Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore LK012-หนังสือคุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม

LK012-หนังสือคุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม

Description: LK012-หนังสือคุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม

Search

Read the Text Version

àÅ¢Áาµร°า¹Ë¹ั§ส×Íสา¡Å : 978-616-429-726-5 พิมพ์ครั้งที่ ๑ : òõöð จ�านวนพิมพ์ : õðð àÅ‹Á ที่ปรÖกÉา พระเทพปริยัตยาจารย์, ดร. พระราชปริยัติกวี, ศ.ดร. พระสุนทรธรรมเมธี, ดร. พระศรีปริยัติธาดา พระมงคลสุตกิจ พระครูปริยัติกิตติธ�ารง, ผศ.ดร. ผศ.ดร.ปราโมทย์ เบญจกาญจน์ คณะท�างาน พระครูศรีปัญญาวิกรม ,ดร. : ประธานกรรมการ พระมหาพจน์ สุวโจ, ดร. : รองประธานกรรมการ รศ.ดร.เอกฉัท จารุเมธีชน : รองประธานกรรมการ พระครูวินัยธรอ�านาจ พลปฺโญ, ดร. : กรรมการ พระมหาภัฏชวัชร์ เขมทสฺสี, ดร. : กรรมการ รศ.วิเชียร ชาบุตรบุณฑริก : กรรมการ ดร.พีรพงษ์ มาลา : กรรมการ ดร.ชยาภรณ์ สุขประเสริฐ : กรรมการ ดร.บรรพต แคไธสง : กรรมการและเลขานุการ ดร.สงวน หล้าโพนทัน : กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นายมงคล สอนไธสง : กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นางสาวอรุณรัตน์ แก้วอรสาน : กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นางสาวศศิธร เกล่ียกระโทก : กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ พิสูจน์อักÉร : ดร.สิรภพ สวนดง และ ดร.วรเวช ศิริประเสริฐศรี รูปเล่ม : พระมหาพจน์ สุวโจ, ดร. ออกแบบปก : อเนก เอื้อการุณวงศ์ พิมพ์ที่ : ÊÒÅоÔÁ¾กÒà ๙/๖๐๙ ซอยกระทุ่มล้ม ๖ ถนนพุทธมณฑลสาย ๔ ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม ๗๓๒๒๐ โทร. ๐-๒๔๒๙๒๔๕๒, ๐๙๘-๘๗๖๖๑๙๖ Email : [email protected]

ก ค�ำนยิ ม การจดั ประชมุ ทางวชิ าการระดบั ชาติ ภายใตห้ วั ขอ้ เรอื่ ง “การวจิ ยั ทางพระพทุ ธ ศาสนาเพอื่ พฒั นาความหลากหลายทางวฒั นธรรมในอสี านใต”้ ณ วนั ที่ ๒๐ มนี าคม ๒๕๖๐ ถือว่าเป็นการจัดงานประชุมทางวิชาการคร้ังแรกของวิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จุดประสงค์หลักของงานคร้ังนี้ คือเป็น เวทีน�ำเสนอผลงานทางวิชาการของคณาจารย์ และนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา เพื่อแสดง ให้เห็นถึงศักยภาพด้านวิชาการ และเพ่ือพัฒนาต่อยอดในอนาคต จากการประชมุ ปรกึ ษาหารอื ของคณะท�ำงานได้ข้อตกลงรว่ มกนั วา่ งานประชมุ ทางวิชาการระดับชาติคร้ังน้ี เห็นสมควรคัดเลือกงานวิจัยของคณาจารย์วิทยาลัยสงฆ์ บุรีรัมย์ เพื่อน�ำมาตีพิมพ์เผยแพร่ นอกจากเป็นการยกย่องสรรเสริญความสามารถของ คณาจารย์แล้ว ยังเป็นการน�ำเสนอผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมในอีสานใต้ ด้วยเหตุนั้น จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ตีพิมพ์งานวิจัยเร่ือง “คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่ม ปราสาทขอมท่ีมีต่อวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์” ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของ พระมหาถนอม อานนฺโท ซึ่งเป็นอาจารย์ประจ�ำสาขาวิชาพระพุทธศาสนา วิทยาลัย สงฆ์บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ขอขอบคุณคณะท�ำงานจัดพิมพ์เอกสารทางวิชาการทุกท่าน ซ่ึงมีพระครู ศรีปัญญาวิกรม, ดร. ในฐานะรองผู้อ�ำนวยการฝ่ายวิชาการ ซ่ึงรับหน้าที่เป็นประธาน กรรมการควบคุมดูแลจนหนังสือส�ำเร็จเป็นรูปเล่มอย่างสมบูรณ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า งานวจิ ยั เลม่ นจี้ ะสามารถตอบคำ� ถามเกย่ี วกบั วฒั นธรรมในอสี านใต้ โดยเฉพาะเรอ่ื งราว ของปราสาทขอมได้อย่างชัดเจนถูกต้อง พระศรีปริยัติธาดา ผู้อ�ำนวยการวิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์

ข คำ� แถลง วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดประชุม ทางวิชาการระดับชาติ ครั้งท่ี ๑ ภายใต้หัวข้อ “การวิจัยทางพระพุทธศาสนาเพื่อ พัฒนาความหลากหลายทางวัฒนธรรมในอีสานใต้” วันท่ี ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยมีจุดประสงค์หลักคือ เพื่อเป็นเวทีน�ำเสนอผลงานทางวิชาการของคณาจารย์ และนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา ซ่ึงถือเป็นการเชื่อมโยงพันธกิจด้านการผลิตบัณฑิต การวิจัย และการบริการวิชาการแก่สังคมอีกโสตหน่ึงด้วย ในการจัดงานครั้งนี้ คณะท�ำงานได้พิจารณาเห็นว่า งานวิจัยเรื่อง “คุณค่า และอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นจังหวัดบุรีรัมย”์ ของพระมหาถนอม อานนฺโท อาจารย์ประจ�ำสาขาวิชาพระพุทธศาสนา วิทยาลัยสงฆ์ บุรีรัมย์ มีเนื้อหาสอดคล้องกับประเด็นการประชุมทางวิชาการระดับชาติคร้ังนี้ สมควร ได้รับตีพิมพ์เผยแพร่ อีกท้ังยังเป็นการให้ก�ำลังใจ สร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นให้ คณาจารย์ท่านอื่น ๆ ได้มองเห็นความส�ำคัญของพัฒนาผลงานทางวิชาการ อันถือ เป็นส่วนหนึ่งของการประกันคุณภาพการศึกษา และถือเป็นนโยบายท่ีส�ำคัญของ วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ในอันท่ีจะยกระดับมาตรฐานทางวิชาการของคณาจารย์ให้เป็นที่ ปรากฏยิ่ง ๆ ข้ึนไป อนงึ่ การตพี มิ พค์ รง้ั น้ี ไดม้ อบหมายใหผ้ วู้ จิ ยั และคณะทำ� งานไดป้ รบั ปรงุ เนอื้ หา งานวิจัย ท้ังในส่วนของตัดทอน เพ่ิมเติม และแก้ไขเน้ือหาบางส่วน เพ่ือความสมบูรณ์ ยิ่งข้ึน จึงขอขอบคุณ พระมหาถนอม อานนฺโท หัวหน้าโครงการวิจัย และคณะ รวมทั้งพระมหาพจน์ สุวโจ, ดร. ท่ีรับภาระเพ่ิมเติมเน้ือหา และจัดท�ำรูปเล่มในคราว ครั้งน้ี พระครูศรีปัญญาวิกรม, ดร. รองผู้อ�ำนวยการฝ่ายวิชาการ ประธานคณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางวิชาการ

ค ค�ำนำ� ผ้เู ขียน การศึกษาเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพ่ือส�ำรวจโบราณสถานกลุ่มปราสาทขอมใน เขตจังหวัดบุรีรัมย์ และวิเคราะห์คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชน ในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยท�ำการศึกษาส�ำรวจโบราณสถานกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีอยู่ใน จังหวัดบุรีรัมย์จ�ำนวน ๖๙ แห่ง เพ่ือท�ำข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน จากน้ันด�ำเนินการเก็บ รวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เร่ืองคุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อ ชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์กับนักวิชาการ เจ้าหน้าท่ีผู้ดูแลกลุ่มปราสาทขอม ประชาชนใน จังหวัดบุรีรัมย์ คณะสงฆ์ ข้าราชการ และปราชญ์ท้องถ่ิน ผลของการส�ำรวจปราสาทขอมพบว่า การสร้างปราสาทขอมเร่ิมแรกเป็นการ สร้างตามคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ เพ่ือเป็นการจ�ำลองจักรวาล โดยเฉพาะ เมืองสวรรค์ว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง ที่เห็นเด่นชัดคือการจ�ำลองเขาไกรลาสอัน เป็นที่ประทับของพระศิวะ หรือเขาพระสุเมรุอันเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ซ่ึงแต่ละ ส่วนประกอบก็จะแฝงไปด้วยคติความเชื่อ ท�ำให้ผู้พบเห็นสามารถจินตนาการถึง ศูนย์กลางจักรวาลและท่ีประทับขององค์ศิวะ ในส่วนคุณค่าของปราสาทขอมพบว่า ท�ำให้เกิดเอกลักษณ์ประจ�ำถิ่นของ จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก อาคารบ้านเรือน ท่ีอยู่อาศัย แหล่งเรียนรู้ด้าน โบราณสถาน ทำ� ใหเ้ กดิ รายไดแ้ กช่ มุ ชน จากการนำ� เอาเอกลกั ษณท์ โี่ ดดเดน่ ของปราสาท ขอมมาสร้างสรรค์งานฝีมือและของที่ระลึก ด้านสังคมและการเมืองนั้นก็มีความสงบสุข เพราะเกิดการเกรงกลัวต่อสิ่งศักดิ์ไม่กล้าท�ำผิดต่อค�ำม่ันสัญญาที่ให้ไว้ต่อโบราณสถาน นั้น ๆ ความงามจากสถาปัตยกรรมท่ีสร้างสรรค์ดีแล้วก็ท�ำให้เกิดสุนทรียะแก่ผู้พบเห็น

ประการสุดท้าย ส่วนที่ว่าด้วยอิทธิพลของปราสาทขอมพบว่า ปราสาทขอมมี ส่วนส�ำคัญท�ำให้เกิดพลังในด้านต่างๆ ท�ำให้บุคคลยอมปฏิบัติตาม คล้อยตาม เห็นตาม ในสิ่งท่ีตนได้พบเห็น และมีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของปราสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านวิถีชีวิต ท�ำให้บุคคลเว้นข้อห้าม และปฏิบัติตามระเบียบ กฎ กติกา ของสังคม ไม่เอาเปรียบคนอื่น และไม่ท�ำลายสาธารณสมบัติ พระมหาถนอม อานนฺโท

สารบญั ก ข ค�ำนิยม ค ค�ำแถลง ๒ ค�ำน�ำผู้เขียน ๔ บทที่ ๑ บทน�ำ ๔ ๑.๑ ความส�ำคัญของปัญหา ๕ ๑.๒ วัตถุประสงค์ของการศึกษา ๖ ๑.๓ ขอบเขตของการศึกษา ๙ ๑.๔ นิยามศัพท์ท่ีใช้ในการศึกษา ๑๐ ๑.๕ ทบทวนเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ๑๔ ๑.๖ วิธีด�ำเนินการศึกษา ๑๗ ๑.๗ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ๒๗ บทที่ ๒ ข้อมูลพื้นฐานจังหวัดบุรีรัมย์ ๒๙ ๒.๑ ความเป็นมาของจังหวัดบุรีรัมย์ ๓๐ ๒.๒ สภาพภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศ และภูมิอากาศ ๓๙ ๒.๓ การปกครองและประชากรของจังหวัดบุรีรัมย์ ๔๗ ๒.๔ สภาพทางเศรษฐกิจของจังหวัดบุรีรัมย์ ๕๒ ๒.๕ ชุมชนโบราณในจังหวัดบุรีรัมย์ ๕๖ ๒.๖ กลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดบุรีรัมย์ ๕๘ บทท่ี ๓ ส�ำรวจข้อมูลปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์ ๓.๑ ปราสาทเขาพนมรุ้ง ๓.๒ ปราสาทหินเมืองต่�ำ ๓.๓ ปราสาทเขากระโดง ๓.๔ ปราสาทหนองหงส์

๓.๕ ปราสาทโคกปราสาท (ปราสาทโคกง้ิว) ๖๐ ๓.๖ ปราสาทหนองโปร่ง (ปราสาทหนองปล่อง) ๖๒ ๓.๗ ปราสาทถมอ (ปราสาททะมอ) ๖๓ ๓.๘ ปราสาทบ้านปราสาท ๖๕ ๓.๙ ปราสาทกู่สวนแตง ๖๗ ๓.๑๐ ปราสาทโคกปราสาท (ปราสาทหนองกงหรือปราสาทท้าวกง) ๗๐ บทที่ ๔ วิเคราะห์คติความเชื่อการสร้างปราสาท ๘๕ ๔.๑ ปรางค์ประธาน ๘๗ ๔.๒ วิหารหรือมณฑป ๘๗ ๔.๓ ปรางค์อิฐ ๘๘ ๔.๔ ปรางค์น้อย ๘๘ ๔.๕ บรรณาลัย ๙๐ ๔.๖ โคปุระหรือซุ้มประตู ๙๐ ๔.๗ ระเบียงคต ๙๑ ๔.๘ บาราย (สระน�้ำ) ๙๒ ๔.๙ เนินพลับพลา ๙๒ ๔.๑๐ ธรรมศาลา ๙๓ ๔.๑๑ ถนนหน้าปราสาท ๙๓ ๔.๑๒ สะพานนาคราช ๙๕ ๔.๑๓ บันไดขึ้นสู่ปราสาท ๙๖ ๔.๑๔ ชานบันไดและที่ต้ังปราสาท บทที่ ๕ คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ๕.๑ คุณค่าของกลุ่มปราสาทขอมที่มีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ๑๑๒ - ด้านเอกลักษณ์ - ด้านการศึกษา - ด้านเศรษฐกิจ - ด้านสังคม

- ด้านการเมือง - ด้านสุนทรียะ - ด้านอ่ืน ๆ ๕.๒ อิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ๑๒๗ - ด้านจักรวาลวิทยา ๑๔๔ - ด้านเทววิทยา ๑๔๖ - ด้านสถาปัตยกรรม ๑๔๙ - ด้านวรรณกรรมพื้นบ้าน ๑๕๖ - ด้านศิลปะการแสดง - ด้านวิถีชีวิต - ด้านอื่น ๆ บทที่ ๖ บทสรุปและข้อเสนอแนะ ๖.๑ สรุปผลการวิจัย ๖.๒ ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม สูจิบัตร



บทน�า 1 ๑ บทนาํ

๑.๑ ความส�ำคัญของปัญหา บนผืนแผ่นดินของประเทศไทยในปัจจุบันมีร่องรอยแห่งอารยธรรมโบราณ ต่าง ๆ หลายจงั หวัดปรากฏใหเ้ ห็นตงั้ แตอ่ ดีตจวบจนกระทง่ั ถงึ ปจั จบุ นั เช่น อารยธรรม ขอม อารยธรรมทวารวดี อารยธรรมศรีวิชัย เป็นต้น อารยธรรมเหล่านี้มีมาก่อน พระพุทธศาสนาแบบลังกาจะมาเจริญรุ่งเรืองในประเทศไทย ปัจจุบันดินแดนอีสานใต้ ของประเทศไทยได้ปรากฏร่องรอยซากปราสาทขอมกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในแต่ละ จังหวัด สะท้อนให้เห็นอารยธรรมขอมหรือเขมรในอดีตก่อนท่ีชุมชนแถบนี้จะรับเอา อารยธรรมพุทธ อย่างน้อยนับถอยหลังต้ังแต่พุทธศตวรรษท่ี ๑๓ เป็นต้นไป โบราณ สถานเหล่าน้ีเชื่อมโยงให้เห็นประวัติศาสตร์ ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ศาสนา ความคิด ความเช่ือในศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ ซ่ึงถือเป็นศาสนาดั้งเดิมของคนในภูมิภาคน้ี นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีไทยได้ท�ำการศึกษาสืบค้นทางโบราณคดีและ ทางประวัติศาสตร์ มีการบันทึกเรื่องราวความเป็นมาไว้อย่างเป็นระบบ ส�ำหรับจังหวัดบุรีรัมย์น้ัน กรมศิลปากรได้ท�ำการส�ำรวจพบโบราณสถานขอม ที่เรียกว่าปราสาทน้ัน มีจ�ำนวน ๕๘ แห่ง ซึ่งปราสาทแต่ละแห่งก่อสร้างด้วยวัสดุที่ แตกต่างกันออกไป เช่น ก่อด้วยอิฐ ศิลาแลง หินทราย หรือวัสดุท้ัง ๓ ประเภทร่วม กัน กระจายอยู่ในพ้ืนท่ีอ�ำเภอต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในสภาพพังทลายไปตามกาลเวลา ปัจจุบัน มีปราสาทหลายแห่งที่กรมศิลปากรได้ท�ำการบูรณะให้มีสภาพสมบูรณ์ เช่น ปราสาท พนมรงุ้ ปราสาทเมอื งต�่ำ เป็นตน้ ซงึ่ ในการบรู ณะปราสาทต่าง ๆ เหลา่ น้ี กรมศลิ ปากร ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาและรายละเอียดต่าง ๆ ไว้อย่างเป็นระบบ แต่ในปัจจุบันการสืบค้นในมิติทางศาสนายังน้อยอยู่เม่ือเทียบกับการสืบค้นใน มิติอ่ืน การไหลบ่าเข้ามาของพระพุทธศาสนา ท�ำให้ความคิดความเช่ือของคนไทย

บทน�า 3 เปลี่ยนแปลงไปตามโลกทัศน์แห่งพระพุทธศาสนามหายานและเถรวาทตามล�าดับ การมองโลกและชีวิตตามกระบวนทัศน์แบบเทวนิยมของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ค่อย ๆ เลือนรางลงไป ประเด็นที่น่าสนใจคือหลังจากที่กลุ่มปราสาทขอมได้แผ่ขยายอยู่ในอ�าเภอ ต่าง ๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันน้ัน ครั้นพระพุทธศาสนาเถรวาทได้แผ่ ขยายเข้ามาครอบครองผืนแผ่นดินไทยบริเวณนี้แทนพื้นท่ีของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แล้ว ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อโลกทัศน์ ชีวทัศน์ ของชุมชนที่เคยให้ความเชื่อถือ ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูอย่างไร ในปัจจุบันกลุ่มปราสาทขอมอันเป็นเทวสถาน เป็น ศาสนสถาน เป็นสถานท่ีอันศักด์ิสิทธ์ิ และถูกพัฒนาเป็นสถานท่ีท่องเท่ียว สิ่งเหล่าน้ี ส่งผลต่อการด�ารงชีวิตของชุมชนอย่างไร ดังน้ัน คณะผู้วิจัยจึงสนใจท่ีจะศึกษาค้นคว้า กลุ่มปราสาทที่ปรากฏในจังหวัดบุรีรัมย์ในมิติทางศาสนาและปรัชญา โดยมุ่งศึกษา ส�ารวจโบราณสถานกลุ่มปราสาทขอมในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ ด้านคุณค่าและอิทธิพล ของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อวิถีชีวิตของประชาชนหรือกลุ่มชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ใน ด้านเอกลกั ษณ์ ดา้ นการศกึ ษา ดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นสงั คม ด้านการเมือง ดา้ นสุนทรียะ และมีอิทธิพลในด้านจักรวาลวิทยา ด้านเทววิทยา ด้านสถาปัตยกรรม ด้านวรรณกรรม ด้านศิลปะการแสดง และด้านวิถีชีวิต เป็นต้น อย่างไรบ้าง

4 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๑.๒ วัตถุประสงค์ของการศึกษา ๑. เพ่ือส�ารวจโบราณสถานกลุ่มปราสาทขอมในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ ๒. เพื่อวิเคราะห์คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนใน จังหวัดบุรีรัมย์ ๑.๓ ขอบเขตของการศึกษา การศึกษาครั้งน้ีมุ่งไปท่ีคุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อวิถีชีวิต ของคนท้องถ่ินจังหวัดบุรีรัมย์ มีรายละเอียดในการศึกษาดังน้ี ๑.๓.๑ ด้านเนื้อหา : การศึกษาครั้งนี้ได้ก�าหนดกรอบของเน้ือหาไว้ ๒ ด้าน ได้แก่ (๑) ส�ารวจโบราณสถานกลุ่มปราสาทขอมในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ (๒) วิเคราะห์ คุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ๑.๓.๒ ด้านประชากร : ได้แก่ปราสาทขอมในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ จ�านวน ๑๐ แห่ง ๑๐ อ�าเภอ จากจ�านวนท้ังหมด ๕๙ แห่ง ซึ่งมีดังต่อไปน้ี (๑) ปราสาทเขาพนมรุ้ง ที่ตั้ง หมู่ที่ ๒ (บ้านดอนหนองแหน) บ้านตาเปˆก ต�าบลตาเปˆก อ�าเภอเฉลิมพระเกียรติ (๒) ปราสาทเมืองตา�่ ทต่ี งั้ บา้ นโคกเมอื ง ตา� บลจระเขม้ าก อา� เภอประโคนชัย (๓) ปราสาทเขากระโดง ที่ต้ัง บ้านน้�าซับ ต�าบลเสม็ด อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ (๔) ปราสาทหนองหงส์ หมู่ ๙ บ้านโนนดินแดง ต�าบลโนนดินแดง อ�าเภอ โนนดินแดง (๕) ปราสาทโคกปราสาท (ปราสาทโคกงิ้ว) ท่ีตั้ง วัดโคกงิ้ว หมู่ ๓ บ้านโคกง้ิว ต�าบลปะค�า อ�าเภอปะค�า (๖) ปราสาทหนองปล่อง ตั้งอยู่ท่ีวัดป่าโคกปราสาท ต�าบลหนองปล่อง อ�าเภอช�านิ

บทน�า 5 (๗) ปราสาทถมอ ตั้งอยู่ที่ บ้านละหานทรายเก่า ต�าบลหินลาด อ�าเภอ บ้านกรวด (๘) ปราสาทบ้านโคกปราสาท ตั้งอยู่ท่ี บ้านปราสาท ต�าบลจันดุม อ�าเภอ พลับพลาชัย (๙) ปราสาทกู่สวนแตง ท่ีตั้งบ้านดงยาง ต�าบลกู่ส่วนแตง อ�าเภอบ้านใหม่ ไชยพจน์ (๑๐) ปราสาทหนองกงหรือท้าวกง ต้ังอยู่ที่กลางทุ่งนา ระหว่างบ้านหนอง กงกับบ้านตะลองตอง ต�าบลหนองกง อ�าเภอนางรอง เหตุผลในการเลือกปราสาท ๑๐ แห่ง มีดังต่อไปน้ี ๑. เป็นการสุ่มตัวอย่าง เพื่อความเหมาะสมกับระยะเวลาในการศึกษา ๒. มีความโดดเด่นและความสมบูรณ์กว่าปราสาทอ่ืนตามล�าดับและอยู่ ต่างอ�าเภอ ๓. ประชาชนให้ความส�าคัญเป็นพิเศษกว่าปราสาทขอมอื่น ๆ ๔. มีคุณค่าและอิทธิพลต่อประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ๕. ควรได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากรให้เป็นสถานท่ีท่องเท่ียว ๑.๓.๓ ด้านพื้นที่ : ปราสาทในแต่ละอ�าเภอ จ�านวน ๑๓ อ�าเภอ จ�านวน ๕๙ แหง่ ในจงั หวดั บรุ รี มั ย์ เลอื กเอาเฉพาะปราสาททมี่ คี วามโดดเดน่ จา� นวน ๑๐ แหง่ ๑.๔ นิยามศัพท์ที่ใช้ในการศึกษา คุณค่า หมายถึง สิ่งท่ีมีประโยชน์หรือก่อให้เกิดประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่ง ต่อบุคคลหรือชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบแหล่งโบราณสถาน ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ อิทธิพล หมายถึง พลังหรืออ�าอาจอย่างใดอย่างหน่ึงท่ีท�าให้บุคคลยอมตาม คล้อยตาม เห็นตาม หรือปฏิบัติตาม

6 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม คติความเช่ือ หมายถึง การเห็นตามหรือคล้อยตามสิ่งใดส่ิงหนึ่งด้วยความ ม่ันใจ ด้วยความไว้วางใจ และด้วยความนับถือ เชื่อถือในส่ิงน้ัน ปราสาทขอม หมายถึง ศาสนสถาน เทวาลัย อาคาร ปราสาท ปรางค์ และกู่๑ สถาปัตยกรรมประเภทหน่ึงของศิลปะเขมรโบราณ๒ วิถีชีวิต หมายถึง การด�าเนินชีวิตโดยภาพรวมหรือความเป็นอยู่ในชีวิตประจ�า วันของกลุ่มบุคคลหรือประชาชนในแต่ละสังคม บนพ้ืนฐานทางวัฒนธรรมของชุมชน หรือในสังคมนั้น ๆ คนท้องถ่ิน หมายถึง กลุ่มบุคคลหรือชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบแหล่ง โบราณสถาน ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ ๑.๕ ทบทวนเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง ธิติพงศ์ พิรุณ, (๒๕๕๓), เสนองานวิจัยเรื่อง “ปราสาทพนมรุ้ง : แนวทาง การอนุรักษ์พิธีกรรมทางศาสนาเพื่อส่งเสริมการท่องเท่ียวทางวัฒนธรรม” พบว่า ประวัติและความเป็นมาของพิธีกรรมทางศาสนาท่ีปราสาทพนมรุ้งมาจากความเชื่อว่า โบราณสถานทมี่ คี วามสา� คญั ทางประวตั ศิ าสตรท์ สี่ รา้ งขน้ึ เพอื่ เปน็ ทป่ี ระทบั ของพระศวิ ะ ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อบูชาพระศิวะเทพเจ้าแห่งความศักดิ์สิทธ์ิของศาสนาฮินดู ตลอดจนเทพผู้รักษา ปราสาทพนมรุ้ง ซ่ึงเป็นโบราณสถานที่มีความมหัศจรรย์ มีการปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่ โบราณ เพ่ือช่วยให้ประชาชนได้รับความสุขความเจริญก้าวหน้า ประสบความส�าเร็จ ช่วยรักษาการเจ็บป่วยได้ และช่วยให้เกิดความสามัคคีในชุมชน๓ ภควัต ปิตตาทะโน, (๒๕๕๓), เสนองานวิจัยเร่ือง “นา¯ยประดิษฐ์ : การศึกษาประติมากรรมภาพสลักปราสาทพนมรุ้งเพื่อสร้างชุดการแสดง”, ผลจาก การวิจัยพบว่า ปราสาทพนมรุ้งสร้างจากหินทรายสีชมพู บนภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วโดย พระเจ้าราเชนทรวรมันท่ี ๒ ได้สถาปนาเทวาลัยแห่งนี้ถวายพระอิศวรท่ีเขาพนมรุ้ง ค�าว่าพนมรุ้งหรือเดิมว่า วนมฺ รุงฺ หมายถึง ภูเขาอันย่ิงใหญ่ ประติมากรรมภาพสลัก ท่ีปรากฏบนทับหลังหน้าบัน กรอบประตู และส่วนต่าง ๆ ของปราสาทพนมรุ้ง ส่วน

บทน�า 7 ใหญ่เป็นภาพท่ีมีเน้ือหาเก่ียวกับเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ภาพเล่าเรื่องรามายณะ และ มหาภารตะ ภาพเทพประจ�าทิศต่าง ๆ และที่ส�าคัญบนทับหลังปราสาทปรางค์ประธาน ด้านทิศตะวันออก มีภาพสลักรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์และภาพพระศิวะนาฏราช ชุดการแสดงท่ีเกี่ยวเน่ืองกับปราสาทพนมรุ้งในปัจจุบัน คือ ระบ�าอัปสรพนมรุ้ง และ ระบา� พมิ ายปรุ ะ เปน็ การแสดงในเชงิ สรา้ งสรรคใ์ นรปู แบบโบราณคดหี รอื เรยี กวา่ นาฏยคด๔ี สมบัติ ประจญสานต์, (๒๕๔๔) เสนองานวิจัยเร่ือง “สถาปัตยกรรมร่วม สมัยที่มีแนวคิดในการออกแบบจากปราสาทขอม กรณีศึกษา : จังหวัดบุรีรัมย์”, พบว่า ส�าหรับความคิดเห็นที่มีต่อสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่มีแนวคิดในการออกแบบ จากปราสาทขอม นักวิชาการและบุคคลทั่วไปส่วนใหญ่เห็นด้วยหากสถาปนิกจะน�า ลักษณะปราสาทขอมมาใช้ในการออกแบบลักษณะทางกายภาพของสถาปัตยกรรม ร่วมสมัยประเภทศูนย์วัฒนธรรม หรือพิพิธภัณฑ์ โครงการต่อไปในจังหวัดบุรีรัมย์และ ยอมรบั วา่ กลวธิ กี ารออกแบบของสถาปนกิ โดยการประยกุ ตใ์ หร้ ปู ทรงหรอื สว่ นประกอบ ทางสถาปตั ยกรรมใหม้ ลี กั ษณะใกลเ้ คยี งกบั ลกั ษณะดง้ั เดมิ นน้ั ทา� ใหล้ กั ษณะทางกายภาพ ของสถาปัตยกรรมที่ปรากฏแสดงลักษณะปราสาทขอมได้ชัดเจน โดยท้ังสองกลุ่มมี ความคิดเห็นท่ีแตกต่างกันในบางลักษณะทางกายภาพของสถาปัตยกรรม ท่ีสถาปนิก สามารถออกแบบประยุกต์จากลักษณะดั้งเดิมแล้วท�าให้สถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่ ออกแบบขึ้นใหม่ ให้คงแสดงลักษณะปราสาทขอม๕ ธัญญพร เขียมรัมย์, (๒๕๕๔), เสนองานวิจัยเร่ือง “แนวทางการพัฒนา และการจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยว กรณีศึกษา : ปราสาท หนองหงส์อ�าเภอ โนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์” พบว่า ปราสาทหนองหงส์ เป็นแหล่งท่องเท่ียวเชิง ประวตั ศิ าสตร์ ทม่ี นี กั ทอ่ งเทย่ี วมาเยย่ี มนอ้ ยและเปน็ เพยี งแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทนี่ กั ทอ่ งเทยี่ ว สัญจรผ่านไปมาเท่านั้น ซ่ึงปราสาทหนองหงส์นั้นเป็นปราสาทขอมโบราณท่ีมีคุณค่า ทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การรักษาไว้ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ีสามารถให้ความ ในการเย่ียมชมปราสาท๖ เทียนชัย ให้ศิริกุล, (๒๕๓๘), เสนองานวิจัยเรื่อง “บทบาทของประชาชน ท้องถ่ินท่ีมีต่อการอนุรักษ์และส่งเสริมส่ิงแวดล้อมศิลปกรรม กรณีศึกษา : ปราสาท หินพนมรุ้งและปราสาทกู่สวนแตง จังหวัดบุรีรัมย์” สรุปความได้ว่า ประชาชนได้รับ

8 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ความรเู้ กยี่ วกบั ประวตั ขิ องประเพณขี น้ึ เขาพนมรงุ้ จากผอู้ าวโุ สในทอ้ งถน่ิ มากทส่ี ดุ แหลง่ ส่ิงแวดล้อมศิลปกรรมในท้องถิ่นท่ีรู้จักมากท่ีสุด คือปราสาทพนมรุ้ง ส่วนปราสาทกู่ สวนแตงประชาชนรู้จักเป็นอันดับที่ ๔ ในเรื่องบทบาทเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ศิลปกรรมน้ัน กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าบุคคลในท้องถิ่นควรมีบทบาทในการอนุรักษ์ส่ิง แวดล้อมศิลปกรรมมากท่ีสุด เพื่อเป็นแหล่งท่ีให้ความรู้ เกี่ยวกับการดูแลรักษา ป้องกัน ฟ„œนฟูส่ิงแวดล้อมศิลปกรรมได้มากท่ีสุด และส่วนใหญ่เห็นด้วยเป็นอย่างมากที่จะให้มี การตั้งกลุ่มอาสาสมัคร ชมรม เพ่ือช่วยกันดูแลป้องกันโบราณสถานในท้องถิ่น ส่วน ใหญ่จะมีส่วนร่วมในการท�ากิจกรรมประเพณีท้องถิ่น เพ่ือส่งเสริมอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม ศิลปกรรมในระดับปานกลาง÷ ศศิธร จันทร์ใบ, (๒๕๔๕) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง “การศึกษาคติการออกแบบ ปราสาทหนิ พมิ าย อา� เภอพมิ าย จงั หวดั นครราชสมี า” พบวา่ คตกิ ารออกแบบปราสาท หินพิมาย สามารถสรุปเกณฑ์ของการออกแบบท่ีสะท้อนให้เห็นถึงแนวความคิดในการ ออกแบบปราสาทหินพิมายให้เป็นสัญลักษณ์ของจักรวาลและมณฑลได้ ๔ ประการ คือ ๑) การเลือกท�าเลท่ีต้ังของเมืองและปราสาทท่ีอาศัยภูมิประเทศตามธรรมชาติเป็น สว่ นของการสร้างเมืองตามระบบจกั รวาลในพุทธศาสนา ๒) ระบบแผนผังของปราสาท ที่เป็นโครงสร้างของปราสาทที่มีระเบียงคดล้อมรอบปราสาทประธาน โดยมีศูนย์กลาง ผังอยู่ที่ปราสาทประธาน และมีการออกแบบที่ยึดแผนภาพของมณฑลในศาสนา พราหมณ์เป็นแผนผังของปราสาท อีกท้ังยังมีการออกแบบและการวางต�าแหน่งอาคาร ต่างๆ ภายในแผนผังท่ีสะท้อนให้เห็นถึงแบบจ�าลองของจักรวาล ๓) ระบบการใช้แกน โลกเป็นแกนประธานของแผนผัง ซ่ึงมีความสัมพันธ์กับวิถีการโคจรของดวงอาทิตย์ ๔) การออกแบบแผนผังของภาพสลักบนหน้าบัน ทับหลังประดับประตู และกลีบขนุน ท่ีปราสาทประธาน ให้มีความสอดคล้องกับแผนผังของปราสาทและตัวอาคาร โดยมี การแบ่งเนื้อหาออกเป็นห้วง และให้มีความสัมพันธ์กับระบบแนวแกนประธานและ ต�าแหน่งของเทพเจ้าประจ�าทิศต่าง ๆ๘ มานิตา เข่ือนขันธ์ (๒๕๔๘), ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง “พระพุทธรูปนาคปรกศิลา ศิลปะขอมช่วงพุทธตวรรษที่ ๑๗-๑๙ ท่ีพบในจังหวัดลพบุรี” พบว่า ๑) รูปแบบ โดยรวมของพระพุทธรูปนาคปรกศิลาท่ีพบในจังหวัดลพบุรี มีความสัมพันธ์กับพระพุทธ

บทน�า 9 รูปนาคปรกในเมืองพระนครประเทศกัมพูชาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีพบว่า ช่างลพบุรี ได้ใส่ลักษณะความเป็นพื้นถ่ินเข้าไปด้วย โดยในช่วงเวลาเดียวกับสมัยนครวัดนั้น ช่าง ลพบรุ ไี ดแ้ กะสลกั ลวดลายสามเหลยี่ มเรขาคณติ ทกี่ ลางกะบงั หนา้ ศริ าภรณข์ องพระพทุ ธ รูปนาคปรกศิลา และการสลักขอบกะบังปิดขมับท้ังสองข้าง ส่วนในสมัยบายน ช่าง ลพบรุ นี ยิ มสลกั ใบหนา้ พระพทุ ธรปู ใหย้ าวกวา่ ทพี่ บในเมอื งพระนคร ทง้ั นี้ นอกจากความ สร้างสรรค์ของกลุ่มช่างในแถบนี้แล้ว ยังพบว่าช่างอาจได้แรงบันดาลใจจากพ้ืนท่ีอื่น ๆ ด้วย คือ ในยุคหลังสมัยบายน ช่างนิยมสลักเม็ดพระศกลึก พระเนตรยาวเรียวและ เหลือบต่�าตามแบบพระพุทธรูปซ่ึงนิยมในแถบภาคกลางของไทย ๒) ส�าหรับคติและ ความหมาย การสร้างพระพุทธรูปนาคปรกศิลา พบว่ามีแนวคิด ๒ ทาง ท่ีมีความเป็น ไปได้ แนวทางแรก คอื พระพทุ ธรปู นาคปรกนา่ จะสร้างขน้ึ ตามเหตุการณใ์ นพุทธประวัติ หลังจากตรัสรู้ แนวทางท่ีสอง คือ สร้างเพื่อแทนพระอาทิพุทธเจ้า โดยประดิษฐานร่วม กับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และนางปรัชญาปารมิตา ในคติรันตรัยมหายาน๙ ๑.๖ วิธีด�าเนินการศึกษา การศึกษาคร้ังน้ี คณะผู้ศึกษาใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยมีขั้นตอนของการศึกษาดังต่อไปน้ี ๑.๖.๑ ขั้นส�ารวจข้อมูลเชิงเอกสาร ด�าเนินการส�ารวจและวิเคราะห์ข้อมูล จากหลักฐาน ๒ ประเภท คือ ๑) ศึกษาเอกสารข้ันปฐมภูมิ ได้แก่ ประวัติความเป็นมาปราสาทขอม ของกรมศิลปากร จากหนังสือเร่ือง “ที่เกี่ยวกับปราสาทขอมในจังหวัดบุรีรัมย์” ๒) ศึกษาเอกสารข้ันทุติยภูมิ ได้แก่ งานวิจัย หนังสือ บทความ วารสาร ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตท่ีเก่ียวข้องกับปราสาทขอมและจากการลงส�ารวจพ้ืนท่ีจริง ๑.๖.๒ ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ ๑) การทบทวนเอกสาร (Review Literature) เพื่อรวบรวมแนวคิดทฤษฎี และผลงานการศึกษาหรืองานวิจัยที่เก่ียวข้อง ท่ีเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเคร่ืองมือ และการก�าหนดทิศทางในการวิจัย

10 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๒) การออกแบบ และวางแผนจัดท�าเคร่ืองมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัย โดย ก�าหนดประเด็นสัมภาษณ์ด้านคุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อชุมชนใน จังหวัดบุรีรัมย์ ๓) สร้างเคร่ืองมือ แล้วน�าเคร่ืองมือไปให้ ผู้ร่วมวิจัย ที่ปรึกษา นักวิจัย และให้ผู้เช่ียวชาญตรวจ เพื่อปรับปรุงเครื่องมือและกรอบการศึกษาวิจัยให้เกิดความ ชัดเจนเหมาะสมยิ่งข้ึน ñ.ö.๓ วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล แจกแบบสอบถามให้กับนักวิชาการ ๒๑ คน เจ้าหน้าที่ผู้ดูแล ๕ คน กลุ่มบุคคลท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณกลุ่มปราสาท ๒๓ คน คณะสงฆ์ ๑๒ รูป ข้าราชการ ๒๔ คน ปราชญ์ท้องถิ่น ๓ คน ๑.๖.๔ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย ใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึกชนิดมีโครงสร้าง โดยใช้ท้ัง ๒ แบบ คือ ๑) สัมภาษณ์เดี่ยว ๒) การสัมภาษณ์โดยใช้วิธีการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ๑.๖.๕ ข้ันวิเคราะห์ข้อมูล ในการศึกษาคุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมท่ีมีต่อวิถีชีวิตของคน ท้องถ่ิน ในจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูลจากเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การ ลงพ้ืนท่ีจริง และจากแบบสอบถาม น�ามาศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ที่ ก�าหนดไว้ แล้วน�าเสนอข้อมูลท่ีได้มาสรุปอภิปรายในเชิงพรรณนาวิเคราะห์และเขียน เป็นความเรียง ๑.๗ ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ ๑.๗.๑ ได้องค์ความรู้เกี่ยวกับโบราณสถานกลุ่มปราสาทขอมในเขต จังหวัดบุรีรัมย์ ๑.๗.๒ ได้องค์ความรู้เกี่ยวกับคุณค่าและอิทธิพลของกลุ่มปราสาทขอมที่มี ต่อชุมชนในจังหวัดบุรีรัมย์

บทน�า 11 เชิงอรรถ ๑ กรมศิลปากร, แผนท่ีทางโบราณคดีจังหวัดบุรีรัมย์, บุรีรัมย์ : ม.ป.ท., ม.ป.ป. หน้า ๑๙. (อัดเสาเนา) ๒ อรุณศักดิ์ กิ่งมณี, ทิพยนิยายจากปราสาทหิน, (กรุงเทพมหานคร : ส�านักพิมพ์เมือง โบราณ, ๒๕๕๕), หน้า ๓๔. ๓ ธิติพงศ์ พิรุณ, “ปราสาทพนมรุ้ง : แนวทางการอนุรักษ์พิธีกรรมทางศาสนาเพ่ือส่งเสริม การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม”, ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๓), บทคัดย่อ. ๔ ภควัต ปิตตาทะโน, “นาฏยประดิษฐ์ : การศึกษาประติมากรรมภาพสลักปราสาท พนมรุ้งเพื่อสร้างชุดการแสดง”, ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๓), บทคัดย่อ. ๕ สมบัติ ประจญสานต์, “สถาปัตยกรรมร่วมสมัยท่ีมีแนวคิดในการออกแบบจาก ปราสาทขอม กรณีศึกษา : จังหวัดบุรีรัมย์” ครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, ๒๕๔๔), บทคัดย่อ. ๖ ธัญญพร เขียมรัมย์, “แนวทางการพัฒนาและการจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยว กรณี ศึกษา : ปราสาทหนองหงส์อ�าเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์”, บริหารธุรกิจมหา บัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๕๔), บทคัดย่อ. ÷ เทียนชัย ให้ศิริกุล, “บทบาทของประชาชนท้องถ่ินท่ีมีต่อการอนุรักษ์และส่งเสริม สิ่งแวดล้อมศิลปกรรม กรณีศึกษา : ปราสาทหินพนมรุ้งและปราสาทกู่สวนแตง จังหวัด บุรีรัมย์”, วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัย มหิดล, ๒๕๓๘), หน้า ๗๕-๗๖. ๘ ศศิธร จันทร์ใบ, “การศึกษาคติการออกแบบปราสาทหินพิมาย อ�าเภอพิมาย จังหวัด นครราชสีมา”, วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๕, บทคัดย่อ. ๙ มานิตา เข่ือนขันธ์, “พระพุทธรูปนาคปรกศิลา ศิลปะขอมช่วงพุทธศตวรรษท่ี ๑๗- ๑๙ ที่พบในจังหวัดลพบุรี”, วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา ประวัติศาสตร์ศิลปะ, มหาวิทยาลัยศิลปกร, ๒๕๔๘, หน้า บทคัดย่อ.

12 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม

ข้อมูลพื้นฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 13 ๒ ขอ้ มลู พน้ื ฐานจังหวัดบรุ รี มั ย

ข้อมูลพ้ืนฐานของจังหวัดบุรีรัมย์ที่ผู้วิจัยจะได้น�ำเสนอต่อไปน้ี แบ่งเนื้อหา ออกเป็น ๖ หัวข้อหลัก ดังน้ี ๑) ประวัติความเป็นมาของจังหวัดบุรีรัมย์ ๒) สภาพ ภูมิศาสตร์ท่ีต้ังและอาณาเขตจังหวัดบุรีรัมย์ ๓) การปกครองและประชากรของจังหวัด บุรีรัมย์ ๔) สภาพทางเศรษฐกิจของจังหวัดบุรีรัมย์ ๕) สภาพทางสังคมของจังหวัด บรุ ีรัมย์ ๖) การทอ่ งเทย่ี วของจงั หวัดบุรีรมั ย์ ในแตล่ ะประเดน็ ผู้วิจยั จะไดน้ ำ� เสนอขอ้ มลู พื้นฐานโดยสังเขป ตามล�ำดับสืบไป ๒.๑ ความเป็นมาของจังหวัดบุรีรัมย์ ค�ำว่า บุรีรัมย์ แปลว่า เมืองท่ีมีความร่ืนรมย์ หรือเมืองท่ีมีความน่าพอใจ จังหวัดบุรีรัมย์ มีความเป็นมายาวนาน และมีหลักฐานที่แตกต่างกันออกไป ต่าง ๆ ตามแต่หลักฐานอ้างอิง เช่น หลักฐานจากประกาศแต่งตั้งขุนนางไทย ร.ศ.๘๗ ปีท่ี ๑ รัชกาลที่ ๕ มีความว่า “ให้พระส�ำแดงฤทธิรงค์ เป็นพระนครภักดี ศรีนัครา เป็นผู้ส�ำเร็จราชการเมืองบุรีรัมย์ ข้ึนเมืองนครราชสีมา ถือศักดินา ๑,๐๐๐ ตั้งแต่ ณ วันท่ี ๔ ขึ้น ๑ ค่�ำ ปีมะโรง สัมฤทธิศก ศักราช ๑๒๓๐ เป็นปีท่ี ๖๕ ในรัชกาลปัจจุบัน”๑ จงั หวดั บรุ รี มั ยเ์ คยเปน็ ทตี่ ง้ั อาณาจกั รอนั ยงิ่ ใหญ่ รงุ่ เรอื งมาตง้ั แตส่ มยั ทวาราวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๖) เช่ือมต่อจนถึงสมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘) จากน้ันก็เร่ิมเสื่อมอ�ำนาจลงและแตกแยก อาจจะด้วยเหตุภัยธรรมชาติหรือสงคราม ประชาชนกระจายออกไปตั้งชุมชนเล็ก ๆ ตามป่าหรือชายแดนเรียกว่า “เขมรป่าดง”

ข้อมูลพื้นฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 15 ๒.๑.๑ บุรีรัมย์สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงศรีอยุธยา ดินแดนแถบเมืองบุรีรัมย์ เมืองพุทไธสง เมืองตะลุง เมืองนางรอง ต่างก็ข้ึนกับกับกรุงศรีอยุธยา โดยขึ้นกับข้าหลวงใหญ่ท่ีนครราชสีมาซึ่ง เป็นข้าหลวงต่างพระองค์ โดยตั้งเมืองตะลุงเป็นเมืองจัตวา เมืองนางรองเป็นหัวเมือง ชนั้ เอก หลกั ฐานจากประวตั จิ งั หวดั นครราชสมี า แตง่ โดยสขุ มุ าลยเ์ ทวี ความตอนหนงึ่ วา่ “ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชน้ัน พระองค์ได้แต่งต้ังให้พระยายมราช (สังข์) ครองเมืองนครราชสีมา สมัยนั้นเมืองนครราชสีมา เป็นเมืองใหญ่มีเมืองขึ้น ๕ เมือง ได้แก่ นครจันทึก ชัยภูมิ พิมาย บุรีรัมย์ นางรอง ต่อมาขยายเมืองเพ่ิมอีก ๙ เมือง ไดแ้ ก่ จตั รุ สั เกษตรสมบรู ณ์ ภเู ขยี วชนบท พทุ ไธสง ประโคนชยั รตั นบรุ ี และปกั ธงชยั ๒ ๒.๑.๒ บุรีรัมย์สมัยกรุงธนบุรี พ.ศ.๒๓๒๐ ได้ยกทัพไปตีเมืองบุรีรัมย์๓ และในประชุมพงศาวดารภาคท่ี ÷๐ ระบุไว้ว่า พ.ศ. ๒๓๒๑ (จุลศักราช ๑๑๔๐) พระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดให้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อครั้งยังด�ารงพระยศเป็นเจ้าพระยามหา กษัตริย์ศึก เป็นแม่ทัพยกไปทางบกสมทบกับก�าลังเกณฑ์ของหัวเมืองตะวันออก ให้ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมหาสีหนาถ เม่ือยังด�ารงพระยศเป็นเจ้าพระยาสุรสีห์ พิษณวาธิราชยกไปเมืองกัมพูชา เกณฑ์พลเมืองเขมรต่อเรือรบยกข้ึนไปตามล�าน�้าโขง เพื่อไปตีเมืองจ�าปาศักดิ์๔ ระหว่างเดินทัพกลับจากเมืองจ�าปาศักดิ์ เจ้าพระยาจักรีได้พบเมืองร้างบริเวณ ล�าห้วยจระเข้มาก ซ่ึงเป็นชุมชนเดิมของชาวเขมรป่าดง เป็นเมืองท่ีมีคูน�้าคันดินล้อม รอบอยู่ เห็นว่าบริเวณเมืองร้างนั้นมีชัยภูมิดี มีคูน้�าคันดินสามารถใช้เป็นป้อมค่าย ป้องกันข้าศึกศัตรูได้เป็นอย่างดี เหมาะที่จะสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นใหม่ให้เป็นปƒกแผ่น จึงแต่งต้ังบุตรเจ้าเมืองพุทไธสมันต์ (บันเตียยชมาร์) เป็นเจ้าเมือง มีศูนย์กลางการ ปกครองอยู่บริเวณท่ีตั้งศาลหลักเมืองปัจจุบัน และบริเวณนั้นมีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ชนดิ หนง่ึ ขน้ึ อยู่ ชาวบา้ นเรยี กวา่ ตน้ แปะ จงึ ตงั้ ชอื่ เมอื งทตี่ งั้ ขนึ้ ใหมว่ า่ เมอื งแปะ นอกจาก นั้นยงั บญั ชาให้ชกั ชวนเขมรป่าดงมาตง้ั ถิ่นฐานเพิม่ ขึ้น เพอื่ ปอ้ งกันการรุกรานของเขมร ยามไทยมีศึก เนื่องจากเมืองแปะมีช่องเขาสามารถติดต่อเขมรได้อย่างสะดวก

16 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๒.๑.๓ บุรีรัมย์สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ.๒๓๗๐ สมัยสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าอนุวงศ์เจ้าเมือง เวียงจันทน์เป็นกบฏต่อไทย ได้ยกกองทัพเข้ามาตีเมืองน้อยใหญ่ในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ เช่น เมืองพุทไธสง เมืองแปะ และเมืองนางรอง ได้กวาดต้อนผู้คนไปเป็น อันมาก พระนครภักดี (หงส์) เจ้าเมืองแปะได้เกณฑ์ชาวบ้านออกต่อสู้ แต่ไม่สามาถ ต้านทานกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ได้ จึงหลบน้ีไปอาศัยที่เมืองพุทไธสมันต์ แต่กองทัพ เวยี งจนั ทนไ์ ดต้ ดิ ตามไปทนั ทช่ี อ่ งเสมด็ ซง่ี อยใู่ นเทอื กเขาบรรทดั เสน้ กนั้ พรมแดนระหวา่ ง ไทยและกัมพูชา เกิดการต่อสู้กันข้ึนจนพระนครภักดีเสียชีวิต นับเป็นวีรกรรมความ กล้าหาญของบรรพบุรุษชาวบุรีรัมย์ สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการประกาศเรียกช่ือข้าหลวงก�ากับหัวเมืองท้ัง ๔ ได้แก่ เมืองแปะ เมืองนางรอง เมอื งตลงุ และเมอื งพทุ ไธสง โดยแยกเมอื งแปะและเมอื งนางรองไปข้นึ กบั ลาว½า† ยเหนอื ขณะท่ีเมืองพุทไธสงและเมืองตลุงยังคงสังกัดกับนครราชสีมาตามเดิม ตอ่ มาประมาณ พ.ศ. ๒๔๔๑ เมอื งบรุ รี มั ยไ์ ดก้ ลบั ไปขน้ึ กบั มณฑลนครราชสมี า เรียกว่าบริเวณนางรอง ประกอบด้วย เมืองบุรีรัมย์ นางรอง รัตนบุรี ประโคนชัย และพุทไธสง พ.ศ.๒๔๔๒ มีประกาศเปลี่ยนชื่อมณฑลลาวเฉียงเป็นมณฑลฝ่าย ตะวันตกเฉียงเหนือ มณฑลลาวพวนเป็นมณฑลฝ่ายเหนือ มณฑลลาวเป็นมณฑล ตะวันออกเฉียงเหนือ มณฑลเขมรเป็นมณฑลตะวันออก และในคราวน้ีได้เปล่ียนชื่อ บริเวณนางรองเป็นเมืองนางรอง มีฐานะเป็นเมืองจัตวา ตั้งที่ว่าการอยู่ท่ีเมืองบุรีรัมย์ แต่ตราต�าแหน่งเป็นตราผู้ว่าการนางรอง วันท่ี ๓ สิงหาคม ๒๔๔๔ กระทรวง มหาดไทย จึงได้ประกาศเปลี่ยนช่ือเมืองเป็นบุรีรัมย์ และเปลี่ยนตราต�าแหน่งเป็นผู้ว่า ราชการเมืองบุรีรัมย์ พ.ศ.๒๔๕๐ กระทรวงมหาดไทยปรบั ปรงุ หวั เมอื งในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ให้มณฑลนครราชสีมาประอบด้วย ๓ เมือง ๓๗ อ�าเภอ คือ เมืองนครราชสีมา ๑๐ อ�าเภอ เมืองชัยภูมิ ๓ อ�าเภอ และเมืองบุรีรัมย์ ๔ อ�าเภอ คือ นางรอง พุทไธสง ประโคนชัย และรัตนบุรี ต่อมาได้มีการตราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารแห่งราช อาณาจักรสยาม พ.ศ.๒๔๗๖ ขึ้น ยุบมณฑลนครราชสีมา จัดระเบียบบริหารราชการ ส่วนภูมิภาคออกเป็นจังหวัดและอ�าเภอ เมืองบุรีรัมย์จึงมีฐานะเป็นจังหวัดบุรีรัมย์ต้ังแต่ น้ันเป็นต้นมา

ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 17 กล่าวโดยสรุป บุรีรัมย์มีภูมิประเทศท่ีเหมาะสมโดยเฉพาะความอุดมสมบูรณ์ ของแหล่งน�้าล�าคลอง อีกทั้งมีภูเขาเป็นแนวก้ันเขตแดนธรรมชาติ จึงท�าให้มีกลุ่มชน อพยพโยกย้ายมาอยู่เป็นจ�านวนมาก โดยกระจายกันอยู่ตามพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ บาง ชุมชนสามารถสร้างบ้านแปลงเมืองจนกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ สังเกตได้จากการ ขุดค้นคันดินและก�าแพงเมือง อีกท้ังมีสระน�้าและซากศาสนสถาน ส่วนชุมชนขนาดเล็ก ก็ล้วนเช่ือมโยงอิงอาศัยกันและกัน คติความเช่ือน่าจะเป็นไปในแนวเดียวกัน เพราะ หลักฐานทางโบราณคดีและซากศาสนาล้วนยืนยันได้เป็นอย่างดี เม่ือคติความเช่ือเป็น แบบเดียวกัน ย่อมเป็นการง่ายต่อการปกครอง ครั้นต่อมาขอมเรืองอ�านาจข้ึนได้แผ่อิทธิพลเข้ามาครอบครองบริเวณนี้ พร้อม ท้ังช่วยเสริมเร่ืองความเจริญก้าวหน้าหลายด้าน จนมีความสามารถปราสาทหินหลาย ต่อหลายแห่ง สันนิษฐานว่าเบื้องต้นน่าจะมีการสร้างศาสนสถานประจ�าเมืองหรือชุมชน ก่อน แล้วจึงพัฒนามาเป็นการสร้างปราสาทหินขนาดใหญ่ภายหลัง เหตุท่ีกษัตริย์ขอม เลือกบริเวณจังหวัดบุรีรัมย์สร้างปราสาทหินนั้น อาจเป็นเพราะวัสดุในการสร้างกล่าว คือหินทรายเป็นของหาได้ง่ายในบริเวณใกล้ จึงไม่เป็นการยากต่อการขนถ่ายโยกย้าย ย่อมสะดวกและย่นระเวลาในการสร้าง ความงดงามของปราสาทหินชี้ให้เห็นถึงบรรพบุรุษของชาวบุรีรัมย์ว่ามีความ เป็นเลิศด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และศิลปกรรม ศาสตร์เหล่าน้ีได้มีการ ถ่ายทอดสู่ชุมชนในลักษณะของประเพณีวัฒนธรรม คติความเชื่อ ตลอดทั้งศิลปะน้อย ใหญ่ กลายเป็นภูมิปัญญาของชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เสริมคุณค่าความงดงามให้สูงเด่น สืบมาถึงปัจจุบัน ๒.๒ สภาพภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศ และภูมิอากาศ ๒.๒.๑ ลักษณะของภูมิศาสตร์ จังหวัดบุรีรัมย์ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย อยู่ระหว่างเส้นรุ้งท่ี ๑๔ องศา ๑๕ ลิปดาเหนือกับ ๑๕ องศา ๔๕ ลิปดาเหนือ เส้นแวงท่ี ๑๐๒ องศา ๓๐ ลิปดา กับ ๑๐๓ องศา ๔๕ ลิปดาตะวันออก อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครโดยรถยนต์ประมาณ ๔๑๒ กิโลเมตร และทางรถไฟ ประมาณ ๓๗๖ กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดและประเทศใกล้เคียงคือ

18 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ทิศเหนือสุด จรดอ�าเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น อ�าเภอนาเชือก และอ�าเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม จุดเหนือสุดอยู่ท่ีบ้านนาขาม ต�าบล ดอนกอก อ�าเภอนาโพธิ์ ท่ีประมาณละติจูด ๒๕ องศา ๔๘ ลิปดาเหนือ ทศิ ใต้ จรดประเทศกมั พชู าประชาธปิ ไตย อา� เภอตาพระยาและอา� เภอวฒั นานคร จังหวัดสระแก้ว จุดใต้สุดอยู่ที่ยอดเขาวง บ้านล�านางรอง ต�าบลโนนดินแดง อ�าเภอ ละหานทราย ที่ประมาณละติจูด ๑๔ องศา ๕ ลิปดาเหนือ ทิศตะวันออกสุด ติดต่อกับอ�าเภอชุมพลบุรี อ�าเภอท่าตูม อ�าเภอจอมพระ อ�าเภอเมือง อ�าเภอปราสาท และอ�าเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ จุดตะวันออกสุดอยู่ที่ บ้านส�าโรงพิมาน ต�าบลท่าม่วง อ�าเภอสตึก ประมาณละติจูด ๑๐๓ องศา ๓๐ ลิปดา ๓๐ วิลิปดาตะวันออก ทิศตะวันตกสุด ติดต่อกับอ�าเภอครบุรี อ�าเภอเสิงสาง อ�าเภอหนองบุนมาก อา� เภอชมุ พวง อา� เภอหว้ ยแถลง อา� เภอจกั ราช และอา� เภอประทาย จงั หวดั นครราชสมี า จุดตะวันตกสุดอยู่ท่ีบ้านหนองมัน ต�าบลหนองก่ี อ�าเภอหนองก่ี ประมาณละติจูดที่ ๑๐๒ องศา ๒๘ ลิปดาตะวันออก จงั หวดั บรุ รี มั ยม์ เี นอ้ื ทรี่ วมทงั้ สนิ้ ประมาณ ๑๐,๓๒๒,๘๘๕ ตารางกโิ ลเมตร หรือ ๖,๔๕๑,๑๗๘,๑๒๕ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๖.๑๑ ของพื้นท่ีภาคตะวันออก เฉียงเหนือ และร้อยละ ๒.๐๑ ของพื้นท่ีของประเทศ ๒.๒.๒ ลักษณะของภูมิประเทศ ลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่ราบสูงเกิดจากภูเขาไฟระเบิดเม่ือ ประมาณเกา้ แสนถงึ หนง่ึ ลา้ นปเี ศษ ทา� ใหล้ กั ษณะภมู ปิ ระเทศแบง่ ออกได้ ๓ ลกั ษณะ คอื ๑. พ้ืนที่สูงและภูเขาทางตอนใต้ เป็นพ้ืนที่แบบลูกคล่ืนลอนลึก ช่องเขาภูเขา บริเวณเทือกเขาพนมดงรัก ภูเขาสันก�าแพง มีความสูงต้ังแต่ ๒๐๐-๖๘๕ เมตรจาก ระดับน้�าทะเล ครอบคลุมพ้ืนที่ประมาณร้อยละ ๒๕ ของพื้นที่จังหวัด ซึ่งได้แก่ บริเวณ ด้านทิศใต้ของอ�าเภอบ้านกรวด อ�าเภอละหานทราย อ�าเภอโนนดินแดง อ�าเภอปะค�า อ�าเภอนางรอง อ�าเภอเฉลิมพระเกียรติ และทางทิศตะวันตกของอ�าเภอหนองหงส์

ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 19 ๒. พ้ืนที่ลูกคลื่นลอนต้ืนตอนกลางของจังหวัด มีความสูงประมาณ ๑๕๐- ๒๐๐ เมตร จากระดับน้�าทะเลปานกลาง พื้นท่ีจะทอดขนานเป็นแนวยาวทางทิศ ตะวันออก และทิศตะวันตกครอบคลุมพื้นที่ประมาณร้อยละ ๖๐ ของพ้ืนท่ีจังหวัด ซ่ึงได้แก่ บริเวณอ�าเภอประโคนชัย อ�าเภอพลับพลาชัย อ�าเภอกระสัง อ�าเภอเมือง อ�าเภอล�าปลายมาศ อ�าเภอช�านิ อ�าเภอบ้านด่าน อ�าเภอห้วยราช และบางส่วนของ อ�าเภอนางรอง อ�าเภอหนองก่ี และอ�าเภอหนองหงส์ ๓. พื้นที่ราบลุ่มแม่น�้ามูล มีความสูงเฉลี่ยต�่ากว่า ๑๕๐ เมตร จากระดับ น้�าทะเล ได้แก่ พ้ืนท่ีบริเวณอ�าเภอพุทไธสง อ�าเภอคูเมือง อ�าเภอแคนดง อ�าเภอสตึก และบริเวณล�าสะแทด ล�าพังชู ล�าชี ได้แก่บริเวณอ�าเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ อ�าเภอ นาโพธ์ิ และบางส่วนของอ�าเภอพุทไธสง อีกประการหนึ่ง จังหวัดบุรีรัมย์ข้ึนชื่อในฐานะเป็นเมืองแห่งเทือกเขาและภูเขา โดยเฉพาะภูเขาไฟท่ีดับสนิทแล้วหลายลูก ได้แก่ ๑. เทอื กเขาสนั กา� แพง เปน็ เทอื กเขาทต่ี อ่ จากเทอื กเขาดงพญาเยน็ นบั ตง้ั แต่ เขาเขียน ในเขตอ�าเภอเมืองนครนายกมาส้ินสุดที่ช่องตะโก อ�าเภอโนนดินแดง จังหวัด บุรีรัมย์ ซ่ึงมีความยาวประมาณ ๑๓๗ กิโลเมตร ยอดเขาสูงเทือกเขาสันก�าแพงที่ ส�าคัญ ได้แก่ เขาเขียวสูงจากระดับน้�าทะเล ๑,๐๙๐ เมตร ภูสามง่าม ๙๙๒ เมตร เขาเคลียด ๑๖๖ เมตร เขาต�าแย ๔๔๕ เมตร เขาช้างชะลูด ๘๒๑ เมตร เขาใหญ่ ๘๔๓ เมตร เขาจมูกแขก ๔๕๘ เมตร ภูล�าไย ๔๘๒ เมตร เขาก�าแพง ๘๗๕ เมตร เขาโปร่งชนวน ๑,๐๙๐ เมตร และเขาลอย ๕๖๒ เมตร เป็นต้น เทือกเขาสันก�าแพง ถือเป็นต้นก�าเนิดแม่น้�าสายส�าคัญของภาคอีสาน อาทิเช่น ล�าตะคอง ล�าพระเพลิง ล�าปลายมาศ และยังไหลลงทางใต้เกิดเป็นแม่น้�าในภาค ตะวันออก ได้แก่ แม่น�้านครนายก หนุมาน พระปรง เป็นต้น ๒. เทือกเขาพนมดงรัก เทือกเขาน้ีเริ่มจากช่องตะโก ที่อ�าเภอโนนดินแดง ทอดตวั ยาวไปทางตะวนั ออกเปน็ เสน้ กนั้ พรมแดนไทย-กมั พชู า ทางตอนใตจ้ งั หวดั สรุ นิ ทร์ และศรีสะเกษ ส้ินสุดท่ีอ�าเภอน้�ายืน จังหวัดอุบลราชธานี มีความยาวประมาณ ๓๓๕ กิโลเมตร ยอดเขาที่สูงของเทือกเขาพนมดงรักท่ีส�าคัญ ได้แก่ เขาตะแบก สูงจากระดับ

20 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม น�้าทะเล ๓๔๔ เมตร เขาคันนา ๔๔๗ เมตร เขาตะแบง ๓๕๐ เมตร เขาแหลม ๔๑๕ เมตร เขาตาทอง ๔๐๕ เมตร พนมตะบัน ๕๗๙ เมตร พนมกระบานสตึง ๕๕÷ เมตร พนมอ้ายนาก ๖๓÷ เมตร พนมช�านิกาย ๕๕๖ เมตร พนมเปราะ ๔๔๙ เมตร ภูโคกใหญ่ ๖๙๓ เมตร ภูเจ็บท้อง ๖๙๓ เมตร และภูซี่ซึก ๖๘÷ เมตร เป็นต้น ที่มา: https://plynoi.wordpress.com/category/tech/ ๓. ภูเขาพนมรุ้ง เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิท อยู่ในเขตอ�าเภอเฉลิมพระเกียรติ หา่ งจากตวั เมอื งบรุ รี มั ยป์ ระมาณ ๗๐ กโิ ลเมตร เปน็ เนนิ เขาทม่ี ไี หลเ่ ขาสงู ชนั ประมาณ ๖-๑๕ องศา คลุมพ้ืนท่ีประมาณ ๑๘ ตารางกิโลเมตร มองจากท่ีสูงจะมีลักษณะ คล้ายเต่าท่ีย่ืนหัวออกไปทางทิศเหนือ ตัวเนินภูเขาไฟสูงจากระดับน�้าทะเลประมารณ ๓๘๐ เมตร มีปล่องปะทุระเบิดที่ใหญ่มีพ้ืนที่ประมาณ ๑.๕ ตารางกิโลเมตร มีขอบ ปล่องทางทิศเหนือซ่ึงเป็นท่ีตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศ ส่วนทางทิศใต้เป็นท่ีตั้ง ของปราสาทพนมรุ้ง เนินลูกนี้เป็นต้นน้�าของล้�าห้วยน้อยใหญ่ เช่น คลองปูน คลองบุรี คลองลุงโพธิ์ เป็นต้น ล�าห้วยเหล่าน้ันจะไหลลงสู่ล�าปะเทีย แล้วไหลไปรวมกับ ล�าปลายมาศ เขตอ�าเภอนางรอง

ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 21 ๔. ภูเขาอังคาร เป็นภูเขาขนาดเต้ีย อยู่ในเขตอ�าเภอเฉลิมพระเกียรติ อยู่ ห่างจากภูเขาพนมรุ้งไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๘ กิโลเมตร คลุมพ้ืนที่ประมาณ ๙๐ ตารางกิโลเมตร ยอดที่สูงที่สุดสูงจากระดับน�้าทะเลประมาณ ๓๓๑ เมตร เปน็ ภเู ขาไฟทด่ี บั สนทิ แลว้ มปี ลอ่ งปะทรุ ะเบดิ ชดั เจนอยบู่ รเิ วณเกอื บศนู ยก์ ลางของภเู ขา มีพื้นที่ประมาณ ๑ ตางรางกิโลเมตร นอกจากนั้น ยังมีปล่องปะทุเล็กๆ ตามไหล่เขา ทางทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื อกี หลายปลอ่ ง ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ ๑๕-๒๐ เมตร ภูเขาอังคารเป็นต้นก�าเนิดของห้วยคลองหลายสาย อาทิห้วยสวายสอ ห้วยมะกอก คลองชะล่าง คลองไผ่ คลองหินลาด คลองตาเขียน เป็นต้น ล�าน้�า เหล่านี้จะไหลลงสู่ล�านางรอง และล�าปลายมาศ แล้วไหลลงแม่น้�ามูลในที่สุด ๕. ภูเขาไปรบัด เป็นภูเขาขนาดเต้ียอยู่ในเขตอ�าเภอประโคนชัย ห่างจาก ตัวเมืองบุรีรัมย์ประมารณ ๗๗ กิโลเมตร อยู่ทางทิศใต้ของเขาพนารุ้ง เป็นเนินเขามี ลักษณะเกือกลา ฐานกว้างประมาณ ๓ กิโลเมตร คลุมพื้นท่ีประมาณ ๕ ตาราง กิโลเมตร ยอดภูขาสูงจากระดับน�้าทะเล ประมาณ ๒๘๙ เมตร เป็นภูเขาไฟท่ีดับแล้ว อีกลูกหนึ่ง ปล่องปะทุระเบิดคล้ายรูปแอกวัว เป็นต้นก�าเนิดของล�าห้วยตะแบงที่ไหลลง ไปรวมกับล�าชี

22 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ที่มาของภาพ: http://www.buriramguru.com/dont-miss-out/# ๖. ภูเขากระโดง เป็นภูเขาเตี้ยอยู่ในเขตอ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ ห่างจากตัว จังหวัดบุรีรัมย์ประมาณ ๖ กิโลเมตร ลักษณะเป็นเนินเตี้ยมีฐานแผ่กว้างเป็นรูปทรง กลม มองจากที่สูงจะคล้ายชามกŽวยเตีëยวขนาดใหญ่คว�่าอยู่กลางทุ่งนา มียอดเขาสูง จากระดับน�้าทะเลประมาณ ๒๖๕ เมตร คลุมพ้ืนที่ ๑๒๐ ตารางกิโลเมตร เป็น ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วอีกลูกหน่ึงของจังหวัดบุรีรัมย์ ปล่องปะทุระเบิดมีลักษณะยาวรี ขอบปล่องด้านทิศตะวันออกและตะวันตกถูกท�าลายเกือบหมด ขอบปล่องทางทิศเหนือ ได้มีการสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ คือพระสุภัทรบพิตร ซ่ึงสามารถมองเห็นได้ไกล ถึง ๑๐ กิโลเมตร ๗. ภูเขาโคกเขาหรือเขาหญ้าคา เป็นเนินดินเตี้ยอยู่ในท้องท่ีบ้านโคกเขา พฒั นา ตา� บลโคกมะมว่ ง อา� เภอปะคา� เขตตดิ ตอ่ กบั อา� เภอเสงิ สาง จงั หวดั นครราชสมี า ห่างจากตัวอ�าเภอปะค�าไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๑๕ กิโลเมตร บริเวณใกล้เคียง ของเขาลกู นจ้ี ะมถี า�้ โบราณถา�้ หนง่ึ ชอ่ื วา่ ถา้� เปด็ ซงึ่ ภายในถา้� มศี ลิ าจารกึ โบราณ มคี ณุ คา่ ทางประวัติศาสตร์ อายุประมาณตั้งแต่ พ.ศ.๑๑๕๕ ด้วยเหตุที่จังหวัดบุรีรัมย์มีภูเขาไฟจ�านวนมาก ซึ่งเป็นวัสดุทางธรรมชาติ เพ่ือน�ามาสร้างปราสาทหิน โดยเฉพาะหินทรายนั้นได้ว่าหาได้ง่ายในเขตจังหวัดบุรีรัมย์

ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 23 สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอีกเหตุปัจจัยหน่ึงซึ่งท�าให้มีการสร้างปราสาทหินมากมายเต็ม บริเวณพ้ืนท่ีจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนล�าน้�าธรรมชาติของจังหวัดบุรีรัมย์ก็มีมากเช่นเดียวกัน ได้แก่ ท่ีมา: http://www.anantasook.com/wp-content/uploads/2014/04/thahadyaw-.jpg ๑. แม่น้�ามูล ต้นน�้าของแม่น้�านี้เกิดจากเทือกเขาสันก�าแพงระหว่างเขาวง เขาละมง่ั และเขาใหญ่ จงั หวดั สระแกว้ และจงั หวดั นครราชสมี า ไหลผา่ นอา� เภอปกั ธงชยั อ�าเภอโชคชัย อ�าเภอสูงเนิน อ�าเภอเฉลิมพระเกียรติ อ�าเภอพิมายและอ�าเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา ไหลเข้าไปในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ในท้องท่ีอ�าเภอพุทไธสง อ�าเภอ คูเมือง อ�าเภอแคนดง และอ�าเภอสตึก แล้วไหลผ่านอ�าเภอชุมพลบุรี อ�าเภอท่าตูม อ�าเภอรัตนบุรีในเขตจังหวัดสุรินทร์ หลังจากนั้นไหลผ่านจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัด อุบลราชธานี ลงสู่แม่น�า้ โขงท่อี �าเภอโขงเจียม มีความประมาณ ๖๔๐ กโิ ลเมตร แมน่ ้า� มูลช่วงที่อยู่ใสจังหวีดบุรีรัมย์เป็นล�้าน้�าแบ่งเขตระหว่างอ�าเภอคูเมืองกับอ�าเภอพุทไธสง และแบ่งเขตอ�าเภอแคนดง อ�าเภอสตึกกับอ�าเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์

24 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ที่มา: http://ridceo.rid.go.th/buriram/irr_plpm.html ๒. ล�าปลายมาศ มีต้นก�าเนิดจากเทือกเขาใหญ่ อ�าเภอเสิงสางจังหวัด นครราชสีมา ไหลผ่านอ�าเภอปะค�า จังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงท่ีไหลผ่านจังหวัดบุรีรัมย์นั้น เป็นล�าธารขนาดเล็กเกิดจากเนินเขาเต้ียไหลมาบรรจบกับล�าปลายมาศ ท�าให้ในช่วงฤดู ฝนล�าปลายมาศมีปริมาณน้�ามากเกิดน�้าท่วมฉับพลัน จากน้ันไหลผ่านบ้านหนองหว้า อ�าเภอนางรองทางทิศตะวันตก และไหลไปลงยังบ้านโคกมักดัน อ�าเภอหนองกี่ ซ่ึง เป็นจุดที่ไทรโยง ไหลลงบรรจบกับล�าปลายมาศ ท�าให้ล�าปลายมาศช่วงน้ีมีปริมาณ น้�ามากในฤดูฝนจึงเกิดน�้าหลากท่วมสองฝั›ง ล�าน�้าน้ีจะไหลคดเคี้ยวผ่านอ�าเภอนางรอง อ�าเภอช�านิ ผ่านบ้านยาง อ�าเภอล�าปลายมาศ ซึ่งเป็นช่วงท่ีล�าน้�าอีกสองสายคือ ล�านางรองและล�าปะเทียไหลมาบรรจบกับล�าปลายมาศ ท�าให้ล�าปลายมาศมีขนาดใหญ่ ขน้ึ นา้� เออ่ ลน้ ฝง›ั ทกุ ปี แตใ่ นฤดแู ลง้ นา้� ลงลา� ปลายมาศจะขาดนา้� เปน็ ชว่ งๆ ลา� ปลายมาศ มีความยาวประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร

ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 25 ท่ีมา: http://thai.tourismthailand.org/ ๓. ล�านางรอง มีต้นก�าเนิดอยู่บริเวณเทือกเขาสันก�าแพง รอยต่อจังหวัด บุรีรัมย์กับจังหวัดสระแก้ว ไหลผ่านอ�าเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ กรมชลประทาน ได้สร้างเข่ือนเก็บกักน�้าขนาดใหญ่ไว้ในบริเวณบ้านป่าไม้สหกรณ์ อ�าเภอโนนดินแดง ช่ือว่าเข่ือนน�านางรอง แล้วปล่อยน้�าจากเขื่อนลงสู่ล�านางรองเดิม ผ่านบ้านโคกใหม่ ต�าบลส�าโรงใหม่ อ�าเภอละหานทราย ไปบรรจบกับล�าจังหันในเขตอ�าเภอปะค�า ไหล คดเคยี้ วเขา้ สอู่ า� เภอนางรองทเ่ี ปน็ ชว่ งระหวา่ งสามอา� เภอ กลา่ วคอื อา� เภอปะคา� อา� เภอ นางรอง และอ�าเภอเฉลิมพระเกียรติจังหวัดบุรีรัมย์ ช่วงน้ีจะมีล�าธารเล็ก ๆ หลายสาย จากเขาอังคารซึ่งเป็นรอยแยกของแผ่นดินที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดไหลลงมาสมทบกับ ล�านางรอง ช่วงน้ีจะมีความกว้างประมาณ ๘ เมตร แล้วไหลผ่านอ�าเภอนางรอง เข้าสู่อ�าเภอช�านิที่บ้านโคกสะอาด ต�าบลช�านิแล้วไหลเข้าสู่ท่ีราบท�าให้น้�าไหลช้า ล�านางรองมีความยาวประมาณ ๑๑๕ กิโลเมตร นอกจากล�าน�้าดังกล่าวแล้ว ยังมีล�าน�้าขนาดเล็กอีกหลายแห่งกระจายอยู่รอบ เขตจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่ ล�าปะเทีย ล�าจังหัน ล�าไทรโยง ล�าชี ห้วยเสว ล�าตะโคง ล�าทะเมนชัย ล�าพังชู และห้วยแอก เป็นต้น ความอุดมสมบูรณ์ด้วยแม่น้�าล�าคลองเป็น อีกปัจจัยหนึ่ง ซึ่งท�าให้มีผู้คนอยู่อาศัยเป็นจ�านวนมาก ซ่ึงกลุ่มชนเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้ สร้างความย่ิงใหญ่ให้แก่จังหวัดบุรีรัมย์อาทิเช่นปราสาทหิน

26 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๒.๒.๓ ลักษณะภูมิอากาศ สภาพภมู อิ ากาศของจงั หวดั บรุ รี มั ยข์ น้ึ อยกู่ บั ปจั จยั สา� คญั ๔ ประการ ประการ แรกคือที่ตั้ง เนื่องจากจังหวัดบุรีรัมย์ตั้งอยู่ในเขตร้อนจึงมีอุณหภูมิตลอดปี ประการที่ สองมแี นวเทอื กเขาสนั ก�าแพงและเทือกเขาพนมดงรกั กั้นขวางทศิ ทางลมมรสมุ ตะวนั ตก เฉียงใต้ ท�าให้เขตจังหวัดบุรีรัมย์กลายเป็นเขตเงาฝนหรือเขตอับลม มีความช้ืนน้อย กว่าจังหวัดทางภาคตะวันออก หรือซีกตะวันออกของภาคอีสาน ซ่ึงเป็นเขตรับลมจาก ทะเลจีนใต้ ประการทีส่ ามเก่ียวกบั ลมประจ�าทีพ่ ดั ผ่านคอื ลมมรสุมและลมพายุ ความช้ืน และความหนาวเย็นจะเปล่ียนแปลงไปตามอิทธิพลของลมประจ�าด้วย และประการ สุดท้ายคือระยะห่างจากทะเล เน่ืองจากจังหวัดบุรีรัมย์มีระยะห่างจากทะเลด้านฝั›ง ตะวันออกอ่าวไทยประมาณ ๓๕๐ กิโลเมตร ท�าให้ความชื้นสัมพัทธ์เฉล่ียค่อนข้างต�่า ลกั ษณะอากาศฤดหู นาวอณุ หภมู ติ า�่ และฤดรู อ้ นอณุ หภมู สิ งู แตกตา่ งกนั คอ่ นขา้ งชดั เจน จากปัจจัยดังกล่าว จึงท�าให้จังหวัดบุรีรัมย์มีสภาพภูมิอากาศแปรปรวน ตลอดปี อุณหภูมิโดยเฉลี่ยในรอบ ๑๐ กว่าปี ประมาณ ๒๖.๕ องศาเซลเซียส ตามล�าดับและช่วงท่ีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดคือ เดือนมีนาคม-เมษายน เฉลี่ยประมาณ ๒๙.๒ องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่ได้รับแสงทั้งจากดวงอาทิตย์และมรสุมก�าลังเปล่ียน ทิศทาง เป็นช่วงฤดูร้อนและแห้งแล้ง ปริมาณน�้าฝนในรอบ ๑๐ กว่าปี มีประมาณ เฉลี่ย ๑,๓๒๙.๑ มิลลิเมตร ช่วงท่ีฝนตกชุกคือเดือนพฤษภาคมและกันยายน ประมาณเฉล่ีย ๒๖๕ มิลลิเมตร ซึ่งเป็นช่วงท่ีได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต้และลมพายุจากทะเลจีนตอนใต้ ช่วงท่ีฝนตกน้อยคือเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ เฉลี่ยประมาณ ๒.๐ มิลลิเมตร เพราะเป็นช่วงท่ีได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออก เฉยี งเหนอื ซง่ึ เป็นลมแหง้ และเยน็ พัดจากแผน่ ดินใหญ่สู่ทะเล จากลักษณะอณุ หภูมิและ ปริมาณน้�าฝนดังกล่าวข้างต้น จังหวัดบุรีรัมย์จึงมีความช้ืนสัมพัทธ์เฉลี่ยทั้งปีประมาณ ร้อยละ ๗๔ ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยสูงสุดจะอยู่ในเดือนกันยายนและตุลาคม ประมาณ เฉลย่ี รอ้ ยละ ๘๓ และเฉลยี่ ความชนื้ สมั พทั ธต์ า�่ สดุ คอื เดอื นมกราคม-เมษายน ประมาณ ร้อยละ ๖๗.๘ ตลอดทั้งปีมีความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยร้อยละ ๗๕

ข้อมูลพื้นฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 27 ท่ีมา: http://www.buriram.go.th/buriram_map/buriram_map.html ๒.๓ การปกครองและประชากรของจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น ๒๓ อ�าเภอ ๑๘๘ ต�าบล ๒,๕๔๖ หมู่บ้าน เทศบาลเมือง ๒ แห่ง เทศบาลต�าบล ๔๖ แห่ง และองค์การ บริหารส่วนต�าบล ๑๖๐ แห่ง มีประชากรรวม ๑,๕๘๔,๖๖๑ คน ตามประกาศ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ณ วนั ท่ี แบง่ เปน็ ชาย คน เปน็ หญงิ คน จา� นวน ครัวเรือน ครัวเรือน ดังตาราง

28 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ล�าดับ อ�าเภอ อบต. ห่างจาก จ�านวน ประชากร ที่ แห่ง จังหวัด ต�าบล หมู่บ้าน ชาย หญิง รวม ๑ เมืองบุรีรัมย์ ๑๙ ๓๓ ๑๙ ๔๘,๓๙๙ ๘๖,๗๗๘ ๘๕,๙๓๗ ๑๗๒,๗๑๕ ๒ คูเมือง ๙ ๓๒ ÷ ๑๕,๑๕๑ ๒๙,๖๓๖ ๒๙,๔๑๔ ๕๙,๐๕๐ ๓ กระสัง ๑๒ ๕๔ ๑๑ ๒๔,๗๔๘ ๕๐,๖๙๒ ๕๑,๓๗๙ ๑๐๒,๐๗๑ ๔ นางรอง ๑๖ ๘๓ ๑๕ ๒๔,๔๐๕ ๔๕,๔๓๐ ๔๖,๕๑๒ ๙๑,๙๔๒ ๕ หนองก่ี ๑๑ ๑๐๐ ๑๐ ๑๔,๕๑๕ ๒๘,๖๕๔ ๒๘,๑๑๓ ๕๖,๗๖๗ ๖ ละหานทราย ÷ ๔๔ ๖ ๕,๔๒๔ ๙,๙๒๕ ๙,๖๘๘ ๑๙,๖๑๓ ÷ ประโคนชัย ๑÷ ๖๖ ๑๖ ๓๓,๒๔๖ ๖๓,๒๗๗ ๖๓,๑๐๐ ๑๒๖,๓๗๗ ๘ บ้านกรวด ๑๑ ๖๔ ๙ ๑๐,๘๐๖ ๒๐,๔๓๕ ๒๐,๔๗๖ ๔๐,๙๑๑ ๙ พุทไธสง ๘ ๓๒ ÷ ๑๑,๕๔๙ ๒๐,๗๗๒ ๒๑,๓๙๒ ๔๒,๑๖๔ ๑๐ ล�าปลายมาศ ๑÷ ๔๐ ๑๖ ๒๙,๐๑๔ ๕๗,๕๖๓ ๕๗,๔๑๑ ๑๑๔,๙๗๔ ๑๑ สตึก ๑๓ ÷๘ ๑๒ ๒๕,๗๐๑ ๕๐,๕๘๘ ๕๐,๓๑๙ ๑๐๐,๙๐๗ ๑๒ ปะค�า ๕ ÷๘ ๕ ๑๑,๓๔๓ ๑๙,๓๖๕ ๑๙,๒๑๑ ๓๘,๕๗๖ ๑๓ นาโพธ์ิ ๖ ๖๐ ๕ ๗,๖๒๓ ๑๔,๔๖๒ ๑๔,๗๑๕ ๒๙,๑๗๗ ๑๔ หนองหงส์ ๘ ๔๐ ÷ ๘,๘๗๑ ๑๗,๙๙๙ ๑๗,๖๕๙ ๓๕,๖๕๘ ๑๕ พลับพลาชัย ๖ ๑๒ ๕ ๖,๕๖๙ ๑๔,๐๓๕ ๑๓,๕๕๓ ๒๗,๕๘๘ ๑๖ ห้วยราช ๕ ๔๐ ๘ ๗,๖๖๒ ๑๖,๑๕๖ ๑๖,๑๙๕ ๓๒,๓๕๑ ๑÷ โนนสุวรรณ ๕ ÷๐ ๔ ๖,๐๓๗ ๑๐,๙๐๘ ๑๐,๘๗๖ ๒๑,๗๘๔ ๑๘ ช�านิ ๖ ๘๕ ๖ ๘,๕๔๗ ๑๗,๖๕๗ ๑๗,๕๘๙ ๓๕,๒๔๖ ๑๙ บา้ นใหมไ่ ชยพจน์ ๖ ๙๒ ๕ ๕,๗๔๖ ๑๑,๒๖๑ ๑๑,๔๔๘ ๒๒,๗๐๙ ๒๐ โดนดินแดง ๔ ๑๕ ๓ ๕,๓๕๑ ๙,๓๕๒ ๙,๑๓๔ ๑๘,๔๘๖ ๒๑ บ้านด่าน ๔ ๕๖ ๔ ๔,๓๗๓ ๙,๕๔๕ ๙,๗๕๑ ๑๙,๓๐๐ ๒๒ แคนดง ๕ ÷๐ ๔ ๗,๐๐๘ ๑๓,๗๐๒ ๑๓,๖๓๕ ๒๗,๓๓๗ ๒๓ เฉลิมพระเกียรติ ๕ ๕ ๓,๒๙๘ ๖,๑๒๖ ๖,๒๐๘ ๑๒,๓๓๔ รวม ๑,๒๔๘,๐๓๗ ตารางท่ี ๒.๑ แสดงข้อมูลหน่วยการปกครองและประชากรจังหวัดบุรีรัมย์ ข้อมูล ณ : มกราคม ๒๕๖๐ http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_m. php สืบค้น ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐.

ข้อมูลพื้นฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 29 ท่ีมาของภาพ: http://www.buriramguru.com/dont-miss-out/# ๒.๔ สภาพทางเศรษฐกิจของจังหวัดบุรีรัมย์ ๒.๔.๑ สภาพทางสังคมของจังหวัดบุรีรัมย์ สภาพสังคมของจังหวัดบุรีรัมย์นั้นมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และภาษาท้องถ่ิน เน่ืองจากมีชนชาวพ้ืนเมืองอยู่ ๔ กลุ่ม อาศัยอยู่ในสภาพสังคมเดียวกัน จึงมีความหลากหลายดังต่อไปน้ี (๑) ด้านประเพณีและวัฒนธรรม คนท้องถ่ินบุรีรัมย์ ด้านภาษาประชากร พื้นท่ีตอนบนของจังหวัดส่วนใหญ่พูดภาษาอีสาน ตอนล่างและพ้ืนที่ติดจังหวัดสุรินทร์ พูดภาษาเขมร พ้ืนที่ติดจังหวัดนครราชสีมาพูดภาษาไทยโคราช และมีภาษาส่วยปะปน อยู่ตามอ�าเภอต่าง ๆ เช่น อ�าเภอกระสัง อ�าเภอบ้านด่าน เป็นต้น ด้านประเพณีและวัฒนธรรมท่ีส�าคัญของจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่ เทศกาลงาน ประเพณีประจ�าป‚ งานเทศกาลวันออกพรรษา พิธีตักบาตรเทโวโรหณะ และงานกวน ข้าวทิพย์ วัดพระพุทธบาทเขากระโดง งานประเพณีแข่งเรือยาว ล�าน้�ามูลอ�าเภอสตึก งานมหกรรมว่าวอีสาณ อ�าเภอห้วยราช งานเครื่องเคลือบพันปี ประเพณีบ้านกรวด มีนิทรรศการเคร่ืองเคลือบโบราณ การประกวดเครื่องเคลือบจ�าลอง การแสดง

30 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม วัฒนธรรมท้องถ่ินไทย-กัมพูชา การแข่งขันต�าข้าวแบบโบราณ และการแข่งขันกีฬา พ้ืนบ้าน งานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง อ�าเภอเฉลิมพระเกียรติ ประเพณีแซนโฎนตา งาน กาชาดของจังหวัด กันตรึม การแต่งงาน ลิเกเขมร เจรียง และเจรียงเบริน เป็นต้น (๒) ด้านการศึกษา มีสถาบันการศึกษาในเขตพ้ืนที่ท่ีเปิดการเรียนการสอนใน ระดับอุดมศึกษา ๕ แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยรามค�าแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยเฉลิมกาญจนาบุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ระดับอาชีวะศึกษา จ�านวน ÷ แห่ง๕ การจัดการศึกษาต้ังแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ถึงระดับมัธยมศึกษา แบ่งออกเป็น ๕ เขตการศึกษาได้แก่ ส�านักงานเขตพ้ืนท่ีการ ศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ เขต ๑-๔ และส�านักงานเขตพ้ืนท่ีมัธยมศึกษา เขต ๓๒ และโรงเรียน ๙๔๒ แห่ง๖ (๓) ด้านศาสนา มีศาสนสถานต่าง ๆ จ�าแนกเป็นวัด แห่ง ท่ีพักสงฆ์ แห่ง โบสถ์คริสต์ ๕๔ แห่ง และมัสยิด ๒ แห่ง พระอารามหลวงจ�านวน ๑ วัด คือวัดกลางพระอารามหลวง ต�าบลในเมือง อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ (๔) ด้านสาธารณสุข จงั หวัดบุรรี มั ย์มีโรงพยาบาลศูนย์ ๑ แห่ง โรงพยาบาล ชุมชน ๒๒ แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจ�าต�าบล ๒๒๔ แห่ง สถานบริการ สาธารณสุขเอกชน ๒๖๔ แห่ง (โรงพยาบาลเอกชน ๑ แห่ง คลินิกเอกชน ๒๖๓ แห่ง) มีแพทย์ ๒๐๙ คน ทันตแพทย์ ๖๑ คน เภสัชกร ๑๓๒ คน และพยาบาล วิชาชีพ ๑,๕๗๒ คน อัตราส่วนต่อประชากร แพทย์เท่ากับ ๑ : ๗,๕๑๒ คน ทันตแพทย์เท่ากับ ๑ : ๒๕,๗๓๙ คน เภสัชกรเท่ากับ ๑ : ๑๑,๘๙๔ คน และพยาบาลเท่ากับ ๑ : ๙๙๘ คน÷ ๒.๕ ชุมชนโบราณในจังหวัดบุรีรัมย์ จากภาพถ่ายทางอากาศ และหลักฐานทางโบราณคดี ท�าให้ทราบว่า จังหวัด บรุ รี มั ยเ์ ดมิ เปน็ ชมุ ชนเกา่ แกม่ อี ายอุ ยใู่ นสมยั ทวารวดี มกี ารคน้ พบเมอื งและชมุ ชนโบราณ เกนิ กวา่ ๑๓๐ แหง่ กระจดั กระจายอยทู่ วั่ ไป แมต้ วั เมอื งบรุ รี มั ยใ์ นปจั จบุ นั กม็ ลี กั ษณะ เป็นชุมชนโบราณมาก่อน เนื่องจากมีคูล้อมรอบเป็นก�าแพงเมือง ซ่ึงถือเป็นลักษณะ ส�าคัญของการสร้างเมืองหรือชุมชนสมัยโบราณ

ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 31 ที่มา: https://picpost.postjung.com/239903.html#pic12 ตัวอย่างชุมชนโบราณท่ีค้นพบในจังหวัดบุรีรัมย์

32 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๒.๕.๑ ชุมชนบ้านไทรโยง ต�าบลกระสัง อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นชุมชนเก่าแก่ สังเกตได้จากลักษณะของคูเมืองซ่ึงมีอยู่ ๓ ช้ัน มีคลองน�้าอยู่ ตรงกลาง มีความกว้างประมาณ ๙-๑๐ เมตร และลึกประมาณ ๕-๖ เมตร ส่วน คันดินสูงประมาณ ๓-๔ เมตร กว้างประมาณ ๔-๖ เมตร ตัวเมืองเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ ๖๐๐ เมตร สันนิษฐานว่าเดิมน่าจะสูงกว่านี้ประมาณ ๔-๕ เท่า ปัจจุบัน เป็นแปลงปลูกผัก ส่วนความสัมพันธ์กับเมืองใกล้เคียงนั้น ได้แก่ บ้านบัลลังก์ บ้านบัว บ้านหนองลุมปุˆก และผู้คนที่อยู่อาศัยในปัจจุบันส่วนใหญ่เคลื่อนย้ายมาจากเมืองศรีภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ๒.๕.๒ ชุมชนบ้านพระครูใหญ่ ต�าบลพระครู อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ เป็นชุม ชมเกา่ แก่ ลกั ษณะเมอื งเปน็ รปู ทรงกลม ชนั้ ของคเู มอื งมี ๓ ชนั้ ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง ประมาณ ๙๕๐ เมตร ส่วนหลักฐานทางโบราณคดีมีการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ ยาว ๘ ศอก โล่สงคราม ดาบ หม้อ กระด่ิงวัวควาย วัดเก่า ศาลเจ้า ๕ แห่ง สระน้�าโบราณและเศษภาชนะดินเผาเกลื่อนกลาดโดยรอบ ปัจจุบันมีชาวบ้านอยู่ อาศัยกลายเป็นชุมชน พร้อมขุดและปรับพ้ืนท่ีเพ่ือท�านาไร่

ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 33 ๒.๕.๓ ชุมชนบ้านบัว ต�าบลบ้านบัว อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ เป็นชุมชนเก่าแก่ ลักษณะของคูเมืองเป็นรูปทรงกลม มีคูเมือง ๑ ช้ัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓๐๐ เมตร ส�าหรับหลักฐานทางโบราณคดีมีการค้นพบจาน ไห ก�าไลเท้า เคร่ืองเงิน ส�าหรับใส่พลูและหมาก เงินก้อน เงินที่ใช้เป็นเคร่ืองประดับ หม้อขวัญ กล่องยาสูบ ตะโพนเก่า ขัน ถาด ช้างเงิน และพระพุทธรูป ปัจจุบันมีชาวบ้านอาศัยเป็นจ�านวนมาก ส่วนประชากรท่ีอาศัยเดินทางมาจากโคราช

34 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๒.๕.๔ ชุมชมบ้านสะแกโพรง ต�าบลสะแกโพรง อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ เป็น ชมุ ชนเกา่ แก่ ลกั ษณะคเู มอื งเปน็ เนนิ ดนิ สงู มกี า� แพงดนิ และคนู า้� ลอ้ มรอบ ดา้ นทศิ เหนอื มีท�านบดินย่ืนลาดยาวออกไปจากก�าแพงเป็นมุมฉาก สันนิษฐานว่าเป็นท�านบกั้นน�้าให้ ไหลเข้าไปในคูเมือง โดยมีขนาดกว้างของท�านบ ๑๘ เมตร ส่วนก�าแพงเมืองมี ๓ ชั้น ช้ันท่ี ๑ กว้าง ๒๔ เมตร สูง ๓ เมตร ก�าแพงช้ันที่ ๒ กว้าง ๓๒ เมตร และช้ันท่ี ๓ กว้าง ๑๐ เมตร ด้านคูน�้ามี ๒ ช้ัน ช้ันแรกกว้าง ๑๕ เมตรและ ชั้นสองกว้าง ๑๖ เมตร ด้านหลักฐานทางประวัติศาสตร์มีการพบสระน้�าโบราณ คนั กนั้ นา�้ คนั ดนิ โบราณ เศษภาชนะดนิ เผา เครอื่ งสา� รดิ ลกั ษณะวงกลมเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง ๗.๑๐ ซม. สันนิษฐานว่าเป็นคันฉ่องส�าริด ปัจจุบันชาวบ้านอาศัยเดินทางมาจาก แสลงโทน อ�าเภอประโคนชัย ๒.๕.๕ ชุมชนบ้านเมืองดู่ ต�าเมืองฝาง อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ เป็นชุมชนเก่า แก่ ลกั ษณะคเู มอื งเปน็ เนนิ สงู กลางกา� แพงดนิ และคนู า�้ ลอมรอบ มกี ารคน้ พบสงิ่ กอ่ สรา้ ง ท�าด้วยอิฐเผาเป็นรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส กว้าง ๔ เมตร ยาว ๔ เมตร ลักษณะของก้อน อิฐเป็นดินเหนียวปนทรายผสมฟางข้าวและมีเมล็ดข้าวเปลือกปนอยู่เป็นจ�านวนมาก ส่วนก�าแพงเมืองมี ๓ ชั้น ช้ันท่ี ๑ ด้านในกว้าง ๑๘ เมตร ชั้นที่ ๒ ด้านใน กว้าง ๑๘ เมตร และชั้นที่ ๓ ด้านในกว้าง ๑๓ เมตร คูเมืองด้านนอกกว้าง ๔๐ เมตร ช้ันท่ี ๒ กว้าง ๔๐ เมตร ช้ันท่ี ๓ กว้าง ๒๕ เมตร และชั้นที่ ๔ กว้าง ๒๓ เมตร สา� หรบั หลกั ฐานทางโบราณคดมี กี ารพบ รปู ปนœั ของงู แขนและขาของเทวรปู ฐานพระ โครงกระดูก ไห จอบโบราณ และเศษกระปุกกระแป้งและผอบ ส�าหรับ ประชากรในปัจจุบันย้ายมาจากบ้านแสลงโทน อ�าเภอประโคนชัย ๒.๕.๖ ชุมชนเมือง½าง ต�าบลเมืองฝาง อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ เป็นชุมชนเก่า แก่ ตัวเมืองเป็นลักษณะทรงกลม มีคันดิน ๔ ช้ัน และคูน�้า ๔ ชั้น ด้านทิศเหนือเป็น สระน�้าโบราณ ๒ แห่ง สันนิษฐานว่าเป็นศาสนสถาน บริเวณคูน�้ารอบเมืองแบ่งเป็น ๔ ชั้น ชั้นท่ี ๑ กว้าง ๒๘ เมตร ชั้นท่ี ๒ กว้าง ๓๕ เมตร ชั้นที่ ๓ กว้าง ๒÷ เมตร และชั้นท่ี ๔ กว้าง ๒๗ เมตร ส่วนคันดินก็แบ่งเป็น ๔ ชั้นเช่นกัน ชั้นที่ ๑ กว้าง ๙.๕๐ เมตร ช้ันท่ี ๒ กว้าง ๙ เมตร ชั้นท่ี ๓ กว้าง ๑๔ เมตร ชั้นท่ี ๔ กว้าง ๑๓ เมตร ส�าหรับหลักฐานทางโบราณคดีมีการค้นพบไหโบราณสูง ๓๓ ซม.

ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 35 เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๐ ซม. ใบเสมาหินขนาดใหญ่ กว้าง ๗๐ ซม. หนา ๑๐ ซม. และยาว ÷๐ ซม. กระบ่ีส�าริด ขนาดยาวประมาณ ๓๐ ซม. และพระพุทธรูปทอง ส�าริดหุ้มด้วยแร่พลวง สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนต้น ๒.๕.๗ ชุมชนบ้านม่วงเหนือ ต�าบลพระครู อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ เป็นชุมชน เก่าแก่ ลักษณะของตัวเมืองไม่สามารถค้นพบ พบแต่หนองน้�าโบราณ ๔ สระ สระที่ ๑ กว้าง ๖๐ เมตร ยาว ๑๑๒ เมตร สระที่ ๒ กว้าง ๔๖ เมตร ยาว ๕๓ เมตร สระท่ี ๓ กว้าง ๓๐ เมตร ยาว ๔๖ เมตร ส่วนสระที่ ๔ มีลักษณะกลมและ เล็กกว่าสระอ่ืน แม้จะพบหลักฐานเพียงเท่าน้ีแต่ก็สามารถสันนิษฐานได้ว่า เดิมชุมชน แห่งนี้เป็นชุมชนใหญ่ สังเกตได้จากมีสระน้�าขนาดใหญ่ถึง ๔ สระ แสดงให้เห็นว่าน้�า มากขนาดน้ีย่อมมีประชากรใช้เป็นจ�านวนมากเช่นกัน อีกทั้งลักษณะของสระน�้าเช่นนี้ เป็นเหมือนศาสนสถานทางศาสนาพราหมณ์

36 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ๒.๕.๘ ชุมชนบ้านพระครนู ้อย ตา� บลกลนั ทา อ�าเภอเมอื งบรุ ีรมั ย์ เปน็ ชุมชน เก่าแก่ ลักษณะตัวเมืองเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ ๐.๔ กิโลเมตร มีศาสน สถานลักษณะเหมือนปราสาทเมืองต่�า มีคูน้�าคันดินถึง ๒ ชั้น มีก�าแพงชั้นในและช้ัน นอก ช้ันในกว้าง ๑๕ เมตร และชั้นนอกกว้าง ๑๔ เมตร ส่วนคูน้�าช้ันในกว้าง ๑๒ เมตร และช้ันนอกกว่าง ๖ เมตร หลักฐานทางโบราณคดีมีการพบฐานเทวรูปหรือรูป เคารพ ฐานบัว ๘ กลีบ เทวรูปท�าด้วยหินทราย หินบดยาท�าด้วยหินทราย วอ กระด่ิงช้าง พระพุทธรูปนาคปรก และไหโบราณท�าจากดินเผาเคลือบ ประชากรปัจจุบัน ส่วนใหญ่ย้ายมาจากจังหวัดศรีสะเกษ

ข้อมูลพ้ืนฐานจังหวัดบุรีรัมย์ 37 ๒.๕.๙ ชุมชนบ้านรุน ต�าบลบัวทอง อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ เป็นชุมชนเก่าแก่ ลักษณะการพบเป็นคูน�้า ๒ ชั้น และคันดิน ๓ ช้ัน คูน�้าช้ันท่ี ๑ กว้าง ๑๒ เมตร และช้ันที่ ๒ กว้าง ๑๕ เมตร ส่วนคันดินชั้นท่ี ๑ กว้าง ๒๒ เมตร สูง ๓.๕๐ เมตร ชั้นที่ ๒ กว้าง ๒๔ เมตร สูง ๕ เมตร และช้ันท่ี ๓ กว้าง ๒÷ เมตร สูง ๕ เมตร ส�าหรับหลักฐานทางโบราณคดีคือ เศษภาชนะ พระพุทธรูปส�าริด แร่ตะก่ัว ไหโบราณ เคร่ืองประดับเช่นก�าไล เปลือกหอย เป็นต้น ประชากรปัจจุบัน ส่วนใหญ่ย้ายมาจากจังหวัดสุรินทร์ ๒.๕.๑๐ ชุมชนบ้านตลาดควาย ต�าบลสระแกซ�า อ�าเภอเมืองบุรีรัมย์ เป็นชุมชนเก่าแก่ ลักษณะเมืองไม่สามารถค้นพบ เพราะชาวบ้านได้ถากถางท�าไร่นา หมดแล้ว พบแต่โบราณสถานเป็นเนินดินสูงมีลักษณะเป็นรูปสีเหล่ียมผืนผ้า มีสระน�้า ล้อมรอบ โดยเนินดินกว้าง ๓๓ เมตร ยาว ๓÷ เมตร ส่วนสระน้�ากว้าง ๑๘.๑ เมตร ความยาวแต่ละด้าน ๖๘ เมตร สันนิษฐานว่าผู้คนที่อาศัยบริเวณน้ีเป็นชุมชน ขนาดใหญ่ เพราะศาสนสถานมีลักษณะใหญ่

38 คุณค่าและอิทธิพลของปราสาทขอม ชุมชนโบราณท่ีค้นพบในจังหวัดบุรีรัมย์