Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์-ป.4-2566

แผนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์-ป.4-2566

Published by juthamanee.suksawai, 2023-05-19 09:09:16

Description: แผนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์-ป.4-2566

Search

Read the Text Version

101 11. ครูตรวจผลการทา้ กิจกรรมทา้ ทายการคดิ ขันสงู ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 48 12. ครูตรวจชินงานสมุดภาพดอกของพืชและส่วนประกอบของดอก และการน้าเสนอชินงาน/ผลงาน หนา้ ชนั เรียน 13. ครูตรวจสอบผลการท้าแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 50-53 14. ครูตรวจสอบผลการท้าแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง ความหลากหลายของ สง่ิ มีชีวิต 7. กำรวัดและประเมนิ ผล รำยกำรวดั วธิ ีกำร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ำรประเมิน - แบบประเมินชนิ งาน/ - ระดับคุณภาพ 2 7.1 กำรประเมนิ ชิ้นงำน/ - ตรวจผลงานสมดุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์ ภาระงาน ภำระงำน (รวบยอด) ดอกของพืชและ - รอ้ ยละ 60 - สมดุ ประจา้ ตัว หรือ ผา่ นเกณฑ์ สว่ นประกอบของดอก แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม - ร้อยละ 60 7.2 ประเมินระหว่ำง 1 หนา้ 41 ผ่านเกณฑ์ - สมุดประจ้าตวั หรอื ใบ - รอ้ ยละ 60 กำรจดั กิจกรรม ใบงานท่ี 1.9 ผ่านเกณฑ์ - สมดุ ประจา้ ตวั หรอื กำรเรยี นรู้ แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม ผา่ นเกณฑ์ 1) ผลบันทึกการทา้ - ตรวจสมุดประจา้ ตัว หรือ 1 หนา้ 42 - กระดาษแขง็ - รอ้ ยละ 60 กจิ กรรมท่ี 4 แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์ - กระดาษแข็ง ป.4 เลม่ 1 หนา้ 41 2) กจิ กรรมพัฒนาการ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัว หรอื เรยี นรูท้ ่ี 1 ใบงานที่ 1.9 - ตรวจสมุดประจ้าตวั หรอื 3) กิจกรรมหนูตอบได้ แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 42 4) แผนผงั หรือ - ตรวจกระดาษแข็ง แผนภาพการ - ตรวจกระดาษแขง็ จา้ แนกดอกของพชื 5) ภาพดอกไมท้ ีช่ อบ 1

102 รำยกำรวดั วธิ กี ำร เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมนิ 6) กจิ กรรมสรุปความรู้ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัว หรือ - สมดุ ประจ้าตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ แบบฝกึ หดั ผ่านเกณฑ์ ประจ้าบทที่ 2 ป.4 เลม่ 1 หน้า 43 วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 43 - ร้อยละ 60 7) กจิ กรรมฝึกทักษะ - ตรวจสมุดประจ้าตัว หรือ - สมดุ ประจา้ ตวั หรอื ผา่ นเกณฑ์ บทท่ี 2 แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ แบบฝกึ หดั ป.4 เล่ม 1 หน้า 44-47 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ - ร้อยละ 60 8) กิจกรรมทา้ ทายการ 1 หนา้ 44-47 ผา่ นเกณฑ์ คดิ ขันสงู - ตรวจสมุดประจ้าตวั หรอื - สมุดประจา้ ตวั หรือ แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ แบบฝึกหัด - ระดบั คณุ ภาพ 2 9) การนา้ เสนอผลงาน/ ป.4 เลม่ 1 หน้า 48 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม ผ่านเกณฑ์ ผลการท้ากจิ กรรม 1 หน้า 48 - ประเมินการน้าเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2 10) พฤติกรรม ผลงาน/ผลการทา้ น้าเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ การท้างาน กิจกรรม รายบคุ คล - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 การทา้ งานรายบุคคล การท้างานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 11) พฤตกิ รรม การทา้ งานกลมุ่ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 การท้างานกลุ่ม การทา้ งานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 12) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมิน อันพึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มนั่ คณุ ลกั ษณะ - รอ้ ยละ 60 ในการท้างาน อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ 7.3 กำรประเมนิ หลงั เรียน - แบบทดสอบทา้ ย - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 วิทยาศาสตร์ ป.4 ผ่านเกณฑ์ หนา้ 50-53 เลม่ 1 หนา้ 50-53 - แบบทดสอบหลัง - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี นหนว่ ยการ หลงั เรียนหน่วยการ เรยี น เรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง เรยี นรู้ท่ี 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ความหลากหลาย ของส่งิ มชี ีวติ 1

103 8. ส่อื /แหล่งกำรเรียนรู้ 8.1 ส่ือกำรเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสง่ิ มชี วี ติ 2. แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิง่ มีชีวิต 3. วสั ดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมท่ี 4 เชน่ แวน่ ขยาย คัตเตอร์ เปน็ ต้น 4. วัสดุ-อุปกรณใ์ นการทา้ กจิ กรรมสร้างสรรค์ผลงาน เช่น สีไม้ สมุด กระดาษสี เป็นต้น 5. บตั รภาพดอกไมช้ นิดตา่ งๆ เช่น ดอกชบา ดอกบัว ดอกมะเขือ ดอกพริก ดอกดาวเรอื ง เป็นตน้ 6. ตัวอย่างดอกไม้ 2 ชนิด เช่น ดอกกุหลาบ ดอกชบา เป็นต้น 7. ใบงานท่ี 1.9 เรือ่ ง ความแตกตา่ งของสว่ นประกอบของดอกไม้ 8. ใบความร้ทู ่ี 1.1 เรอ่ื ง การจ้าแนกดอกของพืช 9. PowerPoint เร่ือง สว่ นประกอดของดอก 10. สมดุ ประจา้ ตวั นกั เรยี น 11. กระดาษแข็ง 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. ห้องเรยี น 2. ห้องสมดุ 3. อินเทอรเ์ น็ต 1

104 ตวั อย่างบตั รภาพ     1

105 ใบควำมรู้ที่ 1.1 เร่อื ง กำรจำแนกดอกของพชื 1

106 ใบงำนท่ี 1.9 เรอื่ ง ควำมแตกต่ำงของสว่ นประกอบของดอกไม้ ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุม่ แล้วร่วมกนั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี 1) ให้แตล่ ะกล่มุ ช่วยกนั ศึกษำภำพดอกของพืชทั้ง 3 ชนดิ ทก่ี ำหนดให้ 2) สงั เกตส่วนประกอบของดอกวำ่ ประกอดด้วยสว่ นใดบำ้ ง และมคี วำมควำมแตกตำ่ งกนั หรอื ไม่ อย่ำงไร 3) สืบค้นข้อมลู เพิม่ เติมเกี่ยวกบั ดอกของพืชทั้ง 3 ชนดิ จำกแหล่งขอ้ มลู ตำ่ งๆ 4) รว่ มกนั อภิปรำยภำยในกลมุ่ ถงึ สง่ิ ทไ่ี ดจ้ ำกกำรสังเกตและกำรสืบค้นข้อมูล 5) นำเสนอควำมคดิ ของกลุ่มหนำ้ ชั้นเรียน และให้ครูช่วยสรุปอีกครง้ั ดอกบัว ดอกชบำ ดอกมะเขือ  ส่วนประกอบของดอกบวั ไดแ้ ก่  สว่ นประกอบของดอกชบำ ได้แก่  สว่ นประกอบของดอกมะเขอื ได้แก่  สว่ นประกอบของดอกของพืชทง้ั 3 ชนิด มคี วำมแตกตำ่ งกนั หรือไม่ อยำ่ งไร 1

ใบงำนที่ 1.9 107 เรือ่ ง ควำมแตกต่ำงของสว่ นประกอบของดอกไม้ เฉลย ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ แล้วร่วมกนั ปฏิบตั ิกจิ กรรม ดงั น้ี 1) ให้แตล่ ะกลุ่มช่วยกันศึกษำภำพดอกของพชื ทัง้ 3 ชนิด ท่กี ำหนดให้ 2) สงั เกตสว่ นประกอบของดอกวำ่ ประกอดด้วยสว่ นใดบำ้ ง และมีควำมควำมแตกต่ำงกนั หรอื ไม่ อยำ่ งไร 3) สืบค้นขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ เก่ยี วกับดอกของพชื ทง้ั 3 ชนดิ จำกแหลง่ ข้อมลู ตำ่ งๆ 4) ร่วมกันอภิปรำยภำยในกล่มุ ถึงสงิ่ ท่ไี ดจ้ ำกกำรสังเกตและกำรสบื คน้ ขอ้ มูล 5) นำเสนอควำมคิดของกลุ่มหน้ำช้ันเรยี น และใหค้ รูช่วยสรปุ อกี ครัง้ ดอกบัว ดอกชบำ ดอกมะเขือ  สว่ นประกอบของดอกบวั ได้แก่ กลบี เลียง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย  สว่ นประกอบของดอกชบำ ได้แก่ กลีบเลียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย  ส่วนประกอบของดอกมะเขอื ได้แก่ กลีบเลยี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย  สว่ นประกอบของดอกของพืชทงั้ 3 ชนดิ มีควำมแตกต่ำงกนั หรอื ไม่ อยำ่ งไร ไม่แตกต่างกัน เพราะดอกของพชื ทงั 3 ชนิด มีส่วนประกอบของดอกครบ 4 ส่วน เหมือนกัน ไดแ้ ก่ กลบี เลยี ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย 1

108 แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 1 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี 4 หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี 2 แรงโน้มถ่วงของโลกและตัวกลำงของแสง ภำคเรียนที่ 1 เรอื่ ง ผลของแรงโนม้ ถ่วงของโลก เวลำ 4 ชั่วโมง ครูผสู้ อน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด ว 2.2 ป.4/1 ระบผุ ลของแรงโนม้ ถ่วงทมี่ ตี อ่ วตั ถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. สังเกตและระบผุ ลของแรงโน้มถว่ งที่มตี ่อวตั ถุได้ (K) 2. ปฏบิ ัติการทดลองเกี่ยวกับผลของแรงโน้มถว่ งท่ีมตี ่อวตั ถุได้ครบทกุ ขันตอน (P) 3. มีความสนใจและกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรทู้ ้องถิ่น พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง แรงโนม้ ถ่วงของโลกมีทิศทางเข้าสู่จดุ ศนู ยก์ ลาง ของโลก มีผลทา้ ใหว้ ัตถตุ กลงสู่พนื โลกเสมอ 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดที่โลกกระท้าต่อมวลของวัตถุทุกชนิดที่อยู่บนโลกและที่อยู่ใกล้โลก ซ่งึ เปน็ แรงไม่สัมผัส และมีทศิ ทางเข้าสู่จดุ ศนู ย์กลางของโลก แรงโนม้ ถว่ งของโลกท้าใหว้ ตั ถุต่าง ๆ บนโลกมี น้าหนักและตกลงสู่พนื โลกเสมอ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินัย 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทักษะการสงั เกต 3. มุ่งม่ันในการท้างาน 2) ทกั ษะการสรุปอ้างองิ 3) ทกั ษะการระบุ 1

109 4) ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ช่วั โมงที่ 1 ขันน้า ขัน้ กระตุน้ ควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันนีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง อะไร แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบค้าถาม จากนันครูแจ้งชื่อเรื่องท่ีจะเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ให้ นกั เรียนทราบ 2. ให้นกั เรียนทา้ แบบทดสอบก่อนเรยี น เพือ่ วดั ความรเู้ ดิมของนกั เรยี นกอ่ นเข้าส่กู ิจกรรม 3. ให้นักเรียนช่วยกันสังเกตภาพหน้าหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แรงโน้มถ่วงของโลกและตัวกลางของแสง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 52 แล้วให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นร่วมกันว่า ภาพนีเกย่ี วขอ้ งกบั แรงโน้มถว่ งของโลกหรอื ไม่ อยา่ งไร โดยครูคอยเสริมขอ้ มูลในส่วนทบ่ี กพร่อง 4. ใหน้ ักเรียนเรยี นร้คู า้ ศัพท์ทเี่ ก่ยี วข้องกบั การเรียนในบทท่ี 1 แรงโนม้ ถ่วงของโลก จากภาพในหนงั สือ เรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 53 โดยครูสุ่มเลือกตัวแทนหรือขออาสาสมัครนักเรียน 1 คน ออกมาหน้า ชนั เรียนเพ่อื เป็นผ้อู า่ นนา้ และใหเ้ พ่อื นคนอน่ื ๆ อา่ นตาม ดงั นี Gravitational Force (แกรฟวเิ ท’ชนั เนลิ ฟอซ) แรงโน้มถ่วง Mass (แมส) มวล Weight (เวท) น้ำหนกั (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทา้ งานรายบุคคล) 5. ครูถามค้าถามส้าคัญประจ้าบทจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 53 เพ่ือกระตุ้นนักเรียนทุกคน ก่อนเข้าสู่เนือหาว่า แรงโน้มถ่วงของโลกมีผลต่อวัตถุอย่างไร แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดงความ คดิ เห็นอยา่ งอิสระในการตอบค้าถาม (แนวตอบ : แรงโนม้ ถ่วงของโลกทา้ ให้วตั ถุมนี า้ หนักและตกลงสูพ่ ืนโลกเสมอ) 1

110 6. ให้นักเรียนแต่ละคนสืบค้นกิจกรรมในชีวิตประจ้าวนั ที่เกี่ยวข้องกับแรงโนม้ ถ่วงของโลกจากหนังสอื เรยี นหรือสื่ออื่น ๆ ทีค่ รเู ตรยี มไวใ้ ห้ เช่น หนงั สอื จุดประกายคดิ ชดุ รู้วิทย์ คดิ เป็น เรื่องแรงโนม้ ถ่วง ของโลก เป็นตน้ 7. ให้นักเรียนวาดภาพหรือติดภาพเกี่ยวกับกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับแรงโน้มถ่วงของโลก 2-3 กิจกรรม ลงในสมดุ ประจ้าตวั หรือให้นกั เรียนท้ากิจกรรมน้าสกู่ ารเรยี นในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 54 ขนั สอน ข้นั สำรวจค้นหำ (Explore) 1. ครใู หน้ ักเรียนศกึ ษาข้อมลู และดภู าพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 54 จากนนั ครูให้นักเรียนตอบ คา้ ถามลงในสมุด ดงั นี 1) จากภาพต่างๆ ในหนังสือ เป็นเหตุการณ์ใดบา้ ง (แนวตอบ : นา้ ตก คนกระโดดรม่ กระจกหลน่ แตก คนเลน่ กีฬา ฝนตก และใบไมร้ ว่ ง) 2) นักเรยี นคิดว่า วตั ถุ สิง่ ของ หรือคนในภาพจะตกลงสูพ่ ืนหรอื ไม่ เพราะอะไร (แนวตอบ : ตกลงสู่พืน เพราะโลกมีแรงโน้มถ่วงท่ีกระท้าต่อวัตถุต่าง ๆ จึงท้าให้วัตถุ ส่งิ ของ หรอื คนตกลงสู่พนื เสมอ) 3) นักเรยี นคิดวา่ แรงโน้มถ่วงเกย่ี วข้องกบั การใช้ชีวติ ประจา้ วันของนกั เรยี นอยา่ งไรบ้าง (แนวตอบ : เช่น การยกส่ิงของท่ีมีน้าหนักมาก ๆ ได้ยาก การท้าสิ่งของหล่นพืนจะเกิด ความเสยี หาย เป็นต้น) 2. ครูขออาสาสมัครหรือสุ่มเลือกนักเรียนจากเลขท่ี 4-5 คน ให้ออกมาตอบค้าถาม จากนันให้นักเรียน ทุกคนช่วยกนั อภิปรายค้าตอบของเพ่ือน และสรปุ คา้ ตอบท่ีถูกต้องร่วมกัน โดยมคี รคู อยตรวจสอบความ ถกู ตอ้ ง 3. ครูให้ค้าชมเชยหรือมอบรางวัลให้ตัวแทนนักเรียนที่ออกมาตอบค้าถามได้ถูกต้อง เพ่ือเป็นการ เสริมแรงในการกลา้ แสดงออก และใหค้ ้าชมเชยนักเรียนทุกคนท่ีชว่ ยกนั อภิปรายค้าตอบจากค้าถามที่ครู ตงั ไว้ ช่วั โมงที่ 2 ขั้นสำรวจคน้ หำ (Explore) (ตอ่ ) 4. ครูให้นักเรียนทุกคนดูบัตรภาพใบไม้ร่วงจากต้น หรือให้ดู PPT เรื่อง แรงโน้มถ่วงของโลก (หน้าใบไม้ ก้าลังร่วงจากต้นไม้) จากนันถามค้าถามเพื่อกระตุ้นความคิดนักเรียนว่า นักเรียนคิดว่า ใบไม้ในภาพจะ หลน่ ลงสูพ่ นื โลกหรอื ไม่ เพราะอะไร และให้นักเรยี นตอบคา้ ถามโดยอิสระ ซึ่งครยู ังไม่เฉลยค้าตอบ 5. ครชู ีแจงใหน้ กั เรยี นฟงั วา่ นกั เรยี นจะไดค้ า้ ตอบจากการทา้ กิจกรรมที่ 1 เรื่อง ผลของแรงโน้มถว่ ง 1

111 6. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแบบคละความสามารถ (เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง-อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่ม เดยี วกัน กลมุ่ ละ 3-4 คน โดยครูเป็นผู้เลอื กนักเรยี นเขา้ กลมุ่ 7. ครูใช้วิธีการสอนแบบการทดลอง (Experiment) เข้ามาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในชั่วโมงนี โดยครูตังประเด็นค้าถามเพ่ือก้าหนดปัญหาให้นักเรียนก่อนการท้ากิจกรรมวา่ แรงโน้มถ่วงของโลก มีผลตอ่ วตั ถุตา่ ง ๆ บนโลกอยา่ งไร แล้วใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันตังสมมตฐิ าน 8. ครูให้ความรู้ความเข้าใจนักเรียนก่อนท้ากิจกรรมว่า แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงไม่สัมผัส เพราะ แรงดึงดูดของโลกสามารถดึงดูดวัตถุต่าง ๆ บนโลกและที่อยู่ใกล้โลกให้เข้าหาจุดศูนย์กลางของโลก ได้โดยท่ีไม่ต้องสมั ผัส 9. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาวิธีการท้ากิจกรรมที่ 1 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 55 จากนัน ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันลงมือท้ากิจกรรม โดยสังเกตวัตถุต่าง ๆ ท่ีน้ามาใช้ในการท้ากิจกรรม แล้วคาดคะเนว่า เมื่อโยนวัตถุต่าง ๆ ขึนไปในอากาศ วัตถุจะตกลงสู่พืนหรือไม่ แล้วบันทึกผลลงใน สมดุ ประจา้ ตัว หรอื แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 56 10. ใหส้ มาชกิ ทุกคนชว่ ยกันท้ากิจกรรมเพ่อื ตรวจสอบผลการคาดคะเน ดังนี 1) ขยา้ แผ่นกระดาษใหเ้ ป็นก้อน แลว้ โยนขึนไปในอากาศ 2) สังเกตการเคลื่อนทขี่ องก้อนกระดาษและบนั ทึกผล พรอ้ มวาดภาพการเคลอ่ื นท่ีลงในสมุด หรือแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 56 3) ให้ทา้ การทดลองซ้าโดยเปลีย่ นวัตถเุ ปน็ ใบไม้ ถุงพลาสติก และยางลบ ตามล้าดบั จากนัน สังเกตและบนั ทกึ ผล 11. ครูคอยสังเกตการท้ากิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด พร้อมกับคอยให้ค้าแนะน้ากับ นักเรยี นที่มีข้อสงสยั ระหว่างการท้ากิจกรรม ชว่ั โมงที่ 3 ข้นั อธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนดูบัตรภาพใบไม้ร่วงจากต้นไม้อีกครัง (บัตรภาพจากต้นชั่วโมงก่อน) จากนันให้ นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายว่า เพราะเหตุใดใบไมจ้ งึ ร่วงลงส่พู ืนโลก 2. ครูจับสลากเลือกล้าดับของแต่ละกลุ่มให้ออกมาน้าเสนอผลการท้ากิจกรรม โดยให้นักเรียนกลุ่มท่ี ถูกเลือกเป็นอันดับแรกส่งตัวแทนออกมาน้าเสนอผลการทดลองทีละกลุ่มจนครบ เพื่อตรวจสอบ ความรู้ของนักเรียนหลงั การทา้ กจิ กรรมท่ี 1 3. ใหน้ ักเรียนทกุ กลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายผลการท้าการทดลองจนไดข้ ้อสรปุ ว่า วตั ถุทุกชนดิ จะต้องตกลงสู่ พืนโลกเสมอ เพราะโลกมีแรงโน้มถ่วงที่กระท้าต่อวัตถุต่าง ๆ ท้าให้วัตถุมีน้าหนัก เมื่อโยนวัตถุขึน ไปในอากาศหรอื ปล่อยวตั ถจุ ากทสี่ ูง วตั ถุจะตกลงสู่พืนโลกเสมอ โดยใหค้ รูคอยเสนอแนะเพิ่มเติมใน ส่วนท่บี กพร่อง 1

112 ขนั สรุป ขนั้ ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) 1. ให้นกั เรยี นศกึ ษาขอ้ มูลลกั ษณะของแรงโน้มถว่ งของโลกจากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 56-57 2. ให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนแล้วไปเรียนรู้ข้อมูลเก่ียวกับลักษณะของแรงโน้มถ่วงของโลกเพิ่มเติมจาก ส่ือดิจิทัลจากในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 56 โดยใช้โทรศัพท์มือถือสแกน QR Code เร่ือง แรงโน้มถว่ งของโลก 3. ให้นักเรียนน้าความรู้ที่ได้จากการศึกษาข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 56-57 และ ความรู้จากการสแกน QR Code เร่ือง แรงโน้มถ่วงของโลก มาอภิปรายเก่ียวกับลักษณะของแรง โน้มถ่วงของโลก ผลของแรงโน้มถ่วงของโลกท่ีมีต่อวัตถุ และร่วมกันสรุปภายในชันเรียน โดยให้ครู คอยอธบิ ายเสริมเพ่ิมเตมิ 4. ให้นกั เรยี นชว่ ยกันตอบค้าถามจากกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ท่ี 1 ในหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 57 โดยให้ครูเป็นผ้เู ฉลยและอธบิ ายเพิ่มเตมิ จากเหตุผลทน่ี ักเรยี นช่วยกันตอบ 5. ครูแจกใบงานท่ี 2.1 เร่ือง ผลของแรงโน้มถ่วงของโลก ให้นักเรียนทุกคนน้ากลับไปท้าเป็นการบ้าน แล้วนา้ มาส่งในชั่วโมงเรียนถัดไป ช่วั โมงที่ 4 ขั้นขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) (ตอ่ ) 6. ครูสอบถามนักเรียนว่า แรงโน้มถ่วงของโลกมีประโยชน์หรือมีข้อจ้ากัดในการใช้ชีวิตประจ้าวันของ เราอยา่ งไรบา้ ง จากนันขออาสาสมคั รนักเรียน 8 คน โดยแบง่ ออกเป็น 2 ทมี แลว้ ให้แตล่ ะทมี ระดม ความคิดและหาคา้ ตอบเพือ่ น้าไปเขยี นบนกระดาน ดงั นี 1) ทีมที่ 1 ใหอ้ อกมาเขียนบนกระดานถึงประโยชนข์ องแรงโน้มถ่วงของโลก 2) ทีมที่ 2 ให้ออกมาเขียนบนกระดานถึงข้อจ้ากัดในการใช้ชีวิตประจ้าวันจากแรงโน้มถ่วง ของโลก 7. ครใู หน้ กั เรยี นท่ีเหลอื ในห้องช่วยกันตรวจสอบคา้ ตอบบนกระดาน แล้วให้เสนอคา้ ตอบเพิ่มเติมได้ 8. ครใู ห้ค้าชมหรอื รางวัลกบั ทัง 2 ทมี และนกั เรยี นท่เี สนอค้าตอบเพ่มิ เตมิ เพื่อเสรมิ แรงในการเรียนรู้ 9. ครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระว่า เพราะเหตุใด เครื่องบินท่ีลอยอยู่บนท้องฟ้า จงึ ไม่ตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก 10. ให้นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 55 ลงในสมุด ประจ้าตัวนกั เรยี นหรอื ท้าในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หนา้ 57 1

113 ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูสุ่มนักเรียนตามเลขที่ 4-5 คน จากนันให้แต่ละคนอธิบายความรู้เก่ียวกับผลของแรงโน้มถ่วงของ โลกทม่ี ีตอ่ วัตถุ จากนันให้นักเรียนทงั หอ้ งสรปุ ความรรู้ ่วมกนั 2. ครตู รวจสอบผลการท้าแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรยี นของนกั เรียน 3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤติกรรมการทา้ งานกล่มุ และจากการนา้ เสนอผลการทา้ กจิ กรรมหนา้ ชนั เรียน 4. ครูตรวจสอบการวาดภาพหรือติดภาพเก่ียวกับกิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับแรงโน้มถ่วงของโลกในสมุด ประจ้าตวั นกั เรยี น หรอื ตรวจผลการท้ากจิ กรรมนา้ ส่กู ารเรียนในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 54 5. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมท่ี 1 เร่อื ง ผลของแรงโนม้ ถว่ งของโลก ในสมดุ ประจ้าตัวนักเรียนหรือ ในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 56 6. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 57 7. ครูตรวจสอบผลการทา้ ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง ผลของแรงโน้มถว่ งของโลก 7. กำรวัดและประเมนิ ผล วิธีกำร เครอ่ื งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ รำยกำรวดั - ตรวจแบบทดสอบก่อน - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินตามสภาพ 7.1 กำรประเมินก่อนเรยี น เรยี น จริง - แบบทดสอบก่อน เรียน - ตรวจสมุดประจ้าตวั หรือ - สมุดประจ้าตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 หนว่ ยการ เรียนรทู้ ี่ 2 แรงโนม้ ถ่วงของโลกและตัวกลางของแสง แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป. แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์ 7.2 ประเมินระหวำ่ งกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4 เล่ม 1 หน้า 54 ป.4 เลม่ 1 หนา้ 54 1) วาดภาพ/ตดิ ภาพ แรงโนม้ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว หรือ - สมุดประจ้าตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ถ่วงของโลก หรือกจิ กรรมน้าส่กู าร เรยี น แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์ 2) ผลบนั ทกึ การท้า ป.4 เลม่ 1 หน้า 56 ป.4 เล่ม 1 หน้า 56 กิจกรรมท่ี 1 - ตรวจสมุดประจ้าตัว หรอื - สมดุ ประจ้าตวั หรือ - ร้อยละ 60 3) กจิ กรรมหนตู อบได้ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป. แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์ 4) ระบุผลของแรง โนม้ ถว่ งของโลก 4 เลม่ 1 หน้า 57 ป.4 เล่ม 1 หนา้ 57 - ตรวจใบงานท่ี 2.1 - ใบงานที่ 2.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1

114 รำยกำรวดั วิธีกำร เคร่อื งมอื เกณฑ์กำรประเมนิ 5) การน้าเสนอผล - ประเมินการนา้ เสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผลการทา้ กิจกรรม น้าเสนอผลงาน การท้ากิจกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์ 6) พฤตกิ รรมการทา้ งาน การทา้ งานรายบุคคล การท้างานรายบุคคล - ระดบั คณุ ภาพ 2 - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล การท้างานกลุ่ม การท้างานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 7) พฤตกิ รรม - สังเกตความมวี นิ ยั - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2 ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ ม่ัน คุณลักษณะ การทา้ งานกลุ่ม ในการทา้ งาน อนั พงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ 8) คณุ ลกั ษณะ - ระดบั คณุ ภาพ 2 อันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ 8. ส่ือ/แหลง่ กำรเรยี นรู้ 8.1 สื่อกำรเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 แรงโนม้ ถว่ งของโลกฯ 2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 แรงโน้มถ่วงของโลกฯ 3. วัสดุ-อปุ กรณ์การทดลองในกจิ กรรมท่ี 1 เช่น กระดาษ ยางลบ ใบไมแ้ หง้ ถุงพลาสติก เปน็ ต้น 4. หนงั สือจุดประกายคิด ชุด รู้วทิ ย์ คิดเปน็ เร่ืองแรงโน้มถ่วงของโลก 5. ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง ผลของแรงโน้มถ่วงของโลก 6. PowerPoint เรอ่ื ง ใบไม้ร่วงจากต้น 7. QR Code เรอ่ื ง แรงโนม้ ถว่ งของโลก 8. สมดุ ประจา้ ตวั นักเรยี น 9. บัตรภาพใบไมร้ ว่ ง 8.2 แหล่งกำรเรยี นรู้ 1. ห้องเรียน 2. ห้องสมุด 3. อินเทอรเ์ น็ต 1

115 ใบงำนท่ี 2.1 เรอ่ื ง ผลของแรงโน้มถ่วงของโลก คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นดูภำพแลว้ บอกว่ำ เกยี่ วข้องกบั แรงโนม้ ถ่วงของโลกอย่ำงไร 1. ภำพ เกย่ี วข้องกับแรงโน้มถ่วงของโลกอย่ำงไร 2. ภำพ เกี่ยวข้องกบั แรงโน้มถว่ งของโลกอยำ่ งไร 3. ภำพ เก่ยี วขอ้ งกบั แรงโนม้ ถว่ งของโลกอยำ่ งไร 1

ใบงำนที่ 2.1 116 เร่อื ง ผลของแรงโน้มถ่วงของโลก เฉลย คำช้แี จง : ให้นักเรียนดูภำพแล้วบอกวำ่ เกีย่ วข้องกบั แรงโน้มถ่วงของโลกอยำ่ งไร 1. ภำพ นา้ ตก เกย่ี วขอ้ งกบั แรงโน้มถ่วงของโลกอย่ำงไร แรงโนม้ ถ่วงของโลกดึงดูดให้น้าไหลจาก ทีส่ ูงลงสทู่ ่ีต่้า 2. ภำพ แกว้ น้าหลน่ แตก เกย่ี วขอ้ งกบั แรงโนม้ ถ่วงของโลกอยำ่ งไร แรงโน้มถว่ งของโลกดงึ ดูดให้ส่ิงของตา่ งๆ หล่น ลงพนื เสมอ แก้วนา้ เมอ่ื หล่นลงพืนจงึ เกิดชา้ รดุ เสียหาย 3. ภำพ ชัง่ นา้ หนักสิ่งของ เกย่ี วขอ้ งกับแรงโน้มถว่ งของโลกอยำ่ งไร แรงโนม้ ถ่วงของโลกทา้ ใหส้ ิ่งของหรอื วัตถตุ า่ งๆ มีนา้ หนกั เราจงึ สามารถน้ามาใชว้ ัดนา้ หนักของ ส่งิ ตา่ งๆ ได้ 1

117 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 2 กล่มุ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ ว 14101 ชนั้ ประถมศกึ ษำปีที่ 4 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 แรงโน้มถ่วงของโลกและตัวกลำงของแสง ภำคเรียนท่ี 1 เร่ือง กำรหำน้ำหนักของวตั ถุ เวลำ 3 ช่ัวโมง ครูผสู้ อน นำงสำวอัมรำ โกษำรักษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด ว 2.2 ป.4/1 ระบผุ ลของแรงโน้มถ่วงท่ีมตี อ่ วตั ถจุ ากหลักฐานเชิงประจักษ์ ป.4/2 ใช้เครือ่ งชง่ั สปรงิ ในการวดั นา้ หนักของวตั ถุ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. สังเกตและระบผุ ลของแรงโน้มถ่วงทมี่ ีต่อวตั ถุได้ (K) 2. สงั เกตและอธิบายการวดั นา้ หนักของวตั ถโุ ดยใชเ้ คร่ืองช่งั สปริงได้ (K) 3. ใช้เครือ่ งชงั่ สปริงวดั นา้ หนักของวตั ถุต่างๆ ได้ (P) 4. ใหค้ วามรว่ มมือในการทา้ กจิ กรรมกลุ่ม (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนร้ทู ้องถนิ่ แรงโน้มถว่ งของโลกท้าให้วัตถุตา่ งๆ มนี ้าหนัก ซ่ึง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา สามารถวัดน้าหนักของวัตถุได้โดยใชเ้ ครื่องชงั่ สปรงิ 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดของโลกท่ีกระท้าต่อมวลของวัตถุต่างๆ จึงท้าให้วัตถุเหล่านันมี น้าหนัก ท่ีต้าแหน่งเดียวกันบนโลก ถ้าวัตถุใดมีมวลน้อย แรงดึงดูดของโลกท่ีกระท้าต่อวัตถุนันจะมีค่าน้อย วัตถุจึงมีน้าหนักน้อย ถ้าวัตถุใดมีมวลมาก แรงดึงดูดของโลกที่กระท้าต่อวัตถุนันจะมีค่ามาก วัตถุจึงมี น้าหนักมาก ซง่ึ เราสามารถวดั น้าหนกั ของวตั ถุต่างๆ ไดโ้ ดยใช้เคร่อื งชงั่ สปริง 1

118 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี ินยั 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทักษะการสงั เกต 3. ม่งุ มน่ั ในการทา้ งาน 2) ทักษะการเปรยี บเทียบ 3) ทกั ษะการตงั สมมตฐิ าน 4) ทักษะการทดสอบสมมตฐิ าน 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ชัว่ โมงที่ 1 ขนั น้า ขน้ั กระต้นุ ควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับเร่ืองผลของแรงโน้มถ่วงที่ได้เรียนจากชั่วโมงที่ผ่านมา จากนันครูแจ้ง ชื่อเรอื่ งและผลการเรยี นร้ทู จ่ี ะเรียนในวันนใี ห้นักเรียนทราบ 2. ครูสมุ่ นักเรยี นตามล้าดับเลขที่มา 1 คน ให้ออกมาหนา้ ชันเรยี น แล้วให้นักเรียนที่เหลือในห้องร่วมกัน คาดคะเนว่า เพ่ือนท่ีอยู่หน้าห้องกับตนเองมีน้าหนักเท่ากันหรือไม่ จากนันครูให้นักเรียนบอกน้าหนัก ของตวั เองทีละคน 3. ครูถามค้าถามเพื่อกระตุ้นความคิดของนักเรียนต่อว่า นักเรียนคิดว่า วัตถุต่างๆ ที่เราพบเห็นใน ชวี ติ ประจ้าวันมีนา้ หนักเท่ากนั หรือไม่ เพราะเหตุใด จากนนั ให้นักเรยี นแต่ละคนตอบค้าถามอย่างอิสระ ขนั สอน ขน้ั สำรวจคน้ หำ (Explore) 1. ครถู ามค้าถามกระต้นุ นกั เรยี น ดังนี 1) นกั เรียนสามารถทราบนา้ หนักของตนเองได้อยา่ งไร (แนวตอบ : ช่ังน้าหนกั โดยใชเ้ ครอ่ื งช่ังน้าหนัก) 2) เครือ่ งมือใดทีใ่ ชใ้ นการหาน้าหนักของวัตถุต่างๆ (แนวตอบ : เคร่ืองชง่ั ) 1

119 2. ครูชีแจงให้นักเรียนฟังว่า นักเรียนจะได้เรียนรู้การวัดน้าหนักของวัตถุต่างๆ จากการท้ากิจกรรมท่ี 2 เร่ือง แรงดึงดูดของโลกกับน้าหนักของวตั ถุ ในตอนท่ี 1 และตอนท่ี 2 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป. 4 เลม่ 1 หนา้ 58-59 3. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4 คน โดยครูใช้วิธีการจับสลากหมายเลขกลุ่มกลุ่มท่ี 1-10 หาก นักเรียนคนใดจับสลากได้หมายเลขใดก็ให้ไปอยู่ท่ีกลุ่มนัน จากนันครูให้นักเรียนแต่ละคนเข้ากลุ่มของ ตนเอง 4. ครใู ชว้ ธิ กี ารสอนโดยการลงมือปฏิบัติ (Practice) เขา้ มาจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนในชวั่ โมงนี โดย ครกู า้ หนดจุดมงุ่ หมายและข้อปฏิบตั ิในการท้ากจิ กรรมใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ทราบ ดังนี 1) ให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันศึกษาวิธีการท้ากิจกรรมที่ 2 เรื่อง แรงดึงดูดของโลกกับ น้าหนกั ของวัตถุ จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ หน้า 58-59 2) เตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการท้ากิจกรรมให้ครบถ้วน จากนันให้ร่วมกันก้าหนดปัญหาและ ตังสมมติฐานในการท้ากิจกรรม แล้วบันทึกผลลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรือบันทึกใน แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 60 3) รว่ มกันแสดงความคิดเห็นและท้าความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการท้ากิจกรรมทถ่ี ูกต้องตามท่ีได้ ศกึ ษา 5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสังเกตเคร่ืองชั่งสปริงแบบแขวนและตัวเลขบนเครื่องช่ัง แล้ววาดภาพลงใน ในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 60 จากนันร่วมกันแสดงความคิดเห็น เก่ียวกับวิธกี ารใช้งานเคร่ืองชั่งสปริงภายในกลุ่ม 6. ครใู ห้ความรู้เพ่มิ เติมก่อนทา้ กจิ กรรมกับนักเรยี นวา่ แรงดึงดูดของโลกจะกระท้าต่อมวลของวตั ถุต่างๆ จึงทา้ ใหว้ ตั ถุมีนา้ หนัก ซ่ึงการวดั น้าหนกั ของวตั ถุต่างๆ บนโลก สามารถทา้ ได้โดยใช้เครื่องช่งั สปรงิ 7. ครูให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันสังเกตวัตถุที่ใช้ในการท้ากิจกรรม แล้วช่วยกันคาดคะเนว่า วัตถุ เหลา่ นันมีนา้ หนกั เท่าใด และบันทึกผลในสมุดประจา้ ตวั นักเรียนหรือในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 60 ตอนที่ 1 8. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ช่วยกันท้ากจิ กรรมเพอ่ื ตรวจสอบผลการคาดคะเน ดงั นี 1) สังเกตตัวเลขบนเคร่ืองชั่งสปริงแบบแขวน จากนันน้าถ่านไฟฉายใส่ถุงพลาสติกแล้วแขวน กับตะขอของเคร่ืองชง่ั สปรงิ 2) สงั เกตตวั เลขบนเคร่อื งชั่งอกี ครัง แลว้ บนั ทึกคา่ ทอี่ ่านได้ (ทา้ ซา้ อกี 2 ครงั แล้วหาค่าเฉล่ยี ) 3) ท้ากิจกรรมซ้าโดยเปล่ียนวัตถุเป็นดินน้ามัน ถุงทราย และก้อนหิน ตามล้าดับ แล้วบันทึก ผลลงในสมุดประจ้าตัวนกั เรยี นหรือในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 60 ตอนที่ 1 4) ร่วมกันสรปุ ผลการท้ากจิ กรรมภายในกลุ่ม ชั่วโมงที่ 2 1

120 ขั้นสำรวจคน้ หำ (ต่อ) (Explore) 9. ครูสนทนากับนักเรียนเพื่อทบทวนเก่ียวกับการใช้เครื่องชั่งสปริงแบบแขวนวัดน้าหนักของวัตถุจาก ชว่ั โมงทผ่ี า่ นมา 10. ครูให้นักเรียนจบั กลุ่มเดิมแล้วท้ากิจกรรมที่ 2 เรื่อง แรงดึงดูดของโลกกับน้าหนักของวัตถุ ตอนท่ี 2 ต่อ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสังเกตเครื่องชั่งสปริงแบบตังและตัวเลขบนเครื่องช่ัง แล้ววาดภาพลงใน สมุดประจ้าตัวนักเรียนหรอื แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 61 จากนันร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ วิธกี ารใชง้ านเครอ่ื งชัง่ สปริงภายในกลมุ่ 11. ครใู ห้สมาชกิ ทุกคนในกลุ่มช่วยกันสงั เกตวัตถุท่ีใช้ในการท้ากจิ กรรม ตอนที่ 2 แลว้ ชว่ ยกันคาดคะเน ว่า วัตถุเหล่านันมีน้าหนักเท่าใด และบันทึกผลลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ หน้า 61 12. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันท้ากจิ กรรมเพอ่ื ตรวจสอบผลการคาดคะเน ดงั นี 1) สังเกตเข็มท่ีชีตัวเลขบนเคร่ืองชั่งสปริงแบบตัง จากนันวางเคร่ืองสปริงแบบตังไว้ในระดับ เดียวกนั กับพนื ราบ 2) น้ากล่องดินสอวางบนถาดเครื่องช่ัง แล้วสังเกตเข็มที่ชีตัวเลขจากเคร่ืองชั่งอีกครัง แล้ว บนั ทกึ คา่ ที่อา่ นได้ (ทา้ ซา้ อกี 2 ครงั แล้วหาค่าเฉลีย่ ) 3) ท้ากิจกรรมซ้าโดยเปลี่ยนวัตถุเป็นหนังสือ ถุงทราย และผลไม้ (ครูเตรียมไว้ให้ 1 ชนิด) ตามล้าดับ แล้วบันทึกผลลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรอื ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 61 4) ร่วมกนั สรปุ ผลการท้ากจิ กรรมภายในกลมุ่ ข้นั อธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. ครูจับสลากเลือกล้าดับของแต่ละกลุ่มให้ออกมาน้าเสนอผลการท้ากิจกรรมท่ี 2 ตอนที่ 1-2 โดยให้ นักเรียนกล่มุ ที่ถกู เลอื กกอ่ นส่งตัวแทนออกมานา้ เสนอผลการท้ากจิ กรรม 2. นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการท้ากิจกรรมจนได้ข้อสรุปว่า มวลของวัตถุมีผลต่อแรงดึงดูด ของโลก สังเกตได้จากการยืดของสปริงในเครื่องชั่งสปริง หากวัตถุใดมีมวลน้อย แรงโน้มถ่วงของโลกท่ี กระท้าต่อวัตถุจะน้อย ท้าให้วัตถุมีน้าหนักน้อย หากวัตถุใดมีมวลมาก แรงโน้มถ่วงของโลกที่กระท้าตอ่ วัตถุจะมากขึน ท้าให้วัตถุมีน้าหนักมาก ดังนัน แรงโน้มถ่วงของโลกท่ีกระท้าต่อวัตถุแต่ละชนิดจึงมีค่า แตกต่างกัน และเราสามารถวัดนา้ หนักของวัตถไุ ดโ้ ดยใช้เครือ่ งช่งั สปริง 1

121 ชวั่ โมงที่ 3 ขันสรุป ข้ันขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาเนือหาเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 60-62 และศึกษาข้อมูล เพ่ิมเติมจากส่ือดิจิทัลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 61 โดยให้ใช้โทรศัพท์มือถือสแกน QR Code เรอื่ ง ปจั จัยท่ีมีผลต่อนา้ หนกั ของวตั ถุ จากนันร่วมกันสรุปความรทู้ ไ่ี ด้จากการศึกษา 2. ครูถามค้าถามท้าทายการคิดขันสูงจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 60 และหน้า 62 แล้วให้ นกั เรยี นร่วมกันตอบคา้ ถามอยา่ งอสิ ระ โดยครูคอยเฉลยและอธิบายเพ่ิมเติม ดังนี  “การท่ีแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดให้สิ่งต่างๆ ตกลงสู่พืนโลก ท้าให้ตัวเราและวัตถุต่างๆ มี น้าหนักเช่นเดียวกัน เพราะถ้าไม่มีแรงโน้มถ่วง ตัวเราและวัตถุต่างๆ ก็จะอยู่ในสภาพไร้ นา้ หนัก” นกั เรียนคิดว่า คนเราสามารถอย่ใู นสภาพไรน้ ้าหนักได้หรอื ไม่ เพราะอะไร (แนวตอบ : คนเราไม่สามารถอยู่ในสภาพไร้น้าหนักได้ เพราะถ้าไม่มีแรงโน้มถ่วงของโลก คนและสิ่งต่างๆ บนโลกจะลอยเคว้งคว้างไปมาในอากาศ และจะท้าให้เราเคลื่อนที่ไปใน บรเิ วณที่ตอ้ งการได้ยากลา้ บาก)  น้าหนกั ของวตั ถุ มคี วามเกยี่ วข้องกับแรงโน้มถ่วงของโลกอยา่ งไร (แนวตอบ : น้าหนักของวัตถุเกิดขึนจากแรงโน้มถ่วงของโลกกระท้าต่อมวลของวตั ถุ จึงท้า ใหว้ ัตถมุ ีนา้ หนัก) 3. ครูตังค้าถามเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบความรู้ของนักเรียน โดยส่ังเลือกนักเรียนให้ตอบค้าถาม 3-4 คน ดงั นี  น้าหนักของวัตถุที่น้ามาชั่งบนโลกและน้าหนักของวัตถุที่ช่ังบนดวงจันทร์แตกต่างกัน อยา่ งไร (แนวตอบ : น้าหนักของวัตถทุ ่ชี ัง่ บนโลกจะมคี า่ มากกวา่ นา้ หนกั ของวัตถุทช่ี ่ังบนดวงจันทร์)  ถา้ นกั บนิ อวกาศช่ังนา้ หนักตวั ของตนเองบนโลกและบนดวงจันทรจ์ ะได้นา้ หนักแตกต่างกัน หรือไม่ เพราะอะไร (แนวตอบ : ต่างกัน เพราะดวงจันทร์กับโลกมแี รงโน้มถ่วงที่แตกตา่ งกนั 6 เทา่ ) 4. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน จากนันให้แต่ละกลุ่มไปวัดหาน้าหนักของสมาชิกภายในกลุ่ม โดยใช้เคร่ืองช่ังสปริง แล้วเปรียบเทียบผลว่า น้าหนักของใครมากที่สุดและน้าหนักของใครน้อยที่สุด จากนันนา้ เสนอขอ้ มลู หน้าชันเรยี น 5. ให้นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 59 ลงในสมุด ประจา้ ตัวนักเรยี นหรือท้าในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 62 1

122 ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูสุ่มถามนักเรียนเป็นรายบุคคลเก่ียวกับการวัดน้าหนักของวัตถุโดยใช้เคร่ืองชั่งสปริงและปัจจัยท่ีมี ผลต่อนา้ หนักของวตั ถุ เพ่อื เปน็ การสรุปความรหู้ ลังจากทไ่ี ด้เรยี นมา 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤติกรรมการทา้ งานกลุม่ และจากการนา้ เสนอผลการทา้ กิจกรรมหนา้ ชนั เรยี น 3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมที่ 2 เร่ือง แรงโน้มถ่วงของโลกกับน้าหนักของวัตถุ ในสมุดประจ้าตัว นกั เรียน หรือในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ หนา้ 60-61 4. ครตู รวจผลการทา้ กจิ กรรมการวดั นา้ หนักของสมาชกิ ในกลุ่มจากสมุดประจ้าตวั นกั เรียน 5. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 62 7. กำรวดั และประเมนิ ผล รำยกำรวดั วธิ ีกำร เครือ่ งมอื เกณฑก์ ำรประเมิน 7.2 ประเมนิ ระหวำ่ ง - สมุดประจา้ ตัว หรือ - รอ้ ยละ 60 แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ กำรจัดกจิ กรรม วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 60-61 - ร้อยละ 60 กำรเรยี นรู้ - สมุดประจ้าตวั ผ่านเกณฑ์ 1) ผลบันทกึ การท้า - ตรวจสมุดประจา้ ตัว หรือ กจิ กรรมที่ 2 แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 60-61 2) การวัดนา้ หนกั ของ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว สมาชกิ ในกลุม่ 3) กจิ กรรมหนูตอบได้ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตวั หรือ - สมดุ ประจ้าตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ แบบฝกึ หัด ผา่ นเกณฑ์ 4) การนา้ เสนอผล ป.4 เลม่ 1 หนา้ 62 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ การท้ากจิ กรรม 1 หน้า 62 - ระดบั คณุ ภาพ 2 - ประเมนิ การนา้ เสนอ - แบบประเมนิ การ ผ่านเกณฑ์ 5) พฤติกรรม ผลการท้ากิจกรรม นา้ เสนอผลงาน การทา้ งาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 รายบคุ คล การทา้ งานรายบุคคล การทา้ งานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 1

123 รำยกำรวดั วิธีกำร เครอ่ื งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ 6) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 การท้างานกลุ่ม การทา้ งานกลุ่ม การท้างานกล่มุ - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์ 7) คุณลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มนั่ คณุ ลกั ษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2 ในการท้างาน อันพึงประสงค์ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ 8. สือ่ /แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 สื่อกำรเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 แรงโน้มถว่ งของโลกฯ 2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 แรงโน้มถว่ งของโลกฯ 3. วัสดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกจิ กรรมที่ 2 เช่น ถ่านไฟฉาย ถงุ ทราย ถงุ พลาสติก เปน็ ตน้ 4. QR Code เร่ือง ปัจจัยทมี่ ผี ลตอ่ น้าหนักของวตั ถุ 5. สมุดประจ้าตวั นกั เรยี น 6. เครอ่ื งชง่ั สปรงิ แบบแขวน 7. เครอื่ งชัง่ สปรงิ แบบตงั 8.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1. ห้องเรียน 2. ห้องสมุด 3. อินเทอรเ์ นต็ 1

124 แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ 3 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ 4 หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ 2 แรงโน้มถว่ งของโลกและตัวกลำงของแสง ภำคเรยี นท่ี 1 เรื่อง มวลกบั กำรเปล่ยี นแปลงกำรเคลื่อนท่ขี องวัตถุ เวลำ 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั ว 2.2 ป.4/1 บรรยายมวลของวตั ถุทม่ี ผี ลตอ่ การเปลย่ี นแปลงการเคล่อื นที่ของวัตถจุ ากหลักฐาน เชิงประจกั ษ์ 2. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. สงั เกตและบรรยายมวลของวัตถุท่มี ผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงการเคลือ่ นที่ของวัตถุได้ (K) 2. ทา้ การทดลองเพือ่ อธบิ ายมวลของวตั ถุทมี่ ผี ลต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของวตั ถุได้ (P) 3. มคี วามกระตือรือร้นในการเรียนร้แู ละการท้ากจิ กรรม (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถน่ิ มวลของวัตถุ คือ ปริมาณเนือของสารทังหมดที่ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา ประกอบกันเป็นวัตถุ ซึ่งมีผลต่อการเปล่ียนแปลงการ เคลอื่ นทขี่ องวัตถุ 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด มวลของวัตถุ คือ ปริมาณเนือของสารทังหมดที่ประกอบกันเป็นวัตถุ ซึ่งมีผลต่อการเปล่ียนแปลงการ เคลื่อนท่ีของวัตถุ วัตถุที่มีมวลมากจะเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่หรือเคลื่อนย้ายได้ยากวัตถุที่มีมวลน้อย ดังนนั มวลของวตั ถจุ ึงเป็นการตา้ นการเปลยี่ นแปลงการเคล่ือนท่ขี องวตั ถนุ นั ด้วย 1

125 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ัย 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มุ่งมน่ั ในการทา้ งาน 2) ทกั ษะการเปรียบเทียบ 3) ทกั ษะการตงั สมมตฐิ าน 4) ทักษะการทดสอบสมมตฐิ าน 5) ทักษะการเชือ่ งโยง 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ชัว่ โมงที่ 1 ขันน้า ข้นั กระตุ้นควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนาทักทายกับนักเรียน จากนันครูแจ้งช่ือเร่ืองและผลการเรียนรู้ที่จะเรียนในวันนีให้นักเรียน ทราบ 2. ครถู ามค้าถามเพื่อกระต้นุ ความคิดของนักเรียน โดยใหน้ กั เรียนช่วยตอบคา้ ถามอย่างอิสระ และครูยัง ไม่เฉลยค้าตอบ ดงั นี 3. วัตถุในหอ้ งเรยี น สง่ิ ใดบ้างทมี่ ีขนาดใหญ่ และสงิ่ ใดบ้างท่ีมขี นาดเล็ก (แนวตอบ : ส่ิงท่ีมีขนาดใหญ่ เช่น โต๊ะ เก้าอี กระเป๋านักเรียน เป็นต้น สิ่งที่มีขนาดเล็ก เช่น ยางลบ ดนิ สอ สมดุ หนงั สอื เปน็ ต้น) 4. นักเรยี นคดิ วา่ ส่ิงของที่มขี นาดใหญก่ ับสิง่ ของที่มีขนาดเล็ก สิ่งใดเคล่อื นท่ีได้ยากกว่ากัน เพราะอะไร (แนวตอบ : สง่ิ ของที่มขี นาดใหญ่เคลอื่ นทไี่ ด้ยากกวา่ เพราะมมี วลและมนี า้ หนักมากกวา่ ) 5. นกั เรียนคิดว่า ระหวา่ งโตะ๊ เรยี นกบั กระเป๋านักเรียน สงิ่ ใดเคลื่อนท่ีได้งา่ ยกว่ากนั เพราะอะไร (แนวตอบ : กระเป๋านกั เรยี น เพราะมขี นาดเล็กกวา่ โตะ๊ เรยี น จึงมีมวลนอ้ ยกวา่ และสามารถเคล่อื นท่ี ได้งา่ ยและสะดวกกว่าโตะ๊ เรียน ) 1

126 ขันสอน ขั้นสำรวจคน้ หำ (Explore) 1. ครูน้าบัตรภาพชิงช้าที่มีขนาดเล็กกับขนาดใหญ่ติดไว้บนกระดาน จากนันให้นักเรียนช่วยกันสังเกต ความแตกตา่ งของชงิ ช้า จากนนั ตังค้าถามวา่ ชิงช้าท่มี มี วลมากกว่าจะมีการเปลย่ี นแปลงการเคลื่อนท่ีได้ งา่ ยกว่าชิง่ ช้าทม่ี มี วลนอ้ ยกวา่ หรือไม่ อยา่ งไร แล้วใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ ร่วมกัน 2. ครูชีแจงว่า นักเรียนสามารถหาค้าตอบได้จากการท้ากิจกรรมที่ 3 เรื่อง มวลของวัตถุกับการ เปลี่ยนแปลงการเคลอื่ นที่ หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนา้ 63-64 3. ครูให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยคละตามความสามารถ (เกง่ -ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง-อ่อน) จากนันให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันศึกษาวิธีการท้ากิจกรรมที่ 3 เรื่อง มวลของวัตถุกับการ เปล่ยี นแปลงการเคลื่อนที่ จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 63-64 จากนนั ลงมือทา้ กิจกรรม ดังนี 4. เตมิ น้าใสข่ วดพลาสติกใบท่ี 1 ให้เต็มขวด และเติมนา้ ใส่ขวดพลาสติกใบท่ี 2 คร่งึ ขวด แล้วปิดฝาขวด จากนนั ใชเ้ ชอื กขนาดเทา่ กนั มัดท่ปี ากขวดทังสองใบ 5. แต่ละกลมุ่ ช่วยกนั คาดคะเนวา่ ถ้าน้าปลายเชอื กท่มี ัดปากขวดทัง 2 ใบ ไปผูกกับคานไม้ทีพ่ าดระหว่าง โต๊ะ 2 ตัว แล้วแกว่งขวดทัง 2 ใบ ไปมาด้วยแรงทีเ่ ท่ากนั 1 รอบ ขวดใบใดจะเคลื่อนท่ีก่อน และขวดใบ ใดจะหยุดเคลื่อนที่ก่อน 6. สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันท้ากิจกรรมเพ่ือตรวจสอบผลการคาดคะเน โดยทดลองกับขวดใบท่ี 1 และขวดใบท่ี 2 ตามล้าดับ จากนันให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มบนั ทึกผลลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือ ในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 64 7. แต่ละกลุ่มใช้เครื่องชั่งสปริงแบบตังชั่งมวลของขวดทัง 2 ใบ จากนันอ่านค่าท่ีได้ แล้วให้ตัวแทนของ แตล่ ะกลุ่มบนั ทกึ ผล ชว่ั โมงท่ี 2 ขน้ั อธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. แต่ละกลุ่มช่วยกันเปรียบเทียบมวลและเวลาในการเคล่ือนท่ีของขวดทังสองใบ จากนันช่วยกัน รวบรวมข้อมูลและสรุปผลการทดลอง แล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนของกลุ่มออกมาน้าเสนอผลการท้า กิจกรรม 2. นักเรียนร่วมกันอภปิ รายผลการทากจิ กรรมจนไดข้ ้อสรุปวา่ ขวดท่มี นี ้าเต็มขวดมมี วลมากกว่าขวดที่มี น้าอย่คู รึง่ ขวด จงึ ทาให้มีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ไดย้ ากกว่าและชา้ กวา่ และเมื่อขวดนา้ นั้น เคลอ่ื นที่ไปแลว้ จะทาใหห้ ยุดการเคลอื่ นท่ไี ดย้ ากกว่าขวดท่ีมนี ้าอยูค่ ร่ึงขวด แสดงว่า มวลของวัตถุมผี ล 1

127 ต่อการเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนท่ขี องวัตถุ โดยวัตถทุ ีม่ ีมวลมากจะเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนที่ได้ยากกว่า วัตถุทีม่ ีมวลน้อย จงึ เกิดเปน็ การตา้ นการเคลื่อนที่ของวตั ถุ ขันสรุป ขนั้ ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 64 ลงในสมุด ประจา้ ตวั นกั เรียนหรือท้าในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 65 2. ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 65 จากนันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มท้า กิจกรรมเพื่อขยายความเข้าใจเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างมวลของวัตถุกับการเปล่ียนแปลงการ เคลือ่ นที่ โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มท้ากจิ กรรม ดงั นี  ทดลองเคลือ่ นยา้ ยเพื่อนทม่ี มี วลมากทีส่ ดุ (อว้ น) กบั เพือ่ นทม่ี มี วลน้อยทสี่ ดุ (ผอม)  ทดลองเคลือ่ นยา้ ยโตะ๊ เรยี นกบั เคลือ่ นยา้ ยเก้าอี  ทดลองเคลอ่ื นย้ายโต๊ะเรียนกบั เคลอื่ นย้ายกระเปา๋ นักเรยี น  ทดลองเคลอ่ื นยา้ ยกระเป๋านกั เรียนกบั สมุด 3. หลังจากท้ากิจกรรมครูให้แต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายว่า วัตถุท่ีมีมวลมากกับวัตถุที่มวลน้อย ส่ิงใด เคล่ือนที่หรือเคลื่อนย้ายได้ง่ายและสะดวกท่ีสุด เพราะอะไร จากนันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนน้าผลการ อภิปรายหนา้ ชนั เรยี นเพ่อื สรุปรว่ มกันกกับเพอ่ื นกล่มุ อืน่ ๆ 4. ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจวา่  วัตถุที่มีมวลมาก จะมีน้าหนักมาก จึงเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ีได้ยากกว่าวัตถุท่ีมีมวล น้อย  วัตถุที่มีมวลน้อย จะมีน้าหนักกว่า จึงเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ได้ง่ายกว่าวัตถุท่ีมีมวล มาก 5. ครูสนทนากับนักเรียนเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเนือหาที่ได้เรียนผ่านมาจากหน่วยการ เรียนรู้ท่ี 2 บทท่ี 1 แรงโน้มถ่วงของโลก โดยสุ่มเรียกช่ือนักเรียนให้ออกมาเล่าว่าตนเองได้รับความรู้ อะไรบา้ ง 6. ให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้เกี่ยวกับเร่ืองที่ได้เรียนมาจากบทท่ี 1 ในรูปแบบต่างๆ เช่น แผนผัง ความคิด แผนภาพ เป็นต้น ลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรืออาจท้ากิจกรรมสรุปความรู้ประจ้าบทท่ี 1 ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 66 1

128 ชวั่ โมงที่ 3 ขนั้ ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) (ต่อ) 7. ให้นักเรียนท้ากิจกรรมฝึกทักษะบทท่ี 1 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 66-67 ข้อ 1-4 ลงใน สมุดประจ้าตวั นกั เรียน หรอื ท้าในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 67-69 8. ให้นักเรียนแตล่ ะคนทา้ กิจกรรมทา้ ทายการคดิ ขันสงู จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า 70 9. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน จากนันศึกษากิจกรรมสร้างสรรค์ผลงานจากหนังสือเรียน วทิ ยาศาสตร์ หน้า 67 แลว้ ใหป้ ฏบิ ัตกิ ิจกรรมโดยมขี นั ตอน ดังนี 1. ช่วยกนั ออกแบบและสรา้ งกล่องกนั กระแทกเพื่อป้องกนั ของตกหลน่ จากท่สี ูง 2. ก้าหนดให้ใช้วัสดเุ หลอื ใช้ 2-3 ชนิด เทา่ นนั เพ่อื มาสร้างผลงาน 3. นา้ เสนอแนวคดิ ของผลงานและทดสอบผลงานหนา้ ชนั เรียน 4. ปรบั ปรุงแก้ไขผลงาน เพ่ือน้าไปจัดแสดงในวันวิชาการของโรงเรียน ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ให้นกั เรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 65 จากนันถามนักเรียนเป็น รายบุคคลตามรายการข้อ 1-5 จากตาราง เพ่ือเป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียน หลังจากการเรียน หากนักเรียนคนใดตรวจสอบตนเองโดยให้อยู่ในเกณฑ์ควรปรับปรุง ให้ครูทบทวน บทเรยี นหรอื หากจิ กรรมอื่นซอ่ มเสรมิ เพอ่ื ให้นักเรยี นมคี วามรูค้ วามใจในบทเรียนมากขนึ 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤตกิ รรมการท้างานกลมุ่ และจากการน้าเสนอผลการทา้ กจิ กรรมหนา้ ชนั เรยี น 3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมท่ี 3 เรื่อง มวลของวัตถุกับการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ ในสมุด ประจ้าตวั นักเรียน หรอื ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 64 4. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 65 5. ครูตรวจผลการสรุปความรู้เก่ียวกับมวลของวัตถุกับการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ีจากสมุดประจ้าตวั นกั เรยี นหรอื ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ หน้า 66 6. ครูตรวจผลการท้ากิจกรรมฝึกฝนทักษะบทท่ี 1 ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ หนา้ 67-69 7. ครตู รวจผลการทา้ กิจกรรมท้าทายการคดิ ขันสงู ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 70 8. ครูตรวจชนิ งาน/ผลงานกล่องกนั กระแทก และการนา้ เสนอชินงาน/ผลงาน หนา้ ชันเรยี น 1

129 7. กำรวัดและประเมนิ ผล รำยกำรวดั วิธีกำร เคร่อื งมอื เกณฑก์ ำรประเมนิ - แบบประเมนิ ชนิ งาน/ - ระดบั คณุ ภาพ 2 7.1 กำรประเมินชิน้ งำน/ - ตรวจผลงานกล่องกัน ภาระงาน ผ่านเกณฑ์ ภำระงำน (รวบยอด) กระแทก - สมดุ ประจ้าตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 7.2 ประเมนิ ระหว่ำงกำรจัด แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์ วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 1 หน้า 64 - รอ้ ยละ 60 - สมุดประจา้ ตัว หรอื ผา่ นเกณฑ์ 1) ผลบนั ทึกการทา้ - ตรวจสมุดประจา้ ตวั แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ - ร้อยละ 60 กจิ กรรมท่ี 3 หรอื แบบฝึกหดั 1 หนา้ 65 ผา่ นเกณฑ์ - สมุดประจา้ ตวั หรือ วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ ผ่านเกณฑ์ หน้า 64 1 หนา้ 66 - สมุดประจา้ ตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 2) กิจกรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมุดประจา้ ตัว แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ หรอื แบบฝกึ หดั 1 หน้า 67-69 - ระดบั คุณภาพ 2 - สมุดประจ้าตัว หรือ ผา่ นเกณฑ์ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 แบบฝกึ หัด วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ - ระดับคณุ ภาพ 2 หน้า 65 1 หน้า 70 ผา่ นเกณฑ์ - แบบประเมนิ การ 3) กิจกรรมสรุปความรู้ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว นา้ เสนอผลงาน ประจ้าบทที่ 1 หรือแบบฝึกหัด - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทา้ งานรายบุคคล วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 66 4) กจิ กรรมฝกึ ทักษะ - ตรวจสมุดประจา้ ตวั บทท่ี 1 หรือแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนา้ 67-69 5) กิจกรรมทา้ ทายการ - ตรวจสมุดประจา้ ตวั คิดขนั สูง หรอื แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 70 6) การนา้ เสนอผลงาน/ - ประเมินการนา้ เสนอ ผลการท้ากิจกรรม ผลงาน/ผลการทา้ กิจกรรม 7) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม ท้างานรายบคุ คล การทา้ งานรายบุคคล 1

130 รำยกำรวัด วิธกี ำร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ำรประเมิน 8) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 การท้างานกลุ่ม การท้างานกลุ่ม การทา้ งานกล่มุ - สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ 9) คุณลักษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั คุณลักษณะ - ระดับคุณภาพ 2 ในการทา้ งาน อนั พึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ 8. สอื่ /แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 แรงโนม้ ถ่วงของโลกฯ 2. แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 แรงโน้มถว่ งของโลกฯ 3. วสั ดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมท่ี 3 เชน่ คานไม้ นาฬิกาจบั เวลา ขวดน้าพลาสติก เป็นต้น 4. วสั ดุ-อุปกรณใ์ นการทา้ กิจกรรมสร้างสรรคผ์ ลงาน เชน่ กลอ่ งลัง กระดาษสี เปน็ ต้น 5. บัตรภาพชงิ ช้าท่ีมขี นาดเล็กและขนาดใหญ่ 6. เครือ่ งชั่งสปริงแบบตัง 7. สมุดประจา้ ตวั นักเรียน 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. หอ้ งเรยี น 2. หอ้ งสมดุ 3. อินเทอร์เนต็ 1

131 แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี 4 กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ ว 14101 ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ 4 หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ 2 แรงโน้มถว่ งของโลกและตัวกลำงของแสง ภำคเรียนที่ 1 เรอ่ื ง ตวั กลำงของแสงและวัตถทุ ึบแสง เวลำ 3 ช่ัวโมง ครูผู้สอน นำงสำวอัมรำ โกษำรักษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด ว 2.3 ป.4/1 จ้าแนกวัตถเุ ป็นตวั กลางโปร่งใส ตัวกลางโปรง่ แสง และวตั ถทุ ึบแสง โดยใช้ ลกั ษณะการมองเห็นสิง่ ต่าง ๆ ผา่ นวัตถนุ นั เปน็ เกณฑจ์ ากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. สงั เกตและอธบิ ายการมองเห็นแสงผ่านวัตถตุ า่ งๆ ได้ (K) 2. จ้าแนกวตั ถุท่ีนา้ มาใช้กนั แสงได้เป็นวตั ถโุ ปรง่ ใส วัตถโุ ปร่งแสง และวัตถทุ บึ แสง (P) 3. มีความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ีท่ไี ด้รับมอบหมายและสง่ งานตรงเวลา (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถน่ิ เม่ือน้าวัตถุต่างชนิดกันมากันแสงจะท้าให้ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา มองเห็นส่ิงต่างๆ ผ่านวัตถุนันได้ต่างกัน จึงจ้าแนกวัตถุ ได้เป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบ แสง 4. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เม่ือมองส่ิงต่าง ๆ โดยมีวัตถุต่างชนิดกันมากันแสง จะท้าให้มองเห็นส่ิงนัน ๆ ชัดเจนได้แตกต่างกันไป จงึ จา้ แนก วตั ถทุ ่ีกนั แสงไดเ้ ปน็ ตวั กลางโปรง่ ใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถทุ บึ แสง ตัวกลางของแสง คือ วัตถุที่กันทางเดินของแสง แล้วแสงสามารถเดินทางผ่านไปได้ ส่วนวัตถุทึบแสง คือ วัตถุท่ีเม่ือน้ามากันแสงแล้วมองไม่เห็นแสงท่ีผ่านมาได้ และไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังวัตถุที่ นา้ มากนั แสงนนั ได้ 1

132 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินัย 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. มุ่งมั่นในการทา้ งาน 2) ทกั ษะการตังสมมติฐาน 3) ทักษะการทดสอบตงั สมมติฐาน 4) ทักษะการจ้าแนกประเภท 5) ทกั ษะการส้ารวจค้นหา 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ชัว่ โมงท่ี 1 ขนั น้า ขน้ั กระตนุ้ ควำมสนใจ (Engage) 1. ครแู จง้ ช่อื เรอ่ื งท่จี ะเรยี นรู้ และผลการเรียนรูใ้ หน้ กั เรียนทราบ 2. ให้นักเรียนช่วยกันสังเกตภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 68 จากนันให้นักเรียน ร่วมกันแสดงความคิดเห็นร่วมกันว่า ภาพนีเกี่ยวข้องกับการมองเห็นแสงผ่านวัตถุอย่างไร โดยครูคอย เสรมิ ข้อมลู ในส่วนที่บกพรอ่ ง 3. ใหน้ กั เรียนเรียนรู้คา้ ศัพทท์ ี่เกี่ยวข้องกับการเรียนในบทที่ 2 เร่อื ง ตัวกลางของแสงจากภาพในนี โดย ครูสุ่มเลือกตัวแทนหรือขออาสาสมัครนักเรียน 1 คน ออกมาหน้าชันเรียนเพื่อเป็นผู้อ่านน้า และให้ เพื่อนคนอ่นื ๆ อ่านตาม ดังนี Transparent object (แทร็นซ’แพรนึ ท ‘อ็อบเจค็ ท) วัตถโุ ปร่งใส Translucent object (แทร็นส’ลูซึนท ‘ออ็ บเจ็คท) วตั ถุโปร่งแสง Opaque object (โอ’เพค ‘อ็อบเจ็คท) วตั ถทุ บึ แสง 1

133 4. ครูถามค้าถามส้าคัญประจ้าบทเพ่ือกระตุ้นนักเรียนก่อนเข้าสู่เนือหาว่า เราใช้ประโยชน์จากตัวกลาง ของแสงอย่างไรบา้ ง แล้วให้นักเรียนแต่ละคนแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอิสระ (แนวตอบ : เชน่ ใชท้ ้ากระจกหนา้ ต่างเพ่ือใหม้ องเห็นสิง่ ตา่ งๆ นอกบ้านได้ชัดเจน หรือทา้ กา้ แพง บา้ นเพอื่ ปอ้ งกนั แสงเข้ามา เป็นตน้ ) 5. ให้นักเรียนเขียนการใช้ประโยชน์จากตัวกลางของแสงในบ้านของตนเองมา 5 ข้อ โดยท้าลงในสมุด ประจ้าตวั นกั เรยี น หรือใหท้ ้ากิจกรรมนา้ สู่การเรียนในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 72 ขันสอน ขัน้ สำรวจคน้ หำ (Explore) 1. ครูน้าผ้าเช็ดหน้ามา 1 ผืน จากนันกางผ้าเช็ดหน้าให้นักเรียนดูและบอกนักเรียนให้คาดเดาว่า หาก ครูใชไ้ ฟฉายส่องผา้ เช็ดหน้าผืนนี แสงจะสามารถเคลื่อนที่ผา่ นทะลผุ ้าได้หรือไม่ เพราะอะไร แล้วให้ นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ อย่างอสิ ระ (แนวตอบ : คา้ ตอบขนึ อยกู่ นั ดิ และความหนาของผา้ ที่ครนู ้ามาใช้) 2. ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลและสังเกตภาพจากหนังสือเรียนหน้านี จากนันครูสุ่มถามนักเรียน 4-5 คน วา่ วตั ถุในภาพใดบา้ งเป็นตัวกลางของแสงและวัตถุใดเปน็ วัตถุทบึ แสง 3. ครูถามค้าถามนักเรียนว่า ตัวกลางของแสงแตกต่างจากวัตถุทึบแสงอย่างไร จากนันจับสลากเลือก นักเรยี นให้ออกมาตอบคา้ ถาม 2-3 คน (แนวตอบ : ตวั กลางของแสง คอื วตั ถทุ ีก่ นั ทางเดินของแสง แล้วแสงสามารถเดินทางผา่ นไปได้ สว่ น วัตถุทึบแสง คือ วัตถุที่เม่ือน้ามากันแสง แล้วมองไม่เห็นแสงที่ผ่านมาได้ และไม่สามารถมองเห็นสง่ิ ทอี่ ย่ดู า้ นหลังวัตถุที่นา้ มากันแสงนนั ) 4. ครูใหค้ ้าชมเชยหรอื รางวัลเพอื่ เป็นการเสริมแรงนักเรยี นทต่ี อบค้าถามได้ถูกต้อง (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทา้ งานรายบคุ คล) 5. ครใู ห้นกั เรียนเล่นเกมหอยแบง่ ฝาเพ่ือแบง่ กลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มละ 4 คน โดยครูอธิบายวิธีการ เล่นใหน้ ักเรียนฟัง จากนันให้นักเรยี นเล่นเกม 2-3 ครงั จนไดก้ ล่มุ ครบทุกคน วธิ กี ำรเล่มเกม “หอยแบง่ ฝำ” ครูให้นักเรียนแต่ละคนคิดว่าตนเองต้องการเป็นตัวหอย หรือต้องการเป็นฝาหอย โดยครูจะ ออกค้าส่งั แล้วให้นักเรียนวิ่งไปรวมกล่มุ กัน ซง่ึ ก้าหนดให้ นักเรยี นทย่ี ืนล้อมวง คอื ฝาหอย และ นักเรียนท่ีอยู่ในวง คือ ตัวหอย ทังนีนักเรียนคนใดท่ีไม่มีกลุ่ม หรือนักเรียนกลุ่มใดมีจ้านวนฝา หอย หรือจ้านวนตัวหอยไม่ครบตามจ้านวนท่ีครูออกค้าสั่ง จะถูกน้าออกมาท้ากิจกรรมพิเศษ ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การเต้นตามเพลง การร้องเพลง หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสม ตัวอย่าง การออกค้าสัง่ ของครู เช่น 1) มหี อย 2 ตัว อย่ใู นฝา 4 ฝา 2) มีฝา 6 ฝา ล้อมหอย 3 ตวั 3) ฝาเปลยี่ นหอย 1

134 6. ครูชีแจงว่า ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาขันตอนและวิธีการท้ากิจกรรมท่ี 1 เร่ือง ตัวกลางของแสง จากหนังสือเรียนหน้า 70-71 จากนันให้แต่ละกลุ่มไปเตรียมอุปกรณ์ให้ครบถ้วน แล้วให้ช่วยกัน ปฏิบัติกิจกรรมจนครบทุกขันตอน โดยให้บันทึกผลการท้ากิจกรรมลงในสมุดหรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ หน้า 75 ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั อธบิ ำยควำมรู้ (Explain) 1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาน้าเสนอผลการท้ากิจกรรม โดยให้เพ่ือนกลุ่มอ่ืนๆ ซักถาม ขอ้ สงสัย และให้ครูคอยอธิบายเพมิ่ เตมิ ในสว่ นทีบ่ กพร่อง 2. นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายของการท้ากจิ กรรมจนสรุปให้ไดว้ ่า ตัวกลางของแสง คอื วตั ถุชนดิ ตา่ งๆ ที่ น้ามากันทางเดินของแสง แล้วแสงสามารถเดินทางผ่านไปได้มากหรือได้บางส่วนเช่น กระจกฝ้า กระจกใส เป็นต้น ส่วนวัตถุทึบแสง คือ วัตถุชนิดต่างๆ ที่น้ามากันแสงแล้วมองไม่เห็นแสงที่ผ่านมา ได้ และท้าให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งท่ีอยู่ ด้านหลังวัตถุท่ีน้ามากันแสงนัน เช่น แผ่นกระเบือง สมุด กลอ่ งลงั เป็นต้น ขนั สรปุ ข้ันขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันศึกษาเนือหาจากหนังสือเรียนหน้า 72-73 และ PPT เรื่อง ตัวกลางของแสง จากนนั ร่วมกันสรปุ ความร้เู พื่อเชื่อมโยงกบั ผลการทา้ กิจกรรมท่ี 1 2. ให้นักเรียนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียน หน้า 71 ลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรือท้าใน แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 76 3. ครูขยายความเข้าใจของนักเรียนเพ่ิมเติม โดยน้าน้าท่ีบรรจุอยู่ในภาชนะต่างๆ ได้แก่ ขวดพลาสติก ใส ขวดพลาสติกขุ่น และถ้วยกระเบือง มาให้นักเรียนทุกคนได้สังเกตหน้าชันเรียน แล้วตังค้าถาม ดังนี 1) นกั เรยี นสามารถมองเห็นน้าผ่านภาชนะใดได้ชดั เจนท่ีสุด เพราะอะไร (แนวตอบ : ขวดน้าพลาสติกใส เพราะขวดมีความโปร่งใส จึงสามารถมองเห็นน้าที่บรรจุ ในขวดไดช้ ัดเจน) 2) การมองเห็นน้าที่บรรจุอยู่ในภาชนะเก่ียวข้องกับการเดนิ ทางของแสงผา่ นภาชนะหรือไม่ อย่างไร 1

135 (แนวตอบ : เกีย่ วขอ้ ง เพราะแสงสามารถเดินทางผ่านภาชนะโปร่งใสที่บรรจุน้าได้ จงึ ท้า ให้เรามองเห็นนา้ ที่บรรจุในภาชนะได้ชัดเจน) 4. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ และตอบค้าถามท่ีครูตงั ไว้ 5. ครสู ุม่ เรยี กนกั เรียนทลี ะคนเพ่ือให้ยกตัวอย่างวตั ถทุ ่ีเปน็ ตัวกลางโปรง่ ใส ตัวกลางโปร่งแสง หรือวัตถุ ทบึ แสงมาคนละ 1 ตัวอยา่ ง โดยต้องไม่ซ้ากับตัวอย่างทอ่ี ยู่ในหนงั สือเรยี นหนา้ นี ชั่วโมงที่ 3 ขน้ั ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) (ต่อ) 6. ครสู นทนากับนักเรยี นเพอื่ ทบทวนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั เนอื หาท่ีได้เรยี นผ่านมาจากหนว่ ยการ เรียนรู้ที่ 2 บทที่ 2 ตัวกลางของแสง โดยสุ่มเรียกชื่อนักเรียนให้ออกมาเล่าว่าตนเองได้รับความรู้ อะไรบ้าง 7. ให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้เกี่ยวกับเร่ืองท่ีได้เรียนมาจากบทที่ 2 ในรูปแบบต่างๆ เช่น แผนผัง ความคิด แผนภาพ เปน็ ต้น ลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรอื อาจท้ากิจกรรมสรุปความรปู้ ระจ้าบท ท่ี 2 ในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 77 8. ให้นักเรียนท้ากิจกรรมฝึกทักษะบทท่ี 2 จากหนังสือเรียน หน้า 74 ข้อ 1-3 ลงในสมุดประจ้าตัว นกั เรยี นหรอื ทา้ ในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 78-79 9. ให้นกั เรยี นแต่ละคนท้ากจิ กรรมท้าทายการคดิ ขนั สงู จากแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 80 10. ให้นักเรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3-4 คน จากนันศึกษากจิ กรรมสร้างสรรค์ผลงานจากหนังสือเรียนหน้า 74 แล้วให้ปฏบิ ัติกจิ กรรมโดยมีขนั ตอน ดงั นี  สา้ รวจวัตถภุ ายในโงเรียน 20 ชนิด  น้าข้อมูลที่ได้จากการส้ารวจมาจัดท้าเป็นสมุดภาพ โดยให้ติดภาพหรือวาดภาพวัตถุเพื่อ จา้ แนกวตั ถเุ ปน็ วัตถโุ ปร่งใส วตั ถโุ ปร่งแสง และวัตถุทบึ แสง  ตกแต่งให้สวยงาม แลว้ น้าเสนอหน้าชนั เรียน 11. ใหน้ กั เรียนท้าแบบทดสอบท้ายหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง แรงโนม้ ถ่วงของโลกและตวั กลางของแสง จากแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 82-85 12. ครูให้นักเรียนท้าแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง แรงโน้มถ่วงของโลกและ ตัวกลางของแสง เพือ่ ตรวจสอบความรู้ความเข้าใจหลงั เรียน 1

136 ข้นั ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ให้นักเรยี นดูตารางตรวจสอบตนเอง จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 73 จากนันครถู ามนกั เรียน เป็นรายบุคคลตามรายการข้อ 1-5 จากตาราง เพ่ือเป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของ นักเรียนหลังจากการเรยี น หากนักเรยี นคนใดตรวจสอบตนเองโดยให้อยู่ในเกณฑ์ท่คี วรปรับปรุง ให้ ครูทบทวนบทเรียนหรือหากจิ กรรมอืน่ ซ่อมเสรมิ เพอ่ื ให้นกั เรยี นมีความรูค้ วามใจในบทเรียนมากขึน 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาแผนผังความคิดสรุปสาระส้าคัญประจ้าหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 ในหนังสือ เรียน หน้า 75 จากนันครูสุ่มเลือกนักเรียนเป็นรายบุคคลให้บอกเล่าความรู้ความเข้าใจท่ีได้รับจาก การเรียนในหน่วยการเรียนรนู้ ี 3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤตกิ รรมการท้างานกลมุ่ และจากการน้าเสนอผลการทา้ กิจกรรมหน้าชันเรียน 4. ครูตรวจสอบผลการเขียนการใช้ประโยชน์จากตัวกลางของแสงในบา้ นของตนเอง ในสมุดประจ้าตัว นักเรยี น หรอื ตรวจสอบผลการท้ากจิ กรรมน้าสู่การเรยี นในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 72 5. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมที่ 1 เร่ือง ตัวกลางของแสง ในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรือใน แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 75 6. ครตู รวจสอบผลการทา้ กิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจา้ ตวั นักเรียน หรอื ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 76 7. ครูตรวจผลการท้ากิจกรรมสรุปความรู้ประจ้าบทที่ 2 ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 77 8. ครูตรวจผลการท้ากิจกรรมฝึกฝนทักษะบทที่ 2 ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ หน้า 78-79 9. ครตู รวจผลการท้ากิจกรรมท้าทายการคิดขนั สูงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 80 10. ครูตรวจชินงานสมุดภาพจ้าแนกวัตถุโปร่งใส วัตถุโปร่งแสง และวัตถุทึบแสง และการน้าเสนอ ชนิ งาน/ผลงาน หนา้ ชนั เรยี น 11. ครูตรวจสอบผลการท้าแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต จากแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 82-85 12. ครูตรวจสอบผลการท้าแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง แรงโน้มถ่วงของโลก และตัวกลางของแสง 1

137 7. กำรวัดและประเมินผล รำยกำรวดั วิธีกำร เครื่องมอื เกณฑ์กำรประเมิน - แบบประเมนิ ชนิ งาน/ - ระดบั คณุ ภาพ 2 7.1 กำรประเมินชิ้นงำน/ - ตรวจผลงานสมุดภาพ ผา่ นเกณฑ์ ภาระงาน ภำระงำน (รวบยอด) จ้าแนกวตั ถุ 7.2 ประเมนิ ระหวำ่ ง - ตรวจสมุดประจา้ ตัวหรอื - สมุดประจ้าตัว หรือ - ร้อยละ 60 กำรจดั กจิ กรรม แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์ กำรเรยี นรู้ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 72 ป.4 เลม่ 1 หน้า 72 1) การใช้ประโยชน์จาก - รอ้ ยละ 60 ตวั กลางของแสง - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัวหรอื - สมดุ ประจ้าตัว หรอื ผา่ นเกณฑ์ หรอื กจิ กรรมน้าสู่ การเรยี น แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 2) ผลบนั ทกึ การท้า ผ่านเกณฑ์ กจิ กรรมท่ี 1 ป.4 เลม่ 1 หน้า 75 ป.4 เล่ม 1 หนา้ 75 - รอ้ ยละ 60 3) กิจกรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัวหรอื - สมดุ ประจา้ ตัว หรือ ผ่านเกณฑ์ 4) กจิ กรรมสรุปความรู้ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 ประจา้ บทที่ 2 ผ่านเกณฑ์ ป.4 เล่ม 1 หนา้ 76 ป.4 เล่ม 1 หน้า 76 5) กจิ กรรมฝึกทักษะ - รอ้ ยละ 60 บทที่ 2 - ตรวจสมดุ ประจ้าตัวหรือ - สมดุ ประจ้าตัว หรือ ผา่ นเกณฑ์ 6) กิจกรรมท้าทายการ แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ระดับคุณภาพ 2 คดิ ขันสงู ผา่ นเกณฑ์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 77 ป.4 เล่ม 1 หน้า 77 7) การนา้ เสนอผลงาน/ ผลการท้ากิจกรรม - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว - สมดุ ประจ้าตวั หรือ หรอื แบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 ป.4 เล่ม 1 หนา้ 78-79 หนา้ 78-79 - ตรวจสมุดประจ้าตวั - สมดุ ประจ้าตัว หรือ หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 ป.4 เล่ม 1 หน้า 80 หนา้ 80 - ประเมินการน้าเสนอ - แบบการน้าเสนอ ผลงาน/ผลการทา้ ผลงาน/ผลการท้า กิจกรรม กิจกรรม 1

138 รำยกำรวัด วิธีกำร เครือ่ งมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ 8) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 การท้างานรายบุคคล การทา้ งานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ การท้างานรายบคุ คล - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 9) พฤตกิ รรม การทา้ งานกลุ่ม การท้างานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ - สังเกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 การทา้ งานกล่มุ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ ม่ัน คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ 10) คณุ ลักษณะ ในการทา้ งาน อันพงึ ประสงค์ - ร้อยละ 60 อนั พงึ ประสงค์ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์ 7.3 กำรประเมินหลังเรียน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 ป.4 เล่ม 1 หน้า 82-85 - ร้อยละ 60 - แบบทดสอบทา้ ย ผ่านเกณฑ์ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 หนา้ 82-85 - แบบทดสอบหลงั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรยี น เรยี น หนว่ ยการ เรียนร้ทู ่ี 2 แรงโนม้ หลงั เรียนหน่วยการ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 ถว่ งของโลกและ ตวั กลางของแสง เรยี นรทู้ ่ี 2 8. ส่ือ/แหลง่ กำรเรียนรู้ 8.1 ส่ือกำรเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 แรงโนม้ ถว่ งของโลกฯ 2. แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 แรงโน้มถ่วงของโลกฯ 3. วสั ดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมท่ี 1 เชน่ ไฟฉาย แผน่ ไม้ แก้วพลาสติกใส เป็นต้น 4. วัสดุ-อุปกรณใ์ นการท้ากจิ กรรมสรา้ งสรรค์ผลงาน เช่น สไี ม้ สมดุ กระดาษสี เป็นตน้ 5. ภาชนะใสบ่ รรจุน้า ได้แก่ ขวดพลาสตกิ ขุน่ ขวดพลาสตกิ ใส และถว้ ยกระเบอื ง 6. PowerPoint เร่อื ง ตัวกลางของแสง 7. ผา้ เชด็ หน้า 1 ผืน 8. สมดุ ประจ้าตัวนกั เรียน 8.2 แหล่งกำรเรยี นรู้ 1. ห้องเรยี น 2. ห้องสมดุ 3. อนิ เทอรเ์ นต็ 1

139 แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ 1 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ว 14101 ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี 4 หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 3 วัสดุและสสำร ภำคเรียนที่ 2 เร่ือง ประเภทของวสั ดุ เวลำ 2 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำน/ตวั ชีว้ ัด ว 2.1 ป.4/1 เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การน้าความร้อน และการน้าไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลองและระบุ การน้าสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การน้าความร้อน และการน้าไฟฟ้า ของวสั ดุไปใช้ในชีวิตประจา้ วนั ผ่านกระบวนการออกแบบชินงาน ว 2.1 ป.4/2 แลกเปล่ยี นความคิดกบั ผู้อื่นโดยการอภปิ รายเกีย่ วกบั สมบัตทิ างกายภาพของวัสดุ อย่างมเี หตผุ ลจากการทดลอง 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. จา้ แนกประเภทของวสั ดุได้ (K) 2. มคี วามสนใจและกระตือรือร้นในการเรียนรู้ (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถิ่น พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา สำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง วัสดุแบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คือ โลหะ เซรามิก และพอลิเมอร์ 4. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด วัสดุมีหลายชนิดสามารถแบ่งออกเป็น โลหะ เซรามิก และพอลิเมอร์ ซึ่งแต่ละชนิดอาจมีสมบัติ เหมอื นกนั หรือแตกตา่ งกนั 1

140 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวินัย 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. มุ่งมน่ั ในการท้างาน 2) ทกั ษะการส้ารวจค้นหา 3) ทกั ษะการจ้าแนกประเภท 4) ทกั ษะการให้เหตุผล 5) ทกั ษะการสรุปอ้างอิง 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ขนั น้า ขนั้ กระตนุ้ ควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันนีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเร่ือง อะไร แลว้ ให้นักเรียนชว่ ยกันตอบค้าถาม จากนนั ครแู จง้ ช่อื เรื่องท่ีจะเรียนรู้ และตวั ชีวดั ให้ทราบ 2. นกั เรยี นทา้ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพอื่ วดั ความร้เู ดมิ ของนกั เรียนกอ่ นเข้าส่กู จิ กรรม 3. นักเรียนสังเกตภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 2 จากนันให้นักเรียนร่วมกันแสดง ความคิดเห็นอย่างอสิ ระวา่ นกั เรยี นทราบหรือไมว่ ่า มีวัสดชุ นิดใดบ้าง และวัสดชุ นิดนันอยู่ในสถานะใด (แนวตอบ : ไม้ จัดอยใู่ นสถานะของแขง็ และแก้ว จดั อยใู่ นสถานะของแข็ง) 4. นักเรียนเรียนรู้ค้าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเรยี นในหนว่ ยท่ี 3 บทท่ี 1 เรื่อง วัสดุในชีวิตประจ้าวัน จาก หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 3 โดยครูสุ่มเลือกตัวแทนหรือขออาสาสมัคร นักเรียน 1 คน เพื่อเป็น ผูอ้ ่านนา้ และใหเ้ พอื่ นๆ อ่านตาม ดงั นี Hardness (ฮาดนิส) ความแขง็ Heat insulator (ฮีท อินชิวเลเทอ) ฉนวนความร้อน Heat conductor (ฮีท คัน’ดคั เทอ) ตวั นา้ ความรอ้ น Material (มะ’1เทยี เรียล) วัสดุ

141 5. ครูถามค้าถามส้าคัญประจ้าบทจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 3 เพื่อกระตุ้นนักเรียนก่อนเข้าสู่ เนือหาว่า วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติทางกายภาพแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร แล้วให้นักเรียนร่วมกันแสดง ความคิดเห็นอย่างอิสระในการตอบค้าถาม (แนวตอบ : วัสดุแต่ละชนิดอาจมีสมบัติทางกายภาพบางประการเหมือนกัน และอาจมีสมบัติทาง กายภาพบางประการแตกตา่ งกนั ) 6. นักเรียนวาดภาพและเขียนช่อื ตวั อย่างสสารท่ีอยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ลงในสมดุ ประจา้ ตัวนักเรยี น หรอื ใหน้ ักเรยี นท้ากจิ กรรมนา้ สู่การเรียนในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 2 ขันสอน ขน้ั สำรวจค้นหำ (Explore) 1. นกั เรียนทกุ คนศึกษาข้อมูลและดูภาพในหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ หน้า 4 จากนนั ครูถามค้าถามจาก หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ หน้า 4 ว่า วสั ดุต่างๆ ท่ีใช้ในชีวิตประจา้ วันจดั อยู่ในวัสดุประเภทเดียวกัน หรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : วตั ถุบางชนดิ อาจท้ามาจากวัสดุในประเภทเดียวกัน วตั ถุบางชนิดอาจท้า มาจากวัสดุในประเภททแี่ ตกต่างกัน ขนึ อยกู่ ับการใชง้ านของวตั ถุชินนนั ๆ) 2. ครูขออาสาสมัครหรือสุ่มเลือกนักเรียนจากเลขท่ี 4-5 คน ให้ออกมาอธิบายเฉลยค้าตอบ โดยมีครู คอยตรวจสอบความถูกต้อง 3. ครูให้ค้าชมเชยหรือมอบรางวัลให้ตัวแทนนักเรียนท่ีออกมาตอบค้าถามได้ถูกต้อง เพ่ือเป็นการ เสริมแรงในการกลา้ แสดงออก และให้คา้ ชมเชยนักเรียนทกุ คนทชี่ ว่ ยกนั อภิปรายค้าตอบจากค้าถามที่ครู ตงั ไว้ 4. ครตู งั คา้ ถามถามนกั เรยี นว่า วสั ดุแตล่ ะชนิดสามารถจ้าแนกได้เปน็ กป่ี ระเภท อะไรบ้าง (แนวตอบ : แบง่ วัสดงุ า่ ยๆ ตามสมบตั ิทางกายภาพได้ 3 ประเภท คือ โลหะ เซรามกิ พอลเิ มอร์) 5. นักเรยี นทกุ คนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ อย่างอิสระในการตอบค้าถาม โดยครูยงั ไม่เฉลย 6. ครอู ธิบายให้นักเรียนฟงั ว่า นักเรยี นจะได้ค้าตอบจากการท้ากิจกรรมที่ 1 เร่ืองประเภทของวสั ดุ จาก หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ หนา้ 5 7. ครูใช้รปู แบบการเรียนรู้แบบร่วมมอื เทคนิค LT มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยใหน้ ักเรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน จากนนั ก้าหนดใหส้ มาชิกแตล่ ะคนภายในกลุ่มมีบทบาทหน้าท่ขี องตนเอง ดังนี สมาชิกคนท่ี 1 : ทา้ หน้าทเ่ี ตรยี มอปุ กรณต์ ่างๆ 1

142 สมาชิกคนท่ี 2 : ท้าหนา้ ท่ีอ่านลองทา้ ดู ท้าความเขา้ ใจ และนา้ มาอธิบายใหส้ มาชิกภายในกลมุ่ ฟงั สมาชิกคนที่ 3 : ท้าหนา้ ท่ีบนั ทกึ ผลการทดลอง สมาชิกคนที่ 4 : ทา้ หน้าทีน่ ้าเสนอผลการทดลอง 8. สมาชิกคนที่ 1 เตรียมและตรวจสอบอุปกรณ์ทังหมดที่ใช้ในการท้ากิจกรรมท่ี 1 เรื่องประเภทของ วัสดุ จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 5 9. สมาชกิ คนท่ี 2 อธบิ ายวิธีทา้ กจิ กรรมใหเ้ พอ่ื นในกลุ่มฟัง เพอื่ ใหป้ ฏิบตั ิตามได้ถกู ต้อง 10. สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มช่วยกนั ลงมอื ท้ากิจกรรม โดยปฏิบัติกจิ กรรม ดงั นี ● ช่วยกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของวัสดุ แล้วบันทึกข้อมูลลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน ส้ารวจส่ิงของภายในโรงเรียน จากนันจ้าแนกประเภทโดยใช้การแบ่งวัสดุเป็นโลหะ เซรามิก และพอลิเมอร์ เป็นเกณฑ์ แล้วบันทึกข้อมูลลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือบันทึกข้อมูลลงใน แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 4 11. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันน้าสิ่งของที่ได้จากการส้ารวจมาจัดท้าเป็นแผนภาพจ้าแนกประเภทของ วัสดุใส่ลงในกระดาษแขง็ แลว้ ตกแต่งให้สวยงาม ชัว่ โมงท่ี 2 ขนั้ อธบิ ำยควำมรู้ (Explain) 1. นักเรียนทุกคนร่วมกันอภิปรายผลการท้ากิจกรรมภายในกลุ่มและช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง เพ่อื เตรยี มความพร้อมในการน้าเสนอหน้าชนั เรยี น 2. ครูจับฉลากช่ือกลมุ่ แล้วให้แต่ละกลมุ่ นา้ ผลการทา้ กิจกรรมออกมาน้าเสนอหนา้ ชนั เรียนทีละกลุ่ม จน ครบทุกกลมุ่ ขนั สรุป ขน้ั ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) 1. นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 5 ลงในสมุดประจ้าตัว นักเรยี น หรือท้าในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า 5-6 2. ครูเฉลยคา้ ตอบแล้วใหน้ ักเรียนผลดั กนั ตรวจกจิ กรรมหนตู อบไดข้ องเพื่อน 3. นักเรียนแต่ละคนศึกษาข้อมูลจาก Powerpoint เร่ือง ประเภทของวัสดุ และอ่านข้อมูลในหนังสือ เรียนวิทยาศาสตร์ หนา้ 6-7 4. นักเรียนจับคู่กับเพ่ือน แล้วไปเรียนรู้ข้อมูลเก่ียวกับประเภทของวัสดุเพิ่มเติมจากส่ือดิจิทัลในหนังสือ เรียนวิทยาศาสตร์ หนา้ 6 โดยใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือสแกน QR Code เรือ่ ง ประเภทของวสั ดุ 1

143 5. ครูสุ่มนักเรียน 3-4 คน ให้ออกมาสรุปความรู้ท่ีได้จากการศึกษาข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 6-7 และความรู้จากการแสกน QR Code เรื่อง ประเภทของวสั ดุ หน้าชนั เรียน 6. ครูตังค้าถามถามนักเรียนว่า ถ้าเราจ้าแนกวัสดุตามแหล่งที่มา จะสามารถแบ่งวัสดุได้เป็นกี่ประเภท อะไรบา้ ง (แนวตอบ : 2 ประเภท คือ 1. วสั ดจุ ากธรรมชาติ เช่น ใยไหม ไม้ ดินเหนียว ยาง เปน็ ต้น 2. วัสดุท่ี มนษุ ย์สร้างขนึ เช่น พลาสติก ยางสงั เคราะห์ เส้นใยสงั เคราะห์ เป็นต้น) 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาช่วยกนั เขียนคา้ ตอบบนกระดาน จากนนั ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง 8. นักเรียนร่วมกันสรุปให้ได้ว่า วัสดุท่ีได้มาจากธรรมชาติ เช่น ดินเหนียว ใยไหม หิน ขนสัตว์ เป็นต้น ส่วนวัสดทุ ่ไี ดจ้ ากสิ่งทม่ี นุษยส์ ร้างขนึ เรียกว่า วสั ดุสังเคราะห์ เชน่ ยางสังเคราะหพ์ ลาสติก เป็นต้น ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครใู หน้ กั เรียนสรปุ ความรจู้ ากการเรยี นจนได้ข้อสรปุ รว่ มกนั ว่า หากแบ่งประเภทวัสดุตามสมบตั ิทาง กายภาพสามารถแบง่ ได้ 3 ประเภท คือ โลหะ เซรามิก และพอลเิ มอร์ 2. ครตู รวจสอบผลการทา้ แบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรยี นของนักเรียน 3. ครูตรวจสอบผลการวาดภาพและเขยี นช่ือตัวอย่างสสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ใน สมดุ ประจา้ ตวั นักเรียน หรือตรวจผลการทา้ กิจกรรมน้าสกู่ ารเรยี นในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 2 4. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤตกิ รรมการท้างานกลมุ่ และจากการนา้ เสนอผลการท้ากิจกรรมหนา้ ชนั เรียน 5. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมท่ี 1 เรื่อง ประเภทของวัสดุ ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือใน แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 4 6. ครตู รวจสอบผลการท้าแผนภาพจ้าแนกประเภทของวสั ดุ 7. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 5-6 1

7. กำรวัดและประเมินผล 144 เกณฑ์กำรประเมนิ รำยกำรวดั วธิ ีกำร เคร่ืองมือ - ประเมินตามสภาพจริง 7.1 กำรประเมิน - แบบทดสอบก่อน เรยี น กอ่ นเรียน 1) แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ กอ่ นเรียน หน่วย ก่อนเรียน การเรียนรูท้ ี่ 3 วัสดแุ ละสสาร 2) ภาพและชื่อ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัว - สมดุ ประจา้ ตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตวั อยา่ งสสาร หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หัด หรอื กจิ กรรมน้าสู่ วิทยาศาสตร์ ป.4 วทิ ยาศาสตร์ การเรยี น เลม่ 2 หนา้ 2 ป.4 เลม่ 2 หนา้ 2 7.2 ประเมนิ ระหว่ำง - ตรวจสมุดประจา้ ตวั - สมดุ ประจ้าตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ กำรจดั กจิ กรรม หรอื แบบฝึกหัด แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ กำรเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 วิทยาศาสตร์ ป.4 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1) ผลบนั ทกึ การท้า เล่ม 2 หนา้ 4 เลม่ 2 หนา้ 4 กจิ กรรมที่ 1 - ตรวจแผนภาพ จา้ แนกประเภทของ - แผนภาพจา้ แนก 2) จา้ แนกประเภท วสั ดุ ประเภทของวสั ดุ ของวัสดุ - ตรวจสมุดประจ้าตัว หรือแบบฝกึ หดั - สมดุ ประจา้ ตัว หรอื 3) กิจกรรม วทิ ยาศาสตร์ ป.4 แบบฝกึ หัด หนตู อบได้ เล่ม 2 หนา้ 5-6 วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 5-6 1

145 รำยกำรวัด วธิ กี ำร เครือ่ งมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ 4) การน้าเสนผลงาน/ - ประเมนิ การน้าเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน/ผลการทา้ น้าเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ ผลการท้ากจิ กรรม กจิ กรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 5) พฤติกรรม การท้างานรายบุคคล การท้างานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ การทา้ งาน รายบคุ คล - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 การท้างานกลุ่ม การท้างานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 6) พฤตกิ รรม - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2 การทา้ งานกลมุ่ ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่นั คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ ในการทา้ งาน อนั พึงประสงค์ 7) คณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 ส่ือกำรเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 วสั ดแุ ละสสาร 2. แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 วัสดุและสสาร 3. วัสดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมท่ี 1 เชน่ กระดาษแขง็ แผ่นใหญ่ เปน็ ต้น 4. Powerpoint เรอื่ ง ประเภทของวสั ดุ 5. QR Code เร่อื ง ประเภทของวสั ดุ 6. สมุดประจา้ ตัวนักเรยี น 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. หอ้ งเรียน 3. อินเทอร์เน็ต 1

146 แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 2 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 4 หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ 3 วสั ดแุ ละสสำร ภำคเรียนที่ 2 เรอ่ื ง ควำมแข็งของวัสดุ เวลำ 3 ช่ัวโมง ครูผสู้ อน นำงสำวอัมรำ โกษำรักษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำน/ตวั ชวี้ ัด ว 2.1 ป.4/1 เปรยี บเทยี บสมบัติทางกายภาพดา้ นความแขง็ สภาพยืดหยุ่น การนา้ ความร้อน และการน้าไฟฟา้ ของวสั ดโุ ดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษจ์ ากการทดลองและระบุ การนา้ สมบัตเิ รื่องความแขง็ สภาพยดื หยนุ่ การน้าความร้อน และการน้าไฟฟ้า ของวัสดุไปใช้ในชวี ติ ประจ้าวนั ผา่ นกระบวนการออกแบบชนิ งาน ว 2.1 ป.4/2 แลกเปล่ยี นความคิดกับผ้อู ื่นโดยการอภปิ รายเกยี่ วกับสมบัตทิ างกายภาพของวัสดุ อย่างมเี หตุผลจากการทดลอง 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธบิ ายสมบตั ดิ ้านความแข็งของวัสดุต่างๆ ได้ (K) 2. ยกตัวอย่างการน้าวสั ดุที่มีสมบตั ิด้านความแข็งมาใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจา้ วันได้ (K) 3. ส้ารวจการนา้ วสั ดทุ ่มี สี มบตั ิด้านความแข็งมาใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจา้ วันได้ (K) 4. ทดลองสมบตั ิดา้ นความแข็งของวัสดตุ ่างๆ ได้ (P) 5. เปรียบเทยี บสมบตั ดิ า้ นความแขง็ ของวสั ดุตา่ งๆ ได้ (P) 6. มีความรบั ผิดชอบในการส่งงานตรงเวลา (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง วัสดบุ างชนิดมีสมบัติทางกายภาพดา้ นความแข็ง และสามารถใชว้ ัสดุทม่ี ีสมบัติดา้ นความแข็งใชท้ ้า สงิ่ ของต่างๆ เช่น โตะ๊ เก้าอี เป็นต้น 1

147 4. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด ความแขง็ ของวสั ดุ คอื ความทนทานของวสั ดุต่อการขีด วัสดแุ ตล่ ะชนิดมีความแข็งแตกต่างกัน วัสดุท่ี มีความแข็งมาก เมื่อขีดกับวัสดุอ่ืนจะไม่เกิดรอยบนวัสดุหรือเกิดรอยน้อย การเรียนรู้เกี่ยวกับสมบัติด้าน ความแข็งของวัสดุ ท้าให้น้าวัสดุต่างๆ มาใช้ท้าสิ่งของเคร่ืองใช้ในชีวิตประจ้าวันได้ตามสมบัติของวัสดุนันๆ อยา่ งเหมาะสม 5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินยั 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มงุ่ มนั่ ในการท้างาน 2) ทกั ษะการสา้ รวจ 3) ทักษะการส้ารวจคน้ หา 4) ทกั ษะการตังสมมตฐิ าน 5) ทกั ษะการทดสอบสมมติฐาน 6) ทักษะการสรุปอ้างองิ 7) ทกั ษะการน้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ขันน้า ขนั้ กระตนุ้ ควำมสนใจ (Engage) 1. นักเรียนแต่ละคนอ่านข้อมูลและดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 8 จากนันครู ถามค้าถามนักเรียนจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 8 ว่า วัสดุต่างๆ ในภาพมีสมบัติทางกายภาพ อะไรบา้ ง 1

148 (แนวตอบ : เชน่ แก้ว มสี มบตั ิด้านความแข็ง โลหะ มีสมบตั ดิ ้านความแข็ง ดา้ นการนา้ ความร้อน และดา้ นการน้าไฟฟ้า ยาง มสี มบตั ดิ ้านสภาพยดื หยุ่น ไม้ มสี มบตั ิด้านความแข็ง) 2. ครตู งั คา้ ถามเพ่อื กระต้นุ ความคดิ นักเรยี นวา่ นักเรยี นคิดว่า วสั ดุชนิดใดบ้างทมี่ คี วามแขง็ (แนวตอบ : เชน่ แก้ว ไม้ โลหะ เป็นตน้ ) ขนั สอน ขน้ั สำรวจค้นหำ (Explore) 1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแบบคละความสามารถ (เกง่ -คอ่ นขา้ งเก่ง-ปานกลาง-อ่อน) ใหอ้ ย่ใู นกลุม่ เดียวกัน กลุม่ ละ 3-4 คน โดยครูเปน็ ผูเ้ ลอื กนกั เรียนเขา้ กลมุ่ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันลงมือท้ากิจกรรมที่ 2 เรื่องความแข็งของวัสดุ ตอนที่ 1 จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ หน้า 9-10 หรือในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 7-8 โดยปฏบิ ัติ ดงั นี 1) แต่ละกลุ่มสังเกตลักษณะของแผ่นไม้ ยางลบ และตะปูอย่างละเอียด แล้วน้าข้อมูลจากการท้า กจิ กรรมตอนที่ 1 บนั ทกึ ลงในสมดุ ประจ้าตัวนกั เรียน หรอื ทา้ ในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า 9 2) ร่วมกันก้าหนดปัญหา ตังสมมติฐาน และระบุตัวแปรที่เก่ียวข้องกับการทดสอบความแข็งของ วัสดุ แล้วบนั ทกึ ผล 3) ร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับวิธกี ารทดสอบความแข็งของวสั ดุแตล่ ะชิน 4) ทดสอบความแขง็ ของวัสดุตามวิธีท่ีแสดงความคิดเหน็ ร่วมกนั เพ่ือตรวจสอบสมมติฐาน ขั้นสำรวจคน้ หำ (Explore) (ต่อ) ชวั่ โมงที่ 2 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มท้ากิจกรรมท่ี 1 เร่ืองความแข็งของวัสดุ ตอนท่ี 2 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 10 หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 8 โดยให้แต่ละกลุ่มสืบค้นเพิ่มเติมเก่ียวกับการใช้ ประโยชน์ จากสมบตั ดิ า้ นความแข็งของวัสดใุ นชวี ติ ประจ้าวนั พรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ 4. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนา้ ข้อมูลท่ไี ดจ้ ากการท้ากิจกรรมท่ี 1 เรอื่ งความแข็งของวัสดุ ตอนท่ี 2 มาจดั ทา้ แผนผังความคิดลงในกระดาษแข็ง พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม ขนั้ อธบิ ำยควำมรู้ (Explain) 1. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั เปรยี บเทียบและวเิ คราะห์ข้อมูลจากการทดสอบ จากนนั ช่วยกันตรวจสอบ ความถกู ต้องเพือ่ เตรียมความพร้อมในการน้าเสนอหน้าชนั เรยี น 1

149 2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาน้าเสนอผลการท้ากิจกรรมหนา้ ชนั เรยี นทีละกลุม่ จนครบทกุ กลุ่ม 3. ครูและเพ่ือนในชนั เรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของแตล่ ะกลุม่ 4. นักเรียนรว่ มกันอภิปรายและสรปุ ผลการท้ากจิ กรรมให้ได้ว่า วัตถุทีท่ ้ามาจากวัสดุตา่ งชนิดกัน วัตถแุ ต่ ละชนดิ จึงมีความแข็งต่างกัน ชั่วโมงท่ี 3 ขันสรปุ ขน้ั ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) 1. ครูใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิคคู่คิดส่ีสหาย โดยให้นักเรียนแต่ละคนจากกลุ่มเดิม ท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 10 ลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือท้าใน แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 10 2. เมอื่ นกั เรยี นแตล่ ะคนทา้ กจิ กรรมเสร็จ ใหจ้ บั คกู่ บั เพื่อนทอี่ ยูใ่ นกลุ่มเดียวกนั กล่มุ ละ 2 คู่ 3. นกั เรยี นแตล่ ะค่ชู ว่ ยกันตรวจสอบคา้ ตอบของการท้ากจิ กรรมหนูตอบได้ จากนันสนทนาซกั ถามซ่ึงกัน และกนั จนเปน็ ท่ีเขา้ ใจร่วมกนั ทงั 2 คน 4. นกั เรียนแต่ละคู่กลับมารวมกลุ่ม 4 คน จากนนั แต่ละคู่ผลดั กันอธิบายค้าตอบของคู่ตนเองใหเ้ พื่อนใน กล่มุ ฟัง แล้วสนทนาซักถามซ่ึงกนั และกัน จนเปน็ ที่เขา้ ใจร่วมกันทงั กลมุ่ 5. ครูเฉลยค้าตอบแล้วให้นักเรียนผลัดกันตรวจกิจกรรมหนูตอบได้ของเพื่อน จากนันเฉลี่ยคะแนนของ แตล่ ะคเู่ ปน็ คะแนนของกลุ่ม 6. ครูยกตัวอย่างวัตถุต่างๆ เช่น ไม้บรรทัด ลูกกุญแจ จากนันให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า วตั ถุชนดิ ใดมคี วามแขง็ มากกวา่ กัน เพราะอะไร โดยมีครคู อยแนะนา้ เพิ่มเติมในส่วนท่บี กพร่อง 7. นักเรียนทุกคนอ่านข้อมูลในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 11 และศึกษาข้อมูลจาก Powerpoint เร่ือง สมบัติทางกายภาพของวัสดุ (ความแข็งของวัสดุ) จากนันถามค้าถามท้าทายการคิดขันสูง วา่ สชุ าติตอ้ งการทา้ ชิงชา้ ทมี่ ีความแขง็ แรงและทนทาน เขาจงึ เลอื กใช้ไม้ และโซ่โลหะ นกั เรยี น เห็นด้วยหรอื ไม่ เพราะอะไร (แนวตอบ : เห็นด้วย เพราะไม้ และโลหะต่างๆ เป็นวัสดุที่มีสมบัติด้านความแข็ง จึงเหมาะ ส้าหรับใชท้ ้าบา้ นสุนัขท่ีต้องการความแข็งแรงและทนทาน) 1

150 ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูให้นักเรียนสรุปความรูจ้ นได้ข้อสรุปรว่ มกันวา่ ความแข็งเป็นสมบตั ิของวสั ดุที่มีควาทนทานต่อแรง ขูดขดี โดยวัสดทุ มี่ ีความแข็งมาก เม่อื ถูกขูดขดี ด้วยวัสดุอืน่ จะไม่เกดิ รอยหรือเกดิ รอยนอ้ ย 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤตกิ รรมการท้างานกลมุ่ และจากการนา้ เสนอผลการทา้ กิจกรรมหนา้ ชันเรยี น 3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมท่ี 2 เรื่อง ความแข็งของวัสดุ ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือใน แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 9 4. ครูตรวจสอบผลการทา้ แผนผงั ความคดิ เร่อื ง ความแข็งของวสั ดุ 5. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนตู อบได้ในสมุดประจ้าตวั นกั เรียน หรอื ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 10 7. กำรวดั และประเมินผล วธิ ีกำร เครื่องมือ เกณฑก์ ำรประเมิน รำยกำรวดั - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั - สมุดประจา้ ตวั หรอื - ร้อยละ 60 7.1 ประเมนิ ระหวำ่ ง หรอื แบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั ผ่านเกณฑ์ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ กำรจัดกิจกรรม 2 หนา้ 9 2 หน้า 9 - รอ้ ยละ 60 กำรเรียนรู้ - ตรวจแผนผงั ความคิด - แผนผงั ความคดิ เรอ่ื ง ผ่านเกณฑ์ 1) ผลบนั ทกึ การทา้ เร่ือง ความแข็งของ ความแขง็ ของวสั ดุ วัสดุ - ร้อยละ 60 กจิ กรรมท่ี 2 - สมดุ ประจ้าตวั หรอื ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั แบบฝกึ หัด 2) ยกตวั อย่างการ หรือแบบฝกึ หัด วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ น้าวสั ดุทม่ี ีสมบตั ิ วิทยาศาสตร์ ป.4 2 หน้า 10 ดา้ นความแข็งมา เลม่ 2 หนา้ 10 ใช้ประโยชน์ 3) กจิ กรรมหนตู อบได้ 1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook