Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความหมายของวรรณกรรมท้องถิ่น ๑.๒.๓

ความหมายของวรรณกรรมท้องถิ่น ๑.๒.๓

Published by กิติศักดิ์ ส., 2019-04-22 04:34:53

Description: ความหมายของวรรณกรรมท้องถิ่น ๑.๒.๓

Search

Read the Text Version

ชักน้าํ เขา฾ ลกึ ชักศึกเข฾าบา฾ น พลง้ั ปากเสียสนิ พลงั้ ตีนตกตน฾ ไม฾ นอนหลบั ไมร฽ ู฾ นอนค฾ไู ม฽เห็น อยากเป็นหนีใ้ หเ฾ ปน็ นายหน฾า อยากเป็นข้ีขา฾ ใหเ฾ ป็นนายประกนั ซ้าํ คาํ ที่ ๒ ของแตล฽ ะประโยค เชน฽ นกผดิ ปุา ปลาผิดนาํ้ นํา้ ส่ังฟูา ปลาสง่ั ฝน กนิ บนเรอื น ขีบ้ นหลังคา ซํา้ คาํ ท่ี ๓ ของแตล฽ ะประโยค เช฽น หวีผมพอเกล฾า กเิ หลา฾ พอเมา ทาํ นาออมกลา฾ ทําปลาออมเกลอื ไม฽เหน็ แกช฽ ี กเ็ ห็นแก฽ผา฾ เหลือง ซา้ํ คาํ ที่ ๔ ของแต฽ละประโยค เชน฽ ปนู อยา฽ ให฾ขาดเตา฾ ข฾าวอยา฽ ให฾ขาดโอง฽ คบคนให฾ดูหน฾า ซ้ือผ฾าให฾ดูเนื้อ ดักลอบใหห฾ มนั่ ก฾ู เจ฾าช฾ใู หห฾ มน่ั เกีย้ ว ๔.๓.๗ แบบอเนกรรถประโยคที่มคี ําตอบตรงข฾ามกันในแต฽ละประโยค เช฽น ชั่ว – ดี ชวั่ ชา฽ งชี ดีช฽างสงฆแ ดี – ชัว่ รกั ดหี ามจัว่ รักชวั่ หามเสา ง฽าย – ยาก ไมอ฾ อ฽ นดดั งา฽ ย ไม฾แก฽ดกั ยาก เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมท฾องถน่ิ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ | นายกิติศกั ดิ์ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรยี ง ๒๐๐

ซ่ือ – คด เพื่อนกนิ หางา฽ ย เพือ่ นตายหายาก มาก – นอ฾ ย ซื่อกนิ ไมห฽ มด คดกินไม฽นาน ยาว –สนั้ ร฾ูมากยากนาน รน฾ู อ฾ ยพลอยรําคาญ ขา฾ งนอก – ขา฾ งใน รกั ยาวให฾บั่น รกั ส่ันใหต฾ อ฽ เขียน – ลบ ขา฾ งนอกสกุ ใส ขา฾ งในเป็นโพรง ๕. แบง่ ตามเนือ้ หา เขยี นด฾วยมอื ลบดว฾ ยเท฾า การแบ฽งภาษิต สาํ นวน และคาํ พังเพย ตามเนื้อหา สามารถแบ฽งได฾ดังน้ี (เจือ สตะเวนทิน , ๒๕๑๕, หน฾า ๑-๓๐) อ฾างใน เรไร ไพรวรรณแ, ๒๕๕๑ หนา฾ , ๖๙ ๕.๑ เรอื่ งครอบครวั เช฽น ลกู ไม฾ย฽อมหลน฽ ไม฽ไกลตน฾ , อย฽าเห็นขี้ดีกว฽าไส฾, ช฾างสารงูเห฽า, ข฾า เก฽าเมยี รกั , รักวัวให฾ผกู รกั ลูกใหต฾ ี, ตน฾ ไม฾ตายเพราะลกู เปน็ ต฾น ๕.๒ เร่ืองการศึกษาอบรม เช฽น เมื่อน฾อยให฾เรียนวิชา, ความรู฾ท฽วมหัวเอาตัวไม฽รอด, สิบร฾ู ไมเ฽ ทา฽ ชํานาญ, สําเนยี งสอ฽ ภาษา กิริยาสอ฽ สกุล, ไม฾อ฽อนดดั งา฽ ย ไม฾แก฽ดดั ยาก เป็นต฾น ๕.๓ เร่ืองความรักและการครองเรือน เช฽น คู฽แล฾วไม฽แคล฾วกัน, ผัวเป็นช฾างเท฾าหน฾า เมีย เป็นช฾างเท฾าหลัง, ดูวัวให฾ดูหาง ดูนางให฾ดูแม฽, ปลูกเรือนตามใจผ฾ูอยู฽ ปลูกเรือนพอตัว, หวีหัวพอเกล฾า เป็นตน฾ ๕.๔ เร่ืองการทามาหากิน เช฽น ทํานาอย฽าเสียไร฽ เลี้ยงไก฽อย฽าเสียรัง, อย฽าทุบหม฾อข฾าว ตัวเอง, น้ําขึ้นให฾รีบตัก, เกิดเป็นคนต฾องพ่ึงตนเอง, อย฽าหมายน้ําบ฽อหน฾า, อย฽าจับปลาสองมือ, ปใญญา เปน็ ทรพั ยแ อย฽าเอามะพร฾าวหา฾ วไปขายสวน เปน็ ต฾น ๕.๕ เรื่องเก่ียวเศรษฐกิจและครองชีพ เช฽น อย฽าเสียน฾อยเสียยาก เสียมากเสียง฽าย, มี สลึงพึงบรรจบให฾ครบบาท, เกบ็ เลก็ ผสมน฾อย, นงุ฽ เจยี มหม฽ เจียม, อย฽าเอาเนอื้ หนูใสเ฽ นอื้ ช฾าง เป็นตน฾ ๕.๖ เร่อื งเกีย่ วกบั ตน เชน฽ ไกง฽ ามเพราะขน คนงามเพราะแต฽ง, อย฽าตีตนไปก฽อนไข฾, อย฽า ลืมเหมอื นวัวลมื ตนี , อยา฽ ขข้ี ลาดตาขาว, อย฽าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เป็นตน฾ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ฾ งถ่นิ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ | นายกิตศิ ักด์ิ สขุ วโรดม ผูเ้ รยี บเรยี ง ๒๐๑

๕.๗ เรื่องสังคม สมาคม เช฽น คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย, น้ําพ่ึงเรือ เสือพ่ึงปุา แพเ฾ ป็นพระชนะเป็นมาร, คนรกั เทา฽ ผนื หนงั คนชงั เท฽าผนื เส่อื , เอาใจเขามาใส฽ใจเรา เปน็ ต฾น ๕.๘ เร่ืองวาจา เช฽น พูดดีเป็นศรีแก฽ตัว พูดช่ัวอัปราชัย, พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึง ทอง, ปลาหมอตายเพราะปาก เปน็ ต฾น ๕.๙ เรอื่ งเกยี รตยิ ศช่อื เสียง เช฽น ชาตเิ สือต฾องไวล฾ าย ชาติชายต฾องไว฾ชื่อ, เสียชีพอย฽าเสีย สัตยแ เป็นตน฾ ๕.๑๐ เรื่อการปกครอง เช฽น สมภารไม฽ดีหลวงชีสกปรก, อย฽าสอนสังฆราช, จับให฾ม่ันคั้น ใหต฾ าย, อยา฽ ยน่ื แกว฾ ให฾วานร, น้ําเชยี่ วอย฽าขวางเรือ, นายรกั เหมือนเสอื กอด เป็นต฾น ๕.๑๑ เร่ืองศีลธรรม วัฒนธรรม เช฽น ความตายเป็นของไม฽เที่ยง, สันโดษเป็นทรัพยแ อย฽างยิง่ เปน็ ตน฾ ๕.๑๒ เร่ืองบ้านเกิดเมืองนอน เช฽น อย฽าฉ฾อราษฎรแบังหลวง, จงรักบ฾านเกิดเมืองนอน เป็นต฾น ๕.๑๓ เรอื่ งกรรม เช฽น ทําดีได฾ดี ทําช่ัวได฾ชั่ว, หว฽านพืชอย฽างใดได฾ผลอย฽างน้ัน, วัวใครเข฾า คอกคนนน้ั , ใหท฾ ุกขแแ กท฽ ฽าน ทุกขนแ นั้ ถึงตวั เปน็ ต฾น ๕.๑๔ เรอื่ งความประมาท เช฽น กนั ดีกว฽าแก฾, อยา฽ จับงขู ฾างหาง, นาํ้ ลดตอผดุ , อย฽าหักด฾าม พร฾าดว฾ ยเข฽า, ฆ฽าความอยา฽ เสียดายพรกิ เป็นตน฾ ๕.๑๕ สุภาษิตส่วนรวม เช฽น ไม฽มีฝอยหมาไม฽ขี้, วัวหายล฾อมคอก, หมาเห฽าไม฽กัด, จระเข฾ ขวางคลอง, ของหายตะพายบาป, หวานเป็นลมขมเป็นยา เป็นต฾น ๖. แบง่ ตามสิง่ ท่ีนามาเปรียบเทยี บหรืออา้ งอิง การแบ฽งภาษิต สํานวน และคําพังเพย ตามสิ่งที่นํามาเปรียบเทียบหรืออ฾างอิงนี้ส฽วน ใหญ฽จะเป็นการเปรียบเทียบอ฾างอิงกับส่ิงแวดล฾อมรอบตัว ไม฽ว฽าจะเป็นพืชสัตวแ สิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใชใ฾ นชีวติ ประจําวนั ซึ่งอาจแบ฽งเป็นประเภทยอ฽ ย ๆ ได฾ดังน้ี เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมท฾องถน่ิ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกิติศกั ดิ์ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรียง ๒๐๒

๖.๑ เกยี่ วกับสตั ว์ ภาษิต สํานวน และคําพังเพย ท่ีเกี่ยวกับสัตวแมีจํานวนมาก เพราะวิถี ชวี ิตของคนไทยมคี วามใกลช฾ ิดและผูกพนั กบั สตั วแ สตั วตแ า฽ ง ๆ ทน่ี าํ มาเปรยี บเทียบ ได฾แก฽ ๖.๑.๑ สัตวบ์ ก เช่น ความวัวไมท฽ ันหาย วัว – ควาย สซี อใหค฾ วายฟงใ ความควายเข฾ามาแทรก รักววั ให฾ผกู รกั ลูกใหต฾ ี เปาุ ป่ีเข฾าหูควาย วัวสนั หลงั หวะ ววั พนั หลกั ววั เคยขา ม฾าเคยข่ี ววั หายล฾อมคอก ป้ในวัวปใ้นควายให฾ลูกทา฽ นเลน฽ อย฽ูบ฾านท฽านอยา฽ นัง่ ดดู าย เส้ยี มเขาควายให฾ชนกัน ตีวัวกระทบคราด ไมห฾ ลักปใกขีค้ วาย อ฾อยเขา฾ ปากขา฾ ง ข่ชี า฾ งจับตก๊ั แตน ช฾าง ช฾างเผอื กเกิดในปาุ เหน็ ชา฾ งเทา฽ หมู เล้ยี งชา฾ งกนิ ขี้ช฾าง ถล่ี อดตาชา฾ ง ห฽างลอดตาเลน ชา฾ งตายทัง้ ตวั เอาใบบัวปดิ ไมม฽ ิด งัดงาช฾าง งา฾ งภเู ขา ช฾างสารงูเห฽า ข฾ารักเมยี รัก เหน็ ช฾างข้ขี ีต้ ามช฾าง ฆ฽าช฾างเอางา เขียนเสือใหว฾ วั กลวั ดูชา฾ งใหด฾ หู นา฾ หนาว ปลอ฽ ยเสือเข฾าปาุ เขา฾ ผลักเสือผอม เสือ เสอื เฒ฽าจําศลี จบั เสือมือเปล฽า เอาไม฾ไปแหยเ฽ สอื ชาตเิ สอื จบั เนือ้ กินเอง เสอื ซ฽อนเลบ็ เนอ้ื เข฾าปากเสอื หนา฾ เน้อื ใจเสือ เสือหิว เสอื เก฽า ลบลายเสอื หมา เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ฾ งถิ่น ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกติ ิศักด์ิ สขุ วโรดม ผู้เรยี บเรยี ง ๒๐๓

ชงิ หมาเกดิ ตดล฽อหมา เคาะกะลา ใหห฾ มาดใี จ ขใี้ หม฽หมาหอม ขี้ไม฽ใหห฾ มากิน เปน็ ความกนิ ขห้ี มาดีกว฽า หมาจนตรอก เล฽นกับหมาหมาเลีย ไมม฽ ีมลู ฝอยหมาไม฽ขี้ หมาข้ีไมม฽ ีใครยกหาง หมาเดอื นสบิ สอง หมาลอบกัด หมาหมู฽ แมว ใชแ฾ มวไปไปขอไฟ ปิดประตตู แี มว ซอ่ื เหมือนแมวนอนหวด แมวไม฽อยห฽ู นรู า฽ เริง แมวมาหลังคาเปงิ ใชแ฾ มวไปขอปลาย฽าง ท่เี ทา฽ แมวดนิ้ ตาย แมวพ่งึ พระ ฝากปลายา฽ งไว฾กับแมว ปิง้ ปลาประชดแมว ยนื่ หมูย่ืนแมว ขแ้ี ลว฾ กลบเปน็ แมว หมู ดนิ พอกหางหมู หมูเขาจะหามเอาคนเข฾าไปสอด หมูเข้ยี วตัน กนิ อยา฽ งหมูอยูอ฽ ย฽างหมา ขห้ี มรู าขหี้ มาแหง฾ หมใู นอวย ขี้หมขู ้ีหมา หมไู ปไก฽มา อม฾ุ หมเู ขา฾ เลา฾ หมสู นาม หมูอดข้ีไมไ฽ ด฾ หมใู นเลา฾ ลิง ลงิ หลอกเจา฾ ลงิ ได฾แกว฾ ลงิ นั่งแปูน ยื่นแกว฾ ให฾วานร ฤๅษเี ลย้ี งลงิ ลิงตกต฾นไม฾ หลอกแมวใหก฾ ินขงิ หลอกลงิ ให฾กินข฽า ทําลิงทาํ ค฽าง กระตา฽ ย เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมท฾องถิ่น ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผเู้ รยี บเรยี ง ๒๐๔

กระตา฽ ยตืน่ ตมู กระต฽ายหมายจนั ทรแ กระตา฽ ยขาเดียว กระต฽ายแหย฽เสอื กระต฽ายกับเต฽า ๖.๑.๒ สัตวน์ า้ และสตั ว์ครงึ่ บกคร่ึงน้า เชน่ ปลาใหญก฽ ินปลาเลก็ ปลา ขุดบอ฽ ล฽อปลา จับปลาสองมือ เกลียดตัวกนิ ไข฽ ปลาตดิ หลงั แห นาํ้ มาปลากนิ มด เกลียดปลาไหลกินน้าํ แกง นาํ้ ร฾อนปลาเปน็ นาํ้ ลดมดกนิ ปลา หงมิ ๆ หยิบชิ้นปลามัน น้ําเย็นปลาตาย ปลาข฾องเดยี วกนั ปากหอยปากปู จับปใู สก฽ ระด฾ง หอย ปู กุง฾ มีทองเท฽าหนวดก฾งุ ตีนเทา฽ ฝาหอย ตวั งอเป็นก฾ุง รีดเลอื ดกับปู เอากุง฾ ฝอยไปตกปลากะพง นอนสะด฾งุ จนเรอื นไหว กง฾ุ ถอยหลัง ผอมเป็นกง฾ุ แหง฾ กบเลอื กนาย กบเฝาู กอบัว ตะครบุ กบ กบ เขียด คางคก กระดกู กบกระดูกเขยี ด กบในกะลา คางคกใต฾กะลาครอบ ตายอยา฽ งเขยี ด ๖.๑.๓ สัตว์เลอ้ื ยคลาน เชน่ คางคกขนึ้ วอ ชาตคิ างคก ยางหัวไมต฽ กไม฽รส฾ู กึ ขว฾างงไู ม฽พน฾ คอ งู งูกินหาง เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมท฾องถน่ิ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกิตศิ กั ด์ิ สขุ วโรดม ผู้เรยี บเรยี ง ๒๐๕

เฒา฽ หวั งู งเู ง้ียวเข้ยี วขอ จบั งูขา฾ งหาง ตีงใู ห฾กากิน ลว฾ งคองเู ห฽า หมองูตายเพราะงู ลากงูตามหลัง ชาวนากับงูเหา฽ งพู ษิ คิดคด ตงี ใู หห฾ ลงั หกั จระเข฾ จระเขข฾ วางคลอง จระเข฾ฟาดหาง หนีเสือปะจระเข฾ จระเขค฾ ับหนอง สอนจระเข฾ใหว฾ า฽ ยนาํ้ ลกู เสือลกู จระเข฾ เตา฽ ขา฾ เก฽าเต฽าเล้ียง โง฽เงา฽ เต฽าตน฽ุ เต฽าใหญไ฽ ข฽กลบ หนวดเต฽าเขากระต฽าย เนอื้ เต฽ายาํ เต฽า เต฽าหดหวั คลานเหมือนเตา฽ สตั วเแ ลอ้ื ยคลานอื่น ๆ จิ้งจกทกั ตุ฿กแกกินปนู รอ฾ นทอ฾ ง กิง้ ก฽าไดท฾ อง จ้ิงจกเปลีย่ นสี ลายเป็นตุก฿ แก ไส฾เดือนคลุกข้เี ถา฾ เกลียดเหมือนกิง้ กอื ไส฾เดือน ๖.๑.๔ สัตวป์ ีก เช่น นก นกกระจอกกินน้ํา นกสองหัว นกกระปดู นกต฽อ นกร฾ู นกปีกหกั นกไรไ฾ ม฾โหด ปลอ฽ ยนกปลอ฽ ยกา พรากลูกนกลกู กา นกน฾อยทาํ รงั แตพ฽ อตัว เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมท฾องถนิ่ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผ้เู รียบเรยี ง ๒๐๖

ยงิ ปืนนดั เดยี วไดน฾ กสองตัว ไก฽ ไกไ฽ ด฾พลอย ไก฽เหน็ ตนี งู งเู หน็ นมไก฽ ไก฽แก฽แมป฽ ลาชอ฽ น ไก฽แกห฽ นังเหนยี ว ต่ืนกอ฽ นไก฽ ไก฽ออ฽ น งงเป็นไก฽ตาแตก ไก฽รองบ฽อน ปลอ฽ ยไก฽ ไกง฽ ามเพราะขน คนงามเพราะแตง฽ เจา฾ ชไ฾ู ก฽แจ฾ กา แรง฾ เตน฾ แร฾งเต฾นกา กาในฝงู หงสแ กาตาแววเห็นธนู สาวไสใ฾ ห฾กากนิ แรงเหมือนมด อดเหมอื นกา กาหน฾าดําเขาจาํ หนา฾ ได฾ แร฾งถามหา กาฝาก แร฾งลง หวานคอแรง฾ ๖.๑.๕ แมลง มด หนอน เช่น แมลงวันหวั เขยี ว คางคกขึน้ วอ แมลงปอใสต฽ ฾งุ ติง้ น้าํ ตาลใกล฾มด มดแดงแฝงพวงมะมว฽ ง มดไม฽ใหไ฾ ต฽ ไรไมใ฽ หต฾ อม หนอนหนงั สอื เกลอื เป็นหนอน หนอมบอ฽ นไส฾ ๖.๒ คน ภาษิต สํานวน และคําพังเพย ท่ีเก่ียวกับคน มีการเปรียบเทียบกับส฽วนต฽าง ๆ ของรา฽ งกาย การประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ รวมทงั้ คา฽ นิยม ความคดิ คามเช่อื และประเพณี ดงั นี้ ๖.๒.๑ เกยี่ วกับคน เชน่ คนดีชอบแก฾ไข คนจญั ไรชอบแก฾ตวั คนเดยี วหวั หาย สองคนเพอ่ื นตาย คนในอยากออก คนนอกอยากเขา฾ คนรกั เทา฽ ผืนหนงั คนชังเท฽าผนื เสือ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมท฾องถ่นิ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ | นายกติ ศิ กั ดิ์ สขุ วโรดม ผู้เรียบเรียง ๒๐๗

คนลม฾ อยา฽ ทบั ลูกผลี ูกคน คลองคดยงั ไม฽เท฽าคนคด หนา฾ ๖.๒.๒ อวยั วะต่าง ๆ เช่น หน฾าเนื้อใจเสอื ตหี นา฾ ยกั ษแ หนา฾ ใหญใ฽ จโต ใสห฽ นา฾ กาก หวั หน฾าชื่นอกตรอม หัวเรอื ใหญ฽ หวั รานํ้า หัวหกก฾นขวดิ หวั ขเี้ ล้อื ย หวั เสยี หวั เก฽า คอ หวั กะทิ คอทงั่ สนั หลงั เหล็ก คอทองแดง ก฾างขวางคอ ดกั คอ คอเป็นเอ็น ห฽วงคลอ฾ งคอ ปลอกคอ คอขาดบาดตาย ปาก จมกู ปลาปลารา฾ ปากบอน ปากหวาน ปากปราศรัยนํ้าใจเชอื ดคอ ปากหอยปากปู ปากเปน็ ชกั ยนตแ แคจ฽ มกู มาปาก ยมื จมูกคนอนื่ หายใจ หูผีจมูกมด เหยียบจมูก ลูบหนา฾ ปะจมูก ตา ตบตา เข฾าเมทองตาลวิ่ ต฾องหลิว่ ตาตาม เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ฾ งถน่ิ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ | นายกติ ศิ กั ดิ์ สขุ วโรดม ผ้เู รยี บเรยี ง ๒๐๘

ตาบอดได฾แวน฽ ตาบอดสอดตาเห็น ตาเฟ้อื งตาสลึง ตารอ฾ นเป็นไฟ ใจ ใจกว฾าง ใจแคบ ซูบผอมตรอมใจ ฉุกใจไดค฾ ิด ใจจดื ใจดํา เดือนเนื้อรอ฾ นใจ นอ฾ ยเนื้อตํ่าใจ ผดิ พ฾องหมองใจ สองจิตสองใจ มอื แกม฾ อื คันไม฾คันมอื กลบั หน฾ามอื เปน็ หลังมอื จับมอื ถือใครดมไมไ฽ ด฾ ตบมอื ข฾างเดียว ฝีไม฾ลายมือ มือแข็ง มือหา฽ ง สร฾ู บตบมอื มือสะอาด ส฾ูมอื สบิ เบย้ี ใกล฾มือ มอื ไวใจเร็ว ลิ้นทอง ลนิ้ ลน้ิ กับฟใน ล้นิ ไม฽มีกระดกู รอ฾ ยลิ้นกะลาวน ล้นิ ตวดั ถึงใบหู ลิ้นลังกา พูดเลน฽ ล้ิน ล้นิ กระด฾างคางแข็ง กอข฾อไมก฽ ระดกิ หู หู ฟงใ หูไว฾หู ไขหู เปาหู ค฽ูหู หทู วนลม หูเบา หูดบั ตบั ไหม฾ หเู ข฾าพรรษา เขา฾ หซู ฾ายทะลุหขู วา เข฾าขา ขา ปดใ แขง฾ ปดใ ขา เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทอ฾ งถ่ิน ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกิติศักด์ิ สขุ วโรดม ผ้เู รยี บเรียง ๒๐๙

ไหกระเทียมต฽อขา อา฾ ขาผวาปีก ขาประจาํ พอยกขาก็ลาโรง กระดูก กระดูกขัดมัน เกลยี ดเข฾ากระดูกดาํ กระดกู แขง็ กระดกู ออกนอกเนื้อ คดในข฾องอในกระดกู หนงั หม฾ุ กระดกู แช฽งชกั หกั กระดกู ๖.๒.๒ กิริยาอาการหรอื การกระทาของมนุษย์ เช่น การกินการอยใ฽ู ครไมส฽ ู฾พอ฽ กิน กดั กอ฾ นเกลือกนิ การพายการถ฽อพอ฽ ไมส฽ ู฾ใคร กนิ ไขแ฽ ดง กินแรงรอ฾ น กนิ ขา฾ วต฾มกระโจมกลาง กนิ ขันหมาก กินนอกกนิ ใน กินท่ลี ับไขที่แจ฾ง กินนาํ้ เหน็ ปลิง กนิ นํา้ ใต฾ศอก เดินลอยชาย เดิน ผูด฾ ตี ีนแดง ตะแคงตนี เดิน เดนิ สายกลาง เดนิ ขยม฽ ธรณี จะขจ้ี ึงหาขอน จะนอนจึงหาเส่อื นอนหลบั ไมร฽ นู฾ อนค฾ไู ม฽เหน็ นอน นอนตาไม฽หลบั นอนกลางดนิ กินกลางทราย นอนกินบา฾ นกนิ เมือง พูดง฽ายฟงใ ยาก นอนสงู ใหน฾ อนควา่ํ นอนต่าํ ใหน฾ อนหงาย พดู นํ้าท฽วมปาก พูดดีเปน็ ศรแี กต฽ วั พดู อมพระมาพูด พูดมะนาวไม฽มีนํ้า พดู ชัว่ อปั ราชยั เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมท฾องถ่นิ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ | นายกติ ศิ ักด์ิ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรยี ง ๒๑๐

พดู คล฽องเป็นรอ฽ งนาํ้ เกิด ตาย เกดิ ในเรอื นเบีย้ เกิดปนี าํ้ นอ฾ ย เคาะกะลามาเกดิ รูก฾ ฽อนเกิด เกดิ หนเดียว ตายหนเดียว ตายดาบหนา฾ ฆา฽ ไมต฽ ายขายไม฽ขาด จบั ใหม฾ น่ั คัน้ ให฾ตาย ตวั ตายตวั แทน เมาตนลืมตาย เมากายลมื แก฽ ๖.๓ พืช พืชต฽าง ๆ ท่ีนํามาเปรียบในภาษิต สํานวน และคําพังเพย ของไทย มีทั้งท่ีเป็น พชื ผักสวนครวั พืชยนื ต฾น และพชื ล฾มลกุ ดงั น้ี ๖.๓.๑ พืชยนื ตน้ เช่น ไมใ฾ กล฾ฝใ่ง ไมซ฾ กี งดั ไมซ฾ ุง ตน฾ ไม฾ตายเพราะลูก เจอไมง฾ ามเมื่อยามขวานบน่ิ รม฽ โพธ์ริ ฽มไทร ลูกยางหลน฽ ไมไ฽ กลตน฾ ปลกู ต฾นมะพดู ดาํ เปน็ ตอตะโก ต฽อหนา฾ มะพลบั ลบั หลังตะโก แผ฽นดนิ ไมไ฽ ร฾เทา฽ ใบพุทรา ปนี ต฾นง้ิว ลาํ่ เป็นมะขามข฾อเดียว ๖.๓.๒ พชื ผล และผักสวนครัว เช่น มะพรา฾ ว มะพร฾าวหา฾ วไปขายสวน มะพร฾าวตื่นดกยาจกตนื่ มี มะกอก มะกอกสามตะกรา฾ ปาไมถ฽ กู ข฾าว ข฾างแดงแกงร฾อน รวงข฾าวรัดกอจะออก มะนาว มะนาวไม฽มนี ้ํา กลมเป็นลกู มะนาว กลว฾ ย โค฽นกลว฾ ยอย฽าไว฾หน฽อ ดน่ื เป็นกลว฾ ยน้าํ วา฾ พริก กาคาบพรกิ เลก็ พริกขหี้ นู ถงึ พริกถงึ ขงิ ถวั่ มอื เปน็ ฝใกถั่ว กวา฽ ถ่วั จะสุกงาก็ไหม฾ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมท฾องถิน่ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกติ ิศักด์ิ สขุ วโรดม ผ้เู รียบเรยี ง ๒๑๑

ผกั บ฾ุง นํ้าทว฽ มท฽ุงผักบ฾ุงโหรงเหรง น้ําผักบ฾งุ ไป นํา้ สายบัวมา ฟกใ แฟง แตง ววั ไมม฽ ีหลกั ฟใกไม฽มีร฾าน โตฟกใ โตแฟก แตงร฽มใบ อื่น ๆ ขมิ้นกับปนู ผกั ชีโรยหนา฾ แม฽สายบวั แต฽งตวั ค฾าง ลกู ยอ ๖.๓.๓ ไม้ดอกและพืชล้มลุกอนื่ ๆ เช่น บัวไม฽ใหช฾ ํ้า นํา้ ไม฽ใหข฾ ุน฽ บัวเกดิ แตเ฽ ปือกตม ดอกไม฾ริมทาง เดด็ ดอกไมร฽ ฽วมต฾น ดอกพกิ ลุ รว฽ ง หญ฾าปากคอก หญา฾ แพรก เก่ียวแฝกมงุ ปาุ กระดังงาลนไฟ ปากบอน นํ้ากล้งิ บนใบบอน เปน่ิ เท่นิ มนั เทศ ปลายอ฾อปลายแขม ๖.๔ ส่ิงของเคร่ืองใช฾ ส่ิงของเครื่องใช฾ต฽าง ๆ ที่นํามาใช฾เปรียบเทียบในภาษิต สํานวน และคําพังเพย ส฽วนใหญ฽จะเป็นเครื่องใช฾ที่เกี่ยวข฾องกับการประกอบอาชีพ และข฾าวของเคร่ืองใช฾ใน ชวี ิตประจาํ วนั ดงั น้ี ๖.๔.๑ เคร่อื งใช้ในครัวเรือน เชน่ คนรกั เทา฽ ผืนหนัง คนชงั เท฽าผืนเส่อื เคร่ืองใช฾ในเรอื น หนา฾ สว่ิ หน฾าขวาน ยํา้ หัวตะปู คอ฾ นใส฽สันหลงั หอกขา฾ งแคร฽ เข฾าด฾ายเขา฾ เข็ม ดาบสองคม รดี ไถ เข฾าตู฾ ตน฾ กุญแจ พาลกระแซง ตีววั กระทบคราด ท฾องย฾งุ พุงกระสอบ สนตะพาย ลม฾ หมอนนอนเส่ือ ม฾วนเสอ่ื เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมท฾องถิน่ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๖ | นายกิตศิ กั ดิ์ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรยี ง ๒๑๒

แปดสาแหรก เครือ่ งใชใ฾ นครัว ตําขา฾ วสารกรอกหม฾อ เข็นครกขึน้ ภเู ขา ใส฽ตะกรา฾ ลา฾ งน้าํ ขน้ึ หมอ฾ เขา฾ หม฾อ ช฾าชา฾ ไดพ฾ รา฾ สองเล฽มงาม ไม฽เอาถา฽ น งอนเป็นชอ฾ นหอย เข฾าเถ่อื นอย฽าลมื พร฾า ได฾ถงุ ลืมได฾ เข฾าไต฾เข฾าไฟ จดุ ไต฾ตําตอ ไดใ฾ หมล฽ มื เก฽า นา้ํ ตาลใกลม฾ ด ซื่อเปน็ แมวนอนหวด ปากตะกรอ฾ พมิ เสนแลกกบั เกลอื ยัดทะนาน ลงขัน เป็นฟืนเป็นไฟ ดักลอบให฾หมน่ั กู฾ เคร่ืองมือจบั สัตวแ กระเซอก฾นรวั่ ตปี ลาหนา฾ ไซ ปลาผดุ หยอ฽ นเบด็ เหวีย่ งแห ปลาขอ฾ งเดยี วกัน ยกยอปอปน้ใ ติดรา฽ งแห ตดิ แรว฾ ๖.๔.๒ เครือ่ งดนตรี เช่น ฆอ฾ งปากแตก ตกี ลองปุโลหะ เปุาแตร เปุาปี่ ไมม฽ ีป่ีไม฽มกี ลอง ไม฾มวน โยนกลอง ราบเป็นหน฾ากลอง รําไมด฽ โี ทษปโี่ ทษกลอง สซี อให฾ควายฟใง ปากเปน็ ฆอ฾ งกระแต เปน็ ปเี่ ปน็ ขลุย฽ ไล฽ลูกฆอ฾ ง ๖.๔.๓ พาหนะ เช่น ชักใบให฾เรือเสยี เรอื ล฽มเมอื่ จอด ตเิ รอื ทั้งโกลน ถอื หาง ถอื ทา฾ ย เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมท฾องถ่นิ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ | นายกติ ิศักดิ์ สขุ วโรดม ผ้เู รียบเรยี ง ๒๑๓

นํ้าเช่ยี วขวางเรอื นาํ้ พง่ึ เรอื เสอื พึ่งปุา ผห฾ู ญงิ ยงิ เรอื ผู฾ชายพายเรือ พายเรอื คนละที ไม฽เปน็ โลเ฾ ปน็ พาย กงกํากงเกวยี น รอ฾ ยเล฽มเกวียน ๖.๕ ธรรมชาติ ธรรมชาติและปรากฏการณแธรรมชาติมีอิทธิพลต฽อความคิด ความเช่ือ และพฤตกิ รรมของมนษุ ยแอยา฽ งมาก จึงปรากฏในภาษิต สํานวน และคําพงั เพยมากมาย ดงั ตัวอยา฽ ง ๖.๕.๑ น้า เชน่ นา้ํ ลดตอผุด นํา้ มาปลากนิ มด นา้ํ ลดมดกนิ ปลา ตกั น้าํ รดหวั ตอ ตกั น้าํ ใสก฽ ะโหลกชะโงกดเู งา ตําน้ําพรกิ ละลายแม฽นํา้ ตัดน้าํ ไม฽ขาด คลน่ื ใตน฾ ้าํ ชักนาํ้ เข฾าลึก ชกั ศกึ เข฾าบา฾ น กรวดนํ้าควํ่าขัน ๖.๕.๒ ฝน เช่น ฝนตกไม฽ท่ัวฟูา ข฾าวคอยฝน ฝนตกกแ็ ชง฽ ฝนแลง฾ กด็ า฽ ฝนจะตก ข้จี ะแตก คนจะตาย พระจะสึก ฝนตกขีห้ มไู หล คนจญั ไรมาพบกัน ฝนตกอยา฽ เชอื่ ดาว มเี มยี สาวอย฽าไวใ฾ จ ฝนสั่งฟาู ฝนตกไม฽มีเคา฾ ๖.๕.๓ ฟ้า เชน่ ถ฽มนาํ้ ลายรดฟูา ครมึ้ ฟาู ครึม้ ฝน พลอยฟาู พลอยฝน ฟูาสูงแผน฽ ดินตาํ่ ฟูาไมก฽ ระเทอื นสนั หลัง สุดหล฾าฟูาเขยี ว ฟาู เคอื งสนั หลัง นม฽ุ ลมหม฽ ฟูา หนาวลมหม฽ ฟาู หนาวฟูาผิงไฟ ๖.๕.๔ ไป เชน่ ไฟไหมฟ฾ าง ไฟสุมขอน เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมทอ฾ งถิ่น ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ | นายกติ ิศักดิ์ สขุ วโรดม ผู้เรยี บเรยี ง ๒๑๔

ไฟจุกตดู ไฟลนก฾อน ไวไฟ เกลอื อย฽าให฾ขาดไห ไฟอย฽าใหข฾ าดเตา เข฾าไตเ฾ ขา฾ ไฟ เจ฿กตื่นไฟ ปิดควันไฟไมม฽ ดิ ตดั ไฟตน฾ ลม ไฟในอยา฽ นาํ ออก ไฟนอกอย฽านาํ เข฾า ๖.๕.๕ ลม เช่น ยกตัวเหนอื ลม หลงลม รกั เหากวา฽ ผม รักลมกว฽านาํ้ ลม ๆ แล฾ง ๆ ลมดลี มรา฾ ย ลมพัดใบไมไ฾ หว ลมพามา ลมปาก วา฽ วตดิ ลม ลมพัดมาทางไหนไปทางนน้ั ๖.๕.๖ อ่ืน ๆ เช่น เขา เข็นครกขนึ้ ภเู ขา เกิดมูลพูนเขา เสน฾ ผมบงั ภูเขา ยกเขาออกจากอก เมฆ หายเข฾ากลบี เมฆ ยกเมฆ ทะเล คบื กท็ ะเล ศอกก็ทะเล มหาสมุทร งมเข็มในมหาสมทุ ร หนิ พวกหนิ ดกี ว฽าพกนนุ฽ หินแง฽ใชต฽ ายาย ทราย ขนทรายเข฾าวัด ดิน ดนิ พอกหางหมู ดนิ ไม฽กลบหน฾า ทอง ทองไม฽ร฾ูรอ฾ น ทองลกู฽ ระเบอื้ ง ทองแผ฽นเดยี วกัน เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมท฾องถนิ่ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกติ ิศกั ดิ์ สขุ วโรดม ผ้เู รยี บเรยี ง ๒๑๕

คณุ ค่าของภาษิต สานวน และคาพังเพย ภาษติ สาํ นวน และคําพังเพย เป็นมขุ ปาฐะทมี่ อี ยจู฽ ริง สบื ทอดกนั มาชา฾ นาน และยังคงใช฾ อยูใ฽ นชวี ติ ของคนไทยในปจใ จุบนั คณุ คา฽ ของภาษิต สาํ นวน และคาํ พังเพย มีนานัปการ ดงั นี้ ๑. เปน็ เครอ่ื งมือในการอบรมส่ังสอนให้คนในสังคมอยู่ในกรอบประเพณีที่ดีงาม และ ช฽วยควบคุมความประพฤติให฾เป็นบุคคลที่พึงประสงคแของสังคม มีกลวิธีการอบรมสั่งสอนทั้งโดย ทางตรงและโดยอ฾อม ได฾แก฽ ๑.๑ สอนให้ละเว้นการปฏิบัติในสิ่งท่ีไม่ควรปฏิบัติ เช฽น ไฟในอย฽านําออกไฟนอก อย฽านําเข฾า หมายถึงเร่ืองต฽าง ๆ ภายในบ฾านหรือครอบครัว ไม฽ควรนําออกไปเที่ยวพูดและเรื่องนอก บ฾านที่ไม฽เก่ียวข฾องกับเราก็ไม฽ควรนําเข฾ามา อาจเป็นเหตุให฾เกิดความเดือดร฾อนใจได฾ สํานวนอื่น ๆ ได฾แก฽ อยา฽ ใฝุสงู ให฾เกนิ ศกั ด์ิ อยา฽ ถือคนบ฾า อย฽าวา฽ คนเมา ๑.๒ ควรปฏบิ ัตใิ นสงิ่ ท่ีดงี ามและเป็นที่ยอมรบั ของสังคม เช฽น อย฽ูบ฾านท฽านอย฽าน่ิงดู ดาย ปใ้นวัวปใ้นควายให฾ลูกท฽านเล฽น หมายความว฽า อาศัยอยู฽ในบ฾านผู฾ใดก็ควรช฽วยทํางานหรือช฽วยทํา สิ่งหนึ่งส่ิงใดให฾เป็นประโยชนแ แสดงถึงความเป็นคนมีน้ําใจและรักคุณคนหรือสํานวนว฽า อย฽าทํานา บนหลงั คน หมายความว฽า ไม฽ควรหาประโยชนแใส฽ตนด฾วยการเบียดเบียนเอาจากนํ้าพักน้ําแรงของคน อน่ื เป็นตน฾ สาํ นวนอ่ืน ๆ ไดแ฾ ก฽ อยา฽ ยกตนขม฽ ทา฽ น เขา฾ ตามตรอกออกตามประตู ขี้แล฾วกลบ คือ แมว นอนสงู ใหน฾ อนคว่าํ นอนต่ําให฾นอนหงาย ๑.๓ บอกให้รู้สิ่งใดดีและสิ่งใดไม่ดี เช฽น ให฾ทุกขแแก฽ท฽าน ทุกขแน้ันถึงตัว หมายถึง ทํา ความเดือดร฾อนเสียหายให฾แก฽ใคร ความเดือดร฾อนนั้นจะกลับมาถึงตัว หรือสํานวนว฽า กล฾านักมักบ่ิน หมายถงึ คนทท่ี าํ อะไรกล฾าจนเกินไปจะเป็นอันตรายได฾ สํานวนอ่ืน ๆ ได฾แก฽ เลือกนักมักได฾แร฽ รักนัก มกั หน฽าย ทําดีได฾ดี ทําชวั่ ได฾ช่วั รกั เมยี เสียญาติ ๑.๔ ตาหนิผู้ท่ไี ม่ประพฤติตนตามปทสั ถานของสังคม เช฽น กินบนเรือนข้ีบนหลังคา หมายถึง คนท่ีอาศัยคนอื่นอยู฽แล฾วทําให฾เจ฾าของบ฾านเดือดร฾อนหรือเส่ือมเสียกล฽าวได฾ว฽า เป็นคน เนรคุณ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม฽ควรปฏิบัติ ผ฾ูใดปฏิบัติจะเป็นที่รังเกียจของสังคมน้ัน เป็นต฾น สํานวน อ่นื ๆ ไดแ฾ ก฽ สอนลกู ให฾เป็นโจร สวยแต฽รูปจูบไม฽หอม ทําหนา฾ บอกบุญไม฽รับ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ฾ งถิน่ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ | นายกติ ิศักดิ์ สขุ วโรดม ผูเ้ รียบเรยี ง ๒๑๖

๑.๕ ชน่ื ชมสรรเสรญิ ผปู้ ระพฤตติ นดี เช฽น ต่นื ก฽อนไก฽ อาบเหง่ือต฽างน้ํา ต่ืนก฽อนนอน หลัง ซ่ึงล฾วนหมายถึง ผู฾ที่มีความขยันขันแข็ง สํานวนอ่ืน ๆ ได฾แก฽ อยู฽เรือนเหมือนก฾อนเสา ว฽านอน สอนง฽าย ๑.๖ แบบประชดประชนั เช฽น เห็นเขาขี่คานหาม เอามอื ประสานกนั หัวกะไดไม฽แห฾ง งามหน฾า หรือ มีทองเท฽าหนวดกุ฾ง นอนสะดุ฾งจนเรือนไหว มักใช฾ว฽า คนที่ไม฽เคยมีเงินแล฾วมามีขึ้นก็ ตนื่ ตวั ๒. สะท้อนให้เห็นถึงความคิด ความเชื่อ ค่านิยม ประเพณี การดําเนินชีวิตของคนใน สงั คมซง่ึ เปน็ เจา฾ ของภาษิต สาํ นวน และคาํ พังเพย ได฾เป็นอย฽างดี ลองพิจารณาภาษิตต฽างชาติต฽อไปนี้ จะเห็นถึงความคิด ความเชอ่ื ซึ่งเป็นแนวทางในการดําเนนิ ชวี ติ ของชาตินั้น ๆ จีน มงั กรย฽อมออกลูกเป็นมงั กร นกวิเศษย฽อมออกลกู เปน็ นกวเิ ศษ ถ฾ารักบตุ รจงดี ถา฾ ไมร฽ กั จงให฾ขนมหวาน ญ่ปี นุ่ กบในบอ฽ ย฽อมไมร฽ ฾ูอะไรในเรือ่ งทะเลสูง เมด็ กรวดในลาํ ธารคดิ ว฽ามนั เป็นเพชร องั กฤษ มาสายดกี ว฽าไม฽มาเลย ความอตุ สาหะเปน็ บิดาแห฽งความสาํ เรจ็ ฝรัง่ เศส ความเกียจคร฾านเปน็ มารดาแหง฽ ความชัว่ ทงั้ ปวง นํา้ ทีละหยดทลี ะหยดเซาะหินได฾ (อา้ งใน เรไร ไพรวรรณ์, ๒๕๕๑, หน้า ๘๔) ๓. สะท้อนให้เห็นความงดงามทางภาษาที่มีเสียงสัมผัสคล้องจอง มีลีลาจังหวะ และ ความหมายลึกซึ้งกนิ ใจ ซ่งึ เป็นเอกลักษณทแ างภาษาของคนไทยอยา฽ งชัดเจน เช฽น เมือ่ นอ฾ ยใหเ฾ รียนวิชา ใหห฾ าสินเมอ่ื ใหญ฽ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ฾ งถน่ิ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ | นายกิติศักด์ิ สขุ วโรดม ผู้เรยี บเรยี ง ๒๑๗

รักวัวให฾ผกู รกั ลูกให฾ตี นํ้ารอ฾ นปลาเปน็ น้าํ เย็นปลาตาย การให฾เป็นยารกั ตระหนนี่ กั เปน็ ยาขงั ๔. เป็นเคร่ืองมือในการศึกษาวัฒนธรรมของท้องถิ่นหรือกลุ่มชน เพราะเม่ือได฾ศึกษา ภาษติ สาํ นวน และคําพังเพย ของท฾องถิ่นหรือกล฽ุมชนใดแล฾วก็จะทําให฾เข฾าใจถึงประวัติความเป็นมา ค฽านิยม ความคดิ ความเชอ่ื รวมท้งั ประเพณี วิถชี วี ิตของทอ฾ งถ่ิน หรอื กลุม฽ ชนนนั้ ๆ ดว฾ ย ๕. เป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดอารมณ์ ความร฾ูสึกนึกคิดของผ฾ูกล฽าว โดยผ฾ูกล฽าวไม฽ จําเป็นต฾องกล฽าวออกมาตรง ๆ เพียงแต฽ใช฾ภาษิต สํานวน และคําพังเพย ก็สามารถส่ือถึงอารมณแ ความร฾ูสกึ นกึ คดิ ในขณะท่ีกลา฽ วได฾อย฽างชัดเจน ๖. เป็นประโยชน์ในด้านการศึกษาภาษาไทยโบราณและภาษาถิ่น ตลอดจน วิวฒั นาการของภาษาไทยในแตล฽ ะชว฽ งสมยั ได฾ ๗. เป็นประโยชน์ต่อศาสตร์ในแขนงอื่น ๆ เช฽น มานุษยวิทยา สังคมวิทยา ภาษาศาสตรแ เป็นต฾น ท่ีสามารถนําเอาภาษิต สํานวน และคําพังเพย ไปศึกษาวิเคราะหแโครงสร฾าง ทางสังคม วิถีชีวิต ความเป็นอยู฽ คามเชื่อ รวมท้ังลักษณะการใช฾ภาษา ที่ปรากฏอย฽ูในสังคมน้ัน ๆ ด฾วย เรไร ไพรวรรณ,แ ๒๕๕๑, หนา฾ ๘๓-๘๔ เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมท฾องถ่ิน ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผูเ้ รียบเรียง ๒๑๘

บทท่ี ๗ การอนุรกั ษ์และเผยแพร่วรรณกรรมทอ้ งถ่ิน เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมท฾องถนิ่ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผ้เู รียบเรียง ๒๑๙

การอนรุ ักษ์และเผยแพรว่ รรณกรรมท้องถ่ิน ๑. สภาพป๎ญหาของวรรณกรรมทอ้ งถ่ิน สภาพสังคมไทยปใจจุบันนี้ไม฽เอ้ือต฽อการถ฽ายทอดวรรณกรรมมุขปาฐะเหมือนสมัยอดีต เพราะเหตุว฽าประชาชนต฾องเร฽งรีบแข฽งขันกันทางเศรษฐกิจ จนไม฽มีเวลาว฽างเพ่ือการพักผ฽อนหรือ สนทนากบั บคุ คลในครอบครัว ฉะนั้นการละเล฽นของเด็ก เพลงเด็ก นิทาน จึงไม฽มีโอกาสถ฽ายทอดกัน ต฽อมา อีกประการหนึ่งเทคโนโลยีและการสื่อสาร เช฽น วิทยุ โทรทัศนแ อินเทอรแเน็ตได฾พัฒนาไปอย฽าง ไม฽หยุดย้ังและมีรูปแบบที่หลากหลายและทันสมัยมากข้ึน ผู฾คนจึงหันมาพักผ฽อนกับความบันเทิงใจ สมัยใหม฽ และละท้ิงการบันเทิงใจรูปแบบเดิมของไทย ซ่ึงการบันเทิงในครัวเรือนสมัยอดีต เช฽น ปริศนาคําทาย นิทาน เพลงเด็ก เป็นต฾น นอกจากจะให฾ความสนุกเพลิดเพลินแล฾ว ยังเป็นสื่อกลาง สรา฾ งความสมั พันธแ ความรกั ความเข฾าใจกันระหว฽างบุคคลในครอบครวั อีกด฾วย ส฽วนคนร฽ุนหลังที่สมควรได฾รับการสืบทอดวรรณกรรมพื้นบ฾านต฽างมีกิจกรรมใน ชวี ิตประจาํ วันมากมาย นั่นคือ ต฾องไปโรงเรียน ต฾องช฽วยเหลือพ฽อแม฽ทํามาหากิน ประกอบกับการให฾ ความสนใจกบั เครอื่ งบนั เทงิ ใจสมยั ใหมม฽ ากขนึ้ จึงละเลยที่จะฟใงนิทาน ปริศนาคําทาย และร฾องเพลง เดก็ หากพิจารณาในวงกว฾างจะเห็นว฽า กิจกรรมในการเผยแพร฽วรรณกรรมท฾องถ่ินได฾ถูก กจิ กรรมบนั เทงิ ใจสมัยใหม฽เข฾ามาแทนทีอ่ ย฽างสน้ิ เชงิ เช฽น เพลงดนตรีทํานองตะวันตก ละครโทรทัศนแ ละครวิทยุในรูปแบบใหม฽ และละครเวทแบบมิวสิเคิล เป็นต฾น โดยกิจกรรมบันเทิงใจสมัยใหม฽ได฾ เผยแพร฽อย฽างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปใจจัยสําคัญที่ทําให฾ประชาชนทั่วไปละเลยกิจกรรมบันเทิงใน สมันอดีต จนอนุชนคนรุ฽นใหม฽บางส฽วนอาจจะไม฽มีโอกาสรับร฾ูวรรณกรรมท฾องถ่ินเลย แม฾แต฽การ เผยแพร฽นิทานในหนังสืออ฽านสําหรับเด็ก ส฽วนใหญ฽ก็มักจะเป็นนิทานของตะวันตก เช฽น สโนไวทแกับ คนแคระท้ังเจ็ด เจ฾าหญิงนิทรา หรือการแตูนญ่ีปุนและเกาหลี เปน็ ตน฾ เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมท฾องถิ่น ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ | นายกิติศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรียง ๒๒๐

๒. แนวทางในการอนุรกั ษ์และเผยแพรว่ รรณกรรมท้องถน่ิ วรรณกรรมท฾องถ่ินถูกละเลยมาเป็นเวลานาน แต฽ยังไม฽สายเกินไปที่จะฟื้นฟู ฉะนั้นการ นําวรรณกรรมท฾องถ่ินมาเป็นรายวิชาหนึ่งในหลักสูตร นับว฽าเป็นการอนุรักษแวิธีหน่ึง นอกจากให฾ นักเรียนเรยี นรู฾คุณค฽าและมีความภาคภมู ิใจต฽อวรรณกรรมท฾องถิ่นของตนแล฾ว ยังสร฾างความเข฾าใจใน วรรณกรรมท฾องถิ่นอ่ืนอีกอันเป็นผลให฾เข฾าใจสังคมและคนไทยในภูมิภาคอื่นอีกด฾วย อย฽างไรก็ตาม การอนุรกั ษวแ รรณกรรมท฾องถ่ินในสถาบันการศกึ ษานัน้ น฽าจะไม฽เพียงพอ เพราะว฽าวรรณกรรมท฾องถ่ิน เป็นวรรณกรรมที่เจริญแพร฽หลายอย฽ูในกลุ฽มประชาชนท่ัวไป ฉะนั้นจึงน฽าจะอนุรักษแและเผยแพร฽สู฽ ประชาชนในวงกว฾างอีกด฾วย แม฾ว฽าในปใจจุบันจะมีหน฽วยงานของรัฐบาลและเอกชนได฾สนใจท่ีจะ อนุรักษแศิลปวัฒนธรรมพื้นบ฾านจํานวนหนึ่ง แต฽หน฽วยงานเหล฽าน้ันมุ฽งที่จะเก็บรักษาวัฒนธรรมทาง วัตถุ เชน฽ พพิ ธิ ภัณฑแ หอวัฒนธรรมประจําจงั หวัด มากกวา฽ วัฒนธรรมทางมุขปาฐะ ในท่ีน้ีจะเสนอแนวทางในการอนุรักษแวรรณกรรมท฾องถ่ินในวงกว฾าง ซึ่งบางกิจกรรม อาจจะยังเป็นไปได฾ยากในสถานที่หนึ่ง แต฽อาจจะเป็นกิจกรรมท่ีปฏิบัติได฾ง฽ายอีกสถานที่หนึ่ง ใน แนวทางอนุรักษแวรรณกรรมท฾องถ่ินท่ีจะกล฽าวถึงจะเสนอเป็นระดับบุคคล หน฽วยงานรัฐ และเอกชน ดังน้ี ๒.๑ บทบาทของบคุ คลในการอนรุ ักษแและเผยแพรว฽ รรณกรรมทอ฾ งถนิ่ วิธีการอนุรักษแวรรณกรรมมุขปาฐะ คือ การเผยแพร฽ให฾อยู฽ในความทรงจําของบุคคล เพือ่ ที่จะนํามาเล฽าสืบทอดตอ฽ ๆ ไป เช฽น รวบรวมนิทานนํามาเล฽าสู฽กันฟใง ส฽งเสริมให฾เด็ก ๆ ได฾ฟใงร฾อง เล฽นเพลงเดก็ หรอื เพลงพืน้ บ฾าน บทบาทของบคุ คลท่จี ะชว฽ ยอนรุ ักษวแ รรณกรรมท฾องถน่ิ สรปุ ได฾ ดงั นี้ ๑. เล฽านทิ านให฾เดก็ ๆ ฟงใ เพราะเด็ก ๆ จะมีจินตนาการสูง ชอบเร่ืองผจญภัยในดินแดน มหศั จรรยซแ ึง่ นทิ านจกั ร ๆ วงศแ ๆ ของไทยจึงตรงกับความสนใจของเด็ก ๆ มาก ๒. รวบรวมจดบนั ทกึ นทิ านพืน้ บา฾ นที่อย฽ูในทอ฾ งถ่นิ ของตนใหม฾ ากท่สี ุด ๓. นาํ ปรศิ นาคาํ ทายมาทายเด็ก ๆ เพ่อื ความสนุกสนานและทดสอบเชาวนปแ ญใ ญา ๔. นําเพลงเด็ก (เพลงกล฽อมเด็ก เพลงปลอบเด็ก เพลงประกอบการละเล฽นของเด็ก) มา ร฾องมาขบั ลําในโอกาสอนั ควร เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า วรรณกรรมท฾องถน่ิ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ | นายกติ ศิ กั ดิ์ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรียง ๒๒๑

๕. จัดกิจกรรมการละเล฽นของเด็กตามแบบสมัยอดีต เพ่ือให฾เด็ก ๆ ได฾มีโอกาสสัมผัสกับ การละเลน฽ ของไทยแต฽โบราณ ๖. ควรสนใจและทําความเขา฾ ใจกับเพลงพ้ืนบ฾าน วรรณกรรมลายลักษณแอ่ืน ๆ ก฽อนที่จะ ตัดสินว฽าสนุก ไมม฽ สี าระ ๗. พยายามฟใงเพลงพื้นบ฾านที่ยังมีแสดงอย฽ูบ฾างในท฾องถิ่นชนบท และทําความเข฾าใจ ทาํ นองลีลาและสาระของเพลง ซ่งึ อาจจะเสริมสร฾างให฾บุคคลเห็นคุณค฽าของเพลงพื้นบ฾านของไทยอีก ทางหน่ึง ๘. หากมตี ฾นฉบบั วรรณกรรมท฾องถ่ินฉบับลายลักษณแอักษร ควรเก็บรักษาในรูปแบบเดิม หรืออาจจะคดั ลอกอีกฉบับหนึ่งหรือสําเนาเอกสารก็ได฾ ๙. หากมีพ฽อเพลงแม฽เพลงอยู฽ในชุมชนนั้น ๆ ควรจะได฾บันทึกแถบเสียงไว฾เพ่ืออนุรักษแ และเผยแพร฽ในวงกวา฾ งตอ฽ ไป ๑๐.พิมพแเอกสารสําเนานิทานพ้ืนบ฾านท่ีรวบรวมไว฾เผยแพร฽ แจกจ฽ายแก฽ประชาชนทั่วไป (ธวชั ปณุ โณทก, หนา฾ ๑๘๒-๑๘๓) เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมทอ฾ งถ่ิน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ | นายกติ ิศกั ด์ิ สขุ วโรดม ผเู้ รียบเรยี ง ๒๒๒


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook