ชาติพันธ์ุเก่าแก่ที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันว่า ชาวไทยข่าเรยี บงา่ ยและไมผ่ ดิ ผี เป็นกลุ่มชนด้ังเดิมที่อาศัยอยู่ในลุ่มแม่น�้าโขง ผู้มี ชีวิตของชนชาติพันธ์ุไทยข่านั้นเรียบง่ายและ พัฒนาการมาจากคนเขมรโบราณหลังอาณาจักร ขอมเสอ่ื มอา� นาจลงเมอื่ หลายพนั ปกี อ่ น ผกู โยงอยกู่ บั เกษตรกรรมและธรรมชาตขิ องถนิ่ ทอี่ ยู่ อยา่ งแท้จริง โดยจารีตประเพณีของชาวขา่ โบราณ ภาษาของชาวไทยข่าเป็นภาษาในตระกูล เป็นเรื่องท่ีน่าสนใจศึกษา ตกทอดอยู่ในความเชื่อ ออสโตรเอเชียติก ว่ากันว่าแต่เดิมชาวไทยข่ามิได้ เร่ืองการแต่งงาน การสู่ขอที่ต้องมีล่ามเป็นหญิง เรยี กตวั เองว่าไทยข่า แต่จะเรียกตวั เองว่าชาวบรู ชายถึง 4 คน พรอ้ มข้าวของทใ่ี ชใ้ นพิธีกรรม อยา่ ง เทยี นไข เหลา้ อุ ไก่ ไขไ่ ก่ หมู เงนิ กา� ไลเงนิ ทบ่ี ง่ ไทยข่ามีถ่ินท่ีอยู่ด้ังเดิมในแขวงสะหวันนะเขต บอกถงึ ความคดิ ความเชอื่ ในการปฏบิ ตั อิ นั เรยี บงา่ ย แขวงสาละวัน และแขวงอัดตะปือ ในเขตลาวใต้ ไทยขา่ ไดอ้ พยพเขา้ มาอยใู่ นพน้ื ทแี่ ผน่ ดนิ ไทยตง้ั แต่ จารีตประเพณตี า่ ง ๆ ในเรื่องของการ “ผิดผี” รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เปน็ ตน้ มา ของชาวข่าน้ันมุ่งเน้นถึงการใช้ชีวิตและอยู่ร่วมกัน ในสงั คมอยา่ งเปน็ สขุ เชน่ หา้ มลกู สะใภเ้ ขา้ หอ้ งนอน ค�าวา่ “ข่า” น้นั นักภาษาศาสตรค์ าดว่าอาจมา พอ่ ผัว ห้ามลูกสะใภร้ บั ของจากพ่อผวั หา้ มลกู เขย จากคา� ว่า “ข้าทาส” ซงึ่ ส�าเนยี งอสี านจะออกเสยี ง เขา้ ออกภายในบา้ นจากหอ้ งหนง่ึ ไปยงั อกี หอ้ งหนง่ึ วา่ “ข่าทาส” อาจด้วยเนอื่ งจากในสมยั รชั กาลที่ 5 โดยหากมีการท�าผิดผีต้องน�าเครื่องเซ่นขอขมาไป มีการจัดส่งชาวบรูมาเป็นข้าทาสรับใช้กันมาก จึง คารวะตอ่ ผบี รรพบรุ ษุ ทม่ี มุ เรอื นดา้ นทศิ ตะวนั ออก อาจนยิ มเรยี กกันมาวา่ ไทยข่า หรอื ทเ่ี ตาไฟ “ทอ่ งเที่ยว วถิ ีชนเผ่า งานศิลป์ ถิน่ สนุก” 049
เมนเู ดน่ ของชาวไทยขา่ หมกหนอ่ ไม้ (มวั ะอะบงั ) ตม้ หอยหอม (กะลอแต) อาหารที่ดูคล้ายห่อหมกของภาคกลาง แต่ใช้ กับนำ้าพรกิ แมงแคง (แจ่วแบน) หน่อไม้สดเป็นส่วนประกอบหลัก ไม่ใส่กะทิ แต่ หอยหอมเปน็ สตั วพ์ นื้ ถน่ิ พบไดท้ วั่ ไปในปา่ โคก กลมกลอ่ มดว้ ยหอมแดง กระชาย ตะไคร้ พรกิ สด และตามภเู ขาในภาคอสี าน มกั พบในชว่ งฤดฝู น เมอ่ื ข้าวเบือ น�้าปลาร้า และใบยอ น�ามาขังไว้สกั 2-3 วัน โดยใหก้ นิ กะทิ หอยก็จะขับ คณุ ค่าทางโภชนาการ ถ่ายสง่ิ สกปรกออกมา เม่ือน�าหอยไปต้มกบั ตะไคร้ เกลือ และใบชะโมง กจ็ ะไดห้ อยหอมรสชาติหวาน เฉพาะหน่อไม้ซ่ึงเป็นส่วนประกอบหลักของ ตามธรรมชาติ กินกับน�้าพริกแมงแคงใส่น�้าปลาร้า มัวะอะบังก็มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เช่น ย่ิงอร่อยจนวางมือไม่ได้ ช่วยในการผลิตกรดอะมิโนหลายชนิดท่ีร่างกาย คุณค่าทางโภชนาการ ตอ้ งการ มเี ส้นใยอาหาร ชว่ ยขับกากและสารพิษที่ ตกคา้ งออกจากรา่ งกายไดง้ า่ ยขน้ึ ชว่ ยปรบั สมดลุ ใน ชาวบ้านเช่ือกันว่าหอยหอมช่วยเพ่ิมสมรรถ- ร่างกาย และการที่หน่อไม้อุดมไปด้วยธาตุสังกะสี ภาพทางเพศ, ตะไคร้ช่วยขับลม มีวิตามินและแร่ จึงช่วยให้ระบบการท�างานภายในร่างกายเป็น ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย, เกลือใช้ปรับรสชาติ ไปอย่างปกติ และสังกะสียังช่วยซ่อมบ�ารุงระบบ อาหาร ป้องกันโรคคอพอก, ใบชะโมงช่วยเร่ือง เอนไซม์และเซลล์ต่าง ๆ อีกดว้ ย ระบบขบั ถา่ ย, พรกิ สดชว่ ยขบั ลม แกอ้ าการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ อาหารไมย่ อ่ ย, หวั หอมชว่ ยลดความเสยี่ ง แหล่งเรียนรู้วถิ ไี ทยขา่ ตอ่ การเกดิ โรคมะเรง็ และโรคหวั ใจชนดิ เสน้ เลอื ดมา จังหวดั นครพนม เลีย้ งหวั ใจอุดตัน ช่วยลดไขมนั ในเลือด และปลาร้า สถานที่ วัดโคกสวา่ ง บ้านโสกแมว สุกมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ต�าบลอุ่มเหม้า อา� เภอธาตุพนม ต้มสมนุ ไพรไก่บา้ น (ต้มตอ๊ ยเจาะอะเฮา) ประธานชนเผา่ นายอทุ ิศ อนุ่ ไชย โทร. 09 2756 0637 ตม้ ไกบ่ า้ นรอ้ น ๆ หอมกลน่ิ ตะไคร้ ใบมะกรดู ขา่ ผู้ประสานงาน นางสา� นาน ฐานวเิ ศษ และมรี สชาตอิ อกเปรย้ี วนดิ ๆ ดว้ ยใบมะขามออ่ น โทร. 09 6513 6251 และใบหมอ่ น กนิ ดยี ง่ิ นกั ในชว่ งทม่ี ลี มหนาวพดั ผา่ น จงั หวัดมกุ ดาหาร คณุ ค่าทางโภชนาการ สถานที่ หมทู่ ี่ 2 บา้ นนาหนิ กอง ต�าบลกกตูม อ�าเภอดงหลวง ตะไครช้ ว่ ยขบั ลม บา� รงุ ธาตุ ขบั เหงอ่ื ชว่ ยเจรญิ ประธานชนเผา่ และผูป้ ระสานงาน อาหาร, ขา่ ออ่ นชว่ ยขบั ลม แกอ้ าการแนน่ จกุ เสยี ด นายวตั ิ กุลบุญมา โทร. 08 6863 6561 ทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ ขบั เสมหะ, ใบมะกรดู ชว่ ยป้องกนั และบรรเทาอาการของโรคมะเร็ง, พริกข้ีหนูช่วย เจรญิ อาหารขบั ลมเปน็ ยาระบายชว่ ยขบั เสมหะและ แกห้ วดั , ใบหมอ่ นชว่ ยทา� ใหร้ ะบบประสาทผอ่ นคลาย นอนหลับสบาย อุ๊ปูนา (อุ๊อะเลียง) นา้� ซปุ รสเดด็ ทใี่ ชน้ า�้ ปนู าโขลกใหม่ ๆ มาตม้ กบั ขา่ ปน่ ผกั ชี หอม ผกั แขยง ใบชะพลู และใบแมงลัก ปรงุ รสใหน้ วั ดว้ ยนา�้ ปลา นา้� ปลารา้ พรกิ และไขแ่ ดง คณุ คา่ ทางโภชนาการ ปูนามสี รรพคุณกระจายโลหิต แก้ชา�้ ใน บา� รุง ก�าลัง ช่วยแก้ไขอาการสมรรถภาพทางเพศเส่ือม, กระดองปชู ว่ ยย่อยสลายแปง้ และเผาผลาญไขมัน ให้เป็นพลังงาน ช่วยขจัดไขมันที่พอกตับ และ ควบคุมไขมนั ในเลือดไม่ให้สูงเกนิ ไป 050 “ท่องเท่ียว วถิ ชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถน่ิ สนกุ ”
“ทอ่ งเทีย่ ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถิ่นสนกุ ” 051
ไทยกะเลิง ขุนเขาและท่ีราบกลางป่าไพรคือบ้านอัน อบอุ่นคุ้นเคยของบรรพบุรุษชาวไทยกะเลิงที่ เคยอาศยั อยใู่ นเขตดนิ แดนฝง่ั ซา้ ยของแมน่ า�้ โขง โดยเฉพาะแขวงคา� มว่ นและแขวงสะหวนั นะเขต ของ สปป.ลาว ชนชาติพันธ์ุแห่งพื้นท่ีสูงเผ่าน้ีมีภาษาพูด ในตระกูลมอญ-เขมรเช่นเดียวกับชาวข่าและ โส้ พวกเขาอพยพข้ามแม่น�้าโขงมาปักหลักใน ดินแดนไทยราว 150 ปีก่อน ครั้งเหตุการณ์ กบฏเจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันทน์ หลังจาก สยามกวาดต้อนผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ใน ลาวมาหลงั ปราบศกึ เสรจ็ ชาวกะเลงิ กระจายกนั สร้างบ้านแปลงเมืองอยู่ในเขตจังหวัดสกลนคร นครพนม และมกุ ดาหารเปน็ ส่วนใหญ่ แม้จะนับถือผีเป็นคติความเช่ือดั้งเดิม แต่ หลังจากรับนับถือพุทธศาสนา ชาวไทยกะเลิง ในแดนดินไทยก็เหมือนกับชาวอีสานท่วั ไป คอื ยึดถือฮีตสิบสอง คองสิบสี่ เป็นหลักในการ ดา� เนินชีวิต ทว่ายังคงผกู พันความเช่อื เรอ่ื งผีใน สายเลอื ด นับถอื ผมี เหสักข์หลกั บา้ น วญิ ญาณ บรรพบุรุษ ผีตาแหก ผีป่า ผีเขา เป็นส่ิงหล่อ หลอมวัฒนธรรมมาเคยี งคู่กัน แตเ่ ดมิ ผชู้ ายไทยกะเลงิ นยิ มสกั รปู นกทแ่ี กม้ และปล่อยผมยาวประบ่า ส่วนผู้หญิงมักเกล้า มวยผม ปจั จบุ นั ผชู้ ายไทยกะเลงิ ทส่ี กั ขาลายขน้ึ มาถงึ บนั้ เอวยงั พอมหี ลงเหลอื ใหพ้ บเหน็ อยบู่ า้ ง ตามหมบู่ า้ นดงั้ เดมิ ในชมุ ชนเลก็ ๆ หลายทอ้ งที่ 052 “ท่องเท่ียว วถิ ีชนเผ่า งานศิลป์ ถิน่ สนุก”
“ทอ่ งเทีย่ ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถิ่นสนกุ ” 053
การแต่งกายของชาวไทยกะเลิง ไทยกะเลิงอดทนและสมถะ คนไทยกะเลงิ แตเ่ ดมิ มกั ยอ้ มผา้ ดว้ ยคราม เยบ็ ชาติพันธ์ุไทยกะเลิงหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว มอื ฝา่ ยหญิงนงุ่ ผ้าซิ่นมัดหมีม่ ีเชิง ไม่สวมเสือ้ ใช้ กับอีกหลายกลุ่มชาติพันธ์ุในอีสาน จากคนท่ีใช้ แพรเบยี่ งโตง่ ในเวลามงี าน ปกตนิ ยิ มเปลอื ยหนา้ อก ชีวิตอยู่ตามขุนเขา พวกเขาปรับตัวและต้ังถ่ินฐาน ซึ่งเรียกว่า “ปละนม” ไว้ผมยาวและมวยผม สวม ตามท่ีราบ ริมแมน่ ้�า หรือในไรน่ าชายทุ่ง มีรูปแบบ กา� ไลข้อมอื ข้อเทา้ และต้มุ หเู งนิ นิยมทัดดอกไม้ วฒั นธรรมและนาฏศลิ ปเ์ ปน็ เอกลกั ษณ์ พฒั นาการ ยอ้ มผมดว้ ยขมนิ้ ทาหนา้ ดว้ ยหวั กลอยและขา้ วสาร อยู่ร่วมกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งคติในการใช้ชีวิตอย่าง สวมรองเทา้ ทีป่ ระดษิ ฐ์เอง ใช้วสั ดุตามป่าเขา เชน่ อดทน สมถะ และขยันขนั แข็งอย่างที่สง่ั สมกันมา ไม้ หนังสตั ว์ กาบหมาก แตด่ ัง้ เดมิ เมนูเดน่ ของชาวไทยกะเลงิ คุณค่าทางโภชนาการ ไก่ดาำ ต้มหมอ้ ดนิ (ตม้ ไกแ่ หล่มอดนิ ) ไก่ด�าอุดมด้วยโปรตีน ช่วยบ�ารุงเลือด สร้าง ตม้ ไกเ่ ปน็ อาหารพนื้ บา้ นของชาวอสี าน ทา� งา่ ย ฮอร์โมนบ�ารุงร่างกาย, ข่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยย่อย กินดี มปี ระโยชน์ ใช้วัตถดุ ิบเพียงไก่ด�า ข่า ตะไคร้ ขับลม แก้จุกเสียด, ตะไคร้ นอกจากช่วยขับลม และนา�้ สะอาด โดยเฉพาะเมอื่ เปน็ ไกด่ า� ซง่ึ มคี ณุ คา่ แลว้ ยงั มวี ติ ามนิ เอ บี ซี โฟเลต แมกนเี ซยี ม สงั กะสี ทางอาหารมากกวา่ ไกบ่ ้านท่วั ๆ ไป ยิ่งทา� ใหเ้ ปน็ ทองแดง และธาตุเหล็กอีกด้วย อาหารงา่ ย ๆ แตพ่ เิ ศษในมื้อนนั้ ๆ เลยทเี ดยี ว 054 “ทอ่ งเทย่ี ว วถิ ชี นเผา่ งานศิลป์ ถิ่นสนกุ ”
แกงขะยขุ ะยะ คุณค่าทางโภชนาการ (แกงปลาเลก็ ปลาน้อย กงุ้ ฝอย แมงเหนยี่ ว ข้าวมีคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานต่อร่างกาย, ใส่ผักรวม) น�้าตาลทรายแดงช่วยในเรื่องกระบวนการขับถ่าย อาหารพ้ืนถ่ินที่รวมเอาวัตถุดิบท่ีหาได้รอบ ๆ ของเสีย และมะพรา้ ว มีวิตามนิ ซี วิตามนิ บี กรด ตัว เชน่ ปลา แมลง ผกั อยา่ งละนิดอย่างละหนอ่ ย อะมโิ น ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฯลฯ มาแกงรวมกนั แล้วปรงุ รสใหถ้ ูกปากคนกนิ คุณค่าทางโภชนาการ แหลง่ เรยี นรู้วถิ ีไทยกะเลงิ จังหวัดสกลนคร ปลาตวั เลก็ กงุ้ ฝอย เหนย่ี ว แมงตบั เตา่ มโี ปรตนี สถานท่ี ศูนยว์ ฒั นธรรมชนเผ่าไทยกะเลงิ แคลเซยี ม ฟอสฟอรสั และธาตเุ หลก็ , ผกั ขส้ี ม้ ผกั ขข้ี ม บ้านกุดบาก ตา� บลกดุ บาก อ�าเภอกุดบาก ผกั ตว้ิ เตม็ ไปดว้ ยวติ ามนิ ซี วติ ามนิ บี 12 วติ ามนิ เอ ประธานชนเผา่ อาจารยช์ ัยยทุ ธ วยั เหนิดลอื้ แคลเซยี ม และฟอสฟอรสั , พรกิ ชว่ ยขบั ลม แกอ้ าการ โทร. 08 6244 5737 ทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ อาหารไมย่ อ่ ย, ตะไครช้ ว่ ยขบั ลม ผ้ปู ระสานงาน นายวรี พงษ์ นาใจคง บา� รงุ ธาตุ ขบั เหงอ่ื ชว่ ยใหเ้ จรญิ อาหาร โทร. 08 2244 4900 แจว่ บองรมิ สวน (นา้ำ พรกิ ปลาร้าผกั สด) นายสนุ สิ า ดาบพมิ พศ์ รี โทร. 08 7945 4887 อาหารท�าง่าย มีปลาตัวเล็กตัวน้อยเป็นส่วน จงั หวัดนครพนม ประกอบหลกั ตา� รวมกบั พรกิ กระเทยี ม หอม และ สถานท่ี วัดสระพังทอง บา้ นหนองสังข์ ปรุงรสดว้ ยน�า้ ปลารา้ กนิ กบั ผักสดต่าง ๆ ไดค้ ุณคา่ ต�าบลหนองสงั ข์ อา� เภอนาแก ทางอาหารยง่ิ ขน้ึ ไปอีก ประธานชนเผา่ นายกะสนิ พอ่ หาร คุณคา่ ทางโภชนาการ โทร. 08 3148 5495 ผูป้ ระสานงาน นายศริ ิพงษ์ เหง้าสวุ รรณ เนื้อปลามีโปรตีน ซ่อมแซมส่วนท่ีสึกหรอของ โทร. 08 9843 8970 ร่างกาย, ปลาร้าสุกมีสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 จงั หวัดมกุ ดาหาร หมู่, พริกช่วยขับลม แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ สถานท่ี ศาลากลางขา้ ง หมู่ 3 ต�าบลดอนตาล อาหารไมย่ ่อย, กระเทียม บา� รุงผิวหนัง ลดระดับ อ�าเภอดอนตาล คอเลสเตอรอลและน�้าตาลในเลือด มีสารต้าน ประธานชนเผา่ นายกีรติ ปาวงศ์ อนุมลู อสิ ระ, หอมช่วยท�าให้รา่ งกายอบอุ่น เจริญ (ประธานวัฒนธรรมอ�าเภอดอนตาล) อาหาร บ�ารุงโลหิต หัวใจ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผูป้ ระสานงาน นางพรรณิภา คนไว สว่ นผักตา่ ง ๆ นน้ั ช่วยเรอื่ งระบบขบั ถ่าย โทร. 08 3282 2254 ข้าวฝนั ของหวานทนี่ า� ขา้ วสารขา้ วเหนยี ว นา�้ ตาลทราย แดง และมะพรา้ วมาต�ารวมกันในครกโบราณ เปน็ ขนมทพ่ี บในงานบญุ ต่าง ๆ “ท่องเทยี่ ว วถิ ชี นเผ่า งานศิลป์ ถิน่ สนุก” 055
ผู้ไทย 056 “ทอ่ งเท่ยี ว วถิ ีชนเผา่ งานศลิ ป์ ถนิ่ สนุก”
ผไู้ ทย หรอื ภไู ท ชาตพิ นั ธแ์ุ หง่ ความงดงามทม่ี แี ดนดนิ รัตนโกสินทร์ เม่ือเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์เป็น เกา่ อยแู่ ถบแควน้ สบิ สองจไุ ทและสบิ สองปนั นา รวมถงึ กบฏตอ่ กรงุ เทพฯ ในราวปี พ.ศ. 2369 กองทพั สยาม ดินแดนทางเหนือของลาวและเวียดนามท่ีอยู่ติด ยกพลข้ามโขงไปปราบปรามส�าเร็จและมีนโยบาย กับตอนใต้ของจีนเข้าไปด้วย จากเหตุผลทางศึก จะอพยพชาวผไู้ ทยจากเมืองวัง เมอื งตะโปน จาก สงครามและความยากไร้ ชาวผู้ไทยได้อพยพจาก ชายแดนปลายพระราชอาณาเขต ซึง่ ใกล้ชดิ ตดิ กับ ถ่ินเกิดทางตอนเหนือของ สปป.ลาว จากฝั่งซ้าย แดนญวน ใหข้ า้ มแมน่ า�้ โขงมาตงั้ ถน่ิ ฐานทางฝง่ั ขวา ของแม่น้�าโขงข้ามฟากมาสู่แผ่นดินอีสานของไทย แม่น้�าโขงให้มากท่ีสุด เพื่อความปลอดภัย ไม่ให้ ซึง่ มีการเคล่ือนย้ายมาตั้งแตใ่ นปี พ.ศ. 2369 ตรง เป็นก�าลังแก่นครเวียงจันทน์และฝ่ายญวนอีกต่อ กับสมยั รชั กาลท่ี 3 แหง่ กรงุ รัตนโกสินทร์เรอ่ื ยมา ไป ชาวผู้ไทยจากเมืองวัง เมืองตะโปน เมืองพิน เมอื งนอง เมอื งค�าออ้ คา� เขยี ว จงึ ถูกอพยพข้ามตงั้ เดิมผู้ไทยแบ่งแยกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้ไทย รกรากอยูท่ างฝั่งขวาของแมน่ ้า� โขง คือพ้ืนทีใ่ นเขต ดา� และผไู้ ทยขาว อาศัยอยใู่ นเมอื งท้งั 12 แหง่ ใน เมอื งกาฬสินธ์ุ สกลนคร นครพนม และมกุ ดาหาร เขตสิบสองจุไทย โดยมีเมืองวังและเมืองตะโปน ท้ังในหมู่บ้านรมิ โขง ตามแนวทิวเขาภูพาน เป็นเมืองใหญ่ โดยในสมัยรัชกาลท่ี 3 แห่งกรุง “ทอ่ งเท่ียว วิถีชนเผา่ งานศิลป์ ถ่ินสนกุ ” 057
การแตง่ กายของชาวผไู้ ทย คนผไู้ ทยมกี ารฟอ้ นทง่ี ดงามและมชี อ่ื เสยี ง โดย ด้วยการแต่งกายอันงดงาม โดยเฉพาะหญิง เฉพาะ “ฟอ้ นผไู้ ทยเรณนู คร” งดงามดว้ ยเครอ่ื งแตง่ กาย ที่ฝ่ายหญิงใส่เส้ือสีน้�าเงินเข้มขลิบแดง สวมเคร่ือง ชาวผ้ไู ทย ผ้าทอของคนผ้ไู ทยจึงสวยงามโดดเด่น เงิน ทั้งต่างหู สร้อยคอ ก�าไลเงนิ เกล้ามวยผมสงู โดยเฉพาะผ้าแพรวา การทอผ้าซ่ินหม่ีตีนต่อเป็น ทัดดอกไม้สขี าว ห่มผ้าเบยี่ งสขี าว ผชู้ ายจะใส่เส้ือ ผนื เดยี วกบั ผา้ ผนื ทเ่ี รยี กวา่ “ตนี เตา๊ ะ” เปน็ ทน่ี ยิ ม หม้อห้อมขลิบผ้าแดง นุ่งกางเกงขาก๊วย มีผ้าคาด ในหมผู่ ไู้ ทย มกี ารทอผา้ เปน็ หมส่ี าด มผี า้ ยอ้ มคราม เอวและโพกศรี ษะ โดยการฟอ้ นของผไู้ ทยในอสี าน ทย่ี อ้ มจนเปน็ สคี รามเกอื บดา� ผา้ ดา� หรอื ซน่ิ ดา� เปน็ อาจมขี อ้ แตกตา่ ง เชน่ ฟอ้ นผไู้ ทยสกลนคร คนฟอ้ น ลกั ษณะเดน่ ของซน่ิ หมผ่ี ไู้ ทย หญงิ ผไู้ ทยมไิ ดท้ อเปน็ จะสวมเลบ็ คลา้ ยฟอ้ นเลบ็ ทางภาคเหนอื ปลายเลบ็ หมท่ี ง้ั ผนื หากแตม่ ที อลายมาคน่ั ไว้ โดยนยิ มใชส้ เี ขยี ว จะมพี ู่ไหมพรมสีแดง สนี า�้ เงนิ สแี ดง สมี ว่ ง เสอ้ื แขนกระบอกสามสว่ นของ คนผไู้ ทยมกั ตดิ กระดุมเงินหรือเหรยี ญสตางค์ 058 “ท่องเทยี่ ว วิถีชนเผ่า งานศิลป์ ถิ่นสนุก”
ชาวผไู้ ทยมีไมตรี คนผู้ไทยมักอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ในบ้าน เดียวกัน พวกเขามีอุปนิสัยขยันขันแข็ง มัธยัสถ์ ทา� งานไดห้ ลายอาชพี เชน่ ท�านา ท�าไร่ คา้ วัว ค้า ควาย น�ากองเกวียนบรรทุกสินค้าไปขายต่างถ่ิน เรียกว่านายฮ้อย หญิงชาวผู้ไทยหน้าตาสวย ผิว พรรณดี มีอัธยาศัยไมตรีในการต้อนรับผู้มาเยือน จากต่างถิ่น จนเป็นที่กล่าวถึงท้ังการฟ้อนผู้ไทย ผูกข้อมือ และการ “ดูดอุ” เหล้าท่ีท�าจากข้าว เปลอื กหมกั ในไหและดดู ดว้ ยไมซ้ าง ทห่ี มายถงึ การ รว่ มมติ รภาพอยา่ งใหเ้ กยี รตผิ มู้ าเยอื นอยา่ งถงึ ทส่ี ดุ “ทอ่ งเท่ยี ว วถิ ีชนเผ่า งานศิลป์ ถิ่นสนกุ ” 059
เมนเู ดน่ ของชนเผา่ ผู้ไทย คุณค่าทางโภชนาการ ขา้ วปุน้ ปาแดะโน ไก่มีโปรตีน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของ ขา้ วปนุ้ หรอื ขนมจนี ของชนเผา่ ผไู้ ทย ไมไ่ ดก้ นิ กบั รา่ งกาย, ไขแ่ ละตวั มดแดงมกี รดนา�้ สม้ ใหร้ สเปรยี้ ว นา�้ ยา นา�้ พรกิ หรอื แกงตา่ ง ๆ อยา่ งในภาคอน่ื ของ มคี ณุ สมบตั เิ ปน็ กรด ใชแ้ ทนมะนาวหรอื นา้� สม้ สายชู ไทย แตก่ นิ กบั นา�้ ปลารา้ และนา�้ กะปิ ความอรอ่ ยนน้ั ปรงุ รสชาติให้อาหารอรอ่ ยกลมกลอ่ ม อยทู่ ข่ี นมจนี เสน้ สด ทา� กนั ใหม่ ๆ ชนดิ วนั ตอ่ วนั คณุ คา่ ทางโภชนาการ ขนมจีนมีคาร์โบไฮเดรต ช่วยสร้างพลังงานให้ รา่ งกาย, ปลารา้ สกุ มสี ารอาหารครบถว้ นทง้ั 5 หม,ู่ กะปมิ กี รดอะมโิ น ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ โปรตนี แบบยอ่ ย ง่าย มีแคลเซียมและแร่ธาตุจากทะเล คือไอโอดีน รวมทง้ั มแี อนตอ้ี อกซเิ ดนต์ ทช่ี ว่ ยตา้ นอนมุ ลู อสิ ระดี ปิง้ ไก่บ้านแหยฮ่ งั มดแดง (ป้ิงไกบ่ า้ นโบราณ) ของอร่อยที่น�าไก่มาคลุกเคล้าเกลือแล้วน�าไป ป้ิงให้หอมกรุ่น จากน้ันน�าไข่มดแดงมาปรุงรสให้ ออกเปร้ยี ว ๆ ตดั กบั รสเคม็ ของเกลอื เปน็ อาหาร เฉพาะถ่นิ ที่ท�าง่าย แตห่ ากนิ ได้ไม่ง่าย 060 “ทอ่ งเทย่ี ว วถิ ชี นเผา่ งานศลิ ป์ ถน่ิ สนุก”
แจว่ ปลาแดะ แหลง่ เรียนร้วู ถิ ีผูไ้ ทย (นา้ำ พรกิ ปลารา้ ) จงั หวัดสกลนคร สถานที่ บา้ นห้วยหีบ ตา� บลตองโขบ อาหารประจา� สา� รบั กบั ขา้ ว อ�าเภอโคกศรสี พุ รรณ ของชาวอีสาน ซึ่งน�าสมุนไพร ประธานชนเผา่ นายผดงุ ชยั ชาชยั คือ ขา่ ตะไคร้ ใบมะกรูด พรกิ (รอง สวธ.อ�าเภอโคกศรสี ุพรรณ) โทร. 09 5649 8806 กระเทียม หอมแดง มาปรงุ รส ผู้ประสานงาน นายอา� นวย โกมนิ ทรชาติ เข้ากับปลาร้า และเติมเกลือ (ประธาน สวธ.อา� เภอโคกศรีสุพรรณ) โทร. 08 1670 6907 น้�าตาล เพื่อให้รสกลมกล่อม นายศีลวัตร ยาทองไชย โทร. 08 7233 3806 ยิ่งขนึ้ นางอุดร สมณะ โทร. 08 1790 1342 คุณค่าทางโภชนาการ จงั หวดั นครพนม สถานที่ วดั บัวขาว บา้ นนาบวั ต�าบลโคกหินแฮ่ อ�าเภอเรณนู คร ปลาร้าสุกมีสารอาหาร ประธานชนเผ่า นายครสวรรค์ ฤทธิกร โทร. 08 1729 8541 ครบถ้วนท้งั 5 หม่,ู หอมแดง ผปู้ ระสานงาน นายศักด์ิดา แสนมติ ร โทร. 08 3563 8743 ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ช่วย สถานท่ี โรงละครเมงิ เว วัดพระธาตุเรณู ตา� บลเรณู อา� เภอเรณนู คร ยอ่ ยและเจรญิ อาหาร แกบ้ วม ผ้ปู ระสานงาน นางอสิ รีย์ รกั ษ์กัตติยะบตุ ร โทร. 09 5532 4801 นา�้ แกอ้ าการอกั เสบตา่ ง ๆ ขบั จังหวดั มกุ ดาหาร พยาธิ ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น, สถานที่ บ้านภู ตา� บลบ้านเปา้ อา� เภอหนองสูง ข่าช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม ประธานชนเผ่า กา� นันเผด็จ แสนโคตร ยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โตของเซลล์ ผ้ปู ระสานงาน นายเอนก อาจวชิ ัย โทร. 08 4519 5321 มะเรง็ , ตะไครช้ ว่ ยขบั ลม บา� รงุ สถานท่ี ศนู ยก์ ารเรยี นรูโ้ อท็อปเพ่อื การท่องเที่ยว ธาตุ ขบั เหงอ่ื ชว่ ยเจรญิ อาหาร วัดแจ้งบา้ นแข้ ตา� บลบ้านคอ้ อา� เภอคา� ชะอี กระเทียมช่วยเสริมสร้างการ ประธานชนเผา่ นายเกรียง คลอ่ งดี เจริญเติบโตของเน้ือเย่ือใน ผู้ประสานงาน นางพัชรินทร์ ปิ่นเมอื ง โทร. 09 3084 8055 ร่างกาย ช่วยป้องกันการเกิด โรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้าง ภมู ติ า้ นทานใหแ้ กร่ า่ งกาย ข้าวหลามแซบ (เผาข้าวหลาม) ลกั ษณะคลา้ ยขา้ วหลามซงึ่ เปน็ ของหวาน แตใ่ ชว้ ตั ถดุ บิ คอื ข้าวเหนียว กะทิ น้�าตาล เผอื ก ถวั่ และมนั เทศ คลกุ เคล้ารวม กันในกระบอกไม้ไผ่ก่อนน�าไป เผาไฟใหส้ กุ หอมอรอ่ ย คณุ คา่ ทางโภชนาการ ข้าวเหนียว บ�ารุงร่างกาย ช่วยขับลม เสริมสมรรถภาพ กระเพาะอาหาร ช่วยบ�ารุงผิว พรรณให้เนยี นขึน้ , เผือก ชว่ ย บา� รงุ ธาตใุ นรา่ งกาย แกอ้ าการ อักเสบ ระงับอาการปวด, ผล มนั เทศชว่ ยลดไขมันในเลอื ด “ทอ่ งเท่ียว วถิ ชี นเผา่ งานศิลป์ ถิ่นสนกุ ” 061
ไทยย้อ 062 “ท่องเท่ยี ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถนิ่ สนุก”
ชนชาติพันธุ์ชาวไทยย้อนั้นมีแผ่นดินถ่ินอาศัย พระศรวี รราช ร้ังตา� แหน่งเจา้ เมอื งทา่ อเุ ทนคนแรก ด้ังเดิมอยู่ในเขตภูเขาแถบสิบสองปันนา ช่วงรอย และท้าวค�าก้อน เจ้าเมืองค�าเกิดเดิม ให้ดูแลผู้คน ต่อของลาวตอนเหนือและจีนตอนใต้ คนไทยย้อ ในเมืองท่าขอนยาง ในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ จาก โยกยา้ ยถนิ่ ฐานจากเขตภเู ขาไลเ่ รอ่ื ยไปตามสายน้า� นั้นมาชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยย้อก็ได้หลอม โขงจากเหตุผลทางศึกสงคราม โดยในรัชสมัยของ รวมและขยายพื้นที่ทางวัฒนธรรมไปตามเขตเขา รชั กาลที่ 1 แหง่ แผ่นดนิ รัตนโกสินทร์ ราวปี พ.ศ. และสายน้�าโขง จากเมืองไทยย้อเล็ก ๆ ริมโขงที่ 2351 ไดท้ รงกวาดตอ้ นคนไทยยอ้ จากแผน่ ดนิ ถน่ิ เกา่ ทา่ อเุ ทน นครพนม ตอ่ ยอดออกไปยงั มหาสารคาม คอื เมอื งหงสา มาสเู่ มอื งไชยะบรุ ี บรเิ วณปากแมน่ า้� มุกดาหาร และอกี บางพน้ื ทใี่ นแดนดนิ อสี าน สงครามเชือ่ มตอ่ แม่นา�้ โขง ซึ่งเป็นพืน้ ที่เขตอา� เภอ ท่าอเุ ทนของไทยในปัจจุบัน ครั้นถึงเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ ในสมัยรัชกาลที่ 3 ชาวไทยย้อท่ีไชยะบุรีกลับถูก กองทัพเจ้าอนุวงศ์กวาดต้อนกลับไปตั้งเมืองอยู่ ณ เมืองปุงเลงและเมืองค�าเกิด ฝั่งซ้ายแม่น�้าโขง ในแขวงคา� ม่วน ประเทศลาวปัจจบุ นั อยู่หว้ งเวลา หน่ึง และต่อมาหลังเกิดสงครามรบพุ่งของสยาม กับล้านช้างอีกหลายคราคร้ัง ชาวไทยย้อได้ถูก อพยพโยกย้ายกลับมาต้ังเมืองข้ึนใหม่ทางฝ่ังขวา แมน่ �้าโขง บริเวณเมืองท่าอุเทนอกี ครงั้ ราวปี พ.ศ. 2373 โดยมที า้ วพระปทมุ เจา้ เมอื งหลวงปงุ เลง เปน็ “ทอ่ งเที่ยว วิถีชนเผา่ งานศลิ ป์ ถิ่นสนกุ ” 063
การแตง่ กายของชาวไทยย้อ ชาวไทยยอ้ รกั สงบและสามคั คี ไทยย้อมีวัฒนธรรมการแต่งกายและร่ายร�าท่สี วยงาม คนย้อมีภาษาพูดและเขียนเป็นของ ชายชาวยอ้ มกั สวมเสอ้ื คอพวงมาลยั สเี ขยี วสด หม่ สไบไหม ตนเอง โดยมคี วามใกล้เคียงกับภาษาไทย สนี า�้ เงนิ พบั ครง่ึ กลาง พาดไหล่ ซา้ ยขวา นงุ่ ผา้ โจงกระเบน ลาวดง้ั เดมิ อยมู่ าก คนยอ้ สว่ นใหญซ่ อื่ สตั ย์ สีน�้าเงินเข้ม คาดเอวด้วยสไบไหมสีแดง ใส่สร้อยเงิน สจุ รติ รักสงบ มคี วามสามคั คมี นั่ ทุกงาน หอ้ ยพระ ใบหทู ดั ดอกดาวเรอื งดา้ นซา้ ย สว่ นหญงิ ชาวยอ้ มกั บุญ การปลกู บา้ น ท�านา พวกเขาจะชว่ ย สวมเส้อื แขนกระบอกสีชมพูคอกลมขลิบด�า น่งุ ผ้าถุงไหม กนั โดยเฉพาะการ “วาน” หรอื วานกนั การ สนี า�้ เงนิ มเี ชงิ ตนี จก เขม็ ขดั ลายชดิ คาดเอว หม่ สไบสนี า�้ เงนิ ท�านาของคนย้อจงึ เปน็ ลักษณะ “นาวาน” พาดไหลด่ า้ นซา้ ยแบบเฉยี ง ปลอ่ ยชายยาว สวมสรอ้ ยคอ หรอื การลงแขกทา� นา สะท้อนชดั ถงึ ความ ตมุ้ หู สรอ้ ยขอ้ มอื เครอ่ื งเงนิ ผมเกลา้ มวยประดบั ดอกไมส้ ด สามคั คี หรอื ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ 064 “ทอ่ งเทย่ี ว วถิ ีชนเผ่า งานศิลป์ ถน่ิ สนกุ ”
เมนเู ดน่ ของชาวไทยย้อ อดุ ตนั ชว่ ยลดไขมนั ในเลอื ด, ตะไคร้ ชว่ ยขบั ลม บา� รงุ ทอดอัว่ ปลาดกุ (ปลาดุกยัดไสส้ มนุ ไพรทอด) ธาตุ ขบั เหงอ่ื ชว่ ยเจรญิ อาหาร, เกลอื ใชป้ รบั รสชาติ อาหาร ปอ้ งกนั โรคคอพอก, เนอ้ื ปลารา้ มสี ารอาหาร ชอ่ื เมนวู า่ ปลาดกุ ยดั ไส้ แตค่ วามจรงิ แลว้ คอื การนา� ครบทง้ั 5 หมู่ พรกิ แหง้ หอมแดง ตะไครซ้ อย ใบมะกรดู ใบแมงลกั โขลกและปรงุ รสดว้ ยเกลอื และปลารา้ ยดั เขา้ ไปทาง แหล่งเรียนร้วู ิถีไทยยอ้ ดา้ นหลงั ของตวั ปลาดกุ กอ่ นนา� ใบตะไครม้ ดั ไวแ้ ลว้ นา� จงั หวดั สกลนคร ไปทอด กนิ คกู่ บั ขา้ วเหนยี ว อรอ่ ยอยา่ งลงตวั สถานท่ี บา้ นโพน ตา� บลบา้ นโพน อา� เภอโพนนาแกว้ คณุ คา่ ทางโภชนาการ ประธานชนเผา่ นายทองปาน รกั ษาผล โทร. 08 9844 2890 ปลาดกุ มโี ปรตนี และไขมนั บา� รงุ รา่ งกาย, พรกิ แหง้ ผู้ประสานงาน นายหมืน่ ศักดิ์ อิทธิแสง ทา� ใหเ้ จรญิ อาหาร ชว่ ยไลแ่ กส๊ ลดเสมหะ ขบั ปสั สาวะ, โทร. 08 6227 9119 หอมแดง ลดความเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคมะเรง็ และโรค จงั หวัดนครพนม หวั ใจชนดิ เสน้ เลอื ดมาเลย้ี งหวั ใจอดุ ตนั ชว่ ยลดไขมนั สถานที่ วัดคามวาสี บ้านโพน ต�าบลโนนตาล ในเลอื ด, ตะไคร้ ชว่ ยขบั ลม บา� รงุ ธาตุ ขบั เหงอ่ื ชว่ ย อ�าเภอทา่ อุเทน ใหเ้ จรญิ อาหาร, ใบมะกรดู ชว่ ยปอ้ งกนั และบรรเทา ประธานชนเผา่ นายสภุ วิทย์ พรรณวงค์ อาการของโรคมะเรง็ , ใบแมงลกั ใชเ้ พอ่ื การดบั กลน่ิ โทร. 06 4145 5298 คาวของอาหาร, เกลอื ใชป้ รบั รสชาตอิ าหาร ปอ้ งกนั ผูป้ ระสานงาน นายสมพาน กติ ศิ รวี รรณ โรคคอพอก, เนอ้ื ปลารา้ มสี ารอาหารครบทง้ั 5 หมู่ โทร. 08 9862 8884 หมกเจาะปลากราย (พนั ผกั ม้วน) จังหวัดมกุ ดาหาร สถานที่ เทศบาลตา� บลดงเย็น อา� เภอเมอื ง อาหารข้นึ ช่อื ของชาวไทยย้อ น�าเน้อื ปลาตอง มกุ ดาหาร (ปลากราย) หรอื ปลาสลาด มาตา� คลกุ เคลา้ กบั เครอ่ื ง ประธานชนเผา่ นายสมพร ดีดวงพนั ธ์ ปรงุ จากนน้ั หอ่ ดว้ ยผกั มว้ นแลว้ นา� ไปนง่ึ เปน็ อาหาร ผปู้ ระสานงาน นางธนวรรณ ดดี วงพันธ์ ประจา� สา� หรบั กบั ขา้ วของชาวไทยยอ้ โดยเฉพาะใน โทร. 06 4932 5696 อา� เภอทา่ อเุ ทน จงั หวดั นครพนม นางแก้วใจ แสนโสม โทร. 08 7447 3389 คณุ คา่ ทางโภชนาการ เนอ้ื ปลา ชว่ ยระบบการยอ่ ยอาหาร สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั โรค ทา� ใหน้ อนหลบั สนทิ สมองทา� งานไดด้ ,ี พรกิ สด ชว่ ยใหเ้ จรญิ อาหาร ขบั ลม เปน็ ยาระบาย ชว่ ยขบั เสมหะ แกห้ วดั , หอมแดง ลดความเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคมะเร็งและโรคหัวใจชนิดเส้นเลือดมาเล้ยี งหัวใจ “ท่องเที่ยว วถิ ชี นเผา่ งานศลิ ป์ ถ่ินสนุก” 065
ไทยแสก บรรพบุรุษของคนแสกในแผ่นดินไทยเดิน ลา� นา�้ โขงเขา้ สถู่ น่ิ ฐานเมอื งไทยมาตง้ั แตค่ รง้ั แผน่ ดนิ ทางเทา้ ยาวไกลมาจากภมู ลิ า� เนาเดมิ เขตประเทศจนี สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง กรงุ ศรอี ยธุ ยา โดยอพยพลอ่ งลงมาตามลา� นา�้ โขง มาพา� นกั พกั พงิ ชว่ั คราวในเวยี ดนามและลาว เขตเมอื งรองทข่ี น้ึ กบั พ้ืนท่ี “ป่าหายโศก” แถบใกล้เมืองนครพนม กรงุ เว้ ทต่ี ง้ั อยใู่ นเวยี ดนามตอนกลาง โดยมที า้ วกายซุ ในปัจจุบันคือพื้นที่ริมน�้าโขงอันเป็นที่อยู่ของ และทา้ วกายชาเปน็ ผนู้ า� ในการอพยพ จากนน้ั จงึ ขา้ ม คนแสกกลุ่มใหญ่ หลังจากทางสยามได้พิจารณา เห็นว่าชาวแสกมีความสามารถและความเข้มแข็ง 066 “ท่องเทีย่ ว วิถชี นเผา่ งานศิลป์ ถิน่ สนุก”
สามารถปกครองตนเองได้ จงึ ได้ยกฐานะท่ีอย่ขู อง มาจากคา� วา่ “อาทมาด” อนั หมายถงึ กองกา� ลงั ลาด ชาวแสกข้ึนเป็นเมือง โดยได้เปล่ียนช่อื ใหม่จากปา่ ตระเวนแถบแมน่ า�้ โขงทพ่ี ระสนุ ทรราชวงษา (ฝา้ ย) ตง้ั หายโศก เปน็ เมอื งอาจสามารถ และกลายเปน็ บา้ น ชอ่ื ใหถ้ น่ิ ทอ่ี ยขู่ องชาวแสกมาแตค่ รง้ั แผน่ ดนิ อยธุ ยา อาจสามารถตราบทกุ วันน้ี ชาวไทยแสกพูดภาษาตระกูลมอญ-เขมร และ ช่อื อาจสามารถกเ็ ชน่ กนั ท่บี ่งบอกถึงท่มี าของ มกี ารแสดง “แสกเตน้ สาก” อนั เปน็ เอกลกั ษณท์ าง คนแสกไวค้ อ่ นขา้ งชดั เจน คา� วา่ อาจสามารถนน้ั ผนั วฒั นธรรมทช่ี ดั เจนและดา� รงสบื ตอ่ กนั มาหลายรอ้ ยปี “ท่องเทีย่ ว วถิ ชี นเผ่า งานศิลป์ ถนิ่ สนุก” 067
เมนเู ดน่ ของชาวไทยแสก คุณค่าทางโภชนาการ ปล๋าเผาะเผา่ กราบโครุง่ เนอื้ ปลา ชว่ ยระบบการยอ่ ยอาหาร ช่วยสรา้ ง (ปลาเพาะห่อกาบกลว้ ย) ภูมคิ ุ้มกันโรค ท�าใหน้ อนหลับสนิท สมองท�างานได้ ปลาเผาะเปน็ ปลาทหี่ าไดง้ า่ ยในพนื้ ทที่ ชี่ าวไทย ด,ี เกลอื ใช้ปรับรสชาตอิ าหาร ปอ้ งกนั โรคคอพอก แสกอาศัยอยู่ ต่อมาจึงน�ามาเพาะเล้ียงเพ่ือเป็น เอา๊ ะไหกป๋ ล๋า (เอาะพืน้ ท้องปลา) อาหาร ปกติชาวบ้านมักน�าปลาทหี่ าได้มาเผา แต่ สา� หรบั ชาวไทยแสกไดเ้ พมิ่ รสชาตขิ องปลาเผาดว้ ย อีกหน่ึงเมนูเด็ดของชาวไทยแสกที่มีปลาเผาะ การน�ากาบกล้วยมาห่อปลาก่อนน�าไปเผา ท�าให้ เปน็ สว่ นประกอบหลกั โดยใชส้ ว่ นพน้ื ทอ้ งปลาและ ปลาไมแ่ หง้ จนเกนิ ไป คงความหวานและชมุ่ ฉา�่ ของ ตับปลามาคลกุ กบั เกลือ ต้ังไฟอ่อน ๆ ให้สุกหอม เนอื้ ปลาไดเ้ ปน็ อย่างดี กินกับขา้ วเหนยี วร้อน ๆ เขา้ กนั ดีนัก 068 “ทอ่ งเท่ยี ว วิถชี นเผา่ งานศิลป์ ถิ่นสนุก”
คุณคา่ ทางโภชนาการ แหลง่ เรียนรู้วถิ ไี ทยแสก เน้ือปลา ช่วยระบบการ จงั หวดั นครพนม สถานที่ บ้านอาจสามารถ ยอ่ ยอาหาร ชว่ ยสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ต�าบลอาจสามารถ อ�าเภอเมอื งนครพนม โรค ท�าใหน้ อนหลบั สนิท สมอง ประธานชนเผ่า นางอรุณทิพย์ ป.ณ.นครพนม ทา� งานไดด้ ,ี เกลอื ใชป้ รบั รสชาติ โทร. 08 7953 1319 อาหาร ป้องกันโรคคอพอก ผูป้ ระสานงาน นางอรณุ ทพิ ย์ ป.ณ.นครพนม โทร. 08 7953 1319 “ท่องเที่ยว วถิ ีชนเผ่า งานศลิ ป์ ถิ่นสนกุ ” 069
ไทยกวน 070 “ท่องเท่ยี ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถน่ิ สนุก”
กลุ่มชาติพันธุ์ย่อยท่ีมีความคล้ายคลึงกับชาว คา� วา่ ไทยกวนนน้ั นกั มานษุ ยวทิ ยาศกึ ษากนั วา่ ไทยพวน หรือผไู้ ทย ทวา่ มคี วามแตกตา่ งแยกยอ่ ย นา่ จะเรยี กตอ่ เนอ่ื งกนั มาจากครง้ั ทอ่ี พยพในแดนดนิ ออกไปในภาษาและการแตง่ กาย ลาว แล้วพวกเขาต้งั เมืองกันอย่แู ถบท่รี าบระหว่าง หบุ เขา ทเ่ี รยี กกนั วา่ “กวน” เชน่ นน้ั เอง ชาวไทยพวน ชนชาตพิ นั ธไุ์ ทยกวนทอี่ าศยั อยรู่ มิ แมน่ า้� โขงใน กลมุ่ หนง่ึ ทอ่ี พยพผา่ นกวนจงึ มที ม่ี าในการเรยี กกรอ่ น แถบจังหวัดนครพนมนั้น มีถน่ิ ฐานเดมิ ณ แผน่ ดนิ ชอ่ื จากไทยพวนเปน็ ไทยกวนจากครง้ั คราวนน้ั สบิ สองจไุ ทในเขตเมอื งแถง จากความยากไรแ้ ละศกึ ชาวไทยกวนกับพธิ ีกรรมและภาษา สงคราม พวกเขาอพยพลงใต้ในแดนดินลาว ผ่าน ลา� นา�้ เซนอ้ ย หรอื เซบง้ั ไฟ หลายตอ่ หลายครงั้ ถอย ค น ไ ท ย ก ว น นั บ ถื อ ท้ั ง พุ ท ธ ศ า ส น า แ ล ะ ผี รน่ ลงใตผ้ า่ นทางลา� นา�้ โขง ผา่ นยคุ ขา้ วยากหมากแพง บรรพบรุ ษุ เตม็ ไปดว้ ยรปู แบบพธิ กี รรมอนั นา่ สนใจ เพราะเกดิ สงครามระหวา่ งสยามกบั เวยี ดนามภายใต้ มพี ธิ กี ารรา� บวงสรวงศาลปตู่ าแสง เพอ่ื ปกปกั รกั ษา การปกครองจากฝรง่ั เศส ทต่ี า่ งตอ้ งการแยง่ ชงิ ความ คนในชุมชน นอกจากนี้ยงั มวี ฒั นธรรมการฟ้อนร�า เปน็ ใหญ่เหนือฝัง่ ซ้ายแมน่ า้� โขง ไทยกวน โดยเลยี นแบบท่าจากสตั วป์ า่ ไดแ้ ก่ ช้าง ข้ึนภู งูเล่นหาง กวางโชว์เขา เสือออกเหล่า เต่า ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้า ออกลาย ควายตั้งท่า ม้าออกศึก ระทึกกระทิง อยหู่ วั พระองคท์ รงเหน็ วา่ เพอ่ื ปอ้ งกนั การใหก้ า� ลงั เปลี่ยว ขับเค่ียวขบวนลิง สิงห์ค�าราม พลแกเ่ วยี ดนามของฝรง่ั เศส จงึ ไดใ้ หอ้ พยพไพรพ่ ล จากฝัง่ ซา้ ยแม่น้�าโขงมายังฝัง่ ขวาแม่นา�้ โขง ในคร้งั คนไทยกวนมีภาษาพูดคล้ายคลึงกับชาวผู้ไทย นี้เอง ชาวไทยกวนท่ีอาศัยอยู่แถบเซบั้งไฟจึงได้ ทว่าแตกต่างกันในการออกเสียงสระ โดยจะใช้ อพยพมายังฝ่ังขวาแม่น�้าโขงท่ีแถบต�าบลดอนนาง สระโอะแทนสระออ เช่น อีโพระ หมายถึงพอ่ , เฮา หงส์ อ�าเภอธาตพุ นม จังหวดั นครพนม ในปัจจบุ นั หมายถึงเรา, โต๋ หมายถึงทา่ น ซ่งึ เป็นท่ีตัง้ แห่งแรกในไทยของชาวไทยกวน “ทอ่ งเท่ยี ว วถิ ีชนเผ่า งานศลิ ป์ ถ่นิ สนุก” 071
เมนเู ด่นของชาวไทยกวน อาการของโรคมะเรง็ , พรกิ สด ชว่ ยใหเ้ จรญิ อาหาร ขบั ต้มไก่ลาดใส่ใบบกั ขามอ่อน ลม เปน็ ยาระบาย ชว่ ยขบั เสมหะ แกห้ วดั , หอมแดง (ตม้ ไกบ่ า้ นใส่ใบมะขามออ่ น) ลดความเสย่ี งของการเกดิ โรคมะเรง็ และโรคหวั ใจชนดิ เสน้ เลอื ดมาเลย้ี งหวั ใจอดุ ตนั ชว่ ยลดไขมนั ในเลอื ด, ไก่บ้านห่ันช้ินต้มกับสารพันสมุนไพร ทั้งข่า มะเขอื เทศ บา� รงุ สายตา ชว่ ยลดความเสย่ี งการเกดิ ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง พริกสด มะเขือเทศ ภาวะหัวใจวาย ช่วยต้านโรคมะเร็งล�าไส้ ลดความ ใบมะขาม เหยาะน�้าปลา เกลือ และผงปรุงรสให้ เสย่ี งในการเปน็ โรคสมองเสอ่ื ม กลมกล่อม ซดร้อน ๆ คล่องคอดีนกั ออ่ มขเี้ หลก็ ใสห่ นงั เคม็ (แกงขเ้ี หลก็ ใสห่ นงั เคม็ ) คณุ ค่าทางโภชนาการ แกงพน้ื ถน่ิ ทม่ี สี ว่ นผสมของสมนุ ไพร คอื ยอด ไก่มีโปรตีน ช่วยซ่อมแซมส่วนท่ีสึกหรอของ ออ่ นของใบขเ้ี หลก็ และใบยา่ นางคน้ั เอานา�้ นา� ไปตม้ รา่ งกาย, ใบมะขามออ่ น แกห้ วดั คดั จมกู ลดความ กบั พรกิ หอมแดง ขา้ วสารขา้ วเหนยี วทโ่ี ขลกเขา้ กนั ดี รอ้ นในรา่ งกาย แกก้ ระหายนา�้ , ขา่ ชว่ ยยอ่ ย ขบั ลม เพม่ิ ความอรอ่ ยดว้ ยหนงั เคม็ หมบู ด และนา�้ ปลารา้ แกจ้ กุ เสยี ด, ตะไคร้ ชว่ ยขบั ลม บา� รงุ ธาตุ ขบั เหงอ่ื เปน็ อาหารทม่ี สี รรพคณุ ทางยาอยา่ งนา่ ทง่ึ ชว่ ยใหเ้ จรญิ อาหาร, ใบมะกรดู ปอ้ งกนั และบรรเทา 072 “ท่องเทย่ี ว วถิ ชี นเผา่ งานศิลป์ ถนิ่ สนกุ ”
แหลง่ เรียนรู้วถิ ีไทยกวน จังหวดั นครพนม สถานที่ องค์การบริหารสว่ นตา� บลนาถอ่ น บา้ นนาถอ่ น ตา� บลนาถ่อน อ�าเภอธาตพุ นม ประธานชนเผ่า นายประสิทธ์ิ พมิ พา โทร. 08 1320 0691 ผู้ประสานงาน นายเดวทิ ย์ วะชมุ โทร. 09 2269 4759 นางธญั ทพิ ย์ เจรญิ วุฒพิ ัฒน์ โทร. 08 8320 5489 คุณคา่ ทางโภชนาการ หนงั เค็มมาโขลกรวมกบั พรกิ หอมแดง มะเขอื เทศ ใบขเ้ี หลก็ ทา� ใหห้ ลบั งา่ ย ชว่ ยเรอื่ งระบบขบั ถา่ ย ต้นหอม และน้�าปลาร้า แลว้ ปรงุ รสใหถ้ กู ปาก เป็น อาหารที่ทา� แลว้ กินไดน้ าน เจรญิ อาหาร, ตะไคร้ ชว่ ยขบั ลม บา� รงุ ธาตุ ขบั เหงอ่ื คณุ ค่าทางโภชนาการ ช่วยให้เจริญอาหาร, พริกสด ช่วยให้เจริญอาหาร ขบั ลม เปน็ ยาระบาย ชว่ ยขบั เสมหะ แกห้ วดั , นา้� ใบ พรกิ สด ทา� ใหเ้ จรญิ อาหาร ขบั ลม เปน็ ยาระบาย ยา่ นาง ชว่ ยดบั พษิ รอ้ นตา่ ง ๆ และมสี ารตา้ นอนมุ ลู ชว่ ยขบั เสมหะ แกห้ วดั , หอมแดง ลดความเสย่ี งตอ่ อสิ ระในปรมิ าณสงู , หอมแดง ลดความเสยี่ งการเกดิ การเกดิ โรคมะเรง็ และโรคหวั ใจชนดิ เสน้ เลอื ดมาเลย้ี ง โรคมะเร็งและโรคหัวใจชนิดเส้นเลือดมาเลี้ยงหัวใจ หวั ใจอดุ ตนั ชว่ ยลดไขมนั ในเลอื ด, มะเขอื เทศ บา� รงุ อดุ ตัน ช่วยลดไขมันในเลือด สายตา ช่วยลดความเส่ยี งการเกิดภาวะหัวใจวาย แจว่ หนงั เค็ม (นา้ำ พรกิ หนงั เค็ม) ชว่ ยตา้ นโรคมะเรง็ ลา� ไส้ ลดความเสย่ี งในการเปน็ โรค สมองเสอ่ื ม, ตน้ หอม ชว่ ยปอ้ งกนั อาการทอ้ งผกู และ หนังเค็มคือหนังของวัวหรือควายท่ีน�ามาคลุก ลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลอื ด กับร�าและเกลือ เก็บไว้ในภาชนะปิดฝา 3-4 วัน แลว้ นา� ไปตากแดดใหแ้ หง้ แจว่ หนงั เคม็ กค็ อื การนา� “ทอ่ งเทย่ี ว วถิ ชี นเผา่ งานศลิ ป์ ถิน่ สนกุ ” 073
ไทยโย้ย 074 “ท่องเท่ยี ว วถิ ชี นเผา่ งานศิลป์ ถิน่ สนกุ ”
ภาษา การฟอ้ นรา� ความคดิ ความเชอ่ื รวมไปถงึ จึงหลั่งไหลมาเป็นจ�านวนมาก ในรัชสมัยพระบาท รปู แบบวฒั นธรรมอนั เปน็ เอกลกั ษณข์ องชนชาตพิ นั ธ์ุ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานช่ือ ไทยโย้ยน้ัน แสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง แดนดินตรงริมน้�ายามใหม่ว่าเมืองอากาศอ�านวย ของชนเผ่ากลุ่มหนึ่งท่ีปักหลักอาศัยในเขตจังหวัด อนั เป็นท่ีอย่ขู องชาวไทยโย้ยสืบเนอ่ื งมายาวนาน สกลนครได้อย่างเด่นชัด รูปลกั ษณช์ าวไทยโย้ย คนไทยโย้ยมีภาษาพูดในกลุ่มของตนเอง ชาวไทยโย้ยมรี ปู ร่างสันทดั ผวิ สองสี คอ่ นขา้ ง พวกเขาพูดภาษาไทยโย้ยภายในครอบครัว การมี ขาวกว่าชาวไทยลาว พวกเขาพูดภาษาไทยโย้ยใน ประเพณีการละเล่นเป็นของตนเอง เช่น พิธีไหล กลุ่มตนเอง แต่เม่อื ส่ือความหมายกบั คนนอกกล่มุ ฮ้านบูชาไฟ การเล่น “ไทยโย้ย กลองเลง” และมี จะปรบั ตวั ใชส้ า� เนยี งไทยอสี าน หรอื ไทยกลาง เมอื่ วฒั นธรรมทางสายนา�้ ในรปู การแขง่ ขนั เรอื ยาวเปน็ ถกู เรยี กวา่ โย้ยกย็ อมรบั ดว้ ยความภาคภูมิใจ แสดง ประจ�าทกุ ๆ ปี ให้เห็นถึงความภูมิใจในการท่ีเป็นชาวไทยโย้ย ซ่ึง ยังรักษาเอกลักษณ์และคุณลักษณะต่าง ๆ ของ บา้ นรมิ ยามคอื ชอื่ ถนิ่ ฐานเดมิ ในเขตรอยตอ่ ของ ชาตพิ ันธเ์ุ ดมิ ไวไ้ ด้อย่างเด่นชดั นครพนมกบั สกลนคร ด้วยล�านา�้ ยามไหลผา่ น เปน็ ที่ทา� กนิ อนั อุดมสมบูรณ์ ผคู้ นในอีสานหลากหลาย “ทอ่ งเที่ยว วถิ ีชนเผ่า งานศลิ ป์ ถ่นิ สนุก” 075
นบั ถอื ทงั้ พทุ ธและผีบรรพบรุ ษุ พวกเขาจะทา� พธิ เี ซน่ สรวงหรอื เลย้ี งผเี สมอ โดยเฉพาะ แม้ชีวิตจะเก่ยี วเน่อื งกับพุทธศาสนา แต่ชาว ผตี าแฮก เพราะถอื วา่ จะอา� นวยผลดใี นการทา� นา ไทยโย้ยยังคงนับถือผีบรรพบุรุษ เป็นผีประจ�า เมนเู ดน่ ของชาวไทยโย้ย ตระกูล หมายถึงผีปู่ย่าตายายท่ีคอยดูแลรักษา ลาบปลาค้าว ลูกหลานในครอบครัว รวมไปถึงผีเรือน เป็นผี ประจ�าครอบครัว ส่วนผีแฮกเป็นผีดูแลไร่นาไม่ให้ ลาบเป็นอาหารอสี านที่ผ้คู นทุกภาครจู้ ัก แทบ เสยี หายจากภยั พบิ ตั ติ า่ ง ๆ และใหไ้ ดผ้ ลติ ผลมาก ๆ ไม่มีใครไม่เคยล้ิมรสลาบ หากมาเยือนชุมชนชาว 076 “ท่องเท่ียว วถิ ีชนเผา่ งานศิลป์ ถน่ิ สนกุ ”
แหลง่ เรียนรู้ วิถไี ทยโย้ย จงั หวดั สกลนคร สถานท่ี เทศบาลตา� บลอากาศอ�านวย อา� เภออากาศอา� นวย ประธานชนเผ่า นายประดิษฐ์ คิอินธิ โทร. 08 3338 7774 ผูป้ ระสานงาน นายพัฒนายุทธ เพ็งบญุ โทร. 08 5087 7847 ไทยโยย้ ลาบปลาคา้ วนบั เปน็ อาหารทไ่ี มค่ วรพลาด โรคหัวใจชนิดเส้นเลือดมาเลี้ยงหัวใจอุดตัน ช่วย เพราะจะไดก้ ินปลาคา้ วสด ๆ ทจี่ บั ไดจ้ ากแหล่งนา�้ ลดไขมันในเลือด, ตะไคร้ ช่วยขับลม บ�ารงุ ธาตุ ขบั ธรรมชาตหิ รอื ทเ่ี ลย้ี งไวใ้ นชุมชน เหงื่อ ท�าให้เจริญอาหาร, ใบมะกรูด ช่วยป้องกัน คุณคา่ ทางโภชนาการ และรักษาโรคมะเร็ง, เกลือ ใช้ปรับรสชาติอาหาร ปอ้ งกนั โรคคอพอก พรกิ แหง้ ชว่ ยทา� ใหเ้ จรญิ อาหาร ลดเสมหะ ขบั ปสั สาวะ และยงั ชว่ ยบรรเทาอาการอาหารไมย่ อ่ ย, หอมแดง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและ “ทอ่ งเที่ยว วิถีชนเผ่า งานศลิ ป์ ถ่ินสนุก” 077
ไทยเชอื้ สายจีน อาจหมายถึงชาวจีนที่เกิดในประเทศไทย และเป็นเช้ือสายของ ผู้อพยพชาวจีน หรือชาวจีนโพ้นทะเล คนไทยเชื้อสายจีนถือเป็น ประชากรหลักอีกกลุ่มหน่ึงของทั้งประเทศ ที่ต่างก็ผสมกลมกลืนกับ คนไทยไปแลว้ โดยการแต่งงานข้ามเช้ือชาติ ชาวไทยเชื้อสายจีนส่วนมากบรรพบุรุษจะมาจากจังหวัดแต้จ๋ิวใน มณฑลกวางตงุ้ ทางตอนใต้ของจีน พูดภาษาแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นภาษากลมุ่ หมินหนาน รองลงมาคอื ชาวจนี แคะ ฮกเก้ยี น และไหหล�า ชาวจีนมาถึงแดนดินไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัยจากการแล่นเรือส�าเภา มาค้าขายในดินแดนสวุ รรณภูมิ ตงั้ แต่ก่อนสมยั อาณาจักรสโุ ขทัย แต่ หลักฐานท่ีชัดเจนท่ีสุดคือ เมื่อชาวจีนมาสอนการท�าเคร่ืองถ้วยชาม โดยเฉพาะเคร่ืองสงั คโลก ชาวจีนแต้จิ๋วเป็นกลุ่มชาวจีนท่ีมากท่ีสุด ต้ังถ่ินฐานอยู่ตามพื้นที่ รอบ ๆ แม่น�้าเจ้าพระยาและตามภาคกลาง เดนิ ทางมาตั้งถนิ่ ฐานใน สยามตง้ั แตย่ คุ กรงุ ศรอี ยธุ ยาแลว้ โดยมาจากมณฑลฝเู จย้ี นและมณฑล กวางตงุ้ สว่ นมากจะทา� การคา้ ทางดา้ นการทา� เครอ่ื งเงนิ ตง้ั รา้ นขายขา้ ว และขายยา มีบางส่วนที่ท�างานให้กับภาครัฐ ในสมัยสมเด็จพระเจ้า กรงุ ธนบรุ ี พอ่ คา้ จนี แตจ้ ว๋ิ จา� นวนมากไดร้ บั สทิ ธพิ เิ ศษ ชาวจนี กลมุ่ นจ้ี งึ เรยี กวา่ จนี หลวง สาเหตเุ นอ่ื งจากสมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ที รงมเี ชอ้ื สาย แตจ้ ว๋ิ เชน่ กนั ในชว่ งกรงุ รตั นโกสนิ ทรก์ ารอพยพของชาวแตจ้ วิ๋ จงึ มมี าก ขน้ึ และในประเทศไทยเองก็มีคนแตจ้ ๋วิ เป็นจ�านวนมาก ชาวไทยเชอ้ื สายจนี รนุ่ แรกนบั ถอื ศาสนาพทุ ธนกิ ายมหายานและลทั ธิ เตา๋ ครน้ั ในเวลาตอ่ มา ศาสนาพทุ ธนกิ ายและแบบเถรวาทไดก้ ลายเปน็ หนง่ึ ในศาสนาบนความเชอ่ื ของคนเชอ้ื สายจนี ในไทย จากการหลอมรวม ทางวฒั นธรรม โดยมากชาวไทยเชอ้ื สายจนี จะประกอบพธิ กี รรมดง้ั เดมิ และแบบเถรวาทไทยไปดว้ ยกนั คนไทยเชอ้ื สายจนี ยงั คงไหวบ้ รรพบรุ ษุ และเทพเจา้ ตามประเพณี และ เขา้ วดั ไทยเหมือนชาวไทยท่ัวไป พวกเขายังคงประกอบและยึดถือพิธี แบบจีนดง้ั เดิม เช่น การท�ากงเต๊กและการฝังศพ คนจีนในแผ่นดินอีสาน คนจนี ในอสี านสว่ นใหญเ่ ดนิ ทางขน้ึ ลอ่ งมาดา� เนนิ การคา้ ขาย ตา่ ง ก็ปักหลักอย่ใู นย่านตลาดของแต่ละท้องท่ี ก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมผสม ผสานมากมายระหว่างคนจีนและคนอีสาน มีศาลเจ้าจีนและวัดจีนใน เมอื งใหญส่ า� คญั ทม่ี ชี าวจนี อาศยั อยเู่ ปน็ กลมุ่ ใหญ่ ความเปน็ อยขู่ องคน ไทยเชอ้ื สายจนี ในอสี านยงั คงนา่ สนใจในการเรียนรู้วัฒนธรรมร่วม ทั้ง ความเข้าใจในภาษาและอาหารบางชนิด ท่ีต่างก็ปรับเปล่ียนไปตาม แต่ปัจจัยภาวะแวดล้อมของแต่ละสังคมท่ีคนจีนอาศัยอยู่ร่วมกับกลุ่ม ชนน้ัน ๆ อยา่ งงดงาม 078 “ท่องเที่ยว วถิ ชี นเผา่ งานศลิ ป์ ถิน่ สนกุ ”
“ทอ่ งเทีย่ ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถิ่นสนกุ ” 079
เมนูเด่นของชาวไทยเชื้อสายจีน เสียวบี้ (ขนมจีบ) เป่าเจ้ียนจา๋ เหลียงเถียนผน่ิ (ธญั พืชสขุ ภาพ) ขนมจบี เปน็ ของวา่ งประเภทคาว เปน็ แผน่ แปง้ หอ่ ของหวานทอ่ี ดุ มดว้ ยธญั พชื ทงั้ ลกู เดอื ย ถวั่ แดง ไสห้ มสู บั ปรงุ รสกลมกลอ่ ม นง่ึ จนสกุ หอม กนิ เปลา่ ๆ เมด็ สาคู เพมิ่ ความอรอ่ ยดว้ ยแปะกว้ ยและรากบวั หรอื โรยกระเทยี มเจยี ว จม้ิ จก๊ิ โฉว่ เขา้ กนั เปน็ อยา่ งดี คณุ ค่าทางโภชนาการ คณุ ค่าทางโภชนาการ แปะกว้ ย ลดระดบั คอเลสเตอรอล ปอ้ งกนั การ แผ่นแป้งมีคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานต่อ เกิดโรคมะเร็ง มีวิตามินและแร่ธาตุสูง แคลอรีต�า่ ร่างกาย ส่วนเน้ือหมูมีโปรตีน ซ่อมแซมส่วนที่ บรรเทาอาการซมึ เศรา้ , ลกู เดอื ย ชว่ ยบา� รงุ ผวิ พรรณให้ สึกหรอของร่างกาย เปลง่ ปลง่ั สดใส บา� รงุ สายตา บา� รงุ เสน้ ผม เพม่ิ การไหล เปาจ่ือ (ซาลาเปา) เวยี นของเลอื ด, ถว่ั แดง มที ง้ั โปรตนี และคารโ์ บไฮเดรต ใหพ้ ลงั งานตอ่ รา่ งกาย, รากบวั แกอ้ าการออ่ นเพลยี ซาลาเปาทา� จากแปง้ สาลแี ละยสี ต์ คลกุ เคลา้ แลว้ ชว่ ยใหส้ ดชน่ื ทา� ใหเ้ จรญิ อาหาร ดบั กระหาย ดบั พษิ นา� ไปนง่ึ มไี สห้ ลากหลาย ทง้ั หมสู บั หมแู ดง ไสค้ รมี รอ้ นใหป้ อดชมุ่ ชน้ื ชว่ ยลดความดนั โลหติ ไสถ้ ว่ั ดา� ฯลฯ ซาลาเปาเปน็ สว่ นหนงึ่ ของชดุ อาหาร ต่ิมซ�า ส�าหรับชาวจีนแล้ว ซาลาเปาเป็นอาหารท่ี สามารถน�ามากินได้ทุกม้ืออาหาร ส่วนใหญ่นิยม กนิ เปน็ อาหารเชา้ 080 “ทอ่ งเที่ยว วถิ ชี นเผา่ งานศลิ ป์ ถ่ินสนกุ ”
คุณคา่ ทางโภชนาการ ประธานกลุม่ นายสเุ ทพ อติวรรณกุล ซาลาเปาไสห้ มสู บั และไสห้ มแู ดง มสี ว่ นผสมของ โทร. 09 3638 3662 ผู้ประสานงาน หอม กระเทยี ม และพรกิ ไทยดา� กระเทยี มชว่ ยทา� ให้ นางบุษบง สุชนวนชิ เลอื ดไหลเวยี นไดด้ ี ชว่ ยลดคอเลสเตอรอลในเลอื ด, โทร. 08 9711 5228 พรกิ ไทยมแี คลเซยี มสงู ชว่ ยบา� รงุ กระดกู มฟี อสฟอรสั จังหวัดมุกดาหาร และวติ ามนิ ซี ชว่ ยชะลอการเสอ่ื มของเซลล์ มเี บตา้ สถานที่ มูลนธิ ิการกุศลมกุ ดาหาร แคโรทนี มสี ว่ นชว่ ยในการมองเหน็ และมสี ารตา้ น เลขท่ี 22 ถนนสมุทรศกั ดารักษ์ อนมุ ลู อสิ ระ ปอ้ งกนั มะเรง็ ในระยะเรม่ิ ตน้ อ�าเภอเมืองมกุ ดาหาร แหล่งเรยี นร้วู ิถีชาวไทยเช้อื สายจีน ประธานกลุ่ม จังหวัดนครพนม นางอบุ ล ตงั้ ปณธิ านนท์ สถานที่ สมาคมพอ่ คา้ จีนจงั หวดั นครพนม ต�าบล ผ้ปู ระสานงาน ในเมอื ง อ�าเภอเมอื งนครพนม นายอภัยพงษ์ ปกรณ์ศิริ โทร. 08 1261 4801 “ทอ่ งเที่ยว วถิ ีชนเผ่า งานศลิ ป์ ถ่นิ สนกุ ” 081
ไทยเชื้อสายเวียดนาม 082 “ท่องเทยี่ ว วถิ ีชนเผ่า งานศลิ ป์ ถิ่นสนกุ ”
ชนชาติพันธ์ุท่ีเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ในภาษา อสี านของไทย เชน่ สกลนคร นครพนม มกุ ดาหาร อาหารการกิน วัฒนธรรม และชวี ติ ความเป็นอยู่ ที่ ตอ่ มาเมอ่ื โฮจมิ นิ ห์ ผนู้ า� พรรคคอมมวิ นสิ ตเ์ วยี ดนาม ตกทอดความเปน็ ตวั ของตัวเองไวใ้ นแผ่นดนิ อีสาน ไดอ้ พยพเขา้ มาลภ้ี ยั และเตรยี มกองกา� ลงั เวยี ดมนิ ห์ หลายแหง่ ก่อเกดิ เป็นเอกลกั ษณ์และความงดงาม เพอ่ื ทา� สงครามกชู้ าตเิ วยี ดนามจนไดร้ บั ชยั ชนะ คน ท้ังอาคารบา้ นเรอื นและรูปแบบชีวิต เวยี ดนามทอ่ี พยพเขา้ มาลภ้ี ยั และเดนิ ทางกลบั แผน่ ดนิ เกดิ นน้ั เรยี กกนั วา่ “เวยี ดนามใหม”่ หลักฐานชัดเจนเก่าแก่ท่ีสุดในประวัติศาสตร์ ความเป็นเวียดนามนอกเวยี ดนาม ของการอพยพเข้ามาต้งั ถ่นิ ฐานในแผ่นดินไทยคือ ในจดหมายเหตขุ องเมอรซ์ เิ ออรซ์ มิ ง เดอ ลา ลแู บร์ ห้วงเวลาท่ีชาวเวียดนามได้อพยพเข้ามาใน ราชทตู ฝรง่ั เศสในสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์ ไดบ้ นั ทกึ เขตแดนอีสาน โดยเฉพาะในเขตจังหวัดสกลนคร ถงึ ชาวโคชนิ ไชนา (ชอ่ื ทฝ่ี รง่ั เศสใชเ้ รยี กชาวเวยี ดนาม) นครพนม และมกุ ดาหารนน้ั ตกทอดความนา่ สนใจ ท่ีได้อาศัยอยู่ร่วมกันกับคนลาวและกัมพูชาใน ในเชิงวัฒนธรรมไว้ในอาหารการกิน การแต่งกาย บริเวณเกาะเมืองอยุธยา จึงเรียกบริเวณน้ันว่า บ้านเรือนและอาคารศิลปะโคโลเนียล รวมไปถึง “ชมุ ชนอนิ โดจนี ” จนกระทง่ั ถงึ แผน่ ดนิ รัตนโกสินทร์ การใชช้ วี ติ การนบั ถอื ครสิ ตศ์ าสนา จากการปกั หลกั ต้ังแต่สมัยรัชกาลที่ 1 มีชาวเวียดนามอพยพเข้า ฝงั รากของบรรพบรุ ษุ ของคนไทยเชอ้ื สายเวยี ดนาม มาอีกหลายกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ลี้ภัยการเมืองและ การรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นในชาติพันธ์ุของ ศาสนามาอาศัยอยู่ในท่ีต่างๆ ท้ังในกรุงเทพฯ ตนเอง การสร้างเครือข่ายกันคนกลุ่มอ่ืน ๆ ท้ัง จนั ทบรุ ี และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มกั เรยี กกนั กลมุ่ ขา้ ราชการ กลมุ่ พอ่ คา้ ชาวจนี และกลมุ่ คนไทย ว่า “เวียดนามเกา่ ” เช้ือสายต่าง ๆ ในแต่ละท้องถิ่น ท�าให้รูปแบบ ความเป็นเวียดนามในมิติต่าง ๆ หล่อหลอมผสม และตอ่ มาเมอ่ื หลงั สน้ิ สดุ สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ได้ กลมกลนื เขา้ กบั แดนดินอีสานอยา่ งมีเอกลกั ษณ์ เกิดขบวนการก้ชู าติท่ตี ้องการปลดแอกตัวเองออก จากสหรัฐอเมริกา จึงท�าให้มีการอพยพของชาว เวยี ดนามครง้ั ใหญ่ โดยเขา้ มาตง้ั ถน่ิ ฐานอยทู่ างภาค “ทอ่ งเทยี่ ว วิถีชนเผา่ งานศิลป์ ถ่นิ สนกุ ” 083
แหล่งเรียนรู้วถิ ีไทยเชอื้ สายเวียดนาม จังหวดั สกลนคร สถานท่ี สมาคมชาวไทยเชอื้ สายเวยี ดนาม อา� เภอเมืองสกลนคร ประธานชนเผา่ นายเฉลมิ พล เทิดบารมี (รกั ษาการนายกฯ) ผู้ประสานงาน นางสุภัทร ดาวเดชา โทร. 08 1917 8225 จังหวัดนครพนม สถานท่ี บา้ นนาจอก ต�าบลหนองญาติ อ�าเภอเมอื งนครพนม ประธานชนเผา่ และผูป้ ระสานงาน นายจันทร์ไทย พฒั นประสิทธิชยั โทร. 08 8036 6218 จังหวดั มกุ ดาหาร สถานท่ี สมาคมชาวไทยเชอ้ื สายเวยี ดนาม อ�าเภอเมืองมุกดาหาร ประธานชนเผา่ นายสทุ นิ วศิ รตุ มยั นายกสมาคมฯ โทร. 08 1871 3045 ผ้ปู ระสานงาน นายสจั จา วงศ์กิตติธร โทร. 08 1051 2666 เมนเู ดน่ ของชาวไทย คณุ คา่ ทางโภชนาการ เช้ือสายเวียดนาม เนอ้ื หมบู า� รงุ กา� ลงั , หนงั หมบู า� บดั อาการอาเจยี น ยาเกยิ่ (หมูตนุ๋ สมุนไพร) เปน็ โลหติ เลอื ดกา� เดาออก และปรบั ระดใู หเ้ ปน็ ปกติ เป็นอาหารโบราณของชาวเวียดนาม มักใช้ แก็งกา่ เมกง (ปลาโจกต้มเค็ม) สว่ นขาของหมมู าตนุ๋ กบั สมนุ ไพรและเครอื่ งปรงุ คอื หัวขา่ ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง กะปิ เกลอื ป่น ปลาโจกอยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน จึงมีก้างเล็ก น้�าตาลทราย นา�้ ปลา เครอื่ งพะโล้ ยีสต์ และเหลา้ กา้ งน้อยไม่ผิดกนั การน�ามาต้มเคม็ โดยใชเ้ วลาตม้ ขาว จนได้นา้� ซปุ หอมกรนุ่ รสกลมกล่อม ไฟอ่อนเป็นเวลานาน ท�าให้ก้างนิ่มและกินได้ไม่ ตดิ คอ ผสานกบั รสเคม็ หวานของสว่ นผสมทน่ี �ามา 084 “ท่องเท่ียว วิถชี นเผา่ งานศลิ ป์ ถ่นิ สนุก”
ตม้ ปลา ยงิ่ ทา� ใหก้ นิ เพลนิ จนเจรญิ อาหารในมอ้ื นนั้ กนิ คกู่ บั ผกั สดมากมายทมี่ าคกู่ นั ยง่ิ ทา� ใหไ้ ดร้ บั สาร คณุ คา่ ทางโภชนาการ อาหารครบครัน คณุ คา่ ทางโภชนาการ ปลามีโปรตีน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของ รา่ งกาย เปาะเปย๊ี ะทอดจดั เปน็ อาหารเพอ่ื สขุ ภาพ เพราะ แนมสานเราเตือย (เปาะเปิ๊ยะทอด+ผักสด) มีส่วนผสมของไส้ซ่งึ นิยมใช้ว้นุ เส้น กะหล�า่ ปลี หมู สบั เหด็ หหู นู ผดั คลกุ เคลา้ แลว้ ปรงุ รสใหถ้ กู ปาก ให้ เปาะเปย๊ี ะทอดซงึ่ นา� แผน่ แปง้ มาหอ่ ไสท้ มี่ สี ว่ น โปรตนี ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี อกี ทง้ั ยงั มผี กั สดตา่ ง ๆ เชน่ ใบ ผสมของวุ้นเส้น กะหล่�าปลี หมูสับ และเห็ดหูหนู โหระพา ผกั ชลี าว ทใ่ี หว้ ติ ามนิ และกากใยเปน็ อยา่ งดี เปน็ อาหารเวยี ดนามทคี่ นไทยรจู้ กั และชน่ื ชอบ เมอ่ื “ท่องเท่ยี ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถนิ่ สนุก” 085
งานศิลป์ ในกลุ่มจังหวดั “สนกุ ” 086 “ท่องเท่ียว วถิ ชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถ่นิ สนกุ ”
ถือเป็นแผ่นดินแห่ง ศลิ ป์ ดว้ ยแตล่ ะทอ้ งทต่ี า่ งกเ็ ตม็ ไปดว้ ยงานศลิ ปะพน้ื บา้ น ประเพณี งาน หตั ถกรรม การฟอ้ นรา� บทเพลง อาหารการกนิ ทต่ี า่ งกห็ ลอมรวมความ หลากหลายของเหลา่ กลุ่มชาตพิ ันธุต์ า่ ง ๆ ที่อาศัยแผน่ ดินอสี านตอน บนเปน็ ถน่ิ ฐานมาตง้ั แตบ่ รรพบรุ ษุ ไวอ้ ยา่ งนา่ ศกึ ษา เรยี นรู้ และทา� ความ เข้าใจอย่างลึกซึ้ง อีสานเป็นแผ่นดินสนุก กล่าวได้ว่าคนอีสานส่วนใหญ่มีรูปแบบ ชวี ติ ทเ่ี รยี บงา่ ย มคี วามเป็นพี่เป็นน้อง ท้งั ยังเตม็ ไปดว้ ยความร่นื เรงิ ซ่ึง ตกทอดใหเ้ หน็ ผา่ นวัฒนธรรมหลายรปู แบบ ทงั้ ธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ ม ความเชอ่ื โบราณ รวมถงึ พระพทุ ธศาสนา หลายสงิ่ เหลา่ นลี้ ว้ นสง่ ผลจน กอ่ เกดิ แรงบนั ดาลใจในงานศลิ ปข์ องผคู้ นอสี าน ทต่ี า่ งเกดิ ขน้ึ ทงั้ จากการ ต้องการต่อสู้ด้ินรนกับสภาพดินฟ้าอากาศ การปรับตัวเข้ากับฤดูกาล รวมไปถึงการสรา้ งสรรคง์ านศิลปะแขนงตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ หลังจากชวี ติ ของพวกเขาได้ผ่านการเรยี นรู้ถงึ การอยู่ร่วมกันเป็นสังคมกลุ่มใหญ่ เช่นน้ัน งานศิลป์หลากหลายแขนงท่ีเป็นมรดกตกทอดทาง วัฒนธรรม (Cultural Heritage) ของคนอีสานจึงเต็มไปด้วยภาพการ สร้างสรรค์ตามความต้องการอย่างเฉพาะของสังคม (Social Needs) ในแต่ละยุคสมัย สะท้อนถึงอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของความเป็น เมอื งพทุ ธศาสนาอนั รมุ่ รวยดว้ ยคณุ คา่ ทางวฒั นธรรมและความงดงาม เฉพาะถ่ิน ท่ีเมื่อผสานแต่ละศาสตร์ศิลป์อันมีค่าเข้าด้วยกันกับการ ท่องเท่ียว หนึ่งในเครื่องมือทสี่ ามารถสอื่ สารถงึ คณุ ค่าของคนในพนื้ ท่ี หน่ึงออกไปสู่ภาพกว้าง จึงเกิดเป็นการพัฒนาเติบโตร่วมกันในการ เปล่ียนแปลงไปของสงั คมอีสานตามวันเวลา ด้วยสองมือและหัวใจของคนบนผืนแผ่นดินท่ีราบสูงที่หล่อหลอม มาด้วยศาสตร์ความรู้ ความคิดความเช่ือ และความงามแห่งศิลปะ จากบรรพชน ก่อเกิดเป็นภาพงามทางวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบ ให้ผ้มู าเยือนได้เขา้ ไปสัมผัสซมึ ซับ โดยเฉพาะในพืน้ ที่จังหวดั SANUK (สกลนคร นครพนม มกุ ดาหาร) ทเี่ ปน็ ถน่ิ ฐานของผคู้ นหลากหลายทมี่ า ทา� ใหง้ านศลิ ปบ์ นผนื แผน่ ดนิ SANUK นนั้ เตม็ ไปดว้ ยความสนกุ รน่ื รมย์ ควรคา่ ย่ิงต่อการเดินทางไปสัมผสั “ท่องเท่ยี ว วถิ ีชนเผ่า งานศิลป์ ถิน่ สนุก” 087
ภูษาศิลปถ์ ิน่ สนกุ 088 “ทอ่ งเทยี่ ว วิถชี นเผา่ งานศิลป์ ถิ่นสนกุ ”
ผา้ ทอถอื เปน็ หนง่ึ ในงานหตั ถศลิ ปล์ า�้ คา่ ของคนอสี าน ผา้ อสี านเตม็ ไปดว้ ยองคค์ วามรเู้ กา่ แกท่ ส่ี ะทอ้ น ภาพทางวฒั นธรรมของแตล่ ะกลมุ่ ชาตพิ นั ธอุ์ นั สง่ั สมและถา่ ยทอดกนั มาจากรนุ่ สรู่ นุ่ ทงั้ การยอ้ มสเี สน้ ฝา้ ย เส้นไหม การถักทอที่ละเอียดงดงามวิจิตร ลวดลายโบราณที่สะท้อนถึงความเช่ือของคนโบราณท่ีมีต่อ พุทธศาสนา หรือธรรมชาติรายรอบท่ีประยุกต์มาคิดประดิษฐ์ลาย ตลอดจนการปรับเปลี่ยนพัฒนาการ ใชส้ ี การย้อม และสรรหาวัตถุดิบรวมไปถึงรูปแบบของการตดั เยบ็ เพือ่ ใหเ้ ปน็ งานฝมี ือร่วมสมัย สามารถ ปรับประยกุ ต์ใช้ไดก้ บั เส้อื ผา้ ปัจจุบนั เป็นการสบื สานและตอ่ ยอดงานศิลป์อย่างงดงามลงตวั ผา้ ยอ้ มคราม สกลนคร คนบ้านถ�า้ เต่าจะย้อมเส้นฝ้ายด้วยครามท่ตี ้ม แลว้ กอ่ นนา� ไปทอดว้ ยมอื ใหเ้ ปน็ ผนื บา้ งกท็ า� มดั หม่ี หน่ึงในงานผ้าท่ีคนในแผ่นดินอีสานสืบทอด ให้เป็นลวดลายก่อนแล้วจึงน�าไปย้อมและทอด้วย ความสามารถมาจากบรรพบุรษุ ผา้ ยอ้ มคราม คอื ก่ีพ้ืนบ้าน เกิดเป็นผ้ามัดหม่ีทอมือย้อมครามที่มี การย้อมสีผ้าทอด้วยครามธรรมชาติ มีเฉดสีฟ้าถึง เอกลักษณ์ สีท่ไี ด้จากต้นครามจับสีได้ดีกับฝ้ายอัน สีน้า� เงนิ เขม้ กล่าวกันในวงกวา้ ง ผ้ายอ้ มครามเปน็ เป็นเส้นใยธรรมชาติ ผ้าครามจึงสวมใส่ได้สบาย ท่ีนิยมแพร่หลาย โดยเฉพาะในเอเชีย เช่น ญ่ีปุ่น ถา่ ยเทอากาศไดด้ ี ทส่ี า� คญั ผา้ ยอ้ มครามมคี ณุ สมบตั ิ จนี เกาหลี อนิ เดีย ลาว และไทย เนื่องจากมีองค์ ในการป้องกันแสงยูวี สามารถยับย้ังการเกิดการ ความร้ใู นการปลูกต้นครามและการย้อมคราม สะสมของแบคทีเรีย ไร้กล่ินอับแม้จะอยู่ในท่ีท่ีมี อากาศชน้ื ครามเป็นพืชท่ีมนุษย์รู้จักการน�าใบของมันมา ย้อมสีมามากกว่า 6,000 ปี ผ้าย้อมครามของคน ปจั จบุ นั มกี ารใชเ้ ทคนคิ ใหม่ ๆ รว่ มกบั การยอ้ ม สกลนครอยู่เคียงคู่กับคนผู้ไทยอันเป็นชาติพันธ์ุท่ี ครามแบบโบราณ เชน่ การมดั ยอ้ ม การเขยี นเทยี น ยอ้ มผา้ ใชก้ นั ในชวี ติ ประจา� วนั มาแตบ่ รรพบรุ ษุ โดย บาตกิ เพอื่ ใหไ้ ดล้ วดลายและสสี นั ทร่ี ว่ มสมยั ทงั้ การ เฉพาะที่บ้านถ�้าเต่า อ�าเภออากาศอ�านวย ปู่ย่า ตัดเย็บและรูปแบบของเส้ือผ้ายังได้รับการพัฒนา ตาทวดของพวกเขาอพยพจากแดนไกลแถบสบิ สอง ไปในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแฟชั่นสมัยใหม่ การ จไุ ท โยกยา้ ยขา้ มแมน่ า�้ โขงมาพรอ้ มทกั ษะการยอ้ ม แปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามเป็นเครื่องใช้ เช่น ผ้าฝ้ายด้วยครามมาหลายร้อยปี กลอ่ งทชิ ชู ปกสมดุ ฯลฯ “ทอ่ งเทย่ี ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถน่ิ สนุก” 089
090 “ท่องเที่ยว วถิ ชี นเผา่ งานศลิ ป์ ถ่นิ สนกุ ”
ผา้ ยอ้ มสมนุ ไพรและไม้มงคล นครพนม “ค้�าคูณ หนุนน�า กล้าหาญ เข้มแข็ง” หลาก เรื่องชื่อมงคล พวกเขายังเช่ือกันในเร่ืองสรรพคุณ นิยามถึงชื่อต้นไม้อันสื่อถึงความเป็นมงคลในชีวิต ทางยาสมุนไพรของไม้ตา่ ง ๆ อกี หลากหลายชนิด ได้ถูกคนบ้านหนองสังข์ อ�าเภอนาแก จังหวัด เชน่ สกั มะเกลอื ขมน้ิ คราม ปราชญ์ชาวบา้ นน�า นครพนม คิดค้นทดลองน�าเอาสีจากเปลือกและ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ มาหลอมรวมในการยอ้ มสผี า้ จาก สว่ นตา่ ง ๆ มายอ้ มสธี รรมชาติให้กบั ผา้ ฝ้ายทอมอื ธรรมชาติ นอกจากความงดงาม ยงั เชอ่ื มโยงอยกู่ บั ของพวกเขาไดอ้ ย่างสวยงามและมคี ณุ คา่ นา่ ซอ้ื ความเชอื่ โบราณและการแพทยส์ มนุ ไพร เพมิ่ คณุ คา่ ใหก้ ับงานผา้ ย้อมมืออีกมาก จากงานทอผา้ และยอ้ มเปน็ สพี น้ื ทใ่ี ชน้ งุ่ หม่ จนเปน็ เอกลักษณ์สะท้อนความเป็นคนผ้ไู ทยมาแต่โบราณ สนี า้� ตาลแดง สคี ราม สมี ว่ ง ฯลฯ ทงั้ จากเปลอื ก คนบ้านหนองสังข์ถ่ายทอดความเช่อื เก่ยี วกับการ ไม้ เน้อื ไม้ ใบ ดอก ลว้ นตกทอดเปน็ ความงามของ ใช้เปลือกไม้และแก่นไม้จากธรรมชาติรายรอบ ซึ่ง ผ้าย้อมสีไม้มงคลบ้านหนองสังข์ กลายเป็นงาน บรรพบุรุษเช่ือกันในเร่ืองความเป็นมงคลของชื่อ หัตถศิลป์ที่มีทั้งความงดงามด้วยลวดลายและเต็ม น�ามาสอดแทรกในผ้าทอของพวกเขา เช่น คูน ไปด้วยความเชื่อมโยงระหว่างคนกับธรรมชาติได้ หรอื ราชพฤกษ์ ทบ่ี ง่ บอกถงึ ความเปน็ ใหญ่ มอี า� นาจ อยา่ งสวยงามลงตวั วาสนา ไมข้ นนุ ทเ่ี ชอ่ื กนั ในเรอ่ื งทท่ี า� อะไรมกั มคี นเกอ้ื หนุน ไม้เค็งน�ามาซ่งึ ความเข้มแข็ง นอกเหนือจาก ผ้าหมกั โคลน มกุ ดาหาร และแมกนีเซียมท่ีมีผลให้สีที่เข้มขึ้น การนุ่งห่มผ้า ทอผืนสวยของคนหนองสูงจะช่วยขับสารพิษออก ณ หนองน้�าท่ีเคียงข้างคนบ้านหนองสูง จากรา่ งกาย เหนือ อ�าเภอหนองสูง จังหวัดมกุ ดาหาร หมบู่ ้าน เกษตรกรรมท่ีมีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมกันมา ภมู ปิ ญั ญาดงั้ เดมิ ถกู พฒั นาใหม้ คี ณุ ภาพ ตง้ั แต่ แต่โบราณ ผ้าไหมของพวกเขาโดดเด่นเร่ืองสีสัน วธิ กี ารถกั ทอ ยกดอก รวมไปถงึ สสี นั และลวดลายให้ สดสวยและมลี วดลายละเอียดอ่อน ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อ ท�าให้ผ้าไหมหมัก โคลนบ้านหนองสูงมีคุณภาพท่ีดี มีความเงางาม เคลด็ ลบั การ “ตดิ ส”ี ในผนื ผา้ ทอของคนหนองสงู และสสี นั คงทน และถกู พฒั นาตอ่ ยอดผลติ ภณั ฑผ์ า้ อยู่ที่การท่ีพวกเขาค้นพบว่า การน�าเส้นไหม เส้น ทอในแบรนด์ “พรรณม์ หา” ปรบั แตง่ การใชง้ านจาก ฝ้ายไปหมักโคลนจากหนองน้�าธรรมชาติที่มีอายุ ผา้ ซนิ่ สผู่ า้ คลมุ ไหล่ ผา้ พนั คอ สนิ คา้ ทร่ี ะลกึ จากงาน กวา่ 200 ปี อนั เปน็ หนองนา้� คเู่ มอื งหนองสงู โบราณ ผา้ ทา� ใหเ้ รอื่ งราวของผา้ ทอผไู้ ทยในหมบู่ า้ นเลก็ ๆ กอ่ นจะน�ามาย้อมน้นั ทา� ใหส้ ีติดเส้นใยไดด้ ี มสี สี ด ริมหนองน�้าโบราณนั้นยิ่งเปี่ยมค่า น่าซื้อหาและ และทสี่ า� คญั คอื ปลอดสารเคมแี ละสารพษิ ตา่ ง ๆ ใน อนรุ ักษ์ เนื้อโคลนถูกพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่ามีธาตุเหล็ก “ท่องเทย่ี ว วิถีชนเผา่ งานศิลป์ ถิ่นสนกุ ” 091
งานใบตอง หตั ถศลิ ปถ์ ิ่นสนุก ไมแ่ ตกตา่ งไปจากภมู ภิ าคอน่ื ๆ คนอสี านล้วน เป็นภาชนะห่อหุ้มอาหารได้อย่างวิจิตรสวยงาม สืบสานงานใบตองไว้ในวิถีชีวิตเช่นเดียวกัน งาน มีความส�าคัญและคุณค่าท้ังทางวัฒนธรรมและ ประดิษฐ์ใบตองเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของ สังคม ใบตองอยู่คู่กับชีวิตของคนไทยมาต้ังแต่ยุค ไทยท่มี มี าชา้ นาน ใช้ในงานพธิ ตี า่ ง ๆ โดยใชส้ ่วน สมยั โบราณถงึ ปัจจบุ นั ซง่ึ มีการนา� มาประดิษฐเ์ ปน็ ประกอบของตา่ งๆ ของตน้ กลว้ ย เชน่ ใบกลว้ ยและ กระทง บายศรี พานขนั หมาก พานขนั หมน้ั ทงั้ หมด กาบกลว้ ย มาประดษิ ฐ์เปน็ บายศรี กระทงดอกไม้ ล้วนงดงาม ประณีต ท้ังยังมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ กระทงลอย พานพุ่ม แจกันดอกไม้ งานประดิษฐ์ โดยงานศิลป์โบราณแขนงนี้สามารถสร้างรายได้ให้ จากใบตองเหล่านี้ยังได้รับการสืบทอดและสืบสาน แกผ่ ทู้ ม่ี คี วามสามารถทางดา้ นศลิ ปะประดษิ ฐ์ และ งานฝมี ือมาเคียงคคู่ นอีสานอย่างม่ันคง สา� คญั ทีส่ ุดคอื มคี ุณค่าทางจติ ใจ ปราชญศ์ ลิ ปินถ่นิ อีสานท่ีท�างานด้านประดิษฐ์ใบตองล้วนมีจิตใจ ในงานบูชาต่าง ๆ ของคนอีสานมักไม่ขาด เยือกเย็น สุขุม รังสรรค์ความภาคภูมิใจและช่วย บายศรี ภาชนะจากการประดษิ ฐใ์ บตองและดอกไม้ ด�ารงเอกลักษณ์แห่งงานหัตถกรรมพื้นถิ่นไว้เคียงคู่ ทตี่ กแตง่ สวยงามเปน็ พเิ ศษ เพอ่ื เปน็ สา� รบั ใสอ่ าหาร ผนื แผน่ ดนิ ได้อย่างยาวนาน คาวหวานในพธิ ที า� ขวญั ตา่ ง ๆ ซงึ่ ตกทอดอยตู่ งั้ แต่ พระราชพิธีและพธิ ขี องราษฎร งานใบตองท่ีตกทอดอยู่ในบายศรีแสดงออก ถึงเอกลักษณ์ ภูมิปัญญาของบรรพชนไทยสมัย โบราณท่ีรู้จักประดิดประดอยวัสดุธรรมชาติ มาใช้ 092 “ทอ่ งเท่ยี ว วถิ ีชนเผ่า งานศิลป์ ถนิ่ สนุก”
“ทอ่ งเทีย่ ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถิ่นสนกุ ” 093
งานจักสาน หัตถศลิ ปถ์ นิ่ สนกุ คนอสี านผกู พนั กบั งานจกั สานมาอยา่ งยาวนาน เขาใชใ้ สข่ องสารพดั ใชท้ ง้ั หว้ิ หาบ และคอนดว้ ยไม้ งานหัตถกรรมประณีตศิลป์ที่เรียบง่าย เกิดก่อ คาน ตะกรา้ หรอื กะตา้ ของคนอสี านตา่ งไปจากภาค ขึ้นจากพืชพรรณและวัสดุตามไร่นา เช่น ไผ่ ตอก อน่ื ๆ ตรงทม่ี รี ปู ทรงคลา้ ย ๆ กนั เปน็ สว่ นใหญ่ อาจ หวาย ผสานรวมกับความประณีตและทักษะของ จะมีขนาดเลก็ และใหญต่ ่างกนั เท่าน้นั มปี ระโยชน์ ชา่ งจกั สาน กอ่ เกดิ เปน็ ภาชนะตง้ั แตใ่ ชใ้ นครวั เรอื น ใช้สอยตามขนาดและประเภทการใช้งาน เช่น “คุ เร่ือยไปจนถึงงานจักสานข้ันละเอียดอ่อนที่ใช้เป็น หมาก” หรือบางคร้ังใช้ชันยาหรือใส่เครื่องหมาก เครื่องประดับหรือเครื่องประกอบงานส�าคัญใน เค้ียวของคนเฒ่าคนแก่ หรือท�าเป็นครุ หรือคุ พิธีทางพทุ ธศาสนา สา� หรบั ตักน�า้ กไ็ ด้ ค น อี ส า น ช อ บ ส า น ก ร ะ ติ บ ด้ ว ย ไ ม้ ไ ผ่ เ ช่ น นอกเหนอื จากกะตา้ หรอื ตะกรา้ คนอีสานยงั เดียวกัน พวกเขามีวิธีการสานกระติบหลากหลาย เน้นงานจักสานท่ีมีรูปทรงและลวดลายเรียบง่าย ภาชนะทรงกระบอกเตม็ ไปดว้ ยงานประณตี โดยใช้ เช่น หมวก อุปกรณจ์ บั ปลา พดั กระจาด ไล่เลย “ตอกไม้เฮียะ” ซึ่งเปน็ ตอกไผ่ออ่ น ๆ สอดสานขึ้น ไปถึงเครื่องใช้ในครัวเรือนท่ีใช้กันแพร่หลาย โดย รูปตามลวดลายโบราณ เกดิ เปน็ “กอ่ งข้าว” ที่เตม็ เครื่องจักสานถือเป็นหน่ึงในงานศิลป์ท่ีสะท้อน ไปดว้ ยความงดงามในงานฝมี อื ทอ้ งถน่ิ อนั เรยี บงา่ ย ตัวตนความเป็นคนอีสาน บ่งบอกถึงวิถีชีวิตอัน แสนเรียบง่ายที่มักสร้างสรรค์งานฝีมือออกมาจาก ตะกรา้ หรอื “กะต้าสาน” กเ็ ปน็ ภาชนะจักสาน ธรรมชาตริ ายรอบไดอ้ ย่างสมบูรณ์ ส�าคัญของคนอีสาน มีการใช้สอยเช่นเดียวกับ ตะกร้าภาคกลาง หรือ “ซ้า” ของภาคเหนือ พวก 094 “ท่องเทย่ี ว วถิ ีชนเผา่ งานศลิ ป์ ถนิ่ สนุก”
“ทอ่ งเทีย่ ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถิ่นสนกุ ” 095
งานดนตรี ม่วนซ่นื ดรุ ยิ างคศลิ ป์ 096 “ทอ่ งเทีย่ ว วถิ ีชนเผา่ งานศลิ ป์ ถิ่นสนุก”
“ทอ่ งเทีย่ ว วิถชี นเผ่า งานศลิ ป์ ถิ่นสนกุ ” 097
อาหารแซ่บล�้า วถิ ีศิลปถ์ ่ินสนุก เน้อื โคขุน สกลนคร ปลาน�า้ โขง นครพนม ชอ่ื “โพนยางคา� ” เปน็ พน้ื ทแ่ี หง่ หนง่ึ ของสกลนคร สายน�า้ โขงและล�าน�า้ สาขาสองฟากฝ่งั ไทยและ ท่ีมีช่ือเสียงโด่งดังส�าหรับคนรักเน้ือวัว หมู่บ้าน ลาวก่อให้เกิดความสมบูรณ์ในเชิงอาหารและชีวิต กสิกรรมเล็ก ๆ ด�ารงชวี ติ ดว้ ยการเป็นชาวนาเย่ยี ง ความเปน็ อยขู่ องผคู้ น ผนื ดนิ นครพนมแถบพน้ื ทร่ี มิ เดียวกับบรรพบุรุษ ได้รับการเปลี่ยนแปลงเมื่อปี โขงไลเ่ รยี งในหลากหลายอา� เภอจากทศิ เหนอื จรดทศิ พ.ศ. 2523 พวกเขาได้ก่อตั้งสหกรณ์การเกษตร ใต้ เตม็ ไปดว้ ยพน้ื ทเ่ี กษตรกรรมอนั สมบรู ณย์ ง่ิ สา� หรบั โพนยางค�าขึ้นมาเพ่ือช่วยเหลือเกษตรกรในชุมชน การประมงในสายน�า้ โขง ท้งั ปลาจับตามธรรมชาติ และทางสหกรณ์ฯ ได้รับการส่งเสริมให้มีการเลี้ยง และปลาทเ่ี ลย้ี งในกระชงั กลางกระแสนา�้ โขงหลากไหล วัวเน้อื เพอ่ื การบรโิ ภคโดยตรง เรียกกนั ว่า “โคขุน” กอ่ เกดิ เปน็ เมนู “ปลานา�้ โขง” หลากหลายชนดิ โดย โคขนุ โพนยางคา� จงึ กลายมาเปน็ เนอื้ คณุ ภาพดขี อง เฉพาะ “รา้ นปลาจมุ่ รมิ โขง” ทม่ี ใี หเ้ ลอื กชมิ และสมั ผสั เมอื งไทย เต็มไปดว้ ยเทคโนโลยีปศสุ ัตว์ เน้ือววั รส ถงึ เนอ้ื แนน่ หวาน ๆ นน้ั วา่ กนั วา่ ในพน้ื ทน่ี ครพนมมี เยย่ี มกอ่ เกดิ รา้ นอาหารทงั้ พน้ื บา้ นและตะวนั ตกขนึ้ รา้ นอาหารเมนปู ลาใหเ้ ลอื กลองไดห้ ลากหลาย รายรอบ ในหมู่บ้านท่ีเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวได้รับการ ศึกษาพัฒนา มีนักท่องเที่ยวและนักชิมเน้ือวัวมา ความพิเศษของปลากระชังที่เลี้ยงในแม่น้�าโขง เยยี่ มเยือนหมบู่ า้ นเล็ก ๆ นอกเมอื งสกลนครแห่ง คอื มีเนอ้ื แน่น ดว้ ยกระแสน�้าไหลแรง ปลาทีอ่ ยไู่ ด้ นท้ี กุ เมอ่ื เชอ่ื วนั ตอ้ งแขง็ แรง ทส่ี า� คญั คอื เนอื้ ปลาไมม่ กี ลน่ิ ดนิ เพราะ สาหรา่ ยเขยี วแกมนา้� เงนิ ทเ่ี ปน็ สาเหตใุ หป้ ลามกี ลนิ่ โคขุนโพนยางค�าจึงถือเป็นอีกหน่ึงส่ิงท่ีห้าม สาบนน้ั ไมส่ ามารถเจรญิ เตบิ โตไดใ้ นแมน่ า�้ โขง ปลา พลาดสา� หรบั คนหลงรกั ความหวานอรอ่ ยนมุ่ เนยี น แมน่ ้า� โขงจึงอรอ่ ย ไมม่ กี ล่ิน เน้อื แน่น ใครกนิ แล้ว ของเนอ้ื วัวเมอ่ื มาเยอื นจังหวัดสกลนคร ต้องติดใจ 098 “ท่องเที่ยว วิถชี นเผา่ งานศิลป์ ถ่ินสนุก”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240