Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเสถียร โพธินันทะ(อัญมนีในพระพุทธศาสนา)

หนังสือเสถียร โพธินันทะ(อัญมนีในพระพุทธศาสนา)

Description: หนังสือเสถียร โพธินันทะ(อัญมนีในพระพุทธศาสนา)

Search

Read the Text Version

ชีวประวตั แิ ละงาน ของ นายเสถยี ร โพธนิ ันทะ บ.ม. สุชพี ปุญญานุภาพ ปฐมวยั นายเสถียร โพธินนั ทะ เกิด ณ วันจนั ทร์ ข้ึน ๑๑ ค�ำ่ เดอื น ๗ ปีมะเส็ง ตรงกับวันท่ี ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒ เวลาประมาณ ๘.๐๐ น. ท่ีบ้านเลขท่ี ๒๒๔-๒๒๖ ตรอกอิสรานุภาพ หรือท่ีเรียกกัน ทั่วไปว่าตลาดเก่า เยาวราช ต้ังอยู่ใกล้วัดกันมาตุยาราม อ�ำเภอ สัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร บิดาชื่อนายต้ังเป็งท้ง มารดาชื่อ นางมาลัย มีพี่สาว ๒ คน และเพราะเหตุที่เป็นลูกชายคนสุดท้อง จึงได้รบั ความเมตตาและการตามใจจากมารดาคอ่ นขา้ งมาก รา้ นค้าของมารดาบิดานายเสถยี ร โพธนิ ันทะ มีช่ือวา่ ”ท. วัฒนา„ ช่ือในภาษาจีนว่า ”ตั้งท่งฮวด„ เป็นร้านค้าปลีกและส่งของช�ำและ เคร่ืองกระป๋อง ซ่ึงนบั วา่ มกี จิ การคา้ เจริญดรี า้ นหนึ่งในตลาดเก่า

2 เสถียร โพธนิ ันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา เม่ือมารดาตั้งท้องนายเสถียร โพธินันทะ บิดาก็มีความจ�ำเป็น ต้องเดินทางไปประเทศจีนและถึงแก่กรรมในกาลต่อมา อาศัยที่มารดา เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ พูดได้ทั้งภาษาไทยและภาษาจีน รู้จักวางตนให้เป็นที่เคารพย�ำเกรงของลูกจ้าง และเป็นที่นับถือของ คนทั้งหลาย จึงสามารถปกครองและอ�ำนวยการร้านค้าให้เจริญรุ่งเรือง ตลอดมา ทั้งยังสามารถเลี้ยงดูบุตรธิดาให้มีความสุขความเจริญ โดยควรแก่ฐานะ โดยเฉพาะธิดาท้ัง ๒ คน เมื่อเจริญวัยแล้วก็ได้ แต่งงานแยกครอบครัวไปเป็นหลักฐาน คงเหลือแต่มารดากับคุณยาย และนายเสถียร โพธินันทะ ต่อมาคุณยายผู้ชราก็ถึงแก่กรรมจากไปอีก ท่านหน่ึง ในชั้นแรก เด็กชายเสถียร ใช้นามสกุลว่า ”กมลมาลย์„ ตามท่ี มารดาขอจดทะเบยี นไว้ ตอ่ มาเมอื่ พ.ศ. ๒๔๙๑ เมอ่ื นายเสถยี รมีอายุ ได้ ๒๐ ปี จึงได้เปล่ียนใช้นามสกุลใหม่ เป็นการเปลี่ยนด้วยความ ประสงค์ให้ใกล้ชิดในทางศาสนา คือนามสกุลว่า ”โพธินันทะ„ ซึ่ง แปลว่า ”ผู้มีความพอใจในการตรัสรู้„ และนายเสถียรก็ได้ใช้นามสกุล ใหม่ท่ีตัง้ ขึน้ เองดว้ ยใจรกั น้ีจวบจนถึงแก่กรรม เมื่ออายุพอจะรับการศึกษาเล่าเรียนได้ มารดาจึงน�ำไปฝากให้ เรียนในโรงเรียนราษฎรเจริญ ของครูชม เปาโรหิตย์ ซ่ึงตั้งอยู่ใกล้ ส�ำเพ็งและใกล้วัดจักรวรรดิราชาวาส และได้ส่งไปเรียนต่อในชั้นมัธยม ท่ีโรงเรียนมัธยมวัดบพิตรพิมุข จนกระท่ังสำ� เร็จช้ันมัธยมปีที่ ๕ จึงได้ ลาออก

เสถียร โพธินันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 3 การลาออกทั้งท่ีมีโอกาสและมีทุนจะศึกษาในช้ันสูงต่อไปได้เป็น อย่างดีน้ี เป็นความปรารถนาของนายเสถียรเอง ซ่ึงไม่ชอบการสอบไล่ แต่ชอบความเป็นอิสระ ปรารถนาจะมีเวลาเป็นของตนเองในการ ค้นคว้าหาความรู้ที่ต้องการ โดยเฉพาะคือความรู้ทางพระพุทธศาสนา อยา่ งเตม็ ท่ี ความโน้มเอียงมาสู่พระพุทธศาสนาของนายเสถียร โพธินันทะ มีมาต้ังแต่อายุน้อยแล้ว กล่าวคือ เม่ืออยู่ในที่แวดล้อมเป็นคนจีน ก็ชอบเล่นแต่งกายเป็นพระจีน การวาดเขียนที่ชอบมากคือชอบ เขียนรูปพระพุทธเจ้าและเขียนรูปบุคคลประกอบตามเรื่องราวทาง พระพุทธศาสนา เม่ืออายุ ๑๗ ปี ได้น�ำภาพวาดทางพระพุทธศาสนา เหลา่ นน้ั มาให้สุชโี วภกิ ขุ ดดู ้วย ในขณะท่ีมีอายุ ๑๓-๑๔ ปีก็ชอบเท่ียวไปตามวัดต่าง ๆ ท้ัง วัดจีน วัดญวนและวัดไทย วัดไทยท่ีเคยไปคือวัดจักรวรรดิราชาวาส เพ่ือสนทนาไต่ถามเรื่องต่าง ๆ กับพระสงฆ์ โดยเฉพาะวัดจีนและ วัดญวนน้ันชอบไปดูพิธีท้ิงกระจาด การท�ำกงเต๊ก และการสวดมนต์ นายเสถียรรู้ดีว่าพระจีนหรือพระญวนองค์ไหนท�ำพิธีเก่ง ท�ำท่ามุทระ (ท่ามือ) ในแบบต่าง ๆ ตามพิธีมนตรยานได้งดงามมาก นอกจากน้ัน การออกเสียงในภาษาจีนและภาษาญวนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แตกตา่ งกันอย่างไร เชน่ ”โพธสิ ัตว์ มหาสตั ว„์ ออกเสยี งในภาษาจีนวา่ ”พู่สัก ม่อฮอสัก„ ในภาษาญวนว่า ”โบ้ต๊าก มะฮาต๊าก„ ”สารีบุตร„ ออกเสียงในภาษาจีนว่า ”เซียหลีหุก„ ในภาษาญวนว่า ”ช้าเหล่ยพัก„ เปน็ ต้น

4 เสถียร โพธินันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา เนื่องจากยังมิได้เรียนหนังสือจีน เพียงแต่พูดได้อย่างเดียว จึงยังอ่านหนังสือจีนไม่ออก เด็กชายเสถียรได้ศึกษาความรู้เรื่อง พระพุทธศาสนามหายานจากหนังสือ ”ลทั ธิของเพื่อน„ ของเสถยี รโกเศศ และนาคะประทีป รู้จักใช้ถ้อยค�ำได้ถูกต้องตามหลักวิชา ประกอบกับ เป็นผู้มีความจ�ำดีจึงจดจ�ำเรื่องราวในหนังสือที่อ่านไว้ได้มาก สามารถ อธิบายรปู ปฏมิ าต่าง ๆ ในวัดมงั กรกมลาวาส (วดั เลง่ เน่ยย)ี่ ไดถ้ กู ต้อง และถ่ีถ้วน ยิ่งกว่านั้นการซักถามพระจีนพระญวนที่มีความรู้อย่าง ละเอียดถ่ีถ้วน ก็เป็นเหตุหนึ่งท่ีท�ำให้มีความรู้ในเรื่องของจีนและญวน แตกฉานขึน้ การเรียนภาษาจนี ภายหลังทลี่ าออกจากโรงเรียนมัธยมวัดบพิตรพมิ ุขแล้ว ต้องการ จะค้นคว้าเรื่องพระพุทธศาสนาให้แตกฉานยิ่งข้ึน จึงได้ไปเรียนภาษา จีนท่ีโรงเรียน ”เผยอิง„ ชั่วเวลา ๒ ปีเศษก็มีความรู้ภาษาจีนแตกฉาน สามารถใช้ศพั ท์สูง ๆ และยาก ๆ ในภาษาจีนกลางไดด้ ี เพราะมไิ ดเ้ รียน จากครูเท่านั้น แต่ค้นคว้าซักถามและสนทนากับผู้มีความรู้อยู่เสมอ จึงเป็นผู้มีความรู้ภาษาจีนดีเป็นพิเศษ เร่ืองความรู้ความสามารถใน ภาษาจนี กลางและความรทู้ างพระพทุ ธศาสนาของนายเสถียร โพธินนั ทะน้ี เล่าลือไปถึงในไต้หวัน เพราะมีพระจีนเดินทางมาและแสดงธรรมเป็น ภาษาจีน นายเสถียร โพธินันทะแปลเป็นไทย เมื่อจะติดต่อกับใคร นายเสถียรกแ็ ปลภาษาไทยเป็นภาษาจีนกลางใหฟ้ งั อกี ต่อหน่ึง ทเ่ี ลา่ ลอื กันมากกใ็ นขอ้ ทวี่ ่าพูดส�ำเนียงจีนกลางไดเ้ หมอื นคนปกั ก่งิ

เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 5 เปน็ นกั เลา่ นิทานและนยิ าย ได้กล่าวแล้วว่าเด็กชายเสถียรมีความจ�ำดี เม่ืออ่านหนังสือ ประเภทนิทานหรือนวนยิ ายอะไรแล้วก็เล่าได้อย่างถี่ถว้ น ในขณะทเ่ี ป็น นกั เรยี นอยู่ เพือ่ น ๆ จึงชอบตีวงล้อมฟังเดก็ ชายเสถยี รเล่านิทานอย่าง สนุกสนาน เมื่อ ”ยาขอบ„ แต่งเรื่อง ”ผู้ชนะสิบทิศ„ ออกมา เด็กชาย เสถยี รกเ็ ปน็ ผ้หู นึง่ ทีเ่ ลา่ เรือ่ ง ”ผู้ชนะสิบทศิ „ ดว้ ยสำ� นวนตามหนงั สอื น้ัน ได้ดีอย่างแทบไม่น่าเช่ือ ไปเท่ียวบ้านไหนที่มีเด็กมาก ๆ ก็จะถูกขอร้อง ให้เล่าเร่ืองท่อี า่ นมาใหฟ้ งั ท�ำใหท้ ั้งเด็กและผ้ใู หญต่ ดิ ใจไปตาม ๆ กัน เปน็ นักประวัติศาสตร์มาตงั้ แตย่ งั อายนุ อ้ ย หนงั สอื อีกประเภทหน่งึ ท่เี ดก็ ชายเสถียรชอบมากทีส่ ดุ ก็คอื เร่อื ง ประวัติศาสตร์ ใครอ่านหนังสือกินเวลาหลายวัน เด็กชายเสถียรจะ ใช้เวลาเพียง ๒-๓ ช่ัวโมงเท่าน้ันก็อ่านจบแล้วจ�ำได้เล่าเร่ืองได้ตลอด ถา้ ตรงไหนชอบมากกอ็ า่ นซำ�้ ๆ จนขึ้นใจหรอื ท่องเอาไวเ้ ลย เด็กชายเสถียรจ�ำประวัติศาสตร์ไทยได้ดีทุกสมัย เช่นสมัยที่ ไทยยังอยใู่ นเมอื งจนี สมยั สุโขทยั สมยั อยธุ ยา และสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อเล่าประวัติศาสตร์สมัยไหนก็คล้ายตนเองได้เกิดและเห็นเหตุการณ์ มาเองในสมัยนั้น ข้อน้ผี ฟู้ งั ปาฐกถาในระยะหลงั ๆ มักจะรู้สึกอศั จรรยใ์ จ ไปตาม ๆ กันว่าเหตุไฉนจึงจ�ำแม่นนัก ความจ�ำประวัติศาสตร์เหล่านี้ สบื มาแต่สมยั ท่ยี ังเป็นเด็กชายเสถยี รเป็นสว่ นมาก

6 เสถียร โพธินันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา แต่การจ�ำประวัติศาสตร์ชาติไทยได้ ดูก็ไม่น่าแปลกนัก เพราะ เป็นเรื่องประจ�ำชาติของตนเองอยู่แล้ว ท่ีน่าแปลกก็คือเด็กชายเสถียร จ�ำประวัติศาสตร์พม่าได้ถี่ถ้วน ล�ำดับวงศ์กษัตริย์และเหตุการณ์ได้ ถูกต้องตามรายละเอียดท่ีปรากฏในต�ำราทุกอย่าง จ�ำประวัติศาสตร์ ญวน ชื่อกษัตริย์และขุนนางญวนตามล�ำดับเหตุการณ์ได้อย่างไม่น่าเช่ือ ท้ังท่ีชื่อญวนนั้นออกเสียงยากมาก นอกจากนั้นประวัติศาสตร์จีนและ อินเดียเด็กชายเสถียรก็สนใจจ�ำได้มาต้ังแต่ก่อนจะออกจากโรงเรียน มัธยมวัดบพิตรพิมุขและอ่านเพิ่มเติมในภายหลังเพ่ือทบทวนความจ�ำ การซอ้ื หนังสอื อ่าน ในสมัยเป็นเด็กนักเรียน ได้ประหยัดเงินค่าขนมที่มารดาให้ ซ้ือ หนังสือประเภทประวัติศาสตร์และวิชาความรู้ท่ีชอบไว้มาก โดยเฉพาะ หนงั สอื ทางพระพทุ ธศาสนา เช่น พระไตรปฎิ กแปลฉบบั ของโรงพิมพ์ไท ได้ซื้อไว้ต้ังแต่ยังเป็นเด็กนักเรียน หนังสือประวัติศาสตร์พม่าซึ่ง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงนิพนธ์ไว้ก็มี ครบชุด นอกจากนน้ั ยังมีหนังสอื ฉบบั แปลจากเรอ่ื ง The Thai Race ของหมอดอดจ์และประวัติศาสตร์ พระราชพงศาวดาร ศิลาจารึก แทบทุกฉบับที่พอจะหาซื้อได้ ถ้าซื้อตามร้านท่ัวไปไม่ได้ ก็จะติดตาม ไปซอ้ื ท่หี อสมุดแหง่ ชาติ

เสถียร โพธนิ นั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 7 ไมช่ อบวชิ าค�ำนวณ เด็กชายเสถียร โพธินันทะ ไม่ชอบวิชาค�ำนวณท้ังในการเรียน และในการใช้เงิน เวลาซ้ือของถ้าจะต้องให้พ่อค้าทอน เขาทอนเท่าไร ก็รับเท่าน้ัน ไม่ตรวจนับดูก่อน เพราะการตรวจนับท�ำให้เสียเวลาและ ท�ำให้ยุ่งยากที่จะต้องคิดว่าท่ีถูกควรจะเป็นเท่าไร แต่เม่ือมีอายุมากข้ึน เมื่อต้องค้นคว้าแต่งต�ำราเกี่ยวกับปี พ.ศ. ต่าง ๆ ความจ�ำเป็นก็บังคับ ให้ต้องสนใจกับตัวเลขมากขึ้น แต่ในเรื่องการใช้เงินแล้วคงไม่นับ เงินทอนจากร้านคา้ ตลอดมา ตดิ ตอ่ กบั พทุ ธสมาคมจีน เพราะเหตุที่มีความสนใจในพระพุทธศาสนามาแต่อายุน้อย เด็กชายเสถียร โพธินันทะ จึงสนใจติดต่อกับชาวจีนที่มีความรู้ดีทาง พระพุทธศาสนา และสมาคมพระพุทธศาสนาฝ่ายจีนท่ีนับว่าเด่นมาก ในด้านงานค้นคว้าและวิชาการทางพระพุทธศาสนา ก็คือ ”สมาคม พุทธบริษัทไทยจีนประชา„ หรือที่เรียกในภาษาจีนว่า ”ไทก้กตงฮั้วหุก ฮักเงียงก้ิวเสีย„ ชื่อในภาษาจีนน้ีถ้าจะแปลเป็นไทยให้ตรงความหมาย ก็คือสมาคมค้นคว้าทางพระพุทธศาสนาไทยจีน กรรมการหลายท่าน ของสมาคมน้ีมีความรู้ทางมหายานอย่างดี ท้ังยังมีการชุมนุมแสดง ปาฐกถา สวดมนต์ สนทนาธรรมเป็นประจ�ำด้วย สมาคมนี้ต้ังอยู่บนตึก ช้ันบนของห้างเยาวราช (ตอนนั้นยังมิได้ย้าย) หลังวัดกันมาตุยาราม เด็กชายเสถียร โพธินันทะได้ไปติดต่อสนทนาธรรม ซักไซ้ไต่ถาม ผู้เชี่ยวชาญซ่ึงเป็นผู้ใหญ่มีความรู้สูง เช่นนายแพทย์ ตันม่อเซ้ียง ซ่ึง

8 เสถียร โพธนิ นั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา ในกาลต่อมา นายแพทย์ผู้น้ีได้พยายามฝึกฝนภาษาไทยจนสามารถ แสดงปาฐกถาเป็นภาษาไทยได้ โดยไม่ต้องมีล่าม แม้ว่าในระยะแรก ๆ ท่านจะต้องมีเสถียร โพธินันทะช่วยเป็นล่ามให้ก็ตาม เด็กชายเสถียร โพธินันทะมีพื้นความรู้ทางมหายาน เพราะการติดต่อซักถามผู้รู้เช่น นายแพทย์ตันม่อเซ้ียงและกรรมการท่านอื่น ๆ อีกบ้างดังกล่าวมาแล้ว ในภายหลังเม่ือมาศึกษาพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทเพ่ิมเติมด้วย จึง เป็นผู้ที่ท�ำให้พุทธศาสนิกชนฝ่ายเถรวาทและฝ่ายมหายานเข้าใจใน หลักธรรมของกนั และกนั ดีข้ึน เรมิ่ แรกตดิ ต่อทว่ี ัดกนั มาตยุ าราม ท่ีโรงเรียนมัธยมวัดบพิตรพิมุข เด็กชายเสถียร โพธินันทะ ไ ด ้ มี โ อ ก า ส รู ้ จั ก กั บ เ ด็ ก ช า ย ผู ้ ห น่ึ ง ซ่ึ ง เ ป ็ น ศิ ษ ย ์ ข อ ง สุ ชี โ ว ภิ ก ขุ วัดกันมาตุยาราม เม่ือสอบได้มัธยมปีที่ ๕ แล้ว เด็กชายเสถียรได้ ติดต่อกับเพื่อนของตนผู้นี้ขอให้น�ำเข้าพบสุชีโวภิกขุ และตั้งแต่น้ันมา ก็ไปมาท่ีวัดกันมาตุยารามเป็นประจ�ำ คือมาเช้า กลับไปรับประทาน อาหารกลางวันที่บ้าน แล้วกลับมาที่วัด ตอนเย็นกลับไปรับประทาน อาหารที่บ้าน ต่อมาก็เลยเป็นศิษย์รับประทานอาหารกลางวัน เสียท่ีวัดด้วย เมื่อสุชีโวภิกขุมีกิจไปนอกวัด เช่นสวดมนต์หรือเทศน์ ก็เปน็ ศษิ ย์ถือพัดถือคัมภรี ์เทศนต์ ดิ ตามไปดว้ ยเปน็ สว่ นมาก ย้อนกลบั มากล่าวถึงเหตกุ ารณ์ในวนั แรกท่นี ายเสถยี ร โพธนิ นั ทะ ไปท่ีวัดกันมาตุยาราม ได้ตั้งปัญหาถามเก่ียวกับข้อความที่ส�ำคัญใน พระสูตรหลายสูตร เช่นโปฏฐปาทสูตร ในทีฆนิกาย ศีลขันธวรรค

เสถียร โพธินนั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 9 (พระไตรปิฎก เล่ม ๙) และอัคคัญญสูตร ในทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค (พระไตรปิฎก เล่ม ๑๑) ซ่ึงได้ท�ำความแปลกใจให้แก่ผู้ถูกถาม เป็นอย่างยิ่งว่าเด็กอายุยังน้อย เหตุไฉนจึงมีความรู้ความสนใจใน พระพุทธศาสนามากอย่างนั้น ความรู้สึกประทับใจและเอ็นดูในเด็กชาย ผู้แสดงปรีชาสามารถให้ปรากฏในวันแรกที่ได้พบปะและรู้จักกันน้ัน เป็นเหตุหน่ึงท่ีท�ำให้ผู้ไปหาและผู้ต้อนรับท้ัง ๒ มีความเก่ียวข้องกัน ท้ังในทางส่วนตัวและในทางพระพุทธศาสนา จนกระทั่งวาระสุดท้าย ทนี่ ายเสถียร โพธินนั ทะได้จากไป กิจวัตรประจ�ำวันของนายเสถียร โพธินันทะเม่ือไปถึงวัด ภายหลงั รับประทานอาหารเชา้ จากทบี่ ้านไปแลว้ ก็คอื ต้ังปญั หาถามบา้ ง แสดงความคดิ เหน็ ของตนบ้าง เกยี่ วกับเร่อื งพระพุทธศาสนา ทำ� หน้าท่ี เป็นเลขานุการเขียนตามค�ำบอกบทความทางพระพุทธศาสนาบ้าง เขียนตามค�ำบอกค�ำแปลจากบาลีพระไตรปิฎกบ้าง ท้ังน้ีเพราะสุชีโว ภกิ ขุ เป็นเจา้ หนา้ ท่ีกองบรรณาธิการหนงั สอื ธรรมจักษุ มหี นา้ ทีจ่ ดั เร่อื ง จัดหน้าเขียนบทความและควบคุมการพิมพ์ จึงถือโอกาสให้นายเสถียร โพธนิ นั ทะ หัดเขยี นบทความธรรมะ เพ่อื น�ำลงพิมพใ์ นหนงั สอื ธรรมจกั ษุ โดยช่วยเกลาส�ำนวนให้ แต่เน้ือหาเป็นของนายเสถียรเอง เร่ืองแรก ท่ีน�ำลงชื่อ “พระพุทธศาสนากับคนหนุ่ม” น�ำลงในธรรมจักษุฉบับ ”สันติภาพ„ ซ่ึงรวมออกแทนเล่มต่าง ๆ ท่ีมิได้ออกในระหว่างสงคราม รวม ๑๐ เดือน คือจากเดือนธันวาคม ๒๔๘๗ ถึงเดือนกันยายน ๒๔๘๘

10 เสถียร โพธนิ นั ทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา ข้อความก�ำกับหัวเร่ือง ”พระพุทธศาสนากับคนหนุ่ม„ ของ เสถียร กมลมาลย์ (ตอนน้นั ยังไมไ่ ดเ้ ปลีย่ นนามสกุล) มีวา่ ดังนี้ ”ยุวชนเสถียร กมลมาลย์ อายุ ๑๗ ปี เป็นนักเรียนโรงเรียน มัธยมวัดบพิตรพิมุข สอบได้ช้ัน ม.๕ เป็นผู้มีความเล่ือมใสใน พระพุทธศาสนาได้ประหยัดค่าขนมท่ีมารดาให้ซื้อหนังสือทาง พระพุทธศาสนาทุกชนิดเท่าท่ีจะหาอ่านได้ในประเทศไทย และได้ รวบรวมแม้หนังสือทางศาสนาอื่นเพ่ือศึกษาเปรียบเทียบ ความรู้ ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาของยุวชนผู้นี้มีในขนาดไร และ พระพุทธศาสนาได้ชนะหัวใจของเขาอย่างไร ท่านผู้อ่านจะพิจารณา ได้จากเรื่องนี้ อน่ึงควรบันทึกไว้ในที่น้ีด้วยว่าเร่ืองบางเรื่องที่น�ำลงใน ธรรมจักษะฉบับนี้ ที่เป็นเรื่องแปลหรือแต่งก็ดี ยุวชนผู้นี้ได้มีส่วนช่วย เป็นเลขานุการเขียนตามค�ำบอกแห่งเจ้าหน้าท่ีของเราด้วยความ สมัครใจ และยินดีที่ได้รับใช้พระพุทธศาสนา อันเราจะเว้นเสียมิได้ซึ่ง ความรู้สกึ อนโุ มทนาในกศุ ลเจตนาของยวุ ชนผู้นี„้ เร่ืองที่ ๒ ที่น�ำลงในธรรมจักษุฉบับต่อมา คือ ฉบับรวม ๔ เดือน (ตุลาคม ๒๔๘๘-มกราคม ๒๔๘๙) คือเร่ือง “เสียงแห่ง เมตตากรุณา” มีข้อความกำ� กับหัวเร่อื ง ดงั นี้ ”เราได้เสนอบทความเร่ือง ”พระพุทธศาสนากับคนหนุ่ม„ ของ ยุวชนอายุ ๑๗ ปีผู้น้ีในธรรมจักษุฉบับสันติภาพแล้ว ในฉบับนี้ท่าน จะได้อ่านเรื่อง ”เสียงแห่งเมตตากรุณา„ ของเขาต่อไป อน่ึงเราขอแจ้ง ให้ทราบว่า ยุวชนผู้น้ีได้เขียนเร่ืองให้เราแล้วหลายเร่ือง ซ่ึงเราจะได้ น�ำลงเสนอผู้อ่านตามโอกาสอันควร„

เสถียร โพธินนั ทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 11 เร่ืองที่ ๓ ที่น�ำลงในหนังสือธรรมจักษุฉบับวิสาขบูชาประจ�ำ ๔ เดือน (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม ๒๔๘๙) คือ เรื่อง “อนุสรณ์ ศานติธรรม” เปน็ บทความเรียงพเิ ศษวันวิสาขบูชา มคี ำ� กำ� กับเร่ืองของ กองบรรณาธิการว่า ”นี้เป็นเรื่องที่ ๓ ของยุวชนอายุ ๑๗ ปี ผู้สนใจ ค้นคว้าทางพระพุทธศาสนา„ ต่อจากนัน้ นายเสถยี ร โพธนิ นั ทะ กไ็ ด้รับเชญิ ใหแ้ สดงปาฐกถา ในที่ต่าง ๆ แห่งแรกท่ีแสดงคือ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยใน พระบรมราชูปถัมภ์ ซ่ึงสมัยนั้นตั้งอยู่ท่ีหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร นายเสถียร โพธินนั ทะ แตง่ ตวั แบบเด็กนักเรยี นไปแสดง คือใส่เส้อื เชิ้ต สีขาว นุ่งกางเกงสีด�ำขาสั้นแสดงเรื่องอะไรจ�ำไม่ได้ จ�ำได้แต่เพียงว่า ผู้เขียนประวัติเป็นผู้น�ำเด็กชายผู้นี้ไปแสดงและท�ำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง คอยให้ก�ำลังใจคอยแนะน�ำติชมเมื่อไปพูดในที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ ซึ่งได้ ท�ำความตื่นเต้นสนใจให้แก่ผู้ฟังเป็นอย่างย่ิง เม่ือแสดงปาฐกถาท่ี พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยน้ัน อายุได้ ๑๘ ปี (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๙) เป็นผ้รู ิเรมิ่ ก่อตง้ั คณะยุวพุทธกิ ะ และยวุ พทุ ธกิ สมาคม นายเสถียร โพธินันทะ เป็นผู้ริเร่ิมอย่างส�ำคัญในการชักชวน ผู้เกี่ยวข้องและสนใจในพระพุทธศาสนาให้มารวมกลุ่มกันเป็น ”คณะยุวพุทธิกะ„ ณ วัดกันมาตุยารามแล้ว ขออนุญาตก่อตั้งเป็น ”ยุวพุธิกสมาคมแห่งประเทศไทย„ ดังปรากฏในข้อความจากปาฐกถา ณ วัดกันมาตุยารามของนายบุญยง ว่องวานิช ประธานกรรมการ

12 เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา คณะยวุ พุทธกิ ะ เม่ือวนั ที่ ๒๑ สงิ หาคม พทุ ธศักราช ๒๔๙๒ น�ำลงใน หนังสอื ธรรมจกั ษุ เล่ม ๓๕ ตอนท่ี ๑-๒ ตลุ าคม-พฤศจิกายน ๒๔๙๒ ตอนหน่ึง ว่า :- ”__ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาน้ี จึงมีเยาวชนหนุ่มสาวจ�ำนวนหนึ่ง จากสถานที่ต่าง ๆ กัน บางคนเป็นข้าราชการ บางคนเป็นนักศึกษา ในมหาวิทยาลัย และบางคนเป็นพ่อค้า มีความคิดเห็นตรงกัน โดยท่ี มิได้รู้จักกันมาก่อน อาศัยคุณเสถียร โพธินันทะ เป็นคนว่ิงเต้น บอกข่าว จึงได้มารวมหารือแลกเปล่ียนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน จัดตั้งคณะยุวพุธิกะขึ้นทุก ๆ วันอาทิตย์ได้เปิดประชุมข้ึนท่ีโบสถ์ วัดกนั มาตุยาราม เวลา ๑๓.๓๐ น. การประชุมนย้ี ินดตี ้อนรบั ท่านท่ีสนใจ ที่เป็นบุคคลภายนอกเสมอ การประชุมได้ด�ำเนินมาถึง ๑๕ สัปดาห์ คณะยุวพุธิกะได้แต่งตั้งคณะกรรมการข้ึนคณะหนึ่ง เป็นคณะกรรมการ ก่อต้ังสมาคม มีกรรมการ ๑๘ คน มีหน้าท่ีในการจัดตั้งสมาคม ยุวพุทธิกะข้ึน เพื่อจะใช้เป็นหลักในการเผยแผ่ตามวัตถุประสงค์ ต่อไป__„ คณะยุวพุทธิกะได้ก่อตั้งข้ึนเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๔๙๒ ตอนน้ัน นายเสถยี ร โพธินนั ทะ อายไุ ด้ ๒๐ ปี เมื่อมีการจดทะเบียนเป็น ”ยุวพุทธิกสมาคม„ แล้ว นายบุญยง ว่องวานิช ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมคนแรก บุคคลท่ีเคย ด�ำรงต�ำแหน่งนายกยุวพุทธิกสมาคม จนถึงปัจจุบันนี้คือ นายบุญยง ว่องวานิช นายปรก อัมระนันทน์ นายสมพร เทพสิทธา และ พันโท ประสาร ทองภกั ดี เฉพาะนายสมพร เทพสทิ ธา เมอื่ มียวุ พุทธกิ สมาคม

เสถียร โพธนิ ันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 13 ในจังหวัดต่าง ๆ เกิดข้ึนหลายสมาคมแล้ว ก็ได้มีการจัดตั้งสภา ยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติขึ้น และได้ด�ำรงต�ำแหน่งนายกยุวพุทธิก- สมาคมแห่งชาติ มีส�ำนักงานต้ังอยู่ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ขณะน้ี มียุวพทุ ธิกสมาคมในจงั หวัดต่าง ๆ ๔๔ สมาคม ส่วนนายเสถียร โพธินันทะ ได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาของ ยุวพุทธิกสมาคม และเป็นท่ีปรึกษาทางวิชาการของนิตยสาร ”แสงเทียน„ สภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ตั้งแต่ต้นตลอดมาจนถึง อวสานกาลแหง่ ชวี ิต อน่ึงในนิตยสาร ”แสงเทียน„ นายเสถียร โพธินันทะ ได้ช่วย ตอบปัญหาทางพระพุทธศาสนาด้วยในบางเล่ม ตอบปญั หาธรรมะในนติ ยสาร “สามมุข” ในขณะท่ีมีชีวิตอยู่ ได้ช่วยตอบปัญหาธรรมะเป็นประจ�ำใน นิตยสาร ”สามมุข„ ของยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี ซึ่งมีนายอธึก สวัสดีมงคล เป็นนายกสมาคม ข่าวถึงแก่กรรมของนายเสถียร โพธินันทะ ได้ยังความสลดใจ อาลัยรักแก่ยุวพุทธิกะชาวชลบุรีเป็น อันมาก ยุวพุทธิกสมาคมชลบุรีจึงจองเป็นเจ้าภาพบ�ำเพ็ญกุศล มี พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เล้ียงพระและมีพระธรรมเทศนา มี ชาวจังหวัดชลบุรีเดินทางมาร่วมการกุศลเป็นอันมาก นับเป็นงานใหญ่ งานหนงึ่ ระหว่างการตงั้ ศพบ�ำเพญ็ กศุ ล ณ วดั จกั รวรรดริ าชาวาส ท้งั น้ี ได้กระท�ำในวันเสาร์ท่ี ๗ มกราคม ๒๕๑๐ ก่อนวันเชิญศพไปบรรจุ

14 เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา ณ สุสานวัดเทพศิรินทราวาส ๓ วัน และในคนื วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๑๐ น้ัน นายมนูญ ธารานุมาศ บรรณาธิการนิตยสาร ”ศุภมิตร„ พร้อมด้วยคณะได้เป็นเจ้าภาพนิมนต์พระสงฆ์สวดหน้าศพด้วย เนอ่ื งจากตน้ ฉบบั ตอบปัญหาในหนังสอื ”สามมุข„ ยังคงมอี ยู่ ฉะนน้ั จึง ปรากฏค�ำตอบปัญหาของนายเสถียร โพธินันทะ แม้เมื่อถึงแก่กรรมแล้ว การอปุ สมบท นายเสถียร โพธนิ ันทะ ได้อปุ สมบทท่วี ัดกันมาตยุ าราม เม่อื วนั ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๔๙๓ โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวร- มหาเถระ) วัดเทพศิรินทราวาส เป็นพระอุปัชฌายะ ท่านเจ้าคุณ พระธรรมธัชมุนี (ชินทตฺโต) วัดเทพศิรินทราวาส และสุชีโวภิกขุ วัดกันมาตุยาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามในภาษาบาลีว่า ”เขมโพธินนฺโท„ ฉลองเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๔ และลาสิกขา เม่ือวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๔ รวมเวลาท่ีอุปสมบทอยู่ ๑ เดือน กับ ๒๖ วัน ในระหว่างท่ีอุปสมบทได้แสดงปาฐกถาเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนา ในวันอาทิตย์ ณ วัดกันมาตุยาราม เป็นคร้ังคราว ตามค�ำอาราธนาของยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรม- ราชูปถมั ภ์

เสถียร โพธินนั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 15 เขมโพธินนโฺ ท ภิกขฺ ุ พระภิกษุ เสถียร โพธินนั ทะ วดั กนั มาตุยาราม

16 เสถียร โพธินันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลยั สงฆ์ เม่ือลาสิกขาแล้ว ก็ได้รับการพิจารณาบรรจุเป็นอาจารย์ผู้บรรยาย วิชาประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา และความรู้พระพุทธศาสนาฝ่าย มหายานในสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงฆ์ และได้ต้ังใจท�ำหน้าท่ีได้ผลดีสมความมุ่งหมายตลอดมา จนถึงแก่กรรม เป็นเวลาประมาณ ๑๖ ปี กิจกรรมพิเศษที่นายเสถียร โพธินันทะ ได้ กระท�ำในระหว่างที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งน้ี มีท่ีควร กลา่ วอยหู่ ลายประการคอื :- ๑. ได้ท�ำค�ำบรรยายเปน็ ตอน ๆ และรวมพมิ พเ์ ป็นเล่ม ๘ หนา้ ยก ขนาดใหญ่ หนา ๓๕๒ หน้า ให้ช่ือว่า ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ตอนท่ี ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ ๒. ได้เรียบเรียงเร่ือง พระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทย ให้แก่สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย เพ่ือพิมพ์แจกในงาน ฉลอง ๒๕ พทุ ธศตวรรษ พ.ศ. ๒๕๐๐ แบง่ ออกเปน็ ๔ บท บทที่ ๑ พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ แบ่งออกเป็น สมัยฟูนัน สมัยศรีวิชัย และสมัยลพบุรี บทท่ี ๒ พระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทย โบราณ แบ่งออกเป็น สมัยอ้ายลาว สมัยน่านเจ้า สมัยเชียงแสน และสมัยลังกาวงศ์ บทท่ี ๓ พระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทย แบ่งออกเป็นสมัยสุโขทัย สมัยเชียงใหม่ สมัยอยุธยา และสมัยธนบุรี บทท่ี ๔ พระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทย สมัยรัตนโกสินทร์ และสภาการศึกษาฯ ได้พิมพ์จ�ำหน่ายอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยมีค�ำแปล เปน็ ภาษาองั กฤษของอาจารย์ศริ ิ พธุ ศุกร กำ� กับด้วย

เสถียร โพธนิ ันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 17 ๓. ได้ช่วยแสดงปาฐกถาพิเศษเก่ียวกับพระไตรปิฎกฝ่าย มหายานในงานแสดงพระไตรปิฎก ของสภาการศึกษามหามกุฏราช- วิทยาลยั หลายคราว ๔. ได้ช่วยแสดงปาฐกถาพิเศษเป็นการถวายข้อสังเกตแก่ครู พระปริยัติธรรมท่ัวราชอาณาจักร ที่มารับการอบรม ณ สภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลยั ๕. ได้ช่วยแสดงปาฐกถาพิเศษ เป็นการถวายข้อสังเกตแก่ พระธรรมทูตสายตะวันออก อันมีท่านเจ้าคุณเทพกวี (ประยูร สนฺตงฺกุโร ป.๙) เป็นหัวหน้าสาย ซ่ึงท่านหัวหน้าสายได้จัดให้มีการ อบรม ณ สภาการศึกษามหามกฏุ ราชวิทยาลยั ๖. ไดช้ ว่ ยสอนในโรงเรียนพระพุทธศาสนาวนั อาทติ ย์ ตัง้ แต่เร่ิม เปิดการศึกษาคร้ังแรก พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยบรรยายในช้ันมหาวิทยาลัย (พระพทุ ธศาสนา ๙) จนถึงวาระสดุ ท้ายแห่งชีวติ รวมเวลา ๕ ปี ๗. ได้ช่วยเป็นล่ามแปลปาฐกถา และค�ำกล่าวโต้ตอบ เมื่อ มีสมณทตู จากประเทศจีนมาเยอื นประเทศไทยเปน็ คร้งั คราว ๘. ได้รวบรวมเรียบเรียง และแปลเรื่องราวและคัมภีร์ทาง พระพุทธศาสนา ให้สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยพิมพ์จ�ำหน่าย ดังปรากฏในตอนท่ีวา่ ดว้ ยผลงาน ๙. ไดเ้ รยี บเรยี งเร่อื งเมธตี ะวนั ออก ลงในนิตยสาร ”ศภุ มติ ร„ ของ มูลนิธิ กศม. ซ่ึงสมเด็จพระสังฆราชทรงดำ� รงต�ำแหน่งนายกกรรมการ หนังสือเรื่องนี้ มูลนิธิ กศม. ได้รวมพิมพ์เป็นเล่มจ�ำหน่าย และได้รับ รางวัลการประกวดหนงั สอื ของ Unesco

18 เสถียร โพธนิ ันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา ความสามารถในการแสดงปาฐกถา นายเสถียร โพธินันทะ เป็นนักแสดงปาฐกถาท่ีท�ำงานได้ผลดี มีคนนิยมมาก เพราะเป็นผู้มีความจ�ำดี มีการค้นคว้าหาความรู้เพ่ิมเติม อยู่เสมอ และชอบขบคิดหรือค้นคว้าเร่ืองยาก ๆ เรื่องอะไรที่เห็นว่า ส�ำคัญพอจะท่องจ�ำไว้ได้ ก็ท่องจ�ำไว้ทีเดียว แต่โดยปกติก็มีความจ�ำ ดีมากอยู่แล้ว นอกจากน้ันยังสนใจอ่านต�ำราทั้งภาษาไทยภาษาจีน จึง มีความรู้กว้างขวางมาก พูดคล่องเหมือนรถไฟด่วน ทันใจผู้ฟัง แต่ถ้า ใครฟังช้าไปหน่อยก็แทบฟังไม่ทัน เม่ือมีการประกาศทางหนังสือพิมพ์ ว่านายเสถียรจะไปพูด ณ ที่ใด ก็มีคนติดตามไปฟังแน่นขนัดเสมอ เพราะพูดเห็นจริงเห็นจังมาก โดยเฉพาะในด้านประวัติศาสตร์แล้ว ก็เหมือนกับว่าได้เป็นเหตุการณ์จริง ๆ นอกจากนั้นการตอบค�ำถาม ภายหลงั ปาฐกถาก็ทำ� ได้ดี มผี ู้นิยมยกย่องโดยทวั่ ไป การแสดงปาฐกถาในที่ต่าง ๆ นายเสถียร โพธินันทะ ได้แสดงปาฐกถาทางพระพุทธศาสนา เป็นประจ�ำติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่ง ประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากน้ันยังได้รับเชิญให้ไป แสดงปาฐกถาเป็นภาษาจีน ณ พทุ ธสมาคมจนี เช่น สมาคมพุทธบรษิ ทั ไทยจีนประชาและสมาคมเล่งฮั้ว รวมท้ังการเป็นล่ามแปลปาฐกถาจาก ภาษาไทยสู่ภาษาจีน และจากภาษาจีนสู่ภาษาไทยอีกหลายแห่ง การ แสดงปาฐกถาทางพระพุทธศาสนา ณ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็ได้กระท�ำหลายครั้ง วัดต่าง ๆ เช่นวัดมกุฎ-

เสถียร โพธนิ นั ทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 19 นายเสถียร โพธนิ นั ทะ กำ� ลงั อธบิ ายเร่อื งท่บี ชู าแบบมหายานฝ่ายจีน ในงานแสดงพระไตรปิฎก ของสภาการศึกษามหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย พ.ศ. ๒๕๐๗ กษัตริยาราม, วัดเทพศิรินทราวาส เคยเชิญไปแสดงปาฐกถาแก่ นวกภิกษุเป็นคร้ังคราว อภิธรรมมูลนิธิมหาธาตุวิทยาลัย ซึ่งมี ท่านกิตฺติวุฑฺโฒภิกขุ เป็นกรรมการจัดการก็เคยเชิญไปแสดงปาฐกถา มากครั้ง เม่ือนายเสถียร โพธินันทะ ถึงแก่กรรม อภิธรรมมูลนิธิ มหาธาตุวิทยาลัยก็เป็นทั้งเจ้าภาพสวด และเจ้าภาพบ�ำเพ็ญกุศล สัตตมวารให้ เป็นการแสดงน้�ำใจต่อผู้ล่วงลับไปอย่างน่าสรรเสริญย่ิง นอกจากนั้น อภธิ รรมมลู นิธวิ ัดพระเชตพุ นอันมีอาจารย์บญุ มี เมธางกูร เป็นประธานก็ไดเ้ ป็นเจา้ ภาพสวดให้เชน่ เดยี วกัน

20 เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา การแสดงปาฐกถาและตอบปัญหาธรรมที่นับว่าได้ผลดีย่ิงใน กลุ่มเยาวชนก็คือ เม่ือส�ำนักวัฒนธรรมทางจิตใจ อันมีท่านนายแพทย์ แสง สุทธิพงศ์ เปน็ ประธาน รว่ มกบั ยุวพุทธิกสมาคมแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้จัดส่งวิทยากรไปบรรยายตามโรงเรียนต่าง ๆ นายเสถียร โพธินันทะ เป็นผู้หนึ่งที่เรียกร้องความสนใจจากกลุ่ม เยาวชนได้ดีมาก สามารถแสดงปาฐกถาและตอบปัญหา จนกระท่ัง เยาวชนขอใหข้ ยายเวลาออกไปใหย้ าวกว่าที่ก�ำหนดไว้เดมิ เสมอ การแสดงปาฐกถาตามมหาวทิ ยาลยั เชน่ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ก็เคยได้รับเชิญเป็นคร้ังคราว ดังเร่ืองท่ีน�ำลงในหนังสือเล่มนี้ ซ่ึงท่าน ผู้อา่ นจะได้อา่ นผา่ นอยู่แล้ว เมื่อต้ังยุวพุทธิกสมาคมใหม่ ๆ นายเสถียร โพธินันทะ เคย เดนิ ทางไปแสดงปาฐกถา ณ ต่างจงั หวดั บอ่ ยคร้ัง แตต่ ่อมาได้งดเดนิ ทาง ไปต่างจังหวดั คงแสดงปาฐกถาเฉพาะในจังหวดั พระนครเทา่ นัน้ การปฏบิ ัตชิ อบในมารดา แม้ว่านายเสถียร โพธินันทะ จะมิได้ช่วยมารดาในการค้าขาย หรือเอาภาระดูแลร้านค้าเลย คงสนใจและใส่ใจแต่เร่ืองของศาสนา และมีรายได้เป็นรายเดือนพอควรแก่อัตภาพ แต่ก็ได้น�ำเงินจ�ำนวนหน่ึง ไปมอบให้มารดาเป็นประจ�ำเป็นการช่วยค่าใช้จ่ายบางรายการ และ โดยเหตุที่มารดาตามใจมาแต่เล็กแต่น้อย จึงเป็นคนตามใจตัวเอง ภายในบ้านอยู่บ้าง ซึ่งถ้ามารดาไม่พอใจหรือว่ากล่าวก็จะไม่เถียง และ

เสถียร โพธนิ นั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 21 จะถือโอกาสขอโทษมารดาท่ีท�ำให้ไม่พอใจ ท้ังน้ีเป็นผลแห่งการปฏิบัติ ตนตามหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งท�ำให้มารดามีความอาลัยรักมาก เม่ือถงึ แกก่ รรม การซอ่ มพระพทุ ธรูป เมื่อได้ข่าวว่าพระพุทธรูปถูกโจรลักตัดพระเศียร นายเสถียร โพธินันทะ ก็มักบริจาคเงินของตนจ้างช่างมาซ่อมให้ดี รวมท้ังชักชวน ใครต่อใครให้ช่วยกันรับเป็นเจ้าภาพซ่อมด้วย พระพุทธรูปในบริเวณ ระเบียงรอบพระอุโบสถพระวิหารวัดพระเชตุพนหลายองค์ นายเสถียร มีส่วนบริจาคทรัพย์ซ่อมและชักชวนให้ผู้อ่ืนเป็นเจ้าภาพจัดซ่อม นอกจากน้ันยังพอใจสละทรัพย์จ้างภารโรงให้ขัดพระพุทธรูปใน ห้องประชุมสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยให้มองดูผุดผ่องอยู่ ตลอดเวลา การปล่อยสัตว์ โดยปกติ นายเสถียร โพธินันทะ บริจาคทรัพย์ปล่อยปลา เดอื นละ ๕๐ บาท ต่อมาเมอื่ ไดเ้ งินเดอื นข้นึ กบ็ ริจาคเดือนละ ๑๐๐ บาท และมักจะซื้อปลาที่ตลาดท่าเตียน แล้วจ้างเรือจ้างให้แจวไปเพื่อ ปล่อยปลากลางแม่น้�ำ ภายหลังคนแจวเรือจ้างมีศรัทธาขอมีส่วนร่วม ในความดีนี้ด้วย โดยรับอาสาแจวเรือไปปล่อยปลาให้โดยไม่คิดค่าจ้าง

22 เสถียร โพธนิ ันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา เป็นกรรมการส�ำนักวฒั นธรรมทางจติ ใจ ท่านนายแพทย์แสง สุทธิพงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุขซึ่งเป็นประธานส�ำนักวัฒนธรรมทางจิตใจ สภาวัฒนธรรม แห่งชาติ ไดเ้ ห็นความรูค้ วามสามารถ และความตั้งใจดีของนายเสถยี ร โพธินันทะ ที่ช่วยไปบรรยายหลักธรรมตามโรงเรียนต่าง ๆ เป็นผลดี ในการจูงใจให้กลุ่มเยาวชนสนใจในวัฒนธรรมและพระพุทธศาสนา จึง ได้เสนอให้มีการแต่งต้ังนายเสถียร โพธินันทะ เป็นกรรมการส�ำนัก วฒั นธรรมทางจติ ใจ เพม่ิ ขึ้นอีกท่านหนึง่ เมอ่ื ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้รับพระราชทานเครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม อันเป็นวัน เฉลิมพระชนมพรรษา ก็ได้มีประกาศพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย แก่นายเสถียร โพธินันทะ ในประเภทบุคคล ผู้เป็นกรรมการต่าง ๆ (ขอขอบคุณบรรณารักษ์ ห้องสมุดสภา การศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ผู้เอื้อเฟื้อรับไปสอบเรื่องนี้ท่ีกอง ประกาศิต สำ� นักงานเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตร)ี

เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 23 หนังสือที่นายเสถยี ร โพธนิ ันทะ เรยี บเรยี ง และได้พิมพ์จำ� หนา่ ยแลว้ ๑. ราชอาณาจักรมคธในยุคพทุ ธกาล พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๙๓ ราคาเล่มละ ๑.๕๐ บาท ๒. พระพทุ ธศาสนาในอาเซยี กลาง พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๙๓ ราคาเล่มละ ๔.๐๐ บาท ๓. เนปาล ชาติภมู ิของพระพุทธเจา้ พิมพ์ พ.ศ. ๒๔๙๔ ราคาเลม่ ละ ๒.๒๕ บาท ๔. สารตั ถปรชั ญามหายาน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๙๕ ต่อมาได้พิมพ์ครั้งที่ ๒ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้ตั้งชื่อใหม่ว่า ปรัชญามหายาน เดิมเขียน เป็นตอน ๆ ลงในธรรมจกั ษุตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๔๙๑ ราคาเล่มละ ๑๐.๐๐ บาท ๕. เรอื่ งนา่ รู้ ๑๕ เรอ่ื ง พิมพ์ พ.ศ. ๒๔๙๗ ราคาเลม่ ละ ๕.๐๐ บาท ๖. วชั รปรชั ญาปารมติ าสตู ร แปลจากภาษาจนี พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๙๙ ราคาเล่มละ ๕.๐๐ บาท ๗. ค�ำบรรยายวชิ าประวตั ิศาสตรพ์ ระพทุ ธศาสนา พมิ พ์เปน็ ตอน ๆ แลว้ รวมพิมพ์เป็นเลม่ ใหญ่ หนา ๓๕๒ หน้า เม่อื พ.ศ. ๒๕๐๐ ราคาเลม่ ละ ๒๓.๐๐ บาท

24 เสถียร โพธินนั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา ๘. พระพทุ ธศาสนาในราชอาณาจกั รไทย พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๐ ราคาเลม่ ละ ๘.๐๐ บาท ๙. วมิ ลเกยี รตนิ ิทเทสสูตร แปลจากภาษาจีน พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๖ ราคาเล่มละ ๗.๐๐ บาท ๑๐. เมธีตะวนั ออก ไดร้ ับรางวลั ของ Unesco พิมพ์เปน็ เลม่ พ.ศ. ๒๕๐๗ ราคาเลม่ ละ ๒๐.๐๐ บาท ๑๑. คดีโลกคดธี รรม พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๙ ราคาเล่มละ ๘.๐๐ บาท หนังสือท้ัง ๑๑ เล่มนี้ มีจ�ำหน่ายที่ร้านหนังสือของมหามกุฏ- ราชวิทยาลัย หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร เฉพาะหมายเลขท่ี ๑๐ มูลนิธิ กศม. พิมพ์จ�ำหน่าย แต่ก็มีจ�ำหน่ายที่ร้านหนังสือมหามกุฏราชวิทยาลัย เชน่ กนั เปน็ ผวู้ ง่ิ เต้นใหม้ ีการแปลและพิมพ์หนงั สอื นายเสถียร โพธินันทะ สนใจที่จะอ่านข้อความในปกรณ์ต่าง ๆ ที่อธิบายพระไตรปิฎก หรืออธิบายคัมภีร์อื่น จึงพยายามเป็นคนกลาง ว่ิงเต้นติดต่อให้ผู้นั้นผู้นี้จัดแปล ให้ผู้น้ันผู้นี้ช่วยทุนในการพิมพ์ ซ่ึง ท�ำให้เกิดต�ำราท่ีแปลจากภาษาบาลีสู่ภาษาไทยมากเล่มด้วยกัน แม้จะ ด้วยการแปลและการบริจาคทรัพย์พิมพ์ของผู้อื่น แต่ก็ชื่อว่า มีส่วน ชว่ ยสนับสนนุ อยา่ งส�ำคัญ ดงั จะยกตัวอย่างต่อไปนี้

เสถียร โพธินนั ทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 25 ๑. ได้ไปขอร้องท่านเจ้าคุณเทพคุณาภรณ์ วัดสระเกศ เพื่อให้ สมาคมศูนย์ค้นคว้าพระพุทธศาสนาจัดแปลและจัดพิมพ์ คัมภีร์ อัฏฐสาลินีอรรถกถา สังคณี แห่งอภิธรรมปิฎก ซ่ึงอธิบายถึงการ รวมกลุ่มแห่งธรรม ได้แก่จัดประเภทหลักธรรมท่ีส�ำคัญข้ึนแล้ว สงเคราะห์ข้อธรรมต่าง ๆ ลงในประเภทน้ัน ๆ คัมภีร์เล่มนี้ ในภาษา บาลีมีเล่มเดียวขนาดใหญ่ เม่ือแปลสู่ภาษาไทย ทางสมาคมแบ่งออก เป็น ๔ ภาค นายเสถยี ร โพธนิ นั ทะ ไดว้ ิ่งเต้นชกั ชวนให้มผี ู้บริจาคทนุ พิมพ์ภาค ๒-๓-๔ เพ่ือช่วยให้หนังสือผลิตออกมาได้สมประสงค์ เฉพาะผู้ท่ีมีศรัทธาบริจาคต้ังแต่หมื่นบาทขึ้นไป คือ พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต และนายสิงโต เหล่าฤกษ์อุทัย แห่งห้างเมืองทองใกล้ วัดกันมาตุยาราม หนังสือนี้พิมพ์ออกมาแล้วรวม ๓ ภาค ภาค ๔ กำ� ลังอยู่ในระหว่างด�ำเนนิ การ ๒. ได้ไปติดต่อขอร้องท่านกิตฺติวุฑฺโฒภิกฺขุ แห่งอภิธรรมมูลนิธิ มหาธาตุวิทยาลัย ให้ช่วยส่งเสริมให้มีการแปลวิทยานิพนธ์ เรื่อง Central Philosophy of Buddhism ของ ดร. T.R.V. Murti แล้ว ไปติดต่อขอร้องท่านพระมหาสุชิน สุชิโน วัดกันมาตุยาราม ศาสน- ศาสตรบัณฑิต และ M.A. จากมหาวิทยาลัยพาราณสี ให้ช่วยแปล หนังสือเล่มนี้ ซ่ึงให้ช่ือในภาษาไทยว่า ”ปรัชญามาธยมิก„ หนา ๓๘๒ หน้า ของหนังสือ ๘ หน้ายกขนาดใหญ่ และได้แนะน�ำให้ เจ้าภาพงานศพ นายบุญ ปิ่นโฑละ และนางกุ้ยซิว ปิ่นโฑละ จัดพิมพ์ หนังสอื เลม่ น้ีในงานนัน้

26 เสถียร โพธนิ ันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา ๓. ได้ไปติดต่อกับท่านกิตฺติวุฑฺโฒภิกฺขุ แห่งอภิธรรมมูลนิธิ มหาธาตุวิทยาลัย ให้ช่วยส่งเสริมให้มีการแปลคัมภีร์คันถวงศ์ หรือ จูฬคันถวงศ์ ซึ่งแสดงประวัติแห่งคัมภีร์บาลี อรรถกถา ฎีกาและ อนุฎีกา เป็นต้น คัมภีร์นี้ พระนันทปัญญาจารย์ แห่งเมืองหงสาวดี เป็นผู้รจนา และท่านพระธัมมานันทเถระ นายสิริ เพ็ชรไชย ป.๙ แห่งกรมการศาสนา ผู้เป็นอาจารย์ในมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยให้ ช่วยแปลเป็นภาษาไทย และติดต่อเจ้าภาพงานศพดังกล่าวในข้อ ๒ ใหร้ วมพิมพ์เป็นเลม่ ไวท้ ้ายหนังสือ ”ปรัชญามาธยมกิ „ นน้ั ดว้ ย ๔. ได้ไปติดต่อขอร้อง นายสิริ เพ็ชรไชย ป.๙ แห่งกรมการ ศาสนา อาจารย์ในมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยให้เร่งรีบแปลคัมภีร์ “อภิธัมมัตถวิภาวินี” ซ่ึงอธิบายคัมภีร์ “อภิธัมมัตถสังคหะ” เป็น ภาษาไทย และขอให้มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงฆ์ วัดมหาธาตุ จัดพมิ พจ์ ำ� หนา่ ย ๕. ได้ไปติดต่อขอร้องให้นายบานเย็น ล้ิมสวัสด์ิ ป.๘ ศาสน- ศาสตรบัณฑิต อาจารย์ในสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สงฆ์ ใหช้ ่วยแปลคมั ภรี ์ ”นวนตี ฎกี า„ อธิบายอภิธมั มัตถ- สังคหะ ฉบับอกั ษรเทวนาครี ขณะนก้ี �ำลังนำ� ลงเป็นตอน ๆ ในหนงั สือ ธรรมจักษุ โดยเฉพาะหนังสือเรื่อง ”ปรัชญามาธยมิก„ นั้น นายเสถียร โพธินันทะ ได้เขียนค�ำช้ีแจงในรูปวิจารณ์ไว้ด้วยตนเอง ก่อนหน้าท่ี ตนเองจะถึงแก่กรรมไม่ถึง ๒ เดือน (เขียนค�ำวิจารณ์ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๐๙ ถึงแก่กรรม ๑๐ ธันวาคม ๒๕๐๙) ในหนังสือท่ีพิมพ์ในงาน พระราชทานเพลิงนี้ ได้น�ำข้อเขียนค�ำช้ีแจงในรูปวิจารณ์ลงไว้ด้วยแล้ว

เสถียร โพธินนั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 27 วนั ถงึ แก่กรรม นายเสถียร โพธินันทะ ถึงแก่กรรมเม่ือวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๐๙ ระหว่างเวลาประมาณ ๒.๐๐ ถึง ๓.๐๐ น. หรือกล่าวอีก อย่างหน่งึ ก็คือ วนั ท่ี ๙ ธันวาคมน้ันเอง เปน็ แตว่ า่ เมื่อพ้น ๒๔.๐๐ น. ไปแลว้ ก็ถอื ว่าข้ึนวันใหม่ ประมาณ ๑๘.๐๐ น. นายเสถยี ร โพธนิ นั ทะ กลบั มารบั ประทาน อาหารเย็นท่ีบ้าน แล้วออกไปข้างนอก ประมาณ ๒๑.๐๐ น. เศษ กลับมา แล้วบอกมารดาว่าจะอาบน�้ำสระผม เมื่ออาบน�้ำสระผมเสร็จ ก็ยังมิได้นอนทันทีต้องรอให้ผมแห้งและท�ำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อีก จนเกนิ ๒๔.๐๐ น. จึงเข้านอน รุ่งข้ึนเวลาประมาณ ๗.๐๐ น. เด็กข้ึนไปเรียกเห็นเงียบก็ลงมา บอกมารดาของนายเสถยี ร โพธินันทะ วา่ เรียกแล้วแตย่ งั ไม่ต่นื มารดา เข้าใจว่ายังหลับอยู่จึงออกไปซ้ือของนอกบ้าน กลับมา ๘.๐๐ น. เศษ เห็นยังไม่ต่ืนจึงข้ึนไปดูเห็นนอนนิ่ง เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็ตกใจ จึงให้ หลานชายไปตามแพทย์ประกาศนียบัตร ซึ่งชอบพอกันให้มาตรวจ แพทย์สนั นษิ ฐานว่า หวั ใจวายมาประมาณ ๖-๗ ชว่ั โมงแลว้ ลักษณะท่ีนอนถึงแก่กรรมเหมือนคนนอนหลับ หน้าตาเปล่งปล่ัง ไม่มีร่องรอยว่ามีทุกขเวทนาอะไรเลย แม้เมื่อน�ำศพไปตั้งไว้ท่ีวัด จักรวรรดิราชาวาสแลว้ และยงั มไิ ด้ปดิ ฝา ในหัวคำ�่ วนั ที่ ๑๐ ธนั วาคมนั้น ใคร ๆ ไปเย่ียมศพกจ็ ะเห็นวา่ เสถียร โพธินนั ทะ ยังมีหนา้ ตาเปลง่ ปล่งั มีเลือดฝาดสมบูรณ์เหมือนคนนอนหลับ แทบไม่น่าเชื่อว่าถึงแก่กรรม นับว่าได้จากไปด้วยอาการสงบ และหาได้ยากที่ใครจะถึงแก่กรรมแบบ

28 เสถียร โพธินนั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา นอนหลับแล้วก็เลยไม่ตื่นเช่นน้ี แต่เม่ือนึกถึงคุณงามความดีที่นายเสถียร โพธินันทะ ได้ท�ำไวใ้ นขณะทย่ี ังมชี ีวติ อยู่ กน็ ่าจะเห็นได้วา่ ผทู้ �ำความดี ไว้เช่นน้ี ย่อมมีผลดีส่งให้เห็นบ้างเป็นธรรมดา แม้จะสิ้นอายุ ก็ส้ินไป ด้วยอาการอันดงี าม ร้ตู ัวว่าอายุส้ัน มารดานายเสถียร โพธินันทะ เล่าว่า นายเสถียรรู้ตัวว่าอายุส้ัน จึงพูดอยู่เสมอว่าตนจะถึงแก่กรรมก่อนมารดา ในเม่ือมารดาแสดง ความเป็นห่วงว่าถ้ามารดาถึงแก่กรรมก่อน นายเสถียร คงจะล�ำบาก เพราะไม่สนใจในกิจการร้านค้าเลย นายเสถียรแสดงความมั่นใจว่า ถงึ อย่างไรตนกจ็ ะตอ้ งถึงแก่กรรมก่อนมารดาเป็นแน่นอน ประมาณปี ๒๔๙๐ นายเสถียร โพธินันทะ ได้ศึกษาวิชา โหราศาสตร์ ดูดวงของตนเอง ก็ทราบว่าพ้ืนดวงอังคารเป็นอายุ เป็นนิจ กุมลัคน์ ในราศีกรกฎ ประกอบกับความเช่ือในเหตุผลอ่ืนอีก ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ จึงได้ท�ำค�ำสั่งเร่ืองงานศพของตนไว้ก่อนวัน ถงึ แก่กรรมถงึ ๑๗ ปี ดงั นี้ :- “การปลงศพของข้าพเจ้า ขอให้จัดการโดยใช้ฌาปนกิจที่ วัดมกฎุ ฯ เมื่อข้าพเจ้าตายไปแล้ว ๑๕ วัน ระหว่าง ๑๕ วนั นนั้ ขอให้ นมิ นตพ์ ระมาสวดทกุ วนั และถวายภัตตาหารเจ อยา่ ใหม้ ีของสดคาว และทุกครั้งที่ท�ำบุญขอให้กรวดน้�ำอุทิศให้ข้าพเจ้าด้วย ให้ปล่อยสัตว์

เสถียร โพธนิ นั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 29 ศพนายเสถยี ร โพธนิ นั ทะ ต้งั ณ ศาลาบ�ำเพ็ญกศุ ล วัดจกั รวรรดิราชาวาส นก ปลา ฯลฯ ทุกวัน จนถงึ วนั เผา และในวนั เผา ขอใหช้ ่วยบวชพระ ใหอ้ งค์หนึ่ง อุทิศกุศลให้ข้าพเจ้า เสถียร โพธินันทะ ๑๙ กรกฎาคม ๒๔๙๓” เอกสารนี้มารดาของนายเสถียรเพ่ิงค้นพบและน�ำไปมอบให้ ผู้เขียนประวัติเม่ือวันท่ี ๒๕ มีนาคม ๒๕๑๐ ซึ่งได้กะงานไว้เรียบร้อย แล้ว แต่ตกลงกันว่าจะพยายามท�ำตามประสงค์ เช่นการเลี้ยงอาหารเจ ๑๕ วันจนถึงวันเผา การปล่อยสัตว์ และการอุปสมบทพระอุทิศ ส่วนกุศลไปให้ ค�ำสั่งเร่ืองน้ีเขียนข้ึนก่อนท่ีนายเสถียรจะได้อุปสมบท ทวี่ ัดกนั มาตยุ าราม

30 เสถียร โพธนิ ันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา พระคณาจารยจ์ นี ธรรมสมาธวิ ตั ร เจา้ คณะใหญฝ่ า่ ยจีนนิกาย กำ� ลงั ถวายหนงั สือมอบทุนการกศุ ล ”เสถยี ร โพธนิ นั ทะ„ แดส่ มเด็จพระสังฆราช

เสถียร โพธนิ ันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 31 สมเดจ็ พระสงั ฆราช ทรงมพี ระดำ� รัสกบั มารดานายเสถียร โพธินนั ทะ ในการเสด็จทรงบำ� เพญ็ กุศล เม่ือ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๐๙ ในฐานะนายกกรรมการ มูลนธิ ิ ก.ศ.ม.

32 เสถียร โพธินนั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา พระเถรานุเถระผู้ไปรว่ มบำ� เพ็ญกุศลในวนั ทมี่ ลู นธิ ิ กศม. เปน็ เจ้าภาพ ตั้งความปรารถนาไปเกดิ ในดุสติ ภพ ในที่หลายแห่ง รวมท้ังในท้ายหนังสือประวัติศาสตร์พระพุทธ- ศาสนา นายเสถียร โพธินันทะ ได้ตั้งความปรารถนา “ขอไปเกิดใน ดุสิตเทวพิภพ รอจนพระศรีอารยเมตไตรยเสด็จลงมาตรัสรู้เป็น พระพุทธเจา้ ขอให้ได้สดับพระธรรมเบอ้ื งพระพกั ตรข์ องพระโลกนาถ พระองค์น้ัน และให้บรรลุแก่พระอรหัตถมรรคญาณโดยพลันเทอญ”

เสถียร โพธินันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 33 การต้งั ศพบ�ำเพญ็ กุศล เม่ือนายเสถียร โพธินันทะ ถึงแก่กรรมแล้ว มารดาซ่ึงมีความ คุ้นเคยอยู่กับทางวัดจักรวรรดิราชาวาส ต้ังแต่ครั้งท�ำศพคุณยายของ นายเสถียร โพธินันทะ จึงได้ไปติดต่อกับทางวัดเพ่ือน�ำศพไป ต้ังบ�ำเพ็ญกุศลที่วัดน้ัน ซึ่งทางวัดก็ได้เอ้ือเฟื้ออ�ำนวยความสะดวก อย่างดีย่ิง ท่านเจ้าคุณอุบาลีคณูปมาจารย์ เจ้าอาวาส ได้กรุณาสั่งการ ให้ช่วยจัดให้ดีเป็นพิเศษ เพราะเห็นว่านายเสถียร โพธินันทะ เป็น ผูท้ ำ� ประโยชนแ์ ก่พระพทุ ธศาสนา เม่ือข่าวการถึงแก่กรรมของนายเสถียร โพธินันทะ เป็นที่รู้กัน ทั่วไป ก็ได้มีพุทธศาสนิกชน ทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ หล่ังไหลไป เย่ียมที่ต้ังศพทั้งกลางวันกลางคืน บ้างก็ขอจองรับเป็นเจ้าภาพสวด เจ้าภาพบ�ำเพ็ญกุศลสัตตมวารอย่างน่าช่ืนใจว่า นายเสถียร โพธินันทะ ได้รับความรักใคร่ไมตรีจิต ความเคารพนับถือ และความเสียดาย อาลัยรักจากคนเป็นอันมาก เพราะคุณความดี ซึ่งได้กระท�ำด้วย ความบรสิ ทุ ธ์ใิ จอย่างแท้จริง คร้ังแรกมารดาได้ตั้งใจว่าจะต้ังศพเพียง ๗ วันแล้วเผาให้ เสร็จสิ้นไป เพราะมีภาระทางการค้าอยู่มาก แต่ก็มีผู้คัคด้านและขอให้ ไม่ต้องเป็นห่วงในเร่ืองการด�ำเนินการทั้งหมดจนถึงวันพระราชทานเพลิง มีเวลาจึงค่อยไปถ้าไม่มีเวลาจะงดไม่ต้องไปที่ศพบ้างก็ได้ ทุกอย่าง จะมีผู้อาสาจัดท�ำให้โดยมีต้องกังวลเลย มารดาจึงตกลงยินยอมให้ จดั ต้ังศพไดน้ านตามตอ้ งการ

34 เสถียร โพธนิ ันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา พระมหาสุชิน สุชิโน M.A. (Banaras University) แห่ง วัดกันมาตุยาราม และพระมหาสอน ขนฺติธโร ศาสนศาสตรบัณฑิต แห่งวัดจักรวรรดิราชาวาส ซ่ึงเคยเป็นศิษย์นายเสถียร โพธินันทะ ระหว่างการศึกษาของท่านท้ังสองที่สภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ช่วยรับภาระในระหว่างการตั้งศพบ�ำเพ็ญกุศลจนตลอดงานเป็น เวลาเดือนเศษ ผ้มู อบทุนการกุศลรายแรก ในการเป็นเจา้ ภาพสวดศพประจ�ำคนื วันที่ ๑๓ ธนั วาคม ๒๕๐๙ ซ่ึงมูลนิธิ กศม. หรือมูลนิธิส่งเสริมกิจการศาสนาและมนุษยธรรม มีสมเด็จพระสังฆราชทรงด�ำรงต�ำแหน่งนายกกรรมการ เป็นเจ้าภาพ สมเด็จพระสังฆราชได้เสด็จเป็นประธาน ในการนี้ พระคณาจารย์ จีนธรรมสมาธวิ ตั รได้เข้าเฝา้ ถวายหนังสือมีใจความว่า จ�ำเดมิ แตป่ ี ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านได้เห็นความพยายามของนายเสถียร โพธินันทะ ใน การที่ได้ศึกษาหลักธรรมของมหายาน เพื่อเผยแผ่แก่ฝ่ายเถรวาท และในขณะเดียวกันก็ได้น�ำหลักธรรมของเถรวาทมาประกาศแก่ฝ่าย มหายานเป็นคุณความดีแก่พระพุทธศาสนาไม่น้อย ทั้งเห็นว่านายเสถียร โพธินันทะ ได้อุทิศเวลา สติก�ำลังแก่พระพุทธศาสนา โดยไม่คิด ประกอบอาชีพและก่อร่างสร้างตัวในทางโลก ท่านจึงน�ำปัจจัยท่ีบรรดา สาธุชนได้ถวาย ฝากเป็นเงินสะสมให้นายเสถียร โพธินันทะ เดือนละ ๑๐๐ บาท เพ่ือให้เก็บไว้ส�ำหรับใช้จ่ายในวัยชรา บัดน้ี นายเสถียร โพธินันทะ ถึงแก่กรรมแล้ว จึงใคร่ขอน�ำเงินดังกล่าว จ�ำนวน

เสถียร โพธินนั ทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 35 ๑๖,๒๒๙.๕๐ บาท (หน่ึงหมื่นหกพันสองร้อยยี่สิบเก้าบาทห้าสิบสตางค์) นอ้ มเกล้าถวายเพื่อทรงบ�ำเพญ็ กศุ ลแก่นายเสถียร โพธนิ ันทะ สมเด็จพระสังฆราชได้มีพระบัญชาให้ผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้รับ มอบหมายด�ำเนินการ ต่อมาก็มีผู้ส่งเงินการกุศลสมทบอยู่เรื่อย ๆ เงินจ�ำนวนน้ีและท่ีมีผู้บริจาคเพ่ิมเติม ได้น�ำฝากธนาคารทหารไทย ต้ังชื่อว่า ”ทุนการกุศล เสถยี ร โพธินนั ทะ„ จำ� นวนถงึ ๓๘,๑๖๒.๕๐ บาท (สามหม่ืนแปดพันหน่ึงร้อยหกสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) ได้จ่ายถวาย วัดจักรวรรดิราชาวาส เป็นค่าบ�ำรุงวัดในการท่ีได้ต้ังศพ เป็นเงิน ๓,๐๐๐.๐๐ บาท จึงคงเหลือเงินในธนาคาร ๓๕,๑๖๒.๕๐ บาท (สามหม่ืนห้าพนั หนงึ่ ร้อยหกสบิ สองบาทห้าสบิ สตางค)์ การบำ� เพ็ญกุศลภายหลังการบรรจุศพ เม่ือต้ังศพบ�ำเพ็ญกุศลมาได้ ๓๒ วันแล้ว ในบ่าย ๑๔.๐๐ น. วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๑๐ ก็ได้เคล่ือนศพจากวัดจักรวรรดิราชาวาส ไปบรรจุ ณ สุสานวัดเทพศิรินทราวาส ทั้ง ๆ ท่ีการบรรจุศพครั้งนี้ได้ ท�ำเห็นการภายในและอยู่ในเวลาราชการ แต่ก็มีผู้ไปร่วมในพิธีน้ีเป็น จ�ำนวนมาก ทางการสุสานของวัดเทพศิรินทราวาส ก็ได้มีเมตตากรุณา ช่วยอ�ำนวยความสะดวกและช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น เรื่องที่ทราบ กันอยู่ท่ัวไปก็คือ นายเสถียร โพธินันทะ เม่ือยังมีชีวิตอยู่เป็นคน สะอาดมากไม่ชอบใช้ของปนกับใคร ท่านพระครูอุดมวิทยาทร ก็ได้ กรุณาให้ก่อสร้างท่ีบรรจุศพข้ึนใหม่ ไม่เคยมีใครใช้มาก่อน เพ่ือให้ สมกับที่เป็นคนสะอาด และได้ประกอบคุณงามความดีรับใช้พระพุทธ- ศาสนามาเปน็ เวลานาน

36 เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา การบำ� เพญ็ กุศลปญั ญาสมวาร ในวันเสาร์ที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๑๐ ซึ่งครบ ๕๐ วัน ได้มีการ บ�ำเพ็ญกุศลปัญญาสมวารเป็นการภายใน ณ สุสานท่ีบรรจุศพ วัดเทพศิรินทราวาส มีการถวายสังฆทานและบังสุกุล เป็นการ บ�ำเพ็ญกุศลร่วมกัน ระหว่างมารดานายเสถียร โพธินันทะ กับ คณะอาจารยส์ ภาการศึกษามหามกุฏราชวทิ ยาลยั การบำ� เพญ็ กศุ ลศตมวาร ในวันอาทิตย์ท่ี ๑๙ มีนาคม ๒๕๑๐ ซ่ึงครบ ๑๐๐ วัน ได้มี การถวายสังฆทาน ณ วัดกันมาตุยารามเป็นการภายใน ซ่ึงมารดา นายเสถยี ร โพธินันทะ เป็นผ้จู ดั การบำ� เพ็ญกศุ ลในวนั สงกรานต์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๑๐ ซ่ึงเป็นวันสงกรานต์ มารดาได้เป็นเจ้าภาพอาราธนาพระสงฆ์ ๑๐ รูป มาติกาบังสุกุล ณ ท่ีบรรจุศพสุสานวัดเทพศิรินทราวาส โดยมีผู้ใกล้ชิดร่วมการกุศลด้วย นายเสถียร โพธินันทะ ได้ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๓๘ โดยปี แต่ งานที่ท�ำไว้ยงั ปรากฏเด่นในความทรงจำ� ของสาธชุ นทัง้ หลาย เสียงทพี่ ูด แสดงปาฐกถา ตอบปัญหา ยงั บันทกึ อยูใ่ นเทปหลายสิบม้วน และในที่ หลายแห่ง ยังมีการเปิดเทปฟังปาฐกถาของนายเสถียร โพธินันทะ ในทตี่ า่ ง ๆ กันอย่เู สมอ

เสถียร โพธนิ ันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 37 ณ ท่บี รรจศุ พนายเสถยี ร โพธนิ ันทะ ในสุสานวัดเทพศิรินทราวาส ก่อนงานพระราชทานเพลิงศพ มักจะมีดอกไม้สดและใหม่มาเปล่ียน ในแจกันเสมอ บางคราวก็เป็นพวงมาลัยยาวห้อยคลุมท่ีบรรจุศพไว้ อยา่ งงดงาม เม่ือคราวตั้งศพบ�ำเพ็ญกุศล ณ วัดจักรวรรดิราชาวาส มีผู้ พยายามเขียนภาพนายเสถียรไปตั้งไว้หลายภาพ มีค�ำกลอนอันไพเราะ ไปตั้งไว้หลายกรอบ ใครต่อใครชอบไปน่ังลอกค�ำกลอนอันจับใจ เหล่านั้น และใครต่อใครบางคน เมื่ออ่านแล้วก็ร้องไห้ด้วยความรู้สึก สะเทือนใจอย่างย่ิง ถ้าตั้งศพไว้นานกว่านั้น ภาพวาดจะเพ่ิมขึ้นอีก สกั เท่าไร ค�ำกลอนจากใจของผู้อาลัยรกั จะเพมิ่ ขึ้นอกี สกั เท่าไร เอกสารสัง่ เร่ืองงานศพเม่อื ๑๗ ปีมาแล้ว ขอใหต้ ั้งศพไว้ ๑๕ วัน แตก่ ็ได้มีการต้ังศพถงึ ๓๒ วัน เกินกวา่ ท่สี งั่ ไว้กว่าเท่าตวั นายเสถียร โพธินันทะ ผู้จงรักภักดีต่อพระพุทธศาสนา ผู้ถือว่า พระพุทธศาสนาคือชาติของตน ได้จากไปแล้วด้วยอาการสงบ มี ใบหน้าเอิบอ่ิมสมบูรณ์ คล้ายคนนอนหลับ ท่ามกลางความเสียดาย อาลัยรักของคนทั้งหลาย ถ้านายเสถียร โพธินันทะ ได้รู้ได้เห็นด้วย ญาณวิถีใด ๆ ว่าน�้ำใจไมตรีได้หลั่งมาจากทุกทิศทุกทางไม่ว่าใกล้หรือ ไกล ก็คงอนุโมทนาและรู้สึกว่างานที่ได้ท�ำไว้มิได้เหนื่อยแรงเปล่าเลย



เพชรหนึ่งในพระพทุ ธศาสนา : ความประทบั ใจท่ีมตี ่ออาจารย์เสถียร โพธนิ ันทะ สมเดจ็ พระมหามุนวี งศ์ (พจิ ิตร ฐติ วณโฺ ณ) เจ้าอาวาสวัดโสมนสั วรมหาวิหาร เมื่อกล่าวถึงอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ก็ต้องนึกย้อนหลังไป ประมาณก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะน้ันข้าพเจ้าก�ำลังศึกษาอยู่ท่ีสภา การศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย อยู่มาวันหนึ่งท่านอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ (สุชีโวภิกขุ) ได้พาเด็กหนุ่มคนหน่ึงเข้ามาที่สภา การศึกษามหามกุฏวิทยาลัยและให้สอนวิชาพระพุทธศาสนามหายาน ดูจากลักษณะท่าทางเป็นเด็กหนุ่มท่ีเหมือนเพาะบ่มเมล็ดพันธุ์แห่ง ภูมิความรู้อยู่ในตนไว้มากทีเดียว อีกประการหน่ึงข้าพเจ้าเช่ือมั่นต่อ สายตาและการคัดเลือกอาจารย์ผู้ที่จะมาสอนในสภาการศึกษาของท่าน อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพอยู่แล้ว เพราะในยุคน้ัน ครูบาอาจารย์ท่ี สอนวิชาต่าง ๆ ในหลักสูตรของสภาการศึกษาล้วนมีแต่คณาจารย์ที่ โดดเด่นในประเทศไทยทุกท่าน และแล้วข้าพเจ้าก็ไม่ผิดหวังแต่ ประการใดเม่ือได้เข้าฟังการบรรยายในรายวิชาท่ีเด็กหนุ่มท่ีช่ือว่า

40 เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา เสถยี ร โพธินันทะ หรอื เสถียร กมลมาลย์ สอน หลงั จากนน้ั ชอ่ื เสียง เกี่ยวกับการบรรยายธรรมของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ก็ขจรกระจาย ไปทั่วสถานศึกษาและแหล่งอบรมบรรยายธรรมในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะที่มูลนิธิอภิธรรมโชติกะ วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ และท่ี ยุวพุทธิกสมาคม ซ่ึงเป็นสถานท่ีท่ีอาจารย์เสถียร โพธินันทะ บรรยาย ประจ�ำ ข้าพเจ้าขอเขียนถึงในมุมท่ีประทับใจต่ออาจารย์เสถียร โพธินันทะ เพื่อให้เป็นตัวอย่างส�ำหรับอนุชนรุ่นหลังที่ได้ยินได้ฟัง เสียงจากเทปบรรยายธรรมของท่านอยู่ เพราะบุคคลที่อยู่ร่วมยุคสมัย ของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ก็คงเหลือน้อยแล้ว ข้าพเจ้าจึงให้ ช่ือเรื่องว่า เพชรหน่ึงในพระพุทธศาสนา เพ่ือให้สอดคล้องกับ ชื่อหนังสือ ”เสถียร โพธินันทะ : อัญมณีในพระพุทธศาสนา„ ที่ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยจะจัดพิมพ์ เน่อื งในงานวนั คลา้ ยวันสถาปนาบณั ฑิตวทิ ยาลัย ๑. ความฉะฉานในหลกั วชิ า น้�ำเพชรในด้านนี้คงยากที่ใครจะปฏิเสธได้ เพราะท่านอาจารย์ เสถียร โพธินันทะ ไม่ว่าจะบรรยายในเร่ืองอะไร ก็คล้ายด่ังว่า เป็น บุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ในเรื่องนั้นด้วย ลักษณะเช่นนี้เป็นความ สามารถของท่านอาจารย์ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มีในตัวหนังสือออกมา จนผู้ฟังวาดนึกภาพออก ความฉะฉานนี้ไม่ใช่เกิดจากการคาดเดา หรือได้มาเพราะวาสนาญาณวิเศษ แต่เกิดจากความเอาจริงเอาจังกับ เรื่องท่ีตนก�ำลังถ่ายทอด ต้องศึกษาค้นคว้า ค้นให้ถึงเบื้องลึก ต้นตอ

เสถียร โพธนิ ันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 41 องค์ประกอบรอบข้าง เช่น ความตอนหน่ึงในกถามุขของหนังสือ ปรัชญามหายาน ท่านอาจารย์เสถียร โพธนิ ันทะกลา่ ววา่ ”หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนหนึ่งกุญแจท่ีจะไขช้ีให้ท่านรู้จัก ปรัชญาพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานอย่างพอเพียงแก่ความต้องการ หนังสือท�ำนองน้ีในพากย์จีนและญี่ปุ่นมีผู้เขียนกันหลายสิบฉบับ ข้าพเจ้าก็อาศัยเทียบเคียงจากฉบับเหล่าน้ัน และน�ำโครงเร่ืองมา เป็นมาตรฐานเท่าน้ัน ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ได้ใช้ชีวิตของตนเองจาก ความรู้ที่ได้ค้นมา จึงเป็นฉบับของข้าพเจ้าเอง มิได้ซ้�ำกับฉบับของ ผู้ใด...ผู้ปรารถนาความเจนจบในวรรณคดีฝ่ายมหายาน จะขาดความรู้ ในอักษรศาสตรจ์ ีนมิไดเ้ ลย„ (เสถียร โพธินันทะ : ๒๔๙๘, ข-ค) จะเห็นได้ว่า ท่านอาจารย์เป็นนักการศึกษาค้นคว้าเพื่อให้ได้ องค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีการเผยแพร่จากเอกสารต�ำราท่ีเป็นภาค ภาษาจีน และสันสกฤตที่เกี่ยวกับเน้ือหาพระพุทธศาสนามหายาน เพชรน้�ำน้ีสมควรท่ีนักการศึกษาท้ังหลายจะใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ คือ เป็นนกั อ่าน เปน็ นักแปล เป็นนักศึกษาคน้ คว้า เทยี บเคยี ง จงึ จะเข้าถงึ และลึกซง้ึ ในเรือ่ งนัน้ ๆ ได้อยา่ งเข้าถงึ สมกับความฉะฉานทท่ี า่ นอาจารย์ เสถยี ร โพธนิ ันทะ มีอยใู่ นตวั นอกจากความฉะฉานที่เกิดจากการศึกษาค้นคว้าแล้ว ลักษณะ ท่ีบรรยายก็เหมือนดั่งเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ดังเช่นข้อความในหนังสือ พระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทย มีอยู่ตอนหนึ่งท่ีท่านอาจารย์ บรรยายเกีย่ วกับพระพุทธศาสนาในอาณาจกั รนา่ นเจ้าว่า

42 เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา ”ในราวปลายพุทธศตวรรษท่ี ๗ ราชวงศ์ฮ่ันของจีนเส่ือมอ�ำนาจ บ้านเมืองระส�่ำระสายแตกกันออกเป็น ๓ ก๊ก ขงเบ้ง แม่ทัพของเล่าปี่ ซึ่งตั้งก๊กอยู่ท่ีเฉฉวน ได้ยกทัพมาตีอาณาจักรอ้ายลาวแตก ไทยต้อง อพยพหนีภัยแตกกระจายคนละทิศละทาง ไทยบางพวกลงมาอยู่ ทางลุ่มแม่น้�ำสาละวินตอนเหนือของพม่า บางพวกอพยพมาอยู่ใน สิบสองพันนา สิบสองจุไทยและหัวพันท้ังห้าทั้งหก บางพวกลงมาอยู่ ในแดนล้านช้างและภาคเหนือของประเทศไทยตามแถบลุ่มแม่น้�ำโขง... ราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๒ ไทยเกิดวีรบุรุษข้ึน คือ พ่อขุนพีลก ได้ รวบรวมไทยในยูนนานประกาศตัวเป็นรัฐอิสระเรียกว่า อาณาจักร ไทยเมือง ต่อมาเปลี่ยนเป็นอาณาจักรน่านเจ้า มีราชธานีอยู่ท่ีเมือง ตาลีฟู...„ (เสถยี ร โพธินันทะ : ๒๕๐๐, ๓๐-๓๑) เนื่องจากข้อความในหนังสือจะต้องเขียนให้เป็นแบบแผนเชิง วิชาการ ใครท่ีได้ฟังค�ำบรรยายประกอบจะรู้สึกได้ว่า ท่านอาจารย์อยู่ ในอาณาจักรน่านเจ้าด้วย ในคร้ังที่ขงเบ้งยกปราบเบ้งเฮ็ก น้ีคือลักษณะ โดดเด่นฉะฉานในการน�ำเสนอ เพราะท่านอาจารย์ได้ศึกษาค้นคว้า มาอยา่ งดี ดังนั้น การทีผ่ ใู้ ดจะเป็นนักบรรยาย นักถ่ายทอดองค์ความรู้ จะต้องศึกษาใหม้ าก มีความม่ันใจ ชัดเจนในข้อมูล วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ออกมาให้เป็นหลักฐานทางวิชาการให้ได้จึงจะเป็นผู้อาจหาญทางวิชาการ อย่างแท้จริง ซ่ึงอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ประกอบด้วยน�้ำเพชร เหล่ียมนีอ้ ยา่ งงดงาม

เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 43 ๒. การอุทิศทุ่มเทเพอื่ การพระศาสนา น�้ำเพชรเหลี่ยมน้ีย่อมเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวพุทธทุกคนท่ีได้ เห็นบทบาทของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ที่ได้อุทิศชีวิตเพื่อการ พระศาสนา จากผลงานในชว่ ง ๑๖ ปี คือ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๔-๒๕๐๙ ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนอยู่ท่ีสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ท่านอาจารย์ได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารประกอบการสอน หนังสือ ต�ำรา บทความทางพระพุทธศาสนา รวมถึงการอภิปรายบรรยาธรรมใน สถานที่ต่าง ๆ อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก จะเห็นได้ว่า รวม ผลงานท่ีสามารถรวบรวมได้ของท่านอาจารย์มีถึง ๑๐ กว่าผลงาน และหนง่ึ ในน้ันเรอื่ งเมธตี ะวันออก ได้รบั รางวลั UNESCO AWARDS แสดงให้เห็นว่า การอุทิศชีวิตและเวลาในการค้นคว้าองค์ความรู้ทาง พระพุทธศาสนาให้เป็นมรดกทางธรรมไว้ส�ำหรับศึกษาของอนุชน รุ่นหลัง จึงเป็นเหลี่ยมเพชรท่ีสมควรเป็นแบบอย่างให้แก่ชาวพุทธ แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็ถือเอาแนวทางท่ีครูบาอาจารย์ได้ถ่ายทอดไว้มาเป็น แบบอย่าง ได้พยายามใช้ชีวิตท้ังหมดท่ีมีอุทิศเพื่องานพระศาสนา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาค้นคว้าออกมาเป็นหนังสือ ต�ำรา และ CD รวมแล้วมากกว่า ๒๐๐ ผลงาน และการบรรยายน�ำพาชาวพุทธฝึกฝน อบรมจิตภาวนามาจนถึงปัจจุบัน งานอุทิศทุ่มเทเพ่ือพระศาสนาน้ัน เปน็ งานเสียสละ จงึ มีนอ้ ยคนทจี่ ะทมุ่ เทอุทศิ ได้ โดยเฉพาะอย่างย่ิงผทู้ ี่ เปน็ คฤหสั ถ์

44 เสถียร โพธนิ ันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา ๓. เปน็ ผสู้ รา้ งความเขา้ ใจพระพทุ ธศาสนามหายานแนวใหม่ น้�ำเพชรเหลี่ยมน้ีของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ นับได้ว่า โดดเด่นเป็นอย่างมาก เน่ืองด้วยท่านอาจารย์เสถียร โพธินันทะ บรรยายและค้นคว้าเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามหายานตามรายวิชาที่ ได้รับมอบหมายให้สอนในสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยเป็น เวลานาน ยิ่งไปกว่าน้ัน ท่านอาจารย์ยังเป็นอุบาสกของวัดจีน บางครั้ง ก็ใส่ชุดอุบาสกจีน จนคนเข้าใจว่า ท่านเป็นพระจีนก็มี และก็คงมี ไม่น้อยเข้าใจว่า ท่านอาจารย์เป็นผู้ฝักใฝ่ชอบพระพุทธศาสนาฝ่าย มหายาน จึงมักมีค�ำถามในความเชื่อส่วนตัวของท่านอยู่เสมอว่า ท่าน อาจารย์เป็นมหายานถือเถรวาท เพ่ือความเข้าใจท่ีถูกต้องเก่ียวกับ ทัศนะของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ มีข้อความในหนังสือเร่ือง ปรัชญามหายาน ในส่วนท่ีเกี่ยวกับข้อวิจารระหว่างการสาวกยานและ มหายานที่ท่านอาจารย์ได้แสดงตัวตนออกมาชัดเจนในการท�ำความ เข้าใจระหว่างนกิ าย ท่านอาจารยไ์ ด้ใหเ้ หตผุ ลไวอ้ ยา่ งน่าฟังวา่ ”ข้าพเจ้าเลื่อมใสในพระธรรมอันบริสุทธ์ิของพระพุทธองค์ที่ ฝ่ายเถรวาทรักษาไว้ได้นี้นักหนา ถ้าไม่มีนิกายเถรวาทแล้ว เราก็ ไม่มีโอกาสจะรู้จักพระพุทธมติดั้งเดิมแท้จริงได้เลย หลักธรรมของ พระพุทธองค์คือความจริง ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา และอริยสัจจ์ ๔ ปฏิจจสมุปบาท ๑๒ ข้อปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์เล่า ข้าพเจ้าเล่ือมใสใน สติปัฏฐาน ๔ ข้าพเจ้าเห็นว่า ท้ังมหายานและสาวกยานก็ไม่ควรจะ โตแ้ ย้งกัน ในฐานะท่เี ราตา่ งมพี ระศาสดาองค์เดียวกัน ควรจะร่วมมือกนั จรรโลงพระพุทธศาสนาให้แพร่หลายไม่ว่าจะเป็นสาวกยานหรือมหายาน

เสถียร โพธนิ ันทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา 45 ข้าพเจ้าไม่เป็นพุทธศาสนิกชนสังกัดนิกาย ข้าพเจ้าเป็นสาวกของ พระพุทธเจ้า มีพระพุทธองค์เป็นพระบิดาทางใจ เลื่อมใสได้ทุกนิกาย ข้าพเจ้าเป็นท้ังพุทธศาสนิกชนฝ่ายสาวกยานและมหายาน เวลา สวดมนต์ก็สวดทั้งพระสูตรบาลีและสันสกฤตของมหายาน ท่ีบูชา ในบ้านของข้าพเจ้ามีพระพุทธรูปมหายานและพระโพธิสัตว์มหายาน ประดิษฐานไว้บูชาด้วย แต่ในด้านความเล่ือมใสในหลักธรรมด้วย ส่วนตัวของข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเลื่อมใสหลักธรรมของฝ่ายเถรวาท ในทางมหายานข้าพเจ้าเลื่อมใสปรัชญาของนาคารชุน และในทาง เวทมนตร์ ข้าพเจ้าเลื่อมใสธรารณีของมนตรยาน พุทธศาสนิกชน ไม่ควรยึดถือในเร่ืองพรรคพวก นิกาย นี้เป็นค�ำสรุปของข้าพเจ้า„ (เสถยี ร โพธนิ ันทะ : ๒๔๙๘, ๒๙๙-๓๐๐) ข้อความดงั กลา่ วคงทำ� ใหห้ ลายทา่ นเขา้ ใจอาจารยเ์ สถียร โพธนิ ันทะ ได้ดีขึ้น น้ีจัดเป็นเหลี่ยมเพชรที่สร้างความเข้าใจพระพุทธศาสนา มหายานแบบใหม่ คอื แบบทไี่ มค่ วรเข้าไปโตแ้ ย้งกันและกนั การที่ใคร ก็ตามท่ีเข้าไปศึกษาเร่ืองใดมากข้ึนก็มักได้รับอิทธิพลในเรื่องนั้นไป โดยปริยาย และอดไม่ได้ท่ีจะมีอคติต่อเรื่องอ่ืน แต่อาจารย์เสถียร โพธินันทะ เป็นแบบอย่างให้เห็นว่า การศึกษามหายานท่ียิ่งมากข้ึน เท่าใด ก็ย่ิงเข้าใจในธรรมชาติของฝ่ายนั้น ๆ ไม่น�ำตนเองเข้าไปพัวพัน แต่กลับมองเห็นแง่มุมท่ีเป็นองค์ความรู้ และเทียบเคียงกับสัจธรรมที่ พิจารณาได้ด้วยตนเอง ไมม่ อี คติ แตม่ วี จิ ารณญาน เหลี่ยมเพชรด้านน้ี สามารถน�ำมาใช้กับนักการศึกษาทั้งหลาย เม่ือใดก็ตามท่ีตนเองหมกมุ่น ศึกษาอยู่ในเรื่องใดก็มักจะมีแนวโน้มอยู่กับเร่ืองน้ัน อย่าว่าแต่ต่าง นิกาย แม้กระทั่งต่างปิฎก ก็ท�ำให้ติดกับดักได้ เช่น ผู้สนใจวินัยก็จะ

46 เสถียร โพธินันทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา มุ่งเนน้ ไปในเร่อื งวินัย ผู้ทีส่ นใจพระสูตร กย็ กย่องแตพ่ ระสตู ร ผูส้ นใจ อภิธรรม ก็มุ่งเน้นไปเร่ืองอภิธรรม จนกลายเป็นการเห็นช้างคนละส่วน ไป จากนั้นก็เอาส่วนของช้างมาวิพากษ์วิจารณ์กันและกันจนสร้าง ความร้าวฉานข้ึน ท่านอาจารย์เสถียร โพธินันทะ เป็นผู้ท่ีสร้างความ เข้าใจพระพุทธศาสนามหายานในประเทศไทยมากขึ้น ๔. สุนทรยี ภาพทางภาษา ไม่ว่าใครที่ได้อ่านผลงานของท่านอาจารย์ หรือได้ฟังอาจารย์ บรรยาย ก็ล้วนแต่ชื่นชมยินดีท้ังสิ้น ทั้งน้ีก็เพราะเหลี่ยมเพชรทางด้าน ภาษาศาสตร์ของท่านอาจารย์นี่เอง นับเป็นเร่ืองที่หาบุคคลท�ำได้ยาก ท่านอาจารย์ใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว ท�ำภาษายากให้ง่าย ท�ำ ภาษานามธรรมให้เป็นรูปธรรม ซ่ึงคงปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า เพชร เหลี่ยมน้ีท่านอาจารย์เสถียร โพธินันทะคงซึมซับได้รับมาจากท่าน อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ เพราะเป็นผู้ท่ีใช้ภาษาพูดและภาษาเขียน ได้อย่างไพเราะ กลมกล่อม เม่ือความงดงามทางภาษา หรือเรียกว่า สุนทรียภาษา มาประกอบกับแนวทางของอาจารย์เสถียรเองซึ่งเป็น บุคลิกส่วนตัว ก็ยิ่งท�ำให้การถ่ายทอดออกมาเป็นวิชาการจึงน่าอ่าน น่าติดตาม จะเห็นได้จากการแปลคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาฝ่าย มหายาน หนังสือที่ท่านอาจารย์แปลน้ันเป็นผู้ใช้ศัพท์แสงที่เข้าใจได้ทั้ง ฝ่ายเถรวาทและมหายาน ดังเช่นค�ำแปลในคัมภีร์วิมลเกียรตินิทเทสสูตร ตอนหนึง่ วา่ ...ดูก่อนรัตนกูฏ ในสรรพสัตว์ท้ังปวงน้ันแล ชื่อว่าเป็น วิสุทธิเกษตรแห่งพระโพธิสัตว์ ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤๅ? ก็เพราะว่า

เสถียร โพธนิ นั ทะ : อญั มณใี นพระพุทธศาสนา 47 พระโพธิสัตว์ย่อมบ�ำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์โปรดสรรพสัตว์ จึงอาจ สามารถส�ำเร็จซึ่งพุทธเกษตรได้ อุปมาดังบุคคลผู้ปรารถนาจักสร้าง ปราสาทในแผ่นดินที่ว่าง เขาย่อมยังกิจท่ีปรารถนาให้ส�ำเร็จได้ แต่ถ้า เขาไม่อาศัยแผ่นดิน กลับไปอาศัยอากาศเพื่อสร้างปราสาทไซร้ ย่อม ไมม่ ีหนทางสำ� เรจ็ ฉันใด พระโพธสิ ัตวก์ ็มอี ปุ มัยฉันน้นั กล่าวคือในการ ยังพุทธเกษตรให้ส�ำเร็จบริบูรณ์ ก็เพื่อประโยชน์แห่งสรรพสัตว์นั่นเอง รัตนกูฏ! เธอพึงส�ำเหนียกไว้เถอะว่า จิตท่ีตั้งไว้ถูกตรง นั่นแลช่ือว่า วิสุทธภิ มู ขิ องพระโพธิสตั ว์...(เสถยี ร โพธนิ ันทะ : ๒๕๐๖) จะเห็นได้ว่า ท่านอาจารย์ใช้ภาษาทางเถรวาทเข้าไปในส่วนของ มหายานได้อย่างเหมาะสมท�ำให้เข้าใจได้งา่ ย ไมว่ า่ จะเป็นเรื่องหิตานหุ ติ ประโยชน์ หรือวิสุทธิภูมิ ซึ่งเป็นภาษาบาลีท�ำให้เข้าใจตามศัพท์ทันที นอกจากน้ันยังมีข้อความท่ีท่านอาจารย์อธิบายอายุของเทพบนสวรรค์ กับมนุษย์โดยการชี้ให้เห็นในประเด็นการหมุนของดาวไม่เท่ากันท�ำให้ อายตุ า่ งกัน ดังข้อความในหนังสือแนวพระพุทธศาสนาวา่ ”...มูลเหตุท่ีอายุ (โลกสวรรค์) ท่ียืนมากนะไม่ใช่อะไรหรอก เกี่ยวกับการหมุนรอบตัวเองของดาวพระเคราะห์ดังนั้น บางดวงหมุน ชา้ ไป บางดาวหมนุ เรว็ โลกเราก�ำหนดวนั เดอื น ปี ดว้ ยอะไรละ่ ดว้ ย การหมุนใช่ไหม หมุนรอบตัวอยา่ ง ๒๔ ชั่วโมง เปน็ หนงึ่ วัน หมุนรอบ ดวงอาทิตย์ ๓๖๕ วัน เปน็ หนง่ึ ปี ดาวพระเคราะห์บางดวงกวา่ จะหมนุ รอบดวงอาทิตยก์ นิ เวลาโลกเรา ๑๑ ปเี ศษ ดาวพฤหสั ฯ นีน่ ะใหญ่กวา่ โลกเราต้ังพันเท่า...ถ้าเราไปเกิดในดาวพฤหัสแล้ว ๑ ปีของดาวพฤหัส จะเท่ากับ ๑๑ ปีเศษของโลกเรา นี่ดาราศาสตร์เขาพิสูจน์มาอย่างน้ี จะป่วยกล่าวไปไยกับโลกสวรรค์ ซึ่งห่างจากโลกเราแสนโกฏิล้านไมล์

48 เสถียร โพธินนั ทะ : อัญมณใี นพระพุทธศาสนา อายุต้องยืนเป็นธรรมดาซิ เพราะมันเกี่ยวกับการหมุนรอบตัวเองกับ ดวงพระอาทิตยเ์ ปน็ เกณฑ.์ ..(เสถยี ร โพธินนั ทะ : ๒๕๔๓, ๑๕๑) จะเห็นว่า ท่านอาจารย์ใช้หลักวิทยาศาสตร์ที่เขาก�ำหนดวัน เดือน ปี มาใช้ค�ำนวณเทียบเคียงอายุของเทวดาบนสวรรคก์ ับมนุษยว์ า่ ท�ำไมจึงยืนยาวต่างกัน ลักษณะการใช้ภาษาอุปมาอุปไมย เทียบเคียง เช่นนี้เป็นจุดเด่นของท่านอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ซึ่งท่านอาจารย์ เสถียร โพธินันทะซึมซับมาได้อย่างดี ท�ำให้การใช้ภาษาจึงงดงามใน ลักษณะการใชค้ ำ� และการสร้างความเข้าใจกับเร่ืองท่ยี ากใหง้ า่ ย ๕. ความเปน็ ผูบ้ �ำเพญ็ บญุ ทั้ง ๓ อยู่เสมอ เหล่ียมเพชรอีกด้านหนึ่งของท่านอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ท่ีข้าพเจ้าประทับใจก็คือ การเป็นผู้บ�ำเพ็ญบุญท้ัง ๓ อยู่ไม่ขาด น่ัน ก็คอื ทานมัย สีลมยั และภาวนามยั ดังท่ีทา่ นอาจารย์เสถยี ร มักบอก อยู่เสมอว่า ทุกวันพระท่านจะต้องไปปล่อยปลาที่ท่าเตียน ท่านเคย เล่าให้ฟังว่า ถ้านับเป็นตัวก็คงเป็นหม่ืนตัวแล้ว เพราะท�ำมาไม่ขาด แสดงให้เห็นว่า ท่านอาจารย์ได้บ�ำเพ็ญทานมัยในส่วนที่เป็นการให้ ชีวิตสัตว์ และที่โดดเด่นคือ วิทยาทาน ท่านอาจารย์ให้การบรรยาย ถ่ายทอดค�ำสอนเป็นทาน เรียกว่า วิทยาทาน ส่วนการถวายทานแด่ พระสงฆ์น้ันก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะบ้านท่านอาจารย์อยู่ใกล้วัด ตระกูลก็เข้าวัดอยู่ไม่ขาดอยู่แล้ว แม้ว่าท่านอาจารย์ไม่ได้เล่าประวัติ ส่วนตัวให้ฟังมาก แต่ก็สามารถสังเกตเอาจากพฤติกรรมของ ท่านอาจารย์เองที่เป็นผู้มีสัมมาคารวะ เป็นผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์ เป็น ผู้มีสติสัมปชัญญะในการสนทนา ในการบรรยายธรรม ก็แสดงให้