51 5. ครูตรวจสอบผลการท้ากจิ กรรมพัฒนาการเรียนรทู้ ่ี 3 4 และ 5 ในสมดุ ประจา้ ตวั นักเรยี น หรอื ในใบ งานที่ 1.4 1.5 และ 1.6 6. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมสรุปความรู้ประจ้าบทท่ี 1 ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือใน แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หนา้ 20 7. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมฝึกฝนทักษะบทที่ 1 ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ หน้า 21-24 8. ครูตรวจสอบผลการทา้ กิจกรรมทา้ ทายการคิดขันสงู ในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 25 9. ครตู รวจชนิ งานโมบายแขวนจ้าแนกกลุม่ พชื และการน้าเสนอชินงาน/ผลงาน หน้าชนั เรยี น 7. กำรวดั และประเมินผล รำยกำรวัด วธิ ีกำร เคร่ืองมอื เกณฑ์กำรประเมิน 7.1 กำรประเมินช้ินงำน/ - ตรวจผลงานโมบายแขวน - แบบประเมนิ ชินงาน/ - ระดบั คุณภาพ 2 ภำระงำน (รวบยอด) จ้าแนกกลุ่มพชื ภาระงาน ผ่านเกณฑ์ 7.2 ประเมนิ ระหว่ำง กำรจดั กจิ กรรม กำรเรียนรู้ 1) ผลบนั ทึกการท้า - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั หรือ - สมดุ ประจา้ ตวั หรือ - ร้อยละ 60 กิจกรรมท่ี 4 แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 18 วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 18 2) กิจกรรมพัฒนาการ - ตรวจสมุดประจา้ ตัว หรือ - สมดุ ประจ้าตัว หรอื ใบ - รอ้ ยละ 60 เรยี นรู้ท่ี 3 4 และ ใบงานที่ 1.4 1.5 และ งานท่ี 1.4 1.5 และ ผา่ นเกณฑ์ 5 1.6 1.6 3) กิจกรรมหนูตอบได้ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว หรอื - สมุดประจ้าตัว หรือ - ร้อยละ 60 แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ แบบฝกึ หัด ผา่ นเกณฑ์ ป.4 เล่ม 1 หนา้ 19 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 19 4) กจิ กรรมสรุปความรู้ - ตรวจสมุดประจา้ ตัว หรือ - สมดุ ประจา้ ตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ประจ้าบทท่ี 1 แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 20 วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 20 1
52 รำยกำรวัด วธิ ีกำร เครือ่ งมือ เกณฑ์กำรประเมิน 5) กิจกรรมฝึกทักษะ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตวั หรอื - สมดุ ประจา้ ตัว หรือ - ร้อยละ 60 แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ บทที่ 1 ป.4 เล่ม 1 หนา้ 21-24 วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 21-24 - ร้อยละ 60 6) กจิ กรรมท้าทายการ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัว หรือ - สมดุ ประจ้าตัว หรอื ผ่านเกณฑ์ แบบฝึกหัด คดิ ขันสูง แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ - ระดับคุณภาพ 2 1 หน้า 25 ผา่ นเกณฑ์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 25 - แบบประเมนิ การ นา้ เสนอผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 7) การน้าเสนอ - ประเมินการน้าเสนอ ผา่ นเกณฑ์ ผลงาน/ ผลงาน/ผลการท้า - แบบสังเกตพฤตกิ รรม กิจกรรม การท้างานรายบุคคล - ระดับคณุ ภาพ 2 ผลการทา้ กจิ กรรม - สงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ 8) พฤติกรรม การทา้ งานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทา้ งานกลุ่ม - ระดับคณุ ภาพ 2 การทา้ งาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล การทา้ งานกลุ่ม คณุ ลักษณะ 9) พฤติกรรม - สังเกตความมวี ินยั อันพึงประสงค์ การทา้ งานกลุ่ม ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มนั่ 10) คุณลกั ษณะ ในการทา้ งาน อนั พงึ ประสงค์ 8. สอ่ื /แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 ส่ือกำรเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ติ 2. แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสงิ่ มีชวี ติ 3. วสั ดุ-อุปกรณก์ ารทดลองในกิจกรรมท่ี 4 เช่น ปลาทู กงุ้ และหอยที่นึ่งสุกแล้ว เปน็ ต้น 4. วัสดุ-อปุ กรณใ์ นการท้ากิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน เชน่ เชือก หลอดพลาสตกิ กระดาษสี เปน็ ตน้ 5. ใบงานที่ 1.4 เรอ่ื ง จ้าแนกสัตว์มกี ระดกู สันหลัง 6. ใบงานที่ 1.5 เร่อื ง วเิ คราะหล์ กั ษณะของสตั ว์มีกระดกู สนั หลงั 7. ใบงานท่ี 1.6 เร่อื ง จา้ แนกสัตวม์ กี ระดกู สันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง 8. วดี ิทศั นส์ ารคดีเก่ียวกบั สัตว์มกี ระดูกสันหลังและสัตว์ไมม่ กี ระดูกสนั หลงั 9. PowerPoint เร่ือง ความหลากหลายของสัตว์ 1
53 10. บตั รภาพสัตวม์ ีกระดกู สนั หลัง เชน่ ปลา กบ จระเข้ นก สนุ ัข เปน็ ตน้ 11.บัตรภาพสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั เชน่ แมงกะพรุน ไส้เดือน ดาวทะเล หอยแครง ผเี สอื เปน็ ต้น 12.กระดาษแข็งแผน่ ใหญ่ 13.สมุดประจา้ ตัวนักเรียน 8.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1. หอ้ งเรียน 2. ห้องสมุด 3. อินเทอรเ์ น็ต 1
54 ตวั อย่างบตั รภาพ สตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั 1
55 ตวั อย่างบตั รภาพ สตั วไ์ ม่มกี ระดูกสนั หลงั 1
56 ใบงำนที่ 1.4 เรอื่ ง จำแนกสัตว์มกี ระดูกสันหลงั ดูภำพแล้วบอกช่ือสัตว์ จำกนั้นจำแนกวำ่ เปน็ สตั ว์มีกระดกู สันหลงั ประเภทใด พรอ้ มให้เหตผุ ล 1. สัตว์ชนดิ น้ี คอื 2. สัตว์ชนิดนี้ คอื 3. สตั ว์ชนิดน้ี คือ เปน็ สัตว์มกี ระดกู สนั หลงั ประเภท เปน็ สัตว์มีกระดูกสันหลงั ประเภท เปน็ สัตวม์ กี ระดกู สนั หลังประเภท 4. สัตว์ชนดิ น้ี คอื 5. สัตว์ชนิดนี้ คือ 6. สัตว์ชนดิ นี้ คอื เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังประเภท เป็นสัตว์มีกระดูกสนั หลังประเภท เป็นสัตว์มีกระดกู สนั หลงั ประเภท 7. สตั ว์ชนดิ นี้ คอื 8. สตั ว์ชนิดน้ี คอื 9. สัตว์ชนิดน้ี คือ เป็นสตั วม์ กี ระดกู สนั หลังประเภท เป็นสตั วม์ กี ระดกู สนั หลังประเภท เปน็ สตั ว์มกี ระดูกสนั หลังประเภท 1
ใบงำนที่ 1.4 57 เร่อื ง จำแนกสตั ว์มกี ระดกู สันหลงั เฉลย ดูภำพแล้วบอกช่ือสตั ว์ จำกนั้นจำแนกว่ำเป็นสัตว์มกี ระดกู สนั หลงั ประเภทใด พร้อมใหเ้ หตผุ ล 1. สัตว์ชนิดน้ี คือ แมว 2. สตั ว์ชนดิ น้ี คือ นก 3. สัตว์ชนดิ นี้ คือ งู เป็นสัตวม์ ีกระดูกสันหลังประเภท เปน็ สตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั ประเภท เป็นสตั วม์ กี ระดกู สนั หลังประเภท สัตว์เลียงลกู ดว้ ยนา้ นม นก สัตว์เลอื ยคลาน 4. สัตว์ชนิดน้ี คอื กบ 5. สตั ว์ชนดิ น้ี คอื ปลาทอง 6. สตั ว์ชนิดน้ี คือ มา้ น้า เปน็ สัตวม์ ีกระดกู สนั หลังประเภท เป็นสตั ว์มีกระดกู สนั หลังประเภท เป็นสตั ว์มีกระดูกสนั หลงั ประเภท สัตวส์ ะเทินน้าสะเทนิ บก ปลา ปลา 7. สตั ว์ชนิดน้ี คอื ค้างคาว 8. สัตว์ชนดิ นี้ คอื ไก่ 9. สตั ว์ชนิดน้ี คอื เตา่ เปน็ สัตว์มีกระดูกสันหลงั ประเภท เปน็ สตั วม์ ีกระดูกสนั หลังประเภท เปน็ สัตวม์ ีกระดูกสันหลงั ประเภท สัตวเ์ ลยี งลกู ด้วยนา้ นม นก สัตวเ์ ลอื ยคลาน 1
58 ใบงำนท่ี 1.5 เร่ือง วเิ ครำะห์ลกั ษณะของสัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั นักเรียนแบ่งกลุ่ม จำกนั้นให้แน่ละกลุ่มร่วมกันวิเครำะห์ลักษณะของสัตว์ และจำแนกว่ำ เปน็ สัตว์มกี ระดูกสันหลังประเภทใด และยกตัวอยำ่ งชื่อสตั วป์ ระเภทน้ัน ลำดบั ลักษณะของสัตว์ กำรหำยใจ กำรสบื พนั ธ์ุ ชนดิ ของสตั ว์ 1 เปน็ สัตว์เลือดเย็น ไม่มีขา ไม่มี ใช้ปอด - ออกลูกเปน็ ไขท่ ่มี ีเปลือก ขน มีเกล็ดแข็งและแหง้ แขง็ ห้มุ 2 เป็นสัตว์เลือดเย็น มคี รีบ ใช้เหงือก - มีการปฏิสนธิภายนอก ผิวหนังเปน็ เมอื กลืน่ ๆ - ส่วนใหญ่ออกลกู เปน็ ไข่ 3 เปน็ สัตว์เลอื ดอ่นุ มีต่อมน้านม ใชป้ อด - มีการปฏสิ นธิภายใน ผิวหนังมขี นปกคลุมตาม - ออกลูกเป็นตวั ร่างกาย 4 เป็นสตั วเ์ ลือดเย็น มผี วิ หนัง ใชป้ อดและ - มกี ารปฏิสนธภิ ายนอก เปยี กชืนตลอดเวลา มีขา 2 คู่ ผิวหนงั - ออกลูกเปน็ ไข่ที่มีวนุ้ หุ้ม 5 เป็นสัตวเ์ ลือดอนุ่ มีขนเปน็ แผง ใช้ปอด - มีการปฏสิ นธภิ ายใน ปกคลมุ ล้าตัว ขาคู่หนา้ พัฒนา - ออกลูกเปน็ ไขท่ ่มี เี ปลือก ไปเป็นปีก มีขา 2 ขา แขง็ หุม้ 1
ใบงำนท่ี 1.5 59 เรอื่ ง วเิ ครำะหล์ ักษณะของสัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั เฉลย นักเรียนแบ่งกลุ่ม จำกนั้นให้แน่ละกลุ่มร่วมกันวิเครำะห์ลักษณะของสัตว์ และจำแนกว่ำ เป็นสัตวม์ ีกระดูกสันหลงั ประเภทใด และยกตวั อย่ำงช่ือสตั ว์ประเภทน้ัน ลำดับ ลักษณะของสัตว์ กำรหำยใจ กำรสบื พนั ธุ์ ชนิดของสตั ว์ 1 เปน็ สตั วเ์ ลอื ดเย็น ไม่มีขา ไม่ มขี น มเี กลด็ แขง็ และแห้ง ใช้ปอด - ออกลูกเป็นไขท่ ม่ี เี ปลือก กลมุ่ สตั ว์เลือยคลาน แขง็ หุ้ม เชน่ งเู หา่ งเู ขยี ว 2 เปน็ สัตวเ์ ลือดเยน็ มีครีบ งูจงอาง ผวิ หนงั เป็นเมือกล่นื ๆ ใช้เหงอื ก - มีการปฏิสนธภิ ายนอก กลมุ่ ปลา เชน่ - ส่วนใหญ่ออกลูกเป็นไข่ ปลาชอ่ น 3 เปน็ สัตว์เลือดอนุ่ มีต่อมนา้ นม ปลาดุก ปลากดั ผิวหนังมขี นปกคลุมตาม ใช้ปอด - มีการปฏิสนธิภายใน รา่ งกาย - ออกลูกเปน็ ตัว กลุ่มสตั ว์เลียงลกู ดว้ ย นา้ นม เชน่ 4 เปน็ สตั วเ์ ลือดเยน็ มผี ิวหนัง ใชป้ อดและ - มกี ารปฏิสนธิภายนอก เปยี กชืนตลอดเวลา มขี า 2 คู่ ผวิ หนงั - ออกลูกเปน็ ไข่ท่ีมีวุ้นหุ้ม ลิง ววั มา้ กลมุ่ สัตว์สะเทินน้า 5 เปน็ สัตวเ์ ลอื ดอุ่น มีขนเปน็ ใช้ปอด - มกี ารปฏิสนธิภายใน สะเทนิ บก แผง - ออกลูกเป็นไขท่ ม่ี เี ปลือก เชน่ กบ คางคก ปกคลุมล้าตัว ขาคหู่ น้าพัฒนา แข็งหุม้ เขยี ด อ่ึงอ่าง ไปเป็นปีก มีขา 2 ขา กล่มุ นก เชน่ เป็ด ไก่ นก 1
60 ใบงำนท่ี 1.6 เร่อื ง จำแนกสตั วม์ ีกระดกู สันหลังและสตั ว์ไมม่ ีกระดกู สันหลงั ดูภำพแล้วจำแนกว่ำ สัตว์ชนิดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์ไม่มี กระดูกสนั หลงั พรอ้ มให้เหตผุ ลประกอบ 1) 2) 3) 4) 5) 6) a. สัตว์มีกระดูกสันหลัง ได้แก่ เพรำะ b. สตั วไ์ ม่มีกระดกู สนั หลงั ได้แก่ เพรำะ 1
ใบงำนท่ี 1.6 61 เรื่อง จำแนกสัตว์มกี ระดกู สันหลงั และสตั วไ์ มม่ กี ระดูกสนั หลงั เฉลย ดูภำพแล้วจำแนกว่ำ สัตว์ชนิดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์ไม่มี กระดูกสันหลัง พรอ้ มใหเ้ หตุผลประกอบ 1) 2) 3) 4) 5) 6) 1. สัตวม์ กี ระดูกสันหลัง ได้แก่ 1) ไก่ 4) ปลา 6) สุนขั เพรำะ มกี ระดูกท่ีเปน็ แกนของร่ำงกำยอยภู่ ำยในลำตวั 2. สัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลงั ได้แก่ 2) กุ้ง 4) หอยทาก 6) หมึก เพรำะ ไมม่ ีกระดกู ท่ีเปน็ แกนของร่ำงกำยอย่ภู ำยในลำตวั 1
62 แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 5 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ชั้นประถมศึกษำปีที่ 4 หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ 1 ควำมหลำกหลำยของส่ิงมีชีวิต ภำคเรียนท่ี 1 เรือ่ ง หน้ำท่ีของส่วนต่ำงๆ ของพืชดอก เวลำ 2 ชั่วโมง ครูผ้สู อน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชวี้ ดั ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหนา้ ที่ของราก ลา้ ตน้ ใบ และดอก ของพืชดอก โดยใชข้ อ้ มูลทีร่ วบรวมได้ 2. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. สังเกตและบรรยายหน้าทขี่ องส่วนต่างๆ ของพชื ดอกได้ (K) 2. เปรียบเทยี บพืชดอกทีม่ ลี ักษณะโครงสร้างเหมือนกันและแตกตา่ งกันได้ (P) 3. มคี วามสนใจและกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ทอ้ งถิน่ สว่ นต่างๆ ของพชื ดอก ทา้ หนา้ ทีแ่ ตกต่างกัน พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา 4. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด พืชดอกมีส่วนต่าง ๆ ที่ส้าคัญ ได้แก่ ราก ล้าต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ด ซ่ึงส่วนต่าง ๆ เหล่านีจะท้า หนา้ ทตี่ ่างกนั ไป 5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินยั 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 1) ทกั ษะการสังเกต 3. มุ่งมัน่ ในการท้างาน 2) ทกั ษะการสรุปอ้างอิง 3) ทกั ษะการระบุ 4) ทกั ษะสา้ รวจคน้ หา 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 1
63 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ชว่ั โมงที่ 1 ขนั นา้ ขน้ั กระตุ้นควำมสนใจ (Engage) 1. ครทู กั ทายกับนักเรียน แล้วแจง้ ผลการเรียนรู้ทจี่ ะเรยี นในวันนีใหน้ ักเรยี นทราบ 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องท่ีจะเรียนในวันนี โดยให้นักเรียนดูต้นพืชตัวอย่าง (ต้นมะเขือเทศท่ียังอ่อนอยู่) ที่ครูเตรียมไว้ จากนันครูตังค้าถามกระตุ้นความคิดว่า เมื่อพืชมีการ เจริญเติบโตจะท้าให้โครงสร้างของพืชมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร แล้วให้นักเรียนช่วยกัน ระดมความคิดในการตอบคา้ ถาม (แนวตอบ : เช่น มีการเปล่ียนแปลง ต้นพืชจะมีโครงสร้างส่วนต่างๆ ครบ ได้แก่ ราก ล้าต้น ใบ ดอก และผล) ครูถามค้าถามส้าคัญประจ้าบทจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 34 ว่า ส่วนต่างๆ ของพืชมหี น้าทเี่ หมือนกนั หรอื แตกต่างกนั อย่างไร แลว้ ให้นักเรียนชว่ ยกนั อธบิ ายค้าตอบ (แนวตอบ : โครงสร้างสว่ นตา่ งๆ ของพืช ทา้ หน้าทแี่ ตกต่างกัน) (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทา้ งานรายบคุ คล) 3. ครูให้นักเรียนศึกษาภาพและเรียนรู้ค้าศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนในบทที่ 2 จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ หน้า 34 โดยครูเป็นผู้อ่านน้าและให้นักเรียนอ่านตาม แล้วให้นักเรียนเขียนค้าศัพท์ ลงในใบงานท่ี 1 ดังนี Stoma (สโตมา) ปากใบ Guard cell (กาด เซ็ล) เซลล์คุม Xylem (ไซเลม็ ) ท่อล้าเลยี งน้า Phloem (โฟลเอม็ ) ท่อล้าเลยี งอาหาร Photosynthesis (โฟโทซิน’ธซิ ิส) การสงั เคราะห์ด้วยแสง 4. ครูแจกใบงานที่ 1.7 เรื่อง ค้าศัพท์โครงสร้างส่วนต่างๆ ของพืชดอก ให้นักเรียนน้ากลับไปท้าเปน็ การบ้าน โดยให้วาดภาพหรือติดภาพของค้าศัพท์ข้างต้น จากนันหาข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่ของ คา้ ศัพทน์ ัน แล้วนา้ มาส่งในช่วั โมงถดั ไป 5. ครูให้นักเรียนแต่ละคนวาดภาพต้นพืชดอก พร้อมระบุโครงสร้างต่างๆ และหน้าท่ีของส่วนต่างๆ ของพืชดอกลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือให้ท้ากิจกรรมน้าสู่การเรียนในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 27 1
64 ขันสอน ขนั้ สำรวจคน้ หำ (Explore) 1. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาข้อมูลและภาพพืชในหัวข้อ หน้าท่ีของส่วนต่างๆ ของพืชในหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 35 แล้วถามค้าถามเพ่ือทบทวนความรู้เดิมว่า ส่วนต่างๆ ของพืชท้าหน้าที่ อะไรบา้ ง (แนวค้าตอบ : หนา้ ทีต่ า่ งกัน คือ ราก – ดดู ซึมน้าและแร่ธาตใุ นดิน ล้าต้น - ชกู ิง่ กา้ น ใบ ให้ไดร้ บั แสงแดด และเปน็ ทางล้าเลียงน้าและอาหาร ใบ - สร้างอาหาร ดอก - ชว่ ยในการสืบพันธุ์ ผล - หอ่ หุ้มเมลด็ ) 2. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเพ่อื ใหไ้ ด้ข้อสรุปว่า ราก ล้าต้น ใบ ดอก ผลและเมล็ด มหี นา้ ทอ่ี ะไรบา้ ง ชวั่ โมงท่ี 2 ขัน้ สำรวจค้นหำ (Explore) 1. ครนู ้าภาพโครงสรา้ งภายนอกของพชื มาติดบนกระดาน แล้วให้นักเรยี นสังเกตและรว่ มกันแสดงความ คิดเห็นจากภาพว่า หมายเลข 1-5 เป็นโครงสร้างสว่ นใดของพืช 2. ครสู มุ่ นกั เรยี น 5-6 คน ให้ออกมาแสดงความคิดเหน็ หน้าชันเรียน จากนันให้นกั เรยี นแตล่ ะคนในห้อง ยกตวั อย่างต้นพืชดอกท่นี กั เรียนรู้จักมาคนละ 1 ชนดิ 3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง- อ่อน ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง โครงสร้างส่วนต่างๆ ภายนอกของพืช จาก PPT เร่ือง หนา้ ท่ีของส่วนต่างๆ ของพืชดอก จากนนั ใหแ้ ต่ละกลุ่มนา้ ข้อมูลมาอภิปรายและสรุปรว่ มกันภายในกลุ่ม แล้วจัดท้าเป็นแผนผัง แผนภาพ หรืออ่ืนๆ ลงในกระดาษแข็ง เพ่ือสรุปความรู้เกี่ยวกับ โครงสร้างส่วน ต่างๆ ภายนอกของพืชและหนา้ ที่ของสว่ นต่างๆ เหล่านนั ขน้ั อธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาน้าเสนอผลงานของกลมุ่ หน้าชนั เรยี น โดยครสู ่มุ จบั สลาก เลือกนกั เรยี นทีละกลมุ่ 2. นักเรียนแต่ละก่มุ ออกมานา้ เสนอผลงานหนา้ ชนั เรียน จากนันร่วมกนั สรุปขอ้ มลู 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันตอบค้าถามกระตุ้นความคิดว่า ลักษณะโครงสร้างภายนอกของพืช แต่ละชนดิ เหมือนกันหรือไม่ จากนันขออาสาสมัครนกั เรยี น 3-4 คน จากกล่มุ ตา่ งๆ ให้ตอบคา้ ถาม 1
65 (แนวค้าตอบ : ไม่เหมือนกัน เพราะพืชต่างชนิดกัน ลักษณะโครงสร้างส่วนต่างๆ ภายนอกก็จะ แตกตา่ งกันดว้ ย) ขันสรุป ขน้ั ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) ครูถามคา้ ถามกระตุ้นความคิดนักเรยี น โดยใหน้ กั เรียนภายในชนั เรียนแสดงความคดิ เห็นและ อภปิ รายค้าตอบร่วมกนั ดังนี 1) นกั เรียนคิดวา่ โครงสรา้ งภายนอกของพืชสว่ นใดสา้ คัญทส่ี ดุ เพราะอะไร 2) ต้นมะเขอื กบั ต้นถ่วั มลี ักษณะโครงสร้างภายนอกทเี่ หมอื นกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร 3) โครงสรา้ งสว่ นตา่ งๆ ของพชื มีความสา้ คัญตอ่ การเจรญิ เติบโตของพชื หรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ : ขึนอยกู่ ับค้าตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครผู ู้สอน) ข้นั ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับลักษณะโครงสร้างส่วนต่างๆ ภายนอกของพืชดอกว่า โครงสร้าง ภายนอกของพืชดอกท่ีส้าคัญ ได้แก่ ราก ล้าต้น ใบ ดอก และผล ซึ่งโครงสร้างเหล่านีท้าหน้าท่ีแตกต่าง กัน และมกี ารทา้ งานประสานกันเปน็ ระบบ จึงท้าให้พืชสามารถดา้ รงชีวติ อยไู่ ด้ 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทา้ งานกลุม่ และจากการนา้ เสนอผลการท้ากิจกรรมหน้าชนั เรียน 3. ครูตรวจสอบผลการทา้ ใบงานที่ 1.7 เร่ือง คา้ ศพั ท์โครงสร้างสว่ นตา่ งๆ ของพชื ดอก 4. ครูตรวจผลการวาดภาพต้นพืชดอกในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือตรวจผลการท้ากิจกรรมน้าสู่การ เรียนในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 27 7. กำรวดั และประเมินผล รำยกำรวัด วิธีกำร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ำรประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหว่ำง - สมุดประจ้าตวั หรือ - ร้อยละ 60 แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์ กำรจดั กจิ กรรม วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 27 กำรเรยี นรู้ 1) การวาดภาพพืชดอก - ตรวจสมุดประจา้ ตวั หรอื หรอื กจิ กรรมนา้ สู่ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ การเรยี น ป.4 เลม่ 1 หน้า 27 1
รำยกำรวัด วิธกี ำร เคร่ืองมอื 66 2) ค้าศัพทโ์ ครงสรา้ ง - ตรวจใบงานที่ 1.7 - ตรวจใบงานที่ 1.7 เกณฑ์กำรประเมนิ ส่วนตา่ งๆ ของพืช - ประเมินการนา้ เสนอ - แบบประเมินการ - รอ้ ยละ 60 ดอก ผลการท้ากิจกรรม นา้ เสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ 3) การน้าเสนอผล การท้ากิจกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 การทา้ งาน การทา้ งานรายบุคคล การท้างานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คล - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 5) พฤตกิ รรม การท้างานกลุ่ม การทา้ งานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ การท้างานกลุม่ - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมนิ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มัน่ คณุ ลกั ษณะ - ระดบั คุณภาพ 2 6) คุณลกั ษณะ ในการทา้ งาน อันพงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหลง่ กำรเรยี นรู้ 8.1 ส่ือกำรเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสงิ่ มีชวี ิต 2. แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต 3. ภาพโครงสร้างภายนอกของพืช เช่น ตน้ ทานตะวัน ต้นมะเขือเทศ เป็นตน้ 4. ใบงานท่ี 1.7 เรื่อง คา้ ศพั ท์โครงสรา้ งส่วนตา่ งๆ ของพืชดอก 5. PowerPoint เรอ่ื ง หนา้ ทขี่ องสว่ นตา่ งๆ ของพืชดอก 6. กระดาษแขง็ แผน่ ใหญ่ 7. สมดุ ประจา้ ตวั นักเรียน 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. หอ้ งเรยี น 2. หอ้ งสมดุ 3. อนิ เทอร์เนต็ 1
67 ใบงำนที่ 1.7 เรอ่ื ง คำศัพท์โครงสร้ำงสว่ นต่ำงๆ ของพชื ดอก คำชี้แจง : ให้นกั เรียนวำดภำพหรือตดิ ภำพโครงสร้ำงสว่ นตำ่ ง ๆ ของพชื ดอก พรอ้ มบอกหนำ้ ท่ี ของโครงสรำ้ งสว่ นน้นั ค้าศพั ท์: คา้ อา่ น: คา้ แปล: หนา้ ท:่ี คา้ ศพั ท์: คา้ อา่ น: คา้ แปล: หนา้ ท:่ี ค้าศพั ท:์ ค้าอา่ น: คา้ แปล: หนา้ ท:่ี 1
68 ค้าศพั ท:์ คา้ อา่ น: คา้ แปล: หน้าที:่ คา้ ศพั ท์: ค้าอา่ น: ค้าแปล: หน้าท่ี: 1
ใบงำนที่ 1.7 69 เรื่อง คำศพั ท์โครงสร้ำงส่วนต่ำงๆ ของพืชดอก เฉลย คำช้ีแจง : ให้นักเรียนวำดภำพหรือตดิ ภำพโครงสรำ้ งส่วนต่ำง ๆ ของพชื ดอก พรอ้ มบอกหน้ำที่ ของโครงสรำ้ งส่วนน้นั คา้ ศพั ท:์ STOMA ” .. คา้ อา่ น: สโตรมา . .. คา้ แปล: ปากใบ . .. หน้าท:่ี หายใจ โดยมกี ารแลกเปลี่ยนแกส๊ ทางปากใบ และคายน้าออกมา ซ่งึ พชื จะ คายนา้ ออกมาในรปู ของไอน้าผ่านทางปากใบ . ค้าศพั ท์: XYLEM ” .. คา้ อา่ น: ไซเลม็ . .. ค้าแปล: ทอ่ ลา้ เลยี งนา้ . .. หนา้ ที่: ท่อลา้ เลยี งนา้ ทา้ หน้าท่ีลา้ เลยี งน้าและแรธ่ าตุไปยังสว่ นต่าง ๆ ของพืชและ ลา้ เลยี งน้าไปส่ใู บของพชื เพือ่ ใช้ในกระบวนการสังเคราะหด์ ้วยแสง . คา้ ศพั ท:์ PHLOEM ” .. ค้าอา่ น: โฟลเอ็ม . .. ค้าแปล: ทอ่ ลา้ เลยี งอาหาร . .. หน้าท:่ี ท่อล้าเลียงอาหาร ทา้ หน้าทลี่ า้ เลยี งอาหารท่ีสรา้ งจากใบไปเลยี งส่วนตา่ งๆ ของพืช 1 .
70 ค้าศพั ท์: STEM ” .. ค้าอา่ น: สะเต็ม . .. คา้ แปล: ลา้ ต้น . .. หน้าท่:ี ล้าต้น ทา้ หนา้ ทชี่ ูก่งิ กา้ น ใบ เปน็ ทางผ่านในการลา้ เลยี งน้าและแร่ธาตทุ ร่ี าก . ดูดขึนมา และเป็นทางผ่านล้าเลยี งอาหารทสี่ รา้ งจากใบไปเลยี งสว่ นต่าง ๆ ของพืช . คา้ ศพั ท:์ ROOT ” .. ค้าอา่ น: รทู . .. คา้ แปล: ราก . .. หนา้ ท:ี่ ราก ท้าหนา้ ทยี่ ดึ ลา้ ตน้ ของพชื ให้ตงั บนดนิ ไดโ้ ดยไม่ใหล้ ม้ รวมทงั ดูดนา้ . และแร่ธาตุในดนิ ไปเลยี งสว่ นตา่ ง ๆ ของพืช . 1
71 แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 6 กลุม่ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ ว 14101 ชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี 4 หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 1 ควำมหลำกหลำยของส่ิงมชี วี ิต ภำคเรียนท่ี 1 เรื่อง ศกึ ษำท่อลำเลียงของพืช เวลำ 3 ชั่วโมง ครผู ู้สอน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตัวชี้วัด ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหนา้ ท่ีของราก ลา้ ต้น ใบ และดอก ของพืชดอกโดยใชข้ ้อมลู ท่รี วบรวมได้ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. สังเกตและบรรยายหนา้ ที่รากและลา้ ตน้ ของพชื ดอกได้ (K) 2. สังเกตและอธิบายเกี่ยวกบั โครงสร้างของทอ่ ลา้ เลยี งภายในต้นพชื ได้ (K) 3. ปฏิบัติกจิ กรรมการทดลองเพื่ออธบิ ายหนา้ ที่ทอ่ ลา้ เลียงของพชื ได้ครบทุกขันตอน (P) 4. รับผิดชอบต่อหน้าท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ท้องถน่ิ รากพืช ท้าหน้าที่ดูดน้าและแร่ธาตุไปสู่ล้าต้น พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา ส่วนล้าต้นพืช ท้าหน้าท่ีล้าเลียงน้าส่งต่อไปยังส่วน ต่างๆ ของพชื 4. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด รากเป็นโครงสรา้ งของพืชที่อยู่ใต้ดินและแผข่ ยายออกไป เพื่อยึดล้าต้นให้ตังอยู่บนดนิ รากมีหน้าที่ดดู น้าและแร่ธาตุจากดินขึนไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืชโดยผ่านทางล้าต้น ส่วนล้าต้นมีหน้าท่ีล้าเลียงน้า แร่ธาตุ และอาหาร ไปเลียงส่วนตา่ งๆ ของพืช โดยภายในลา้ ต้นของพืชมีท่อล้าเลยี ง ซึ่งประกอบด้วยท่อล้าเลียงน้า และท่อลา้ เลยี งอาหาร เพือ่ ลา้ เลยี งนา้ และแร่ธาตุจากดนิ และล้าเลยี งอาหารจากใบพืช 1
72 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1. มวี ินยั 1) ทกั ษะการสงั เกต 2. ใฝ่เรียนรู้ 2) ทักษะการตงั สมมตฐิ าน 3. ม่งุ ม่ันในการท้างาน 3) ทักษะการทดสอบตังสมมติฐาน 4) ทกั ษะการให้เหตุผล 5) ทักษะการรวบรวมข้อมลู 6) ทักษะสรุปอา้ งอิง 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ แนวคิด/รูปแบบกำรสอน/วธิ กี ำรสอน/เทคนคิ : สบื เสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) ชัว่ โมงท่ี 1 ขันน้า ข้นั กระตุ้นควำมสนใจ (Engage) 1. ครูตังประเด็นค้าถามเพ่ือทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนจากการเรียนรู้ในชั่วโมงที่ผ่านมา โดยให้ นักเรียนยกมอื เพ่ือตอบคา้ ถาม ดังนี 1) โครงสร้างภายนอกของพชื ประกอบดว้ ยสว่ นใดบ้าง 2) นกั เรียนคิดวา่ รากมคี วามสา้ คญั ตอ่ การดา้ รงชีวิตของพืชหรอื ไม่ อยา่ งไร 3) นกั เรียนคดิ ว่า พชื แตล่ ะชนิดจะมีลักษณะของรากเหมือนกันหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร 4) ล้าตน้ มคี วามสา้ คญั ตอ่ การเจรญิ เติบโตของพชื อย่างไร 5) ล้าตน้ ของพชื แต่ละชนิดเหมือนกนั หรือแตกต่างกนั อยา่ งไร 6) นักเรยี นคิดวา่ เพราะเหตุใดลา้ ต้นของพชื แต่ละชนดิ จึงไมเ่ หมือนกัน (แนวตอบ : พิจารณาตามค้าตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของครูผู้สอน) 1. ครแู จ้งช่อื เรือ่ งที่จะเรียนรูแ้ ละผลการเรียนรใู้ หน้ ักเรียนทราบ 1
73 2. ครูน้าบัตรภาพรากและล้าต้นของพืชลักษณะต่างๆ มาให้นักเรียนดู แล้วอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับ หน้าท่ีของรากและล้าต้น เพ่ือเช่ือมโยงเข้าสู่การท้ากิจกรรมว่า รากเป็นโครงสร้างของพืชที่ เจริญเติบโตลงดินและแผ่ขยายออกไป ซ่ึงมีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของพืช ส่วน ภายในล้าต้นมีท่อล้าเลียง ท้าหน้าที่ล้าเลียงน้า แร่ธาตุ และอาหาร ไปเลียงส่วนต่างๆ ของพืช ล้า ตน้ พชื แตล่ ะชนดิ มีลักษณะแตกตา่ งกันออกไป 3. ครูให้นักเรยี นเลน่ เกมหอยแบง่ ฝาเพ่ือตอ้ งการแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน โดยครู อธิบายวิธีการเล่นให้นักเรียนฟัง จากนันให้นักเรียนเล่นเกม 2-3 ครังจนได้กลุ่มครบทุกคน โดยมี วธิ ีการเลน่ ดงั นี ครูให้นักเรียนแต่ละคนคิดว่าตนเองต้องการเป็นตัวหอย หรือต้องการเป็นฝาหอย โดยครู จะออกค้าส่ังแล้วให้นักเรียนวิ่งไปรวมกลุ่มกัน ซ่ึงก้าหนดให้นักเรียนที่ยืนล้อมวง คือ ฝาหอย และนักเรียนท่ีอยู่ในวง คือ ตัวหอย ทังนีนักเรียนคนใดที่ไม่มีกลุ่ม หรือนักเรียนกลุ่มใดมีจ้านวน ฝาหอย หรอื จา้ นวนตัวหอยไมค่ รบตามจ้านวนที่ครูออกค้าสั่ง จะถกู นา้ ออกมาท้ากิจกรรมพิเศษ ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การเต้นตามเพลง การร้องเพลง หรืออ่ืนๆ ตามความเหมาะสม ตัวอย่าง การออกคา้ ส่งั ของครู เชน่ 4. เมอ่ื แบง่ กลุ่ม1น)ักมเรีหียอนยแ2ลว้ ตควั รอูใยหูใ่้นนกั ฝเารยี 4นฝแาตล่ ะกล2่มุ) กมลฝี บัาไ6ปชฝ่วายลกอ้ันมเตหรอยี ยม3อปุ ตกวั รณ3แ์ )ลฝะาศเึกปษลา่ยี ขนนั หตออยน การทา้ กิจกรรมที่ 1 เรอื่ ง หน้าที่ของส่วนต่างๆ ของพชื ตอนท่ี 2 จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 36-37 มาล่วงหนา้ ก่อนการทา้ กิจกรรมในช่ัวโมงถดั ไป ช่วั โมงท่ี 2 ขนั สอน ข้นั สำรวจคน้ หำ (Explore) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับรากและล้าต้นของพืชใหน้ ักเรยี นฟัง จากนันให้นักเรียนชว่ ยกันระดม ความคิดเก่ียวกับหน้าท่ีของราก และล้าต้นของพืชว่า มีกระบวนการล้าเลียงน้าและธาตุอาหาร อยา่ งไร 2. ครูให้นักเรียนรวมกลุ่มเดิมท่ีได้แบ่งไว้เม่ือชั่วโมงท่ีแล้ว จากนันครูแจ้งจุดประสงค์ของในการท้า กิจกรรม แล้วให้นักเรียนท้ากิจกรรมที่ 1 เรื่อง หน้าท่ีของส่วนต่างๆ ของพืช ตอนที่ 2 จากหนังสือ เรยี นวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 36-37 3. ครูใชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค LT มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยกา้ หนดใหส้ มาชิกแต่ ละคนภายในกล่มุ มีบทบาทหนา้ ที่ของตนเอง ดังนี 1
74 สมาชิกคนที่ 1 : ทา้ หนา้ ทเ่ี ตรียมอุปกรณ์ตา่ งๆ สมาชิกคนท่ี 2 : ทา้ หนา้ ทีอ่ ่านลองทา้ ดู ทา้ ความเขา้ ใจ และนา้ มาอธิบายให้ สมาชิก ภายในกล่มุ ฟัง สมาชิกคนท่ี 3 : ท้าหน้าท่บี นั ทกึ ผลการทดลอง สมาชิกคนท่ี 4 : ทา้ หนา้ ท่ีนา้ เสนอผลการทดลอง 4. ครูให้สมาชิกของแต่ละกลุ่มช่วยกันก้าหนดปัญหาและตังสมมติฐานล่วงหน้าก่อนการท้ากิจกรรม จากนนั ร่วมกันปฏบิ ัติกิจกรรมตามขนั ตอน ดังนี 1) สมาชกิ คนท่ี 1 เตรียมและตรวจสอบอปุ กรณ์ทงั หมดท่ใี ชใ้ นการทา้ กิจกรรม 2) สมาชิกคนที่ 2 อธบิ ายวธิ ที า้ กิจกรรมใหเ้ พอื่ นภายในกลุ่มฟัง เพ่ือให้ปฏบิ ัติตามไดถ้ กู ต้อง 3) สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันลงมือท้ากิจกรรมโดยน้าต้นเทียนมาล้างรากให้สะอาด แล้ว สงั เกตลกั ษณะของรากและลา้ ต้น จากนนั คาดคะเนว่า เมอื่ นา้ รากและล้าต้นของตน้ เทียน ไปแช่ในน้าหมึกสีแดงทิงไว้ 30 นาที จะเกิดผลอย่างไร แล้วให้สมาชิกคนที่ 3 บันทึกผล ลงในสมดุ หรือแบบฝึกกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน้า 4 4) สมาชิกทุกคนช่วยกันท้ากิจกรรมเพื่อตรวจสอบผลการคาดคะเน โดยเทน้าหมึกสแี ดง 10 มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์ท่ีมีน้าเปล่าอยู่ 100 มิลลิลิตร แล้วน้าต้นเทียนแช่ทิงไว้ จากนัน นา้ ไปวางตากแดดทงิ ไว้ประมาณ 30 นาที 5) เม่ือครบ 30 นาที ให้นักเรียนน้าล้าต้นของต้นเทียนมาตัดตามขวางและตามยาว จากนัน ใช้แว่นขยายหรือกล้องจุลทรรศน์ส่องดูลักษณะภายในของล้าต้น แล้วให้สมาชิกคนท่ี 3 บนั ทกึ ผลลงในสมุดหรือแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 30 6) สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลการทา้ กจิ กรรมภายในกลมุ่ 5. ครูตังค้าถามหลังการทา้ กจิ กรรมเพื่อให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันแสดงความคิดเห็น ดังนี 1) ก่อนและหลังน้าล้าต้นของต้นเทียนไปแช่ในน้าหมึกสีแดง ล้าต้นของต้นเทียนมีลักษณะ อยา่ งไร (แนวตอบ : กอ่ นแช่ล้าต้นมีลักษณะสีเขียวใส หลังแช่ลา้ ตน้ มลี ักษณะสีแดงใส) 2) เม่ือน้าลา้ ต้นของต้นเทยี นมาตดั ตามขวางและตามยาว นกั เรยี นสงั เกตเหน็ ลักษณะภายใน ลา้ ต้นของต้นเทยี นเปน็ อย่างไร และมสี ว่ นประกอบอะไรบา้ ง (แนวตอบ : ภายในลา้ ต้นของตนเทียนมโี ครงสรา้ งทีเ่ รยี กว่า ท่อลา้ เลยี ง ซ่ึงประกอบดว้ ย ทอ่ ลา้ เลียงน้าและท่อล้าเลียงอาหาร) 1
75 ขั้นอธบิ ำยควำมรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรากและล้าต้นของพืช รวมถึงท่อล้าเลียงของพืชจากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ หน้า 38-39 หรือแหล่งการเรียนรู้อ่ืนๆ เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต เป็นต้น แล้วให้น้า ข้อมูลท่ไี ดม้ ารวบรวมและสรปุ ผลกับการทา้ กจิ กรรม 2. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทน (สมาชิกคนท่ี 4 ของกลุ่ม) ออกมาน้าเสนอผลการทดลอง เพื่อตรวจสอบ ความรู้ของนักเรียนหลังการท้ากิจกรรมที่ 1 โดย โดยครูสุ่มจับสลากเลือกนักเรียนทีละกลุ่มให้ออกมา น้าเสนอหน้าชนั เรยี น 3. ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาน้าเสนอผลงานหนา้ ชันเรียน จากนันร่วมกันอภปิ รายความรู้เก่ียวกับหน้าท่ี รากและลา้ ต้นของพชื วา่ จากการทา้ กิจกรรมเมอ่ื นักเรยี นสังเกตล้าตน้ ท่ีตดั ตามขวางจะเห็นวา่ มสี ีแดงอยู่ เป็นจดุ ๆ ซ่ึงเกิดจากการท่ีรากดูดนา้ สีแดงขึนไปสลู่ ้าตน้ ทีเ่ ปน็ เชน่ นีเพราะภายในลา้ ต้นจะมีท่อเล็กๆ อยู่ เรียกว่า ท่อล้าเลียง เมื่อรากพืชดูดน้าและแร่ธาตุจากดิน ท่อล้าเลียงน้าจะน้าน้าและแร่ธาตุขึนไปเพื่อ เลียงส่วนตา่ งๆ ของพืช ชวั่ โมงท่ี 3 ขันสรุป ข้ันขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) 1. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกนั สรุปผลการทดลองของชั่วโมงที่แลว้ อีกครัง เพือ่ เป็นการทบทวนทบทวน 2. ครูตังค้าถามเพ่ือต่อยอดในการทดลองว่า รากและล้าต้นมีความส้าคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช อย่างไรอีกบ้าง นอกเหนือจากข้อมูลท่ีได้จากการท้ากิจกรรมที่ผ่านมา จากนันให้นักเรียนแต่ละคน สืบคน้ ข้อมูลจากแหล่งการเรยี นรูต้ า่ งๆ 3. ให้นักเรียนจับคู่กันโดยใช้เทคนิคเพ่ือนคู่คิด เพ่ือแลกเปล่ียนความคิดเห็นเกี่ยวกับเร่ืองท่ีสืบค้นมา จากนนั ร่วมกันสรปุ ความรู้ 4. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 คู่ ให้ออกมาน้าเสนอข้อมูลที่ได้จากการสืบค้น และให้นักเรียนทังห้อง รว่ มกันอภปิ รายและสรุปผล 5. ครูถามค้าถามทา้ ยทายการคิดขนั สูง จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 37 แล้วใหน้ กั เรยี นชว่ ยกัน อภปิ รายและสรปุ คา้ ตอบร่วมกัน ดังนี รากเปน็ สว่ นของพชื ทท่ี า้ หน้าทีด่ ูดนา้ และแรธ่ าตุไปเลยี งส่วนต่างๆ ของพืช หากพืชไมม่ รี าก พชื จะสามารถด้ารงชีวิตอยไู่ ด้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด 1
76 (แนวตอบ : สามารถด้ารงชีวิตอยู่ได้ เพราะหากพืชไม่มีราก แต่ต้นพืยังมีล้าต้นอยู่ ซึ่ง ภายในล้าต้นพืชมีท่อล้าเลียงท่ีสามารถล้าเลียงน้าและแร่ธาตุไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืชได้ จึง ท้าให้พืชสามารถด้ารงชวี ิตอย่ไู ด้) 6. ครใู หน้ กั เรยี นทา้ กิจกรรมหนูตอบได้จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 37 ลงในสมดุ ประจา้ ตัว นักเรยี น หรอื ในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 31 ขัน้ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันตอบค้าถามเพื่อสรุปความเข้าใจหลังเรียนว่า รากและล้าต้นมีการท้างานท่ี ประสานกันเปน็ ระบบ อยา่ งไร (แนวตอบ : รากของพชื ดูดนา้ และแรธ่ าตุจากดินผา่ นท่อล้าเลียงภายในล้าต้นของพชื เพ่อื น้าไปเลียง สว่ นต่างๆ ของพชื ) 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทา้ งานกลมุ่ และจากการนา้ เสนอผลการท้ากจิ กรรมหนา้ ชนั เรยี น 3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมที่ 1 เร่ือง หน้าที่ของส่วนต่างๆ ของพืช ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 30 4. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 31 7. กำรวดั และประเมนิ ผล รำยกำรวัด วิธีกำร เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ 7.1 ประเมินระหว่ำง - สมุดประจ้าตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 แบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑ์ กำรจดั กิจกรรม วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 30 - ร้อยละ 60 กำรเรยี นรู้ - สมดุ ประจา้ ตวั หรอื ผา่ นเกณฑ์ แบบฝกึ หดั 1) ผลบนั ทกึ การทา้ - ตรวจสมุดประจา้ ตวั หรอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 31 กิจกรรมที่ 1 แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 30 2) กิจกรรมหนูตอบได้ - ตรวจสมุดประจา้ ตวั หรือ แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 31 1
77 รำยกำรวดั วธิ ีกำร เครื่องมอื เกณฑ์กำรประเมนิ 3) การน้าเสนอผล - ประเมนิ การนา้ เสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคณุ ภาพ 2 ผลการทา้ กจิ กรรม นา้ เสนอผลงาน การท้ากิจกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรม การท้างานรายบุคคล การท้างานรายบุคคล - ระดบั คุณภาพ 2 การทา้ งาน - สงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล การทา้ งานกลุ่ม 5) พฤติกรรม - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 การทา้ งานกลมุ่ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ ม่นั การท้างานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 6) คณุ ลักษณะ ในการท้างาน - แบบประเมิน อันพึงประสงค์ คุณลกั ษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2 อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ 8. สอื่ /แหล่งกำรเรียนรู้ 8.1 สอ่ื กำรเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี วี ติ 2. แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ 3. วสั ดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 เชน่ ตน้ เทียน นา้ หมึกสีแดง มดี บีกเกอร์ เปน็ ต้น 4. บัตรภาพรากและล้าต้นของพชื ชนิดต่างๆ 5. PowerPoint เรอ่ื ง หนา้ ท่ขี องส่วนตา่ งๆ ของพชื ดอก 6. สมุดประจ้าตวั นักเรียน 8.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1. หอ้ งเรียน 2. ห้องสมุด 3. อินเทอรเ์ นต็ 1
78 แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 7 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ชนั้ ประถมศกึ ษำปีที่ 4 หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 1 ควำมหลำกหลำยของสิ่งมชี ีวิต ภำคเรยี นที่ 1 เรือ่ ง กำรคำยนำ้ ของพชื เวลำ 2 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นำงสำวอัมรำ โกษำรักษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหนา้ ท่ขี องราก ลา้ ตน้ ใบ และดอก ของพืชดอกโดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวมได้ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. สงั เกตและบรรยายหนา้ ท่ีใบของพืชดอกได้ (K) 2. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเพื่ออธิบายการคายนา้ ของพชื ได้ครบถ้วนตามขนั ตอน (P) 3. ใหค้ วามร่วมมอื ในการท้ากิจกรรมและรบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถิ่น ใบพชื ทา้ หน้าทีส่ ร้างอาหาร อาหารทีพ่ ืชสร้าง พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา ขนึ คือนา้ ตาล ซง่ึ จะถกู สะสมไว้ในรปู แป้ง 4. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด ใบเป็นโครงสร้างที่ส้าคัญของพืช ท้าหน้าท่ีสร้างอาหาร และหายใจซึ่งเป็นการแลกเปล่ียนแก๊ส เช่นเดียวกับคนและสัตว์ ใบของพืชท้าหน้าที่คายน้า ซึ่งการคายน้ามีประโยชน์ต่อพืช เพราะช่วยท้าให้เกิด การลา้ เลียงนา้ และแรธ่ าตอุ ยา่ งตอ่ เน่อื ง 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี นิ ัย 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. ม่งุ มั่นในการทา้ งาน 2) ทกั ษะการตงั สมมตฐิ าน 3) ทักษะการทดสอบสมมติฐาน 1
79 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4) ทกั ษะการสรปุ อ้างองิ 5) ทกั ษะการให้เหตผุ ล 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ชว่ั โมงที่ 1 ขนั น้า ขั้นกระตนุ้ ควำมสนใจ (Engage) 1. ครูน้าภาพรูปร่างลักษณะของใบมาให้นักเรียนดู แล้วสนทนากับนักเรียนว่า นักเรียนเคยสังเกต หรือไม่วา่ ใบของพืชสว่ นใหญ่มีลักษณะอยา่ งไร (แนวตอบ : ขึนอย่กู บั สงิ่ ท่นี ักเรยี นสงั เกตเหน็ เช่น ใบสีเขียว ใบเรียวยาว เป็นเสน้ ขนาน เปน็ ตน้ ) 2. ครูใหน้ กั เรียนตอบค้าถามกระตนุ้ ความคดิ วา่ ลักษณะทแี่ ตกต่างกันของใบพืชขนึ อยูก่ ับสิง่ ใด (แนวตอบ : ชนดิ ของใบพืช) ขนั สอน ขั้นสำรวจค้นหำ (Explore) 1. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนกลุ่มละ 3-4 คน ให้มีความสามารถคละกัน (เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง- อ่อน) จากนันให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง ใบของพืช จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น หนงั สอื เรยี น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต เป็นต้น 2. เมื่อสืบค้นข้อมูลได้แล้ว ครูให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มน้าความรู้ท่ีได้จากการศึกษามาอภิปราย รว่ มกนั โดยผลัดกนั เล่าทีละคนเรียงตามล้าดับแบบเล่าเรื่องรอบวงในประเดน็ ส้าคัญ ดงั นี โครงสรา้ งสา้ คญั ของใบ หน้าที่สา้ คญั ของใบ 3. ครูแจกใบงานท่ี 1.8 เร่อื ง ใบของพชื ให้นกั เรียนแต่ละคนท้า จากนนั ให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มผลัด กนั อธิบายคา้ ตอบในใบงานท่ี 1.8 โดยเรียงตามลา้ ดับทีละคนแบบเลา่ เรอ่ื งรอบวง 1
80 ข้นั อธบิ ำยควำมรู้ (Explain) ครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาน้าเสนอผลการท้ากิจกรรมหน้าชันเรียน จากนันครูเฉลย คา้ ตอบในใบงานที่ 1.8 แล้วใหส้ มาชกิ แตล่ ะกลุม่ ตรวจสอบผลงาน พร้อมปรบั ปรุงแก้ไขใหถ้ ูกตอ้ ง ขันสรปุ ข้นั ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) 1. ครถู ามคา้ ถามกระตุ้นความคิดว่า จากนนั สุม่ เลือกนักเรยี นตามล้าดบั เลขที่ 2-3 ให้ตอบคา้ ถาม ดงั นี 1) ใบมคี วามส้าคัญตอ่ การดา้ รงชีวติ ของพชื อย่างไร (แนวตอบ : สร้างอาหาร แลกเปลยี่ นแก๊ส และคายน้า) 2) การคายน้าของพืชมีประโยชน์อย่างไร (แนวตอบ : ช่วยใหใ้ บพชื มคี วามชุม่ ชนื ชว่ ยลดความรอ้ นในใบ และลา้ ต้นพืช) (หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการท้างานรายบุคคล) ขนั้ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายความรู้จากการท้ากิจกรรมจนได้ข้อสรุปว่า ใบเป็นโครงสร้างที่ส้าคัญ ของพืช มีลักษณะแตกต่างกันไปตามชนิดของพืช ใบมีหน้าท่ีสร้างอาหารมาใช้ในการเจริญเติบโตของ พชื หายใจ และคายนา้ 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤติกรรมการทา้ งานกลุ่ม และจากการนา้ เสนอผลการท้ากจิ กรรมหน้าชนั เรียน 3. ครตู รวจสอบผลการท้าใบงานที่ 1.8 เรือ่ ง ใบของพชื ชวั่ โมงท่ี 2 ขนั นา้ ขน้ั กระตุ้นควำมสนใจ (Engage) ครูสนทนากับนักเรียนว่า พืชคายน้าได้อย่างไร และด้วยวิธีใด จากนันให้นักเรียนช่วยกันตอบ ค้าถามอยา่ งอิสระ โดยทค่ี รูยงั ไมเ่ ฉลยคา้ ตอบ (แนวตอบ : ขนึ อย่กู บั คา้ ตอบของนักเรยี น ให้อยู่ในดลุ ยพินิจของครูผ้สู อน) 1
81 ขันสอน ขัน้ สำรวจคน้ หำ (Explore) 1. ให้นักเรียนจับกลุ่มกัน (กลุ่มเดิมจากช่ัวโมงที่ 1) ร่วมกันสืบค้นความรู้เรื่อง การคายน้าของใบไม้ จากหนังสือเรยี น ห้องสมุด และแหลง่ ขอ้ มลู อ่นื ๆ จากนนั ร่วมกนั สรปุ ขอ้ มลู 2. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารทดลองใหน้ ักเรียนฟัง เพอื่ ใหน้ ักเรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกับการคายน้า ของใบไม้จากนันถามค้าถามเพื่อกระตุ้นความคิดของนักเรียนก่อนท้ากิจกรรมว่า พืชมีการหายใจ หรือไม่ และหายใจอยา่ งไร (แนวตอบ : พชื หายใจผ่านรูปากใบ ซ่งึ อยทู่ ่ที ้องใบ โดยรปู ากใบจะเปดิ เพ่ือเป็นทางผ่านของน้าและ อากาศ) 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มท้ากิจกรรมที่ 2 เร่ือง การคายน้าของพืช ตอนที่ 1-2 จาก หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 40-41 เพ่ือศกึ ษาการคายน้าของใบ โดยปฏบิ ัติกจิ กรรม ดังนี 6) ศึกษาขันตอนการท้ากิจกรรมท่ี 2 เร่ือง การจัดกลุ่มพืช ตอนท่ี 1-2 จากหนังสือเรียน วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 40-41 อย่างละเอียด หากมีข้อสงสัยให้สอบถามครู 7) สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันตังปัญหาและตังสมมติฐานก่อนการท้ากิจกรรม แล้วบันทึกผล ลงในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 34 8) ท้ากิจกรรมตามขันตอน แล้วบันทึกผล จากนันร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการท้า กิจกรรม 4. ให้ครูคอยดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาท่ีปฏิบัติกิจกรรมและให้ค้าแนะน้าในส่วนท่ี บกพร่อง ขนั้ อธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานา้ เสนอผลการทดลองหนา้ ชันเรยี น แลว้ ใหเ้ พือ่ นกลุ่มอื่น ช่วยเสนอแนะเพม่ิ เติมในสว่ นที่แตกต่าง 2. ครูตรวจสอบความถูกต้องและใหน้ ักเรียนอภิปรายรว่ มกันจนได้ข้อสรุปว่า พืชมีการคายน้าและการ คายนา้ ของพืชมีผลตอ่ การล้าเลยี งนา้ ของพชื สังเกตจากภายในถงุ พลาสติกทีค่ รอบกิง่ ไม้ที่มีใบมีหยด นา้ เกาะที่ขา้ งถงุ และนา้ ในหลอดทดลองมีปริมาตรลดลง สว่ นภายในถุงพลาสตกิ ที่ครอบก่ิงไม้ท่ี ไม่มี ใบไม่มกี ารเปลีย่ นแปลง 1
82 ขนั สรุป ขั้นขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) 1. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ดู PPT เร่อื ง การคายน้าของพืช และศกึ ษาเนอื หาเพ่มิ เติมจากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ หน้า 44 รวมทังศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากส่ือดิจทิ ัลจากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 44 โดยให้ใช้โทรศพั ทม์ ือถือสแกน QR Code เรื่อง การคายนา้ ของพืช จากนนั ร่วมกนั สรปุ ความรู้ท่ี ได้จากการศกึ ษา 2. ครูถามค้าถามท้าทายการคิดขันสูงจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 44 แล้วให้นักเรียนร่วมกัน ตอบค้าถามอยา่ งอิสระ โดยครูคอยเฉลยและอธิบายเพมิ่ เตมิ ดงั นี นักเรียนคิดวา่ ส่วนตา่ งๆ ของพชื สามารถทา้ หนา้ ทีแ่ ทนใบไดห้ รอื ไม่ เพราะอะไร (แนวตอบ : ไม่ได้ เพราะส่วนต่างๆ ของพืชมีหน้าที่แตกต่างกันไป โดยใบท้าหน้าท่ีสร้าง อาหาร เนื่องจากมีคลอโรฟิลล์ และท้าหน้าท่ีหายใจ และคายน้า ซ่ึงภายในโครงสร้างของ ใบมใี บปาก ท้าหนา้ ที่ในการแลกเปลีย่ นแกส๊ ต่างๆ จากภายนอกและภายในใบพชื และปาก ใบก็ท้าหน้าทค่ี ายน้าเพ่ือลดอุณหภูมภิ ายในต้นพชื ) 3. ครูให้นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 41 ลงในสมุด ประจา้ ตวั นักเรยี น หรือท้าในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 35 ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครใู ห้นักเรยี นร่วมกนั สรปุ เก่ียวกับการคายน้าของพชื โดยใหค้ รูอธบิ ายเสริมในสว่ นท่ีบกพรอ่ ง 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทา้ งานกลุ่ม และจากการน้าเสนอผลการทา้ กิจกรรมหนา้ ชนั เรียน 3. ครตู รวจผลการทา้ ใบงานท่ี 1.8 เรอ่ื ง ใบของพชื 4. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมที่ 2 เร่ือง การคายน้าของพืช ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือใน แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 34 5. ครตู รวจสอบผลการท้ากจิ กรรมหนตู อบได้ในสมุดประจ้าตัวนกั เรียน หรอื ในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า 35 1
83 7. กำรวดั และประเมินผล รำยกำรวดั วธิ ีกำร เครื่องมอื เกณฑก์ ำรประเมนิ 7.1 ประเมนิ ระหวำ่ ง - สมดุ ประจา้ ตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 แบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑ์ กำรจดั กจิ กรรม วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 34 - ร้อยละ 60 กำรเรียนรู้ - ใบงานท่ี 1.8 ผา่ นเกณฑ์ - รอ้ ยละ 60 1) ผลบันทึกการทา้ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัว หรอื - สมดุ ประจ้าตวั หรอื ผ่านเกณฑ์ แบบฝกึ หัด กจิ กรรมท่ี 2 แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม - ระดบั คณุ ภาพ 2 1 หนา้ 35 ผ่านเกณฑ์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 34 - แบบประเมินการ นา้ เสนอผลงาน - ระดับคณุ ภาพ 2 2) ใบของพืช - ตรวจใบงานท่ี 1.8 - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ การท้างานรายบุคคล 3) กจิ กรรมหนูตอบได้ - ตรวจสมุดประจา้ ตวั หรอื - ระดบั คณุ ภาพ 2 แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 35 การทา้ งานกลุ่ม - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2 4) การน้าเสนอผล - ประเมินการน้าเสนอ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ การทา้ กจิ กรรม ผลการท้ากิจกรรม อันพึงประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม 5) พฤตกิ รรม การท้างานรายบุคคล การทา้ งาน รายบคุ คล - สงั เกตพฤติกรรม การท้างานกลุ่ม 6) พฤตกิ รรม - สังเกตความมวี ินัย การทา้ งานกลมุ่ ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มน่ั ในการท้างาน 7) คณุ ลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ 1
84 8. สอ่ื /แหลง่ กำรเรียนรู้ 8.1 สือ่ กำรเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสง่ิ มชี วี ติ 2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิง่ มีชีวติ 3. วสั ดุ-อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมท่ี 2 เช่น ดนิ นา้ มนั ถงุ พลาสติก หลอดทดลอง เป็นต้น 4. PowerPoint เรื่อง การคายน้าของพชื 5. QR Code เรอื่ ง การคายนา้ ของพืช 6. ใบงานที่ 1.8 เรื่อง ใบของพชื 7. ตน้ พืชขนาดไมใ่ หญม่ าก 8. ภาพรูปรา่ งลกั ษณะของใบ 9. สมุดประจา้ ตวั นักเรยี น 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. ห้องเรยี น 2. ห้องสมุด 3. อนิ เทอร์เน็ต 1
85 บตั รภาพ ภาพใบรปู ส่ีเหลี่ยมขนมเปี ยกปนู ภาพใบรปู รี ภาพใบรปู กลม ภาพใบรปู หยกั ภาพใบเป็ นเส้น ภาพใบรปู ใบโพธ์ิ 1
86 ใบงำนท่ี 1.8 เร่ือง ใบของพืช ใหน้ ักเรยี นศกึ ษำลักษณะปำกใบของพืชตำมข้นั ตอนท่ีกำหนด แลว้ บันทึกข้อมลู ดงั น้ี 1. พับใบพชื แล้วฉกี แฉลบดำ้ นหลงั ใบใหไ้ ดเ้ ยอ่ื บำงๆ 2. วำงเยอ่ื ผิวใบลงบนแผ่นสไลดแ์ ละหยดน้ำ สงั เกตดจู ำกกลอ้ งจุลทรรศน์ วำดภำพปำกใบท่สี งั เกตไดจ้ ำกกลอ้ งจุลทรรศน์ สรุปหน้ำทขี่ องใบ 1
ใบงำนท่ี 1.8 87 เรื่อง ใบของพืช เฉลย ใหน้ กั เรยี นศึกษำลักษณะปำกใบของพชื ตำมข้นั ตอนท่กี ำหนด แล้วบันทึกข้อมลู ดงั นี้ 1. พบั ใบพืชแลว้ ฉีกแฉลบดำ้ นหลังใบใหไ้ ดเ้ ยอ่ื บำงๆ 2. วำงเยือ่ ผวิ ใบลงบนแผน่ สไลดแ์ ละหยดนำ้ สังเกตดจู ำกกล้องจลุ ทรรศน์ วำดภำพปำกใบท่ีสงั เกตได้จำกกล้องจุลทรรศน์ (ตวั อยา่ ง) (รูปากใบเปดิ ) (รูปากใบปดิ ) สรปุ หนำ้ ทข่ี องใบ 1. สรา้ งอาหารมาใช้ในการเจรญิ เตบิ โตของพืช 2. หายใจ ซ่ึงเป็นการแลกเปล่ยี นแก๊สทางปากใบ 3. คายน้า ซง่ึ เปน็ การกา้ จัดนา้ ของพืชในรูปของไอนา้ 1
88 แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ 8 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี 4 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 1 ควำมหลำกหลำยของสิ่งมีชีวติ ภำคเรียนที่ 1 เรอ่ื ง กำรสรำ้ งอำหำรของพืช เวลำ 2 ชั่วโมง ครผู ู้สอน นำงสำวอัมรำ โกษำรักษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหนา้ ท่ีของราก ลา้ ต้น ใบ และดอก ของพืชดอกโดยใชข้ ้อมูลทร่ี วบรวมได้ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. สงั เกตและอธบิ ายเกีย่ วกับกระบวนการสรา้ งอาหารของพชื ได้ (K) 2. ปฏบิ ัตกิ รรมการทดลองเพื่อตรวจสอบวา่ พืชสะสมอาหารประเภทแปง้ ได้ (P) 3. ใหค้ วามร่วมมอื ในการท้ากิจกรรมตลอดเวลา (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นร้ทู ้องถ่นิ ใบพชื ท้าหน้าท่สี ร้างอาหาร อาหารที่พืชสร้าง พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา ขนึ คือน้าตาล ซึ่งจะถกู สะสมไว้ในรูปแป้ง 4. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด ใบเป็นโครงสร้างท่ีส้าคัญของพืช ท้าหน้าท่ีสร้างอาหาร และหายใจซ่ึงเป็นการแลกเปล่ียนแก๊ส เช่นเดียวกับคนและสัตว์ ใบพืชท้าหน้าท่ีสร้างอาหาร โดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งการสร้าง อาหารของพืชจะเกิดขึนได้เม่ือมีแสง การสร้างอาหารของพืชจึงเกิดขึนในเวลากลางวัน โดยพืชจะใช้แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ และคายแก๊สออกซิเจนสู่อากาศ อาหารท่ีพืชสร้างขึนมาครังแรกจะเป็น นา้ ตาล แล้วจะถูกเปลยี่ นเป็นแปง้ เกบ็ สะสมไวใ้ นส่วนตา่ งๆ ของพืช 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี นิ ยั 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการท้างาน 1) ทกั ษะการสังเกต 2) ทักษะการตังสมมติฐาน 1
89 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 3) ทักษะการทดสอบสมมติฐาน 4) ทักษะการสรปุ อา้ งองิ 5) ทกั ษะการเชอื่ มโยง 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ช่วั โมงท่ี 1 ขันนา้ ขัน้ กระตุ้นควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนกั เรียนเกี่ยวกับกระบวนการสร้างอาหารของพืช แล้วร่วมกันแสดงความคิดเห็นวา่ ใน การสร้างอาหารของพชื จะต้องอาศยั ปจั จัยใดบ้าง และปัจจยั เหลา่ นนั มคี วามสา้ คญั ต่อกระบวนการสร้าง อาหารของพชื อย่างไร 2. ครูสุ่มหมายเลขนักเรียน 3-4 คน ออกมาแสดงความคิดเห็นท่ีหน้าชันเรียน ครูและเพ่ือนคนอื่นๆ ชว่ ยกันเสนอแนะเพิม่ เตมิ จากนนั ครูใหค้ า้ ชมเชยหรอื มอบของรางวัลเพอ่ื เป็นการเสริมแรง 3. ครูให้นักเรียนช่วยกันตอบค้าถามกระตุ้นความคิดว่า นักเรียนคิดว่า ปัจจัยที่ส้าคัญท่ีสุดในการสร้าง อาหารของพชื คืออะไร (แนวตอบ : พจิ ารณาตามค้าตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครูผูส้ อน) ขันสอน ขน้ั สำรวจคน้ หำ (Explore) 1. ครูน้าใบพชื ท่มี ีสสี นั แตกต่างกันมาให้นักเรยี นรว่ มกนั สงั เกต เชน่ ใบตน้ โกสน ใบตน้ คริสตม์ าส ใบ ต้นบอนสี เปน็ ต้น 2. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนกลุ่มละ 3-4 คน ให้มีความสามารถคละกัน (เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง- อ่อน) จากนันให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การสร้างอาหารของพืช จากแหล่งการเรียนรู้ ตา่ งๆ เช่นหนงั สอื เรียน ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต เป็นตน้ 1
90 3. ครูซักถามนักเรียนว่า สีของใบเก่ียวข้องกับการสร้างอาหารของพืชหรือไม่ และคอลโรฟิลล์มี ความส้าคัญต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงอย่างไร จากนันให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือหา ขอ้ สรปุ 4. ครูน้าแผนภูมิกระบวนการสร้างอาหารของพืชมาให้นักเรียนดู และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อ เปน็ การเสรมิ เพิ่มเติมความเข้าใจเกี่ยวกบั กระบวนการสรา้ งอาหารของพชื 5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า การสร้างอาหารของพืชต่างๆ มีผลต่อ สภาพแวดลอ้ มอย่างไร 6. ครูสุ่มนักเรียน 3-5 กลุ่ม ออกมาแสดงความคิดเหน็ หนา้ ชนั เรียน แล้วให้เพื่อนกลุ่มอื่นชว่ ยกันแสดง ความคิดเหน็ เพ่มิ เติมในสว่ นที่แตกต่าง 7. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชเป็นการช่วยลดปริมาณแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์ และเป็นการชว่ ยเพิ่มแกส๊ ออกซเิ จนในอากาศ ชัว่ โมงที่ 2 ข้นั สำรวจคน้ หำ (Explore) (ตอ่ ) 8. ครูสนทนากับนักเรียนว่า จากที่นักเรียนได้ศึกษาการสร้างอาหารของพืชแล้ว นักเรียนคิดว่า ใบพืช สามารถสร้างอาหารประเภทใด และสะสมไว้ในรปู แบบใด (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทา้ งานรายบคุ คล) 9. ครูก้าหนดปัญหาให้นักเรียนกลุ่มเดิม (จากช่ัวโมงท่ี 1) ร่วมกันสืบค้นข้อมูลว่า ใบสร้างอาหาร ประเภทใด 10. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันตังสมมติฐานหลายๆ ข้อ แล้วเลือกสมมติฐานที่อาจเป็นไปได้มา ด้าเนินการศึกษา โดยบันทึกลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนา้ 38 ตัวอย่างสมมติฐาน : ถ้าน้าใบไม้มาต้มจนสารสีเขียวหมดไป แล้วทดสอบด้วยการหยด สารละลายไอโอดีนไป ใบไมจ้ ะเปล่ยี นเปน็ สีนา้ เงินเข้มแสดงวา่ ใบพชื มีหน้าทีส่ ร้างอาหาร (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการท้างานกล่มุ ) 11. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาขันตอนการท้ากิจกรรมท่ี 3 เร่ือง พืชสร้างอาหาร จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 42-43 แล้วรว่ มกันวางแผนและจดั เตรียมอุปกรณ์ในการท้ากจิ กรรม 12. นักเรียนแต่ละกลุ่มท้าการกิจกรรมตามขันตอนแล้วบันทึกผลการท้ากิจกรรมลงในสมุดประจ้าตัว นักเรยี นหรอื ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 38 โดยครูดแู ลนกั เรียนอยา่ งใกล้ชิดตลอดระยะเวลาที่ ปฏิบตั ิกจิ กรรม 1
91 ขั้นอธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. สมาชิกแต่ละกลุ่มน้าผลการท้ากิจกรรมท่ี 3 มาวิเคราะห์และตรวจสอบความถูกต้อง แล้วอภิปราย รว่ มกนั ภายในกลุม่ เพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ สรปุ ทีถ่ กู ตอ้ ง 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมาน้าเสนอผลการท้ากิจกรรมท่ี 3 หนา้ ชันเรียน 3. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการท้ากิจกรรมที่ 3 จนได้ข้อสรุปว่า ใบพืชท้าหน้าที่ สร้างอาหาร อาหารท่ีพืชสร้างขึนมาครังแรกเป็นน้าตาล แล้วจะเปลี่ยนเป็นแป้ง เมื่อทดสอบด้วย สารละลายไอโอดีน จึงเปล่ียนเปน็ สนี ้าเงินเขม้ ขันสรุป ข้นั ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนตอบค้าถามกระตุ้นความคิดว่า บริเวณใดของใบท่ีมีแป้งสะสมอยู่ แล้วให้นักเรียน ชว่ ยกนั ตอบคา้ ถาม (แนวตอบ : บริเวณท่ีมสี เี ขยี ว) 2. ครูให้นักเรียนดูแผนภาพกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช แล้วสนทนากับนักเรียนว่า กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืชมีความสา้ คญั อย่างไรบ้าง 3. นักเรียนจับกลุ่มเดิม แล้วร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง จากหนังสือ เรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 45 หรอื จากแหล่งการเรยี นรู้อน่ื ๆ เช่น อินเทอร์เนต็ เป็นตน้ 4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับความส้าคัญของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแส ง ของพชื ว่า มีประโยชนต์ ่อการดา้ รงชีวติ ของมนุษยอ์ ย่างไร 5. ครูขออาสาสมัครนักเรยี นแต่ละกล่มุ ออกมาน้าเสนอผลการอภิปรายทีห่ นา้ ชนั เรียน 6. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มท้ารายงาน เร่ือง ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตและการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช แล้วให้น้ามาส่งในชั่วโมงถัดไป โดยให้ครอบคลุมประเด็นตามท่ีก้าหนด ดงั นี 1) การอธิบายปัจจัยที่จา้ เปน็ ต่อการเจริญเติบโตของพืช 2) การอธิบายกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช (หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทา้ งานกล่มุ ) 7. ครูให้นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 43 ลงในสมุด ประจ้าตัวนกั เรียน หรอื ท้าในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 39 ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูขออาสาสมัครตัวแทนนักเรียน 2-4 คน ออกมาสรุปเกี่ยวกับการสร้างอาหารของพืช จากนันให้ ครูอธบิ ายเสรมิ ในส่วนท่บี กพร่อง 1
92 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤติกรรมการทา้ งานกลมุ่ และจากการน้าเสนอผลการทา้ กิจกรรมหนา้ ชันเรยี น 3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมท่ี 3 เร่ือง พืชสร้างอาหาร ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือใน แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ หน้า 38 4. ครตู รวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ในสมดุ ประจ้าตวั นักเรยี น หรือในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 39 5. ครตู รวจสอบรายงาน เรอ่ื ง ปจั จัยท่มี ีผลตอ่ การเจริญเติบโตและการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพชื 7. กำรวัดและประเมินผล รำยกำรวดั วิธีกำร เครื่องมือ เกณฑก์ ำรประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหวำ่ ง กำรจัดกิจกรรม กำรเรยี นรู้ 1) ผลบันทึกการทา้ - ตรวจสมุดประจา้ ตัว หรือ - สมดุ ประจา้ ตวั หรือ - ร้อยละ 60 กจิ กรรมท่ี 3 แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์ ป.4 เล่ม 1 หนา้ 38 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนา้ 38 2) รายงาน - ตรวจรายงาน - รายงาน - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 3) กจิ กรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมุดประจ้าตวั หรอื - สมุดประจา้ ตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์ ป.4 เลม่ 1 หน้า 39 วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 39 4) การนา้ เสนอผล - ประเมินการนา้ เสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ 2 การทา้ กจิ กรรม ผลการท้ากจิ กรรม น้าเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 5) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 การท้างาน การทา้ งานรายบุคคล การท้างานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล 6) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 การทา้ งานกลมุ่ การทา้ งานกลุ่ม การทา้ งานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 7) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2 อันพึงประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมนั่ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการท้างาน อันพึงประสงค์ 1
93 8. สอ่ื /แหลง่ กำรเรียนรู้ 8.1 ส่อื กำรเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิง่ มีชวี ติ 2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ความหลากหลายของส่ิงมชี วี ิต 3. วัสดุ-อปุ กรณ์การทดลองในกิจกรรมท่ี 3 เช่น นา้ แปง้ มัน จานหลมุ หลอดทดลอง เป็นต้น 4. ใบพชื สีตา่ งๆ เช่น ใบต้นโกสน ใบต้นครสิ ต์มาส ใบต้นบอนสี เปน็ ต้น 5. แผนภมู ิกระบวนการสรา้ งอาหารของพชื 6. แผนภาพกระบวนการสร้างอาหารของพชื 7. สมุดประจ้าตัวนักเรยี น 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. ห้องเรยี น 2. หอ้ งสมดุ 3. อินเทอรเ์ น็ต 1
94 แผนภูมิกระบวนการสรา้ งอาหารของพืช กระบวนกำรสรำ้ งอำหำรของพชื 1. พืชดูดแก๊ส 2. พืชดดู นา้ ผ่านรากเขา้ สู่ 3. คลอโรฟลิ ล์ในใบพชื เป็น คาร์บอนไดออกไซดจ์ าก ใบและสว่ นตา่ งๆ ของพชื ตวั ดูดกลนื แสง เข้ามาใช้ อากาศส่ใู บทางปากใบ เป็นแหล่งพลงั งาน แก๊สคำรบ์ อนไดออกไซด์ น้ำ คลอโรฟลิ ล์ และแสงอำทิตย์ กระบวนกำรสังเครำะหด์ ้วยแสง นา้ ตาล แกส๊ ออกซิเจน นา้ - เลยี งสว่ นต่างๆ ของลา้ ต้น - คายออกสู่บรรยากาศทาง - คายออกทางปากใบ - สว่ นท่เี หลอื พืชเกบ็ สะสม ปากใบ ช่วยทา้ ให้อากาศ ชว่ ยทา้ ใหอ้ ากาศชมุ่ ชนื บรสิ ทุ ธ์ิ ไวใ้ นสว่ นตา่ งๆ ในรูปของ แปง้ 1
95 แผนภาพกระบวนการสรา้ งอาหารของพืช คลอโรฟิลลด์ ดู กลนื แสง น้า น้า ออกซเิ จน คารบ์ อนไดออกไซด์ การหายใจ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ออกซเิ จน คารบ์ อนไดออกไซด์ คารบ์ อนไดออกไซด์ ออกซเิ จน น้า น้า แผนภำพกำรสร้ำงอำหำรของพืช 1
96 แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ 9 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี 4 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 ควำมหลำกหลำยของสิ่งมีชวี ติ ภำคเรียนที่ 1 เร่อื ง สว่ นประกอบของดอก เวลำ 3 ชั่วโมง ครูผสู้ อน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด ว 1.2 ป.4/1 บรรยายหน้าทข่ี องราก ลา้ ตน้ ใบ และดอก ของพชื ดอกโดยใชข้ ้อมูลท่รี วบรวมได้ 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. สังเกต ระบุ และบรรยายส่วนประกอบและหน้าที่ของสว่ นประกอบของดอกได้ (K) 2. ปฏบิ ัติกิจกรรมเพ่ือสังเกตส่วนประกอบของดอกไดต้ ามขันตอนได้ (P) 3. มีความสนใจและกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถนิ่ ดอกของพืช ท้าหน้าท่ีสืบพันธ์ุ ดอกของพืช พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ซึ่งแต่ละส่วนจะท้าหน้าท่ี แตกต่างกัน 4. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด ดอกของพืชท้าหน้าที่สืบพันธุ์ ดอกของพืชโดยท่ัวไปประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ กลีบเลียง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ซ่ึงแต่ละสว่ นประกอบของดอก จะท้าหนา้ ท่แี ตกต่างกนั 5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 1. มีวินัย 1) ทักษะการสังเกต 2. ใฝ่เรยี นรู้ 2) ทักษะการสา้ รวจคน้ หา 3. มุ่งม่นั ในการทา้ งาน 3) ทักษะการระบุ 4) ทักษะการใหเ้ หตุผล 5) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 1
97 6. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ขนั นา้ ขัน้ กระตุ้นควำมสนใจ (Engage) 1. ครูให้น้าตัวอย่างดอกไม้ 2 ชนิดมาให้นักเรียนดู (เช่น ดอกกุหลาบและดอกชบา) แล้วให้ร่วมกัน อภปิ รายว่า ดอกไมท้ งั 2 ดอกนี มีส่วนประกอบเหมอื นกันหรอื แตกต่างกนั อยา่ งไรบ้าง (แนวตอบ : ขึนอยกู่ ับตวั อย่างดอกไมท้ ่คี รูนา้ มาเป็นตัวอย่าง) 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า พืชในโลกนีมีมากมายหลายชนิด พืชบางชนิดมีดอก พืชบางชนิดไม่มี ดอก พืชดอกจะอาศัยดอกในการสืบพันธุ์ ซ่ึงต้องอาศัยส่วนประกอบของดอกท้าหน้าที่เก่ียวข้องกบั การสบื พนั ธุ์ ขนั สอน ขั้นสำรวจค้นหำ (Explore) 1. ครใู ห้นกั เรยี นรว่ มกันศกึ ษาบตั รภาพสว่ นประกอบของดอกไม้ชนิดต่างๆ ท่ีครูแจกให้ จากนนั ครูถาม คา้ ถามเพื่อกระตนุ้ ความคดิ นักเรียน ดังนี 1) ดอกไม้ทุกชนิดมสี ว่ นประกอบครบทัง 4 สว่ นหรอื ไม่ (แนวตอบ : ขนึ อยกู่ บั ตัวอยา่ งของดอกไมท้ อ่ี ยู่ในบตั รภาพ) 2) ส่วนประกอบใดของดอกไม้ที่ท้าหนา้ ท่ีในการสืบพนั ธุ์ (แนวตอบ : เกสรเพศผูแ้ ละเกสรเพศเมีย) 3) ดอกไม้ที่มีลักษณะของส่วนประกอบแต่ละส่วนแตกต่างกัน เช่น มีลักษณะเกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมียต่างกัน มีสีของกลีบดอกไม่เหมือนกัน จะใช้ดอกในการสืบพันธุ์ได้ เหมอื นกนั หรอื ไม่ อย่างไร (แนวตอบ : ได้เหมือนกัน เพราะดอกไม้แต่ละดอกจะใช้เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียที่ อยู่ภายในดอกในการสบื พันธ์ุ) 2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มแบบคละความสามารถ (เก่ง-ค่อนข้างเก่ง-ปานกลาง-อ่อน) กลุ่มละ 4 คน จากนันครูแจ้งว่าจะให้นักเรียนได้ท้ากิจกรรมการส้ารวจและสังเกตส่วนประกอบของดอกไม้ใน กิจกรรมที่ 4 เร่ือง ส่วนประกอบของ จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หนา้ 46 โดยครูแจง้ จดุ ประสงคข์ องการทา้ กจิ กรรมให้นกั เรยี นทราบก่อนท้ากิจกรรม 3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันท้ากจิ กรรมที่ 4 เรอื่ ง สว่ นประกอบของ โดยปฏิบตั กิ จิ กรรม ดงั นี 1
98 4) ให้ร่วมกันศึกษาขันตอนการท้ากิจกรรมจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 46 อย่าง ละเอยี ด หากมีขอ้ สงสัยใหส้ อบถามครู 5) ร่วมกนั ก้าหนดปญั หาและตงั สมมตฐิ านในการท้ากิจกรรม แล้วบนั ทกึ ผลลงในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 หน้า 41 6) ร่วมกนั ท้ากจิ กรรมตามขันตอนให้ครบถว้ นและถูกต้องทุกขนั ตอน จากนันบนั ทกึ ผล 7) แต่ละกล่มุ รว่ มกนั สรุปผลการท้ากิจกรรมภายในกล่มุ และบนั ทึกผล ชั่วโมงที่ 2 ข้นั อธบิ ำยควำมรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่และส่วนประกอบของดอกจากหนังสือเรียน วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 47 หรอื ครูอาจเปิด PPT เรอื่ ง ส่วนประกอบของดอก ให้นกั เรยี นดู จากนันนา้ ให้ ชว่ ยกนั รวบรวมข้อมลู เพื่อน้าไปอภิปรายและสรปุ รวมกับผลการท้ากิจกรรมที่ 4 เรือ่ ง ส่วนประกอบ ของดอก 2. ครใู หน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมาน้าเสนอผลการทา้ กจิ กรรมหน้าชันเรยี น 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึกผลการสา้ รวจดอกไม้ของเพ่ือนกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ซ้ากับกลุ่มของตนเอง ลงใน สมดุ ประจ้าตัวนักเรียน 4. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปว่า มีดอกไม้ที่น้ามาท้ากิจกรรมก่ีชนิด อะไรบ้าง จากนันให้น้าข้อมูลการ ทา้ กจิ กรรมมาอภิปรายและสรุปรว่ มกัน ดงั นี 1) มีดอกไมท้ ่มี ีส่วนประกอบครบทัง 4 สว่ นหรือไม่ เป็นดอกอะไรบ้าง 2) มีดอกไมท้ ม่ี เี กสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมียอยใู่ นดอกดยี วกันหรอื ไม่ เปน็ ดอกอะไรบา้ ง 3) มีดอกไมท้ ม่ี ีเกสรเพศผู้หรอื เกสรเพศเมยี เพยี งอย่างเดยี วหรอื ไม่ เป็นดอกอะไรบา้ ง (แนวตอบ : ขึนอยู่กบั ผลการท้ากจิ กรรม ให้อยู่ในดลุ ยพินิจของครผู ูส้ อน) ขนั สรปุ ข้ันขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาแผนผังความคิดการจ้าแนกดอกของพืชโดยใช้เกณฑ์ต่างๆ จาก ใบความรู้ที่ 1.1 เร่ือง การจ้าแนกดอกของพืช ที่ครูแจกให้ แล้วให้ช่วยกันจ้าแนกดอกของพืชท่ี นา้ มาทา้ กิจกรรม โดยจดั ท้าเปน็ แผนผังหรือแผนภาพลงในกระดาษแข็ง 2. แต่ละกลุ่มมส่งตัวแทนน้าเสนอผลการจ้าแนกดอกของพืช โดยครูสุ่มเลือกตัวแทนแต่ละกลุ่มให้ ออกมาน้าเสนอหน้าชันเรียนด้วยวิธีการจับสลากเลือกล้าดับกลุ่ม จากนันแต่ละกลุ่มเปรียบเทียบ ข้อมูลของกลมุ่ ตนเองและกลุม่ อ่ืนๆ 1
99 3. ครูถามค้าถามนักเรียนเพ่ือขยายความรู้ว่า ถ้านักเรียนไม่จ้าแนกดอกของพืชโดยใช้ส่วนประกอบ ของดอก หรอื เกสรในดอกเป็นเกณฑ์ จะสามารถจา้ แนกดอกของพชื โดยใชเ้ กณฑ์ใดไดอ้ ีกบา้ ง 4. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะคนแสดงความคิดเห็นและตอบค้าถามได้อยา่ งอสิ ระ จากนันครคู อยอธบิ ายเสริม และสรปุ เพม่ิ เตมิ (แนวตอบ : เชน่ จา้ นวนกลีบดอก สีของดอก ขนาดของดอก กลิ่นของดอก เปน็ ตน้ ) 5. ครูให้นักเรียนแต่ละคนติดภาพดอกไม้ที่ตนเองชอบคนละ 1 ชนิด ลงในกระดาษแข็ง แล้วลากเส้น ชีบอกส่วนประกอบประกอบของดอกไม้ จากนันจัดประกวดผลงานภายในชันเรียน โดยให้สมาชิก ภายในห้องโหวตเพ่ือให้คะแนนผลงาน หากนักเรียนคนใดได้รับคะแนนมากท่ีสุดถือเป็นผลงานท่ี ชนะเลศิ ซง่ึ ครอู าจใหร้ างวลั หรอื คา้ เชยเพอื่ เปน็ การเสรมิ แรงในการทา้ กจิ กรรม) 6. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เก่ียวกับส่วนประกอบของดอกจนได้ข้อสรุปว่า ดอกของพืชท้า หน้าที่สืบพันธ์ุ ดอกของพืชโดยท่ัวไปประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ กลีบเลียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ซ่ึงแต่ละส่วนประกอบของดอกจะท้าหน้าท่ีแตกตา่ งกัน โดยดอกของพืชบางชนดิ มีสว่ นประกอบครบทงั 4 ส่วน แต่บางชนิดอาจมสี ่วนประกอบไมค่ รบ 4 สว่ น 7. ครูให้นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 46 ลงในสมุด ประจา้ ตัวนกั เรียน หรอื ท้าในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 42 8. ครูให้นักเรียนแต่ละคนน้ากิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 1 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 48 ไปท้าเป็นการบ้าน โดยให้ท้าลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือให้นักเรียนท้าในใบงานท่ี 1.9 เร่ือง ความแตกต่างของสว่ นประกอบของดอกไม้ ทค่ี รูแจกใหแ้ ล้วนา้ มาส่งในชั่วโมงถดั ไป ช่วั โมงท่ี 3 ขนั้ ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) (ต่อ) 9. ครูสนทนากบั นักเรียนเพ่ือทบทวนความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับเนือหาท่ีได้เรยี นผ่านมาจากหน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 บทท่ี 2 หน้าท่ีของส่วนต่างๆ ของพืช โดยสุ่มเรียกช่ือนักเรียนให้ออกมาเล่าว่าตนเอง ไดร้ ับความรอู้ ะไรบา้ ง (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการท้างานรายบุคคล) 10. ให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้เก่ียวกับเร่ืองที่ได้เรียนมาจากบทที่ 2 ในรูปแบบต่างๆ เช่น แผนภาพ แผนผังความคิด เป็นต้น ลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรืออาจท้ากิจกรรมสรุปความรู้ประจ้าบทท่ี 2 ในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 43 11. นักเรยี นท้ากจิ กรรมฝึกทักษะบทท่ี 2 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 49-50 ข้อ 1-5 ลงในสมุด ประจา้ ตัวนกั เรยี น หรือทา้ ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 44-47 12. นักเรยี นแต่ละคนท้ากิจกรรมท้าทายการคิดขนั สูงในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า 48 13. ให้นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน จากนนั ศกึ ษากิจกรรมสร้างสรรคผ์ ลงานจากหนังสือเรยี นหน้า 50 แลว้ ใหป้ ฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยมขี นั ตอน ดังนี 1
100 ใหแ้ ต่ละกลุ่มไปส้ารวจสว่ นประกอบภายในดอกของพืชตา่ งๆ 10 ชนิด ในบรเิ วณโรงเรียน หรอื ชุมชน น้าข้อมูลมาจัดท้าเป็นสมุดภาพ โดยวาดภาพหรือติดภาพพืช พร้อมบอกชื่อและ สว่ นประกอบภายในดอกของพืชแตล่ ะชนดิ ตกแตง่ สมดุ ใหส้ วยงาม แล้วน้าไปวางไวท้ ่ีมมุ อา่ นหนงั สอื ตามจดุ ต่างๆ ของโรงเรียนเพื่อให้ ความรู้ ครูให้นักเรียนท้าแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต จาก แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 50-53 14. ครูให้นักเรียนท้าแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง ความหลากหลายของ สงิ่ มีชีวิต เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจหลังเรยี น ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ให้นักเรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 48 จากนันครูถามนักเรียน เป็นรายบุคคลตามรายการข้อ 1-5 จากตาราง เพ่ือเป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียน หลังจากการเรียน หากนักเรียนคนใดตรวจสอบตนเองโดยให้อยู่ในเกณฑ์ที่ควรปรับปรุง ให้ครูทบทวน บทเรียนหรือหากจิ กรรมอืน่ ซอ่ มเสรมิ เพอ่ื ให้นกั เรยี นมคี วามร้คู วามใจในบทเรยี นมากขึน 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาแผนผังความคิดสรุปสาระส้าคัญประจ้าหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ในหนังสือ เรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 51 จากนันครูสุ่มเลือกนักเรียนเป็นรายบุคคลให้บอกเล่าความรู้ความเข้าใจท่ี ไดร้ บั จากการเรยี นในหน่วยการเรียนรู้นี 3. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤติกรรมการท้างานกลุ่ม และจากการนา้ เสนอผลการท้ากิจกรรมหน้าชันเรยี น 4. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมที่ 4 เร่ือง ส่วนประกอบของดอก ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือใน แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 41 5. ครตู รวจสอบผลแผนผงั หรอื แผนภาพการจ้าแนกดอกของพืชในกระดาษแขง็ 6. ครตู รวจสอบผลภาพดอกไมท้ ่ตี นเองชอบคนละ 1 ชนดิ ในกระดาษแข็ง 7. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 42 8. ครตู รวจสอบผลการท้ากจิ กรรมพฒั นาการเรียนรูท้ ี่ 1 ในสมุดประจา้ ตวั นกั เรยี น หรือในใบงานที่ 1.9 9. ครูตรวจผลการท้ากิจกรรมสรุปความรู้ประจ้าบทท่ี 2 ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 43 10. ครูตรวจผลการท้ากิจกรรมฝึกฝนทักษะบทท่ี 2 ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ หน้า 44-47 1
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247