ต�ำ รา 140
ตำ�ราพรหมชาติ เรียบเรียงโดย ศาสตราจารยส์ ุกญั ญา สจุ ฉายา และรองศาสตราจารยร์ ังสรรค์ จันตะ๊ “การดพู รหมชาต”ิ เปน็ วธิ กี ารท�ำ นายชะตาราศขี องบคุ คลพบพน้ื ฐานของปเี กดิ เดอื นเกดิ และวนั เกดิ เปน็ การ พยากรณ์แบบหน่ึงในโหราศาสตร์ไทยซึ่งมาจากความเช่ือด้ังเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาวผสมผสานกับความรู้ทาง โหราศาสตร์ ท่ไี ดร้ บั จากอนิ เดียและจีน ตำ�ราพรหมชาติ ของภาคกลางและภาคใต้ เป็นต�ำ ราทีส่ ืบทอดกนั มาตั้งแต่กรงุ ศรีอยุธยาเปน็ สมุดไทยดำ�เขียน ดว้ ยตวั อกั ษรไทยสมยั ตน้ รตั นโกสนิ ทร์ ดว้ ยลายเสน้ สขี าวเมอ่ื มกี ารพมิ พเ์ กดิ ขน้ึ ในสมยั รชั กาลท่ี ๔ เปน็ ตน้ มา ไดม้ กี าร รวบรวมความรกู้ ารพยากรณแ์ บบอนื่ ๆ เขา้ ไวใ้ นชดุ เดยี วกนั แลว้ ใหช้ อ่ื วา่ “ต�ำ ราพรหมชาต”ิ ฉบบั พมิ พเ์ กา่ สดุ เปน็ ฉบบั พมิ พข์ องโรงพมิ พพ์ านชิ ศภุ ผล พมิ พก์ อ่ นปี พ.ศ. ๒๔๕๕ ไมป่ รากฏชอื่ ผรู้ วบรวม ตอ่ มาไดม้ กี ารพมิ พข์ น้ึ อกี หลายครง้ั จาก หลายโรงพิมพแ์ ละแพร่หลายไปทุกภูมภิ าค มีท้งั ตำ�ราหมอดูชาวบ้านและ ตำ�ราโหรราชส�ำ นกั รวมอย่ใู นเลม่ เดียวกนั สงั เกตไดว้ า่ ฉบบั พมิ พแ์ ตล่ ะครง้ั จะเพมิ่ เตมิ เนอ้ื หาอนื่ ๆ มากขนึ้ เรอื่ ยๆ จนท�ำ ใหค้ �ำ วา่ “พรหมชาต”ิ กลายเปน็ ค�ำ รวม ของต�ำ ราหมอดูไทยแทนที่จะเป็นการท�ำ นายวิธีการหน่ึงตามช่ือของตน 141
ตำ�ราพรหมชาติ เป็นช่ือตำ�ราพยากรณ์ท่ีคนไทยรู้จักกันมากท่ีสุด มีสภาพเป็นตำ�ราหมอดูประจำ�บ้านที่ให้ อิทธิพลต่อความเช่ือของคนไทย เพราะเป็นตำ�รา ท่ีรวมวิชาการทำ�นายแบบดูคำ�ทำ�นายประกอบภาพ มีทั้งตำ�ราดู ลักษณะของบุคคลตามวันเดือนปีเกิด ตำ�ราทำ�นายเนื้อคู่ท่ีสมพงศ์กันทั้งสมพงศ์กำ�เนิดและสมพงศ์ธาตุ ตำ�ราดูวันดี วันรา้ ยในการเพาะปลกู ปลกู เรือน วนั เดนิ ทางไกล ต�ำ ราดฤู กษย์ าม ตามวนั ข้ึนแรมในแต่ละเดือน องคค์ วามรตู้ า่ งๆ ท่ปี รากฏในตำ�ราพรหมชาตฉิ บบั พมิ พ์จึงเปน็ ความรทู้ ่มี ีความส�ำ คัญตอ่ การดำ�รงชวี ติ ของบคุ คลทั่วไป จดุ เดน่ ของการดพู รหมชาติ คอื เปน็ ต�ำ ราหมอดทู ใ่ี ชร้ หสั ภาพ ทเ่ี กย่ี วเนอ่ื งกบั ปนี กั ษตั รแบบจนี แตใ่ ชส้ ตั วแ์ ทน ลกั ษณะนสิ ยั ของบคุ คลทเ่ี กดิ ในปนี นั้ ๆ แบบไทย ผสมผสานกบั ความรทู้ างโหราศาสตรข์ องพราหมณ์ ทม่ี คี วามสมั พนั ธ์ กับตำ�ราโหราศาสตร์ท่ีอาศัยเกณฑ์คำ�นวณ คือ มหาทักษา ซึ่งเป็นตำ�ราดูฤกษ์ยามที่มีการนับตำ�แหน่งของดาว อฏั ฐเคราะหเ์ วยี นทางขวา ไมต่ อ้ งใชก้ ารค�ำ นวณตวั เลข เพยี งอา่ นหนงั สอื ออกและดภู าพกส็ ามารถเขา้ ใจการท�ำ นายได้ จึงเป็นทน่ี ิยมของชนทุกช้นั ตวั อย่างค�ำ ทำ�นายจากการดูพรหมชาติ ฉบับภาคกลาง คนเกิดปีมะเมยี -ม้า เปน็ เทวดา ผู้หญิง-ธาตไุ ฟ มง่ิ ขวัญตกอยทู่ ี่ต้นตะเคยี นและต้นกลว้ ย สทิ ธิการยิ ะ พระอาจารย์เจา้ ท่านกลา่ วไวว้ ่า หญิงชายผู้ใดก็ดี เกดิ ในปมี ะเมีย ชันษาตกอยทู่ มี่ อื พรหม พระเสารเ์ ปน็ ปาก ปากนน้ั เจรจาโอหงั มักจะถือดี ฯ พระอาทติ ย์ กบั พระองั คารเป็นมอื ทำ�การงานมสิ ้จู ะดฯี พระจันทรเ์ ปน็ ใจ ใจน้ันใฝส่ ูง มักจะคดิ ทำ�การ งานใหญโ่ ต ซึ่งบางคร้ังกท็ �ำ ไม่ได้ฯ พระพุธกับพระศกุ ร์เป็นเทา้ เปน็ คนมิสจู้ ะเดินทางไกลฯ พระพฤหัสบดีเป็นท่ีนง่ั เป็นคนทีไ่ มส่ จู้ ะสนใจในเรอื่ งกามารมณ์และเรื่องชสู้ าว เมอื่ น้อย บิดามารดารกั ใครเ่ อาใจใส่ เป็นคนใจอ่อน ธาตไุ ฟ เปน็ เทวดาผู้หญิง ไดเ้ ม่อื พระจนั ทกมุ าร พระบิดาสั่งแก่พราหมณท์ ั้งส่ี ใหเ้ อาบชู ากองกณู ฑเ์ ทวดาลงมาช่วย ให้เกดิ พายพุ ัดเป็นจณุ ไป พราหมณท์ ง้ั ส่ีเจ็บปวดเป็นหนกั เป็นหนา จะได้เงนิ ทองข้าคน มิ่งขวญั ตกอยู่ท่ตี ้นตะเคยี นกว็ า่ ต้นกล้วยก็วา่ ตำ�ราพรหมชาติ ยังมีอิทธิพลในวิถีชีวิตของชาวบ้านทั่วไปในการพยากรณ์ชีวิต การดูนิสัยเพ่ือเลือกคู่ครอง และการคบมิตร การหาฤกษย์ ามเพอ่ื ประกอบพธิ กี รรม การทำ�พิธีสะเดาะเคราะห์ ทั้งส่วนปัจเจกบุคคลและส่วนรวม จงึ มกี ารพมิ พค์ ดั ลอกตอ่ ๆกนั มาและเสรมิ เพม่ิ เตมิ ขน้ึ เรอ่ื ยๆ โดยขาดการตรวจสอบ เปน็ ต�ำ ราทแ่ี พรห่ ลายมากในตลาด ล่างโดยทุกสำ�นักพิมพ์ต่างอ้างตนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งท่ีเป็นตำ�ราท่ีไม่มีลิขสิทธ์ิ จึงสมควรข้ึนทะเบียนเป็นมรดก วฒั นธรรมของชาติเพอ่ื คนไทยทุกคน จะสามารถใช้ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งกลัวปญั หาทางกฎหมาย ตำ�ราพรหมชาติล้านนา เป็นตำ�ราที่กล่าวถึงการพยากรณ์ชีวิตของมนุษย์ ต้ังแต่อดีตชาติ ปัจจุบันชาติ และ อนาคตชาติ ว่าด้วยโชคชะตาราศีตามปีเกดิ เดอื นเกดิ และวันเกิด เฉพาะพรหมชาตลิ า้ นนามักเขียนดว้ ยอักษรและ ภาษาลา้ นนาลงในเอกสารโบราณประเภทพบั สา ผ้ปู ระกอบพิธีกรรมทางศาสนาพนื้ บ้านในชมุ ชน จะท�ำ หนา้ ที่บอก อธิบาย เชอ่ื มโยง “สาร” ทีอ่ ยใู่ นระบบต�ำ รากบั ชวี ิตความเปน็ มาในอดตี ปัจจบุ ัน และความเปน็ ไปในอนาคต ของ ผู้คนในชมุ ชน เน้อื หาของคำ�ท�ำ นายปีเกดิ แบง่ เป็นเรอื่ งต่าง ๆ ตามประเดน็ ดงั นี้ 142
ว่าดว้ ยเรอื่ งอดตี ชาตวิ า่ ได้เกดิ เป็นอะไรมากอ่ น วา่ ดว้ ยชาตปิ จั จบุ นั ท�ำ นายวา่ คนทเ่ี กดิ ปนี เ้ี ปน็ คนอยา่ งไร มนี สิ ยั ใจคออยา่ งไร แนะน�ำ วา่ ควรปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไร ควรให้ทานอะไรบ้างจึงจะเป็นผลดีแก่ตนเอง แต่ละช่วงอายุจะประสบกับปัญหาใด ควรประกอบอาชีพอะไรจึงจะ รุ่งเรือง แนะน�ำ วิธีแกเ้ คราะหภ์ ยั เหลา่ นั้นว่าต้องท�ำ อะไรบา้ ง ท�ำ นายเรอ่ื งวัยอนั ควรแต่งงาน ใหร้ ะมัดระวงั เม่อื ถงึ อายุ ก่ีปี วันไหน เวลาไหน จะถึง แกอ่ ายขุ ัย จะเสียชีวิตดว้ ยเรอ่ื งใด ทำ�นายบอกแนะนำ�เคร่ืองประดับรตั นชาติ หรือของใชป้ ระจำ�ตัว วา่ ควรประดบั ดว้ ยอะไรบ้าง อนาคตจะเปน็ ผมู้ เี งนิ อยจู่ �ำ นวนเทา่ ใด ท�ำ นายแนะน�ำ เรอื่ งอาวธุ ประจ�ำ กายทค่ี วรมี เมอื่ เวลาตอ้ งออกศกึ ท�ำ สงคราม ควรสวมใสช่ ดุ สี อะไร และเมอื่ จะไปคา้ ขายควรมลี กู เปง้ ประจ�ำ ตวั เปน็ รปู อะไร (ลกู เปง้ หมายถงึ รปู หลอ่ โลหะทเ่ี ปน็ รปู สตั วห์ รอื รปู อนื่ ๆ ใชส้ �ำ หรบั เปน็ หนว่ ยชงั่ นา้ํ หนกั เมอื่ พกพาตดิ ตวั ถอื เปน็ วตั ถมุ งคลชนดิ หนงึ่ ส�ำ หรบั การคา้ ขายใหเ้ งนิ ทองไหลมาเทมา หรอื เปน็ “ขวญั ถงุ ” นน่ั เอง) วา่ ดว้ ยเรอ่ื งอนาคต ท�ำ นายวา่ ชาตหิ นา้ จะไดเ้ กดิ เปน็ อะไร ตวั อยา่ งการท�ำ นายผทู้ เี่ กดิ ปฉี ลู ต�ำ ราท�ำ นายและอธบิ ายวา่ “ผูใ้ ดเกดิ ปดี บั เป้า เมิงเป้า กดั เป้า ร้วงเปา้ กา่ เปา้ ชาติกอ่ นเปนช้างสะทนั ซํา้ เปนมา้ ซํา้ เปนผเี สือ้ เมอื ง ซ้าํ เปนลูกหมอยาในหงสาวติ จงิ่ มาเกดิ เปนคนชาตนิ ี้ หอื้ รกั ษาศีล ๕ ศลี ๘ กระทาบุญห้ือทานภดิ านขาว ทุงขา่ ยใบสะหลี จ้องเผอื ก แท่นแกว้ สารปู หนิ ขาว คันบ่ไดท้ านจกั ตายเปนควายเถงิ ๓ ชาติ นกเขยี ว ๕ ชาติ จ่งิ ไดม้ าเปนคนผานว่าอ้นั ..... ..เลยี้ งงัวเล้ยี งมา้ ตัวแดง น่งุ เครอื่ งเสกิ อันขาว ถงเปง้ แดงนอกเหลอื ง รูปเปง้ รปู งวั ดีแล” ตอ่ จากการท�ำ นายปเี กดิ เปน็ การท�ำ นายเดอื นเกดิ ซง่ึ บางเรอื่ งอาจซา้ํ กนั เจา้ ชะตาตอ้ งเลอื กเอาเองวา่ จะเลอื ก ปฏิบัตติ ามปี หรอื เดือนเกิด (ทง้ั นี้การนบั เดอื นของลา้ นนาจะเรว็ กวา่ ของภาคกลางไป ๒ เดอื น โดยเร่มิ จากเดอื นเจด็ หรอื เดือนเมษายน ซ่งึ ถอื เปน็ วันขึ้นปใี หม่ ตรงกบั เดือน ๕ ของ ภาคกลาง) นอกจากนี้บางส�ำ นวนยังมีการทำ�นายวนั เดือน ปี ทเี่ ปน็ มิตรและศตั รูกัน เป็นการท�ำ นายวันท่ใี ช้เปน็ เกณฑใ์ นการดนู สิ ยั ใจคอเพื่อคบหา เปน็ มติ รหรอื เพ่อื เปน็ คูค่ รองแตง่ งานเป็นสามีภรรยากนั วนั ไหนเป็นวันดี ควรแก่การประกอบมงคลพิธี วันไหนเป็นวันเสยี ควรละเวน้ การ ประกอบ พธิ ีมงคลตา่ งๆ ตลอดจนถงึ การบูชาพระธาตปุ ระจ�ำ ปเี กดิ และค�ำ ไหว้ พระธาตุของแตล่ ะปี ปัจจุบันแม้ความเชื่อเรื่องการทำ�นายทายทักในปีเกิด เดือนเกิด และวันเกิดแบบล้านนาจะน้อยลงไป แตอ่ ทิ ธพิ ลของต�ำ ราพรหมชาตยิ ังคงด�ำ รงอย่ใู นวิถปี ระจ�ำ วนั ของชาวบา้ นล้านนาในชุมชนปรากฏอยทู่ ่วั ไปในรูปแบบ ของพธิ ีกรรมประกอบอืน่ ๆ เชน่ การเล้ยี งผีปู่ย่า ผแี ถนพอ่ เกิดแม่เกดิ การฟ้อน ผีมดผเี มง็ (ผบี รรพบุรุษ) การบชู าไหว้ พระธาตุประจ�ำ ปีเกิด การท�ำ พิธีสะเดาะเคราะห์สืบชะตา การหาฤกษว์ นั ในการประกอบพิธีมงคลและอวมงคลต่างๆ เช่น การลงเสาเอกปลกู บ้าน การขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน วันเผาศพ งานบวช งานปอยหลวง เหลา่ นี้เปน็ ตน้ ต�ำ ราพรหมชาติ ไดร้ บั การขน้ึ ทะเบยี นเปน็ มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมของชาตปิ ระจ�ำ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ 143
ตำ�ราพชิ ัยสงคราม เรยี บเรยี งโดย พนั เอก(พิเศษ) อำ�นาจ พุกศรสี ขุ ต�ำ ราพชิ ยั สงคราม เปน็ ค�ำ ทใ่ี ชเ้ รยี กหนงั สอื หรอื เอกสารทม่ี กี ารรวบรวมเนอ้ื หาเกยี่ วกบั ยทุ ธศาสตรแ์ ละยทุ ธวธิ ี การรบต่างๆ อาทิ การเตรยี มก�ำ ลัง การจดั ทัพ การเคลื่อนทพั การแปรขบวนทพั การรุก การรบั การใชอ้ ุบายทำ�ลาย ข้าศึก เป็นต้น เนอ้ื หานน้ั อาจแตง่ เปน็ ร้อยแก้วหรอื รอ้ ยกรองก็ได้ ในสารานกุ รมไทยฉบบั ราชบัณฑิตยสถานเล่มที่ ๒๑ ได้ให้คำ�จ�ำ กัดความของตำ�ราพชิ ยั สงครามไว้ว่า “พิชัยสงคราม - ต�ำ รา เป็นต�ำ ราว่าดว้ ยวธิ กี ารเอาชนะขา้ ศึกในสงคราม ซึ่งนกั ปราชญท์ างทหารสมัยโบราณ ไดแ้ ตง่ ขึ้นจากประสบการณ์ และจากการทดลอง เพอ่ื ให้แม่ทพั นายกองใชศ้ ึกษา และเปน็ คู่มือในการอ�ำ นวยการรบ ให้หน่วยทหารมชี ยั ชนะแกข่ า้ ศึก” ต�ำ ราพิชัยสงครามไทย มรี อ่ งรอยว่ามีใช้มาต้ังแตส่ มัย ทวาราวดี ศรีวชิ ยั สุโขทัย จนถึงอยุธยา เดิมสืบทอด กนั มาแบบมุขปาฐะหรอื ท่องจ�ำ ตอ่ ๆกนั มา จนถึงสมยั อยุธยาไดม้ กี ารเขียนเปน็ เอกสารขนึ้ ในรชั สมยั สมเดจ็ พระบรม ไตรโลกนารถ ในคราวที่พระองค์เตรียมทำ�สงครามกับ พระเจ้าติโลกราช แล้วได้เขียนข้ึนเป็นฉบับหลวงในรัชสมัย สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ ๒ แห่งกรุงศรีอยธุ ยาเมอ่ื จลุ ศักราช ๘๔๐ ตรง กับพุทธศักราช ๒๐๒๑ โดยทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำ�การรวบรวมและ ช�ำ ระต�ำ ราพชิ ยั สงครามฉบบั ตา่ งๆ ขน้ึ เปน็ ฉบบั หลวงเปน็ ครงั้ แรก แลว้ ไดค้ ัดลอก หรอื ท่องจ�ำ เพื่อใช้งานต่อๆ กันมา มกี ารปรับปรงุ เพม่ิ เติม บางส่วนของตำ�ราพิชัยสงคราม ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อใช้ในสงครามยุคน้ัน หลังจากสงครามกับพม่าในปีพุทธศักราช ๒๓๑๐ แลว้ ปรากฏวา่ ตำ�ราพชิ ัยสงครามฉบบั หลวงได้กระจัดกระจาย 144
ภาพ : ตำ�ราพิชยั สงคราม จากหอวฒั นธรรมนครบาล เพชรบรู ณ์ 145
สูญหายจำ�นวนมาก คงเหลืออยู่แต่ฉบับท่ีมีผู้คัดลอกไว้บ้างเพียงบางตอนไม่ครบชุด บางส่วนก็ได้มีการแต่งขึ้นใหม่ ตอ่ มาในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ทรงใหท้ �ำ การชบุ ต�ำ ราพชิ ยั สงครามขน้ึ ใหม่ จำ�นวนหลายฉบับเพ่ือใช้ในราชการ ต่อมาในในปีพุทธศักราช ๒๓๖๘ สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแต่งต้ังให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นแม่กอง ให้ชำ�ระตำ�รา พชิ ัยสงครามใหส้ มบรู ณ์ โดยเชญิ พระตำ�รบั พิชยั สงครามฉบบั ขา้ งที่ (ฉบบั หลวง) มาสอบสวนชำ�ระ ๑๔ เลม่ สมุดไทย เมอ่ื ช�ำ ระเสร็จแล้วไดค้ ัดลอกออกเปน็ ๒ ชดุ ชุดละ ๕ เล่มสมุดไทย รวม ๑๐ เลม่ สมดุ ไทย นบั เปน็ ตำ�ราพชิ ยั สงคราม ฉบับสุดท้ายทชี่ �ำ ระอยา่ งสมบรู ณ์เพอื่ ใช้ในราชการในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โครงสร้างตำ�ราพิชัยสงครามไทย ประกอบดว้ ยสาระส�ำ คัญ ๓ สว่ นคือ ๑. ยุทธศาสตร์และยุทธวิธี มักจะกล่าวรวมกันไว้ในตอนต้นของตำ�ราพิชัยสงครามไทย มีสาระสำ�คัญที่เป็น เร่อื งเกีย่ วกบั การเตรียมพรอ้ มก่อนการเข้าสู่สมรภมู ิ ไดแ้ ก่ การเตรียมการด้านกำ�ลังคน การหาและประมวลขา่ วศึก การวางแผนการยทุ ธ์ การเตรยี มพร้อมดา้ นยทุ ธปจั จัย ตลอดจนการจดั กำ�ลังเพอ่ื เข้าท�ำ การรบ ๑.๑ การเตรยี มการทางดา้ นก�ำ ลังคน ในตำ�ราพิชยั สงครามแยกออกเป็น ๔ ขน้ั ตอน คือ การเกณฑ์คน การก�ำ หนดสายการบงั คบั บญั ชาและความรบั ผดิ ชอบ การก�ำ หนดลกั ษณะของก�ำ ลงั คน และการจดั คนเขา้ ประจ�ำ กอง ๑.๒ การขา่ ว คอื การสบื หาความเปน็ ไปของขา้ ศกึ ทกุ ๆ ดา้ น ในต�ำ ราพชิ ยั สงครามไมไ่ ดก้ �ำ หนดใหห้ นว่ ยใด รบั ผดิ ชอบงานการขา่ วโดยตรง แตก่ �ำ หนดใหจ้ ดั สง่ ทหารออกไปสอดแนมในเขตศตั รโู ดยมใิ หศ้ ตั รรู ตู้ วั หรอื ท�ำ โดยการ ส่งคนออกไปล่าจบั คนของฝ่ายตรงข้ามและชาวบา้ นในเขตยทุ ธภมู ิมาซักถามขา่ วตา่ งๆ ๑.๓ การวางแผนการยุทธ์ การเตรียมความพร้อมในด้านการวางแผนการยุทธ์นั้นกระทำ�โดยให้แม่ทัพ นายกอง ทำ�การศึกษาตำ�ราพชิ ัยสงครามให้แตกฉานเพือ่ น�ำ ความร้มู าประมวลในการวางแผนการปฏบิ ัติ 146
๑.๔ การเตรยี มพรอ้ มดา้ นยทุ ธปจั จยั ได้แก่ การจดั เตรยี มเสบียงอาหาร การจัดเตรยี ม ยทุ ธภณั ฑ์ ไดแ้ ก่ สตั วพ์ าหนะ ยานพาหนะ เปน็ ตน้ ๑.๕ ยุทธวิธี ลักษณะของยุทธวิธีที่ กำ�หนดไว้ในตำ�ราพิชัยสงคราม มีเน้ือหาสาระ ประกอบดว้ ยการเคลอ่ื นทพั การตงั้ ทพั การจดั รปู ขบวนทพั การเขา้ ท�ำ การยทุ ธ์ และการสน้ิ สดุ การยทุ ธ์ ๒. ตำ�ราพิชัยสงคราม ๒๑ กลศึก เป็น ตำ�ราพิชัยสงครามท่ีสมบูรณ์ในตัวเองชุดหนึ่ง ซ่ึงเป็นตำ�หรับที่ใช้กันมาก่อน ส่วนนี้เขียนเป็น กลศึก ๒๑ กลได้แก่ ฤทธี สีหจักร ลักษณ์ซ่อน เงือ่ น เถื่อนกำ�บัง พังภผู า มา้ กนิ สวน พวนเรือโยง โพงนา้ํ บอ่ ลอ่ ชา้ งปา่ ฟา้ ง�ำ ดนิ อนิ ทรพ์ มิ านผลาญศตั รู ชูพิษแสลง แข็งใหอ้ อ่ น ยอนภเู ขา เย้าใหผ้ อมจอม ปราสาท ราชปัญญา ฟ้าสนั่นเสียง เรียงหลักยืน ปนื พระราม ซง่ึ เมอ่ื ถอดความกลศกึ ทง้ั ๒๑ กลแลว้ น�ำ มารอ้ ยเรยี งกนั ใหม่ จะไดต้ �ำ หรบั พชิ ยั สงครามที่ สมบรู ณ์แบบขน้ึ ฉบับหนง่ึ ๓. อำ�นาจกำ�ลังรบท่ีไม่มีตัวตน ซึ่งเป็น สิ่งที่เก่ียวข้องกับนามธรรมและพลังลี้ลับ อัน ประกอบด้วยวิชาไสยศาสตร์ วิชาโหราศาสตร์ รวมถึงมนต์คาถาเพ่ือการรณรงค์สงคราม ส่วนนี้ เป็นส่วนเสริมสองส่วนแรก เป็นสาระสำ�คัญส่วน หน่ึงท่ีมีแทรกอยู่ในตำ�ราพิชัยสงครามทุกฉบับ มไิ ดถ้ กู แยกออกมาเปน็ สว่ นเฉพาะ สงิ่ ลลี้ บั เหลา่ นี้ สามารถแยกเป็นประเด็นตา่ งๆ ได้ดังตอ่ ไปน้ี ๓.๑ ขอ้ พงึ ละเวน้ หมายถงึ พฤตกิ รรม ท่ีต้องละเว้นในการกระทำ�บางส่ิงบางอย่างแยก ออกเป็นข้อพึงละเว้นส่วนบุคคล ข้อห้ามสำ�หรับ กองทัพ 147
๓.๒ ข้อพึงกระท�ำ หมายถึง พฤติกรรมทพี่ ึงปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ให้ได้มาซึ่งสวสั ดม์ิ งคล แยกออกเป็นขอ้ พงึ กระทำ� ส่วนบคุ คล ข้อพึงกระทำ�ส�ำ หรับกองทัพ ๓.๓ โหราศาสตร์ เป็นเรอ่ื งของการท�ำ นายอนาคตในรูปแบบของการคำ�นวณ วัน เดือน ปีควบคู่กับการ เคลอื่ นทขี่ องดวงดาวทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ ชวี ติ มนษุ ย์ รวมไปถงึ การท�ำ นายและนมิ ติ ตา่ งๆ เปน็ ศาสตรส์ �ำ คญั ทม่ี บี ทบาทอยา่ ง มากท้ังในภาวะปกตแิ ละภาวะสงคราม ๓.๔ ไสยศาสตร์ คือการใช้เวทมนต์ เพือ่ ชงิ ความเปน็ เบ้ียบนหรอื เพ่ือให้ได้ชัยชนะในการทำ�สงครามรวม ถึงการใช้คาถาอาคมเพ่อื ป้องกันภยั จากข้าศกึ ให้กับบคุ คลและกองทัพ แบง่ ออกเป็น ๓.๔.๑ ไสยศาสตร์เพื่อการปอ้ งกนั ก. ไสยศาสตรเ์ พอ่ื การป้องกนั บคุ คล มที ้ังมนต์คาถา ซงึ่ ไดแ้ ก่ วิชาคงกระพัน วชิ าชาตรี วชิ าแคลว้ คลาด วชิ ามหาอดุ รวมทง้ั คาถาอ่นื ๆและอาคม อาคมท่ีปรากฏอยใู่ นต�ำ ราพิชัยสงครามส่วนมากเป็น ยนั ต์ เพอื่ ใชเ้ ขยี นหรอื จารกึ ลงในเครอ่ื งใชเ้ พอ่ื ใหเ้ กดิ ความขลงั มี ๔ ประเภทคอื ยนั ตล์ งเสอ้ื ยนั ตล์ งตะกรดุ ยนั ตล์ งประเจยี ด และยันตล์ งหมวก ข. ไสยศาสตร์เพ่ือการป้องกันกองทัพ แสดงออกในลักษณะของพิธีกรรมเพื่อสร้างพลัง อ�ำ นาจในการปอ้ งกันภยนั ตรายอนั จะเกดิ จากศตั รู หรือเพอ่ื ความเป็นมงคลแกค่ นทง้ั กองทพั ๓.๔.๒ ไสยศาสตรเ์ พอื่ การจโู่ จม คอื พธิ กี รรมในการสรา้ งอ�ำ นาจก�ำ ลงั รบทไี่ มม่ ตี วั ตน เพอื่ ใหส้ ามารถ สร้างความหายนะใหแ้ ก่ฝ่ายปรปกั ษไ์ ดม้ ากขนึ้ แบ่งออกเป็น ไสยศาสตรเ์ พ่อื การจโู่ จมสำ�หรบั บคุ คลและไสยศาสตร์ เพอื่ การจู่โจมสำ�หรับกองทัพ ตำ�ราพิชัยสงครามไทย เป็นหลักฐานสำ�คัญทางประวัติศาสตร์ประเภทเดียวท่ีให้ภาพโครงสร้างภายในของ การทหารไทย เป็นตำ�รับทางการทหารของนกั การทหารไทยโบราณทกุ ยุคทกุ สมยั อีกทัง้ ยงั เปน็ ต�ำ รับทางการทหาร ประเภทแรกและประเภทเดียวท่ีได้วางรูปแบบโครงสร้างทางการทหารไทยไว้อย่างเป็นระบบและมีเอกภาพและ กอ่ ใหเ้ กิด “จารีต” ในการทำ�สงคราม เนอื้ หาและหลกั การในตำ�ราพชิ ยั สงครามสามารถนำ�มาประยุกต์ใชใ้ นด้านการ บริหารองคก์ รตา่ งๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ปัจจุบัน ตำ�ราพิชัยสงคราม ส่วนหนึ่งเก็บรวบรวมไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ จัดอยู่ในหมวดตำ�รา ภายไต้บัญชี หวั เรอ่ื ง “บญั ชสี งั เขปต�ำ รายทุ ธศาสตร์ ซงึ่ บญั ชชี ดุ นม้ี ตี �ำ ราพชิ ยั สงครามไทยจ�ำ นวน ๑๘๓ ฉบบั ทีผ่ า่ นมามผี ้ศู กึ ษาคน้ คว้า ต�ำ รา พิชัยสงครามไม่มากนัก แต่ส่วนใหญ่เป็นการศึกษาค้นคว้าใน เชิงประวัติศาสตร์ ในปัจจุบันยังมีการเรียนการสอนตำ�ราพิชัย สงคราม กนั อยทู่ ง้ั ในโรงเรยี นนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ โรงเรยี น เสนาธิการทหารบก และวทิ ยาลัยการทพั บก ตำ�ราพิชัยสงคราม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดก ภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรมของชาตปิ ระจ�ำ ปีพทุ ธศักราช ๒๕๕๗ 148
ตำ�รานรลักษณ์ เรียบเรยี งโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล ต�ำ รานรลักษณ์ เป็นตำ�ราดูลกั ษณะดีร้ายของบุคคล นอกจากชอ่ื ตำ�รานรลักษณแ์ ล้ว ต�ำ ราดลู กั ษณะบุคคลใน กลมุ่ น้ี ยังมีชอ่ื เรียกแตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะท้องถ่ิน เชน่ ในภาคกลางและภาคใตเ้ รียก ตำ�ราดลู ักษณะชายหญงิ ต�ำ รา ตรภี พ (ต�ำ ราเศษพระจอมเกลา้ ) ผกู นพิ พานโลกยี ์ ต�ำ รบั พระโยนี สว่ นในภาคอสี านและภาคเหนอื เรยี ก ต�ำ ราดลู กั ษณะ ชายหญงิ โสกชาย – โสกหญิง โฉลกชาย – โฉลกหญงิ ซึ่งบางครั้งอาจมแี ทรกในตำ�ราพรหมชาตหิ รอื ในวรรณกรรม ทอ้ งถิน่ เช่นในวรรณกรรมอสี านเร่อื ง ท้าวคำ�สอน หรือ นิทานทา้ วค�ำ สอนเลือกสาว 149
ต�ำ รานรลกั ษณ์ของไทย ได้รบั อิทธพิ ลจากท้ังในวัฒนธรรมจีน คอื ต�ำ ราดโู หงวเฮ้ง (ฉบบั ทแี่ พรห่ ลายมาก คอื ต�ำ รานรลกั ษณฉ์ บบั พระมหามณเทยี ร สมยั รชั กาลท่ี ๑ แปลโดยจนี แส) และในวฒั นธรรมอนิ เดยี คอื คมั ภรี พ์ ฤหตสฺ หํ ติ า ของ วราหมหิ ริ ซงึ่ สง่ อทิ ธพิ ลตอ่ ความคดิ เรอื่ ง “มหาปรุ สิ ลกั ษณะ” หรอื ลกั ษณะของมหาบรุ ษุ น�ำ มาสกู่ ารสรา้ งสรรค์ งานศิลปกรรมเพ่ือเป็นสิ่งแทนพระพุทธเจ้า หรือ พระพุทธรูป ซ่ึงเป็นแบบจำ�ลองของรูปลักษณ์ อันเป็นมงคลมหา บุรุษในอดุ มคตทิ ่เี ป็นรูปธรรม ลกั ษณะ ไฝ ปาน ดี ร้าย บนใบหน้า จากหนังสือต�ำ รานรลักษณ์ ศาสตร์แห่งการทำ�นายลกั ษณะบคุ คล โดย พลูหลวง สาระส�ำ คญั ของต�ำ รานรลกั ษณ์ โดยทว่ั ไปวา่ ดว้ ยการพยากรณล์ กั ษณะบคุ คลทงั้ หญงิ และชาย ดลู กั ษณะรา้ ยดี ตา่ งๆ ในรา่ งกายและกริ ยิ าอาการ บางส�ำ นวนมกี ารอา้ งองิ บคุ คลในประวตั ศิ าสตรเ์ พอ่ื สรา้ งความนา่ เชอื่ ถอื ดงั ทโ่ี ดยมาก ต�ำ รามกั อา้ งถงึ การท�ำ นายลกั ษณะของพระนางประทมุ เทวี พระราชธดิ าของพระเจา้ กรงุ ศรสี ชั นาลยั ซงึ่ เสยี เมอื งและ ยกพระธดิ าใหแ้ กเ่ จา้ กรงุ สุโขทัย หรอื อะแซหวุ่นก้ี ขอดตู ัวแม่ทัพฝา่ ยไทยของสมเดจ็ พระเจ้ากรงุ ธนบรุ คี อื เจา้ พระยา จกั รี แลว้ พยากรณล์ กั ษณะ อยา่ งไรกต็ ามเปน็ ทนี่ า่ สงั เกตวา่ ต�ำ ราโดยมากเนน้ การดลู กั ษณะดรี า้ ยของหญงิ มากกวา่ ชาย ทง้ั นี้ เน้อื หาทเ่ี ก่ียวกับการพยากรณล์ กั ษณะนน้ั อาจแบ่งไดเ้ ปน็ ๒ ประเภท คอื การพยากรณ์พฤตกิ รรม อาทิ การดลู กั ษณะการกิน การดลู ักษณะนอน การดลู กั ษณะน่ัง การดูลกั ษณะเดิน การดลู ักษณะการเจรจา การดลู ักษณะการขับถ่าย การพยากรณร์ า่ งกาย อาทิ การดูลักษณะใบหนา้ การดลู ักษณะ ดวงตา การดูลักษณะใบหู การดูลักษณะจมูก การดูลักษณะรูปร่างผิวพรรณ การดูลักษณะล้ิน การดูลักษณะปาก การดลู กั ษณะสะดือ การดลู กั ษณะและตำ�แหนง่ ของไฝ การดูลักษณะอวัยวะเพศ ตัวอย่างเนือ้ ความใน ตำ�รานรลกั ษณ์ ฉบับภาคกลาง ย่สี ิบแปดกล่าวแก่ นรลกั ษณ์ มแี ก่หญิงชายศักดิ์ ใหญ่ลน้ แดงแปดทา่ นชช้ี ัก เร่มิ แรก สองส่ิงยาวเยิ่นพน้ เหยียดเฟื้อยอนั ปลาย เล็บมือหน่ึงเล็บเท้า แดงดี พนื้ หัตถ์ฝา่ เท้าส ี สุกด้วย มอื เท้ารอ่ งลายมี โลหิต ควรนา สปี ากขอบเนตรย้อย แปดนี้สแี ดง เลก็ ยอ่ มหา้ อยา่ งนี้ พงึ จ�ำ น้วิ เลก็ มือเหยียดก�ำ ออ่ นแท้ อ�ำ เอวรดั กลมข�ำ เทา้ ยอ่ ม สรุ เสียงสำ�เนยี งแล้ เลก็ ห้าอย่างประสงค์ 150
ตัวอย่างเน้ือความในนิทานเรื่องท้าวคำ�สอน ของภาคอีสาน กล่าวถึงลักษณะสตรีที่มีความซ่ือสัตย์ต่อสามี ไมเ่ ป็นชู้ ดงั นี้ หญงิ ใดหลังตนี สงู ข้นึ คือหลังดองเตา่ หญิงนัน้ ใจซ่ือแทป้ ระสงค์ตัง้ ตอ่ ผวั เจ้าเอย ก็บม่ กั เลน่ ช้ชู ายอื่นมาชม กท็ ่อจงใจรักตอ่ ผัวคีคอ้ ยคีคอ้ ย หญงิ น้ันแม่นซทิ �ำ การสร้างอนั ใดก็เรอื งรุ่ง แทแ้ ลว้ แสนซิจมอยูพ่ ืน้ มาแล้วก็หากฟู ต�ำ รานรลกั ษณ์ในอดตี ถอื ไดว้ า่ มบี ทบาทอยา่ งยง่ิ ในการคัดเลือกบุคคลเพ่ือใช้ในวัตถุประสงค์ต่างๆ อาทิ การรบั ราชการ การเลอื กคคู่ รอง เปน็ ตน้ เนอ่ื งจาก ลักษณะของบุคคลดังกล่าวมานั้นเชื่อกันว่าจะส่งผล ต่อหน้าที่การงาน ผู้บังคับบัญชา รวมถึงคู่ครอง มี ความเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาด้านโหราศาสตร์ ด้วยเหตุ ดังกล่าวมานี้ตำ�รานรลักษณ์จึงแพร่หลายอย่างมาก นอกจากนี้ตำ�รานรลักษณ์ ยังสัมพันธ์กับภูมิปัญญา ด้านดาราศาสตร์โดยการเชื่อมโยงตำ�แหน่งของไฝ กับ ต�ำ แหนง่ ของดวงดาว แลว้ นำ�มาใชพ้ ยากรณ์อกี ด้วย ปจั จบุ นั ต�ำ รานรลกั ษณย์ งั คงมบี ทบาทตอ่ คนไทย โดยเฉพาะในด้านของการเสริมความงาม ศัลยกรรม ตา่ งๆ เพอื่ ปรบั แตง่ ลกั ษณะของบุคคลใหเ้ ป็นมงคลตาม ดวงชะตาตามความเชอื่ วา่ หากปรบั แตง่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ต�ำ รานรลกั ษณแ์ ลว้ จะท�ำ ใหม้ คี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งและเปน็ มงคลต่อชีวติ ในภายภาคหน้า ต�ำ รานรลกั ษณ์ ไดร้ บั การขน้ึ ทะเบยี นเปน็ มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมของชาตปิ ระจ�ำ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ 151
ต�ำ ราแมวไทย เรยี บเรียงโดย สมุ ามาลย์ พงษ์ไพบูลย์ ตำ�ราแมวไทย เป็นตำ�ราการดูลักษณะแมว เดิมมีปรากฏใน สมุดข่อยโบราณต่อมามีพิมพ์เผยแพร่โดยเพิ่ม ภาคผนวกเป็นคำ�โคลง และเขียนรูปภาพแมวประเภทต่าง ๆ ประกอบ ตำ�ราดูลักษณะแมว จะกล่าวถึงความเชื่อ เก่ยี วกบั แมวทมี่ ีลักษณะเปน็ คุณ ๑๗ ประเภท และ แมวทีม่ ลี กั ษณะเป็นโทษ ๖ ประเภท ความเชือ่ เก่ยี วกับแมวท่มี ลี กั ษณะเปน็ คุณ ๑๗ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑. แมวนิลรัตน์ มขี นสีดำ�สนทิ ทัง้ ตวั มตี าด�ำ เลบ็ ลิ้น ฟัน หาง และหางมีลักษณะเรียว ยาว เชือ่ วา่ ผูใ้ ดเลี้ยงไว้จะไดท้ รัพยส์ นิ เงนิ ทอง ๒. แมววิลาศ มขี นพืน้ สดี ำ� มีแต้มสขี าวท่ีหูทั้ง ๒ เท้าท้ัง ๔ และมแี นวสขี าวเป็นเส้น ตรง ๒ แหง่ คอื ตงั้ แตค่ อถึงปลายหาง และต้ังแตป่ ากลา่ งถงึ ทอ้ ง ผู้ใดเลี้ยงไว้เชอ่ื ว่าจะได้ยศ ถาบรรดาศกั ดแ์ิ ละทรัพย์สนิ เพ่มิ พนู ๓. แมวศุภลกั ษณ์ หรือแมวทองแดง มขี นสีทองแดง หรือนาํ้ ตาลแดงเขม้ ทั่วตวั ดวงตา สเี หลืองใสเป็นประกาย เช่ือวา่ ผู้ใดเล้ียงไวม้ ีแต่จะเพม่ิ ยศยง่ิ ขึ้นไป ๔. แมวเกา้ แตม้ หรอื แมวนพ มขี นพนื้ สขี าว แตม้ ดว้ ยแตม้ สดี �ำ นบั รวมได้ ๙ แตม้ ไดแ้ ก่ ทีค่ อ ตน้ ขาหลัง ๔ แห่ง หลัง ๒ แห่ง และขาหน้า ๒ แหง่ เชือ่ ว่า ผใู้ ดเลี้ยงไว้จะค้าขายดี เจริญ รุ่งเรือง 152
๕. แมวชื่อมาเลศ หรือดอกเลา ขนล�ำ ตวั มสี ขี เ้ี ถา้ หรือสสี วาด บางตัวยาวมขี าวแซม กลายเปน็ สดี อกเลา (เทาปนด�ำ ) มดี วงตาสเี หลอื งอ�ำ พนั เชอื่ วา่ ผใู้ ดเลยี้ งไว้ จะมคี วามสขุ เปน็ ทรี่ ักใคร่ทัว่ ไป ๖. แมวแซมเศวต มีขนสดี ำ�แซมขาวเล็กน้อย ขนบางและสั้น รปู กายเพรียว ดวงตา สีเขียว เชอื่ ว่าผู้ใดเลย้ี งไวจ้ ะเปน็ คณุ มีความสุขความเจริญ ๗. แมวรัตนก�ำ พล ขนมีสีขาวนวล มแี ต้มสีดำ�เป็นวงแหวนพาดรดั รอบตวั ตาสที อง เชื่อวา่ ผใู้ ดเล้ียงไว้จะไดอ้ �ำ นาจยศถาบรรดาศกั ด์ิ ๘. แมววิเชียรมาศ หรือแก้ว ขนสพี ้นื เป็นสีขาวหมน่ มแี ตม้ สดี �ำ ท่หี น้า หาง เทา้ ทั้ง ๔ หทู ้งั ๒ และอวัยวะเพศ เปน็ ๙ แห่ง ดวงตาสีฟา้ ใส เช่ือว่าผใู้ ดเลี้ยงไวจ้ ะน�ำ โชคมาให้ ๙. แมวนลิ จกั ร ขนสพี ้นื เปน็ สีดำ� มีแต้มสีขาวรอบคอเหมือนใสส่ ร้อย เช่ือวา่ ผใู้ ด เลย้ี งไว้จะได้ทรพั ยส์ นิ เงนิ ทอง ๑๐. แมวมุลิลา ขนสีพน้ื เปน็ สดี ำ� แต้มขาวท่ใี บหู ทง้ั ๒ ขา้ ง ดวงตาสเี หลอื ง เช่อื ว่า ผ้ใู ดหรือพระสงฆ์เลีย้ งไว้ จะทำ�ใหศ้ กึ ษาได้ความรแู้ ละสัจธรรมมากยงิ่ ขนึ้ ๑๑. แมวกรอบแว่น หรอื อานมา้ ขนสีพื้นเปน็ สีขาว แต่มแี ต้มสีด�ำ กลางหลงั ดแู ลว้ คล้ายอานมา้ และมีแตม้ สีดำ�บริเวณรอบดวงตาเหมือนใสแ่ ว่น เป็นแมวที่หาได้ยาก เชอ่ื ว่า ผู้ใดเลี้ยงไวจ้ ะมีชอ่ื เสียง 153
๑๒. แมวปัดเศวต หรือปัดตลอด ขนสีพื้นเป็น สีด�ำ มแี ต้มขาวยาวต้งั แต่ปลายจมกู ผ่านหลงั ไปถึงปลายหาง ดวงตามีสบี ษุ ราคัม (พลอยสเี หลือง) เช่อื วา่ ผใู้ ดเลีย้ งไว้ จะมีช่ือ เสียงเกดิ แกว่ งศ์ตระกลู ๑๓. แมวกระจอก ขนสีพืน้ เปน็ สีด�ำ ลำ�ตัวอ้วนกลม มแี ตม้ สีขาวบริเวณปาก ดวงตา สีเหลืองทอง เชอ่ื วา่ ผใู้ ดเลี้ยงไวจ้ ะไดเ้ งนิ ทองและยศถาบรรดาศกั ด์ิ ๑๔. แมวสงิ หเสพย์ ขนสพี น้ื เปน็ สดี �ำ มดี า่ ง สขี าวทจี่ มกู รอบปากและรอบคอ ดวงตา สเี หลอื งทอง เชอื่ วา่ ผ้ใู ดเลี้ยงไว้จะไดท้ รพั ยส์ นิ เงนิ ทอง และจะมสี ขุ ๑๕. แมวการเวก ขนสพี น้ื เปน็ สดี �ำ มแี ตม้ ขาวเฉพาะตรงสนั จมกู ดวงตาสอี �ำ พนั เชอ่ื ว่า ผูใ้ ดเลีย้ งไว้ จะมโี ชคลาภและยศ ๑๖. แมวจตบุ ท ขนสพี น้ื เปน็ สดี �ำ มแี ตม้ สขี าวทขี่ า และเทา้ ทง้ั ๔ และแตม้ ยาวตงั้ แต่ หนา้ อกถงึ ทอ้ ง ดวงตา สีเหลอื ง เปน็ แมวมงคล ท่ีเชอื้ พระองคฝ์ า่ ยหญิงเท่านัน้ ควรเล้ยี ง ๑๗. แมวโกนจา ขนสพี น้ื ดำ�สนิททั้งตัว มขี นละเอียด หนา้ ยาว หางยาวเรยี ว เทา้ เหมือนเทา้ สิงโต เวลาเดนิ ทา่ ทางมอี �ำ นาจ ดวงตาสเี หลอื งออ่ นคลา้ ยสดี อกบวบ เชือ่ วา่ ผใู้ ด เลี้ยงไวจ้ ะมอี ำ�นาจ สว่ นแมวทม่ี ลี ักษณะเป็นโทษมี ๖ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑. แมวทพุ พลเพศ มขี นสีขาวหมน่ หางหงิกงอ ดวงตาสีแดง ชอบลกั ขโมยสงิ่ ของ เชือ่ วา่ ผใู้ ดเล้ยี งไว้จะเกดิ ความเดอื ดรอ้ น ๒. แมวพรรณพยคั ฆ์ หรือลายเสอื คอื แมวท่มี ขี นลายเชน่ เดียวกบั เสือ มสี ีด�ำ -เขยี ว ดำ�-แดง ขนหยาบ ดวงตาสีแดงดัง่ เลอื ด เสียงน่าเกลียดดังเสียงผโี ป่ง เช่อื ว่า ผูใ้ ดเลี้ยงไวจ้ ะ เกดิ ความเดือดร้อน 154
๓. แมวปีศาจ เป็นแมวตัวเมียท่ีกินลูกตัวเอง หลังคลอด มีลำ�ตัวผอม หนังยาน ขนหยาบ ดวงตาสีแดง เช่อื ว่า ผใู้ ดเลย้ี งไวจ้ ะเดือดร้อน ๔. แมวหินโทษ เปน็ แมวตัวเมยี มีขนสวยงามแต่คลอดลูกตายตั้งแตใ่ นท้อง เช่อื วา่ ผใู้ ดเล้ียงไวจ้ ะเกดิ ภัยพิบตั แิ ก่เจา้ ของ ๕. แมวกอบเพลิง เปน็ แมวทม่ี ลี กั ษณะ รา้ ยน่ากลัว ชอบแอบนอนตามยุ้งขา้ ว หรอื ตามปา่ เม่อื พบคน จะวิง่ หนี เชอื่ ว่า ผูใ้ ดเลย้ี งไว้จะใหโ้ ทษแกเ่ จ้าของ ๖. แมวเหน็บเสนยี ด มขี นโคนหางดา่ ง รปู รา่ งพิกลพิการ มักเอาหางซ่อนไวใ้ ต้ก้น เวลาน่งั เชื่อวา่ ผูใ้ ดเลีย้ งไว้จะเสอื่ มเสียวงศต์ ระกลู ตำ�ราแมวไทย ได้รับการข้ึนทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำ�ปพี ุทธศักราช ๒๕๕๓ 155
156
ต�ำ ราเลขยันต์ เรยี บเรยี งโดย ศาสตราจารยส์ กุ ัญญา สจุ ฉายา เลขยันต์ คือ ลวดลายทางเรขาคณิต ประกอบด้วย อักขระตัวหนังสือ ตัวเลข ภาพที่เป็นสัญลักษณ์บรรจุอยู่ใน กรอบและนอกกรอบลวดลายทางเรขาคณิตน้ันๆ ตามจุด ประสงค์ ความเช่ือของผู้ออกแบบหรือรับแบบมา เลขยันต์ ของชาวสยามเป็นความเชื่อท่ีสืบทอดมาจากวิทยาการของ อารยธรรมโบราณในเร่ืองแนวคิดแผนภูมิของจักรวาล อัน ไดแ้ ก่ ดวงดาว จกั รราศตี า่ งๆ และอ�ำ นาจของโลกธาตทุ งั้ สี่ คอื ดิน นํ้า ลม ไฟผสมผสานกับแนวคิดและการฝึกฝนจิต หรือ กสณิ ายตนะ ซงึ่ เปน็ สว่ นหนง่ึ ในปฏบิ ตั กิ ารโยคะของพระพทุ ธ ศาสนาทเ่ี รยี กวา่ “กรรมฐาน ๔๐” อนั น�ำ ไปสปู่ ฏบิ ตั กิ าร กสณิ สังเคราะห์ธาตุ หรือ การหุงธาตุ อันเป็นที่มาของการผลิต เครือ่ งราง ของขลงั และศาสตราวุธต่างๆ การศึกษาเลขยันต์ในอดีตจะเรียนด้วยการถ่ายทอดจากปากต่อปาก ส่วนการจดบันทึกจะจดตัวบทท่ีสำ�คัญ เท่าน้ัน ดังน้ันคัมภีร์ยันต์จึงมีเพียงรูปแบบและคาถา คัมภีร์ยันต์หรือตำ�ราฝึกหัดเขียนยันต์ท่ีพบในภาคกลาง ได้แก่ คมั ภรี ป์ ถมงั คมั ภรี อ์ ธิ ะเจ คมั ภรี ต์ รนี สิ งิ เห คมั ภรี ม์ หาราช และคมั ภรี พ์ ทุ ธคณุ เลขยนั ตท์ บี่ รรจอุ ยใู่ นคมั ภรี ท์ ง้ั ๕ เลม่ น้ี ถือเป็นแม่แบบของยนั ต์ทั้งหลายในภาคกลางและภาคใต้ ยันต์จากคัมภีร์ท้ังห้าได้ถูกนำ�มาประยุกต์สร้างเป็นเคร่ืองรางของขลัง ได้แก่ ผ้ายันต์หรือประเจียด เส้ือยันต์ ตะกรุด พริ อด ประคำ� มดี หมอ เทยี น พระกร่ิง พระไม้โพธิห์ า้ มสมทุ ร เหรยี ญโลหะ พระผงสมเดจ็ เชือ่ วา่ ส่ิงเหล่าน้ี จะมีอานภุ าพตามยนั ตท์ ล่ี ง นอกจากนี้ยังใชใ้ นการพิไชยสงคราม ลงเครื่องอาวุธ ลงพาหนะในการท�ำ ศึก การจัดทพั และการยาตราทัพ แบบโบราณ ในภาคเหนอื และภาคอสี าน ชายฉกรรจน์ ยิ มสกั ลายหรอื สกั เลขยนั ตท์ ผ่ี วิ หนงั ดว้ ยคา่ นยิ มในดา้ นอยยู่ งคงกระพนั เพอ่ื ทดสอบความแขง็ แกรง่ ของจติ ใจ และเพอื่ ท�ำ ใหแ้ คลว้ คลาดจากอนั ตรายใดๆ สว่ นใหญเ่ ปน็ ลายรปู สตั ว์ เชน่ ลายมอม ลายหนมุ าน ส่วนในภาคกลางและภาคใต้ชายในอดตี ไม่นิยมสักลายท่ีตวั แตใ่ นปัจจุบนั วฒั นธรรมการสักได้เผยแพร่ ไปทัว่ จงึ มผี นู้ ำ�ยนั ตต์ า่ งๆ จากต�ำ รามาใหอ้ าจารย์ยนั ต์ ลงอักขระเลขยันต์ สักน้ํามันหรือสกั หมกึ ลงบนตวั เพือ่ ผลทาง เมตตามหานยิ มและเพือ่ คงกระพันชาตรี เชน่ ยันต์เกราะเพชร ยนั ต์เก้ายอด เป็นตน้ ต�ำ ราเลขยันต์ ไดร้ บั การขน้ึ ทะเบยี นเปน็ มรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมของชาตปิ ระจ�ำ ปีพุทธศกั ราช ๒๕๕๓ 157
ตำ�ราศาสตรา เรียบเรียงโดย รองศาสตราจารย์ประพนธ์ เรอื งณรงค์ ตำ�ราศาสตรา หมายถึงตำ�ราที่ชาวใต้ใช้เส่ียงทายดูโชคชะตา คำ�ว่า “ศาสตรา” หมายถึง ศาสตราวุธ คือ พระขรรค์ โดยสมมตุ เิ ปน็ ไมแ้ บนๆ เล็กๆ สำ�หรับ สอดหรอื แทงระหว่างหน้าหนงึ่ หนา้ ใดของศาสตรา ชาวใต้บางถ่นิ เรียกตำ�ราศาสตราวา่ สัจจา หมายถงึ การทำ�นายดว้ ยความจรงิ เป็นของขลงั ของศกั ด์ิสทิ ธิ์ ต�ำ ราศาสตรา เปน็ สมุดไทยขนาดสัน้ ชาวใตเ้ รยี กบุดตีนช้าง เจา้ ของศาสตราหรอื หมอศาสตรา (อดตี มกั เปน็ พราหมณ)์ เปน็ ผอู้ า่ นค�ำ ท�ำ นาย เนอ้ื หาเปน็ ค�ำ กาพยห์ รอื รอ้ ยแกว้ จบในหนา้ หนงึ่ หนา้ ใด อกี หนา้ หนง่ึ เปน็ ภาพประกอบ คำ�ทำ�นาย เป็นฝีมือชาวบ้าน ตำ�ราศาสตราปรากฏในท้องถ่ินภาคใต้หลายฉบับ เช่น ฉบับอำ�เภอปากพนัง จังหวัด นครศรธี รรมราช ฉบบั ต�ำ บลเขารปู ชา้ ง อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวดั สงขลา ฉบบั ต�ำ บลนาประดู่ อ�ำ เภอโคกโพธ์ิ จงั หวดั ปตั ตานี และฉบบั ตำ�บลเทพกษตั รี อำ�เภอเมือง จังหวัดภูเกต็ เนอ้ื เรอ่ื งของ ต�ำ ราศาสตรา ประกอบดว้ ยอนภุ าคเดน่ นา่ สนใจ จากพฤตกิ รรมตวั ละครหรอื เหตกุ ารณต์ อนหนงึ่ ตอนใดจากนทิ านพ้นื บ้าน นิทานชาดก วรรณคดี ต�ำ นาน พทุ ธประวตั ิ เป็นต้น ตวั อย่าง เรื่องรามเกียรติ์ ตอนหนุมาน เผากรุงลงกา “รปู น้ีหนุมาน เม่ือทะยานเผาลงกา ไฟร้ายติดหางมา ไดเ้ วทนาเพียงปางตาย สีเ่ ดือนพระเคราะห์ทับ จะได้รบั อันตราย หา้ มว่าอยา่ ผันผาย ไปอุดรและทักษิณ ศตั รูน้ันเป็นชาย จะทำ�ร้ายใหม้ ลทนิ จะเสยี ซง่ึ ทรัพย์สนิ จะท�ำ กินขดั เคืองใจ พ่นี อ้ งจะแตกฉาน รอ้ นรำ�คาญข้างภายใน เจบ็ ไขไ้ ดท้ กุ ขภ์ ัย เจ็บท่ัวไปทง่ั กายา ให้เจริญเร่อื งพทุ โธ อิตปิ โิ สภควา มนตร์น้ํารดเกศา ภัยนนั้ หนาจะหายไป” 158
ตอนท้ายของ ตำ�ราศาสตรา มคี ำ�แนะนำ�วิธีแก้ไขเมอ่ื โชคร้าย และบอกให้ “ไถ่ชะตา” คอื บรจิ าคเงินแกห่ มอ ศาสตรา เป็นจ�ำ นวนเงนิ ย่อยของ ชาวใต้สมยั นนั้ เรยี กเปน็ “กอ้ น” โดยทว่ั ไป ๑ ก้อน เทา่ กบั ๒๕ สตางค์ ทสี่ งขลา ๑ ก้อน เท่ากับ ๑๕ สตางค์ ในวิถชี ีวิตชาวใต้ ชาวใต้ในอดีตที่สนใจคำ�ท�ำ นายโชคชะตา มกั อาศยั ต�ำ ราศาสตราบอกถึงค�ำ ทำ�นายวิถีชวี ิตใน อนาคต เช่น การทำ�มาหากิน ความรัก และสมาชิกในครอบครัว ฯลฯ อีกประการหนึ่งเน้ือหาศาสตรา เป็นผลให้ ชาวบ้านได้รับความรเู้ รอื่ งราวตา่ งๆ จากวรรณคดี ศาสนา ต�ำ นาน เปน็ ต้น นบั เปน็ การศกึ ษาจากการฟงั อยา่ งหนึ่ง สว่ นสถานภาพการด�ำ รงปจั จุบันของ ต�ำ ราศาสตรา ทกุ วนั นี้ยงั เกบ็ รักษาไวบ้ า้ งตามศูนยว์ ัฒนธรรมหรือวัดวา อารามในบางท้องถ่ินภาคใต้ แต่ส่วนใหญ่จะหายไปกับหมอศาสตราที่ขาดการสืบทอด ปัจจุบันมีสิ่งเข้ามาทำ�หน้าที่ แทนศาสตรา คอื “เซียมซี” และการพยากรณ์โชคชะตาตาม ส่ือทนั สมยั เช่น โทรทัศน์ หนงั สือพิมพ์ ซ่งึ เปดิ คอลัมน์ หรือรายการดงั กล่าวเป็นประจำ� ตำ�ราศาสตรา ไดร้ ับการขน้ึ ทะเบยี นเป็นมรดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรมของชาติประจ�ำ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ 159
160
ปกั ขะทึนล้านนา เรียบเรียงโดย สน่นั ธรรมธิ ปักขะทนึ อา่ นว่า “ปกั กะตึน” (ปกั ขะ = ข้าง หมายถงึ ขา้ งขน้ึ ขา้ งแรม, ทนึ = ทิน หมายถึง วัน) คอื ปฏทิ ิน ซึง่ มเี อกลักษณ์เฉพาะทงั้ ระบบวนั การนบั เดอื น และปี สะทอ้ นความเชอื่ และภูมิปัญญาของชาวลา้ นนาทส่ี บื ทอดมา แตอ่ ดตี ระบบการนับวันของชาวล้านนา มีระบบการนับอยู่ ๓ ระบบ คือ นับตามจันทรคติ คือเริ่มนับข้างขึ้นของ ดวงจนั ทร์ คอื ข้นึ ๑ คา่ จนถงึ แรม ๑๔ คา่ หรือ ๑๕ นับแบบมอญ หรอื ที่เรียกว่า “วนั เมง็ ” คืออาทิตย์ จนั ทร์ อังคาร เสาร์ ซง่ึ บางครงั้ ใชต้ วั เลขแทนคอื ๑-๗ และนบั แบบหนไท เรยี กวา่ วันไท (อา่ น วันไต) การนับแบบน้จี ะมชี ่อื แม่วัน น�ำ หน้าท่ีเรียก “แมม่ ้ือ” และมีชอื่ ลูกวนั ตามหลังควบค่กู ันไปท่ีเรยี กวา่ “ลูกมื้อ” แมม่ ้ือ ๑๐ ชอ่ื ได้แก่ กาบ ดบั รวาย เมอื ง เปิก กัด กด ร้วง เต่า กา่ ส่วน ลูกมือ้ ๑๒ ชือ่ ไดแ้ ก่ ใจ้ เปา้ ยี เหมา้ สี ใส้ สะง้า เม็ด สัน เร้า เสด็ ใค้ เมือ่ นบั วนั จะต้องนบั ใหถ้ กู ค่กู นั เช่น กาบใจ้ ดับเปา้ รวายยี เปน็ ตน้ ระบบการนับเดือน นับเหมือนไทยภาคอืน่ แตน่ ับเร็วกวา่ ๒ เดอื น ระบบการนับปี นับปีนกั ษตั รเหมือนไทยภาคอน่ื แตม่ ชี ือ่ เฉพาะดังน้ี ใจ้ = ชวด สะงา้ = มะมีย เปา้ = ฉลู เม็ด = มะแม ย่ี = ขาล สัน = วอก เหม้า = เถาะ เร้า = ระกา สี = มะโรง เส็ด = จอ ใส้ = ส็ง ใก๊ = กุน 161
ปักขะทึนล้านนา เส่ือมความ นิยมไประยะหน่ึง เพราะมีปฏิทินของ ส่วนกลางเข้าไปแทนที่ แต่ปจั จุบนั หวน กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เพราะ สามารถตอบสนองความต้องการด้าน ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้เป็น อย่างดี จึงมีการจัดพิมพ์จำ�หน่ายกัน อย่างแพร่หลายกระจายไปท่ัวภูมิภาค อย่างท่ีพบเห็นกันโดยท่ัวไป ปักขะทึนล้านนา ได้รับการ ข้ึนทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทาง วฒั นธรรมของชาตปิ ระจ�ำ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๕๕ 162
รายการวรรณกรรมพ้นื บา้ นที่ขึ้นทะเบียน เปน็ มรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรมของชาติ (แยกตามปที ข่ี น้ึ ทะเบยี น) ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ รายการ ประเภท รายการ ประเภท ๑. นทิ านปลาบทู่ อง นทิ านพนื้ บ้าน ๑. นิทานศรีธนญชยั ๒. ตำ�นานจามเทวี ๒. นิทานสงั ข์ทอง นทิ านพื้นบา้ น ๓. ตำ�นานผาแดงนางไอ่ ๓. นทิ านขุนช้างขนุ แผน ตำ�นานพน้ื บ้าน ๔. ตำ�นานแมน่ ากพระโขนง ๕. ต�ำ นานนางเลอื ดขาว ๔. นิทานดาวลกู ไก่ ต�ำ นานพน้ื บา้ น ๕. ต�ำ นานพระแก้วมรกต ๖. ต�ำ นานพระเจา้ หา้ พระองค์ ๗. ต�ำ นานพระเจา้ เลยี บโลก ๘. ตำ�นานพระบรมธาตุ นครศรธี รรมราช ๙. ตำ�นานพระพุทธสหิ ิงค์ ๑๐. ตำ�นานพญาคนั คาก บทสวดหรือบทกลา่ ว ๑๑. บทท�ำ ขวัญข้าว ในพธิ กี รรม ๑๒. บทท�ำ ขวัญนาค ๑๓. บทท�ำ ขวัญควาย ต�ำ รา ๑๔. ต�ำ ราแมวไทย ๑๕. ต�ำ ราเลขยันต์ 163
ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ รายการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ประเภท ประเภท รายการ นิทานพื้นบ้าน ๑. นทิ านวรวงศ์ ๑. นทิ านยายกะตา ๒. นิทานตามอ่ งล่าย นทิ านพน้ื บา้ น ๒. นิทานปญั ญาสชาดก ๓. นทิ านพระสธุ นมโนห์รา - ตำ�นานพ้นื บ้าน ๓. ต�ำ นานกอ่ งข้าวน้อยฆ่าแม่ ภาคใต้ ๔. ตำ�นานเจ้าแมล่ ้มิ กอเหนี่ยว ๔. นทิ านวันคาร บทสวดหรือ ๕. ต�ำ นานเจา้ แมเ่ ขาสามมุก ต�ำ นานพื้นบ้าน ๕. ต�ำ นานพระร่วง บทกล่าว ๖. ต�ำ นานกบกนิ เดอื น ๖. ตำ�นานเจ้าหลวงคำ�แดง ในพธิ กี รรม ๗. บทเวนทาน ๗. ตำ�นานพระธาตดุ อยตงุ สำ�นวน ภาษติ ๘. ผญาอีสาน ๘. ตำ�นานเจ้าแม่สองนาง ต�ำ รา ๙. ต�ำ ราพรหมชาติ ๙. ตำ�นานอุรงั คธาตุ ๑๐. ต�ำ นานหลวงปทู่ วด ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ รายการ ๑๑. ต�ำ นานนางโภควดี ประเภท ๑. นทิ านพระรถเมรี ๑๒. ต�ำ นานสร้างโลกภาคใต้ ๒. นทิ านท้าวปาจติ -อรพิมพ์ ต�ำ รา ๑๓. ปกั ขะทนึ ล้านนา นทิ านพน้ื บ้าน ๓. ตำ�นานสงกรานต์ ๑๔. ตำ�ราศาสตรา ตำ�นานพื้นบ้าน ๔. ต�ำ นานพระธาตปุ ระจ�ำ ปเี กดิ ๕. ต�ำ นานพระพุทธรปู ลอยนา้ํ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ประเภท รายการ นิทานพื้นบ้าน ๑. นทิ านนายดนั ต�ำ นานพื้นบ้าน ๒. ตำ�นานพญากงพญาพาน ๓. ตำ�นานพนั ท้ายนรสิงห์ ๔. ตำ�นานชาละวัน ๕. ต�ำ นานปแู่ สะย่าแสะ บทร้องพื้นบา้ น ๖. เพลงแห่นางแมว ๗. กาพย์เซ้งิ บัง้ ไฟ บทสวดหรือบทกล่าว ๘. บทท�ำ ขวัญชา้ ง ในพธิ กี รรม ต�ำ รา ๙. ต�ำ ราพชิ ยั สงคราม ๑๐.ต�ำ รานรลกั ษณ์ 164
คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิมรดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรม สาขาวรรณกรรมพื้นบ้าน ศาสตราจารย์ศริ าพร ณ ถลาง ประธาน นางสาวทัศชล เทพกำ�ปนาท รองประธาน รองศาสตราจารยป์ ระพนธ์ เรอื งณรงค์ กรรมการ ศาสตราจารยส์ กุ ัญญา สุจฉายา กรรมการ รองศาสตราจารย์รังสรรค์ จนั ต๊ะ กรรมการ รองศาตราจารย์กัญญรัตน์ เวชชศาสตร ์ กรรมการ รองศาตราจารยภ์ ูมจิ ิต เรอื งเดช กรรมการ รองศาสตราจารยว์ ิมล ดำ�ศร ี กรรมการ รองศาสตราจารยท์ รงศกั ด์ิ ปรางคว์ ฒั นากุล กรรมการ รองศาตราจารย์ปฐม หงษส์ วุ รรณ กรรมการ รองศาตราจารยเ์ สาวณิต วิงวอน กรรมการ ผู้ช่วยศาตราจารยอ์ ภิลักษณ์ เกษมผลกูล กรรมการ นางสมุ ามาลย์ พงษไ์ พบูลย์ กรรมการ นายวฒั นะ บญุ จับ กรรมการ ผู้เชยี่ วชาญเฉพาะด้านภูมิปญั ญา กรรมการ นางสาวกติ ตพิ ร ใจบุญ นกั วิชาการวฒั นธรรมชำ�นาญการพิเศษ เลขานกุ ารและกรรมการ นางสุกญั ญา เย็นสุข นกั วชิ าการวฒั นธรรมชำ�นาญการ ผชู้ ว่ ยเลขานกุ ารและกรรมการ นางสาวหทยั รตั น์ จวิ จินดา นักวชิ าการวัฒนธรรมชำ�นาญการ ผชู้ ว่ ยเลขานุการและกรรมการ นางสาวเบ็ญจรัศม์ มาประณีต นกั วิชาการวฒั นธรรมช�ำ นาญการ ผูช้ ่วยเลขานุการและกรรมการ นางสาวสุมาลี เจยี มจังหรีด นักวชิ าการวัฒนธรรมชำ�นาญการ ผูช้ ว่ ยเลขานุการและกรรมการ 165
คณะผู้จัดทำ� ท่ปี รกึ ษาโครงการ อธิบดกี รมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม ประธานกรรมการสาขาวรรณกรรมพนื้ บ้าน นางพมิ พร์ วี วัฒนวรางกรู รองอธิบดีกรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรม ศาสตราจารย์ศิราพร ณ ถลาง รองอธิบดีกรมสง่ เสริมวัฒนธรรม นายมานสั ทารัตน์ใจ ผู้อำ�นวยการสถาบันวฒั นธรรมศกึ ษา นางสนุ ันทา มิตรงาม นางสาวทัศชล เทพก�ำ ปนาท คณะทำ�งาน นักวิชาการวัฒนธรรมช�ำ นาญการพิเศษ นกั วชิ าการวัฒนธรรมช�ำ นาญการ นางสาวกติ ติพร ใจบญุ นกั วชิ าการวัฒนธรรมช�ำ นาญการ นางสกุ ญั ญา เยน็ สุข นกั วิชาการวัฒนธรรมช�ำ นาญการ นางสาวหทัยรัตน์ จิวจินดา นักวชิ าการวัฒนธรรมชำ�นาญการ นางสาวเบ็ญจรัศม์ มาประณีต นกั วิชาการวัฒนธรรมชำ�นาญการ นางสาวฐิตพร ลมิ ปิสวัสด์ิ นกั วิชาการวัฒนธรรม นางสาวสมุ าลี เจยี มจงั หรดี ลูกจ้างโครงการ นางสาวอรุณี จีรพรบณั ฑติ นางสาวนัทธมน สิงหพรรค ผ้รู ับผิดชอบโครงการ กลุม่ สงวนรกั ษามรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม สถาบันวัฒนธรรมศกึ ษา กรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๗ ๐๐๑๓ ตอ่ ๑๓๑๒-๔ โทรสาร ๐ ๒๖๔๕ ๓๐๖๑ เว็บไซต์ http://ich.culture.go.th เฟสบคุ๊ www.facebook.com/ichthailand อีเมล์ [email protected] “หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ข้ึนเพื่อประโยชน์ในการศึกษาและเผยแพร่เรื่องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมมิใช่ เพื่อการค้าซึ่งภาพประกอบในเล่มได้นำ�มาจากแหล่งข้อมูล ท่ีหลากหลาย โดยบางภาพไม่สามารถอ้างแหล่งที่มา ปฐมภมู ไิ ด้จึงขออนุญาตใช้ภาพดงั กล่าวและขอบคุณผเู้ ป็นเจ้าของภาพทุกภาพไว้ ณ ทนี่ ี้ด้วย” 166
167
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178