Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรื่องพัฒนาใจ ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ นางประนอม สิงหรา ณ อยุธยา

หนังสือเรื่องพัฒนาใจ ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ นางประนอม สิงหรา ณ อยุธยา

Description: หนังสือเรื่องพัฒนาใจ ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ นางประนอม สิงหรา ณ อยุธยา

Search

Read the Text Version

คณุ ประนอม สงิ หรา ณ อยุธยา ชาตะ วันพฤหสั บดี ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๖๘ มตะ วันพธุ ท่ี ๑๙ สงิ หาคม ๒๕๖๓ สิรอิ ายุ ๙๕ ปี ๓ เดือน ๕ วนั



ส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน เพลิงศพ นางประนอม สงิ หรา ณ อยุธยา เปน็ กรณพี ิเศษ ในวันเสาร์ ท่ี ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ เมรุวัดธาตุทอง เขตวัฒนา กรงุ เทพมหานคร นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เป็นเกียรติสูงสุด แก่ผูว้ ายชนม์และเป็นเกียรตปิ ระวัตแิ ก่วงศ์ตระกูลอยา่ งหาทสี่ ดุ มิได้ หากดวงวญิ ญาณของนางประนอม สิงหรา ณ อยุธยา ในสัมปรายภพ ทราบด้วยญาณวิถีประการใด คงโสมนัสและส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้รับพระราชทานเกียรติยศอันสูงยง่ิ ในวาระสุดทา้ ย การน้ี บุตร ธิดา ตลอดจนหลาน ๆ และเหลน ๆ ของนางประนอม สิงหรา ณ อยุธยา ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสแสดงความส�ำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้และจะเทิดทูนไว้เป็นสรรพสิริมงคล แก่วงศต์ ระกลู ตลอดไป ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพทุ ธเจ้า บุตร -ธิดา หลาน เหลน

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก











สารบญั ๓ ๖ • สำ� นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ุณ • สังเวชนียธรรม ๗ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ๘ สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ๙ • อนุสรณยี กถา ๑๔ สมเด็จพระวันรัต ๑๖ • แมพ่ ระของลูก สมเด็จพระพุฒาจารย์ ๒๐ • เมตตานสิ งั สปรารภ ๔๓ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ • พระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าฯ ราชสดดุ ี ๗๓ • สกั วา ๘๕ พระนพิ นธใ์ น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดนิ ทรไพศาลโสภณ • ราชสกุล ”สงิ หรา„ • ประวัติ คณุ ประนอม สงิ หรา ณ อยุธยา • พระธรรมเทศนา - พระธรรมเทศนา ”มาตาปติ กุ ถา„ พระราชมุนี วัดบวรนเิ วศวหิ าร - พระธรรมเทศนา ”กตญั ญกู ตเวทติ ากถา„ พระเทพปฏิภาณวาที วดั สุทศั นเทพวราราม

• เรื่องพัฒนาใจ ๑๐๑ พระนพิ นธ์ใน สมเดจ็ พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชนิ วราลงกรณ ๑๐๓ ๑๐๙ ความคดิ ๑๑๕ ชวี ิตต้น ๑๒๑ ขวนขวาย ๑๒๗ ได้แบบ ๑๓๓ แถบเอ้อื ๑๓๗ เช้ือสงบ ๑๔๓ ตลบตอบ ๑๔๙ รอบกลบั ๑๕๕ ระยับผล สนใจ ๑๖๗ ไตรสรณคมน์ ๑๘๑ ๑๘๔ • ภาพแห่งความสุข ๒๒๑ • ก�ำหนดการสวดพระอภิธรรม ๒๒๗ • ก�ำหนดการบ�ำเพ็ญกุศล • รายชื่อผู้ส่งพวงหรีด • กราบขอบพระคุณ

เจ้าจอมมารดาเรียม ในรัชกาลที่ ๒ (พ.ศ. ๒๓๑๓-๒๓๘๐) กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระบรมราชชนนี ในรัชกาลท่ี ๓

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ. ๒๓๑๐-๒๓๖๗)

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ราชสดุดี สรวมชีพอาศิรพจน์ น้อมประณตพระภูมินทร์ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระนั่งเกล้าฯ เจ้าสยาม รัชกาลท่ีสามเทิด กลแก้วเกิดประเสริฐงาม ราชวงศ์จักรีนาม ยังสถิตจิตประชา ทรงทะนุพุทธศาสน์ สร้างอาวาสราษฎร์ศรัทธา ดังวัดราชโอรสา งามอารามประจ�ำองค์ ทรงโปรดผู้สร้างวัด โสมนัสราชประสงค์ วัดเก่ายังด�ำรง บรูณะปฏิสังขรณ์ อีกวัดพระเชตุพนฯ แหล่งพูนผลพิชาธร ศิลาจารึกขจร ปฐมมหาวิทยาลัยไทย ทรงส่งส�ำเภาค้า ได้เงินตรา ‘เจ้าสัวใหญ่’ ‘ถุงแดง’ เงินออมไว้ ภายหลังใช้กู้บ้านเมือง สยามทันสมัย ศรีวิไลไทยรุ่งเรือง มิชชันนารีเฟื่อง แพทย์แผนใหม่หมายรักษา สมุดไทยเปล่ียนสมุดฝร่ัง แท่นพิมพ์ต้ังพิมพ์สารา วรรณกรรมเผยแพร่พา การศึกษาก้าวด�ำรง รัชสมัยพระองค์น้ัน ลาวเวียงจันทร์เจ้าอนุวงศ์ คิดคดกบฏทะนง ชาวโคราชกวาดต้อนไป สตรีเก่งคุณหญิงโม รวมราษฎร์โต้จนมีชัย ‘ท้าวสุรนารี’ ไซร้ พระราชทานนามสดุดี ทัพไทยสมัยพระองค์ ย่ิงยรรยงปราบไพรี เขมรญวนมลายูนี้ อีกพม่าปลาตไป พระองค์ตรัสไว้ว่า ศึกญวนพม่าหมดสมัย แต่ฝรั่งระวังไว้ อย่าให้ต้องถึงเสียที แผ่นดินพระน่ังเกล้าฯ ชาวไทยเฝ้ามุ่งภักดี สยามร่มเย็นทวี ราษฎร์สุขศรีไม่มีภัย หกสิบสี่พระพรรษา พระลับลาประชาไทย เฉกสูรย์นิราลัย ฟ้ามืดมนอนธการ พระเดชพระคุณน้ัน สุดร�ำพันจารึกขาน สดุดีเทิดภูบาล พระน่ังเกล้าฯ ของชาวไทย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ร.ศ.ประพนธ์ เรืองณรงค์ : ผู้ประพันธ์

พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๓๓๐-๒๓๙๔)

สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นพจมานท่ีหวานหอม กล่ินประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื้ม ดังดูดด่ืมบอระเพ็ดต้องเข็ดขม ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์ ใครฟังลมเมินหน้าระอาเอย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ทรงพระนิพนธ์

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ทีฆชนม์เชษฐประยูร (พ.ศ. ๒๓๖๙-๒๔๔๖) ต้นราชสกุล “สิงหรา”

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ (พ.ศ. ๒๔๑๙)

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ (พ.ศ. ๒๔๓๙)

ราชสกุล “สิงหรา” ต้นราชสกุล ราชสกุล ”สิงหรา„ สืบเช้ือสายมาจากเจ้าจอมมารดาคล้าย* ในพระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) มีพระราชโอรส ๑ พระองค์ เป็นสายสืบราชสกุล คือ พระองค์เจ้าชายสิงหรา ทรงรับราชการเจริญก้าวหน้าสืบต่อมา จนได้ทรงกรมเป็น กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ตน้ ราชสกุล ”สิงหรา„ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายสิงหรา ประสูติภายใต้ร่มเศวตฉัตร ณ พระบรมมหาราชวัง ดิถีข้ึน ๑๑ ค่�ำ เดือนอ้าย ปีจอ ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๖๙ (ภายหลังจากพระราชบิดา พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จ ข้ึนครองราชย์แล้ว ๒ ปี) เป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๔๘ จากจ�ำนวนพระราชโอรสพระราชธิดา ท้ังส้ิน ๕๑ พระองค์ * เจ้าจอมมารดาคล้าย มีเช้ือสายเปอร์เซีย เป็นเจ้าจอมมารดาที่งามท่ีสุด ผิวงามขาว ตาคมข�ำ ผมด�ำ หยักศก ฟันงาม รูปร่างท่านงาม มีฝีมือสีซอสามสายเก่ง (จากบันทึกของ ม.จ.พูนศรีเกษม เกษมศรี) 20

ทรงพระเยาว์ - เม่ือพระชนมายุ ๖ พรรษา ทรงเรียนหนังสือไทยกับพระองค์เจ้ามณฑา (ซึ่งเป็น พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) เป็นเวลา ๓ ปี จนมี ความรูห้ นงั สอื ไทยแตกฉาน - เมื่อพระชนมายุ ๙ พรรษา ทรงศึกษาหนังสือขอมกับพระอาจารย์ฉิม ท่ีพระท่ีน่ัง ราชกิจวินิฉัย เรียนมูลจนจบแล้ว ทรงศึกษาคัมภีร์โหราศาสตร์กับขุนโชติพรหมา (พูน) ทรงศกึ ษาคัมภีร์สรุ ยิ ยาตร์และสารมั ภ์ ทรงผนวชเป็นสามเณร - เม่ือพระชนมายุ ๑๔ พรรษา ทรงผนวชเป็นสามเณร ประทับ ณ วัดมหาธาตุ อยู่ในส�ำนักสมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) ได้ถวายเทศน์มหาชาติมหาราช ทรงศึกษา ดาราศาสตร์ โหราศาสตรผ์ ูกดวงชะตาจากขนุ เทพากร (ดว้ ง) - คร้นั พระชนมายไุ ด้ ๒๐ พรรษา ไดร้ บั พระราชทานทีส่ ร้างวังบรเิ วณวดั ราชบพิธฯ ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ - ต่อมาพระชนมายุได้ ๒๒ พรรษา ทรงผนวชเป็นภิกษุ มีสมเด็จพระสังฆราช (นาค) วัดราชบุรณะเป็นพระอุปัชฌาย์ เสด็จประทับอยู่ ณ วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ในส�ำนักพระญาณสังวรเถร (บุญ) ได้ถวายเทศนามหาชาติกัณฑ์วนประเวศน์ และทรง ศึกษาวิปัสสนาธรุ ะ ครัน้ ลาผนวชแลว้ ไดร้ บั พระราชทานเบี้ยหวดั เพม่ิ ข้ึนเป็นปีละ ๗ ชั่ง - เม่ือพระชนมายุได้ ๒๕ พรรษา (พ.ศ. ๒๓๙๔) พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า เจ้าอยู่หวั (พระราชบิดา) เสด็จสวรรคต 21

พระประวัติการรับราชการ (โดยสังเขป) - ทรงกำ� กับกรมพระอาลกั ษณ์ในรัชกาลท่ี ๔ - ทรงก�ำกบั กรมอักษรพมิ พการในรัชกาลที่ ๕ - ทรงก�ำกับศาลสงั่ ช�ำระความราชตระกลู ในรชั กาลที่ ๕ พระอิสริยยศ ทรงไดร้ ับสถาปนาพระอิสริยยศตามลำ� ดบั ดังนี้ - รัชกาลที่ ๔ (พ.ศ. ๒๔๐๙) กรมหมื่นอักษรสานโสภณ เม่ือทรงมีพระชนมายุ ๔๐ พรรษา - รัชกาลที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๑๙) กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ เม่ือทรงมีพระชนมายุ ๕๐ พรรษา - รัชกาลท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙) ทรงได้รับพระราชทานสถาปนาเป็น กรมหลวง บดินทรไพศาลโสภณ ทีฆชนม์เชษฐประยูร เมื่อทรงมีพระชนมายุ ๗๐ พรรษา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ - พ.ศ. ๒๔๑๖ เคร่อื งราชอิสริยาภรณ์จลุ จอมเกลา้ ฝา่ ยหน้า ช้ันทตุ ยิ จุลจอมเกลา้ วเิ ศษ (ท.จ.ว.) - พ.ศ. ๒๔๑๙ เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณจ์ ลุ จอมเกลา้ ฝา่ ยหนา้ ชนั้ ปฐมจลุ จอมเกลา้ (ป.จ.) - พ.ศ. ๒๔๒๕ เครื่องขัตติยราชอิสรยิ าภรณอ์ นั มีเกยี รติคณุ รุง่ เรืองย่ิง มหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) - พ.ศ. ๒๔๓๖ เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.) 22

สมัยรัชกาลท่ี ๔ - พ.ศ. ๒๔๐๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนอักษรสาสนโสภณ ได้ทรงบังคบั การในกรมพระอาลกั ษณ์ และทรงโปรดเกลา้ ฯ ใหช้ ่วยชำ� ระความฎีกา - กรมพระอาลกั ษณ์ สมยั โบราณมหี นา้ ทเี่ กย่ี วกบั พระมหากษตั รยิ โ์ ดยตรง ทส่ี ำ� คญั ได้แก่การจารึกพระสุพรรณบัฏของเจ้านาย นามกรมเจ้านายทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน จดบนั ทึกพงศาวดารทเ่ี ปน็ งานของพระมหากษัตรยิ ์ รวมท้งั ใบบอกสำ� คญั ตา่ ง ๆ จงึ เลอื กใช้ เจ้านายที่มีความสามารถด้านหนังสือ ลายมือสวย ซ่ือสัตย์ตรงไปตรงมาและรักษาความลับ ได้ เพราะบางเรื่องเป็นความลับท่ีเปิดเผยไม่ได้ เจ้านายก�ำกับกรมน้ีส่วนใหญ่จะเป็น เจ้านายผู้ใหญ่เพราะต้องควบคุมดูแลหนังสือในหอหลวงทั้งหมด กรมพระอาลักษณ์มีท้ัง วังหลวง วังหน้าและวังหลัง ถ้าเป็นขุนนางในกรมนี้ นามบรรดาศักดิ์มักลงท้ายด้วยคำ� ว่า ”สุนทรโวหาร„ หรอื ”สารประเสริฐ„ - ได้ทรงศกึ ษาคมั ภรี โ์ หราศาสตร์ ตา่ ง ๆ จากพระยาโหราธบิ ดี (บวั ) - ได้ทรงศึกษาประวัติศาสตรแ์ ละเรอื่ งราวเกา่ ๆ จากพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั และจากเจ้านายเก่า ๆ 23

สมัยรัชกาลท่ี ๕ - ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงบังคับการในกรมอักษรพิมพการอีกกรมหน่ึง - กรมอักษรพิมพการ เดิมทีเดียวเม่ือพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังผนวชและประทับ อยู่ท่ีวัดบวรนิเวศวิหาร ท่านต้ังโรงพิมพ์ในวัดเพ่ือพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ออกเผยแพร่แก่คนทั่วไป เม่ือเสวยราชย์แล้วจึงย้ายโรงพิมพ์ไปไว้ในพระบรมมหาราชวัง มีหน้าที่พิมพ์หนังสือราชกิจจานุเบกษา พระราชกิจรายวัน และเร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง กับพระมหากษัตริย์ โรงพิมพ์นี้เลิกเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองและไปขึ้นกับส�ำนักนายก - พ.ศ. ๒๔๑๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระอิสริยยศเป็นพระเจ้า ราชวรวงศ์เธอ กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ และโปรดเกล้าฯ แต่งต้ังให้เป็นอธิบดีศาล รบั สัง่ ช�ำระความราชตระกลู ตลอดมา จนได้ทรงจดั กระทรวงยตุ ิธรรมใหม่ - คร้ันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์พื้นท่ีวังของ กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ เพ่ือสร้างวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จึงโปรดเกล้าฯ ให้ กรมขุนบดินทร์ฯ ไปประทับท่ีวังใกล้กับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งมีอยู่ ๕ วัง ด้วยกันบริเวณถนนสนามไชยต่อกับถนนมหาราช (ปัจจุบันคือท่ีต้ังของมิวเซียมสยาม) วังที่ประทับใหม่ของกรมขุนบดินทร์ฯ อยู่ทางด้านถนนสนามไชย ตรงกันข้ามกับโรงเรียน วดั ราชบพธิ ในปจั จบุ ัน 24

25

ความสนใจและความสามารถพิเศษ มีบันทึกจดหมายเหตุและข้อความในหนังสือโครงกระดูกในตู้ ของ ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช บันทึกไว้ตรงกันว่า กรมหลวงบดินทร์ฯ ทรงโปรดหอสมุด ชอบค้นคว้าหาความรู้ ในหอสมุดวันละหลาย ๆ ช่ัวโมง ทรงสนพระทัยศึกษาประวัติศาสตร์และภาษาต่างประเทศ มคี วามสามารถดา้ นโคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอนและดนตรไี ทย กรมหลวงบดนิ ทรฯ์ ทรงโปรดสีซอสามสายและสไี ด้ไพเราะมาก มีลกู ศิษยม์ ากมาย ท้ังนักดนตรี และเจ้านายท่ีได้มาขอเรียนซอสามสายจากท่าน คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนทิวากรวงศ์ประวัติ ซึ่งประทับอยู่ที่วังท้ายวัดโพธ์ิ ใกล้ ๆ กับวังที่ประทับของ กรมหลวงบดินทร์ฯ ต่อมากรมหมื่นทิวากรฯ ทรงเป็นพระราชบุตรเขย โดยได้เสกสมรส กับหม่อมเจา้ หญงิ ประสานศพั ท์ พระธดิ าพระองค์หนึง่ ในกรมหลวงบดินทรฯ์ กรมหลวงบดินทร์ฯ โปรดกรมหมื่นทิวากรฯ มาก เมื่อมาหัดซอกับท่าน กรมหมื่น ทิวากรฯ ถนัดซ้าย กรมหลวงบดินทร์ฯ ท�ำซอและประทานให้คันหนึ่ง ซอคันดังกล่าวต้อง ปรับสายให้กลับทางกับซอท่ีใช้ทั่วไป ต่อมาภายหลัง กรมหมื่นทิวากรฯ และหม่อมเจ้าหญิง ประสานศัพท์ได้ไปซื้อที่สร้างวังใหม่เป็นการส่วนพระองค์ท่ีซังฮี้ มีโอรสคือ ม.จ.พูนศรีเกษม เกษมศรี อดีตอาจารยใ์ หญ่โรงเรียนเขมะสิรอิ นุสรณ์ กรมหลวงบดินทร์ฯ มีวงดนตรีปี่พาทย์ประจ�ำวัง ในหนังสือดนตรีไทยของอาจารย์ ถาวร สกิ ขโกศล ได้เขยี นบรรยายถึงวงดนตรีไทยของกรมหลวงบดนิ ทรฯ์ วา่ เปน็ วงดนตรี ท่ีมีความแข็งแรงมาก หมายถึงความพร้อมทุกอย่างของวง มีนักดนตรีท่ีมีชื่อเสียง เช่น จางวางสวน ชิดท้วม ครูอุไทย โตสง่า รวมท้ังหม่อมเจ้าหญิงประสานศัพท์ฯ ซึ่ง ทรงระนาดทุ้ม ร่วมวงของพระบิดา โดยมีนายตาดเป็นผู้ควบคุมวง ต่อมานายตาดได้ บรรดาศักด์ิเป็น พระประดิษฐ์ไพเราะ (ตาด) ซ่ึงสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ให้ การยอมรับนับถือเป็นครูคนหนง่ึ ของทา่ น และทรงเรียกว่าครตู าด 26

กรมขุนบดินทร์ฯ ทรงรับราชการเป็นเวลายาวนาน จนมีพระชนมายุย่ิงกว่า พระบรมวงศานวุ งศฝ์ ่ายหน้าพระองค์ใด และทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้เลอ่ื นพระอิสริยยศ เปน็ กรมหลวงบดนิ ทรไพศาลโสภณ ทฆี ชนม์เชษฐประยรู ในปีพ.ศ. ๒๔๓๙ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ทีฆชนม์เชษฐประยูร สิ้นพระชนม์เมื่อวันอาทิตย์ ท่ี ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๖ (พระชันษา ๗๗ พรรษา) มีทายาทหม่อมเจ้าชายและ หมอ่ มเจา้ หญิง ๒๘ องค์ เมื่อกรมหลวงบดินทร์ฯ ส้ินพระชนม์ วังท่ีประทับของพระองค์จึงกันไว้ท�ำสถานท่ี ราชการ เหลือท้องพระโรงหลังหนึ่ง โปรดให้ร้ือไปสร้างเป็นหอสวดมนต์ท่ีวัดราชาธิวาส ปจั จบุ นั หอสวดมนต์ไดถ้ ูกรอ้ื ไปแลว้ และไดแ้ ปลงบางส่วนเป็นกฏุ พิ ระ 27

ท้องพระโรงวังกรมหลวงบดินทร์ฯ ที่รื้อมาปลูกไว้เป็นหอสวดมนต์ที่วัดราชาธิวาส แม้จะมีการดัดแปลงรูปทรงไปบ้าง แต่ก็ยังเห็นร่องรอยสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

ต�ำหนักฝากระดานสมัยรัชกาลท่ี ๕ ท่ีวัดราชาธิวาส

พระบรมราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา ทม่ี าภาพ : วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม)



ค�ำสั่งแต่งต้ังราชทินนามและการถือศักดินา กรมหม่ืนอักษรสาส์นโสภณ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๐๙) ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนกาล ในอดีตภาคแล้ว ๒๔๐๙ พรรษา ปัตยุบันกาล พยัคฆสังวัจฉร สาวนมาส กาฬปักษ์ ทศมีดิถีพุทธวารปริเฉทกาลก�ำหนด พระบาท สมเด็จพระปรเมนมหามงกุฎ ฯลฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชด�ำริห์ว่าพระองค์เจ้า สิงหรา เป็นพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กอปด้วยวัยวุฒิปรีชา วิริยาธิคุณรอบรู้ใน พระราชกิจจานุกิจท้ังปวงควรจะเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมได้ จึงมีพระบรมราชโองการ มาณพระบันฑูรสุรสิงหนาทด�ำรัสส่ังให้สถาปนา พระเจ้าราชวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า สิงหราขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามจาฤกไว้ในพระสุพรรณบัฏว่า กรมหม่ืนอักษรสาส์นโสภณทรงศักดินา ๑๕,๐๐๐ ไร่ ตามอย่างพระองค์เจ้าต่างกรม ในพระบรมมหาราชวัง ตามพระราชก�ำหนดกฎหมายให้เจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ สารสมบัติ สิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลทุกประการ เทอญ

กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๑๙) ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนกาล เป็นอดีตกาลล่วงแล้ว ๒๔๑๙ พรรษา ปัตยุบันกาล มุสิกสสังวัจฉร บุศยมาสชุษณปักษ์ฉัฐ มีดิถีครุวารเฉทกาลก�ำหนด พระบาทสมเด็จพระปรเมนมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง พระราชด�ำริห์ว่าพระราชวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนอักษรสาส์นโสภณ ได้รับราชทินนาม ตามต�ำแหน่งพระองค์เจ้าต่างกรมฉลองพระเดชพระคุณมาแต่ในรัชกาลสมเด็จ พระบรมชนกนาถจนถึงรัชกาลปัตยุบันน้ี หน่ึงก็ทรงพระปรีชา มีพระอัธยาศัยสมควร เป็นหลักในพระเจ้าราชวงศ์เธอพระองค์หนึ่ง และเป็นที่สนิทชิดชอบพระราชอัธยาศัย แต่เดิมมา จึงมีพระบรมราชโองการมาณพระบัณฑูรสิงหนาท ด�ำรัสสั่งให้สถาปนา เล่ือนต�ำแหน่งยศพระเจ้าราชวงศ์เธอ กรมหม่ืนอักษรสาส์นโสภณ เป็นพระองค์เจ้า ต่างกรมต�ำแหน่งกรมขุน มีพระนามตามจาฤกไว้ในพระสุพรรณบัฏว่า กรมขุนบดินทร ไพศาลโสภณ มสุ กิ นามทรงศกั ดินา ๑๕,๐๐๐ ไร่ จงทรงเจรญิ พระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสวัสดิ์พิพัฒนมงคล วิบุญยศุภผลอดุลยเกียรติ เดชานุภาพทุกประการ เทอญ

กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๓๙) ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนกาล เป็นอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๓๙ พรรษา ปัตยุบันกาล จันทรคตินิยม ปลวังคสังวัจฉรกติกมาส ศุกรปักษ์สัปตมีดิถี พุธวาร สรุ ยิ คตกิ าล รตั นโกสนิ ทรศก ๑๑๕ พฤศจกิ ายนมาส เอกาทสมมาสาหคณุ พเิ ศษปรเิ ฉท กาลก�ำหนด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ ฯลฯ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงพระราชด�ำริห์ว่า พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ เป็นพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่ มีพระชนมายุเจริญยิ่งกว่าพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวงใน ปัตยุบันบรรดาพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายหน้า ซึ่งมีพระชนมายุยิ่งกว่าในใต้ฝ่าละอองธุลี พระบาท ก็ยังเหลืออยู่แต่พระองค์เดียวเท่าน้ันและมีพระวิริยภาพปรีชารอบรู้ใน สรรพราชกิจเก่าใหม่ใหญ่น้อยมั่นคง ด�ำรงพระอัธยาศัยสุภาพเรียบร้อย ได้รับราชการ ฉลองพระเดชพระคุณต่างพระเนตรพระกรรณมาในต�ำแหน่งต่าง ๆ ดังพรรณนาไว้ใน ประกาศคราวเลื่อนเป็นกรมขุนแล้วน้ันภายหลังได้ทรงบังคับบัญชาในท่ีอธิบดีศาล ราชตระกูลจนตลอดเวลารวมศาลท้ังปวงไปไว้ในกระทรวงยุติธรรมทรงประกอบไปด้วย พระอุตสาหซ่ือตรง ด�ำรงสัตย์สุจริตภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมาช้านาน สมควร ที่จะทรงยกย่องพระเกียรติยศข้ึนไว้ให้เป็นประธานท่ีเคารพของพระบรมวงศานุวงศ์ ท้ังปวง โดยมีพระชนมายุวัยวุฒิปรีชาสามารถเสมอดังกูลเชษฐาธิบดีในปัตยุบันนี้ได้

จึงมีพระบรมราชโองการ ด�ำรัสสั่งให้เล่ือนพระนามพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ ข้ึนเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมผู้ใหญ่ต�ำแหน่งกรมหลวง มีพระนามตามจาฤกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทร ไพศาลโสภณฑีฆชนม์เชษฐประยูร มุสิกนามทรงศักดินา ๑๕,๐๐๐ ไร่ ตาม พระราชก�ำหนดอย่างพระองค์เจ้าต่างกรมในพระบรมมหาราชวัง จงทรงเจริญ พระชนมายุพรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสด์ิพิพัฒนมงคล วิบุลยศุภผลธนสารสมบูรณ์ อดุลยเกียรติยศเดชานุภาพทุกประการ เทอญ ให้ทรงเลื่อนเจ้ากรม เป็นหลวงบดินทรไพศาลโสภณถือศักดินา ๖๐๐ ไร่ ให้ทรงเลื่อนปลัดกรม เป็นขุนพหลภักดีถือศักดินา ๕๐๐ ไร่ สมุหบาญชี คงเป็นหม่ืนอังกณีบริบาล ถือศักดินา ๓๐๐ ไร่ ให้ผู้ซ่ึงได้เล่ือนต�ำแหน่งและคงต�ำแหน่งท้ังสามน้ี ท�ำราชการในหลวงและ ในกรมตามอย่างธรรมเนียม เจ้ากรมปลัดกรม สมุหบาญชีในพระองค์เจ้าต่างกรม ท้ังปวงสืบไปขอให้มีสุขสวัสดิ์เจริญเทอญ

(ท่มี าภาพ : วดั ราชบพธิ สถิตมหาสีมาราม) ลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ เมื่อคร้ังทรงด�ำรงพระสมณศักด์ิที่ พระจุลคณิศร เร่ืองพระบรมอัฐิและพระอัฐิใต้ฐานกะไหล่ทองพระพุทธอังคีรส

(ทีม่ าภาพ : วดั ราชบพิธสถติ มหาสีมาราม) ลิขิตสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) เมื่อครั้งด�ำรงสมณศักดิ์ท่ี พระชินวงศเวที ทูลถามเรื่องลายพระหัตถ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ และลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ

พระพุทธอังคีรส พระประธานพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ฐานกะไหล่ทองและพุทธบัลลังก์ เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิ พระอัฐิ ของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์

พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร พระประธานพระอุโบสถ วัดราชโอรสาราม พุทธบัลลังก์เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว

สาแหรกข้างพ่อ ลำ� ดบั สืบสายราชสกลุ “สงิ หรา” (เฉพาะสายของ ม.จ.วัชรินทร)์ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ฟธยอดฟ้าจุฬาโลก (ร.๑) + กรมสมเดจ็ พระอมรนิ ทรามาตย์ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั (ร.๒) + กรมสมเดจ็ พระศรสี ลุ าลยั (พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง ใน ร.๓) พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกล้าเจ้าอยหู่ ัว (ร.๓) + เจ้าจอมมารดาคลา้ ย กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ทีฆชนม์เชษฐประยูร + หม่อมกลบี (พระองคเ์ จา้ สงิ หรา) มีโอรส ธิดา ๖ องค์ ม.จ.นพรัตน์ (ช) ม.จ.วัชรนิ ทร์ (ช) ม.จ.กินเรศร์ (ญ) ม.จ.เกสรา (ญ) ม.จ.ผกามาศ (ญ) ม.จ.ลวาศวรรณ (ญ) + ม.จ.สุคนธราศรี (สุบรรณ) มโี อรส ธดิ า ๑๐ องค์ ม.ล.นัดดาดวง (ญ), ม.ล.ชว่ งวเิ ชียร (ช), ม.ล.จ�ำเนยี รเนต์ิ (ช), ม.ล.เกษสุดา (ญ), - ม.ร.ว.ถนอมวงศ์ (ช) + เปีย่ ม บนุ นาค ม.ล.วิชาชาญ (ช) ม.ล.สยุมพร (ช), ม.ล.สมรทพิ ย์ (ญ), (พระโภคผลพนู ทวี) - ม.ร.ว.พงษ์ประยรู (ช) + เนย โชติกเสถยี ร ม.ล.วเิ ชียรโชติ (ช) ม.ล.ดิสรา (ช), ม.ล.ธนาภรณ์ (ช) ม.ล.ศรีสคุ นธ์ (ญ) - ม.ร.ว.ตระกูลรตั น์ (ช) + ชบุ วังสวุ รรณ ม.ล.กมลรตั น์ (ญ) พล.ต.ม.ล.คำ� รณ สุทัศน,์ (พระนิพทั ธโภคาทร) ม.ล.อบุ ลรัตน์ (ญ) พล.ต.ต.ม.ล.จเร สทุ ศั น์, พ.อ.ม.ล.เถลงิ เดช สุทศั น์, ม.ล.กมลา สขุ ุม, - ม.ร.ว.วัจนา (ญ) ม.ล.เจตน์ สทุ ศั น์, ม.ล.นินนาท สุทัศน,์ - ม.ร.ว.ยุพาภักตร์ (ญ) + พล.ท.พระยาวิชติ วงศว์ ุฒิไกร (ม.ร.ว.สิทธิ์ สุทัศน)์ ม.ล.ปฤถา ศลิ ปก์ ลุ , ม.ล.สมทิ ธิ สทุ ัศน์, ม.ล.สชิ ญนีย์ สทุ ศั น์ - ม.ร.ว.อรรคเรศร์ (ช) - ม.ร.ว.เจตน์จ�ำนง (ช) - ม.ร.ว.วงศ์ขนษิ ฐ์ (ญ) + พล.ท.พระยาวิชติ วงศ์วุฒไิ กร ม.ล.กันยกา อินทรทตั , ม.ล.สมุ ิตรา สทุ ัศน,์ ม.ล.พงศ์สิทธ์ิ สุทัศน์ - ม.ร.ว.กติ ตศิ พั ท์ (ช) - ม.ร.ว.ฉบบั บรู ณ์ (ช) + อรุณ ณ นคร ม.ล.รงุ่ เรือง สงิ หรา (ญ) มีบุตร ธดิ า ๗ คน ม.ล.อทุ ัย สิงหรา (ช) + ประนอม (ภมู ิจิตร)

สาแหรกข้างแม่ นายภู่ นางส้มจีน นายลิม้ นางเปา้ นายสุดใจ หลวงอนิ ทรธานี พระเจนสถลรถั ย์ (จนั ) + นางเผ่อื น - พระยาวิภาคภูวดล (ตว่ น) - นางเขยี น - นางชนนิ ทรพิทกั ษ์ (ทมิ ) - หลวงประกาศพิภชั นภาค (ทองดี) + นางปราง - พ.ท.พิมล - น.อ.อ. (พิเศษ) ทพ.สวุ ตั ถ์ิ - น.อ.อ. (พเิ ศษ) จิตร - นางกมลา -นางประนอม + ม.ล.อุทัย สงิ หรา - พล.ร.ต.จิตตวีร์ ๑. พล.ต.ต.ณธนนต์ สิงหรา ณ อยุธยา ๒. นางเกตกุ านดา สงิ หรา ณ อยุธยา ๓. พล.ต.อ.ภาณพุ งศ์ สงิ หรา ณ อยธุ ยา ๔. ออท.กลุ กุมทุ สงิ หรา ณ อยุธยา ๕. นางศุทธนิ ี สิงหรา ณ อยุธยา ๖. นายธรี พล สิงหรา ณ อยธุ ยา ๗. นางภารสิ รา สงิ หรา ณ อยธุ ยา



ประวัติ คุณประนอม สิงหรา ณ อยุธยา อารัมภบท คุณประนอม* เป็นธิดาคนท่ี ๕ ของคุณตาหลวงประกาศพิภัชนภาค (ทองดี ภูมิจิตร) กับคุณยายปราง มีพี่น้องร่วมอุทร ๖ คน (ปัจจุบันเหลือเพียงน้องชายคนสุดท้อง ของครอบครวั ท่ยี งั มีชีวติ อยคู่ ือ พล.ร.ต.จิตตวีร์ ภูมิจติ ร อายุ ๙๒ ป)ี พื้นเพบรรพบุรุษของคุณแม่เป็นชาวจังหวัดนครปฐม คุณตาทวดของเราช่ือ คุณตาทวดสุดใจ สมรสกับคุณยายทวดเผื่อน ได้ให้ก�ำเนิดบุตรธิดารวม ๔ คน คือ พระยาวิภาคภูวดล (ต่วน) คุณยายเขียน คุณยายทิม (นางชนินทรพิทักษ์) และ คุณตาหลวงประกาศพภิ ชั นภาค (ทองดี) เปน็ นอ้ งชายคนสดุ ท้อง * ผู้บันทึกข้อความ คือลูก ๆ ของคุณประนอมฯ จึงขอใช้สรรพนามแทนว่า ”คุณแม่„ และสรรพนาม แทน ม.ล.อุทยั สิงหรา ว่า ”คณุ พอ่ „ รวมทั้งกล่าวถงึ บรรพบุรษุ ชนั้ คณุ ปู่ คณุ ย่า คุณตา คุณยาย และ คณุ ตาทวด ตามแบบประเพณีไทย 43

จากนครปฐม สู่กรุงเทพฯ คุณตาหลวงประกาศพิภัชนภาค (ทองดี) เล่าให้คุณแม่ฟังว่า การศึกษาใน ต่างจังหวัดในสมัยน้ัน ยังนิยมน�ำบุตร-หลาน (ผู้ชาย) ไปฝากเป็นลูกศิษย์พระ ดูแล ปรนนิบัติรับใช้พระสงฆ์ เพื่อหวังจะมีพระสงฆ์เป็นแบบอย่างและได้รับการอบรมส่ังสอน ให้เป็นเด็กดี เมื่อพระมีเวลาว่างจากการปฏิบัติศาสนกิจ ก็จะช่วยสอนธรรมะ อักขระ สอนอ่านและเขียนให้ได้ดีในระดับหนึ่ง หลังจากนั้น ต้องขวนขวายหาความรู้เพ่ิมเติมตาม จริตทช่ี อบต่อไป นับเป็นโชคดีของครอบครัว ท่ีคุณตาทวดสุดใจซึ่งเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน วัดพระปฐมเจดีย์ เล็งเห็นถึงความส�ำคัญของการศึกษา จึงส่งลูก ๆ ไปเรียนที่โรงเรียนวัด พระปฐมเจดีย์ แต่การเรียนการสอนยังเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น เพราะขาดแคลน ครูผู้สอนจ�ำนวนมาก จึงเป็นลักษณะเรียนบ้าง เล่นบ้าง เรียนกับพระบ้าง เรียนกับ ฆราวาสบ้าง ยังไม่มีหลักสูตรอย่างเป็นทางการ พอมีความรู้ภาษาไทย อ่านออกเขียนได้ และวิชาเลขคณิต อย่างไรก็ดี คุณตาทวดสุดใจจะสอนหนังสือให้ลูก ๆ ท่ีบ้านควบคู่กันไป นอกจากนี้ คุณตาทวดสุดใจ ยังได้จ้างครูที่มีความรู้ภาษาอังกฤษมาสอนภาษาอังกฤษ ให้กบั ลกู ๆ ที่บา้ นดว้ ย ซ่งึ ไม่คอ่ ยปรากฏมมี ากนักในระดับของสามัญชน คุณตาทวดสุดใจ อยากให้ลูก ๆ ได้รับการศึกษาอย่างเป็นทางการ จึงย้ายถิ่นพ�ำนัก และมาสร้างบ้านหลังแรกในกรุงเทพมหานคร อยู่ใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟหัวล�ำโพง และได้ ส่งบุตรชายเข้าเรียนท่ีโรงเรียนเทพศิรินทร์ ส่วนบุตรสาวน้ัน คุณตาทวดเป็นผู้สอนหนังสือ ใหด้ ้วยตนเอง เน่ืองจากในช่วงน้นั ยังไม่มีโรงเรียนสตรแี พรห่ ลาย 44

เพ่ือให้ลูกได้รับการศึกษาอย่างเป็นทางการ คุณตาทวดสุดใจ ส่งบุตรชายท้ังสองเข้าเรียนท่ีโรงเรียนเทพศิรินทร์ ปรากฏว่า บุตรท้ังสองมีความขยันหม่ันเพียร มีวินัยในการเรียน และสามารถพัฒนาผลการเรียน อย่างรวดเร็ว ด.ช.ทองดีสามารถสอบได้เป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียน สร้างความแปลกใจ ให้กบั คุณครูผู้สอนอย่างมากเน่อื งจากเพ่ิงยา้ ยถิ่นพำ� นักมาจากตา่ งจงั หวัด ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๔๖ ในการสอบไล่ช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น ปรากฏว่านายทองดี สอบได้เป็นอันดับหน่ึง และได้รับรางวัลจากกระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการ ในปัจจุบนั ) เป็นจ�ำนวนเงนิ ๘๐ บาท นายทองดี และคุณตาทวดสุดใจ ได้มอบเงินรางวัลท่ีได้รับให้แก่ทางโรงเรียน เพ่ือซ้ืออุปกรณ์การเรียนตามท่ีเห็นสมควร ช่ือของนายทองดีจึงถูกจารึกไว้ท่ีโรงเรียน เทพศิรินทร์ ในฐานะเด็กนักเรียนท่ีท�ำชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน นอกจากนี้ ตามตู้และ ช้ันวางหนังสือในห้องสมุดของโรงเรียน จะจารึกว่า บริจาคโดยนายทองดี ยังคงปรากฏอยู่ จนทุกวนั น้ี ช่ือเสียงด้านการเรียนของนายทองดี เป็นที่รู้จักในวงการศึกษาและในปีเดียวกัน น้ันเอง (พ.ศ. ๒๔๔๖) นายทองดีได้รับรับเชิญให้ไปเรียนท่ีโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จนจบชัน้ สูงสุดใน พ.ศ. ๒๔๔๘ ด้วยผลการเรยี นดีเย่ียม ใน พ.ศ. ๒๔๔๘ นายทองดีได้เข้าศึกษาต่อท่ีโรงเรียนกรมแผนที่วังสระประทุม เม่ือจบการศึกษา จึงได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนแผนที่ กรมแผนท่ีทหารบก ใน พ.ศ. ๒๔๕๒ เป็นเวลายาวนาน ๓๘ ปี จนกระท่ังเกษียณอายุในต�ำแหน่งรองเจ้ากรม รงั วัดทีด่ นิ ใน พ.ศ. ๒๔๙๐ โดยมพี ลโทพระยาศัลวิธานนิเทศเปน็ เจา้ กรม และปฏบิ ัติหนา้ ที่ 45

สมุหราชมณเฑียรอีกต�ำแหน่งหน่ึง (ท่านผู้ใหญ่สูงอายุ ถือไม้เท้ายาวยอดเป็นรูปครุฑ เดินน�ำหน้าเอกอัครราชทูตต่างประเทศเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๙ และ กราบบังคมทูลเบกิ เอกอคั รราชทตู เพ่อื ถวายพระราชสาส์นตราต้ัง) ใน พ.ศ. ๒๔๖๖ นายทองดี ภูมิจิตร ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักด์ิ เปน็ หลวงประกาศพิภชั นภาค ระหว่างการรับราชการ หลวงประกาศพิภัชนภาค ได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์พิเศษ สอนวิชาแผนที่ในโรงเรียนข้าราชการพลเรือนแผนกรัฐประศาสตร์ศึกษา ได้รับเชิญให้เป็น แม่กองสนามควบคุมนายทหารและนักเรียนของกรมแผนท่ีทหารบก ออกไปท�ำการ สำ� รวจแผนท่ีในจังหวดั ต่าง ๆ ไดร้ บั เชญิ ให้ไปเปน็ อาจารยส์ อนวชิ าคำ� นวณแผนทีต่ ามค�ำขอ ของกระทรวงเกษตราธิการ รวมท้ังได้จัดท�ำต�ำราแนะน�ำวิธีท�ำแผนท่ี วิธีค�ำนวณในการ ทำ� แผนที่ เพ่ือใช้เป็นเอกสารประกอบการเรยี นการสอนจำ� นวนมาก แม้เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว หลวงประกาศพิภัชนภาคก็ยังได้รับเชิญให้ ด�ำรงต�ำแหน่งเป็นท่ีปรึกษาพิเศษของกรมรังวัดที่ดิน ตราบจนกระท่ังร่างกายไม่อ�ำนวย จึงได้ร้องขอยุติการเป็นท่ีปรึกษาพิเศษให้กับกรมรังวัดท่ีดินเพื่อใช้ชีวิตในวัยเกษียณ อย่างแท้จริง คุณแม่เล่าว่าคุณตาหลวงประกาศพิภัชนภาค มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ลูกศิษย์ท่ีไม่มีท่ีพักพิงในกรุงเทพฯ คุณตาก็อนุญาตให้มา พักอาศัยที่บ้านเป็นการช่ัวคราว และได้ประสิทธ์ิประสาทวิชาความรู้ด้านการท�ำแผนที่ การรังวัดท่ีดินให้แก่ลูกศิษย์อย่างถ้วนหน้าทุกคนโดยมิได้หวังผลประโยชน์ตอบแทน ทุกคร้ังที่จะไปปฏิบัติงานนอกสถานท่ี (field trip) ลูกศิษย์จะขอมาพักเพื่อรวมพลที่บ้าน ตึกดินก่อนออกเดินทางไปปฏิบัติราชการ นับเป็นแบบฉบับของครูบาอาจารย์อย่างแท้จริง 46