริสทุ ธิ์ไปแลวผูช ายคนนค้ี อื คนทจี่ ะเปน คูชวี ิตของเราหรือไม เปนตน 2. เมื่อเรายงั ไมพรอ มที่จะมีลกู จะปอ งกันตนเองอยา งไร รูวธิ ปี องกันการตั้งครรภ เพยี งใด เมอ่ื ปอ งกันแลวจะผิดพลาดไดหรอื ไม ถาพลาดมีลกู ข้ึนมาจะทําอยา งไร ผูชายจะรับผิดชอบ หรอื ไม ตนเองไมอบั อายคนอนื่ ๆ หรือถาจะตอ งไปทําแทง การทาํ แทงมอี ันตรายเพยี งใด 3. การตงั้ ครรภทไี่ มพ ึงประสงคในวัยรุน การต้ังครรภท ี่ไมพึงประสงคใ นวัยรุน หมายถงึ การตั้งครรภทเี่ กิดขึ้นในวยั รนุ เพศ หญิงซ่ึงเปนผลสืบเนอ่ื งมาจากการมีเพศสัมพันธทเี่ กดิ ข้ึนโดยไมไดต ้ังใจ โดยอาจมีสาเหตุสาํ คัญมาจาก พฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรนุ หรอื อาจเกดิ จากการถกู ขม ขืนกระทําชาํ เรา 3.1 ปญ หาและผลกระทบของการตัง้ ครรภทไี่ มพ งึ ประสงคใ นวัยรุน ปญหาการตงั้ ครรภท ไี่ มพ ึงประสงคผ ลกระทบทส่ี าํ คญั ดังน้ี 1) สงผลกระทบตอ วยั รนุ ทต่ี ้งั ครรภโ ดยไมพ งึ ประสงคโดยตรง ซ่ึงผลกระทบ ดังกลาวสรางปญ หาทีต่ ดิ ตามมา เปนตนวา ปญหาทางดา นจติ ใจและอารมณ วัยรุนท่มี ปี ญ หาการตงั้ ครรภท ่ไี มพ ึงประสงค มักมีความรูสึกวาตนเองทาํ ผิด เกิดความละอายใจ และมีความคิดวา ไมมใี ครรักใครตองการอีก ซ่ึง บางคนอาจแสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมและรุนแรงข้ึน หรือบางคนอาจไมแสดงออกและ มักเกบ็ กดอยากทาํ ลายชวี ิตตนเอง ฯลฯ ซึง่ ภาวะทางจิตใจและอารมณข องวัยรุนท่ีต้ังครรภโดยไมพ งึ ประสงคนีจ้ ะมีมากหรือนอยขน้ึ อยูก บั การยอมรับและความเขาใจของคนในครอบครัว ถาครอบครวั ยอมรับเขาใจ และใหอ ภัย ปญหาทางดานจติ ใจและอารมณก็จะลดนอ ยลงได ปญ หาทางดา นสขุ ภาพ ปญ หาท่ีมักพบ คอื ปญหาโรคเอดสแ ละโรคติดตอ ทางเพศสัมพันธ การมีเพศสัมพันธโดยไมไ ดม ีการปองกันและคุมกําเนดิ ยอมมีโอกาสใหวัยรุนเพศ หญงิ ไดร บั เชื้อเอดส หรอื โรคติดตอ ทางเพศสมั พนั ธจากฝายชายในอัตราเสีย่ งที่สูง ปญหาทางทําแทง
65 ซึง่ มกั จะสง ผลกระทบตอ ผูทาํ แทงไดโดยเปนอนั ตรายตอชวี ิต ซึ่งมักเกิดจากการตกเลือดหรือการติด เชอ้ื อยางรุนแรง นอกจากนั้นยังเปน อุปสรรคตอการมบี ุตรในอนาคต แมการทาํ แทงจะผานพนไป แต การทาํ แทง อาจทําใหเกิดการอักเสบเรื้อรังในโพรงมดลูกและทอมดลูก เปนผลใหโพรงมดลูกและทอ มดลกู ตีบตนั มดลูกทะลุหรอื อักเสบอยา งรุนแรงเพราะเครื่องมอื ทาํ แทง ทาํ ใหบ างคนตอ งตดั มดลกู ทง้ิ หรือการขยายปากมดลูกขณะทําแทงทําให ปากมดลูกฉีกขาด หูรูดของปากมดลูกหลวม เกิด ภาวการณแทงบุตรไดงา ย และยังสงผลใหมีปญ หาสุขภาพท่ีตอเนื่อง โดยเฉพาะมกั จะพบวามีการ อกั เสบเร้ือรงั ในชองเชิงกราน 2) สงผลกระทบตอ ครอบครัวของวัยรุนท่ีต้ังครรภโดยไมพงึ ประสงค มกั พบเสมอวาเมอ่ื วัยรุนเพศหญิงตง้ั ครรภโ ดยไมพ ึงประสงคขนึ้ วัยรุน ของเพศชายมกั จะไมแสดงความ รับผิดชอบตอสิ่งที่เกิดข้ึนภาระความผิดชอบจึงตกเปนของฝายหญิงและครอบครัวเพียงฝายเดียว ถา ครอบครัวฝายหญงิ มีความเขา ใจและใหอภยั ตอความผิดพลาดที่เกดิ ขนึ้ และครอบครัวยังพรอมที่จะ รวมแกป ญหาการเลีย้ งดเู ดก็ ที่จะเกิดขึ้นได กจ็ ะชวยลดปญหาทางดานอารมณแ ละจิตใจของวัยรุนเพศ หญิงลงได แตใ นทางตรงขา ม หากครอบครัวของวัยรุน เพศหญิงไมสามารถยอมรับปญหาที่เกิดขึ้น ดังกลา วกอ็ าจสงผลใหเ กดิ ปญ หาตา ง ๆ ตามมาได 3) สงผลกระทบตอ สังคมและประเทศชาติ การตั้งครรภท่ีไมพ ึงประสงคข อง วัยรนุ ทาํ ใหเ กดิ ปญหาทางสงั คมตาง ๆ ตามมาดังทไ่ี ดก ลาวมาแลว นอกจากนี้ ประเทศชาติตอ งสูญเสยี งบประมาณบางสวนท่ีตอ งนํามาใชเพือ่ การบาํ บดั รกั ษา ดแู ลสขุ ภาพของวยั รุนเพศหญิงที่ตั้งครรภโ ดยไม พึงประสงค ตอ งจดั งบประมาณในการเลย้ี งดูประชากรสวนหนึ่งที่เกิดจากผลพวงของปญ หาดงั กลาว 3.2 การปองกันการตัง้ ครรภทไี่ มพงึ ประสงคใ นวัยรุน การปองกันมีแนวทางในการปฏิบัติ ดังนี้ 1) ตองรจู ักหลีกเล่ยี งสถานการณท่เี ออ้ื อํานวยใหเกิดการมเี พศสัมพันธ มัก พบวาการมีเพศสัมพนั ธทไ่ี มไ ดต ้งั ใจของวัยรุนมักจะเกิดจากสถานการณหรือบรรยากาศทีเ่ อื้อใหเกิด โอกาสตอการมีเพศสัมพันธ เชน การอยตู ามลําพังสองตอสองในที่ลับตาคน หรือการเขา รวมในกจิ กรรม พบปะสังสรรคท่มี กี ารดื่มเครือ่ งผสมแอลกอฮอล เปนตน 2) ตองรูจักใชทักษะในการปฏิเสธเพ่ือแกไขสถานการณเสี่ยงตอการมี เพศสมั พันธ วิธกี ารหลีกเลี่ยงและแกไ ขสถานการณด ังกลา ว ฝา ยหญงิ ตอ งนาํ ทกั ษะการปฏเิ สธไปใช ซ่ึง การปฏิเสธของฝายหญิงจะเปน สญั ญาณเตือนใหฝายชายหยุดแสดงพฤตกิ รรมทางเพศทไี่ มเหมาะสม ออกมา แนวทางในการใชคาํ พูดทีเ่ ปน ทักษะของการปฏิเสธ มีหลายขอ ความ เชน “หยุดนะ อยา ทํา แบบนี้” ฉันไมช อบหยดุ นะ” “อยานะ ฉนั จะตะโกนใหลั่นเลย” “คุณไมมีสทิ ธิ์ท่ีจะทําแบบนี้” และ อนื่ ๆ ตามความเหมาะสมซึ่งคําพูดทเ่ี ปน ทกั ษะในการปฏเิ สธมกั จะมคี ําวา “ไม” “อยา ” หรือ “หยดุ ”
66 3) ตองรูจกั ใหเ กยี รตซิ ง่ึ กันและกัน การที่ฝา ยหญิงและฝายชายนาํ หลักความ เสมอภาคทางเพศ และการวางตัวทเี่ หมาะสมตอเพศตรงขามมาใช ถือวาเปน การใหเ กียรติซ่ึงกันและ กัน ซ่งึ จะชว ยปองกนั อารมณในขณะพบปะพดู คุยกนั ไมใหพัฒนาไปสคู วามตองการทางเพศได 4) ตองระมัดระวงั ในเร่อื งการแตงกาย ปจ จุบันรปู แบบการแตงกายของวัยรุน โดยเฉพาะวัยรนุ เพศหญงิ มักนิยมสวมเสื้อผาทีร่ ดั รูปหรอื นอ ยชน้ื เกนิ ไป ซึง่ การแตงกายดงั กลาวจะทํา ใหเห็นรูปรา งสดั สวนชัดเจนขึ้น การแตงกายในลกั ษณะดังกลาวจะสงผลเราใหเพศตรงขามเกิด อารมณและขาดความ ยง้ั คิด อาจนําไปสูการแสดงพฤติกรรมการลวงละเมิดทางเพศทีเ่ ปน อันตราย จนถึงการตั้งครรภที่ไม พึงประสงคใ นเพศหญงิ ได 5) ควรหลกี เล่ียงการเดนิ ทางตามลําพังในยามวิกาลหรือในเสนทางที่เปลี่ยว จากสถติ ขิ องวยั รุนเพศหญิงพบวา อนั ตรายทไ่ี ดรบั จากการถูกขมขืนมักเกิดขึ้นในยามวิกาลหรือใน เสนทางท่ีเปล่ียวผูคนสัญจรนอย ดังน้ัน วิธีการปองกันท่ีดีท่ีสุดหากจําเปนจะตองเดินทางใน สถานการณดังกลาว ควรจะมเี พื่อนหรือญาตริ วมเดินทางไปดว ยเพือ่ ปองกันอนั ตรายท่ีอาจเกดิ ข้ึน 4. ความรเู บอื้ งตองเกยี่ วกับกฎหมายคมุ ครองสทิ ธผิ ถู ูกลวงละเมิดทางเพศ กฎหมายไดระบฐุ านความผดิ เกยี่ วกับการถกู ลวงละเมิดทางเพศไว 2 ลักษณะ ดงั นี้ 4.1 ความผดิ ฐานขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา ผูที่ขมขืนกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน 15 ป ซึ่งมิใชภรรยาตน โดย เด็กหญงิ นน้ั จะยนิ ยอมหรอื ไมกต็ าม ตอ งระวางโทษจําคุกตั้งแต 4-20 ป และปรบั ตั้งแต 8,000-40,000 บาท (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคหนง่ึ ) ถา การกระทาํ ความผิดตามวรรคแรก เปน การกระทําแกเด็กหญิงอายไุ มเกิน 13 ป ตอ งระวางโทษจาํ คุกตัง้ แต 7 ป ถึง 20 ป และปรับต้ังแต 14,000-40,000 บาท หรือจําคุกตลอด ชีวติ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง) ถาการกระทําผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ไดกระทําโดยรวมกระทํา ความผิดดวยกันอนั มลี กั ษณะเปนการโทรมเด็กหญิง (คือรวมกันกระทําความผิดต้ังแต 2 คนข้ึนไป) โดย เดก็ หญิงนนั้ ไมยนิ ยอม หรือไดกระทําโดยมีอาวธุ เชน อาวุธปน หรอื วัตถุระเบิด หรือโดยการใช อาวุธอ่นื ๆ ตองระวางโทษจําคุกตลอดชีวิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา277 วรรคสาม) แตมขี อยกเวน คือ ถา การกระทําดงั กลาวขางตนเปนการกระทําที่ชายกระทํา กบั เดก็ หญิงอายมุ ากกวา 13 ป แตไ มเ กิน 15 ป โดยเดก็ หญงิ น้ันยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให สมรสกนั ผูกระทําผดิ ไมตอ งรบั โทษ และถา ศาลอนญุ าตใหส มรสกันในระหวางทีผ่ ูกระทําผิดกําลัง
67 รบั โทษในความผดิ น้ันอยู ศาลตองสัง่ ปลอ ยผกู ระทาํ ความผดิ น้นั ไป (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคส)่ี ถาเปนการกระทาํ ชําเราเด็กหญิงอายุยงั ไมเ กนิ 15 ป ซึง่ มิใชภรรยาของตน โดย เด็กหญิงน้ันจะยินยอมหรือไมก็ตาม หรอื เปนการกระทําแกเด็กอายุไมก ิน 13 ป แลวเปนเหตุให เดก็ หญิงไดร บั อนั ตรายสาหสั เชน ไดรบั บาดเจบ็ สาหสั ผกู ระทาํ ตองระวางโทษต้งั แต 15 ป ถึง 20 ป และปรบั ต้งั แต 30,000-40,000 บาท หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ติ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (1) ) และหากเด็กนนั้ ถึงแกความตาย ผกู ระทาํ ตองระวางโทษประหารชีวิต หรือจําคกุ ตลอดชวี ติ (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (2) ) หากการกระทาํ ชําเราเดก็ หญิงอายุยังไมเกิน 3 ป หรือการกระทําแกเดก็ หญิง อายยุ ังไมเกิน 15 ป ดงั กลา วขางตน ไดร ว มกระทําความผิดดว ยกันอันมีลักษณะเปน การโทรมหญิง หรอื กระทาํ โดยมีอาวธุ ปน หรอื วตั ถุระเบดิ หรอื โดยการใชอาวธุ และเปนเหตใุ หเดก็ หญิงผถู ูกระทํา ไดรบั อันตรายสาหสั ผกู ระทําตอ งระวางโทษประหารชีวิต หรอื จาํ คุกตลอดชวี ติ และหากเด็กหญิงท่ี ถูกกระทําถงึ แกความตาย ผูกระทาํ ตองไดรับโทษประหารชีวิต และหากเดก็ หญิงที่ถูกกระทําถึงแก ความตาย ผูกระทาํ ตอ งไดรับโทษประหารชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ตร)ี 4.2 ความผิดฐานกระทําอนาจารตอเดก็ ผทู ่กี ระทําอนาจารแกบุคคลอายุตา่ํ กวา 15 ป โดยขเู ข็ญดวยประการใด ๆ โดย ใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย โดยบคุ คลนนั้ อยใู นภาวะท่ีไมสามารถขดั ขืนได หรือโดยทําใหบุคคลนนั้ เขาใจ ผิดวาตนเปน บุคคลอนื่ ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กิน 10 ป หรือปรับไมเกนิ 20,000 บาท หรือทั้งจําท้งั ปรับ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคหนง่ึ ) ถา การกระทาํ อนาจารนั้น กระทาํ ตอ เด็กอายไุ มเกนิ 15 ป และผกู ระทําผิดได กระทําโดยการขูเขญ็ ดว ยประการใด ๆ โดยใชกําลังประทุษราย โดยบคุ คลน้นั อยใู นภาวะที่ไมสามารถ ขัดขนื ได หรอื โดยทําใหบคุ คลนั้นเขาใจผิดวาตนเปนบคุ คลอ่ืน มีโทษหนักคือ ผูกระทาํ ตอ งระวาง โทษจาํ คุกไมเกิน 15 ป หรือปรับไมเกิน 30,000 บาท หรอื ทั้งจาํ ท้ังปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง) หากการกระทําดังกลา วขางตน เปนเหตใุ หผ ูถูกกระทําไดร ับอันตรายสาหัส ผกู ระทาํ อนาจารตองระวางโทษจําคกุ ตั้งแต 5 ป ถงึ 20 ป และปรบั ตงั้ แต 10,000-40,000 บาท และ หากผถู ูกกระทําถึงแกความตาย ผูกระทาํ ตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรือจําคกุ ตลอดชวี ติ (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 280) การขม ขนื กระทาํ ชําเราผเู ยาว และการกระทาํ อนาจารแกเ ดก็ อายุไมเกิน 15 ป โดยเดก็ น้ันจะยินยอมหรือไมก ต็ าม เปน ความผดิ อาญาแผน ดนิ ไมสามารถยอมความกนั ได
68 แตถาเปน การขมขืนกระทําชําเราหญิงท่ีมิใชภรรยาตน โดยเด็กหญิงน้ัน ไมใ ชผ ูเ ยาว และการกระทําอนาจารแกบ คุ คลอายตุ ่ํากวา 15 ป ทั้งสองกรณีน้ี ถา มไิ ดกระทาํ ตอ หนา ธารกาํ นลั คอื ในทเี่ ปด เผย และไมเปน สาเหตใุ หผ ถู ูกกระทําไดร บั อันตรายสาหสั หรอื ถงึ แกความตาย หรอื มไิ ดเปนการกระทาํ แก ผสู ืบสันดาน คือ ลูก หลาน เหลนของตนเอง มิใชเปน การกระทําตอศิษยซ ่ึงอยูในความดูแล มใิ ชเปน การกระทําตอผอู ยูใ นความควบคมุ ตามหนาทร่ี าชการ หรือมใิ ชเ ปนการกระทาํ ตอผูอยใู นความพิทักษ หรือในความอนบุ าล กรณที ้ังหมดท่ีกลาวมาเปนความผิดอันยอมความได คือเปนกรณที ี่ผเู สียหาย หรือผูถูกกระทาํ และผกู ระทาํ ความผิดตกลงหรือสมัครใจไมเ อาความตอกัน ก็เปนอนั เลิกแลวตอกัน (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281) กิจกรรม 1. สรีระรางกายท่ีเก่ยี วของกับการสบื พนั ธุของเพศหญงิ และเพศชาย มีอะไรบาง จงอธบิ ายพอสังเขป เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 2. เขยี นสรปุ เกย่ี วกับการเปลย่ี นแปลงเพือ่ เขาสวู ัยหนมุ สาว เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________
69 ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 3. วิธกี ารหลกี เลี่ยงพฤตกิ รรมทีน่ าํ ไปสกู ารมีเพศสมั พนั ธกอนวัยอนั ควรมีอะไรบาง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เรอ่ื งท่ี 4 สุขภาพทางเพศ “ความสขุ ”เปน สงิ่ ทม่ี นุษยท ุกคนตองการไมเคยถูกจํากดั ดวยเพศ วัย ชนชาติ “สขุ ภาวะทางเพศ”กเ็ ปนเรอ่ื งท่ีทกุ คนลวนตองการเชนกัน แผนงานสรางเสริมภาวะทางเพศ โดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สส.)และมูลนธิ ิสรา งความเขาใจเรอ่ื งสุขภาพผูหญงิ (สคส.)ไดดําเนินงานผลกั ดนั วาระการสรางสุข ภาวะทางเพศข้นึ อยา งตอเน่อื ง เพราะสุขภาวะทางเพศไมไ ดม ีความหมายแคบๆแคเ รอ่ื งเพศสัมพันธแต มีความหมายลึกซึ้งและมิตทิ ่กี วางกวานั้น เรื่องเพศจึงไมใชแคเร่ืองของเน้ือตัวรางกายแตยงั หมายถึงความรับผิดชอบการดูแลสุขภาพ รา งกายการสรางความสัมพันธที่ดีระหวา งกันการเคารพสทิ ธิกันและกันและความเทาเทียม เพราะ สงั คมน้ันมคี วามหลากหลายทางเพศมากวา แคห ญิงหรอื ชาย ผทู ่มี ีสขุ ภาวะทางเพศทด่ี ีกจ็ ะปฏบิ ตั ติ อ คนทีม่ ีวิถที างเพศแตกตา งจากตัวเองดว ยความเคารพไม วา จะเปนสาวประเภทสองหรือหญิงรกั หญิงชายรักชาย หรือผูท่ีรกั สองเพศและยังปฏิบัตกิ ับเพื่อครู ัก หรือชายทส่ี ําคญั คือมคี วามรับผิดชอบตอ สังคมและตนเองในเรื่องการมีเพศสัมพันธทปี่ ลอดภัย สงั คมจาํ เปน ตอ งลบความคิดทางลบวาเรือ่ งเพศเปนเร่อื งเพศเปนเรือ่ งสกปรก อันตรายทตี่ อง หลีกใหหา งแตความจริงเราจาํ เปน ตองศึกษาเรยี นรูใหเขาใจเพราะเร่ืองเพศเปนส่งิ ท่สี ามารถแสดงออก อยา งอิสระมีความสขุ บนพืน้ ฐานของความปลอดภัยเพื่อดาํ เนินชวี ติ ไดอ ยา งเปน สุข
70 แผนงานสรา งเสรมิ สุขภาวะทางเพศไดจ ดั ทําความรสู ุขภาวะทางเพศในแตละชว งวัยไวเพราะ แตละชวงวัยก็จะมีความสนใจและความตองการตา งกัน ในวยั เดก็ เปน ชวงเวลาแหง การสรา งพนื้ ฐานสุขภาวะทางเพศทด่ี ีได เดก็ เล็ก อายุ 5-8 ป เร่มิ รบั รู ไดถ งึ บทบาททางเพศวา สงั คมสรางใหห ญงิ ชายมคี วามแตกตา งกนั ดวยกจิ กรรม ดว ยการกาํ หนดกรอบ กฎเกณฑต างๆทีช่ ายทาํ ได หญิงทาํ ไมไ ด หญิงทําได ชายทาํ ไมไ ด ซง่ึ ขดั ขวางพัฒนาการและสรางความ เขา ใจผดิ ๆใหเ ด็ก วันแรกรุน อายุ 9-12 เปน ชวงวัยทตี่ องเตรียมความพรอมเพ่ือกาวเขาสูวยั รุน ซ่ึงชว งน้ีเปนวยั แหงการเปล่ียนแปลงการไดรับขอมูลทีถ่ กู ตองและพรอมใช จงึ เปน สิ่งทท่ี าํ ใหเดก็ มภี ูมคิ มุ กันท่ีจะเขาสู วัยรุนไดอยางสวยงามจําเปนตองเขาใจและอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงน้ันและเปดโอกาสใหเด็ก รับผิดชอบในครอบครัวใหเ ด็กไดต ัดสนิ ใจดวยตวั เองและรบั ผิดชอบผลทีจ่ ะตามมาไมใ ชต ดั สนิ ใจแทน ทกุ อยาง เด็กวัยน่เี ริ่มจะมีการเปลยี่ นแปลงทางอารมณ และความรูสึกทางเพศ ไมใชเรอ่ื งผิดแตการให ขอ มลู และความรูท่ีถูกตอ งเปน สงิ่ จําเปนการตอบคาํ ถามแบบตรงไปตรงมา เปด โอกาสใหเด็กไดเ รียนรู ในสง่ิ ทีเ่ หมาะทคี่ วรเปนเรื่องทค่ี วรสงเสริม เม่อื กาวเขา สูวัยรนุ ชวงอายุ 13-18 ป ชว งแหง การเปล่ียนแปลงในทกุ ๆ ดา น จาํ เปนตองไดรบั ขอมลู เร่ืองเพศอยา งถกู ตองและรอบดาน เพื่อใหเทา ทันการเปล่ยี นแปลงของตัวเอง ท้ังดานกายใจและ อารมณ จําเปน ตอ งสรางทกั ษะของเพศสมั พันธท ปี่ ลอดภยั รว มไปกบั ความรับผิดชอบเพือ่ ใหสามารถ แยกแยะไดว า เซ็กสไมใ ชแคเร่ืองสนุกแตมผี ลที่จะตามมาอกี มากมาย การใหค วามรูอยางตรงไปตรงมา ไมท าํ ใหเรือ่ งเซก็ สเ ปน ความผดิ ละอาย ทําใหเกิดเพศสัมพันธท ่ปี ลอดภัยและมคี วามรบั ผดิ ชอบข้นึ ได ผูใ หญจ ําเปนตองเขาใจกระบวนการเรียนรูของมนุษยวาตองใชเวลาในการสั่งสมความรู ประสบการณความภมู ิใจในตัวเองจึงสามารถมเี พศสัมพนั ธทีม่ ีความสัมพันธท ี่มีความปลอดภัยและ เปน สขุ ได “การใหข อมลู ไมไดเปน การชโ้ี พรงใหกระรอก แตเปนการสรางความเขาใจและทักษะใน ชีวิตใหเ ดก็ สามารถเติบโตเปนผใู หญท ่เี ขา ใจและมคี วามรบั ผิดชอบได วธิ ีการปฏบิ ัตเิ พอื่ การมีสขุ ภาพทางเพศท่ดี ี ควรคํานงึ ถงึ การมีเพศสมั พันธทปี่ ลอดภัย โดยไมเ ปล่ียนคูห รือมเี พศสัมพันธกบั บุคคลท่ีไมใชสามภี รรยา ของตน ถาคดิ จะมีเพศสัมพันธกับบุคคลทไ่ี มใ ชคูของตนควรปองกนั ความไมป ลอดภัยทีอ่ าจเกดิ ข้นึ โดยใชถ ุงยางอนามยั เนน การรักษาความสะอาดสวนบคุ คล เมื่อมีเพศสัมพันธแลวควรตอ งรบี ทําความสะอาดสวน บุคคลไมห มกั หมม เพราะจะทําใหเกิดเชอื้ โรคซ่งึ เปนตน เหตุของอาการคันจนลุกลามเปนโรคทีอ่ วัยวะ เพศได
71 ควรมีเพศสมั พนั ธแบบธรรมชาติ ไมผิดธรรมชาติของคนปกติ เชนการใชว ัตถุแปลกปลอมใน การรวมเพศ การรว มเพศโดยใชวัตถเุ ลยี นแบบธรรมชาติเชน ตุก ตายาง ใหคํานึงถงึ ความปลอดภัย การคุมกาํ เนดิ เปน สว นหน่ึงของการวางแผนครอบครัวในเรอ่ื งระยะท่พี รอมจะมีบุตรเมอ่ื ใดคํานวณบตุ รท่ีจะ มีก่ีคน หรือระยะหางของการมีบุตรเวน นานเทาใด ทั้งนี้เพ่ือใหเหมาะสมกับความพรอมและความ ตองการของคูสมรส การคุมกําเนิดเปน วิธกี ารปฏิบัตเิ พ่อื ปองกนั การตง้ั ครรภ การวางแผนครอบครัวและการคุมกําเนิด การวางแผนครอบครัวและการคมุ กําเนิด (Family Planning and Birth Control) คือการที่ คู สมรสวางแผนในเรื่องการมีบตุ รวา จะมีบุตรเมือ่ ใด จะมีบตุ รกี่คน แตละคนจะเวนนานเทาใดท้งั นี้ เพือ่ ใหเ หมาะสมกับความพรอ มและความตองการของคสู มรส สว นการคมุ กําเนดิ นัน้ เปนวธิ กี ารเพื่อมิ ใหเกิดการตั้งครรภซ ่ึงมอี ยหู ลายวิธี 1.การใชถงุ ยางอนามยั (Condom) ถุงยางอนามัยมลี ักษณะเปน ถุงท่ีทําดวยยางบางๆยืดได ใช สวมอวยั วะเพศชายขณะท่ีแขง็ ตัวพรอ มท่จี ะรว มเพศ การใชถุงยางอนามยั เปนการปองกันไมใ หต วั อสจุ ิ เขาไปในโพรงมดลกู ผสมกับไขข องฝา ยหญิงได เพราะถกู ถงุ ยางปองกนั ไว ตัวอสุจแิ ละน้ําอสจุ ิจะอยู ในถงุ ยางอนามัย เม่อื ใชเสรจ็ แลว จะถอดออกใหใ ชก ระดาษชาํ ระจับขอบถุงยางใหกระชบั อวยั วะเพศ กอนแลว จงึ ถอดถงุ ยางออกแลวนาํ ไปทิ้งถังขยะมกี ารผลิตถงุ ยางอนามัยสําหรับผหู ญิงใชเ หมือนกนั ขนาดใหญก วา ถงุ ยางอนามยั ท่ีผชู ายใชแ ตไมคอ ยไดร ับความนยิ ม 2.การรับประทานยาเม็ดคุมกําเนิด(Contraceptive Pill) ยาเม็ดคุมกําเนิดจะประกอบดวย ฮอรโ มนสังเคราะห 2 ชนดิ คอื เอสโตรเจน โพรเจสเทอโรน ซ่ึงจะออกฤทธ์ิคลา ยกับฮอรโมนทม่ี ีอยู ตามธรรมชาติในรางกายของผหู ญิง และสรางกลไกตางๆ ในรางกายเพ่อื ท่ีจะปอ งกนั การต้งั ครรภดว ย การปองกันไมใ หไ ขส กุ และยับย้ังการตกไข ตลอดจนทาํ ใหม กู บรเิ วณ ปากมดลกู เหนียวขนจนตวั อสจุ ิ จะผานเขาสูโพรงมดลูกไดยาก แตถากลไกท้ัง 2 ประการน้ีไมไดผล มันจะเปล่ียนแปลงเยื่อบุโพรง มดลกู ไมใ หเ หมาะสมสําหรับการฝง ตัวของไขท ี่ถูกผสมแลว ยาเมด็ คมุ กาํ เนดิ ที่ใชอยทู ่ัวไปมี 3 แบบ คือ 2.1 แบบ 21 เม็ด ยาเม็ดในแผงจะประกอบดว ยฮอรโมนท้ังหมด การเริ่มรบั ประทานยาเมด็ แรก ใหเ ร่มิ ตรงกบั วนั ของสัปดาหท ี่ระบแุ ผงยา เชน ประจําเดือนมาวันแรกคือวันศุกรก็เรม่ิ กินท่ี “ศ” หรือ วันศุกร โดยรับประทานวนั ละ 1 เม็ดเปน ประจาํ ทกุ วันตามลูกศรช้ีจนหมดแผง หลังจากนั้นใหหยุดใช ยา 7 วนั เม่ือหยดุ ยาไปประมาณ 2-3 วันกจ็ ะมเี ลอื ดประจาํ เดอื นมาและเมื่อหยุดจนครบ 7 วันแลวไมว า เลือดประจําเดือนจะหมดหรอื ไมก ต็ ามใหเริ่มแผงใหมทนั ที
72 2.2 แบบ 28 เมด็ ยาเม็ดในแผงหน่งึ จะประกอบดว ยฮอรโ มน 21 เมด็ และสว นที่ไมใชฮอรโมน อีก 7 เม็ด ซึ่งมักจะมีขนาดเล็กหรือใหญกวา 21 เม็ดแรก การเร่ิมรับประทานยาแผงแรกใหเริ่ม รบั ประทานยาในวันแรกที่ประจาํ เดือนมา โดยรับประทานยาเม็ดแรกในสวนทร่ี ะบวุ าเปนจุดเริ่มตน 1 แลว รับประทานทุกวนั ตามลูกศรช้ีจนหมดแผง โดยเม่อื รบั ประทานหมดแผงแลว ใหร บั ประทานยาแผง ใหมต อไปเลยทันทีไมวาประจําเดอื นจะหมดหรือยังก็ตาม วิธีรับประทานแบบ 28 เม็ดจะคอนขาง สะดวกกวาแบบ 21 เมด็ ท่ไี มตอ จดจาํ วันทต่ี อ งหยุดยา ถาลมื รับประทาน 1 เม็ด ใหรบั ประทานทนั ทีเมื่อนึกได และรับประทานเมด็ ตอไปเวลาเดิม ถา ลืมรับประทาน 2 เม็ด ใหร ับประทานยาวนั ละ 2 เม็ด ติดตอกันไปเปน เวลา 2 วันโดยแบงรับประทาน ตอนเชา 1 เมด็ ตอนเยน็ 1 เมด็ และใชว ธิ ีการคมุ กาํ เนิดแบบอนื่ รว มดวย เชนใชถ ุงยางอนามัยเปน เวลา 7 วนั ถาลมื รับประทาน 3 เมด็ ข้ึนไป ควรหยดุ ยาและรอใหเ ลือดประจาํ เดอื นมากอนแลวคอยเริ่มแผงใหม และใชว ธิ ีการคุมกําเนิดแบบอน่ื รวมดว ย 2.3 แบบรบั ประทานหลงั รว มเพศภายใน 24 ช่ัวโมง แตเดอื นหน่งึ ไมควรใชเกิน4 ครง้ั ยาน้ีใช กนิ ทันทหี รอื ภายใน 24 ชัว่ โมงหลงั รวมเพศ และควรกนิ ยาอกี หนึ่งเมด็ ในเวลา 12 ชวงโมงตอมายาเม็ด นมี้ กั มีปรมิ าณของฮอรโ มนเอสโตรเจน (Estrogen) สูง การใชยาชนดิ น้ีใหผ ลเสียมากกวา ผลดี พบวา เปน อาการขางเคียง คือ คล่ืนไส อาเจยี น มเี ลือดออกมากกวา ปกติ และทําใหท อ นําไขเคลือ่ นไหวชา อนั เปนเหตุทาํ ใหเ กดิ ทอ งนอกมดลกู ได 3.การฝงยาเมด็ คมุ กําเนิดใตผวิ หนงั ยาประเภทนี้มีสว นประกอบของเอสโตรเจนสูงมีฤทธิท์ ํา ใหไ ขท ีผสมแลวไมสามารถฝง ตวั ไดในผนังมดลกู เปนยาเมด็ คุมกําเนดิ ชนดิ ฝง ไวใ ตผิวหนงั บรเิ วณ ดานใตท อ งแขนของฝา ยหญิง มีลกั ษณะเปนแคปซูลเล็กๆ 6 อัน ยาจะซึมจากแคปซูลเขา สรู างกายอยาง สมาํ่ เสมอ สามารถคมุ กําเนดิ ไดนานถึง 5 ป ตัวยาที่ใสในแคปซูลเปนชนิดเดียวกบั ยาเม็ดคุมกาํ เนิด แบบ 21 เมด็ 4.การใสหวงอนามัย (Iucd :: Intra Uterine Contraceptive Device) ใชโดยการใสห วง อนามัยไวในโพรงมดลกู ซ่ึงแพทยจ ะเปน ผใู สหว งให สามารถคุมกําเนดิ ได 3-5 ป แลวจึงมาเปลี่ยน ใหมแ ตก็มบี างชนดิ ท่ตี อ งเปลี่ยนทกุ ๆ 2 ป วิธนี ้ไี มเหมาะสําหรบั ผูหญงิ ทยี่ ังไมเคยมีบุตร 5.การฉีดยาคมุ กําเนดิ ใชก ับผหู ญิงฉดี ครงั้ หนึ่งปองกันไดน าน 3 เดือน อาจมีขอ เสยี อยูบางคือ เมอื่ ตองการมีบุตรอาจตองใชเวลานานกวา จะต้งั ครรภ และไมเหมาะสําหรับผูทมี่ ีประจาํ เดือนมาไม สมํ่าเสมอ
73 6.การนบั ระยะปลอดภัย (Count safe Period) คือนับวนั กอนประจาํ เดือนมา 7 วัน และหลัง ประจาํ เดอื นมา 7 วนั เพราะไขย งั ไมส ุกและเย่ือบุโพรงมดลกู กาํ ลงั เปล่ียนแปลง แตถาประจาํ เดือนมา ไมแ นนอน การคมุ กําเนดิ วิธนี อี้ าจผดิ พลาดได 7.การหลง่ั อสจุ ภิ ายนอก คือการหล่งั น้ําอสจุ อิ อกมานอกชองคลอด แตกอ็ าจมนี ้ําอสุจิบางสวน เขา ไปในชอ งคลอดได วธิ ีนี้จงึ มโี อกาสตง้ั ครรภไ ดส ูง 8. การผาตัดทาํ หมัน เปน การคุมกําเนดิ แบบถาวร ดงั น้นั ผทู ค่ี ิดจะทําหมันจะตอ งแนใจแลววา จะไมม บี ตุ รอกี ซึ่งสามารถทําไดท้งั ผหู ญิงและผูชาย 8.1 การทาํ หมนั ชาย ทาํ โดยแพทยใชเวลาประมาณ 10 นาที โดยการใหผ ูที่จะทําหมันนอนบน เตียงผาตัด มมี านกั้นมิใหเห็นขณะที่แพทยกําลังผาตัดเจาหนาที่จะโกนขนบริเวณอวัยวะเพศออก เลก็ นอยแลวแพทยจะฉดี ยาชาเฉพาะที่ แลว จึงเจาะถงุ อณั ฑะเพือ่ ผูกทอ อสุจโิ ดยไมต อ งเยบ็ หา มแผลถูก นา้ํ 3 วัน หลงั ทาํ หมนั ชายแลวจะตองคุมกําเนดิ แบบอืน่ ไปกอ นฝายชายจะหล่ังนาํ้ อสุจปิ ระมาณ 15 ครงั้ แลวน้ําอสจุ คิ รงั้ ท่ี 15 หรือมากกวาไปใหแพทยตรวจวายงั มีตัวอสุจิหรอื ไม ถาแพทยต รวจวาไมมีตัว อสุจิแลว ก็สามารถมีเพศสัมพันธไ ดโดยไมตองใชก ารคมุ กําเนดิ แบบอ่ืนอีกตอ ไปเลย 8.2 การทําหมนั หญงิ แบง ออกเปน 2 แบบคอื 1.การทาํ หมันเปยก คอื การทาํ หมันหลงั คลอดบตุ รใหมๆ ภายใน 24-48 ชั่วโมง เพราะ จะทําไดง า ยเนื่องจากมดลกู ยังมขี นาดใหญแ ละลอดตัวสูง โดยขอบบนอยูสูงเกือบถึงสะดือวิธีนีจ้ ะ ผาตดั ทางหนา ทอ ง 2.การทําหมนั แหง คือการทาํ หมนั ในระยะปกตขิ ณะท่ไี มมีการต้ังครรภหรอื หลังการ คลอดบตุ รมานานแลว มดลูกจะมขี นาดปกตแิ ละอยลู ึกลงไปในอุงเชงิ กราน การทาํ หมันแหง อาจทําได หลายวธิ ี เชน ผาตดั ทางดา นหนาทอ ง ผาตดั ทางชอ งคลอด โดยใชเ ครอ่ื งมือตา งๆที่ทันสมยั ชว ยการไป รับบรกิ ารทําหมันน้ีสามารถไปรบั บริการไดในหลายหนวยงานท่ใี หบริการทางดานสาธารณสขุ ทัง้ ของ ภาครัฐและเอกชน เชน โรงพยาบาลตางๆ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน สมาคมวางแผน ครอบครัวแหง ประเทศไทย สมาคมทาํ หมันแหงประเทศไทย เปนตน 9.การคุมกาํ เนดิ ดว ยยาเม็ดคุมกําเนดิ ฉุกเฉิน เปนการปอ งกนั การต้ังครรภเฉพาะฉุกเฉินเชน การมีเพศสัมพนั ธโดยไมไ ดใ ชการปองกันวธิ อี ืน่ มากอน ใชถุงยางอนามัยเสรจ็ แลว ไมแ นใ จวารวั่ หรือ แตก ลมื กนิ ยาแบบประจําวันติดตอกนั สองวนั ใสหวงอนามัยแตหว งหลดุ มีเพศสัมพนั ธในชว งที่ไม ปลอดภัย กรณีถกู ขม ขืน ซึ่งองคกรอนามัยโลกไดใหก ารรบั รองวา การกินยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉิน เปนวิธที ี่ปลอดภยั และมปี ระสทิ ธภิ าพในการปองกันการตงั้ ครรภไดร ะดบั หน่ึง
74 ยาเม็ดคมุ กาํ เนดิ ฉุกเฉนิ จะมีประสิทธิภาพสูงก็ตอเมื่อ มีการนํามาใชตามขอบง ชี้ท่ีกําหนดไว และใชเทา ท่ีจาํ เปน เทา นนั้ สาํ หรับผลขา งเคยี งท่ีเกิดข้นึ บอ ย คอื การมรี อบระดผู ิดปกติ คล่ืนไสอาเจียน แตห ากใชบ อยและตอ เนื่องมโี อกาสตง้ั ครรภนอกมดลกู ได การทาํ แทง การทําแทง หมายถึง การทําใหการต้ังครรภส้ินสุดกอนอายุครรภ 28 สัปดาหสําหรับใน ประเทศไทยการทําแทง ยงั ไมเปน เรือ่ งทผี่ ดิ กฎหมายไมว าจะกระทาํ โดยแพทยป ริญญาหรอื หมอเถือ่ นก็ ตาม กฎหมายจะอนุญาตใหทําแทง ได 2 กรณี คือ กรณีถูกขมขืนและกรณีตัง้ ครรภน ้นั เปนอัตราตอ สขุ ภาพของมารดาและทารกในครรภ เทา นน้ั เมื่อเกิดการตั้งครรภไ มพึ่งประสงคเดก็ วัยรุนจะเกิดความกงั วลจากความไมพรอมที่จะเปน ผรู ับผิดชอบกับการมีบุตร จึงคิดหาวิธีการทําลายเด็กในครรภ โดยการทําแทงกับหมอเถื่อนท่ีผิด กฎหมาย ผดิ ศลี ธรรม เพราะในสังคมไทยไมเ ปดใหมกี ารทาํ แทง แบบเสรี นอกจากการตั้งครรภในคร้ัง นั้นแพทยพ จิ ารณาใหท ําแทง ได ในกรณีอาจเกิดอันตรายถึงชวี ิตผเู ปนแม เชน การทองนอกมดลูก ครรภ เปนพิษ ทองไขปลาดุก หรือในกรณีท่ีแมไดรับเชื้อโรคหลังจากการต้ังครรภแลว เชน ไดรับเช้ือหัด เยอรมัน การทําแทง โดยทว่ั ไปของเด็กวยั รุนจะทาํ แทงกับผูทีไ่ มมคี วามรูดา นการแพทยท ีแ่ ทจ รงิ จึงทาํ ใหเ กิดอนั ตรายกับผูม าทาํ แทง เชน เกิดการตกเลือด หรือไดรบั อันตรายอาจเกดิ การติดเช้ือโรค จาก เครื่องมือ อุปกรณที่นํามาใช เกิดความสกปรกจากการใชอุปกรณ สถานท่ีจนทําใหมารดาเปน บาดทะยกั ไดด ว ย การแทงบุตรท่ที ําใหเ กิดอนั ตรายตอ สุขภาพของผูเปน แมเ นอื่ งจากมบี างสวนของทารกหรือรก หลงเหลืออยจู งึ ตอ งนําสวนทเ่ี หลอื ออกจากมดลกู ใหหมดโดยแพทยต อ งใชเคร่ืองดูดหรอื ใชวิธีขูดจาก โพรงมดลูก หรอื อาจตอ งใชฮอรโมนท่ีใหใหมดลูกเกิดการบบี ตัวขบั สวนทีค่ างออกและในบางกรณี แพทยต องใชย าปฏชิ ีวนะเพ่อื การรักษาหรือปอ งกนั การตดิ เช้ือตดิ เชื้อ HIVS สวนใหญเกิดจากการมีเพศสัมพันธกับบุคคลอื่นท่ีไดรับเชื้อไวรสั HIV ในรางกายรองลงมา เกดิ จาการใชสารเสพติดชนิดฉีดเขาเสน เลือดทําใหไดรับเชื้อ HIV จากเลือดที่สัมผัสหรือเลือดที่ไดรับ เขา สูรางกาย บุคคลทีม่ ีโอกาสไดร บั เชือ้ ไวรสั HIV VS โดยไมไดเ กิดจากการมีเพศสมั พนั ธและไมไ ดใชเขม็ ฉดี ยาใด ๆ สวนหนึง่ จะเกิดกบั บคุ คลสวนหนึ่งทางการแพทย ท่ีมโี อกาสสัมพันธน้ําเลอื ดน้ําเหลือง ท่ี คดั หลง่ั จากผปู วยโดยไมไดปองกันตนเองโดยการใชถ งุ มอื กอ นสัมผัสกบั ผูป วยจึงมีโอกาสไดรับหรือ ตดิ เชอื้ HIV VS ไดการตัง้ ครรภเ มอ่ื ไมม ีความพรอม การมเี พศสมั พนั ธกอ นวัยอนั ควร เปน ปญหาของสังคมไทยมากขนึ้ ทั้งนเี้ พราะคา นิยมในเร่ือง การรักนวลสงวนตัวของเพศหญิง หรือการเห็นคุณคาในการรักษาความบริสุทธ์ิของตนจนถึงวัย แตงงาน เด็กวัยรนุ ปจจุบันไมไ ดค ํานงึ ถงึ ทง้ั น้ีอาจเปนเพราะการดแู ลเอาใจใสใหการอบรมจากบิดา
75 มารดามีนอ ยลง เด็กยุคใหมรบั อารยะธรรมความกา วหนาหรืออิทธิพลตางประเทศมากข้ึน จึงไมค อ ย เชื่อฟงบดิ ามารดา จงึ เปน สิ่งจาํ เปนท่ีตอ งปลกู ฝงใหเกิดจติ สาํ นึกโดยครอบครวั ชุมชนโรงเรยี นสถาบนั ทีม่ ีสวนเกี่ยวของควรเขา มามบี ทบาทรณรงคป อ งกันปญหานร้ี ว มกนั การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร เปนพฤติกรรมที่กอใหเกิดปญหาตางๆตามมาในชีวิต ตลอดจนเปนปญหาหรือภาระแกสังคม ชมุ ชนดวย เชนเกิดการติดโรคทางเพศสัมพันธแ ละยังเปน บุคคลแพรเชอื้ โรคทางเพศสมั พันธแ กค นอนื่ ดว ยถาบคุ คลนนั้ ใหบริการทางเพศการต้ังครรภเม่ือไมมี ความพรอมหรือตั้งครรภโ ดยไมค าดคิดนอกจากจะสงผลกระทบตอ ชีวิตของตนเองแลว ยัง สงผล กระทบตอครอบครัว ทําใหบ ดิ ามารดา ญาติพน่ี อ งอับอายเสียใจรวมสง ผลกระทบตอ สงั คม เชน ปญ หา เด็กถกู ทอดทิ้งเพราะพอ แมไมต องการบุตร หรือไมพรอ มจะรบั เลยี้ งดบู ุตรเนอ่ื งจากยังไมม ีอาชีพ เรียน ไมจ บ ดังนน้ั จึงตองใหคาํ แนะนําอบรมส่งั สอนใหพ ฤตกิ รรมตนอยูในกรอบของสังคมที่ดีไมย ุงเกยี่ ว เรื่องเพศสัมพันธปองกันตนเองไมปลอยตัวใหมีเพศสัมพันธในวัยทีย่ ังไมส มควรใหต้งั ใจศึกษาเลา เรียน และสามารถประกอบอาชพี จนเลย้ี งตัวเองไดแลว จึงคิดมีครอบครวั ภายหลัง 1.สอนความรเู รื่องเพศ เพศสมั พนั ธและการคุมกําเนิดแกเดก็ นักเรียน นกั ศกึ ษาท่ีกําลังกาวเขา สู วัยรนุ พรอ งท้ังชี้ใหเหน็ ขอ ดีขอเสยี ของการมีเพศสัมพันธกอ นวยั อนั ควร และการตง้ั ครรภเมือ่ ไมพรอม โดยเนนยํ้าใหเหน็ ผลเสีย ไดแก การสญู เสยี โอกาสในการศกึ ษา และการประกอบอาชพี การงานที่ดี ตลอดจนโอกาสในการเจอคคู รองทด่ี ีในอนาคต 2.สอนวยั รนุ ชายใหม ีความรับผดิ ชอบและใหเ กยี รตผิ ูหญงิ เน่ืองจากในสงั คมไทยยัง ยกยอง เพศชายวาเปนเพศท่ีแข็งแรงกวาจึงควรสอนใหผูชายมีความคิดท่ีจะปกปองชวยเหลือ เพศหญิง มากกวานอกจากน้ีเพศชายจะตองใหเกียรติผูหญิงและมีความรับผดิ ชอบในการกระทําของตนเอง ปญ หาการทําแทง สวนใหญพ บวา ฝายชายไมย อมรบั การตั้งครรภ 3.ปลูกฝง คา นยิ มในการรกั นวลสงวนตัวตงั้ แตวัยเด็ก และเนนย้ํามากขึ้นในวัยรุน ไดแกการ แตงกายใหสุภาพ ไมแตงกายลอแหลม ยัว่ ยุอารมณเพศตรงขามซึ่งเปน เหตใุ หเกิดการขมขืนกระทํา ชาํ เรา 4.สอนใหรูจ กั การปฏิเสธในสถานการณท ี่ไมเหมาะสมไดแ กปฏเิ สธทจี่ ะไปเที่ยวตอ หลังเลกิ เรยี น ปฏิเสธท่จี ะไปไหนๆกับเพ่อื นชายตามลาํ พงั ไมเ ปดโอกาสใหเ พศตรงขา มถูกเนื้อตอ งตัว เปน ตน แนวทางการแกไ ขปญหาการต้งั ครรภไ มพ่งึ ประสงคนค้ี งตอ งเรม่ิ จากการปลกู ฝงนสิ ยั ตั้งแตวัย เด็กใหส อดคลอ งกบั สภาพสงั คมในยคุ โลกาภิวฒั นน ี้ เชื่อวา ปญ หาการทําแทงผิดกฎหมายอาจเบาบาง ลงไป
76 บทท่ี 4 สารอาหาร สาระสาํ คัญ ความตอ งการสารอาหาร ตาม เพศ วยั ของรา งกาย เปนความตอ งการสารอาหารในบุคคลแตล ะ ชวง และแตละเพศ ยอ มมคี วามแตกตางกัน เปน ท่ยี อมรับกันทวั่ ไปแลววาอาหารมสี วนสําคัญอยางมาก ในวัยเด็กทั้งในดา นการเจรญิ เติบโตของรา งกายและการพัฒนาการในดา นความสัมพนั ธของระบบการ เคลอื่ นไหวของรางกาย ผลการเรยี นรูท่ีคาดหวงั 1. วิเคราะหป ญ หาสขุ ภาพทเ่ี กดิ จากการบริโภคอาหารไมถ กู หลกั โภชนาการ 2. บอกสารอาหารท่ีรา งกายตองการตามเพศ 3. อธบิ ายวธิ ีการประกอบอาหารเพื่อรักษาคุณคา ของอาหาร ขอบขา ยเนือ้ หา เรื่องท่ี 1. สารอาหาร เรื่องที่ 2. วิธกี ารประกอบอาหารเพือ่ คงคณุ คาของสารอาหาร เร่ืองท่ี 3. ความเชื่อและคา นยิ มเกีย่ วกบั การบรโิ ภค เร่ืองท่ี 4. ปญหาสขุ ภาพท่เี กดิ จากการบรโิ ภคอาหารไมถ กู หลักโภชนาการ
77 เร่อื งท่ี 1 สารอาหาร ปรมิ าณความตอ งการสารอาหาร ตาม เพศ วัยและสภาพรางกาย ความสําคัญของอาหารและ ความตองการสารอาหารในบุคคลแตละชวง และแตล ะเพศ มคี วามแตกตา งกันตามธรรมชาติ ดังนั้น ปรมิ าณของสารอาหารท่คี วรไดรบั ในแตละบคุ คลจะแตกตางกนั 1. ความตอ งการสารอาหารในวยั เด็ก เปนที่ยอมรับกันท่ัวไปแลววา อาหารมีสวน สําคัญอยางมากในวัยเด็กทั้งในดานการ เจรญิ เตบิ โตของรา งกายและการพฒั นาการในดา นความสัมพันธของระบบการเคลื่อนไหวของรา งกาย ตลอดจนในดานจติ ใจ และพฤติกรรมในการแสดงออกและปจจัยท่ีมีสวนสําคญั ท่ีทําใหเด็กไดรับ อาหารที่ถกู หลักทางโภชนาการ ไดแก 1.ครอบครัวทีค่ อยดูแลและเปนตัวอยา งที่ดี 2.ตัวเดก็ เอง ท่จี ะตองถกู ฝก ฝน 3.ส่งิ แวดลอ มทําใหเกิดการปฏบิ ตั ิอยางคนขางเคยี ง อาหารที่ถูกหลกั โภชนาการในวัยเดก็ นนั้ เปนทที่ ราบดีอยแู ลววาเด็กตองการอาหารครบทั้ง 3 ประเภท เพ่ือการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการ สง่ิ ทตี่ อ งคํานึงถงึ คือ อาหารทใี่ หเ ดก็ ควรไดรับ ไดแก 1.อาหารท่ีใหโปรตีน ไดแ ก นม ไข เนื้อสัตว ตลอดจนโปรตีนจากพืชจําพวกถ่ัวเขียว ถั่ว เหลอื ง 2.อาหารที่ใหพลงั งาน ไดแกขา ว แปง นํ้าตาล ไขมนั และน้าํ มัน สว นนํา้ อดั ลม หรือขนมหวาน ลกู กวาดตาง ๆ ควรจํากดั ลง เพราะประโยชนน อ ยมากและบางทที ําใหมปี ญ หาเรอื่ งฟน ผุดวย 3.อาหารที่ใหวติ ามนิ และเกลอื แรไดแ ก พวก ผกั ผลไม และอาหารทีม่ ีใยอาหารที่มีสวนทําให เก็บไมทอ งผูก 2. ความตองการสารอาหารของเดก็ วยั เรียน ในปจจุบนั ภาวะของความเรงรบี ในสงั คมอาจจะทําใหพอ แมหรอื ผปู กครองละเลยเร่ืองอาหาร เชาของเด็กวัยเรียน เดก็ วยั เรียนเปน วยั ทีร่ างกายกาํ ลงั เจรญิ เตบิ โต ตองการอาหารเชา ถ า เ ด็ ก ไ ม ไ ด รบั ประทานอาหารเชา จะทําใหเ ดก็ ขาดสมาธิในการเรยี น สมองมึน งว ง ซมึ และถาเด็กอดอาหารเปน เวลานาน ๆ ตดิ ตอกัน จะทําใหมีผลเสยี ตอระบบการยอ ยอาหาร และเปน โรคขาดสารอาหารไดดังน้ัน การเลือกอาหารเชาที่เดก็ วัยเรยี นควรไดร บั ประทานและหาไดงาย คือ นมสด 1 กลอง ขา วหรือขนมปง ไข อาจจะเปน ไขด าว ไขลวก หรอื ไขเ จียว ผลไมท ห่ี าไดงา ย เชน กลวยน้ําวา มะละกอ หรือสม เทาน้ี เดก็ กจ็ ะไดรับสารอาหารที่เพียงพอแลว 3. ความตองการสารอาหารในวัยรนุ วยั รุน เปนวยั ทีม่ กี ารเจรญิ เติบโตในดา นรางกายอยางมาก และมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ และจิตใจคอนขางสูง มีกิจกรรมตาง ๆ คอนขางมากท้ังในดานสังคม กีฬา และบันเทิง ความตองการ สารอาหารยอมมมี ากขนึ้ ซึ่งจะตอ งคาํ นงึ ทงั้ ปรมิ าณและคณุ ภาพใหถูกหลักโภชนาการ
78 ปจ จยั ท่ีสาํ คญั คือ 1.ครอบครัว ควรปลกู ฝง นสิ ัยการรับประทานอาหารทีถ่ ูกหลักโภชนาการ เร่ิมตน จากท่บี านท สาํ หรบั วัยรนุ ทพ่ี ยายามจํากัดอาหารลง คนในครอบครัวจะตอ งใหคาํ แนะนาํ เพอื่ ไมไปจาํ กัดอาหารท่ีมี คณุ คาและจําเปน ตอ รางกาย 2.วัยรุน จะเรมิ่ มีความคดิ เหน็ เปนของตัวเองมากข้นึ การรับความรูเกีย่ วกับโภชนาการ มีความ จาํ เปนเพือ่ ใหเห็นความสาํ คญั ของการรบั ประทานอาหารที่มีคณุ คาทางโภชนาการอยางสม่ําเสมอซ่งึ จะ มผี ลดตี อ ตวั วยั รุนเองโดยตรง 3.ส่งิ แวดลอ มในโรงเรียนหรือสถานศึกษาอทิ ธิพลจากเพอื่ นฝูงมีสวนทที่ ําใหว ัยรุนเลยี นแบบ กนั เร่อื งการรับประทานอาหาร ตลอดจนการบรโิ ภคสารอนั ตราย เชน เหลา บุหร่ี และยาเสพติด การ ดูแลอยางใกลชิดตลอดจนการสนับสนุนใหวัยรุนเลนกีฬา หรือทํากิจกรรมที่มีประโยชนจะมีผล ทางออม ทําใหนิสัยท่ีดีในการบริโภคอาหารไมถ ูกเบี่ยงเบนไป ความตองการอาหารท่ีใหโปรตีน พลงั งาน และวิตามินตอ งเพียงพอสาํ หรบั วัยรนุ วิตามินตองเหมาะสมและโดยเฉพาะอยางยิ่งอาหารท่ีมี เกลอื แรประเภทแคลเซียมและเหลก็ ตอ งเพียงพอ 4. ความตองการสารอาหารในวัยผูใหญ วัยผูใหญถงึ แมจะหยุดเจรญิ เตบิ โตแลว รา งกายยังตอ งการสารอาหารอยา งครบถว น เพ่ือนําไป ทํานุบํารุงอวัยวะ และเนือ้ เย่อื ตาง ๆ ของรางกาย ใหคงสภาพการทํางานที่มสี มรรถภาพตอไป และ ปจ จัยสําคัญอยางหนึ่ง ที่จะทําใหวัยผูใหญยงั คงแข็งแรงไดแก การบริโภคอาหารท่ีถกู ตองตามหลกั โภชนาการ การควบคมุ อาหารในวัยผใู หญ มขี อแนะนําดงั นี้ 1.ใหบริโภคอาหารหลายชนิด เน่ืองจากไมมีอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งท่ีใหคุณคาทาง โภชนาการไดครบถวน 2. บริโภคอาหารในปริมาณท่ีพอเหมาะ เพ่อื ใหน ้ําหนกั อยใู นเกณฑท่ตี องการ 3. หลกี เลย่ี งการรับประทานท่ีมีไขมันมากเกนิ ไป 4. บริโภคอาหารทม่ี ปี ริมาณของแปง และกากใยใหเ พยี งพอ 5. หลีกเล่ยี งการบรโิ ภคอาหารที่ปรุงดวยปรมิ าณน้ําตาลจาํ นวนมาก 6. หลกี เลีย่ งการบรโิ ภคอาหารเค็มมากเกินไป 7. หลกี เลีย่ งเคร่อื งดืม่ ที่มแี อลกอฮอล 5. ความตองการสารอาหารของวยั ผสู ูงอายุ ผสู งู อายุในท่นี ห้ี มายถึงผูท่ีอยใู นวยั 60 ปข ้ึนไป สาํ หรบั ปญหาเรอื่ งอาหารการกนิ หรอื โภชนาการในวยั น้ี ขอใหร ับประทานอาหารใหครบทกุ หมูแ ละควบคุมปริมาณ โดยดจู ากการควบคมุ น้ําหนักตัวไมใหมากข้ึน และกรณนี ํา้ หนักเกินอยูแ ลว ควรจะลดนํ้าหนกั ใหส มั พันธกับสว นสูง
79 ขอแนะนําในการดูแลเรื่องอาหารในผูส งู อายมุ ีดังน้ี 1.โปรตีน ควรใหรับประทานไขวันละ 1 ฟอง และดื่มนมอยางนอยวันละ 1 แกวสําหรับ โปรตีนจากเนอื้ สัตวค วรลดนอยลง 2.ไขมนั ควรใชน า้ํ มนั ถวั่ เหลอื งหรอื นํา้ มนั ขา วโพด ในการปรุงอาหารเพราะเปนนํ้ามนั พืชทม่ี ี กรดไลโนเลอกิ 3.คารโบไฮเดรต คนสูงอายุควรรับประทานขาวลดลงและไมควรรับประทานนํ้าตาลใน ปริมาณที่มาก 4.ใยอาหาร คนสงู อายคุ วรรับประทานอาหารทเี่ ปน พวกใยอาหารมากข้ึน เพอื่ ชวยปองกันการ ทอ งผูกชว ยลดระดบั โคเลสเตอรอลในเลอื ดและลดอุบัตกิ ารของการเกดิ มะเร็งลาํ ไสใ หญลงได 5.นาํ้ ด่มื คนสงู อายุควรดืม่ นา้ํ ปริมาณ 1 ลิตรตลอดทงั้ วัน แตท ้งั น้ีสามารถปรับเองไดตามความ ตองการของรางกาย โดยสังเกตดวู าถาปสสาวะมสี ีเหลืองออน ๆ เกือบขาว แสดงวาน้ําในรางกาย เพียงพอแลว สวนเครื่องดื่มแอลกอฮอลรวมท้ังน้ําชา กาแฟ ควรงดเวนถา ระบบยอยอาหารในคน สูงอายไุ มด ี ทา นควรแบงเปนม้อื ยอ ย ๆ แลวรับประทานทลี ะนอย แตหลายม้อื จะดีกวา แตอ าหารหลัก ควรเปน มอื้ เดยี ว 6.ความตองการสารอาหารในสตรีต้งั ครรภ สตรีตั้งครรภ นอกจากตอ งมีสารอาหารท้งั 6 ประเภทไดแ กโปรตีน คารโ บไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลอื แร และนํ้า ในอาหารที่รบั ประทานเปนประจําใหครบทุกประเภทแลว สตรีตั้งครรภตอง ทราบอกี วา ควรท่จี ะเพ่มิ สารอาหารประเภทใด จึงจะทาํ ใหเ ด็กในครรภไ ดร ับประโยชนส งู สดุ ดังน้ี 1.อาหารท่ีใหโ ปรตีน ไดแกไข นม เนื้อสตั ว เครื่องในสัตวแ ละถ่ัวเมล็ดแหง สตรีตั้งครรภจงึ ควรรับประทานไขวันละ 1-2 ฟอง นมสดวันละ 1-2 แกว เนื้อสัตวบกและสัตวทะเล ซ่ึงจะไดธาตุ ไอโอดีนดวยอาหารประเภทเตาหูและนมถวั่ เหลือง กม็ ีประโยชนในการใหโปรตีนไมแพเน้ือสัตว เชนกนั 2.อาหารท่ใี หพ ลังงาน ไดแ ก ขาว แปง นา้ํ ตาล ไขมนั และนํา้ มัน สตรตี ้ังครรภค วรรับประทาน ขา วพอประมาณรว มกบั อาหารท่ีใหโปรตนี ดังกลา วแลว ควรใชน ํ้ามันพืชซ่งึ มีกรดไขมนั จําเปน ในการ ประกอบอาหาร เชนน้าํ มนั ถัว่ เหลือง นํา้ มนั ขาวโพด สตรตี ง้ั ครรภควรจะตองรับอาหารทจี่ ะใหพลังงาน มากข้นึ วันละปรมิ าณ 300 แคลลอรี่ 3.อาหารท่ีใหวิตามินและเกลอื แร สตรีตัง้ ครรภตองการอาหารท่ีมวี ติ ามินและเกลือแรเ พ่ิมข้ึน ควรรบั ประทานอาหารประเภทผกั และผลไมทุกๆวันเชนสม มะละกอ กลวย สลับกันไป จะไดใย อาหารเพอ่ื ประโยชนใ นการขบั ถายอุจจาระดว ย เกลอื แรทสี่ าํ คัญควรรบั ประทานเพม่ิ ไดแ ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนเี ซียม เหลก็ สงั กะสี และไอโอดนี สว นวิตามนิ ไดแ กกลุมที่ละลายในไขมนั เชน เอ ดี อี เค และท่ลี ะลายในนํ้าไดแ กวิตามนิ บีและวิตามนิ ซี
80 รางกายเราตองการสารอาหารที่มอี ยูในอาหารตางๆ เพ่อื ใหมีสุขภาพท่ีดี แตเราจะตอ งรูวาจะ กินอยา งไร กินอาหารอะไรบา งมากนอ ยเพยี งใดจงึ จะไดสารอาหารครบเพียงพอกบั ความตองการของ รางกาย ขอปฏิบัติการกนิ อาหารเพ่อื สุขภาพท่ีดีของคนไทย 9 ขอหรอื โภชนาการบัญญัติ 9 ประการน้ี จะชว ยไดถาทานปฏิบตั ติ ามหลักดังตอ ไปน้ี 1.กินอาหารครบ 5 หมูแตล ะหมูใ หห ลากหลายและหมั่นดแู ลน้ําหนักตวั 2.กินขาวเปน อาหารหลกั สลบั กบั อาหารประเภทแปงเปน บางมอ้ื 3.กินพชื ผักใหม ากและกนิ ผลไมเปนประจาํ 4.กนิ ปลา เน้ือสัตวท ่ีไมต ิดมนั ไข ถั่วเมล็ดแหงเปน ประจาํ 5.ดมื่ นมใหเหมาะสมตามวัย 6.กินอาหารที่มไี ขมนั พอสมควร 7.หลีกเลย่ี งการกินอาหารรสหวานจดั และเค็มจัด 8.กินอาหารทีส่ ะอาดปราศจากการปนเปอ น 9.งดหรอื ลดเครือ่ งดืม่ ที่มแี อลกอฮอล สารตา นอนุมลู อสิ ระ ในรางกายของคนเราเซลลจะผลิตสารชนิดหนึ่งเพือ่ ทําลายเน้ือเยื่อตนเองเพ่ิมมากข้ึน สารน้นั เรียกวาอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระน้ีเปน ตวั การสําคญั ท่ีทําใหเกิดปญหาทางสุขภาพหลายประการ ท้ัง ภาวะความจาํ เสือ่ ม โรคมะเรง็ เปน ตน ในขณะเดียวกันรา งกายกส็ ามารถจดั การกบั อนุมูลอิสระไดโดยสรางสารตานอนมุ ูลอิสระ ออกมาในกระแสเลือด เพื่อจับกับอนมุ ูลอสิ ระไดถึง 99.9 % คงเหลอื ทําลายเซลลอยูเพียง 0.1% แต กระนน้ั ก็ทาํ ใหเซลลเกดิ การบาดเจ็บและยง่ิ นานวันรอยแผลก็สะสมมากข้ึน เม่ือคนเราแกลงรางกายก็ จะสรางสารตานอนุมลู อสิ ระลดลงรา งกายจะตองการสารตา นอนุมลู อสิ ระมากข้ึน เพ่ือสงผลใหอายุยืน สุขภาพแขง็ แรงตอ ตา นโรคชรา โรคมะเรง็ เปนตน สารตานอนุมูลอิสระที่สาํ คญั ทเ่ี ราพบในแหลง อาหาร มดี งั น้ี 1.เบตา-แคโรทีน มีมากในแครอท และผักสีเหลืองสมผักสีเขียวเขมตางๆเชนมะเขือเทศ ฟก ทอง ตาํ ลงึ ผักบงุ ผักกวางตุง ผกั คะนา ยอดแค เปน ตน 2.วติ ามินซี มีมากในฝรง่ั สม มะขามปอ ม มะนาว มะเขือเทศ ผกั ผลไมส ด ตา งๆ ผกั คะนา และ กระหล่ําดอกมีวิตามนิ ซสี ูงมาก วติ ามิน ซี ถกู ทาํ ลายไดง า ย ดว ยความรอนความขน้ึ และแสง 3.วิตามนิ อี มีในรําละเอียด ในพวกธัญพชื ท่ีไมขดั ขาว ขา วโพด ถว่ั แดง ถัว่ เหลอื ง ผักกาดหอม เมล็ดทานตะวนั งา นํ้ามันราํ น้าํ มันถั่วลิสง นา้ํ มันจากเมลด็ พชื ตา งๆ 4.ซีลเิ นียม พบในอาหารทะเลเนือ้ สัตวธัญพชื ทีไ่ มขัดขาวนอกจากน้ียังมสี ารท่พี บในผักผลไม ทมี่ คี ุณสมบัติในการตา นสารอนมุ ลู อสิ ระซง่ึ สามารถจบั กับอนมุ ลู อิสระลดอนั ตรายไมใหเ กิดโรคมะเร็ง
81 ได พบไดม ากในตระกูลสม องุน และผลไมสดอ่นื ๆรวมท้ังผักผลไมตางๆ เชน กระเทียม ผักตระกูล ผกั กาด ตวั อยา ง ประเภทและจํานวนของอาหารทค่ี นไทยควรรับประทานอาหารใน 1 วัน สําหรบั เด็กอายุ 6 ปขึน้ ไปถึงวัยผูใหญและผูสงู อายโุ ดยแบง ตามการใหพลงั งาน กลมุ อาหาร หนว ยครัวเรอื น พลังงาน (กโิ ลแคลอร)ี 1,600 2,000 2,400 ขา ว – แปง 1 ทพั พี = 60 กรมั หรือ คร่งึ ถว ยตวง 8 ทพั พี 10 ทัพพี 12 ทพั พี ผกั 1 ทพั พี = 40 กรัม หรอื ครึง่ ถว ยตวง 4 (6) ทพั พี 5 ทัพพี 6 ทพั พี ผลไม 1 สวน = สมเขียวหวาน 1 ผล หรอื 3 (4) สวน 4 สว น 5 สว น กลวยนํา้ วา 1 ผล หรือ เงาะ 4 ผล เนื้อสตั ว 1 ชอนกนิ ขาว = ปลาทูครงึ่ ตัว หรอื 6 ชอน 9 ชอ น 12 ชอ น ไขค ร่ึงฟอง หรือไกคร่ึงนอง กินขาว กนิ ขา ว กนิ ขา ว นม 1 แกว = 250 ซซี ี 2 (1) แกว 1 แกว 1 แกว นาํ้ มัน นํ้าตาล และ ชอนชา ใชแ ตน อ ยเทา ทจ่ี ําเปน เกลอื หมายเหตุ เลขใน ( ) คือปรมิ าณท่แี นะนาํ สําหรบั ผูใหญ 1,600 กิโลแคลอรี สําหรบั เด็กอายุ 6-13 ป หญิงวัยทาํ งานอายุ 25-60 ป ผสู ูงอายุ 60 ปขึ้นไป 2,000 กโิ ลแคลอรี สาํ หรับ วัยรนุ หญิง-ชาย อายุ 14-25 ป วยั ทํางานอายุ 25-60 ป 2,400 กโิ ลแคลอรี สําหรับ หญงิ -ชาย ทีใ่ ชพลังงานมากๆ เชน เกษตรกร ผูใชแรงงาน นักกีฬา สรปุ อาหารเปนปจ จยั ทม่ี ผี ลตอ การเจรญิ เติบโต และพัฒนาการของมนุษย การรับประทานอาหาร ควรยดึ หลักโภชนาการ เพือ่ ใหไ ดพ ลังงานและสารอาหารท่ีพอเพียง วัยรนุ เปน วัยท่กี าํ ลงั เจริญเติบโต จึงควรบริโภคอาหารใหถูกตองตามหลักโภชนาการ
82 เรื่องท่ี 2 วิธีการประกอบอาหารเพือ่ คงคณุ คาของสารอาหาร 1. หลักการปรงุ อาหารที่ถูกสุขลกั ษณะ เพ่ือใหไดอาหารท่สี ะอาด ปลอดภัย และมีคุณคาทางโภชนาการ มหี ลักการปรุงอาหารท่ถี ูก สขุ ลักษณะ โดยคาํ นึงถงึ หลกั 3 ส คอื สงวนคณุ คา สกุ เสมอ สะอาดปลอดภัย สงวนคุณคา คือ การปรุงอาหารจะตอ งปรงุ ดว ยวิธีการปรุง ประกอบเพอ่ื สงวนคุณคาของ อาหารใหม ปี ระโยชนเตม็ ที่ เชน การลางใหส ะอาดกอนหัน่ ผัก การเลือกใชเกลือเสริมไอโอดีน สุกเสมอ คอื ตอ งใชความรอ นในการปรงุ อาหารใหส ุกโดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสตั วท้งั น้ี เพ่ือตองการจะทาํ ลายเชือ้ โรคท่ีอาจปนเปอนมากบั อาหาร การใชความรอนจะตองใชความรอนใน ระดับทสี่ งู ในระยะเวลานานเพียงพอที่ความรอ นจะกระจายเขา ถึงทกุ สวนของอาหาร ทําใหสามารถ ทําลายเชือ้ โรคไดอยา งมปี ระสิทธภิ าพ สะอาดปลอดภัย คือ จะตองมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของอาหารกอนการปรุง ประกอบวาอยใู นสภาพท่ีสะอาด ปลอดภัย ไดมาตรฐาน เชน เน้ือหมูสด ตองไมม ีเม็ดสาคู (ตัวออ น พยาธติ ัวตืด) นาํ้ ปลา จะตองมีเครื่องหมาย อย.รับรอง เปนตน และจะตอ งมกี รรมวีธีขั้นตอนการปรุง ประกอบอาหารท่สี ะอาด ปลอดภยั และถกู สขุ ลกั ษณะ มผี ปู รงุ ผูเสิรฟ อาหารท่มี สี ุขวทิ ยาสวนบคุ คลทดี่ ี รูจักวิธีการใชภาชนะอปุ กรณและสารปรุงแตงรสอาหารทถ่ี ูกตองเชน วีการสดปริมาณสารพิษกาํ จัด ศตั รูพืชทีต่ กคา งในผกั สด การใชชอนชิมอาหารเฉพาะในการชมิ อาหารระหวา งการปรงุ อาหาร 2. หลักการทําอาหารใหสะดวกและรวดเรว็ อาหารท่ปี รงุ เองนอกจากจะประหยัดแลวยงั ไดอาหารที่สะอาด สด ใหม มีรสถูกปากและลด ความเสี่ยงจากการมสี ารเคมปี นเปอนแต เวลา มักจะเปนขอจาํ กดั ในการลงมือทําอาหาร แมบา นอาจมี วิธกี ารเตรียมอาหารพรอมปรุงในวนั หยุด เกบ็ ไวในตเู ย็นแลวนํามาปรุงใหมไดโดยใชเวลานอยแตได คณุ คามากเรม่ิ จากอาหารประเภทเนอื้ สตั ว เชน หมู ไก กุง ปลา เมื่อซือ้ มาจัดเตรียมตามชนิดท่ีตองการ ปรุงหรือหุงตม แลว ทาํ ใหสกุ ดวยวธิ กี ารตมหรอื รวน แลวแบงออกเปน สวนๆตามปรมิ าณทีจ่ ะใชแ ตละ ครัง้ แลว เกบ็ ไวใ นตูเ ย็น ถา จะใชในวันรุง ขึ้น หรือเก็บไวในชอ งแชแ ข็งถา จะเก็บไวใชน าน เมอื่ ตอ งการ ใชก น็ าํ ออกมาประกอบอาหารไดทันที โดยไมต อ งเสียเวลา รอใหละลายเหมือนการเก็บดบิ ๆ ทั้งช้ิน ใหญโ ดยไมห่นั การเตรยี มลว งหนาวิธนี ี้ นอกจากจะสะดวก รวดเรว็ แลว ยังคงรสชาติและคุณคาของ อาหารอีกดว ย 3. หลักการเก็บอาหารใหส ะอาดปลอดภัย การเกบ็ อาหารตามหลักการสขุ าภบิ าลอาหารมีวัตถุประสงคเ พื่อยืดอายุของอาหารท่ีใชบริโภค โดยจะตองอยใู นสภาพที่สะอาดปลอดภยั ในการบรโิ ภค หลกั การในการเก็บอาหารใหคํานึงถึงหลกั 3 ส. คือสดั สว นเฉพาะ สิ่งแวดลอมเหมาะสม สะอาดปลอดภยั สดั สว นเฉพาะ คือ ตอ งเก็บอาหารใหเ ปนระเบียบ แยกเก็บตามประเภทอาหารโดยจดั ใหเ ปน สัดสวนเฉพาะไมปะปนกัน มฉี ลากซื้อหรอื เคร่อื งหมายอาหารแสดงกํากับไว
83 สิ่งแวดลอมเหมาะสม คอื ตองเก็บอาหารโดยคํานึงถึงการจดั สภาพสิ่งแวดลอมใหเหมาะสม กบั อาหารแตล ะประเภทโดยคํานงึ ถงึ อุณหภูมิความชื้นเพ่อื ชวยทําใหอ าหารสดสะอาดเก็บไดนานไม เนาเสยี งายส่ิงแวดลอมของอาหารจะจดั การใหอยใู นสภาพท่ีจะปองกันการปนเปอนได เชน การเก็บ อาหารกระปอ งในบริเวณทมี่ ี อาหารหมนุ เวียน สงู จากพน้ื อยางนอย 30 ซม. การเกบ็ นมพาสเจอไรสไว ในอณุ หภูมิต่ํากวา 7 องศาเซลเซยี ส เปน ตน สะอาดปลอดภยั คือ ตอ งเกบ็ อาหารในภาชนะบรรจุท่ถี ูกสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภยั มีการ ทําความสะอาดสถานทีเ่ กบ็ อยางสมา่ํ เสมอไมเกบ็ สารเคมที เ่ี ปน พษิ อ่ืนๆเชน การใชถงุ พลาสติก/กลอ ง พลาสตกิ สาํ หรบั บรรจอุ าหารในการบรรจุอาหารท่เี ก็บไวใ นตเู ยน็ /ตแู ชแขง็ เปน ตน 4. อณุ หภูมิเทา ไหรจึงจะทําลายเชอื้ โรคได เชื้อจุลินทรยี มอี ยูท่วั ไปตามส่ิงแวดลอมมนุษย สัตว อาหาร ภาชนะอุปกรณแ ละสามารถจะ ดํารงชีวิตอยูไดในชวงอุณหภูมิต่ํากวา 0 องศาเซลเซียส จนถึง 75 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะ เชอื้ จลุ นิ ทรียท ีก่ อ ใหเกิดโรคระบาดทางเดินอาหารมักจะเปนเชือ้ จุลินทรียที่สามารถเจริญเติบโตไดดีท่ี อุณหภูมิหองประมาณ 25 องศาเซลเซียส ถงึ 40 องศาเซลเซียส ฉะนั้น การทําลายเช้ือจลุ นิ ทรียท ีก่ อ ใหเ กดิ โรคระบบทางเดินอาหารจําเปน จะตอ งกาํ หนดชวง อณุ หภูมิท่ีเหมาะสมเพ่ือจะไดแ นใ จวา เชอ้ื จุลนิ ทรยี ถ ูกทําลายจนหมดส้ินในขบวนการผลติ อาหารทาง อตุ สาหกรรมการทาํ ลายเชอ้ื โรคจําเปน ตองอาศัยอุณหภมู ิทเ่ี หมาะสมควบคูไปกับระยะเวลาท่เี หมาะสม จึงจะมปี ระสิทธิภาพในการทําลายท่ดี ี คืออุณหภูมิท่สี งู มากใชระยะเวลาสั้น(121องศาเซลเซียสเปน เวลา 1 นาที)และอุณหภมู ิที่ตา่ํ ใชระยะเวลานาน(63 องศาเซลเซียส เปน เวลา 30 นาท)ี ทั้งท่ียงั มปี จจยั อื่น ท่เี ก่ียวขอ งในการควบคุมไดแ กป ริมาณเชอื้ จุลินทรยี ป ระเภทของอาหารคาความเปนกรด ดาง ความชน้ื สําหรับในการปรุงประกอบอาหารในครัวเรือนอุณหภูมิท่ีสามารถทําลายเชื้อจุลนิ ทรยี คอื 80 องศาเซลเซยี ส-100 องศาเซลเซยี ส (อณุ หภูมนิ ้ําเดอื ด)เปน เวลานาน 15 นาทสี าํ หรับอุณหภูมใิ นตูเยน็ 5 องศาเซลเซียส-7องศาเซลเซยี ส เชอ้ื จลุ ินทรยี สามารถดาํ รงชีวิตอยไู ด และสามารถเพ่ิมจํานวนไดอยาง ชา ในขณะทีอ่ ุณหภูมแิ ซแข็งตํา่ กวา 0 องศาเซลเซยี ส เช้อื จลุ ินทรียส ามารถดํารงอยูไ ดแ ตไมเพิม่ จํานวน อณุ หภูมทิ เี่ ชื้อจุลนิ ทรียต ายคือ-20องศาเซลเซียส และฉะนั้นเพอ่ื ความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอาหารเน้ือสัตวควรปรุงอาหารใหสุกเสมอโดยท่ัวทุกสวนที่อุณหภูมิสูงกวา 80 องศา เซลเซียส ขนึ้ ไปหรือสกุ เสมอ สะอาด ปลอดภัย 5. อุณหภูมิท่เี หมาะสมในการเกบ็ อาหารสดประเภทเนื้อสัตว อาหารเนอื้ สตั วสด เปนอาหารทมี่ คี วามเสย่ี งสงู เพราะมีปจ จัยเอ้ือตอ การเนา เสยี ไดง าย คือมี ปริมาณสารอนิ ทรยี สงู มีปรมิ าณน้ําสูง ความเปนกรดดา งเหมาะสมในการเจรญิ เติบโตของเชือ้ จลุ ินทรีย การเก็บเนอ้ื สตั วส ดทถี่ ูกสุขลกั ษณะ คือตองลางทําความสะอาดแลวจึงห่นั หรือแบงเนื้อสัตว เปนช้ิน ๆ ขนาดพอดที ี่จะใชในการปรุงประกอบอาหารแตละคร้ังแลวจึงเก็บในภาชนะทีส่ ะอาดแยก เปนสัดสวนเฉพาะสําหรับเน้ือสัตวสดที่ตองการใชใหหมด ภายใน 24 ช่ัวโมงสามารถเก็บไวใน
84 อณุ หภูมิตูเย็นระหวาง 5 องศาเซลเซยี ส -7 องศาเซลเซยี สในขณะท่เี นือ้ สัตวสดทต่ี องการเก็บไวใ ชน าน (ไมเกิน7วัน)ตองเก็บไวในอุณหภูมิตูแชแข็ง อุณหภูมิตาํ่ กวา 0 องศาเซลเซียส ทั้งนี้เมือ่ จะนาํ มาใช จาํ เปนจะตองนํามาละลายในไมโครเวฟ แตถ าละลายในน้ําเย็นจะตองเปล่ียนนํ้าทุก 30 นาที เพอื่ ให อาหารยงั คงความเยน็ อยูแ ละนํ้าทใ่ี ชละลายไมเ ปนแหลง สะสมของเชอื้ จุลินทรียที่อาจจะปนเปอ นมาทํา ใหม ีโอกาสเพมิ่ จาํ นวนไดม ากข้นึ จนอาจจะเกดิ เปนอนั ตรายได สรุปอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการเก็บอาหารเนื้อสัตวสดคืออุณหภูมิตูเย็นต่ํากวา 7 องศา เซลเซียสในกรณที ีจ่ ะใชภายใน 24 ช่ัวโมง และตํ่ากวา 0 องศาเซลเซยี ส (อุณหภูมิแชแ ข็ง) ในกรณีที่จะ ใชภ ายใน 7 วันซง่ึ เปน อุณหภูมทิ ่เี ชอื้ จุลนิ ทรียย งั คงดาํ รงชวี ิตอยไู ดแ ตม ีอัตราการเจริญเติบโตตํ่าจนถงึ ไมม กี ารเจริญเติบโตทาํ ใหส ามารถเกบ็ รักษาเนื้อสัตวใหสด ใหม สะอาด ปลอดภัย 6. ภาชนะบรรจุอาหารสาํ คัญอยา งไร ภาชนะบรรจุอาหารเปนปจจัยสําคัญท่ีเส่ียงตอการปนเปอนเช้ือโรค สารเคมีที่เปนพิษกับ อาหารท่พี รอ มจะบริโภค ทงั้ น้ี สามารถจะกอ ใหเ กดิ การปนเปอ นไดท กุ ขนั้ ตอน ตงั้ แตข้ันตอนการเกบ็ อาหารดิบ ข้ันตอนการเสิรฟใหกับผบู ริโภค ขัน้ ตอนการเก็บอาหารดบิ ถาภาชนะบรรจทุ ําดวยวสั ดทุ เี่ ปนพิษหรอื ภาชนะทป่ี นเปอ นเช้ือโรค ก็จะทําใหอาหารทบ่ี รรจุอยูป นเปอ นไดโ ดยเฉพาะภาชนะบรรจอุ าหารเนอ้ื สัตวส ด เม่ือใชแ ลวตองลาง ทําความสะอาดใหถูกตองกอนจะนํามาบรรจุเนื้อสัตวสดใหมเพราะอาจจะเปนแหลงสะสมของ เช้ือจุลนิ ทรียไ ดง ายขน้ั ตอนการปรุงประกอบอาหารถา ภาชนะอุปกรณท ี่ใชในการปรงุ ประกอบอาหาร ถาภาชนะอุปกรณที่ใชใ นการปรงุ ประกอบมีการปนเปอ นดวยสารเคมีท่ีเปนพิษ กส็ ามารถปนเปอน อาหารท่ีปรุงประกอบไดเชน ตะแกรงทาสีบรอนดเวลาปงปลา สีบรอนด และสารตะกั่วก็อาจจะ ปนเปอนกับเนื้อปลาไดใ ชภาชนะพลาสติกออนใสนํ้าสมสายชทู ําใหม ีการปนเปอนสารพลาสติก ออกมากบั น้าํ สมสายชทู าํ ใหมกี ารปนเปอ นสารพลาสตกิ ออกมากับนาํ้ สมสายชไู ด ขั้นตอนการเสิรฟอาหารพรอมบรโิ ภคอาหารปรุงสําเร็จถาภาชนะที่ใชลางไมส ะอาดมีการ ปนเปอ นเชอื้ จุลินทรยี สารเคมที เี่ ปน อนั ตรายก็จะปนเปอ นอาหารจนอาจกอ ใหเกิดอนั ตรายกบั ผบู รโิ ภค ได ฉะนั้นเพอื่ ใหไ ดภ าชนะอปุ กรณท ่ีสะอาด ปลอดภยั สิ่งสําคญั ก็คือจะตองรูจ ักวธิ ีการเลือกใช ภาชนะอปุ กรณท่ถี ูกตองไมท าํ จากวสั ดทุ เี่ ปนพิษและใชใหเหมาะสมกับประเภทของอาหารรวมทั้งตอง รูจกั วธิ กี ารลา งและการเกบ็ ภาชนะอปุ กรณใหถ ูกตอง เรอ่ื งท่ี 3 ความเชอื่ และคานยิ มเก่ียวกับการบริโภค คานยิ ม (Value) หมายถึง ลักษณะดา นสังคมซึ่งมีความเชื่อถือ (Beliefs) กันอยาง กวา งขวาง ซึ่งเปนแนวทางในการพิจารณาพฤติกรรมท่เี หมาะสม โดยมกี ารยอมรับอยางแพรห ลายจาก สมาชิกของสังคม หรือหมายถึง ความเช่ือถือของสวนรวมซึ่งมีมานาน โดยมีจุดมงุ หมายเพอื่ การมี
85 ชีวติ อยูรวมกนั เปน ความรูสึกเก่ยี วกบั กิจกรรม ความสัมพนั ธก นั หรือจดุ มุงหมายซึ่งมีความสําคัญตอ ลักษณะหรอื ความเปน อยูของชุมชน ส่งิ ท่ีคนกลุมหนึ่ง ๆ วาอะไรก็ตามที่คนในสังคมสวนใหญชอบ ปรารถนาหรือตองการใหเปน ในปจ จุบันเรามกั จะใหย ินวา คนไทยมีคานยิ มชอบใชของตางประเทศ ชอบเลียนแบบ ชาวตางประเทศโดยรับเอาวัฒนธรรมของตางประเทศเขามามาก โดยลมื คิดถึงความเสียหายที่จะ เกดิ ขนึ้ ซึ่งคําวา “คา นยิ ม” ถือวาเปนปจจัยภายนอกซ่งึ เปนปจจัยท่ีมีอทิ ธิพลตอความรูสึกนึกคิดของ บคุ คลเปน ส่งิ ที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู หรือสิ่งอื่นใดก็ตามท่ีเปนตัวกาํ กับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลเปน ส่งิ ทีเ่ กิดข้ึนจากการเรียนรู หรือส่ิงอ่ืนใดก็ตามท่ีเปนตัวกาํ กับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลท่ีอยใู นสงั คมน้ัน ๆ ซ่ึงความสาํ เร็จหรือความลมเหลวของธรุ กิจทางการตลาดข้นึ อยูกับความ สอดคลองกบั คา นิยมเปน สําคัญ ดังนน้ั คานิยมจึงเก่ียวของกบั การตอบสนองตอ สิ่งกระตุนดวยวธิ ีที่มี มาตรฐาน ซึง่ บุคคลจะถกู กระตนุ ใหมสี ว นรว มในพฤตกิ รรมเพอ่ื ใหบ รรลคุ า นยิ ม และความเกี่ยวของ กับพฤตกิ รรมผบู ริโภคและกลยุทธทางการตลาด ในขณะท่ีแตละชั้นของสังคมจะมีลักษณะของ คานิยมและพฤติกรรมในการบรโิ ภคจะแตกตา งกันออกไป ตวั อยางคานยิ มกับพฤตกิ รรมการบริโภค ของคนไทย มดี งั น้ี 1. กลุมคา นยิ มความร่ํารวย และนิยมใชข องจากตา งประเทศ จุดเดน ทีเ่ ปนนสิ ัยของคนไทย ชอบทาํ ตัววาตัวเองเปนคนร่ํารวยเนื่องมาจากการใชสินคา สนิ คาทน่ี ยิ มใชจะเปน สนิ คาที่นําเขา มาจากตางประเทศเทา นน้ั สวนทีเ่ กย่ี วของกับพฤติกรรมการบริโภค เปนบคุ คลท่ีชอบใชของแพง ๆ ทําใหคนอ่นื มองวาตวั เองเปนผทู ่ีรํ่ารวย ตองการให คนยกยอ งนับถือ เปนคนที่ตองมีเกียรติ ตองการเปนผูนําในการใชสนิ คา นิยมใชส ินคาท่ีนาํ เขา มา เทาน้ัน มองวาสนิ คาในประเทศเปนสินคาท่ไี มมีคุณภาพ ไมมีมาตรฐาน เปนสินคาดอยคุณภาพ จะรูสึกภูมิใจทุกครั้งเม่ือไดใชสินคาที่เปนสนิ คาจากตา งประเทศ ชอบไปเท่ียวตางประเทศเพ่ือไป ซ้ือสินคา บางคร้ังซ้ือมาแลวกไ็ มไดใ ชประโยชนก็จะซอื้ หรือบางคร้ังอาจจะไมมีเวลาไปเท่ียว ตางประเทศก็ชอบฝากใหคนอ่ืนซ้อื มีความเปน ตางชาติสงู มาก จะเปนบุคคลที่เนนการแตงกายดี ตั้งแตศ รี ษะจรดเทา เพ่อื เสริมสรางบุคลิกภาพ สรางความนาเชือ่ ถอื นิยมใชบัตรเครดิตการด ชอบ ความสะดวกสบายไมช อบการรอคอยนาน ๆ ชอบสังคมกบั เพื่อนท่มี ีฐานะร่ํารวย เทาเทยี มกัน ไม ชอบคบหาสมาคมกันคนที่ดอ ยกวาหรือจนกวา ทําอะไรคิดถึงตัวเองมากกวาคนอ่นื บางครัง้ อาจจะ ประสบกับปญหาทางดา นการเงนิ แตก ลวั วาคนอื่นจะรูถงึ ฐานะของตนเองตอ งยอมกูเงินเพ่ือพยุงฐานะ ของตนเองก็ยอมเพือ่ รักษาภาพลักษณของตนเอง โดยไมตองการใหใครมามองวา ตัวเองจนลําบาก หรอื ตํ่าตอ ยกวา คนอ่นื
86 ผลกระทบกับคา นิยมแบบนี้ ลกั ษณะแบบนี้ ควรจะปรบั ปรุงแกไ ขเพอื่ สังคมจะไดด ีข้ึน โดยเฉพาะคนรุนใหมไม ควรใหฟุงเฟอซ่ึงจะเปนการสรางคานิยมที่ไมดี และถือวาคานิยมแบบนี้จะเปนอันตรายตอ ประเทศชาติอยา งมาก ซง่ึ อาจกอ ใหเ กิดความเสยี หาย เทากับวาประเทศของเราไดตกไปเปนเมืองข้ึน ของตา งชาติ ซึง่ เปนการยากทีเ่ ราจะกปู ระเทศชาติกลับคืนมาได ซึง่ ควรจะไดมีการปรับปรงุ แกไข 2. คานยิ มสขุ ภาพดี จดุ เดน ท่ีเปน นสิ ัยของคนไทย เปนบุคคลที่รกั ษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัว เพือ่ ทจ่ี ะไดมชี วี ิตยืนยาว สว นท่ีเกยี่ วขอ งกับพฤติกรรมการบรโิ ภค พฤตกิ รรมของบุคคลท่ีมีคานิยมสุขภาพดี มักจะเปนคนทดี่ ูแลตนเองเปนอยา งดี มี การออกกําลังกายอยางสมาํ่ เสมอ ชอบความสะอาด ไปพบแพทยเปนประจํา มกี ารพักผอนอยาง เพียงพอเลอื กรับประทานอาหารท่มี ีคุณคา มีประโยชนตอ รางกาย เพือ่ ทําใหส ขุ ภาพแข็งแรง รวมทั้ง ดแู ลคนในครอบครัวดว ยตองการใหคนในครอบครวั ปราศจากโรคภยั ไขเจบ็ ตองการมีชวี ิตทีย่ นื ยาวมี รา งกายที่แข็งแรงและสมบูรณ ชอบพักผอ นอยกู บั บา น และทานอาหารในบา นเพราะเนน ความสะอาด ชอบดหู นังฟงเพลงอยใู นบา น สินคา ทีน่ ยิ มบรโิ ภค ไดแ ก 1. อาหารมังสวริ ตั ิ 2. อาหารเสริม 3. นมทม่ี ีแคลเซยี ม เพือ่ เสรมิ สรา งกระดกู 4. นมพรองมนั เนย, โยเกริ ต 5. วิตามนิ ตา งๆ เชน วิตามินซ,ี วติ ามินบี ฯลฯ 6. ผักปลอดสารพษิ 7. ด่มื นาํ้ ผลไม 8. ด่มื น้าํ แร 9. โสมเกาหลี, เห็ดหลนิ จอื 10. ไกตนุ ยาจีน, ไกด ํา 11. ยารกั ษาโรค (จากแพทยสงั่ ) ผลกระทบกบั คานยิ มแบบน้ี เปน คา นยิ มท่ีดนี าจะมีการสนบั สนนุ เพราะจะทาํ ใหค นมสี ุขภาพดขี ึน้ เพื่อชวี ติ ความ
87 เปน อยใู นครอบครัวดขี ้นึ และทาํ ใหค รอบครัวมีความสุขมากขนึ้ บุคคลทม่ี คี านิยมแบบนี้ เปนบคุ คลทม่ี ฐี านะในระดบั B ขึ้นไป และเปน ผูดแู ลเอาใจใสต อสุขภาพ กลุมเปา หมาย เปนกลุมวยั กลางคนทเ่ี นนดูแลสุขภาพใหแข็งแรงปลอดจากโรคภัย ไขเ จบ็ 3. คา นิยมรักความสนุก จดุ เดน ท่ีเปน นิสยั ของคนไทย เปนบุคคลทรี่ ักความสนุก มีความรื่นเริงอยูตลอดเวลา ชอบ ENTERTAIN ชอบ สงั สรรคไ มวา จะเปน เทศกาลใดก็ตาม สว นทเี่ กย่ี วขอ งกบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภค ลักษณะของพฤติกรรมบุคคลจะเปนบุคคลท่ีรักสนุก ชอบความรื่นเริง มีความ สังสรรคในหมูญาตพิ ่ีนอง เพอ่ื นฝูงอยตู ลอดเวลา ไมวาจะเปนการจัดปารต้ีทุกสิน้ เดือน หรือเปน เทศกาลตา ง ๆ เชน วนั ข้นึ ปใ หม, วนั ตรุษจนี , วันสงกรานต ฯลฯ ทกุ เทศกาลก็จะมีความสนุกสนาน ตลอดเวลา สินคา ที่นยิ มบริโภค ไดแ ก 1. รบั ประทานอาหารทุกชนิด เชน อาหารกับแกลม อาจทาํ ทานเอง หรอื ไป ทานนอกบาน 2. เครอื่ งดม่ื ทกุ ชนดิ เชน นํ้าอดั ลม 3. ผลไมตา ง ๆ (ผลไมไ ทยและผลไมนําเขา) 4. ขนมขบเคยี้ วตา ง ๆ 5. ดมื่ สรุ า (ผลิตในประเทศไทยและนาํ เขาจากตา งประเทศ) 6. ชอบรองเพลง KARAOKE (อาจจะรองเพลงอยใู นบาน หรือตาม สถานเริงรมยตา ง ๆ) 7. ชอบดูภาพยนตร 8. ชอบไปรับประทานอาหาร และฟงเพลงตามโรงแรม, หอ งอาหารตา ง ๆ และตามคาเฟ 9. ชอบไปเทยี่ วตามสถานที่ในตา งจงั หวัด เชน ไปนํา้ ตก, ภูเขา และทะเ ผลกระทบกับคานยิ มแบบนี้ บุคคลที่มคี า นิยมแบบนี้อยา งนอ ยก็นาจะสนับสนุน เพราะทําใหเ กิดสภาพคลองทาง การเงินทาํ ใหเ งินทองไมไ หลออกนอกประเทศ มีการใชจ ายภายในประเทศ ซึ่งเปน การกระจายรายได
88 ไปยงั สถานทองเท่ียวตางๆ ภายในประเทศไดเปน อยางดี ทาํ ใหม ีการจับจา ยใชสอยและเปน การสราง รายไดใหกับชุมชนตางๆ และแหลงทองเที่ยวตางๆ ทาํ ใหคนมีอาชีพมากข้นึ ซึ่งจะทําใหเกิดการ หมนุ เวยี นทางดานการเงินอาจสงผลใหภาวะทางเศรษฐกิจในประเทศดขี ึน้ 4. คา นยิ มบรโิ ภคนยิ ม จดุ เดนทเ่ี ปน นสิ ัยของคนไทย เปน บุคคลทมี่ นี สิ ยั ชอบบรโิ ภคเปนหลัก ซึง่ ไมไ ดคาํ นงึ ถงึ คุณภาพ สวนทีเ่ กยี่ วขอ งกบั พฤตกิ รรมการบริโภค ลกั ษณะพฤติกรรมการบริโภคชอบรับประทานอาหารนอกบาน พยายามสรรหา รา นอาหารท่อี รอ ยๆ ไมวาจะอยใู กลห รอื ไกล ถาข้นึ ชอ่ื ในระดับ เชลลชวนชิม, แมชอ ยนางรํา และ ไมล องไมรู ซ่ึงมใี บรับประกนั ชอบที่จะไปทดลองชมิ ดูวา อรอ ยสมชื่อหรือเปลา ชอบรา นอาหารท่ีมี ลักษณะสะอาด มีความสะดวกสบาย มีท่ีจอดรถสะดวก บางครั้งบรโิ ภคมากจนเกินความจําเปน และ มีผลตอสุขภาพ ทาํ ใหเ กดิ โรคตางๆ ไดง าย เชน โรคไขมันอดุ ตนั โรคเบาหวาน ความดัน อาหาร ไมย อ ยอาหารเปนพิษ ฯลฯ สินคาที่นยิ มบรโิ ภค ไดแ ก 1. อาหารทกุ ชนดิ เชน รา นอาหารดังๆ 2. อาหาร fast food เชน KFC, McDonald 3. รา นอาหารญีป่ นุ เชน Oishi, ฟจู ิ 4. รานไอศกรมี เชน Swensens 5. ขนมขบเคย้ี วตา งๆ 6. เครื่องดมื่ ทกุ ชนิด 7. สุรายหี่ อตางๆ ผลกระทบกบั คา นิยมแบบน้ี บคุ คลทมี่ คี า นยิ มแบบนี้ อาจจะปนทอนสุขภาพได เพราะไมไดร ะมัดระวังในเร่อื ง ของการรบั ประทานอาหาร ควรจะมกี ารปรบั ปรงุ แกไขเพื่อใหมีสุขภาพแขง็ แรง และมีชีวิตทย่ี ืนยาว ได ผูที่มีคานิยมบริโภคแบบน้ี ถาเปนผสู งู อายุจะทาํ ใหเ กิดอันตรายตอสุขภาพ เชน มกั จะพบกับ โรคภยั ไขเจบ็ ตางๆ และมักจะมอี ายสุ ั้น เร่ืองที่ 4 ปญ หาสขุ ภาพท่ีเกิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถ กู หลัก โภชนาการ ปจ จุบันการดาํ เนินชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในเขตเมอื ง เปนไปอยางเรงรีบ ทําใหการ บริโภคอาหาร กเ็ นน อาหารตามทรี่ บั ประทานไดสะดวกรวดเร็ว เชน อาหารฟาสตฟูด (Fast Food) ทาํ ใหเกิดปญ หาโรคอว น และโรคอื่นๆอีกมาก ดงั น้ันจงึ ควรทาํ ความเขาใจถงึ องคประกอบสําคญั ดงั น้ี
89 1) อาหาร (Food) หมายถึงส่ิงท่ีเรากินไดและมีประโยชนต อรางกาย สงิ่ ที่กินไดแตไมเปน ประโยชนห รอื ใหโทษแกรา งกาย อาทิ สุรา เห็ดเมา เรากไ็ มเรยี กสง่ิ นั้นวา เปนอาหาร 2) โภชนาการ (Nutrition) มคี วามหมายกวางมากกวา อาหาร โภชนาการ หมายถงึ เรอ่ื งตา งๆ ที่วาดวยอาหาร อาทิ การจัดแบงประเภทสารอาหาร ประโยชนของอาหาร การยอยอาหาร โรคขาด สารอาหาร เปน ตน โภชนาการเปน วชิ าสาขาหน่งึ ซ่ึงมลี ักษณะเปน วทิ ยาศาสตรป ระยุกต ทก่ี ลาวถงึ การ เปลยี่ นแปลงตา งๆของอาหารที่เรารับประทานเขาไปเพื่อใชประโยชนในดานการเจรญิ เตบิ โตและ ซอ มแซมสวนตา งๆของรา งกาย 3) สารอาหาร ( Nutrient) หมายถงึ สารเคมีที่เปนสวนประกอบสําคัญในอาหาร สารเคมี เหลา นีม้ ีความสาํ คญั และจําเปน ตอรา งกาย อาทิ เปนตัวทําใหเ กิดพลงั งานและความอบอุนตอรางกาย ชวยในการเจริญเติบโต ชวยซอ มแซมสว นทสี่ ึกหรอทาํ ใหรางกายทาํ งานไดต ามปกติ เม่ือนําอาหารมา วิเคราะหจะพบวามีสารประกอบอยูมากมายหลายชนิด ถา แยกโดยอาศยั หลักคุณคาทางโภชนาการจะ แบง ออกเปน 6 ประเภท ไดแกโ ปรตีน คารโ บไฮเดรต ไขมนั วติ ามนิ เกลอื แร และน้ํา 4) พลังงานและแคลอร่ี ไขมัน คารโบไฮเดรต และโปรตนี ใหประโยชนแกรา งกายหลายอยา งท่ีสําคัญคือ การใช พลงั งานแกรางกาย พลงั งานในทีน่ ้หี มายถึงพลังงานท่ีรางกายจําเปน ตอ งมี ตอ งใชและสะสมไว เพื่อใช ในการทาํ งานของอวยั วะท้งั ภายในและภายนอกรา งกาย นักวิทยาศาสตรวัดปริมาณของพลังงานหรือกําลังงานท่ไี ดจากอาหารเปนหนวยความรอน เรียกวา แคลอรี่ โดยกาํ หนดวา 1 แคลอร่ี เทา กับปริมาณความรอนที่ทาํ ใหนํ้า 1 กรัม มีอุณหภูมิสูงขนึ้ 1 องศาเซลเซียส แตในทางโภชนาการพลังงานท่ีไดรับจากการอาหารที่กินเขาไป 1 แคลอร่ี (ใหญ) เทากบั ปรมิ าณ ความรอน ทที่ ําใหน้ํา 1 กโิ ลกรัม มอี ณุ หภูมิสูงขน้ึ 1 องศาเซลเซียส 5) อาหารหลกั 5 หมู อาหารเปน ส่งิ จาํ เปน ยิ่งสาํ หรบั การเจริญเติบโต การบํารุงเลยี้ งสวนตางๆ ของรางกาย มักพบวาบางคนเลือกที่จะกินและไมกนิ อาหารอยางหนึ่งอยางใด ซ่ึงเปนการกระทาํ ท่ไี ม ถูกตอง หากไมกินอาหารตามความตองการของรางกาย การกินอาหารตองคํานึงถึงคุณคาของ สารอาหารมากกวา ความชอบหรือไมช อบ การเลือกกนิ หรือไมกินอาหารเกิดจากสาเหตหุ ลายประการ ดังน้ี ความคุน เคย เราจะเลอื กอาหารท่เี ราคุนเคยหรอื กินอยเู ปนประจาํ และจะไมเลือกกินอะไรท่ีไม คนุ เคยดังนัน้ จงึ มีอาหารอกี หลายอยา งท่ีเรายังไมเคยกิน ซึ่งอาจจะอรอยถูกปากกไ็ ด รสชาติ หรือความ “อรอย” เปนเหตุผลท่คี นเราเลือกอาหาร ความอรอ ยของแตละคนจะไม เหมือนกนั อาหารอยางหนงึ่ บางคนจะบอกวาอรอ ยแตบ างคนจะเฉยๆ หรือไมอรอ ย ลักษณะเฉพาะของเนื้ออาหาร อาทิ บางคนชอบอาหารกรอบ อาหารนุม บางคนชอบเคี้ยว อาหารพวกเนือ้ ทเี่ หนียวๆ เปน ตน
90 ทศั นะคติ ของคนไทยครอบครัวหรอื เพือ่ นจะมีอิทธิพลตอความชอบไมช อบอาหารของทาน อาทใิ นครอบครัวทพี่ อ ไมกินตนหอมหรอื ผักชเี ลย ไปกินอาหารท่ีไหนก็จะเขี่ยตนหอมผกั ชีออกจาก จานทุกครง้ั ลกู ๆก็จะเลยี นแบบกลายเปนไมช อบไปดว ย ดังนั้นเพ่ือสุขภาพเราจึงควรลองกินอาหารที่ไมเคยกินทีละอยางสองอยางโดยคํานึงถึง ประโยชนข องมนั มากกวา เมอ่ื ไดลองกินแลวอาจะพบวา จรงิ ๆ แลว มนั กอ็ รอยไมแพอาหารจานโปรด และไมเ กดิ ปญหาสุขภาพที่เกดิ จากการบรโิ ภคอาหารไมถ ูกหลกั โภชนาการดว ย ปญหาจากการบรโิ ภคอาหารไมถูกหลักโภชนาการไดแก - ภาวะทุพโภชนาการ - ภาวะโภชนาการเกนิ (โรคอวน) ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) ภาวะทุพโภชนาการ หมายถึง ภาวะท่ีรา งกายไดร ับสารอาหารผดิ เบ่ียงเบนไปจากปกติ อาจเกดิ จากไดรบั สารอาหารนอ ยกวาปกตหิ รือเหตุ ทตุ ยิ ภูมิ คือเหตุเน่ืองจากความบกพรอ งตางจากการกินการ ยอ ยการดูดซมึ ในระยะ 2-3 ปแรกของชีวติ จะมผี ลกระทบตอระดับสตปิ ญญา และการเรียนภายหลัง เนื่องจากเปนระยะท่มี กี ารเจรญิ เติบโตของสมองสูงสุด ซงึ่ ระยะเวลาท่ีวิกฤติตอพฒั นาการทางรา งกาย ของวัยเด็กมากท่ีสุดนนั้ ตรงกับชว ง 3 เดือนหลังการตัง้ ครรภจนถึงอายุ 18-24 เดือนหลังคลอด เปน ระยะที่มกี ารปลอกหุมเสนประสาทของระบบประสาท และมีการแบงตวั ของเซลล ประสาทมากท่สี ดุ เมอื่ อายุ 3 ป มีผลกระทบตอการเจริญเตบิ โต ถึงรอยละ 80 สําหรับผลกระทบทาง รา งกายภายนอกทมี่ องเห็นไดคือเด็กมีรูปรางเต้ีย เล็ก ซุบผอม ผิวหนงั เห่ียวยนเนอ่ื งจากไขมนั ช้ัน ผวิ หนงั นอกจากนอี้ อวยั วะภายในตางๆ ก็ไดรับผลกระทบเชน กนั 1. หัวใจ จะพบวา กลา มเนื้อหวั ใจไมแ นน หนา และการบีบตัวไมด ี 2. ตับ จะพบไขมนั แทรกอยูในตับ เซลลเน้ือตับมีลักษณะบางและบวมเปน นํา้ สาเหตุให ทาํ งานไดไมดี 3. ไต พบวาเซลลท ่วั ไปมีลักษณะบวมนาํ้ และติดสจี าง 4. กลามเนื้อ พบวา สวนประกอบในเซลลลดลง มีน้ําเขา แทนท่ี นอกจากการขาดสารอาหารแลว การไดรับอาหารเกิน ในรายทอี่ ว นฉกุ ถ็ อื เปนภาวะทพุ โภชนาการเปน การไดรับอาหารมากเกนิ ความตองการ พลังงานท่ีมีมากนน้ั ไมไ ดใ ชไป พลังงานสวนเกินเหลาน้ันก็จะ แปลงไปเปนคลอเรสเตอรรอลเกาะจบั แนนอยูตามสวนตางๆของรางกาย และอาจลุกลามเขาสูเสน เลือด ผลท่ตี ามมากค็ ือ โรคอวน โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ และโรคตา งๆ การประเมนิ สภาวะโภชนาการ 1. ประวัติ ที่นําเด็กมาจากโรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุชักนาํ ใหเกดิ ภาวะขาดสารอาหาร 2. การตรวจรางกาย เพื่อหารอ งรอยการผดิ ปกตซิ ึ่งเกดิ จากการขาดสารอาหารและวติ ามนิ
91 การตรวจรา งกาย เพ่ือประเมนิ สภาวะโภชนาการของเด็กแบงไดเ ปน 2 ตอน คอื การตรวจรา งกายท่วั ไป กบั การตรวจโดยการวดั ความเจริญทางรา งกาย การตรวจรางกายทวั่ ไปโดยแพทย จะเปนแนวทางชว ยประเมินสภาวะของเด็ก และเปน แนวทางวินิจฉยั การขาดสารอาหารและวิตามนิ การตรวจโดยการวัดความเจริญทางรา งกาย เปน การวดั ขนาดทางรางกายคอื สวนสงู และนาํ้ หนัก เพอ่ื บอกถงึ โภชนาการของเด็ก ภาวะโภชนาการเกิน เมอ่ื คนเราบรโิ ภคอาหารชนิดใด ชนิดหน่ึง เกินความตองการของรางกาย จะทําใหเ กิดภาวะ โภชนาการเกินจนเกดิ โรคได และโรคที่เกิดจากภาวะโภชนาการเกิน เปนสาเหตุของการสูญเสียชีวิต เปนจํานวนไมนอย และเปนตนเหตุของการเจ็บปวยที่ตองเสียคา ใชจายในการรักษายาวนานเชน โรคหวั ใจและหลอดเลือด ตลอดจนโรคอว น เปน ตน โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด (Cardiovascular Disease) โรคหวั ใจและหลอดเลือด เปน สาเหตกุ ารตายที่สาํ คญั ในลาํ ดับตน ๆ ของประชาชนไทยมาโดย ตลอด โรคดงั กลาวเปนการเปลย่ี นแปลงทางอายุรศาสตรทเ่ี ก่ียวของกบั หัวใจและหลอดเลือด ซ่ึงจะ หมายรวมถึงโรคตางๆ และภาวะอาการของโรค เชน โรคหลอดเลอื ดหัวใจ (Coronary heart disease) ภาวะหลอดเลอื ดหัวใจแขง็ (Arteriosclerosis) และอาการความดันเลือดสงู (Hypertension) เปนตน โรค ทีส่ ําคัญในกลมุ นคี้ ือ โรคหลอดเลอื ดหัวใจหรือโรคหลอดเลอื ดหวั ใจตบี ซึ่งจดั วาเปนโรคท่ีเปน สาเหตุ ของการปวย และการตายทสี่ ูงของประชาชนชาวไทยในปจจบุ นั โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดหวั ใจ เปน โรคชนดิ หนง่ึ ทเ่ี กิดจากหลอดเลอื ดแดงหัวใจแข็ง ตบี ตัน ขาดความ ยืดหยุน หลอดเลือดหวั ใจตบี หรอื ตัน หรอื เกิดจากลิม่ เลอื ดอดุ ตนั หลอดเลือดหัวใจ จนทําใหกลามเนอ้ื หวั ใจขาดเลือด หรือทําใหก ลา มเนอ้ื หัวใจตาย โรคน้ีเปนสาเหตุสําคัญของอัตราการปวยการตาย ของ คนไทยในปจจุบัน และมีแนวโนมจะเพิม่ มากขึ้นในอนาคต สาเหตุ 1. กรรมพนั ธุ ผทู ี่พอ แม ปยู า ตายาย ปวยเปนโรคหลอดเลือดหวั ใจจะมคี วามเส่ียงมากกวา ไขมนั ในหลอดเลือด ถาสงู กวาปกติจะทาํ ใหหลอดเลือดแข็ง เสยี่ งตอการเปนโรคหลอดเลอื ดหัวใจ 2. ความดนั เลอื ดสูง 3. เบาหวาน ผูท เ่ี ปน เบาหวานมกั จะเปน โรคหลอดเลือดหัวใจดว ย 4. ความอวน ความอว นกบั โรคหลอดเลือดหัวใจ มกั จะเกดิ ขึน้ ดวยกันเสมอ โดยเฉพาะคน อวนท่พี ุง มักจะมไี ขมันในเลือดสงู จนเปนโรคหลอดเลือดหัวใจดว ย
92 5. ออกกําลังกายนอยหรือขาดการออกกําลงั กาย การไหลเวียนเลอื ดไมค ลอ งพอ การเผา ผลาญพลังงานนอ ย ทาํ ใหสะสมไขมนั จนกลายเปน โรค 6. ความเครียด และความกดดันในชีวติ อาจสงผลทําใหเปนโรคน้ไี ด 7. การสูบบหุ ร่ี สารนิโคตินและทารจ ากควนั บุหรม่ี ีผลตอ การเกิดโรคนี้ นอกจากสาเหตทุ ่สี ําคญั ดงั กลา ว ซง่ึ จดั วาเปนปจจยั ท่สี ามารถเปล่ียนแปลงได อาจมปี จ จัยเสย่ี ง อื่น ๆ ที่เปนสาเหตุของการเกดิ โรคหลอดเลอื ดหัวใจ เชน เพศ อายุ เชื้อชาติ เปนตน จากการศึกษา พบวาเพศชายเสีย่ งตอการเกดิ โรคน้ีมากกวา เพศหญงิ ยกเวน ผูหญงิ ในวัยหมดประจําเดือนเนื่องจากมี ระดับฮอรโ มนเอสโตรเจนลดลง มีไขมนั ในเลอื ดสูง สําหรบั อายุพบวามอี ัตราการเกดิ โรคนส้ี ูงมากใน ผูสูงอายุ และเชอ้ื ชาติพบวาในคนผิวดาํ มีอตั ราการเกิดโรคนม้ี ากกวา คนผวิ ขาว อาการ 1. เจบ็ หนาอกเปน ๆ หายๆ หรอื เจ็บเมอื่ เครียด หรือเหนอื่ ย ซง่ึ เปนลักษณะอาการเริ่มแรก 2. เจบ็ หนาอกเหมอื นมีอะไรไปบบี รดั เจบ็ ลกึ ๆ ใตกระดูกดา นซา ยราวไปถึงขากรรไกรและ แขนซายถึงนว้ิ มอื ซา ย เจบ็ นานประมาณ 15-20 นาที ผูปวยอาจมเี หง่ือออกมาก คลนื่ ไสหายใจลําบาก รสู ึกแนนๆ คลายมเี สมหะตดิ คอ บางคร้งั มอี าการคัดจมูกคลา ยเปนหวัด เมือ่ เปน มากจะมีอาการหนา มดื คลา ยจะเปนลม และอาจถึงขน้ั เปนลมได บางครัง้ พอเหนอื่ ยกจ็ ะรสู ึกงว งนอนและเผลอหลบั ไดงาย 3. ผูปว ยมีอาการหวั ใจสัน่ หวั ใจเตนไมส มํา่ เสมอ 4. ในกรณีทรี่ นุ แรง อาการเจ็บหนาอกจะรนุ แรงมาก มักจะเกิดจากการที่มีลิม่ เลือดไปอุดตนั บรเิ วณหลอดเลอื ดท่ีตบี ทาํ ใหเกดิ กลามเนื้อหัวใจตาย ผูปวยอาจมีอาการหวั ใจวาย ชอ็ ก หัวใจหยุดเตน ทาํ ใหเ สยี ชีวิตอยางกะทนั หันได การปอ งกัน 1. หากพบวา บุคคลในครอบครวั มีประวตั ิเปนโรคนี้ ควรเพม่ิ ความระมัดและหลกี เลย่ี งจาก ปจจยั เส่ยี ง เพราะอาจกระตุน การเกิดโรค 2. ลดอาหารที่ทาํ จากน้ํามันสัตว กะทิจากมะพรา ว น้าํ มันปาลม และไขแ ดง 3. ไมควรรับประทานอาหารทม่ี รี สเคม็ จดั 4. ลดอาหารจาํ พวกแปง คารโ บไฮเดรต รับประทานอาหารพวกผกั ผลไมม ากๆ 5. งดอาหารไขมันจากสตั วแ ละอาหารหวานจัด 6. ออกกําลังกายอยา งสมาํ่ เสมอ 7. พักผอนใหเพียงพอวนั ละ 6-8 ชวั่ โมง และหาวิธผี อนคลายความเครียด 8. หลกี เลี่ยงหรืองดการสบู บุหรี่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208