ค�ำ นำ� นคิ มสรา้ งตนเอง เป็นบรกิ ารสวสั ดิการสงั คมรปู แบบหนงึ่ ซึง่ ด�ำ เนินงานมาต้ังแต่ พ.ศ.๒๔๘๓ โดย รัฐบาลในสมัยนั้น มแี นวคิดน�ำ เอาท่ีดินรกร้างวา่ งเปลา่ มาใชป้ ระโยชน์ เพอื่ สงเคราะหค์ นยากไร้ให้มที อี่ ยอู่ าศยั และท่ดี นิ ทำ�กนิ ในลกั ษณะชุมชนทีเ่ ป็นระเบียบ และพัฒนาใหม้ ีรายได้และคณุ ภาพชวี ิตท่ีดีขึ้น แลว้ ใหก้ รรมสทิ ธิ์ใน ท่ดี ิน ทง้ั ยังนำ�รปู แบบนคิ มสร้างตนเองนี้ มาเป็นเครื่องมอื หรอื กลไกขบั เคลื่อนงานตามนโยบายของรฐั บาล ใน แตล่ ะช่วงเวลาของการพัฒนาประเทศ ไมว่ า่ จะเป็นการป้องกันการขยายตวั ของลัทธิการเมืองทไ่ี ม่พึงประสงค์ ซึ่งตอ้ งตง้ั นิคมตามชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การอพยพคนออกจากพื้นทีเ่ พื่อสรา้ งเข่อื นเกบ็ กักน้ำ� เพ่อื นำ�สูก่ ารพัฒนาท่ี เลา่ ขานกนั วา่ “น้�ำ ไหล ไฟสวา่ ง ทางด”ี หรือการปอ้ งกันปัญหาแบง่ แยกเช้ือชาติ บรเิ วณ ด้ามขวานของประเทศไทย ต้ังเปน็ นคิ มสรา้ งตนเองพฒั นาภาคใต้ เปน็ ตน้ แมว้ า่ การขบั เคลอ่ื นนิคมสรา้ งตนเองผา่ นไปแลว้ ๖๒ ปี (๒๔๘๓-๒๕๔๕) รัฐบาลจะมเี ปา้ หมายประการใด ก็ตาม สมาชิกนคิ มผูอ้ ย่ใู นนคิ ม ได้รบั การพัฒนาสู่ “จัดท่ดี ินสมบรู ณ์ เพ่มิ พูนเศรษฐกิจ เอกสารสิทธ์คิ รบถว้ น ลว้ นมีสาธารณูปโภค” ซึง่ ผลทีอ่ อกมาเปน็ รปู ธรรมชัดเจน ในมุมมองท่เี รยี กกนั ว่านิคมนน้ั “สรา้ งป่าใหเ้ ปน็ เมือง” แตก่ ารปฏริ ูประบบราชการ ใน พ.ศ.๒๕๔๕ กส็ ง่ ผลกระทบใหก้ ารท�ำ งานนคิ มต้องชะลอตัวลง เจา้ หนา้ ท่ี นคิ มเขา้ สู่งานนโยบายใหม่ ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ ในนามของ “ศูนย์พฒั นาสังคม” ซึ่งตอ้ งทุ่มเทไปกับงานการ พฒั นาสังคมและสง่ เสริมสวสั ดิการสังคมในระดบั จังหวดั เป็นเวลาถึง ๑๐ ปี การปฏิบตั ิงานนคิ มสรา้ งตนเอง “เกิดช่องว่าง ในการบรกิ ารสมาชิกนิคม” ประกอบกบั เจ้าหนา้ ท่นี ิคมร่นุ แรก ผูช้ �ำ นาญงานนิคมจ�ำ นวนมาก ครบ วาระงานราชการ เจา้ หนา้ ท่ี และผ้ปู ฏิบตั ิงานร่นุ ใหม่ ขาดความรู้ ความช�ำ นาญ เก่ียวกับการปฏบิ ัตงิ านนคิ ม โดย เฉพาะงานเอกสารสิทธท์ิ ด่ี ิน นอกจากน้ี สงั คมภายนอกขาดการรับรู้เรือ่ งราวของนคิ มสร้างตนเอง กรมพฒั นาสังคมและสวัสดิการ ยคุ การปรับโครงสรา้ งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนุษย์ พ.ศ.๒๕๕๘ กำ�หนดใหน้ คิ มสร้างตนเองต้องเพ่ิมประสิทธิภาพการบริหารและการบรกิ ารส่สู ังคมคณุ ภาพ มี การทบทวนกระบวนงานและขนั้ ตอนงานเอกสารสิทธิน์ ิคมให้เหมาะสมกบั สถานการณ์ของสังคม การเสรมิ สรา้ ง ความรู้ ความเขา้ ใจ การปฏิบัตงิ านเอกสารสทิ ธิน์ ิคมใหแ้ กเ่ จ้าหนา้ ทีน่ ิคม การรวมข้อมลู ส่งิ ดีๆ ที่มอี ยู่ในนิคม และการจดั ทำ�คู่มอื ฉบับน้ี ซง่ึ มเี นอื้ หาสาระเกยี่ วกับ ทม่ี า ท่ีทำ� และท่ีไปของนคิ มสรา้ งตนเอง กระบวนการ และขน้ั ตอนการปฏิบัตงิ าน กฎหมาย ระเบยี บ ข้อส่งั การ เกย่ี วกับงานทีด่ ินของนคิ ม เจ้าหนา้ ทผี่ ู้ปฏบิ ตั ิงาน นคิ มสรา้ งตนเอง สามารถศกึ ษาและน�ำ ไปใชใ้ นการบรหิ ารงานนคิ ม และการบรกิ ารแก่สมาชิกนิคมได้ด้วย ตนเอง ความเปน็ มอื อาชพี ในงานนคิ มจะเรว็ ขึน้ นอกจากนี้ ยังเปน็ สิง่ ใชเ้ ผยแพร่ ประชาสมั พนั ธ์เรือ่ งราวสิง่ ดๆี ของนิคมใหบ้ ุคคลท่วั ไป สังคมภายนอกนคิ ม ได้รบั รถู้ ึงความเพยี ร ความมงุ่ มน่ั ความทุม่ เท ความเสยี สละ ของ ทีมงานนคิ มสรา้ งตนเอง ตงั้ แต่อดตี จนถงึ ปัจจุบันนบั ได้ ๗๕ ปี และก�ำ ลังช่วยกันผลกั ดันใหน้ ิคมสรา้ งตนเองไป สู่จดุ มุ่งหมาย “การมีคณุ ภาพชีวิตทดี่ ี เกิดความมนั่ คง ม่ังค่งั และย่ังยนื เจริญรอยตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง” นายณรงค์ คงค�ำ รองอธิบดกี รมพฒั นาสังคมและสวัสดิการ 2 รอ้ ยเรอื่ งราวเล่าขานงานนคิ มฯ
สารบญั สว่ นท่ี ๑ โครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดำ�ริในนคิ มสร้างตนเอง ๗ ส่วนที่ ๒ ประวัตคิ วามเปน็ มา การจัดตงั้ นิคมสรา้ งตนเอง - ประวัติการจดั ต้ังนิคมสร้างตนเอง ๑๙ - วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั ต้งั นคิ มสรา้ งตนเอง ๒๐ - ประเภทของนคิ มสร้างตนเอง ๒๐ - การจัดตง้ั นคิ มสร้างตนเอง ๒๓ - การพัฒนานิคมสร้างตนเอง ๒๔ - ขัน้ ตอนและวธิ กี ารจดั นคิ มสรา้ งตนเอง ๒๖ - การขับเคล่ือนงานนิคมสรา้ งตนเอง ๒๙ - แผนทแ่ี สดงท่ีตง้ั นคิ มสรา้ งตนเอง กรมพฒั นาสงั คมและสวสั ดิการ ๓๐ สว่ นท่ี ๓ แนวทางปฏิบัติงานนิคมสรา้ งตนเอง - งานรงั วดั และแผนท่ ี ๓๕ - งานรบั สมัครสมาชิกนคิ มสรา้ งตนเอง ๕๑ - งานบรรจุสมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเอง ๕๕ - การออกหนงั สือแสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) กรณีปกต ิ ๘๔ - การออกหนังสือแสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ประเภทรบั สทิ ธแิ ทนผูถ้ ึงแก่กรรม ๑๐๗ - การขออนญุ าตเข้าทำ�ประโยชน์ในที่ดนิ เพิ่ม ๑๓๘ - คำ�ชีแ้ จงการขอแกไ้ ขความสาระสำ�คญั ใน น.ค.๓ ๑๕๒ - คำ�ช้ีแจงกรณี น.ค.๓ สูญหาย ๑๕๓ - งานสนิ เชอ่ื ๑๕๖ สว่ นท่ี ๔ กรณีศึกษาประเดน็ ปญั หา ขอ้ กฎหมาย ข้อส่งั การ ระเบยี บ ๑. กรณศี ึกษาประเดน็ ปัญหาและข้อพิพาท/ ขอ้ กฎหมายแนวทางแกไ้ ข ๑๖๘ จำ�นวน ๑๗ กรณ ี - กรณีที่ ๑ กรณสี มาชิกนคิ ม ใช้ยศหรอื ต�ำ แหนง่ ทางราชการน�ำ หนา้ ชื่อ ๑๗๑ เปน็ การขาดคณุ สมบัติของสมาชิกนิคมสร้างตนเอง ตามมาตรา ๒๒ แหง่ พระราชบัญญตั ิจดั ทดี่ ิน เพอ่ื การครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ หรอื ไมอ่ ยา่ งไร - กรณที ี่ ๒ การดำ�เนินการภายหลงั กรณที ศ่ี าลมีค�ำ พิพากษาให้เพิกถอน ๑๗๒ การเป็นสมาชกิ นคิ ม และเพกิ ถอนหนังสอื แสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ๑๗๒ ของสมาชิกนคิ ม - กรณีท่ี ๓ กรณีมบี คุ คลครอบครองทด่ี ินในพ้นื ทีป่ ลกู ปา่ ทดแทนตามมติ คณะกรรมการจัดที่ดนิ แหง่ ชาติในเขตนคิ มสร้างตนเอง 3
- กรณีที่ ๔ กรณเี พิกถอนการเปน็ สมาชกิ นคิ มสร้างตนเองและเพิกถอน ๑๗๔ หนังสือแสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) กรณศี าลมีค�ำ พพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ กรณอี ธิบดกี รมฯ มีคำ�ส่งั - กรณที ี่ ๕ กรณีสมาชกิ นิคมขอจัดทด่ี นิ เพิ่ม ซ่ึงกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ๑๗๕ มอบอ�ำ นาจให้ผูว้ ่าราชการจงั หวดั ปฏิบัตริ าชการแทนอธิบดี ตามมาตรา ๘ แหง่ พระราชบัญญตั ิจดั ที่ดนิ เพ่ือการครองชพี พ.ศ.๒๕๑๑ แตผ่ วู้ า่ ราชการจงั หวัด พจิ ารณาอนุญาตให้สมาชิกนิคมเขา้ ท�ำ ประโยชนใ์ นท่ดี นิ ซงึ่ สมาชกิ นิคมจะให้ อธบิ ดีฯ เป็นผ้ลู งนามอนุญาตเนื่องจากเปน็ ผ้มู อบอ�ำ นาจใหผ้ ูว้ า่ ราชการจังหวดั - กรณีที่ ๖ กรณีมีผู้ยืน่ ค�ำ ร้องคดั คา้ นการสมคั รสมาชกิ นิคมสร้างตนเอง ๑๗๖ โดยกลา่ วอา้ งการครอบครองเดิมซงึ่ ไม่มีหลกั ฐานการแจง้ การครอบครอง - กรณที ่ี ๗ กรณกี ารโตแ้ ย้งสทิ ธหิ นงั สือแสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ในทดี่ นิ ๑๗๗ ของสมาชกิ นคิ มสร้างตนเอง - กรณที ่ี ๘ แนวทางปฏิบัตกิ รณีสมาชกิ นคิ ม (ออก น.ค.๓) แลว้ ซง่ึ ได้ฝ่าฝืน ๑๗๘ พระราชบญั ญัติจดั ที่ดนิ เพื่อการครองชพี พ.ศ.๒๕๑๑ ไปจากนคิ มฯ กอ่ นทจี่ ะ ได้รับหนงั สือแสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) เกินหกเดือน ทำ�ให้ขาดคณุ สมบตั ิ การเป็นสมาชกิ นคิ ม หมดสิทธิใ์ นที่ดินซ่ึงนิคมฯ จะนำ�ทดี่ ินแปลงมาจดั สรร ใหก้ ับสมาชกิ นิคมรายอื่นเขา้ ท�ำ ประโยชน์ไดห้ รือไม ่ - กรณที ่ี ๙ กรณีมีผ้บู กุ รุกครอบครองท่ดี ินในเขตนิคมสร้างตนเอง ๑๗๙ โดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าต - กรณีที่ ๑๐ การรับสทิ ธิแทนผถู้ งึ แกก่ รรมที่ไดร้ บั น.ค.๑ แลว้ ๑๘๐ - กรณีที่ ๑๑ การรับสทิ ธแิ ทนผู้ถงึ แก่กรรมทีไ่ ดร้ ับ น.ค.๓ แล้ว ๑๘๐ - กรณที ี่ ๑๒ กรณีทายาทโดยธรรมเกนิ กว่าหนึ่งคนขอรบั สิทธิในท่ดี ินแทน ๑๘๓ สมาชิกนิคมทถี่ ึงแกก่ รรม ๑๘๔ - กรณีท่ี ๑๓ กรณขี อคัดถ่ายสำ�เนาเอกสารของทางราชการ (คดั ถา่ ยส�ำ เนา ๑๘๕ หนังสอื ส�ำ เนาบันทกึ ถ้อยคำ�) ๑๘๖ - กรณที ี่ ๑๔ กรณีการขอคัดถา่ ยเอกสารที่เกย่ี วขอ้ งกบั การไดม้ าซึ่งโฉนดที่ดิน ของสมาชิกนิคมสรา้ งตนเอง ๑๘๗ - กรณีที่ ๑๕ สมาชกิ นิคมอทุ ธรณค์ ัดคา้ นกรณีกรมฯ มีคำ�สั่งเพกิ ถอน น.ค.๓ ของสมาชกิ นิคมเนอ่ื งจากไดอ้ อกไปจากนคิ มก่อนท่จี ะไดร้ บั น.ค.๓ ๑๘๘ โดยไมไ่ ด้รบั อนุญาตจากอธบิ ดี - กรณที ่ี ๑๖ กรณีราษฎรมาสมัครเป็นสมาชกิ นคิ มสร้างตนเอง หรอื ขอออก หนังสืออนญุ าตให้เข้าท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) หรือหนังสอื อนุญาตใหเ้ ข้าทำ� ประโยชน์ในทดี่ ิน (น.ค.๓) แตพ่ ื้นทดี่ งั กลา่ วอยู่ในเขตพ้ืนท่ปี ่าเขา ภเู ขาหรอื พน้ื ที่ซงึ่ มีความลาดชันเกนิ ๓๕ % ควรดำ�เนินการอยา่ งไร - กรณีท่ี ๑๗ กรณีราษฎรครอบครองท�ำ ประโยชน์ในที่ดนิ ตามหลักฐาน น.ส.๒ น.ส.๓ และ น.ส.๓ ข ไปขอออกโฉนดที่ดนิ ในพื้นทป่ี ่าไม้ ส่วนกลาง ๒๐ % 4 รอ้ ยเรอ่ื งราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
หนังสอื / ข้อส่ังการ ใชป้ ระกอบการปฏบิ ัติงานนิคมสรา้ งตนเอง ๑๘๙ - หนังสอื ท่ี พม. ๐๖๐๓.๗ / ๔๕๓ ลงวันที่ ๒๒ มถิ นุ ายน ๒๕๕๘ เรอื่ งแนวทางการด�ำ เนินงานการบกุ รุกพ้ืนทน่ี ิคมสร้างตนเอง - หนงั สือ ท่ี พม. ๐๖๐๓.๗ / ๓๗๙ ลงวันท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑๙๐ เรื่องหารือแนวทางปฏบิ ัตเิ กยี่ วกับการขอรับสทิ ธทิ ่ีดินแทนสมาชกิ นิคมเสยี ชีวิต - หนังสือ ที่ พม. ๐๓๑๘ / ๑๑๔๕๘ ลงวนั ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ เร่อื งการก�ำ หนด ๑๙๒ แนวทางปฏบิ ตั ิการแก้ไขรายละเอยี ดในรายการค�ำ นวณการรังวดั ท่ีดนิ และ ระวางแผนทีเ่ พ่อื ใช้เป็นหลักฐานประกอบในการออก น.ค.๓ - หนงั สอื ที่ พม. ๐๓๑๖.๔ / ๑๐๘๕ ลงวนั ที่ ๓๑ สงิ หาคม ๒๕๕๕ เรื่อหารอื ๑๙๔ เก่ยี วกบั การออกโฉนดที่ดินบางสว่ นทบั ท่สี าธารณะ - หนังสอื ที่ พม. ๐๓๑๖.๔ / ๙๗๗ ลงวันท่ี ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ เร่อื งหารือ ๑๙๕ แนวทางปฏบิ ตั ิเกยี่ วกับการแบง่ แยกหนงั สอื แสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) - หนงั สอื ที่ รส ๐๔๐๕ / ๖๘๔๑๙ ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ๑๙๖ เร่ืองการออกหนังสอื สำ�คัญตามประมวลกฎหมายทดี่ ินใหแ้ กร่ าษฎรท่มี ี หลักฐาน ส.ค.๑ ในเขตนคิ มสร้างตนเอง - หนังสอื ที่ รส ๐๔๐๕ / ว.๘๖๕๖ ลงวันท่ี ๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๔๑ ๑๙๘ เรื่องการออกหนงั สือสำ�คญั ตามประมวลกฎหมายที่ดินให้แกร่ าษฎรทม่ี ี หลกั ฐาน ส.ค.๑ ในเขตนคิ มสรา้ งตนเอง - หนงั สอื ที่ รส ๐๔๑๙ / ๑๓๑๑ ลงวนั ท่ี ๓ ธนั วาคม ๒๕๔๑ เรอื่ งขอหารือ ๒๐๑ การออกหนงั สอื ส�ำ คญั สำ�หรบั ท่หี ลวงในเขตนคิ มฯ - หนังสือ ท่ี มท. ๑๐๐๒ / ๔๑๔๖ ลงวนั ที่ ๒๓ มิถนุ ายน ๒๕๑๙ เร่อื งหารอื ๒๐๓ กรณีราษฎรและสมาชิกนคิ มขอปลกู สร้างตกึ แถวและอาคารในเขตนิคมสรา้ งตนเอง - ระเบียบกรมพฒั นาสงั คมและสวสั ดิการ ว่าด้วยการดำ�เนนิ งานโครงการพฒั นานคิ ม ๒๒๘ สรา้ งตนเองไทย - เยอรมัน พ.ศ.๒๕๔๖ และทีแ่ กไ้ ขเพิ่มเติม - ค�ำ สง่ั กรมประชาสงเคราะห์ ท่ี ๒๑ / ๒๕๑๓ ลงวันท่ี ๑๓ มกราคม ๒๕๑๓ ๒๔๕ เรื่องระเบียบการประชุมของคณะกรรมการพจิ ารณาคัดเลือกราษฎรเข้าเปน็ สมาชิกนิคมสร้างตนเอง 5
6 รอ้ ยเร่ืองราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
ส่วนที่ ๑ โครงการอนั เน่ืองมาจาก พระราชดำ�ริในนคิ มสร้างตนเอง
ตามรอยเบ้อื งพระยคุ ลบาท “บารมีปกเกล้าชาวนคิ ม” “...เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพ่ือประโยชนส์ ขุ ของมหาชนชาวสยาม...” “...คนทเ่ี คยทำ�งานในทีเ่ ปน็ ของตวั เพราะความคบั แค้น ความล�ำ บาก มีนายทนุ มาซ้ือท่ดี นิ จึงขาย เพราะนึกวา่ เงินจะดี เงินนน้ั จะนำ�ความสขุ มาใหแ้ กต่ ัว แทจ้ ริงเม่ือเงินหมดไปแลว้ กต็ อ้ งรับจ้างเขาในราคาถูก เราสามารถทีจ่ ะขจดั ปัญหานี้ โดยเอาทดี่ ินนี้ มาจัดสรรอยา่ งยตุ ธิ รรม อย่างท่ีมีการตง้ั อยา่ งทเี่ รียกว่า นิคม หรอื ทเ่ี รยี กวา่ หมู่หรือกล่มุ หรอื สหกรณ์กต็ าม ก็จะท�ำ ให้คนทมี่ ชี ีวิตอย่างแรน้ แคน้ สามารถทจ่ี ะพฒั นาตัวเองข้นึ มาได.้ ..” พระบรมราโชวาท พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ณ วันนีใ้ นหวั ใจพสกนกิ รทุกหมเู่ หลา่ ลว้ นประจักษแ์ จ้งในน้ำ�พระราชหฤทยั ทเี่ ปี่ยมล้นไปด้วยพระเมตตา ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ดว้ ยทรงมงุ่ มนั่ บำ�เพ็ญพระราชกรณยี กิจให้เปน็ ไปตามพระราชปณธิ าน ในพระปฐมบรมราชโองการของพระองคอ์ ยา่ งแนว่ แนโ่ ดยไมย่ ่อท้อตอ่ ความยากล�ำ บาก ทรงมพี ระราชด�ำ รทิ ี่จะ พัฒนาความเปน็ อยู่ของราษฎร จากเหนอื สุดจรดใตส้ ุด จากทุ่งนา แนวป่าเขา จนถงึ ดอยสูงเสียดฟ้าโดยมไิ ด้ ละเลยในอนั ทจ่ี ะแผบ่ ารมปี กเกลา้ ชาวนคิ ม... 8 ร้อยเรือ่ งราวเล่าขานงานนิคมฯ
นิคมสร้างตนเองเป็นสวัสดิการสังคม ซงึ่ ด�ำ เนินการมาพรอ้ มการกอ่ ตงั้ กรมประชาสงเคราะห์และเปน็ กลไกหน่ึงของรฐั ที่ร่วมแกป้ ญั หาท้งั ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง และความม่นั คงของชาติมาทกุ ยคุ ทุกสมัย โดยมีเป้าหมายที่การพัฒนาสมบรู ณแ์ บบ ตามวิสยั ทศั น์ท่ีกองนคิ มสร้างตนเองกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดกิ ารสงั คม ไดต้ งั้ ไวท้ .ี่ ......... ด้วยเหตผุ ลดงั กล่าว นคิ มสรา้ งตนเองได้จัดต้ังขึ้น ตามพระราชบัญญตั ิจัดทด่ี นิ เพื่อการครองชพี พ.ศ.๒๕๑๑ รวม ๕๙ นคิ ม จากนิคมแรก คอื นคิ มสรา้ งตนเอง พระพุทธบาท จงั หวดั สระบุรี ในปี ๒๔๘๓ จนถงึ นคิ ม สดุ ทา้ ย พืน้ ทท่ี ่ไี ด้รับการ จัดสรรเป็นพ้ืนที่ป่าห่างไกล ความเจรญิ พ้นื ทใี่ นเขตจังหวัดชายแดนพืน้ ท่ีสีแดง เขต ผู้ก่อการรา้ ยคอมมิวนสิ ต์ ยากนักทจี่ ะพฒั นา แต่ดว้ ย พระเนตรอันกว้างไกลสมาชิกนิคมสร้างตนเองจึงได้รับ เสด็จพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว สมเดจ็ พระนางเจา้ พระบรมราชนิ นี าถ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ หลายครง้ั หลายแหง่ ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีทผ่ี ่านมา แตล่ ะคร้งั ทที่ รงเสด็จพระราชดำ�เนนิ พระองคไ์ ด้พระราชทาน พระราชดำ�ริแนวทางการแก้ปัญหาเพ่อื ทีจ่ ะ พัฒนาความเป็นอยู่ของสมาชิกนิคมให้ดขี ึ้นแก่ขา้ ราชบริพาร และเจา้ หนา้ ทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั งิ านในนคิ มสรา้ งตนเอง กองนิคมสร้างตนเอง กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวง แรงงานและสวสั ดกิ ารสงั คมหลากหลายดา้ น หลากหลาย โครงการครอบคลุมงานพฒั นาอยา่ งแท้จรงิ ซง่ึ นิคม สร้างตนเองได้นำ�กระแสพระราชดำ�รัสมาดำ�เนิน โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดำ�ริ เพอ่ื สนอง พระมหากรุณาธคิ ุณอนั หาท่สี ุดมไิ ด้ 9
โครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชด�ำ รใิ นนคิ มสรา้ งตนเอง โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดำ�ริ ถือกำ�เนิดนบั แตพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว ขึน้ เถลิงถวลั ย์ ราชสมบตั ไิ ดไ้ ม่นาน โดยระยะแรกทรงด�ำ เนินการศกึ ษาค้นคว้าและทดลองเปน็ การส่วนพระองค์ กอ่ นขยายผล ไปยงั พนื้ ที่รอบๆ ท่ีประทับในสว่ นภูมิภาค จากน้ันจงึ ขยายไปสู่สังคมเกษตรกรรมท่ัวประเทศ ภายใต้หลักการ สำ�คัญท่วี า่ “โครงการฯตอ้ งสามารถแกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ ทร่ี าษฎรก�ำ ลงั เดอื ดรอ้ นอยอู่ ยา่ งรบี ดว่ นและมผี ลในระยะยาว โดยที่การพัฒนานน้ั ตอ้ งเป็นไปตามลำ�ดับข้นั ตอนความจ�ำ เป็นและประหยดั ผู้ทไ่ี ดร้ ับประโยชน์ประชาชน ตอ้ งสามารถพึง่ ตนเองไดใ้ นทีส่ ดุ ควบค่ไู ปกบั การอนรุ กั ษแ์ ละพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ โดยทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวจะทรงตดิ ตามผลการด�ำ เนนิ กลบั ไปยังโครงการฯ ทุกครัง้ ที่มีโอกาส” ปจั จุบนั โครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดำ�ริ ครอบคลุมอย่ใู นพ้นื ท่นี คิ มสรา้ งตนเอง ๘ นคิ ม จ�ำ นวน ๘๖ โครงการ แยกออกเปน็ ประเภทต่างๆ ตามสัดส่วนของจำ�นวนโครงการท้ังหมด ๕ ประเภท ดงั น้ี นคิ มสรา้ งตนเอง/จงั หวัด โครงการ/ สุครี นิ ศรีสาคร ธารโต พฒั นาภาคใต้ โคกโพธิ ์ ประจวบครี ขี นั ธ์ ทุ่งสาน เล้ยี งไหม ร้อยละ จำ�นวน นราธิวาส ยะลา ปตั ตาน ี พิษณโุ ลก สุรนิ ทร์ ๑.พฒั นาแหล่งน�้ำ ๘ ๑ - - - ๑ - - ๑๑.๖๓ - - ๑๐.๔๗ ๒.พัฒนาสงิ่ แวดล้อม ๖ ๓ - - ๔ - ๑ ๑ ๓๑.๓๙ - - ๒๔.๔๒ ๓.พัฒนาการเกษตร ๑๒ ๔ ๒ - ๓ ๓ - - ๒๒.๐๙ ๔.พฒั นาอาชพี เสรมิ รายได ้ ๖ ๘ ๒ - ๒ ๒ ๕.พัฒนาการศกึ ษาและ ๖ ๘ ๒ ๑ - - สวัสดิการสงั คม 10 รอ้ ยเร่อื งราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
โครงการพัฒนาแหลง่ น้�ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับการยกย่องว่าทรงเป็น “ปราชญ์แห่งนำ�้ ” ดว้ ยพระองค์ท่านทรงเหน็ ว่านำ้�เปน็ หัวใจของ การพัฒนาเกษตร โครงการพฒั นาแหล่งน้�ำ อนั เน่ืองมาจากพระราชด�ำ ริ จดั แบง่ เปน็ การพฒั นาแหลง่ น�ำ้ เพอ่ื ผลติ ไฟฟา้ และจดั ระบบชลประทาน โดยการสร้างเข่ือน การแกป้ ญั หาและบรรเทาอทุ กภัย อาทิ โครงการ แกม้ ลงิ และการพฒั นาแหลง่ น�ำ้ เพอ่ื การเพาะปลกู ในพน้ื ทน่ี คิ มสรา้ งตนเอง โครงการพัฒนาแหลง่ น้�ำ เพอ่ื การเพาะปลกู และการจัดหาน�้ำ สะอาดให้ ราษฎร โดยด�ำ เนนิ การใน ๓ นิคม ในลักษณะทดน้�ำ และอา่ งเก็บน�ำ้ โดยความร่วมมอื จากกรมชลประทาน โครงการพัฒนาการเกษตร “...เศรษฐกจิ ของเราขน้ึ อยกู่ ับการเกษตรมาแต่ไหนแต่ไรแลว้ รายไดข้ องประเทศท่ีไดม้ าใช้สรา้ งความ เจรญิ ดา้ นต่างๆ เป็นรายได้จากการเกษตรเป็นสว่ นใหญ่จึงอาจกลา่ วได้ว่า ความเจรญิ ของประเทศตอ้ งอาศัย ความเจริญของการเกษตรเปน็ ส�ำ คัญ และงานทกุ ๆ ฝ่ายจะด�ำ เนินก้าวหน้าไปได้เพราะการเกษตรของเราเจริญ...” พระบรมราโชวาท วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๐๗ ด้วยความเป็นกษัตริย์เกษตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำ�ริที่จะช่วยเหลือเกษตรกรให้ สามารถพง่ึ ตนเองได้ และสนับสนนุ ความเจริญในระดับสงั คมท้องถนิ่ ส่รู ะดับประเทศโครงการพฒั นาการเกษตร ในนิคมสรา้ งตนเองท้ัง ๒๗ โครงการ ครอบคลมุ ทง้ั ดา้ นพืช และสตั ว์ เมือ่ วนั ท่ี ๒๗ กันยายน ๒๕๒๘ ทรง เสด็จเยี่ยมสมาชิกนิคมสร้างตนเองสุคิริน จงั หวดั นราธิวาส การเสดจ็ พระราชด�ำ เนิน เปน็ ไปด้วยความยากลำ�บาก ดงั ตอนหน่ึงใน พระราชดำ�รัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ ทีท่ รงพระราชทานเลา่ ความหลัง ให้ฟังเม่ือ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๔๑ ความวา่ “...กอ่ นนพ้ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เมอ่ื ๒๐ กวา่ ปเี สด็จไปครงั้ แรก ทา่ นทกุ ข์ยาก มากกว่าจะเสดจ็ ไปถงึ ถนนกเ็ ป็นดินโคลนลื่น ขนาดใช้รถจิ๊บกว่าจะไปถึงก็แย่แล้วทางเข้าออก ยากล�ำ บากเหลอื เกิน...” 11
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงมพี ระราชดำ�รสั กบั นายประมลู จันทรจำ�นง อธบิ ดีกรมประชาสงเคราะห์ และนายทรงธรรม์ สวนียะ ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองสคุ ริ นิ จงั หวดั นราธวิ าส ในขณะนนั้ ใหน้ คิ มขยาย พื้นที่ปลูกข้าวไวบ้ ริโภค เพราะเสน้ ทางคมนาคม เขา้ ออกพน้ื ทีท่ รุ กนั ดารมาก ดว้ ยเปน็ พ้ืนทเ่ี ชิงเขา โดยประสาน กบั กรมชลประทานในการดำ�เนนิ การสรา้ งฝายทดน้�ำ บริเวณคลองนำ้�ไอกาเน๊ะเพ่ือให้ปลูกพืชได้ตลอดท้ังปีและให้นิคมพิจารณาปรับปรุงพื้นท่ีทำ�นาบริเวณ บ้านยาเต๊ะและทรงให้จดั ท�ำ โครงการธนาคารข้าว เพือ่ ให้มีฉางข้าวเก็บขา้ วไว้บรโิ ภค โดยนำ�ระบบธนาคารข้าวมาใช้ในการช่วยเหลือสมาชิกนิคมสร้างตนเองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนคิ มสรา้ งตนเองท่งุ สาน จงั หวดั พษิ ณุโลก ในรปู แบบโครงการโรงสีข้าวพระราชทาน อกี ด้วย ปัจจุบันพื้นทีโ่ ครงการนาขา้ วขัน้ บันไดบางส่วนไดพ้ ฒั นามาเปน็ การปลูกยางพารา และไมผ้ ลเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงหลกั การปลูกพชื ขน้ั บันได เพื่อลดการสญู เสียหนา้ ดินตามแนวพระราชด�ำ รขิ องพระองค์ และขยายผล ความส�ำ เรจ็ ไปสูส่ มาชกิ นคิ มท่ีอยู่ในเขตพ้ืนท่ลี าดชันในบริเวณใกลเ้ คียงอีกด้วย 12 ร้อยเรือ่ งราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
โครงการพัฒนาด้านการส่งเสรมิ อาชพี เสรมิ รายได้ (โครงการศิลปาชพี พเิ ศษ) โครงการพัฒนาด้านการส่งเสริมอาชีพเสริมราย ได้ในนิคมสร้างตนเอง ดำ�เนินการในรูปแบบโครงการ ศิ ล ป า ชี พ พิ เ ศ ษ สื บ เ นื่ อ ง จ า ก ค รั้ ง ที่ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พระเจ้าอย่หู ัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชนิ ีนาถ เสดจ็ พระราชดำ�เนนิ แปรพระราชฐาน ณ พระตำ�หนกั ทักษิณราชนเิ วศน์ จังหวัดนราธวิ าส เม่ือปี ๒๕๑๖ ทรงเล็งเหน็ ความยากลำ�บากของราษฎรจงึ ด�ำ รกิ อ่ ตง้ั ศูนย์ ศลิ ปาชีพในจังหวัดนราธิวาส เพอื่ เสรมิ สร้างรายไดด้ ้วย หัตถกรรมทอ้ งถ่นิ ซ่งึ ได้ขยายผลเข้าสนู่ คิ มสรา้ งตนเองทางภาคใตร้ วม ๒๑ โครงการ ดังความตอนหนึ่ง ในพระราชด�ำ รัสของสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯพระบรมราชนิ ีนาถ เมอ่ื ๑๑ สงิ หาคม ๒๕๔๑ “สำ�หรบั ทีข่ ้าพเจ้าพดู ถึงคนไทย ชาวไทยอสิ ลามทม่ี ีน้�ำ ใจงดงามมากคือชาวอ�ำ เภอสุคริ ินทตี่ ิดชายแดน ไทย-มาเลเชีย ก่อนน้ีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว เม่อื ๒๐ กวา่ ปี เสดจ็ ไปคร้งั แรก ทา่ นทกุ ข์ยากมากกว่า จะเสด็จไปถึง ถนนกเ็ ป็นดนิ โคลนลน่ื ขนาดใช้รถจ๊ิบกว่าจะไปถงึ กแ็ ยแ่ ล้ว ก็มนี ิคมสรา้ งตนเองทนี่ ั่น ประกอบ ไปด้วยชาวอีสาน ชาวไทยทางใตต้ ่างๆ ไทยอสิ ลาม ไทยพทุ ธ คนอสี าน ซ่ึงทางการได้แบง่ พืน้ ทใ่ี ห้ส�ำ หรบั ทำ�นา ท�ำ ไร่ เพราะวา่ ทเี่ ดมิ ท่ีเขาอยู่ เขาไม่มนี ามไี ร่ พอเขารูว้ า่ ท่ีน่ี สุคริ ินตง้ั นคิ มขนึ้ สำ�หรบั ชาวบ้านทยี่ ากจน เขาก็อาสามาคร้ังแรก มาใหม่ๆ น้ำ�ตารว่ งกันเป็นแถว เพราะว่าทางเขา้ ออกลำ�บากเหลอื เกิน ซ้ำ�มีชา้ งป่ามีอะไร เขาบอกว่าไหนจะสู้กับปญั หาการเงนิ แลว้ ยงั ตอ้ งสู้กับชา้ งอีก ตอ้ งคอยหลบหลกี ชา้ ง เดีย๋ วน้ขี า้ พเจา้ ไปพบเขายิม้ แยม้ แจ่มใสแล้วกม็ ีกำ�ลงั ใจ แลว้ ยงั มาขอพระราชทานพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว ขอขยายพื้นท่ีนคิ มสำ�หรับ ลูกหลานของเขาก็เกดิ มศี รัทธาขึน้ แลว้ ศรบี ญุ ของเขาพ่เี ขาท�ำ นอกจากทำ�นาแล้ว เลยี้ งไก่ เลีย้ งหมแู ลว้ เขาก็ยัง ทำ�เกยี่ วกบั สานลเิ ภา เสน้ ลเิ ภา สวยงามมาก แล้วก็ยงั มีการทอผา้ มกี ารปนั้ แกะสลกั ฝีมือดที ั้งนน้ั เลย...” สำ�หรับโครงการท่ีขยายพื้นที่นิคม ส�ำ หรับลกู หลานสมาชกิ นนั้ ด�ำ เนนิ การภายใต้ โครงการหมู่บ้านศิลปาชีพในนิคมสร้างตนเอง สุคริ นิ ซง่ึ รู้จักกนั ในนาม “บา้ นเลก็ ในปา่ ใหญ”่ โดยมกี ลมุ่ เปา้ หมาย จ�ำ นวน ๕๐ ครอบครัว จดั สรรที่ทำ�กินให้ครอบครวั ละ ๔-๕ ไร่ พ้ืนท่ี ๒๕๐ ไร่ รวมทส่ี าธารณประโยชน์ ของหมบู่ า้ น ตง้ั ขนึ้ ทห่ี มู่ ๑ ต�ำ บลภเู ขาทอง อำ�เภอสุคริ ิน จงั หวดั นราธวิ าส และจดั สรา้ งบา้ นเรอื นสมาชกิ สาธารณปู โภคพืน้ ฐาน ส่งเสริมอาชีพเกษตร ผสมผสานควบคู่กับการทำ�ศิลปหัตถกรรมใน ครัวเรือนตามศักยภาพของพื้นท่ีและความ เป็นอย่ขู องสมาชกิ นิคม 13
โครงการพัฒนาดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม โครงการพฒั นาเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมอันเนือ่ งมาจากพระราชด�ำ ริ เปน็ โครงการที่มคี วามสำ�คญั เพือ่ สนบั สนุนการพฒั นาดา้ นการเกษตร อาทิ โครงการพัฒนาและรณรงคก์ ารใชห้ ญ้าแฝกเพอื่ อนรุ ักษ์ดนิ และ น�ำ้ รว่ มกับ สำ�นักงาน กปร. โครงการขยายพนั ธ์ุไผ่ศรีสกุ และหวายบ้านกะลูปี โครงการปลกู ปา่ ถาวรใน นคิ มสร้างตนเอง โครงการปา่ รกั ษน์ �ำ้ โครงการอนุรกั ษ์สัตว์ป่า โครงการบำ�รงุ รกั ษาปา่ ธรรมชาติและปลกู ปา่ เฉลิมพระเกียรติ โครงการปลูกหวายเล็ก ซึง่ เมื่อวนั ท่ี ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๓๗ สมเดจ็ พระนางเจ้าฯพระบรม ราชินีนาถทรงเสด็จพระราชดำ�เนินเพ่ือทรงประกอบพระราชกรณียกิจปลูกหวายในพื้นท่ีนิคมสร้างตนเอง ศรีสาคร จงั หวัดนราธวิ าส ซงึ่ เป็นพ้นื ท่ปี า่ พระนามาภไิ ธยภาคใตพ้ นื้ ที่ส่วนท่ี ๒ ปา่ บาลา-ฮาลา ในการน้นั ทรงสอบถามอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ (นายอ�ำ พล สงิ หวินท์) ว่า “...ในพืน้ ทปี่ ่ามผี ู้ เช่ยี วชาญมาสำ�รวจพืชสมุนไพรบา้ งหรือไม่ โดยทรง ปรารภว่าในพ้ืนท่ีป่าแห่งนี้น่าจะมีพืชสมุนไพรหลาย ชนิด...” จึงเป็นท่ีมาของการปลูกพืชสมนุ ไพรในนิคม สร้างตนเองศรีสาคร ซึง่ กรมประชาสงเคราะหไ์ ดข้ ยาย ผลโครงการไปสนู่ ิคมสร้างตนเอง ท่วั ประเทศทั้งในรูปแบบ แปลงสาธติ /ทดลอง และขยายไปสู่สมาชิกนิคมเพื่อสรา้ ง รายได้ ลดรายจา่ ยด้านค่าสารเคมเี พื่อการเกษตร ค่า รกั ษาพยาบาล อีกทงั้ ยังเปน็ การอนรุ กั ษ์พนั ธ์พุ ชื พ้ืนเมอื ง ของไทยอกี ด้วย โครงการพัฒนาด้านการศึกษาและสวสั ดิการสงั คม “...การศกึ ษาเปน็ ปจั จัยในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคณุ ภาพของบคุ คล ถา้ สงั คมบา้ นเมอื งได้ใหก้ ารศึกษาทดี่ แี ก่เยาวชนไดค้ รบถ้วนพอเหมาะกบั ทุกๆ ดา้ น สงั คมและบา้ นเมืองนัน้ ก็จะ มีพลเมืองท่มี คี ุณภาพ ซง่ึ สามารถธ�ำ รงรักษาความเจรญิ มน่ั คงของประเทศชาติไว้ และพัฒนาให้กา้ วตอ่ ไปได้ ตลอด...”พระราชดำ�รสั วนั ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๐๔ ดว้ ยพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และพระบรมวงศานุวงศท์ กุ พระองคท์ รงเลง็ เห็นความสำ�คญั ของ การศกึ ษาและสวัสดิการสังคม ครงั้ เสดจ็ ยงั นคิ มสร้างตนเองสคุ ริ นิ ทรงมพี ระราชด�ำ รกิ ับพลเอกสิทธิ จิรโรจน์ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย เมอ่ื วนั ที่ ๑๗-๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๗ “ใหเ้ น้นการสร้างโรงเรยี นสำ�หรับเด็กกอ่ นวยั เรียน โดยวธิ ีทีส่ มเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราชนนี ไดท้ รง ริเริ่มและอุปถัมภ์ไวร้ วมทง้ั วิธที ี่สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารไี ดท้ รงด�ำ เนินการอยู”่ “...ศูนย์พฒั นาเดก็ เลก็ ในนิคมสร้างตนเองจึงก�ำ เนิดข้ึนเพอ่ื พฒั นาเดก็ ทง้ั ดา้ นร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสติปญั ญา และการแบง่ เบาภาระ ท�ำ ใหบ้ ดิ า มารดา ผ้ปู กครองมเี วลาประกอบอาชีพหารายได้เพิม่ มากข้นึ และเม่ือวนั ท่ี ๒๖ กันยายน ๒๕๒๙ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯสยามบรมราชกุมารี ทรงมพี ระกระแส รับส่งั วา่ ...” “...ศูนย์พัฒนาเด็กเลก็ ทดี่ �ำ เนนิ การอย่แู ล้วใหด้ �ำ เนินการต่อไป...” 14 ร้อยเรื่องราวเล่าขานงานนิคมฯ
พรอ้ มทง้ั พระราชทานพระราชทรพั ยส์ นบั สนนุ ศนู ยพ์ ัฒนาเด็กเลก็ ในนิคมสร้างตนเองเสมอมา เหลา่ นค้ี อื น�ำ้ พระราชหฤทัยทีห่ ล่งั รนิ สู่สมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเอง แสดงให้เหน็ ถึงพระราชหฤทัยที่เป่ียม ล้นด้วยความรักความหว่ งใยราษฎรอย่างแทจ้ ริง สมาชกิ นิคมสร้างตนเองตระหนกั เสมอว่าเป็นวาสนาอย่างสูงสุด แล้วท่ีไดเ้ กิดมาในผนื แผ่นดนิ ไทย ใต้บารมปี กเกล้าชาวนิคม ในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญ พระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ ชาวไทยท้ังหลายใตพ้ ระบารมีปกเกลา้ ตา่ งซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณ อนั หาทีส่ ดุ มไิ ด้นี้ กองกจิ การนิคมสร้างตนเองและพฒั นาชาวเขา กรมพัฒนาสังคมและสวสั ดิการ ในนาม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนษุ ย์ จงึ ขอพระบรมราชานุญาตอนั เชญิ โครงการอนั เนือ่ งมาจาก พระราชด�ำ รใิ นนิคมสรา้ งตนเอง ท่ีพระราชทานให้ทุกไทยในนิคมสร้างตนเองไดก้ นิ ดอี ยู่ดี น�ำ เสนอทุกประชา ไทยได้มโี อกาสชน่ื ชมในพระอัจฉริยภาพ และพระบารมีของพระองคพ์ ระประมุขเหนือเกลา้ เหนอื กระหมอ่ ม ปวงชนชาวไทย 15
16 รอ้ ยเรอ่ื งราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
สว่ นที่ ๒ ประวัตคิ วามเป็นมา การจัดตัง้ นคิ มสรา้ งตนเอง
๗๕ ปี ก้าวย่างของงานนคิ มสรา้ งตนเอง จอมพล ป. พิบลู สงคราม อดีตนายกรฐั มนตรี ผู้ก่อตัง้ และดำ�รงต�ำ แหน่งอธบิ ดกี รมประชาสงเคราะห์ คนท่ี ๑ เลข ๗๕ หากเป็นเลขอายุคนก็นับเป็นคนทเี่ ข้าสู่วยั ชรา หากรับราชการกถ็ งึ เวลาเกษยี ณอายุพกั ผอ่ นหากนบั เวลาก็เขา้ ข่ายเหตกุ ารณ์ประวตั ศิ าสตร์ สามารถน�ำ มาเปน็ บทเรียนส�ำ หรับคนรนุ่ หลัง ดังค�ำ กล่าว ท่ีวา่ “มองอนาคตจากอดตี ” ๒๔๘๓ คอื ตัวเลขปี พ.ศ. ทน่ี ิคมสร้างตนเองกำ�เนิดขนึ้ พร้อมกบั กรมประชาสงเคราะห์และเข้ามามี บทบาท เข้ามาเป็นกลไกที่รัฐบาลใช้พัฒนาประเทศ เป็นกุศโลบายเพ่อื การพฒั นาชนบทในลักษณะยิงปนื นัดเดยี วไดน้ กสองตัว ด้วยงานนิคมสร้างตนเอง นอกจากจะเป็นการพฒั นาชนบทสมบรู ณแ์ บบทัง้ ดา้ นการจดั รูป ท่ดี นิ การพฒั นาสาธารณปู โภคพน้ื ฐาน การพัฒนาเศรษฐกจิ ดว้ ยอาชพี ภาคการเกษตร การพฒั นาสงั คม การเมือง การปกครอง สามารถรองรับนโยบายของรัฐท้ังด้านการสังคมสงเคราะหแ์ ก่ราษฎรท่ียากไรข้ าดท่ดี นิ ทำ�กนิ เปดิ โอกาสใหเ้ ขาเหล่านัน้ ได้สร้างงานสรา้ งอาชีพที่ม่นั คง ลดปัญหาชุมชนแออัดให้สังคมเมือง แล้วยงั เปน็ การเพมิ่ ศกั ยภาพใหพ้ ืน้ ทปี่ ่ารกร้าง เสอื่ มโทรมโดยพัฒนาจนเปน็ พื้นทเ่ี ศรษฐกิจสีเขยี ว รองรับการปฏิวัติ เขยี วซึ่งรัฐน�ำ ภาคเกษตรมานำ�การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศได้อีกต่อหนงึ่ ซง่ึ เดมิ ที ฯพณฯจอมพล ป. พบิ ูล สงคราม เรยี กงานนี้ว่า “นิคมสร้างครอบครวั ” 18 รอ้ ยเร่ืองราวเล่าขานงานนิคมฯ
๑. ประวัติความเปน็ มาของนคิ มสร้างตนเอง งานนิคมสร้างตนเองเป็นบริการสวัสดิการสังคมรูปแบบหน่ึงซ่ึงได้ดำ�เนินการมาพร้อมกับการก่อต้ังกรม ประชาสงเคราะห์ เมอ่ื ปี พ.ศ.๒๔๘๓ (ปจั จบุ นั คือกรมพัฒนาสงั คมและสวสั ดิการ) โดย ฯพณฯ จอมพล ป.พบิ ูล สงคราม นายกรฐั มนตรีในสมัยนน้ั ได้มีแนวความคิดท่จี ะนำ�เอาท่ีดินรกร้างว่างเปลา่ มาใชป้ ระโยชน์ เพอื่ สงเคราะห์ คนยากไร้ให้ได้มีท่ีอยู่อาศัยและท่ีดินทำ�กินในลักษณะชุมชนท่ีเป็นระเบียบและพัฒนาให้มีรายได้และคุณภาพ ชีวิตทด่ี ีขึน้ แล้วให้กรรมสิทธ์ใิ นทด่ี นิ แหง่ นั้น ชมุ ชนทีเ่ ป็นระเบียบซง่ึ เกดิ ขึน้ นี้เรียกวา่ “นคิ มสรา้ งตนเอง” และ ราษฎรทีไ่ ดร้ ับการจัดสรรทดี่ นิ เรยี กว่า “สมาชิกนิคม” นคิ มสร้างตนเองแห่งแรกท่ไี ด้จดั ต้งั ขน้ึ ในระยะเวลานนั้ ไดแ้ ก่ นิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบรุ ี และจงั หวัดสระบุรี เปิดเป็นทางการเมอ่ื วนั ท่ี ๒๔ มิถนุ ายน ๒๔๘๓ มี พระยาพหลพลพยหุ เสนา เป็นประธานเปิด การจัดต้ังนิคมสร้างตนเองในระยะแรกมีจุดมุ่งหมายหลักเพ่ือช่วยเหลือราษฎรยากจนท่ีขาดแคลน ทีด่ นิ ทำ�กิน และเพอ่ื แกไ้ ขปัญหาการอพยพเขา้ มาหางานทำ�ในเมืองจนเกิดปญั หาสงั คมเมือง แต่หลังจากได้ มกี ารปรับเปลยี่ นนโยบายเศรษฐกจิ ซึ่งปรากฏรปู แบบชัดเจน เมอื่ มีการจัดท�ำ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ ฉบบั ท่ี ๑ (พ.ศ.๒๕๐๔ - ๒๕๐๙) เป็นต้นมา การจดั นิคมสร้างตนเองไดถ้ ูกน�ำ มาใชเ้ ปน็ กลไกหรอื เครื่องมือของรัฐใน การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง การปกครองและความม่ันคงของชาติ โดยการพัฒนาโครงสร้าง พ้นื ฐานเปน็ ทุนในการพฒั นาเศรษฐกจิ และอำ�นวยความสะดวกในการเขา้ พฒั นาชนบท จ�ำ แนกรปู แบบการต้ัง นิคมตามสถานการณ์ของบ้านเมอื งแตล่ ะยุคสมยั เส้นทางการพัฒนาเศรษฐกจิ ของไทย ต้งั แต่ พ.ศ.๒๕๐๔ ได้มุง่ เนน้ ทีก่ ารสรา้ งความเจริญเตบิ โตทาง ด้านเศรษฐกิจและอำ�นวยความสะดวกในการเข้าไปพัฒนาชนบทและแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน เท่ากับเป็นการสกดั กัน้ การขยายตวั ของลัทธิฝ่ายตรงข้ามท่ปี ระกาศใชก้ ารตอ่ สูด้ ว้ ยก�ำ ลังในระยะนั้น นอกจากน้ี ในแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาตฉิ บบั ที่ ๓ (พ.ศ.๒๕๑๕ - ๒๕๑๙) ไดก้ �ำ หนดท่ีจะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ไมต่ ำ่�กว่ารอ้ ยละ ๕ ตอ่ ปี โดยมมี ลู คา่ เพ่มิ จาก ๓๗,๒๘๗ ลา้ นบาท ในปี พ.ศ.๒๕๑๔ เป็น ๔๗,๗๖๐ ลา้ นบาท ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ การมุ่งพฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐานเพื่อรองรบั การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ดงั กล่าว ไดส้ ง่ ผลกระทบทีร่ ัฐบาล ต้องรบั ผิดชอบในการแกไ้ ขตามมาหลายประการ เช่น การอพยพราษฎรเขตน้ำ�ท่วมจากการสร้างเข่ือน ปัญหา ความม่ันคงในเขตพื้นท่ีกองทพั ภาคตา่ งๆ และปญั หาในเขตชายแดนภาคใต้ เปน็ ตน้ นอกจากนี้การมุ่งที่จะเพม่ิ ผลผลิตทางการเกษตรให้ไดต้ ามเป้าหมาย จำ�เปน็ ตอ้ งอาศัยหน่วยผลิตขนาดใหญ่ทมี่ ีประสทิ ธิภาพ ซ่งึ กลไก สำ�คัญทรี่ ัฐบาลนำ�มาใช้ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนา คือ “งานนิคมสรา้ งตนเอง” 19
๒. วัตถปุ ระสงค์ของการจัดต้ังนิคมสร้างตนเอง ๑. เพ่อื จดั สรรท่ีดินใหร้ าษฎรเป้าหมายอพยพครอบครัวเข้าไปตง้ั ถ่ินฐานประกอบอาชีพ และอยอู่ าศยั ในนคิ มสรา้ งตนเองอยา่ งเปน็ ระเบยี บและถาวร พรอ้ มทัง้ สง่ เสริมให้ได้กรรมสิทธิใ์ นที่ดินน้นั เปน็ ของตนเอง อยา่ งเปน็ ระเบยี บและเป็นมรดกตกทอดไปสบู่ ุตรหลาน ๒. เพอ่ื พฒั นานคิ มในด้านต่างๆ ให้สมาชกิ นิคมมรี ายได้และความเป็นอยสู่ ูงขน้ึ มีคุณภาพชีวิตที่ดสี ามารถ ชว่ ยตนเองและชุมชนได้ ๓. เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในลักษณะโครงการพเิ ศษ ตามมตคิ ณะรฐั มนตรใี นการแกไ้ ข ปญั หาทางสงั คม เศรษฐกจิ การเมืองและการปกครอง ๓. ประเภทของนคิ มสร้างตนเอง กรมพฒั นาสังคมและสวัสดิการ (กรมประชาสงเคราะห์)ไดร้ ับมอบหมายให้จัดตั้งนคิ มสร้างตนเองในรูป แบบและลกั ษณะตา่ งๆ จนถึงปัจจุบนั นร้ี วมทง้ั ส้นิ ๕๙ นิคมฯใน ๔๑ จงั หวัด ตอ่ มาไดถ้ อนสภาพนิคมมอบให้ จงั หวัดด�ำ เนินการแล้ว ๑๕ นิคมฯ ปัจจบุ นั คงเหลือนิคมสรา้ งตนเองท่อี ยใู่ นความรบั ผิดชอบ ๔๔ นิคมฯใน ๓๕ จงั หวัด จ�ำ แนกประเภทนิคมตามลกั ษณะการชว่ ยเหลอื ออกได้เป็น ๕ ประเภท ดงั น้ี ๑. นคิ มสรา้ งตนเองในลักษณะช่วยเหลอื ราษฎรโดยทวั่ ไป ราษฎรยากจน เชน่ ราษฎรจากแหลง่ เส่ือมโทรม ราษฎรทถ่ี กู ทางราชการสงั่ ยกเลิกอาชพี ราษฎรทถ่ี ูก ขับไลจ่ ากการใช้ท่ดี นิ ของทางราชการ เป็นตน้ นิคมลักษณะน้ี มจี �ำ นวน ๑๕ นิคม ในท้องที่ ๑๔ จงั หวดั ไดแ้ ก่ ๑. นิคมสร้างตนเองพระพทุ ธบาท จังหวดั สระบรุ ี ๒. นคิ มสร้างตนเอง จงั หวดั ลพบุรี ๓. นคิ มสรา้ งตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ๔. นคิ มสร้างตนเอง จังหวัดประจวบครี ขี ันธ์ ๕. นิคมสรา้ งตนเอง จงั หวดั ระยอง ๖. นิคมสรา้ งตนเองท้ายเหมอื ง จังหวัดพงั งา ๗. นคิ มสร้างตนเองพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ๘. นิคมสร้างตนเองเชียงพณิ จังหวัดอดุ รธานี ๙. นิคมสร้างตนเองหว้ ยคล้า จังหวดั ศรีสะเกษ ๑๐. นิคมสรา้ งตนเองขนุ ทะเล จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี ๑๑. นิคมสร้างตนเองเทพา จงั หวดั สงขลา ๑๒. นิคมสร้างตนเองรัตภูมิ จงั หวดั สงขลา ๑๓. นคิ มสร้างตนเองธารโต จังหวัดยะลา ๑๔. นิคมสรา้ งตนเองโคกโพธิ์ จังหวดั ปัตตานี ๑๕. นิคมสร้างตนเองทุ่งโพธิ์ทะเล จงั หวัดกำ�แพงเพชร 20 ร้อยเรือ่ งราวเล่าขานงานนิคมฯ
๒. นิคมสรา้ งตนเองในลักษณะชว่ ยเหลอื อพยพราษฎรจากเขตนำ้�ท่วม จดั ตงั้ ข้ึนตามมติคณะรัฐมนตรี เมอ่ื วันที่ ๘ ตลุ าคม ๒๕๐๖ เพอื่ ชว่ ยเหลือราษฎรทีเ่ ดอื ดรอ้ น จาก การสร้างเขือ่ นชลประทาน เขื่อนพลงั งาน หรอื เข่อื นเอนกประสงคท์ ุกแหง่ นิคมฯ ลักษณะน้ีมจี ำ�นวน ๑๑ นคิ มฯ ในทอ้ งที่ ๑๑ จังหวัด ได้แก่ ๑. นิคมสร้างตนเองเข่อื นภมู ิพล จงั หวดั เชยี งใหม่ ๒. นคิ มสรา้ งตนเองกวิ่ ลม จงั หวัดลำ�ปาง ๓. นิคมสร้างตนเองล�ำ นำ้�นา่ น จังหวัดอุตรดิตถ์ ๔. นิคมสร้างตนเองกระเสียว จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ๕. นคิ มสรา้ งตนเองลำ�ปาว จงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ ๖. นิคมสร้างตนเองห้วยหลวง จงั หวดั อุดรธานี ๗. นคิ มสร้างตนเองล�ำ น้ำ�อนู จงั หวดั สกลนคร ๘. นคิ มสร้างตนเองโนนสงั จังหวดั หนองบวั ล�ำ ภู ๙. นิคมสรา้ งตนเองลำ�ตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ๑๐. นคิ มสรา้ งตนเองเขอ่ื นอบุ ลรตั น์ จังหวัดขอนแก่น ๑๑. นคิ มสรา้ งตนเองลำ�โดมนอ้ ย จังหวดั อุบลราชธานี ๓. นิคมสรา้ งตนเองในลักษณะช่วยเหลือราษฎรในเขตจงั หวัดชายแดน และเขตแทรกซึมของผ้กู อ่ การรา้ ยคอมมวิ นิสต์ จัดตั้งขึ้นเพื่อความมั่นคงของชาติและให้การบำ�รุงขวัญราษฎรที่อยู่ห่างไกลตามแนวชายแดนและอยู่ ในเขตปฏิบตั ิการของผู้กอ่ การร้ายคอมมิวนสิ ต์ โดยให้ความช่วยเหลอื ในดา้ นการประกอบอาชพี การศึกษา สาธารณสขุ สาธารณูปโภคต่างๆ และจัดก�ำ ลังป้องกนั รักษาความสงบ นิคมฯลกั ษณะนี้มี จำ�นวน ๙ นิคมฯ ในท้องท่ี ๙ จงั หวดั ได้แก่ ๑. นคิ มสร้างตนเองโพนพสิ ยั จังหวัดหนองคาย ๒. นคิ มสร้างตนเองค�ำ สรอ้ ย จังหวดั มุกดาหาร ๓. นิคมสรา้ งตนเองปราสาท จงั หวดั สุรินทร์ ๔. นคิ มสรา้ งตนเองบ้านกรวด จังหวดั บุรรี ัมย์ ๕. นิคมสรา้ งตนเองกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๖. นคิ มสรา้ งตนเองคลองน้�ำ ใส จงั หวัดสระแกว้ ๗. นิคมสรา้ งตนเองควนขนนุ จังหวัดพทั ลุง ๘. นคิ มสรา้ งตนเองพระแสง จงั หวดั สุราษฎร์ธานี ๙. นิคมสร้างตนเองลำ�โดมใหญ่ จังหวดั อบุ ลราชธานี 21
๔. นิคมสรา้ งตนเองในลกั ษณะช่วยเหลอื ราษฎรเพ่ือเป้าหมายทางการเมอื งและเศรษฐกิจ จัดตง้ั ขึน้ ตามมตคิ ณะรัฐมนตรี เม่อื วันท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๐๔ เพอ่ื ความมัน่ คงปลอดภยั ของชาติใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓ จังหวัด ในท้องทม่ี กี ารปกครองเขา้ ไปไมถ่ งึ โดยการอพยพราษฎรไทยพทุ ธไปอย่รู ว่ ม กับราษฎรไทยมสุ ลมิ และสง่ เสริมการพฒั นาท้งั ทางด้านสาธารณปู โภคและอาชีพ นคิ มฯลักษณะนีม้ จี �ำ นวน ๕ นคิ มฯ ในท้องท่ี ๓ จงั หวัด ไดแ้ ก่ ๑. นคิ มสรา้ งตนเองพฒั นาภาคใต้ จงั หวัดสตูล ๒. นคิ มสรา้ งตนเองสุคิรนิ จงั หวดั นราธิวาส ๓. นคิ มสรา้ งตนเองศรีสาคร จงั หวดั นราธวิ าส ๔. นิคมสรา้ งตนเองพัฒนาภาคใต้ จังหวัดยะลา ๕. นคิ มสร้างตนเองเบตง จงั หวดั ยะลา ๕. นคิ มสรา้ งตนเองในลกั ษณะพเิ ศษเพ่อื พฒั นาเศรษฐกจิ และแก้ไขปัญหาในทางปกครอง จัดต้ังขึ้นเพือ่ ส่งเสริมให้ราษฎรได้รูจ้ ักอาชีพใหม่ๆ ที่คนไทยไมค่ ุ้นเคย ซ่งึ สามารถยึดเป็นพนื้ ฐานทีม่ ี ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจและขยายใหก้ ว้างขวางต่อไปในอนาคต และเพอ่ื แก้ไขขอ้ พพิ าทระหว่างรัฐกับราษฎร และระหว่างราษฎรกับราษฎร นิคมฯลักษณะนี้มี จ�ำ นวน ๔ นคิ มฯ ในท้องท่ี ๖ จังหวดั ไดแ้ ก่ ๑. นิคมสร้างตนเองปากจ่ัน จังหวดั ระนอง ๒. นิคมสร้างตนเองเลย้ี งไหม จังหวดั สุรินทร์ ๓. นิคมสรา้ งตนเองทุ่งสาน จังหวัดพิษณโุ ลก ๔. นคิ มสรา้ งตนเองบางระกำ� จงั หวดั พิษณโุ ลก (พน้ื ทีค่ รอบคลมุ จ.สุโขทัย กำ�แพงเพชร และพิจิตร) 22 ร้อยเร่ืองราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
สำ�หรับนคิ มสรา้ งตนเองท่ถี อนสภาพใหจ้ ังหวัดด�ำ เนินการ จ�ำ นวน ๑๕ นคิ ม ได้แก่ ๑. นิคมสรา้ งตนเองเข่อื นเพชร จังหวัดเพชรบุรี ๙. นคิ มสรา้ งตนเองบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ๒. นิคมสรา้ งตนเองทับกวาง จงั หวัดสระบุรี ๑๐. นคิ มสรา้ งตนเองทงุ่ สง จงั หวดั นครศรธี รรมราช ๓. นคิ มสร้างตนเองเขาบอ่ แกว้ จังหวดั นครสวรรค์ ๑๑. นคิ มสร้างตนเองร่อนพิบลู ย์ จังหวดั นครศรธี รรมราช ๔. นคิ มสร้างตนเองบงึ พาด จงั หวดั อุตรดิตถ์ ๑๒. นิคมสรา้ งตนเองสชิ ล จงั หวดั นครศรธี รรมราช ๕. นคิ มสร้างตนเองบา้ นโตก จังหวัดเพชรบรู ณ์ ๑๓. นิคมสร้างตนเองเลีย้ งโคนม จงั หวัดสระบุรี ๖. นคิ มสร้างตนเองสารกิ า จงั หวดั นครนายก ๑๔. นิคมสรา้ งตนเองแว้ง จงั หวัดนราธวิ าส ๗. นิคมสร้างตนเองหว้ ยทบั ทัน จงั หวัดสรุ ินทร์ ๑๕. นคิ มสรา้ งตนเองปรือใหญ่ จังหวัดศรสี ะเกษ ๘. นคิ มสรา้ งตนเองถลาง จงั หวัดภเู กต็ ๔. การจัดตงั้ นคิ มสรา้ งตนเอง ๔.๑ การส�ำ รวจและการเลือกท่ดี นิ เม่อื กรมประชาสงเคราะห์จะดำ�เนินการจดั ต้ังนิคม หรือคณะรัฐมนตรีใหจ้ ดั ตั้งนคิ มขึน้ ในท้องทใ่ี ด กรม ประชาสงเคราะห์จะต้องขอความร่วมมอื กระทรวง ทบวง กรม ทเี่ ก่ียวข้อง เพ่ือจดั คณะกรรมการสำ�รวจและ เลอื กทีด่ ิน ทก่ี �ำ หนดจะตง้ั นคิ ม เพ่ือใหท้ ราบข้อมลู ต่างๆ โดยมหี ลักเกณฑ์ในการพิจารณาวา่ ท่ีดนิ จัดต้งั นิคม ต้องมเี นื้อท่ีอยา่ งตำ�่ ๕,๐๐๐ ไร่ บรเิ วณท่ดี ินมอี าณาเขตติดตอ่ หรอื ย่านชุมชนเพียงใด (หม่บู า้ น ตำ�บล อำ�เภอ หรอื จงั หวัด) ความอุดมสมบรู ณข์ องดิน ในบรเิ วณทม่ี ีแหล่งน�ำ้ ตลอดปีหรือไม่ เกิดภัยธรรมชาติหรือไม่ ฯลฯ ๔.๒ จัดท�ำ โครงการจดั ต้งั นคิ ม กรมประชาสงเคราะหจ์ ะจดั ท�ำ โครงการเสนอหนว่ ยงานราชการตา่ งๆ ท่ีเกี่ยวข้องพิจารณา โครงการ ประกอบด้วย แผนผงั การจดั ทด่ี ิน หลักเกณฑ์การจัดท่ดี ิน วตั ถปุ ระสงคก์ ารจดั ตั้งนิคม ๔.๓ การจ�ำ แนกประเภทท่ีดนิ ข้อมูลท่ีคณะกรรมการสำ�รวจและเลือกท่ีดินท่ีได้ก็นำ�เสนอคณะอนุกรรมการจำ�แนกประเภทที่ดิน พจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบแล้วนำ�เสนอคณะกรรมการจำ�แนกประเภทที่ดิน พจิ ารณาพ้ืนท่สี ว่ นใดเหมาะสมกบั การเกษตร พนื้ ท่สี ่วนใดควรก�ำ หนดเขตพนื้ ทีป่ ่าไม้ เพ่ือการอนรุ ักษ์ป่าและความชุ่มชนื้ ของดิน (ปา่ ไมส้ ว่ นกลาง ๒๐%) แลว้ เสนอคณะรัฐมนตรีอนมุ ัติ จ�ำ แนกออกพื้นทปี่ ่าสงวนแล้วเสนอคณะกรรมการจดั ท่ดี นิ แห่งชาติ เพือ่ พจิ ารณาให้กรมประชาสงเคราะหน์ �ำ พนื้ ทไ่ี ปดำ�เนินการจดั ต้งั นคิ ม ๔.๔ การขอใชพ้ ้ืนที่จดั ต้ังนคิ ม กรมประชาสงเคราะห์จะต้องขออนุญาตใชท้ ี่ดนิ ตอ่ หนว่ ยงานราชการท่เี ปน็ ผู้มีอำ�นาจดูแลทีด่ ินนั้น เพื่อ ใหค้ ณะเจา้ หนา้ ท่นี คิ มเข้าไปดำ�เนินการสำ�รวจรงั วดั จดั ท�ำ แผนท่ีและดำ�เนนิ งานในเบอ้ื งตน้ ในระหวา่ งที่ยังไม่ ไดอ้ อกพระราชกฤษฎกี าจดั ตัง้ นคิ ม 23
๕. การพฒั นานิคมสรา้ งตนเอง งานนคิ มสรา้ งตนเองดำ�เนนิ การในลกั ษณะพฒั นาชนบทสมบูรณแ์ บบเน้นให้สมาชิกนคิ มมีส่วนร่วมโดย ร่วมคิด รว่ มตดั สนิ ใจ ร่วมปฏิบตั ิ และรว่ มติดตามผล ๕.๑ การพฒั นาสาธารณูปโภคพนื้ ฐาน เพือ่ อ�ำ นวยความสะดวกและปลอดภยั ให้แก่ชมุ ชน ไดแ้ ก่ การสรา้ งถนนเช่อื มตดิ ตอ่ ระหวา่ งหมู่บา้ น ภายในนคิ ม และถนนตดิ ตอ่ ชุมชนภายนอก เพอ่ื เพ่ิมเสน้ ทางคมนาคมและเส้นทางลำ�เลียงผลผลติ ไปจำ�หน่าย การจดั หาแหล่งน�ำ้ บริโภคใชส้ อย เช่น การขดุ บอ่ น�้ำ ผิวดนิ การขุดบ่อบาดาล และระบบประปา เพื่อใหม้ ีนำ�้ ใช้ อยา่ งพอเพยี งตลอดปี และจัดสร้างระบบชลประทานขนาดเลก็ หรอื การพัฒนาแหล่งน�ำ้ ตา่ งๆ เชน่ อ่างเก็บน้ำ� ฝายนำ้�ล้น สระนำ�้ เพือ่ เน้นการสง่ เสริมใหส้ มาชกิ นคิ มสามารถประกอบอาชพี การเกษตร ซึ่งเปน็ อาชีพหลกั ได้ ตลอดฤดูกาล นอกจากนีย้ ังมีการขยายเขตไฟฟา้ เขา้ สู่ผังจดั สรร และหมูบ่ ้านเดมิ และจัดบรกิ ารสาธารณะอื่นๆ เช่น โรงเรียน สถานีอนามัยตำ�บล สถานีต�ำ รวจ ตลาดและยา่ นการคา้ ของชมุ ชนในนคิ ม ๕.๒ การพฒั นาอาชพี ครบวงจร ตามมาตรา ๙ แหง่ พระราชบญั ญัติจดั ท่ีดนิ เพื่อการครองชพี พ.ศ.๒๕๑๑ กำ�หนดใหส้ มาชิกนิคมต้อง ใช้ที่ดินที่ไดร้ บั อนุญาตใหเ้ ข้าทำ�ประโยชนเ์ ฉพาะเพ่ือท�ำ การเกษตร ดงั นั้นกรมประชาสงเคราะห์จึงได้นำ�รูปแบบ ของการพฒั นาอาชพี เกษตรกรรมในลกั ษณะครบวงจร เพื่อใหส้ มาชกิ นคิ มมรี ายได้สูงข้นึ อย่างมนั่ คงจนสามารถ ชว่ ยเหลือตนเองได้ดังภาพตอ่ ไปน้ี พันธพุ์ ืช พันธส์ุ ัตว์ ปุ๋ย ฯลฯ ให้สินเชอ่ื อตั ราดอกเบ้ียตำ�่ พัฒนาแหลง่ นำ�้ เพอ่ื การเกษตร ระยะสัน้ /ยาว การสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรม สมาชกิ นคิ มมีอาชีพราย เทคโนโลยีทนั สมยั และ ในครวั เรือนและนอกภาคเกษตร ได้อย่างมัน่ คง เหมาะสมกบั พืน้ ที่ การแนะนำ�ส่งเสริมใหค้ วามรอู้ ย่าง เพอื่ เพ่มิ รายได้ ถูกต้องทนั สมัยท้งั ในด้านการผลิต ส่งเสรมิ การต้ังโรงงาน และตลาด อตุ สาหกรรมการเกษตร เพ่ือรบั ซ้ือวตั ถุดิบและ การจัดต้งั สหกรณ์การเกษตร เป็นแหล่งจา้ งแรงงาน และกลุ่มอาชีพตา่ งๆ การอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดล้อม 24 ร้อยเร่อื งราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
๕.๓ การพัฒนาสงั คมเพ่อื ยกระดับคุณภาพชีวติ ม่งุ ให้ครอบครวั และชุมชนมคี วามเป็นอยู่ท่ีดี หรอื ไดร้ บั การตอบสนองความตอ้ งการตามสทิ ธิข้นั พ้ืน ฐานที่ควรจะได้รับ พฒั นาสิ่งแวดล้อมชุมชนและ จัดบริการสวสั ดกิ ารสงั คม มที ี่ดินเปน็ กรรมสิทธ์ิ พัฒนาสาธารณประโยชน์ แกผ่ ู้ด้อยโอกาส ของตนเอง จดั ตัง้ กลมุ่ ด้านสวัสดกิ ารสงั คม คุณภาพชวี ติ ที่ดี สร้างกระบวนการเรยี นรู้ ตลอดชีวติ ส่งเสรมิ กิจกรรมด้านอาชพี สง่ เสริมการพัฒนาจิตใจและ และรายได้ อนุรกั ษ์วฒั นธรรมประเพณี สนับสนนุ กิจกรรมด้าน การศกึ ษา สาธารณสุข ๕.๔ การพฒั นาการเมืองการปกครอง ได้ก�ำ หนดรูปแบบการปกครองในนิคมสร้างตนเองโดยแบง่ พน้ื ทเ่ี ปน็ เขต มหี ัวหนา้ เขตซง่ึ มาจากการ เลือกตง้ั ของสมาชกิ นคิ ม และคณะกรรมการสง่ เสริมเขตรบั ผดิ ชอบการปกครอง ในเขตพ้ืนทีข่ องตนเองภาย ใต้การส่งเสริมสนับสนนุ ของเจ้าหนา้ ที่นคิ ม เพื่อให้สมาชิกนิคมได้เรยี นรรู้ ะบบการปกครองนคิ มตามแนวทาง ประชาธปิ ไตย และเน้นการวางรากฐานกอ่ นทจ่ี ะมอบให้จงั หวัดรบั ไปดำ�เนินงานในรปู ของการปกครองท้องทต่ี ่อไป ๕.๕ การออกเอกสารสทิ ธ์ใิ นทดี่ นิ ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการจดั นิคมสร้างตนเอง นอกจากจะเน้นการจัดสรรทด่ี นิ ให้แกร่ าษฎรแลว้ ยังจะ ต้องด�ำ เนนิ การใหส้ มาชกิ นิคมได้รับกรรมสทิ ธิใ์ นท่ดี นิ เป็นของตนเอง และเป็นมรดกตกทอดไปยงั ลูกหลาน ซึ่ง ตามมาตราท่ี ๑๑ และ ๑๒ แหง่ พระราชบัญญตั ิจดั ทีด่ นิ เพื่อการครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ ได้กำ�หนดเง่ือนไขหลกั เกณฑว์ า่ “เมอื่ สมาชิกนิคมไดท้ ำ�ประโยชนใ์ นทดี่ ินแล้ว และได้เปน็ สมาชกิ นคิ มมาเป็นเวลาเกินกวา่ ๕ ปี ทงั้ ได้ ช�ำ ระเงินชว่ ยทุนท่รี ฐั บาลไดล้ งไปและช�ำ ระหนี้เกี่ยวกบั กจิ การของนิคมใหแ้ ก่ทางราชการเรียบร้อยแล้ว ใหอ้ อก หนังสอื แสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) ใหแ้ กผ่ ู้น้นั ซงึ่ ผ้ไู ด้รับหนงั สือแสดงการทำ�ประโยชนแ์ ล้ว จะไปขอใหอ้ อก โฉนดท่ีดินหรือหนังสอื รบั รองการท�ำ ประโยชน์ส�ำ หรับทีด่ นิ นนั้ ตามประมวลกฎหมายที่ดนิ ได้ แต่ภายใน ๕ ปี นบั แต่วันที่ได้รับโฉนดทด่ี นิ หรอื หนังสือรบั รองการท�ำ ประโยชน์ที่ดิน ผไู้ ด้มาซง่ึ กรรมสิทธิ์จะโอนทด่ี นิ ไห้ยงั ผอู้ น่ื ไม่ได้ นอกจากการตกทอดโดยทางมรดก 25
๖. ข้ันตอนและวธิ กี ารจดั นคิ มสร้างตนเอง การด�ำ เนินการจดั นคิ มสรา้ งตนเอง มขี ้ันตอนส�ำ คัญ ๔ ข้นั ตอน ดงั นี้ ๖.๑ ขัน้ เตรียมการ ๑) ท�ำ โครงการเสนอคณะกรรมการจดั ทดี่ ินแห่งชาติ ๒) เสนอสำ�นักงานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ เพื่อบรรจุในแผนพฒั นาฯ ๓) ตั้งคณะกรรมการส�ำ รวจคัดเลอื กพ้ืนที่ ๔) เสนอกรมปา่ ไม้พิจารณาอนุญาตใชพ้ น้ื ท่ี ๕) เสนอคณะรฐั มนตรีอนุมตั ใิ หจ้ ำ�แนกออกเปน็ ที่จัดสรร ๖) ขอออกพระราชกฤษฎกี าจัดตง้ั นิคมฯ ๖.๒ ขนั้ ดำ�เนินการ ๑) วางผงั นคิ ม - ร่วมกบั กรมพฒั นาทีด่ นิ สำ�รวจและวิเคราะหด์ ิน - แบง่ พน้ื ท่แี ละวางผงั แปลงที่ดนิ ๒) คดั เลอื กราษฎรเข้าเป็นสมาชิกนิคม (ตามมาตรา ๒๒ ของ พระราชบัญญตั ิจดั ท่ดี ินเพื่อการครองชพี พ.ศ.๒๕๑๑) - สญั ชาติไทย บรรลนุ ิตภิ าวะ เปน็ หวั หน้าครอบครวั - ประพฤติดี ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บ ขยัน รา่ งกายสมบูรณ์ - ไมว่ ิกลจรติ ฟ่นั เฟือน ไมส่ มประกอบ - ไมม่ ที ด่ี นิ ท�ำ กินเป็นของตนเอง หรอื มีเล็กนอ้ ยไมพ่ อแก่การครองชีพ - ไม่มอี าชพี อย่างหนึ่งอยา่ งใดในขณะนั้นพอแกก่ ารครองชพี 26 รอ้ ยเรอ่ื งราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
๖.๓ ข้ันพัฒนาและถอนสภาพนคิ มสร้างตนเอง ดำ�เนนิ การในลกั ษณะพฒั นาชนบทสมบูรณ์แบบ (๑) การพัฒนาสาธารณปู โภคพ้นื ฐาน เพือ่ อำ�นวยความ สะดวกและปลอดภัยให้แก่ชมุ ชน ได้แก่ การสรา้ งถนนเชอ่ื มติดต่อ ระหว่างหมู่บ้านภายในนิคมฯและถนนติดต่อชุมชนภายนอกเพ่ือเพิ่ม เสน้ ทางคมนาคมและเส้นทางล�ำ เลยี งผลผลติ ไปจ�ำ หนา่ ย การจดั หา แหลง่ น้�ำ บริโภคใชส้ อย เช่น การขดุ บ่อนำ�้ ผวิ ดนิ การขดุ บ่อบาดาล และระบบประปา เพื่อใหม้ ีน้ำ�ใช้อยา่ งพอเพยี งตลอดปี และจดั สร้าง ระบบชลประทานขนาดเลก็ หรอื การพฒั นาแหล่งน้ำ�ต่างๆ เช่น อา่ ง เก็บนำ้� ฝายน้�ำ ลน้ สระน้ำ� เพือ่ เนน้ การสง่ เสริมให้สมาชกิ นิคมสามารถประกอบอาชพี การเกษตรซึง่ เปน็ อาชพี หลกั ได้ตลอดฤดูกาล นอกจากนย้ี งั มกี ารขยายเขตไฟฟ้าเขา้ สผู่ ังจดั สรรและจดั บรกิ ารสาธารณะอ่ืนๆ เชน่ โรงเรียน สถานอี นามัยต�ำ บล สถานีตำ�รวจ ตลาด และย่านการค้าของชมุ ชนในนิคมฯ (๒) การพัฒนาอาชพี ครบวงจร ตามมาตรา ๙ ของพระราชบญั ญัติจดั ทดี่ ินเพอื่ การครองชพี พ.ศ. ๒๕๑๑ กำ�หนดให้สมาชิกนคิ มต้องใช้ท่ีดนิ ท่ีได้รับอนญุ าตให้เขา้ ท�ำ ประโยชน์เฉพาะเพอ่ื ท�ำ การเกษตร ดงั นัน้ กรมประชาสงเคราะหจ์ ึงได้น�ำ รูปแบบของการพฒั นา อาชีพเกษตรกรรมในลักษณะครบวงจร เพอ่ื ท�ำ ให้สมาชิก นคิ ม มรี ายได้สงู ขน้ึ อย่างมน่ั คงจนสามารถชว่ ยเหลือตนเองได้ (๓) การพฒั นาสงั คมเพ่ือยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ มงุ่ ใหค้ รอบครัวและชมุ ชนมคี วามเป็นอยทู่ ี่ดขี นึ้ หรือได้ รับการตอบสนองความต้องการตามสทิ ธิขนั้ พื้นฐานทคี่ วรจะไดร้ บั (๔) การพฒั นาการเมอื งการปกครอง ไดก้ ำ�หนดรปู แบบ การปกครองในนิคมสรา้ งตนเองโดยแบ่งพนื้ ท่เี ปน็ เขต มหี วั หน้าเขต ซึง่ มาจากการเลอื กตง้ั ของสมาชกิ นิคม และคณะกรรมการส่งเสริม เขตรับผิดชอบการปกครองในเขตพ้ืนท่ีของตนเองภายใต้การส่งเสริม สนบั สนุนของเจา้ หนา้ ทนี่ คิ ม ทง้ั นเ้ี พื่อให้สมาชิกนิคมไดเ้ รียนรู้ระบบการ ปกครองตนเองตามแนวทางประชาธิปไตยและเน้นการวางรากฐาน ก่อนท่ีจะมอบให้จังหวัดรับไปดำ�เนินงานในรูปของการปกครองท้องท่ี ต่อไป 27
(๕) การออกเอกสารสิทธ์ใิ นทดี่ ิน ตามวัตถุประสงค์ของ การจดั นิคมสรา้ งตนเอง นอกจากจะเนน้ การจดั สรรท่ีดนิ ให้แก่ราษฎร แลว้ ยังจะตอ้ งด�ำ เนนิ การให้สมาชกิ นคิ มได้รบั กรรมสทิ ธ์ใิ นทด่ี นิ เปน็ ของตนเอง และเปน็ มรดกตกทอดไปยังลูกหลาน ซง่ึ ตามมาตราที่ ๑๑ และ ๑๒ ของพระราชบญั ญัตจิ ดั ท่ีดนิ เพอ่ื การครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ ไดก้ ำ�หนดเง่อื นไขหลกั เกณฑ์ว่า “...เมื่อสมาชิกนคิ มได้ทำ�ประโยชน์ ในทีด่ ินแล้ว และไดเ้ ป็นสมาชกิ นคิ มมาเป็นเวลาเกินกว่า ๕ ปี ทัง้ ได้ชำ�ระเงินช่วยทุนท่ีรัฐบาลได้ลงไปและชำ�ระหนี้เกี่ยวกับกิจการของ นคิ มใหแ้ กท่ างราชการเรียบรอ้ ยแลว้ ให้ออกหนงั สอื แสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ใหแ้ ก่ผู้นน้ั ซ่งึ ผู้ได้รบั หนังสอื แสดงการทำ�ประโยชน์แลว้ จะไปขอใหอ้ อกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนังสือรับรองการทำ�ประโยชนส์ ำ�หรบั ท่ดี นิ นน้ั ตาม ประมวลกฎหมายทด่ี นิ ได้ แต่ภายใน ๕ ปีนับแต่วันทีไ่ ด้รับโฉนดทด่ี ินหรือหนังสือรับรองการทำ�ประโยชน์ใน ที่ดนิ ผ้ไู ดม้ าซึ่งกรรมสิทธิ์ในทดี่ ินจะโอนที่ดนิ ไปยังผอู้ น่ื ไมไ่ ด้ นอกจากการตกทอดโดยทางมรดก...” สมาชิกนิคมสร้างตนเองรับเอกสารสทิ ธ์ิ น.ค.๓ ๖.๔ ข้ันถอนสภาพนคิ ม (๑) คณะกรรมการตรวจสอบผลการจัดนคิ มฯตามเกณฑท์ ่คี ณะกรรมการจดั ท่ดี ินแห่งชาตกิ ำ�หนด - วางผงั แบ่งแปลงและจดั คนเขา้ อยู่ครบถ้วน - สรา้ งสาธารณูปโภคพ้นื ฐานเสรจ็ /สมควรแก่สภาพทอ้ งถิน่ - สมาชกิ ตง้ั เคหสถานและมีรายได้เฉลีย่ ไม่ต�ำ่ กว่าเกษตรกรท้องถิ่น - ออก น.ค.๓ ให้สมาชกิ ครบถ้วน (๒) คณะรัฐมนตรอี นมุ ตั ิ ประกาศสิน้ สภาพนิคมฯในราชกจิ จานเุ บกษาและสง่ มอบใหจ้ งั หวดั 28 รอ้ ยเรื่องราวเล่าขานงานนคิ มฯ
๗. Road Map การขับเคลอ่ื นงานนคิ มสร้างตนเอง End : สมาชิกนิคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ระยะที่ ๑ (พ.ศ.๒๕๕๘-๒๕๕๙) ระยะท่ี ๒ (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔) ระยะท่ี๓ (พ.ศ.๒๕๖๕-๒๕๖๙) การจัดระเบียบ ฟ้ืนฟู พัฒนาระบบ การเสริมสรา้ งความเขม้ แข็ง การพ่ึงพาตนเองอย่างสมดุลและยง่ั ยนื พัฒนาองคก์ ร ชมุ ชนต้นแบบนคิ มสร้างตนเอง ศนู ยเ์ รยี นรู้นวตั กรรมตน้ แบบ พัฒนาระบบขอ้ มูลและ พฒั นาองคก์ รดา้ นสวัสดิการ และพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ส่คู วาม สารสนเทศ สังคม มัน่ คงและมัง่ คัง่ สร้างบุคลากรทีม่ ีคณุ ภาพ คุ้มครองสิทธแิ ละสวสั ดิภาพ เอกสารสิทธิท์ ่ีดินครบถว้ น คมู่ ือปฏบิ ตั งิ าน ทกุ กลุ่มเปา้ หมาย นิคมสรา้ งตนเองเปน็ องค์กรม ี ค้นหานวตั กรรมเพือ่ พัฒนา จัดการผลผลิต ผลติ ภณั ฑ์และ ความเป็นเลศิ พฒั นาระบบจดั การท่ีดินและ ศนู ย์จำ�หนา่ ยได้อยา่ งมัง่ คง การจัดการท่ดี ินและสงิ่ แวดลอ้ ม ทรัพยากร และมมี าตรฐาน พัฒนาคณุ ภาพชวี ิตประชากร แนวเขตนคิ ม ที่สงวนสว่ น สหกรณ์เขม้ แขง็ และได้ ส่วู ถิ ีพอเพียง กลาง มาตรฐาน จัดการข้อขัดแยง้ นำ�สคู่ วาม การแยง้ สิทธใิ นท่ดี ิน มนี วตั กรรมตน้ แบบ สงบสันตสิ ุข จัดการทรัพยากร พฒั นาทกั ษะอาชีพ บริหารสินเชอื่ พัฒนาคุณภาพชวี ิตทกุ ช่วงวัย สง่ เสรมิ สวสั ดกิ ารสงั คมการ จดั การทรัพยากรแบบมีส่วนร่วม พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ และอาชพี ให้เอกสารสิทธแ์ิ ละกรรมสทิ ธิ์ ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ท่ดี ินชอบธรรม อนุรักษฟ์ ืน้ ฟแู ละพัฒนาอตั เสริมสร้างอัตลักษณ์และ ลักษณว์ ัฒนธรรมประเพณี วัฒนธรรมประเพณี 29
แผนที่แสดงที่ต้งั นคิ มสรา้ งตนเอง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดกิ าร จำ�นวน ๔๔ นคิ มฯ เนอ้ื ทีป่ ระมาณ ๕,๕๔๗,๐๓๐ ไร่ 30 ร้อยเรื่องราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
สว่ นท่ี ๓ แนวทางปฏบิ ตั ิงานนิคมสรา้ งตนเอง
งานรังวดั และแผนท่ ี งานรบั สมัครสมาชิก งานบรรจสุ มาชกิ นิคม การออกหนังสอื แสดงการท�ำ ประโยชน์ (น.ค.๓) กรณปี กต ิ การออกหนงั สอื แสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ประเภทรบั สิทธแิ ทนผถู้ ึงแก่กรรม การขออนุญาตเข้าท�ำ ประโยชนใ์ นทด่ี ินเพมิ่ เติม ค�ำ ช้แี จงการขอแก้ไขความสาระส�ำ คญั ใน น.ค.๓ คำ�ชแ้ี จงกรณี น.ค.๓ สูญหาย การแกไ้ ขปญั หาขอ้ พพิ าท การตรวจสอบการทำ�ประโยชน์ในทด่ี ิน 32 ร้อยเรื่องราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
นยิ ามศัพทท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งในงานทีด่ นิ นิคม “นิคม” หมายถึง นคิ มสร้างตนเอง ท่ีสังกดั อยใู่ นกรมพฒั นาสงั คมและสวสั ดิการ “สมาชกิ นิคม” หมายถึง สมาชกิ นคิ มสรา้ งตนเองทผ่ี า่ นการคดั เลอื กตามมาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๒ แหง่ พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพ่อื การครองชีพ พ.ศ.๒๕๑๑ “ทดี่ ิน” หมายถึง พื้นทดี่ ินท่ัวไปและให้หมายความรวมถงึ ภูเขา ห้วยหนอง คลอง บงึ ล�ำ น้�ำ ทะเลสาบ เกาะ และที่ชายทะเลด้วย “ท่ีดนิ ในเขตนคิ ม” หมายถงึ ท่ดี ินท่อี ยู่ในเขตพระราชกฤษฎีกาจดั ต้งั นิคมสร้างตนเอง “ทด่ี นิ สงวนนิคมฯ” หมายถงึ ทดี่ ินในเขตนคิ มสร้างตนเอง ซงึ่ นคิ ม สงวนไว้เพ่ือกิจการนคิ ม ซึ่งไมส่ ามารถ น�ำ ไปจัดสรรให้กบั ราษฎรได้ เว้นแตไ่ ด้รบั อนุญาตจากอธิบดเี ทา่ นัน้ “แผนท่ีรปู แปลงที่ดนิ ” หมายถงึ รายการค�ำ นวณรังวดั ทดี่ ิน และหรือขอ้ มลู รปู แปลงท่ีดนิ ที่ปรากฏในระวาง แผนที่ เปน็ ผลทีไ่ ดจ้ ากการรงั วัดที่ดิน “การรงั วดั ” หมายถงึ การรงั วัดปกั เขต และทำ�เขต จดหรอื คำ�นวณการรงั วดั เพอ่ื ให้ทราบท่ตี ั้ง แนวเขตทด่ี ินหรือทราบทต่ี ้ังและเนอื้ ทด่ี ิน “หนังสืออนุญาตให้เข้าท�ำ หมายถงึ หนังสอื ทีอ่ ธบิ ดหี รือผ้ซู ่งึ อธิบดมี อบหมายอนญุ าตให้สมาชิกเขา้ ทำ�ประโยชน์ ประโยชน์ที่ดนิ (น.ค.๑)” ในทีด่ นิ “ค�ำ ร้องขอหนังสือแสดง หมายถงึ เอกสารที่สมาชิกนิคม ยื่นเพื่อประกอบการออก น.ค.๓ โดยสมาชิกนิคม การทำ�ประโยชน์(น.ค.๒)” ได้เขา้ ท�ำ ประโยชนใ์ นทด่ี นิ เป็นสมาชกิ นคิ ม เกินกวา่ ๕ ปี ช�ำ ระเงนิ ช่วย ทนุ รฐั บาล และช�ำ ระหน้สี นิ เกย่ี วกบั กจิ การนิคม ใหท้ างราชการเรยี บรอ้ ยแลว้ “หนังสือแสดงการทำ� หมายถึง หนังสือที่อธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีได้รับมอบหมาย ออกให้แก่สมาชิกนิคม ประโยชน์ในท่ีดนิ (น.ค.๓)” แสดงว่าได้ท�ำ ประโยชนใ์ นท่ดี ินแล้ว “อธบิ ดี” หมายถงึ อธิบดีกรมพฒั นาสังคมและสวัสดกิ าร
34 รอ้ ยเรอ่ื งราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
งานรังวดั และแผนท่ี
งานรงั วดั และแผนที่ บรกิ ารรงั วัดทด่ี ินใหก้ ับราษฎรและสมาชิกนิคม และหรอื รงั วดั ท่ดี นิ สงวนนิคมฯ ประเภทต่างๆ เพอื่ จัดท�ำ แผนทีร่ ูปแปลงทดี่ นิ ใชป้ ระกอบในการ ๑) ขอสมคั รเป็นสมาชิกนคิ มฯ เนื่องจากครอบครองท่ดี ินอยู่ในเขตนิคมสร้างตนเอง ๒) ขอออกหนงั สอื แสดงการทำ�ประโยชน์ (น.ค.๓) ๓) ขออนญุ าตใชป้ ระโยชนใ์ นทีด่ นิ สงวนนิคมสรา้ งตนเอง ๔) ขอเปล่ียนแปลงแผน่ บางรงั วัดทดี่ นิ เป็นแผน่ รายการคำ�นวณรงั วดั (คอมพิวเตอร์) การยนื่ ค�ำ ขอรงั วดั ท่ดี ิน ราษฎรผสู้ มคั รเขา้ เปน็ สมาชกิ นิคม ต้องยนื่ แบบคำ�รอ้ งทวั่ ไป เรอ่ื ง ขอรับการรังวดั ทด่ี นิ (แบบฟอร์ม ตามท่กี ำ�หนด) ๑. หลักฐานทใี่ ช้ประกอบการย่ืน ๑) สำ�เนาบตั รประจำ�ตัวประชาชน ๒) ส�ำ เนาทะเบียนบ้าน ๓) เอกสารสทิ ธิท์ ่ดี นิ ข้างเคยี งที่ตดิ กับแปลงท่ดี ินท�ำ การรงั วัด เชน่ โฉนดทีด่ ิน, น.ส.๓, น.ค.๓, น.ค. ๑ หรอื เอกสารใดๆ ทบี่ ง่ บอกถงึ ที่ต้งั ต�ำ แหน่งของแปลงทดี่ นิ ได้ ๒. การตรวจสอบทดี่ นิ เจา้ หน้าท่ีนคิ มต้องด�ำ เนนิ การ ดงั น้ี ๑) ตรวจสอบในทะเบียนสมาชกิ นิคมสรา้ งตนเองว่า มกี ารสมคั รสมาชกิ แล้วหรอื ไม่ ๒) ตรวจสอบตำ�แหน่งที่ตัง้ แปลงทด่ี ินของผู้สมคั รตามหลกั ฐานทใ่ี ช้ประกอบ ในระวางแผนทีว่ า่ มี การรังวดั แลว้ หรือไม่ และตอ้ งอย่ใู นเขตพระราชกฤษฎีกาจดั ต้งั นิคมสรา้ งตนเองแห่งนน้ั ๓) ทดี่ นิ ดังกล่าวตอ้ งไมเ่ ปน็ ทีด่ นิ ต้องหา้ มการออกเอกสารสิทธิอ์ ยา่ งใดอย่างหนึ่ง เช่น เป็นพืน้ ท่ ี สงวนสว่ นกลาง ๒๐% ท่ดี ินสงวนเพ่ือกจิ การนคิ มและทีส่ าธารณประโยชน์ เปน็ ต้น ๔) ที่ดนิ ต้องมเี น้อื ทีท่ งั้ สิ้นไม่เกนิ ๕๐ ไร่ ไม่ว่าจะเปน็ ทีด่ นิ แปลงเดยี วหรอื หลายแปลงตามพระราช บัญญตั ิจัดท่ีดินเพือ่ การครองชพี พ.ศ.๒๕๑๑ ตามมาตรา ๘ ๕) กรณที ต่ี รวจสอบจากเอกสารหลกั ฐานที่ใช้ประกอบการย่นื ขอรงั วดั ทด่ี นิ ปรากฏวา่ มีการรังวดั และ ลงรายละเอียดแปลงทด่ี ินในระวางแผนทีแ่ ล้ว โดยให้พจิ ารณาตรวจสอบ ดังน้ี ๑) ชอ่ื -สกลุ รปู แปลงทด่ี นิ เนอ้ื ท่ี ทตี่ ง้ั แปลงทดี่ นิ ถกู ตอ้ งตามระวางแผนทแ่ี ละตรงตามค�ำ ขอ ไมต่ ้องรงั วัดใหม่ และชแี้ จงราษฎรใหเ้ ขา้ ใจขัน้ ตอนของการดำ�เนินการ ๒) ชื่อ-สกลุ ไม่ตรงตามรายการค�ำ นวณ และหรอื ระวางแผนท่ี ส่วนรูปแปลงทด่ี ิน เนื้อทีท่ ต่ี งั้ แปลงท่ีดนิ ถูกต้องตามระวางแผนที่ ใหต้ รวจสอบทางทะเบียนที่ดินและพจิ ารณาด�ำ เนนิ การ แกไ้ ขให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบตั ิ ๓) รูปแปลงทดี่ นิ เปล่ยี นแปลงไปจากเดมิ เน่ืองจากมีการรงั วัดไว้นาน หรอื แปลงทด่ี นิ มีทาง สาธารณะและล�ำ หว้ ยตดั ผา่ นหรอื อื่นๆ ทำ�ให้รูปแปลงท่ดี นิ และเนื้อท่เี ปล่ยี นแปลงไปจาก ขอ้ เทจ็ จรงิ ปจั จบุ นั ตอ้ งท�ำ การรังวัดใหม่เพือ่ แก้ไขรูปแปลงท่ีดนิ และเน้อื ท่ี 36 รอ้ ยเรือ่ งราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
๓. การรวบรวมขอ้ มลู กรณีการรังวัดที่ดิน เจา้ หนา้ ท่นี ิคมฯ ตอ้ งรวบรวมขอ้ มลู ค�ำ ขอของราษฎร เพ่อื จัดทำ�แผนงานสำ�รวจรังวดั ดงั นี้ ๑) นคิ มฯ แยกรายละเอยี ดการรังวัดท่ดี ินตามแบบฟอรม์ ทก่ี รมฯ ส่งเอกสารให้ตามลกั ษณะ ของกิจกรรมรังวัด ๒) จัดท�ำ หนังสือส่งกรมฯ เพ่อื ขอสนับสนุนชา่ งส�ำ รวจมาทำ�การรังวดั ท่ีดินเมอื่ ไดร้ ับหนงั สอื แจ้งจากสว่ นกลางให้สง่ ค�ำ ขอการรังวัดทีด่ ิน หลกั เกณฑก์ ารดำ�เนนิ งาน ๑) การรังวดั ท่ีดนิ ต้องตรงตามกจิ กรรมและค�ำ ขอ (ตามรายช่ือของราษฎรหรอื สมาชิกนิคมฯ) ๒) การรงั วัดทีด่ ินต้องไมซ่ ำ้�ซ้อนกับแปลงท่ีดินปรากฏในระวางแผนที่ ๓) การรังวัดซ้ำ�แปลงเดมิ จะกระท�ำ ได้ต่อเมื่อไดร้ บั การอนุญาตจากนิคมสร้างตนเองและสว่ นกลาง ๔) การรงั วดั ทดี่ นิ กจิ กรรมประเภท น.ค.๑ และ น.ค.๓ ตอ้ งไมร่ งั วดั ทด่ี นิ สงวน, ปา่ สว่ นกลาง ๒๐% หรือทดี่ ินหวงหา้ มประเภทต่างๆ ๕) การรงั วดั ทีด่ ินต้องไมร่ งั วดั ท่ดี ินนอกเขตนิคมสร้างตนเอง ๖) การรังวัดท่ดี ินแปลงจัดสรรหรอื แปลงท่ีดินราษฎรเดมิ ทีป่ รากฏในระวางแผนที่ ไมส่ ามารถแบ่งแยกได้ จะกระทำ�ได้ตอ่ เมอ่ื ไดร้ บั พิจารณาเปน็ รายๆ ไป และตอ้ งได้รับอนุญาตจากนิคมฯ และส่วนกลาง ๗) การรังวดั ที่ดนิ ตอ้ งไม่ทับซอ้ นเอกสารสทิ ธ์ิ ประเภทต่างๆ (เช่น น.ค.๑, น.ค.๓, น.ส.๓,โฉนดท่ีดนิ นสล.และอ่นื ๆ) ๘) การรังวัดตรวจสอบแปลงท่ดี ิน น.ค.๓ และ น.ค.๑ เพ่อื ทราบขอบเขตกระทำ�ได้ แตแ่ บ่งแยกแปลง ท่ดี นิ ไมไ่ ด้ ๙) การแกไ้ ขรายการคำ�นวณรังวัดแปลงท่ดี ินและระวางแผนท่ี จะกระท�ำ ได้เมื่อไดร้ บั การพจิ ารณาจาก สว่ นกลางเทา่ น้นั โดยราษฎรหรือสมาชกิ นคิ มฯ จะต้องยื่นค�ำ ขอพรอ้ มชแี้ จงข้อเท็จจรงิ เพือ่ ประกอบ พจิ ารณายกเลิกและแกไ้ ขรายการคำ�นวณรงั วดั ทด่ี ินและรปู แปลงท่ดี ินในระวาง กอ่ นจงึ จะมกี าร รงั วัดตรวจสอบใหม่ แบบฟอร์มทใี่ ช้ประกอบ ๑) แบบคำ�รอ้ งทว่ั ไป เร่ือง ขอรับการรังวดั ท่ดี ิน ๒) บนั ทกึ รบั รองครอบครองทีด่ นิ ๓) แบบรายงานการรบั รองผลการรังวดั ท่ดี นิ ๔) แบบรายงานการตรวจสอบแปลงท่ดี นิ 37
แผนผัง : ข้นั ตอนการปฏบิ ัตงิ านรงั วดั ทีด่ นิ ประกอบบันทกึ ท่ี พม ๐๖๐๘.๔ /๒๘๒๓ ลงวนั ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ 38 รอ้ ยเร่อื งราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
ตารางแสดงข้ันตอนแนวทางปฏบิ ตั งิ านรังวัดท่ดี ินนคิ มสรา้ งตนเอง ประกอบบนั ทกึ ท่ี พม ๐๖๐๘.๔ /๒๘๒๓ ลงวนั ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ที ่ ข้นั ตอน แนวทาง/วธิ ีการปฏบิ ตั ิ เจ้าหน้าทผ่ี ู้ปฏิบตั ิ/ เอกสารประกอบ รับผิดชอบ ๑ ยนื่ ค�ำ ร้อง (๑) ผตู้ ิดตอ่ ขออนุญาตเขา้ ท�ำ ประโยชน์ - เจา้ หน้าท่ี ๑. แบบค�ำ รอ้ งขอรงั วัดท่ีดิน ในท่ีดนิ เพิ่ม ติดตอ่ เจ้าหน้าที่นคิ ม นิคมสร้างตนเอง (๒) เจ้าหน้าที่ให้คำ�แนะนำ� และ อ�ำ นวยความสะดวกในการกรอก แบบค�ำ ร้องใหไ้ ดส้ าระสมบูรณ์ พรอ้ มการลงเนอื้ หาผยู้ น่ื คำ�รอ้ ง และ เจ้าหน้าท่ีผ้รู ับค�ำ รอ้ ง ๒ การตรวจสอบ (๑) งานทะเบียนตรวจสอบขอ้ มลู จาก - เจ้าหนา้ ท่ี - ส�ำ เนาทะเบียนการบรรจุ สมาชิกนิคม ๒.๑ ตรวจสอบ ทะเบียนการบรรจุสมาชิกนคิ มฯ งานทะเบยี น - ส�ำ เนาภาพระบตุ ำ�แหนง่ ทะเบยี น และบันทึกผลการตรวจสอบใน ทตี่ งั้ แปลงทีด่ นิ ในแผนท่ี นิคม สมาชิกนิคม การตรวจสอบของงานทะเบียน - สำ�เนาภาพระบตุ �ำ แหนง่ / รูปแปลงทด่ี ินในแผน่ ระวาง และหนังสือสำ�คัญ พร้อมลงชื่อ รงั วดั ทีด่ ินนคิ มและแผ่น ระวางรงั วัดทีด่ ินกรมท่ีดนิ เจ้าหน้าท่ีผ้ตู รวจ ๒.๒ ตรวจสอบ (๑) งานแผนทีร่ ะวางทดี่ ิน ตรวจสอบ - เจ้าหน้าท่ี แผนท่ีและ ขอ้ มลู งานแผนที่ แผน่ ระวาง - แผนทีน่ คิ ม - แผ่นระวาง รงั วดั ที่ดนิ นคิ ม - แผน่ ระวาง รงั วดั ท่ีดนิ ออก นส.๓ - แผน่ ระวาง รงั วดั ที่ดนิ ออก โฉนด และบันทึกผลการตรวจสอบใน การตรวจสอบของงานแผนทแี ละ ระวางท่ีดนิ พร้อมลงชอื่ เจ้าหนา้ ท ่ี ผตู้ รวจสอบ ๒.๓ การ (๑) งานทะเบียนและหนังสือสำ�คัญ - หวั หน้า รายงานผล รายงานผลการตรวจสอบขอ้ ๒.๑, งานทะเบียน ๒.๒ และ ๒.๓ และหนงั สือสำ�คญั (๒) ผปู้ กครองนคิ มสรา้ งตนเองพจิ ารณา - หวั หนา้ ฝา่ ย ผลจากการตรวจสอบ - ผปู้ กครองนคิ ม 39
ท่ ี ขนั้ ตอน แนวทาง/วิธีการปฏบิ ตั ิ เจ้าหน้าท่ผี ู้ปฏิบตั ิ/ เอกสารประกอบ รบั ผิดชอบ ๓ ท�ำ แผน ทำ�แผนรังวัดและนำ�เสนอแผน - เจา้ หนา้ ทร่ี งั วดั - สมดุ ทะเบยี นคำ�รอ้ งรังวัด รังวัด (๑) รวบรวมขอ้ มลู ขอรงั วดั ท่ีผา่ นการ - หวั หน้างาน ทดี่ ิน และนำ� พจิ ารณาให้รงั วัดได้ - หวั หน้าฝ่าย - เอกสารแผนการรังวัดของ เสนอแผน (๒) จดั ท�ำ แผนการรังวดั ท่ีดนิ นคิ ม เสนอ - ผูป้ กครองฯ นิคม นคิ ม - บนั ทึกเสนอแผนการรงั วดั (๓) นำ�สง่ แผนการรังวดั ท่ดี นิ นิคมให ้ แก่สว่ นกลาง ๔ การอนมุ ตั ิ (๑) กรมฯ พิจารณาแผนรังวัดของ - กอง - บนั ทึกแจง้ แผนการรงั วดั แผนรงั วดั นิคมและดำ�เนนิ การ (๒) จดั สง่ั การอนุมตั ิแผนการรังวัดให ้ นคิ ม ๕ นคิ ม ๑. บนั ทกึ ขออนมุ ตั หิ ลักการด�ำ เนินงาน - หัวหน้างาน - บันทกึ ขออนุมัติ เตรียมการ ๒. ประชมุ ผ้ยู นื่ คำ�รอ้ งขอรังวัดเพือ่ - หัวหนา้ ฝา่ ย - รายงานการ รงั วดั ทีด่ นิ - ยนื ย�ำ คำ�ร้องขอรังวดั ทด่ี ิน ประชมุ - แจง้ ช่อื /ทอี่ ยู่ ของเจ้าของที่ดนิ - หนังสอื ยนื ยนั ขา้ งเคียง การรังวัดและ - เตรียมหลกั เขตท่ีดนิ รายชือ่ เจา้ ของ - ก�ำ หนดระยะเวลาการรงั วัด ทด่ี นิ ขา้ งเคยี ง ๓. แจง้ ประกาศการรงั วดั ทด่ี นิ ของนคิ ม - ผู้ปกครองนคิ ม - ประกาศนคิ ม เพ่ือทราบท่วั กนั ณ - อำ�เภอ - ส�ำ นักงานที่ดิน - องคก์ ารปกครองส่วนท้องถ่นิ - ผู้ปกครองทอ้ งถ่ิน/ก�ำ นัน/ ผ้ใู หญ่บ้าน - ทีท่ �ำ การนิคม ๔. แจง้ เจ้าของทด่ี ินขา้ งเคยี งร่วมระวงั - ผู้ปกครองฯ - หนงั สอื เป็น แนวเขตทีด่ ิน ไปรษณีย์ตอบรบั ๕. แจ้งผปู้ กครองท้องทีร่ ว่ มระวงั แนว - ผ้ปู กครองฯ - หนังสือเป็น เขตทดี่ นิ ไปรษณยี ์ตอบรบั 40 รอ้ ยเรื่องราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
ท ี่ ขั้นตอน แนวทาง/วธิ กี ารปฏิบตั ิ เจา้ หน้าท่ผี ้ปู ฏบิ ัต/ิ เอกสารประกอบ รับผดิ ชอบ ๖. ช่างรังวัดประสานการปฏิบตั ิ - เจา้ หนา้ ท่ีรงั วัด - บันทกึ ขออนมุ ตั ิ - ชดุ เอกสารประกอบการ - บนั ทึกขออนมุ ัตดิ ำ�เนนิ การและ รงั วดั ค่าใชจ้ ่ายท่ีเก่ยี วข้องตอ่ นคิ ม - จัดเอกสารท่ตี อ้ งใชใ้ นการปฏิบัติ งานรงั วดั ที่ดินแตแ่ ปลง แต่ละราย - ติดต่อประสานผ้ขู อรงั วัดทีด่ นิ แตล่ ะรายยนื ยนั ก�ำ หนดวนั -เวลา รังวดั และเตรยี มหลักเขตที่ดนิ ๖. ด�ำ เนนิ การ (๑) ดำ�เนนิ การรงั วัดท่ีดินตามแผน - ชา่ งรังวัด - บนั ทกึ รายงานผลการรงั วดั รงั วดั และวิธีการทีก่ �ำ หนดและจดั ทำ� และทีมงาน ประจำ�วัน เอกสารทีเ่ กย่ี วข้อง (๒) รายงานผลการปฏบิ ตั ิงานรังวดั - ชุดเอกสารประกอบการ ท่ดี นิ ประจ�ำ วัน รังวัดของแต่ละแปลง (๓) สรปุ รายงานผลการรงั วัดท้งั หมด - บันทึกสรุปผล การรงั วดั เม่อื ดำ�เนนิ การรังวัดแล้วเสร็จตาม แผน ๗ ตรวจสอบ ๑) ตรวจสอบการรายงานผลการ - เจา้ หน้าทง่ี าน - ประกาศนคิ ม ผลการ รงั วดั ตามเอกสารประกอบท่ีช่าง แผนทแี่ ละรังวัด - บนั ทกึ เสนอติดประกาศ รงั วัด และ รงั วดั นำ�เสนอเอกสารประกอบ รบั รอ้ งผล ครบถว้ น ถูกต้อง สมบูรณ์ งาน ๒) จำ�แนกผลการรับรองแนวเขตของ - ช่างรงั วดั ทดี่ ินขา้ งเคียง เปน็ - หนงั สอื แจ้ง - เจ้าของทดี่ นิ ข้างเคียงลงชอื่ รบั รองแนวเขตครบ - เจ้าของทด่ี นิ ขา้ งเคียงลงชอ่ื รับรองแนวเขตไมค่ รบ ๓) ดำ�เนนิ การตดิ ประกาศผลการ - หวั หน้างาน - หนงั สือแจ้งผูข้ อรงั วดั รงั วัดท่ดี ินให้ทราบท่วั กนั -ผูป้ กครองนคิ ม ทีด่ นิ เป็นเวลา๓๐ วัน - ทีท่ ำ�การผู้ปกครองทอ้ งท่ี 41
ท่ ี ขั้นตอน แนวทาง/วธิ กี ารปฏบิ ตั ิ เจา้ หน้าทผ่ี ู้ปฏิบัติ/ เอกสารประกอบ รับผิดชอบ - ท่ที ำ�การ องค์การปกครองสว่ น - เจ้าหน้าทง่ี านรังวัด ท้องถิ่น - ทีท่ �ำ การนคิ ม - ทว่ี า่ การอำ�เภอ - สำ�นักงานที่ดินอ�ำ เภอ/จังหวัด ๔) แจง้ เจา้ ของท่ีดินขา้ งเคียงผู้ไมร่ ว่ ม - เจา้ หน้าทงี่ านรงั วดั ชีร้ ะวงั แนวเขต ให้ตรวจสอบหลกั เขตของการรงั วัด ภายใน ๓๐ วนั ๕) เมือ่ ครบก�ำ หนด ๓๐ วนั ตรวจ - บันทึกสง่ ผลงาน สอบการคัดคา้ นผลการรงั วดั ท่ีดนิ - กรณีมีการคดั ค้านผลการรังวดั ทด่ี นิ ใหช้ ะลอผล - การรังวดั นน้ั กอ่ นพรอ้ มแจ้ง ผลใหผ้ ู้ครอบครองที่ดนิ แปลง รังวดั ทราบเพ่อื ด�ำ เนนิ การแก้ไข ขอ้ คดั คา้ นจนกวา่ จะแล้วเสร็จ - กรณีไม่มกี ารคัดคา้ นผลการรังวดั ทด่ี ินใหร้ ายงานผลส่วนกลาง ๖) นิคม ฯ จดั ทำ�สรปุ ผลการรังวัด - หัวหน้างาน ทดี่ นิ สง่ ส่วนกลาง โดยมีการ - หวั หน้าฝา่ ย จ�ำ แนกเปน็ - ผ้ปู กครองนิคม - กรณจี ดั ทำ�แผ่นรายการค�ำ นวณ รังวัดได้ กรณี ชะลอการจัดทำ� แผนรายการคำ�นวณรงั วัด 42 รอ้ ยเร่อื งราวเล่าขานงานนิคมฯ
ท ่ี ขน้ั ตอน แนวทาง/วิธีการปฏบิ ัติ เจา้ หน้าทผ่ี ู้ปฏบิ ตั ิ/ เอกสารประกอบ รับผิดชอบ ๘ การจัดแผ่น ๑) ด�ำ เนนิ การตามขั้นตอน - กอง รายการ และวิธกี ารของส่วนกลาง ค�ำ นวณ รังวัดและ การจดั ส่ง ให้นิคม ๙ การตรวจ ๑) นิคมรบั แผ่นรายการคำ�นวณรงั วัด - เจ้าหนา้ ที่งาน - แผ่นรายการค�ำ นวณรงั วดั สอบและ ทีด่ นิ บันทกึ ในสมุดทะเบียนคุม แผนที/่ รงั วดั รบั รองแผ่น แผน่ รายการค�ำ นวณรงั วดั รายการ ๒) ดำ�เนนิ การตรวจสอบแผน่ รายการ - เจ้าหน้าทงี่ านรังวัด - ทะเบียนคุมแผน่ รายการ คำ�นวณ คำ�นวณรังวัดในรายละเอยี ดท ี่ ค�ำ นวณรังวดั รังวดั เกยี่ วขอ้ งให้ทราบวา่ ถกู ตอ้ งกับ รายละเอียดของนคิ มหรอื ไม่ ๓) รายงานผลการตรวจสอบ - หวั หน้างาน - บนั ทึกรายงานผลการตรวจ - ด�ำ เนนิ การกรณีการตรวจสอบ - หัวหนา้ ฝ่าย สอบ พบว่าแผน่ รายการค�ำ นวณการ -ผูป้ กครองนคิ มฯ รงั วัดไม่ถกู ตอ้ ง โดยบนั ทึกเสนอ ผู้ปกครองและน�ำ สง่ คนื สว่ นกลาง - ด�ำ เนนิ การกรณกี ารตรวจสอบ พบว่า แผ่นรายการคำ�นวณรงั วัด ถูกต้อง ให้หัวหน้างาน หัวหนา้ ฝ่าย และผู้ปกครองนิคม ลงชอ่ื กำ�กบั ในแผน่ รายการค�ำ นวณรงั วัด ๔) บันทกึ ในสมดุ ทะเบยี นคุม แผ่นรายการค�ำ นวณรงั วัดทีด่ นิ 43
ท่ ี ขนั้ ตอน แนวทาง/วิธีการปฏิบตั ิ เจ้าหน้าท่ผี ูป้ ฏบิ ัต/ิ เอกสารประกอบ รับผดิ ชอบ ๑๐ การรบั รอง ๑) แจง้ ใหผ้ ู้ขอรังวดั ทีด่ ินมาด�ำ เนิน - เจา้ หนา้ ท่ีงาน - หนังสอื แจ้งอยา่ งเป็น ทางการ และรับ การรบั รองผล แผนท/ี่ รังวัด - บนั ทึกคดั ค้าน สำ�เนาแผน่ ๒) กรณผี ขู้ อรงั วดั ทด่ี นิ ไมร่ บั รองผล - หัวหนา้ งาน - ส�ำ เนาแผน่ คำ�นวณรายการ รงั วดั รายการ ใหด้ �ำ เนินการ - หวั หนา้ ฝ่าย คำ�นวณ - ท�ำ บันทึกคดั คา้ น - ผ้ปู กครองนิคมฯ รังวดั - เสนอผู้ปกครองนิคมพิจารณา ๓) กรณีผ้ขู อรังวดั ที่ดนิ รบั รองผลให ้ ดำ�เนนิ การ - ลงชือ่ รับรองในสว่ นของผคู้ รอบ ครองทด่ี นิ /ผ้นู �ำ ช้ีรังวดั ทดี่ ิน - รบั สำ�เนาแผ่นรายการค�ำ นวณ รงั วัด เพื่อน�ำ ไปดำ�เนินการ เฉพาะตามวัตถปุ ระสงค์ทกี่ ำ�หนด 44 รอ้ ยเรอื่ งราวเลา่ ขานงานนิคมฯ
45
46 รอ้ ยเรอ่ื งราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
47
48 รอ้ ยเรอ่ื งราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
49
50 รอ้ ยเรอ่ื งราวเลา่ ขานงานนคิ มฯ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280