การกัดกรอนของโลหะ (Corrosion) คือ การท่ีโลหะทําปฏิกิริยากับสารตาง ๆ ในส่ิงแวดลอมรอบ ๆ โลหะ แลวทําใหโลหะนั้นเปล่ียนสภาพเป็นไอออน หรือกลายเป็นสารประกอบออกไซด์/สารประกอบ ไฮดรอกไซด์ ซ่งึ อาจเกิดขนึ้ ไดจากหลาย ๆ สภาวะ เชน เมอื่ โลหะอยใู นสภาวะความเปน็ กรด ความเค็ม หรืออยู ใกลก ับโลหะท่เี สยี อิเล็กตรอนยาก เปน็ ตน การเกดิ สนิมเกดิ จากโลหะเหลก็ เสียอเิ ลก็ ตรอนใหแ กน ้ําและออกซเิ จน เกิดเป็น ซ่งึ ถกู ออกซิเจน และน้ําในอากาศออกซิไดซ์ไปเป็น (s) และเปลี่ยนไปเป็น n O สีของสนิมน้ันอาจ มีสีท่ี แตกตา งกนั ขึน้ อยูก ับ จาํ นวนของน้ํา (n O) ในผลกึ แตแหงซึ่งอาจไมเ ทากัน การปูองกนั การกดั กรอนของโลหะทําไดโดยการปูองกันไมใหผิวโลหะสัมผัสสารเคมีหรือน้ําและ ออกซิเจนใน อากาศ โดยวธิ ีการตา ง ๆ ดงั นี้ 1. การเคลอื บผวิ โลหะ สามารถเคลือบไดโ ดย การทาสี การชบุ นาํ้ มนั หรอื การเคลือบดวยพลาสติก 2. การชบุ เป็นการชุบผวิ โลหะดว ยโลหะอีกชนิดหน่ึง โลหะที่นิยมนํามาใชชุบจะเป็นโลหะท่ีถูกกัด กรอ น ไดย าก เชน นกิ เกิล ทองแดง ดีบุก เงนิ โครเมยี ม เป็นตน 3. การทาํ เปน็ โลหะผสม โดยการนาํ โลหะตั้งแต 2 ชนิดข้ึนไปมาหลอมรวมกัน ทําใหทนตอการกัด กรอน 4. วธิ แี คโทดิก เป็นการปอู งกนั การกัดกรอ นโดยนําโลหะท่มี ีคา E0red ต่ําหรือตัวรีดิวซ์ที่ดีกวาไป พนั ไวกบั โลหะทีต่ อ งการไมใหเกิดสนมิ โลหะทีม่ คี า E0red ตา่ํ จะเปน็ แอโนด และโลหะที่ไมตอ งการใหเกิด สนิม มี E0red สูงกจ็ ะเป็นแคโทด 5. วธิ ีอะโนไดซ์ เปน็ การเปลย่ี นผวิ หนาของโลหะใหกลายเป็นโลหะออกไซด์ โลหะท่ีนิยมใช เชน อะลูมิเนียม โครเมียม ดีบุก สังกะสี โดยกระแสไฟฟูา 12 V ซ่ึงโลหะออกไซด์ท่ีเกิดข้ึนจะทนการกัด กรอน มากกวา โลหะปกติ ออกไซดข์ องโลหะเหลาน้ีจะเคลือบผิวของโลหะไมใ หเกดิ การกดั กรอนตอ ไป 6. การรมดาํ เป็นการปูองกันการกัดกรอนและเพ่ิมความสวยงามใหแกชิ้นโลหะ เชน ปืน ดาบ โดยให เหล็กไปทําปฏิกริ ยิ ากับสารเคมีเฉพาะ เปลี่ยนผิวหนาเหล็กใหกลายเป็น FeO(OH) วิธีการน้ีสามารถใช กับโลหะอ่นื ๆ ได เชน ทองแดง ทองเหลือง อะลูมเิ นียม เงิน และสแตนเลส เปน็ ตน 7. การเคลอื บผวิ โลหะ สมรรถนะสาคญั ของผเู๎ รยี น ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป ัญหา ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ ความสามารถในการใชเทคโนโลยี คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ความซอ่ื สตั ย์สุจริต มวี ินยั ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อยูอยางพอเพยี ง มงุ มั่นในการทํางาน มีจติ สาธารณะ ใฝเุ รียนรู รกั ความเปน็ ไทย แนวความคิดเพือ่ การเรียนรใ๎ู นศตวรรษที่ 21 ทักษะดา นการเรยี นรูแ ละนวัตกรรม สาระวิชาหลัก (Core Subjects)
ทักษะดา นสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี ทกั ษะดานชีวติ และอาชีพ กจิ กรรมการเรยี นรู๎ วธิ สี อน โดยใชกระบวนการสบื เสาะความรู (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ชัว่ โมงที่ 1-3 1. ขน้ั สร๎างความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1.1 ครูสนทนากับนกั เรยี นเร่อื ง เซลล์อิเลก็ โทรไลติก พรอมทั้งใชรูปภาพประกอบ จากน้ันใหนักเรียน เลน Kahoot เพื่อดงึ ดดู ความสนใจ 1.2 ครูใชค ําถามกระตนุ ผเู รยี น ดังนี้ - เซลล์อเิ ล็กโทรไลติกแตกตา งจากเซลลก์ ัลวานิกอยางไร ตอบ เซลล์อิเล็กโทรไลติกจะเปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟูาเป็นพลังงานเคมี แตเซลล์กัลวานิกเป็นการเปลี่ยน พลงั งานเคมใี หเ ปน็ ไฟฟาู 1.3 ครอู ภปิ รายเกย่ี วกับสว นประกอบของเซลล์อิเล็กโทรไลติกและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเซลล์ โดยใชก ารแยกนา้ํ ดวยกระแสไฟฟูา 1.4 ครูทบทวนสมบัติของสารประกอบไอออนิกวาเป็นของแข็งจะไมนําไฟฟูา แตเม่ือใหความรอนจน หลอมเหลวจะนําไฟฟูาได แลวใหความรูเก่ยี วกับการแยกแคลเซยี มคลอไรด์ ท่หี ลอมเหลวดว ยกระแสไฟฟาู 1.5 ครูนํานกั เรยี นเขาสูบทเรยี นเรอ่ื ง การแยกสารละลายดวยกระแสไฟฟาู ซงึ่ จะตองเปน็ สารทล่ี ะลาย นา้ํ แลว แตกตัวเปน็ ไอออนได 2. ข้นั สารวจและค๎นหา (Exploration) (50 นาที) 2.1 ครูนาํ นกั เรียนเขา สกู ารทดลองเพื่อศึกษาการแยกสารละลาย CuSO4 ดวยไฟฟูา พรอมท้ังแจกใบ กิจกรรมการทดลอง 2.2 ครชู ีแ้ จงการทดลอง เรื่อง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ดว ยไฟฟาู การทดลองนม้ี ีจดุ มงุ หมาย เพื่อศึกษาการแยกสารละลายดวยไฟฟูาโดยใชหลักของเซลลอ์ ิเลก็ โทรไลตกิ จุดประสงค์การทดลอง 1. ทาํ การทดลองแยกสารละลายดว ยไฟฟูาได 2. อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงท่ีเกดิ ขน้ึ เมือ่ แยกสารละลาย CuSO4 และสารละลาย KI ดวยไฟฟูาได 3. ระบขุ ัว้ แอโนด ข้วั แคโทด และเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาท่เี กดิ ข้นึ ทีข่ ัว้ ไฟฟาู ได
2.3 ครแู ละนักเรียนชวยการอธิบายข้ันตอนการทดลองพรอมกับ ใหนักเรียนแบงหนาที่กันใหชัดเจน เพ่อื จะไดรวดเร็วในการทาํ การทดลอง 2.4 ครใู หน ักเรียนทาํ การทดลอง พรอ มบนั ทกึ ลงในใบกิจกรรมการทดลอง 3. ข้นั อธบิ ายและลงขอ๎ สรปุ (Explanation) (60 นาท)ี H2O 3.1 ครแู ละนกั เรยี นรวมกันอภปิ รายผลการทดลอง และลงขอ สรปุ ไดดงั นี้ 1. เมอ่ื ผา นไฟฟาู เขาไปในสารละลาย CuSO4ซึ่งในสารละลายประกอบดวย Cu2+ (aq),SO42+(aq)และ (l) การเปลย่ี นแปลงทเี่ กิดขึ้นเปน็ ดงั น้ี ทข่ี ้ัวแคโทด Cu2+ (aq) รับอิเล็กตรอนไดดกี วา H2O (l) จึงเกดิ ทองแดงเกาะท่ขี ้ัว ที่ข้วั แอโนด นา้ํ ใหอ ิเลก็ ตรอนไดด ีกวา SO42+(aq) เกดิ แกส฿ ออกซเิ จนทช่ี ว ยใหไฟตดิ 2. เม่ือผานกระแสไฟฟูาเขาไปในสารละลาย KI ซ่ึงในสารละลายประกอบดวย K+(aq),I+(aq) และ H2O (l) การเปล่ยี นแปลงเกดิ ข้นึ ดังน้ี ทข่ี ้วั แคโทด นํ้ารับอิเลก็ ตรอนไดดกี วา K+(aq) เกดิ แก฿สไฮโดรเจนท่ีติดไฟและ OH-(aq) สารละลายจึง มสี มบัตเิ ปน็ เบส ท่ีขั้วแอโนด I-(aq) เสยี อเิ ล็กตรอนได ถาแยกสารละลายน้ีไปนาน ๆ pH I2 (s) และ I2 (s) ละลายในสารละลาย KI ได สารละลายสีนํา้ ตาล ของสารละลายจะสูงขึ้น เพราะเกิด OH- เพ่ิมขึ้น สวน I- ใน สารละลายจะลดลง 3. ปฏกิ ริ ิยารวมของการแยกสารละลาย CuSO4 และ KI ดว ยไฟฟูามีคา E° ของเซลล์เป็นลบ แสดงวา การเปลี่ยนแปลงนเ้ี กิดขน้ึ เองไมได ตองใชพลังงานจากภายนอก ซ่ึงในที่น้ีก็คือใชพลังงานไฟฟูาจากแบตเตอรี่ สาํ หรบั การแยกสารละลาย CuSO4 ดว ยไฟฟูาจะตองผา นกระแสทม่ี คี า ศกั ยไ์ ฟฟาู มากกวา 0.89 โวลต์ สวนการ แยกสารละลาย KI จะตอ งผา นกระแสไฟฟาู ทม่ี ศี ักย์ไฟฟูามากกวา 1.37 โวลต์ 4. ขั้นขยายความร๎ู (Elaboration) (40 นาท)ี 4.1 ครอู ภปิ รายความรเู พ่ิมเติมการแยกสารละลายดวยกระแสไฟฟาู ตามรายละเอยี ดในหนังสือ 5. ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรียนจากการตอบคําถาม 5.2 ใบกจิ กรรมการทดลองเรอ่ื ง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ดว ยไฟฟูา 5.3 แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายกลุม วสั ดุ อปุ กรณ์ ส่อื และแหลํงเรียนร๎ู 1. power point เรอ่ื ง เซลลอ์ ิเล็กโทรไลตกิ 2. สือ่ วดี ีโอจากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=nmchokcFpPo และ https://www.youtube.com/watch?v=96u8NjH8bvE 3. หนงั สอื เรยี นเคมีเลม 4 4. ใบกจิ กรรมการทดลอง เรอื่ ง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ดวยไฟฟาู
การวดั และการประเมนิ ผล การวดั ผลประเมนิ ผลดา๎ น วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การผําน 1. ดา นความรู 1. การตอบคําถาม 1. โจทย์คําถาม 1. ไดคะแนนรอยละ 60 ขนึ้ ไป 2. ดา นทักษะ 1. กจิ กรรมการทดลอง 1.ใบกจิ กรรมการทดลอง 1. ไดคะแนนรอยละ 60 ข้ึนไป 3. ดานคุณลักษณะที่พึง - สังเกตพฤติกรรมราย -แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คณุ ภาพ ประสงค์ กลมุ รายกลุม ปานกลางข้นึ ไป
บันทึกหลงั แผนการจัดการเรียนร๎ู รายวิชาเคมี 5 รหสั วิชา ว30225 ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ด๎านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ........................................................ครูผูสอน
( นางสาวสุทิพย์ สุขสบาย) ............../............../........... ชอ่ื -สกลุ ....................................................................ชนั้ ......................เลขท.่ี ......................กลุม่ ท่ี ............. ใบกจิ กรรมการทดลอง เรือ่ ง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ด๎วยไฟฟา้ การทดลองนมี้ จี ุดมุงหมายเพ่อื ศึกษาการแยกสารละลายดว ยไฟฟูาโดยใชหลักการของเซลลอ์ ิเล็กโทรไลตกิ จุดประสงค์การทดลอง 1. ทาํ การทดลองแยกสารละลายดว ยไฟฟาู ได 2. อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงทีเ่ กดิ ขึ้น เมอ่ื แยกสารละลาย CuSO4 และสารละลาย KI ดว ยไฟฟูาได 3. ระบุขว้ั แอโนด ขว้ั แคโทด และเขยี นสมการแสดงปฏิกิริยาที่เกิดข้ึนทข่ี วั้ ไฟฟาู ท้งั สองได อปุ กรณ์และสารเคมี 1.สารละลายคอปเปอร์(II) ซัลเฟต 1.0 mol/dm3 2. สารละลายโพแทสเซียมไอโอไดด์ 1.0 mol/dm3 6. สายไฟฟาู 7. คลิปปากจระเข 3. ฟนี อล์ฟทาลนี 8. กา นธูป 4. ชดุ การทดลองแยกสารละลายดวยไฟฟาู พรอ มจกุ ยางท่มี ีไสด ินสอ 9. หลอดหยด เสยี บอยู 5. แบตเตอรี่ 6 โวลต์ (หรอื กระบะถานพรอมถา นไฟถาย 4 กอ น) 10. ไมขดี ไฟ ขกค 1.0 mol/dm3 วิธกี ารทดลอง 1. ใสสารละลาย CuSO4 1 mol/dm3 ทางหลอด ก ใหเต็มหลอด ข และ ค พอดีแลวปิดปลายหลอดดวยจุก ยางทีม่ ีแทง แกรไฟต์หรือลวดนโิ ครมอยูดังรปู 2. ตอขัว้ ไฟฟูาเขา กับแบตเตอร่ี 6 โวลต์ใหครบวงจร ต้งั ไวส ักครู สงั เกตการณเ์ ปล่ยี นแปลง 3. ทดสอบแก฿สท่ีเกิดขน้ึ ดวยกา นธปู ติดไป 4. ทําการทดลองเชนเดียวกับขอ 1-3 แตใชสารละลาย KI 1 mol/dm3 แทนสารละลาย CuSO4 และเติมฟี นอล์ฟทาลีนลงในหลอด ก ข และ ค หลอดละ 2-3 หยด สังเกตการณ์เปลย่ี นแปลง
ตารางบันทึกผลการทดลอง การเปลี่ยนแปลงทส่ี ังเกตได๎ สารละลาย ขวั้ ที่ตอํ กบั ขวั้ บวกของแบตเตอร่ี ข้วั ทีต่ อํ กบั ขัว้ ลบของแบตเตอร่ี มฟี องแกส฿ เกดิ ขนึ้ รอบ ๆ ข้ัว เมือ่ ทดสอบ มีสารสนี ้ําตาลแดงเกาะท่ีขั้ว CuSO4 ดว ยกา นธปู ท่ตี ิดไฟเปน็ ถานแดง จะสวาง เพม่ิ ขึน้ สารละลายรอบๆ ข้วั จะเปล่ียนจากไมม ีสี มีฟองแก฿สเกดิ ขึ้นรอบ ๆ ข้วั เมื่อทดสอบ เป็นสีน้ําตาล ดวยกา นธปู ทีต่ ิดไฟเป็นถา นแดง จะเกิดเสียง KI ปฺอก และสารละลายรอบ ๆ ขว้ั จะเปลยี่ น จากไมม สี ีเป็นสชี มพู อภิปรายและสรปุ ผลการทดลอง 1. เมือ่ ผานไฟฟาู เขา ไปในสารละลาย CuSO4ซ่ึงในสารละลายประกอบดวย Cu2+ (aq),SO42+(aq)และ H2O (l) การเปล่ยี นแปลงที่เกดิ ข้ึนเป็นดังน้ี ทีข่ ้วั แคโทด Cu2+ (aq) รบั อเิ ลก็ ตรอนไดดีกวา H2O (l) จงึ เกิดทองแดงเกาะทข่ี ั้ว ที่ข้วั แอโนด น้าํ ใหอเิ ล็กตรอนไดด ีกวา SO42+(aq) เกดิ แก฿สออกซเิ จนทช่ี วยใหไ ฟตดิ 2. เม่ือผานกระแสไฟฟูาเขาไปในสารละลาย KI ซ่ึงในสารละลายประกอบดวย K+(aq),I+(aq) และ H2O (l) การเปลีย่ นแปลงเกิดข้ึนดงั น้ี ท่ขี ว้ั แคโทด น้ํารบั อเิ ล็กตรอนไดด ีกวา K+(aq) เกิดแก฿สไฮโดรเจนที่ติดไฟและ OH-(aq) สารละลายจึง มสี มบัติเป็นเบส ทขี่ ัว้ แอโนด I-(aq) เสยี อเิ ลก็ ตรอนได ถาแยกสารละลายน้ีไปนาน ๆ pH I2 (s) และ I2 (s) ละลายในสารละลาย KI ได สารละลายสีน้ําตาล ของสารละลายจะสูงข้ึน เพราะเกิด OH- เพ่ิมข้ึน สวน I- ใน สารละลายจะลดลง 3. ปฏกิ ิริยารวมของการแยกสารละลาย CuSO4 และ KI ดวยไฟฟูามีคา E° ของเซลล์เป็นลบ แสดงวา การเปล่ียนแปลงนเ้ี กดิ ขน้ึ เองไมได ตองใชพลังงานจากภายนอก ซ่ึงในท่ีน้ีก็คือใชพลังงานไฟฟูาจากแบตเตอร่ี สําหรบั การแยกสารละลาย CuSO4 ดว ยไฟฟูาจะตอ งผานกระแสทมี่ ีคาศักยไ์ ฟฟาู มากกวา 0.89 โวลต์ สวนการ แยกสารละลาย KI จะตอ งผานกระแสไฟฟาู ทมี่ ีศกั ย์ไฟฟูามากกวา 1.37 โวลต์
ชอ่ื -สกุล....................................................................ชนั้ ......................เลขท.่ี ......................กลุม่ ท่ี ............. ใบกิจกรรมการทดลอง เรอื่ ง การแยกทองแดงไอออนออกจากสารละลาย CuSO4 ดว๎ ยไฟฟา้ การทดลองนี้มจี ดุ มุงหมายเพอื่ ศกึ ษาการแยกสารละลายดว ยไฟฟาู โดยใชห ลกั การของเซลล์อิเลก็ โทรไลตกิ จุดประสงค์การทดลอง 1. ทําการทดลองแยกสารละลายดวยไฟฟาู ได 2. อธิบายการเปลยี่ นแปลงท่ีเกดิ ข้ึน เมื่อแยกสารละลาย CuSO4 และสารละลาย KI ดวยไฟฟูาได 3. ระบุขว้ั แอโนด ขวั้ แคโทด และเขยี นสมการแสดงปฏิกริ ยิ าทเี่ กิดขน้ึ ทข่ี ้ัวไฟฟาู ทง้ั สองได อุปกรณแ์ ละสารเคมี ขกค 1.0 mol/dm3 วธิ กี ารทดลอง 1. ใสสารละลาย CuSO4 1 mol/dm3 ทางหลอด ก ใหเต็มหลอด ข และ ค พอดีแลวปิดปลายหลอดดวยจุก ยางทีม่ แี ทง แกรไฟต์หรอื ลวดนิโครมอยูดงั รปู 2. ตอขว้ั ไฟฟาู เขา กับแบตเตอร่ี 6 โวลตใ์ หค รบวงจร ต้งั ไวสักครู สังเกตการณเ์ ปลีย่ นแปลง 3. ทดสอบแก฿สทเี่ กิดขนึ้ ดว ยกา นธูปติดไป 4. ทําการทดลองเชนเดียวกับขอ 1-3 แตใชสารละลาย KI 1 mol/dm3 แทนสารละลาย CuSO4 และเติมฟี นอลฟ์ ทาลนี ลงในหลอด ก ข และ ค หลอดละ 2-3 หยด สงั เกตการณ์เปล่ยี นแปลง
ตารางบันทึกผลการทดลอง การเปล่ยี นแปลงท่ีสังเกตได๎ สารละลาย ขั้วท่ีตอํ กบั ข้ัวบวกของแบตเตอร่ี ข้ัวที่ตอํ กับข้ัวลบของแบตเตอรี่ …………………………………………………………. …………………………………………………………. CuSO4 …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. KI …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. …………………………………………………………. อภิปรายและสรุปผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลมํุ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ หนา ของตนเอง 2 การวางแผนงานอยา งเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และชว ยเหลอื่ เพอ่ื นรว มงาน 4 การมีสว นรวมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ บกพรองบางสวน ให 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ บกพรอ งมาก ให 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา 6 1 (ปรับปรงุ )
หนํวยการเรียนรูท๎ ่ี 9 ไฟฟ้าเคมี แผนการจัดการเรยี นรูท๎ ี่ 12 เรอื่ ง การชุบด๎วยไฟฟา้ รหสั วิชา ว30225 กลมํุ สาระการเรยี นรูว๎ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวชิ า เคมี 5 (เพิม่ เตมิ ) ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 3 ช่ัวโมง ผลการเรียนร๎ู 1. อธบิ ายหลักการของเซลลอ์ เิ ล็กโทรไลตกิ แบบตา ง ๆ พรอมทง้ั เขยี นสมการแสดงปฏิกิริยาทเี่ กดิ ขึน้ สาระการเรียนรู๎ เซลล์อิเล็กโตรไลต์ (Electrolytic cell) คือ เซลล์ไฟฟูาเคมีที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟูาเป็นพลังงานเคมี เกิดจากการผานกระแสไฟฟูาลงไปในสารเคมีท่ีอยูในเซลล์ แลวทําใหเกิดปฏิกิริยาเคมี เชน การแยกนํ้าดวย กระแสไฟฟาู การชุบโลหะดว ยไฟฟาู จุดประสงคก์ ารเรียนร๎ู ด๎านความรู๎ (Knowledge) 1. อธบิ ายหลักการเซลลอ์ เิ ล็กโทรไลต์สามารถนาํ ไปใชใ นการชบุ โลหะดวยไปฟูาได ดา๎ นทกั ษะ (Process) 2. ทําการทดลองการชบุ ตะปูเหล็กดวยสังกะสี ดา๎ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผมู ีความสนใจใฝรุ ู และมีระเบียบวินยั 2. ปฏิบัติตนเปน็ ผูมีความรบั ผดิ ชอบ ตรงตอเวลา 3. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผมู คี วามซื่อสัตย์ สุจรติ ความคดิ รวบยอด การชุบดวยไฟฟูา คือ เม่ือผานไฟฟูากระแสตรงเขาไปในเซลล์ ไอออนของโลหะในสารละลายท่ีมี ศกั ยไ์ ฟฟูาสูงกวาน้ําจะรับอิเล็กตรอนจากวัตถุ (ช้ินงาน) ที่ตออยูกับขั้วลบของเคร่ืองกําเนิดไฟฟูาหรือแคโทด เกิดเป็นอะตอมของโลหะเคลือบติดอยูท่ีผิวของวัตถุท่ีนํามาชุบ ขณะเดียวกันโลหะที่ข้ัวบวกหรือแอโนดจะ เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันไดไอออนของโลหะท่ีละลายอยูในสารละลาย เพ่ือชดเชยไอออนของโลหะที่ เปล่ียนแปลงไปเป็นอะตอมของโลหะขณะชุบ ดังนั้นแอโนดจะสึกกรอนไป สวนแคโทดจะมีโลหะมาเกาะ เพม่ิ ขึ้น การจดั เซลลเ์ พ่อื ชบุ โลหะมหี ลักการดังนี้ 1. นําวัตถุท่ีจะชุบไปตอเขากับขั้วลบของแบตเตอรีหรือแคโทด สวนโลหะที่เป็นตัวชุบตอเขากับขั้วบวกของ แบตเตอร่ีหรือเป็นแอโนด 2. สารละลายอิเลก็ โทรไลต์ตองมไี อออนของโลหะชนิดเดียวกับโลหะทีเ่ ป็นแอโนดหรือโลหะทีใ่ ชชบุ 3. ใชไ ฟฟูากระแสตรงเพ่อื ใหขัว้ ไฟฟูาเปน็ ขวั้ บวกและลบคงเดมิ
สมรรถนะสาคญั ของผเ๎ู รียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกปญั หา ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต ความสามารถในการใชเทคโนโลยี คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ มีวนิ ยั ใฝุเรียนรู อยูอยางพอเพียง มุงมนั่ ในการทาํ งาน รักความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ แนวความคิดเพื่อการเรียนรู๎ในศตวรรษที่ 21 ทกั ษะดา นการเรียนรแู ละนวตั กรรม สาระวิชาหลกั (Core Subjects) ทกั ษะดา นชีวิตและอาชพี ทกั ษะดา นสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี กิจกรรมการเรียนร๎ู วธิ สี อน โดยใชกระบวนการสืบเสาะความรู (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ชั่วโมงที่ 1-3 1. ขั้นสร๎างความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1.1 ครูสนทนากบั นักเรยี นทบทวนเร่ือง เซลลอ์ ิเล็กโทรไลติก 1.2 ครใู ชกระตนุ นักเรียนดงั นี้ 1. นักเรียนคิดวา เซลลอ์ เิ ลก็ โทรไลตกิ สามารถนําไปใชประโยชนอ์ ะไร ตอบ การชบุ ดวยไฟฟูา เชน การชุบตะปูเหล็กดวยสงั กะสี 1.3 ครเู กร่ินนาํ นักเรียนเขาสูการทดลองเรือ่ ง การชบุ ตะปเู หล็กดว ยสังกะสี 2. ขัน้ สารวจและค๎นหา (Exploration) ( 55 นาท)ี 2.1 ครูแจกใบกิจกรรมการทดลองเร่ือง การชบุ ตะปเู หล็กดว ยสงั กะสี 2.2 ครชู แี้ จงจดุ มงุ หมายใหนกั เรียนทาํ การศกึ ษาการชบุ ดวยไฟฟูา 2.3 ครแู ละนักเรียนชวยการอธิบายขัน้ ตอนการทดลองพรอมท้ัง ใหนักเรียนแบงหนาที่ทําการทดลอง เพอื่ ความรวดเรว็ 2.3 ครูใหน ักเรยี นบันทกึ ผลลงในตารางใบกจิ กรรมการทดลองเร่ือง การชบุ ตะปูเหล็กดวยสังกะสี 2.4 ครูแนะนาํ การทดลองดังนี้ 1. ใชกระดาษทรายขัดแผน สังกะสีใหสะอาด 2. เม่อื ทาํ ความสะอาดชน้ิ โลหะท่ีตอ งการชุบจนสะอาดแลว ตอ งไมใ ชมอื จบั ชิ้นโลหะโดยตรง 3. ตอขัว้ ไฟฟูาเขากับขว้ั แบตเตอรีใ่ หถูกตอง 2.5 ครูใหนกั เรียนเริม่ ทําการทดลอง 3. ข้ันอธบิ ายและลงข๎อสรปุ (Explanation) (55 นาท)ี 3.1 ครูและนักเรยี นรว มกนั อภปิ รายผลการทดลองเร่อื ง การชุบตะปเู หลก็ ดว ยสงั กะสี ดังน้ี อภปิ รายผลการทดลอง
1. ข้ัวท่ีตอกับข้ัวบวกของแบตเตอรี่คือ ข้ัว Zn ใหอิเล็กตรอนเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันเกิดเป็น Zn2+ (aq) ละลายอยใู นสารละลาย ดงั สมการ Zn(s) Zn2+(aq) + 2e- 2. ขั้วท่ีตอกับขั้วลบของแบตเตอรี่คือ ตะปูเหล็ก ซ่ึงจุมลงในสารละลาย Zn2+(aq) จะรับอิเล็กตรอน เกิดปฏิกริ ิยารีดักชนั ไดโลหะสังกะสเี กาะที่ตะปูเหล็ก ดงั สมการ Zn(s) Zn2+(aq) + 2e- อภปิ รายตอ ไปเพื่อใหไ ดข อสรุปเกยี่ วกบั หลักการชุบดว ยไฟฟูาดงั น้ี 1. จดั สิ่งทีต่ อ งการชบุ เปน็ ข้ัวแคโทด 2. ตอ งการชุบดว ยโลหะใด ใชโ ลหะนัน้ เปน็ ข้ัวแอโนด 3. สารละลายอิเล็กโทรไลตต์ องมีไอออนของโลหะท่เี ป็นขวั้ ท่ตี องการชุบ 4. ตองการใชไ ฟฟาู กระแสตรงเพอื่ ใหอ ิเลก็ ตรอนไหลในทศิ ทางเดยี วตลอดเวลา 5. ขณะชุบโลหะ ความเขมขนของสารละลายอิเล็กโทรไลต์ไมเปลี่ยนแปลงตราบใดที่ข้ัวแอโนดยังไม กรอ นหมด 4. ขนั้ ขยายความรู๎ (Elaboration) (40 นาที) 4.1 ครูใหขอ เสนอแนะ การชุบโลหะใหไดผวิ เรยี บและสวยงามขน้ึ อยกู บั ปจั จัยตอ ไปน้ี 1. สารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ตองมคี วามเขม ขน เหมาะสม 2. กระแสไฟฟูาที่ตองปรับคาความตางศักย์ใหมีความเหมาะสมตามชนิดและขนาดของช้ิน โลหะท่ีตองการชบุ 3. โลหะทีใ่ ชเ ปน็ ขว้ั แอโนดตอ งบริสทุ ธ์ิ 4. ไมค วรชุบนานเกินไป 4.2 ครูเสรมิ เนอ้ื หาเพมิ่ เตมิ การทาํ โลหะใหบริสุทธ์ิโดยใชเซลลอ์ เิ ล็กโทรไลติก และใหทําแบบฝึกหัดลง สมดุ โดยโจทย์อยูในหนังสือเคมีเลม 4 หนาที่ 65 การผลติ อะลูมิเนียมและผลติ โลหะแมกนเี ซียมตามรายละเอยี ดในบทเรียน ถาในสารละลายอิเล็กโทรไลต์มีทัง้ Cu2+ ,Fe2+ และ Zn2+ แตม เี พียง Cu2+ เทา นนั้ ที่รับอิเลก็ ตรอนท่ขี วั้ แคโทดเนอื่ งจากเมื่อพจิ ารณาคา E° ดงั ตอไปนี้ Cu2+(aq) + 2e- Fe2+(aq) + 2e- Cu E° = +0.34 V Zn2+(aq) + 2e- Fe E° = -0.44 V Zn E° = -0.76 V จากคา E° Cu2+ มคี า E° สูงกวา Fe2+ และ Zn2+ มาก จงึ รบั อเิ ลก็ ตรอนไดด กี วา 5. ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (10 นาที) 5.1 ครปู ระเมินนักเรยี นจากการตอบคาํ ถาม 5.2 การสังเกตพฤตกิ รรมรายกลุม 5.3 สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5.3 ใบกจิ กรรมการทดลองเร่อื ง การชุบตะปเู หล็กดว ยสงั กะสี
การวัดและการประเมินผล การวดั ผลประเมินผลดา๎ น วิธีการวัด เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารผําน 1. โจทยแ์ บบฝึกหดั 1. ดา นความรู 1. ทาํ แบบฝกึ หัด 1. ไดคะแนนรอยละ 60 ขึ้นไป 2. ดา นทักษะ 1. กิจกรรมการทดลอง 1. ใบกิจกรรมการ 1. ไดคะแนนรอยละ ทดลอง 60 ข้นึ ไป - สังเกตพฤติกรรมราย -แบบสงั เกตพฤตกิ รรม กลมุ รายกลมุ 3. ดานคุณลักษณะที่พึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ รายบุคคล รายบุคคล ปานกลางข้นึ ไป
บันทึกหลงั แผนการจัดการเรยี นรู๎ รายวชิ าเคมี 5 รหสั วชิ า ว30225 ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6 1. ดา๎ นความรู๎ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดา๎ นทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปญั หาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ........................................................ครูผูสอน ( นางสาวสุทพิ ย์ สุขสบาย)
ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน ............../............../........... และทา ิกจกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล วชิ า ...................................................................................................... ชน้ั ......................................... การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือนเลขท่ี ช่ือ-นามสกลุ ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรม ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์คหมายเหตุ ใหบันทกึ โดยใชเคร่อื งหมาย ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = แสดงพฤตกิ รรมที่พึงประสงค์ตามคาดหวงั = ไมแ สดงพฤติกรรมที่พึงประสงคต์ ามคาดหวัง หมายเห ุต เกณฑ์การประเมิน
นักเรยี นมพี ฤติกรรมท่ีพงึ ประสงค์ตามคาดหวงั ตัง้ แต ๓ รายการขนึ้ ไป ถือวา ผานเกณฑ์การประเมนิ ชอ่ื -สกลุ ....................................................................ชนั้ ......................เลขท.่ี ......................กลุม่ ท่ี ............. ใบกจิ กรรมการทดลอง เรอื่ ง การชบุ ตะปูเหล็กด๎วยสงั กะสี การทดลองน้ีมีจดุ มงุ หมายเพื่อศกึ ษาหลักการชบุ ดว ยไฟฟาู จดุ ประสงคก์ ารทดลอง 1. ทําการทดลองชุบดวยไฟฟูาได 2. อธบิ ายหลกั การชุบดว ยไฟฟาู และเขยี นสมการแสดงปฏกิ ิริยาท่ีเกดิ ข้นึ ที่ข้วั ไฟฟาู ได สารเคมี 1. ตะปเู หล็กหรอื ช้ินงานเหลก็ 2. แผน สงั กะสีขนาด 1 cm × 4 cm 3. สารละลายซิงค์ซลั เฟต 0.1 mol/dm3 4. สารละลายกรดไฮโดรคลอริก 1 mol/dm3 อปุ กรณ์ 1. บีกเกอร์ขนาด 50 cm3 2. แบตเตอรี่ 3 โวลต์ 3. สายไฟฟูาพรอ มคลิปจระเข 4. ปากคีบ วธิ กี ารทดลอง 1. ใชกระดาษทรายขดั ตะปูเหลก็ ขนาดยาวประมาน 3 cm แลวนําไปใชใ นสารละลายกรด HCl 1 mol/dm3 2 นาที นําออกมาลา งนาํ้ ใหสะอาดและเชด็ ผิวใหแ หง 2. เตมิ สารละลาย ZnSO4 0.1 mol/dm3 70 cm3 ลงในบีกเกอรข์ นาด 100 cm3 3. ตอแผนสังกะสีเขา กับขว้ั บวกและตอตะปเู หล็กเขากับขว้ั ลบของแบตเตอรี่ ใชศ กั ยไ์ ฟฟูาประมาน 3 โวลต์ ดงั รูป สงั เกตการณ์เปลีย่ นแปลงท่เี กดิ ขนึ้ เม่อื เวลาผา นไปประมาณ 5 นาที บันทกึ ผลการทดลอง มีสารสีเทาเกาะท่ีตะปูเหล็กสวนที่จุมอยูในสารละลาย และแผนสังกะสีท่ีจุมในสารละลายกรอน สังเกตเหน็ ผิวขรุขระเลก็ นอ ย สรปุ ผลการทดลอง 1. จัดสงิ่ ทีต่ องการชุบเป็นข้ัวแคโทด 2. ตอ งการชบุ ดว ยโลหะใด ใชโลหะน้นั เป็นขัว้ แอโนด 3. สารละลายอิเลก็ โทรไลตต์ อ งมไี อออนของโลหะทเี่ ป็นข้วั ท่ีตองการชุบ 4. ตอ งการใชไฟฟาู กระแสตรงเพ่ือใหอ เิ ลก็ ตรอนไหลในทศิ ทางเดียวตลอดเวลา 5. ขณะชบุ โลหะ ความเขมขนของสารละลายอิเลก็ โทรไลต์ไมเปล่ียนแปลงตราบใดทข่ี ั้วแอโนดยังไมก รอ นหมด
ใบกจิ กรรมการทดลอง เรื่อง การชุบตะปเู หลก็ ดว๎ ยสงั กะสี การทดลองน้มี จี ดุ มุงหมายเพือ่ ศกึ ษาหลกั การชุบดวยไฟฟาู จดุ ประสงคก์ ารทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สารเคมี 1. ………………………………………… 2. ……………………………………… 3. ………………………………………… 4. ………………………………………… อุปกรณ์ 1. ………………………………………… 2. ………………………………………… 3. ………………………………………… 4. ………………………………………… วธิ ีการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… บนั ทกึ ผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สรปุ ผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลมํุ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ หนา ของตนเอง 2 การวางแผนงานอยา งเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และชว ยเหลอื่ เพอ่ื นรว มงาน 4 การมีสว นรวมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ บกพรองบางสวน ให 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ บกพรอ งมาก ให 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา 6 1 (ปรับปรงุ )
หนวํ ยการเรยี นรูท๎ ่ี 9 ไฟฟ้าเคมี แผนการจดั การเรยี นรูท๎ ี่ 13 เรอ่ื ง ความกา๎ วหนา๎ ทางเทคโนโลยี รหัสวิชา ว30225 กลุมํ สาระการเรียนรวู๎ ิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 รายวิชา เคมี 5 (เพิม่ เติม) ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชวั่ โมง ผลการเรียนรู๎ อธิบายหลักการทํางานของแบตเตอร่ีอิเล็กโทรไลต์แข็ง แบตเตอรี่อากาศ การทําอิเล็กโทรไดอะไลซิส น้าํ ทะเลได สาระการเรียนร๎ู ความกาวหนาทางเทคโนโลยีที่เก่ียวของกับเซลล์ไฟฟูาเคมี สามารถนําความรูเรื่องไฟฟูาเคมีทั้งเซลล์ กลั วานิกและเซลลอ์ เิ ล็กโทรไลตไ์ ปประยกุ ต์ ใชเ พ่อื พฒั นาเครื่องมอื เครื่องใชและวัสดุอปุ กรณต์ าง ๆ ที่เก่ียวของ กับโลหะและสารละลายอเิ ลก็ โทรไลตไ์ ดด ังตัวอยางตอไปน้ี เชน แบตเตอร่ีอิเล็กโทรไลต์แข็ง แบตเตอร่ีอากาศ การทาํ อเิ ล็กโทรได อะไลซิสนํา้ ทะเลได จุดประสงค์การเรยี นรู๎ ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) - อธิบายหลักการทํางานของแบตเตอรี่อิเล็กโทรไลต์แข็ง แบตเตอร่ีอากาศ การทําอิเล็กโทรได อะไลซสิ น้าํ ทะเลได ด๎านทกั ษะ (Process) - มีทกั ษะกระบวนในการทาํ งานกลมุ ดา๎ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผมู ีความสนใจใฝรุ ู และมรี ะเบียบวินยั 2. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผมู คี วามรับผดิ ชอบ ตรงตอเวลา 3. ปฏบิ ัตติ นเป็นผูมคี วามซอื่ สตั ย์ สจุ รติ ความคิดรวบยอด ความกาวหนา ทางเทคโนโลยีท่เี ก่ียวของกับเซลลไ์ ฟฟาู เคมี สามารถนําความรูเร่ืองไฟฟูาเคมีท้ังเซลล์กัลวานิกและเซลล์อิเล็กโทรไลต์ไปประยุกต์ใชเพื่ อพัฒนาเคร่ืองมือ เครื่องใชแ ละวัสดอุ ุปกรณต์ า ง ๆ ทเี่ กี่ยวของกับโลหะและสารละลายอิเล็กโทรไลตไ์ ดด งั ตัวอยา งตอ ไปน้ี 1. แบตเตอร่อี เิ ลก็ โทรไลตข์ องแข็ง แบบเตอรี่อิเล็กโทรไลต์ของแข็ง (Solid electrolyte battery) เป็นเซลล์สะสมไฟฟูาท่ีใชโลหะลิเทียมเป็น แอโนดและเทเนยี มไดซลั ไฟด์ (TiS2) เป็นแคโทด โดยอิเล็กโทรไลต์เปน็ สารพวกพอลิเมอร์ จึงเรียกวา อิเล็กโทร ไลต์แข็ง ซึ่งมีสมบัตยิ อมใหไ อออนผา นไดดี แตไ มย อมใหอเิ ล็กตรอนผา น 2. แบตเตอร่ีอากาศ
รถยนต์ไฟฟูาไดมีการพัฒนาข้ึนเพ่ือใหสามารถเก็บสะสมปริมาณไฟฟูาไดมากข้ึน แบตเตอรีอากาศเป็น พัฒนาการอยา งหนงึ่ ซ่ึงใชอ อกซเิ จนในอากาศเปน็ ตัวออกซิไดส์ ใชโลหะ เชน Znหรือ Al เป็นตวั รดี ิวซ์ และอาจ ใชสารละลาย NaOH เขมขนเป็นอเิ ลก็ โทรไลต์ 3. อิเลก็ โทรไดอะลิซิส เป็นเซลล์อิเล็กโทรไลต์ท่ีใชแยกไอออนจากสารละลายโดยใหไอออนเคลื่อนท่ี ผานเย่ือแลกเปลี่ยนไอออน ซึ่งเป็นเย่ือบาง ๆ ไปยังข้ัวไฟฟูาท่ีมีข้ัวตรงกันขาม สารละลายจึงมีความเขมขน ลดลง ใชหลักการนี้ในการผลิตนํ้าจืดจากนา้ํ ทะเล สมรรถนะสาคญั ของผ๎ูเรยี น ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกปัญหา ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ความซอื่ สัตยส์ ุจริต มวี ินัย ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ มงุ ม่ันในการทํางาน อยูอยางพอเพียง ใฝุเรยี นรู มจี ิตสาธารณะ รักความเป็นไทย แนวความคิดเพือ่ การเรยี นร๎ูในศตวรรษที่ 21 ทักษะดานการเรียนรแู ละนวัตกรรม สาระวชิ าหลัก (Core Subjects) ทักษะดา นชีวติ และอาชีพ ทักษะดา นสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรียนร๎ู วธิ สี อน โดยใชก ระบวนการสืบเสาะความรู (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ช่วั โมงท่ี 1-3 1. ขน้ั สรา๎ งความสนใจ (Engagement) (25 นาที) 1.1 ครูสนทนากับนกั เรียนเรื่อง เซลลไ์ ฟฟูาเคมี พรอ มใหนกั เรยี นเลมเกม Kahoot เพอื่ ดึงดูดความ สนใจของผูเรียน 1.2 ครูเกร่นิ นาํ เกี่ยวกบั ปัจจบุ นั การนําความรขู องเซลล์ไฟฟาู เคมี ทงั้ ความรูในเรื่องเซลล์กัลปวานิกละ เซลล์อิเล็กโทรไลติกมาประยุกต์ใชในการสรางเครื่องมือและอุปกรณ์ตาง ๆมากมายท่ีเกี่ยวของกับโลหะและ สารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์ 2. ข้ันสารวจและค๎นหา (Exploration) ( 45 นาที) 2.1 ครนู ํานกั เรียนเขาสูบ ทเรยี นเรอ่ื ง ความกา วหนา ทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวขอ งกบั เซลลไ์ ฟฟาู เคมี 2.2 ครใู หนกั เรียนแบง กลมุ กลุมละ 4-5 คน และใหน กั เรียนแตละกลมุ ศกึ ษา คน ควาเกยี่ วกับ ความกา วหนาทางเทคโนโลยีที่เก่ียวของกับเซลล์ไฟฟูาเคมี ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน และอินเทอร์เน็ต โดยรวบรวมขอ มูลจากการศกึ ษาคน ควาใหไดม ากทสี่ ดุ ขอบเขตการคน ควาหาความรมู ีดังน้ี 1. แบตเตอร่ีอเิ ลก็ โทรไลตข์ องแขง็ 2. แบตเตอรีอ่ ากาศ
3. การทาํ อิเลก็ โทรไลติกไดอะไลซสิ น้ําทะเล 2.3 ครูใหน ักเรยี นทาํ การจดบันทึกขอมลู ลงในสมุด ตามความเขาใจของนกั เรยี น 3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ๎ สรปุ (Explanation) ( 40 นาท)ี 3.1 ครูใหน กั เรียนนาํ ขอ มูลทีไ่ ดจากทช่ี ว ยกันหาภายในกลุมมาสรปุ เปน็ มายแม็บใสกระดาษบร฿ฟู 3.2 ครใู หนักเรยี นแตล ะออกมานําเสนอผลการทดลองหนาชนั้ เรยี น 4. ข้ันขยายความร๎ู (Elaboration) (55 นาท)ี 4.1 ครชู ว ยอธบิ ายเน้อื หาทนี่ ักเรยี นเขาใจมากยิง่ ข้ึน จากนัน้ เปิดวดี ีโอใหนักเรยี นทาํ การศึกษาเพิม่ เติม เรอ่ื ง ความกา วหนา ทางเทคโนโลยีทเี่ กี่ยวขอ งกบั เซลลไ์ ฟฟาู เคมีและแบตเตอรอี่ ิเลก็ โทรไลตข์ องแขง็ และ แบตเตอรอี่ ากาศ จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=nmchokcFpPo และ https://www.youtube.com/watch?v=96u8NjH8bvE 4.2 ครูใหน กั เรยี นทําแบบฝึกหัดเรือ่ ง ความกาวหนาทางเทคโนโลยีทเ่ี กยี่ วขอ งกับเซลลไ์ ฟฟาู เคมี 5. ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (15 นาที) 5.1 แบบประเมนิ การนาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น 5.2 มายแมบ็ เร่อื ง ความกาวหนาทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวของกับเซลลไ์ ฟฟูาเคมี 5.3 สงั เกตพฤตกิ รรมเป็นรายกลมุ 5.4 จากการตอบคาํ ถามหนาชน้ั เรียน วสั ดุ อปุ กรณ์ ส่ือและแหลํงเรยี นร๎ู 1. power point เร่ือง ความกาวหนา ทางเทคโนโลยที ี่เก่ยี วขอ งกบั เซลล์ไฟฟาู เคมี 2. ส่อื วีดีโอจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=nmchokcFpPo และ https://www.youtube.com/watch?v=96u8NjH8bvE 3. หนงั สือเรียนเคมีเลม 4 4. แผนผงั ความคดิ เรอ่ื ง ความกา วหนา ทางเทคโนโลยที เ่ี ก่ยี วขอ งกับเซลล์ไฟฟาู เคมี การวดั และการประเมนิ ผล การวัดผลประเมินผลดา๎ น วธิ ีการวัด เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การผําน 1. ดานความรู 1. การทาํ แบบฝึกหัด 1. โจทย์แบบฝกึ หดั 1. ไดคะแนนรอยละ 2. ดา นทักษะ 1. การนาํ เสนองาน 60 ขน้ึ ไป 1. แบบประเมินการ 1. ไดคะแนนรอยละ นาํ เสนองาน 60 ขน้ึ ไป 2. แผนผังความคดิ 2.ชน้ิ งาน 3. ดานคุณลักษณะท่ีพึง - สังเกตพฤติกรรมราย -แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ กลุม รายกลมุ ปานกลางขึน้ ไป
บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรยี นรู๎ รายวิชาเคมี 5 รหสั วิชา ว30225 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดา๎ นทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ด๎านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปญั หาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ........................................................ครูผูสอน ( นางสาวสุทพิ ย์ สุขสบาย) ............../............../...........
แบบประเมนิ การนาเสนองาน กลมํุ ……………………………………………....…หวั ขอ๎ เรอ่ื ง………..…………………………………… ลาดบั รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 เนือ้ หาครบถวน 2 การวางแผนงานอยา งเป็นระบบ 3 การตอบคาํ ถาม 4 มีความสวยงาม ความคดิ สรางสรรค์ 5 นําเสนอชดั เจน นา สนใจ รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ ลงชื่อ.......................................................ผปู ระเมนิ (……………………………………) .........../............................/.......... เกณฑ์การให๎คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรือพฤตกิ รรมความสมบูรณ์ชดั เจน ให 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ บกพรองบางสวน ให 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ บกพรองมาก ให 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา 6 1 (ปรบั ปรุง)
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลมํุ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ หนา ของตนเอง 2 การวางแผนงานอยา งเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และชว ยเหลอื่ เพอ่ื นรว มงาน 4 การมีสว นรวมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ บกพรองบางสวน ให 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ บกพรอ งมาก ให 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา 6 1 (ปรับปรงุ )
แบบฝึกหัดเร่ือง ความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีท่ีเก่ียวข๎องกับเซลล์ไฟฟ้าเคมี 1.ความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข๎องกับเซลล์ไฟฟ้าเคมี คือ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข๎องกับเซลล์ไฟฟ้าเคมี มีอะไรบ๎าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ให๎นักเรียนเลือกศึกษาความก๎าวหน๎าทางเทคโนโลยีที่เก่ียวข๎องกับเซลล์ไฟฟ้าเคมียกตัวอยํางมา 1 อยําง พร๎อมปร้ินรูปแปะ และอธิบายให๎ชัดเจน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… … ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 10 ธาตแุ ละสารประกอบอินทรยี ์ ในอตุ สาหกรรม
แผนการจัดการเรียนร๎ูที่ 14 หนํวยการเรียนร๎ทู ่ี 10 ธาตุและสารประกอบอนนิ ทรียใ์ นอตุ สาหกรรม เร่อื ง อุตสาหกรรมแรํ กลุํมสาระการเรยี นรว๎ู ทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว30225 รายวิชา เคมี 5 (เพิ่มเตมิ ) เวลา 3 ชวั่ โมง ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 ผลการเรยี นร๎ู 1. อธิบายถลงุ แรหรือการสกัดแรชนิดตา ง ๆ พรอมทั้งเขียนสมการแสดงปฏิกริ ิยาทเ่ี กิดขนึ้ และบอก ประโยชนข์ องแรต า ง ๆ ได 2. อธบิ ายสมบตั ิและประโยชนข์ องแรรัตนชาติชนิดตาง ๆ และอธิบายวิธีพัฒนาคุณภาพของแรรัตน- ชาติได สาระการเรยี นร๎ู อุตสาหกรรมแร แร คือ ธาตุหรือสารประกอบท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติ โดยกระบวนการทาง ธรณีวทิ ยาภายในโลกและทผ่ี ิวโลกมอี งคป์ ระกอบเป็นชว งมีโครงสรา งและองค์ประกอบเฉพาะตัวสวนสินแร คือ กลุมของแรตาง ๆ ที่มีปริมาณมากพอในเชิงเศรษฐกิจซึ่งสามารถใชเป็นวัตถุดิบในการหลอมเหลวหรือถลุง เพอ่ื ใหไ ดโลหะแรหลักชนิดตา ง ๆ จําแนกตามองค์ประกอบทางเคมี จดุ ประสงค์การเรยี นรู๎ ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) 1. อธบิ ายวธิ ถี ลงุ หรือการสกัดแรประกอบหินกับแรเศรษฐกิจ และยกตวั อยา งประกอบได 2. อธบิ ายผลกระทบทเี่ กิดจากกระบวนถลงุ แรชนิดตา งๆ ตอสิง่ แวดลอมและวิธปี ูองกันได 3. อธบิ ายวิธกี ารถลงุ หรือการสกดั แรทอง สังกะสี แคดเมียม ดีบุก โคลัมไบต์ – แทนทาไลต์ ทังสเตน พลวง และเซอรค์ อนได 4. อธบิ ายสมบัติและวิธีการพฒั นาคุณภาพของแรรัตนชาติได ด๎านทักษะ (Process) - ทกั ษะกระบวนการกลมุ ด๎านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ัตติ นเป็นผูม ีความสนใจใฝรุ ู และมรี ะเบยี บวนิ ัย 2. ปฏิบตั ิตนเป็นผมู คี วามรบั ผดิ ชอบ ตรงตอเวลา 3. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผมู ีความซอื่ สัตย์ สจุ รติ ความคดิ รวบยอด แรค อื ธาตหุ รอื สารประกอบอนินทรยี ท์ ี่เกดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติ มีโครงสรางองคป์ ระกอบและสมบตั ิ เฉพาะตวั เม่อื ยึดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเปน็ หลักจะจําแนกไดเ ป็นแรประกอบหินกับแรเ ศรษฐกิจ 1. แรเศรษฐกิจหรอื แรอตุ สาหกรรม หมายถงึ แรท ม่ี คี ณุ คาทางเศรษฐกจิ หรือมปี ระโยชนต์ อ อุตสาหกรรมตา ง ๆ แบงออกเปน็ แรโลหะและแรอโลหะ
2. แรป ระกอบหิน หมายถงึ แรท ่ีเปน็ สวนประกอบของหินซ่งึ ใชเป็นหลกั ในการบง บอกถึงชนดิ ของหิน เชน หินแกรนิต ประกอบดวย แรควอร์ตซ์ เฟลด์สปาร์ และไมกา สมรรถนะสาคญั ของผู๎เรยี น ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกปัญหา ความสามารถในการใชท กั ษะชีวติ ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ความซอ่ื สัตยส์ ุจริต มีวนิ ยั อยูอยางพอเพียง มุง มั่นในการทํางาน ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ มจี ิตสาธารณะ ใฝเุ รยี นรู รักความเป็นไทย แนวความคดิ เพอ่ื การเรียนรู๎ในศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะดา นการเรยี นรูแ ละนวตั กรรม ทักษะดานชวี ติ และอาชีพ สาระวชิ าหลกั (Core Subjects) ทักษะดานสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรียนรู๎ วธิ ีสอน โดยใชก ระบวนการสบื เสาะความรู (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงที่ 1-3 1. ข้ันสรา๎ งความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1.1 ครสู นทนากับนกั เรยี นเร่อื ง ธาตุและสารประกอบอนนิ ทรียใ์ นอตุ สาหกรรรม พรอ มใหน ักเรียนเลน เกม Kahoot ! เพอื่ ดงึ ดดู ความสนใจของผูเ รยี น 1.2 ครใู ชคาํ ถามกระตนุ ผเู รยี น ดังนี้ - แร แบง ออกเปน็ ก่ีประเภท อะไรบาง ตอบ 2 ประเภท 1. แรป ระกอบหนิ 2. แรเ ศรษฐกิจ - แร เศรษฐกิจ แบง ออกเป็นก่ปี ระเภท อะไรบา ง ตอบ 2 ประเภท 1. แรโ ลหะ 2. แรอ โลหะ 1.3 ครูอธิบายเพ่ิมเติม แรแตละชนิดจะมีองค์ประกอบทางเคมีและสมบัติที่แตกตางกัน จึงนําไปใช ประโยชนไ์ ดตางกัน 1.4 ครูนํานกั เรียนเขา สบู ทเรยี นเร่อื ง อตุ สาหกรรมแร 2. ข้ันสารวจและค๎นหา (Exploration) (50 นาท)ี 2.1 ครูใหน ักเรียนทาํ การศกึ ษาเกีย่ วกับองคป์ ระกอบทางเคมี สมบัติ และการนําไปใชประโยชน์ของแร บางชนิด 2.2 ครใู หน กั เรียนแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กัน ใหน กั เรยี นทาํ การศกึ ษาเก่ียวกบั แร ดงั น้ี 1. แรทองแดง 2. แรส งั กะสีและแคดเมยี ม 3. แรดีบุก 4. แรโ คลมั ไบต์-แทนทาไลต์ 5. แรทงั สเตน 6. แรพลวง 7. แรเซอร์คอน 8. แรรัตนชาติ
2.4 ครใู หนักเรยี นทําการศกึ ษาจากหนงั สือ และอินเตอร์เน็ต รวมถึงใบความรเู รื่อง อตุ สาหกรรมแร 3. ข้ันอธบิ ายและลงขอ๎ สรุป (Explanation) (60 นาท)ี 3.1 ครูใหนกั เรียนแตละกลุมสรุปหวั ขอ ทต่ี นเองไดรบั จากนน้ั ทําแผนผังความคดิ กระดาษบรูฟ฿ 3.2 เม่ือนักเรียนทาํ แผนผงั ความคิดเสร็จ ครใู หนักเรียนแตล ะกลมุ ออกมานําเสนองาน 3.3 ครใู หน กั เรียนออกมานําเสนอกลมุ ละ 10 นาที 4. ขัน้ ขยายความร๎ู (Elaboration) (40 นาที) 4.1 ครเู ปิดวดี ีโอใหน กั เรียนดู เพอื่ เปน็ การศกึ ษาเพ่ิมเตมิ เร่อื ง อุตสาหกรรมแร และแรร ัตนชาติ https://www.youtube.com/watch?v=46UISKMdwXM https://www.youtube.com/watch?v=ALiLR6c1h4g 4.2 ครใู หน ักเรยี นทาํ แบบฝกึ หดั เรื่อง อุตสาหกรรมแร 5. ขั้นประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรยี นจากการตอบคําถาม 5.2 แบบประเมินการนาํ เสนอ 5.3 แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5.4 แบบสังเกตผูเรยี นรายกลมุ 5.5 สังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล วัสดุ อุปกรณ์ ส่อื และแหลํงเรียนร๎ู 1. แผนผงั ความคดิ 2. สื่อวดี ีโอจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=46UISKMdwXM และ https://www.youtube.com/watch?v=ALiLR6c1h4g 3. หนงั สือเรยี นเคมเี ลม 4 4. หอ งสมดุ การวัดและการประเมินผล การวัดผลประเมนิ ผลดา๎ น วิธกี ารวัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การผาํ น 1. ดา นความรู 1. แบบฝกึ หดั 1. โจทยแ์ บบฝึกหัด 1. ไดคะแนนรอยละ 2. แผนผังความคิด 2.ชิ้นงาน 60 ขึ้นไป 2. ดานทักษะ 1. การนาํ เสนองาน 1.แบบประเมินการ 1. ไดคะแนนรอยละ นําเสนองาน 60 ขนึ้ ไป 2. สังเกตพฤติกรรมราย 2. แบบสังเกตพฤติกรรม กลมุ รายกลุม 3. ดานคุณลักษณะท่ีพึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คณุ ภาพ ประสงค์ รายบุคคล รายบคุ คล ปานกลางขึ้นไป
บนั ทึกหลังแผนการจัดการเรียนร๎ู รายวชิ าเคมี 5 รหสั วชิ า ว30225 ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 1. ด๎านความรู๎ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ดา๎ นทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแกไ๎ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ........................................................ครูผูสอน ( นางสาวสทุ พิ ย์ สุขสบาย) ............../............../...........
ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ใหบันทกึ โดยใชเครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมทพ่ี งึ ประสงคต์ ามคาดหวัง ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไมแ สดงพฤติกรรมท่พี งึ ประสงคต์ ามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวงั ตงั้ แต 3 รายการขึน้ ไป ถอื วา ผา นเกณฑก์ ารประเมนิ
แบบประเมนิ การนาเสนองาน กลมํุ ……………………………………………....…หวั ข๎อเร่อื ง………..…………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 เนื้อหาครบถว น 2 การวางแผนงานอยางเปน็ ระบบ 3 การตอบคาํ ถาม 4 มีความสวยงาม ความคิดสรางสรรค์ 5 นาํ เสนอชัดเจน นาสนใจ รวม รวมคะแนน การตดั สินคุณภาพ ลงช่ือ.......................................................ผปู ระเมนิ (……………………………………) .........../............................/.......... เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรือพฤตกิ รรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมีขอ บกพรอ งบางสวน ให 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีขอบกพรอ งมาก ให 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ตํา่ กวา 6 1 (ปรบั ปรงุ )
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลมํุ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ หนา ของตนเอง 2 การวางแผนงานอยางเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และชวยเหลอื่ เพอ่ื นรว มงาน 4 การมีสว นรวมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คุณภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมความสมบรู ณ์ชัดเจน ให 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อบกพรองบางสวน ให 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ บกพรอ งมาก ให 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา 6 1 (ปรับปรงุ )
แบบฝึกหัดเรอ่ื ง อุตสาหกรรมแรํ จงทาเคร่ืองหมายถูกต๎อง √ หน๎าข๎อความท่ีถูกต๎อง และเคร่ืองผิด × หน๎าข๎อความที่ไมํถูกต๎อง พร๎อมท้ัง แก๎ไขข๎อความนน้ั ให๎ถกู ต๎อง ………1. แรร ัตนชาตเิ ป็นแรอ โลหะหรือสารประกอบอนินทรยี ์ แรรัตนชาตมิ ีทง้ั ท่ีเป็นสารประกอบอนิ ทรยี ์และสารประกอบอนนิ ทรยี ์ ……… 2. แร A ใชเลบ็ ขูดเขา สว นแร B ใชสตางคแ์ ดงขูดเปน็ รอย สรุปวา แร B แขง็ กวา แร A ……… 3. แรร ัตนชาติท่เี ป็นแรช นดิ เดยี วกนั จะมีสมบัตเิ หมอื นกนั ทกุ ประการ แรร ัตนชาตทิ ่ีเป็นแรช นดิ เดียวกนั อาจจะมีสแี ตกตา งกนั ……… 4. ทองแดงท่ถี ลุงยงั ไมบ รสิ ุทธ์ิ ซึ่งสามารถทําใหบรสิ ุทธไ์ิ ดโดยการแยกดว ยกระแสไฟฟาู ……… 5. ทองแดง ตะกั่ว สงั กะสี ดบี ุก และทงั สแตน เปน็ แรป ระกอบหิน เปน็ แรท ีม่ ธี าตุอโลหะ ทองแดง ตะกั่ว สงั กะสี ดีบุก และทังสแตน เป็นแรเศรษฐกจิ เป็นแรที่มีธาตุโลหะ ……… 6. ความแข็ง ความถวงจําเพาะ และดชั นกี ารหักเหของแสงเป็นสมบัติที่ใชตรวจสอบแรร ตั นชาติ ……… 7. ประโยชน์ของดีบกุ ใชเคลอื บโลหะเพ่อื ทาํ กระปองบรรจุอาหาร ………8. แรทองแดง ใชท าํ กระจกแผน เรียบ เครอ่ื งแกว แรทองแดง ใชทําอุปกรณเ์ ครอ่ื งใชไฟฟาู เครอ่ื งประดับ แผนวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ………9. การหุงพลอยเป็นเทคนิคในการทําใหอัญมณีมีความแวววาวเป็นประกาย และมีสีสันชัดโดยใชแสงหัก เหและการสะทอ นกลบั ไปมาในผลกึ การเจียระไนเปน็ เทคนคิ ในการทําใหอ ญั มณมี คี วามแวววาวเปน็ ประกายและมีสีสันชัดโดยใหแสง หกั เหและสะทอนกลับไปมาภายในผลึก ………10. แรดีบกุ ทพ่ี บมากในประเทศไทยคือ แรแ คสซิเทอไรด์ ………11. สงั กะสใี ชท าํ กลองไฟฉาย เคลือบแผนเหลก็ สาํ หรับมงุ หลงั คา ………12.การยอมเคลือบสี เปน็ การกําจดั จุดดา งดําของธาตุมลทินในเนื้อพลอย การยอมเคลือบสี ทําใหพ ลอยมีสสี ันสวยงามมากข้นึ ………13. เพชรเทียมทไ่ี ดรบั การนยิ มมากทสี่ ุดคอื เพชรรัสเซีย ………14. สาแหรกท่เี กิดขน้ึ ในทบั ทิมหรือไพลิน เกิดจากสาเหตทุ บั ทมิ ปนอยูในเนือ้ พลอย ………15. แรโลหะพื้นฐานคอื ดบี ุกกบั สังกะสี แรโ ลหะพนื้ ฐานคือ ดบี ุกกับทงั สเตน
แบบฝกึ หดั เร่ือง อุตสาหกรรมแรํ จงทาเคร่ืองหมายถูกต๎อง √ หน๎าข๎อความท่ีถูกต๎อง และเครื่องผิด × หน๎าข๎อความท่ีไมํถูกต๎อง พร๎อมทั้ง แก๎ไขข๎อความน้นั ให๎ถูกตอ๎ ง ………1. แรรัตนชาตเิ ป็นแรอโลหะหรอื สารประกอบอนินทรยี ์ ……… 2. แร A ใชเ ลบ็ ขูดเขา สวนแร B ใชส ตางค์แดงขดู เปน็ รอย สรุปวา แร B แข็งกวา แร A ……… 3. แรรัตนชาติท่เี ปน็ แรชนดิ เดยี วกนั จะมีสมบตั เิ หมอื นกนั ทุกประการ ……… 4. ทองแดงที่ถลงุ ยงั ไมบรสิ ทุ ธ์ิ ซง่ึ สามารถทาํ ใหบรสิ ุทธ์ไิ ดโดยการแยกดวยกระแสไฟฟูา ……… 5. ทองแดง ตะกวั่ สังกะสี ดบี กุ และทงั สแตน เปน็ แรประกอบหนิ เปน็ แรท ่มี ธี าตุอโลหะ ……… 6. ความแขง็ ความถวงจาํ เพาะ และดชั นกี ารหกั เหของแสงเป็นสมบัติท่ใี ชต รวจสอบแรร ัตนชาติ ……… 7. ประโยชนข์ องดบี กุ ใชเคลือบโลหะเพ่ือทํากระปอ งบรรจอุ าหาร ………8. แรทองแดง ใชท ํากระจกแผน เรยี บ เครอ่ื งแกว ………9. การหุงพลอยเป็นเทคนิคในการทําใหอัญมณีมีความแวววาวเป็นประกาย และมีสีสันชัดโดยใชแสงหัก เหและการสะทอนกลับไปมาในผลึก ………10. แรดีบกุ ทีพ่ บมากในประเทศไทยคือ แรแ คสซิเทอไรด์ ………11. สังกะสใี ชท าํ กลองไฟฉาย เคลือบแผน เหล็กสาํ หรับมงุ หลังคา ………12.การยอมเคลอื บสี เป็นการกาํ จดั จุดดางดําของธาตุมลทินในเนอื้ พลอย ………13. เพชรเทยี มทไี่ ดร บั การนิยมมากที่สดุ คอื เพชรรสั เซยี ………14. สาแหรกท่ีเกิดขึน้ ในทับทมิ หรือไพลิน เกิดจากสาเหตทุ ับทมิ ปนอยูในเน้ือพลอย ………15. แรโลหะพ้นื ฐานคือ ดบี ุกกบั สังกะสี
แผนการจัดการเรียนร๎ทู ี่ 15 หนวํ ยการเรยี นรูท๎ ี่ 10 ธาตแุ ละสารประกอบอนนิ ทรีย์ในอุตสาหกรรม เร่ือง อตุ สาหกรรมเซรามกิ กลํุมสาระการเรียนรว๎ู ทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว30225 รายวิชา เคมี 5 (เพิ่มเติม) เวลา 3 ชัว่ โมง ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2 ผลการเรียนรู๎ 1. อธิบายข้ันตอนสําคัญของการทําผลิตภัณฑ์เซรามิก และบอกประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เซรามิก พรอ มทง้ั ยกตวั อยางได 2. อธิบายวธิ ีการผลติ แกว และปูนซีเมนต์ได สาระการเรยี นร๎ู เซรามิกส์ หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ทําจากวัตถุดิบในธรรมชาติ เชน ดิน หิน ทราย และแรธาตุตางๆ นาํ มาผสมกัน แลวทาํ เป็นส่ิงประดิษฐ์ หลังจากน้ันจึงนาํ ไปเผาเพ่ือเปลี่ยนเนื้อวัตถุใหแข็งแรง สามารถคง รูปอยูได อุตสาหกรรมเซรามิกส์เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสําคัญตอเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็ น อตุ สาหกรรมพ้ืนฐานรองรบั อุตสาหกรรมอน่ื ๆ อกี หลายอยาง เชน วัสดุทนไฟเป็นวัสดุพื้นฐานของอุตสหกรรม ถลงุ และผลติ โลหะ ซีเมนต์เป็นวัสดุสําคัญของงานการกอสรา งและสถาปตั ยกรรม เปน็ ตน จุดประสงค์การเรียนร๎ู ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) 1. อธิบายข้ันตอนสําคัญของการทาํ ผลิตภัณฑเ์ ซรามิกได 2. บอกประโยชน์ของผลิตภณั ฑเ์ ซรามิก พรอ มท้ังยกตวั อยา งได ด๎านทักษะ (Process) - มีทกั ษะกระบวนการกลมุ ในการทาํ กิจกรรมในหองเรยี น ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (Affective) 1. ปฏิบัติตนเปน็ ผมู คี วามสนใจใฝุรู และมรี ะเบยี บวนิ ยั 2. ปฏิบัตติ นเปน็ ผมู ีความรบั ผิดชอบ ตรงตอ เวลา 3. ปฏิบัติตนเป็นผมู คี วามซ่ือสัตย์ สจุ ริต ความคดิ รวบยอด อุตสาหกรรมเซรามิกส์เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสําคัญตอเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็น อตุ สาหกรรมพื้นฐานรองรบั อุตสาหกรรมอ่นื ๆ อกี หลายอยาง เชน วัสดทุ นไฟเป็นวัสดุพื้นฐานของอุตสหกรรม ถลุงและผลิตโลหะ ซีเมนต์เป็นวสั ดุสาํ คญั ของงานการกอ สรา งและสถาปตั ยกรรม เปน็ ตน การเตรียมวตั ถุดิบ ไดแ ก 1.การขนึ้ รูป 2. การตากแหง 3. การเผาดิบ 4. การเคลือบ 5.การเผาเคลือบ การข้นึ รปู ผลติ ภัณฑ์ การข้ึนรูปผลิตภัณฑ์เซรามิกส์มีหลายวิธีดวยกัน ดงั ตอไปนี้ 1. การเทแบบ โดยผสมดินกับน้าํ จนไดที่แลวเทลงในแบบซง่ึ มีรปู รา งตา งๆ ปลอยไวจ นแขง็ ตัว
2. การใชแ ปนู หมุน จะป้นั ไดเฉพาะภาชนะทม่ี ีลกั ษณะกลม ทรงกลมหรอื ทรงกระบอก เชน การป้ันไห โอง อาง 3. การหลอมเหลว โดยหลอมเหลวเน้อื ผลติ ภณั ฑด์ ว ยความรอ นแลวเทลงในแบบโลหะหรือแบบทราย จากน้ันปลอ ยใหเย็นตัวลง ผลติ ภัณฑท์ ่ีไดจะมเี น้ือแนนมากและทนตอการกดั กรอนสงู 4.การอดั เนือ้ ดนิ ผา นหัวแบบ เปน็ วธิ ีการขนึ้ รปู ทน่ี ยิ มใชในระบบอุตสาหกรรมเชน การทําผลิตภัณฑ์วสั ดุ ทนไฟ กระเบื้อง 5. การอัดผงเน้อื ดนิ ลงในแบบโลหะ เปน็ วิธีการขึ้นรูปทีน่ ิยมใชใ นระบบอุตสาหกรรมเชน เดยี วกนั ผลติ ภณั ฑ์แก๎ว แกว ไดถ ูกนาํ มาใชป ระโยชนห์ ลายอยาง เน่ืองจากแกว มสี มบัติท่ีดหี ลายประการ ทง้ั มคี วามโปรงใส ทนตอกรด เบส ไอนํา้ และแก฿สซึมผานไดยาก แข็งแรงและทนตอแรงดนั ได ปนู ซีเมนต์ หมายถึง ผงผลิตภัณฑท์ ี่ไดจากการบดปูนเม็ด ซึง่ เกิดจากการเผาสวนผสมตางๆ ไดแ ก แคลเซียม คาร์บอเนต ซิลกิ า อะลูมนิ า และออกไซด์จากเหล็ก สัดสว นของวตั ถุดบิ แตกตางกนั จะทําใหม ีสมบตั ิแตกตางกนั สมรรถนะสาคญั ของผเ๎ู รียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป ัญหา ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ ความสามารถในการใชเทคโนโลยี คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ความซือ่ สัตยส์ ุจริต มวี ินยั อยูอยางพอเพียง มงุ มัน่ ในการทํางาน ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ มีจติ สาธารณะ ใฝเุ รยี นรู รกั ความเป็นไทย แนวความคดิ เพื่อการเรียนรใ๎ู นศตวรรษที่ 21 ทกั ษะดานการเรยี นรูและนวัตกรรม ทกั ษะดา นชวี ติ และอาชีพ สาระวชิ าหลัก (Core Subjects) ทกั ษะดานสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรยี นรู๎ วิธสี อน โดยใชกระบวนการสบื เสาะความรู (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ชว่ั โมงท่ี 1-3 1. ขนั้ สรา๎ งความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1.1 ครูสนทนากับนักเรียนเร่อื ง ธาตุและสารประกอบอนนิ ทรีย์ในอตุ สาหกรรมเซรามิก 1.2 ครูใชเ กมเปดิ แผน ปาู ย แลว ใหน กั เรยี นทายภาพวาเป็นผลิตภัณฑ์จากเซรามกิ หรอื ไม
1.3 ครูใชค ําถามกระตนุ ผูเรยี น ดังน้ี - เซรามิกคืออะไร ตอบ ผลติ ภณั ฑ์ท่ีทําจากวัตถุดิบในธรรมชาติ เชน ดิน หิน ทราย และแรธาตุตางๆ นํามาผสมกัน แลวทําเป็น สิ่งประดิษฐ์ หลังจากนนั้ จงึ นาํ ไปเผาเพื่อเปล่ยี นเน้อื วัตถใุ หแ ข็งแรง สามารถคงรูปอยูได - ผลติ ภัณฑท์ ่ไี ดจากเซรามกิ มีอะไรบา ง ตอบ ถว ย ชาม แกว แจกัน 1.4 ครูนาํ นกั เรยี นเขา สบู ทเรียนเร่ือง อุตสาหกรรมเซรามกิ 2. ขัน้ สารวจและค๎นหา (Exploration) (50 นาท)ี 2.1 ครูใหนกั เรยี นทําการศึกษาเกีย่ วกับอตุ สาหกรรมเซรามกิ 2.2 ครูใหน ักเรยี นทาํ การแบงกลุม กลุมละเทา ๆ กนั 2.3 ครูใหน ักเรยี นตอบคาํ ถามในใบงานที่ 1 เรือ่ ง อุตสาหกรรมเซรามกิ โดยทําการเติมคําในชองวางให ถูกตอง 2.4 ครูใหนักเรียนทําการศึกษาทางออนไลน์ โดยใหทําการสแกน qr corde ดงั นี้ 3. ขัน้ อธิบายและลงขอ๎ สรุป (Explanation) (60 นาที) 3.1 ครูและนักเรียนรว มกนั สรปุ รวมถงุ ชวยกนั สรปุ เร่ืองอตุ สาหกรรรมเซรามกิ 4. ขั้นขยายความร๎ู (Elaboration) (40 นาที) 4.1 ครเู ปดิ วดี โี อใหน ักเรียนดู เพ่อื เป็นการศึกษาเพิ่มเติม เร่ือง อุตสาหกรรมเซรามิก https://www.youtube.com/watch?v=NVsuCqyzZeE 5. ข้ันประเมิน (Evaluation) (10 นาท)ี 5.1 ครปู ระเมนิ นักเรียนจากการตอบคําถาม 5.2 ใบงานที่ 1 เร่อื งอตุ สาหกรรมเซรามิก 5.3 แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 5.4 แบบสงั เกตผูเ รยี นรายกลมุ วัสดุ อุปกรณ์ ส่ือและแหลํงเรียนรู๎ 1. แผนผังความคดิ 2. ส่ือวดี ีโอจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=NVsuCqyzZeE 3. หนงั สือเรียนเคมีเลม 4 4. QR corde
การวัดและการประเมนิ ผล การวัดผลประเมนิ ผลดา๎ น วิธกี ารวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารผําน 1. ดานความรู 1. ทาํ ใบงานท่ี 1 1. ใบงานท่ี 1 1. ไดคะแนนรอยละ 60 ขนึ้ ไป 2. ดา นทักษะ 1. การทาํ งานกลุม 2. แบบประเมินการ 1. ระดับคณุ ภาพ ทํางานกลมุ ปานกลางข้นึ ไป 3. ดานคุณลักษณะที่พึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดับคุณภาพ ประสงค์ รายบคุ คล รายบุคคล ปานกลางขนึ้ ไป - สังเกตพฤติกรรมราย -แบบสังเกตพฤติกรรม กลุม รายกลุม
บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรียนร๎ู รายวชิ าเคมี 5 รหสั วิชา ว30225 ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 1. ดา๎ นความรู๎ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปญั หาและอปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแก๎ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ........................................................ครูผูสอน ( นางสาวสทุ ิพย์ สุขสบาย) ............../............../...........
ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล และทา ิกจกรรมวชิ า ...................................................................................................... ชั้น ......................................... เลขที่ ชื่อ-นามสกลุ การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือน ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรมหมายเหตุ ใหบันทกึ โดยใชเครอ่ื งหมาย ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์ค = แสดงพฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวงั ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = ไมแ สดงพฤติกรรมท่พี งึ ประสงคต์ ามคาดหวงั หมายเห ุตเกณฑ์การประเมิน นกั เรยี นมพี ฤติกรรมทพ่ี ึงประสงคต์ ามคาดหวังตงั้ แต 3 รายการขึน้ ไป ถอื วา ผา นเกณฑก์ ารประเมนิ
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมํุ กลมุํ ……………………………………………....…หัวข๎อเรอื่ ง………..…………………………………… สมาชกิ กลุมํ 1……………………………………………. 2…………………………………………… 3…………………………………………... 4…………………………………………… 5…………………………………………… ลาดับ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 123 1 ความรบั ผิดชอบตอ หนา ของตนเอง 2 การวางแผนงานอยา งเป็นระบบ 3 การเสยี สละ และชว ยเหลอื่ เพอ่ื นรว มงาน 4 การมีสว นรวมในการแสดงความคดิ เห็น 5 งานเสร็จตามกําหนด รวม รวมคะแนน การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค๎ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมความสมบรู ณ์ชดั เจน ให 3 คะแนน ชํวงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ บกพรองบางสวน ให 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี อ บกพรอ งมาก ให 1 คะแนน 11-15 3 (ดี) 6-10 2 (ปานกลาง) ต่าํ กวา 6 1 (ปรับปรงุ )
ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง อุตสาหกรรมเซรามิก 1. อตุ สาหกรรมเซรามิกสม์ ีความสาํ คญั ตอการพัฒนาประเทศอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. การผลิตเซรามกิ ส์ มีขนั้ ตอนในการผลติ อยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… … … … … … ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… 3. การเคลอื บเซรามกิ สม์ ปี ระโยชน์อยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. กระจกนําไปแปรรปู เปน็ อะไรไดบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… 5. ปูนซเี มนตค์ ืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… 6. กรรมวธิ ใี นการผลิตปูนซีเมนต์ ในปัจจุบันมีก่ีวธิ ีจงอธิบาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… … … … … … ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
ใบงานที่ 1 เร่ือง อุตสาหกรรมเซรามิก 1. อตุ สาหกรรมเซรามิกมคี วามสําคัญตอการพัฒนาประเทศอยา งไร อตุ สาหกรรมเซรามกิ สเ์ ป็นอุตสาหกรรมท่ีมีความสําคัญตอเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็นอุตสาหกรรมพ้ืน ฐานรองรับอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกหลายอยาง เชน วัสดุทนไฟเป็นวัสดุพื้นฐานของอุตสหกรรมถลุงและผลิต โลหะ ซเี มนตเ์ ปน็ วสั ดสุ ําคญั ของงานการกอสรางและสถาปตั ยกรรม 2. การผลิตเซรามกิ มขี น้ั ตอนในการผลติ อยา งไร - การเตรยี มวัตถดุ ิบ ไดแ ก 1.การข้ึนรปู 2. การตากแหง 3. การเผาดิบ 4. การเคลอื บ 5.การเผาเคลอื บ - การขึน้ รูปผลติ ภณั ฑ์ การขนึ้ รปู ผลิตภัณฑ์เซรามิกสม์ ีหลายวธิ ดี ว ยกัน ดงั ตอ ไปน้ี 1. การเทแบบ โดยผสมดนิ กบั นํ้าจนไดท ี่แลวเทลงในแบบซึ่งมรี ปู รางตางๆ ปลอยไวจนแขง็ ตัว 2. การใชแปนู หมุน จะปน้ั ไดเ ฉพาะภาชนะที่มลี ักษณะกลม ทรงกลมหรอื ทรงกระบอก เชน การปนั้ ไห โอง อาง 3. การหลอมเหลว โดยหลอมเหลวเน้ือผลิตภณั ฑ์ดวยความรอนแลวเทลงในแบบโลหะหรือแบบทราย จากนนั้ ปลอ ยใหเย็นตวั ลง ผลติ ภัณฑ์ท่ีไดจ ะมีเนอ้ื แนน มากและทนตอการกดั กรอนสงู 4.การอดั เน้อื ดนิ ผา นหัวแบบ เป็นวธิ กี ารขน้ึ รูปท่ีนยิ มใชใ นระบบอตุ สาหกรรมเชน การทาํ ผลิตภัณฑ์วสั ดุ ทนไฟ กระเบื้อง 5. การอดั ผงเน้อื ดนิ ลงในแบบโลหะ เป็นวธิ ีการขึน้ รูปทนี่ ยิ มใชใ นระบบอุตสาหกรรมเชน เดียวกนั 3. การเคลือบเซรามิกสม์ ปี ระโยชนอ์ ยา งไร 1. ทําฉนวนไฟฟูา 2. ทาํ แผน วงจรรวม (lC) 3. ทําแผนซิลกิ อนเพ่ือทาํ เซลลส์ รุ ยิ ะ 4. ผลติ ตวั ถังรถยนตใ์ หเบา แข็งแรง ทนสารเคมี 5. อุตสาหกรรมผลติ และใชประโยชน์โซเดียมคลอไรด์ 4. กระจกนาํ ไปแปรรปู เปน็ อะไรไดบา ง เปน็ วัสดตุ กแตง อาคาร มาํ เครื่องใชต าง ๆ แปรรปู เปน็ กระจกเงา กระจกสะทอ นแสง กระจกนริ ภยั 5. ปูนซีเมนต์คืออะไร ผงผลติ ภัณฑ์ทีไ่ ดจ ากการบดปูนเมด็ ซ่ึงเกิดจากการเผาสว นผสมตางๆ ไดแก แคลเซียมคาร์บอเนต ซิลิกา อะลู มนิ า และออกไซดจ์ ากเหลก็ สัดสว นของวัตถุดบิ แตกตางกนั จะทําใหมสี มบตั ิแตกตา งกัน 6. กรรมวิธใี นการผลิตปนู ซีเมนต์ ในปัจจบุ ันมีก่ีวิธจี งอธิบาย 1. กรรมวิธีแบบเผาเปยี ก เหมาะสาํ หรบั วตั ถุดิบที่มีความช้นื สงู เชนดนิ เหนยี ว โดยนาํ มาผสมกบั นาํ้ ให เปน็ เนอ้ื เดยี วกนั และนาํ ไปเผาในขณะท่ีเปยี ก วธิ ีนจี้ ะส้นิ เปลอื งเชอื้ เพลงิ มาก 2. กรรมวธิ ีแบบเผาแหง เหมาะสาํ หรับวตั ถุดบิ ที่มีความชืน้ ต่ํา เชนแรเหลก็ ,หนิ ปนู ,หนิ เชล นาํ มาบด รวมกนั ในอตั ราสวนทเี่ หมาะสม แลวนาํ ไปเผาในลักษณะท่ีเปน็ ฝุนแหง วิธนี จ้ี ะใชเชอ้ื เพลิงนอยกวา แบบเผา เปยี ก และเป็นวิธีท่ีทนั สมยั ทส่ี ุด ในปจั จบุ นั
แผนการจดั การเรยี นรูท๎ ี่ 16 หนํวยการเรยี นรู๎ที่ 10 ธาตแุ ละสารประกอบอนนิ ทรียใ์ นอุตสาหกรรม เร่อื ง การผลิตเกลือโซเดียมคลอไรด์ รหสั วชิ า ว30225 รายวชิ า เคมี 5 (เพ่ิมเติม) กลุํมสาระการเรียนร๎ูวิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 3 ชว่ั โมง ผลการเรยี นรู๎ อธบิ ายวธิ กี ารผลติ เกลอื สมทุ รและเกลอื สนิ เธาว์ได สาระการเรียนร๎ู การผลิตโซเดียมคลอไรด์ โซเดียมคลอไรด์ หรือเกลือแกงมีสูตรเป็น NaCl เป็นสารประกอบที่ ประกอบดวยธาตุ Na และ Cl ลักษณะเป็นผลึกสีขาว รสเค็ม รูปผลึกเป็นแบบทรงลูกบาศก์ จุดหลอมเหลว 801 องศาเซลเซียส ละลายนํ้าไดดี โดยมากใช ทะเล และจากดนิ ประเทศที่ผลิตเกลือแกงไดมาก คือ ประเทศ ออสเตรีย ฝร่ังเศส เยอรมนี อินเดียและสหรัฐอเมริกา เกลือแกง แบงตามวิธีการผลิตมี 2 ประเภทคือ เกลือ สมทุ ร และเกลือสินเธาว์ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู๎ ดา๎ นความร๎ู (Knowledge) - อธิบายขน้ั ตอนสําคญั ของการผลิตเกลอื สมุทรและเกลือสนิ เธาว์ได ด๎านทักษะ (Process) - นกั เรียนสามารถจาํ แนกความแตกตา งระหวางเกลือสมทุ รและเกลอื สินเธาว์ได ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Affective) 1. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผมู ีความสนใจใฝรุ ู และมีระเบยี บวินัย 2. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผูมีความรับผดิ ชอบ ตรงตอเวลา 3. ปฏิบัติตนเปน็ ผูม คี วามซ่อื สัตย์ สุจรติ ความคิดรวบยอด เกลอื สมุทรทํากนั มากในบริเวณใกลทะเล เชน ที่จังหวัดสมุทรสาคร เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา และชลบุรี ประเทศไทยมีการทํานาเกลือในชวงเดอื นพฤศจกิ ายนถงึ เดอื นพฤษภาคม การทํานาเกลือใชวิธีการแยกโซเดียม คลอไรดอ์ อกจากน้ําทะเล ดังนัน้ จึงตองใชห ลักการระเหยและการตกผลกึ โดยการใหน้ําทะเลระเหยไปเหลือน้ํา นอยจนถึงจุดอมิ่ ตัวของ โซเดยี มคลอไรด์ โซเดียมคลอไรด์ก็จะตกผลึกออกมา เกลือสนิ เธาว์ผลติ ไดจ ากแหลง แร เกลือหิน (Rock salt)พบอยูตามพ้ืนดินแถบภาคอีสาน เชน จังหวัด ชัยภูมิ มหาสารคาม ยโสธร อุบลราชธานี และอุดรธานี การผลิตเกลือสินเธาว์จากเกลือหินโดยท่ัวไป ใชกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คือ ใชก ารละลาย การกรอง การระเหย และการตกผลึก หรือการละลายและ การตกผลกึ ทงั้ นีข้ ึ้นอยกู ับสภาพของเกลอื ทีเ่ กดิ ขึ้นในแหลงนนั้ ๆ เกลือสินเธาวแ์ ยกตามวธิ ีการท่ีแตกตางกันตามลักษณะของการเกดิ เกลือตามธรรมชาติ ดงั น้ี
• เกลอื จากผวิ ดนิ ใชวิธขี ุดคราบเกลอื ตามผวิ ดินมาละลายนา้ํ กรองเศษตะกอนออก แลวนํานํ้าเกลือไปเค้ียวให แหง จะไดเกลือตกผลึกออกมา นิยมทําเกลือชนิดน้ีทางภาคตะวันออก-เฉียงเหนือ ไดแก จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ มหาสารคาม อุดรธานี สกลนคร และรอยเอด็ • เกลือจากนํ้าเกลือบาดาล เป็นเกลือทํากันมากที่จังหวัดมหาสารคาม นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี รอ ยเอ็ด สกลนคร ชัยภูมิ และหนองคาย เกลอื บาดาลมอี ยใู นระดบั ตื้น 5 – 10 เมตร หรอื ระดับลึก 30 เมตร สมรรถนะสาคัญของผู๎เรยี น ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกปญั หา ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต ความสามารถในการใชเทคโนโลยี คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ความซือ่ สัตย์สุจรติ มีวินัย ความรักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ อยูอยางพอเพียง มงุ ม่นั ในการทาํ งาน ใฝเุ รียนรู รักความเปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ แนวความคิดเพ่ือการเรียนรใ๎ู นศตวรรษท่ี 21 ทักษะดานการเรยี นรแู ละนวัตกรรม สาระวิชาหลัก (Core Subjects) ทักษะดานชวี ติ และอาชีพ ทักษะดา นสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี กจิ กรรมการเรียนรู๎ วธิ ีสอน โดยใชกระบวนการสบื เสาะความรู (Inquiry Cycle หรือ Inquiry Method : 5E) ช่ัวโมงท่ี 1-3 1. ขั้นสร๎างความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1.1 ครูสนทนากับนักเรียนเรื่อง อุตสาหกรรมที่เก่ียวของกับเกลือโซเดียมคลอไรด์ และเลนเกม Kahoot ! 1.2 ครูใชคาํ ถามกระตุนผูเรียน ดงั น้ี 1. นกั เรียนทราบหรอื ไมว า ช่ือทางเคมขี องเกลอื คืออะไร ตอบ โซเดยี มคลอไรด์ (NaCl) 2. เกลอื ที่เราใชในชีวติ ประจําวันมีอะไรบาง ตอบ 1. โซดาไฟ ใชทําสบู 2. โซดาแอช ใชทําสบู 3. สารฟอกขาว ใชสําหรับฆาเชื้อ ในเม่ือมีความสําคัญตอ ชีวติ ประจาํ วนั ขนาดนีเ้ รามาทําความรจู กั เกีย่ วกับเกลอื แกงกนั 1.3 ครูนํานกั เรียนเขา สบู ทเรียนเร่ือง การผลิตเกลอื โซเดียมคลอไรด์ 2. ขั้นสารวจและคน๎ หา (Exploration) (80 นาท)ี 2.1 ครใู หนกั เรียนทําการศกึ ษาเกย่ี วกับ การผลติ เกลือโซเดียมคลอไรด์ โดยใช power point เป็นการ บรรยาย
2.2 ครูใหนกั เรียนดูการผลิตเกลอื โซเดียมคลอไรด์โดยใช VDO https://www.youtube.com/watch?v=Se2b7ioVCqU 2.3 ครูใหนักเรียนสรุปเน้ือหาใสสมุด และหลังจากการดูวีดีโอ ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบเร่ือง การผลิตเกลอื โซเดยี มคลอไรด์ 10 ขอ 3. ข้นั อธบิ ายและลงข๎อสรปุ (Explanation) (30 นาท)ี 3.1 ครูเฉลยคาํ ตอบแบบทดสอบใหก บั นักเรยี น 3.2 ครูและนกั เรียนรวมกนั สรปุ รวมถึงชว ยกันสรปุ เรือ่ ง การผลิตเกลือโซเดยี มคลอไรด์ 4. ข้ันขยายความร๎ู (Elaboration) (40 นาที) 4.1 ครใู หนกั เรยี นทาํ แบบฝกึ หดั เร่ือง การผลิตเกลือโซเดียมคลอไรด์ 5. ข้ันประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) 5.1 สมดุ สรุปความรขู องนกั เรยี น 5.2 แบบฝึกหดั เร่ือง การผลิตเกลอื โซเดยี มคลอไรด์ 5.3 แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล วัสดุ อุปกรณ์ สอ่ื และแหลํงเรียนรู๎ 1. power point 2. สือ่ วีดีโอจากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=Se2b7ioVCqU 3. หนังสือเรยี นเคมีเลม 4 การวัดและการประเมนิ ผล การวัดผลประเมนิ ผลดา๎ น วิธกี ารวดั เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การผําน 1. ดา นความรู 1. การตอบคําถาม 1. คําถาม 1. ไดคะแนนรอยละ 60 ขึ้นไป 2. ดา นทักษะ 1. ทําแบบทดสอบ 1. แบบทดสอบ 1. ไดคะแนนรอ ยละ 2. แบบฝกึ หัด 1. โจทย์แบบฝึกหดั 60 ขึ้นไป 3. ดานคุณลักษณะที่พึง - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม - แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ระดบั คุณภาพ ประสงค์ รายบคุ คล รายบุคคล ปานกลางขึ้นไป
บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรียนรู๎ รายวชิ าเคมี 5 รหัสวชิ า ว30225 ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 1. ดา๎ นความร๎ู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ด๎านทกั ษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ด๎านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.ปัญหาและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แนวทางการแกไ๎ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ........................................................ครูผูสอน ( นางสาวสทุ ิพย์ สุขสบาย)
ความสนใจใฝ่ ๎ูร ้ัตงใจเรียน ............../............../........... และทา ิกจกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล วชิ า ...................................................................................................... ชน้ั ......................................... การแลกเป ี่ลยนเ ีรยน ู๎ร ักบเพ่ือนเลขท่ี ช่ือ-นามสกลุ ีมความซ่ือสัตย์ในการทา ิกจกรรม ้ัตงปัญหาห ืรอคาถามสร๎างสรร ์คหมายเหตุ ใหบันทกึ โดยใชเคร่อื งหมาย ทางานไ ๎ดเ ีรยบ ๎รอย ูถก ๎ตองและครบ ๎ถวน = แสดงพฤตกิ รรมที่พึงประสงค์ตามคาดหวงั = ไมแ สดงพฤตกิ รรมที่พึงประสงคต์ ามคาดหวัง หมายเห ุต เกณฑ์การประเมิน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247