151 รำยกำรวดั วิธกี ำร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ำรประเมิน - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2 4) การน้าเสนอผลงาน/ - ประเมินการนา้ เสนอ การนา้ เสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ ผลการทา้ กิจกรรม ผลงาน/ผลการทา้ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การท้างานรายบุคคล - ระดบั คณุ ภาพ 2 กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 5) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม การท้างานกลุ่ม - ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ท้างาน การท้างานรายบุคคล - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ - ระดับคุณภาพ 2 รายบุคคล อนั พึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ 6) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม ทา้ งาน การทา้ งานกลุ่ม กล่มุ 7) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ัย อันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่ัน ในการทา้ งาน 8. สื่อ/แหลง่ กำรเรียนรู้ 8.1 ส่อื กำรเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 วัสดแุ ละสสาร 2. แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 วสั ดแุ ละสสาร 3. วสั ดุ-อุปกรณ์การทดลองในกจิ กรรมท่ี 1 เชน่ ตะปู ยางลบ แผน่ ไม้ เปน็ ตน้ 4. Powerpoint เร่ือง สมบัติทางกายภาพของวัสดุ (ความแข็งของวสั ดุ) 5. สมดุ ประจา้ ตวั นักเรียน 8.2 แหลง่ กำรเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. หอ้ งเรียน 3. อินเทอรเ์ นต็ 1
152 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 3 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ชั้นประถมศึกษำปที ี่ 4 หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ 3 วสั ดแุ ละสสำร ภำคเรียนที่ 2 เรอ่ื ง สภำพยดื หยนุ่ ของวสั ดุ เวลำ 3 ชั่วโมง ครผู ูส้ อน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำน/ตัวช้ีวัด ว 2.1 ป.4/1 เปรียบเทียบสมบตั ทิ างกายภาพดา้ นความแข็ง สภาพยืดหยนุ่ การน้าความร้อน และการน้าไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์จากการทดลองและระบุ การน้าสมบัตเิ ร่ืองความแขง็ สภาพยดื หยุ่น การนา้ ความรอ้ น และการน้าไฟฟา้ ของ วสั ดุไปใช้ในชีวติ ประจ้าวนั ผ่านกระบวนการออกแบบชนิ งาน ว 2.1 ป.4/2 เปรยี บเทยี บสมบัติทางกายภาพดา้ นความแขง็ สภาพยดื หยนุ่ การน้าความร้อน และการนา้ ไฟฟา้ ของวสั ดโุ ดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษจ์ ากการทดลองและระบุการ นา้ สมบัติเรื่องความแขง็ สภาพยดื หยุ่น การน้าความร้อน และการน้าไฟฟา้ ของวสั ดุ ไปใช้ในชีวิตประจ้าวนั ผา่ นกระบวนการออกแบบชินงาน 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวัสดุต่างๆ ได้ (K) 2. ยกตัวอย่างการน้าวัสดทุ ม่ี ีสมบัติสภาพยดื หยนุ่ มาใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจา้ วนั ได้ (K) 3. ทดลองสมบัตสิ ภาพยืดหยุ่นของวสั ดุต่างๆ ได้ (P) 4. เปรียบเทยี บสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวสั ดตุ า่ งๆ ได้ (P) 5. ส้ารวจการน้าวสั ดทุ ี่มสี มบตั สิ ภาพยดื หยนุ่ มาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจ้าวนั ได้ (P) 6. มีความรับผดิ ชอบในการส่งงานตรงเวลา (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง วัสดบุ างชนิดมสี มบัตทิ างกายภาพดา้ นสภาพ ยืดหย่นุ และสามารถใชว้ ัสดทุ ม่ี ีสภาพยดื หย่นุ ทา้ สิ่งของต่างๆ ได้ เชน่ หนังยางรดั สิง่ ของ เป็นตน้ 1
153 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด สภาพยืดหยุ่น คือ ลักษณะของวัสดุท่ีเม่ือถูกแรงมากระท้าแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไป และ สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เม่ือหยุดแรงกระท้าต่อวัสดุนัน การเรียนรู้เกี่ยวกับสมบัติด้านสภาพยืดหยุ่น ของวัสดุ ท้าให้น้าวัสดุต่างๆ มาใช้ท้าสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจ้าวันได้ตามสมบัติของวัสดุนันๆ อย่าง เหมาะสม 5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวินัย 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 1) ทักษะการสงั เกต 3. มุ่งมน่ั ในการท้างาน 2) ทักษะการส้ารวจค้นหา 3) ทักษะการตังสมมตฐิ าน 4) ทักษะการทดสอบสมมตฐิ าน 5) ทักษะการสรุปอา้ งองิ 6) ทกั ษะการนา้ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี 1 ขนั น้า ขั้นกระต้นุ ควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันนีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง อะไร แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบค้าถาม จากนันครูแจ้งช่ือเร่ืองที่จะเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ให้ นักเรียนทราบ 1
154 2. ครูตังค้าถามถามนักเรียนว่า วัสดุที่มีสภาพยืดหยุ่นมีลักษณะอย่างไร โดยให้นักเรียนแสดงความ คิดเห็นอย่างอิสระ จากนันครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า วัสดุท่ีมีสภาพยืดหยุ่น คือ วัสดุที่เม่ือถูกแรงมากระท้า แลว้ เกิดการเปลีย่ นแปลงรูปร่างไป และสามารถกลบั คืนสสู่ ภาพเดิมไดเ้ ม่ือหยุดแรงกระท้าต่อวสั ดุนัน 3. ครูชูฟองน้า ไม้บรรทัด ดินน้ามัน เส้นยาง เส้นด้าย และเชือกฟางให้นักเรียนสังเกต จากนันถาม คา้ ถามนกั เรยี นว่า นักเรียนคิดว่า วัตถชุ นดิ ใดมีสมบตั ดิ ้านสภาพยืดหยนุ่ โดยครยู งั ไมเ่ ฉลยค้าตอบ 4. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า นกั เรียนจะไดค้ ้าตอบจากการท้ากจิ กรรมที่ 3 เรือ่ งสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 12-13 ขันสอน ข้นั สำรวจคน้ หำ (Explore) 1. ครูใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค LT มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยให้นักเรียน แบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน จากนันกา้ หนดใหส้ มาชิกแตล่ ะคนภายในกลมุ่ มีบทบาทหนา้ ท่ีของตนเอง ดงั นี สมาชกิ คนที่ 1 : ทา้ หน้าท่ีเตรียมอปุ กรณ์ตา่ งๆ สมาชิกคนท่ี 2 : ท้าหน้าท่ีอา่ นลองทา้ ดู ท้าความเขา้ ใจ และน้ามาอธิบายให้สมาชกิ ภายในกลุ่มฟัง สมาชิกคนที่ 3 : ท้าหน้าทีบ่ นั ทกึ ผลการทดลอง สมาชิกคนท่ี 4 : ทา้ หน้าทนี่ า้ เสนอผลการทดลอง 2. สมาชิกคนที่ 1 เตรียมและตรวจสอบอุปกรณ์ทังหมดที่ใช้ในการท้ากิจกรรมท่ี 3 เร่ืองสภาพยืดหยุ่น ของวสั ดุ ตอนท่ี 1 จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 12-13 3. สมาชกิ คนที่ 2 อธิบายวิธที ้ากิจกรรมใหเ้ พอื่ นภายในกลมุ่ ฟัง เพือ่ ให้ปฏิบตั ติ ามได้ถกู ตอ้ ง 4. สมาชิกทุกคนในกลุ่มชว่ ยกันลงมือท้ากิจกรรมที่ 3 เร่ืองสภาพยืดหยุ่นของวสั ดุ ตอนที่ 1 จากหนังสือ เรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 12-13 แล้วบันทึกผลลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือ บันทึกผลลงใน แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หนา้ 13 ช่วั โมงท่ี 2 ข้ันอธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภปิ รายผลการท้ากิจกรรมภายในกลุ่ม จากนันช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้องเพอื่ เตรยี มความพร้อมในการนา้ เสนอหนา้ ชนั เรียน 2. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมาน้าเสนอผลการท้ากิจกรรมหนา้ ชันเรียนทลี ะกลุ่ม จนครบทุกกลมุ่ 3. ครูและเพือ่ นในชันเรยี นช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของแตล่ ะกลุ่ม 1
155 4. นักเรียนทุกคนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการท้ากิจกรรมให้ได้ว่า เส้นยางเม่ือถูกแรงดึงจะยึดออก และเมื่อปล่อยมือเส้นยางจะกลับคืนสู่สภาพเดิม ส่วนเส้นด้ายและเชอื กฟางเมื่อถูก แรงดึงจะไม่ยืดออก และเมื่อปล่อยมือเส้นด้ายและเชือกฟางยังคงอยู่ในสภาพเดิม แสดงว่า เส้นยางมีสภาพยืดหยุ่น ส่วน เส้นด้ายและเชือกฟางไม่มีสภาพยืดหยุ่น ดังนัน วัตถุท่ีท้าจากวัสดุต่างชนิดกันจะมีสภาพยืดหยุ่นไม่ เท่ากัน ขนั สรุป ข้ันขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนดูตัวอย่างบัตรภาพวัตถุในชีวิตประจ้าวัน แล้วสุ่มถามนักเรียนว่า วัตถุชินใดมีสมบัติ ด้านสภาพยดื หยุ่น 2. นักเรียนแต่ละคนช่วยกันท้ากิจกรรมที่ 3 เรื่อง สภาพยืดหยุ่นของวัสดุ ตอนที่ 2 จากหนังสือเรียน วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 13 โดยให้สืบค้นขอ้ มูลเกยี่ วกับการใชป้ ระโยชน์จากสมบตั ิดา้ นสภาพยดื หยุ่นของ วัสดทุ ีน่ ้ามาใชใ้ นชีวิตประจา้ วนั จากแหล่งข้อมลู ตา่ งๆ เช่น หนงั สอื อินเทอรเ์ น็ต เป็นตน้ 3. นักเรยี นแตล่ ะคนน้าภาพทไี่ ด้จากการสืบค้นมาติดหรือวาดภาพลงในสมุดงาน พร้อมตกแตง่ ให้ สวยงาม ชัว่ โมงที่ 3 ข้ันขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) (ต่อ) 4. นักเรียนจับคู่กับเพ่ือน จากนันให้ผลัดกันอธิบายภาพประโยชน์จากสมบัติสภาพยืดหยุ่นของวัสดุที่ น้ามาใชใ้ นชวี ิตประจ้าวันท่ตี นได้สบื ค้นมา 5. ครสู ุม่ ตวั แทนของแตล่ ะคู่ 3-4 คู่ จากนันให้ออกมาน้าเสนอผลทีไ่ ด้จากการสบื คน้ หนา้ ชันเรียน 6. นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 13 ลงในสมุด ประจา้ ตวั นักเรียน หรือทา้ ในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 14 7. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 2-3 คน ให้ออกมาอธิบายค้าตอบให้เพ่ือนฟังหน้าชันเรียน โดยมีครูคอย แนะนา้ เพิม่ เติมในสว่ นที่บกพร่อง 8. นักเรียนทุกคนอ่านข้อมูลในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 14 และศึกษาข้อมูลจาก Powerpoint เร่ือง สมบตั ิทางกายภาพของวัสดุ (สภาพยืดหยุ่นของวสั ด)ุ จากนันนักเรยี นรว่ มกนั สรุปความร้ทู ี่ได้ 9. ครูเสริมความร้เู พ่มิ เติมให้นักเรียนฟังว่า วสั ดจุ ้าพวกยางไดจ้ ากน้ายางที่กรดี จากตน้ ยางพารา จากนนั นา้ มาผา่ นกระบวนการทา้ เปน็ ยางแผน่ แล้วจึงนา้ ไปทา้ เป็นผลิตภัณฑ์ตา่ งๆ วสั ดุจ้าพวก ยาง จัดเปน็ 1
156 ประเภทพอลเิ มอร์ มกั มีสภาพยืดหยุ่นสงู จึงนยิ มใช้ท้าของเลน่ เชน่ ตกุ๊ ตายาง ลกู บอลยาง ลูกโป่ง เป็นตน้ นอกจากนี ยังน้ามาใชท้ ้ายางรถยนต์ หนัง ยางรัดส่ิงของ เป็นตน้ ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครใู หน้ กั เรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า สภาพยืดหยนุ่ เปน็ สมบตั ิของวสั ดุเมื่อ ถูกแรงมากระท้า เช่น ดึง บีบ กระแทก แล้วท้าให้วัสดุเปล่ียนขนาดหรือเปล่ียนรูปร่างไป แต่สามารถ กลับคนื สสู่ ภาพเดิมหรอื ใกลเ้ คียงสภาพเดิมได้เมอ่ื หยดุ แรงกระท้าต่อวัสดุนนั 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤตกิ รรมการท้างานกลุม่ และจากการนา้ เสนอผลการท้ากิจกรรมหนา้ ชันเรยี น 3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมที่ 3 เรื่อง สภาพยืดหยุ่นของวัสดุ ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือใน แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ หน้า 13 4. ครูตรวจสอบผลการทา้ กิจกรรมหนูตอบไดใ้ นสมุดประจ้าตัวนกั เรียน หรือในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 14 7. กำรวัดและประเมินผล รำยกำรวัด วธิ ีกำร เครอ่ื งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ 7.1 ประเมินระหว่ำง - สมุดประจา้ ตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ น แบบฝกึ หดั เกณฑ์ กำรจัดกิจกรรม วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 13 - ร้อยละ 60 ผา่ น กำรเรยี นรู้ เกณฑ์ - สมดุ ประจา้ ตวั หรอื 1) ผลบันทึกการทา้ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.4 กิจกรรมท่ี 3 หรอื แบบฝกึ หัด เล่ม 2 หนา้ 14 วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 13 2) กิจกรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมุดประจ้าตวั หรือแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 14 1
157 3) การน้าเสนอ - ประเมนิ การนา้ เสนอ - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2 ผลงาน/ ผลงาน/ผลการทา้ การน้าเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ กจิ กรรม ผลการท้ากจิ กรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 4) พฤติกรรมการ การทา้ งานรายบุคคล การทา้ งานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ทา้ งานรายบคุ คล การท้างานกลุ่ม การท้างานกลุ่ม - ระดับคณุ ภาพ 2 5) พฤตกิ รรม - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ัน คุณลกั ษณะ การทา้ งานกลุ่ม ในการทา้ งาน อนั พงึ ประสงค์ - ระดบั คุณภาพ 2 6) คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ อันพึงประสงค์ 8. สอ่ื /แหลง่ กำรเรียนรู้ 8.1 สอื่ กำรเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 วสั ดแุ ละสสาร 2. แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 วสั ดุและสสาร 3. วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 เช่น ไม้บรรทัด ดินน้ามัน เส้นยาง เส้นด้าย เชือกฟาง เป็นตน้ 4. บตั รภาพตัวอยา่ งวัตถุ 5. สมดุ ประจา้ ตัวนักเรยี น 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. หอ้ งเรียน 3. อนิ เทอร์เนต็ 1
158 บตั รภาพ เชือก ยางรถยนต์ ตกุ๊ ตายาง ตกุ๊ ตาผา้ 1
159 แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 4 กลมุ่ สำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์ ว 14101 ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี 4 หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 3 วัสดุและสสำร ภำคเรยี นท่ี 2 เร่อื ง กำรนำควำมรอ้ นของวัสดุ เวลำ 3 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นำงสำวอัมรำ โกษำรักษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำน/ตวั ชวี้ ดั ว 2.1 ป.4/1 เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การน้าความร้อน และการน้าไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลองและระบุ การน้าสมบัติเรื่อง ความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การน้าความร้อน และการน้าไฟฟ้า ของวสั ดุไปใชใ้ นชวี ติ ประจา้ วนั ผา่ นกระบวนการออกแบบชนิ งาน ว 2.1 ป.4/1 แลกเปลี่ยนความคดิ กับผอู้ ่ืนโดยการอภปิ รายเก่ียวกับสมบัติทางกายภาพของวัสดุ อย่างมเี หตุผลจากการทดลอง 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธบิ ายสมบัติดา้ นการนา้ ความรอ้ นของวสั ดตุ า่ งๆ ได้ (K) 2. ยกตวั อย่างการน้าวัสดุทม่ี ีสมบัตดิ ้านการนา้ ความรอ้ นมาใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจ้าวันได้ (K) 3. ทดลองสมบัตดิ ้านการน้าความร้อนของวสั ดตุ ่างๆ ได้ (P) 4. เปรียบเทยี บสมบัติดา้ นการน้าความร้อนของวสั ดุตา่ งๆ ได้ (P) 5. ส้ารวจการนา้ วสั ดทุ ี่มสี มบตั ิด้านการนา้ ความรอ้ นมาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจา้ วนั ได้ (P) 6. มคี วามรับผดิ ชอบในการสง่ งานตรงเวลา (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ ้องถน่ิ วัสดุบางชนิดมีสมบัติทางกายภาพด้านการน้า พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา ความร้อนได้ และสามารถใช้วัสดุที่มีสมบัติด้าน การน้าความร้อนทา้ อปุ กรณต์ ่างๆ ได้ เชน่ กระทะ เปน็ ตน้ 1
160 4. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด การน้าความร้อนของวัสดุ คือ การถ่ายโอนความร้อนผ่านของแข็งจากบริเวณท่ีมีอุณหภูมิสูงไปยัง บริเวณที่มีอุณหภูมิต้่า การเรียนรู้เกี่ยวกับสมบัติด้านการน้าความรอ้ นของวัสดุ ท้าให้น้าวัสดุต่างๆ มาใช้ทา้ ส่งิ ของเครอื่ งใชใ้ นชีวิตประจา้ วันไดต้ ามสมบัตขิ องวัสดุนันๆ อย่างเหมาะสม 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินยั 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทักษะการสงั เกต 3. ม่งุ มั่นในการทา้ งาน 2) ทักษะการสา้ รวจคน้ หา 3) ทักษะการตังสมมติฐาน 4) ทักษะการทดสอบสมมติฐาน 5) ทักษะการสรุปอ้างอิง 6) ทักษะการนา้ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ขันน้า ขัน้ กระต้นุ ควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันนีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเร่ือง อะไร แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบค้าถาม จากนันครูแจ้งชื่อเรื่องที่จะเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ให้ นักเรยี นทราบ 1
161 2. ครูน้าช้อนโลหะ ตะเกียบไม้ แท่งแก้วคนสาร หลอดพลาสติก มาให้นักเรียนสังเกต จากนันให้ นักเรียนร่วมกันอภิปรายและคาดเดาว่า วัตถุชนิดใดน้าความร้อนได้ดีที่สุด และวัตถุชนิดใด ไมน่ ้าความร้อน โดยครยู ังไมส่ รปุ ค้าตอบ 3. ครูตังค้าถามถามนักเรียนต่อว่า ท้าไมเราจึงไม่สามารถยกหม้อต้มน้าที่ก้าลังเดือดได้ แต่เมื่อ ใช้ผ้าหรือถุงมือผ้าจับจะท้าให้เราสามารถยกหม้อต้มน้าท่ีก้าลังเดือดได้ โดยครูยังไม่เฉลย ค้าตอบ 4. ครูอธิบายใหน้ ักเรียนฟังวา่ นักเรียนจะได้ค้าตอบจากการท้ากิจกรรมท่ี 4 เร่ือง การน้าความร้อนของ วัสดุ จากหนงั สือวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 15-16 ขันสอน ขัน้ สำรวจค้นหำ (Explore) 1. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนออกเป็นกลุ่มละ 4 คน และมีความสามารถคละกัน คือ เก่ง ปานกลาง (ค่อนข้างเกง่ ) ปานกลาง (คอ่ นขา้ งออ่ น) และออ่ น 2. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาขันตอนการทา้ กิจกรรมที่ 4 เร่ือง การน้าความร้อนของวัสดุ ตอนที่ 1 จาก หนังสอื วิทยาศาสตร์ หน้า 15-16 3. นักเรียนแต่ละคนช่วยกันสังเกตลักษณะของวัสดุต่างๆ จากนันลงความเห็นว่า วัตถุแต่ละชินท้ามา จากวัสดุชนิดใด แล้วบันทึกผลลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนา้ 17 4. นักเรียนช่วยกันก้าหนดปัญหาในการทดลองและตังสมมติฐาน ก้าหนดตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และ ตวั แปรควบคุม แล้วบนั ทกึ ลงในสมดุ ประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 17 5. กลมุ่ ชว่ ยกนั ทา้ การทดลองตามขนั ตอนในกิจกรรมที่ 4 โดยปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ดังนี 1) หยดน้าตาเทียนลงบนวัตถุที่น้ามาทดสอบอย่างละ 1 หยด โดยก้าหนดระยะห่างจาก ปลายของวัตถทุ ัง 4 ให้เทา่ ๆ กนั 2) น้าวัตถุทัง 4 ชนิด ใส่ในบีกเกอร์ท่ีมีน้าร้อนอยู่ แล้วตังทิงไว้ประมาณ 3-5 นาที สังเกต และจับเวลาการละลายของน้าตาเทียน จากนันบันทึกลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือ ท้าในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนา้ 17 3) เปรียบเทียบความรู้สึกร้อนเมื่อใช้มือจับวัตถุทัง 4 ชนิด ขณะแช่อยู่ในบีกเกอร์ โดยจับที่ ปลายของวตั ถุ แล้วสังเกตว่ารสู้ ึกรอ้ นหรอื ไม่ 1
162 ช่ัวโมงท่ี 2 ขั้นอธบิ ำยควำมรู้ (Explain) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการท้ากิจกรรมภายในกลุ่ม จากนันช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้องเพ่ือเตรยี มความพรอ้ มในการน้าเสนอหนา้ ชนั เรยี น 2. นักเรยี นแต่ละกลุม่ ออกมานา้ เสนอผลการท้ากจิ กรรมหนา้ ชนั เรยี นทลี ะกล่มุ จนครบทกุ กลมุ่ 3. ครแู ละเพ่อื นในชันเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของแตล่ ะกลุ่ม 4. นักเรียนทุกคนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการท้ากิจกรรมให้ได้ว่า วัสดุแต่ละชนิดน้าความร้อนได้ดี ไมเ่ ทา่ กัน เนือ่ งจากน้าตาเทียนท่อี ยูบ่ นปลายช้อนโลหะละลาย และเมื่อใชม้ อื สัมผสั ท่ปี ลายช้อนโลหะจะ รู้สึกร้อน ส่วนน้าตาเทียนที่อยู่บนหลอดพลาสติก ตะเกียบไม้ และแท่งแก้วคนสารไม่ละลาย เมื่อใช้มือ สัมผสั วตั ถุเหล่านันไมร่ สู้ กึ รอ้ น 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการน้าความร้อนให้นักเรียนฟังว่า เม่ือวัสดุชนิดนันได้รับความร้อนท่ี บริเวณใดบริเวณหนึง่ จะถ่ายโอนความรอ้ นไปสูบ่ รเิ วณอ่นื ๆ ด้วย ขนั สรปุ ข้นั ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามค้าถามนักเรียนว่า ในชีวิตประจ้าวันสิ่งของใดบ้างท่ีสามารถน้าความร้อน ได้ แลว้ ให้นกั เรยี นตอบค้าถามได้อยา่ งอิสระ 2. นักเรียนกลุ่มเดิม ช่วยกันท้ากิจกรรมที่ 4 เรื่อง การน้าความร้อนของวัสดุ ตอนท่ี 2 จากหนังสือ วิทยาศาสตร์ หน้า 16 โดยให้สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากสมบัติทางกายภาพด้านการ นา้ ความรอ้ นของวสั ดุทีน่ า้ มาใช้ในชวี ิตประจ้าวันจากแหลง่ ข้อมูลตา่ งๆ เช่น หนงั สอื อนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ ตน้ 3. น้าข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นมาจัดท้าเป็นใบความรู้ เร่ือง ประโยชน์จากการน้าความร้อนของวัสดุ เพ่ือ เผยแพร่ข้อมลู พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม ชัว่ โมงท่ี 3 ข้ันขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) (ต่อ) 4. นักเรยี นตวั แทนของแตล่ ะกลุม่ ออกมานา้ เสนอใบความรู้ท่ีไดจ้ ากการสืบคน้ หน้าชันเรยี น 5. นักเรียนทกุ คนรว่ มกันสรปุ สมบัติการนา้ ความร้อนของวัสดุ จนได้ข้อสรปุ ว่า การน้าความร้อน คอื สมบัติ ของวสั ดุทพ่ี ลังงานความรอ้ นสามารถถา่ ยโอนผา่ นวัสดุนไี ด้ แลว้ ชว่ ยกันยกตัวอย่างวสั ดุท่ีน้าความร้อนได้ 1
163 6. ครูใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิคคู่คิดส่ีสหาย โดยให้นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มเดิมท้ากิจกรรม หนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 16 ลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือท้าในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 18 7. เมอื่ นกั เรยี นแตล่ ะคนท้ากจิ กรรมเสร็จ ใหจ้ บั คูก่ ับเพ่ือนทอ่ี ยู่ในกลุ่มเดยี วกัน จะไดก้ ลุม่ ละ 2 คู่ 8. นักเรียนแต่ละคู่ช่วยกันตรวจสอบค้าตอบของการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ จากนันสนทนาซักถามซึ่งกัน และกนั จนเป็นทเ่ี ข้าใจร่วมกนั ทัง 2 คน 9. นักเรียนแต่ละคู่กลับมารวมกลุ่ม 4 คน จากนันแต่ละคู่ผลัดกันอธิบายค้าตอบของคู่ตนเองให้เพื่อนใน กลมุ่ ฟงั จากนันสนทนาซักถามซึ่งกนั และกัน จนเป็นท่ีเขา้ ใจร่วมกันทังกล่มุ 10. ครูเฉลยค้าตอบแล้วให้นักเรียนผลัดกันตรวจกิจกรรมหนูตอบได้ของเพื่อน จากนันเฉล่ียคะแนนของ แต่ละคเู่ ปน็ คะแนนของกลมุ่ 11. ครูกระตุ้นให้นักเรียนช่วยกันคิดว่า หากภาชนะหุงต้มท้าจากวัสดุท่ีน้าความร้อนได้ไม่ดี จะมีผลต่อการ นา้ ไปใช้งานหรือไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ : มีผล เนื่องจากหากภาชนะหุงต้มท้าจากวัสดุที่น้าความร้อนได้ไม่ดี อาจท้าให้ใช้เวลาในการ ประกอบอาหารนาน จึงควรใช้วัสดุทีน่ า้ ความร้อนไดด้ มี าใช้ท้าเป็นภาชนะหุงต้ม) 12. นักเรียนทุกคนอ่านข้อมูลในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 17 และศึกษาข้อมูลจาก Powerpoint เรอ่ื ง สมบตั ทิ างกายภาพของวสั ดุ (การน้าความร้อนของวสั ด)ุ แล้วนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรทู้ ่ีได้ 13. ครูเสริมความรู้ให้นักเรียนฟังว่า อะลูมิเนียมเป็นวัสดุที่ความร้อนนันผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวน้าความร้อน จึงนิยมน้ามาท้าภาชนะหุงต้มในส่วนท่ีต้องการความร้อน ส่วนพลาสติกเป็นวัสดุที่ความร้อนนันผ่านได้ ไม่ดีหรือผ่านไม่ได้ เรียกว่า ฉนวนความร้อน จึงนิยมน้ามาใช้เป็นส่วนประกอบของภาชนะหุงต้มในส่วน ที่ไมต่ ้องการใหม้ ีความรอ้ น ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูใหน้ ักเรยี นสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันวา่ เป็นสมบตั ิของวัสดทุ ี่พลงั งานความร้อน สามารถถ่ายโอนผา่ นวัสดุนไี ด้ 2. ครปู ระเมนิ ผลนกั เรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานกลุม่ และจาก การนา้ เสนอผลการทา้ กิจกรรมหน้าชนั เรยี น 3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมท่ี 4 เรื่อง การน้าความร้อนของวัสดุ ลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือ ในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ หน้า 17 4. ครูตรวจสอบผลการท้าใบความรู้ เร่ือง ประโยชน์จากการนา้ ความรอ้ นของวัสดุ 5. ครตู รวจสอบผลการทา้ กิจกรรมหนูตอบไดใ้ นสมดุ ประจ้าตวั นักเรยี น หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 18 1
164 7. กำรวัดและประเมินผล รำยกำรวดั วธิ กี ำร เครือ่ งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ 7.1 ประเมินระหวำ่ ง กำรจดั กิจกรรม กำรเรยี นรู้ 1) ผลบันทึกการท้า - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั - สมุดประจา้ ตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 กิจกรรมที่ 4 หรือแบบฝึกหดั แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 วิทยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 17 เล่ม 2 หน้า 17 2) อธิบายสมบัติการ - ตรวจใบความรู้ เรอ่ื ง - ใบความรู้ เรื่อง สมบัติ - ร้อยละ 60 นา้ ความร้อนของ การนา้ ความร้อนของ การน้าความร้อนของ ผา่ นเกณฑ์ วสั ดุ วสั ดุ วสั ดุ 3) กิจกรรมหนูตอบได้ - ตรวจสมดุ ประจา้ ตัว - สมดุ ประจา้ ตวั หรือ - ร้อยละ 60 หรอื แบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั ผ่านเกณฑ์ วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 18 เล่ม 2 หน้า 18 4) การนา้ เสนอ - ประเมนิ การนา้ เสนอ - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2 ผลงาน/ ผลงาน/ผลการท้า การน้าเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ ผลการทา้ กจิ กรรม กจิ กรรม 5) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 การทา้ งาน การทา้ งานรายบุคคล การท้างานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คล 6) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 การท้างานกลุ่ม การท้างานกลุ่ม การท้างานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 7) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2 อนั พึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มน่ั คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ ในการทา้ งาน อันพึงประสงค์ 1
165 8. ส่อื /แหลง่ กำรเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื กำรเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 วัสดแุ ละสสาร 2. แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 วสั ดุและสสาร 3. วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 4 เช่น เทียนไข ช้อนโลหะ ตะเกียบไม้ แท่งแก้วคนสาร หลอดพลาสติก นา้ รอ้ นจดั ไมข้ ดี ไฟ บกี เกอร์ เปน็ ต้น 4. Powerpoint เรื่อง สมบตั ทิ างกายภาพของวัสดุ (การนา้ ความร้อนของวสั ดุ) 5. สมดุ ประจา้ ตวั นกั เรยี น 8.2 แหล่งกำรเรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. หอ้ งเรยี น 3. อินเทอรเ์ น็ต 1
166 แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ่ี 5 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ ว 14101 ช้ันประถมศึกษำปที ่ี 4 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 3 วัสดแุ ละสสำร ภำคเรียนที่ 2 เร่ือง กำรนำไฟฟำ้ ของวัสดุ เวลำ 4 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำน/ตวั ชี้วัด ว 2.1 ป.4/1 เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การน้าความร้อน และการน้าไฟฟ้าของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลองและระบุ การน้าสมบัติเร่ือง ความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การน้าความร้อน และการน้าไฟฟ้า ของวัสดไุ ปใช้ในชวี ติ ประจ้าวนั ผา่ นกระบวนการออกแบบชนิ งาน ว 2.1 ป.4/1 แลกเปล่ียนความคิดกับผู้อื่นโดยการอภิปรายเกย่ี วกับสมบัติทางกายภาพของวัสดุ อยา่ งมเี หตผุ ลจากการทดลอง 2. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธบิ ายสมบัติด้านการนา้ ไฟฟ้าของวัสดตุ ่างๆ ได้ (K) 2. ยกตัวอย่างการนา้ วสั ดุที่มีสมบตั ิดา้ นการน้าไฟฟ้ามาใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจา้ วันได้ (K) 3. ทดลองสมบตั ิด้านการน้าไฟฟ้าของวสั ดุตา่ งๆ ได้ (P) 4. เปรยี บเทยี บสมบัตดิ า้ นการน้าไฟฟ้าของวัสดุต่างๆ ได้ (P) 5. สา้ รวจการนา้ วัสดุที่มสี มบตั ิด้านการน้าไฟฟ้ามาใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจา้ วนั ได้ (P) 6. วเิ คราะหก์ ารนา้ วัสดทุ ม่ี ีสมบัตดิ า้ นการน้าไฟฟ้ามาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ้าวนั ได้ (P) 7. มีความรับผิดชอบในการสง่ งานตรงเวลา (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรทู้ ้องถนิ่ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง วัสดบุ างชนดิ มสี มบัติทางกายภาพด้านการนา้ ไฟฟา้ ได้ และสามารถใช้วสั ดุที่มสี มบตั ดิ ้านการน้า ไฟฟา้ ท้าอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เช่น สายไฟ เปน็ ต้น 1
167 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด การนา้ ไฟฟ้าของวสั ดุ คอื สมบัติของวสั ดุทพี่ ลังงานไฟฟา้ สามารถถ่ายโอนผา่ นวสั ดชุ นดิ นันได้ การเรยี นรู้ เก่ียวกับสมบัติด้านการน้าไฟฟ้าของวัสดุ ท้าให้น้าวัสดุต่างๆ มาใช้ท้าสิ่งของเคร่ืองใช้ในชีวิตประจ้าวันได้ ตามสมบตั ขิ องวสั ดุนันๆ อยา่ งเหมาะสม 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินยั 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. มงุ่ มน่ั ในการท้างาน 2) ทกั ษะการสา้ รวจคน้ หา 3) ทกั ษะการตงั สมมตฐิ าน 4) ทกั ษะการทดสอบสมมติฐาน 5) ทกั ษะการสรปุ อ้างองิ 6) ทักษะการนา้ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ชัว่ โมงท่ี 1 ขันน้า ขั้นกระต้นุ ควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันนีจะได้เรียนรู้เก่ียวกับเร่ือง อะไร แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบค้าถาม จากนันครูแจ้งชื่อเรื่องที่จะเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ให้ นักเรียนทราบ 1
168 2. ครูน้าตัวอย่างเส้นลวด ตะเกียบไม้ ตะปู หนังยาง ผ้าเช็ดหน้า ช้อนโลหะ กระดาษ บีกเกอร์ มาให้ นักเรยี นดู และร่วมกันอภปิ รายและคาดเดาวา่ วสั ดุชนิดใดนา้ ไฟฟ้าและวัสดชุ นิดใดไม่น้าไฟฟ้า ทราบได้ อย่างไร 3. ครอู ธบิ ายให้นกั เรียนฟงั วา่ การนา้ ไฟฟา้ เป็นสมบัติของวสั ดทุ ่ีพลังงานไฟฟา้ สามารถเคลื่อนท่ผี า่ นวัสดุ นนั ๆ ได้ 4. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังวา่ นักเรียนจะได้ค้าตอบจากการท้ากิจกรรมท่ี 5 เรื่อง การน้าไฟฟ้าของวสั ดุ จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 18-19 ขันสอน ขั้นสำรวจค้นหำ (Explore) 1. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียนกลุ่มละ 4 คน และมีความสามารถคละกัน คือ เก่ง ปานกลาง (ค่อนข้างเก่ง) ปานกลาง (คอ่ นขา้ งอ่อน) และอ่อน 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาขันตอนการท้ากิจกรรมที่ 5 เรื่อง การน้าไฟฟ้าของวัสดุ ตอนที่ 1 จาก หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 18-19 จากนันช่วยกันท้าการทดลองตามขันตอน แล้วบันทึกลงในสมุด ประจา้ ตวั นักเรียน หรือท้าในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 21 ช่ัวโมงท่ี 2 ขั้นอธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการท้ากจิ กรรมภายในกล่มุ และช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง เพือ่ เตรียมความพรอ้ มในการนา้ เสนอหนา้ ชนั เรยี น 2. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมาน้าเสนอผลการทา้ กิจกรรมหนา้ ชันเรียนทลี ะกลุ่ม จนครบทกุ กลุ่ม 3. ครูและเพ่อื นช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ งของแตล่ ะกลมุ่ 4. นักเรียนทุกคนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการท้ากิจกรรมให้ได้ว่า วัสดุแต่ละชนิดน้าความร้อนได้ดี ไม่เท่ากนั เน่อื งจากน้าตาเทียนท่อี ยู่บนปลายช้อนโลหะละลาย และเมื่อใช้มอื สัมผสั ที่ปลายช้อนโลหะจะ รู้สึกร้อน ส่วนน้าตาเทียนที่อยู่บนหลอดพลาสติก ตะเกียบไม้ และแท่งแก้วคนสารไม่ละลาย เมื่อใช้มือ สมั ผสั วัตถุเหลา่ นนั ไม่รูส้ กึ รอ้ น 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการน้าความร้อนให้นักเรียนฟังว่า เมื่อวัสดุชนิดนันได้รับความร้อนที่ บริเวณใดบริเวณหน่ึง จะถา่ ยโอนความรอ้ นไปสบู่ ริเวณอ่นื ๆ ดว้ ย 1
169 ชัว่ โมงที่ 3 ขนั สรุป ขั้นขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) 1. ครสู นทนากับนักเรยี นโดยถามค้าถามนักเรยี นว่า ในชวี ติ ประจ้าวนั สง่ิ ของใดบ้างทีส่ ามารถน้าไฟฟ้าได้ แลว้ ใหน้ กั เรียนตอบคา้ ถามได้อยา่ งอิสระ 2. นักเรียนจับกลุ่มเดิม คือ กล่มุ ละ 4 คน และมีความสามารถคละกนั คอื เกง่ ปานกลาง (ค่อนข้างเก่ง) ปานกลาง (ค่อนขา้ งอ่อน) และอ่อน 3. สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันท้ากิจกรรมท่ี 5 เรื่อง การน้าไฟฟ้าของวัสดุ ตอนที่ 2 จากหนังสือ วิทยาศาสตร์ หน้า 19 โดยให้สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการใช้ประโยชน์ จากสมบัติทางกายภาพด้านการ น้าไฟฟ้าของวสั ดทุ ่ีนา้ มาใชใ้ นชีวติ ประจา้ วนั จากแหลง่ ขอ้ มลู ตา่ งๆ เชน่ หนงั สอื อนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ ตน้ 4. นักเรียนน้าข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นมาจดั ท้าเป็นแผ่นพับให้ความรู้ เรื่อง ประโยชน์จากการนา้ ไฟฟ้า ของวัสดแุ ละตกแต่งให้สวยงาม 5. ตวั แทนของแต่ละกลุม่ ออกมานา้ เสนอแผน่ พับให้ความรู้ เรอ่ื ง ประโยชน์จากการน้าไฟฟ้าของวสั ดุ 6. ครสู รุปความรู้เพิ่มเตมิ ให้นักเรียนฟังว่า การน้าไฟฟ้าของโลหะน้ามาใช้ประโยชน์ได้ เชน่ ทองแดงใช้ท้า ส่วนประกอบของเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า เช่น เตารีด หลอดไฟ เป็นต้น ส่วนวัสดุที่ไม่นา้ ไฟฟ้าสามารถน้ามาใช้ ป้องกันไฟฟ้ารัว่ หรอื ไฟฟ้าดดู เชน่ ปลัก๊ ไฟ สายไฟ แล้วครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรียนซักถามในสว่ นท่สี งสัย ชั่วโมงที่ 4 ขน้ั ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaborate) (ต่อ) 7. นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 19 ลงในสมุดประจ้าตัว นกั เรยี น หรอื ท้าในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ หน้า 22 8. ครูใช้เทคนิคคู่คิด โดยให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือน แล้วน้าค้าตอบของตนเองมาเปรียบเทียบกับคู่ของ ตนเอง และใหผ้ ลัดกนั อภปิ รายคา้ ตอบ 9. หากนักเรียนเกดิ ขอ้ สงสยั ให้ท้าการสืบค้นเพ่มิ เติมเพ่ือหาคา้ ตอบ 10. ครูสุ่มตัวแทน 4-5 คู่ เพื่อให้ออกมาอธิบายค้าตอบให้เพ่ือนฟังหน้าชนั เรียน โดยมีครูคอยตรวจสอบ ความถูกตอ้ งของคา้ ตอบ 11. นกั เรียนทกุ คนอ่านข้อมูลในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ หนา้ 20 และศึกษาข้อมูลจาก Powerpoint เร่อื ง สมบัติทางกายภาพของวสั ดุ (การนา้ ไฟฟ้าของวสั ด)ุ จากนันนักเรียนร่วมกนั สรุปความรูท้ ่ีได้จากการอ่าน 1
170 12. ครเู สรมิ ความรใู้ หน้ ักเรยี นฟงั ว่า ทองแดง เปน็ วัสดทุ ่ีให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ เรยี กวา่ ตัวน้าไฟฟ้า จึง สามารถน้ามาใชท้ า้ อปุ กรณ์ เครื่องใชไ้ ฟฟา้ เช่น สายไฟสว่ นพลาสตกิ เป็นวสั ดุทีก่ ระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน ไมไ่ ด้ จึงสามารถน้ามาท้าอุปกรณ์ปอ้ งกนั ไฟฟา้ ดดู เช่น ปลอกห้มุ สายไฟ 13. นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ 1 จากหนังสือเรียน หน้า 21 ลงในสมุดประจ้าตัว นกั เรียน หรือทา้ ในใบงานท่ี 3.1 เร่ือง การเลอื กใช้วัสดุ 14. นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมสรุปความรู้บทที่ 1 ลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือท้าในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ หน้า 23 15. นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมฝึกทักษะบทท่ี 1 จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 22-23 ลงในสมุด ประจา้ ตัวนกั เรียน หรือท้าลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 24-26 16. นักเรียนทุกคนท้ากิจกรรมทา้ ทายการคิดขนั สงู บทที่ 1 ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 27 17. นักเรียนกลุ่มเดิมช่วยกันท้ากิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 23 หรือ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หนา้ 28 เปน็ การบา้ น ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ใหน้ ักเรยี นดตู ารางตรวจสอบตนเอง จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ หนา้ 21 จากนนั ครถู ามนักเรียนเป็น รายบุคคลตามรายการข้อ 1-5 จากตาราง เพื่อเป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียน หลังจากการเรียน หากนักเรียนคนใดตรวจสอบตนเองโดยให้อยู่ในเกณฑ์ท่ีควรปรับปรุง ให้ครูทบทวน บทเรยี นหรอื หากจิ กรรมอ่ืนซ่อมเสริม เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในบทเรียนมากขนึ 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานกลุ่ม และจาก การน้าเสนอผลการทา้ กจิ กรรมหน้าชนั เรียน 3. ครูตรวจสอบผลการทา้ กิจกรรมท่ี 5 เรื่อง การน้าไฟฟา้ ของวสั ดุ ในสมุดหรอื ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ หนา้ 21 4. ครูตรวจสอบผลงานแผน่ พับความรู้ เรื่อง ประโยชน์จากการนา้ ไฟฟา้ ของวัสดุ 5. ครูตรวจสอบผลการทา้ กิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดหรือในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 22 6. ครูตรวจสอบผลการทา้ กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรทู้ ี่ 1 ในสมุดประจา้ ตวั นักเรยี น หรือในใบงานที่ 3.1 7. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมสรุปความรู้บทที่ 1 ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ หน้า 23 8. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมฝึกทักษะบทที่ 1 ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ หนา้ 24-26 9. ครตู รวจสอบผลการทา้ กิจกรรมท้าทายการคิดขนั สงู บทท่ี 2 ในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 27 10. ครตู รวจชนิ งานกล่องดินสอจากวสั ดเุ หลือใช้ และการนา้ เสนอชนิ งาน/ผลงาน หน้าชนั เรยี น 1
171 7. กำรวดั และประเมนิ ผล วิธกี ำร เคร่อื งมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ - ตรวจกลอ่ งดินสอจาก - แบบประเมินชินงาน/ - ระดับคณุ ภาพ 2 รำยกำรวดั ผ่านเกณฑ์ 7.1 กำรประเมิน วสั ดเุ หลือใช้ ภาระงาน - ร้อยละ 60 ช้ินงำน/ภำระงำน - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั - สมุดประจา้ ตัว หรอื ผ่านเกณฑ์ (รวบยอด) 7.2 ประเมินระหว่ำง กำรจัด หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ผ่านเกณฑ์ 1) ผลบันทกึ การท้า วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 วิทยาศาสตร์ ป.4 - รอ้ ยละ 60 กจิ กรรมที่ 5 หน้า 21 เลม่ 2 หน้า 21 ผ่านเกณฑ์ 2) ยกตวั อย่างการนา้ วสั ดุ - ตรวจแผนผังความคิด - แผนผังความคดิ - ร้อยละ 60 ทม่ี ีสมบตั ดิ า้ นความแขง็ ผา่ นเกณฑ์ มาใช้ประโยชน์ เรอื่ ง ความแข็งของวสั ดุ เรอื่ ง ความแข็งของ - ระดบั คณุ ภาพ 2 3) กิจกรรมหนูตอบได้ ผ่านเกณฑ์ วัสดุ 4) กจิ กรรมพฒั นาการ - ระดบั คณุ ภาพ 2 เรยี นรู้ท่ี 3 4 และ 5 - ตรวจสมุดประจ้าตวั - สมดุ ประจา้ ตวั หรือ ผา่ นเกณฑ์ 5) กิจกรรมสรุปความรู้ หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝึกหัด 6) กิจกรรมฝกึ ทักษะ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนา้ 22 เล่ม 2 หนา้ 22 - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั - สมุดประจ้าตวั หรอื ใบงานท่ี 3.1 หรือใบงานท่ี 3.1 - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั - สมดุ ประจ้าตัว หรอื หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.4 วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 23 เล่ม 2 หน้า 23 - ตรวจสมุดประจ้าตัว หรือแบบฝกึ หดั - สมดุ ประจ้าตัว หรอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4 แบบฝึกหดั เลม่ 2 หนา้ 24-26 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 24-26 1
172 รำยกำรวัด วิธกี ำร เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ 7) กิจกรรมท้าทาย - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว - สมดุ ประจา้ ตวั หรือ - ระดบั คุณภาพ 2 การคิดขนั สูง หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์ วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 27 เล่ม 2 หนา้ 27 8) การนา้ เสนอผลงาน/ - ประเมินการนา้ เสนอ - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2 ผลการทา้ กจิ กรรม ผลงาน/ผลการทา้ การน้าเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ กจิ กรรม 9) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 ทา้ งานรายบุคคล การทา้ งานรายบุคคล การทา้ งานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 10) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2 การท้างานกลมุ่ การทา้ งานกลุ่ม การท้างานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 11) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 อันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มั่น คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ ในการทา้ งาน อันพงึ ประสงค์ 8. สอ่ื /แหลง่ กำรเรียนรู้ 8.1 สือ่ กำรเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 วัสดแุ ละสสาร 2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 วัสดแุ ละสสาร 3. วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมท่ี 5 เช่น ตะปู ดินสอ หนังยาง บีกเกอร์ กระดาษ ไม้บรรทัด พลาสตกิ ช้อนโลหะ คลิปหนบี กระดาษ ผ้าเช็ดหนา้ เป็นตน้ 4. ใบงานท่ี 3.1 เร่อื ง การเลอื กใช้วัสดุ 5. Powerpoint เร่อื ง สมบัติทางกายภาพของวัสดุ (การนา้ ไฟฟา้ ของวัสดุ) 6. วัสดุ-อปุ กรณ์กจิ กรรมสร้างสรรคผ์ ลงาน 7. สมดุ ประจา้ ตวั นกั เรียน 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. ห้องเรียน 3. อินเทอร์เน็ต 1
173 ใบงำนท่ี 3.1 เรือ่ ง กำรเลอื กใช้วัสดุ คำช้แี จง : ตอบคำถำมที่กำหนดให้ 1. ภาคภูมิตอ้ งการทา้ ถุงมือกนั ความรอ้ น เขาควรเลือกใช้วัสดชุ นดิ ใดมาประดิษฐ์เปน็ ถงุ มอื เพราะอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. 2. มาลีต้องการน้าหนิ สตี ่างๆ มารอ้ ยเป็นสร้อยข้อมอื เธอควรเลือกใชว้ สั ดุชนิดใดมาร้อยหนิ เข้าด้วยกัน เพราะอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. 3. วีระตอ้ งการประดิษฐเ์ รือใบจ้าลองเพื่อน้าไปแข่งขัน เขาควรเลือกใช้วัสดุชนิดใดท้าตัวเรอื และควรเลอื กใช้วสั ดชุ นิดใดท้าใบเรือ เพราะอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. 1
ใบงำนที่ 3.1 174 เรือ่ ง กำรเลอื กใช้วสั ดุ เฉลย คำช้ีแจง : ตอบคำถำมทก่ี ำหนดให้ 1. ภาคภูมิตอ้ งการท้าถุงมือกันความร้อน เขาควรเลือกใช้วสั ดุชนิดใดมาประดษิ ฐเ์ ป็นถุงมือ เพราะอะไร ………ผ…า้ อ…ย…่า…งห…น…า…เ…พร…า…ะ…ผ้า…ส…าม…า…ร…ถน…้า…ม…าต…ัด…แ…ล…ะเ…ย…็บเ…ป…น็ …ถุง…ม…ือ…ได…้ แ…ล…ะ…ผ…า้ เ…ป…็นว…สั …ด…ทุ …ี่ …. …เป…็น…ฉ…นว…น…ค…ว…าม…ร…อ้ …น…ค…อื …ว…ัสด…ทุ …ี่ค…ว…าม…ร…อ้ …นน…ัน…ผ…่า…น…ได…ไ้ ม…ด่ …ีห…ร…ือผ…า่ …น…ไม…ไ่ …ด้…จ…ึงน…ยิ …ม…น…้าผ…้า……. …ม…าท…า้ …เป…็น…ส…่ว…นท…ไ่ี…ม…่ต…อ้ ง…ก…าร…ใ…ห…้มคี…ว…า…มร…อ้ …น…ห…ร…อื …กัน…ค…ว…าม…ร…้อ…น…ไม…่ให…้ถ…กู …ผ…วิ ห…น…งั …ข…อง…เร…า……. …………………………………………………………………………………………………………………………. 2. มาลีตอ้ งการน้าหนิ สีตา่ งๆ มาร้อยเปน็ สร้อยข้อมอื เธอควรเลือกใชว้ สั ดุชนดิ ใดมาร้อยหนิ เข้าดว้ ยกนั เพราะอะไร ……………เส…้น…เอ…น็ …เ…พ…รา…ะ…เส…้น…เอ…น็ …ม…ีสม…บ…ัต…ิท…า…งก…า…ยภ…า…พ…ด…้าน…ส…ภ…า…พ…ยืด…ห…ย…ุน่ …ค…อื …เ…ป…็นส…ม…บ…ตั …ิ . …ข…อ…งว…ัส…ด…เุ ม…ือ่ …ถ…กู แ…ร…งม…า…ก…ระ…ท…้า…เ…ช่น……ด…ึง …แล…้ว…ท…้าใ…ห…ว้ …ัสด…ุเ…ปล…ี่ย…น…ข…น…าด…ห…ร…ือเ…ป…ล…่ยี น…ร…ปู …ร่า…ง…ไป. ……แต…ส่ …า…มา…ร…ถ…กล…ับ…ส…ู่ส…ภ…าพ…เ…ดิม…ห…ร…อื …ใก…ล…้เค…ีย…งส…ภ…า…พ…เด…มิ …ได…้ เ…ม…่ือ…หย…ดุ …แ…รง…ก…ร…ะท…า้ …ต…อ่ …วัส…ด…ุน…นั . …ด…ัง…น…ัน…เ…ส้น…เ…อ็น…จ…งึ …เห…ม…าะ…ส…้า…ห…รบั …น…้า…ม…าร…้อ…ยเ…ป…น็ …สร…้อ…ย…ข้อ…ม…ือ………………………………………. 3. วีระต้องการประดิษฐ์เรือใบจ้าลองเพอ่ื นา้ ไปแข่งขัน เขาควรเลือกใช้วัสดชุ นิดใดท้าตัวเรือ และควรเลอื กใช้วสั ดชุ นิดใดท้าใบเรือ เพราะอะไร ………เล…อื …กใ…ช…ไ้ ม…้ โ…ฟ…ม…ท…า้ …ต…ัวเ…รอื……เพ…ร…าะ…ล…อ…ยน…า้ …ได…้ด…ี ……………………………………………………. ……เ…ล…อื ก…ใ…ช…้แผ…่น…พ…ล…าส…ต…กิ …บ…าง…ท…า้…ใ…บเ…ร…อื …เพ…ร…าะ…ม…ีน…า้ …หน…กั…เ…บา………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. 1
175 แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ 6 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี 4 หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 3 วสั ดุและสสำร ภำคเรยี นที่ 2 เร่อื ง สถำนะของสสำร เวลำ 2 ช่ัวโมง ครผู ้สู อน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำน/ตวั ชี้วดั ว 2.1 ป.4/3 เปรยี บเทยี บสมบัตขิ องสสารทงั 3 สถานะจากข้อมูลทไี่ ดจ้ ากการสงั เกต มวล การตอ้ งการที่อยู่ รปู รา่ งและปรมิ าตรของสสาร 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. ระบุสถานะของของแข็ง ของเหลว และแก๊สได้ (K) 2. ใหค้ วามรว่ มมือในการท้ากิจกรรมกลมุ่ (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรู้ท้องถน่ิ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา สำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง สสารแบง่ ออกเป็น 3 สถานะ ไดแ้ ก่ สถานะ ของแข็ง สถานะของเหลว และสถานะแกส๊ 4. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด สสารในชีวิตประจ้าวันมีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดมีสถานะท่ีแตกต่างกัน สสารบางชนิดอยู่ใน สถานะของแขง็ ของเหลว หรือแกส๊ 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. มุ่งมนั่ ในการท้างาน 2) ทักษะการสา้ รวจค้นหา 1
176 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 3) ทกั ษะการระบุ 4) ทกั ษะการสรุปอ้างองิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ชวั่ โมงที่ 1 ขนั นา้ ขั้นกระตนุ้ ควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันนีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง อะไร แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบค้าถาม จากนันครูแจ้งช่ือเร่ืองที่จะเรียนรู้ และจุดประสงค์ให้นักเรียน ทราบ 2. นักเรยี นเรียนรู้ค้าศัพท์ที่เก่ียวข้องกับการเรยี นในหนว่ ยที่ 3 บทท่ี 2 จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 เล่ม 2 หน้า 24 โดยครูสุ่มเลือกตัวแทนหรือขออาสาสมัคร นักเรียน 1 คน ออกมาหน้าชันเรียนเพื่อ เป็นผอู้ า่ นนา้ และใหเ้ พ่อื นคนอืน่ ๆ อ่านตาม ดงั นี States of matter (สเตท เอฟิ ว‘แม็ทเทอ) สถานะของสสาร Solid (‘ซอลิด) ของแข็ง Liquid (‘ลิควิด) ของเหลว Gas (แกส็ ) แกส๊ 3. ครถู ามค้าถามส้าคัญประจ้าบทจากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 24 ว่า วตั ถใุ นชีวติ ประจ้าวนั อยใู่ น สถานะใดบ้าง จากนันให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นอยา่ งอสิ ระในการตอบค้าถาม (แนวตอบ : สถานะของแข็ง สถานะของเหลว และสถานะแก๊ส) 4. นกั เรียนแต่ละคนวาดภาพหรือติดภาพสสารท่ีอย่ใู นสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊ สถานะละ 2 ภาพ ลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือท้ากิจกรรมน้าสู่การเรียนในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนา้ 29 1
177 ขันสอน ขัน้ สำรวจคน้ หำ (Explore) 1. นักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสสารว่ามีก่ีสถานะ อะไรบ้าง จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น หนังสอื อนิ เทอรเ์ นต็ เป็นตน้ แล้วบนั ทึกลงในสมุดงาน 2. นักเรียนแต่ละคนน้าข้อมูลท่ีได้จากการสืบค้นมาจัดท้าเป็นแผนผังลงในใบงานท่ี 3.2 เรื่อง สถานะ ของสสาร พร้อมตกแต่งให้สวยงาม ชว่ั โมงที่ 2 ขนั้ อธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. ครูใช้เทคนิคคู่คิด โดยให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือน แล้วน้าค้าตอบของตนเองมาเปรียบเทียบกับคู่ของ ตนเอง และให้ผลดั กนั อภปิ รายค้าตอบ ถ้านักเรยี นเกดิ ขอ้ สงสัยใหส้ ืบคน้ เพิม่ เตมิ เพ่ือหาคา้ ตอบ 2. ครูสมุ่ เลือกตัวแทนของแต่ละคูใ่ ห้ออกมาน้าเสนอผลงานให้เพือ่ นฟงั หนา้ ชันเรยี น ขันสรุป ขน้ั ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) 1. นักเรียนแต่ละคนส้ารวจสสารในสถานะต่างๆ ภายในบริเวณโรงเรียน จากนันวาดภาพตัวอย่างสสาร พรอ้ มระบุช่ือและสถานะของสสาร อย่างน้อยสถานะละ 1 ชนิด ลงในสมุดประจ้าตวั นกั เรียน 2. ครูสุ่มตัวแทน 3-4 คนออกมาน้าเสนอผลงานหน้าชันเรียน โดยมีครูและเพื่อนคนอื่นๆ ช่วยกัน ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 3. ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมกับนักเรียนว่า สสารมี 3 สถานะ ซึ่งสารแต่ละสถานะอาจมีสมบัติบางประการ เหมอื นกนั เช่น มีมวล ต้องการท่ีอยู่ เป็นต้น หรอื อาจแตกต่างกนั เชน่ สสารบางชนดิ มีรปู ร่างคงท่ี สสาร บางชนิดมรี ูปร่างไมค่ งท่ี เป็นตน้ ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครสู ุ่มเลือกนกั เรยี น 3-4 คน จากนันให้ยกตัวอย่างสสารคนละ 1 ชนิด และบอกสถานะของสสาร 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล และจากการน้าเสนอผลการทา้ กิจกรรมหนา้ ชนั เรยี น 3. ครูตรวจการวาดภาพหรือติดภาพสสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ในสมุดประจ้าตวั นกั เรียน หรอื ตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมน้าสกู่ ารเรยี นในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 29 4. ครตู รวจสอบผลการทา้ ใบงานท่ี 3.2 เรื่อง สถานะของสสาร 1
178 7. กำรวัดและประเมินผล วิธีกำร เครือ่ งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ รำยกำรวัด 7.1 กำรประเมินก่อนเรยี น 1) ภาพสสารท่อี ยู่ในสถานะ - ตรวจสมุดประจ้าตัว - สมุดประจา้ ตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ของแข็ง ของเหลว และ แกส๊ หรือ หรอื แบบฝึกหัด แบบฝึกหดั ผา่ นเกณฑ์ กิจกรรมน้าสกู่ ารเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ป.4 วทิ ยาศาสตร์ เลม่ 2 หน้า 29 ป.4 เล่ม 2 หนา้ 29 7.2 ประเมนิ ระหวำ่ งกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 1) ระบสุ ถานะของ ของแขง็ - ตรวจใบงานที่ 3.2 - ตรวจใบงานที่ 3.2 - รอ้ ยละ 60 ของเหลว และแกส๊ ผ่านเกณฑ์ 2) การน้าเสนอผลงาน/ ผล - ประเมนิ การน้าเสนอ - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ น การทา้ กจิ กรรม ผลงาน/ผลการท้า การน้าเสนอผลงาน เกณฑ์ กิจกรรม 3) พฤตกิ รรมการ ท้างาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 ผา่ น รายบคุ คล การท้างานรายบุคคล การทา้ งานรายบุคคล เกณฑ์ 4) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ น ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่นั คณุ ลักษณะ เกณฑ์ ในการท้างาน อนั พึงประสงค์ 1
179 8. ส่อื /แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื กำรเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 วัสดุและสสาร 2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 วสั ดุและสสาร 3. ใบงานที่ 3.2 เร่ือง สถานะของสสาร 4. สมดุ ประจ้าตัวนกั เรียน 8.2 แหลง่ กำรเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. ห้องเรียน 3. อินเทอร์เนต็ 1
180 ใบงำนที่ 3.2 เรื่อง สถำนะของสสำร คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนสืบคน้ ข้อมูลเกย่ี วกับสถำนะของสสำร แลว้ เขยี นแผนผงั ลงในกรอบ พร้อมตกแต่งใหส้ วยงำม 1
ใบงำนที่ 3.2 181 เรอื่ ง สถำนะของสสำร เฉลย คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นสบื ค้นขอ้ มลู เก่ยี วกับสถำนะของสสำร แล้วเขยี นแผนผงั ลงในกรอบ พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงำม สถำนะของสสำร สถำนะของแข็ง สถำนะของเหลว สถำนะแก๊ส ตัวอยำ่ ง ตัวอย่ำง ตวั อย่ำง สมุด น้า แกส๊ ร้อนในบอลลูน ผลไม้ ดนิ สอ นา้ เปล่า อากาศในลูกโปง่ 1
182 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 7 กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ชั้นประถมศึกษำปีท่ี 4 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 3 วสั ดุและสสำร ภำคเรยี นที่ 2 เร่อื ง สมบัตขิ องของแข็ง เวลำ 4 ชั่วโมง ครผู สู้ อน นำงสำวอัมรำ โกษำรักษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำน/ตัวชีว้ ัด ว 2.1 ป.4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสารทัง 3 สถานะ จากข้อมูลที่ได้จากการสังเกต มวล การตอ้ งการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรของสสาร ว 2.1 ป.4/4 ใชเ้ ครอ่ื งมือเพอ่ื วัดมวล และปรมิ าตรของสสารทงั 3 สถานะ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. สงั เกต และอธบิ ายสมบตั ขิ องของแขง็ (K) 2. ใช้เคร่ืองมือเพ่ือวัดมวล และปริมาตรของสสารที่อยู่ในสถานะของแข็งได้ (P) 3. ใหค้ วามรว่ มมอื ในการทา้ กจิ กรรมกลมุ่ (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง สมบัติของของแขง็ มมี วล และต้องการที่อยู่ มรี ปู รา่ งและปริมาตรคงท่ี 4. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด สมบัติของของแข็ง คือ มีมวล ต้องการท่ีอยู่ สามารถสัมผัสได้ มีรูปร่างและปริมาตรคงที่ มีอนุภาคยึด กันอยา่ งหนาแน่น เรียงชิดกนั ไมส่ ามารถเคลอ่ื นท่ไี ด้ 1
183 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ยั 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทักษะการสังเกต 3. ม่งุ มนั่ ในการท้างาน 2) ทักษะการสา้ รวจคน้ หา 3) ทกั ษะการระบุ 4) ทักษะการสรปุ อา้ งองิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 ขันนา้ ขนั้ กระตุ้นควำมสนใจ (Engage) 1. นักเรียนแต่ละคนอ่านข้อมูลและดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 25 แล้วถาม ค้าถามนักเรียนว่า สสารในแต่ละสถานะมีสมบัติแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร ซึ่งครูให้นักเรียนร่วมกัน ตอบคา้ ถาม โดยครยู งั ไมเ่ ฉลยคา้ ตอบ (แนวตอบ : สสารแต่ละสถานะอาจมสี มบัตบิ างประการเหมือนกัน เช่น มีมวล ตอ้ งการท่ีอยู่ หรอื อาจแตกต่างกัน เช่น สสารบางชนิดมรี ูปรา่ งคงที่ สสารบางชนดิ มีรปู ร่างไม่คงท่ี ) 2. ครตู งั ค้าถามถามนกั เรยี นว่า สสารทอ่ี ยู่ในสถานะของแขง็ มสี มบัติอย่างไร 3. ให้นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ อย่างอสิ ระในการตอบค้าถาม โดยครูยงั ไมเ่ ฉลย 4. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า นักเรียนจะได้ค้าตอบจากการท้ากิจกรรมท่ี 1 เร่ือง สมบัติของของแข็ง ตอนท่ี 1-3 จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ หน้า 26-27 1
184 ขันสอน ขนั้ สำรวจค้นหำ (Explore) 1. นักเรียนท้ากิจกรรมเพอ่ื แบ่งกลุ่ม ออกเปน็ กลุ่มละ 3-4 คน โดยปฏบิ ัติ ดงั นี 1) ก้าหนดใหน้ ักเรยี นหญิง มคี า่ เทา่ กับเงนิ 50 สตางค์ ส่วนนกั เรยี นชายมีค่าเท่ากบั เงนิ 1 บาท 2) ครูบอกให้นกั เรียนรวมกลุ่มกนั ใหไ้ ด้จ้านวนเงนิ 2 บาท และมีจา้ นวนคนรวมกัน 3-4 คนเทา่ นัน 3) ครูคดั นกั เรียนที่ไม่มีกลุ่ม กลุ่มท่ีมจี ้านวนคนน้อยกว่า 3 และมากกวา่ 4 ออกมาอยหู่ นา้ ห้อง แลว้ ใหร้ วมตวั ใหไ้ ด้จ้านวนเงิน 2 บาท และมจี า้ นวนคนรวมกนั 3-4 คน อกี ครงั (หากมีนกั เรียนทีย่ ัง ไม่มีกลุ่ม ให้อยกู่ ลุ่มทม่ี ีนักเรียนจ้านวน 3 คน) 2. ครูใช้วิธีสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration) มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยครูให้นักเรียน แต่ละกลุ่มศึกษาขันตอนการท้ากิจกรรมที่ 1 เรื่อง สมบัติของของแข็ง ตอนที่ 1 จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ หน้า 26-27 3. ครูจับฉลากเลือกนักเรียน 2 กลุ่ม จากนันให้ออกมาสาธิตการท้ากิจกรรมตามท่ีได้ศึกษาขันตอนการ ทา้ กิจกรรม 4. นักเรียนกลุ่มอ่ืนๆ ช่วยกันสังเกตการสาธิตการท้ากิจกรรมจากกลุ่มที่ท้าการสาธิต จากนันน้าผล การสังเกตบนั ทึกลงในสมุดประจ้าตัวนกั เรียน หรือในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 32 ชว่ั โมงที่ 2 ขนั้ สำรวจค้นหำ (Explore) (ตอ่ ) 5. ครูทบทวนความรู้เดิมจากการท้ากิจกรรมในช่ัวโมงท่ีแล้ว โดยถามค้าถามนักเรียนว่า สสารท่ีอยู่ใน สถานะของแข็งมีมวลหรอื ไม่ และหาได้โดยใชว้ ิธกี ารใด (แนวตอบ : สสารท่อี ยู่ในสถานะของแขง็ มีมวล หามวลของสารท่ีอยู่ในสถานะของแข็งได้โดย ใช้การชงั่ ดว้ ยเครอื่ งช่ัง) 6. ครูตังค้าถามถามนักเรียนว่า สสารที่อยู่ในสถานะของแข็งมีรูปร่างและปริมาตรคงท่ีหรือไม่ โดยให้ นกั เรยี นร่วมกนั ตอบค้าถามอยา่ งอสิ ระ 7. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า นักเรียนจะได้ค้าตอบจากการท้ากิจกรรมท่ี 1 เรื่อง สมบัติของของแข็ง ตอนท่ี 2-3 จากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 26-27 1
185 8. ครูใช้วิธีสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration) มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยครูให้แต่ละกลุ่ม ช่วยกันศึกษาขันตอนการท้ากิจกรรมที่ 1 เร่ือง สมบัติของของแข็ง ตอนที่ 2-3 จากหนังสือเรียน วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 26-27 9. ครูจับฉลากเลือกนักเรียน 2 กลุ่ม ที่ยังไม่ได้ท้าการสาธิต จากนันให้ออกมาสาธิตการท้ากิจกรรม ตามที่ได้ศกึ ษาขันตอนการท้ากิจกรรม 10. นกั เรยี นกลุม่ อน่ื ๆ ชว่ ยกนั สงั เกตการสาธิตการท้ากิจกรรมจากกลุ่มทท่ี ้าการสาธติ จากนนั น้าผล การสังเกตบนั ทึกลงในสมุดประจา้ ตัวนกั เรยี น หรอื ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 32 ชั่วโมงที่ 3 ขั้นอธิบำยควำมรู้ (Explain) 1. นกั เรียนทกุ คนช่วยกันบอกวา่ 2 ชวั่ โมงท่แี ลว้ นักเรยี นไดท้ า้ กจิ กรรมเก่ียวกบั เรือ่ งอะไร (แนวตอบ : ทดสอบสมบตั ิของของแข็ง คอื หามวล รูปร่าง ปรมิ าตร และการต้องการทอี่ ยู่) 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลท่ีได้จากการชั่งมวลของลูกแก้ว รูปร่าง ของลกู แกว้ การต้องการทีอ่ ยู่ เมื่อวางในภาชนะทตี่ า่ งกนั และปรมิ าตรของลูกแกว้ 3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตัวแทนออกมานา้ เสนอผลการทา้ กิจกรรมหน้าชนั เรียนทีละกลุ่ม 4. นักเรียนทุกคนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการท้ากิจกรรมให้ได้ว่า ลูกแก้วอยู่ในสถานะ ของแข็ง มี มวล ต้องการทอี่ ยู่ และมรี ปู ร่างและปรมิ าตรคงที่ ขนั สรปุ ขนั้ ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 35-36 และช่วยกันคิด วิธีการน้าเสนอวิธีการหามวลและหาค่าปริมาตรของของแข็ง เช่น ออกมาสาธิตวิธีการหามวลและ หาค่าปริมาตรของของแข็งหน้าชันเรียน เป็นต้น 2. นักเรียนกลุ่มอื่นๆ ผลัดกันให้คะแนนกลุ่มท่ีออกมาน้าเสนอ จากนันครูรวบรวมคะแนนแล้วน้ามา รวมกบั คะแนนของครู 1
186 ชวั่ โมงท่ี 4 ข้ันขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) (ต่อ) 3. ครูยกตัวอย่างสสาร เช่น เกลือ ผงชรู ส จาน ชอ้ น เปน็ ตน้ แลว้ ให้นักเรียนช่วยกันตอบวา่ เปน็ สสารท่ี อยู่ในสถานะของแข็งหรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวตอบ : เกลือ ผงชูรส จาน และช้อน เป็นสสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง เพราะ มีมวล ต้องการ ทอี่ ยู่ สามารถสมั ผสั ได้ มรี ูปร่างและปรมิ าตรคงที่) 4. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม แล้วให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มและรองหัวหน้ากลุ่ม พร้อมทังตังช่อื กลมุ่ ของตนเอง 5. ครูแจ้งใหน้ กั เรียนทราบวา่ จะให้นักเรยี นเล่นเกม แลว้ แจ้งช่ือเกม วตั ถุประสงค์ และกตกิ าในการ เล่นเกม ดังนี 1) ชอ่ื เกม คือ สสารท่ีอย่ใู นสถานะของแขง็ 2) วัตถปุ ระสงค์ คือ เพ่ือใหน้ ักเรยี นสามารถวิเคราะห์และอธิบายสสารที่อยูใ่ นสถานะของแข็งได้ 3) กตกิ า คอื กล่มุ ที่เขียนชอื่ สสารทอี่ ยู่ในสถานะของแขง็ ได้มากและถูกต้องท่ีสุด ภายในเวลาทค่ี รู ก้าหนด จะเปน็ กลมุ่ ท่ีชนะ 6. ครูอธบิ ายวธิ กี ารเลน่ เกมตามล้าดบั ขนั ตอน เพื่อให้นักเรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ต้อง ชดั เจน ดังนี 1) ก้าหนดให้แต่ละกลุ่มมีเวลากลุ่มละ 10 นาที เพ่ือช่วยกันคิดช่ือสสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง ในชวี ิตประจ้าวัน 2) ใหแ้ ต่ละกลมุ่ เข้าแถวเรยี งลา้ ดับตอนลกึ จากนนั ให้ออกมาเขยี นช่ือสสารท่ีอยู่ในสถานะของแข็ง บนกระดาน คนละชอื่ ดังนี กล่มุ ท่ี 1 กล่มุ ที่ 2 สสารท่ีอยใู่ นสถานะของแขง็ สสารที่อยใู่ นสถานะของแขง็ 1…………. 3…………. 1…………. 3…………. 2…………. 4…………. 2…………. 4…………. 3) เม่อื เขยี นเสรจ็ แล้วให้วิ่งไปต่อท้ายเพ่ือนในแถวเดิม คนถดั ไปออกไปเขยี นเหมือนคนแรก ทา้ แบบนี ไปเรื่อยๆ เมื่อครูสั่งให้หยุด ใหน้ ักเรยี นหยุดเขียนและนงั่ ลงทันที 7. ครูให้นกั เรยี นทบทวนล้าดับขนั ตอนการเล่นเกม 1 รอบ กอ่ นการเลน่ จรงิ 1
187 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันเล่นเกม “สสารที่อยู่ในสถานะของแข็ง” โดยครูคอยสังเกตควบคุมดูแล และกระตนุ้ ให้นักเรียนมสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 9. ครูตรวจสอบความถูกต้อง จากค้าตอบของนกั เรยี นบนกระดานดา้ แลว้ มอบรางวัลใหก้ ลมุ่ ทช่ี นะ 10. นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 27 ลงในสมุด ประจ้าตัวนกั เรยี น หรือทา้ ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 33 11. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 32 จากนันร่วมกัน สรปุ ความรู้ท่ไี ด้ 12. ครูตังค้าถามเพ่ือให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า เพราะเหตุใดของแข็งจึงสามารถรักษารูปร่างให้ คงท่ไี ด้ โดยใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมาเขียนค้าตอบบนกระดาน (แนวตอบ : เพราะอนภุ าคของของแข็งยึดกันอย่างหนาแน่น เรียงตวั ชดิ กนั ไม่สามารถเคลอื่ นทีไ่ ด)้ 13. นักเรยี นทุกคนรว่ มกนั ตรวจค้าตอบบนกระดาน ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า สสารท่ีอยู่ในสถานะของแข็ง มีมวล ตอ้ งการท่ีอยู่ สามารถสัมผัสได้ มรี ปู ร่างและปริมาตรคงที่ มอี นุภาคยดึ กันอยา่ งหนาแน่น เรยี งชดิ กัน ไม่ สามารถเคลื่อนท่ีได้ 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทา้ งานกลุ่ม และจากการน้าเสนอผลการท้ากจิ กรรมหนา้ ชนั เรียน 3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมท่ี 1 เรื่อง สมบัติของของแข็ง ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือตรวจ แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ หน้า 32 4. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือตรวจในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ หน้า 33 1
188 7. กำรวัดและประเมนิ ผล วิธีกำร เคร่อื งมือ เกณฑก์ ำร รำยกำรวัด ประเมนิ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว - สมุดประจา้ ตวั หรอื 7.1 ประเมนิ ระหว่ำง หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 กำรจัดกิจกรรม วิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 ป.4 เล่ม 2 หน้า 32 ผา่ นเกณฑ์ กำรเรยี นรู้ หนา้ 32 1) ผลบันทึกการท้า - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั - สมดุ ประจา้ ตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 กจิ กรรมที่ 1 หรอื แบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 ป.4 เล่ม 2 หน้า 33 2) กจิ กรรมหนูตอบได้ หน้า 33 - ระดับคณุ ภาพ - ประเมินการนา้ เสนอ - แบบประเมนิ 2 3) การน้าเสนอผลงาน/ ผลงาน/ผลการทา้ การน้าเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ ผลการทา้ กจิ กรรม กิจกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 4) พฤติกรรม การท้างานกลุ่ม การท้างานกลุ่ม 2 การท้างานกลุม่ ผ่านเกณฑ์ - สงั เกตความมีวนิ ยั - แบบประเมิน 5) คุณลกั ษณะ ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมน่ั คณุ ลกั ษณะ - ระดับคณุ ภาพ อนั พึงประสงค์ ในการท้างาน อนั พึงประสงค์ 2 ผ่านเกณฑ์ 1
189 8. ส่อื /แหล่งกำรเรียนรู้ 8.1 สอ่ื กำรเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 วสั ดุและสสาร 2. แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 วสั ดแุ ละสสาร 3. วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 1 เช่น จานพลาสติก เครื่องช่ังดิจิทัล น้าเปล่า บีกเกอร์ กระบอกตวง ลกู แกว้ ถว้ ยยรู กี า เปน็ ตน้ 4. สมดุ ประจ้าตวั นักเรยี น 8.2 แหลง่ กำรเรียนรู้ 1. ห้องเรยี น 2. ห้องสมุด 3. อินเทอร์เนต็ 1
190 แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี 8 กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์ ว 14101 ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี 4 หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี 3 วสั ดุและสสำร ภำคเรยี นท่ี 2 เร่ือง สมบตั ขิ องของเหลว เวลำ 3 ชั่วโมง ครูผูส้ อน นำงสำวอัมรำ โกษำรักษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำน/ตวั ชว้ี ัด ว 2.1 ป.4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสารทัง 3 สถานะ จากข้อมูลที่ได้จากการสังเกต มวล การต้องการที่อยู่ รปู รา่ งและปริมาตรของสสาร ว 2.1 ป.4/4 ใชเ้ ครื่องมือเพอ่ื วัดมวล และปรมิ าตรของสสารทงั 3 สถานะ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. อธิบายสมบตั ขิ องของเหลวได้ (K) 2. เปรยี บเทยี บสมบัตขิ องของเหลวได้ (P) 3. วเิ คราะหส์ มบัตขิ องของเหลวได้ (P) 4. ใชเ้ ครอื่ งมอื เพื่อวดั มวล และปริมาตรของสสารท่ีอยู่ในสถานะของเหลวได้ (P) 5. ให้ความรว่ มมือในการทา้ กจิ กรรมกล่มุ และมีความรบั ผดิ ชอบในการส่งงานตรงเวลา (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรูท้ ้องถิน่ สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา สมบัติของของเหลว มมี วล และตอ้ งการท่ีอยู่ มรี ูปร่างเปลย่ี นแปลงตามภาชนะท่บี รรจุ มปี รมิ าตรคงที่ 4. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด สมบัติของของเหลว คือ มีมวล ต้องการท่ีอยู่ สามารถสัมผัสได้ มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงตามภาชนะท่ี บรรจุ มีปริมาตรคงท่ี มีอนุภาคอยู่ห่างกันมากกว่าของแข็ง ท้าให้เคลื่อนไหวได้มากขึน และระดับผิวหน้า ของของเหลวจะอยู่ในแนวราบเสมอ 1
191 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี ินัย 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทกั ษะการสังเกต 3. มุ่งมน่ั ในการทา้ งาน 2) ทกั ษะการสา้ รวจค้นหา 3) ทักษะการระบุ 4) ทกั ษะการสรปุ อา้ งองิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ขนั น้า ขน้ั กระตุ้นควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันนีจะได้เรียนรู้เก่ียวกับเรื่องอะไร แล้วให้นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบค้าถาม จากนนั ครูแจ้งชอ่ื เรอ่ื งทจี่ ะเรียนรู้ และตัวชีวดั ใหน้ กั เรียนทราบ 2. ครูน้าน้าใส่ถุงพลาสติกใส จากนันมัดปากถุงพลาสติกใสให้แน่น แล้วให้นักเรียนสังเกต จากนันครูตัง ค้าถามถามนักเรยี นว่า นา้ ทอี่ ยใู่ นถงุ ใบนมี สี ถานะใด โดยครูใหน้ ักเรียนตอบคา้ ถามอย่างอิสระ (แนวตอบ : ของเหลว) 1
192 ขนั สอน ข้ันสำรวจคน้ หำ (Explore) 1. ครูให้นักเรียนลองจับและยกถุงน้าทีละคน จากนันครูตังค้าถามถามนักเรียนว่า นักเรียนคิดว่าน้ามีมวล หรือไม่ ถ้ามีมวล นักเรยี นจะพิสจู น์อยา่ งไร (แนวตอบ : มีมวล พสิ จู น์ได้โดยการน้าไปช่งั ดว้ ยเครอื่ งชงั่ ) 2. นกั เรียนร่วมกนั ตอบคา้ ถาม โดยครูยังไมเ่ ฉลยค้าตอบ 3. ครูตงั ค้าถามถามนักเรียนวา่ สสารทอ่ี ย่ใู นสถานะของแข็งมสี มบัติอยา่ งไร 4. นกั เรยี นทกุ คนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอสิ ระในการตอบค้าถาม โดยครยู ังไม่เฉลย 5. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟงั ว่า นักเรียนจะไดค้ ้าตอบจากการทา้ กิจกรรมที่ 2 เรอื่ ง สมบัตขิ องของเหลว ตอน ที่ 1 จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนา้ 28 6. ครใู ช้รูปแบบการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ เทคนคิ LT มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยใหน้ กั เรยี น แบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน จากนันก้าหนดให้สมาชกิ แตล่ ะคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดงั นี สมาชิกคนที่ 1 : ท้าหนา้ ทเ่ี ตรยี มอปุ กรณ์ตา่ งๆ สมาชกิ คนท่ี 2 : ทา้ หนา้ ทีอ่ า่ นลองทา้ ดู ท้าความเขา้ ใจ และนา้ มาอธิบายให้ สมาชกิ ภายในกลุม่ ฟัง สมาชกิ คนท่ี 3 : ท้าหนา้ ที่บันทึกผลการทดลอง สมาชิกคนที่ 4 : ทา้ หน้าท่ีนา้ เสนอผลการทดลอง 7. ให้สมาชิกคนท่ี 1 เตรียมและตรวจสอบอุปกรณ์ทังหมดท่ีใช้ในการท้ากิจกรรมท่ี 2 เรื่อง สมบัติของ ของเหลว ตอนท่ี 1 จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 28 8. ใหส้ มาชกิ คนท่ี 2 อธบิ ายวธิ ีท้ากิจกรรมให้เพอื่ นภายในกลุ่มฟัง เพ่ือใหป้ ฏบิ ตั ติ ามได้ถกู ต้อง 9. ครูใหส้ มาชกิ ทกุ คนในกลุ่มช่วยกนั ลงมือท้ากจิ กรรม โดยปฏบิ ัติกจิ กรรม ตอนท่ี 1 ดงั นี 1) รว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกับสสารที่อยูใ่ นสถานะของเหลวและสมบตั ิของของเหลว 2) เทน้าเปล่าใส่แก้วพลาสติกครึ่งแก้ว จากนันคาดคะเนมวลของน้าและบันทึกผลลงในสมุด ประจา้ ตวั นักเรียน หรือบันทึกขอ้ มลู ลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 36 3) น้าน้าในแกว้ พลาสตกิ ไปช่งั หามวลเพือ่ ตรวจสอบการคาดคะเน แล้วบนั ทกึ ผล 4) ใช้หลอดฉีดยาดูดน้าโดยไล่อากาศออกให้หมด แล้วใช้นิวมือกดปลายหลอดฉีดยาให้แน่น จากนัน ใชน้ วิ มืออกี ข้างดนั ก้านหลอดฉีดยาไว้ สังเกตและบันทกึ ผลลงในสมุดประจ้าตวั นกั เรียน หรือบนั ทึก ขอ้ มูลลงในแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 36 1
193 ชั่วโมงท่ี 2 ข้ันสำรวจค้นหำ (Explore) 10. ครูตังค้าถามถามนักเรียนว่า สสารท่ีอยู่ในสถานะของเหลวมีรูปร่างและปริมาตรคงที่หรือไม่ โดยให้ นกั เรียนรว่ มกันตอบค้าถามอย่างอิสระ (แนวตอบ : มีรปู ร่างเปล่ียนแปลงตามภาชนะท่บี รรจุ แต่มปี รมิ าตรคงที่) 11. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า นักเรียนจะได้ค้าตอบจากการท้ากิจกรรมท่ี 2 เร่ือง สมบัติของของเหลว ตอนท่ี 2-3 จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ หน้า 28-29 12. ครูให้สมาชิกคนที่ 1 เตรียมและตรวจสอบอุปกรณ์ทังหมดที่ใช้ในการท้ากิจกรรมที่ 1 เร่ือง สมบัติของ ของเหลว ตอนที่ 2-3 จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ หนา้ 28-29 13. สมาชกิ คนท่ี 2 อธิบายวธิ ีท้ากิจกรรมใหเ้ พอื่ นภายในกล่มุ ฟัง เพอ่ื ใหป้ ฏิบัติตามไดถ้ กู ตอ้ ง 14. สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มชว่ ยกันลงมอื ทา้ กจิ กรรม ตอนท่ี 2 โดย ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ดังนี 1) เตมิ นา้ เปลา่ ใส่บีกเกอร์ 2 ใบ ใบละเท่าๆ กนั 2) คาดคะเนว่า เม่ือรินน้าหวานสีแดง 20 มิลลิลิตร ใส่ในบีกเกอร์ 1 ใบ โดยไม่คนจะเกิดผลอย่างไร แลว้ บันทกึ ขอ้ มลู ลงในสมดุ ประจ้าตัวนักเรยี น หรือบนั ทึกลงในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หน้า 36 3) ทดลองเพ่ือตรวจสอบผลการคาดคะเน โดยรินน้าหวานสีแดง 20 มิลลิลิตร ใส่ในบีกเกอร์ที่มีน้า 1 ใบ สงั เกตและบนั ทึกผล 15. สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มช่วยกนั ลงมือท้ากจิ กรรม ตอนท่ี 3 โดย ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ดังนี 1) คาดคะเนว่า เมื่อเติมน้าสีฟ้าใส่ลงในกล่องพลาสติกใส ขวดพลาสติกใส และบีกเกอร์จนเต็มทกุ ใบ รูปรา่ งของนา้ สีฟ้าจะเป็นอย่างไร แล้วบันทกึ ข้อมลู ลงในสมุดประจ้าตัวนกั เรยี น หรือบันทึกข้อมูล ลงในแบบฝีกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 37 2) ทดลองเพ่ือตรวจสอบผลการคาดคะเน โดยเติมน้าสีฟ้าใส่ในกล่องพลาสติกใส ขวดพลาสติกใส และบกี เกอร์ แลว้ สังเกตรปู รา่ งของนา้ สีฟา้ และบนั ทึกผล 3) เลือกภาชนะที่ใส่น้าสีฟ้า 1 ใบ จากนันเทน้าออกคร่ึงหนึ่ง แล้วจับภาชนะวางในลักษณะต่างๆ เพือ่ สังเกตระดับผิวหนา้ ของนา้ สีฟ้าวา่ มลี ักษณะอยา่ งไร 4) สังเกตและวาดรูปลักษณะผิวหน้าของน้าสีฟ้าลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือบันทึกข้อมูล ลงในแบบฝีกหดั วทิ ยาศาสตร์ หน้า 37 1
194 ขั้นอธบิ ำยควำมรู้ (Explain) 1. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมานา้ เสนอผลการทา้ กจิ กรรมหน้าชนั เรยี นทีละกลมุ่ 2. นักเรียนทุกคนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลการท้ากิจกรรมให้ได้ว่า น้าอยู่ในสถานะของเหลว มีมวล ตอ้ งการที่อยู่ มปี ริมาตรคงท่ี และมรี ปู ร่างเปล่ยี นแปลงตามภาชนะทีบ่ รรจุ ขนั สรปุ ขนั้ ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 35-36 และช่วยกันคิด วิธีการน้าเสนอวิธีการหามวลและหาค่าปริมาตรของของเหลว เช่น ท้าเป็นแผนภาพ การสาธิตวิธีการ ทดลอง เปน็ ต้นเพื่อเตรียมออกมานา้ เสนอหนา้ ชันเรยี น 2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมาน้าเสนอวธิ ีการหามวลและหาคา่ ปริมาตรของของเหลว 3. นักเรยี นกลุ่มอ่ืนๆ ผลดั กันใหค้ ะแนนกลมุ่ ทอ่ี อกมาน้าเสนอ จากนนั ครูรวบรวมคะแนนแล้วนา้ มารวมกับ คะแนนของครู กลุ่มใดไดค้ ะแนนรวมสงู สดุ คอื กลุ่มทีช่ นะ 4. ครูมอบรางวลั ให้กลุ่มทชี่ นะ เพอ่ื เป็นก้าลงั ใจ และใหเ้ พ่ือนกลุ่มอื่น ๆ ร่วมกันยินดีด้วยการปรบมือ ชว่ั โมงท่ี 3 ข้ันขยำยควำมเข้ำใจ (Elaborate) (ต่อ) 5. ครูเขียนชื่อสสารต่างๆ เช่น ลูกโป่ง น้าส้มสายชู เก้าอี น้ามันพืช ขนมปัง เป็นต้น บนกระดาน จากนัน ให้นกั เรยี นชว่ ยกันตอบวา่ สสารนนั อยใู่ นสถานะของเหลวหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (แนวตอบ : น้าส้มสายชู น้ามันพืช เป็นสสารที่อย่ใู นสถานะของเหลว เพราะมีมวล ต้องการท่ีอยู่ สามารถ สัมผัสได้ มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงตามภาชนะที่บรรจุ มีปริมาตรคงที่ และระดับผิวหน้าของ ของเหลว จะอยู่ในแนวราบ เสมอ ส่วนลูกโป่ง เก้าอี และขนมปัง เป็นสสารที่อยู่ในสถานะ ของแขง็ เพราะมีมวล ตอ้ งการทอ่ี ยู่ สามารถสมั ผัสได้ มรี ูปรา่ งและปรมิ าตรคงท่)ี 6. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม จากนันให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มและรองหัวหน้ากลุ่ม พร้อมทงั ตังช่ือกลมุ่ ของตนเอง 7. ครูแจง้ ใหน้ กั เรยี นทราบว่า จะใหน้ กั เรียนเลน่ เกม แล้วแจ้งชอ่ื เกม วัตถุประสงค์ และกติกาในการเลน่ เกม ดังนี - ชือ่ เกม คือ ตดิ ภาพสารทอี่ ยใู่ นสถานะของเหลว - วตั ถปุ ระสงค์ คือ เพ่ือใหน้ ักเรยี นสามารถวเิ คราะห์และอธบิ ายสารท่ีอยูใ่ นสถานะของเหลวได้ 1
195 - กติกา คือ กลุ่มที่ติดภาพสสารที่อยู่ในสถานะของเหลวได้มากและถูกต้องที่สุดในเวลาท่ีครูกา้ หนด จะเป็นกลมุ่ ท่ีชนะ 8. ครูอธิบายวิธกี ารเลน่ เกมตามล้าดับขันตอน เพื่อใหน้ ักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจที่ถูกต้องชดั เจน ดงั นี 1) แต่ละกลุ่มจะมีเวลากลุ่มละ 10 นาที เพื่อให้ช่วยกันน้าภาพสสารที่อยู่ในสถานะของเหลวท่ีครูเตรียม ไวใ้ ห้ไปตดิ ไวบ้ นกระดาน 2) แต่ละกลุ่มเข้าแถวเรียงตอนลึก จากนันให้ออกมาเลือกบัตรภาพของสสารที่อยู่ในสถานะของเหลว ทว่ี างรวมกบั สสารที่อยู่ในสถานะอื่นๆ แล้วนา้ ไปติดไว้บนกระดานคนละช่ือ 3) เมื่อติดเสร็จให้วิ่งไปต่อท้ายเพ่ือนในแถวเดิม คนถัดไปออกไปเลือกบัตรภาพเหมือนคนแรกท้าแบบนี ไปเรอ่ื ยๆ เมือ่ ครูสง่ั ใหห้ ยดุ ใหน้ กั เรียนหยุดเขียนและนั่งลงทนั ที 9. นกั เรียนทบทวนล้าดับขนั ตอนการเล่นเกม 1 รอบ กอ่ นการเลน่ จรงิ 10. สมาชิกในแต่ละกลุ่มร่วมกันเล่นเกม “ติดภาพสสารที่อยู่ในสถานะของเหลว” โดยครูคอยสังเกต ควบคุมดูแล และกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นมีสว่ นร่วมในการปฏบิ ัติกิจกรรม 11. ครตู รวจสอบความถกู ต้อง และมอบรางวลั ให้กลุ่มท่ชี นะ 12. นักเรียนแต่ละคนท้ากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ หน้า 29 ลงในสมุดประจ้าตัว นกั เรียน หรือลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 38 13. ครตู ังค้าถามเพื่อใหน้ ักเรียนร่วมกันอภปิ รายว่า เพราะเหตใุ ดของเหลวจงึ ไม่สามารถรกั ษารปู รา่ งให้ คงที่ได้เหมือนของแขง็ (แนวตอบ : เพราะอนุภาคของของเหลวอยู่ห่างกัน ท้าให้เคลื่อนท่ไี ดม้ ากขนึ ) 14. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลจากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หน้า 33 และร่วมกัน แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั คา้ ถาม 15. นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมาเขยี นค้าตอบหน้ากระดาน 16. ครูและนกั เรยี นทุกคนรว่ มกันตรวจคา้ ตอบบนกระดาน ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า สสารท่ีอยู่ในสถานะของเหลว มีมวล ต้องการที่อยู่ สามารถสัมผสั ได้ มรี ปู ร่างเปล่ยี นแปลงตามภาชนะที่บรรจุ มปี ริมาตรคงท่ี มอี นภุ าคอยู่ห่าง กันมากกว่าของแข็ง ทา้ ให้เคล่อื นทไี่ ด้มากขนึ และระดบั ผวิ หน้าของของเหลว จะอยู่ในแนวราบเสมอ 2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบค้าถาม พฤติกรรมการท้างานรายบุคคล พฤติกรรมการท้างานกลุม่ และจากการนา้ เสนอผลการท้ากจิ กรรมหน้าชนั เรยี น 1
196 3. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมท่ี 2 เรื่อง สมบัติของของเหลว ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือตรวจใน แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หนา้ 36-37 4. ครูตรวจสอบผลการท้ากิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือตรวจในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ หนา้ 38 7. กำรวดั และประเมินผล วิธกี ำร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ำรประเมิน รำยกำรวดั - ตรวจสมดุ ประจ้าตวั - สมุดประจ้าตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 7.1 ประเมนิ ระหว่ำง หรือแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัด ผา่ นเกณฑ์ วิทยาศาสตร์ ป.4 วิทยาศาสตร์ ป.4 กำรจดั กิจกรรม เล่ม 2 หนา้ 36-37 เล่ม 2 หน้า 36-37 กำรเรียนรู้ 1) ผลบันทึกการท้า กจิ กรรมที่ 2 2) กจิ กรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมดุ ประจ้าตัว - สมุดประจ้าตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ หรอื แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 2 หนา้ 38 - ระดับคุณภาพ 2 วทิ ยาศาสตร์ ป.4 - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์ การนา้ เสนอผลงาน เล่ม 2 หน้า 38 3) การนา้ เสนอผลงาน/ - ประเมินการน้าเสนอ ผลการทา้ กจิ กรรม ผลงาน/ผลการท้า กจิ กรรม 4) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 การท้างานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ การท้างานกลุ่ม การทา้ งานกลุ่ม - แบบประเมิน คณุ ลักษณะ - ระดบั คณุ ภาพ 2 5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมวี นิ ัย อนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ในการท้างาน 1
197 8. สื่อ/แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 สื่อกำรเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 วสั ดุและสสาร 2) แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 วัสดแุ ละสสาร 3) วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมที่ 2 เช่น น้าผสมสีฟ้า น้าเปล่า น้าหวานสีแดง บีกเกอร์ กระบอกตวง หลอดฉีดยา แก้วพลาสติกใส ขวดพลาสติกใส กล่องพลาสติกใส เคร่ืองชั่งดิจิทัล เป็นต้น 4) สมุดประจา้ ตวั นักเรียน 8.2 แหลง่ กำรเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. ห้องเรยี น 3. อนิ เทอร์เนต็ 1
198 แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี 9 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ว 14101 ชนั้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 4 หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 3 วัสดแุ ละสสำร ภำคเรียนที่ 2 เรื่อง สมบตั ขิ องแก๊ส เวลำ 4 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นำงสำวอัมรำ โกษำรกั ษ์ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………………….... 1. มำตรฐำน/ตวั ชีว้ ดั ว 2.1 ป.4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสารทัง 3 สถานะจากข้อมูลที่ได้จากการสังเกต มวล การตอ้ งการท่ีอยู่ รปู รา่ งและปริมาตรของสสาร ว 2.1 ป.4/4 ใช้เคร่อื งมือเพ่อื วัดมวล และปริมาตรของสสารทงั 3 สถานะ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. อธบิ ายสมบตั ขิ องแกส๊ ได้ (K) 2. เปรียบเทียบสมบัตขิ องแกส๊ ได้ (P) 3. วเิ คราะห์สมบัติของแก๊สได้ (P) 4. ใชเ้ คร่อื งมอื เพอ่ื วดั มวล และปริมาตรของสสารท่ีอยู่ในสถานะของแกส๊ ได้ (P) 5. ให้ความรว่ มมอื ในการท้ากจิ กรรมกล่มุ และมีความรับผิดชอบในการส่งงานตรงเวลา (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรูท้ ้องถน่ิ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง สมบัติของแกส๊ มีมวล ตอ้ งการทอี่ ยู่ มรี ปู รา่ ง และปรมิ าตรเปล่ยี นไปตามภาชนะทีแ่ ก๊สบรรจุ 4. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด สมบัติของแก๊ส คือ มีมวล ต้องการท่ีอยู่ สามารถสัมผัสได้ มีรูปร่างและปริมาตรเปล่ียนแปลงตาม ภาชนะท่บี รรจุ มีอนภุ าคกระจายห่างจากกันมากกว่าของเหลว ท้าใหเ้ คล่ือนท่ีไดท้ กุ ทิศทาง 1
199 5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินัย 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทกั ษะการสังเกต 3. มุ่งม่ันในการทา้ งาน 2) ทักษะการสา้ รวจคน้ หา 3) ทกั ษะการระบุ 4) ทกั ษะการสรปุ อา้ งองิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 ขนั นา้ ขน้ั กระตุ้นควำมสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่า วันนีจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไร แล้วใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคา้ ถาม จากนนั ครแู จ้งชื่อเรอ่ื งทจ่ี ะเรยี นรู้ และตวั ชีวดั ให้นักเรียนทราบ 2. ครูขออาสานักเรียน 1 คน มาเป่าลมใส่ลูกโป่ง 1 ใบ แล้วใช้หนังยางมัดไว้ให้แน่น ครูให้นักเรียนในชัน เรียนสังเกตลกู โปง่ 3. ครตู งั ค้าถามถามนกั เรียนเพื่อกระต้นุ ความคิดวา่ นกั เรยี นคิดว่า ในลูกโปง่ ที่เป่าแล้วมีอะไรอยู่ข้างใน และ อยู่ในสถานะใด (แนวตอบ : อากาศ อยู่ในสถานะแกส๊ ) 1
200 ขันสอน ขั้นสำรวจค้นหำ (Explore) 1. ครตู งั คา้ ถามถามนักเรียนว่า แก๊สมรี ูปรา่ งคงท่ีหรอื ไม่ โดยให้นกั เรียนร่วมกนั ตอบค้าถามอยา่ งอิสระ (แนวตอบ : แก๊สมีรปู ร่างเปล่ยี นแปลงตามภาชนะทีบ่ รรจุ) 2. นกั เรียนทุกคนร่วมกันอภิปรายและตอบค้าถามได้อย่างอสิ ระ โดยครูยังไม่เฉลยคา้ ตอบ 3. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่านักเรียนจะได้ค้าตอบจากการท้ากิจกรรมท่ี 3 เร่ือง สมบัติของแก๊ส ตอนท่ี 1 จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 30 4. ครแู บ่งกลมุ่ ใหน้ กั เรยี น กลุ่มละ 4 คน โดยคละตามความสามารถ 5. ครูใช้วิธีสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration) มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยครูจับฉลากเลือก นักเรียน 2 กลุ่ม จากนันให้ออกมาสาธิตการท้ากิจกรรมที่ 3 เรื่อง สมบัติของแก๊ส ตอนท่ี 1 จากหนังสือ เรยี นวิทยาศาสตร์ หนา้ 30 6. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั สังเกตการสาธติ การทา้ กจิ กรรมจากกล่มุ สาธติ 7. สมาชิกทุกคนในกลุ่มช่วยกันน้าผลการสังเกตบันทึกลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียนหรือในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 2 หน้า 41 8. ครูตังค้าถามถามนักเรียนว่า แก๊สมีมวลหรือไม่ และนักเรียนสามารถหาค้าตอบได้อย่างไร” จากนัน นักเรยี นรว่ มกันอภิปราย โดยยงั ไมเ่ ฉลยค้าตอบ 9. ครูใช้วิธีสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration) มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยครูจับฉลากเลือก นักเรียน 2 กลุ่ม จากนันให้ออกมาสาธิตการท้ากิจกรรมที่ 3 เรื่อง สมบัติของแก๊ส ตอนท่ี 2 จากหนังสือ เรียนวทิ ยาศาสตร์ หน้า 30-31 10. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั สังเกตการสาธิตการท้ากจิ กรรมจากกลุม่ สาธิต 11. สมาชิกในกลุ่มช่วยกันน้าผลการสังเกตบันทึกลงในสมุดประจ้าตัวนักเรียน หรือในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ หนา้ 41 ขน้ั สำรวจค้นหำ (Explore) (ตอ่ ) ช่วั โมงที่ 2 12. ครูตังค้าถามถามนักเรียนว่า สสารที่อยู่ในสถานะแก๊สมีปริมาตรคงที่หรือไม่ โดยให้นักเรียนร่วมกัน ตอบคา้ ถามอย่างอิสระ (แนวตอบ : แก๊สมีปรมิ าตรเปลี่ยนแปลงตามภาชนะทบ่ี รรจุ) 13. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรียนฟังว่า นกั เรียนจะไดค้ า้ ตอบจากการทา้ กิจกรรมท่ี 3 เรอื่ ง สมบตั ขิ องแก๊ส 1
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247