lioon ๓ : i^ooaooRo... ชีวิตมทารก£กลํย โดย น€)ง ปีเชด ดื่มเหล้ารับน้อง ทำ ลายสมองของชาติ ใเวงนี้ เป็ดเทอมใหม่ ทุกสถาบันจึงอยู่ในฤดูกาลรับ ฟ้องใหม่ ผมเองในฐานะที่เคยเป็นรุ่นพี่รับฟ้องใหม่ กับเขามาก่อน ก็มีฃ้อเตือนใจมาฝากทั้งรุ่นพี่และ ฟ้องใหม่ในวันนี้ นั่นก็คือ \"การรับฟ้องใหม่ควย อบายมุขจากใจรุ่นพี่สู่รุ่นนอง\" |ฟ.-เ$1)นทไป้ใน7))ทท7ท(ภ& ' 1(พแ1รา)|ท่!8« lhaxiairowBanO
๐บายLJขทำลายสม๐งขอจชาติ อบายมุข แปลว่า โฉมหน้าแห่งดวามวิบัติ เสิยหาย การรับน้องด้วยอบายมุข ณ็ท่ากับว่า รุ่นพี่เอาความวิบัติเสิยหาย จากใจมามอบให้แก่รุ่นน้อง ทำ ไมผมจึงกล้าพูดเช่นนี้ครับ นั่นเพราะว่า ผมเองจบจากมหาวิทยาลัยมาเกือบสิบปีแล้ว มอง เห็นอะไรในโลกใบนี้ มากกว่าตอนใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย แล้วก็พบว่า เพี่อนๆ และน้องๆ ของผมหลายคน ที่ก่อนหน้ามารับน้อง บางคนเป็น เด็กเก่ง มีผลการเรียนดีอยู่ในระดับจังหวัด บางคนเคยสอบได้อันดับ หนึ่งของการตอบปัญหาทางวิชาการของประเทศ และที่สำคัญ ก่อนที่เขาจะเช้ามาเรียนมหาวิทยาลัยนั้น พื้นฐาน ครอฺบครัวก็ดีมาก ไม่เคยข้องเกี่ยวช้องกับอบายมุขมาก่อนเลย แต่พอ เจอการรับน้องใหม่ในมหาวิทยาลัยเช้าไป รุ่นพี่ทั้งประเคน ทั้งอาบ อบายมุขเช้าให้มีตั้งแต่สุรา นารี พาชี กืฬาบัตรมันสมองแห่งความฉลาด ก็เลยถูกแทนที่ด้วยอบายมุข ตั้งแต่ปีหนึ่งจนปีสุดท้าย จึงมีสภาพแช่อยู่ในอบายมุข แล้วพอ ทุลักทุเลเรียนจบไป ผลสุดท้าย หน้าที่การงานก็พังเพราะอบายมุข พอไปมีครอบครัวเช้า ครอบครัวก็แตกแยกเพราะอบายมุข สาเหตุใหญ่ก็มิใช่อึ่นไกล เขาพังทั้งชีวิต เพราะเหล้าแก้วแรกที่รุ่น พี่ประเคนให้ดื่มเมื่อวันรับน้อง เหล้าแก้วแรกเมื่อตอนรับน้องปี ๑คึอจุดเริ่มต้นให้กับเหล้าแก้วๆ ต่อไปตลอดชีวิต เพราะผมไม่อาจทนดูมันสมองชั้นดีของประเทศถูกทำลายอย่าง diiwiWWhM iIifnBiniaijBiMmd
ก่อนกเขาจะเขัาบาเรียนบหาวักยาลัยนั้น พนฐานกรอนกรัวเาดีบาก ไปเคยขัองเกี่ยว ขัองกับอบายบขบาก่อนเลย แต่พอเจอการ รันนองใหม่ในบหาวักยาลัยเขัาไป รุ่นพกั้จ ประเคน กั้งอานอนายเ^ขเขัาใเฯ บีตั้งแต่สุรา นารี พาชี กีฬาบัตร บันลบองเแก่งควาบฉลาด ก็เลยถูกแกนกี่ด้วยอบายเปุข น่าเสียดายเช่นนี้ ผมถึงได้เขียนเตือนรุ่นพี่ทั้งหลายเอาไว้ว่า \"อย่าเอาความจิบัดิมารับน้องใหม่ดรป\" น้องๆ ที่เป็นรุ่นพี่หลายคนที่อ่านเรื่องนี้แล้ว อย่าเพี่งตำหนิว่า ผม เขียนอะไรรุนแรงเกินเลยไป แต่เพราะผมเห็นสภาพจริงๆ ของเพี่อน ของน้องที่เคยมีสมองชั้นดี พังมาหลายรายแล้ว ซึ่งจุดเรื่มด้นก็คือ เหล้า แก้วแรกที่รุ่นพี่หัดให้กินตอนรับน้องใหม่นั่นแหละครับ อย่าทาเรื่อ 1พราะเกรงใจคนอื่น พี่ชายที่เคารพรักของผมคนหนึ่งซึ่งมารู้จักกันตอนทำงานแล้วท่าน เล่าให้ฟังว่า นท่. i$i«Bn1ulurunnmcnjiu . lIuKSiTui&M ihffiBioiMiiefinfl
\"ผมถือสืล ๕ ตั้งแต่เรียน ม. ๔ พอสอบเอนทราน*รเข้า มหาวิทยาลัยได้ ก็ตั้งใจถือสิลเรื่อยมา จนวันหนึ่งยีนรอรถเมล์อยู่ที่ป้าย ใจของผมก็คิดว่า วันนี้ตั้งใจจะถือคิล ๘ เป็นวันแรก พอดีจังหวะนั้น มีรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งกำลังจะไปกินเหล้า เดินมาที่ป้าย รถฒล์พอดีพอเห็นผมเข้า ก็ตรงรื่เข้ามาชวนกินเหล้าทันที ผมเป็นน้องใหม่ ทีแรกๆ ผมก็ปฏิเสธ แต่ว่าความเกรงใจรุ่นพี่ ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็ เลยต้องไปกินเหล้ากับเขา พอกินไปวันหนึ่งแล้ว เดี๋ยวเขาก็มาซวนผมไปกินอีก ผมกินเหล้า ทุกวัน จนกระทั่งในที่สุดก็ติดเป็นนิล้ย กินจนร่างกายจะกลายเป็นขวด ใส่เหล้า อาการเมาค้าง ทำ ให้ผมไปเรียนไม่ไหว แล้วก็เลยไม่ได้เรียน ผล สุดท้าย ผมทำข้อสอบไม่ได้ต้องรีไทร์ออกมาตอนปี ๑รุ่นพี่ที่เคยมาชวน ผมกินเหล้า ก็หายไปหมด ไม่มีใครมารับผดชอบ มีแด่ผมเดินออกมา จากมหาวิทยาล้ยคนเดียว\" เรื่องไม่จบเท่านี้ครับ เพราะความที่กล้วแม่จะเสิยใจ พี่ชายคนนี้ก็ เลยปิดเรื่องรีไทร์เอาไว้ แล้วขึ้นเหนือไปทำงานที่ จ.แม่ฮ่องสอน อยู่อีก ๓ ปี รอจนกระทั่งครบกำหนดเรียนจบ จึงค่อยกลับลงมาบอกแม่ พี่ชายที่ผมเคารพรัก ท่านฝากให้ผมมาบอกรุ่นน้องด้วยว่า . \"อย่าหำทั่ว เพราะเกรงใจคนอื่น ถ้าเขาจะไม่คบเรา เพราะเราไม่ กินเหล้า ก็ไม่เป็นไร ไปคบคนอึ่นก็ได้ ยังมีคนอีกตั้งแยะทีไม่กินเหล้า\" ผมฟังเรื่องนี้แล้ว ก็ยิ่งอยากจะยํ้าว่า รุ่นพี่จะสอนน้องให้ทำอะไร ก็ตาม ต้องนืกถืงอนาคตของน้องด้วย โดยเฉพาะยิ่งเรื่องอบายมุขรับน้อง ด้วยแล้ว ผมคิดว่าเราควรจะเลิกวงจรพวกนี้เดียที เพราะรุ่นพี่ที่ดีไม่ควร เป็นคนที่หำอายอนาคดของน้อง หำ อายมันอมองของชาดิด้วย่อบายมุข พ่รทยารย thaiecwowawi*
ร่นพี่จะลอนนองใหักำอะไรก็ตาบ ตัองนึกถึง อนาคตของนองด้วย โดยเฉพาะยี่งเรื่อง อนายบุขรันนองด้วยแลัว พนคิดว่าเราควร จะเสควงจรพวคนเสียถึ เพราะรุ่นพกถี ไป ควรเนึนคนกี่กำลายอนาคตของนอง กำ ลายเชันลบองของชาติด้วยอนายบุข ดื่บเหลัาแค่ไหนจึงจะถื๐ว่าขาดสติ บางท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะค้านว่า'•ถึงผมจะดื่มเหล้า แต่ผม ก็ไม่เคยฌาจนเสิยการเสียงาน\" ผมก็ฃออาราธนาคำเทศน์ของพระอาจารย์ท่าน มาอธิบายคำว่า \"เมา\" กับคำว่า \"สติ\"ให้เข้าใจเสียก่อน ท่านบอกว่า \"สติ แปลว่า ความระลึกใต้ หมายถึงระลึกใต้ นึกใต้ก่อนจะทำ และพูด ๕๕
เรามักใช้คำนี้คู่กับคำว่า สัมปชัญญะ แปลว่ารู้ตัว หรือระลึกได้ ชัดขณะกำลังทำ และขณะพูด โดยทั่วไป คนเราแม้ยังไม่ได้ดื่มสุราก็เมาอยู่แล้ว คือ ๑. เมาอยู่ในความเ!!นใพุ่มเป็นสาว คือคิดว่ายังไม่แก่ ยังมีเวลา สนุกอยู่อีกนาน ๒. เมาในความเป็นผู้ไม่มีโรค คือเผลอสติคิดว่าตัวเองจะเป็น คนที่แข็งแรงต่อไปอีกนาน หาftม่ว่าโรคร้ายจะมาเยือนเรา <4 M CM P ต. ฒาในเวิต คือ เผลอสติคิดว่าความตายยังอยู่ห่างไกล อีก นานกว่าความตายจะมาถึงตัว หาftม่ว่าความตายนั้นไม่มี เครื่องหมาย อะไรบอกล่วงหน้า เพราะฉะนั้น แม้ลำพังไม่กินเหล้า พวกเราก็มีความเมาอยู่แล้ว ดังนั้น คนที่ดื่มเหล้าจึงล้วนแต่เพิ่มความขาดสติให้แก่ต^tมากยิ่ง ขึ้นทำลายความเป็นคนของตัวเอง คือ ฆ่าได้สักขโมยได้เจ้าช!ด้โกหกได้ .rrzjir.uและทำสงทน่าอาย เดั คนส่วนมากเข้าใจว่า คนที่ดื่มเหล้าเมาจนเดินไม่ไหว หรือพูด ไม่รู้เรื่องแล้ว คือคนขาดสติ แต่จริงๆ แล้วในทางธรรม ถึอว่าเขาขาดสติ แล้วตั้งแต่คิดจะดื่ม คิดจะชีอ ยิงลงมีอเปิดขวดรินเหล้าใส่แก้ว แล้วดีม ล่วงลำคอเช้าไป เขาก็ยิ่งขาดสติมากยิ่งขึ้นตามลำดับ ยิ่งดื่มมากเท่าไร ความเป็นคนก็ค่อยๆ ลดลงไปทุกทีๆ เมื่อ ความเป็นคนเหลือน้อย ความดีก็ลดลงตามลำดับ เพราะฉะนั้นขึ้นชื่อว่าเหล้าแล้ว อย่าว่าแต่จะคิดชีอมาดิมเลย เม้แต่เอาขวดเหล้าเช้าบ้านก็ยังไม่ควร\" แดํ เช้าตอกไมในรั้วพหฑํท{กลม <& &1*รวช้น1ร»ง iSiaiORMOfltttKinfi
นี่ก็เป็นคำของพระอาจารย์ที่ท่านเตือนสติมา รุ่นพี่ทั้งหลายครับ จากประสบการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ เราคงเห็น พ้องต้องกันแล้วว่า การจะคิดดี พูดดี ท่าดี เป็นคนดีอยู่ไต้ ก็เพราะมี \"สติ\" ยั้งคิดนี่แหละ แต่ถ้าสติถูกท่าลาย ก็หมดความยั้งคิด หมดความ เป็นคน เพราะฉะนั้น น้องนักสืกษาบางคนก่อนหน้าจะมารับน้อง ก็เป็น คนมีความยั้งคิดที่ดี แต่อดีตที่ผ่านมา หลายๆ คนพอโดนรุ่นพี่บังคับให้ รุ่นน้องกินเหล้า เพียงแค่แก้วแรกแถ้วเดียวเท่านั้น ก็ทำ ให้คนดีๆ คน หนี่งขาดความยั้งคิดไปตลอดชีวิตได้เลยนะครับ ผมคิดว่าไม่มีใครอยากไต้ชื่อว่า รุ่นพี่ที่ทำลายอนาคตของน้อง ทำ ลายสมองของชาติหรอกครับ ! เพราะฉะนั้นรเวยกันเบผิดชอบอนาคต ของน้องใหม่ใน^หาวิทยาลัย อย่ารบน้องด้วยอบายมุข สร้างวัฒนธรรม แห่งความสุขแบบไม่มีอบายมุขกันเถิดนะคร้บ ปล. สำ หรับน้องใหม่ ก็อย่าทำลายสมองตัวเองเพราะเกรงใจรุ่นพี่ที่ชวน กินเหล้า ถ้าเขาจะไม่รับเราเป็นน้องเพราะไม่กินเหล้าก็ไม่เป็นไร เททำถูกต้อง แล้ว ชีวิตเราอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้อยู่ได้ด้วยการมีเพื่อนชวนกินเหล้า เหล้าไม่ใช่ของวิเศษที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น นึกถึงอนาคตของตัวเองให้มากๆ อย่าเอาอนาคตมาจมอยู่ในวงเหล้าเลยครับ 1?1«อทไ»!ในเวนห:าท!ภaย cfeil !(ม1หรฬนปัทง ฟ่วทวขทนอฬทงซา*
ช่วงที่ ๓ ะ 1ร0ง(ท00คิ0... ชีวิตมหาวิทยาลัย โดย บ้อง ฃแปด รู้จักคบเพื่อนดี . . . มีชัยไปกว่าครึ่ง วนหนึ่งหลังจากที่ผมเรียนจบมาไดประมาณ ๖ ปี แลัว ผมก็เริ่มสังเกตพบว่า เพื่อนๆ ฃองผมที่เรียน จบมาด้วยกัน บางคนก็ไปได้ดี มีหน้าที่การงาน กัาวหน้า ขณะที่บางคนมีแววว่าจะเอาดีไม่ได้ ตั้งแต่ ยังเรียนอยู่ แล้วก็จริงอย่างคิด วันนี้ยังตั้งหลักไม่ได้ แถมยังเป็นหนี้สินลันพันตัวเสียอีก ทำให้ผมอดห่วง อนาคตของพวกเขาไม่ได้ แลัวก็ให้หวนมานึกถึง แด่..ฟ้ใ*|£1กไม้ใฬ้1มพาพิยาร้ย (รุรร! JtnwiiiouS...ร?ช่1ปท')1«1ง
น้องๆ ที่กำ ลังเรียนมหาวิทยาลัยตอนนี้ว่า ถ้าเรียนจบไปแลัว จะ เป็นอย่างไรกันบ้าง ด้วยเหตุนี้ ผมจึงด้องทบทวนอดีตที่ฝานมาว่า อะไรเป็นสาเหตุใ\"พเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน บางคนไปได้ดี แต่ บางคนกลับไม่ได้ดี โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนอยากเป็นคนดีกันทั้งนั้นแต่บางที ไม่รู้ว่า \"ดีคืออะไร\" ก็เลยทำให้ทำไม่ถูกดี ไม่ถึงดี ไม่พอดี ผมตั้งหลักเรื่องนี้ด้วยการย้อนคิดกลับไปตอนสมัยเริ่มมาเรียนป็ ๑ ตอนแรกๆ ก็จะเป็นช่วงของการทำความรู้จักกันให้หัวถึงก่อน เ'คือ หากลุ่มที่มีอัธยาตัยเหมาะกับตัวเอง แต่พอผ่านช่วงรับน้องไปแล้ว พวก เราก็จะเริ่มแยกเป็นกลุ่มๆ ตามอัธยาตัย พวกที่สนใจการเรียนก็ไปกลุ่มการเรียน พวกที่สนใจกีฬาก็ไป เล่นกีฬา พวกที่สนใจเรื่องการทำกิจกรรมก็ไปทำกิจกรรม พวกที่สนใจ อบายมุขก็แยกสาขากันไปตามอบายทุขประเภทต่างๆ ซึ่งจากการเริ่มด้น ตรงจุดนี้ ก็จะกลายเป็นกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันไปจนกระทั่งเรียนจบปี a แต่ข้อสังเกตก็คือ ไม่ว่าจะเป็นประ๓ทกลุ่มไหนก็ตาม ถ้ากลุ่ม ไหนมีห้วโจกนำกินเหล้าเป็นบ้าเป็นหลังแล้วพอพวกนิจบไปมักจะมีป็ญหา การเงินปอยมาก แถมบางทีก็ติดหนี้ติดสินอีกด้วย ส่วนพวกที่เอาแต่เรียนอย่างเดียว ก็เจอปัญหาเหมือนกันคือทำงาน เป็นทีมไม่เป็น ก็เลยทำให้การตัดสินใจอะไรลงไป มักจะมีผลกระทบให้ ต้องตามแก้กันบ่อยๆ เพราะไม่เคยทำกิจกรรมมาก่อน ส่วนพวกที่ทำได้ดีทั้งการเรียนและกิจกรรม อบายมุขก็ไม่ยุ่ง พวกนี้จะจบมาเป็นนักบริหารที่ดี เพราะฝ็กช้อมการทำงานเป็นทีมมามาก พอ เลยทำให้พอจะมีประสบการณ!นการบริหารคน บริหารงาน บริหาร เงิน บริหารเวลา ทำ ให้หน้าที่การงานก้าวหน้าไว นดํ.เจัาดอกไม!นรั้วมพ่วิหยาลัย ฝ็ลัซใปกวำกรีง
และตรงนี้เอง ที่กลายมาเป็นคำตอบว่า หัวใจสำคัญที่สุดของการ เรียนมหาวิทยาลัย ก็คือ การรู้จักเลือกคบเพื่อนให้เป็น ทาอย่าง!รจะคบเพื่อนฟิน ผมพยายามตามหาหลักการเลือกคบคนตรงนี้มานานแล้วก็มาพบ หลักในพระพุทธศาสนาตรงมงคลรวิตที่ ๑ ไม่คบคนพาล โดยเพื่อนชั่ว จะมีความประพฤติเข้าข่ายดังนี้ คือ ๑. เพื่อนชั่วชอบรกนำในทางที่ผิด เช่น ชักชวนกันไปเที่ยว ดื่ม สุรา เล่นการพนัน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เราเสียเงิน เสียทอง โดยใช่เหตุ ทำ ใหัมีนิสัยการใข้เงินที่ไม่ดี เก็บเงินไม่อยู่ และ อาจไปติดนิลัยไม่ดีอื่นๆ มาอีกด้วย ๒. เพื่อนชั่วไม่ชอบระเบียบวินัย ชอบฝ่าฝืนตั้งแต่กฎหมายของ บ้านเมีอง ชอบทำผิดคืลธรรมชอบแหวกกฎเกณฑ์ขององค์กร หน่วยงานหรีอกติกาของลังคมที่ตนเป็นสมาชิกอยู่ ฅ. เพื่อนชั่วชอบแต่สิงผิด ล้าให้เลือกระหว่างรอดูความสำเร็จ กับ รอดูความพินาศเสียหาย คนพาลชอบเห็นความพินาศเสีย หายของผู้อื่นมากกว่า เมื่อตัวเองทำผิด ก็ภูมิใจ ลำ พองใจว่า ตนเก่งกล้าสามารถกว่าคนอื่น ๙. เพื่อนชั่วชอบทำสิงที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง คือ ชอบย่งเรื่อง ของชาวบ้าน ดูเผินๆ เหมีอนหวังดี แต่ไม่นานนัก ความ เดีอดร้อนก็เกิดขึ้นมา จากการยุ่งไม่เข้าเรื่องของเขา ๔. เพื่อนชั่วแม้พูดจาดีๆ ด้วยก็โกรธวินิจฉัยของคนพาลไม่ค่อย คงเล้นคงวาเท่าไร บางทีเพื่อนยู่งยิ้มให้ เขาก็ว่ายิ้มเยาะ เห็น เขาหัวเราะ ก็หาว่าเย้ยตัวเอง ufi. เรแ1รกไ1รใฬ้วพทวิท๓ลัย • «)® รลัยไป
ใครก็ตามที่มีลักษณะอย่างนี้ ไม่น่าคบ เพราะจะเป็นต้นทางให้ นิสัยไม่ดีอีกหลายๆ อย่างตามมา เพื่อนแบบไหนที่เป็นคนดีน่าคบ ก็เพื่อนที่มีความประพฤติตรง ข้ามกับ ๕ ข้อของเพื่อนชั่วนั่นแหละ เพราะคนจะทำดีไต้นั้น เขาต้อง ควบคุมตัวเองไม่ให้หลงใหลไปกับความชั่วได้ดีมากๆ ทีเดียว ซึ่งเขาจะ ต้องมีความรู้ คือ รู้ถูก-ผิด รู้ดี-ชั่ว รู้บุญ-บาป รู้ควร-ไม่ควร โดยที่เขา อาจจะไม่มีปริญญาเลยก็ได้ จากหลักการตรงนี้ เมื่อเรานำมาพิจารณาเพื่อนฝูงที่เราคบหาอยู่ ก็จะพบว่า บางคนก็มี ๕ ข้อครบถ้วน แต่บางคนก็มีไม่ครบ รวมทั้งตัว เราเอง บางวันก็มีครบ แต่บางวันก็ไม่ครบ แล้วตรงนี้จะทำอย่างไร คำ ตอบก็คือ เราต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้เพื่อนก่อน แล้วชักชวนให้เขาเลิก พฤติกรรมของคนพาลใหได้ ถ้าเตือนแล้วบอกแล้วอย่างถนอมนี้าใจ เขา ไม่เชื่อ ก็ต้องให้ครูบาอาจารย์มาช่วยเตือน ถ้าเขาไม่ฟังก็ต้องปล่อยไป เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว เมื่อเราคบคนดีเป็นเพื่อน เราก็จะไต้รับก่ายทอดนิล้ยที่ดีๆ เช่น ขยันทำงานรักการต้นคว้า พัผนาความรู้ความสามารถ อดทนต่ออุปสรรค ทำ ให้เรามีโอกาสเจริญก้าวหน้าไต้ง่ายขึ้นทั้งต้านการงานและดีวิตส่วนต้ว ถ้าเริ่มต้นมองคนต้วยแบบนี้ เราก็จะไม่ดูถูกคน และจะมอง หาความดีของคนอื่นแทน แล้วในที่สุด ก็จะมองออกว่า ใครเป็นคนดี น่าคบ ใครที่พอจะช่วยปรับปรุงแก้ไขไต้ ใครที่ต้องปล่อยไปดามเวร ดามกรรม ตรงนี้เองที่จะเป็นพื้นฐานการคบคนต่อไปในอนาคต คือเมื่อ เรียนจบต้องไปทำงานก็จะรู้จักเลือกเจ้านายที่ดี พอขึ้นมาเป็นหัวหน้างาน ก็จะรู้จักคัดเลือกลูกน้องที่ดี และถ้าวันหนึ่งจะแต่งงานมีครอบครัว ก็จะ Ufi 1«า»1ททไมํใน1ว«ทาวิแทรัย V|0 รรันไปทาาfrtง
รู้จักเลือกคู่ชีวิตที่ดีและแม้ที่สุดถ้าต้องเป็นพ่อคนแม่คนก็จะเป็นพ่อแม่ที่ดี เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หากใครสำรวจตัวเองแล้ว พบว่าเราได้พลาด ไปตั้งตัวเป็นสัตรูกับบัณฑิตเข้าแล้วก็ต้องรีบแก้ไขนะครับ แล้วเราก็ต้อง รู้ตัวเองว่า บัณฑิตเขาจะเป็นตัตรูกับความเห็นผิดของเราเท่านั้น เมื่อเรา กลับมาทำสิ่งที่ถูกต้อง บัณฑิตย่อมไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่กลับจะเป็น มิตรแท้ให้แก่เรา เพราะนักปราชญ์ราชบัณฑิต เขาถือคติว่า มีสัตรูที่เป็น บัณฑิต ดีกว่ามีมิตรที่เป็นคนพาล สุดท้ายนี้ ผมหวังว่า หลักการ ๔ ข้อที่นำมาจากพระพุทธศาสนา นี้ จะข{วยให้นองๆ ใข้กลั่นกรองการคบเพื่อนที่จะร่วมคบหาสมาคมได้ อย่างง่ายๆ นะครับ เราจะได้มีเพื่อนดีๆ ย่วยกันคำ ย่วยกันผลัก ย่วย กันด้นให้ชีวิตกัาวหน้า ประสบความสำเร็จทั้งการเรียนและหน้าที่การ งานไปด้วยกันครับ นพ่...1^พอกไม้ใน?ว1ทฑวิ*«ทล้น ๖๓ 5?ทคบ1ส์0นร„ HMOn-iitrfo
ช่วงกี่ ๓ ะ 1ร€)งตั0งคิ0...ชีวิ0บหาวิกยาลัย ใดย น้อง ฃแปด \"นึกถึงแม่บ้างนะครับ เดื0นนี้ ก็สิงหาคมแล้วนะครับ น้องๆ ก็คงเรียน ผ่านไปครึ่งเทอมแล้ว เป็นครึ่งเทอมที่หมดไปกับ กิจกรรมรับน้องล้วนๆ พอจบรับน้อง ก็ต่อกันด้วย สอบกลางภาค จากประสบการณ์ของผม ล้าใครตั้ง หลักอ่านหนังสือมาตั้งแต่ก่อนรับน้อง สอบกลาง ภาคเที่ยวนี้ ก็คงฉลย น« นรับพารีหยาลบ ๖๕ iuiNiunhiiusiriiu I
แต่ถ้าใครมัวฉลองรับน้องกันเพลิน ก็เป็นอันเดาได้ว่า สอบกลาง ภาคเทอมนี้ คะแนนปิวแหงๆ และอาจมีลิทธถึงขันติดโปรฯ แรก (เกรด เฉลี่ยตํ่ากว่า ๒.๐)ในชีวิตอีกด้วย (ไม่ได้ขู่) ผมคิดว่า ยังไงล่ะก็ นึกถึง ความหวังของแม่ไว้บ้างก็ดีนะครับ เราจะได้ไม่ลืมไปว่า เราเข้ามหา วิทยาลัยมาทำไม จริงไหมครับ สำ หรับเดือนนี้ ผมก็มีข้อสังเกตในเดือนแห่งวันแม่นี้มาฝาก พวกเราทุกคนรู้ดืว่า วันที่ ๑๒ ลิงหาคมของทุกปี คือวันแม่แห่ง ชาติ ชึ่งก็เป็นวันหยุดด้วย แต่จากการตั้งข้อสังเกตในแต่ละปี ผมพบว่า ลูกหลายๆ คนทำอะไรให้เฌ่ในวันนี้เม่เหมือนกัน บางคนเริ่มต้นวันแม่ ด้วยการออกจากบ้านไปหาเพื่อนที่นัดไว้[น ตอนเข้า กินเที่ยวกันจนเย็น แล้วพอตกคํ่าก็ไปจบกันที่บาร์ผับ เสร็จแล้ว ก็เมาเละกสับมาบ้าน มาให้แม่รอเปิดประตูตอนดึก ซึ่งนี่เป็นภาพที่ผม เห็นปอยๆ และดูเหมือนคนที่จะไม่สบายใจที่สุดในบ้าน ก็คือ \"แม่\" นั่น แหละครับ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ห่วงใยเป็นที่สุด ขณะที่บางคนวันนี้เม่ออกไปไหน นัดเพื่อนมาฉลองที่บ้าน ตั้งวง กินเหล้ากันตั้งแต่แปดโมงเข้ายันเย็น ยิ่งถ้าปีไหนมืวันแม่ที่พ่วงกับวัน เสาร์อาทิตย์ทำให้หยุดต่อเนี่องกัน ๓ วัน ยิ่งเปลืองกับข้าว เปลืองเหล้า เปลืองเงินเข้าไปใหญ่ ในที่สุดเงินก็หมดกระเป๋าแล้วเดือนนี้ แล้วก็เริ่ม ต้นชีวิตหสังสร่างเมาด้วยคำว่า \"แม่...ขอยืมเงิน\" เฮ้อ...ชีวิต บางคนไม่ใช่อย่างที่ผมพูดถึงครับ วันนี้ลืมแม่ ลืมเพื่อน ลืมพื่ ลืม น้อง ไปหนี่งวัน คนเดียวที่ไม่ลืม ก็คือคนที่จะหามาให้แม่ช่วยเลี้ยงอีก คนนั่นแหละครับ (คิดดูเอาเองว่าใคร) ผมนั่งดูพวกเขาแล้วก็ขำดื ไม่ได้ อิจฉาที่เขามีแพ่นหรอกครับ แต่ตลกว่า แม่เลี้ยงเจ้าคนเดียว กับพื่น้อง ของเจ้า ก็แทบตายแล้ว ยังจะหาลูกชาวบ้านมาให้เฟเลี้ยงอีกคนก็เอาเถอะ นต่...เจ้าคอกไมไนรวมหาวิทยาลัน ป็ทรงเฟลัางนะครับ!
ใครจะเลือกแบบไหนก็แล้วแต่ถูกใจ แต่ผมคิดว่า แม่คงขออย่างเดียว\"อย่า สิงสุกก่อนห่ามา4ะลูกนะ\" แต่ทีผมเซอร์ไพรส์ ก็คือ คนๆ นี้คร้บ ในวันธรรมดา ก่อนออก จากบ้านไปทำงาน เขาจะก้มกราบแม่บังเกิดเกล้าที่แทบเท้าของท่าน เรียก ว่าภาพนี้เรียกปอนํ้าตาออกมาจากผู้พบเห็นเลยทีเดียวครับ แล้วพอวันแม่มาถึง นํ้าตาแห่งความตื้นตันของผมก็อาบแก้มเลย ไม่ใช่ว่าผมฃี้แย แต่มันซึ้งจริงๆ โดยเฉพาะของขวัญที่เขาให้ก้บแม่ มัน ชื้อหามาด้วยเงินไม่กี่สิบบาทหรอกครับ แต่ว่าคุณค่ามันมากกว่านั้น เพราะมันเป็นล้ญล้กษณ์ของการบูชา เขาไม่ใช่คนรํ่ารวย แต่ของขวัญของ เขานี่สิ เขาไปตลาดแต่เช้า เพี่อหาของที่แม่ชอบใจมาให้แม่กิน แวะร้าน ค้าร้านหนึ่ง เพี่อชื้อของขวัญให้แม่ พอกลับถึงบ้าน เขาก็จัดการเอาเมบู โปรดของแม่ใส่จาน แล้วกินข้าวกับแม่ที่มองเขาด้วยสายตาที่เอ็นดู หลัง จากทานข้าวเสร็จ เขาก็ก้มลงไปกราบแม่ครับ แน่นอน นํ้าตาของแม่น่ะ ไหลพรากไปแล้ว แล้วเขาก็เอาของขวัญลํ้าค่าออกมา \"พวงมาล้ยดอกมะลิหนึ่งพวง\"เขาวางไวในมือของแม่ แล้วก็บอก กับแม่ว่า \"ผมขอบพระคุณแม่มากครับ ที่เลี้ยงผมมาจนเ!เนผู้เ!เนคนได้ ในทุกรันนี้ เฟคงเหนึ่อยมากนะครับ กว่าผมจะรัว่าแม่รักผมแค่ไหน\" นํ้าดาผมร่วงเลยครบ เงใจที่เห็า๓าพนี้ ลองคิดดูนะครับ จะมีแม่ ล้กกี่คนในโลกนี้ที่ได้รับของขวัญลํ้าค่าจากลูกเช่นนี้ นึ่แหละครับ วัน เฟเหมือนก้น แด่ใช้เวลาที่มืค่าไปอย่างไม่เหมือนก้น เพราะฉะนี้น วัน แม่!!!นี้ ก็อย่าลืมแสดงความกด้ญผูกดเวทีด่อคนที่รักเรามากที่สุดใน โลกนะครับ นทํ . เจ้าfionlulufunmrinXu CnihiuMicicnfu!
.-liiT -if,-*
ช่วงที ๓ : เรองตองคิด... ชีวิตมหาวิทยาสํ■ย โดย บ้อง ฃแปด ความรักในวันวาเลนไทน์ เมื0เดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีมาถึง เทศกาลหนึ่งที่ หนุ่มสาวไทยรับเอามาจากวัฒนธรรมตะวันตก อย่างเต็มๆ ก็คือ เทศกาลวันวาเลนไทนึ่ และทุกๆ ^ ®_Y-V ไV A _ A _ _ V- กลับมาเสมอ แด่ เจ้าคอทไฟ้พ๎วมทฑิทยพัช ๖fiร' ทวาชจ้ทโนจ้นาานเนโเทร
ผมเองเมื่อสมัยยังเรียนอยู่เนปี ๑-๔ก็เคยร่วมกับเพื่อนๆในภาค วิชา ช่วยกันหาเงินรับน้องจากช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้ ได้อย่างเป็นกอบ เป็นกำเป็นการฝึกทำงานเป็นทีมแบบร้อยกว่าคนอย่างเป็นระบบพร้อมกัน ซึ่งสนุกสนานมากครับ วิธีการก็คือ พวกเราจะแยกย้ายกันเดินไปทุกคณะ เพื่อรับจัด ส่งดอกไม้ทั่วมหาวิทยาลัย พอได้ยอดลังของ และทำทะเบียนจัดส่งได้ ชัดเจนดีแล้ว เย็นวันที่ ๑๓กุมกาฯ ก็มีตัวแทนร่นขับรถไปปากคลองตลาด เพื่อชื้อดอกไม้นานาชนิดมาจัดเป็นช่อ เป็นกระเช้า เป็นดอกเดี่ยว ดอกคู่ ตามที่มีผู้ลังจองมา ไนคํ่าวันนั้น เพื่อนๆ ทั้งร่นจะมารุมช่วยกันจัดดอกไม้ตามยอดที่ ลังจนกระทั่งถึงเช้าตรู่วันที่ ๑๔ กุมกาพันธ์ ทันเวลาพอดี วันนี้พวกเราก็ขออนุญาตอาจารย์ทุกวิชาว่า ขอหยุดเรียนหนึ่ง .วันเพื่อทำกิจกรรมหาเงินรับน้องแบบพร้อมเพรียงกันทั้งรุ่น คณาจารย์ ท่านก็กรุณาอนุญาตไห้หนึ่งวัน พอแปดโมงเช้า นิสิตหญิงชายเริ่มทยอยมาถึงมหาวิทยาลัย ฝ่าย ส่งดอกไม้ก็ออกทำงาน เดินส่งดอกไม้ไปทั่วมหาวิทยาลัย ไครแอบ หมายปองไคร เขียนคำอวยพรแบบเกํไกํขนาดไหน วันนั้นคนรับก็ยิ้มกัน แก้มปริล่ะครับ พวกเราสนุกมากครับ เพราะนั่นเป็นการทำงานเป็นทีมครั้งแรก ของเด็กป็หนึ่ง ที่มีพื้นฐานทางบ้านแดกด่างกันอย่างสินเช้ง บางคนรวย ล้นฟ้า แด่บางคนแสนลำบากยากจน แด่งานนั้นก็ทำให้พวกเรารู้จักกัน และรักกันมากขึ้น หลังจากส่งดอกไม้หมดแล้ว คิดบัญชีทักด้นทุนเบ็ดเสร็จ ปรากฏ ว่าได้กำไรมาตั้งแสนกว่าบาท ลองคิดดูสิครับว่า เด็กปี ๑ อายุเฉลี่ย ๑๘ เร้า»10กไนใฬ้วjniflทน!รน CTJo ทวผร้ทโนร้นวานเนไแน่
ปีทั้งนั้น สามารถช่วยกันทำงานวันเดียว ได้เงินตั้งแสนกว่าบาท มันน่า ภูมิใจขนาดไหน แต่ในเบื้องหลังความสำเร็จที่ผมและเพื่อนๆ ประทับใจมากกว่า เงินก็คือ การได้เห็นทุกคนมีความสุขจากการทำงานเป็นทีม รอยยิ้ม เหล่านี้แหละ ที่ไม่มีใครสามารถใช้เงินสร้างขึ้นมาได้ เพราะทุกอย่างเกิด มาจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกคน และนั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ เรียนรู้การบริหารงานแบบนอกตำราเรียนร่วมกัน ความรู้พวกนี้ ต้องได้มาจากการทำงานล้วนๆ ไม่มีใครเขียนไว้ ในตำราหรอกครับ และนี่ก็เป็นประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้รับ จากวาเลนไทน์ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ มาถึงวาเลนไทน์ปีนี้ คือ พ.ศ.๒๕๔๖ ผมและเพื่อนก็เป็น^หญ่ ขึ้นมากแล้ว มุมมองเรื่องเทศกาลวาเลนไทน์ก็ย่อมเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา แล้วก็ค่อนช้างเป็นห่วงเรื่องความรักที่มักจะปราศจากการยับยั้งชั่งใจของ หนุ่มสาวสมัยนี้อีกด้วย เพราะกำลังนิยมใช้อบายมุขตำงๆ เป็นตัว กระตุ้นจิตใจให้กล้าบ้าบิ่นในเรื่องความรัก ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นรักที่ เลยเถิด เสิยหาย่กันทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย เห็นแล้วก็อดเป็นห่วงแทน เจ้าตัวไม่ได้ นอกจากนี้ ผมยังกลัวว่า รักที่เลยเถิดของครคืนวันวาเลนไทน์จะ กลายเป็นลี่งที่สรัางป็ญหาลังคมดามมาอีกนับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้น ฉบับนี้ก็เลยมีช้อคิดธรรมะมาฝากกันคร้บ อย่างน้อย ก็เป็นลี่งที่ใช้เตือนจิตใจไม่ให้มองความรักเพียงด้านเดียว แต่ต้องมอง ให้เห็นด้านที่เป็นโทษของมันด้วย เวลาจะรักใครจะได้คิดใคร่ครวญให้ดี มิใช่เอาอารมณ์รักเป็นใหญ่กว่าเหตุผล ต้องมองถึงความรับผิดชอบใน ลี่งตำงๆ ที่จะตามมาด้วย u»i wifionliilttiวนพไพิย1รัย rt® nitulnlulununilnu
พระอาจารย์ท่านบอกว่า \"ก่อนจะไปรักใคร เราควรรู้ก่อนว่า ความรักที่แท้จริงโดยปราศ จากราคะเจือปน ก็คือความรักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อชาวโลก ซึ่งเป็นความรักที่อยากจะให้ปุลุซนคนธรรมดาหมดกิเลส และแตกต่าง จากความรักของหญิงชายที่แอบแฝงไว้ด้วยวัตถุประสงค์ในเรื่องกาม ดวามรักระหว่างหญิงชายคือด้นเหตุแห่งความทุกข์ที่แฝงมาในรูป ของความสุข เหมือนยาพิษที่ถูกเคลือบไว้ด้วยนํ้าตาล เพราะเมื่อความ รักเกิดเนในบุคคลใดแล้ว ก็ทำ ให้เกิดความกังวล ห่วงใย เกิดความ หวงแหนในคนรัก กล้วไปว่าเขาจะเป็นอื่น คือยิ่งรักก็ยิ่งห่วง ยิ่งห่วงก็ยิ่ง หวง ยิ่งหวงก็ยิ่งหึง เมื่อยิ่งหึงก็ยิ่งเป็นทุกข์ ใครมีรักหนึ่ง อย่างน้อยก็ ทุกข์หนึ่ง มีรักเป็นร้อยก็ทุกข์เป็นร้อย พุดง่ายๆ มากรัก ก็มากนํ้าตา เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่มีรักก็ไม่ต้องเสียนํ้าตาและจะเป็นคนมีความ สุขที่สุด อย่าว่าแต่ความรักระหว่างหญิงกับชายเลย แม้แต่ความรัก ระหว่างสายเลือดระหว่างพ่อ-แม่-ลูก ก็ยังเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ได้ คือเมื่อถึงคราวต้องล้มหายตายจากกันไป ก็ทำ ให้เป็นทุกข์อยู่ดี\" แล้วพระอาจารย์ท่านก็ให้ \"ข้อคิดส์าหรับคุณลูก\" เนึ่องในวัน วาเลนไทน์แก่ผมอีกว่า \"ในวันนี้ขอให้กสับไปรักคุณพ่อคุณแมให้มากเป็นพิเศษกว่าวันอื่นๆ เพราะกว่าท่านจะเลี้ยงเรามาได้ขนาดนี้ ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันหลาย รอบเพี่อปกป้องชีวิตเรา เมื่อกล้บไปหาท่านแล้ว ก็ขอความกรุณาให้ท่านช่วยชี้แนะด้วยว่า เรามีข้อบกพร่องอะไรบ้าง และโปรดอธิบายวิธีแก้ไขให้เราเข้าใจด้วย เพราะที่ผ่านมาเราอาจจะเคยดื้อ อาจจะเคยทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ นค่..พ้1«8กไ»!ไ«ฑ๎»ท1ฑ็ทยพัย cifto ทวใน^ฟ้น^นวานรนไแป้
คนโดยกวไปไม่ชใครรู้หรอกว่า ชาติกี่แล้ว เม่นอะไรกัน ชาติกี่แล้วไม่รู้ไม่เอนไร ชาตินรัก ใครชอนพอใคร ก็กำบ!กJร่วนกัน!ขาไว่ อย่างน้อยบณใหม่น แน้ไบ่ไล้!อนคู่ครองกัน ก็ไล้!อน!พอนคู่หูกัน เอนคลุ่น!อนพวก เดียวกันไม่อกจนตลอดชาติ ลำ บากใจอยู่บ้าง แต่วันนี้พร้อมแล้วที่จะรับฟังคำสอนจากท่าน\" แล้วพระอาจารย์ท่านก็ให้ข้อคิดสำหรับ\"คุณพ่อดุณเฟ\"ไว้อีกด้วย ซึ่งผมขออนุญาตเล่าแถมให้น้องๆ ฟังด้วยก็แล้วกัน เพื่อจะได้รู้ว่า ใน มุมมองของพ่อเฟนั้นท่านรู้สิกต่อเราอย่างไรในเรื่องนี้ พระอาจารย์ท่านบอกว่า \"ประการที่ ๑ในกรณีที่ลูกของเรายังเป็นวัยรุ่น และกำลังคิดจะมี แพ่น ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่คนในวัยนี้ จะต้องมีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ตามประสา โลก จะห้ามไม่ให้เขามีคนรัก แล้วมาบวชเป็นพระทุกคนคงจะไม่ได้ แต่ ว่าจะปล่อยไปเลย โดยไม่ให้ข้อคิดประจำใจแก่ลูกเลยก็ใช่ที่ นค่...เจ้า ฑิท๓ลัย tlf(n ควา)ททในวันวาเ«นไทน
ในกรณีอย่างนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกรู้จักมองโลกให้ถูก ต้องตรงตามความเป็นจริงว่า หากลูกจะรักจะใคร่กับใครอย่างไรก็ตามที ในความรักความใคร่ ของตัวเองนั้น จะต้องอยู่ในกรอบของทีลธรรม ของขนบธรรมเนียม ประเพณีอันตีงาม อย่าไปทำอะไรผิดตีลผิคธรรมเข้า เพราะมันจะเป็น แผลตัว แผลใจ ทั้งซาดินั้และชาติหน้าต่อไปอีก ส่วนคนที่ชอบพอรักใคร่กันอยู่แล้ว ก็ควรจะใข้วันนั้ เป็นรันเริ่ม ตันประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยกันห้งคู่ เพื่อว่าต่อไปเมื่อร่วมหอ ลงโรง กันในรันข้างหน้า จะไตัรัอักใข้หล้กธรรมลนอมนำใจกัน ประการที่ ๒ ในวันวาเลนไทน์นี้ คุณพ่อคุณเฌ่ควรแาเะนำ หรือ สนับสนุนให้ลูกที่เป็นหนุ่มเป็นสาวพาคู่รักคู่หมายไปตักบาตรทำบุญที่วัด ไปฟังเทศน์ ไปนั่งสมาธิร่วมกัน เพื่อเป็นการเช็คความรู!นเรื่องศีลธรรม ก่อนจะมีครอบครัวด้วยว่า แต่ละคนมีมากน้อยเพียงไร พร้อมกับต้อง อธิบายให้เขาฟังว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงซี้ว่าคนเราที่จะอยู่ด้วยกันไต้ จะแต่งงานเป็นคู่ครองกันได้โดยเหตุ ๒ ประการ คือ ๑) ในอดีตชาติเคยทำบุญร่วมกันมา พอชาตินี้มาพบหน้ากัน ก็ รักก็ชอบกันทันที สักษณะนี้เรียกว่า ผูกกั'แมาตัวยบุญ ๒) ชาติที่แล้วไม่เคยพบกัน แต่ว่าชาตินี้มาสนิทสนมคุ้นเคยกัน ก็เข้าลักษณะมาสร้างบุญใหม่ร่วมกันในชาตินี้ ก็เสยทำให้ อยู่ร่วมกันครองคู่กันไต้เป็นลักษณะเอาบุญผูกใจที่งกันและ กันไรั คนโดยทั่วไปไม่มีใครเหรอกว่า ชาติที่แล้วเป็นอะไรกัน ชาติที่ แล้วไม่!ไม่เป็นไร ชาตินั้รักใครชอบพอใครก็ทำบุญร่วมกับเขาไรั น«.1จ้พอทไม้ใน!บททวิพยารัย ♦ทาฬทโนรัน!!นเนไทป้
อย่างน้อยบุญใหม่นี แม่ไม่ได้เป็นลู่ดรองกัน ก็ได้เป็นเพื่อนลู่หูกัน เป็นกลุ่มเป็นพร่กเดียวกันไปอีกจนตลอดชาติ เพราะฉะนั้น ต่อไปหากวันวาเลนไทน์มาถึง เราก็ใช้วันนี้ให้เปีน ประโยชน์แก่ชีวิตของเราไหได้ เพราะวันนี้ ทั้งคนแก่ และคนหนุ่มคนสาว จะได้มาเช้าวัดพร้อมกัน แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็จะไม่ต้องผิดหวังกับลูกๆ วัยรุ่นอีกต่อไป ถ้ารีบปลูกผิงความคิดมุมมองที่ถูกต้องอย่างที่แนะนำมา เสิยตั้งแต่วันนี้\" นี่ก็เปีนข้อคิดที่พระอาจารย์ท่านเอามาเตือนสติในวันวาเลนไทน์ นพ่ . พาทอกไฟ้ฬ้-นทท่ว้ทยใสัน BTnAiluTunimilmi
ช่วงที่ ๓ ะ เธึ่องต้องคิด... ชีวิตบหาวิทยาสัย โดย นอง ซแปด อยู่คนเดียว หรือว่าแต่งงานดี? ทางสองแพร่งของนิสิตหญิง วนนี้ผมมเรื่องของการมีแฟนในวัยเรียนมาฝาก -J น้องๆ ที่กำ ลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ขณะนี้ครับ ผม อยากให้ลองฟังความคิดของผมดูบ้าง เผื่อว่าจะได้ นร่.เจ้าทอทไ«1น1ว«พทิทยาทัย ฅเฬ BjjttmSB'nrtB-inuiMjiull?»ท๓0งนฬง®8ฬ8ท*เฐ0
เนื่องจากว่า ในช่วงนี้ ค่านิยมเรื่องการทดลองอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง เข้ามามีอิทธิพลอย่างมากต่อหมู่นักสิกษาเหลือเกิน ทำ ให้หลายๆ คู่ก้าว เข้าคู่ประตูวิวาห์กันไปโดยที่พ่อกับแม่ทั้งสองฝ่ายไม่รับรู้ ซึ่งผมเห็นแล้ว ก็อดเป็นห่วงน้องๆ เหล่านั้นไม่ได้ และก็รู้ลืกเห็นใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่ ขึ้นมาอย่างจับใจเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ ผมก็เคยคิดจะมีดรอบครัว แต่พอผมเห็นอะไร หลายๆ อย่างในชีวิตมากเข้าแล้ว ผมจึงเชื่อว่า การอยู่คนเดียวมีความ สุฃที่สุด เพื่อนๆ ของผมหลายคนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ก็เลยแต่งงานกันไป หลายคู่แล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีคู่ไหนไม่ทะเลาะกันล้กคู่ สุดท้ายก็ต้องมาทน กัดฟันกรอดๆ ฮึ่มๆ กันทั้งวัน มีน้อยคู่เหลือเกินที่จะสวีทหวานเหมือน นํ้าตาลเรียกพื่ได้ทุกวัน ส่วนอีกพวกหนื่ง หลังจากที่ค้านผมว่า ไม่จริง มันก็เดินหน้าหาคู่ ชีวิตของมันต่อไป พอวันเวลาฝานไปหลายปี อายุใกล้จะเลยเลข ๓๐ แล้ว ก็ยังไม่เจอคนในฝืนลักที ตอนนี้ก็เลยชักจะไม่รอบคอบ เลือกผิดเลือกถูก หริอไม่ก็ไม่ท้นตูให้ดี แล้วก็ไม่สนอะไรเท่าไหร่ สนใจแต่ว่าจะริบแต่ง เพื่อแช่งกับวัยเท่านั้นเอง ผมเห็นแล้วก็อดพิจารณาสังขารไม่ได้ พิจารณาเหมือนกับที่พระ ท่านพิจารณาผ้าบังสุกุลในงานศพนั่นแหละครับ ว่า \"อนิจจา วะตะ สังขารๆ อุปปาทะวะยะธัมมิโน อุป!]ชชีดดะวา นิรุตขันติ เตสัง รูปสโม สุโข\" แปลว่า สังขารทั้งหลายมีความไม่เที่ยงแท้ มีเกิดขึ้นและเฮึ่อมไป เป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ความสงบระงับสังขารเหล่านันเสืยไดั เป็นความสุข น»1 ..1ร1«อกไม้ในรั้ว«๓พํยาทัน tllj? 0{(«พรนวฬ01ทนทั0งๆ11ร 7 ทางaองนฟง
พูหณิงส่วนใหญ่คิดจ:แต่งงานก็เพราะรัสกว่า ชีวิตขาดความเชนคง ผอฮพูชายสัคคนกี่ ลอนฝานเงื่อนไขชีวิตของตนเองเขัามา และ ลามารถก'าใเวัตนเองรู้ลคเชนคงไดั ก็เลยควัา ตัวเอาไวัเอนลามี ไปยอมใเวัจาคไปไหน ทำ ไมผมถึงคิดเช่นนั้น ก็เพราะว่าคนเราที่แต่งงานกันส่วนมากมันก็หลงเนื้อหนังมังสไของ สังขารนี่แหละ พอเสือมโทรมเมื่อไหร่ก็เบื่อกันอีก ผมเห็นตรงนื้ ผมจึงได้ข้อคิดว่า ชีวิตของลูกผู้หญิงนี่ น่าเห็นใจครับ คีอผู้หญิงส่วนใหญ่คิดจะแต่งงานก็เพราะรู้สิกว่า ชีวิตขาดความ มั่นคง พอมีผู้ชายสักคนที่สอบผ่านเงื่อนไขชีวิตของตนเองเข้ามา และ สามารถทำให้ตนเองรู้สืกมั่นคงได้ ก็เลยคว้าตัวเอาไว้เป็นสามี ไม่ยอมให้ จากไปไหน นท่. ฬ้'เทรทไม้ใน!':พ1าว็ทนาสัน CdGt (|{|ทนเ!11ทท1ฝา1ฟพทฟ้ ? ทา4ร0ผ11^ง11ผรสั1ทน9ง
พอแต่งงานไปแล้ว ผู้หญิงส่วนมากก็เตรียมอนาคตไว้๒ อย่าง คือ ล้าไม่ได้เป็นภรรยาหลวง ก็ต้องเป็นภรรยาน้อย เพราะโดยมากผู้ชายที่สร้าง ภาพพจน์ว่าตัวเองดี หญิงสาวก็มักจะติดกับดักแทบทั้งา^น แต่พอ แต่งงานไปแล้ว จึงได้รู้ว่า ชีวิตคู่ของตนมีดนมาก่อนมาหลังเสิยแล้ว คราวนี้ สมมติว่าล้าได้ผู้ชายดีๆ สักคนมาเป็นสามีผู้จงรักภักดีต่อ ภรรยาของเขา คือเขาไม่คิดนอกใจไปมีใครอื่นล่ะ ก็ต้องมีลูกด้วยกัน ผู้หญิงก่อนจะได้เป็นแม่คน ก็ต้องเจอความเที่ยงอีก นั่นคือ ลูกที่ คลอดออกมา มี ๒ อย่าง ถ้าไม่ได้ลูกแข็งแรงปกติ ก็ได้ลูกพิกลพิการ ถ้าได้ลูกแข็งแรงก็รอดตัวไปอีกระดับ แต่ถ้าได้ลูกพิการ ก็เตรียม เป็นคนรับใช้ลูกไปชาติหนึ่ง เฮ้อ...ทุกข์จริงๆ น่าสงสาร เพราะถ้าเป็นแบบนี้ อนาคตของ ครอบครัวก็มีสองทาง หางแรกชีวิตครอบครัวก็ค่อนช้างจะขาดความภูมิไจในลูกไปเยอะ โดยเฉพาะฝ่ายพ่อนั่นแหละเริ่มคิดจะหาทางออกแบบมีบ้านที่สองอีกแล้ว {เฉพาะบางบ้านนะครับ) ทางที่สองถ้าบ้านไหนรักลูกคิดว่าเป็นบุญกรรมทำร่วมกันมา ตั้งไจ เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี เด็กก็มีสิทธิที่จะเติบโตมาสร้างความภูมิใจให้พ่อกับ แม่ได้เหมีอนกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าบ้านไหนไม่เจอปัญหาลูกพิการ ก็ถือว่าโชคดีไป คราวนี้ สมมติว่า คุณแม่คลอดลูกที่ร่างกายแข็งแรงมาเลี้ยงต่อไป ก็พบว่า คุณแม่คนใหม่จะต้องไปเจอผลการเลี้ยงออกมา ๓ แบบ คือ ๑. เลี้ยงลูกได้ดี ได้ลูกเป็นมหาบัณฑิต ๒. เลี้ยงแบบเช้าช้างลูกเมื่อทำผิด สุดท้ายเลยได้มหาโจร นท่ เจ้าfเอทใม้ในiiuMVwเทสัน do ร|2อนเ{|รฑ|จ้อ'{าน|{งงาน)1? fiKaa<urri»รง(นแทแรง
ฮณหาเครษฐกิจในครอบครัวเกิดขี้นบาแล้ว และล้าบานไหนเคลียร์ตรงน!บ่ค่อยได สุดล้ายเานักจะเกิดควานรู้ลีกว่า ฮฬายหนี่ง \\aAไยใดเอาเบ่รียนกัน ในกี่สุด เนอหนดควาน อดกนล้นไบ่ เาหย่าร์างกางใครกางนับ คนกี่ รันเคราะห์ก็คือลูก ๓. เลี้ยงแบบสะเปะสะปะ ไม่มีความรู้ ก็เลยแล้วแต่บุญแต่กรรม ของลูก ซึ่งโดยมากจะหัวปานกลาง ปัญหาที่ตามมาก็คึอ ล้าได้ลูกประเภทมหาบัณฑิต ทร้พย์ลมบัติของ พ่อแม่แม้จะน้อย แต่เขาก็ลามารถบริหารไห้งอกเงยรํ่ารวยเป็นมหา เศรษฐีขึ้นมาได้ แต่ถ้าได้ลูกมหาโจร ถึงพ่อแม่เป็นเศรษฐี เดี๋ยวม้นก็ผลาญลมบัติ เอาจนตระกูลล้มละลายจนได้ ถ้าได้ลูกหัวปานกลาง ก็ไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อยอย่างไร ในการ บริหารทร้พ่ย์ลมบัติของพ่อแม่ท่ามกลางสังคมที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กแบบนี้ นด่..(จ'เทรทไม้ในวํ้ามVทาท!ภท้ย <3(0> ร^ทน(80ว1ฝ็iri-Kui^O'iui!?ทางรฬนฝท!!ฬรรเท(เปีจ
เท่านี้ยังไม่พอคร้บ สมมติว่าเลี้ยงลูกได้ดีล่ะ แต่ทว่ายิ่งเลี้ยงค่าใช้ จ่ายในครอบครัวก็เพิ่มขึ้น แต่เดิมกินแค่ปากเดียว ก็ไม่ค่อยจะพอ อุตส่าห์แต่งงานกะว่า สองปากจะช่วยมาหาเลี้ยงได้พอขึ้น กลับยิ่งไม่พอ เข้าไปใหญ่ แล้วยังมีปากที่สาม สิ ห้า คือลูกเพิ่มมาอีก ๓ คน ปัญหา เศรษฐกิจในครอบครัวเกิดขึ้นมาแล้ว และถ้าบ้านไหนเคลียร์ตรงนี้!ม่ ค่อยได้ สุดท้ายก็มักจะเกิดความรู้สิกว่า มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเอาเปรียบกัน ในที่สุด เมื่อหมดความอดทน ก็หย่าร้างกันไปทางใครทางมัน คนที่รับ เคราะห์ก็คือลูก ส่วนมากฝ่ายผู้ชายก็ไปหาบ้านใหม่ ฝ่ายผู้หญิงก็หอบลูกไปเลี้ยงที่ บ้านแม่ของตนเอง เมื่อมาถึงตรงนี้ฝ่ายหญิงจึงได้คิดว่าตอนแรกอยู่ลำพังตัวคนเดียว รู้สิกว่าชีวิตขาดความมั่นคง ก็เลยตัดสินใจมีคู่และแต่งงาน เพราะหวัง จะได้ความมั่นคงจากฝ่ายชาย แต่เมื่อเหตุการณ์วันนี้เกิดขึ้นจึงได้รู้ว่า ความ มั่นคงในชีวิต คือ การพึ่งตัวเองได้ \"อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พิ่งแห่งตน\" แต่ตอนนี้ก็มีลูกติดสอยห้อยตามมาอีก ๑-๓ คนแล้วไม่ใช่ตัวคน เดียวเหมีอนแต่ก่อน ก็ต้องล้กันต่อไป เพื่อสร้างฐานะความมั่นคงของ ครอบครัวด้วยตัวเองให์ได้ ผมก็ได้แต่ให้กำลังใจ และก็ได้แง่คิดมาว่า ถ้าแต่งงานไปแล้ว ถึงแม้จะมีเงินล้าน ก็ชื้อปัญหาครอบครัวพวกนี้!ม่ได้ เรื่องนี้จึงเป็นอุทาหรณ์เตือนสติน้องๆน้กคืกษาทั้งหลายที่กำ ลังจะ ทดลองอยู่ด้วยกันก่อนเวลาอันสมควร ถ้ามีปัญหาขึ้นมา มันไม่สนุกเลย ไหนจะการเรียนของเรา ไหนจะพ่อแม่ของเรา ไหนจะอนาคตของเรา พิ่ ขอเตือนว่า อย่าทำ รอให้ถึงเวลาก่อนดีกว่า เพราะชีวิตจริงๆ มันไม่ หวานเหมีอนแรกรักตลอดไปหรอก แพ่. กไมํในรั้วมทฟ้ทย!รย rtlo BjjmiiRaiwIoTmiiMiUH?ทา«8งนฬ«0ฬ911»11ฐง
เพราะฉะนั้นพอได้ฟังเพลง\"เป็นโสดทำไม อยู่ไปก็เศร้าเหงาทรวง ไม่คิดจะหาคู่ควง...\" {ร้องว่าไงต่อ จำ ไม่ได้) ผมก็ให้นึกตลกไม่ได้ว่า ใคร จะแต่งงานก็แต่งไปเถิด อยู่แบบนี้ดีกว่า สบายใจ ไปไหนก็คล่องตัวดี ไม่ต้องมีปัญหาครอบครัวให้ปวดหัว ไม่ต้องรับผิดชอบใคร แค่ดูแลพ่อ กับแม่ก็หมดเวลาแล้ว แถมมีเงินร้อยก็ได้ใช้ร้อย มีเงินพันก็ได้ใช้พัน แล้วมันก็สบายใจกว่ากันเยอะเลย จะคิดอ่านอะไร ก็ไม่ไปติดไปตันอยู่ที่ การมีครอบครัว เลยทำให้มองโลกไปได้กว้างไกล อิสระในความคิดกว่า คนอื่นๆ อีกเยอะเลยทีเดียว น»1 uisisr.ไม้ในร๎ว .ไพ่ทบาลัย G>cn 0([รนเรชว>พ่8ว่าน1พ่งานร? injatMuwijtiMfiilmKya
ช่วงที ๓ ะ เรองตัองทีด... ชีวิตมหาวิทยาลัย ใดย ป้อง ซแปด Road Side Species ชีวิตต้องสู้ ของสุนัขข้างถนน ถ้าคุณอยากจะดูสืวิตต้องเฃองใครสักคนหนึ่งผมขอ แนะนำว่า คุณไม่จำเป็นต้องไปดูทีไหนไกล เพียง ก้าวเข้าไปโนโรงอาหารของมหาวิทยาลัยเท่านั้น เราก็จะเห็นเจ้าของข้วิตต้องสู้ ทั้งดูตั้ง ดูตูบ ทั้งส์ขา สามขา ทั้งขาดี ขาเป๋ ทั้งหางงอ หางกุด หางสู้ และหางจุก(ตู)ด ช่งแม้เขาเหล่านั้น จะค่อนข้าง หลากหลายบุคลิกลักษณะ แค่ว่าล้วนมาจากพันธุ โรดไซด์(Road Side)หรือพันธุข้างถนนเสมอก้น ในท๎ฬทํทนผับ cSS รรผํ 06«1(นั1รา«0นน
สมัยตอนที่ผมยังเรียนหนังสิออยู่ในมหาวิทยาลัย ผมเองก็ ผูกพันอยู่กับเจ้าสุนัขพัน^รดไซด์หลายตัว จำ ได้ว่า บางวัน เวลาผมกับ เพื่อน®] เดินไปไหนมาไหน ก็จะมีเจ้าพวกนี้ เดินตามไปด้วยอีก ๒-๓ ตัว เวลามีอะไรอร่อยๆ ผมก็จะแบ่งให้มันกินบ้าง แม้ว่าเงินผมจะแค่พอมี พอกินก็ตาม แต่ก็แบ่งให้กินในฐานะที่มันเองก็หิวข้าวเป็นเหมีอนกับผม ผมเองก็ไม่รู้ว่า ใครบ้างที่เป็นเจ้าของ แต่ด้วยรูปพรรณสัณฐาน ของพวกมันแล้ว ผมพอเดาได้ว่า มันต้องเคยมีเจ้าของ ตอนที่มันยังสวยๆ อยู่ เจ้าของก็รักมัน แต่พอมันมีขี้เรื้อนขึ้น เพราะเจ้าของไม่อาบนํ้า ทำ ความสะอาดให้มัน ก็พามันไปทิ้ง ให้เผชิญชะตากรรมเอาเอง ผมเห็น แล้วก็ส; \" แม้ว่า ผมเองจะไม่ใช่เจ้าของโดยตรงก็ตาม แต่เพราะเห็นแก่ ความเป็นเพื่อนร่วมโลก ก็ถ้าเจอกันเมื่อไร แล้วมีอะไรแบ่งให้กินได้ ก็ให้ กินไป ถ้าไม่มี ก็อดไป เพราะจะให็ไปรับผิดชอบพวกมัน ผมก็คงทำไม่ไหว หรือไม่ก็เจ้าบางตัวโชคดีที่เพื่อนๆ ของผม ซึ่งเรียนสาขาลัตวบาลมาเจอเข้า กลัวว่ามันจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ก็พากลับไปฉีดวัคซีนที่คลินิกสัตว- แพทย์ฝึกหัด พอฉีดวัคซีนเสร็จ ก็จับลงทะเบียนเป็นสมาชิกที่นั่นไปเลย สำ หรับลีลาอ้อนขออาหารของเจ้าพวกโรดไซด์ตามโรงอาหาร แต่ละท่านคงทราบแก่ใจดีว่า มันอ้อนขนาดไหน มันรู้จักวิธีที่จะเกริ่น ก่อนจะเข้ามารู้จักกับเราเสียด้วย ตั้งแต่ยกขาหน้าสะกิดสะเกา ถ้าไม่ได้ผลก็เอาคางมาหนุนตัก พอ เราหันมามอง มันก็ตีหน้าเศร้า แล้วก็เหมือนจะเล่าให้ฟังด้วยแววตาว่า \"อร่อยไหมครับพี่ แปงให้ผมกินบ้าง!ครับ ผมฬิ๊ว หิว\" แน่นอนล่ะครับ พวกมันจะต้องเลือกหน้าตาท่าทางมาแล้วว่า ทำ หน้าแบบไหน เขาจึงจะสงสารให้มันกิน แต่พอให้มันกินไปแล้ว บางตัว Ufi . เ{าท&ทไน้ใน^วน1'ทพ่นาสัน 5ไ๗!ผ{รผชุ{{ฟ!')«๓ทเ
ดัวยควาบกี่พบแล:เพื่อนๆ แบ่งอาหารไ!าบับ กินอยู่บ่อยๆ ก็เสยกำไหัผวกบนไว้ใจ พอ เดินไบ่ไหน เจัาพวกนี้บันจะเดินตาบไบ่ล่งด้วย ลักระยะหนี้ง เบื่อสุดเขตแดนของบันแลัว ก็จะ เดินกลัน]บ่ ก่อนกี่หบาเจัากี่นแกวนั้น จะบา ราวีกับพวกบัน มันก็เรียบร้อย ลงไปนอนคอยเลยล่ะคร้บ แต่บางตัวมันก็แสบ พอให้ มันกินไปแล้ว มันจะกินอีก แล้วเราไมให้ มันก็เห่าโวยวายลั่นโรงอาหาร ทำ เอาเราได้เกิดเป็นดาราใหม่กลฺางโรงอาหารไปเลย วันต่อมา ดูเหมือนว่าไฟแค้นของดาราจำเป็นเมื่อวานจะยังไม่สงบ ตัตรูในคาบมิตรของมัน ก็ออกปากเรียก แน่นอน วันนี้พวกมันค้องร้สีก ว่า พิเศษจริงๆ รีบวิ่งมากันใหญ่ มาเสนอหน้ากันให้สลอน และแล้ว เวลาแห่งการสร้างเวรก็มาถึง ลูกชิ้นปิงปองชุบพริกปนจนเป็นสิแดงเข้ม ถูกดึงออกมาจากไม้เสิยบ แล้วโยนให้มันกินทันที ด้วยความรีบร้อนที่กลัวตัวอื่นจะมาแย่ง มันเลยกินลูกชิ้นชุบ พริกปนเสิยเต็มคำ พอรสพริกออกฤทธื้ มันร้องเองมาคำแล้วก็วิ่งพล่าน Ufi .เ51»18ทไ»1ใฬ้1>ท1าว็«1ภรย dpi ขน
อ้าปากนํ้าลายเยิ้มไปตลอดทาง ผมเห็นแล้ว ก็ได้แต่ส่ายหัว แต่นึกว่าจะเข็ด เดี๋ยวพอหายเผ็ด มันวิ่งกลับมาอีก คือยังไม่เชือ ว่า เมื่อตะกี้นี้ คือการแก้แค้น น่าเห็นใจสุนัขล่ะครับ ก็ท้องมันหิว ก็ต้องหาอาหาร จะใหังอมีอ งอเท้าแล้วมีกิน ก็คงเป็นไปไม่ได้ ไม่ง้อเขา มันก็ไม่มีกิน ไปง้อ ไปอ้อน เขาแล้ว เขาไม่ให้ ก็สารพัดจะหาวิธีทำให้เขาเห็นใจ ถ้าเขาไม่เห็นใจ ก็ ไม่รู้จะทำยังไง นอกจากเห่า โฮ่งๆ วันไหนโชคดี พอไปเห่าโวยวายอย่าง นี้เข้า คนเขารำคาญ เขาก็รีบๆ กินให้เสร็จแล้วก็ลุกหนีไป หรีอไม่ก็ย้าย ที่นั่งหนีมันไป แต่ถ้าวันไหนโชคร้าย เห็นเขาลุกขึ้นมาหา ก็นีกว่าจะเอาอาหารมา ให้กิน ที่ไหนได้ กลับให้แข้งเข้าไปเต็มชายโครง เสิยงด้งพลั่ก ตัวมันล่ะ เซตามแข้ง ท้องไส้จุก หางตกวูบ ขาอ่อนยวบ นอนกองกับพื้น ร้อง เอ่ง เอ่ง เอ่ง ถ้าเป็นคน มันก็คงจะร้องว่า \"โอ๊ยๆๆๆ นอกจากไม่ให้กินแล้ว ยังเตะผมอีก\" วันไหน ถ้าเจอแบบนี ถือว่าเป็นวันโชคร้ายครับ ด้วยความที่ผมและเพื่อนๆ แปงอาหารให้มันกินอยู่ปอยๆ ก็เลย ทำ ให้พวกมันไว้ใจ พอเดินไปไหน เจ้าพวกนีมันจะเดินตามไปล่งด้วยลัก ระยะหนึ่ง เมื่อสุดเขตแดนของมันแล้ว ก็จะเดินกลับไป ก่อนที่หมาเจ้า ถิ่นแถวนั้น จะมาทวีถ้บพวกมัน แน่นอนล่ะ เมื่อสนิทกับเจ้าพวกนี้มากเข้า วันหนึ่ง เมื่อมันไปมีเรึ่อง กับหมาอีกฝูงหนึ่ง จะด้วยสาเหตุอะไร ผมก็ไม่ทราบได้ มันก็กลับมา ตามผมไปด้วย มันมายีนทำพัดฟัด อีดฮัด หายใจแรง แลัวก็ห้นหน้าไป ทางอริ คลัายๆ จะบอกผมว่า \"ลูกพี่ เจ้าพวกนั้นข้ามถิ่นเรามาแล้ว จะ เอายังไงกับมันดีครับ ลูกพี่\"เป็นอ้นว่า มันยกการตัดสินใจให้ผมเสียแล้ว ผมเลยกลายเป็นห้วหน้าแก๊งสุนัขโดยจำเป็น นค่ Rifionlulu?ว1«าว็«1ทรย Plufoijl BBiijiiti&Maiiu
พอผมเข้าใจในสิงที่มันพยายามสือสารแล้วก็เดินนำหน้าฝูงสุนัขไป ส่วนพวกมันที่อยู่ขางหลัง ก็ทำ ฮึด ฮัด หึเดฟัด เป็นสัญญาณบอกให้พวก ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่า \"ฟย พวกข้ามาแล้วโว้ย เอ็งดูซะก่อน ลูกพี่ข้าเป็นคน 'แะโว้ย อย่าข้า รีบกลับไปซะ\" ปรากฏว่า สิงที่มันสีอสารกับอริได้ผล เจ้าพวกนั้นพอเห็นผมเดิน มาด้วย แรกๆ มันก็ทำท่าทางขึงข้งดิ แต่พอผมเดินเข้าไปไกล้เรื่อยๆ มัน ก็แตกหนีกระเจิง เจ้าพวกสุนัขที่ตามไปด้วยเลยได้ใจใหญ่ วิ่งไล่กวด ตามกัดเจ้าพวกนั้น เสียฝนกระเจิง แต่เจ้าพวกฝ่ายอริ มันก็ไวพอตัว มันหนีห่างไปตั้งหลายสิบเมตร พวกมันวิ่งกวดยังไงก็ตามไม่ทัน ผลจากวันนั้น ก็เป็นอันว่า สุนัขพวกนี้ ได้ยกให้ผมและเพื่อนๆ เป็นห้วหน้าไปโดยปริยาย ก็เอากับพวกมันหน่อย สนุกดี อย่างน้อยก็ เข้าใจพวกมัใฌากขึ้น และเห็นใจในความบ้านแตกสาแหรกขาดของมัน เพราะตัวของมันเอง ก็ไม่คิดว่าขึวิตจะต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้ จาก ที่มีบ้านเคยอยู่ มีลู่เคยนอน แต่วันนี้กลับมานอนตามข้างถนน เข้ามาก็ หาเศษอาหาร ตามโรงอาหารกิน เวลาปวยไข้ก็ไม่มีใครจะเยียวยารักษา ทุกข์ทรมานอย่างนั้นไปจนกว่าจะสินลมหายใจ นี่แหละครับ ชีวิตต้อง! ที่คุณหาดูได้จากโรงอาหาร พวกสุนัข พัน^รดไซด์เหล่านี้ เมื่อห้องหิว ชีวิตยังอยู่ ขายังเดินได้ แรงยังมี ก็ หากินกันไป เมื่ออิ่มท้อง ก็พักฝอน นอนหลับ ตื่นขึ้นมาก็ดำเนินชีวิต แบบโรดไซด์กันไป เมื่อผมนึกย้อนกลับมาถึงตัวเอง ก็ไตัข้อคิดว่า คนเรานั้น ไม่ว่า จะเจอป็ญหาอะไรก็ตาม ย้งไงก็มีทางแกไฃที่มากกว่าสุนัข เพราะฉะนั้น เมื่อเจออุปสรรคอะไร ก็ตัองลักันไปให้สมกับที่เกิดเป็นคน น*!...i5i»ion1>rtฬ้วมทฑิทขารเ) ((<»( fflnilfMjขรงชุพัพ้บทนน
1 ■1# ^ w hW li 4: >4 I i พไ «1*« 1: ..^ ^■' พ'•!■ p\"Sislfe\"* it- •? ^r^ik *';t.-^^I ^: :; ^J-iCft // yf \\■ f-v,. 'X^' [a , ^v ^ «}4« -^ «||๗ >;r-
ช่วงที่ ๘ หโ}นหร!ง สํ'ไหรัฆใ]'ฒญาชพ <ร> ''^ —•.ะ -y ะ.r
เร่องก ๔ ะ หลุมพรางส์าห๙Jijairgiชน โดย นอง ซ!!ปด ครบาอาจารย์ที่ศิษย์ต้องการ พ^ ซวิตในมหาวิทยาลัย มีอิสระเสรีโนการที่จะเลือก เรียนรูใหัตัวเอง มีอิสระที่จะเลือกทำกิจกรรมเพื่อ ส่วนรวม แต่อย่างไรก็ตาม ลัาใครไม่ระมัดระวัง เรื่องการใช้เวลานอกเวลาเรียนให้ดี พอเรียนจบมา แลัว ก็อาจจะอยูในลักษณะที่ว่า \"เรื่องที่ควรไดเรื่อง กลับไม่ไตัเรื่อง ส่วนเรื่องทึ๋1ม่ไตัเรื่อง กลับไตัเรื่อง\" แค่.. wifionWlulufflTwuiSu WCtn
ทำ อย่างไรเราจึงจะเลือกเรื่องที่ต้องเรียนรู้ หรือเลือกกิจกรรมที่ ควรทำเป็น คำ ตอบก็คือ ต้องเลือกครูอาจารย์เป็น แล้วเข้าไปอยู่ใกล้ๆ เข้าไปไต่ถาม นำ กลับมาไตร่ตรอง แล้วทดลองนำไปปฏิบัติ ติดขัดอะไร ก็กลับไปสอบถามท่านใหม่ ทำ อย่างนี้ จึงจะได้ความรู้ดีๆ นอกเวลาเรียน แล้วก็กลายเป็นความผูกพันหลังจากเรียนจบไปแล้วด้วย แต่เนื่องจากว่า ครูอาจารย์ก็มีอยู่หลายประ๓ท เพราะฉะนั้น ก็ ต้องรู้วิธีคัดเลือกครูก่อน ซึ่งพระอาจารย์ของผมท่านได้1ห้หลักไว้อย่าง่นี \"คนเราจะเอาดีได้ ก็เพราะได้ครูดี แต่เนื่องด้วยงานของครูนัน มี อยู่ ๒ งบด้วยกัน คือ งบแนะ งบนำ ๑) งบแน)ะ คือ การสอนทังต้านวิชาการและคุณธรรม ๒) งบนำ คือ การสอนสาธิตความรู้ และประพฤติเป็นตัวอย่างที่ ดีใทัติษย์ดู โดยไม่มีคำว่า นอกเวลา หรือในเวลา และจากงาน ๒ งบของครูนี้เอง จึงสามารถแปงครูได้ออกเป็น ๔ ประ๓ท คือ ๑) ครกแนะดี และนำดี ครูบาอาจารย์อย่างนี้ ท่านจัดเป็น\"ปูชนียบุคคล\"คือเป็นบุคคลที่ สมควรได้รับการยกย่องเทิดทูนบูชา ลูกคืษย์ต้องหมั่นกราบไหว้อยู่เสมอ ลูกคืษย์บางคนที่ไม่เข้าใจ อาจจะมีคำถามว่า ท่านก็ได้รับค่าสอนอยู่ แล้ว ทำ ไมต้องกราบไหว้ท่านด้วย จะไม่เป็นการเอาเปรียบลูกคืษย์หรือ ? ปูย่าตาทวด ท่านก็ตอบว่า ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคนเราต้องกิน ต้องใช้ เงินเดีอนที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนสำหรับงบแนะ เป็นค่าวิชา จะ ได้มีกินมีใข้ แต่งบนำ คือ ความประพฤติคืที่ท่านทำเป็นตัวอย่าง แต่...เจัไคอกไฟ้ไนรัวพกทบใลัย ทรูบาอพารลั^เลัษย์ลัองภาร
ครู คือ พัรับผิดชอบอนาคตของชาติ คนใบชาติจะมีคุณภาพ หรือดัอยคุณภาพก็ อยู่กี่ประสกธิภาพของครู เพราะอะนบ ครูกี่ดี จีงตัอง!างลอน]!ฯดี แสะนา]หัด จืงจะ]ถั ลูภคืษย์ดี และ!มีนครูกี่ลูภคิษย์ใปลืน เนื่องจากท่านทำงบส่วนนี้ด้วยใจ เราจึงควรตอบแทนท่านด้วยใจเช่นกัน คีอหมั่นกราบไหว้บูชาด้วยความชาบชึ้งในพระคุณ แม้แผ่นดินกลบหน้า ก็ยังไม่ลืม แล้วปูย่าตาทวดท่านยังกำชับอีกว่าล้าลูกของเราได้พบได้รํ่าเรียน กับครูบาอาจารย์ประ๓ทนี้แล้วไม่ตั้งใจให้ความเคารพไม่ตั้งใจเล่าเรียน เขียนอ่าน ถอดแบบความดีงาม ความสามารถมาจากท่าน ก็นับว่าเ!เน ความผิดพลาดอย่างมห้นด์ เข้าขั้นเป็นลูกดิษย์ที่ใชั1ม่ได้ เป็นลูกดิษย์ เลวๆ กันทีเดียว นค่ เจ้ใ«อท1ป้ในเวมทพิแทร้ย พ'<t ทุinoTmoiiihwJfmim
ไรอ) ครที่แนะดี แต่นาไม่ดี ไ^ย่าตาทวด ท่านบอกว่า ครูประ๓หนี้ ถ้าเป็นพ่อเฟ เมื่ออยู่ต่อ หน้าลูก ก็ให้การสังสอนอบรมดี แต่ว่าพอเลิกให้คำอบรมสังสอนลูกแล้ว ท่านก็ทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกดู เช่น เหล้าเป็นของไม่ดี สอนลูกว่าอย่ากิน เหล้า แต่พออยากกินขึ้นมา ก็เรียกหาลูกให้ไปชื้อหามาให้ ถ้าอย่างนี้ เด็กก็ยากจะเชื่อว่า เหล้าเป็นของไม่ดี เพราะเห็นพ่อแม่กินประจำ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นครูในโรงเรียน เมื่ออยู่ในห้องเรียน ท่านก็ตั้งใจสอนดี แต่เวลาอยู่นอกห้องเรียนความประพฤติของท่านยังถือเป็นตัวอย่างไม่ได้ ท่านองเดียวกัน คือ เวลาสอนก็สอนว่าเหล้าไม่ดี การพนันไม่ดี แต่พอ ออกนอกเขตโรงเรียน เหล้าก็ดื่มจนเมาแประ การพนันทุกชนิดชํ่าซองหมด หรือวันดีคืนดีอาจจะพาลูกคืษย์ไปเข้าบาร์เข้าคลับเสิยเอง ซึ่งเป็นการขัด กับคำสอนของท่านในห้องเรียน คือ ท่านสามารถแนะความรู!ด้อย่างดี แต่ความสามารถในการนำความประพฤติของท่านหย่อนไป ใครได้พบได้เรียนกับครูบาอาจารย์ประ๓ทนี้ ก็มีความจำเป็นว่า ความรู้ของท่านมีมากเท่าไร ให้พยายามกวาดเรียนมาให้หมด และขณะ ที่เข้าไปกวาดความรู้มาจากท่าน ก็ต้องระวัง อย่าไปติดความประพฤติ นักดื่มเหล้าของท่านมาหรือแม้แต่วิชาลูกเต่าช่อนไพ่ของท่านก็ไม่เอาทั้งนั้น เพราะเป็นวิชาทำความเสิอมให้เกิดกับตัวเอง เป็นอบายมุขที่ทำให้เราถึง กับเสียผู้เสียคนรู้จักคัดเลือกอย่างนี้แล้วจึงจะรอดตัว ยู่ย่าตาทวด ท่านเรียกครูประ๓ทนี้ว่า \"ลูกจ้างสอนหนังสีอ\" เพราะ ธรรมดาลูกจ้างมักจะไม่ทำอะไรให้เต็มกำลังความสามารถ เหตุที่ยู่ย่าตาทวดท่านพูดแรงขนาดนี้ก็เพี่อต้องการเตือนสติว่า ครู คือ ผู้รับผิดชอบอนาคตของชาติ คนในชาติจะมีคณภาพ หรือด้อย นค...!จิ;า«0ทไฟ้ในฑ๎พ\"พํนใรน 9(i> ท}นา(ทจ'ทtiitlMXiKnTi
คุณภาพก็อยู่หี่ประสิทธิภาพของครู เพราะฉะนั้นครูที่ดีจึงต้องทั้งสอนให้ ดี และนำให้ดี จึงจะได้ลูกดีษย์ดี และเป็นครูที่ลูกศิษย์ไม่ลืม ๓) ครกแนะไปดี แต่นาดี ครูบาอาจารย์ประ๓ทนี้ ท่านสอนด้วยการทำให้ดู ท่านอาจจะ อธิบายให้ลูกศิษย์ฟังไม่เก่ง แต่ท่านสอนให้ลูกศิษย์ทำได้ พูดง่ายๆ ก็คือ ท่านเก่งภาคปฏิบัติ แต่ท่านไม่เก่งการสอน การจะได้ความรู้จากครูบาอาจารย์ท่านนี้ มีทางเดียวคือต้องไป ช่วยท่านทำงาน ติดขัดอะไรให้ขยันชักถามท่าน แล้วท่านก็จะบอก เทคนิคต่างๆ ในภาคปฏิบัติให้แก่เรา ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีในตำรา แต่มา จากประสบการณ์ ทำ ให้เรามีความชำนาญทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ๔) ครกี่แนะก็ไปดี น่าก็ไปดี ปูย่าตาทวดท่านบอกว่า ครูประ๓ทนี้ คือครูที่ทั้งสอนก็ไม่รู้เรี่อง ไม่ตั้งใจสอน ไม่เตรียมการสอน ความประพฤติก็เสียหาย เกะกะเกเร ลือเป็นแบบอย่างไม่ได้ไม่มีแม้แต่ความน่ารักเคารพ ปูย่าตาทวดท่านบอกว่า ครูบาอาจารย์ประ๓ทนี้โบราณท่านเรียก ว่า \"โจรปล้นลูกศิษย์\"คือปล้นเอาคุณธรรมความดีที่ครูบาอาจารย์คนก่อน เขาปลูกฝีงเอาไว้ให้ไปจนหมดสิน แล้วถ่ายทอดนิสัยเลวๆ เข้าไปไว้แทนที่ พ่อแม่ส่งลูกมาอยู่กับครูประ๓ทนี้!ม่นาน ความดีของลูกก็จะถูก ล้างผลาญจนหมดสิ้น กสับไปลืงบ้าน พ่อแม่อาจจำไม่ได้ เพราะนึกไม่ ลืงว่าลกจะเลวทรามลงลืงปานนี้ ม้ในรั้วมท!Tทยาทัย SfCTi พ3ยา1ท!ทวบ5|รฬสั0งทา1
๒!
ช่วงที่ ๔ ะ หลุมพรางสำหรับปัณณาชน ใดย น้อง ฃบปด เหตุที่ทำให้ความรู้สูญหายไปจากโลก j ก่อนอื่น ผมอยากให้น้องๆ ทราบก่อนว่า คนเรา จะมีความรู้ มีความสามารถ มีความคิดสร้างสรรค และมีความประพฤติดีได้ ก็ด้องอาศัย \"ครูดี\" แต่ ปรากฏว่า วิชาความรู้ในโลกนี้!ด้สูญหายไปจำนวน มาก เพราะขาดความเคารพคร นพ่. เจ้าfiDnlifluliim-nttmSu 9l9t iwjflihlAiToijgiyinslOrwiliin
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206