10. ผลของการใช้วิธสี อน พร้อมข้อเสนอแนะ 11. การบันทึกหลงั การเรยี นการสอนที่ควรปรับปรงุ 12. แนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ข 00 ................................................................. ................................................................. (ครูภลดา ม่วงศริ ิ) ครปู ระจาวิชา (นางสาวธวัลรัตน์ แสงรตั น์) นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู ................................................................. (อาจารยพ์ ัชรพร ศุภกิจ) อาจารย์นิเทศก์
แผนการจัดการเรียนรู้ English CEFR ป.4/1
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ า English CEFR ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 สัปดาห์ที่ 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ Jobs and workplaces เวลา 10.00 – 10.40 น. มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.1 ตวั ชีว้ ดั ต 1.1 (ป.4/1, 4/2, 4/3, 4/4) ช่ือครูผสู้ อน นางสาวธวลั รตั น์ แสงรัตน์ 1. ผลการเรยี นรู้ นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้คำศัพทแ์ ละประโยคถำมตอบเกยี่ วกับอำชีพและสถำนท่ที ำงำน (Jobs and workplaces) ทำ ให้ผเู้ รยี นสำมำรถพูด อ่ำน เขียน และให้ข้อมลู เก่ียวกับอำชีพและสถำนท่ที ำงำนได้ 2. สาระการเรียนรู้ / เนื้อหา Vocabulary – Teacher/ School, Chef/ Restaurant, Police officer/ Police station, Farmer/ Farm, Firefighter/ Fire station, Doctor-Nurse/ Hospital, Dentist/ Hospital-Clinic, Postman/ Post office, Bus driver/ Bus, Pilot/ Airport-Plane Sentence – Question: What does he do? / What does she do? Answer: He’s a ___(job)___. / She’s a ___(job)___. Question: What does he work? / What does she work? Answer: He works in a __(workplace)__. / She works in a __(workplace)__. 3. เทคนคิ วิธกี ารสอน / รูปแบบการสอน 1. วธิ กี ำรสอนแบบบรรยำย 4. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 6. ม่งุ ม่นั ในกำรทำงำน 7. รักควำมเป็นไทย 1. รกั ชำติ ศำสน์ กษัตรยิ ์ 8. มีจติ สำธำรณะ 2. ซอ่ื สัตยส์ จุ ริต 9. เชื่อมนั่ และกลำ้ แสดงออก 3. มีวนิ ยั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อย่อู ย่ำงพอเพียง 5. สมรรถนะ 1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด
3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปญั หำ 4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชีวิต 5. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี 6. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) - นักเรยี นสำมำรถเขำ้ ใจคำศพั ทแ์ ละประโยคตำ่ ง ๆเกีย่ วกับอำชพี และสถำนทที่ ำงำนได้ ดา้ นทกั ษะ (Skill) - นักเรยี นสำมำรถสะกดคำ อ่ำนออกเสยี ง และประโยคภำษำอังกฤษเก่ยี วกบั อำชีพและสถำนทีท่ ำงำน ได้ ดา้ นเจตคติ (Attitude) - นักเรียนมสี ่วนร่วมในกำรปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 7. กระบวนการเรยี นรู้ ข้ันนา 1. ครใู หน้ กั เรยี นดูคลปิ วดิ ีโอเกย่ี วกบั อำชพี และสถำนทท่ี ำงำน ขน้ั สอน 2. ครถู ำมคำถำมนกั เรียน จำกกำรดวู ิดโี อ เพือ่ กระตุ้นให้นกั เรียนตอบ 3. ครใู หน้ กั เรียนดภู ำพอำชพี และสถำนที่ทำงำน พร้อมอธิบำยคำศัพท์และประโยคที่ใช้ถำมถึงอำชีพ Question: What does he do? / What does she do? Answer: He’s a ___(job)___. / She’s a ___(job)___. Question: What does he work? / What does she work? Answer: He works in a __(workplace)__. / She works in a __(workplace)__. 4. ครใู หน้ ักเรียนดภู ำพและถำมคำถำมเก่ียวกบั อำชีพและสถำนท่ที ำงำน โดยให้นักเรียนตอบเปน็ ประโยค เชน่ Question: What does she do? Answer: She’s a nurse. Question: What does she work? Answer: She works in a hospital.
ขนั้ สรปุ 5. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปทบทวนบทเรียน เช่น คำศัพท์และประโยคถำมตอบเกี่ยวกับอำชีพและสถำนท่ี โดยเลน่ เกมตอบคำถำม เพ่อื ทดสอบควำมรูแ้ ละเขำ้ ใจเกยี่ วกบั อำชีพและสถำนท่ที ำงำน 8. ส่อื การเรยี นรูแ้ ละแหล่งการเรยี นรู้ 1. PowerPoint 2. วิดโี อ Youtube 3. เกม Jobs and Workplaces – Kahoot 9. การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์การวดั ประเมิน การประเมิน และการประเมนิ จุดประสงค์การเรยี นรู้ กำรตอบ คำถำม เกมตอบ คณุ ภำพคะแนนระดบั 2 ขึ้นไป ดา้ นความรู้ นกั เรียนสำมำรถเข้ำใจคำศัพท์ กำรตอบ คำถำม ผำ่ นเกณฑ์ และประโยคต่ำง ๆเกี่ยวกับ คำถำม อำชพี และสถำนท่ีทำงำนได้ Kahoot 3 : เขำ้ ใจคำศัพทแ์ ละประโยคตำ่ ง ๆเกยี่ วกับอำชีพและ สังเกต สถำนทที่ ำงำนได้ 8 คำขนึ้ ไป = ดี ดา้ นทกั ษะ พฤติกรรม นกั เรียนสำมำรถสะกดคำ อ่ำน 2 : เข้ำใจคำศัพทแ์ ละประโยคต่ำง ๆเก่ียวกบั อำชพี และ ออกเสยี งและประโยค ภำษำองั กฤษเก่ยี วกับอำชีพและ สถำนท่ที ำงำนได้ 4-7 คำ = พอใช้ สถำนทท่ี ำงำนได้ 1 : เข้ำใจคำศัพท์และประโยคต่ำง ๆเก่ยี วกบั อำชีพและ ดา้ นเจตคติ นักเรยี นมสี ่วนรว่ มในกำรปฏิบัติ สถำนทีท่ ำงำนได้น้อยกวำ่ 3 คำ = ปรับปรงุ กจิ กรรม แบบสงั เกต คณุ ภำพคะแนนระดบั 2 ขึน้ ไป พฤติกรรมกำร ผ่ำนเกณฑ์ เรียนรู้ 3 : สะกดคำ อ่ำนออกเสยี งและประโยคภำษำองั กฤษ เกี่ยวกับอำชพี และสถำนที่ทำงำนได้ 8 คำขึ้นไป = ดี 2 : สะกดคำ อำ่ นออกเสยี งและประโยคภำษำองั กฤษ เกี่ยวกบั อำชพี และสถำนที่ทำงำนได้ 4-7 คำ = พอใช้ 1 : สะกดคำ อำ่ นออกเสยี งและประโยคภำษำอังกฤษ เก่ยี วกบั อำชพี และสถำนทที่ ำงำนได้น้อยกว่ำ 3 คำ = ปรบั ปรงุ แบบสงั เกต คณุ ภำพคะแนนระดับ 2 ขึ้นไป พฤติกรรมกำร ผำ่ นเกณฑ์ เรยี นรู้ 3 : มสี ่วนร่วมในกำรปฏิบตั กิ จิ กรรมเป็นอยำ่ งดี = ดี 2 : มสี ว่ นร่วมในกำรปฏิบัติกิจกรรมบำงครั้ง = พอใช้ 1 : ไม่มีสว่ นร่วมในกำรปฏบิ ัติกจิ กรรมเลย = ปรบั ปรงุ
10. ผลของการใชว้ ธิ ีสอน พรอ้ มข้อเสนอแนะ 11. การบนั ทึกหลังการเรยี นการสอนท่ีควรปรับปรุง 12. แนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ข 00 ................................................................. ................................................................. (ครศู ศิ ริ า ชาตตระกลู ) ครูประจาวชิ า (นางสาวธวลั รัตน์ แสงรตั น์) นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณ์วชิ าชพี ครู ................................................................. (อาจารยพ์ ัชรพร ศุภกิจ) อาจารยน์ เิ ทศก์
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ า English CEFR ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 สัปดาหท์ ี่ 6 เวลา 10.00 – 10.40 น. หนว่ ยการเรยี นรู้ Apostrophe and contraction ช่ือครูผ้สู อน นางสาวธวลั รัตน์ แสงรตั น์ มาตรฐานการเรยี นรู้ ต 1.1 ตวั ชี้วดั ต 1.1 (ป.4/1, 4/2, 4/4) 1. ผลการเรียนรู้ นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้เกีย่ วกับการใช้ Apostrophe หรือ ’ ใช้ในการลดรูป หรือใชเ้ พ่ือผสมคาสรรพนามและ คากริยาเขา้ ดว้ ยกัน (contractions) 4 ประเภท ดงั น้ี การลดรูป is, are, not, have ทาให้ผู้เรยี นสามารถพดู และให้ ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ apostrophe ในการลดรูปของคาได้ 2. สาระการเรยี นรู้ / เนอื้ หา Apostrophes are used in contractions. A contraction is an abbreviated version of a word or words. The apostrophe in a contraction replaces at least one letter. Here are four common contractions with an explanation of how they have been formed. 3. เทคนิควธิ ีการสอน / รูปแบบการสอน 1. วิธีการสอนแบบบรรยาย 4. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6. มุ่งม่ันในการทางาน 7. รักความเปน็ ไทย 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 8. มจี ติ สาธารณะ 2. ซอื่ สตั ย์สุจรติ 9. เชื่อมน่ั และกลา้ แสดงออก 3. มวี ินัย 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง 5. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) - นกั เรยี นสามารถบอกการใช้ Apostrophe and contraction ได้ ด้านทักษะ (Skill) - นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหป์ ระโยคเกย่ี วกบั การใช้ Apostrophe and contraction ได้ ด้านเจตคติ (Attitude) - นักเรียนมีสว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 7. กระบวนการเรยี นรู้ ข้นั นา 1. ครใู ห้นักเรยี นดคู ลิปวดิ โี อเกีย่ วกับ Apostrophe and contraction ขน้ั สอน 2. ครถู ามคาถามนักเรียน จากการดูวิดโี อ เพื่อกระตุน้ ให้นักเรยี นตอบและอธบิ ายความรู้การใช้ Apostrophe and contraction 3. ครยู กตัวอย่างคาท่ใี ช้ Apostrophe เพอื่ ใชใ้ นการลดรูป เชน่ She is = She’s, You are = You’re, cannot = can’t, They have = They’ve 4. ครใู ห้นักเรยี นอ่านประโยคท่ใี ช้ Apostrophe ในการลดรูป เชน่ It is a nice day outside. = It's a nice day outside. They are coming to school. = They’re coming to school. You cannot use smartphone in the classroom. = You can’t use smartphone in the classroom. I have many friends in the school. = I’ve many friends in the school. ขั้นสรปุ 5. ครใู ห้นกั เรียนรวบรวมความร้แู ละสรปุ ร่วมกนั ให้นักเรียนวิเคราะห์ โดยให้เลน่ เกมจับค่คู า Apostrophe and contraction
8. ส่อื การเรียนร้แู ละแหล่งการเรยี นรู้ 1. PowerPoint 2. วดิ โี อ Youtube 3. เกมจบั คคู่ าApostrophe and contraction – Wordwall 9. การวัดและประเมนิ ผล วิธกี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์การวดั ประเมนิ การประเมนิ และการประเมิน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การตอบ คาถาม แบบสังเกต คุณภาพคะแนนระดับ 2 ข้นึ ไป ดา้ นความรู้ นกั เรียนสามารถบอกการใช้ การตอบ พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์ Apostrophe and คาถาม contraction ได้ เรยี นรู้ 3 : บอกการใช้ Apostrophe and contraction ได้ = ดี สงั เกต ดา้ นทักษะ พฤติกรรม 2 : บอกการใช้ Apostrophe and contraction ได้บา้ ง นกั เรียนสามารถวเิ คราะห์ ประโยคเก่ียวกับการใช้ = พอใช้ Apostrophe and 1 : บอกการใช้ Apostrophe and contraction ไมไ่ ด้ contraction ได้ เลย = ปรบั ปรงุ ดา้ นเจตคติ นักเรยี นมีสว่ นร่วมในการปฏิบัติ เกมจับคู่คา คุณภาพคะแนนระดับ 2 ข้นึ ไป กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์ 3 : วเิ คราะหป์ ระโยคเกยี่ วกับการใช้ Apostrophe and contraction ได้ = ดี 2 : วิเคราะห์ประโยคเกี่ยวกบั การใช้ Apostrophe and contraction ไดบ้ า้ ง = พอใช้ 1 : วิเคราะหป์ ระโยคเกย่ี วกับการใช้ Apostrophe and contraction ไม่ได้เลย = ปรับปรงุ แบบสงั เกต คุณภาพคะแนนระดับ 2 ขนึ้ ไป พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์ เรยี นรู้ 3 : มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเป็นอยา่ งดี = ดี 2 : มีส่วนร่วมในการปฏบิ ัติกิจกรรมบางครัง้ = พอใช้ 1 : ไม่มีส่วนร่วมในการปฏบิ ัติกิจกรรมเลย = ปรบั ปรุง
10. ผลของการใช้วธิ ีสอน พร้อมข้อเสนอแนะ 11. การบนั ทึกหลังการเรยี นการสอนท่ีควรปรบั ปรุง 12. แนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ข 00 .................................................................. ................................................................. (ครูศศิ ิรา ชาตตระกลู ) ครปู ระจาวิชา (นางสาวธวลั รตั น์ แสงรตั น์) นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู ................................................................. (อาจารยพ์ ัชรพร ศภุ กิจ) อาจารยน์ เิ ทศก์
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชา English CEFR ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 สัปดาหท์ ี่ 7 หนว่ ยการเรยี นรู้ Adverbs of frequency เวลา 09.00 – 09.40 น. มาตรฐานการเรยี นรู้ ต 1.1 ตวั ชว้ี ดั ต 1.1 (ป.4/1, 4/2, 4/3, 4/4) ช่ือครผู ู้สอน นางสาวธวลั รตั น์ แสงรัตน์ 1. ผลการเรียนรู้ นกั เรียนไดเ้ รียนรู้เก่ยี วกับ Adverbs of frequency (กริยาวเิ ศษณบ์ อกความถ)่ี เพื่อบอกความบ่อยคร้ังในการ เกดิ เหตกุ ารณห์ รือความถใี่ นสิ่งทเี่ ราทา เช่นคาวา่ always, usually, often, sometimes, never และประโยคท่ีถาม ถึงความถ่ขี องการกระทา How often do you …? ทำใหผ้ ้เู รยี นสำมำรถพูด อ่ำน เขียน และใหข้ ้อมลู เกี่ยวกับกำรใช้ Adverbs of frequency ได้ 2. สาระการเรยี นรู้ / เนอ้ื หา Adverbs of frequency tell us how often something happens. Adverbs of frequency has two types: Type1 Definite = weekly, daily, yearly, Types2 Indefinite = always, sometimes, never. An easy way to remember the meaning of frequency adverbs is to match them with percentages, how often do you do something? There are three common sentences patterns for adverbs of frequency in English. 1) Subject + Adverb + Main verb. 2) Subject + Verb to be + Adverb. 3) Subject + verb + Adverb + verb. 3. เทคนคิ วธิ ีการสอน / รูปแบบการสอน 1. วธิ กี ำรสอนแบบบรรยำย 4. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 6. ม่งุ ม่นั ในกำรทำงำน 7. รกั ควำมเปน็ ไทย 1. รักชำติ ศำสน์ กษัตริย์ 8. มจี ติ สำธำรณะ 2. ซื่อสัตยส์ ุจริต 9. เชอ่ื มัน่ และกล้ำแสดงออก 3. มวี ินัย 4. ใฝเ่ รียนรู้ 5. อยูอ่ ยำ่ งพอเพยี ง
5. สมรรถนะ 1. ควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด 3. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ญั หำ 4. ควำมสำมำรถในกำรใชท้ กั ษะชวี ิต 5. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี 6. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) - นกั เรียนสำมำรถบอกคำศพั ท์ทเ่ี ปน็ Adverbs of frequency ได้ ด้านทักษะ (Skill) - นักเรยี นสำมำรถอ่ำนประโยคบอกควำมถี่ของกำรกระทำ โดยใช้คำท่ีเป็นAdverbs of frequencyได้ ด้านเจตคติ (Attitude) - นกั เรียนมสี ว่ นร่วมในกำรปฏิบัตกิ จิ กรรม 7. กระบวนการเรียนรู้ ข้นั นา 1. ครูใหน้ ักเรยี นดูคลิปวิดโี อเก่ียวกบั อำชีพและสถำนที่ทำงำน ขัน้ สอน 2. ครถู ำมคำถำมนกั เรยี น จำกกำรดูวดิ ีโอ เพ่ือกระตนุ้ ให้นักเรยี นตอบ 3. ครถู ำมนักเรียนดว้ ยประโยคทใี่ ชถ้ ำมถึงควำมถี่ของกำรกระทำ และอธบิ ำยโครงสรำ้ งประโยค ดงั นี้ ประโยคท่ีใช้ถำมถึงควำมถ่ีของกำรกระทำ: How often do you …? อธบิ ำยโครงสร้ำงประโยค 1) Subject + Adverb + Main verb. 2) Subject + Verb to be + Adverb. 3) Subject + verb + Adverb + verb. 4. ครใู ห้นักเรยี นบอกประโยคท่บี อกถงึ ควำมถีข่ องกำรกระทำ (adverbs of frequency) เช่น - I always ride a bicycle. - I am always a careful driver. - You are always looking at your phone. ข้ันสรุป 5. ครูให้นักเรียนรวบรวมควำมรู้และสรุปร่วมกัน ให้นักเรียนวิเครำะห์โดยให้เล่นเกมเรียงคำเป็นประโยค Adverbs of frequency
8. สอื่ การเรียนรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้ 1. PowerPoint 2. วดิ โี อ Youtube 3. เกมเรยี งคำเปน็ ประโยค Adverbs of frequency – Wordwall 9. การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารวัด ประเมนิ การประเมนิ และการประเมิน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ กำรตอบ คำถำม แบบสงั เกต คุณภำพคะแนนระดับ 2 ขึ้นไป ด้านความรู้ นกั เรียนสำมำรถบอกคำศัพท์ท่ี กำรตอบ พฤติกรรมกำร ผ่ำนเกณฑ์ เป็น Adverbs of frequency คำถำม ได้ เรียนรู้ 3 : บอกคำศพั ทท์ ีเ่ ป็น Adverbs of frequency ได้ 4-5 สงั เกต คำ = ดี ดา้ นทกั ษะ พฤติกรรม นักเรียนสำมำรถอ่ำนประโยค 2 : บอกคำศัพทท์ เี่ ป็น Adverbs of frequency ได้ 2-3 บอกควำมถขี่ องกำรกระทำ โดย ใชค้ ำท่เี ป็น Adverbs of คำ= พอใช้ frequency ได้ 1 : บอกคำศัพท์ท่เี ป็น Adverbs of frequency ได้นอ้ ย ดา้ นเจตคติ นักเรยี นมสี ่วนร่วมในกำรปฏิบัติ กวำ่ 1 คำ= ปรบั ปรุง กจิ กรรม เกมเรียงคำ คุณภำพคะแนนระดับ 2 ขึน้ ไป เปน็ ประโยค ผำ่ นเกณฑ์ 3 : อ่ำนประโยคบอกควำมถ่ีของกำรกระทำ โดยใชค้ ำท่ี เปน็ Adverbs of frequency ได้ 7-10 ประโยค = ดี 2 : อำ่ นประโยคบอกควำมถ่ขี องกำรกระทำ โดยใชค้ ำที่ เปน็ Adverbs of frequency ได้ 3-6 ประโยค = พอใช้ 1 : อ่ำนประโยคบอกควำมถ่ีของกำรกระทำ โดยใชค้ ำที่ เปน็ Adverbs of frequency ไดน้ ้อยกวำ่ 2 ประโยค = ปรบั ปรงุ แบบสังเกต คุณภำพคะแนนระดับ 2 ขึ้นไป พฤติกรรมกำร ผำ่ นเกณฑ์ เรียนรู้ 3 : มสี ่วนร่วมในกำรปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเป็นอยำ่ งดี = ดี 2 : มีส่วนร่วมในกำรปฏิบัตกิ ิจกรรมบำงครั้ง = พอใช้ 1 : ไม่มีสว่ นร่วมในกำรปฏบิ ัติกจิ กรรมเลย = ปรบั ปรงุ
10. ผลของการใชว้ ธิ ีสอน พรอ้ มข้อเสนอแนะ 11. การบนั ทึกหลังการเรยี นการสอนท่ีควรปรับปรุง 12. แนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ข 00 ................................................................. ................................................................. (ครศู ศิ ริ า ชาตตระกลู ) ครูประจาวชิ า (นางสาวธวลั รัตน์ แสงรตั น์) นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณ์วชิ าชพี ครู ................................................................. (อาจารยพ์ ัชรพร ศุภกิจ) อาจารยน์ เิ ทศก์
รายวิชา English CEFR แผนการจดั การเรยี นรู้ ภาคเรียนท่ี 1 สปั ดาห์ท่ี 8 หนว่ ยการเรยี นรู้ Reading ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 09.00 – 09.40 น. มาตรฐานการเรยี นรู้ ต 1.1 ช่ือครผู ู้สอน นางสาวธวลั รตั น์ แสงรัตน์ ตวั ชี้วดั ต 1.1 (ป.4/1, 4/2, 4/4) 1. ผลการเรียนรู้ นักเรยี นไดฝ้ ึกทกั ษะการอ่านภาษาอังกฤษ ทั้งคาศัพท์เกยี่ วกบั อาหารและประโยคจากเร่ือง The Very Hungry Caterpillar ซง่ึ มคี วามสาคัญทชี่ ว่ ยให้ผู้เรียนสามารถนาข้อมูลและทักษะการอ่านไปใช้ในการสอ่ื สารในชีวิตประจาวนั ได้ 2. สาระการเรียนรู้ / เนื้อหา Vocabulary – apple, pear, plum, strawberry, orange, chocolate cake, ice-cream cone, pickle, swiss cheese, salami, lollipop, cherry pie, sausage, cupcake, watermelon Sentence – On Monday he ate through one apple. But he was still hungry. On Tuesday he ate through two pears, but he was still hungry. On Wednesday he ate through three plums, but he was still hungry. On Thursday he ate through four strawberries, but he was still hungry. On Friday he ate through five oranges, but he was still hungry. On Saturday he ate through one piece of chocolate cake, one ice-cream cone, one pickle, one slice of swiss cheese, one slice of salami, one lollipop, one piece of cherry pie, one sausage, one cupcake, and one slice of watermelon. That night he had a stomachache! 3. เทคนคิ วธิ ีการสอน / รูปแบบการสอน 1. วธิ กี ารสอนแบบบรรยาย 4. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 6. มงุ่ มั่นในการทางาน 7. รักความเป็นไทย 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 8. มีจิตสาธารณะ 2. ซอ่ื สตั ย์สุจริต 9. เชื่อมัน่ และกลา้ แสดงออก 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยอู่ ย่างพอเพียง
5. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) - นักเรยี นสามารถอธบิ ายความหมายคาศพั ท์และประโยคภาษาองั กฤษได้ ดา้ นทักษะ (Skill) - นกั เรียนสามารถอา่ นคาศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษได้ ดา้ นเจตคติ (Attitude) - นักเรยี นมีส่วนรว่ มในการปฏิบตั ิกจิ กรรม 7. กระบวนการเรยี นรู้ ขัน้ นา 1. ครใู หน้ ักเรียนดคู ลิปวิดีโอเรอื่ ง The very hungry Caterpillar ข้ันสอน 2. ครถู ามคาถามนักเรยี น จากการดวู ิดโี อ เพ่อื กระตนุ้ ให้นักเรยี นตอบ 3. ครใู ห้นักเรียนอ่านคาศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษเกยี่ วกับอาหาร 4. ครใู หน้ ักเรียนวิเคราะหเ์ น้อื เรอ่ื งจากการดูวดิ ีโอและบอกความหมายของคาศัพท์เกย่ี วกบั อาหาร ขน้ั สรปุ 5. รวบรวมความรูแ้ ละสรุปร่วมกัน ใหน้ กั เรียนดูและอ่านคาศัพท์และประโยค เพ่ือทดสอบการอา่ น ภาษาองั กฤษ 8. สอ่ื การเรียนรู้และแหลง่ การเรียนรู้ 1. PowerPoint 2. วิดโี อ Youtube
9. การวัดและประเมนิ ผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารวัด ประเมนิ การประเมิน และการประเมนิ ดา้ นความรู้ การตอบ แบบสงั เกต คุณภาพคะแนนระดบั 2 ขึ้นไป นกั เรยี นสามารถอธิบาย คาถาม พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์ ความหมายคาศัพทแ์ ละ เรยี นรู้ 3 : อธบิ ายความหมายคาศพั ทแ์ ละประโยคภาษาอังกฤษ ประโยคภาษาองั กฤษได้ (K) ได้มากกว่า 10 คา 3 ประโยค = ดี 2 : อธิบายความหมายคาศพั ทแ์ ละประโยคภาษาอังกฤษ ได้ประมาน 5-10 คา 2 ประโยค = พอใช้ 1 : อธิบายความหมายคาศพั ท์และประโยคภาษาองั กฤษ ได้นอ้ ยกว่า 4 คา 1 ประโยค = ปรับปรุง ด้านทกั ษะ การอ่าน แบบสังเกต คุณภาพคะแนนระดบั 2 ขึ้นไป นักเรยี นสามารถอา่ นคาศัพท์ คาศัพทแ์ ละ พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์ และประโยคภาษาองั กฤษได้ ประโยค เรยี นรู้ 3 : สามารถอา่ นคาศพั ท์และประโยคภาษาองั กฤษได้ 11-15 คา 4-6 ประโยค = ดี (P) ภาษาอังกฤษ 2 : สามารถอ่านคาศพั ท์และประโยคภาษาอังกฤษได้ 6-10 คา 2-3 ประโยค = พอใช้ 1 : สามารถอ่านคาศพั ท์และประโยคภาษาอังกฤษได้ นอ้ ยกวา่ 5 คา 1 ประโยค = ปรับปรงุ ดา้ นเจตคติ สังเกต แบบสังเกต คุณภาพคะแนนระดับ 2 ขนึ้ ไป นักเรียนมสี ว่ นร่วมในการปฏิบัติ พฤติกรรม พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์ กิจกรรม เรียนรู้ 3 : มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ัติกิจกรรมเปน็ อยา่ งดี = ดี 2 : มีส่วนรว่ มในการปฏิบัติกจิ กรรมบางคร้งั = พอใช้ 1 : ไม่มสี ่วนร่วมในการปฏิบัติกจิ กรรมเลย = ปรบั ปรงุ
10. ผลของการใช้วธิ ีสอน พร้อมข้อเสนอแนะ 11. การบนั ทึกหลังการเรยี นการสอนท่ีควรปรบั ปรุง 12. แนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ข 00 .................................................................. ................................................................. (ครูศศิ ิรา ชาตตระกลู ) ครปู ระจาวิชา (นางสาวธวลั รตั น์ แสงรตั น์) นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู ................................................................. (อาจารยพ์ ัชรพร ศภุ กิจ) อาจารยน์ เิ ทศก์
แผนการจัดการเรียนรู้ English Grammar ป.4/1
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชา English Grammar ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 สัปดาห์ที่ 9 เวลา 14.00 – 14.40 น. หน่วยการเรยี นรู้ Could and couldn’t ช่ือครูผู้สอน นางสาวธวลั รตั น์ แสงรัตน์ มาตรฐานการเรยี นรู้ ต 1.1 ตัวชี้วัด ต 1.1 (ป.4/1, 4/2, 4/3) 1. ผลการเรียนรู้ นักเรียนได้เรียนรู้การใช้ Could and couldn’t ท่ีใช้แสดงถึงความสามารถในอดีตของบุคคลและสัตว์ ใน รูปแบบบอกเล่าและปฏิเสธ ซ่ึงมีความสาคัญท่ีช่วยให้ผู้เรียนสามารถนาข้อมูลไปใช้ในการส่ือสารในชีวิตประจาวันและ พดู ให้ข้อมูลตา่ ง ๆได้ 2. สาระการเรยี นรู้ / เนอ้ื หา A modal verb is an auxiliary verb that has a special meaning in itself. Could is an auxiliary verb, it is the past tense form of can, which is the present tense, whereas could would indicate the past abilities of persons and animals. Using “could” and “couldn’t” must be combined with verbs in the base form. 3. เทคนิควิธกี ารสอน / รปู แบบการสอน 1. วธิ ีการสอนแบบบรรยาย 4. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 6. ม่งุ มัน่ ในการทางาน 2. ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ 7. รกั ความเป็นไทย 3. มีวนิ ัย 8. มีจติ สาธารณะ 4. ใฝ่เรยี นรู้ 9. เช่ือม่นั และกลา้ แสดงออก 5. อย่อู ย่างพอเพยี ง 5. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) - นักเรยี นสามารถเข้าใจการใช้ Could และ couldn’t ได้ ด้านทกั ษะ (Skill) - นักเรยี นสามารถบอกประโยคทใ่ี ช้ Could และ couldn’t ได้ ดา้ นเจตคติ (Attitude) - นักเรียนมีสว่ นรว่ มในการปฏิบัติกจิ กรรม 7. กระบวนการเรียนรู้ ขน้ั นา 1. ครูให้นกั เรียนดูคลปิ วดิ ีโอเก่ยี วกบั Could and couldn’t ขั้นสอน 2. ครถู ามคาถามนักเรียน จากการดูวิดโี อเกยี่ วกบั Could and couldn’t เพื่อกระตุ้นใหน้ ักเรยี นตอบ 3. ครอู ธบิ ายการใช้ Could และ couldn’t 4. ครยู กตวั อยา่ งประโยคทใ่ี ช้ Could และ couldn’t ในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ In Positive Form: When I was 6 years old, I could swim. He could ride a bicycle when he was 9 years old. In Negative Form: When I was 2 years old, I couldn’t jump. They couldn’t play a guitar when they were 11 years old. In Question Form: Could you read a book when you were 7 years old? Answer: Yes, I could. or No, I couldn’t. ขน้ั สรุป 5. ครแู ละนักเรียนรวบรวมความรู้และสรุปร่วมกนั ใหน้ ักเรียนวเิ คราะห์โดยใหเ้ ล่นเกมแบบทดสอบเรื่อง Could and couldn’t 8. สอ่ื การเรยี นร้แู ละแหลง่ การเรยี นรู้ 1. PowerPoint 2. วิดโี อ iSLCOLLECTIVE 3. เกมแบบทดสอบ Wordwall
9. การวัดและประเมนิ ผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑ์การวดั ประเมิน การประเมนิ และการประเมนิ ด้านความรู้ การตอบ นักเรยี นสามารถเข้าใจการใช้ คาถาม แบบสังเกต คุณภาพคะแนนระดบั 2 ขึ้นไป Could และ couldn’t ได้ การตอบ พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ ด้านทักษะ คาถาม นักเรียนสามารถบอกประโยคท่ี เรยี นรู้ 3 : เข้าใจการใช้ Could และ couldn’t ได้ดี = ดี ใช้ Could และ couldn’t ได้ สังเกต 2 : เข้าใจการใช้ Could หรอื couldn’t ได้= พอใช้ พฤติกรรม ดา้ นเจตคติ 1 : เขา้ ใจการใช้ Could และ couldn’t ไม่ได้ = ปรบั ปรงุ นักเรียนมสี ว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ กิจกรรม เกม คุณภาพคะแนนระดบั 2 ข้ึนไป แบบทดสอบ ผา่ นเกณฑ 3 : บอกประโยคท่ใี ช้ Could และ couldn’t ได้ 8-10 ขอ้ = ดี 2 : บอกประโยคทใ่ี ช้ Could และ couldn’t ได้ 4-7 ข้อ = พอใช้ 1 : บอกประโยคที่ใช้ Could และ couldn’t ได้น้อยกวา่ 3 ข้อ = ปรบั ปรงุ แบบสังเกต คุณภาพคะแนนระดับ 2 ขึ้นไป พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ เรยี นรู้ 3 : มสี ว่ นรว่ มในการปฏิบัติกิจกรรมเปน็ อย่างดี = ดี 2 : มสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมบางคร้งั = พอใช้ 1 : ไม่มีสว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมเลย = ปรบั ปรงุ
10. ผลของการใช้วิธสี อน พรอ้ มข้อเสนอแนะ 11. การบนั ทกึ หลังการเรยี นการสอนที่ควรปรับปรุง 12. แนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ข 00 ................................................................. ................................................................. (ครูภลดา ม่วงศริ ิ) ครปู ระจาวิชา (นางสาวธวลั รตั น์ แสงรตั น์) นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู ................................................................. (อาจารยพ์ ัชรพร ศุภกิจ) อาจารย์นิเทศก์
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ า English Grammar ระดับชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 สปั ดาห์ที่ 12 เวลา 14.00 – 14.40 น. หน่วยการเรียนรู้ Comparisons with as…as and not as…as ช่ือครูผูส้ อน นางสาวธวลั รัตน์ แสงรตั น์ มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.1 ตัวช้ีวัด ต 1.1 (ป.4/1, 4/2, 4/4) 1. ผลการเรยี นรู้ นกั เรียนได้เรยี นรเู้ ร่ืองการเปรียบเทยี บสิ่งต่าง ๆ ทใี่ ช้คาคณุ ศัพท์ เพ่ือแยกแยะส่ิงต่าง ๆ ทเี่ ท่ากันและไม่เท่ากัน สาหรับฝึกไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และเรียนรู้โครงสร้างประโยค ซ่ึงมีความสาคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถนาข้อมูลท่ีได้ ไปแก้ปญั หาตา่ ง ๆ และนาไปใชส้ อื่ สารในชีวิตประจาวนั ได้ 2. สาระการเรียนรู้ / เน้อื หา Making comparisons with as…as to compare qualities. When comparing qualities, we will use as + adj. + as. If two things are not equal, must use a negative sentence. The pattern is as follows: Subject + verb + as + adj. + as, followed by a noun phrase. And we will use not as + adj. + as. The pattern is as follows: Subject + verb + not + as + adj. + as, followed by a noun phrase. 3. เทคนิควิธกี ารสอน / รปู แบบการสอน 1. วธิ ีการสอนแบบบรรยาย 4. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 6. มุ่งมั่นในการทางาน 7. รักความเปน็ ไทย 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 8. มจี ิตสาธารณะ 2. ซื่อสัตย์สุจรติ 9. เชอื่ มน่ั และกลา้ แสดงออก 3. มีวินยั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง
5. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) - นกั เรยี นสามารถเขา้ ใจการเปรยี บเทยี บสง่ิ ตา่ ง ๆในรูปแบบของ as...as และ not as…as ได้ ด้านทกั ษะ (Skill) - นักเรียนสามารถบอกประโยคทีเ่ ปรียบเทยี บสง่ิ ตา่ ง ๆในรูปแบบของ as...as และ not as…as ได้ ด้านเจตคติ (Attitude) - นกั เรยี นมสี ่วนรว่ มในการปฏิบตั ิกจิ กรรม 7. กระบวนการเรียนรู้ ขน้ั นา 1. ครใู หน้ ักเรยี นดูคลิปวิดีโอเก่ียวกับ Comparisons with as…as and not as…as ขัน้ สอน 2. ครถู ามคาถามนักเรยี น จากการคลิปวิดโี อเก่ียวกบั Comparisons with as…as and not as…as เพื่อ กระต้นุ ใหน้ ักเรียนตอบ 3. ครอู ธบิ ายการเปรียบเทยี บสงิ่ ต่าง ๆในรปู แบบการใช้ as…as และ not as…as 4. ครยู กตัวอยา่ งประโยคท่ใี ช้การเปรียบเทียบโดยใช้ as…as และ not as…as เชน่ - Emily’s Dad is as strong as Superman. (Their strength is equal.) - Mr. Smith is as chubby as Mr. Danny. (They are equally chubby.) - Coco isn’t as cute as Jasper. (Jasper is cuter than Coco.) - Smith’s condo isn’t as tall as Danny’s condo. (Danny’s condo is taller than Smith’s condo.) ขั้นสรปุ 5. ครแู ละนักเรียนรวบรวมความรู้และสรุปรว่ มกัน ให้นักเรียนวิเคราะห์โดยใหท้ าเล่นเกมเตมิ คาท่ีขาดหายไป เร่อื ง Comparisons with as…as and not as…as
8. ส่ือการเรยี นร้แู ละแหลง่ การเรยี นรู้ 1. PowerPoint 2. วดิ ีโอ Youtube 3. เกมเติมคาท่หี ายไป Wordwall 9. การวัดและประเมินผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์การวัด ประเมิน การประเมิน และการประเมนิ ด้านความรู้ การตอบ นักเรียนสามารถเข้าใจการ คาถาม แบบสงั เกต คุณภาพคะแนนระดบั 2 ข้ึนไป เปรยี บเทียบสง่ิ ต่าง ๆในรปู แบบ ของ as...as และ not as…as การตอบ พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ ได้ คาถาม เรยี นรู้ 3 : เขา้ ใจการเปรียบเทยี บสิง่ ตา่ ง ๆในรูปแบบของ as...as ดา้ นทักษะ สงั เกต และ not as…as ได้ = ดี นกั เรียนสามารถบอกประโยคท่ี พฤติกรรม เปรียบเทียบส่ิงต่าง ๆในรูปแบบ 2 : เขา้ ใจการเปรยี บเทยี บส่ิงตา่ ง ๆในรูปแบบของ as...as ของ as...as และ not as…as ได้ หรือ not as…as ได้ = พอใช้ ดา้ นเจตคติ 1 : เขา้ ใจการเปรียบเทยี บสิ่งตา่ ง ๆในรูปแบบของ as...as นกั เรียนมีส่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ กจิ กรรม และ not as…as ไมไ่ ดเ้ ลย = ปรบั ปรุง เกมเติมคาที่ คณุ ภาพคะแนนระดบั 2 ขึ้นไป หายไป ผา่ นเกณฑ 3 : บอกประโยคท่ีเปรยี บเทียบส่งิ ตา่ ง ๆในรูปแบบของ as...as และ not as…as ได้ 7-10 ข้อ = ดี 2 : บอกประโยคทเี่ ปรียบเทยี บสิง่ ต่าง ๆในรูปแบบของ as...as และ not as…as ได้ 3-6 ข้อ = พอใช้ 1 : บอกประโยคที่เปรยี บเทยี บสิง่ ตา่ ง ๆในรูปแบบของ as...as และ not as…as ได้นอ้ ยกว่า 2 ขอ้ = ปรับปรงุ แบบสังเกต คุณภาพคะแนนระดบั 2 ขึ้นไป พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ เรียนรู้ 3 : มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็นอยา่ งดี = ดี 2 : มีส่วนร่วมในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมบางครั้ง = พอใช้ 1 : ไม่มสี ว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิกิจกรรมเลย = ปรบั ปรุง
10. ผลของการใช้วิธสี อน พร้อมข้อเสนอแนะ 11. การบันทึกหลงั การเรยี นการสอนที่ควรปรับปรงุ 12. แนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ข 00 ................................................................. ................................................................. (ครูภลดา ม่วงศริ ิ) ครปู ระจาวิชา (นางสาวธวัลรัตน์ แสงรตั น์) นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู ................................................................. (อาจารยพ์ ัชรพร ศุภกิจ) อาจารย์นิเทศก์
แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชา English Grammar ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 สปั ดาห์ที่ 13 หน่วยการเรียนรู้ Time clause: When เวลา 14.00 – 14.40 น. มาตรฐานการเรยี นรู้ ต 1.1 ตวั ชี้วัด ต 1.1 (ป.4/1, 4/2, 4/3, 4/4) ช่ือครผู ้สู อน นางสาวธวลั รตั น์ แสงรตั น์ 1. ผลการเรียนรู้ นกั เรยี นไดเ้ รยี นรูเ้ รอื่ งการบอกเหตกุ ารณ์ในอดตี ดว้ ยการใช้ Time clauses ท่ีขึน้ ต้นประโยคด้วย When กริยา ของ Time clause และ Main clause ซึง่ การเรียนรู้เรอื่ ง Time clause: When มคี วามสาคัญที่ช่วยให้ผเู้ รยี นสามารถ นาข้อมลู ทีไ่ ด้ใชใ้ นการส่อื สารและแกป้ ัญหาต่าง ๆได้ เป็นการเรียนรูภ้ าษาองั กฤษ เพอ่ื นาไปใช้ส่อื สารในชวี ิตประจาวัน 2. สาระการเรียนรู้ / เน้ือหา Time clauses are preceded by adverbs or adverb phrases which show that they represent a time. Examples of these adverbs or adverb phrases are: when, before, after, as soon as, until. Time clauses help show the order of events in complex sentence that show two or more past events. Clause: group of connected words that have a subject and verb. Complex sentence: a sentence with two or more clauses. When: introduces the first event; means “at almost the same time”. 3. เทคนิควิธีการสอน / รูปแบบการสอน 1. วิธีการสอนแบบบรรยาย 4. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 6. มุง่ ม่นั ในการทางาน 7. รักความเปน็ ไทย 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 8. มีจติ สาธารณะ 2. ซอื่ สัตยส์ ุจริต 9. เชอื่ ม่ันและกลา้ แสดงออก 3. มวี ินัย 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพียง
5. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) - นกั เรียนสามารถเข้าใจความหมายและการใช้ Time clause: When ได้ ด้านทักษะ (Skill) - นักเรยี นสามารถฝกึ การใช้ Time clause: When ใหเ้ ป็นประโยคได้ (P) ด้านเจตคติ (Attitude) - นักเรยี นมสี ว่ นรว่ มในการปฏิบตั กิ ิจกรรม 7. กระบวนการเรยี นรู้ ขน้ั นา 1. ครใู หน้ ักเรยี นเล่นเกมเคร่ืองบิน เพอื่ ทดสอบความรูก้ ่อนเรยี น ข้ันสอน 2. ครบู อกจดุ ประสงค์การเรียนรู้และถามคาถามนกั เรยี น จากการเลน่ เกม เพื่อกระตุ้นให้นักเรยี นตอบ 3. ครบู อกความหมายและอธิบายการบอกเหตุการณใ์ นอดีตด้วยการใช้ Time clause ในประโยคทข่ี ึน้ ต้นดว้ ย When 4. ครยู กตวั อยา่ งประโยคท่ใี ช้การบอกเหตกุ ารณใ์ นอดีตดว้ ยการใช้ Time clause: When และให้นกั เรยี นทา Exercise พร้อมกันในชั้นเรยี น ขน้ั สรุป 5. ครแู ละนกั เรยี นรวบรวมความรแู้ ละสรปุ ร่วมกัน ให้นักเรียนวเิ คราะหโ์ ดยใหท้ าแบบฝึกหดั เรอ่ื ง Time clause: When และเล่นเกมเครื่องบนิ อีกครัง้ เพ่ือทดสอบความเขา้ ใจหลังเรยี น
8. ส่อื การเรยี นรู้และแหลง่ การเรียนรู้ 1. PowerPoint 2. แบบฝกึ หดั 3. เกมเคร่ืองบนิ Wordwall
9. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การวัด ประเมนิ การประเมนิ และการประเมนิ ดา้ นความรู้ การตอบ นกั เรยี นสามารถเข้าใจ คาถาม เกมเคร่ืองบนิ คุณภาพคะแนนระดับ 2 ขึ้นไป ความหมายและการใช้ Time clause: When ได้ การตอบ ผา่ นเกณฑ คาถาม ดา้ นทักษะ 3 : เข้าใจความหมายและการใช้ Time clause: When นักเรยี นสามารถฝึกการใช้ สงั เกต Time clause: When ให้เปน็ พฤติกรรม ได้ = ดี ประโยคได้ 2 : เข้าใจความหมายหรอื การใช้ Time clause: When ดา้ นเจตคติ นกั เรยี นมสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ ได้ = พอใช้ กิจกรรม 1 : เขา้ ใจความหมายและการใช้ Time clause: When ไม่ได้เลย = ปรบั ปรุง แบบฝึกหดั คุณภาพคะแนนระดบั 2 ขนึ้ ไป ผ่านเกณฑ 3 : ฝึกการใช้ Time clause: When ให้เปน็ ประโยค ได้ 4-5 ขอ้ ใหญ่ = ดี 2 : ฝึกการใช้ Time clause: When ให้เป็นประโยค ได้ 2-3 ขอ้ ใหญ่= พอใช้ 1 : ฝึกการใช้ Time clause: When ให้เปน็ ประโยค ได้น้อยกว่า 1 ข้อใหญ่= ปรับปรงุ แบบสังเกต คณุ ภาพคะแนนระดับ 2 ขึ้นไป พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ เรยี นรู้ 3 : มสี ่วนรว่ มในการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นอยา่ งดี = ดี 2 : มีสว่ นรว่ มในการปฏบิ ัติกิจกรรมบางครั้ง = พอใช้ 1 : ไม่มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเลย = ปรบั ปรุง
10. ผลของการใช้วิธสี อน พร้อมข้อเสนอแนะ 11. การบันทึกหลงั การเรยี นการสอนที่ควรปรับปรงุ 12. แนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ข 00 ................................................................. ................................................................. (ครูภลดา ม่วงศริ ิ) ครปู ระจาวิชา (นางสาวธวัลรัตน์ แสงรตั น์) นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู ................................................................. (อาจารยพ์ ัชรพร ศุภกิจ) อาจารย์นิเทศก์
โครงการสง่ เสริมคุณธรรม
แบบฟอรม์ โครงการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 หน่วยงาน: โรงเรยี นสาธติ ละอออทุ ิศ ชื่อโครงการ: ส่งเสรมิ คณุ ธรรมพ้ืนฐานสาหรับนกั เรียนในศตวรรษท่ี 21 ผู้ประสานงาน ดร.เพ็ญพักตร์ ภู่ศิลป์ ตาแหน่ง ครชู านาญการ โทร. 0853655422 E-mail/Line ID [email protected] 1. ความสอดคล้องกบั ทศิ ทางของมหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2563-2567 และการประเมนิ คณุ ภาพการศึกษาภายใน จดุ มงุ่ เนน้ เชิงกลยุทธ์ (Strategic focus areas) (โปรดใส่เครือ่ งหมาย ในประเดน็ ที่ทา่ นเลอื ก) ความหลากหลายทางการศกึ ษา การบรกิ ารส่งิ อานวยความสะดวกพ้นื ฐาน การพัฒนาหลักสตู รที่ทา้ ทายเพ่ือความย่ังยนื ความเสถียรของระบบสนับสนุนการทางาน มุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างการเรยี นรู้ทง้ั ใน พนื้ ท่สี ร้างสรรคก์ ารเรียนรู้และสิ่งอานวยความสะดวก และนอกชนั้ เรยี นกบั การเรยี นรผู้ า่ นระบบออนไลน์ สภาพแวดล้อม การสง่ เสรมิ การเรียนร้ตู ลอดชีวติ เพื่อพัฒนา ระบบสนับสนุนนกั เรียน คนทกุ ช่วงวยั การเชื่อมโยงกับผทู้ ่ีเก่ียวข้องในการสนบั สนุน งานหรอื กจิ กรรมของมหาวิทยาลัย องค์กรที่พร้อมรบั การเปลี่ยนแปลง จุดเนน้ (SP ซีร่ีย)์ การปรับกฎหมาย ระเบยี บ ข้อบงั คบั ใหเ้ ทา่ ทัน ความเปน็ เลศิ ในการผลติ สถานการณ์ - กาลงั คน การสร้างและหล่อหลอมคนสวนดสุ ิต - พลงั สติปัญญา - ความร้แู ละความคดิ สรา้ งสรรค์ การจดั สรรงบประมาณอย่างคุม้ ค่า โดยมอี ัตลักษณ์ ดา้ นการศึกษาปฐมวัยแบบพหวุ ิทยาการ ด้านอาหารบนรากฐานแห่งความเชีย่ วชาญดว้ ยการปฏบิ ตั ิ ด้านการพยาบาลและสขุ ภาวะสาหรบั นกั เรียนและผ้สู งู วยั ด้านอตุ สาหกรรมบริการด้วยมาตรฐานระดบั สากล เกณฑ์การประเมินคุณภาพการศกึ ษาภายใน ระดับมหาวิทยาลยั (กรณีสอดคล้องหลายประเด็น กรุณาเรียงลาดบั โดยเริม่ จากประเดน็ ทส่ี อดคล้องมากทสี่ ดุ ) พันธกิจ : SDU 1 ผลลัพธ์ผ้เู รียน SDU 3 การบรกิ ารวชิ าการ SDU 4 การทานุบารุงศลิ ปะและวฒั นธรรมและความเป็นไทย ตวั ช้วี ัด : U 5.4 การบูรณาการบริหารจัดการบนความเชยี่ วชาญของมหาวทิ ยาลยั U 5.7 การปฏิบัติงานท่ตี อบสนองต่อแผนปฏริ ปู การศึกษาของประเทศ โครงการประจาปงี บประมาณ 2564 Page 1
2. หลักการและเหตุผล กระทรวงศึกษาธิการกาหนดแนวทางการปลูกฝังคุณธรรมพืน้ ฐานสาคญั ให้แก่เด็กและเยาวชน 8 ประการ แก่เยาวชนไทย ได้แก่ ขยัน ประหยัด ซ่ือสัตย์ มีวินัย สุภาพ สะอาด สามัคคี มีน้าใจ โดยมีจุดเน้นเพื่อพัฒนา เยาวชนให้เป็นคนดี มีความรู้ และอยู่ดีมีสุข ด้วยการใช้คุณธรรมเป็นพื้นฐานของกระบวนการเรียนรู้ท่ีเชื่อมโยงกับ ความรว่ มมอื ของสถาบนั ครอบครวั ชมุ ชน สถาบันศาสนา และสถาบนั การศึกษา โดยใหม้ ีการจัดสภาพการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนมองเห็นคุณค่าของการมีศีลธรรมและจริยธรรมในด้านต่างๆ และนาไปสู่การเปล่ียนแปลงทัศนคติ ค่านิยม ความเชื่อ และพฤตกิ รรมทด่ี ีงาม โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ มีเป้าหมายในการพัฒนาท้ังในระดับนักเรียนในระดับปฐมวัยและประถมศึกษา ให้เป็นคนโดยสมบูรณ์ จึงตระหนักถึงความสาคัญในการปลูกฝังคุณธรรมพ้ืนฐานสาคัญให้แก่นักเรียน จาก ความสาคัญดังกล่าว โรงเรียนสาธิตละอออุทิศจึงร่วมกับคณะนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู หลักสูตรศึกษา ศาสตรบัณฑิต สาขาการศึกษาปฐมวัย และการประถมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงมีแนวคิด ในการจัดโครงการส่งเสริมคุณธรรมพื้นฐานสาหรับนักเรียนในศตวรรษท่ี 21 เพ่ือให้นักเรียนมีเจตคติท่ีดีในการ ปฏบิ ตั ติ นตามคณุ ธรรม 8 ประการ และสามารถนาแนวคดิ ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรมมาใชใ้ นชีวติ ประจาวันต่อไป 3. วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 1. เพื่อส่งเสริมใหน้ ักเรียนมีเจตคติที่ดใี นการปฏิบัตติ นตามคณุ ธรรม 8 ประการ 2. เพ่อื ให้นักเรียนสามารถนาแนวคดิ ด้านคุณธรรมจริยธรรมมาใช้ในชีวิตประจาวัน 3. เพ่ือใหผ้ ปู้ กครองสนับสนุนการปฏิบตั ติ นตามแบบคุณธรรม 8 ประการของนักเรียน 4. ผลผลติ โครงการ (Output) บนั ทกึ การการปฏบิ ตั ิตนตามคณุ ธรรม 8 ประการ 5. ผลลัพธโ์ ครงการ (Outcome) 1. นักเรยี นท้งั ระดบั ปฐมวยั และประถมศึกษามเี จตคติทด่ี ใี นการปฏิบตั ติ นตามคุณธรรม 8 ประการ 2. ผู้ปกครองเขา้ ใจถึงความสาคญั และใหค้ วามร่วมมือในการปลูกฝังเจตคติทีด่ ีในการปฏบิ ัติตนตาม คณุ ธรรม 8 ประการ โครงการประจาปงี บประมาณ 2564 Page 2
6. กจิ กรรมหลกั วันท่/ี ระยะเวลา สถานทด่ี าเนินการ ผู้รับผิดชอบหลัก กิจกรรมหลกั ดาเนนิ การ โรงเรียนสาธติ ดร.สทิ ธพิ ร เอย่ี มเสน วางแผนการดาเนินงาน กรกฎาคม 2564 ละอออุทิศ ผศ.ดร.จนั ทรจ์ รสั เสรมิ กรงุ เทพมหานคร สาธนสวสั ดิ์ ขออนมุ ตั ิโครงการ สิงหาคม 2564 สพุ รรณบรุ ี นางสาวนนทกานต์ คง นครนายก และ เกดิ ลาปาง นายศรชยั อุตสีนอก น.ส.กนิษฐา วงคม์ า โรงเรียนสาธิต ดร.เพญ็ พักตร์ ภู่ศลิ ป์ ละอออุทศิ กรุงเทพมหานคร ดร.สทิ ธิพร เอี่ยมเสน ผศ.ดร.จนั ทรจ์ รสั เสริม สาธนสวสั ด์ิ นางสาวนนทกานต์ คง เกิด นายศรชยั อตุ สีนอก น.ส.กนษิ ฐา วงคม์ า ดร.เพ็ญพักตร์ ภู่ศลิ ป์ การดาเนนิ โครงการ โรงเรยี นสาธิต - นกั ศึกษาฝึก 1. กจิ กรรมคลปิ สง่ เสริม ก.ย.64 – พ.ย.64 ละอออุทิศ ประสบการณ์วิชาชพี คณุ ธรรมชว่ งคาบ Get ready กรงุ เทพมหานคร โรงเรียนสาธติ ละอออทุ ิศ เร่ิม 13 ก.ย. – 19 พ.ย.64 สพุ รรณบรุ ี - ครโู รงเรยี นสาธิตละออ นครนายก และ อุทศิ ระดบั ชั้นบา้ นหนู ลาปาง น้อย – ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 2. กจิ กรรมเก็บดาว ก.ย.64 – พ.ย.64 บา้ นของนักเรียน - ผปู้ กครองนักเรยี น รณรงคก์ ารปฏิบตั ิตนตาม ก.ย.64 – พ.ย.64 ระดับช้นั อนบุ าล 1 ระดับชน้ั อนุบาล 1 – แนวทางคณุ ธรรม 8 ประการ – ประถมศกึ ษาปที ี่ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โดยให้ผปู้ กครองบนั ทึก 6 ความถใ่ี นการปฏบิ ตั ติ นของ นักเรยี นในแต่ละสัปดาห์ โรงเรยี นสาธิต - ครโู รงเรียนสาธิตละออ ละอออุทิศ อุทศิ ระดบั ชัน้ อนุบาล 1 กรุงเทพมหานคร – ประถมศึกษาปที ี่ 6 สุพรรณบุรี Page 3 โครงการประจาปีงบประมาณ 2564
กจิ กรรมหลกั วันท่/ี ระยะเวลา สถานท่ีดาเนนิ การ ผรู้ บั ผิดชอบหลัก วางแผนการดาเนนิ งาน ดาเนินการ โรงเรียนสาธติ ดร.สิทธพิ ร เอ่ียมเสน ขออนุมตั ิโครงการ กรกฎาคม 2564 ละอออุทิศ ผศ.ดร.จนั ทรจ์ รสั เสริม กรงุ เทพมหานคร สาธนสวัสดิ์ 3. เกยี รติบตั รนบั ความดี สงิ หาคม 2564 สุพรรณบุรี นางสาวนนทกานต์ คง นครนายก และ เกิด ลาปาง นายศรชัย อตุ สีนอก น.ส.กนิษฐา วงค์มา โรงเรียนสาธติ ดร.เพญ็ พักตร์ ภูศ่ ิลป์ ละอออุทิศ กรุงเทพมหานคร ดร.สิทธพิ ร เอ่ยี มเสน ผศ.ดร.จนั ทรจ์ รัส เสริม นครนายก และ สาธนสวสั ดิ์ ลาปาง นางสาวนนทกานต์ คง เกดิ นายศรชยั อุตสนี อก น.ส.กนษิ ฐา วงคม์ า ดร.เพญ็ พักตร์ ภู่ศลิ ป์ - ผปู้ กครองนักเรยี น ระดบั ชัน้ อนบุ าล 1 – ประถมศึกษาปที ี่ 6 สรปุ ผลการดาเนนิ โครงการ เมื่อสน้ิ สุดโครงการ โรงเรียนสาธติ ดร.สิทธพิ ร เอีย่ มเสน ละอออุทิศ ผศ.ดร.จนั ทรจ์ รสั เสรมิ หมายเหตุ : กรุงเทพมหานคร สาธนสวสั ดิ์ นางสาวนนทกานต์ คง เกดิ นายศรชยั อตุ สนี อก น.ส.กนษิ ฐา วงคม์ า ดร.เพญ็ พักตร์ ภศู่ ิลป์ 7. กลุ่มเป้าหมาย นักเรียนระดับช้นั อนบุ าล 1 – ประถมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธติ ละอออุทิศ กรงุ เทพมหานคร วิทยาเขต สพุ รรณบุรี ศนู ยก์ ารศึกษานอกท่ตี ง้ั นครนายก และลาปาง โครงการประจาปงี บประมาณ 2564 Page 4
8. ตวั ช้ีวัดความสาเร็จของโครงการ เชงิ ปริมาณ : นกั เรียนผู้เข้าร่วมโครงการคดิ เป็นร้อยละ 85 ของกลมุ่ เปา้ หมาย เชงิ คณุ ภาพ : 1. ครูผูส้ อนสามารถถ่ายทอดความรู้เก่ียวกับคณุ ธรรม 8 ประการในชีวิตประจาวนั ใหก้ ับนกั เรียน 2. นักเรียนมีการปฏิบัติตนตามคุณธรรม 8 ประการในชีวิตประจาวัน และมีความภาคภูมิใจในการปฏบิ ตั ิ เพ่อื ปลูกฝังเจตคติที่ดีในการปฏบิ ตั ติ นตามหลักคุณธรรมพน้ื ฐาน 9. แหลง่ ทีม่ าของงบประมาณ ไมใ่ ช้งบประมาณ แหลง่ งบประมาณ (โปรดระบุ) .............................................. รายละเอยี ดงบประมาณ (คา่ ใช้จ่าย) รวมท้ังสนิ้ .................-........ บาท ค่าวัสดุ - บาท รวมเปน็ เงนิ ...........-......... บาท หมายเหตุ : - ถัวเฉลย่ี ทุกรายการ โครงการประจาปีงบประมาณ 2564 Page 5
วิจยั ในชั้นเรียน
รายงานการวจิ ยั ปฏิบตั กิ ารในช้นั เรยี น เร่อื ง การพัฒนาทกั ษะการออกเสียงคาศัพท์ภาษาอังกฤษ ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4/1 โดยใช้กิจกรรมเพลงเพื่อสง่ เสรมิ ความร้ดู ้านคาศพั ท์ ผู้วิจัย นางสาวธวลั รัตน์ แสงรตั น์ รายงานการวจิ ัยปฏบิ ัติการในช้นั เรียนฉบับน้ีเป็นสว่ นหน่งึ ของการศึกษา รายวชิ า การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 2 หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการประถมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั สวนดุสติ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 บันทกึ รายงานการปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศึกษา 2 ปีการศึกษา 2564 หนา้ | 57
รายงานการวิจัยปฏิบัติการในช้นั เรียน เรื่อง การพัฒนาทกั ษะการออกเสยี งคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ ของนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4/1 โดยใช้กจิ กรรมเพลงเพ่อื ส่งเสริมความรู้ด้านคาศพั ท์ ผวู้ ิจยั นางสาวธวลั รตั น์ แสงรตั น์ รายงานการวิจัยปฏิบัติการในชน้ั เรียนฉบบั น้ีเป็นส่วนหนง่ึ ของการศึกษา รายวชิ า การปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษา 2 หลกั สตู รศกึ ษาศาสตรบัณฑติ สาขาวชิ าการประถมศกึ ษา คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 บันทกึ รายงานการปฏบิ ัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา 2 ปีการศึกษา 2564 หน้า | 58
การพัฒนาทักษะการออกเสยี งคาศพั ทภ์ าษาอังกฤษ ของนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4/1 โดยใชก้ ิจกรรมเพลงเพอื่ สง่ เสรมิ ความรู้ดา้ นคาศพั ท์ ช่อื ผวู้ จิ ัย นางสาวธวัลรตั น์ แสงรตั น์ ปที ่ีทาวิจัย พ.ศ 2564 บทนา ในสังคมโลกปัจจุบันการรู้ภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะภาษาอังกฤษเป็นส่ิงจาเป็นและสาคัญเพราะ ภาษาใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลท่ีต้องการและเพื่อการประกอบอาชีพและยังใช้เป็นเคร่ืองมือใน การติดต่อส่ือสารการเจรจาต่อรองเพ่ือการแข่งขันและความร่วมมือทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเ มืองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การรู้ภาษาอังกฤษยังช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้คนเพราะมีความเข้าใจวัฒนธรรมท่ีแตกต่าง กันของแต่ละเช้ือชาติปฏิบัติตนต่อกันได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมสามารถถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยไปสู่สังคมโลก และเน่ืองจากความเป็นสากลของภาษาองั กฤษในยุคของข้อมลู ข่าวสารและเทคโนโลยี รวมทัง้ การปฏิรูปการศกึ ษาใน ประเทศไทย จึงส่งผลให้วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาบังคับในหลักสูตรของชาติตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อย่างเป็น ทางการนับแต่ปีการศึกษา 2546 เป็นต้นไป (ศรีภูมิ อัครมาส,2545) โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเสรมิ สร้างพ้ืนฐานความ เป็นมนุษยแ์ ละสรา้ งศกั ยภาพในการคดิ และทางานอยา่ งสร้างสรรค์ เพือ่ พฒั นาผู้เรียนให้มีคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ตามจุดหมายของหลักสูตร การเรียนภาษาต่างประเทศและช่วยให้ผเู้ รียนมีวสิ ัยทัศน์กว้างไกลและเกิดความม่ันใจใน การท่ีจะส่ือสารกับชาวต่างประเทศ รวมท้ังเกิดเจตคติท่ีดีต่อภาษาและวัฒนธรรมต่างประเทศ โดยยังคงความ ภาคภูมิใจในภาษาและวัฒนธรรมไทย (อัจฉรีย์ คงอมรสายชล,2552:1 อ้างอิงจาก กระทรวงศึกษาธิการ, 2544) ภาษาอังกฤษด้านการออกเสียงมีอิทธิพลอย่างย่ิงต่อประสิทธิภาพในการใชภ้ าษาในการส่ือสารของมนุษย์ จึงเป็นส่ิง สาคัญท่ีผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาท่ีสองหรือภาษาต่างประเทศจะต้องมีความเข้าใจในระบบเสียงของภาษา ผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองส่วนใหญ่ตระหนักว่า ปัญหาท่ีสาคัญในการพูดภาษาอังกฤษสืบเนื่องมาจากการ ออกเสียง ซง่ึ ถือเป็นสาเหตุทสี่ าคัญของปัญหาในการส่ือสารทีเ่ กิดขน้ึ การออกเสยี งที่ถกู ต้องจึงทาให้มนั่ ใจได้วา่ สารที่ ส่งออกไปมีประสิทธิภาพ (วารสารภาษาและภาษาศาสตร์, 2555:82) จากการศึกษาพบว่านักเรียนไทยส่วนใหญ่มี ความรู้ด้านคาศัพท์ไม่เพียงพอจึงไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ กล่าวถึงปัญหาน้ีว่าเป็นปัญหาที่สาคัญที่สุด เพราะถ้าผู้เรียนไม่รู้ความหมายของคาศัพท์ก็จะทาให้ไม่สามารถส่ือสารได้ ดังนั้นผู้สอนจึงจาเป็นต้องให้ความสาคัญ ต่อความรดู้ ้านคาศัพท์ของผเู้ รยี น โดยผู้สอนได้เล็งเหน็ ถึงความสาคัญของการเรยี นรคู้ าศัพท์และได้ศึกษาในเรื่องของ การเรียนรู้คาศัพท์ภาษาอังกฤษ ในเรื่องของการเรียนรู้คาศัพท์แบบไม่ตง้ั ใจ และการเรียนรู้คาศัพท์แบบต้ังใจ พบว่า เด็กก่อนวัยเรียนจะเรียนรู้ภาษาท่ีหนึ่งได้จากภาษาพูดที่ได้ยินได้ฟังซ่ึงการเรียนรู้ภาษานี้จะเกิดข้ึนก่อนที่จะสามารถ อ่านได้และเป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีการเรียนการสอนโดยตรงใดใดทั้งส้ิน (อัจฉรีย์ คงอมรสายชล,2552:2 อ้างอิงจาก Nagy & Herman, 1987) จากเหตุผลข้างต้นผู้สอนจึงเห็นว่าการอ่านออกเสียงคาศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้กิจกรรมเพลงเพื่อ ส่งเสริมความรู้ด้านคาศัพท์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียน สาธิตละอออุทิศ จะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนภาษาอังกฤษ และทาให้การออกเสียงคาศัพท์ ภาษาองั กฤษดีขึน้ มีความจาเกยี่ วกับคาศัพท์มากขนึ้ และยังอาจสามารถพฒั นาศักยภาพของผเู้ รียนได้ดยี ่ิงข้ึน บันทกึ รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 2 ปีการศกึ ษา 2564 หนา้ | 59
วตั ถุประสงค์การวจิ ัย 1. เพ่ือศึกษาทักษะการออกเสียงคาศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4/1 หลังการ จดั การเรยี นรู้ โดยใชก้ ิจกรรมเพลง 2. เพ่ือพัฒนาทักษะการออกเสียงคาศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4/1 หลังการ จดั การเรียนรู้ โดยใช้กจิ กรรมเพลง ขอบเขตการวจิ ยั 1. ขอบเขตด้านประชากร/ กลุ่มตวั อย่าง ประชากรในการวิจัยได้แก่ นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4/1 โรงเรียนสาธติ ละอออุทิศ จานวน 22 คน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4/1 โรงเรียนสาธติ ละอออุทศิ จานวน 6 คน การได้มาของตัวอยา่ งด้วยวิธี แบบเจาะจงรายบคุ คล ซึ่งจะสงั เกตจากพฤติกรรมการเรียน ภาษาองั กฤษของนักเรยี นในแตล่ ะครั้ง 2. ดา้ นตวั แปร ตัวแปรในการวจิ ยั ประกอบด้วย ตวั แปรตาม ได้แก่ ทักษะการออกเสยี งภาษาองั กฤษ ตวั แปรต้น ไดแ้ ก่ กจิ กรรมเพลง 3. ดา้ นเน้อื หา การวิจัยนีด้ าเนนิ การในหนว่ ยการเรียนรู้เร่ือง Comparative and superlative of long adjectives และเรียนรเู้ กยี่ วกับคาศัพทท์ วั่ ไป โดยมีสาระท่ีควรรู้ คอื คาศัพทใ์ นเพลง ใช้เวลาในการจัดกิจกรรมในคาบ เรยี นและช่วงพักระหวา่ งคาบเรียน นิยามศพั ทเ์ ฉพาะในการวิจยั 1. การสอนโดยการใชก้ จิ กรรมเพลง หมายถงึ การจัดการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ โดยการนาเพลง ภาษาอังกฤษจาก YouTube หรอื เว็ปไซต์ออนไลน์ มาใช้ในการประกอบการเรยี นการสอนในช้ันเรียน 2. การพัฒนาทักษะการออกเสียงภาษาอังกฤษ หมายถงึ การศึกษาปญั หา การจดั การเรียนการสอน โดยใช้ กิจกรรมเพลง เพ่ือพฒั นาทักษะด้านการออกเสยี งทถ่ี ูกต้อง 3. ความรู้ด้านคาศัพทภ์ าษาอังกฤษ หมายถงึ ความรขู้ องผเู้ รียนดา้ นคาศัพท์ ทัง้ การสะกดคา การออกเสียง การบอกความหมายของคาศัพท์ และการนาคาศัพท์ไปใชใ้ นประโยคได้อยา่ งถกู ต้อง โดยทาการทดสอบก่อนการ ทดลองสอนและหลังการทดลองสอนเสร็จสิ้นทนั ที ซึ่งวัดจากแบบทดสอบวัดผลการเรยี นรู้ดา้ นคาศัพท์ทีผ่ วู้ จิ ยั สรา้ งขน้ึ กรอบแนวคดิ เฉพาะในการวจิ ยั ตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม กจิ กรรมเพลง ทกั ษะการออกเสียง - เพลง Big Bigger Biggest ภาษาองั กฤษ - เพลง Head Shoulders Knees & Toes บันทึกรายงานการปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา 2 ปกี ารศึกษา 2564 หน้า | 60
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผวู้ ิจยั ดาเนนิ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล จากการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ โดยใชก้ จิ กรรมเพลง เพ่อื ศกึ ษาพัฒนาการ ออกเสียงคาศัพท์และสง่ เสรมิ ความรู้ด้านคาศพั ท์ของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4/1 จานวน 6 คน ตามข้นั ตอนดังน้ี 1. ชี้แจงจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ ละการวัดผลประเมินผล 2. ดาเนินการก่อนการจัดการเรียนรู้ โดยการอธิบายบทเรียนและคาศัพท์พอสังเขป เพือ่ ศกึ ษาพฒั นาการออก เสียงคาศัพท์และสง่ เสรมิ ความรู้ด้านคาศัพท์ของผู้เรยี น 3. ดาเนินการจดั การเรยี นรู้ โดยใช้กิจกรรมเพลง เพ่ือศึกษาพฒั นาการออกเสียงคาศัพท์และสง่ เสรมิ ความรู้ ดา้ นคาศัพท์ของนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4/1 4. ดาเนนิ การหลงั การจัดการเรียนรู้ โดยทบทวนความร้คู าศัพท์ จากกจิ กรรมเพลง ด้วยการสงั เกต ถามตอบ และประเมินพฤตกิ รรมของนักเรยี น เพ่ือศึกษาการพฒั นาการออกเสยี งคาศพั ท์และส่งเสริมความรูด้ า้ นคาศัพท์ของผู้เรียน 5. นาขอ้ มลู ท่ีไดม้ าวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล การวเิ คราะหข์ ้อมูล วเิ คราะห์ทักษะการออกเสียงคาศัพทภ์ าษาองั กฤษที่ไดจ้ ากการจดั การเรียนรู้ โดยใชก้ จิ กรรมเพลง โดยใช้ โปรแกรรมสาเร็จรปู ทางการศึกษา เพ่ือหาค่ารอ้ ยละ และคะแนนเฉลี่ย ผู้วิจัยเลือกใช้สถติ ิในการวิเคราะห์เพ่ือใหส้ อดคล้องกับลักษณะของข้อมูลและตอบวตั ถปุ ระสงค์ ดังนี้ 1) การวิเคราะหก์ ารออกเสยี งคาศัพท์ภาษาอังกฤษของนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 4/1 หลังการจัดการ เรยี นรู้ โดยใช้กจิ กรรมเพลง เพอ่ื ศึกษาทกั ษะการออกเสียงคาศัพทภ์ าษาองั กฤษของนกั เรยี น 2) การวเิ คราะห์พฒั นาการด้านทกั ษะการออกเสยี งคาศัพท์ภาษาองั กฤษของนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4/1 หลงั การจดั การเรยี นรู้ โดยใชก้ ิจกรรมเพลง ดว้ ยการทดสอบทางสถิติพน้ื ฐาน รอ้ ยละ สถติ ิทใี่ ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูลดงั น้ี ผู้วจิ ัยใช้คา่ ร้อยละในการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติทใ่ี ช้ ได้แก้ ค่ารอ้ ยละ (%) ค่ารอ้ ยละ ใชส้ ัญลกั ษณ์ % เขียนเปน็ สูตรในการคานวณได้ดงั น้ี % = จานวนนกั เรยี นท่ีได้คะแนนจานวนหน่งึ × 100 จานวนนักเรยี นทงั้ หมด บันทึกรายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศกึ ษา 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 หนา้ | 61
สรุปผลการวเิ คราะห์ ตารางแสดงผลการออกเสียงคาศัพท์ภาษาอังกฤษ รายการประเมิน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 1. ความถูกต้องในการออกเสยี ง = ดีมาก = ดี = พอใช้ = ปรบั ปรุง จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ คน จานวน ร้อยละ คน คน คน 2 33 1 17 -- 3 50 2. น้าเสียงและสาเนยี ง 2 33 3 50 1 17 - - จากแบบประเมนิ การออกเสยี งคาศัพท์ภาษาองั กฤษของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 จานวน 6 คน สามารถสรปุ ได้ดังน้ี นักเรียนออกเสียงคาศพั ทไ์ ดถ้ ูกตอ้ งเกนิ คร่ึงหนง่ึ ของจานวนคาศัพท์ อยู่ในเกณฑด์ ี มากทส่ี ดุ คิดเปน็ ร้อยละ 50 นักเรยี นมนี ้าเสยี งและสาเนียงชัดเจน ออกเสยี งสงู ต่าในระดบั อยู่ในเกณฑ์ดี มากท่สี ุด คิดเปน็ รอ้ ยละ 50 นกั เรียนออกเสยี งคาศพั ทไ์ ด้ถูกต้องทงั้ หมด อยู่ในเกณฑด์ มี าก คิดเป็นรอ้ ยละ 33 นกั เรยี นมนี า้ เสยี งและสาเนยี งชัดเจน ออกเสยี งสูงตา่ ในระดับ อยู่ในเกณฑ์ดมี าก คดิ เปน็ ร้อยละ 33 นกั เรียนออกเสยี งคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษได้ถูกต้องไม่น้อยกว่าครงึ่ หน่ึงของจานวนคาศัพท์ อยู่ในเกณฑพ์ อใช้ นอ้ ยท่สี ุด คดิ เป็นรอ้ ยละ 17 นักเรียนมนี า้ เสียงและสาเนียงคอ่ นขา้ งชดั เจน ออกเสียงสงู ต่าในระดบั อยู่ในเกณฑ์พอใช้ น้อยท่ีสดุ คิดเป็นร้อยละ 17 จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการประเมินการออกเสียงคาศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียน พบว่า นักเรียนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทาให้มีการพัฒนาการออกเสียงคาศัพท์ภาษาอังกฤษและมีความมั่นใจมาก ข้ึน ในการทาวิจัยในคร้ังนี้ปรากฏว่า นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4/1 จานวน 6 คน มีทักษะการออก เสียงคาศัพท์ภาษาอังกฤษ มีน้าเสียงและสาเนียงชัดเจน ออกเสียงสูงต่าในระดับ อยู่ในเกณฑ์ดี มากที่สุด และ ยังมีพ้ืนฐานความรู้คาศัพท์ภาษาอังกฤษท่ีดีอีกด้วย นักเรียนมีความพยายามในการออกเสียงคาศัพท์ ภาษาอังกฤษได้ดี มกี ารฝกึ ฝนและอยากทีจ่ ะลองออกเสียงดว้ ยตนเอง มีความมัน่ ใจในการออกเสยี งมากขึ้นและ ยงั สามารถพฒั นาทกั ษะการออกเสียงภาษาองั กฤษของนักเรยี นใหด้ ีข้ึน บันทกึ รายงานการปฏบิ ัติการสอนในสถานศึกษา 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 หนา้ | 62
สรุปผลการวจิ ยั 1. การออกเสียงคาศัพทภ์ าษาองั กฤษของนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4/1 หลังการจดั การเรียนรู้ โดยใชก้ จิ กรรมเพลง มพี ัฒนาและพ้ืนฐานความรู้คาศพั ท์ภาษาอังกฤษทดี่ ี 2. การพัฒนาการออกเสยี งคาศัพทภ์ าษาองั กฤษของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4/1 หลังการจดั การเรียนรู้ โดยใช้กจิ กรรมเพลง รอ้ ยละ 50 อยู่ในเกณฑ์ดี การเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนาไปใช้ 1.1 ครคู วรมกี ารติดตามพัฒนาการทักษะการออกเสยี งของนักเรยี นอยา่ งตอ่ เนื่อง 1.2 ครูควรมีกิจกรรมเพลงที่หลากหลาย เพ่ือไมใ่ หเ้ กิดความซ้าหรือจาเจ และดึงดดู ความสนใจของนักเรียน ได้มากข้นึ 1.3 ครคู วรศึกษารายละเอียดของการจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้กจิ กรรมเพลง จัดเตรยี มส่อื การเรียนรใู้ หพ้ ร้อม และจดั บรรยากาศใหเ้ อือ้ ต่อการเรียนรู้ เพ่ือให้การจัดกจิ กรรมการเรียนรเู้ ปน็ ไปตามขน้ั ตอนและบรรลวุ ัตถุประสงค์ บันทึกรายงานการปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศึกษา 2 ปีการศกึ ษา 2564 หน้า | 63
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ า English Grammar ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 สัปดาห์ท่ี 10 หนว่ ยการเรียนรู้ Comparative and superlative of long adjectives เวลา 14.00 – 14.40 น. มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.1 ตวั ชี้วดั ต 1.1 (ป.4/1, 4/2, 4/3) ชื่อครผู ้สู อน นางสาวธวัลรัตน์ แสงรัตน์ 1. ผลการเรยี นรู้ นักเรยี นไดเ้ รียนรู้เร่ือง Comparative and superlative of long adjectives คาคณุ ศัพท์ท่ีใชใ้ นการ เปรียบเทียบคน, สตั ว์, หรอื สง่ิ ของที่มีต้ังแต่ 3 สิง่ หรือมากกว่านั้น ทาให้ผู้เรยี นสามารถพูดและสื่อสารให้ข้อมูล ได้ 2. สาระการเรียนรู้ / เนอ้ื หา Comparative adjectives are used to compare differences between the two objects they modify. In this pattern: Noun + verb + comparative adjective + than + noun. For example: - This hotel is more expensive than the last hotel we stayed at. - Reading is more interesting than watching television. Superlative adjectives are used to describe an object which is at the upper or lower limit of a quality. In this pattern: Noun + verb + the + superlative adjective + noun. For example: - That shade of blue is the most beautiful color. - It’s the most difficult part of my job. 3. เทคนิควธิ กี ารสอน / รปู แบบการสอน 1. วธิ ีการสอนแบบบรรยาย 4. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 6. มุง่ มั่นในการทางาน 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 7. รกั ความเป็นไทย 2. ซอื่ สตั ย์สจุ ริต 3. มีวนิ ยั 8. มจี ติ สาธารณะ 4. ใฝ่เรียนรู้ 9. เชอื่ ม่ันและกลา้ แสดงออก 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง บนั ทึกรายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 2 ปีการศึกษา 2564 หน้า | 64
5. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) - นักเรยี นสามารถเข้าใจหลกั การใช้คาคณุ ศพั ท์ท่ใี ชใ้ นการเปรยี บเทยี บข้ันกว่าและขัน้ สุด ดา้ นทักษะ (Skill) - นกั เรียนสามารถบอกประโยคที่ใช้คาคณุ ศัพท์ทใ่ี ชใ้ นการเปรียบเทยี บข้นั กว่าและข้ันสุดได้ ด้านเจตคติ (Attitude) - นกั เรียนมีสว่ นรว่ มในการปฏิบัตกิ จิ กรรม 7. กระบวนการเรียนรู้ ข้นั นา 1. ครใู ห้นักเรียนดคู ลิปวิดโี อเกยี่ วกับ Comparative and superlative จากนน้ั ถามคาถามนักเรยี น จากการดวู ดิ โี อเกี่ยวกบั Comparative and superlative เพอ่ื กระตนุ้ ใหน้ กั เรียนตอบ ข้ันสอน 2. ครูใชก้ จิ กรรมเพลง โดยเพลงที่ 1 เพลง Big Bigger Biggest ให้นกั เรียนฟงั 1 รอบ ครูอา่ นออก เสยี งคาศัพท์ให้ฟัง 1 รอบ และใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสียงคาศัพทด์ ้วยตัวเอง โดยสุ่มนกั เรียนทลี ะคน พรอ้ ม สังเกตพฤติกรรม จากนน้ั เปดิ เพลงท่ี 2 เพลง Head Shoulders Knees & Toes ให้นกั เรยี นฟงั 1 รอบ ครู อา่ นออกเสยี งคาศัพท์ใหฟ้ งั 1 รอบ และให้นักเรยี นอ่านออกเสยี งคาศัพท์ดว้ ยตวั เอง โดยสุม่ นกั เรียนทีละคน พรอ้ มสังเกตพฤติกรรม 3. ครอู ธบิ ายการหลักใช้ Comparative and superlative of long adjectives และให้นกั เรียนอ่าน คาและประโยคเกย่ี วกบั Comparative and superlative เชน่ - This hotel is more expensive than the last hotel we stayed at. - Reading is more interesting than watching television. - That shade of blue is the most beautiful color. - It’s the most difficult part of my job. 4. ให้นักเรียนดภู าพและบอกประโยคท่ีใชค้ าคณุ ศัพท์ทใ่ี ช้ในการเปรียบเทยี บขั้นกวา่ และขนั้ สุดได้ บนั ทึกรายงานการปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา 2 ปีการศกึ ษา 2564 หน้า | 65
ข้ันสรปุ 5. ครแู ละนกั เรยี นรวบรวมความรู้ ทบทวนคาศัพท์และสรุปร่วมกนั ใหน้ กั เรยี นวิเคราะหโ์ ดยให้เลน่ เกม เรียงคาเป็นประโยค Comparative and superlative 8. สอื่ การเรยี นร้แู ละแหลง่ การเรยี นรู้ 1. PowerPoint 2. วิดีโอ Youtube 3. เพลง Big Bigger Biggest/ เพลง Head Shoulders Knees & Toes 4. เกมเรียงคาเป็นประโยค Wordwall บนั ทกึ รายงานการปฏบิ ัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา 2 ปีการศึกษา 2564 หน้า | 66
9. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารวดั ประเมิน การประเมิน และการประเมนิ ดา้ นความรู้ การตอบ นกั เรยี นสามารถเขา้ ใจหลักการ คาถาม แบบสังเกต คุณภาพคะแนนระดับ 2 ขึน้ ไป ใช้คาคณุ ศัพทท์ ่ใี ช้ในการ เปรยี บเทียบข้ันกวา่ และขน้ั สุด การตอบ พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ คาถาม ด้านทักษะ เรยี นรู้ 3 : บอกการใช้คาคุณศพั ท์ที่ใชใ้ นการเปรยี บเทยี บ นักเรยี นสามารถบอกประโยคท่ี สงั เกต ใช้คาคณุ ศพั ท์ท่ใี ชใ้ นการ พฤติกรรม ขนั้ กวา่ และขัน้ สุดได้ = ดี เปรยี บเทยี บขัน้ กวา่ และขัน้ สุด ได้ 2 : บอกการใช้คาคุณศัพท์ที่ใช้ในการเปรียบเทยี บ ด้านเจตคติ ขน้ั กว่าหรอื ขัน้ สดุ ได้ = พอใช้ นักเรียนมีส่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ กิจกรรม 1 : บอกการใช้คาคุณศัพท์ทใ่ี ช้ในการเปรยี บเทยี บ ข้นั กวา่ และขั้นสุดไมไ่ ด้ = ปรับปรุง เกมเรียงคา คณุ ภาพคะแนนระดบั 2 ข้ึนไป เปน็ ประโยค ผา่ นเกณฑ 3 : บอกประโยคทใี่ ช้คาคณุ ศัพท์ที่ใชใ้ นการ เปรียบเทยี บข้ันกวา่ และขั้นสุดได้ 10 ข้อ = ดี 2 : บอกประโยคที่ใช้คาคุณศัพท์ท่ีใชใ้ นการ เปรียบเทียบข้ันกว่าและข้นั สุดได้ 4-9 ข้อ = พอใช้ 1 : บอกประโยคที่ใช้คาคุณศัพท์ที่ใช้ในการ เปรยี บเทยี บขัน้ กวา่ และข้นั สุดไดน้ อ้ ยกวา่ 3 ข้อ = ปรับปรุง แบบสงั เกต คุณภาพคะแนนระดบั 2 ขนึ้ ไป พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ เรยี นรู้ 3 : มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ัติกจิ กรรมเป็นอย่างดี = ดี 2 : มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมบางคร้ัง = พอใช้ 1 : ไมม่ ีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิกจิ กรรมเลย = ปรบั ปรงุ บันทึกรายงานการปฏบิ ัตกิ ารสอนในสถานศกึ ษา 2 ปีการศกึ ษา 2564 หน้า | 67
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216