Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนโคช

แผนโคช

Published by nuyeieiza29, 2019-11-16 01:31:47

Description: แผนโคช

Search

Read the Text Version

การกัดกร฽อนของโลหะ (Corrosion) คือ การท่ีโลหะทําปฏิกิริยากับสารต฽าง ๆ ในส่ิงแวดล฾อมรอบ ๆ โลหะ แล฾วทําให฾โลหะนั้นเปล่ียนสภาพเป็นไอออน หรือกลายเป็นสารประกอบออกไซด์/สารประกอบ ไฮดรอกไซด์ ซ่งึ อาจเกิดขนึ้ ได฾จากหลาย ๆ สภาวะ เชน฽ เมอื่ โลหะอย฽ใู นสภาวะความเปน็ กรด ความเค็ม หรืออย฽ู ใกลก฾ ับโลหะท่เี สยี อิเล็กตรอนยาก เปน็ ตน฾ การเกดิ สนิมเกดิ จากโลหะเหลก็ เสียอเิ ลก็ ตรอนใหแ฾ กน฽ ้ําและออกซเิ จน เกิดเป็น ซ่งึ ถกู ออกซิเจน และน้ําในอากาศออกซิไดซ์ไปเป็น (s) และเปลี่ยนไปเป็น n O สีของสนิมน้ันอาจ มีสีท่ี แตกตา฽ งกนั ขึน้ อยูก฽ ับ จาํ นวนของน้ํา (n O) ในผลกึ แต฽แห฽งซึ่งอาจไมเ฽ ท฽ากัน การปูองกนั การกดั กร฽อนของโลหะทําได฾โดยการปูองกันไม฽ให฾ผิวโลหะสัมผัสสารเคมีหรือน้ําและ ออกซิเจนใน อากาศ โดยวธิ ีการตา฽ ง ๆ ดงั นี้ 1. การเคลอื บผวิ โลหะ สามารถเคลือบไดโ฾ ดย การทาสี การชบุ นาํ้ มนั หรอื การเคลือบด฾วยพลาสติก 2. การชบุ เป็นการชุบผวิ โลหะดว฾ ยโลหะอีกชนิดหน่ึง โลหะที่นิยมนํามาใช฾ชุบจะเป็นโลหะท่ีถูกกัด กรอ฽ น ไดย฾ าก เชน฽ นกิ เกิล ทองแดง ดีบุก เงนิ โครเมยี ม เป็นตน฾ 3. การทาํ เปน็ โลหะผสม โดยการนาํ โลหะตั้งแต฽ 2 ชนิดข้ึนไปมาหลอมรวมกัน ทําให฾ทนต฽อการกัด กร฽อน 4. วธิ แี คโทดิก เป็นการปอู งกนั การกัดกรอ฽ นโดยนําโลหะท่มี ีคา฽ E0red ต่ําหรือตัวรีดิวซ์ที่ดีกว฽าไป พนั ไว฾กบั โลหะทีต่ อ฾ งการไม฽ให฾เกิดสนมิ โลหะทีม่ คี ฽า E0red ตา่ํ จะเปน็ แอโนด และโลหะที่ไม฽ตอ฾ งการให฾เกิด สนิม มี E0red สูงกจ็ ะเป็นแคโทด 5. วธิ ีอะโนไดซ์ เปน็ การเปลย่ี นผวิ หน฾าของโลหะให฾กลายเป็นโลหะออกไซด์ โลหะท่ีนิยมใช฾ เช฽น อะลูมิเนียม โครเมียม ดีบุก สังกะสี โดยกระแสไฟฟูา 12 V ซ่ึงโลหะออกไซด์ท่ีเกิดข้ึนจะทนการกัด กร฽อน มากกวา฽ โลหะปกติ ออกไซดข์ องโลหะเหล฽าน้ีจะเคลือบผิวของโลหะไมใ฽ ห฾เกดิ การกดั กร฽อนตอ฽ ไป 6. การรมดาํ เป็นการปูองกันการกัดกร฽อนและเพ่ิมความสวยงามให฾แก฽ชิ้นโลหะ เช฽น ปืน ดาบ โดยให฾ เหล็กไปทําปฏิกริ ยิ ากับสารเคมีเฉพาะ เปลี่ยนผิวหน฾าเหล็กให฾กลายเป็น FeO(OH) วิธีการน้ีสามารถใช฾ กับโลหะอ่นื ๆ ได฾ เชน฽ ทองแดง ทองเหลือง อะลูมเิ นียม เงิน และสแตนเลส เปน็ ต฾น 7. การเคลอื บผวิ โลหะ สมรรถนะสาคญั ของผเู๎ รยี น  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป฾ ัญหา  ความสามารถในการใช฾ทกั ษะชีวติ  ความสามารถในการใช฾เทคโนโลยี คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์  ความซอ่ื สตั ย์สุจริต  มวี ินยั  ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  อยู฽อย฽างพอเพยี ง  มงุ฽ มั่นในการทํางาน  มีจติ สาธารณะ  ใฝเุ รียนรู฾  รกั ความเปน็ ไทย แนวความคิดเพือ่ การเรียนรใ๎ู นศตวรรษที่ 21  ทักษะดา฾ นการเรยี นรูแ฾ ละนวัตกรรม  สาระวิชาหลัก (Core Subjects)

 ทักษะดา฾ นสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี  ทกั ษะด฾านชีวติ และอาชีพ กจิ กรรมการเรยี นรู๎ วธิ สี อน โดยใช฾กระบวนการสบื เสาะความรู฾ (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ชัว่ โมงที่ 1-3 1. ขน้ั สร๎างความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1.1 ครูสนทนากับนกั เรยี นเร่อื ง เซลล์อิเลก็ โทรไลติก พร฾อมทั้งใช฾รูปภาพประกอบ จากน้ันให฾นักเรียน เล฽น Kahoot เพื่อดงึ ดดู ความสนใจ 1.2 ครูใชค฾ ําถามกระต฾นุ ผเ฾ู รยี น ดังนี้ - เซลล์อเิ ล็กโทรไลติกแตกตา฽ งจากเซลลก์ ัลวานิกอย฽างไร ตอบ เซลล์อิเล็กโทรไลติกจะเปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟูาเป็นพลังงานเคมี แต฽เซลล์กัลวานิกเป็นการเปลี่ยน พลงั งานเคมใี หเ฾ ปน็ ไฟฟาู 1.3 ครอู ภปิ รายเกย่ี วกับสว฽ นประกอบของเซลล์อิเล็กโทรไลติกและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเซลล์ โดยใชก฾ ารแยกนา้ํ ด฾วยกระแสไฟฟูา 1.4 ครูทบทวนสมบัติของสารประกอบไอออนิกว฽าเป็นของแข็งจะไม฽นําไฟฟูา แต฽เม่ือให฾ความร฾อนจน หลอมเหลวจะนําไฟฟูาได฾ แล฾วให฾ความรู฾เก่ยี วกับการแยกแคลเซยี มคลอไรด์ ท่หี ลอมเหลวดว฾ ยกระแสไฟฟาู 1.5 ครูนํานกั เรยี นเข฾าส฽ูบทเรยี นเรอ่ื ง การแยกสารละลายด฾วยกระแสไฟฟาู ซงึ่ จะต฾องเปน็ สารทล่ี ะลาย นา้ํ แลว฾ แตกตัวเปน็ ไอออนได฾ 2. ข้นั สารวจและค๎นหา (Exploration) (50 นาที) 2.1 ครูนาํ นกั เรียนเขา฾ สก฽ู ารทดลองเพื่อศึกษาการแยกสารละลาย CuSO4 ด฾วยไฟฟูา พร฾อมท้ังแจกใบ กิจกรรมการทดลอง 2.2 ครชู ีแ้ จงการทดลอง เรื่อง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ดว฾ ยไฟฟาู การทดลองนม้ี ีจดุ มงุ฽ หมาย เพื่อศึกษาการแยกสารละลายด฾วยไฟฟูาโดยใช฾หลักของเซลลอ์ ิเลก็ โทรไลตกิ จุดประสงค์การทดลอง 1. ทาํ การทดลองแยกสารละลายดว฾ ยไฟฟูาได฾ 2. อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงท่ีเกดิ ขน้ึ เมือ่ แยกสารละลาย CuSO4 และสารละลาย KI ด฾วยไฟฟูาได฾ 3. ระบขุ ัว้ แอโนด ข้วั แคโทด และเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาท่เี กดิ ข้นึ ทีข่ ัว้ ไฟฟาู ได฾

2.3 ครแู ละนักเรียนช฽วยการอธิบายข้ันตอนการทดลองพร฾อมกับ ให฾นักเรียนแบ฽งหน฾าที่กันให฾ชัดเจน เพ่อื จะได฾รวดเร็วในการทาํ การทดลอง 2.4 ครใู หน฾ ักเรียนทาํ การทดลอง พรอ฾ มบนั ทกึ ลงในใบกิจกรรมการทดลอง 3. ข้นั อธบิ ายและลงขอ๎ สรปุ (Explanation) (60 นาท)ี H2O 3.1 ครแู ละนกั เรยี นร฽วมกันอภปิ รายผลการทดลอง และลงขอ฾ สรปุ ได฾ดงั นี้ 1. เมอ่ื ผา฽ นไฟฟาู เข฾าไปในสารละลาย CuSO4ซึ่งในสารละลายประกอบด฾วย Cu2+ (aq),SO42+(aq)และ (l) การเปลย่ี นแปลงทเี่ กิดขึ้นเปน็ ดงั น้ี ทข่ี ้ัวแคโทด Cu2+ (aq) รับอิเล็กตรอนได฾ดกี ว฽า H2O (l) จึงเกดิ ทองแดงเกาะท่ขี ้ัว ที่ข้วั แอโนด นา้ํ ใหอ฾ ิเลก็ ตรอนไดด฾ ีกว฽า SO42+(aq) เกดิ แกส฿ ออกซเิ จนทช่ี ว฽ ยให฾ไฟตดิ 2. เม่ือผ฽านกระแสไฟฟูาเข฾าไปในสารละลาย KI ซ่ึงในสารละลายประกอบด฾วย K+(aq),I+(aq) และ H2O (l) การเปล่ยี นแปลงเกดิ ข้นึ ดังน้ี ทข่ี ้วั แคโทด นํ้ารับอิเลก็ ตรอนได฾ดกี ว฽า K+(aq) เกดิ แก฿สไฮโดรเจนท่ีติดไฟและ OH-(aq) สารละลายจึง มสี มบัตเิ ปน็ เบส ท่ีขั้วแอโนด I-(aq) เสยี อเิ ล็กตรอนได฾ ถ฾าแยกสารละลายน้ีไปนาน ๆ pH I2 (s) และ I2 (s) ละลายในสารละลาย KI ได฾ สารละลายสีนํา้ ตาล ของสารละลายจะสูงขึ้น เพราะเกิด OH- เพ่ิมขึ้น ส฽วน I- ใน สารละลายจะลดลง 3. ปฏกิ ริ ิยารวมของการแยกสารละลาย CuSO4 และ KI ดว฾ ยไฟฟูามีค฽า E° ของเซลล์เป็นลบ แสดงว฽า การเปลี่ยนแปลงนเ้ี กิดขน้ึ เองไม฽ได฾ ต฾องใช฾พลังงานจากภายนอก ซ่ึงในที่น้ีก็คือใช฾พลังงานไฟฟูาจากแบตเตอรี่ สาํ หรบั การแยกสารละลาย CuSO4 ดว฾ ยไฟฟูาจะต฾องผา฽ นกระแสทม่ี คี า฽ ศกั ยไ์ ฟฟาู มากกว฽า 0.89 โวลต์ ส฽วนการ แยกสารละลาย KI จะตอ฾ งผา฽ นกระแสไฟฟาู ทม่ี ศี ักย์ไฟฟูามากกวา฽ 1.37 โวลต์ 4. ขั้นขยายความร๎ู (Elaboration) (40 นาท)ี 4.1 ครอู ภปิ รายความรเู฾ พ่ิมเติมการแยกสารละลายด฾วยกระแสไฟฟาู ตามรายละเอยี ดในหนังสือ 5. ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรียนจากการตอบคําถาม 5.2 ใบกจิ กรรมการทดลองเรอ่ื ง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ดว฾ ยไฟฟูา 5.3 แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายกลุ฽ม วสั ดุ อปุ กรณ์ ส่อื และแหลํงเรียนร๎ู 1. power point เรอ่ื ง เซลลอ์ ิเล็กโทรไลตกิ 2. สือ่ วดี ีโอจากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=nmchokcFpPo และ https://www.youtube.com/watch?v=96u8NjH8bvE 3. หนงั สอื เรยี นเคมีเลม฽ 4 4. ใบกจิ กรรมการทดลอง เรอื่ ง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ด฾วยไฟฟาู

การวดั และการประเมนิ ผล การวดั ผลประเมนิ ผลดา๎ น วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การผําน 1. ดา฾ นความร฾ู 1. การตอบคําถาม 1. โจทย์คําถาม 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 60 ขนึ้ ไป 2. ดา฾ นทักษะ 1. กจิ กรรมการทดลอง 1.ใบกจิ กรรมการทดลอง 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 60 ข้ึนไป 3. ด฾านคุณลักษณะที่พึง - สังเกตพฤติกรรมราย -แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คณุ ภาพ ประสงค์ กล฽มุ รายกลุ฽ม ปานกลางข้นึ ไป

บันทึกหลงั แผนการจัดการเรียนร๎ู รายวิชาเคมี 5 รหสั วิชา ว30225 ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ด๎านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ........................................................ครูผู฾สอน

( นางสาวสุทิพย์ สุขสบาย) ............../............../........... ชอ่ื -สกลุ ....................................................................ชนั้ ......................เลขท.่ี ......................กลุม่ ท่ี ............. ใบกจิ กรรมการทดลอง เรือ่ ง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ด๎วยไฟฟา้ การทดลองนมี้ จี ุดมุ฽งหมายเพ่อื ศึกษาการแยกสารละลายดว฾ ยไฟฟูาโดยใช฾หลักการของเซลลอ์ ิเล็กโทรไลตกิ จุดประสงค์การทดลอง 1. ทาํ การทดลองแยกสารละลายดว฾ ยไฟฟาู ได฾ 2. อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงทีเ่ กดิ ขึ้น เมอ่ื แยกสารละลาย CuSO4 และสารละลาย KI ดว฾ ยไฟฟูาได฾ 3. ระบุขว้ั แอโนด ขว้ั แคโทด และเขยี นสมการแสดงปฏิกิริยาที่เกิดข้ึนทข่ี วั้ ไฟฟาู ท้งั สองได฾ อปุ กรณ์และสารเคมี 1.สารละลายคอปเปอร์(II) ซัลเฟต 1.0 mol/dm3 2. สารละลายโพแทสเซียมไอโอไดด์ 1.0 mol/dm3 6. สายไฟฟาู 7. คลิปปากจระเข฾ 3. ฟนี อล์ฟทาลนี 8. กา฾ นธูป 4. ชดุ การทดลองแยกสารละลายด฾วยไฟฟาู พรอ฾ มจกุ ยางท่มี ีไสด฾ ินสอ 9. หลอดหยด เสยี บอย฽ู 5. แบตเตอรี่ 6 โวลต์ (หรอื กระบะถ฽านพร฾อมถา฽ นไฟถาย 4 กอ฾ น) 10. ไม฾ขดี ไฟ ขกค 1.0 mol/dm3 วิธกี ารทดลอง 1. ใส฽สารละลาย CuSO4 1 mol/dm3 ทางหลอด ก ให฾เต็มหลอด ข และ ค พอดีแล฾วปิดปลายหลอดด฾วยจุก ยางทีม่ ีแทง฽ แกรไฟต์หรือลวดนโิ ครมอยู฽ดังรปู 2. ต฽อขัว้ ไฟฟูาเขา฾ กับแบตเตอร่ี 6 โวลต์ให฾ครบวงจร ต้งั ไวส฾ ักครู฽ สงั เกตการณเ์ ปล่ยี นแปลง 3. ทดสอบแก฿สท่ีเกิดขน้ึ ด฾วยกา฾ นธปู ติดไป 4. ทําการทดลองเช฽นเดียวกับข฾อ 1-3 แต฽ใช฾สารละลาย KI 1 mol/dm3 แทนสารละลาย CuSO4 และเติมฟี นอล์ฟทาลีนลงในหลอด ก ข และ ค หลอดละ 2-3 หยด สังเกตการณ์เปลย่ี นแปลง

ตารางบันทึกผลการทดลอง การเปลี่ยนแปลงทส่ี ังเกตได๎ สารละลาย ขวั้ ที่ตอํ กบั ขวั้ บวกของแบตเตอร่ี ข้วั ทีต่ อํ กบั ขัว้ ลบของแบตเตอร่ี มฟี องแกส฿ เกดิ ขนึ้ รอบ ๆ ข้ัว เมือ่ ทดสอบ มีสารสนี ้ําตาลแดงเกาะท่ีขั้ว CuSO4 ดว฾ ยกา฾ นธปู ท่ตี ิดไฟเปน็ ถ฽านแดง จะสว฽าง เพม่ิ ขึน้ สารละลายรอบๆ ข้วั จะเปล่ียนจากไมม฽ ีสี มีฟองแก฿สเกดิ ขึ้นรอบ ๆ ข้วั เมื่อทดสอบ เป็นสีน้ําตาล ด฾วยกา฾ นธปู ทีต่ ิดไฟเป็นถา฽ นแดง จะเกิดเสียง KI ปฺอก และสารละลายรอบ ๆ ขว้ั จะเปลยี่ น จากไมม฽ สี ีเป็นสชี มพู อภิปรายและสรปุ ผลการทดลอง 1. เมือ่ ผ฽านไฟฟาู เขา฾ ไปในสารละลาย CuSO4ซ่ึงในสารละลายประกอบด฾วย Cu2+ (aq),SO42+(aq)และ H2O (l) การเปล่ยี นแปลงที่เกดิ ข้ึนเป็นดังน้ี ทีข่ ้วั แคโทด Cu2+ (aq) รบั อเิ ลก็ ตรอนได฾ดีกว฽า H2O (l) จงึ เกิดทองแดงเกาะทข่ี ั้ว ที่ข้วั แอโนด น้าํ ให฾อเิ ล็กตรอนไดด฾ ีกว฽า SO42+(aq) เกดิ แก฿สออกซเิ จนทช่ี ฽วยใหไ฾ ฟตดิ 2. เม่ือผ฽านกระแสไฟฟูาเข฾าไปในสารละลาย KI ซ่ึงในสารละลายประกอบด฾วย K+(aq),I+(aq) และ H2O (l) การเปลีย่ นแปลงเกิดข้ึนดงั น้ี ท่ขี ว้ั แคโทด น้ํารบั อเิ ล็กตรอนไดด฾ ีกวา฽ K+(aq) เกิดแก฿สไฮโดรเจนที่ติดไฟและ OH-(aq) สารละลายจึง มสี มบัติเป็นเบส ทขี่ ัว้ แอโนด I-(aq) เสยี อเิ ลก็ ตรอนได฾ ถ฾าแยกสารละลายน้ีไปนาน ๆ pH I2 (s) และ I2 (s) ละลายในสารละลาย KI ได฾ สารละลายสีน้ําตาล ของสารละลายจะสูงข้ึน เพราะเกิด OH- เพ่ิมข้ึน ส฽วน I- ใน สารละลายจะลดลง 3. ปฏกิ ิริยารวมของการแยกสารละลาย CuSO4 และ KI ด฾วยไฟฟูามีค฽า E° ของเซลล์เป็นลบ แสดงว฽า การเปล่ียนแปลงนเ้ี กดิ ขน้ึ เองไม฽ได฾ ต฾องใช฾พลังงานจากภายนอก ซ่ึงในท่ีน้ีก็คือใช฾พลังงานไฟฟูาจากแบตเตอร่ี สําหรบั การแยกสารละลาย CuSO4 ดว฾ ยไฟฟูาจะตอ฾ งผ฽านกระแสทมี่ ีค฽าศักยไ์ ฟฟาู มากกว฽า 0.89 โวลต์ ส฽วนการ แยกสารละลาย KI จะตอ฾ งผ฽านกระแสไฟฟาู ทมี่ ีศกั ย์ไฟฟูามากกว฽า 1.37 โวลต์

ชอ่ื -สกุล....................................................................ชนั้ ......................เลขท.่ี ......................กลุม่ ท่ี ............. ใบกิจกรรมการทดลอง เรอื่ ง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ดว๎ ยไฟฟา้ การทดลองนี้มจี ดุ มุ฽งหมายเพอื่ ศกึ ษาการแยกสารละลายดว฾ ยไฟฟาู โดยใชห฾ ลกั การของเซลล์อิเลก็ โทรไลตกิ จุดประสงค์การทดลอง 1. ทําการทดลองแยกสารละลายด฾วยไฟฟาู ได฾ 2. อธิบายการเปลยี่ นแปลงท่ีเกดิ ข้ึน เมื่อแยกสารละลาย CuSO4 และสารละลาย KI ด฾วยไฟฟูาได฾ 3. ระบุขว้ั แอโนด ขวั้ แคโทด และเขยี นสมการแสดงปฏิกริ ยิ าทเี่ กิดขน้ึ ทข่ี ้ัวไฟฟาู ทง้ั สองได฾ อุปกรณแ์ ละสารเคมี ขกค 1.0 mol/dm3 วธิ กี ารทดลอง 1. ใส฽สารละลาย CuSO4 1 mol/dm3 ทางหลอด ก ให฾เต็มหลอด ข และ ค พอดีแล฾วปิดปลายหลอดด฾วยจุก ยางทีม่ แี ทง฽ แกรไฟต์หรอื ลวดนิโครมอยู฽ดงั รปู 2. ต฽อขว้ั ไฟฟาู เขา฾ กับแบตเตอร่ี 6 โวลตใ์ หค฾ รบวงจร ต้งั ไว฾สักครู฽ สังเกตการณเ์ ปลีย่ นแปลง 3. ทดสอบแก฿สทเี่ กิดขนึ้ ดว฾ ยกา฾ นธูปติดไป 4. ทําการทดลองเช฽นเดียวกับข฾อ 1-3 แต฽ใช฾สารละลาย KI 1 mol/dm3 แทนสารละลาย CuSO4 และเติมฟี นอลฟ์ ทาลนี ลงในหลอด ก ข และ ค หลอดละ 2-3 หยด สงั เกตการณ์เปล่ยี นแปลง

ตารางบันทึกผลการทดลอง การเปล่ยี นแปลงท่ีสังเกตได๎ สารละลาย ขั้วท่ีตอํ กบั ข้ัวบวกของแบตเตอร่ี ข้ัวที่ตอํ กับข้ัวลบของแบตเตอรี่ …………………………………………………………. …………………………………………………………. CuSO4 …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. KI …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. อภิปรายและสรุปผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลมํุ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ฽ หนา฾ ของตนเอง 2 การวางแผนงานอยา฽ งเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และชว฽ ยเหลอื่ เพอ่ื นรว฽ มงาน 4 การมีสว฽ นร฽วมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให฾ 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ฾ บกพร฽องบางส฽วน ให฾ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ฾ บกพรอ฽ งมาก ให฾ 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา฽ 6 1 (ปรับปรงุ )

หนํวยการเรียนรูท๎ ่ี 9 ไฟฟ้าเคมี แผนการจัดการเรยี นรูท๎ ี่ 12 เรอื่ ง การชุบด๎วยไฟฟา้ รหสั วิชา ว30225 กลมํุ สาระการเรยี นรูว๎ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวชิ า เคมี 5 (เพิม่ เตมิ ) ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 3 ช่ัวโมง ผลการเรียนร๎ู 1. อธบิ ายหลักการของเซลลอ์ เิ ล็กโทรไลตกิ แบบตา฽ ง ๆ พร฾อมทง้ั เขยี นสมการแสดงปฏิกิริยาทเี่ กดิ ขึน้ สาระการเรียนรู๎ เซลล์อิเล็กโตรไลต์ (Electrolytic cell) คือ เซลล์ไฟฟูาเคมีที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟูาเป็นพลังงานเคมี เกิดจากการผ฽านกระแสไฟฟูาลงไปในสารเคมีท่ีอย฽ูในเซลล์ แล฾วทําให฾เกิดปฏิกิริยาเคมี เช฽น การแยกนํ้าด฾วย กระแสไฟฟาู การชุบโลหะดว฾ ยไฟฟาู จุดประสงคก์ ารเรียนร๎ู ด๎านความรู๎ (Knowledge) 1. อธบิ ายหลักการเซลลอ์ เิ ล็กโทรไลต์สามารถนาํ ไปใชใ฾ นการชบุ โลหะด฾วยไปฟูาได฾ ดา๎ นทกั ษะ (Process) 2. ทําการทดลองการชบุ ตะปูเหล็กด฾วยสังกะสี ดา๎ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผ฾มู ีความสนใจใฝรุ ฾ู และมีระเบียบวินยั 2. ปฏิบัติตนเปน็ ผ฾ูมีความรบั ผดิ ชอบ ตรงต฽อเวลา 3. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผม฾ู คี วามซื่อสัตย์ สุจรติ ความคดิ รวบยอด การชุบด฾วยไฟฟูา คือ เม่ือผ฽านไฟฟูากระแสตรงเข฾าไปในเซลล์ ไอออนของโลหะในสารละลายท่ีมี ศกั ยไ์ ฟฟูาสูงกว฽าน้ําจะรับอิเล็กตรอนจากวัตถุ (ช้ินงาน) ที่ต฽ออยู฽กับขั้วลบของเคร่ืองกําเนิดไฟฟูาหรือแคโทด เกิดเป็นอะตอมของโลหะเคลือบติดอย฽ูท่ีผิวของวัตถุท่ีนํามาชุบ ขณะเดียวกันโลหะที่ข้ัวบวกหรือแอโนดจะ เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได฾ไอออนของโลหะท่ีละลายอยู฽ในสารละลาย เพ่ือชดเชยไอออนของโลหะที่ เปล่ียนแปลงไปเป็นอะตอมของโลหะขณะชุบ ดังนั้นแอโนดจะสึกกร฽อนไป ส฽วนแคโทดจะมีโลหะมาเกาะ เพม่ิ ขึ้น การจดั เซลลเ์ พ่อื ชบุ โลหะมหี ลักการดังนี้ 1. นําวัตถุท่ีจะชุบไปต฽อเข฾ากับขั้วลบของแบตเตอรีหรือแคโทด ส฽วนโลหะที่เป็นตัวชุบต฽อเข฾ากับขั้วบวกของ แบตเตอร่ีหรือเป็นแอโนด 2. สารละลายอิเลก็ โทรไลต์ต฾องมไี อออนของโลหะชนิดเดียวกับโลหะทีเ่ ป็นแอโนดหรือโลหะทีใ่ ช฾ชบุ 3. ใชไ฾ ฟฟูากระแสตรงเพ่อื ให฾ขัว้ ไฟฟูาเปน็ ขวั้ บวกและลบคงเดมิ

สมรรถนะสาคญั ของผเ๎ู รียน  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก฾ปญั หา  ความสามารถในการใช฾ทกั ษะชวี ิต  ความสามารถในการใช฾เทคโนโลยี คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์  ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ  มีวนิ ยั  ใฝุเรียนรู฾  อยู฽อย฽างพอเพียง  ม฽ุงมนั่ ในการทาํ งาน  รักความเปน็ ไทย  มีจติ สาธารณะ แนวความคิดเพื่อการเรียนรู๎ในศตวรรษที่ 21  ทกั ษะดา฾ นการเรียนร฾แู ละนวตั กรรม  สาระวิชาหลกั (Core Subjects)  ทกั ษะดา฾ นชีวิตและอาชพี  ทกั ษะดา฾ นสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี กิจกรรมการเรียนร๎ู วธิ สี อน โดยใช฾กระบวนการสืบเสาะความร฾ู (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ชั่วโมงที่ 1-3 1. ขั้นสร๎างความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1.1 ครูสนทนากบั นักเรยี นทบทวนเร่ือง เซลลอ์ ิเล็กโทรไลติก 1.2 ครใู ช฾กระตนุ฾ นักเรียนดงั นี้ 1. นักเรียนคิดวา฽ เซลลอ์ เิ ลก็ โทรไลตกิ สามารถนําไปใช฾ประโยชนอ์ ะไร ตอบ การชบุ ด฾วยไฟฟูา เช฽น การชุบตะปูเหล็กด฾วยสงั กะสี 1.3 ครเู กร่ินนาํ นักเรียนเข฾าส฽ูการทดลองเรือ่ ง การชบุ ตะปเู หล็กดว฾ ยสังกะสี 2. ขัน้ สารวจและค๎นหา (Exploration) ( 55 นาท)ี 2.1 ครูแจกใบกิจกรรมการทดลองเร่ือง การชบุ ตะปเู หล็กดว฾ ยสงั กะสี 2.2 ครชู แี้ จงจดุ มง฽ุ หมายให฾นกั เรียนทาํ การศกึ ษาการชบุ ด฾วยไฟฟูา 2.3 ครแู ละนักเรียนช฽วยการอธิบายขัน้ ตอนการทดลองพร฾อมท้ัง ให฾นักเรียนแบ฽งหน฾าที่ทําการทดลอง เพอื่ ความรวดเรว็ 2.3 ครูใหน฾ ักเรยี นบันทกึ ผลลงในตารางใบกจิ กรรมการทดลองเร่ือง การชบุ ตะปูเหล็กด฾วยสังกะสี 2.4 ครูแนะนาํ การทดลองดังนี้ 1. ใช฾กระดาษทรายขัดแผน฽ สังกะสีให฾สะอาด 2. เม่อื ทาํ ความสะอาดชน้ิ โลหะท่ีตอ฾ งการชุบจนสะอาดแล฾ว ตอ฾ งไมใ฽ ช฾มอื จบั ชิ้นโลหะโดยตรง 3. ต฽อขัว้ ไฟฟูาเข฾ากับขว้ั แบตเตอรีใ่ ห฾ถูกต฾อง 2.5 ครูให฾นกั เรียนเริม่ ทําการทดลอง 3. ข้ันอธบิ ายและลงข๎อสรปุ (Explanation) (55 นาท)ี 3.1 ครูและนักเรยี นรว฽ มกนั อภปิ รายผลการทดลองเร่อื ง การชุบตะปเู หลก็ ดว฾ ยสงั กะสี ดังน้ี อภปิ รายผลการทดลอง

1. ข้ัวท่ีต฽อกับข้ัวบวกของแบตเตอรี่คือ ข้ัว Zn ให฾อิเล็กตรอนเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันเกิดเป็น Zn2+ (aq) ละลายอยใ฽ู นสารละลาย ดงั สมการ Zn(s) Zn2+(aq) + 2e- 2. ขั้วท่ีต฽อกับขั้วลบของแบตเตอรี่คือ ตะปูเหล็ก ซ่ึงจุ฽มลงในสารละลาย Zn2+(aq) จะรับอิเล็กตรอน เกิดปฏิกริ ิยารีดักชนั ได฾โลหะสังกะสเี กาะที่ตะปูเหล็ก ดงั สมการ Zn(s) Zn2+(aq) + 2e- อภปิ รายตอ฽ ไปเพื่อใหไ฾ ดข฾ ฾อสรุปเกยี่ วกบั หลักการชุบดว฾ ยไฟฟูาดงั น้ี 1. จดั สิ่งทีต่ อ฾ งการชบุ เปน็ ข้ัวแคโทด 2. ตอ฾ งการชุบดว฾ ยโลหะใด ใชโ฾ ลหะนัน้ เปน็ ข้ัวแอโนด 3. สารละลายอิเล็กโทรไลตต์ ฾องมีไอออนของโลหะท่เี ป็นขวั้ ท่ตี ฾องการชุบ 4. ต฾องการใชไ฾ ฟฟาู กระแสตรงเพอื่ ใหอ฾ ิเลก็ ตรอนไหลในทศิ ทางเดยี วตลอดเวลา 5. ขณะชุบโลหะ ความเข฾มข฾นของสารละลายอิเล็กโทรไลต์ไม฽เปลี่ยนแปลงตราบใดที่ข้ัวแอโนดยังไม฽ กรอ฽ นหมด 4. ขนั้ ขยายความรู๎ (Elaboration) (40 นาที) 4.1 ครูให฾ขอ฾ เสนอแนะ การชุบโลหะให฾ได฾ผวิ เรยี บและสวยงามขน้ึ อยก฽ู บั ปจั จัยตอ฽ ไปน้ี 1. สารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ต฾องมคี วามเขม฾ ขน฾ เหมาะสม 2. กระแสไฟฟูาที่ต฾องปรับค฽าความต฽างศักย์ให฾มีความเหมาะสมตามชนิดและขนาดของช้ิน โลหะท่ีต฾องการชบุ 3. โลหะทีใ่ ชเ฾ ปน็ ขว้ั แอโนดตอ฾ งบริสทุ ธ์ิ 4. ไมค฽ วรชุบนานเกินไป 4.2 ครูเสรมิ เนอ้ื หาเพมิ่ เตมิ การทาํ โลหะให฾บริสุทธ์ิโดยใช฾เซลลอ์ เิ ล็กโทรไลติก และให฾ทําแบบฝึกหัดลง สมดุ โดยโจทย์อย฽ูในหนังสือเคมีเล฽ม 4 หน฾าที่ 65 การผลติ อะลูมิเนียมและผลติ โลหะแมกนเี ซียมตามรายละเอยี ดในบทเรียน ถ฾าในสารละลายอิเล็กโทรไลต์มีทัง้ Cu2+ ,Fe2+ และ Zn2+ แตม฽ เี พียง Cu2+ เทา฽ นนั้ ที่รับอิเลก็ ตรอนท่ขี วั้ แคโทดเนอื่ งจากเมื่อพจิ ารณาค฽า E° ดงั ต฽อไปนี้ Cu2+(aq) + 2e- Fe2+(aq) + 2e- Cu E° = +0.34 V Zn2+(aq) + 2e- Fe E° = -0.44 V Zn E° = -0.76 V จากค฽า E° Cu2+ มคี ฽า E° สูงกว฽า Fe2+ และ Zn2+ มาก จงึ รบั อเิ ลก็ ตรอนไดด฾ กี ว฽า 5. ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (10 นาที) 5.1 ครปู ระเมินนักเรยี นจากการตอบคาํ ถาม 5.2 การสังเกตพฤตกิ รรมรายกล฽ุม 5.3 สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5.3 ใบกจิ กรรมการทดลองเร่อื ง การชุบตะปเู หล็กดว฾ ยสงั กะสี

การวัดและการประเมินผล การวดั ผลประเมินผลดา๎ น วิธีการวัด เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารผําน 1. โจทยแ์ บบฝึกหดั 1. ดา฾ นความรู฾ 1. ทาํ แบบฝกึ หัด 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 60 ขึ้นไป 2. ดา฾ นทักษะ 1. กิจกรรมการทดลอง 1. ใบกิจกรรมการ 1. ได฾คะแนนร฾อยละ ทดลอง 60 ข้นึ ไป - สังเกตพฤติกรรมราย -แบบสงั เกตพฤตกิ รรม กล฽มุ รายกล฽มุ 3. ด฾านคุณลักษณะที่พึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ รายบุคคล รายบุคคล ปานกลางข้นึ ไป

บันทึกหลงั แผนการจัดการเรยี นรู๎ รายวชิ าเคมี 5 รหสั วชิ า ว30225 ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6 1. ดา๎ นความรู๎ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดา๎ นทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปญั หาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ........................................................ครูผู฾สอน ( นางสาวสุทพิ ย์ สุขสบาย)

ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน ............../............../........... และทา ิกจกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล วชิ า ...................................................................................................... ชน้ั ......................................... การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือนเลขท่ี ช่ือ-นามสกลุ ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรม ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์คหมายเหตุ ให฾บันทกึ โดยใช฾เคร่อื งหมาย ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = แสดงพฤตกิ รรมที่พึงประสงค์ตามคาดหวงั  = ไมแ฽ สดงพฤติกรรมที่พึงประสงคต์ ามคาดหวัง หมายเห ุต เกณฑ์การประเมิน

นักเรยี นมพี ฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ตามคาดหวงั ตัง้ แต฽ ๓ รายการขนึ้ ไป ถือวา฽ ผ฽านเกณฑ์การประเมนิ ชอ่ื -สกลุ ....................................................................ชนั้ ......................เลขท.่ี ......................กลุม่ ท่ี ............. ใบกจิ กรรมการทดลอง เรอื่ ง การชบุ ตะปูเหล็กด๎วยสงั กะสี การทดลองน้ีมีจดุ ม฽งุ หมายเพื่อศกึ ษาหลักการชบุ ดว฾ ยไฟฟาู จดุ ประสงคก์ ารทดลอง 1. ทําการทดลองชุบด฾วยไฟฟูาได฾ 2. อธบิ ายหลกั การชุบดว฾ ยไฟฟาู และเขยี นสมการแสดงปฏกิ ิริยาท่ีเกดิ ข้นึ ที่ข้วั ไฟฟาู ได฾ สารเคมี 1. ตะปเู หล็กหรอื ช้ินงานเหลก็ 2. แผน฽ สงั กะสีขนาด 1 cm × 4 cm 3. สารละลายซิงค์ซลั เฟต 0.1 mol/dm3 4. สารละลายกรดไฮโดรคลอริก 1 mol/dm3 อปุ กรณ์ 1. บีกเกอร์ขนาด 50 cm3 2. แบตเตอรี่ 3 โวลต์ 3. สายไฟฟูาพรอ฾ มคลิปจระเข฾ 4. ปากคีบ วธิ กี ารทดลอง 1. ใช฾กระดาษทรายขดั ตะปูเหลก็ ขนาดยาวประมาน 3 cm แล฾วนําไปใชใ฽ นสารละลายกรด HCl 1 mol/dm3 2 นาที นําออกมาลา฾ งนาํ้ ให฾สะอาดและเชด็ ผิวใหแ฾ ห฾ง 2. เตมิ สารละลาย ZnSO4 0.1 mol/dm3 70 cm3 ลงในบีกเกอรข์ นาด 100 cm3 3. ต฽อแผ฽นสังกะสีเขา฾ กับขว้ั บวกและต฽อตะปเู หล็กเข฾ากับขว้ั ลบของแบตเตอรี่ ใชศ฾ กั ยไ์ ฟฟูาประมาน 3 โวลต์ ดงั รูป สงั เกตการณ์เปลีย่ นแปลงท่เี กดิ ขนึ้ เม่อื เวลาผา฽ นไปประมาณ 5 นาที บันทกึ ผลการทดลอง มีสารสีเทาเกาะท่ีตะปูเหล็กส฽วนที่จ฽ุมอย฽ูในสารละลาย และแผ฽นสังกะสีท่ีจุ฽มในสารละลายกร฽อน สังเกตเหน็ ผิวขรุขระเลก็ นอ฾ ย สรปุ ผลการทดลอง 1. จัดสงิ่ ทีต่ ฾องการชุบเป็นข้ัวแคโทด 2. ตอ฾ งการชบุ ดว฾ ยโลหะใด ใช฾โลหะน้นั เป็นขัว้ แอโนด 3. สารละลายอิเลก็ โทรไลตต์ อ฾ งมไี อออนของโลหะทเี่ ป็นข้วั ท่ีต฾องการชุบ 4. ตอ฾ งการใช฾ไฟฟาู กระแสตรงเพ่ือใหอ฾ เิ ลก็ ตรอนไหลในทศิ ทางเดียวตลอดเวลา 5. ขณะชบุ โลหะ ความเข฾มข฾นของสารละลายอิเลก็ โทรไลต์ไม฽เปล่ียนแปลงตราบใดทข่ี ั้วแอโนดยังไมก฽ รอ฽ นหมด

ใบกจิ กรรมการทดลอง เรื่อง การชุบตะปเู หลก็ ดว๎ ยสงั กะสี การทดลองน้มี จี ดุ มุ฽งหมายเพือ่ ศกึ ษาหลกั การชุบด฾วยไฟฟาู จดุ ประสงคก์ ารทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สารเคมี 1. ………………………………………… 2. ……………………………………… 3. ………………………………………… 4. ………………………………………… อุปกรณ์ 1. ………………………………………… 2. ………………………………………… 3. ………………………………………… 4. ………………………………………… วธิ ีการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… บนั ทกึ ผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สรปุ ผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลมํุ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ฽ หนา฾ ของตนเอง 2 การวางแผนงานอยา฽ งเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และชว฽ ยเหลอื่ เพอ่ื นรว฽ มงาน 4 การมีสว฽ นร฽วมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให฾ 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ฾ บกพร฽องบางส฽วน ให฾ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ฾ บกพรอ฽ งมาก ให฾ 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา฽ 6 1 (ปรับปรงุ )

หนวํ ยการเรยี นรูท๎ ่ี 9 ไฟฟ้าเคมี แผนการจดั การเรยี นรูท๎ ี่ 13 เรอ่ื ง ความกา๎ วหนา๎ ทางเทคโนโลยี รหัสวิชา ว30225 กลุมํ สาระการเรียนรวู๎ ิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 รายวิชา เคมี 5 (เพิม่ เติม) ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชวั่ โมง ผลการเรียนรู๎ อธิบายหลักการทํางานของแบตเตอร่ีอิเล็กโทรไลต์แข็ง แบตเตอรี่อากาศ การทําอิเล็กโทรไดอะไลซิส น้าํ ทะเลได฾ สาระการเรียนร๎ู ความก฾าวหน฾าทางเทคโนโลยีที่เก่ียวข฾องกับเซลล์ไฟฟูาเคมี สามารถนําความร฾ูเรื่องไฟฟูาเคมีทั้งเซลล์ กลั วานิกและเซลลอ์ เิ ล็กโทรไลตไ์ ปประยกุ ต์ ใชเ฾ พ่อื พฒั นาเครื่องมอื เครื่องใช฾และวัสดุอปุ กรณต์ ฽าง ๆ ที่เก่ียวข฾อง กับโลหะและสารละลายอเิ ลก็ โทรไลตไ์ ดด฾ ังตัวอย฽างต฽อไปน้ี เช฽น แบตเตอร่ีอิเล็กโทรไลต์แข็ง แบตเตอร่ีอากาศ การทาํ อเิ ล็กโทรได อะไลซิสนํา้ ทะเลได฾ จุดประสงค์การเรยี นรู๎ ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) - อธิบายหลักการทํางานของแบตเตอรี่อิเล็กโทรไลต์แข็ง แบตเตอร่ีอากาศ การทําอิเล็กโทรได อะไลซสิ น้าํ ทะเลได฾ ด๎านทกั ษะ (Process) - มีทกั ษะกระบวนในการทาํ งานกลม฽ุ ดา๎ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผมู฾ ีความสนใจใฝรุ ู฾ และมรี ะเบียบวินยั 2. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผม฾ู คี วามรับผดิ ชอบ ตรงต฽อเวลา 3. ปฏบิ ัตติ นเป็นผู฾มคี วามซอื่ สตั ย์ สจุ รติ ความคิดรวบยอด ความก฾าวหนา฾ ทางเทคโนโลยีท่เี ก่ียวข฾องกับเซลลไ์ ฟฟาู เคมี สามารถนําความร฾ูเร่ืองไฟฟูาเคมีท้ังเซลล์กัลวานิกและเซลล์อิเล็กโทรไลต์ไปประยุกต์ใช฾เพื่ อพัฒนาเคร่ืองมือ เครื่องใชแ฾ ละวัสดอุ ุปกรณต์ า฽ ง ๆ ทเี่ กี่ยวข฾องกับโลหะและสารละลายอิเล็กโทรไลตไ์ ดด฾ งั ตัวอยา฽ งตอ฽ ไปน้ี 1. แบตเตอร่อี เิ ลก็ โทรไลตข์ องแข็ง แบบเตอรี่อิเล็กโทรไลต์ของแข็ง (Solid electrolyte battery) เป็นเซลล์สะสมไฟฟูาท่ีใช฾โลหะลิเทียมเป็น แอโนดและเทเนยี มไดซลั ไฟด์ (TiS2) เป็นแคโทด โดยอิเล็กโทรไลต์เปน็ สารพวกพอลิเมอร์ จึงเรียกว฽า อิเล็กโทร ไลต์แข็ง ซึ่งมีสมบัตยิ อมใหไ฾ อออนผา฽ นได฾ดี แตไ฽ มย฽ อมให฾อเิ ล็กตรอนผา฽ น 2. แบตเตอร่ีอากาศ

รถยนต์ไฟฟูาได฾มีการพัฒนาข้ึนเพ่ือให฾สามารถเก็บสะสมปริมาณไฟฟูาได฾มากข้ึน แบตเตอรีอากาศเป็น พัฒนาการอยา฽ งหนงึ่ ซ่ึงใชอ฾ อกซเิ จนในอากาศเปน็ ตัวออกซิไดส์ ใช฾โลหะ เช฽น Znหรือ Al เป็นตวั รดี ิวซ์ และอาจ ใช฾สารละลาย NaOH เข฾มข฾นเป็นอเิ ลก็ โทรไลต์ 3. อิเลก็ โทรไดอะลิซิส เป็นเซลล์อิเล็กโทรไลต์ท่ีใช฾แยกไอออนจากสารละลายโดยให฾ไอออนเคลื่อนท่ี ผ฽านเย่ือแลกเปลี่ยนไอออน ซึ่งเป็นเย่ือบาง ๆ ไปยังข้ัวไฟฟูาท่ีมีข้ัวตรงกันข฾าม สารละลายจึงมีความเข฾มข฾น ลดลง ใช฾หลักการนี้ในการผลิตนํ้าจืดจากนา้ํ ทะเล สมรรถนะสาคญั ของผ๎ูเรยี น  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก฾ปัญหา  ความสามารถในการใช฾ทักษะชวี ติ  ความสามารถในการใชเ฾ ทคโนโลยี คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์  ความซอื่ สัตยส์ ุจริต  มวี ินัย  ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  มง฽ุ ม่ันในการทํางาน  อยู฽อย฽างพอเพียง  ใฝุเรยี นรู฾  มจี ิตสาธารณะ  รักความเป็นไทย แนวความคิดเพือ่ การเรยี นร๎ูในศตวรรษที่ 21  ทักษะด฾านการเรียนรแ฾ู ละนวัตกรรม  สาระวชิ าหลัก (Core Subjects)  ทักษะดา฾ นชีวติ และอาชีพ  ทักษะดา฾ นสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรียนร๎ู วธิ สี อน โดยใชก฾ ระบวนการสืบเสาะความร฾ู (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ช่วั โมงท่ี 1-3 1. ขน้ั สรา๎ งความสนใจ (Engagement) (25 นาที) 1.1 ครูสนทนากับนกั เรียนเรื่อง เซลลไ์ ฟฟูาเคมี พรอ฾ มให฾นกั เรยี นเล฽มเกม Kahoot เพอื่ ดึงดูดความ สนใจของผ฾ูเรียน 1.2 ครูเกร่นิ นาํ เกี่ยวกบั ปัจจบุ นั การนําความรข฾ู องเซลล์ไฟฟาู เคมี ทงั้ ความร฾ูในเรื่องเซลล์กัลป฼วานิกละ เซลล์อิเล็กโทรไลติกมาประยุกต์ใช฾ในการสร฾างเครื่องมือและอุปกรณ์ต฽าง ๆมากมายท่ีเกี่ยวข฾องกับโลหะและ สารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์ 2. ข้ันสารวจและค๎นหา (Exploration) ( 45 นาที) 2.1 ครนู ํานกั เรียนเข฾าสูบ฽ ทเรยี นเรอ่ื ง ความกา฾ วหนา฾ ทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวขอ฾ งกบั เซลลไ์ ฟฟาู เคมี 2.2 ครใู ห฾นกั เรียนแบง฽ กล฽มุ กลุ฽มละ 4-5 คน และใหน฾ กั เรียนแต฽ละกลม฽ุ ศกึ ษา คน฾ คว฾าเกยี่ วกับ ความกา฾ วหน฾าทางเทคโนโลยีที่เก่ียวข฾องกับเซลล์ไฟฟูาเคมี ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน และอินเทอร์เน็ต โดยรวบรวมขอ฾ มูลจากการศกึ ษาคน฾ คว฾าให฾ไดม฾ ากทสี่ ดุ ขอบเขตการคน฾ คว฾าหาความรม฾ู ีดังน้ี 1. แบตเตอร่ีอเิ ลก็ โทรไลตข์ องแขง็ 2. แบตเตอรีอ่ ากาศ

3. การทาํ อิเลก็ โทรไลติกไดอะไลซสิ น้ําทะเล 2.3 ครูใหน฾ ักเรยี นทาํ การจดบันทึกข฾อมลู ลงในสมุด ตามความเข฾าใจของนกั เรยี น 3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ๎ สรปุ (Explanation) ( 40 นาท)ี 3.1 ครูใหน฾ กั เรียนนาํ ขอ฾ มูลทีไ่ ด฾จากทช่ี ว฽ ยกันหาภายในกล฽ุมมาสรปุ เปน็ มายแม็บใส฽กระดาษบร฿ฟู 3.2 ครใู ห฾นักเรยี นแตล฽ ะออกมานําเสนอผลการทดลองหน฾าชนั้ เรยี น 4. ข้ันขยายความร๎ู (Elaboration) (55 นาท)ี 4.1 ครชู ว฽ ยอธบิ ายเน้อื หาทนี่ ักเรยี นเข฾าใจมากยิง่ ข้ึน จากนัน้ เปิดวดี ีโอให฾นักเรยี นทาํ การศึกษาเพิม่ เติม เรอ่ื ง ความกา฾ วหนา฾ ทางเทคโนโลยีทเี่ กี่ยวขอ฾ งกบั เซลลไ์ ฟฟาู เคมีและแบตเตอรอี่ ิเลก็ โทรไลตข์ องแขง็ และ แบตเตอรอี่ ากาศ จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=nmchokcFpPo และ https://www.youtube.com/watch?v=96u8NjH8bvE 4.2 ครูใหน฾ กั เรยี นทําแบบฝึกหัดเรือ่ ง ความก฾าวหน฾าทางเทคโนโลยีทเ่ี กยี่ วขอ฾ งกับเซลลไ์ ฟฟาู เคมี 5. ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (15 นาที) 5.1 แบบประเมนิ การนาํ เสนอหนา฾ ชน้ั เรยี น 5.2 มายแมบ็ เร่อื ง ความก฾าวหน฾าทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข฾องกับเซลลไ์ ฟฟูาเคมี 5.3 สงั เกตพฤตกิ รรมเป็นรายกล฽มุ 5.4 จากการตอบคาํ ถามหน฾าชน้ั เรียน วสั ดุ อปุ กรณ์ ส่ือและแหลํงเรยี นร๎ู 1. power point เร่ือง ความก฾าวหนา฾ ทางเทคโนโลยที ี่เก่ยี วขอ฾ งกบั เซลล์ไฟฟาู เคมี 2. ส่อื วีดีโอจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=nmchokcFpPo และ https://www.youtube.com/watch?v=96u8NjH8bvE 3. หนงั สือเรียนเคมีเลม฽ 4 4. แผนผงั ความคดิ เรอ่ื ง ความกา฾ วหนา฾ ทางเทคโนโลยที เ่ี ก่ยี วขอ฾ งกับเซลล์ไฟฟาู เคมี การวดั และการประเมนิ ผล การวัดผลประเมินผลดา๎ น วธิ ีการวัด เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การผําน 1. ด฾านความรู฾ 1. การทาํ แบบฝึกหัด 1. โจทย์แบบฝกึ หดั 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 2. ดา฾ นทักษะ 1. การนาํ เสนองาน 60 ขน้ึ ไป 1. แบบประเมินการ 1. ได฾คะแนนร฾อยละ นาํ เสนองาน 60 ขน้ึ ไป 2. แผนผังความคดิ 2.ชน้ิ งาน 3. ด฾านคุณลักษณะท่ีพึง - สังเกตพฤติกรรมราย -แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ กล฽ุม รายกลม฽ุ ปานกลางขึน้ ไป

บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรยี นรู๎ รายวิชาเคมี 5 รหสั วิชา ว30225 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดา๎ นทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ด๎านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปญั หาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ........................................................ครูผู฾สอน ( นางสาวสุทพิ ย์ สุขสบาย) ............../............../...........

แบบประเมนิ การนาเสนองาน กลมํุ ……………………………………………....…หวั ขอ๎ เรอ่ื ง………..…………………………………… ลาดบั รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 เนือ้ หาครบถ฾วน 2 การวางแผนงานอยา฽ งเป็นระบบ 3 การตอบคาํ ถาม 4 มีความสวยงาม ความคดิ สร฾างสรรค์ 5 นําเสนอชดั เจน นา฽ สนใจ รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ ลงชื่อ.......................................................ผป฾ู ระเมนิ (……………………………………) .........../............................/.......... เกณฑ์การให๎คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรือพฤตกิ รรมความสมบูรณ์ชดั เจน ให฾ 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ฾ บกพร฽องบางส฽วน ให฾ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ฾ บกพร฽องมาก ให฾ 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา฽ 6 1 (ปรบั ปรุง)

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลมํุ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ฽ หนา฾ ของตนเอง 2 การวางแผนงานอยา฽ งเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และชว฽ ยเหลอื่ เพอ่ื นรว฽ มงาน 4 การมีสว฽ นร฽วมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให฾ 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ฾ บกพร฽องบางส฽วน ให฾ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ฾ บกพรอ฽ งมาก ให฾ 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กว฽า 6 1 (ปรับปรงุ )

แบบฝึกหัดเร่ือง ความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีท่ีเก่ียวข๎องกับเซลล์ไฟฟ้าเคมี 1.ความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข๎องกับเซลล์ไฟฟ้าเคมี คือ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข๎องกับเซลล์ไฟฟ้าเคมี มีอะไรบ๎าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ให๎นักเรียนเลือกศึกษาความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีที่เก่ียวข๎องกับเซลล์ไฟฟ้าเคมียกตัวอยํางมา 1 อยําง พร๎อมปร้ินรูปแปะ และอธิบายให๎ชัดเจน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… … ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 10 ธาตแุ ละสารประกอบอินทรยี ์ ในอตุ สาหกรรม

แผนการจัดการเรียนร๎ูที่ 14 หนํวยการเรียนร๎ทู ่ี 10 ธาตุและสารประกอบอนนิ ทรียใ์ นอตุ สาหกรรม เร่อื ง อุตสาหกรรมแรํ กลุํมสาระการเรยี นรว๎ู ทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว30225 รายวิชา เคมี 5 (เพิ่มเตมิ ) เวลา 3 ชวั่ โมง ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 ผลการเรยี นร๎ู 1. อธิบายถลงุ แร฽หรือการสกัดแร฽ชนิดตา฽ ง ๆ พร฾อมทั้งเขียนสมการแสดงปฏิกริ ิยาทเ่ี กิดขนึ้ และบอก ประโยชนข์ องแรต฽ า฽ ง ๆ ได฾ 2. อธบิ ายสมบตั ิและประโยชนข์ องแร฽รัตนชาติชนิดต฽าง ๆ และอธิบายวิธีพัฒนาคุณภาพของแร฽รัตน- ชาติได฾ สาระการเรยี นร๎ู อุตสาหกรรมแร฽ แร฽ คือ ธาตุหรือสารประกอบท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติ โดยกระบวนการทาง ธรณีวทิ ยาภายในโลกและทผ่ี ิวโลกมอี งคป์ ระกอบเป็นชว฽ งมีโครงสรา฾ งและองค์ประกอบเฉพาะตัวส฽วนสินแร฽ คือ กล฽ุมของแร฽ต฽าง ๆ ที่มีปริมาณมากพอในเชิงเศรษฐกิจซึ่งสามารถใช฾เป็นวัตถุดิบในการหลอมเหลวหรือถลุง เพอ่ื ใหไ฾ ด฾โลหะแร฽หลักชนิดตา฽ ง ๆ จําแนกตามองค์ประกอบทางเคมี จดุ ประสงค์การเรยี นรู๎ ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) 1. อธบิ ายวธิ ถี ลงุ หรือการสกัดแร฽ประกอบหินกับแร฽เศรษฐกิจ และยกตวั อยา฽ งประกอบได฾ 2. อธบิ ายผลกระทบทเี่ กิดจากกระบวนถลงุ แร฽ชนิดตา฽ งๆ ต฽อสิง่ แวดล฾อมและวิธปี ูองกันได฾ 3. อธบิ ายวิธกี ารถลงุ หรือการสกดั แร฽ทอง สังกะสี แคดเมียม ดีบุก โคลัมไบต์ – แทนทาไลต์ ทังสเตน พลวง และเซอรค์ อนได฾ 4. อธบิ ายสมบัติและวิธีการพฒั นาคุณภาพของแร฽รัตนชาติได฾ ด๎านทักษะ (Process) - ทกั ษะกระบวนการกลมุ฽ ด๎านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ัตติ นเป็นผูม฾ ีความสนใจใฝรุ ู฾ และมรี ะเบยี บวนิ ัย 2. ปฏิบตั ิตนเป็นผม฾ู คี วามรบั ผดิ ชอบ ตรงต฽อเวลา 3. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผมู฾ ีความซอื่ สัตย์ สจุ รติ ความคดิ รวบยอด แรค฽ อื ธาตหุ รอื สารประกอบอนินทรยี ท์ ี่เกดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติ มีโครงสร฾างองคป์ ระกอบและสมบตั ิ เฉพาะตวั เม่อื ยึดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเปน็ หลักจะจําแนกไดเ฾ ป็นแร฽ประกอบหินกับแรเ฽ ศรษฐกิจ 1. แร฽เศรษฐกิจหรอื แร฽อตุ สาหกรรม หมายถงึ แรท฽ ม่ี คี ณุ ค฽าทางเศรษฐกจิ หรือมปี ระโยชนต์ ฽อ อุตสาหกรรมตา฽ ง ๆ แบ฽งออกเปน็ แร฽โลหะและแร฽อโลหะ

2. แรป฽ ระกอบหิน หมายถงึ แรท฽ ่ีเปน็ ส฽วนประกอบของหินซ่งึ ใช฾เป็นหลกั ในการบง฽ บอกถึงชนดิ ของหิน เชน฽ หินแกรนิต ประกอบด฾วย แร฽ควอร์ตซ์ เฟลด์สปาร์ และไมกา สมรรถนะสาคญั ของผู๎เรยี น  ความสามารถในการสือ่ สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก฾ปัญหา  ความสามารถในการใชท฾ กั ษะชีวติ  ความสามารถในการใชเ฾ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์  ความซอ่ื สัตยส์ ุจริต  มีวนิ ยั  อยู฽อย฽างพอเพียง  มุง฽ มั่นในการทํางาน  ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  มจี ิตสาธารณะ  ใฝเุ รยี นร฾ู  รักความเป็นไทย แนวความคดิ เพอ่ื การเรียนรู๎ในศตวรรษท่ี 21  ทกั ษะดา฾ นการเรยี นรูแ฾ ละนวตั กรรม  ทักษะด฾านชวี ติ และอาชีพ  สาระวชิ าหลกั (Core Subjects)  ทักษะด฾านสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรียนรู๎ วธิ ีสอน โดยใชก฾ ระบวนการสบื เสาะความรู฾ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงที่ 1-3 1. ข้ันสรา๎ งความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1.1 ครสู นทนากับนกั เรยี นเร่อื ง ธาตุและสารประกอบอนนิ ทรียใ์ นอตุ สาหกรรรม พรอ฾ มใหน฾ ักเรียนเล฽น เกม Kahoot ! เพอื่ ดงึ ดดู ความสนใจของผูเ฾ รยี น 1.2 ครใู ช฾คาํ ถามกระตน฾ุ ผเู฾ รยี น ดังนี้ - แร฽ แบง฽ ออกเปน็ ก่ีประเภท อะไรบ฾าง ตอบ 2 ประเภท 1. แรป฽ ระกอบหนิ 2. แรเ฽ ศรษฐกิจ - แร฽ เศรษฐกิจ แบง฽ ออกเป็นก่ปี ระเภท อะไรบา฾ ง ตอบ 2 ประเภท 1. แรโ฽ ลหะ 2. แรอ฽ โลหะ 1.3 ครูอธิบายเพ่ิมเติม แร฽แต฽ละชนิดจะมีองค์ประกอบทางเคมีและสมบัติที่แตกต฽างกัน จึงนําไปใช฾ ประโยชนไ์ ด฾ต฽างกัน 1.4 ครูนํานกั เรียนเขา฾ ส฽บู ทเรยี นเร่อื ง อตุ สาหกรรมแร฽ 2. ข้ันสารวจและค๎นหา (Exploration) (50 นาท)ี 2.1 ครูใหน฾ ักเรียนทาํ การศกึ ษาเกีย่ วกับองคป์ ระกอบทางเคมี สมบัติ และการนําไปใช฾ประโยชน์ของแร฽ บางชนิด 2.2 ครใู หน฾ กั เรียนแบง฽ กลม฽ุ กล฽มุ ละเทา฽ ๆ กัน ใหน฾ กั เรยี นทาํ การศกึ ษาเก่ียวกบั แร฽ ดงั น้ี 1. แร฽ทองแดง 2. แรส฽ งั กะสีและแคดเมยี ม 3. แร฽ดีบุก 4. แรโ฽ คลมั ไบต์-แทนทาไลต์ 5. แร฽ทงั สเตน 6. แร฽พลวง 7. แร฽เซอร์คอน 8. แร฽รัตนชาติ

2.4 ครใู ห฾นักเรยี นทําการศกึ ษาจากหนงั สือ และอินเตอร์เน็ต รวมถึงใบความรเ฾ู รื่อง อตุ สาหกรรมแร฽ 3. ข้ันอธบิ ายและลงขอ๎ สรุป (Explanation) (60 นาท)ี 3.1 ครูให฾นกั เรียนแต฽ละกล฽ุมสรุปหวั ขอ฾ ทต่ี นเองได฾รบั จากนน้ั ทําแผนผังความคดิ กระดาษบรูฟ฿ 3.2 เม่ือนักเรียนทาํ แผนผงั ความคิดเสร็จ ครใู ห฾นักเรียนแตล฽ ะกล฽มุ ออกมานําเสนองาน 3.3 ครใู หน฾ กั เรียนออกมานําเสนอกลม฽ุ ละ 10 นาที 4. ขัน้ ขยายความร๎ู (Elaboration) (40 นาที) 4.1 ครเู ปิดวดี ีโอใหน฾ กั เรียนดู เพอื่ เปน็ การศกึ ษาเพ่ิมเตมิ เร่อื ง อุตสาหกรรมแร฽ และแรร฽ ัตนชาติ https://www.youtube.com/watch?v=46UISKMdwXM https://www.youtube.com/watch?v=ALiLR6c1h4g 4.2 ครใู หน฾ ักเรยี นทาํ แบบฝกึ หดั เรื่อง อุตสาหกรรมแร฽ 5. ขั้นประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรยี นจากการตอบคําถาม 5.2 แบบประเมินการนาํ เสนอ 5.3 แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5.4 แบบสังเกตผ฾ูเรยี นรายกล฽มุ 5.5 สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล วัสดุ อุปกรณ์ ส่อื และแหลํงเรียนร๎ู 1. แผนผงั ความคดิ 2. สื่อวดี ีโอจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=46UISKMdwXM และ https://www.youtube.com/watch?v=ALiLR6c1h4g 3. หนงั สือเรยี นเคมเี ลม฽ 4 4. หอ฾ งสมดุ การวัดและการประเมินผล การวัดผลประเมนิ ผลดา๎ น วิธกี ารวัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การผาํ น 1. ดา฾ นความรู฾ 1. แบบฝกึ หดั 1. โจทยแ์ บบฝึกหัด 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 2. แผนผังความคิด 2.ชิ้นงาน 60 ขึ้นไป 2. ด฾านทักษะ 1. การนาํ เสนองาน 1.แบบประเมินการ 1. ได฾คะแนนร฾อยละ นําเสนองาน 60 ขนึ้ ไป 2. สังเกตพฤติกรรมราย 2. แบบสังเกตพฤติกรรม กลม฽ุ รายกลุม฽ 3. ด฾านคุณลักษณะท่ีพึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คณุ ภาพ ประสงค์ รายบุคคล รายบคุ คล ปานกลางขึ้นไป

บนั ทึกหลังแผนการจัดการเรียนร๎ู รายวชิ าเคมี 5 รหสั วชิ า ว30225 ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 1. ด๎านความรู๎ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดา๎ นทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแกไ๎ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ........................................................ครูผู฾สอน ( นางสาวสทุ พิ ย์ สุขสบาย) ............../............../...........

ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ให฾บันทกึ โดยใช฾เครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมทพ่ี งึ ประสงคต์ ามคาดหวัง ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไมแ฽ สดงพฤติกรรมท่พี งึ ประสงคต์ ามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวงั ตงั้ แต฽ 3 รายการขึน้ ไป ถอื วา฽ ผา฽ นเกณฑก์ ารประเมนิ

แบบประเมนิ การนาเสนองาน กลมํุ ……………………………………………....…หวั ข๎อเร่อื ง………..…………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 เนื้อหาครบถว฾ น 2 การวางแผนงานอย฽างเปน็ ระบบ 3 การตอบคาํ ถาม 4 มีความสวยงาม ความคิดสร฾างสรรค์ 5 นาํ เสนอชัดเจน น฽าสนใจ รวม รวมคะแนน การตดั สินคุณภาพ ลงช่ือ.......................................................ผ฾ปู ระเมนิ (……………………………………) .........../............................/.......... เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรือพฤตกิ รรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให฾ 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมีขอ฾ บกพรอ฽ งบางส฽วน ให฾ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข฾อบกพรอ฽ งมาก ให฾ 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ตํา่ กว฽า 6 1 (ปรบั ปรงุ )

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลมํุ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ฽ หนา฾ ของตนเอง 2 การวางแผนงานอย฽างเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และช฽วยเหลอื่ เพอ่ื นรว฽ มงาน 4 การมีสว฽ นร฽วมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คุณภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมความสมบรู ณ์ชัดเจน ให฾ 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี ฾อบกพร฽องบางส฽วน ให฾ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ฾ บกพรอ฽ งมาก ให฾ 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา฽ 6 1 (ปรับปรงุ )

แบบฝึกหัดเรอ่ื ง อุตสาหกรรมแรํ จงทาเคร่ืองหมายถูกต๎อง √ หน๎าข๎อความท่ีถูกต๎อง และเคร่ืองผิด × หน๎าข๎อความที่ไมํถูกต๎อง พร๎อมท้ัง แก๎ไขข๎อความนน้ั ให๎ถกู ต๎อง ………1. แรร฽ ัตนชาตเิ ป็นแรอ฽ โลหะหรือสารประกอบอนินทรยี ์ แร฽รัตนชาตมิ ีทง้ั ท่ีเป็นสารประกอบอนิ ทรยี ์และสารประกอบอนนิ ทรยี ์ ……… 2. แร฽ A ใช฾เลบ็ ขูดเข฾า สว฽ นแร฽ B ใช฾สตางคแ์ ดงขูดเปน็ รอย สรุปว฽า แร฽ B แขง็ กวา฽ แร฽ A ……… 3. แรร฽ ัตนชาติท่เี ป็นแรช฽ นดิ เดยี วกนั จะมีสมบัตเิ หมอื นกนั ทกุ ประการ แรร฽ ัตนชาตทิ ่ีเป็นแรช฽ นดิ เดียวกนั อาจจะมีสแี ตกตา฽ งกนั ……… 4. ทองแดงท่ถี ลุงยงั ไมบ฽ รสิ ุทธ์ิ ซึ่งสามารถทําให฾บรสิ ุทธไ์ิ ด฾โดยการแยกดว฾ ยกระแสไฟฟาู ……… 5. ทองแดง ตะกั่ว สงั กะสี ดบี ุก และทงั สแตน เปน็ แรป฽ ระกอบหิน เปน็ แรท฽ ีม่ ธี าตุอโลหะ ทองแดง ตะกั่ว สงั กะสี ดีบุก และทังสแตน เป็นแร฽เศรษฐกจิ เป็นแร฽ที่มีธาตุโลหะ ……… 6. ความแข็ง ความถ฽วงจําเพาะ และดชั นกี ารหักเหของแสงเป็นสมบัติที่ใช฾ตรวจสอบแรร฽ ตั นชาติ ……… 7. ประโยชน์ของดีบกุ ใช฾เคลอื บโลหะเพ่อื ทาํ กระป฻องบรรจุอาหาร ………8. แร฽ทองแดง ใชท฾ าํ กระจกแผน฽ เรียบ เครอ่ื งแก฾ว แร฽ทองแดง ใช฾ทําอุปกรณเ์ ครอ่ื งใช฾ไฟฟาู เครอ่ื งประดับ แผ฽นวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ………9. การหุงพลอยเป็นเทคนิคในการทําให฾อัญมณีมีความแวววาวเป็นประกาย และมีสีสันชัดโดยใช฾แสงหัก เหและการสะทอ฾ นกลบั ไปมาในผลกึ การเจียระไนเปน็ เทคนคิ ในการทําใหอ฾ ญั มณมี คี วามแวววาวเปน็ ประกายและมีสีสันชัดโดยให฾แสง หกั เหและสะท฾อนกลับไปมาภายในผลึก ………10. แร฽ดีบกุ ทพ่ี บมากในประเทศไทยคือ แรแ฽ คสซิเทอไรด์ ………11. สงั กะสใี ชท฾ าํ กล฽องไฟฉาย เคลือบแผ฽นเหลก็ สาํ หรับมงุ หลงั คา ………12.การย฾อมเคลือบสี เปน็ การกําจดั จุดดา฽ งดําของธาตุมลทินในเนื้อพลอย การย฾อมเคลือบสี ทําใหพ฾ ลอยมีสสี ันสวยงามมากข้นึ ………13. เพชรเทียมทไ่ี ด฾รบั การนยิ มมากทสี่ ุดคอื เพชรรัสเซีย ………14. สาแหรกท่เี กิดขน้ึ ในทบั ทิมหรือไพลิน เกิดจากสาเหตทุ บั ทมิ ปนอย฽ูในเนือ้ พลอย ………15. แร฽โลหะพื้นฐานคอื ดบี ุกกบั สังกะสี แรโ฽ ลหะพนื้ ฐานคือ ดบี ุกกับทงั สเตน

แบบฝกึ หดั เร่ือง อุตสาหกรรมแรํ จงทาเคร่ืองหมายถูกต๎อง √ หน๎าข๎อความท่ีถูกต๎อง และเครื่องผิด × หน๎าข๎อความท่ีไมํถูกต๎อง พร๎อมทั้ง แก๎ไขข๎อความน้นั ให๎ถูกตอ๎ ง ………1. แร฽รัตนชาตเิ ป็นแร฽อโลหะหรอื สารประกอบอนินทรยี ์ ……… 2. แร฽ A ใชเ฾ ลบ็ ขูดเข฾า ส฽วนแร฽ B ใชส฾ ตางค์แดงขดู เปน็ รอย สรุปวา฽ แร฽ B แข็งกวา฽ แร฽ A ……… 3. แร฽รัตนชาติท่เี ปน็ แร฽ชนดิ เดยี วกนั จะมีสมบตั เิ หมอื นกนั ทุกประการ ……… 4. ทองแดงที่ถลงุ ยงั ไม฽บรสิ ทุ ธ์ิ ซง่ึ สามารถทาํ ให฾บรสิ ุทธ์ไิ ด฾โดยการแยกด฾วยกระแสไฟฟูา ……… 5. ทองแดง ตะกวั่ สังกะสี ดบี กุ และทงั สแตน เปน็ แร฽ประกอบหนิ เปน็ แรท฽ ่มี ธี าตุอโลหะ ……… 6. ความแขง็ ความถ฽วงจาํ เพาะ และดชั นกี ารหกั เหของแสงเป็นสมบัติท่ใี ชต฾ รวจสอบแรร฽ ัตนชาติ ……… 7. ประโยชนข์ องดบี กุ ใช฾เคลือบโลหะเพ่ือทํากระปอ฻ งบรรจอุ าหาร ………8. แร฽ทองแดง ใชท฾ ํากระจกแผน฽ เรยี บ เครอ่ื งแก฾ว ………9. การหุงพลอยเป็นเทคนิคในการทําให฾อัญมณีมีความแวววาวเป็นประกาย และมีสีสันชัดโดยใช฾แสงหัก เหและการสะท฾อนกลับไปมาในผลึก ………10. แร฽ดีบกุ ทีพ่ บมากในประเทศไทยคือ แรแ฽ คสซิเทอไรด์ ………11. สังกะสใี ชท฾ าํ กล฽องไฟฉาย เคลือบแผน฽ เหล็กสาํ หรับมงุ หลังคา ………12.การย฾อมเคลอื บสี เป็นการกาํ จดั จุดด฽างดําของธาตุมลทินในเนอื้ พลอย ………13. เพชรเทยี มทไี่ ดร฾ บั การนิยมมากที่สดุ คอื เพชรรสั เซยี ………14. สาแหรกท่ีเกิดขึน้ ในทับทมิ หรือไพลิน เกิดจากสาเหตทุ ับทมิ ปนอยู฽ในเน้ือพลอย ………15. แร฽โลหะพ้นื ฐานคือ ดบี ุกกบั สังกะสี

แผนการจัดการเรียนร๎ทู ี่ 15 หนวํ ยการเรยี นรูท๎ ี่ 10 ธาตแุ ละสารประกอบอนนิ ทรีย์ในอุตสาหกรรม เร่ือง อตุ สาหกรรมเซรามกิ กลํุมสาระการเรียนรว๎ู ทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว30225 รายวิชา เคมี 5 (เพิ่มเติม) เวลา 3 ชัว่ โมง ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2 ผลการเรียนรู๎ 1. อธิบายข้ันตอนสําคัญของการทําผลิตภัณฑ์เซรามิก และบอกประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เซรามิก พรอ฾ มทง้ั ยกตวั อย฽างได฾ 2. อธิบายวธิ ีการผลติ แกว฾ และปูนซีเมนต์ได฾ สาระการเรยี นร๎ู เซรามิกส์ หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ทําจากวัตถุดิบในธรรมชาติ เช฽น ดิน หิน ทราย และแร฽ธาตุต฽างๆ นาํ มาผสมกัน แล฾วทาํ เป็นส่ิงประดิษฐ์ หลังจากน้ันจึงนาํ ไปเผาเพ่ือเปลี่ยนเนื้อวัตถุให฾แข็งแรง สามารถคง รูปอย฽ูได฾ อุตสาหกรรมเซรามิกส์เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสําคัญต฽อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็ น อตุ สาหกรรมพ้ืนฐานรองรบั อุตสาหกรรมอน่ื ๆ อกี หลายอย฽าง เช฽น วัสดุทนไฟเป็นวัสดุพื้นฐานของอุตสหกรรม ถลงุ และผลติ โลหะ ซีเมนต์เป็นวัสดุสําคัญของงานการก฽อสรา฾ งและสถาปตั ยกรรม เปน็ ตน฾ จุดประสงค์การเรียนร๎ู ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) 1. อธิบายข้ันตอนสําคัญของการทาํ ผลิตภัณฑเ์ ซรามิกได฾ 2. บอกประโยชน์ของผลิตภณั ฑเ์ ซรามิก พรอ฾ มท้ังยกตวั อยา฽ งได฾ ด๎านทักษะ (Process) - มีทกั ษะกระบวนการกล฽มุ ในการทาํ กิจกรรมในห฾องเรยี น ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏิบัติตนเปน็ ผมู฾ คี วามสนใจใฝุรู฾ และมรี ะเบยี บวนิ ยั 2. ปฏิบัตติ นเปน็ ผ฾มู ีความรบั ผิดชอบ ตรงตอ฽ เวลา 3. ปฏิบัติตนเป็นผ฾มู คี วามซ่ือสัตย์ สจุ ริต ความคดิ รวบยอด อุตสาหกรรมเซรามิกส์เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสําคัญต฽อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็น อตุ สาหกรรมพื้นฐานรองรบั อุตสาหกรรมอ่นื ๆ อกี หลายอย฽าง เช฽น วัสดทุ นไฟเป็นวัสดุพื้นฐานของอุตสหกรรม ถลุงและผลิตโลหะ ซีเมนต์เป็นวสั ดุสาํ คญั ของงานการกอ฽ สรา฾ งและสถาปตั ยกรรม เปน็ ตน฾ การเตรียมวตั ถุดิบ ไดแ฾ ก฽ 1.การขนึ้ รูป 2. การตากแหง฾ 3. การเผาดิบ 4. การเคลือบ 5.การเผาเคลือบ การข้นึ รปู ผลติ ภัณฑ์ การข้ึนรูปผลิตภัณฑ์เซรามิกส์มีหลายวิธีด฾วยกัน ดงั ต฽อไปนี้ 1. การเทแบบ โดยผสมดินกับน้าํ จนได฾ที่แล฾วเทลงในแบบซง่ึ มีรปู รา฽ งตา฽ งๆ ปล฽อยไวจ฾ นแขง็ ตัว

2. การใชแ฾ ปนู หมุน จะป้นั ได฾เฉพาะภาชนะทม่ี ีลกั ษณะกลม ทรงกลมหรอื ทรงกระบอก เช฽น การป้ันไห โอง฽ อ฽าง 3. การหลอมเหลว โดยหลอมเหลวเน้อื ผลติ ภณั ฑด์ ว฾ ยความรอ฾ นแล฾วเทลงในแบบโลหะหรือแบบทราย จากน้ันปลอ฽ ยให฾เย็นตัวลง ผลติ ภัณฑท์ ่ีได฾จะมเี น้ือแน฽นมากและทนต฽อการกดั กร฽อนสงู 4.การอดั เนือ้ ดนิ ผา฽ นหัวแบบ เปน็ วธิ ีการขนึ้ รปู ทน่ี ยิ มใช฾ในระบบอุตสาหกรรมเชน฽ การทําผลิตภัณฑ์วสั ดุ ทนไฟ กระเบื้อง 5. การอัดผงเน้อื ดนิ ลงในแบบโลหะ เปน็ วิธีการขึ้นรูปทีน่ ิยมใชใ฾ นระบบอุตสาหกรรมเชน฽ เดยี วกนั ผลติ ภณั ฑ์แก๎ว แกว฾ ไดถ฾ ูกนาํ มาใชป฾ ระโยชนห์ ลายอย฽าง เน่ืองจากแกว฾ มสี มบัติท่ีดหี ลายประการ ทง้ั มคี วามโปร฽งใส ทนต฽อกรด เบส ไอนํา้ และแก฿สซึมผ฽านได฾ยาก แข็งแรงและทนต฽อแรงดนั ได฾ ปนู ซีเมนต์ หมายถึง ผงผลิตภัณฑท์ ี่ได฾จากการบดปูนเม็ด ซึง่ เกิดจากการเผาส฽วนผสมต฽างๆ ไดแ฾ ก฽ แคลเซียม คาร์บอเนต ซิลกิ า อะลูมนิ า และออกไซด์จากเหล็ก สัดสว฽ นของวตั ถุดบิ แตกต฽างกนั จะทําใหม฾ ีสมบตั ิแตกต฽างกนั สมรรถนะสาคญั ของผเ๎ู รียน  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป฾ ัญหา  ความสามารถในการใชท฾ ักษะชีวติ  ความสามารถในการใช฾เทคโนโลยี คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  ความซือ่ สัตยส์ ุจริต  มวี ินยั  อยู฽อย฽างพอเพียง  มง฽ุ มัน่ ในการทํางาน  ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  มีจติ สาธารณะ  ใฝเุ รยี นร฾ู  รกั ความเป็นไทย แนวความคดิ เพื่อการเรียนรใ๎ู นศตวรรษที่ 21  ทกั ษะด฾านการเรยี นรู฾และนวัตกรรม  ทกั ษะดา฾ นชวี ติ และอาชีพ  สาระวชิ าหลัก (Core Subjects)  ทกั ษะด฾านสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรยี นรู๎ วิธสี อน โดยใช฾กระบวนการสบื เสาะความรู฾ (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงท่ี 1-3 1. ขนั้ สรา๎ งความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1.1 ครูสนทนากับนักเรียนเร่อื ง ธาตุและสารประกอบอนนิ ทรีย์ในอตุ สาหกรรมเซรามิก 1.2 ครูใชเ฾ กมเปดิ แผน฽ ปาู ย แลว฾ ใหน฾ กั เรยี นทายภาพว฽าเป็นผลิตภัณฑ์จากเซรามกิ หรอื ไม฽

1.3 ครูใชค฾ ําถามกระตนุ฾ ผู฾เรยี น ดังน้ี - เซรามิกคืออะไร ตอบ ผลติ ภณั ฑ์ท่ีทําจากวัตถุดิบในธรรมชาติ เช฽น ดิน หิน ทราย และแร฽ธาตุต฽างๆ นํามาผสมกัน แล฾วทําเป็น สิ่งประดิษฐ์ หลังจากนนั้ จงึ นาํ ไปเผาเพื่อเปล่ยี นเน้อื วัตถใุ หแ฾ ข็งแรง สามารถคงรูปอยู฽ได฾ - ผลติ ภัณฑท์ ่ไี ด฾จากเซรามกิ มีอะไรบา฾ ง ตอบ ถว฾ ย ชาม แก฾ว แจกัน 1.4 ครูนาํ นกั เรยี นเขา฾ สบู฽ ทเรียนเร่ือง อุตสาหกรรมเซรามกิ 2. ขัน้ สารวจและค๎นหา (Exploration) (50 นาท)ี 2.1 ครูให฾นกั เรยี นทําการศึกษาเกีย่ วกับอตุ สาหกรรมเซรามกิ 2.2 ครูใหน฾ ักเรยี นทาํ การแบ฽งกลุม฽ กลุ฽มละเท฽า ๆ กนั 2.3 ครูใหน฾ ักเรยี นตอบคาํ ถามในใบงานที่ 1 เรือ่ ง อุตสาหกรรมเซรามกิ โดยทําการเติมคําในช฽องว฽างให฾ ถูกต฾อง 2.4 ครูให฾นักเรียนทําการศึกษาทางออนไลน์ โดยให฾ทําการสแกน qr corde ดงั นี้ 3. ขัน้ อธิบายและลงขอ๎ สรุป (Explanation) (60 นาที) 3.1 ครูและนักเรียนรว฽ มกนั สรปุ รวมถงุ ช฽วยกนั สรปุ เร่ืองอตุ สาหกรรรมเซรามกิ 4. ขั้นขยายความร๎ู (Elaboration) (40 นาที) 4.1 ครเู ปดิ วดี โี อใหน฾ ักเรียนดู เพ่อื เป็นการศึกษาเพิ่มเติม เร่ือง อุตสาหกรรมเซรามิก https://www.youtube.com/watch?v=NVsuCqyzZeE 5. ข้ันประเมิน (Evaluation) (10 นาท)ี 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรียนจากการตอบคําถาม 5.2 ใบงานที่ 1 เร่อื งอตุ สาหกรรมเซรามิก 5.3 แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5.4 แบบสงั เกตผูเ฾ รยี นรายกล฽มุ วัสดุ อุปกรณ์ ส่ือและแหลํงเรียนรู๎ 1. แผนผังความคดิ 2. ส่ือวดี ีโอจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=NVsuCqyzZeE 3. หนงั สือเรียนเคมีเล฽ม 4 4. QR corde

การวัดและการประเมนิ ผล การวัดผลประเมนิ ผลดา๎ น วิธกี ารวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารผําน 1. ด฾านความร฾ู 1. ทาํ ใบงานท่ี 1 1. ใบงานท่ี 1 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 60 ขนึ้ ไป 2. ดา฾ นทักษะ 1. การทาํ งานกลุม฽ 2. แบบประเมินการ 1. ระดับคณุ ภาพ ทํางานกลมุ฽ ปานกลางข้นึ ไป 3. ด฾านคุณลักษณะที่พึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดับคุณภาพ ประสงค์ รายบคุ คล รายบุคคล ปานกลางขนึ้ ไป - สังเกตพฤติกรรมราย -แบบสังเกตพฤติกรรม กลุม฽ รายกล฽ุม

บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรียนร๎ู รายวชิ าเคมี 5 รหสั วิชา ว30225 ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 1. ดา๎ นความรู๎ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปญั หาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ........................................................ครูผู฾สอน ( นางสาวสทุ ิพย์ สุขสบาย) ............../............../...........

ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ให฾บันทกึ โดยใช฾เครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวงั ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไมแ฽ สดงพฤติกรรมท่พี งึ ประสงคต์ ามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวังตงั้ แต฽ 3 รายการขึน้ ไป ถอื ว฽า ผา฽ นเกณฑก์ ารประเมนิ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลุมํ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ฽ หนา฾ ของตนเอง 2 การวางแผนงานอยา฽ งเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และชว฽ ยเหลอื่ เพอ่ื นรว฽ มงาน 4 การมีสว฽ นร฽วมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให฾ 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ฾ บกพร฽องบางส฽วน ให฾ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ฾ บกพรอ฽ งมาก ให฾ 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา฽ 6 1 (ปรับปรงุ )

ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง อุตสาหกรรมเซรามิก 1. อตุ สาหกรรมเซรามิกสม์ ีความสาํ คญั ต฽อการพัฒนาประเทศอย฽างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. การผลิตเซรามกิ ส์ มีขนั้ ตอนในการผลติ อยา฽ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… … … … … … ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… 3. การเคลอื บเซรามกิ สม์ ปี ระโยชน์อย฽างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. กระจกนําไปแปรรปู เปน็ อะไรได฾บ฾าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… 5. ปูนซเี มนตค์ ืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… 6. กรรมวธิ ใี นการผลิตปูนซีเมนต์ ในปัจจุบันมีก่ีวธิ ีจงอธิบาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… … … … … … ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…

ใบงานที่ 1 เร่ือง อุตสาหกรรมเซรามิก 1. อตุ สาหกรรมเซรามิกมคี วามสําคัญต฽อการพัฒนาประเทศอยา฽ งไร อตุ สาหกรรมเซรามกิ สเ์ ป็นอุตสาหกรรมท่ีมีความสําคัญต฽อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็นอุตสาหกรรมพ้ืน ฐานรองรับอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกหลายอย฽าง เช฽น วัสดุทนไฟเป็นวัสดุพื้นฐานของอุตสหกรรมถลุงและผลิต โลหะ ซเี มนตเ์ ปน็ วสั ดสุ ําคญั ของงานการก฽อสร฾างและสถาปตั ยกรรม 2. การผลิตเซรามกิ มขี น้ั ตอนในการผลติ อยา฽ งไร - การเตรยี มวัตถดุ ิบ ไดแ฾ ก฽ 1.การข้ึนรปู 2. การตากแหง฾ 3. การเผาดิบ 4. การเคลอื บ 5.การเผาเคลอื บ - การขึน้ รูปผลติ ภณั ฑ์ การขนึ้ รปู ผลิตภัณฑ์เซรามิกสม์ ีหลายวธิ ดี ว฾ ยกัน ดงั ตอ฽ ไปน้ี 1. การเทแบบ โดยผสมดนิ กบั นํ้าจนไดท฾ ี่แล฾วเทลงในแบบซึ่งมรี ปู ร฽างต฽างๆ ปล฽อยไว฾จนแขง็ ตัว 2. การใช฾แปนู หมุน จะปน้ั ไดเ฾ ฉพาะภาชนะที่มลี ักษณะกลม ทรงกลมหรอื ทรงกระบอก เชน฽ การปนั้ ไห โอง฽ อ฽าง 3. การหลอมเหลว โดยหลอมเหลวเน้ือผลิตภณั ฑ์ด฾วยความร฾อนแล฾วเทลงในแบบโลหะหรือแบบทราย จากนนั้ ปลอ฽ ยให฾เย็นตวั ลง ผลติ ภัณฑ์ท่ีไดจ฾ ะมีเนอ้ื แนน฽ มากและทนต฽อการกดั กร฽อนสงู 4.การอดั เน้อื ดนิ ผา฽ นหัวแบบ เป็นวธิ กี ารขน้ึ รูปท่ีนยิ มใชใ฾ นระบบอตุ สาหกรรมเช฽น การทาํ ผลิตภัณฑ์วสั ดุ ทนไฟ กระเบื้อง 5. การอดั ผงเน้อื ดนิ ลงในแบบโลหะ เป็นวธิ ีการขึน้ รูปทนี่ ยิ มใชใ฾ นระบบอุตสาหกรรมเชน฽ เดียวกนั 3. การเคลือบเซรามิกสม์ ปี ระโยชนอ์ ยา฽ งไร 1. ทําฉนวนไฟฟูา 2. ทาํ แผน฽ วงจรรวม (lC) 3. ทําแผ฽นซิลกิ อนเพ่ือทาํ เซลลส์ รุ ยิ ะ 4. ผลติ ตวั ถังรถยนตใ์ ห฾เบา แข็งแรง ทนสารเคมี 5. อุตสาหกรรมผลติ และใช฾ประโยชน์โซเดียมคลอไรด์ 4. กระจกนาํ ไปแปรรปู เปน็ อะไรได฾บา฾ ง เปน็ วัสดตุ กแตง฽ อาคาร มาํ เครื่องใชต฾ ฽าง ๆ แปรรปู เปน็ กระจกเงา กระจกสะทอ฾ นแสง กระจกนริ ภยั 5. ปูนซีเมนต์คืออะไร ผงผลติ ภัณฑ์ทีไ่ ดจ฾ ากการบดปูนเมด็ ซ่ึงเกิดจากการเผาสว฽ นผสมต฽างๆ ได฾แก฽ แคลเซียมคาร์บอเนต ซิลิกา อะลู มนิ า และออกไซดจ์ ากเหลก็ สัดสว฽ นของวัตถุดบิ แตกต฽างกนั จะทําให฾มสี มบตั ิแตกตา฽ งกัน 6. กรรมวิธใี นการผลิตปนู ซีเมนต์ ในปัจจบุ ันมีก่ีวิธจี งอธิบาย 1. กรรมวิธีแบบเผาเปยี ก เหมาะสาํ หรบั วตั ถุดิบที่มีความช้นื สงู เช฽นดนิ เหนยี ว โดยนาํ มาผสมกบั นาํ้ ให฾ เปน็ เนอ้ื เดยี วกนั และนาํ ไปเผาในขณะท่ีเปยี ก วธิ ีนจี้ ะส้นิ เปลอื งเชอื้ เพลงิ มาก 2. กรรมวธิ ีแบบเผาแห฾ง เหมาะสาํ หรับวตั ถุดบิ ที่มีความชืน้ ต่ํา เช฽นแร฽เหลก็ ,หนิ ปนู ,หนิ เชล นาํ มาบด รวมกนั ในอตั ราส฽วนทเี่ หมาะสม แล฾วนาํ ไปเผาในลักษณะท่ีเปน็ ฝุนแห฾ง วิธนี จ้ี ะใช฾เชอ้ื เพลิงน฾อยกวา฽ แบบเผา เปยี ก และเป็นวิธีท่ีทนั สมยั ทส่ี ุด ในปจั จบุ นั

แผนการจดั การเรยี นรูท๎ ี่ 16 หนํวยการเรยี นรู๎ที่ 10 ธาตแุ ละสารประกอบอนนิ ทรียใ์ นอุตสาหกรรม เร่อื ง การผลิตเกลือโซเดียมคลอไรด์ รหสั วชิ า ว30225 รายวชิ า เคมี 5 (เพ่ิมเติม) กลุํมสาระการเรียนร๎ูวิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชว่ั โมง ผลการเรยี นรู๎ อธบิ ายวธิ กี ารผลติ เกลอื สมทุ รและเกลอื สนิ เธาว์ได฾ สาระการเรียนร๎ู การผลิตโซเดียมคลอไรด์ โซเดียมคลอไรด์ หรือเกลือแกงมีสูตรเป็น NaCl เป็นสารประกอบที่ ประกอบด฾วยธาตุ Na และ Cl ลักษณะเป็นผลึกสีขาว รสเค็ม รูปผลึกเป็นแบบทรงลูกบาศก์ จุดหลอมเหลว 801 องศาเซลเซียส ละลายนํ้าได฾ดี โดยมากใช฾ ทะเล และจากดนิ ประเทศที่ผลิตเกลือแกงได฾มาก คือ ประเทศ ออสเตรีย ฝร่ังเศส เยอรมนี อินเดียและสหรัฐอเมริกา เกลือแกง แบ฽งตามวิธีการผลิตมี 2 ประเภทคือ เกลือ สมทุ ร และเกลือสินเธาว์ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู๎ ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) - อธิบายขน้ั ตอนสําคญั ของการผลิตเกลอื สมุทรและเกลือสนิ เธาว์ได฾ ด๎านทักษะ (Process) - นกั เรียนสามารถจาํ แนกความแตกตา฽ งระหว฽างเกลือสมทุ รและเกลอื สินเธาว์ได฾ ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผ฾มู ีความสนใจใฝรุ ู฾ และมีระเบยี บวินัย 2. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผู฾มีความรับผดิ ชอบ ตรงต฽อเวลา 3. ปฏิบัติตนเปน็ ผูม฾ คี วามซ่อื สัตย์ สุจรติ ความคิดรวบยอด เกลอื สมุทรทํากนั มากในบริเวณใกล฾ทะเล เช฽น ที่จังหวัดสมุทรสาคร เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา และชลบุรี ประเทศไทยมีการทํานาเกลือในช฽วงเดอื นพฤศจกิ ายนถงึ เดอื นพฤษภาคม การทํานาเกลือใช฾วิธีการแยกโซเดียม คลอไรดอ์ อกจากน้ําทะเล ดังนัน้ จึงต฾องใชห฾ ลักการระเหยและการตกผลกึ โดยการให฾น้ําทะเลระเหยไปเหลือน้ํา น฾อยจนถึงจุดอมิ่ ตัวของ โซเดยี มคลอไรด์ โซเดียมคลอไรด์ก็จะตกผลึกออกมา เกลือสนิ เธาว์ผลติ ไดจ฾ ากแหลง฽ แร฽ เกลือหิน (Rock salt)พบอยู฽ตามพ้ืนดินแถบภาคอีสาน เช฽น จังหวัด ชัยภูมิ มหาสารคาม ยโสธร อุบลราชธานี และอุดรธานี การผลิตเกลือสินเธาว์จากเกลือหินโดยท่ัวไป ใช฾กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คือ ใชก฾ ารละลาย การกรอง การระเหย และการตกผลึก หรือการละลายและ การตกผลกึ ทงั้ นีข้ ึ้นอยก฽ู ับสภาพของเกลอื ทีเ่ กดิ ขึ้นในแหล฽งนนั้ ๆ เกลือสินเธาวแ์ ยกตามวธิ ีการท่ีแตกต฽างกันตามลักษณะของการเกดิ เกลือตามธรรมชาติ ดงั น้ี

• เกลอื จากผวิ ดนิ ใช฾วิธขี ุดคราบเกลอื ตามผวิ ดินมาละลายนา้ํ กรองเศษตะกอนออก แล฾วนํานํ้าเกลือไปเค้ียวให฾ แหง฾ จะได฾เกลือตกผลึกออกมา นิยมทําเกลือชนิดน้ีทางภาคตะวันออก-เฉียงเหนือ ได฾แก฽ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ มหาสารคาม อุดรธานี สกลนคร และร฾อยเอด็ • เกลือจากนํ้าเกลือบาดาล เป็นเกลือทํากันมากที่จังหวัดมหาสารคาม นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี รอ฾ ยเอ็ด สกลนคร ชัยภูมิ และหนองคาย เกลอื บาดาลมอี ยใู฽ นระดบั ตื้น 5 – 10 เมตร หรอื ระดับลึก 30 เมตร สมรรถนะสาคัญของผู๎เรยี น  ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก฾ปญั หา  ความสามารถในการใช฾ทักษะชวี ิต  ความสามารถในการใช฾เทคโนโลยี คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์  ความซือ่ สัตย์สุจรติ  มีวินัย  ความรักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  อยู฽อย฽างพอเพียง  มง฽ุ ม่นั ในการทาํ งาน  ใฝเุ รียนร฾ู  รักความเปน็ ไทย  มจี ิตสาธารณะ แนวความคิดเพ่ือการเรียนรใ๎ู นศตวรรษท่ี 21  ทักษะด฾านการเรยี นร฾แู ละนวัตกรรม  สาระวิชาหลัก (Core Subjects)  ทักษะด฾านชวี ติ และอาชีพ  ทักษะดา฾ นสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรียนรู๎ วธิ ีสอน โดยใช฾กระบวนการสบื เสาะความร฾ู (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ช่ัวโมงท่ี 1-3 1. ขั้นสร๎างความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1.1 ครูสนทนากับนักเรียนเรื่อง อุตสาหกรรมที่เก่ียวข฾องกับเกลือโซเดียมคลอไรด์ และเล฽นเกม Kahoot ! 1.2 ครูใช฾คาํ ถามกระต฾ุนผู฾เรียน ดงั น้ี 1. นกั เรียนทราบหรอื ไมว฽ ฽า ช่ือทางเคมขี องเกลอื คืออะไร ตอบ โซเดยี มคลอไรด์ (NaCl) 2. เกลอื ที่เราใช฾ในชีวติ ประจําวันมีอะไรบ฾าง ตอบ 1. โซดาไฟ ใช฾ทําสบู฽ 2. โซดาแอช ใช฾ทําสบ฽ู 3. สารฟอกขาว ใช฾สําหรับฆ฽าเชื้อ ในเม่ือมีความสําคัญต฽อ ชีวติ ประจาํ วนั ขนาดนีเ้ รามาทําความร฾จู กั เกีย่ วกับเกลอื แกงกนั 1.3 ครูนํานกั เรียนเขา฾ ส฽บู ทเรียนเร่ือง การผลิตเกลอื โซเดียมคลอไรด์ 2. ขั้นสารวจและคน๎ หา (Exploration) (80 นาท)ี 2.1 ครใู ห฾นกั เรียนทําการศกึ ษาเกย่ี วกับ การผลติ เกลือโซเดียมคลอไรด์ โดยใช฾ power point เป็นการ บรรยาย

2.2 ครูให฾นกั เรียนดูการผลิตเกลอื โซเดียมคลอไรด์โดยใช฾ VDO https://www.youtube.com/watch?v=Se2b7ioVCqU 2.3 ครูให฾นักเรียนสรุปเน้ือหาใส฽สมุด และหลังจากการดูวีดีโอ ครูให฾นักเรียนทําแบบทดสอบเร่ือง การผลิตเกลอื โซเดยี มคลอไรด์ 10 ขอ฾ 3. ข้นั อธบิ ายและลงข๎อสรปุ (Explanation) (30 นาท)ี 3.1 ครูเฉลยคาํ ตอบแบบทดสอบใหก฾ บั นักเรยี น 3.2 ครูและนกั เรียนร฽วมกนั สรปุ รวมถึงชว฽ ยกันสรปุ เรือ่ ง การผลิตเกลือโซเดยี มคลอไรด์ 4. ข้ันขยายความร๎ู (Elaboration) (40 นาที) 4.1 ครใู ห฾นกั เรยี นทาํ แบบฝกึ หดั เร่ือง การผลิตเกลือโซเดียมคลอไรด์ 5. ข้ันประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 5.1 สมดุ สรุปความรขู฾ องนกั เรยี น 5.2 แบบฝึกหดั เร่ือง การผลิตเกลอื โซเดยี มคลอไรด์ 5.3 แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล วัสดุ อุปกรณ์ สอ่ื และแหลํงเรียนรู๎ 1. power point 2. สือ่ วีดีโอจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=Se2b7ioVCqU 3. หนังสือเรยี นเคมีเลม฽ 4 การวัดและการประเมนิ ผล การวัดผลประเมนิ ผลดา๎ น วิธกี ารวดั เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การผําน 1. ดา฾ นความรู฾ 1. การตอบคําถาม 1. คําถาม 1. ได฾คะแนนร฾อยละ 60 ขึ้นไป 2. ดา฾ นทักษะ 1. ทําแบบทดสอบ 1. แบบทดสอบ 1. ได฾คะแนนรอ฾ ยละ 2. แบบฝกึ หัด 1. โจทย์แบบฝึกหดั 60 ขึ้นไป 3. ด฾านคุณลักษณะที่พึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ รายบคุ คล รายบุคคล ปานกลางขึ้นไป

บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรียนรู๎ รายวชิ าเคมี 5 รหัสวชิ า ว30225 ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ด๎านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแกไ๎ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ........................................................ครูผู฾สอน ( นางสาวสทุ ิพย์ สุขสบาย)

ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน ............../............../........... และทา ิกจกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล วชิ า ...................................................................................................... ชน้ั ......................................... การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือนเลขท่ี ช่ือ-นามสกลุ ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรม ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์คหมายเหตุ ให฾บันทกึ โดยใช฾เคร่อื งหมาย ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = แสดงพฤตกิ รรมที่พึงประสงค์ตามคาดหวงั  = ไมแ฽ สดงพฤตกิ รรมที่พึงประสงคต์ ามคาดหวัง หมายเห ุต เกณฑ์การประเมิน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook