Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นที่คุ้มครอง

การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นที่คุ้มครอง

Description: การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นที่คุ้มครอง

Search

Read the Text Version

ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรัพยากรสัตว์ป่า ในพื้นทีค่ ุ้มครอง ทรงธรรม สุขสว่าง ทวี หนูทอง

ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรัพยากรสัตวป์ า่ ในพน้ื ที่คมุ้ ครอง 1 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรัพยากรสัตวป์ า่ ในพน้ื ท่คี มุ้ ครอง

ขอ้ มลู ทางบรรณานกุ รมของสำ� นกั หอสมดุ แหง่ ชาติ ทรงธรรม สขุ สวา่ ง, ทวี หนทู อง ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสตั วป์ า่ ในพนื้ ทค่ี มุ้ ครอง กรงุ เทพฯ : กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื , 2560. 200 หนา้ . ISBN: 978-616-316-436-0 ทปี่ รกึ ษา : ธญั ญา เนตธิ รรมกลุ อธบิ ดกี รมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั อทุ ยานแหง่ ชาติ อำ� นวยการ : ทรงธรรม สขุ สวา่ ง สปุ ราณี กองทพั พชรวรรณ ธญั ญาดี คณะทำ� งาน หทยั รตั น์ นกุ ลู กมลวรรณ กฤตสมั พนั ธ์ มณรี ตั น์ โนนสงั ข ์ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั อทุ ยานแหง่ ชาติ เรอื่ ง : ทรงธรรม สขุ สวา่ ง ทวี หนทู อง ภาพปก : กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื วรรณชนก สวุ รรณกร พอล ทอมปส์ นั ออกแบบรปู เลม่ : บรษิ ทั โรงพมิ พ์ คลงั วชิ า จำ� กดั จดั พมิ พโ์ ดย : สำ� นกั อทุ ยานแหง่ ชาติ กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื สงวนลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2560 พมิ พท์ ี่ : บรษิ ทั โรงพมิ พ์ คลงั วชิ า จำ� กดั 2 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ ่าในพน้ื ทค่ี ุ้มครอง

กระทิง (Bos gaurus) 3 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรัพยากรสัตวป์ ่าในพืน้ ที่คุม้ ครอง

คำ� ปรารภ สัตว์ป่าเป็นทรัพยากรท่ีอ�ำนวยประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติอย่างต่อเนื่องและยาวนาน และเป็นหน่ึงใน องค์ประกอบท่ีส�ำคัญท่ีสุดส่วนหน่ึงของระบบนิเวศของป่าไม้ สัตว์ป่าเป็นตัวช่วยเร่งให้เกิดการหมุนเวียนของ พลังงานในระบบนเิ วศของป่า จึงมีความส�ำคญั อย่างยิ่งต่อการรักษาระบบความสมดุลทางธรรมชาตแิ ละทำ� ให้ ระบบนิเวศมีความม่ันคง เพราะระบบนิเวศของป่าไม้และสัตว์ป่ามีการเกื้อกูลกันจนไม่สามารถแยกออก จากกนั ได้ ทรพั ยากรปา่ ไมแ้ ละสตั วป์ า่ จงึ เปน็ สง่ิ ทต่ี อ้ งดำ� เนนิ การจดั การควบคกู่ นั ไปโดยใชค้ วามรใู้ นการจดั การ ท้ังวทิ ยาศาสตร์และศลิ ปศาสตร์ การอนุรักษ์สัตว์ป่าในประเทศไทยน้ันได้ด�ำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมมา ตั้งแต่ พ.ศ.2503 หลังจากที่มี การปรับปรุงและให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ได้มีการอนุรักษ์พ้ืนท่ี ไว้เป็นท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่า ท้ังในรูปแบบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า นอกจากน้ี ได้มี การก�ำหนดพื้นท่ีเพื่อการอนุรักษ์ในรูปแบบอุทยานแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 เป็นการช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากพ้ืนท่ีคุ้มครองท่ีได้รับการประกาศน้ีปัจจุบัน เป็นถ่ินท่ีอาศัยที่ส�ำคัญของสัตว์ป่า และแนวทางการบริหารจัดการสัตว์ป่าในปัจจุบันได้ใช้หลักการจัดการ เชิงระบบนิเวศ (ecosystem management) ซ่ึงเป็นการท�ำงานเชิงบูรณาการในรูปแบบประชารัฐ โดยการ มสี ่วนร่วมของภาครฐั เอกชนและประชาชน นอกจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้มีการอนุรักษ์พื้นที่ไว้ให้เป็นท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่า และมมี าตรการควบคมุ การลา่ สตั วป์ า่ แลว้ ยงั ไดใ้ หค้ วามรว่ มมอื กบั ประชาคมโลกในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรสตั วป์ า่ ด้วยการเข้าเป็นสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซ่ึงชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าท่ีใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ที่เป็นความร่วมมือของสมาชิกในการท่ีจะร่วมกันควบคุมและป้องกันการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศ ตลอดจน เปน็ ภาคสี มาชกิ อนสุ ญั ญาความหลากหลายทางชวี ภาพ และอนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยพน้ื ทชี่ มุ่ นำ้� (Ramsar Convention on Wetlands) 4 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั ว์ป่าในพน้ื ที่ค้มุ ครอง

ถึงแม้จะมีมาตรการประกาศพ้ืนท่ีคุ้มครองไว้เป็นถ่ินที่อาศัยของสัตว์ป่า และมีมาตรการในการควบคุม การใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่าแล้วก็ตาม แต่สถานการณ์ในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและ มปี ัจจยั ภายนอกเข้ามา ทำ� ให้มีผลกระทบตอ่ การด�ำรงชวี ิตของสตั วป์ า่ เสมอ เพอ่ื ใหก้ ารอนรุ ักษ์มีประสทิ ธิภาพ ต่อเนื่อง และเป็นที่รับทราบของบุคคลท่ีเกี่ยวข้องทุกสาขา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงได้ สนับสนุนจัดท�ำหนงั สอื “ศาสตร์และศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั วป์ า่ ในพื้นที่ค้มุ ครอง” เพ่ือเผยแพร่ความรู้ ให้กับนักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และประชาชนท่ัวไปให้มีความรู้ ความเข้าใจแนวทางการบริหารจัดการ ทรัพยากรสัตว์ป่าในประเทศไทยและในระดับสากลมากขึ้น สามารถน�ำองค์ความรู้จากหนังสือเล่มนี้มาเป็น แนวคดิ พื้นฐานในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรสตั วป์ ่าของชาติ ขอขอบคุณผูเ้ ขยี น ดร.ทรงธรรม สุขสวา่ ง และคณุ ทวี หนทู อง ที่ไดส้ ละเวลา ทมุ่ เทความร้คู วามสามารถ ในการจดั ทำ� หนงั สือที่เปน็ ประโยชนต์ ่อวงการป่าไม้และสัตว์ป่าของไทย นายธญั ญา เนติธรรมกุล อธิบดกี รมอทุ ยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธพุ์ ืช 5 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรัพยากรสตั วป์ า่ ในพ้นื ทค่ี มุ้ ครอง

ค�ำน�ำ คนไทยและสัตว์ป่ามีความสัมพันธ์กันมาต้ังแต่อดีตกาล โดยคนไทยยุคแรกด�ำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ ยังไม่รู้จักเล้ียงสัตว์และเพาะปลูก ต่อมาคนไทยเร่ิมผลิตอาหารเอง เริ่มเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นอาหารและใช้เป็น พาหนะ อยา่ งไรกด็ ี คนไทยนำ� สตั วป์ า่ มาใชป้ ระโยชนท์ ง้ั ทางตรงและทางออ้ ม บางครง้ั การใชป้ ระโยชนด์ งั กลา่ ว ก็เป็นการท�ำร้ายเช่นกัน ดังน้ัน คนไทยจึงต้องใช้ศิลปะและวิทยาศาสตร์ในการจัดการสัตว์ป่า เน่ืองจาก สตั วป์ า่ เปน็ ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ส่ี ามารถทดแทนไดใ้ นตวั เอง สามารถอำ� นวยประโยชนท์ งั้ ทางตรงและทางออ้ ม ต่อสังคมโลกและประเทศไทยได้เช่นเดียวกับทรัพยากรธรรมชาติประเภทอื่นๆ แต่ผลจากการน�ำทรัพยากร สตั วป์ า่ ของประเทศมาใชป้ ระโยชนโ์ ดยขาดการจดั การบนพน้ื ฐานของวชิ าการ จงึ สง่ ผลใหส้ ตั วป์ า่ ในพนื้ ทคี่ มุ้ ครอง ของประเทศไทยได้ลดจ�ำนวนลง และน�ำไปสู่การสูญพันธุ์ไปแล้วหลายชนิด ประเทศไทยได้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติใหม่เมื่อปี 2535 เพ่ือเป็นแนวทางที่ใช้จัดการและคุ้มครองทรัพยากรสัตว์ป่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ถึงกระน้ันก็ตาม ปัญหาการคุกคามตอ่ การคงอยูข่ องสัตวป์ ่านนั้ ยังคงเกดิ อยู่อยา่ งต่อเน่ือง โดยเหตดุ ังกลา่ วขา้ งต้น การพิจารณา ทบทวนบทเรยี นตา่ งๆ ทไ่ี ดเ้ กดิ ยอ้ นหลงั ไปในอดตี กวา่ 50 ปที ผ่ี า่ นมา นบั ตง้ั แตไ่ ดม้ กี ารออกระเบยี บและกฎหมาย เพื่อคุ้มครองสัตว์ป่า เพื่อจะได้สร้างนโยบายและแนวทางปฏิบัติ รวมท้ังกลไก และฐานข้อมูลวิชาการ และ ส่ิงที่ส�ำคัญย่ิงในกลไกที่น�ำให้เกิดงานวิชาการ การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้เกิดความช�ำนาญในการ ด�ำเนินงานและการใช้วิชาการด้านสัตว์ป่าอย่างถูกต้อง นอกจากน้ี การร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกย่ี วขอ้ ง ทงั้ สถาบนั การศกึ ษา หนว่ ยงานภาครฐั และเอกชนในงานดา้ นการอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ ถนิ่ ทอี่ าศยั ของสตั วป์ า่ และ สภาพแวดล้อมธรรมชาติต้องอาศัยข้อมูลและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ท่ีจะด�ำเนินการในเรื่องต่างๆ ดังกล่าว ให้สัมฤทธ์ิผล โดยต้องอาศัยความร่วมมือและประสานการด�ำเนินงานวิชาการให้เป็นรูปธรรมจากหลายๆ ฝ่าย ร่วมกนั ในแนวทางทีเ่ รยี กว่า “ประชารัฐ” แนวทางดังกลา่ วจงึ เปน็ แรงบนั ดาลใจในการจดั ท�ำหนงั สือเลม่ น้ี ดงั นน้ั การจดั ทำ� หนงั สอื “ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสตั วป์ า่ ในพน้ื ทค่ี มุ้ ครอง” จงึ มเี จตนารมณ์ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลและความรู้ให้กับนักวิชาการท่ัวไป นิสิต นักศึกษาและบุคลากรของหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เพอ่ื นำ� องคค์ วามรไู้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นการบรหิ ารจดั การสตั วป์ า่ โดยสาระความรปู้ ระกอบดว้ ยประวตั กิ ารอนรุ กั ษ์ และการจัดการสัตว์ป่าของโลกและของไทย หลักการอนุรักษ์และการจัดการสัตว์ป่า นิเวศวิทยาสัตว์ป่า การจดั การถนิ่ ทอ่ี าศยั ของสตั วป์ า่ และการจดั การสตั วป์ า่ ในมติ อิ น่ื ๆ เพอ่ื ใชใ้ นการบรหิ ารจดั การสตั วป์ า่ ในพน้ื ที่ คมุ้ ครองของประเทศไทย นอกจากนี้ ผเู้ ขยี นยงั ไดร้ วบรวมบทเรยี นจากประสบการณแ์ ละมาตรฐานตา่ งๆ ทเี่ ปน็ 6 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพนื้ ทค่ี มุ้ ครอง

แนวคดิ ใหมด่ า้ นการจดั การสตั วป์ า่ ทเี่ ปน็ หลกั สากลทจี่ ะชว่ ยใหก้ ารจดั การสตั วป์ า่ ในพนื้ ทค่ี มุ้ ครองเกดิ ประโยชน์ ต่อประเทศไทยในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม ที่สามารถตอบสนองความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนแนวทางและหลักการท่ีสามารถน�ำไปใช้ในการพัฒนาการจัดการสัตว์ป่าในประเทศไทยในอนาคต ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ทา้ ยนี้ ขอขอบคณุ คณุ หทยั รตั น์ นกุ ลู คณุ จารยิ า นาคถนอม คณุ สปุ ราณี กองทพั คณุ กมลวรรณ กฤตสมั พนั ธ์ และเจ้าหน้าที่ส�ำนักอุทยานแห่งชาติท่ีเก่ียวข้องทุกท่าน ในการจัดท�ำรูปเล่มและประสานการจัดพิมพ์ จนเรียบร้อย ขอขอบคณุ คณุ ธัญญา เนติธรรมกลุ อธบิ ดกี รมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั ว์ปา่ และพนั ธุพ์ ชื ที่สนบั สนุน และให้ก�ำลังใจในการจัดท�ำหนังสือเล่มนี้จนส�ำเร็จ ผู้เขียนหวังว่าในฐานะที่ส�ำนักอุทยานแห่งชาติเป็นหน่วย อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของสังคมไทยและมีส่วนได้ส่วนเสียกับการจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าคงได้รับความ รว่ มมือกบั หน่วยงานต่างๆ ในการจดั การสตั ว์ปา่ ในพน้ื ท่อี ุทยานแห่งชาตแิ ละพ้ืนท่ีคมุ้ ครองอน่ื ๆ เพ่ือให้สตั ว์ป่า สามารถอ�ำนวยประโยชน์ให้แก่สงั คมอยา่ งมากท่สี ดุ และมีความยัง่ ยืนตลอดไป ทรงธรรม สุขสวา่ ง ผู้อ�ำนวยการส�ำนกั อุทยานแหง่ ชาติ ทวี หนูทอง ท่ีปรึกษาด้านการจดั การพน้ื ท่ีคมุ้ ครอง 14 กนั ยายน 2560 7 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตว์ป่าในพื้นท่คี ุม้ ครอง

เป็ดแดง (Dendrocygna javanica) 8 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพ้นื ที่ค้มุ ครอง

กิตติกรรมประกาศ หนังสอื เลม่ น้ี ไดร้ ับแรงบนั ดาลใจจากการเข้าไปดำ� เนนิ การวิจัยดา้ นความหลากหลายทางชวี ภาพในพน้ื ที่ อทุ ยานแหง่ ชาตหิ ลายๆ แหง่ ทม่ี ที รพั ยากรสตั วป์ า่ เปน็ หนงึ่ ในความหลากหลายทสี่ ำ� คญั เพอ่ื นำ� ไปใชใ้ นการจดั ทำ� แผนการจัดการอุทยานแห่งชาติและพบว่าหัวหน้าหน่วยงานหลายๆ ท่านให้ความร่วมมือในการส�ำรวจและ ถา่ ยภาพสตั วป์ า่ สง่ ใหเ้ ราในฐานะนักวิจยั ขอแสดงความขอบคณุ อย่างย่งิ ต่อช่างภาพทกุ ทา่ นที่มนี �ำ้ ใจแบ่งปนั ภาพถา่ ยให้ เพอ่ื ให้หนงั สอื เลม่ นมี้ ีความสมบรู ณย์ ่ิงข้นึ ได้แก่ Bruce Kekule กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช กรมป่าไม้ คุณกุลพัฒน์ ศรลัมพ์ คุณจุฑามาศ ไม้สุข คุณเฉลิมชัย โตไธสง คุณธนากร หงส์พันธ์ คุณบุญลือ พูลนิล คุณประสิทธิ์ ค�ำอุด คุณพอล ทอมป์สัน คุณมลวิภา ณ นรงค์ มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร คณุ วรรณชนก สุวรรณกร คณุ วชั ระ สาลี คุณวรวุฒิ วิญญายงค์ คุณวตั ร วนาลี ศูนย์วิจยั และพฒั นานวัตกรรม อทุ ยานแหง่ ชาติ จังหวัดนครราชสีมา ศูนย์วิจัยและพฒั นานวตั กรรมอทุ ยานแห่งชาติ จังหวัดเพชรบรุ ี ศูนยว์ จิ ยั และพฒั นานวัตกรรมอทุ ยานแหง่ ชาติ จังหวัดพิษณุโลก ศูนยว์ จิ ัยและพัฒนานวตั กรรมอุทยานแห่งชาติ จังหวัด สรุ าษฎรธ์ านี คณุ สชุ นิ วงศส์ วุ รรณ อทุ ยานแหง่ ชาตกิ ยุ บรุ ี อทุ ยานแหง่ ชาตเิ ขาสบิ หา้ ชนั้ อทุ ยานแหง่ ชาตเิ ขาใหญ่ คณุ Jeffrey A. McNeely คุณ Wayuphong Jitvijak และอีกหลายๆ ทา่ น ทอี่ นญุ าตให้เราใชภ้ าพหลายภาพ เกี่ยวกับธรรมชาติของไทยด้วย ความดีงามท้ังหลายของหนังสือเล่มน้ี ขอมอบแด่ ดร.ชุมพล งามผ่องใส อาจารย์ผู้เช่ียวชาญด้านสัตว์ป่า ผู้ล่วงลับไปแล้ว ผู้สร้างแรงบันดาลใจต่อน้องๆ และลูกศิษย์ให้มีความสนใจ กบั การจัดการสัตว์ปา่ ในพื้นทคี่ มุ้ ครองจนเกดิ กระแสการอนรุ กั ษส์ ตั วป์ ่าในประเทศไทย ทรงธรรม สุขสวา่ ง ทวี หนูทอง สำ� นกั อุทยานแห่งชาติ 14 กนั ยายน 2560 9 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรัพยากรสตั วป์ ่าในพืน้ ที่คุ้มครอง

สารบญั ค�ำปรารภ จาก อธิบดีกรมอทุ ยานแห่งชาติ สัตวป์ ่า และพนั ธพุ์ ืช ....................................................... 4 คำ� นำ� ...................................................................................................................................................... 6 กิตตกิ รรมประกาศ .................................................................................................................................. 9 บทที่ 1 ประวตั กิ ารอนุรักษ์และการจัดการสัตวป์ ่า ............................................................................. 14 บทท่ี 2 หลักการอนรุ กั ษแ์ ละการจดั การสัตว์ป่า ................................................................................. 22 บทนิยามของคำ� ว่า สตั ว์ปา่ ....................................................................................................... 22 หลกั การจัดการสตั วป์ า่ ............................................................................................................. 23 บทนยิ ามของการอนรุ ักษแ์ ละการจดั การสตั วป์ ่า ...................................................................... 26 เปา้ หมายของการจดั การสัตว์ปา่ .............................................................................................. 27 ข้อมลู พื้นฐานท่จี ำ� เป็นในการจดั การสตั ว์ป่า ............................................................................. 30 คุณค่าของสัตวป์ ่า ..................................................................................................................... 31 การประเมินคุณค่าของสตั วป์ า่ ................................................................................................. 39 ปญั หาการอนรุ กั ษแ์ ละการจดั การสัตว์ปา่ ................................................................................. 41 สถานภาพของสตั ว์ปา่ ............................................................................................................... 48 บทที่ 3 นเิ วศวิทยาสัตว์ปา่ ..................................................................................................................... 54 ปัจจัยจ�ำกัดการแพร่กระจายของชนดิ พนั ธุ์สตั ว์ป่า .................................................................... 56 วิถีชีวติ ทางนิเวศวทิ ยาของสตั วป์ ่า ............................................................................................. 58 คุณลกั ษณะของประชากรสตั วป์ ่า ............................................................................................. 59 โครงสร้างประชากร .................................................................................................................. 66 พฤติกรรมของสัตวป์ ่า ............................................................................................................... 66 สงั คมส่ิงมชี ีวิตของสัตวป์ ่า ......................................................................................................... 72 10 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสตั วป์ า่ ในพนื้ ท่ีคุ้มครอง

สัตวป์ ่าในระบบนิเวศ ................................................................................................................ 77 พลศาสตร์ประชากรสัตวป์ ่า ...................................................................................................... 80 การสำ� รวจชนิดพันธส์ุ ตั วป์ า่ ...................................................................................................... 83 การประเมนิ ประชากรสัตวป์ ่า ................................................................................................... 85 บทที่ 4 การจดั การถนิ่ ทอี่ าศัยของสตั ว์ป่า ........................................................................................... 92 ปจั จยั เพ่อื การดำ� รงชวี ติ ของสตั ว์ปา่ .......................................................................................... 92 ทฤษฎีเก่ยี วกับถ่นิ ที่อาศัย ......................................................................................................... 96 การวิเคราะหภ์ ัยคุกคามท่ีมตี อ่ ถิ่นที่อาศยั ................................................................................. 105 การติดตามและประเมินถ่ินท่อี าศัย .......................................................................................... 110 บทท่ี 5 การจดั การสัตว์ปา่ ในมุมมองอนื่ ๆ ........................................................................................... 124 การอนุรักษป์ า่ ไมเ้ พือ่ การจดั การสตั วป์ า่ ................................................................................... 124 การจัดการป่าไม้กบั การจัดการสัตวป์ า่ ..................................................................................... 128 การจดั การเชงิ ระบบนิเวศเพือ่ การอนุรักษ์สัตว์ป่า .................................................................... 131 พน้ื ท่เี พือ่ อนรุ กั ษ์สัตวป์ า่ ............................................................................................................ 136 การจัดการสตั ว์ปา่ เชงิ อนรุ กั ษแ์ ละเชงิ เศรษฐกิจ ........................................................................ 144 การจัดการสตั ว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สตั ว์ป่า ............................................................................... 149 การจัดการสัตว์ปา่ ในเมือง ........................................................................................................ 153 การจัดการสัตวต์ ่างถิน่ .............................................................................................................. 158 การจัดการโรคสัตวป์ า่ ............................................................................................................... 165 การจดั การสตั ว์ปา่ ท่ีทำ� ให้เกดิ ความเสียหาย .............................................................................. 168 การจดั การสตั วป์ า่ ในพน้ื ทปี่ ่าชุมชน .......................................................................................... 171 การจัดการชา้ งป่าทอ่ี อกหากินนอกพน้ื ที่ค้มุ ครอง ..................................................................... 172 แนวทางการจัดการแนวเช่ือมตอ่ ถน่ิ ทีอ่ าศัยสำ� หรบั สตั ว์ปา่ ....................................................... 176 ภาพ ......................................................................................................................................................... 195 บรรณานุกรม .......................................................................................................................................... 197 11 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าในพน้ื ทค่ี ้มุ ครอง

1ประวตั กิ ารอนรุ กั ษแ์ ละการจดั การสตั วป์ า่ 12 ศาสตร์และศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั วป์ า่ ในพ้ืนที่คุ้มครอง

13 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพื้นทีค่ ุม้ ครอง

บทที่ 1 ประวัตกิ ารอนรุ กั ษ์และการจัดการสัตว์ป่า (History of Wildlife Conservation and Management) การอนุรักษ์และการจัดการสัตว์ป่าในปัจจุบันแต่ละประเทศมีการ การจดั การอยา่ งเขม้ ขน้ (intensive management) เปน็ การ ก�ำหนดแนวทางด้านการอนุรักษ์และการจัดการสัตว์ป่าท่ีอาจจะเหมือน จัดการที่ต้องมีการปรับปรุงประชากรสัตว์ป่า ถิ่นที่อาศัยและมนุษย์ให้ หรือแตกต่างกันไป แต่โดยหลักการใหญ่ๆ ล้วนเป็นการด�ำเนินงานเพื่อ เปน็ ไปตามเปา้ หมาย เพอื่ ใหส้ มั ฤทธผ์ิ ลตามวตั ถปุ ระสงค์ การคุ้มครองสัตว์ป่า และถ่ินท่ีอาศัย การควบคุมและส่งเสริมการใช้ ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรสตั วป์ า่ บางชนดิ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎเกณฑท์ เ่ี หมาะสม ประวตั ิการอนุรักษแ์ ละการจัดการสตั ว์ปา่ ตอ่ สถานการณ์ของประเทศนนั้ ๆ การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ มใิ ชก่ ารสงวนสตั วป์ า่ หรอื เกบ็ ไวโ้ ดยเปลา่ ประโยชน์ การจดั การสตั วป์ า่ ในเชงิ อนรุ กั ษ์ ไดแ้ บง่ ออกเปน็ 3 ระดบั ใหญๆ่ คอื ทุกประเทศล้วนมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์ป่าทั้งทางตรงและ การสงวน (preservation) เปน็ การปล่อยใหส้ ตั วป์ ่าในพื้นที่ ทางอ้อม หลายๆ ประเทศมีการจัดการสัตว์ป่าเพื่อล่าเป็นเกมกีฬา เช่น อาศัยอยูต่ ามธรรมชาติ โดยทมี่ นุษยไ์ ม่ต้องเขา้ ไปยงุ่ เกีย่ ว สหรัฐอเมริกา บางประเทศในยุโรป ออสเตรเลีย และแอฟริกา เกือบ การอนรุ กั ษ์ (conservation) เปน็ การจดั การทรพั ยากรสตั วป์ า่ ทุกประเทศมีแนวทางในการคุม้ ครองชนดิ พนั ธุท์ ่หี ายากหรอื ใกล้สญู พันธ์ุ ที่มีการเขา้ ไปดำ� เนินการทางวชิ าการ โดยการประกาศคมุ้ ครองพ้นื ทถี่ ่นิ ทีอ่ าศัย การสงวนชนิดพนั ธแ์ุ ละการเรง่ ขยายพนั ธ์ุ มกี ารกำ� หนดชนดิ พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทไี่ มอ่ นญุ าตใหล้ า่ เพื่อนำ� มาใช้ 14 ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตว์ปา่ ในพ้ืนที่คุ้มครอง

ประโยชน์ การจัดการชนิดพันธุ์ท่ีมีอยู่มากในรูปแบบการเปิดให้ล่าและ แนวทางการจดั การสัตว์ป่าจงึ เกิดขนึ้ ในประเทศมองโกเลยี และจีน การจัดกิจการฟาร์มสัตว์ป่า หรือการจัดการเลี้ยงสัตว์ป่าในทุ่งหญ้า ก่อนทวปี ยโุ รปเกือบ 200 ปี และได้พฒั นามาจนถึงปจั จุบัน ประเทศจีน ธรรมชาติเพื่อหวังผลประโยชน์จากสัตว์ป่าในด้านผลผลิตต่างๆ ส�ำหรับ เป็นประเทศท่ีประชากรได้น�ำส่วนต่างๆ ของสัตว์ป่ามาใช้ในการบริโภค ตวั อย่างประวตั กิ ารอนรุ ักษแ์ ละการจัดการสตั วป์ า่ ในแตล่ ะแห่ง มีดังนี้ และเปน็ ส่วนประกอบของยาสมุนไพรตา่ งๆ ตามความเชอ่ื ทถ่ี ่ายทอดกัน มานับเป็นเวลาพันๆ ปี ท�ำให้สัตว์ป่าหลายชนิดใกล้สูญพันธุ์ แต่เมื่อ 1) การจัดการสตั วป์ ่าในทวปี เอเชีย ประเทศจนี ไดเ้ รม่ิ มกี ารจดั การสตั วป์ า่ อยา่ งจรงิ จงั มกี ารสงวนพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ การจดั การสตั วป์ า่ ในทวปี เอเชยี ไดเ้ กดิ ขนึ้ ในประเทศจนี เปน็ ครงั้ แรก ทหี่ ายาก จดั ตง้ั พนื้ ทส่ี งวนธรรมชาตเิ พอ่ื คมุ้ ครองสภาพธรรมชาตแิ ละสตั วป์ า่ จากบันทึกการเดินทางมาเอเชียตามเส้นทางสายไหมของมาร์โคโปโล มีการเพ่ิมโทษอย่างรุนแรงต่อผู้ท่ีลักลอบล่าสัตว์ป่า มีการเพาะเล้ียงและ (Marco Polo) นกั ผจญภัยชาวเมอื งเวนิสไดเ้ ดนิ ทางเข้าไปเขตเมอื งต้าตู ขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เพอ่ื เพมิ่ จำ� นวนและปลอ่ ยคนื สธู่ รรมชาติ เชน่ หมแี พนดา้ แห่งอาณาจักรมองโกลสมัยจักรพรรดิกุบไลข่าน (Kublai Khan) (ค.ศ. เสือโครง่ ไซบเี รีย เปน็ ตน้ การบรโิ ภคจงึ ลดน้อยลงไป 1259 - 1294) ซงึ่ มารโ์ คโปโลไดใ้ ชช้ ีวติ อยใู่ นอาณาจกั รมองโกล นานถึง นอกจากจีนแล้ว ยังมีประเทศอ่ืนๆ เช่น เติฺร์กเมนิสถาน ได้ให้ 20 ปี ไดบ้ นั ทกึ ส่วนทีเ่ กีย่ วข้องกับการจดั การสตั ว์ปา่ ไว้ว่า “มีการสงวน ความคุ้มครองแก่ประชากรลาป่าเอเชีย และมีการน�ำไปปล่อยในพ้ืนท่ี เหยย่ี วรุง้ (Spilornis cheela) ละองละมั่ง (Cervus eldi) และปรบั ปรงุ พน้ื ท่ีแหลง่ อาหารไว้ให้สัตว์ป่าในชว่ งฤดูหนาว มีการจดั การ ธรรมชาตแิ ห่งอ่นื ๆ เพื่อเพ่มิ ประชากรใหม้ ากขึ้น ประเทศอินเดยี กำ� หนด แหลง่ นำ�้ และแหลง่ ทหี่ ลบภยั สำ� หรบั สตั วป์ า่ ภายในพระราชวงั ของจกั รพรรดิ ใหม้ กี ารคมุ้ ครองสตั วป์ า่ โดยการจดั ตงั้ พน้ื ทคี่ มุ้ ครองในรปู แบบของอทุ ยาน กุบไลข่าน รวมทั้งยังได้ก�ำหนดพื้นที่เขตล่าสัตว์ป่าหลายแห่งกระจายอยู่ แหง่ ชาตแิ ละเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เนปาลไดเ้ รม่ิ มมี าตรการอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ นอกเมอื งหลวงตา้ ตเู พอ่ื การสงวนไวส้ ำ� หรบั จกั รพรรดิ ในสถานทดี่ งั กลา่ ว โดยยตุ กิ ารลา่ สตั วป์ า่ ในพนื้ ทลี่ า่ สตั วป์ า่ และพฒั นาเปน็ อทุ ยานแหง่ ชาตใิ ห้ จะเปน็ ทร่ี าบเหมาะสมกบั เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของนกกระเรยี น ไกฟ่ า้ นกกระทา นกั ทอ่ งเทยี่ วตา่ งประเทศเขา้ ชมธรรมชาตแิ ละสตั วป์ า่ โดยการนงั่ หลงั ชา้ ง หลายชนดิ รวมทงั้ นกชนิดอื่นๆ จักรพรรดิกุบไลขา่ นมคี วามสขุ กบั การล่า ชมแรดพนั ธอ์ุ นิ เดยี และเสอื โครง่ ในรสั เซยี กม็ กี ารสงวนพน้ื ทสี่ ำ� หรบั เปน็ ท่ี สัตวป์ ่าดว้ ยเหย่ียว” อยอู่ าศยั ของสตั วป์ า่ เชน่ เสอื โครง่ ไซบเี รยี และประกาศหา้ มลา่ เสอื โครง่ โดย “นอกจากน้ัน ยังมีแนวทางการควบคุมการล่าสัตว์ป่า (hunting เดด็ ขาดดว้ ย control) มคี ำ� สงั่ หา้ มมใิ หพ้ ลเมอื งในพระราชอาณาจกั รทำ� การลา่ กระตา่ ยปา่ กวางโรว์ กวางฟอลโลว์ และกวางชนิดอ่ืนๆ รวมทั้งนกขนาดใหญ่ต่างๆ 2) การจัดการสัตว์ปา่ ในทวปี ยุโรป ในระหวา่ งเดอื นมนี าคมถงึ ตลุ าคมทกุ ปี เพอ่ื ใหป้ ระชากรสตั วป์ า่ เพม่ิ พนู ขนึ้ เรม่ิ ตน้ ดว้ ยการจดั การสตั วป์ า่ ในประเทศองั กฤษ มกี ารควบคมุ การลา่ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะได้รับการลงโทษ นับว่าเป็นกฎหมายสัตว์ป่า (game law) ป้องกันมิให้ราษฎรเข้าไปล่าสัตว์ป่าในพ้ืนที่ของขุนนางและทหารที่มี ฉบบั แรกที่เกดิ ขน้ึ ในเวลานัน้ ” ศักดินาในการครอบครองที่ดนิ 15 ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรัพยากรสัตว์ปา่ ในพ้ืนทีค่ ุ้มครอง

หนงั สือ Master of Game (ค.ศ. 1406 – 1413) ของ Edward หรือ Duke of York II ระบุวา่ มกี ารก�ำหนดคา่ ธรรมเนียมการล่าสตั วป์ า่ และฤดูกาลลา่ สัตวป์ า่ พระเจา้ เฮนรที่ ี่ 7 (Henry VII) (ค.ศ. 1485 - 1509) ใหส้ ทิ ธแิ์ กส่ ามญั ชน มีอ�ำนาจล่าสัตว์ป่าพวกไก่ฟ้า และนกกระทาในท่ีดินของตนเองและของ ผู้อ่ืนโดยต้องได้รับอนุญาต และในสมัยพระเจ้าเฮนรี่ท่ี 7 มีการออก กฎหมายห้ามล่าสัตว์ป่าในช่วงรอบปี เรียกว่า closing season ต่อมา ได้มีการพัฒนาการจัดการสัตว์ป่า โดยรัฐสภาอังกฤษได้ประกาศจัดตั้ง เขตขยายพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ (breeding refuge) สำ� หรบั นกทมี่ ไิ ดม้ ไี วเ้ พอื่ การลา่ (non - game birds) สตั วป์ า่ และถน่ิ ทอี่ าศยั ของสตั วป์ า่ ในยโุ รปไดถ้ กู ลา่ และเปลย่ี นแปลง สภาพไปเป็นบ้านเมือง มีสัตว์ป่าหลายชนิดสูญพันธุ์ บางชนิดก็ใกล้ สญู พนั ธ์ุ เชน่ ไบซนั ยโุ รป (Europian bison) กวางแดง (Cervus elaphus) กวางวาปติ ิ หรอื กวางเอลค์ (Cervus canadensis) ซง่ึ มีปรากฏอย่ตู ามชายแดนประเทศโปแลนด์ และเบลารุส ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียมีการจัดการสัตว์ป่าจ�ำพวกกวางเพ่ือ ในการควบคุมและพัฒนาพ้ืนที่เพ่ือเป็นถ่ินท่ีอาศัยของสัตว์ป่ามี ใช้ประโยชน์ เช่น จัดการกวางป่าเรนเดียร์ โดยการเล้ียงในรูปแบบของ การจัดต้ังพ้ืนที่พักพิงส�ำหรับสัตว์ป่า (wildlife refuge) ส�ำหรับนก สวนสัตว์ เช่น จดั ทำ� สวนกวาง เปน็ ต้น อพยพย้ายถ่ิน ส่วนพื้นที่บนบกหรือในป่าเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (upland game refuge) ตลอดจนมีการจัดการเรื่องการปรับปรุงถ่ินที่ 3) การจัดการสัตว์ปา่ ในทวีปอเมรกิ าเหนือ อาศยั แหลง่ อาหาร นำ�้ ทหี่ ลบภยั สำ� หรบั สตั วป์ า่ ทวปี อเมรกิ าเหนอื เปน็ ถน่ิ ทอ่ี าศยั เดมิ ของชาวอนิ เดยี นแดง โดยชาว ประเทศสหรัฐอเมริกานับว่าเป็นประเทศท่ีเป็นผู้น�ำด้านการจัดการ ผวิ ขาวจากทวีปยโุ รปได้อพยพไปตง้ั ถนิ่ ฐานเมอื่ ราว 200 กว่าปที ีผ่ ่านมา สัตว์ป่าท่ีประสบผลส�ำเร็จ ศาสตร์และศิลป์ในการจัดการสัตว์ป่าเร่ิมขึ้น มีการลา่ สัตวป์ า่ กันอยา่ งกว้างขวาง ทำ� ให้สัตว์ปา่ หลายชนดิ สูญพันธ์ุ เช่น อย่างจริงจังโดย Aldo Leopold (ค.ศ. 1886 - 1948) ท่ีเขียนต�ำรา นกพิราบพาสเซนเจอร์ (passenger pigeon) บางชนดิ เกอื บจะสญู พนั ธ์ุ เรอ่ื ง Game Management (ค.ศ. 1933) ซง่ึ ไดก้ ลา่ วถงึ “การจดั การสตั วป์ า่ เชน่ ไบซนั อเมรกิ นั (American bison) นอกจากนนั้ บางชนดิ ลดจำ� นวนลง ว่าเป็นศิลปะในการท�ำให้ที่ดินสร้างผลผลิตสัตว์ป่าที่ยั่งยืนเพื่อ เช่น กวางเอลค์ (elk deer) และกวางหางขาว (white - tailed deer) การนันทนาการ” Leopold ใช้คำ� วา่ Game แทนคำ� ว่า Wildlife เพราะ การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ ในอเมรกิ าไดพ้ ฒั นาจากการลา่ ทไ่ี มม่ ขี อบเขตและ การล่าสัตว์ป่าที่กล่าวถึง เป็นสัตว์ป่าที่ใช้ล่าเพ่ือเกมกีฬา นอกจากนี้ ไม่มีกฎหมายควบคุมมาเป็นวิธีการจัดการสัตว์ป่าท่ีมีกฎหมายควบคุม ยงั เขียนต�ำราเร่อื ง A Sand County Almanac (ค.ศ. 1948) ที่เขา้ ใจ ตลอดจนมหี นว่ ยงานรบั ผดิ ชอบเกดิ ขน้ึ โดยรฐั บาลทอ้ งถน่ิ หรอื รฐั แตล่ ะรฐั มมุ มองกวา้ งไกลถงึ การจดั การสตั วป์ า่ ทแ่ี ทจ้ รงิ วา่ เปน็ การจดั การระบบนเิ วศ ได้มกี ฎระเบยี บใช้บงั คับ เชน่ การก�ำหนดหา้ มล่ากวางในรอบปี การออก (ecosystem management) ต�ำราทั้งสองเล่มนี้ยังมีการใช้ประกอบ กฎหมายควบคุมท่เี รยี กว่า game laws การลา่ สตั ว์ป่าทต่ี อ้ งมีใบอนุญาต การเรยี นวชิ าการจัดการสัตว์ป่าในระดบั มหาวทิ ยาลัยอยูใ่ นปัจจบุ ัน (hunting license) การจำ� กดั จำ� นวนสตั วท์ อี่ นญุ าตใหล้ า่ ได้ เรยี กวา่ “bag การจดั การสตั วป์ า่ เพอ่ื เกมกฬี า จะกำ� หนดชนดิ พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ บางชนดิ limit” การออกกฎหมายห้ามค้าสัตว์ป่าท่ีล่าได้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยการสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ผลผลติ ประชากรสว่ นเกนิ (surplus population) กฎหมายเกย่ี วกบั การควบคมุ นกอพยพ การจดั ใหม้ เี จา้ หนา้ ทพี่ ทิ กั ษส์ ตั วป์ า่ การใหใ้ ชป้ ระโยชนช์ นดิ พนั ธด์ุ งั กลา่ วในรปู แบบของการลา่ ผลู้ า่ จะตอ้ งเสยี (game warden) ดูแลคมุ้ ครองสัตว์ป่า และพ้ืนทค่ี ุม้ ครอง ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมรายตัวสัตว์ (license fees) 16 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตวป์ า่ ในพ้นื ทีค่ ้มุ ครอง

การก�ำหนดพ้ืนที่ทอี่ นุญาตใหล้ ่า ผูล้ า่ สัตว์ป่าจะตอ้ งปฏบิ ตั ิตามกฎเกณฑ์ และแรดขาว เพอื่ นำ� สว่ นของรา่ งกายไปจำ� หนา่ ยตา่ งประเทศกย็ งั มอี ยู่ แต่ และการใช้อุปกรณ์ เช่น กฎเกณฑ์ที่ระบุไว้ว่า การยิงนกเป็ดน้�ำต้องยิง ก็ลดน้อยลงเนื่องมาจากการดูแลอย่างเข้มงวด การล่าสัตว์ป่าในบาง ขณะทน่ี กบนิ การยงิ กวางปา่ ตอ้ งยงิ ขณะทกี่ วางกำ� ลงั วงิ่ ผลู้ า่ จะตอ้ งสวมเสอ้ื ประเทศ ชนพ้ืนเมืองจะล่าเพื่อน�ำเนื้อไปเป็นอาหาร ขณะเดียวกันได้มี สีส้มสะท้อนแสงเพื่อให้มีการสังเกตได้ง่าย เงินรายได้จากค่าธรรมเนียม การสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารเพาะเลยี้ งขยายพนั ธเ์ุ ปน็ ฟารม์ เลย้ี งสตั วป์ า่ (wildlife ใบอนุญาตล่าสัตว์ ได้น�ำมาใช้ในการอนุรักษ์และการจัดการสัตว์ป่า farm) ท้ังท่ีด�ำเนินการโดยภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อน�ำเนื้อไปเป็น ในพนื้ ทท่ี ี่ใชล้ ่าสัตว์ดงั กลา่ วต่อไป อาหารและสว่ นของอวยั วะใชเ้ ปน็ เครอ่ื งประดบั สตั วป์ า่ ทไี่ ดร้ บั การพจิ ารณา ให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจและมีการเพาะเลี้ยงกัน คือ นกกระจอกเทศ 4) การจัดการสตั วป์ า่ ในทวีปแอฟริกา ลาแอฟริกา ม้าลาย และสตั วท์ ่ีมีเขาเป็นเกลยี ว (antelope) ชนิดตา่ งๆ ประเทศในทวปี แอฟรกิ าสว่ นใหญใ่ นอดตี เปน็ อาณานคิ มขององั กฤษ และฝรัง่ เศส การคุ้มครองสตั ว์ปา่ และถน่ิ ทอ่ี าศัยในแต่ละประเทศจะเป็น 5) การจดั การสตั วป์ า่ ในออสเตรเลียและนิวซแี ลนด์ หน้าท่ีแนวคิดของชนผิวขาวผู้ดูแลประเทศอาณานิคมที่ไปประจ�ำอยู่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีชนพ้ืนเมือง คือ ชาวอะบอริจินและ ขณะเดยี วกนั กม็ กี ารนำ� ออกมาใชป้ ระโยชน์ โดยสง่ กลบั ไปยงั ประเทศของ เมารี ตามล�ำดับ ส่วนชนผิวขาวได้ส�ำรวจพบและอพยพเข้าไปอาศัยอยู่ ตนเอง มกี ารจดั ตงั้ พนื้ ทเ่ี ปน็ อทุ ยานแหง่ ชาติ (national park) พน้ื ทสี่ งวน ประมาณ 200 ปเี ศษ ชนพืน้ เมอื งมอี าชพี ล่าสตั วป์ า่ ที่เป็นไปอย่างรุนแรง ธรรมชาติ (nature reserve) หรือพื้นที่สงวนพันธุ์สัตว์ป่า (game และไมม่ กี ารควบคมุ จนกระทงั่ ปี ค.ศ. 1912 ไดม้ กี ารคมุ้ ครองสตั วป์ า่ เกดิ reserve) มีการป้องกันการล่าสัตว์ป่า แต่ชนพ้ืนเมืองจะไม่เห็นด้วย ข้ึน เน่ืองจากสัตว์ป่าบางชนิดถูกล่าจนเกือบสูญพันธุ์ หลังจากได้มี เพราะชนพื้นเมืองมีการใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่าในการล่าเพื่อน�ำมาเป็น การประกาศควบคุมการล่าสัตว์ป่าในปี ค.ศ. 1970 สัตว์ป่าหลายชนิด อาหาร ภายหลงั ประเทศตา่ งๆ เหล่านั้นไดร้ ับเอกราช การบริหารจดั การ เพม่ิ จำ� นวนมากขึ้น เชน่ จระเขน้ ำ้� เค็ม ตนุ่ ปากเป็ด เปน็ ตน้ สตั วป์ ่า จงึ เปน็ การด�ำเนินการโดยชนพนื้ เมอื ง ออสเตรเลยี มกี ารนำ� เขา้ สตั วป์ า่ ตา่ งถนิ่ หลายชนดิ บางชนดิ สามารถ การใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่าในปัจจุบันที่เป็นที่รู้จักกันดีคือการ เจรญิ เตบิ โตเพิม่ ประชากรอย่างรวดเร็ว เชน่ สุนัข กระตา่ ย ควาย วัวแดง จัดการสัตว์ป่าเพ่ือดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไปชมสัตว์ป่าใน หมู แมว ม้า และอูฐโหนกเดียว จนกลายเป็นคู่แขง่ ของสตั ว์ป่าประจำ� ถนิ่ ธรรมชาติ ในรปู แบบการขบั รถชมสตั ว์ป่า (game drives) นับว่าเปน็ การ ที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียและท�ำลายระบบนิเวศ จึงได้มีการควบคุม สรา้ งรายได้ใหแ้ กป่ ระเทศนน้ั ๆ เช่น เคนยา แทนซาเนีย รวนั ดา นามิเบยี สัตว์ป่าชนิดพันธุ์ต่างถ่ิน รวมท้ังการก�ำหนดมาตรการควบคุม เช่น บอตสวานา และสาธารณรฐั แอฟรกิ าใต้ การควบคุมประชากรโดยขบวนการชีวภาพ หรอื ควบคมุ การเพมิ่ ขนึ้ ของ ปัญหาการลักลอบล่าสตั วป์ ่าบางชนดิ เช่น ช้างแอฟริกาใต้ แรดด�ำ ประชากร แรดดำ� (Diceros bicornis) ไฮยนี า (Crocuta crocuta) ม้าลาย (Equus grevyi) 17 ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตว์ป่าในพนื้ ทค่ี ุ้มครอง

จระเข้น้ำ� เคม็ (Crocodylus porosus) จระเข้น้ำ� จดื (Crocodylus siamensis) มกี ารคมุ้ ครองพนื้ ทธ่ี รรมชาตทิ งั้ บรเิ วณปา่ ไม้ ทงุ่ หญา้ แมน่ ำ้� ทะเลทราย ส่งไปจ�ำหน่ายต่างประเทศเป็นจ�ำนวนมาก ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีการ หาดทราย แนวปะการงั เปน็ อทุ ยานแหง่ ชาตทิ างบก และอทุ ยานแหง่ ชาติ ส่งหนังกวาง ปลาแห้ง นอแรด งาช้าง ช้าง และของป่าไปจ�ำหน่าย ทางทะเล เพ่ือการอนุรักษ์พืชพรรณและสัตว์ป่า ซ่ึงสัตว์ป่าที่ส�ำคัญใน ต่างประเทศเป็นจ�ำนวนมาก มีหลักฐานเกี่ยวกับการเก็บภาษีอากร ออสเตรเลีย 2 ชนิด คือ จระเข้น้�ำจืด และจระเข้น้�ำเค็ม รวมทั้งมีการ รังนกอีแอน่ และส่งออกไปยังประเทศจนี จดั การการใชป้ ระโยชนจ์ ากสตั วป์ า่ ตา่ งถน่ิ ในเชงิ นนั ทนาการและเศรษฐกจิ การบังคับใช้กฎหมาย ได้มีการตรากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่า เชน่ กวางปา่ กวางแดง เนอ้ื ทราย เปน็ ตน้ โดยไดม้ กี ฎหมายอทุ ยานแหง่ ชาติ เริ่มขึ้นคร้ังแรกในปี พ.ศ. 2443 โดยมีการตราพระราชบัญญัติรักษา และสัตว์ป่า ค.ศ. 1976 ใช้บังคับคุ้มครองชนิดพันธุ์และจ�ำแนกพื้นที่ ชา้ งปา่ ร.ศ. 119 เนอ่ื งจากราษฎรจบั ชา้ งมาใชง้ านกนั เปน็ จำ� นวนมาก และ ค้มุ ครอง มีการใชช้ ้างอย่างทรมาน ท�ำให้เกิดการควบคุมการจบั และดแู ลชา้ งไวใ้ น สว่ นนวิ ซแี ลนดซ์ ง่ึ อยใู่ กลก้ บั ออสเตรเลยี ประสบปญั หาในการอนรุ กั ษ์ ครอบครอง ส�ำหรับสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ ก็มีการใช้ประโยชน์จนบางชนิด สัตว์ป่าเฉพาะถ่ิน เช่น นกกีวี เป็นต้น แต่ประสบผลส�ำเร็จในการน�ำ สญู พนั ธแ์ุ ละใกลจ้ ะสญู พนั ธ์ุ บางชนดิ ประชากรลดจำ� นวนลงอยา่ งรวดเรว็ กวางแดงจากยุโรปมาขยายพันธุ์ในกรงเล้ียงจนสามารถเพาะเล้ียงเพ่ือ เน่ืองมาจากการล่าและท�ำลายถ่ินที่อาศัย รัฐบาลจึงได้ตรากฎหมาย นำ� เน้อื และผลติ ภัณฑ์วางจ�ำหนา่ ยในประเทศและส่งเป็นสนิ คา้ ออกไปยัง พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 โดยได้มีผล ตา่ งประเทศได้ บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2504 จนถึงปี พ.ศ. 2535 ไดม้ กี ารยกเลกิ พระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว และตราพระราชบญั ญตั สิ งวนและ 6) การจัดการสัตวป์ า่ ในประเทศไทย คุม้ ครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ข้ึนมาแทน โดยอา้ งถงึ ความจ�ำเป็นด้านการ ประเทศไทยในยุคแรกไม่ได้เน้นเร่ืองการอนุรักษ์สัตว์ป่ามากนัก เพาะเลย้ี ง การทจี่ ะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีกบั ต่างประเทศ โดยมสี าระ ราษฎรมีอิสระในการล่าและใช้ประโยชน์ มีการล่าสัตว์เพื่อด�ำรงชีพและ สำ� คัญให้มีการคมุ้ ครองชนิดพันธส์ุ ัตวป์ ่า และการคุ้มครองถน่ิ ทอี่ าศัย 18 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรัพยากรสตั วป์ า่ ในพน้ื ที่ค้มุ ครอง

ช้าง (Elephas maximus) 19 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรพั ยากรสัตวป์ ่าในพนื้ ทคี่ ้มุ ครอง

2หลักการอนุรกั ษแ์ ละการจัดการสตั วป์ า่ 20 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั วป์ ่าในพ้นื ที่คมุ้ ครอง

21 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพื้นทีค่ ุม้ ครอง

บทที่ 2 หลักการอนรุ กั ษแ์ ละการจดั การสตั ว์ป่า (Principle of Wildlife Conservation and Management) เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสัตว์ป่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ี หมายถึง ส่ิงมีชีวิตทุกชนิด ยกเว้นมนุษย์และสัตว์เล้ียงของมนุษย์ สามารถทดแทนในตัวเองได้ (renewable resource) หากเราได้ใชอ้ ยา่ ง โดยเฉพาะอย่างย่ิงสัตว์เล้ียงลูกด้วยนม สัตว์จ�ำพวกนก และปลา มีกฎเกณฑ์ มแี นวทางท่ปี ระกอบดว้ ยการรักษา ฟ้นื ฟู และจดั การสตั ว์ปา่ ซงึ่ ถูกล่ามาใชป้ ระโยชนข์ องมนุษย”์ สามารถทำ� ใหส้ ตั วป์ า่ หลายชนดิ ดำ� รงอยตู่ ลอดไป ในเรอื่ งของงานจดั การ ในขณะเดยี วกนั นกั ชวี วทิ ยาชาวองั กฤษไดข้ ยายขอบเขตความหมาย สตั วป์ า่ เปน็ ทง้ั ศาสตรแ์ ละศลิ ปใ์ นการตดั สนิ ใจดำ� เนนิ การปฏบิ ตั ใิ หบ้ รรลุ ของคำ� วา่ “สตั ว์ป่า ใหม้ ีความหมายครอบคลุมถงึ พชื ดว้ ย” วตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั การประชากรสตั วป์ า่ และถนิ่ ทอ่ี าศยั ใหเ้ ปน็ ไปตาม Brokaw (1978) อ้างในหนังสือของ Dasmann (1981) ได้ให้ ทสี่ งั คมตอ้ งการ และกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ มนษุ ยท์ งั้ ทางตรงและทางออ้ ม ความหมายของสัตวป์ า่ ไว้ว่า “สัตว์ปา่ หมายถงึ สตั ว์ป่าจ�ำพวกนก และ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และในบางกรณีจะครอบคลุมถึงสัตว์ท่ีมีกระดูก บทนิยามของคำ� ว่า สตั วป์ า่ สนั หลงั จ�ำพวกปลา สัตวส์ ะเทนิ น้ำ� สะเทนิ บก และสตั ว์เลื้อยคลานดว้ ย” ค�ำวา่ “สัตว์ปา่ ” จะมีบทนยิ ามหรือความหมายในหลายลักษณะ Dasmann และคณะ (1983) ได้ให้ความหมายของสัตวป์ ่าไว้วา่ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าเป็นนักชีววิทยา นักนิเวศวิทยา นักวิทยาศาสตร์ หรือ “สัตว์ป่า หมายถึง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ปลา สัตว์เล้ือยคลาน นกั จดั การสตั ว์ปา่ สัตว์สะเทินน้�ำสะเทินบก และสัตว์ท่ีไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิดที่มี สัตวป์ ่า (wildlife) ใน Webster’s Third New International ความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ นิเวศวิทยา และวัฒนธรรม รวมถึงสัตว์เลี้ยง Dictionary (Gove, 1971) ไดใ้ ห้ความหมายของสัตว์ป่าไวว้ า่ “สตั วป์ ่า บางชนิดที่หลบซ่อนและอาศัยอยู่ในป่า ซึ่งสามารถปรับตัวให้เข้ากับ 22 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ ่าในพ้ืนที่คมุ้ ครอง

สตั วป์ า่ ได”้ กลุ่มของสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันในการให้ความ Robinson and Bolen (1984) ไดใ้ หค้ วามหมายของสตั วป์ า่ ไวว้ า่ สำ� คญั กบั สง่ิ มชี วี ติ ทมี่ อี ยใู่ นปา่ ธรรมชาติ และไมค่ รอบคลมุ ถงึ พชื และสตั ว์ “สัตว์ป่า หมายถึง ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดที่ด�ำรงชีพอยู่ได้โดยปราศจากการ ทมี่ นษุ ย์ปลกู หรอื เลยี้ งไว้ ควบคุมโดยตรงของมนษุ ย์ ซง่ึ จะรวมถงึ พืชพนั ธ์ุชนิดตา่ งๆ ทีม่ นษุ ย์ไม่ได้ ปลกู และสัตวป์ ่าชนดิ ต่างๆ ที่มนุษยไ์ มไ่ ด้เลย้ี ง” หลกั การจัดการสตั ว์ป่า Oven and Chiras (1990) ได้ให้ความหมายของสัตว์ป่าไว้ว่า หลักการจัดการสัตว์ป่า ได้มีการเรียนการสอนกันในระดับ “สัตว์ป่า หมายถึง พืชและสัตว์ทุกชนิดที่อาศัยอยู่บนโลกท่ีไม่ มหาวิทยาลัยหลายๆ แหง่ ทงั้ ในประเทศและต่างประเทศ ท้ังน้ีเกิดจาก ได้รับการเล้ียงดูจากมนุษย์ และไม่หมายความรวมถึงพืชและสัตว์ป่าใน การใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่าในหลายรูปแบบ และชนิดพันธุ์สัตว์ป่าท่ีมี ส่วนทเ่ี ป็นเกษตรกรรมและปศสุ ตั ว์” ปริมาณลดลง เนื่องจากการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ทั้งท่ีถูกต้องและ Gysel (1975) ได้ให้ความหมายของสัตว์ป่าไว้ว่า “สัตว์ป่า ไมถ่ กู ตอ้ งหรอื ไมย่ งั่ ยนื จงึ ไดม้ กี ารจดั การทรพั ยากรสตั วป์ า่ เพอ่ื ใหส้ ตั วป์ า่ หมายถึง สัตว์ป่าท่ีอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ แต่ไม่หมายความรวมถึง อ�ำนวยผลประโยชน์ต่อสังคมของมนุษย์อย่างถาวรและเป็นประโยชน์ สตั วป์ า่ ทน่ี ำ� มาเลยี้ งไวใ้ นบา้ นหรอื สวนสตั วห์ รอื ในทใ่ี ดๆ ทไ่ี มเ่ ปน็ ธรรมชาติ สืบไป จงึ มนี กั วิชาการหลายๆ ทา่ นที่ไดน้ �ำหลักการจดั การมาใช้ปฏบิ ัติให้ ของสตั ว์ปา่ นอกจากน้ี สตั ว์ป่ายงั รวมไปถึงสัตวเ์ ล้ียงที่น�ำไปปลอ่ ยในป่า เหมาะสมและได้ผลอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอาจารย์ผู้สอนวิชาน้ีใน และสตั วเ์ หลา่ นน้ั ไดค้ นื สภาพการเปน็ สตั วป์ า่ ไปแลว้ แตถ่ า้ สตั วป์ า่ ดงั กลา่ ว มหาวิทยาลยั ตา่ งๆ และผู้ปฏิบัติงานในภาคสนามหลายๆ ทา่ น มีคุณสมบัติเหมือนสัตว์เลี้ยง คือยังมีความเช่ืองต่อมนุษย์ก็ไม่ถือว่าเป็น Leopold A.S. (1933) ไดเ้ ขยี นตำ� ราชอื่ วา่ Game Management สตั ว์ป่า” เม่ือปี ค.ศ. 1933 เพื่อใช้สอนนักศึกษาสาขาวิชาการจัดการสัตว์ป่า ความหมายของสตั วป์ า่ ในบทนยิ ามศพั ทต์ ามพระราชบญั ญตั สิ งวน ในมหาวทิ ยาลยั ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ ยงั ใชเ้ ปน็ ตำ� ราประกอบการเรยี น และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 “สัตว์ป่า หมายถึง สัตว์ทุกชนิดไม่ว่า อย่ใู นปจั จุบนั Leopold ไดใ้ ห้ความหมายของการจัดการสัตวป์ ่า (game สตั ว์บก สัตวน์ �้ำ สัตว์ปีก แมลงหรอื แมง ซง่ึ โดยสภาพธรรมชาติย่อมเกดิ management) ไวว้ า่ “เปน็ ศลิ ปะของการจดั การพนื้ ทใี่ ด เพอื่ หวงั ผลของ และดำ� รงชวี ติ อยใู่ นปา่ หรอื ในนำ้� และใหห้ มายความรวมถงึ ไขข่ องสตั วป์ า่ เหลา่ นนั้ ทกุ ชนดิ ดว้ ย แตไ่ มห่ มายความรวมถงึ สตั วพ์ าหนะทไ่ี ดจ้ ดทะเบยี น ท�ำตั๋วรูปพรรณตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะแล้ว และสัตว์พาหนะท่ี ไดม้ าจากการสืบพนั ธ์ขุ องสัตวพ์ าหนะดงั กล่าว” นอกจากน้ี ความหมายของสตั วป์ า่ ยงั มผี ใู้ หค้ วามหมายไวม้ ากมาย เช่น ในหนังสือวิชาการ Journal of Wildlife Management ของ Wildlife Society ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ไดใ้ หค้ วามหมายของสตั วป์ า่ ไวว้ า่ “สัตวป์ ่า หมายถงึ สัตว์ป่าจำ� พวกนกและสตั วเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนม” ในขณะ เดยี วกนั หนงั สอื วชิ าการ National Wildlife และ International Wildlife ได้ใหค้ วามหมายท่คี รอบคลุมถงึ พืช สัตวท์ ่ไี มม่ ีกระดกู สันหลงั ปลา สัตว์ เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้�ำสะเทินบก โดยไม่ได้ให้ความส�ำคัญกับ สัตว์ป่าจ�ำพวกนกและสตั ว์เลี้ยงลูกดว้ ยนมแต่เพียงอย่างเดยี ว ฉะน้ัน เม่ือพิจารณาถึงความหมายของสัตว์ป่าของนักวิชาการ ทั้งหลายดังกล่าวแล้ว สรุปได้ว่า การให้ความหมายของสัตว์ป่า มีความ แตกต่างกันใน 2 ลักษณะ คือ การให้ความหมายครอบคลุมเฉพาะ หมีควาย (Ursus thibetanus) 23 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรัพยากรสัตว์ป่าในพ้นื ท่ีคมุ้ ครอง

เน้อื ทราย (Cervus porcinus) สัตว์ป่า (sustained crops of wild game) ให้มีประโยชน์ทางด้าน ใหล้ า่ เพศของสตั วป์ า่ ทใ่ี หล้ า่ ฤดกู าลลา่ ตลอดจนการแตง่ กายของนกั ลา่ นนั ทนาการ (recreation) อนั ยัง่ ยนื ตลอดไป” สัตวป์ ่า จากความหมายดงั กลา่ ว มขี อ้ สงั เกตทจ่ี ะตอ้ งอธบิ ายใหช้ ดั เจนอยู่ การจัดการสัตว์ป่าตามความหมายของ Leopold จะกล่าวถึง หลายคำ� คอื คำ� วา่ Game ในความหมายจะหมายถงึ สตั วป์ า่ ทงั้ นเ้ี พราะวา่ การจัดการพื้นที่ถิ่นท่ีอาศัยของสัตว์ป่า เพ่ือให้สัตว์ป่าได้อาศัยอย่าง ในยคุ นน้ั มสี ตั วป์ า่ หลายชนดิ ทชี่ าวอเมรกิ นั ใชล้ า่ เพอื่ เกมกฬี าในยามทอ่ี อก ปลอดภัย สามารถเพ่ิมจ�ำนวนประชากรมากขึ้นและให้ประโยชน์ ไปทอ่ งเทยี่ วพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ ซงึ่ การลา่ สตั วป์ า่ เพอื่ เกมกฬี าจะตอ้ งดำ� เนนิ ตอ่ มนษุ ยไ์ ด้ใชใ้ นการพักผอ่ นหย่อนใจจากการลา่ การขออนญุ าตใหถ้ กู ตอ้ งตามกฎหมาย ขอ้ กำ� หนดและวธิ กี ารลา่ กลา่ วคอื Trippensee (1948) ไดใ้ หค้ วามหมายของการจดั การสตั วป์ า่ ไวว้ า่ ผู้ล่าจะต้องขอรับใบอนุญาตล่าสัตว์ป่า ต้องเสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาต หมายถึง การจัดการพ้นื ที่ดินและแหล่งน้ำ� เพ่อื ผลติ ผลของสตั วป์ ่า และค่าธรรมเนียมรายตัวสัตว์ การก�ำหนดจ�ำนวนท่ีอนุญาตให้ล่า พ้ืนที่ Trippensee ซึ่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ได้เขียนต�ำรา ทอ่ี นุญาตใหเ้ ข้าไปลา่ วธิ กี ารลา่ จะตอ้ งยงิ สตั ว์ทกี่ �ำลังบิน เช่น นก หรอื ว่าด้วย wildlife management เพื่อใช้สอนนักศึกษาในมหาวิทยาลัย สตั ว์ท่กี ำ� ลงั วิ่ง เชน่ กวางป่า ภาครฐั เองจะต้องกำ� หนดชนดิ พนั ธท์ุ อ่ี นญุ าต กล่าวถึงการจัดการถ่ินที่อาศัยของสัตว์ป่า ทั้งบนบกส�ำหรับสัตว์ป่าที่ 24 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจดั การทรัพยากรสตั วป์ า่ ในพน้ื ทีค่ มุ้ ครอง

อาศัยอยู่บนบก เช่น กวางป่า และแหล่งน้�ำส�ำหรับสัตว์ที่อาศัยอยู่ตาม Lavieren (1982) ไดก้ ลา่ ววา่ การจดั การสตั วป์ า่ เปน็ การดำ� เนนิ งาน แหล่งน�้ำ เช่น นกเป็ดน�้ำ และปลา ท้ังนี้ปลาก็เป็น game หรือสัตว์ที่ เก่ียวกับประชากรของสัตว์ป่า ถ่ินที่อาศัยของสัตว์ป่า ความสัมพันธ์ ประชาชนนิยมตกเปน็ กฬี า ระหว่างสัตว์ป่ากับถิ่นที่อาศัยให้สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ด้าน Gabrielson (1951) ได้ให้ความหมายของการจัดการสัตว์ป่าไว้ นนั ทนาการ การดำ� รงเผา่ พนั ธข์ุ องสตั วป์ า่ การศกึ ษาวจิ ยั การใชป้ ระโยชน์ ว่า หมายถึง การกระท�ำเพ่อื สงวนพนั ธส์ุ ัตวป์ า่ บ�ำรงุ รกั ษาประชากรของ จากสตั วป์ า่ อย่างยง่ั ยนื และการรกั ษาสมดุลของระบบนิเวศ สตั วป์ า่ ชนดิ ทมี่ ปี ระโยชนต์ อ่ มนษุ ย์ ควบคมุ ประชากรสตั วป์ า่ บางประเภท Dasmann และคณะ (1983) ได้ให้ความส�ำคัญของการจัดการ ให้อยู่ในระดับท่ีเหมาะสม ในขณะเดียวกันก็ก�ำจัดประชากรของสัตว์ป่า สัตวป์ า่ ในสว่ นท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การปอ้ งกนั ชนดิ พันธ์สุ ัตว์ปา่ และความเป็น บางประเภทท่ีไม่ต้องการให้น้อยลงและควบคุมการใช้ประโยชน์จาก เอกลกั ษณข์ องพ้นื ที่ การปรับปรงุ ระบบนเิ วศท่ถี ูกทำ� ลายให้มีสภาพดขี ึน้ ทรพั ยากรสัตว์ปา่ ให้พอดีกบั ก�ำลังผลติ และการเพิ่มผลผลติ ของถน่ิ ท่อี าศัยของสตั วป์ า่ Trefethan et al. (1966) ไดใ้ หค้ วามหมายของการจดั การสตั วป์ า่ ฉะนน้ั การจดั การสตั วป์ ่าจงึ เป็นการด�ำเนนิ งานต่างๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ไว้ว่า โดยหลักการท่ัวไปแล้วเป็นการพยายามที่จะจ�ำกัดและควบคุม กบั ประชากรสตั วป์ า่ ถนิ่ ทอ่ี าศยั และมนษุ ยค์ วบคกู่ นั ไป โดยมอี งคป์ ระกอบ ประชากรสัตว์ปา่ เพ่อื ผลประโยชน์อันสำ� คัญของสังคม ต่างๆ เข้ามาเก่ียวข้องและมีส่วนในการก�ำหนดมาตรการความส�ำเร็จใน Gysel (1975) ได้ให้ความหมายของการจัดการสัตว์ป่าไว้ว่า การจัดการสัตวป์ ่า องค์ประกอบอาจจะมีความผนั แปร และแตกตา่ งกัน หมายถึง การผลิต (production) การบ�ำรุงรักษา (maintenance) และ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการจัดการสัตวป์ า่ เชน่ ความตอ้ งการสตั ว์ปา่ และ การเกบ็ เกย่ี วผล (harvest) การพยายามจดั หาหรอื การคมุ้ ครองประชากร ผลติ ผลของสตั วป์ า่ ความสมดลุ ของระบบนเิ วศและการใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ ง ของสัตว์ป่าในพื้นท่ีใดๆ โดยส่งเสริมหรือปรับปรุงถ่ินที่อาศัยของสัตว์ป่า ยั่งยืน การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดการสัตว์ป่าต้อง ควบคุมหรือจ�ำกัดประชากรสัตว์ป่าเท่าที่จ�ำเป็น ท้ังน้ีเพื่อหวังผลในเร่ือง ตง้ั อยบู่ นพน้ื ฐานของการใชป้ ระโยชน์อย่างชาญฉลาด มีการป้องกนั การ ผลิตผลของสัตวป์ ่า การนันทนาการ ประเพณี วัฒนธรรม และการศกึ ษา ปรบั ปรงุ การควบคมุ ประชากรสตั วป์ า่ และถน่ิ ทอ่ี าศยั ใหเ้ หมาะสมตอ่ การ ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนการป้องกันอันตรายอันอาจจะเกิดข้ึนกับ ด�ำรงชีวิต และการใช้ประโยชน์ของสัตว์ป่า การจัดการเพื่อให้สามารถ สขุ ภาพและทรัพย์สนิ ของมนษุ ย์ สงวนรักษาพ้ืนท่ีธรรมชาติท่ีคงความอุดมสมบูรณ์ สามารถตอบสนอง Giles (1978) ได้ให้ความหมายของการจัดการสัตว์ป่าไว้ว่า ความต้องการของสัตว์ป่าได้อย่างต่อเนื่อง ควบคุมปริมาณสัตว์ป่าให้มี หมายถึง การใช้เทคนิควิธีการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะในการด�ำเนิน ความสมดลุ ภายในระบบนเิ วศและนำ� ผลผลติ สว่ นเกนิ ของประชากรสตั วป์ า่ งานที่เกีย่ วกับถิน่ ที่อาศยั และประชากรสัตว์ป่าให้มีความสมดุลกัน เพ่ือ มาใช้ประโยชน์โดยวิธีการต่างๆ ท่ีไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อถ่ินท่ี ผลประโยชน์ให้แก่มนุษย์ได้ใช้ทรัพยากรสัตว์ป่าตลอดไปโดยสม่�ำเสมอ อาศยั ของสตั วป์ า่ การจดั การสตั วป์ า่ จงึ เปน็ การดำ� เนนิ งานในลกั ษณะผสม อย่างไมม่ ีทีส่ ้ินสุด ผสานระหวา่ งการอนุรักษแ์ ละการพัฒนา กล่าวคือ เป็นการปอ้ งกันมิให้ กวางป่า (Cervus unicolor) ลงิ วอก (Macaca mulatta) นกตีนเทียน (Himantopus himantopus) 25 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตว์ปา่ ในพน้ื ทค่ี ุ้มครอง

นกยางควาย (Bubulcus ibis) สตั ว์ป่าลดจ�ำนวนลงและถิน่ ที่อาศยั ของสตั ว์ป่าถกู ทำ� ลาย อันจะเป็นการ นิวัติ (2533) ได้ให้ความหมายของการอนุรักษ์ไว้ว่า การรู้จักใช้ น�ำมาซ่ึงการพัฒนาหรือปรบั ปรงุ ระบบนเิ วศทถ่ี กู ทำ� ลายจนเสอ่ื มสภาพ ทรพั ยากรอยา่ งชาญฉลาดใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ มหาชนมากทส่ี ดุ และใชไ้ ด้ ใหม้ คี วามอดุ มสมบรู ณย์ ง่ิ ขนึ้ เปน็ การเพมิ่ ผลผลติ ของสตั วป์ า่ ในพน้ื ทนี่ น้ั ๆ เป็นระยะเวลายาวนานท่ีสุด ทั้งน้ี ต้องให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่า ประโยชนน์ ้อยทส่ี ุด และต้องกระจายการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรโดย บทนยิ ามของการอนรุ กั ษแ์ ละการจดั การสตั วป์ า่ ทั่วถึงกัน เม่ือน�ำเอาค�ำว่า สัตว์ป่า มาประกอบกับค�ำว่า การอนุรักษ์และ การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ จงึ เปน็ การดำ� เนนิ งานเพอื่ การใชป้ ระโยชน์ การจัดการ คือ การอนุรักษ์สัตว์ป่า และการจัดการสัตว์ป่า จะมี จากความอดุ มสมบรู ณข์ องสัตว์ปา่ โดยมกี ารจดั การทีถ่ ูกตอ้ ง และเกิด ความหมายท่ีแตกตา่ งกันไป การสูญเปลา่ น้อยท่สี ดุ การอนุรักษ์ หมายถึง การด�ำเนินงานด้านการป้องกัน การดูแล การจัดการ ในมิติของการจัดการสัตว์ป่า หมายถึง การกระท�ำ รักษา การสงวนและการคมุ้ ครอง การจดั การและการศึกษา ที่เป็นส่วนหน่ึงของการอนุรักษ์กิจกรรมท่ีต้องกระท�ำหรือการปรับปรุง ในความหมายของการอนุรักษ์ เป็นการจัดการในการใชช้ ีวิตเพอื่ การสร้างสวัสดิการ การอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ท่ีหาได้ยากหรือใกล้สูญพันธุ์ ให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน เป็นการรักษาศักยภาพท่ีจะด�ำรง การปล่อยคืนสูธ่ รรมชาติ และการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ความต้องการและความจ�ำเป็นของชนรุ่นต่อไปในอนาคต การอนุรักษ์ จึงหมายถึง การสร้างสรรค์ การรวบรวม การสงวน การรักษา การใช้ การจัดการสัตว์ป่า ในภาพรวมจึงเป็นการใช้เทคนิควิธีการ ประโยชนอ์ ย่างยัง่ ยืน การทดแทนและการสง่ เสริม ทางวทิ ยาศาสตร์ และศลิ ปะในการดำ� เนนิ งานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั การ ปริมาณประชากรสัตว์ป่าและการจัดการถิ่นที่อาศัย เพื่อให้ปริมาณ ประชากรสัตว์ป่าสมดุลกันกับถิ่นที่อาศัย การจัดการสังคมมนุษย์ เพ่ือใหส้ ัตว์ปา่ มีผลประโยชน์ตอ่ มนษุ ย์ไดใ้ ชต้ ลอดไปโดยไมม่ ีท่ีสนิ้ สดุ 26 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสตั ว์ปา่ ในพน้ื ท่ีคมุ้ ครอง

จากรายละเอียดดังกล่าว จะเห็นได้ว่า การจัดการสัตว์ป่าเป็น เปา้ หมายของการจัดการสัตว์ป่า วทิ ยาศาสตรแ์ ละศลิ ปะในการตดั สนิ ใจดำ� เนนิ การเพอ่ื การปรบั ปรงุ พฒั นา นกั วชิ าการสตั วป์ า่ ไดใ้ หค้ วามหมายของการจดั การสตั วป์ า่ ดงั กลา่ ว โครงสร้างและการเปลี่ยนแปลงประชากรสัตว์ป่า ความสัมพันธ์ระหว่าง มาแล้ว ว่าเป็นการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะในการจัดการ ประชากรสัตว์ป่าชนิดต่างๆ กับถ่ินท่ีอาศัยและประโยชน์ท่ีสาธารณชน สตั วป์ า่ เพอื่ ประโยชนข์ องมนษุ ย์ โดยการกระทำ� รว่ มกนั ระหวา่ งการจดั การ ไดร้ บั จากทรพั ยากรสตั วป์ า่ ขอบเขตการดำ� เนนิ งานดา้ นการจดั การสตั วป์ า่ ประชากรสัตวป์ ่า ถ่นิ ทอ่ี าศัยและมนุษย์ จากแนวทางเหลา่ น้ีท�ำให้มกี าร จะครอบคลุมถึงการเพิ่มปริมาณประชากรสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ให้มี แบง่ แนวทางการจดั การสตั วป์ า่ ไดห้ ลายเปา้ หมายดว้ ยกนั ขน้ึ อยกู่ บั วา่ จะ ปริมาณมากข้ึนจนถึงระดับท่ีปราศจากการสูญพันธุ์ ถ้าหากการจัดการ ใชเ้ ปา้ หมายใดเปน็ หลัก หรอื จะใช้หลายๆ เป้าหมายก็ได้ เป้าหมายของ มผี ลตามเปา้ หมายเพอ่ื การใชป้ ระโยชน์ อาจจะดำ� เนนิ การไดใ้ นการลา่ เพอื่ การจัดการสตั ว์ป่าจะกำ� หนดไว้กวา้ งๆ ดังน้ี เกมกีฬา การท่องเท่ียวหรือการใช้เพื่อเป็นอาหาร บางคร้ังอาจจะมีการ ควบคุมประชากรท่ีเปน็ อันตรายตอ่ มนษุ ยห์ รือเป็นศตั รูพชื ควายป่า (Bubalus bubalis) 27 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรัพยากรสตั ว์ป่าในพ้ืนทค่ี ุ้มครอง

1. การจดั การสตั วป์ า่ ทม่ี เี ปา้ หมายเพอื่ ดำ� รงรกั ษาชนดิ พนั ธข์ุ อง 4. การจดั การสตั วป์ า่ เพอ่ื การพฒั นาเทคนคิ การวจิ ยั (techniques สตั วป์ า่ (species approach) เปน็ การจดั การสตั วป์ า่ เพอื่ การอนรุ กั ษช์ นดิ approach) เป็นการจัดการเพื่อก�ำหนดเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่น�ำมา พันธุ์สัตว์ป่าโดยเฉพาะ ทั้งที่เป็นการจัดการตัวชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าและ ใชใ้ นการพฒั นาการจดั การสตั วป์ า่ เชน่ เทคนคิ ในการศกึ ษาการเคลอ่ื นยา้ ย ปญั หาทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เชน่ การจำ� แนกชนดิ พนั ธ์ุ การจดั กลมุ่ ชนดิ พนั ธท์ุ ไ่ี ดร้ บั ของสตั ว์ปา่ เทคนิคท่ีกำ� หนดเพอ่ื หาน�ำ้ หนกั ของสัตวป์ ่าในธรรมชาติ การ ผลกระทบจากปจั จยั ตา่ งๆ อนั จะทำ� ใหก้ ารสญู เสยี เกดิ ขน้ึ ชนดิ พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ค�ำนวณชั้นอายุของสัตว์ป่า เทคนิคการส�ำรวจประชากรสัตว์ป่า การ ทห่ี าไดย้ ากหรอื ใกลส้ ญู พนั ธ์ุ การมเี ปา้ หมายจดั การจะทำ� ใหก้ ารจดั การดขี นึ้ ตดิ ตามและการประเมินผลเกีย่ วกบั สตั วป์ ่า 2. การจดั การสตั วป์ า่ ทม่ี เี ปา้ หมายเพอ่ื การอนรุ กั ษป์ า่ ไม้ (biome 5. การจดั การสตั วป์ า่ ทเ่ี นน้ หนกั ในเรอ่ื งของการจดั การประชากร approach) เปน็ การจดั การปา่ ไมช้ นดิ ตา่ งๆ ซง่ึ เปน็ ถนิ่ ทอี่ าศยั ของสตั วป์ า่ ถน่ิ ท่ีอาศยั และมนุษย์ (population – habitat – people approach) โดยตรง เพอื่ เปน็ การดวู า่ ชนดิ ของปา่ ไมม้ คี วามแตกตา่ งกนั อยา่ งไร มปี จั จยั เป็นการจัดการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประชากรสัตว์ป่า ถ่ินที่อาศัย อะไรบ้างทเี่ ขา้ มาเก่ียวข้อง มโี ครงสรา้ งและการเปลีย่ นแปลงอย่างไรบ้าง และมนุษยอ์ ย่างมีระบบ เช่น การฟื้นฟูประชากรสตั วป์ า่ การปล่อยคนื สู่ 3. การจดั การสตั วป์ า่ เพอ่ื การอนรุ กั ษค์ วามอดุ มสมบรู ณข์ องดนิ ธรรมชาติ การคุ้มครองชนิดพันธุ์ที่หาได้ยาก การสงวนชนิดพันธุ์ท่ีมี (land health approach) เป็นการจดั การเพอ่ื รกั ษาความอุดมสมบูรณ์ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การค้มุ ครองถ่ินทีอ่ าศัยและการใชป้ ระโยชน์ ของดิน ป้องกันความเส่ือมโทรม การพังทลายของดิน หรือต้องการให้ ของสงั คมท้องถน่ิ พ้ืนดินรักษาความชุ่มช้ืน ปัญหาการใช้พ้ืนท่ีดินท่ีก่อให้เกิดสิ่งแวดล้อม 6. การจัดการสัตว์ป่าเพ่ือเป็นการสงวนพลังงาน (energetic เสอ่ื มโทรมหรอื มกี ารเปลย่ี นแปลงเกดิ ขน้ึ จำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั การดแู ลรกั ษา approach) โดยทั่วไประบบของการถ่ายทอดพลังงานจะขึ้นอยู่กับ และการปอ้ งกนั ดวงอาทิตย์ซ่ึงเป็นผู้ให้แสงสว่างและพลังงาน เนื่องมาจากกฎของ 28 ศาสตร์และศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพ้ืนท่คี ุม้ ครอง

“Law of Thermodynamics” กล่าวถึงพลังงานที่มีอยู่อย่างจ�ำกัด การจัดการสัตว์ป่าท่ียังมีชีวิตอยู่ เน่ืองจากว่าสัตว์ป่าที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น มีการแพร่กระจายและสูญหายไปตามข้ันตอนของกระบวนการถ่ายทอด สามารถให้ผลผลิต ให้ก�ำเนิดลูกหลานสืบพันธุ์ได้ สัตว์ป่าท่ียังมีชีวิตอยู่ พลังงานจากพืชสีเขียวท่ีเป็นผู้ผลิตไปยังสัตว์กินพืชท่ีเป็นผู้บริโภค ตอ้ งการอาศยั อยู่ในถิน่ ท่อี าศยั ท่ปี ลอดภยั ไม่ถูกล่าจนสูญพันธุ์ อนั ดบั แรก และจากสตั วก์ นิ พชื ไปยงั สตั วก์ นิ เนอ้ื ทเี่ ปน็ ผบู้ รโิ ภคอนั ดบั สอง อย่างไรก็ตาม การจัดการสตั ว์ปา่ มไิ ดม้ ุง่ หวังจากการใช้ประโยชน์ ซึ่งกระบวนการดงั กลา่ วนี้ จะมีพฤติกรรมหรอื การกระทำ� อยา่ งมรี ะบบ จากสตั วป์ า่ แตอ่ ยา่ งเดยี ว แตจ่ ะเกย่ี วขอ้ งกบั องคป์ ระกอบของระบบนเิ วศ 7. การจัดการสัตว์ป่าเพ่ือเป็นการรักษาระบบ (systems ท่ีสัตว์ป่ามีความสัมพันธ์กันอย่างต่อเน่ืองซ่ึงกันและกันตลอดเวลา การ approach) เป็นการจัดการเพ่ือก�ำหนดแนวทางที่มีการอนุรักษ์เพื่อ จัดการจึงเป็นการประยุกต์หลักการในการอนุรักษ์ความหลากหลาย การใช้ประโยชน์ให้มากและยั่งยืนที่สุด หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นการจัดการ ทางชีวภาพ การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ เชงิ ระบบนเิ วศ ภายในระบบจะมบี ทบาททซี่ บั ซอ้ น ทกุ ระบบจะเกยี่ วขอ้ ง และการอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มเขา้ ดว้ ยกนั แนวทางการดำ� เนนิ งานจงึ สามารถ กับปัจจัยภายในตัวเอง และปัจจัยภายนอกหรือกลุ่มอ่ืนๆ เช่น กวางป่า พจิ ารณาไดด้ ังนี้ มีความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มในทุ่งหญ้า ไม้พุ่มจะมีนกเหยี่ยวอาศัยอยู่ 1. ควบคุมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์ป่าให้พอเหมาะ หมาในจะอาศยั อยใู่ นสภาพปา่ ทเ่ี หมาะสม จะสมั พนั ธซ์ ง่ึ กนั และกนั ระบบ กับจ�ำนวนประชากรสัตว์ป่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยมีการใช้กฎหมาย ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ด้วยกันเอง หรือระหว่างชนิดพันธ์ุกับ กฎระเบียบ ขอ้ บงั คบั ตา่ งๆ ใหม้ ผี ลบังคับใช้อย่างรัดกุมและเข้มงวด สง่ิ แวดล้อมต่างๆ ทีเ่ ปน็ ไปอยา่ งสลบั ซบั ซอ้ น 2. ควบคมุ จำ� นวนชนดิ และปรมิ าณประชากรสตั วป์ า่ ในพนื้ ทใี่ ห้ แนวทางการจัดการสัตว์ป่า เพ่ือการใช้ประโยชน์มีหลายรูปแบบ เหมาะสมกับถิน่ ทอ่ี าศยั ข้นึ อยู่กับวัตถปุ ระสงคค์ วามตอ้ งการของมนษุ ย์ คณุ คา่ ทางเศรษฐกจิ และ 3. สงวนหรอื จดั การพน้ื ทถี่ นิ่ ทอี่ าศยั ใหเ้ หมาะสม เพอื่ ใหส้ ตั วป์ า่ สังคม ความต้องการเฉพาะทางวัฒนธรรม ส�ำหรับการใช้ประโยชน์จาก อาศยั อยูไ่ ดอ้ ย่างปลอดภยั สัตว์ป่า สามารถจ�ำแนกได้เป็น 2 ประการ คือ การใช้ประโยชน์จาก 4. ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการเพิ่มจ�ำนวนประชากรหรือ สัตว์ป่าท่ียังมีชีวิตอยู่ และการใช้ประโยชน์จากซากสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็น ความอดุ มสมบูรณ์ของสัตว์ปา่ เพือ่ ให้สามารถด�ำรงชีวิตและเพ่มิ ปริมาณ เนื้อ หนัง นอ เกล็ด เป็นต้น แนวทางการจัดการสัตว์ป่าจึงมุ่งเน้นไปท่ี ประชากรได้อย่างต่อเนอ่ื ง โดยการด�ำเนนิ การช่วยเหลอื ของมนษุ ย์ นกอนิ ทรดี �ำ (Ictinaetus malaiensis) หมาจ้งิ จอก (Canis aureus) 29 ศาสตร์และศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสัตวป์ า่ ในพน้ื ทค่ี ุ้มครอง

5. ควบคมุ ปัจจัยส่งิ แวดล้อมในพนื้ ที่ เพื่อให้พ้นื ทตี่ อบสนองตอ่ การด�ำรงชวี ติ ของสัตวป์ า่ ได้อยา่ งเหมาะสมและเปน็ ไปอย่างต่อเนือ่ ง ขอ้ มลู พนื้ ฐานทจี่ ำ� เปน็ ในการจดั การสตั วป์ า่ 1. สถานภาพของสัตวป์ า่ ในปจั จบุ ัน (presence of wildlife) เปน็ ขอ้ มลู สถานภาพปจั จบุ นั ของสตั วป์ า่ ดา้ นชนดิ พนั ธ์ุ ปรมิ าณ อายุ เพศ ลักษณะโครงสร้างของประชากร พฤตกิ รรมและลักษณะทางนิเวศวิทยา ของสัตว์ปา่ 2. สถานภาพของถ่ินท่ีอาศัย (presence of habitats) เป็น ข้อมูลพื้นฐานของถ่ินที่อาศัยเพ่ือจัดการให้ถูกต้อง ส�ำหรับสัตว์ป่าได้ใช้ ประโยชนอ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยใหค้ วามสำ� คญั กบั ชนดิ และลกั ษณะของถนิ่ ท่ี อาศัย ปริมาณการใช้ประโยชน์ของสัตว์ป่า คุณภาพของถ่ินที่อาศัย สถานภาพในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ปริมาณผลผลิต ศักยภาพ ของการผลิต และคุณภาพของอาหาร นกแขกเตา้ (Psittacula alexandri) นากใหญข่ นเรียบ (Lutrogale perspicillata) 30 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสตั วป์ ่าในพื้นท่คี ุ้มครอง

กวางผา (Naemorhedus griseus) 3. ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองของสตั วป์ า่ (reaction of wild animals) คุณค่าของสัตวป์ า่ เปน็ ขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าจากการตรวจสอบปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองของสตั วป์ า่ ตอ่ การ ในอดตี มนษุ ยด์ ำ� รงชพี ดว้ ยการลา่ สตั วป์ า่ เพอื่ นำ� เนอ้ื มาเปน็ อาหาร เปลี่ยนแปลงของปัจจัยส่ิงแวดล้อมต่างๆ เป็นข้อมูลพื้นฐานท่ีส�ำคัญใน ท้ังนี้เพราะว่าเนื้อสัตว์ป่าเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่ส�ำคัญของมนุษย์ การประเมินโครงสร้างของประชากรในปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลง หนังเป็นเคร่ืองนุ่งห่ม และช้ินส่วนอ่ืนๆ ของร่างกายสัตว์ป่าเป็นเคร่ือง โครงสรา้ งประชากรในอนาคต อตั ราการเกดิ อตั ราการตาย อตั ราการเจรญิ ประดับหรือเป็นส่วนประกอบของยาแผนโบราณ จนถึงปัจจุบันการใช้ เตบิ โต ตวั ชว้ี ดั ตลอดจนการเปลย่ี นแปลงทางพฤตกิ รรมและการปรบั ตวั ประโยชน์จากสัตว์ป่าก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีบทบาทท่ีส�ำคัญ ของสตั วป์ า่ ทม่ี ผี ลจากการเปลย่ี นแปลงของปจั จยั สง่ิ แวดลอ้ ม ในระบบนิเวศ โดยสัตว์ป่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีส�ำคัญท่ีได้มีการใช้ 4. ข้อมูลอื่นๆ ท่ีจ�ำเป็นต่อการน�ำมาใช้ในการจัดการสัตว์ป่า ประโยชน์มาเป็นระยะเวลานาน ท�ำให้บางชนิดต้องสูญพันธุ์หรือใกล้ นอกเหนือจากข้อมูลดังกล่าวแล้ว จะแตกต่างไปตามลักษณะของพ้ืนท่ี สูญพันธุ์ จากการน�ำมาใช้ประโยชน์และการท�ำลายถ่ินท่ีอาศัย จึงได้มี เชน่ ขอ้ มลู ทางเศรษฐกจิ และสงั คม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การจัดการสัตว์ป่าเกิดขึ้น เน่ืองจากสัตว์ป่าจัดเป็นทรัพยากรธรรมชาติ หรือความเชื่อทางศาสนา รวมทั้งข้อจ�ำกัดต่างๆ ในการจัดการสัตว์ป่า ท่ีงอกเงยเพิ่มพูนได้ ฉะนน้ั การจัดการสตั ว์ป่าจึงตอ้ งคำ� นงึ ถงึ คุณค่าของ ที่มีส่วนสัมพันธ์กับความต้องการ วัตถุประสงค์ และรูปแบบของการใช้ สตั ว์ปา่ เสยี ก่อนเพ่อื ให้มีการใช้ประโยชนอ์ ยา่ งถูกต้อง ประโยชน์ 31 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรพั ยากรสตั ว์ป่าในพน้ื ท่ีคมุ้ ครอง

สัตว์ป่ามีคุณค่าท้ังด้านบวกและด้านลบ ด้านบวกซึ่งให้คุณค่า โคลงกลอน งานศิลปกรรมและการดนตรี การบรรยายจากการที่ได้ ทั้งทางวตั ถแุ ละจติ ใจ มีดงั น้ี พบเห็นสัตว์ป่าท่ีอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ธรรมชาติท่ีสวยงาม แปลกตา 1. คุณค่าด้านความงามตามธรรมชาติ (aesthetic values) ความประทับใจก่อให้เกิดความรู้สึกที่มีชีวิตชีวาและต่ืนเต้น ตัวอย่าง สัตว์ป่าหลายชนิดมีรูปร่าง สีสัน เสียงร้อง และพฤติกรรมเป็นที่ดึงดูด เชน่ บทอาขยานสตั วส์ วย ปา่ งาม จากมลู บทบรรพกจิ ของพระยาศรสี นุ ทร- ใหเ้ กดิ ความประทบั ใจในการพบเหน็ และไดร้ บั การนำ� มากลา่ วในรปู บทกวี โวหาร (น้อย อาจารยางกรู ) “เห็นกวางยา่ งเยือ้ งชำ� เลอื งเดิน เหมือนอย่างนางเชิญ พระแสงสำ� อางขา้ งเคียง เรงิ ร้องซ้องเสียง เขาสูงฝูงหงสล์ งเรยี ง ฟังเสียงเพียงเพลง ส�ำเนยี งนา่ ฟงั วงั เวง เพียงฆอ้ งกลองระฆัง กลางไพรไกข่ นั บรรเลง พญาลอคลอเคียง ซอเจ้งจ�ำเรยี งเวียงวงั เพลินฟงั วงั เวง ยงู ทองรอ้ งกระโตง้ โห่งดัง ค่างแข็งแรงเริง แตรสงั ข์กงั สดาลขานเสียง อึงคะนงึ ผงึ โผง กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง แอ่นเอ้ียงอีโก้งโทงเทง ค้อนทองเสียงรอ้ งป๋องเป๋ง อเี กง้ เรงิ รอ้ งลองเชงิ ฝงู ละม่งั ฝงั ดนิ กนิ เพลิง ยืนเบง่ิ บ้ึงหน้าตาโพลง ปา่ สูงยงู ยางชา้ งโขลง โยงกันเล่นน้ำ� คล�่ำไปฯ” เก้ง (Muntiacus muntjak) คา่ งแว่นถน่ิ เหนือ (Presbytis phayrei) ไกฟ่ ้าพญาลอ (Lophura diardi) 32 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตวป์ า่ ในพืน้ ท่ีคุ้มครอง

2. คณุ คา่ ดา้ นการศกึ ษาและวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตร์ (education and scientific values) สตั วป์ ่าหลายชนดิ มคี ุณค่าต่อการคน้ คว้า ศกึ ษา วจิ ยั ในเรอ่ื งของชวี ติ และความเปน็ อยหู่ รอื พฤตกิ รรม ในการเรยี นการสอน ทางด้านชีววิทยา นิเวศวิทยาสัตว์ป่า การแพทย์ วิทยาศาสตร์ อวกาศ ซึ่งมีความจ�ำเป็นต้องใช้เป็นสัตว์ทดลอง เช่น การส่งลิง สุนัขไลก้า หรือหนูทดลองข้ึนไปกับยานอวกาศเพ่ือศึกษาความอยู่รอดก่อนท่ีจะส่ง มนษุ ยข์ ึ้นไปทำ� งานในอวกาศอยา่ งจรงิ จัง การผลติ ยา วคั ซีน เซรุ่ม หรือ การทดสอบสมมุติฐานโรคก็ได้ใช้ร่างกายของสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น กระแต หนหู รงิ่ หนูตะเภา กระตา่ ย ลงิ แสม ลิงเสน และลงิ วอก เป็นต้น 3. คุณค่าทางด้านเศรษฐกิจ (economic values) ในอดีต ประชากรพลเมืองของโลกมีน้อย สามารถล่าสัตว์ป่ามาใช้ประโยชน์เป็น จ�ำนวนมากน้อยแค่ไหนก็ได้ การล่าสัตว์ป่าเพื่อการด�ำรงชีพของมนุษย์ มใี นหลายภมู ภิ าคของโลก เพราะสตั วป์ า่ เปน็ แหลง่ อาหารโปรตนี ทส่ี ำ� คญั และเป็นสิ่งตอบสนองความตอ้ งการดา้ นความเชือ่ ของมนษุ ย์มาเป็นเวลา ช้านาน เช่น ชาวเอสกิโมล่าแมวน�้ำ หรือหมีข้ัวโลก เพื่อน�ำเน้ือมาเป็น ค่างแวน่ ถิน่ ใต้ (Presbytis obscurus) อาหารและน�ำหนงั มาใชเ้ ป็นเครือ่ งนงุ่ ห่ม การใช้ขนสตั ว์หรอื ขนนกสวยๆ การใชป้ ระโยชนจ์ ากสัตวป์ า่ ได้กลายเป็นเรื่องของการคา้ ในอดีต ท�ำเป็นเครื่องประดับของชนเผ่าตา่ งๆ ในอดีต หลายๆ ประเทศรวมท้ังประเทศไทย เคยจัดสง่ สตั วป์ ่าที่มีชวี ติ พวกซาก ชาวจีน เกาหลีและญ่ีปุ่นนิยมบริโภคเน้ือของสัตว์ป่าหลายชนิด สตั ว์ปา่ ประเภทเน้อื หนงั เขา กระดูก งา เป็นสนิ คา้ ออกท�ำรายได้ให้แก่ รวมทั้งน�ำเลือดงู ดีงู ดีหมี อุ้งตีนหมี อวัยวะเพศเสือและกวางป่ามา ประเทศเป็นจ�ำนวนมาก ความเชื่อเร่ืองสรรพคุณทางยา เช่น นอแรด ประกอบเป็นอาหาร โดยมีความเช่ือว่าสิ่งดังกล่าวมีตัวยาหรือสรรพคุณ เขากวางอ่อน เลือดค่าง กระเพาะเม่น ดีหมี ดีงู เกล็ดล่ิน นอกจากนี้ ชว่ ยบำ� รงุ รา่ งกายใหแ้ ขง็ แรง หรอื ใชเ้ ปน็ ยาสมนุ ไพรเพอื่ เปน็ ยาอายวุ ฒั นะ ยังมีความเชื่อทางด้านเครื่องรางของขลัง เช่น เข้ียวหมูตัน เข้ียวเสือ ชาวจนี ใชส้ ว่ นของนอแรดนำ� มาปรงุ เปน็ ยาบรโิ ภคมานานมากกวา่ หนา้ ผากเสอื โครง่ ทำ� ใหม้ กี ารนำ� ซากสตั วป์ า่ ดงั กลา่ วมาใชป้ ระโยชนม์ ากขน้ึ 2,500 ปี ราคานอแรดจึงมีราคาแพงมากเพราะหายาก แรดเองก็ใกล้ 4. คณุ คา่ ทางดา้ นนนั ทนาการ (recreational values) สตั วป์ า่ สญู พนั ธ์ุ เมอ่ื ไมน่ านมานหี้ นงั สอื พมิ พเ์ สนอขา่ ว ผนู้ ำ� โสมแดงกนิ ดหี มแี ละ มีส่วนส่งเสริมการท่องเท่ียว โดยเฉพาะการท่องเท่ียวชมสัตว์ป่าในเขต นอแรดแทนยาฝร่ัง โดยผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีเหนือส่งเจ้าหน้าท่ีไป อุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หลายๆ ประเทศในทวีป ประเทศจนี เพอื่ หาซอื้ ยาแผนโบราณทมี่ รี าคาแพงไปรกั ษาอาการปว่ ยของ แอฟรกิ า เชน่ เคนยา แทนซาเนีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มกี ารจัดการ ผนู้ ำ� ดหี มี นอแรด และชะมดเชด็ ใชเ้ ปน็ ยารกั ษาอาการเสน้ โลหติ ในสมองแตก ทอ่ งเท่ียวชมสัตวป์ ่าในเขตอุทยานแห่งชาติ มีการสร้างถนนหนทาง บ้าน สมุนไพรทั้งสามมีราคาแพงที่สุดและหายากท่ีสุด โดยนอแรดมีราคา พักรับรองหรือส่ิงอ�ำนวยความสะดวกอ่ืนๆ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ 160,000 บาท ชะมดเช็ดราคา 3,000 บาท ต่อน�้ำหนัก 1/25 ออนซ์ ทำ� ใหม้ นี กั ทอ่ งเทยี่ วจากตา่ งประเทศเขา้ ไปเทยี่ วชมสตั วป์ า่ เปน็ จำ� นวนมาก การรักษาโรคด้วยยาแผนโบราณได้รับความนิยมมากในเกาหลีเหนือ สง่ ผลใหม้ รี ายไดเ้ ขา้ ประเทศเปน็ จำ� นวนมากเชน่ กนั ซง่ึ จะเปน็ สง่ิ ประทบั ใจ เหมือนกับประเทศอนื่ ๆ ในเอเชยี ทีไ่ ด้พบเห็นสตั วป์ ่าหากนิ อยตู่ ามธรรมชาติ 33 ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพ้ืนท่ีคุม้ ครอง

นอกจากน้ี ยังมีพ้ืนที่อนุรักษ์หลายแห่งท่ีเปิดให้นักท่องเที่ยว นกเขาเล็กหรือนกเขาชวา การเล้ียงนกกางเขนดง และนกปรอดหัวโขน เดนิ ชมสัตวป์ า่ มกี จิ กรรมการดนู ก การส่องสตั ว์ การถ่ายภาพ การสะกด เคราแดงของชาวไทย ชาวประมงจีนและญี่ปุ่นเล้ียงนกกาน�้ำใหญ่ไว้ช่วย รอยตดิ ตามสตั วป์ ่า ซ่ึงสร้างความพงึ พอใจให้แกน่ กั ทอ่ งเท่ยี วเปน็ อันมาก จับปลาขนาดเล็ก ชาวมองโกลเลี้ยงและฝึกเหยี่ยวส�ำหรับล่าสัตว์ หรือ ในประเทศไทยมีอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติ ชาวอียปิ ต์น�ำนกพิราบมาเลยี้ งเพ่ือประโยชน์ในการสอื่ สาร แกง่ กระจานทม่ี กี จิ กรรมการดนู ก การถา่ ยภาพสตั วป์ า่ และการสอ่ งสตั วป์ า่ สำ� หรับการเลีย้ งสตั วป์ ่าเพ่อื นำ� ไปใช้แรงงาน เช่น อูฐสองโหนกท่ี ในเวลากลางคืนไว้บริการส�ำหรับนักท่องเท่ียวท่ีเข้าไปใช้บริการของ ชาวมองโกลและจีนน�ำมาเล้ียงเพ่ือใช้ในการเดินทางในทะเลทรายโกบี อุทยานแหง่ ชาติ ชาวสแกนดเิ นเวยี ใชก้ วางเรนเดยี รล์ ากลอ้ เลอ่ื นบนนำ้� แขง็ รดี นม และเนอ้ื 5. คุณค่าด้านการน�ำมาใช้ประโยชน์ (utilitarian values) เป็นอาหาร ชาวอินโดนีเซียท่ีอาศัยอยู่ที่เกาะบาหลีใช้วัวบาหลีไถนา สัตว์เลี้ยงหลายชนิดของมนุษย์สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษของสัตว์ป่า ววั บาหลมี ตี น้ ตอมาจากววั แดง ชาวบงั คลาเทศและพมา่ นำ� กระทงิ เขาทยุ ไม่วา่ จะเลีย้ งไวเ้ ปน็ พาหนะท่ใี ช้ในการเดินทาง ใช้แรงงาน ใชน้ ม ไข่ เนอื้ มาเลี้ยงไว้รีดนม เป็นต้น ในท้องท่ีภาคใต้ของประเทศไทยหลายแห่งมี เปน็ อาหารหรอื ใชห้ นงั เปน็ เครอ่ื งนงุ่ หม่ ความสามารถของมนษุ ยใ์ นการนำ� การดักจับลิงกังมาฝึกงานใช้เก็บมะพร้าว มีการจัดต้ังโรงเรียนฝึกลิง สตั วป์ ่ามาเปน็ สัตวเ์ ลีย้ งเกดิ ขนึ้ มานบั พันๆ ปี เช่น ไกฟ่ ้า หมปู า่ กวางปา่ ทีจ่ งั หวดั สุราษฎรธ์ านี มา้ ป่า ควายป่า วัวแดง เปน็ ตน้ การจดั การฟารม์ และงานปศสุ ตั ว์ ในปจั จบุ นั ไดม้ กี ารปรบั ปรงุ พนั ธ์ุ จากประวัติศาสตร์ของประเทศไทย มีการจับช้างป่ามาฝึกใช้ใน ให้มีลักษณะดี เจริญเติบโตเร็ว และทนทานต่อโรค ได้มีการไปหาแหล่ง การทำ� สงคราม เชน่ สงครามยทุ ธหัตถหี รอื การรบบนหลังชา้ ง จะเห็นวา่ พันธุกรรมสัตว์ป่าในธรรมชาติมาปรับปรุงสายพันธุ์ กลไกการคัดเลือก มีการสร้างอนุสาวรีย์เกี่ยวกับช้างที่ใช้รบอยู่มากมายหลายแห่ง เช่น ผสมพันธุ์ บ�ำรุงพันธุ์โดยการจัดการของมนุษย์สามารถสร้างสัตว์เล้ียงที่ การชนชา้ งระหว่างสมเดจ็ พระนเรศวรกบั พระมหาอปุ ราชา การน�ำควาย หลากหลาย และเปน็ ประโยชน์ตอบสนองความตอ้ งการของมนษุ ย์ ออกสู้ศึกในการปกป้องมาตุภูมิ ดั่งวีรกรรมของชาวบ้านบางระจัน 6. คณุ ค่าดา้ นสงั คม (social values) สตั ว์ปา่ หลายชนดิ ได้ถกู เมืองสิงห์บุรี นอกจากนี้ ยังมีการใช้ม้าเป็นพาหนะในการสงคราม น�ำมาใช้ทางด้านสังคมและการเมือง หลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในการเดินทางตามไหล่เขาทสี่ ูงชันและการรบพุ่งบนหลังม้า ตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศลาวในอดีตเคยใช้ช้างสามเศียรสีขาว การเลย้ี งสตั วป์ า่ ไวด้ เู ลน่ หรอื การแขง่ ขนั ฟงั เสยี งรอ้ ง เชน่ การเลยี้ ง ไว้ในธงชาติผืนผ้าสีแดง เมืองบางเมืองท่ีมีช้างมากก็เรียกเมืองล้านช้าง กระทิง (Bos gaurus) 34 ศาสตร์และศลิ ป์ การจัดการทรพั ยากรสัตว์ปา่ ในพ้ืนทค่ี ุม้ ครอง

ประเทศไทยเคยมีการใช้ธงช้างเผือกท่ีมีรูปช้างเผือกในผืนผ้าสีแดงเป็น สัตว์ป่าหลายชนิดมีบทบาทในระบบนิเวศท่ีท�ำหน้าท่ีผสมเกสร ธงชาติ ก่อนท่จี ะเปล่ียนเปน็ ธงไตรรงค์ บางประเทศน�ำสัตว์ปา่ มาใช้เป็น ดอกไม้ เชน่ คา้ งคาวหนา้ ยาวชว่ ยผสมเกสรทเุ รยี น สะตอ งวิ้ และกลว้ ยปา่ สัญลักษณ์หรือความหมายของประเทศ สัตว์ป่าที่น�ำมาใช้เป็นสัตว์ป่า ค้างคาวกนิ แมลง หนูผี จ้ิงเหลน จิง้ จก ก้ิงกา่ หลายชนดิ และนกขนาดเลก็ ท่ีหาได้ยากหรือใกล้สูญพันธุ์ เช่น สหรัฐอเมริกาใช้นกอินทรีหัวขาว ช่วยขจัดแมลงที่เป็นศัตรูพืชผลทางการเกษตร ค้างคาวกินผลไม้และ รัสเซียใช้หมีขาวหรือหมีขั้วโลก ออสเตรเลียใช้จิงโจ้และนกอีมู สัตว์กินพืชหลายชนิด เช่น กวางป่า เก้ง กระทิง และช้างป่าช่วยแพร่ นวิ ซแี ลนดใ์ ชน้ กกวี ี ปาปัวนวิ กินใี ชน้ กปกั ษาสวรรค์ และจนี ใช้หมีแพนด้า กระจายพันธ์ุพชื โดยนำ� พาเมล็ดพชื จากแหลง่ ทีก่ นิ ไปขับถา่ ยและงอกขน้ึ เปน็ ตน้ ในบริเวณท่ีห่างไกลออกไป หมาจิ้งจอก แร้ง ตะกวดและเหี้ยเป็นสัตว์ท่ี นอกจากน้ี บางประเทศในทวีปแอฟริกา มีการใช้ภาพสัตว์ป่า ช่วยขจัดซากสิ่งปฏิกูล ซ่ึงสัตว์ป่าที่ท�ำหน้าที่เป็นองค์ประกอบของระบบ ถือดาบไว้ในธงชาติแสดงถึงความแข็งแกร่ง หรือแม้แต่การแข่งขันกีฬา นิเวศนับวา่ มคี วามส�ำคญั ย่ิง แต่คนทว่ั ไปมองเหน็ ได้ไมช่ ัดเจน ระดับนานาชาตกิ ม็ ีการใชภ้ าพสัตวป์ า่ เปน็ สัญลักษณ์ของการแขง่ ขนั 8. คณุ คา่ ดา้ นจติ ใจ (ethical values) สตั วป์ า่ ไดร้ บั การยอมรบั ปจั จบุ นั สตั วป์ า่ ทหี่ าไดย้ ากและใกลส้ ญู พนั ธห์ุ ลายชนดิ ไดถ้ กู นำ� มา ว่าเป็นเพ่ือนร่วมโลกกับมนุษย์ และมีสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่บนพื้นโลกเช่น ใช้ในการรณรงค์ในการอนุรักษ์ในประเทศต่างๆ ท่ัวโลก เช่น เสือโคร่ง เดียวกับมนุษย์ ท�ำให้เกิดการอนุรักษ์ขึ้นเป็นเร่ืองท่ีเก่ียวข้องกับจิตใจ ช้างป่า กปู รี หมีแพนด้า แรดดำ� มังกรโคโมโด โดยใชเ้ ป็นตราสญั ลกั ษณ์ ของมนุษย์ ความนึกคิดหรือแรงบันดาลใจจากการที่ได้พบเห็นสัตว์ป่า ขององคก์ รพฒั นาเอกชนระดับโลก เปน็ ตน้ 7. คุณค่าท่ีเป็นองค์ประกอบของระบบนิเวศ (ecological values) สัตว์ป่าเปน็ ส่วนหนึง่ ของระบบนิเวศท่ีท�ำให้มวลชีวติ ของโลกได้ เป็นไปอย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ ในเม่ือพืชสีเขียวเป็นผู้ผลิต (producer) และสตั วป์ า่ เปน็ ผบู้ รโิ ภค (consumer) ไมว่ า่ จะเปน็ ผบู้ รโิ ภค อนั ดบั หนง่ึ (primary consumer) หรอื ผบู้ รโิ ภคอนั ดบั สอง (secondary consumer) เป็นการถา่ ยทอดพลงั งานตามล�ำดับข้นั ของการบรโิ ภคตาม ห่วงโซอ่ าหารและสายใยอาหาร (food chain and food web) กอ่ ให้ เกิดการถ่ายทอดพลังงานและการหมุนเวียนของแร่ธาตุอาหารในระบบ นเิ วศ กูปรี (Bos sauveli) 35 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรัพยากรสตั ว์ปา่ ในพื้นทคี่ ุม้ ครอง

36 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพื้นทีค่ ุม้ ครอง

มีการจัดการสัตว์ป่าเกิดข้ึนหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นในพ้ืนท่ีสงวนสำ� หรับ สตั วป์ า่ พนื้ ทส่ี าธารณประโยชน์ หรอื แมแ้ ตใ่ นอดตี ยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ เทพเจา้ องคต์ า่ งๆ มกั จะมกี ารบนั ทกึ ไวเ้ ปน็ รปู รา่ งคลา้ ยสตั วป์ า่ อยา่ งเชน่ เทพเจา้ อทิ ซมั นาของชนเผา่ มายาเปน็ เทพเจา้ ผสู้ รา้ งมนษุ ย์ จะปรากฏเปน็ ร่างชายชราที่มีจมูกและหน้าตาคล้ายชาวโรมันมีขากรรไกรแต่ไม่มีฟัน แก้มตอบ สันนิษฐานว่าเทพเจ้าองค์นี้มีลักษณะไปทางสัตว์เล้ือยคลาน คำ� วา่ อิทซัมนา หมายถึง สตั ว์วงศอ์ กิ ัวนา ชนชาวมายาไดแ้ สดงภาพของ เทพเจ้าองค์นีเ้ ป็นตะกวด งู จระเข้ หรือสัตว์ประหลาดคล้ายมงั กร นอกจากคณุ คา่ ของสตั วป์ า่ ทมี่ ผี ลทางบวกคอื ใหป้ ระโยชนท์ างตรง แต่ก็ยังมคี ุณคา่ ดา้ นลบ หรือผลเสียหายทเ่ี กดิ จากสตั วป์ ่า เช่น 1. สตั วป์ า่ ทำ� ลายพชื ผล (crop damage) โทษทเี่ กดิ จากสตั วป์ า่ สร้างผลกระทบกบั ความเสียหายต่อทรพั ยส์ นิ ทางการเกษตร โดยสัตว์ป่า เช่น กระรอก ค้างคาว กวางป่า กัดกินส่วนของพืช เมล็ด ผลไม้ ชา้ งปา่ และหมูป่าทเ่ี ข้าไปทำ� ลายกดั กินพืชผลทางการเกษตร เชน่ ไร่อ้อย สวนล�ำไย ไร่สบั ปะรด สวนทเุ รียน สวนยางพารา เป็นต้น 2. สตั ว์ป่าเป็นแหล่งโรค (disease reservoir) สัตว์ป่าบางชนิด เป็นพาหะของโรคภัยหลายชนิดที่สามารถแพร่มาสู่มนุษย์และสัตว์เล้ียง เช่น โรคกลวั นำ�้ ทีแ่ พร่มาจากค้างคาว กระตา่ ยปา่ สุนขั จิ้งจอก พงั พอน โนดายกนโกรเคปฉด็ ่ีหนนำ้� เู นกดิกจอาพกยหพนแูลไขะห้นวกดัธนรรกม(ชHา5ตNิ ซ1)งึ่ เเชปอื้ ็นไเวชรื้อสั ไนวจี้รสัะถทกู่แี ขพบั รถก่ า่รยะอจอายก มาทางมูลของนก เช้ือโรคแพร่สู่สัตว์ปีก เช่น เป็ด ไก่ ห่าน จะมีผลต่อ ระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด H1N1ทเี่ กดิ จากการผสมสายพนั ธกุ รรมระหวา่ งเชอ้ื ไขห้ วดั ใหญข่ องคน หมู และนก นอกจากน้ี ยงั มโี รคปากเปอ่ื ยและกบี เทา้ เปอ่ื ยทรี่ ะบาดในหมขู่ อง สัตวก์ ีบ 3. สัตว์ป่าท�ำลายสัตว์เล้ียง (domestic damage) สัตว์ป่า หลายชนิดทเ่ี ข้าไปรบกวนและกินสตั วเ์ ลยี้ งจำ� พวกเปด็ ไก่ ววั ควายของ ราษฎรทตี่ ง้ั บา้ นเรอื นอยใู่ กลป้ า่ เชน่ เหยยี่ ว เสอื โครง่ ชะมด อเี หน็ เปน็ ตน้ 4. สัตว์ป่าท�ำลายทรัพย์สิน (property damage) สัตว์ป่า หลายชนิด เช่น นก หนู ชอบขโมยอาหาร ท�ำลายสิ่งของเครื่องใช้ตาม บา้ นเรอื น กดั กนิ เมลด็ ธญั พชื รวมทงั้ ชา้ งทปี่ จั จบุ นั ไดท้ ำ� ลายบา้ นเรอื นของ ราษฎรทีอ่ ยู่ชายขอบป่าด้วย 37 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรพั ยากรสตั ว์ปา่ ในพนื้ ทีค่ มุ้ ครอง

นกแขกเต้า (Psittacula alexandri) 38 ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตว์ปา่ ในพ้ืนทีค่ ้มุ ครอง

5. เสียงและมูลของสัตว์ป่า (noise and dropping) สัตว์ป่า อุปกรณ์สนาม ท่ีพัก อาหาร และการขนส่ง เป็นต้น ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ บางชนิดอาศัยอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น ก่อให้เกิดความร�ำคาญแก่ สามารถน�ำมาใช้ในการวิเคราะหเ์ พอ่ื ประเมินมลู ค่าได้ มนษุ ยใ์ นเรอื่ งเสยี งรบกวน การถา่ ยมลู ของนกเอยี้ งและนกพริ าบทอ่ี าศยั อยู่ การประเมินมูลค่าของสัตว์ป่าอีกวิธีหน่ึง เป็นการประเมินมูลค่า ตามตน้ ไม้ เสาไฟฟา้ สายไฟฟ้า อาคารบา้ นเรือน โบสถ์ วิหารก่อใหเ้ กิด ทรัพยากรที่ไม่ได้ซื้อขายผ่านตลาด แต่โดยการสร้างสถานการณ์จ�ำลอง ความสกปรกกับสถานทตี่ ่างๆ เก่ียวกับการด�ำเนินมาตรการต่างๆ เพ่ือปรับปรุงเปล่ียนแปลงคุณภาพ 6. สตั วป์ า่ เปน็ สาเหตขุ องการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ (accidents) สตั วป์ า่ สงิ่ แวดลอ้ มหรอื สงิ่ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั สตั วป์ า่ เพอื่ สอบถามประชาชนถงึ ความ บางชนิดก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตมนุษย์ เช่น งูพิษชนิดต่างๆ เต็มใจจะจ่ายเพื่อปรับปรุงในเร่ืองดังกล่าว เช่น ความเต็มใจจะจ่ายเพ่ือ เสือโคร่ง หมที ่ีท�ำร้ายมนษุ ย์ อบุ ัติเหตบุ นถนนหรอื การขา้ มถนนของสตั วป์ า่ อนรุ ักษเ์ สอื โคร่งที่ใกล้สญู พนั ธุ์ หรือความเตม็ ใจจะจา่ ยเพือ่ อนรุ กั ษพ์ น้ื ที่ และอุบัติเหตุทางการบินของเครื่องบิน โดยนกที่อาศัยอยู่บริเวณตาม ชุม่ น้ำ� ทเ่ี ป็นถ่ินทีอ่ าศยั สำ� คญั ของนกนำ�้ เป็นต้น สนามบิน จะถูกเคร่ืองบินชนหรือดูดนกเข้าไปในเครื่องยนต์ท�ำให้ 2. การประเมินคุณค่าในเชิงทัศนคติ (attitude valuation) เครอื่ งยนตไ์ ดร้ บั ความเสยี หาย ซงึ่ หนงั สอื พมิ พแ์ ละโทรทศั นไ์ ดม้ กี ารเสนอ สัตว์ป่าและพ้ืนที่ถิ่นที่อาศัยของสัตว์ป่ามีคุณค่ามากมายที่อยู่ในตัวเอง ขา่ วในเรอ่ื งน้ีบ่อยครัง้ ขึ้นในประเทศตา่ งๆ การวัดคุณค่าทรัพยากรสัตว์ป่าและคุณค่าของพ้ืนที่ถ่ินท่ีอาศัยใช้ความ พึงพอใจในการได้ชมสัตว์ป่าในธรรมชาติ การเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย การประเมนิ คณุ คา่ ของสัตว์ป่า (Evaluating Values) ที่มีการเลี้ยงสัตว์ป่าในกรงขัง การส�ำรวจจึงเน้นไปที่ได้พบเห็นสัตว์ป่า จากคุณค่าของสัตว์ป่าท้ังทางบวกและทางลบ นักจัดการสัตว์ป่า ในธรรมชาติ การเดนิ ปา่ การพกั แรมในปา่ นอกจากการสำ� รวจแลว้ อาจจะ มกี ารประเมนิ คณุ คา่ ของสตั วป์ า่ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แนวทางในการจดั การสตั วป์ า่ มกี ารใชว้ ธิ กี ารสงั เกต และประเมนิ มลู คา่ ทางออ้ มอนื่ ๆ โดยแบง่ การประเมนิ เปน็ 2 ประเภท ดงั นี้ การประเมินคุณค่าของพ้ืนที่ถิ่นท่ีอาศัยของสัตว์ป่าที่มีการสงวน 1. การประเมินมูลค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ (economic รักษาไว้ ชุมชน ประชาชนที่อยู่ใกล้พื้นท่ีมีความพึงพอใจในการบริการ evaluation) เปน็ การประเมนิ คณุ คา่ ของสตั วป์ า่ ในรปู ตวั เงนิ อาจเปน็ ราคา นิเวศของป่า ถิ่นท่ีอาศัยของสัตว์ป่า ตลอดจนประโยชน์ในการจับแมลง ของสัตว์ป่าแต่ละชนิดที่ลักลอบขายในตลาด หรือมูลค่าจากการค้า ชว่ ยผสมเกสรดอกไม้ ชาวชนบทและประชาชนทอี่ ยใู่ กลเ้ คยี งกบั เขตรกั ษาพนั ธ์ุ สัตว์ป่าที่ถูกต้องตามกฎหมาย สัตว์ป่าหลายชนิดที่มีอยู่ในปริมาณมาก สัตว์ป่า มักจะมีการด�ำรงชีพโดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน มีการอนุญาตให้มีการค้าขายได้ ซ่ึงปัจจุบันการค้าสัตว์ป่าไม่ว่าจะเป็น การลา่ สตั วป์ า่ เปน็ อาหาร การเกบ็ หาของปา่ ไมใ้ ชส้ อย ไม้ฟืน การยึดถือ การน�ำเข้าหรือส่งออกจะเป็นสัตว์ป่าท่ีมีการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้และ ครอบครองทดี่ นิ เพอื่ ทำ� การเกษตร เราจะเหน็ ไดว้ า่ สง่ิ นคี้ อื คณุ คา่ ของสตั วป์ า่ สตั วป์ า่ ทมี่ ปี รมิ าณประชากรมากในธรรมชาติ ทไี่ มข่ ดั ตอ่ อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ย ดังนัน้ คณุ ค่าของสัตว์ปา่ มปี ระโยชนต์ ่อการดำ� รงชีวติ ของมนุษย์ การคา้ ระหว่างประเทศซ่งึ สตั วป์ า่ และพืชปา่ ที่ใกล้สญู พันธุ์ ทง้ั ทางตรงและทางออ้ ม โดยเฉพาะบทบาทในระบบนเิ วศ การนำ� สตั วป์ า่ การประเมินมูลค่าของสัตว์ป่า โดยการสังเกตพฤติกรรมของ มาใชป้ ระโยชนใ์ นการดำ� รงชวี ติ ประจำ� วนั ของสงั คมมนษุ ยใ์ นแตล่ ะภมู ภิ าค ผู้บริโภคจากการใช้จ่ายเงินในการเข้าไปท่องเที่ยวชมสัตว์ป่าในพื้นที่ และท้องถ่ินมากน้อยแตกต่างกัน และปฏิบัติกันมาเป็นระยะเวลานาน อุทยานแห่งชาติหรือเขตคุ้มครองสัตว์ป่าใดๆ ทั้งค่าเดินทาง ค่าอาหาร โดยเฉพาะคณุ คา่ ทางเศรษฐกจิ ไดม้ กี ารนำ� สตั วป์ า่ ไปปรบั ปรงุ พนั ธใ์ุ หด้ ขี นึ้ คา่ ทพี่ กั แรม รวมทงั้ คา่ ใชจ้ า่ ยอน่ื ใดทเี่ กดิ จากการชมสตั วป์ า่ เชน่ ซอื้ หนงั สอื ซงึ่ คณุ คา่ ของสตั วป์ า่ มมี ากหรอื นอ้ ยขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ คณุ คา่ ของสตั วป์ า่ คูม่ ือจ�ำแนกสัตว์ปา่ คูม่ อื การท่องเทย่ี ว กล้องส่องทางไกล กล้องถ่ายภาพ และถน่ิ ทอี่ าศยั ดว้ ยการเกบ็ ขอ้ มลู สถติ ติ า่ งๆ ตลอดจนการกำ� หนดตวั ชวี้ ดั และของทรี่ ะลกึ อน่ื ๆ เปน็ ตน้ นอกจากนนั้ ในบางประเทศทม่ี กี ารอนญุ าต เพื่อต้องการทราบความถูกต้องท่ีแน่นอน จะเป็นข้อมูลเพื่อน�ำไปใช้ใน ใหล้ า่ สัตว์ป่า มคี ่าใชจ้ า่ ยในการลา่ สัตวป์ ่า เช่น คา่ ธรรมเนียมใบอนญุ าต การวางแผนการจัดการสัตว์ป่าให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจของ ค่าธรรมเนียมรายตัวสัตว์ ค่าอาวุธปืน ชุดแต่งกายส�ำหรับการล่าสัตว์ป่า ประเทศตอ่ ไป 39 ศาสตร์และศิลป์ การจดั การทรพั ยากรสตั ว์ป่าในพ้นื ท่ีคมุ้ ครอง

40 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพื้นทีค่ ุม้ ครอง

ปญั หาการอนรุ ักษ์และการจัดการสตั วป์ า่ มนุษย์เรามีความสัมพันธ์กับทรัพยากรสัตว์ป่ามาเป็นเวลานาน แลว้ นบั ตงั้ แตก่ ำ� เนดิ มนษุ ยข์ น้ึ มาในโลกกเ็ ปน็ ได้ จากบนั ทกึ ประวตั ศิ าสตร์ การวิวัฒนาการท่ีอยู่อาศัยของมนุษย์จะอาศัยอยู่ตามถ�้ำ หรือปลูกสร้าง ทพ่ี กั อาศยั ดว้ ยวสั ดทุ หี่ าไดจ้ ากธรรมชาติ อาหารการกนิ กก็ นิ เนอื้ สตั วท์ ไี่ ด้ จากการล่าสัตว์ป่า และจากพืชที่เกิดขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ นอกจากเน้ือ สัตว์ป่าท่ีน�ำมาเป็นอาหารแล้ว ยังน�ำเอาหนังสัตว์มาท�ำเป็นเคร่ืองนุ่งห่ม เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น การล่าสัตว์ป่าก็ใช้อาวุธท่ีเป็นธรรมชาติ เช่น ไม้ กอ้ นหนิ หอกหรอื มดี ทที่ ำ� ดว้ ยหนิ ฉะนน้ั ความอยรู่ อดของมนษุ ยข์ น้ึ อยกู่ บั สัตวป์ า่ ทีใ่ ช้เป็นอาหาร และพชื ท่หี าได้จากธรรมชาติ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์ป่า มีประโยชน์ในด้านต่างๆ เพ่ือการด�ำรงชีวิตของมนุษย์ จากการศึกษาพบว่าการใช้ประโยชน์ท�ำให้ สัตว์ป่าหลายชนิดหาได้ยาก ใกล้สูญพันธุ์หรือสูญพันธุ์ไปแล้ว โดยปกติ จากเหตผุ ลดงั กลา่ ว ปญั หาการสญู พนั ธห์ุ รอื การลดจำ� นวนลงของ การสูญพันธุ์ของสัตว์ป่าเกิดจากปรากฏการณ์ที่เป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้น ประชากรสัตว์ป่า เกดิ จากปัจจยั 2 ประการ คือ มาหลายลา้ นปมี าแลว้ เปน็ การววิ ฒั นาการของธรรมชาตหิ รอื ภยั ธรรมชาติ 1. ปจั จัยทางนิเวศวิทยา เชน่ การทดแทนของสังคมพชื ภูเขาไฟระเบิด แผน่ ดนิ ไหว ไฟป่า นำ้� ทว่ ม 2. ปัจจัยทเ่ี กดิ จากมนษุ ย์ หรอื การเปล่ียนแปลงของภมู ิอากาศ 1. ปัจจัยทางนิเวศวิทยา เป็นสาเหตุมาจากธรรมชาติ (natural causes) เกดิ จากการววิ ฒั นาการตามธรรมชาติ นกั วทิ ยาศาสตร์ หรือนักสัตวศาสตร์ได้ทดสอบหรือศึกษาจากซากสัตว์ดึกด�ำบรรพ์หรือ fossils พบว่าสัตว์ป่าท่ีตายหรือสูญพันธุ์ไปจะเกิดจากถึงอายุขัยหรือ ภัยธรรมชาติ เช่น ภูเขาไฟระเบิด ไฟป่า แผ่นดินไหว น้�ำท่วม การ วิวัฒนาการของสังคมพืช ประชากรของสัตว์ป่าท่ีมีมากมักจะมีการต่อสู้ แกง่ แยง่ แหลง่ อาหาร แหลง่ นำ้� ทอ่ี ยอู่ าศยั ความสามารถเฉพาะอยา่ ง เชน่ สตั วบ์ างชนดิ กนิ อาหารเฉพาะอยา่ ง หากอาหารชนดิ นนั้ ขาดแคลน สตั วป์ า่ ชนดิ นน้ั กจ็ ะตายไปหรอื บางชนดิ มคี วามสามารถขยายพนั ธไ์ุ ดใ้ นเฉพาะถนิ่ หากถนิ่ ท่อี าศยั ถูกท�ำลายกจ็ ะสญู พนั ธุไ์ ปในท่ีสดุ ดังนัน้ สาเหตุการลดลง ของประชากรสตั วป์ ่าเกดิ จาก 1.1 การเปลี่ยนแปลงของระดับน�้ำทะเล หลายล้านปีมาแล้ว ระดับน้�ำทะเลมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พ้ืนที่ดินหลายแห่งที่มีการ เชอื่ มตอ่ กนั เช่น อเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลีย หรือเกาะบอร์เนียว เกาะสุมาตรา เกาะพาลาวัน ในอดีตมีพ้ืนดินที่เชื่อมต่อกันได้ เมื่อมี การเปล่ียนแปลงระดับน้�ำทะเลท�ำให้พ้ืนแผ่นดินแยกจากกันกลายเป็น เกาะกลางทะเล และมหาสมทุ ร แผน่ ดนิ เองกไ็ มร่ าบเรยี บ กลายเปน็ ภเู ขา 41 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรพั ยากรสตั วป์ ่าในพนื้ ทคี่ มุ้ ครอง

หรอื ธารนำ้� แขง็ มกี ารเปลยี่ นแปลงของภมู อิ ากาศเกดิ ขนึ้ เดมิ ทพี นื้ แผน่ ดนิ 2. ปจั จยั ทเี่ กดิ จากมนษุ ย์ ปจั จยั ตา่ งๆ ทเ่ี กดิ จากกจิ กรรมของ ตดิ ต่อกัน สัตว์ป่าสามารถเดินไปมาหากนั ติดต่อกันได้ เมอ่ื แผ่นดินแยก มนษุ ย์ นบั วา่ เปน็ ปญั หาตอ่ การเพม่ิ จำ� นวนของประชากรสตั วป์ า่ อยา่ งมาก จากกันท�ำให้สัตว์ป่าบางกลุ่มลดขอบเขตการกระจาย มีการปรับตัวใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการลา่ การยดึ ถอื ครอบครองทีด่ นิ หรอื การตดั ไมท้ ำ� ลายป่า ให้เข้ากับธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงไป บางคร้ังภัยธรรมชาติเกดิ ขน้ึ 2.1 การล่าสัตว์ป่าโดยปราศจากการควบคุม (uncontrol อย่างกะทันหัน เช่น ภูเขาไฟระเบิด ท�ำให้เกิดการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่า hunting) การลา่ ทไี่ มม่ กี ฎเกณฑ์ การลา่ ในปรมิ าณทเ่ี กนิ กวา่ ทป่ี ระชากร บางชนดิ หรอื บางชนดิ มกี ารววิ ฒั นาการจนเกดิ พนั ธกุ รรมชนดิ ใหมข่ น้ึ สัตว์ป่าทดแทนได้ทันตามธรรมชาติ (overhunting) ในปัจจุบันบรรดา 1.2 การเปลยี่ นแปลงของภมู อิ ากาศ การเปลย่ี นแปลงของดนิ ฟา้ อาวธุ ปนื ทท่ี นั สมยั ได้ถูกน�ำมาใชใ้ นการล่าสัตว์ป่าและท�ำผดิ กฎหมายกนั อากาศเปน็ ผลสบื เนอื่ งมาจากการเปลย่ี นแปลงสภาพพนื้ ทท่ี มี่ ปี า่ ไม้ ทำ� ให้ มาก ทำ� ให้สัตวป์ า่ บางชนิดถูกลา่ จนสูญพันธุห์ รอื ใกลส้ ญู พนั ธุ์ โดยเฉพาะ เกดิ การเปลย่ี นแปลงสภาพบรรยากาศ เชน่ การเพมิ่ ขนึ้ ของคารบ์ อนไดออกไซด์ การน�ำเนื้อไปเป็นอาหารหรอื เป็นส่วนผสมของยาแพทย์แผนโบราณหรือ ในบรรยากาศ ความแปรปรวนของลมพายุ เปน็ ตน้ เหลา่ นเ้ี ปน็ ปรากฏการณ์ น�ำอวัยวะบางส่วนไปเป็นเครื่องประดับ มีการลักลอบล่าเพ่ือน�ำไปขาย ทที่ ำ� ใหน้ ำ�้ แขง็ บรเิ วณขวั้ โลกละลายและนำ้� ทะเลเพม่ิ มากขนึ้ ทำ� ใหส้ ตั วป์ า่ ภายในประเทศหรอื ตา่ งประเทศ สตั วป์ า่ บางชนดิ มกี ารซอื้ ขายกนั ในราคาแพง บางชนิดต้องขาดที่อยู่อาศัย บางพื้นที่ที่เป็นพื้นท่ีบนบกจะมีอุณหภูมิสูง เพราะเปน็ สว่ นผสมของยาสมนุ ไพรหรอื ยาแพทยแ์ ผนโบราณ เชน่ งาชา้ ง ขึ้น เกิดความแห้งแล้ง หรืออุณหภูมิลดต�่ำลงจนอากาศหนาวตลอดปี นอแรด เขากวางอ่อน เกล็ดน่ิม กระดูกเสือ ดีหมี เป็นต้น ส่ิงเหล่านี้ ท�ำให้สตั วป์ ่าตอ้ งปรบั ตัว หากปรบั ตวั ไมไ่ ด้กจ็ ะตายไป หรอื ส่งผลโดยตรง มีราคาแพงและเปน็ ทตี่ อ้ งการของตลาด ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและการแพรก่ ระจายของพนั ธพ์ุ ชื และพนั ธส์ุ ตั ว์ 1.3 การเปลยี่ นแปลงของสภาพถน่ิ ทอี่ าศยั เปน็ การสญู พนั ธห์ุ รอื การหาได้ยากของสัตว์ป่าที่เกิดจากการทดแทนของสังคมพืช จากการที่ ทุ่งหญ้ากลายเป็นป่าเต็งรังหรือป่าดงดิบ หรือการท�ำลายถ่ินท่ีอาศัยโดย เฉพาะป่าไม้จากภัยธรรมชาติ ท�ำให้สภาพถิ่นท่ีอาศัยเปล่ียนแปลงไป ภยั ธรรมชาติท่ีมกั เกิดข้ึน เช่น น�ำ้ ทว่ ม ไฟป่า หรือภเู ขาไฟระเบิด เป็นต้น นอกจากน้ี ถ่นิ ที่อาศยั ของสตั วป์ า่ เฉพาะชนดิ ไมว่ า่ จะเปน็ ถนิ่ ทีอ่ าศยั หรือ อาหารเฉพาะอย่างที่กินหมดไปหรือเปลี่ยนแปลงไป จะมีผลกระทบกับ สัตว์ป่าท่ีกินอาหารเฉพาะอย่างนั้น มีสัตว์ป่าหลายชนิดเลือกกินอาหาร เฉพาะอย่าง เช่น หมแี พนด้าทกี่ ินใบไผ่เป็นอาหาร หรือ หมโี คอาลากิน ใบยูคาลิปตัสเป็นอาหาร หากพืชชนิดน้ันหมดไปก็จะเกิดปัญหาในเรื่อง อาหาร ซ่ึงผิดกับสัตว์ป่าที่กินอาหารได้หลายชนิด สามารถปรับตัวให้ อยู่ในสภาพถ่ินท่อี าศัยทีเ่ ปล่ยี นแปลงได้ 1.4 การเปล่ียนแปลงของจ�ำนวนประชากร การเพิ่มขึ้นของ จำ� นวนประชากรสตั วป์ า่ ทอี่ ยใู่ นพนื้ ทเ่ี ดยี วกนั ประชากรมคี วามหนาแนน่ มากขึ้น ท�ำให้เกิดการเปล่ียนแปลงขนาดของกลุ่มประชากร การจับคู่ ผสมพนั ธ์ุ การตอ่ สแู้ กง่ แยง่ กนั ในเรอื่ งอาหาร พฤตกิ รรมการครอบครองฝงู หรือเกิดการควบคุมจ�ำนวนประชากรโดยธรรมชาติ บางชนิดอาจแพร่ กระจายไปสู่ถิ่นใหม่และไปทำ� ลายสัตวถ์ นิ่ เดมิ 42 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั วป์ ่าในพื้นท่ีค้มุ ครอง

นกเขาเปลา้ ธรรมดา (Treron curvirostra) 43 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพื้นท่คี ุ้มครอง

โดยปกตกิ ารลา่ สตั วป์ า่ หากกระทำ� โดยวธิ ที ถ่ี กู ตอ้ ง คำ� นงึ ถงึ จำ� นวน เพศ อายุ ขนาดและฤดูกาล ก็คงไม่ท�ำให้สัตว์ป่าลดจ�ำนวนลง แต่ด้วย สิ่งจูงใจด้านราคา ความต้องการของตลาด หรือเศรษฐกิจ ท�ำให้มี การลา่ โดยไมค่ ำ� นงึ ถงึ กฎเกณฑท์ ธ่ี รรมชาตอิ ำ� นวยใหห้ รอื มกี ารลกั ลอบลา่ เพมิ่ ขึ้น 2.2 การท�ำลายถิ่นท่ีอาศัย (habitat destruction) พื้นท่ี ถิ่นที่อาศัยนับว่ามีความส�ำคัญต่อการด�ำรงชีวิตของสัตว์ป่าเป็นอันมาก ปัจจุบันพ้ืนที่ถิ่นที่อาศัยได้เปลี่ยนแปลงไปในทางลดลงและมีผลกระทบ กับชนิดและจ�ำนวนสัตว์ป่า มนุษย์เข้าไปใช้ประโยชน์พื้นท่ีป่าไม้เพ่ือการ ท�ำเกษตรกรรม ที่อยู่อาศัยของชุมชน เส้นทางคมนาคม อ่างเก็บน�้ำ ขนาดใหญ่ ปัญหาการเส่ือมสภาพของถ่ินที่อาศัย การตัดไม้ท�ำลายป่า การเกบ็ หาของปา่ การน�ำสัตว์เล้ียงเข้าไปเลี้ยงในพื้นท่ีป่า การเผาป่า น�้ำเสีย น้�ำเน่า การใช้สารเคมี ยาปราบศัตรูพืชและยาฆ่าแมลงต่างๆ ตัวอย่างทีเ่ หน็ ไดช้ ัดคอื ปี พ.ศ. 2504 ไดม้ ีการถา่ ยภาพทางอากาศของ ที่เป็นอันตรายต่อสัตว์ป่า ปัจจุบันการใช้สารเคมีทางการเกษตรมีอย่าง พื้นที่ประเทศไทย พบว่ามีพื้นที่ป่าไม้ร้อยละ 53.3 แต่ในปี พ.ศ. 2560 กว้างขวางไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชบนที่สูง หรือการใช้ยาฆ่าปูหรือ พนื้ ทปี่ า่ ไมเ้ หลอื อยู่ รอ้ ยละ 32 ของพนื้ ทที่ งั้ ประเทศ พน้ื ทปี่ า่ ไมม้ กี ารสญู เสยี หอยเชอรี่ในนาข้าว สารเคมีและยาฆ่าแมลงจะถูกชะล้างไปสู่แหล่งน�้ำ ไปมากมายและส่งผลกระทบกับชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่า มีการแบ่งพ้ืนท่ี มผี ลกระทบตอ่ ระบบนเิ วศ สารพษิ ดงั กลา่ วจะเดนิ ทางไปสสู่ ตั วช์ นดิ ตา่ งๆ ถนิ่ ทอี่ าศยั แยกออกจากกนั และมขี นาดเลก็ ลง (habitat fragmentation) ตามทิศทางของห่วงโซ่อาหารและสายใยอาหาร ท�ำให้สารพิษเหล่านี้ ท�ำให้มีผลกระทบกับการเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมของสัตว์ป่าและ ไปสะสมอยูใ่ นร่างกายสัตว์ปา่ ส่งผลใหส้ ัตว์ป่าตายหรอื เกดิ ความผดิ ปกติ ง่ายต่อการถกู ทำ� ลายหรอื ถูกลา่ ทางร่างกายได้ 2.3 ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มปนเปอ้ื นดว้ ยมลพษิ (environmental 2.4 การน�ำสัตว์และพืชต่างถ่ินเข้าไปในพ้ืนท่ี (introduced contaminants) การพัฒนาทางการเกษตร การอุตสาหกรรม และ species) สตั วป์ า่ ตา่ งถน่ิ (exotic species หรอื alien species) หมายถงึ เทคโนโลยีบางอย่างก่อให้เกิดสภาพสิ่งแวดล้อมปนเปื้อนด้วยสารเคมี สัตว์ป่าท่ีมิได้ปรากฏอยู่ในพื้นที่ระบบนิเวศด้ังเดิม เข้าสู่พื้นที่ใหม่ 44 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสัตว์ป่าในพนื้ ที่คมุ้ ครอง

เสอื โครง่ (Panthera tigris) โดยการน�ำมาของมนุษย์ จนพบว่าสัตว์หลายชนิดกลายเป็นคู่แข่งขัน เลยี งผา (Capricornis sumatraensis) ทางนเิ วศวทิ ยาของสตั ว์พื้นเมืองดง้ั เดิม (native species) มกั พบว่าสตั ว์ นกแก๊ก (Anthracoceros albirostris) ตา่ งถ่ิน มีความสามารถในการปรบั ตวั ไดด้ กี วา่ ทำ� ให้เกดิ การทำ� ลายสัตว์ ถ่นิ เดมิ เช่น นกเอีย้ งสารกิ าซงึ่ เป็นสตั ว์ต่างถน่ิ ทเ่ี ขา้ มาอยใู่ นประเทศไทย สามารถปรับตัวได้ดีและแพร่หลายท่ัวไป จนครอบครองถ่ินที่อาศัยของ นกชนิดอื่น นกเอ้ียงสาริกามีนิสัยก้าวร้าว มักจะไล่จิกตีสัตว์ชนิดอ่ืนให้ ออกไปจากพนื้ ท่ี สว่ นพชื บางชนดิ เชน่ สาบเสอื ผกั ตบชวา หรอื ผกากรอง ท่ีได้น�ำมาปลูกก็แพร่หลายอย่างรวดเร็วจนขยายไปทดแทนสังคมพืช พื้นเมืองในหลายพื้นท่ี ก่อให้เกิดการท�ำลายถิ่นท่ีอาศัยของสัตว์ป่าจาก พชื ตา่ งถ่นิ รกุ ราน 2.5 การคา้ สตั วป์ า่ (wildlife trade) มกั พบไดใ้ นหลายประเทศ ไมว่ ่าจะเป็นการคา้ ภายในหรอื ตา่ งประเทศ การคา้ สัตว์ป่าเป็นอีกสาเหตุ หน่ึงที่ท�ำให้มีการจับสัตว์ป่าออกมาจากธรรมชาติ ส่วนการค้าสัตว์ป่า ระหวา่ งประเทศ เนอื่ งดว้ ยสตั วป์ า่ หลายชนดิ ทม่ี คี วามสำ� คญั ทางเศรษฐกจิ จึงมีการส่งไปขายในต่างประเทศ สัตว์ป่าและส่วนของร่างกายสัตว์ หลายชนิดมีราคาแพง หาได้ยาก ท�ำให้มีการลักลอบล่าและค้ากันมาก ถงึ แมว้ า่ การคา้ สตั วป์ า่ ระหวา่ งประเทศจะถกู ควบคมุ โดยอนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ย การค้าระหวา่ งประเทศซ่งึ ชนดิ สัตวป์ ่าและพชื ป่าท่ีใกลส้ ญู พันธ์ุ แตก่ ย็ งั มี การลักลอบส่งสัตว์ป่าเหล่านั้นออกนอกประเทศหรือจากถิ่นเดิมเป็น จำ� นวนมาก 2.6 การเพม่ิ ขนึ้ ของจำ� นวนประชากรมนษุ ย์ (increasing of population) สง่ ผลกระทบโดยตรงตอ่ การเพมิ่ ปรมิ าณการใชท้ รพั ยากร การพัฒนาอุตสาหกรรมและการเกษตร มกี ารท�ำลายทรพั ยากรธรรมชาติ เพิ่มมากข้ึน ส่งผลกระทบต่อการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่าโดยทางอ้อม โดยเฉพาะการท�ำลายถน่ิ ท่ีอาศัยของสัตวป์ ่า 2.7 การกระท�ำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เหตุการณ์การกระท�ำที่มี ผลกระทบต่อการลดจ�ำนวนลงของสัตว์ปา่ เช่น การเลี้ยงสัตว์ป่าไวด้ เู ลน่ ท�ำให้สัตว์ป่าหลายชนิดจ�ำนวนไม่น้อยต้องถูกล่าเพราะความต้องการ ลกู อ่อน เปน็ การฆ่าพอ่ แม่สัตว์ป่าเพอื่ เอาลูก บางครั้งลูกสัตว์พลอยถกู ยงิ เสียชวี ิตไปด้วย หรอื ลูกอ่อนที่ไดม้ าเลยี้ งไมร่ อด หรือขาดการขยายพนั ธุ์ ตอ่ เพราะขาดคู่ การลา่ นกบางชนดิ ทอี่ าศยั อยตู่ ามชมุ ชนหมบู่ า้ น โดยเฉพาะ ชนิดพันธุ์ที่กินแมลงที่เป็นศัตรูพืช ท�ำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศ เฉพาะถนิ่ 45 ศาสตร์และศลิ ป์ การจัดการทรัพยากรสตั ว์ป่าในพน้ื ทคี่ ้มุ ครอง

46 ศาสตรแ์ ละศิลป์ การจัดการทรพั ยากรสัตวป์ า่ ในพื้นทีค่ ุม้ ครอง

การพจิ ารณาชนดิ พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ทม่ี ลี กั ษณะทง่ี า่ ยตอ่ การถกู คกุ คาม หรือเสยี่ งตอ่ การสญู พนั ธ์ุ มีสาเหตดุ ังต่อไปนี้ 1. สัตว์ป่าประจ�ำถ่ินในพื้นที่จ�ำกัด หรือพื้นที่ท่ีเป็นเกาะ เม่ือ พื้นที่ถิ่นท่ีอาศัยมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ชนิดพันธุ์สัตว์ป่ามีโอกาสถูก คกุ คามหรือถกู ท�ำลายจนสูญพันธ์ุไปได้ 2. สัตว์ป่าท่ีมีความเป็นพิเศษเฉพาะตัว เช่น การเลือกใช้ถิ่นท่ี อาศยั เฉพาะพนื้ ท่ี กนิ อาหารเฉพาะอยา่ ง เมอ่ื สญู เสยี พนื้ ทถ่ี น่ิ ทอ่ี าศยั และ เกดิ ขาดแคลนอาหารดงั กลา่ ว สตั วป์ า่ กเ็ สย่ี งตอ่ การถกู คกุ คาม อดอาหาร หรือขาดทีอ่ ยู่อาศยั เฉพาะ อาจตายหรือไม่สามารถด�ำรงชีวติ อยไู่ ด้ 3. ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าที่มีการอพยพย้ายถิ่นที่ต้องการพื้นท่ีเพื่อ การอยรู่ อด 4. ชนดิ พนั ธท์ุ มี่ กี ารใชพ้ น้ื ทอ่ี าศยั และตอ้ งการอาหารในปรมิ าณ มาก โดยเฉพาะสตั วป์ า่ ทม่ี ขี นาดใหญ่ เชน่ ชา้ งปา่ ใชพ้ นื้ ทอ่ี าศยั ทก่ี วา้ งขวาง เพอ่ื ให้ได้อาหาร นำ้� และปจั จัยแวดล้อมพ้นื ฐานในการดำ� รงชีวิต 5. สัตว์ป่าท่ีมีศักยภาพในทางชีวภาพต�่ำ เช่น การต้ังท้องนาน ระยะการเปน็ สัดผสมพันธส์ุ ้นั มาก อตั ราการรอดตายต่ำ� เป็นตน้ 6. ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าที่เป็นสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่ มีความเป็น อันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง หรือชนิดพันธุ์ที่แก่งแย่งกับมนุษย์ เช่น เสอื โคร่ง 7. ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าที่มีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจหรือมีคุณค่า มาก เป็นที่ต้องการใช้ประโยชน์โดยมนุษย์ผู้มีความต้ังใจเฉพาะเจาะจง เลือกชนิดพันธนุ์ ั้นๆ เช่น กรณีนกสวยงาม นกทีม่ ีเสียงร้องไพเราะ 8. ชนิดพันธุ์ที่ไม่มีพฤติกรรมการปรับตัวต่อการใช้ถิ่นที่อาศัย และปัจจัยแวดล้อมในพื้นที่ใหม่ ไม่สามารถกระจายพันธุ์ไปอยู่ที่อ่ืนได้ ในกรณีท่ีมีการเปลี่ยนแปลงสภาพปัจจัยแวดล้อมตามธรรมชาติ หรือ จากการท�ำลายที่เกิดจากมนุษย์ สัตว์ป่าชนิดน้ันไม่สามารถอาศัยอยู่ ในพน้ื ทีน่ นั้ ได้ 47 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรพั ยากรสัตว์ปา่ ในพ้ืนท่คี ้มุ ครอง

สถานภาพของสตั วป์ ่า (Wildlife Status) สตั วส์ ะเทินน้�ำสะเทินบก และปลา เม่อื ปี พ.ศ. 2547 ตามแนวทางของ ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วย The IUCN Red List Threatened Species ซึ่งเปน็ บัญชีชนิดพนั ธ์ทุ ี่ ความหลากหลายทางชีวภาพที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันท่ี 29 มกราคม ถกู คกุ คามขององคก์ ารระหวา่ งประเทศเพอ่ื การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ พ.ศ. 2547 ประเทศไทยตอ้ งดำ� เนินงานตามมติและพันธกรณี ตลอดจน การจัดทำ� ทะเบียนรายการชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามของประเทศไทยได้ผ่าน โปรแกรมงานของอนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยความหลากหลายทางชวี ภาพ ในฐานะ กระบวนการรวบรวม วเิ คราะหแ์ ละประชมุ ทางวชิ าการจากผเู้ ชยี่ วชาญที่ ภาคีของอนุสัญญาท่ีก�ำหนดให้ภาคีจ�ำแนก วินิจฉัยองค์ประกอบของ เกี่ยวข้องหลายคร้ัง และจัดท�ำเป็นคู่มือในการจ�ำแนกสถานภาพสัตว์ป่า ความหลากหลายทางชีวภาพที่ส�ำคัญส�ำหรับการอนุรักษ์และการใช้ ท่ีมีกระดูกสันหลัง เพ่ือใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการวางแผนการวิจัย ประโยชนอ์ ยา่ งยงั่ ยนื โดยพจิ ารณารายการซง่ึ ระบตุ ามประเภทชนดิ พนั ธ์ุ โครงการต่างๆ และนโยบายท่ีเก่ียวข้องในการบริหารจัดการความ ท่ีใกล้สูญพันธุ์ ชนิดพันธุ์หายาก ชนิดพันธุ์เฉพาะถิ่นหรือชนิดพันธุ์ที่ถูก หลากหลายทางชวี ภาพ คกุ คาม และมกี ฎหมาย ขอ้ กำ� หนด ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ตา่ งๆ เพอ่ื การคมุ้ ครอง IUCN Red List เป็นการประเมินความเส่ยี งตอ่ การสูญพันธุ์ของ ชนดิ พนั ธแ์ุ ละประชากรทถ่ี ูกคุกคาม ชนิดพันธุ์อย่างเป็นระบบ โดยสถานภาพของชนิดพันธุ์ถูกแบ่งออกเป็น ส�ำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 8 หมู่ ภายใตเ้ กณฑก์ ารพจิ ารณาการวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธด์ า้ นแนวโนม้ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ไดจ้ ดั ทำ� สถานภาพทรพั ยากร การเพ่ิมขึ้นหรือลดลงของจ�ำนวนประชากร ขนาดโครงสร้างประชากร ชวี ภาพของประเทศไทย เช่น สัตวเ์ ลีย้ งลูกด้วยนม นก สัตว์เลื้อยคลาน และขอบเขตทางภูมิศาสตร์ สถานภาพถูกคุกคามอยู่ในระดบั สูญพันธุ์ (Extinct : EX) ข้อมูลเพียงพอ สูญพนั ธ์ไุ ปจากธรรมชาติ (Extinct in the Wild : EW) ใกลส้ ญู พนั ธอ์ุ ย่างย่งิ (Critically Endangered : CR) การประเมิน ใกล้สญู พนั ธุ์ (Endangered : EN) ทุกชนดิ พนั ธุ์ มแี นวโนม้ ใกลส้ ญู พนั ธ์ุ (Vulnerable : VU) ใกล้ถกู คกุ คาม (Near Threatened : NT) มคี วามเส่ยี งน้อย (Least Concern : LC) ขอ้ มูลไม่เพียงพอ (Data Deficient : DD) ยงั ไม่ไดร้ ับการประเมิน (Not Evaluated : NE) 48 ศาสตร์และศิลป์ การจัดการทรัพยากรสัตว์ปา่ ในพน้ื ท่ีค้มุ ครอง

1. สญู พนั ธ์ุ (Extinct : EX) พื้นท่ีนอกถิ่นท่ีอาศัยเดิมอย่างสิ้นเชิง ชนิดพันธุ์ใดได้รับการพิจารณาว่า ชนิดพันธุ์ใดจะสูญพันธุ์ ก็ต่อเม่ือประชากรตัวสุดท้ายของ สญู พนั ธ์ไุ ปจากธรรมชาติ ต่อเมือ่ ไดม้ กี ารส�ำรวจถ่ินทีอ่ าศยั ของชนิดพนั ธ์ุ ชนิดพันธุ์นั้นได้ตายไปแล้วอย่างไม่มีข้อสงสัย ชนิดพันธุ์ใดได้รับการ ทว่ั ทงั้ พน้ื ทถ่ี น่ิ ทอี่ าศยั ทเี่ คยพบทงั้ หมด ในระยะเวลาทเ่ี หมาะสมทกุ ฤดกู าล พิจารณาว่าสูญพันธุ์ ต่อเม่ือได้มีการส�ำรวจถ่ินที่อาศัยของชนิดพันธุ์ ทุกปี แตไ่ มพ่ บชนดิ พนั ธน์ุ นั้ แมแ้ ตต่ วั เดยี ว การสำ� รวจควรจะมขี นึ้ ในระยะ ทว่ั ทง้ั พน้ื ทถ่ี นิ่ ทอ่ี าศยั ทเี่ คยพบทงั้ หมดในระยะเวลาทเ่ี หมาะสมทกุ ฤดกู าล เวลาทเี่ หมาะสมกบั วงจรชวี ติ และลกั ษณะของชนดิ พนั ธน์ุ นั้ ตวั อยา่ งสตั วป์ า่ ทกุ ปี แตไ่ มพ่ บชนดิ พนั ธน์ุ น้ั แมแ้ ตต่ วั เดยี ว การสำ� รวจควรจะมขี น้ึ ในระยะ ในประเทศไทยท่ีจัดอยู่ในสถานภาพสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ เช่น กูปรี เวลาที่เหมาะสมกับวงจรชีวิตและลักษณะของชนิดพันธุ์นั้น ตัวอย่าง (Bos sauveli) ละองละมงั่ (Cervus eldii) แรดชวา (Rhinoceros sondaicus) สตั วป์ า่ ในประเทศไทยที่จัดอยูใ่ นสถานภาพสญู พนั ธ์ุ เช่น สมนั (Cervus กระซู่ (Dicerorhinus sumatrensis) นกกระเรยี น (Grus antigone) schomburgki) นกพงหญา้ (Graminicola bengalensis) นกชอ้ นหอยใหญ่ นกชอ้ นหอยดำ� (Pseudibis davisoni) ตะโขง (Tomistoma schlegelii) (Pseudibis gigantea) ปลาเสือตอ (Datnioides pulcher) ปลาสายยู หรอื หวเี กศ (Platytropius siamensis) 3. ใกล้สูญพนั ธ์อุ ย่างยงิ่ (Critically Endangered : CR) ชนิดพนั ธุใ์ ดจะอยูใ่ นกลุ่มใกลส้ ูญพนั ธ์อุ ยา่ งยิ่ง ตอ่ เมอื่ ประสบกับ 2. สญู พันธ์ุไปจากธรรมชาติ (Extinct in the Wild : EW) ความเสยี่ งตอ่ การสญู พนั ธใ์ุ นธรรมชาตทิ สี่ งู มากในอนาคตอนั ใกล้ ตวั อยา่ ง ชนิดพันธ์ุที่สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ แต่ยังมีประชากรที่มีชีวิต สตั วป์ า่ ในประเทศไทยทจี่ ดั อยใู่ นสถานภาพใกลส้ ญู พนั ธอ์ุ ยา่ งยง่ิ เชน่ ววั แดง อยู่รอดในพ้ืนท่ีเพาะเลี้ยง สถานท่ีรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เช่น สวนสัตว์หรือ (Bos javanicus) ค้างคาวคณุ กิตติ (Craseonycteris thonglongyai) กลุ่มสูญพนั ธ์ุไปจากธรรมชาติ นกกระเรยี น (Grus antigone) 49 ศาสตรแ์ ละศลิ ป์ การจดั การทรัพยากรสตั ว์ปา่ ในพน้ื ท่ีคุ้มครอง