ชักน้าํ เขา ลกึ ชักศึกเขาบา น พลง้ั ปากเสียสนิ พลงั้ ตีนตกตน ไม นอนหลบั ไมร ู นอนคไู มเห็น อยากเป็นหนีใ้ หเ ปน็ นายหนา อยากเป็นข้ีขา ใหเ ป็นนายประกนั ซ้าํ คาํ ที่ ๒ ของแตล ะประโยค เชน นกผดิ ปุา ปลาผิดนาํ้ นํา้ ส่ังฟูา ปลาสง่ั ฝน กนิ บนเรอื น ขีบ้ นหลังคา ซํา้ คาํ ท่ี ๓ ของแตล ะประโยค เชน หวีผมพอเกลา กเิ หลา พอเมา ทาํ นาออมกลา ทําปลาออมเกลอื ไมเหน็ แกช ี กเ็ ห็นแกผา เหลือง ซา้ํ คาํ ที่ ๔ ของแตละประโยค เชน ปนู อยา ใหขาดเตา ขาวอยา ใหขาดโอง คบคนใหดูหนา ซ้ือผาใหดูเนื้อ ดักลอบใหห มนั่ กู เจาชใู หห มน่ั เกีย้ ว ๔.๓.๗ แบบอเนกรรถประโยคที่มคี ําตอบตรงขามกันในแตละประโยค เชน ชั่ว – ดี ชวั่ ชา งชี ดีชางสงฆแ ดี – ชัว่ รกั ดหี ามจัว่ รักชวั่ หามเสา งาย – ยาก ไมอ อ นดดั งา ย ไมแกดกั ยาก เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทองถน่ิ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ | นายกิติศกั ดิ์ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรยี ง ๒๐๐
ซ่ือ – คด เพื่อนกนิ หางา ย เพือ่ นตายหายาก มาก – นอ ย ซื่อกนิ ไมห มด คดกินไมนาน ยาว –สนั้ รูมากยากนาน รนู อ ยพลอยรําคาญ ขา งนอก – ขา งใน รกั ยาวใหบั่น รกั ส่ันใหต อ เขียน – ลบ ขา งนอกสกุ ใส ขา งในเป็นโพรง ๕. แบง่ ตามเนือ้ หา เขยี นดวยมอื ลบดว ยเทา การแบงภาษิต สาํ นวน และคาํ พังเพย ตามเนื้อหา สามารถแบงไดดังน้ี (เจือ สตะเวนทิน , ๒๕๑๕, หนา ๑-๓๐) อางใน เรไร ไพรวรรณแ, ๒๕๕๑ หนา , ๖๙ ๕.๑ เรอื่ งครอบครวั เชน ลกู ไมยอมหลน ไมไกลตน , อยาเห็นขี้ดีกวาไส, ชางสารงูเหา, ขา เกาเมยี รกั , รักวัวใหผกู รกั ลูกใหต ี, ตน ไมตายเพราะลกู เปน็ ตน ๕.๒ เร่ืองการศึกษาอบรม เชน เมื่อนอยใหเรียนวิชา, ความรูทวมหัวเอาตัวไมรอด, สิบรู ไมเ ทา ชํานาญ, สําเนยี งสอ ภาษา กิริยาสอ สกุล, ไมออนดดั งา ย ไมแกดดั ยาก เป็นตน ๕.๓ เร่ืองความรักและการครองเรือน เชน คูแลวไมแคลวกัน, ผัวเป็นชางเทาหนา เมีย เป็นชางเทาหลัง, ดูวัวใหดูหาง ดูนางใหดูแม, ปลูกเรือนตามใจผูอยู ปลูกเรือนพอตัว, หวีหัวพอเกลา เป็นตน ๕.๔ เร่ืองการทามาหากิน เชน ทํานาอยาเสียไร เลี้ยงไกอยาเสียรัง, อยาทุบหมอขาว ตัวเอง, น้ําขึ้นใหรีบตัก, เกิดเป็นคนตองพ่ึงตนเอง, อยาหมายน้ําบอหนา, อยาจับปลาสองมือ, ปใญญา เปน็ ทรพั ยแ อยาเอามะพราวหา วไปขายสวน เปน็ ตน ๕.๕ เรื่องเก่ียวเศรษฐกิจและครองชีพ เชน อยาเสียนอยเสียยาก เสียมากเสียงาย, มี สลึงพึงบรรจบใหครบบาท, เกบ็ เลก็ ผสมนอย, นงุ เจยี มหม เจียม, อยาเอาเนอื้ หนูใสเ นอื้ ชาง เป็นตน ๕.๖ เร่อื งเกีย่ วกบั ตน เชน ไกง ามเพราะขน คนงามเพราะแตง, อยาตีตนไปกอนไข, อยา ลืมเหมอื นวัวลมื ตนี , อยา ขข้ี ลาดตาขาว, อยาเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เป็นตน เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ งถ่นิ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ | นายกิตศิ ักด์ิ สขุ วโรดม ผูเ้ รยี บเรยี ง ๒๐๑
๕.๗ เรื่องสังคม สมาคม เชน คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย, น้ําพ่ึงเรือ เสือพ่ึงปุา แพเ ป็นพระชนะเป็นมาร, คนรกั เทา ผนื หนงั คนชงั เทาผนื เส่อื , เอาใจเขามาใสใจเรา เปน็ ตน ๕.๘ เร่ืองวาจา เชน พูดดีเป็นศรีแกตัว พูดช่ัวอัปราชัย, พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึง ทอง, ปลาหมอตายเพราะปาก เปน็ ตน ๕.๙ เรอื่ งเกยี รตยิ ศช่อื เสียง เชน ชาตเิ สือตองไวล าย ชาติชายตองไวชื่อ, เสียชีพอยาเสีย สัตยแ เป็นตน ๕.๑๐ เรื่อการปกครอง เชน สมภารไมดีหลวงชีสกปรก, อยาสอนสังฆราช, จับใหม่ันคั้น ใหต าย, อยา ยน่ื แกว ใหวานร, น้ําเชยี่ วอยาขวางเรือ, นายรกั เหมือนเสอื กอด เป็นตน ๕.๑๑ เร่ืองศีลธรรม วัฒนธรรม เชน ความตายเป็นของไมเที่ยง, สันโดษเป็นทรัพยแ อยางยิง่ เปน็ ตน ๕.๑๒ เร่ืองบ้านเกิดเมืองนอน เชน อยาฉอราษฎรแบังหลวง, จงรักบานเกิดเมืองนอน เป็นตน ๕.๑๓ เรอื่ งกรรม เชน ทําดีไดดี ทําช่ัวไดชั่ว, หวานพืชอยางใดไดผลอยางน้ัน, วัวใครเขา คอกคนนน้ั , ใหท ุกขแแ กท าน ทุกขนแ นั้ ถึงตวั เปน็ ตน ๕.๑๔ เรอื่ งความประมาท เชน กนั ดีกวาแก, อยา จับงขู างหาง, นาํ้ ลดตอผดุ , อยาหักดาม พราดว ยเขา, ฆาความอยา เสียดายพรกิ เป็นตน ๕.๑๕ สุภาษิตส่วนรวม เชน ไมมีฝอยหมาไมขี้, วัวหายลอมคอก, หมาเหาไมกัด, จระเข ขวางคลอง, ของหายตะพายบาป, หวานเป็นลมขมเป็นยา เป็นตน ๖. แบง่ ตามสิง่ ท่ีนามาเปรียบเทยี บหรืออา้ งอิง การแบงภาษิต สํานวน และคําพังเพย ตามสิ่งที่นํามาเปรียบเทียบหรืออางอิงนี้สวน ใหญจะเป็นการเปรียบเทียบอางอิงกับส่ิงแวดลอมรอบตัว ไมวาจะเป็นพืชสัตวแ สิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใชใ นชีวติ ประจําวนั ซึ่งอาจแบงเป็นประเภทยอ ย ๆ ไดดังน้ี เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทองถน่ิ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกิติศกั ดิ์ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรียง ๒๐๒
๖.๑ เกยี่ วกับสตั ว์ ภาษิต สํานวน และคําพังเพย ท่ีเกี่ยวกับสัตวแมีจํานวนมาก เพราะวิถี ชวี ิตของคนไทยมคี วามใกลช ิดและผูกพนั กบั สตั วแ สตั วตแ า ง ๆ ทน่ี าํ มาเปรยี บเทียบ ไดแก ๖.๑.๑ สัตวบ์ ก เช่น ความวัวไมท ันหาย วัว – ควาย สซี อใหค วายฟงใ ความควายเขามาแทรก รักววั ใหผกู รกั ลูกใหต ี เปาุ ป่ีเขาหูควาย วัวสนั หลงั หวะ ววั พนั หลกั ววั เคยขา มาเคยข่ี ววั หายลอมคอก ป้ในวัวปใ้นควายใหลูกทา นเลน อยูบานทานอยา นัง่ ดดู าย เส้ยี มเขาควายใหชนกัน ตีวัวกระทบคราด ไมห ลักปใกขีค้ วาย ออยเขา ปากขา ง ข่ชี า งจับตก๊ั แตน ชาง ชางเผอื กเกิดในปาุ เหน็ ชา งเทา หมู เล้ยี งชา งกนิ ขี้ชาง ถล่ี อดตาชา ง หางลอดตาเลน ชา งตายทัง้ ตวั เอาใบบัวปดิ ไมม ิด งัดงาชาง งา งภเู ขา ชางสารงูเหา ขารักเมยี รัก เหน็ ชางข้ขี ีต้ ามชาง ฆาชางเอางา เขียนเสือใหว วั กลวั ดูชา งใหด หู นา หนาว ปลอ ยเสือเขาปาุ เขา ผลักเสือผอม เสือ เสอื เฒาจําศลี จบั เสือมือเปลา เอาไมไปแหยเ สอื ชาตเิ สอื จบั เนือ้ กินเอง เสอื ซอนเลบ็ เนอ้ื เขาปากเสอื หนา เน้อื ใจเสือ เสือหิว เสอื เกา ลบลายเสอื หมา เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ งถิ่น ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกติ ิศักด์ิ สขุ วโรดม ผู้เรยี บเรยี ง ๒๐๓
ชงิ หมาเกดิ ตดลอหมา เคาะกะลา ใหห มาดใี จ ขใี้ หมหมาหอม ขี้ไมใหห มากิน เปน็ ความกนิ ขห้ี มาดีกวา หมาจนตรอก เลนกับหมาหมาเลีย ไมม ีมลู ฝอยหมาไมขี้ หมาข้ีไมม ีใครยกหาง หมาเดอื นสบิ สอง หมาลอบกัด หมาหมู แมว ใชแ มวไปไปขอไฟ ปิดประตตู แี มว ซอ่ื เหมือนแมวนอนหวด แมวไมอยหู นรู า เริง แมวมาหลังคาเปงิ ใชแ มวไปขอปลายาง ท่เี ทา แมวดนิ้ ตาย แมวพ่งึ พระ ฝากปลายา งไวกับแมว ปิง้ ปลาประชดแมว ยนื่ หมูย่ืนแมว ขแ้ี ลว กลบเปน็ แมว หมู ดนิ พอกหางหมู หมูเขาจะหามเอาคนเขาไปสอด หมูเข้ยี วตัน กนิ อยา งหมูอยูอ ยางหมา ขห้ี มรู าขหี้ มาแหง หมใู นอวย ขี้หมขู ้ีหมา หมไู ปไกมา อมุ หมเู ขา เลา หมสู นาม หมูอดข้ีไมไ ด หมใู นเลา ลิง ลงิ หลอกเจา ลงิ ไดแกว ลงิ นั่งแปูน ยื่นแกว ใหวานร ฤๅษเี ลย้ี งลงิ ลิงตกตนไม หลอกแมวใหก ินขงิ หลอกลงิ ใหกินขา ทําลิงทาํ คาง กระตา ย เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทองถิ่น ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผเู้ รยี บเรยี ง ๒๐๔
กระตา ยตืน่ ตมู กระตายหมายจนั ทรแ กระตา ยขาเดียว กระตายแหยเสอื กระตายกับเตา ๖.๑.๒ สัตวน์ า้ และสตั ว์ครงึ่ บกคร่ึงน้า เชน่ ปลาใหญก ินปลาเลก็ ปลา ขุดบอ ลอปลา จับปลาสองมือ เกลียดตัวกนิ ไข ปลาตดิ หลงั แห นาํ้ มาปลากนิ มด เกลียดปลาไหลกินน้าํ แกง นาํ้ รอนปลาเปน็ นาํ้ ลดมดกนิ ปลา หงมิ ๆ หยิบชิ้นปลามัน น้ําเย็นปลาตาย ปลาของเดยี วกนั ปากหอยปากปู จับปใู สก ระดง หอย ปู กุง มีทองเทาหนวดกงุ ตีนเทา ฝาหอย ตวั งอเป็นกุง รีดเลอื ดกับปู เอากุง ฝอยไปตกปลากะพง นอนสะดงุ จนเรอื นไหว กงุ ถอยหลัง ผอมเป็นกงุ แหง กบเลอื กนาย กบเฝาู กอบัว ตะครบุ กบ กบ เขียด คางคก กระดกู กบกระดูกเขยี ด กบในกะลา คางคกใตกะลาครอบ ตายอยา งเขยี ด ๖.๑.๓ สัตว์เลอ้ื ยคลาน เชน่ คางคกขนึ้ วอ ชาตคิ างคก ยางหัวไมต กไมรสู กึ ขวางงไู มพน คอ งู งูกินหาง เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทองถน่ิ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกิตศิ กั ด์ิ สขุ วโรดม ผู้เรยี บเรยี ง ๒๐๕
เฒา หวั งู งเู ง้ียวเข้ยี วขอ จบั งูขา งหาง ตีงใู หกากิน ลว งคองเู หา หมองูตายเพราะงู ลากงูตามหลัง ชาวนากับงูเหา งพู ษิ คิดคด ตงี ใู หห ลงั หกั จระเข จระเขข วางคลอง จระเขฟาดหาง หนีเสือปะจระเข จระเขค ับหนอง สอนจระเขใหว า ยนาํ้ ลกู เสือลกู จระเข เตา ขา เกาเตาเล้ียง โงเงา เตาตนุ เตาใหญไ ขกลบ หนวดเตาเขากระตาย เนอื้ เตายาํ เตา เตาหดหวั คลานเหมือนเตา สตั วเแ ลอ้ื ยคลานอื่น ๆ จิ้งจกทกั ตุ฿กแกกินปนู รอ นทอ ง กิง้ กาไดท อง จ้ิงจกเปลีย่ นสี ลายเป็นตุก฿ แก ไสเดือนคลุกข้เี ถา เกลียดเหมือนกิง้ กอื ไสเดือน ๖.๑.๔ สัตวป์ ีก เช่น นก นกกระจอกกินน้ํา นกสองหัว นกกระปดู นกตอ นกรู นกปีกหกั นกไรไ มโหด ปลอ ยนกปลอ ยกา พรากลูกนกลกู กา นกนอยทาํ รงั แตพ อตัว เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทองถนิ่ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผ้เู รียบเรยี ง ๒๐๖
ยงิ ปืนนดั เดยี วไดน กสองตัว ไก ไกไ ดพลอย ไกเหน็ ตนี งู งเู หน็ นมไก ไกแกแมป ลาชอ น ไกแกห นังเหนยี ว ต่ืนกอ นไก ไกออ น งงเป็นไกตาแตก ไกรองบอน ปลอ ยไก ไกง ามเพราะขน คนงามเพราะแตง เจา ชไู กแจ กา แรง เตน แรงเตนกา กาในฝงู หงสแ กาตาแววเห็นธนู สาวไสใ หกากนิ แรงเหมือนมด อดเหมอื นกา กาหนาดําเขาจาํ หนา ได แรงถามหา กาฝาก แรงลง หวานคอแรง ๖.๑.๕ แมลง มด หนอน เช่น แมลงวันหวั เขยี ว คางคกขึน้ วอ แมลงปอใสต งุ ติง้ น้าํ ตาลใกลมด มดแดงแฝงพวงมะมว ง มดไมใหไ ต ไรไมใ หต อม หนอนหนงั สอื เกลอื เป็นหนอน หนอมบอ นไส ๖.๒ คน ภาษิต สํานวน และคําพังเพย ท่ีเก่ียวกับคน มีการเปรียบเทียบกับสวนตาง ๆ ของรา งกาย การประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ รวมทงั้ คา นิยม ความคดิ คามเช่อื และประเพณี ดงั นี้ ๖.๒.๑ เกยี่ วกับคน เชน่ คนดีชอบแกไข คนจญั ไรชอบแกตวั คนเดยี วหวั หาย สองคนเพอ่ื นตาย คนในอยากออก คนนอกอยากเขา คนรกั เทา ผืนหนงั คนชังเทาผนื เสือ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทองถ่นิ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ | นายกติ ศิ กั ดิ์ สขุ วโรดม ผู้เรียบเรียง ๒๐๗
คนลม อยา ทบั ลูกผลี ูกคน คลองคดยงั ไมเทาคนคด หนา ๖.๒.๒ อวยั วะต่าง ๆ เช่น หนาเนื้อใจเสอื ตหี นา ยกั ษแ หนา ใหญใ จโต ใสห นา กาก หวั หนาชื่นอกตรอม หัวเรอื ใหญ หวั รานํ้า หัวหกกนขวดิ หวั ขเี้ ล้อื ย หวั เสยี หวั เกา คอ หวั กะทิ คอทงั่ สนั หลงั เหล็ก คอทองแดง กางขวางคอ ดกั คอ คอเป็นเอ็น หวงคลอ งคอ ปลอกคอ คอขาดบาดตาย ปาก จมกู ปลาปลารา ปากบอน ปากหวาน ปากปราศรัยนํ้าใจเชอื ดคอ ปากหอยปากปู ปากเปน็ ชกั ยนตแ แคจ มกู มาปาก ยมื จมูกคนอนื่ หายใจ หูผีจมูกมด เหยียบจมูก ลูบหนา ปะจมูก ตา ตบตา เขาเมทองตาลวิ่ ตองหลิว่ ตาตาม เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ งถน่ิ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ | นายกติ ศิ กั ดิ์ สขุ วโรดม ผ้เู รยี บเรยี ง ๒๐๘
ตาบอดไดแวน ตาบอดสอดตาเห็น ตาเฟ้อื งตาสลึง ตารอ นเป็นไฟ ใจ ใจกวาง ใจแคบ ซูบผอมตรอมใจ ฉุกใจไดค ิด ใจจดื ใจดํา เดือนเนื้อรอ นใจ นอ ยเนื้อตํ่าใจ ผดิ พองหมองใจ สองจิตสองใจ มอื แกม อื คันไมคันมอื กลบั หนามอื เปน็ หลังมอื จับมอื ถือใครดมไมไ ด ตบมอื ขางเดียว ฝีไมลายมือ มือแข็ง มือหา ง สรู บตบมอื มือสะอาด สูมอื สบิ เบย้ี ใกลมือ มอื ไวใจเร็ว ลิ้นทอง ลนิ้ ลน้ิ กับฟใน ล้นิ ไมมีกระดกู รอ ยลิ้นกะลาวน ล้นิ ตวดั ถึงใบหู ลิ้นลังกา พูดเลน ล้ิน ล้นิ กระดางคางแข็ง กอขอไมก ระดกิ หู หู ฟงใ หูไวหู ไขหู เปาหู คูหู หทู วนลม หูเบา หูดบั ตบั ไหม หเู ขาพรรษา เขา หซู ายทะลุหขู วา เขาขา ขา ปดใ แขง ปดใ ขา เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทอ งถ่ิน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกิติศักด์ิ สขุ วโรดม ผ้เู รยี บเรียง ๒๐๙
ไหกระเทียมตอขา อา ขาผวาปีก ขาประจาํ พอยกขาก็ลาโรง กระดูก กระดูกขัดมัน เกลยี ดเขากระดูกดาํ กระดกู แขง็ กระดกู ออกนอกเนื้อ คดในของอในกระดกู หนงั หมุ กระดกู แชงชกั หกั กระดกู ๖.๒.๒ กิริยาอาการหรอื การกระทาของมนุษย์ เช่น การกินการอยใู ครไมส ูพอ กิน กดั กอ นเกลือกนิ การพายการถอพอ ไมส ูใคร กนิ ไขแ ดง กินแรงรอ น กนิ ขา วตมกระโจมกลาง กนิ ขันหมาก กินนอกกนิ ใน กินท่ลี ับไขที่แจง กินนาํ้ เหน็ ปลิง กนิ นํา้ ใตศอก เดินลอยชาย เดิน ผูด ตี ีนแดง ตะแคงตนี เดิน เดนิ สายกลาง เดนิ ขยม ธรณี จะขจ้ี ึงหาขอน จะนอนจึงหาเส่อื นอนหลบั ไมร นู อนคไู มเหน็ นอน นอนตาไมหลบั นอนกลางดนิ กินกลางทราย นอนกินบา นกนิ เมือง พูดงายฟงใ ยาก นอนสงู ใหน อนควา่ํ นอนต่าํ ใหน อนหงาย พดู นํ้าทวมปาก พูดดีเปน็ ศรแี กต วั พดู อมพระมาพูด พูดมะนาวไมมีนํ้า พดู ชัว่ อปั ราชยั เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทองถ่นิ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ | นายกติ ศิ ักด์ิ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรยี ง ๒๑๐
พดู คลองเป็นรอ งนาํ้ เกิด ตาย เกดิ ในเรอื นเบีย้ เกิดปนี าํ้ นอ ย เคาะกะลามาเกดิ รูก อนเกิด เกดิ หนเดียว ตายหนเดียว ตายดาบหนา ฆา ไมต ายขายไมขาด จบั ใหม น่ั คัน้ ใหตาย ตวั ตายตวั แทน เมาตนลืมตาย เมากายลมื แก ๖.๓ พืช พืชตาง ๆ ท่ีนํามาเปรียบในภาษิต สํานวน และคําพังเพย ของไทย มีทั้งท่ีเป็น พชื ผักสวนครวั พืชยนื ตน และพชื ลมลกุ ดงั น้ี ๖.๓.๑ พืชยนื ตน้ เช่น ไมใ กลฝใ่ง ไมซ กี งดั ไมซ ุง ตน ไมตายเพราะลูก เจอไมง ามเมื่อยามขวานบน่ิ รม โพธ์ริ มไทร ลูกยางหลน ไมไ กลตน ปลกู ตนมะพดู ดาํ เปน็ ตอตะโก ตอหนา มะพลบั ลบั หลังตะโก แผนดนิ ไมไ รเทา ใบพุทรา ปนี ตนง้ิว ลาํ่ เป็นมะขามขอเดียว ๖.๓.๒ พชื ผล และผักสวนครัว เช่น มะพรา ว มะพราวหา วไปขายสวน มะพราวตื่นดกยาจกตนื่ มี มะกอก มะกอกสามตะกรา ปาไมถ กู ขาว ขางแดงแกงรอน รวงขาวรัดกอจะออก มะนาว มะนาวไมมนี ้ํา กลมเป็นลกู มะนาว กลว ย โคนกลว ยอยาไวหนอ ดน่ื เป็นกลว ยน้าํ วา พริก กาคาบพรกิ เลก็ พริกขหี้ นู ถงึ พริกถงึ ขงิ ถวั่ มอื เปน็ ฝใกถั่ว กวา ถ่วั จะสุกงาก็ไหม เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทองถิน่ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกติ ิศักด์ิ สขุ วโรดม ผ้เู รียบเรยี ง ๒๑๑
ผกั บุง นํ้าทว มทุงผักบุงโหรงเหรง น้ําผักบงุ ไป นํา้ สายบัวมา ฟกใ แฟง แตง ววั ไมม ีหลกั ฟใกไมมีราน โตฟกใ โตแฟก แตงรมใบ อื่น ๆ ขมิ้นกับปนู ผกั ชีโรยหนา แมสายบวั แตงตวั คาง ลกู ยอ ๖.๓.๓ ไม้ดอกและพืชล้มลุกอนื่ ๆ เช่น บัวไมใหช ํ้า นํา้ ไมใหข ุน บัวเกดิ แตเ ปือกตม ดอกไมริมทาง เดด็ ดอกไมร วมตน ดอกพกิ ลุ รว ง หญาปากคอก หญา แพรก เก่ียวแฝกมงุ ปาุ กระดังงาลนไฟ ปากบอน นํ้ากล้งิ บนใบบอน เปน่ิ เท่นิ มนั เทศ ปลายออปลายแขม ๖.๔ ส่ิงของเคร่ืองใช ส่ิงของเครื่องใชตาง ๆ ที่นํามาใชเปรียบเทียบในภาษิต สํานวน และคําพังเพย สวนใหญจะเป็นเครื่องใชที่เกี่ยวของกับการประกอบอาชีพ และขาวของเคร่ืองใชใน ชวี ิตประจาํ วนั ดงั น้ี ๖.๔.๑ เคร่อื งใช้ในครัวเรือน เชน่ คนรกั เทา ผืนหนัง คนชงั เทาผืนเส่อื เคร่ืองใชในเรอื น หนา สว่ิ หนาขวาน ยํา้ หัวตะปู คอ นใสสันหลงั หอกขา งแคร เขาดายเขา เข็ม ดาบสองคม รดี ไถ เขาตู ตน กุญแจ พาลกระแซง ตีววั กระทบคราด ทองยงุ พุงกระสอบ สนตะพาย ลม หมอนนอนเส่ือ มวนเสอ่ื เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทองถิน่ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๖ | นายกิตศิ กั ดิ์ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรยี ง ๒๑๒
แปดสาแหรก เครือ่ งใชใ นครัว ตําขา วสารกรอกหมอ เข็นครกขึน้ ภเู ขา ใสตะกรา ลา งน้าํ ขน้ึ หมอ เขา หมอ ชาชา ไดพ รา สองเลมงาม ไมเอาถา น งอนเป็นชอ นหอย เขาเถ่อื นอยาลมื พรา ไดถงุ ลืมได เขาไตเขาไฟ จดุ ไตตําตอ ไดใ หมล มื เกา นา้ํ ตาลใกลม ด ซื่อเปน็ แมวนอนหวด ปากตะกรอ พมิ เสนแลกกบั เกลอื ยัดทะนาน ลงขัน เป็นฟืนเป็นไฟ ดักลอบใหหมน่ั กู เคร่ืองมือจบั สัตวแ กระเซอกนรวั่ ตปี ลาหนา ไซ ปลาผดุ หยอ นเบด็ เหวีย่ งแห ปลาขอ งเดยี วกัน ยกยอปอปน้ใ ติดรา งแห ตดิ แรว ๖.๔.๒ เครือ่ งดนตรี เช่น ฆอ งปากแตก ตกี ลองปุโลหะ เปุาแตร เปุาปี่ ไมม ีป่ีไมมกี ลอง ไมมวน โยนกลอง ราบเป็นหนากลอง รําไมด โี ทษปโี่ ทษกลอง สซี อใหควายฟใง ปากเปน็ ฆอ งกระแต เปน็ ปเี่ ปน็ ขลุย ไลลูกฆอ ง ๖.๔.๓ พาหนะ เช่น ชักใบใหเรือเสยี เรอื ลมเมอื่ จอด ตเิ รอื ทั้งโกลน ถอื หาง ถอื ทา ย เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทองถ่นิ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ | นายกติ ิศักดิ์ สขุ วโรดม ผ้เู รียบเรยี ง ๒๑๓
นํ้าเช่ยี วขวางเรอื นาํ้ พง่ึ เรอื เสอื พึ่งปุา ผหู ญงิ ยงิ เรอื ผูชายพายเรือ พายเรอื คนละที ไมเปน็ โลเ ปน็ พาย กงกํากงเกวยี น รอ ยเลมเกวียน ๖.๕ ธรรมชาติ ธรรมชาติและปรากฏการณแธรรมชาติมีอิทธิพลตอความคิด ความเช่ือ และพฤตกิ รรมของมนษุ ยแอยา งมาก จึงปรากฏในภาษิต สํานวน และคําพงั เพยมากมาย ดงั ตัวอยา ง ๖.๕.๑ น้า เชน่ นา้ํ ลดตอผุด นํา้ มาปลากนิ มด นา้ํ ลดมดกนิ ปลา ตกั น้าํ รดหวั ตอ ตกั น้าํ ใสก ะโหลกชะโงกดเู งา ตําน้ําพรกิ ละลายแมนํา้ ตัดน้าํ ไมขาด คลน่ื ใตน ้าํ ชักนาํ้ เขาลึก ชกั ศกึ เขาบา น กรวดนํ้าควํ่าขัน ๖.๕.๒ ฝน เช่น ฝนตกไมท่ัวฟูา ขาวคอยฝน ฝนตกกแ็ ชง ฝนแลง กด็ า ฝนจะตก ข้จี ะแตก คนจะตาย พระจะสึก ฝนตกขีห้ มไู หล คนจญั ไรมาพบกัน ฝนตกอยา เชอื่ ดาว มเี มยี สาวอยาไวใ จ ฝนสั่งฟาู ฝนตกไมมีเคา ๖.๕.๓ ฟ้า เชน่ ถมนาํ้ ลายรดฟูา ครมึ้ ฟาู ครึม้ ฝน พลอยฟาู พลอยฝน ฟูาสูงแผน ดินตาํ่ ฟูาไมก ระเทอื นสนั หลัง สุดหลาฟูาเขยี ว ฟาู เคอื งสนั หลัง นมุ ลมหม ฟูา หนาวลมหม ฟาู หนาวฟูาผิงไฟ ๖.๕.๔ ไป เชน่ ไฟไหมฟ าง ไฟสุมขอน เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทอ งถิ่น ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ | นายกติ ิศักดิ์ สขุ วโรดม ผู้เรยี บเรยี ง ๒๑๔
ไฟจุกตดู ไฟลนกอน ไวไฟ เกลอื อยาใหขาดไห ไฟอยาใหข าดเตา เขาไตเ ขา ไฟ เจ฿กตื่นไฟ ปิดควันไฟไมม ดิ ตดั ไฟตน ลม ไฟในอยา นาํ ออก ไฟนอกอยานาํ เขา ๖.๕.๕ ลม เช่น ยกตัวเหนอื ลม หลงลม รกั เหากวา ผม รักลมกวานาํ้ ลม ๆ แลง ๆ ลมดลี มรา ย ลมพัดใบไมไ หว ลมพามา ลมปาก วา วตดิ ลม ลมพัดมาทางไหนไปทางนน้ั ๖.๕.๖ อ่ืน ๆ เช่น เขา เข็นครกขนึ้ ภเู ขา เกิดมูลพูนเขา เสน ผมบงั ภูเขา ยกเขาออกจากอก เมฆ หายเขากลบี เมฆ ยกเมฆ ทะเล คบื กท็ ะเล ศอกก็ทะเล มหาสมุทร งมเข็มในมหาสมทุ ร หนิ พวกหนิ ดกี วาพกนนุ หินแงใชต ายาย ทราย ขนทรายเขาวัด ดิน ดนิ พอกหางหมู ดนิ ไมกลบหนา ทอง ทองไมรูรอ น ทองลกู ระเบอื้ ง ทองแผนเดยี วกัน เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทองถนิ่ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกติ ิศกั ดิ์ สขุ วโรดม ผ้เู รยี บเรยี ง ๒๑๕
คณุ ค่าของภาษิต สานวน และคาพังเพย ภาษติ สาํ นวน และคําพังเพย เป็นมขุ ปาฐะทมี่ อี ยจู ริง สบื ทอดกนั มาชา นาน และยังคงใช อยูใ นชวี ติ ของคนไทยในปจใ จุบนั คณุ คา ของภาษิต สาํ นวน และคาํ พังเพย มีนานัปการ ดงั นี้ ๑. เปน็ เครอ่ื งมือในการอบรมส่ังสอนให้คนในสังคมอยู่ในกรอบประเพณีที่ดีงาม และ ชวยควบคุมความประพฤติใหเป็นบุคคลที่พึงประสงคแของสังคม มีกลวิธีการอบรมสั่งสอนทั้งโดย ทางตรงและโดยออม ไดแก ๑.๑ สอนให้ละเว้นการปฏิบัติในสิ่งท่ีไม่ควรปฏิบัติ เชน ไฟในอยานําออกไฟนอก อยานําเขา หมายถึงเร่ืองตาง ๆ ภายในบานหรือครอบครัว ไมควรนําออกไปเที่ยวพูดและเรื่องนอก บานที่ไมเก่ียวของกับเราก็ไมควรนําเขามา อาจเป็นเหตุใหเกิดความเดือดรอนใจได สํานวนอื่น ๆ ไดแก อยา ใฝุสงู ใหเกนิ ศกั ด์ิ อยา ถือคนบา อยาวา คนเมา ๑.๒ ควรปฏบิ ัตใิ นสงิ่ ท่ีดงี ามและเป็นที่ยอมรบั ของสังคม เชน อยูบานทานอยาน่ิงดู ดาย ปใ้นวัวปใ้นควายใหลูกทานเลน หมายความวา อาศัยอยูในบานผูใดก็ควรชวยทํางานหรือชวยทํา สิ่งหนึ่งส่ิงใดใหเป็นประโยชนแ แสดงถึงความเป็นคนมีน้ําใจและรักคุณคนหรือสํานวนวา อยาทํานา บนหลงั คน หมายความวา ไมควรหาประโยชนแใสตนดวยการเบียดเบียนเอาจากนํ้าพักน้ําแรงของคน อน่ื เป็นตน สาํ นวนอ่ืน ๆ ไดแ ก อยา ยกตนขม ทา น เขา ตามตรอกออกตามประตู ขี้แลวกลบ คือ แมว นอนสงู ใหน อนคว่าํ นอนต่ําใหนอนหงาย ๑.๓ บอกให้รู้สิ่งใดดีและสิ่งใดไม่ดี เชน ใหทุกขแแกทาน ทุกขแน้ันถึงตัว หมายถึง ทํา ความเดือดรอนเสียหายใหแกใคร ความเดือดรอนนั้นจะกลับมาถึงตัว หรือสํานวนวา กลานักมักบ่ิน หมายถงึ คนทท่ี าํ อะไรกลาจนเกินไปจะเป็นอันตรายได สํานวนอ่ืน ๆ ไดแก เลือกนักมักไดแร รักนัก มกั หนาย ทําดีไดดี ทําชวั่ ไดช่วั รกั เมยี เสียญาติ ๑.๔ ตาหนิผู้ท่ไี ม่ประพฤติตนตามปทสั ถานของสังคม เชน กินบนเรือนข้ีบนหลังคา หมายถึง คนท่ีอาศัยคนอื่นอยูแลวทําใหเจาของบานเดือดรอนหรือเส่ือมเสียกลาวไดวา เป็นคน เนรคุณ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไมควรปฏิบัติ ผูใดปฏิบัติจะเป็นที่รังเกียจของสังคมน้ัน เป็นตน สํานวน อ่นื ๆ ไดแ ก สอนลกู ใหเป็นโจร สวยแตรูปจูบไมหอม ทําหนา บอกบุญไมรับ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ งถิน่ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ | นายกติ ิศักดิ์ สขุ วโรดม ผูเ้ รียบเรยี ง ๒๑๖
๑.๕ ชน่ื ชมสรรเสรญิ ผปู้ ระพฤตติ นดี เชน ต่นื กอนไก อาบเหง่ือตางน้ํา ต่ืนกอนนอน หลัง ซ่ึงลวนหมายถึง ผูที่มีความขยันขันแข็ง สํานวนอ่ืน ๆ ไดแก อยูเรือนเหมือนกอนเสา วานอน สอนงาย ๑.๖ แบบประชดประชนั เชน เห็นเขาขี่คานหาม เอามอื ประสานกนั หัวกะไดไมแหง งามหนา หรือ มีทองเทาหนวดกุง นอนสะดุงจนเรือนไหว มักใชวา คนที่ไมเคยมีเงินแลวมามีขึ้นก็ ตนื่ ตวั ๒. สะท้อนให้เห็นถึงความคิด ความเชื่อ ค่านิยม ประเพณี การดําเนินชีวิตของคนใน สงั คมซง่ึ เปน็ เจา ของภาษิต สาํ นวน และคาํ พังเพย ไดเป็นอยางดี ลองพิจารณาภาษิตตางชาติตอไปนี้ จะเห็นถึงความคิด ความเชอ่ื ซึ่งเป็นแนวทางในการดําเนนิ ชวี ติ ของชาตินั้น ๆ จีน มงั กรยอมออกลูกเป็นมงั กร นกวิเศษยอมออกลกู เปน็ นกวเิ ศษ ถารักบตุ รจงดี ถา ไมร กั จงใหขนมหวาน ญ่ปี นุ่ กบในบอ ยอมไมร ูอะไรในเรือ่ งทะเลสูง เมด็ กรวดในลาํ ธารคดิ วามนั เป็นเพชร องั กฤษ มาสายดกี วาไมมาเลย ความอตุ สาหะเปน็ บิดาแหงความสาํ เรจ็ ฝรัง่ เศส ความเกียจครานเปน็ มารดาแหง ความชัว่ ทงั้ ปวง นํา้ ทีละหยดทลี ะหยดเซาะหินได (อา้ งใน เรไร ไพรวรรณ์, ๒๕๕๑, หน้า ๘๔) ๓. สะท้อนให้เห็นความงดงามทางภาษาที่มีเสียงสัมผัสคล้องจอง มีลีลาจังหวะ และ ความหมายลึกซึ้งกนิ ใจ ซ่งึ เป็นเอกลักษณทแ างภาษาของคนไทยอยา งชัดเจน เชน เมือ่ นอ ยใหเ รียนวิชา ใหห าสินเมอ่ื ใหญ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ งถน่ิ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ | นายกิติศักด์ิ สขุ วโรดม ผู้เรยี บเรยี ง ๒๑๗
รักวัวใหผกู รกั ลูกใหตี นํ้ารอ นปลาเปน็ น้าํ เย็นปลาตาย การใหเป็นยารกั ตระหนนี่ กั เปน็ ยาขงั ๔. เป็นเคร่ืองมือในการศึกษาวัฒนธรรมของท้องถิ่นหรือกลุ่มชน เพราะเม่ือไดศึกษา ภาษติ สาํ นวน และคําพังเพย ของทองถิ่นหรือกลุมชนใดแลวก็จะทําใหเขาใจถึงประวัติความเป็นมา คานิยม ความคดิ ความเชอ่ื รวมท้งั ประเพณี วิถชี วี ิตของทอ งถ่ิน หรอื กลุม ชนนนั้ ๆ ดว ย ๕. เป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรูสึกนึกคิดของผูกลาว โดยผูกลาวไม จําเป็นตองกลาวออกมาตรง ๆ เพียงแตใชภาษิต สํานวน และคําพังเพย ก็สามารถส่ือถึงอารมณแ ความรูสกึ นกึ คดิ ในขณะท่ีกลา วไดอยางชัดเจน ๖. เป็นประโยชน์ในด้านการศึกษาภาษาไทยโบราณและภาษาถิ่น ตลอดจน วิวฒั นาการของภาษาไทยในแตล ะชว งสมยั ได ๗. เป็นประโยชน์ต่อศาสตร์ในแขนงอื่น ๆ เชน มานุษยวิทยา สังคมวิทยา ภาษาศาสตรแ เป็นตน ท่ีสามารถนําเอาภาษิต สํานวน และคําพังเพย ไปศึกษาวิเคราะหแโครงสราง ทางสังคม วิถีชีวิต ความเป็นอยู คามเชื่อ รวมท้ังลักษณะการใชภาษา ที่ปรากฏอยูในสังคมน้ัน ๆ ดวย เรไร ไพรวรรณ,แ ๒๕๕๑, หนา ๘๓-๘๔ เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทองถ่ิน ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผูเ้ รียบเรียง ๒๑๘
บทท่ี ๗ การอนุรกั ษ์และเผยแพร่วรรณกรรมทอ้ งถ่ิน เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทองถนิ่ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผ้เู รียบเรียง ๒๑๙
การอนรุ ักษ์และเผยแพรว่ รรณกรรมท้องถ่ิน ๑. สภาพป๎ญหาของวรรณกรรมทอ้ งถ่ิน สภาพสังคมไทยปใจจุบันนี้ไมเอ้ือตอการถายทอดวรรณกรรมมุขปาฐะเหมือนสมัยอดีต เพราะเหตุวาประชาชนตองเรงรีบแขงขันกันทางเศรษฐกิจ จนไมมีเวลาวางเพ่ือการพักผอนหรือ สนทนากบั บคุ คลในครอบครัว ฉะนั้นการละเลนของเด็ก เพลงเด็ก นิทาน จึงไมมีโอกาสถายทอดกัน ตอมา อีกประการหนึ่งเทคโนโลยีและการสื่อสาร เชน วิทยุ โทรทัศนแ อินเทอรแเน็ตไดพัฒนาไปอยาง ไมหยุดย้ังและมีรูปแบบที่หลากหลายและทันสมัยมากข้ึน ผูคนจึงหันมาพักผอนกับความบันเทิงใจ สมัยใหม และละท้ิงการบันเทิงใจรูปแบบเดิมของไทย ซ่ึงการบันเทิงในครัวเรือนสมัยอดีต เชน ปริศนาคําทาย นิทาน เพลงเด็ก เป็นตน นอกจากจะใหความสนุกเพลิดเพลินแลว ยังเป็นสื่อกลาง สรา งความสมั พันธแ ความรกั ความเขาใจกันระหวางบุคคลในครอบครวั อีกดวย สวนคนรุนหลังที่สมควรไดรับการสืบทอดวรรณกรรมพื้นบานตางมีกิจกรรมใน ชวี ิตประจาํ วันมากมาย นั่นคือ ตองไปโรงเรียน ตองชวยเหลือพอแมทํามาหากิน ประกอบกับการให ความสนใจกบั เครอื่ งบนั เทงิ ใจสมยั ใหมม ากขนึ้ จึงละเลยที่จะฟใงนิทาน ปริศนาคําทาย และรองเพลง เดก็ หากพิจารณาในวงกวางจะเห็นวา กิจกรรมในการเผยแพรวรรณกรรมทองถ่ินไดถูก กจิ กรรมบนั เทงิ ใจสมัยใหมเขามาแทนทีอ่ ยางสน้ิ เชงิ เชน เพลงดนตรีทํานองตะวันตก ละครโทรทัศนแ ละครวิทยุในรูปแบบใหม และละครเวทแบบมิวสิเคิล เป็นตน โดยกิจกรรมบันเทิงใจสมัยใหมได เผยแพรอยางมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปใจจัยสําคัญที่ทําใหประชาชนทั่วไปละเลยกิจกรรมบันเทิงใน สมันอดีต จนอนุชนคนรุนใหมบางสวนอาจจะไมมีโอกาสรับรูวรรณกรรมทองถ่ินเลย แมแตการ เผยแพรนิทานในหนังสืออานสําหรับเด็ก สวนใหญก็มักจะเป็นนิทานของตะวันตก เชน สโนไวทแกับ คนแคระท้ังเจ็ด เจาหญิงนิทรา หรือการแตูนญ่ีปุนและเกาหลี เปน็ ตน เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทองถิ่น ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรียง ๒๒๐
๒. แนวทางในการอนุรกั ษ์และเผยแพรว่ รรณกรรมท้องถน่ิ วรรณกรรมทองถ่ินถูกละเลยมาเป็นเวลานาน แตยังไมสายเกินไปที่จะฟื้นฟู ฉะนั้นการ นําวรรณกรรมทองถ่ินมาเป็นรายวิชาหนึ่งในหลักสูตร นับวาเป็นการอนุรักษแวิธีหน่ึง นอกจากให นักเรียนเรยี นรูคุณคาและมีความภาคภมู ิใจตอวรรณกรรมทองถิ่นของตนแลว ยังสรางความเขาใจใน วรรณกรรมทองถิ่นอ่ืนอีกอันเป็นผลใหเขาใจสังคมและคนไทยในภูมิภาคอื่นอีกดวย อยางไรก็ตาม การอนุรกั ษวแ รรณกรรมทองถ่ินในสถาบันการศกึ ษานัน้ นาจะไมเพียงพอ เพราะวาวรรณกรรมทองถ่ิน เป็นวรรณกรรมที่เจริญแพรหลายอยูในกลุมประชาชนท่ัวไป ฉะนั้นจึงนาจะอนุรักษแและเผยแพรสู ประชาชนในวงกวางอีกดวย แมวาในปใจจุบันจะมีหนวยงานของรัฐบาลและเอกชนไดสนใจท่ีจะ อนุรักษแศิลปวัฒนธรรมพื้นบานจํานวนหนึ่ง แตหนวยงานเหลาน้ันมุงที่จะเก็บรักษาวัฒนธรรมทาง วัตถุ เชน พพิ ธิ ภัณฑแ หอวัฒนธรรมประจําจงั หวัด มากกวา วัฒนธรรมทางมุขปาฐะ ในท่ีน้ีจะเสนอแนวทางในการอนุรักษแวรรณกรรมทองถ่ินในวงกวาง ซึ่งบางกิจกรรม อาจจะยังเป็นไปไดยากในสถานที่หนึ่ง แตอาจจะเป็นกิจกรรมท่ีปฏิบัติไดงายอีกสถานที่หนึ่ง ใน แนวทางอนุรักษแวรรณกรรมทองถ่ินท่ีจะกลาวถึงจะเสนอเป็นระดับบุคคล หนวยงานรัฐ และเอกชน ดังน้ี ๒.๑ บทบาทของบคุ คลในการอนรุ ักษแและเผยแพรว รรณกรรมทอ งถนิ่ วิธีการอนุรักษแวรรณกรรมมุขปาฐะ คือ การเผยแพรใหอยูในความทรงจําของบุคคล เพือ่ ที่จะนํามาเลาสืบทอดตอ ๆ ไป เชน รวบรวมนิทานนํามาเลาสูกันฟใง สงเสริมใหเด็ก ๆ ไดฟใงรอง เลนเพลงเดก็ หรอื เพลงพืน้ บาน บทบาทของบคุ คลท่จี ะชว ยอนรุ ักษวแ รรณกรรมทองถน่ิ สรปุ ได ดงั นี้ ๑. เลานทิ านใหเดก็ ๆ ฟงใ เพราะเด็ก ๆ จะมีจินตนาการสูง ชอบเร่ืองผจญภัยในดินแดน มหศั จรรยซแ ึง่ นทิ านจกั ร ๆ วงศแ ๆ ของไทยจึงตรงกับความสนใจของเด็ก ๆ มาก ๒. รวบรวมจดบนั ทกึ นทิ านพืน้ บา นที่อยูในทอ งถ่นิ ของตนใหม ากท่สี ุด ๓. นาํ ปรศิ นาคาํ ทายมาทายเด็ก ๆ เพ่อื ความสนุกสนานและทดสอบเชาวนปแ ญใ ญา ๔. นําเพลงเด็ก (เพลงกลอมเด็ก เพลงปลอบเด็ก เพลงประกอบการละเลนของเด็ก) มา รองมาขบั ลําในโอกาสอนั ควร เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทองถน่ิ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกติ ศิ กั ดิ์ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรียง ๒๒๑
๕. จัดกิจกรรมการละเลนของเด็กตามแบบสมัยอดีต เพ่ือใหเด็ก ๆ ไดมีโอกาสสัมผัสกับ การละเลน ของไทยแตโบราณ ๖. ควรสนใจและทําความเขา ใจกับเพลงพ้ืนบาน วรรณกรรมลายลักษณแอ่ืน ๆ กอนที่จะ ตัดสินวาสนุก ไมม สี าระ ๗. พยายามฟใงเพลงพื้นบานที่ยังมีแสดงอยูบางในทองถิ่นชนบท และทําความเขาใจ ทาํ นองลีลาและสาระของเพลง ซ่งึ อาจจะเสริมสรางใหบุคคลเห็นคุณคาของเพลงพื้นบานของไทยอีก ทางหน่ึง ๘. หากมตี นฉบบั วรรณกรรมทองถ่ินฉบับลายลักษณแอักษร ควรเก็บรักษาในรูปแบบเดิม หรืออาจจะคดั ลอกอีกฉบับหนึ่งหรือสําเนาเอกสารก็ได ๙. หากมีพอเพลงแมเพลงอยูในชุมชนนั้น ๆ ควรจะไดบันทึกแถบเสียงไวเพ่ืออนุรักษแ และเผยแพรในวงกวา งตอ ไป ๑๐.พิมพแเอกสารสําเนานิทานพ้ืนบานท่ีรวบรวมไวเผยแพร แจกจายแกประชาชนทั่วไป (ธวชั ปณุ โณทก, หนา ๑๘๒-๑๘๓) เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ งถ่ิน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกติ ิศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรยี ง ๒๒๒
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223