Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาการคำนวณป.6

วิทยาการคำนวณป.6

Published by Kanokwan M., 2021-09-25 18:01:05

Description: วิทยาการคำนวณป.6

Search

Read the Text Version

10. การจัดการเรียนรู้ จำนวนคาบ หมายเหตุ ลำดบั เร่ือง 4 1 การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม 11. กระบวนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นอธิบายวิธกี ารตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมไดถ้ ูกต้อง (K) 2. นักเรียนตรวจสอบและแก้ไขขอ้ ผดิ พลาดจากการเขยี นโปรแกรมได้ (P) 3. นักเรียนเป็นผทู้ ม่ี ีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน (A) ชั่วโมงที่ 1 ขัน้ นำ (10 นาที) 1. ครถู ามคำถามเพอื่ กระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า “ในชวี ติ ประจำวันนักเรยี นพบความ ผิดพลาดอะไรบา้ ง และนักเรยี นจะมีวธิ ีการชว่ ยลดความผิดพลาดท่ีเกิดขึน้ ได้อยา่ งไร” 2. ครูทบทวนความร้จู ากชัว่ โมงทผ่ี ่านมา พร้อมซกั ถามคำถามประจำหัวขอ้ เพ่อื กระต้นุ ความ สนใจของนกั เรียนว่า “ถา้ นักเรยี นพบวา่ โปรแกรมที่เขียนขึ้น ไมเ่ ปน็ ไปตามทีต่ ้องการ ควรทำอยา่ งไร” ข้นั สอน (40 นาท)ี 3. ครอู ธบิ ายการตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม ว่าในการเขยี นโปรแกรมหากมี ข้อผิดพลาดเกดิ ข้ึน หรอื โปรแกรมไม่เปน็ ไปตามต้องการ จะตอ้ งตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดท่ีเกิดขึ้นทีละคำสงั่ เมือ่ พบจดุ ผดิ พลาด ตอ้ งแกไ้ ขจนกวา่ จะไดโ้ ปรแกรมทต่ี ้องการ 4. ครูให้นักเรยี นทำตามตวั อยา่ ง เร่ืองการเขยี นโปรแกรมตรวจสอบจำนวน 5-100 วา่ มี ตวั เลขกี่จำนวนทีห่ าร 5 ลงตัว ในหนังสอื เรยี น รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 เรือ่ ง การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม หน้า 49-53 5. ครูส่มุ ถามนกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ถึงการตรวจหาขอ้ ผิดพลาดและการแก้ไข จากนัน้ ถามกลมุ่ อื่น ๆ ทไ่ี ด้คำตอบแตกตา่ งกัน พร้อมเหตุผล 6. ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ เรอ่ื งการหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมของผู้อ่นื ในมุม Com Sci ตาม หนงั สือเรียนหน้า 53 7. ครตู รวจสอบและสรุปขน้ั ตอนการเขียนโปรแกรมคำสัง่ ทถี่ ูกต้องให้นักเรยี นดู จากนั้น นักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปเกย่ี วกับการตรวจหาข้อผิดพลาดและการแก้ไข

ช่ัวโมงท่ี 2 ขน้ั สอน (ตอ่ ) (60 นาท)ี 1. ครใู หน้ ักเรยี นพจิ ารณาโปรแกรม กจิ กรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนงั สอื เรยี น รายวิชา พืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง การตรวจหาข้อผดิ พลาดของ โปรแกรม หน้า 54 แลว้ ตรวจสอบว่ามีข้อผิดพลาดหรือไม่ ถา้ พบวา่ มีขอ้ ผิดพลาดใหแ้ ก้ไขโปรแกรมให้ถกู ตอ้ ง 2. ครตู รวจสอบและสรปุ ขน้ั ตอนการเขยี นโปรแกรมคำสงั่ ทีถ่ กู ต้องใหน้ ักเรยี นดู จากนน้ั นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ เกี่ยวกับการตรวจหาขอ้ ผิดพลาดและการแกไ้ ข ชั่วโมงที่ 3 ขน้ั สอน (ตอ่ ) (60 นาท)ี 1. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหดั รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่ือง การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม หน้า 35-36 โดยครใู หน้ ักเรียน แบ่งกลุม่ กลุม่ ละ 2-3 คน หรือตามความเหมาะสม ใหน้ กั เรียนเลอื กโปรแกรม 1 โปรแกรมในหนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 โดยให้นักเรียนเขยี นโปรแกรมให้มีขอ้ ผิดพลาด แล้วสลับกับเพื่อนกลุ่มอนื่ หาขอ้ ผิดพลาด 2. จากน้ันครสู ุ่มนกั เรียนสลับแต่ละกลุ่มให้ช่วยกันตรวจสอบข้อผิดพลาด โดยให้นักเรียน แก้ไขข้อผิดพลาดใหถ้ กู ต้อง ชัว่ โมงท่ี 4 ขน้ั สอน (ตอ่ ) (50 นาที) 1. ครูเชอ่ื มโยงเขา้ สบู่ ทเรียนว่า การเขียนโปรแกรมคำส่ัง ควรมกี ารตรวจสอบความถกู ต้องทกุ ครั้งก่อนนำไปใช้งานจรงิ เพื่อปอ้ งกันข้อผิดพลาดท่อี าจจะเกิดขนึ้ ขณะใชง้ าน โดยข้อผิดพลาดจะมี 2 ลกั ษณะ คือ - ขอ้ ผิดพลาดทเ่ี กดิ จากการเขยี นคำสงั่ ผิด เช่น จัดลำดับการทำงานผิด เขียนคำสัง่ ไมค่ รบหรือ เขียนคำส่งั เกิน เปน็ ต้น - ขอ้ ผิดพลาดท่เี กดิ จากการเขียนคำสัง่ ผิดรปู แบบ เชน่ การกำหนดค่าการรับขอ้ มูล การแสดง ข้อมลู การกำหนดตัวแปรตา่ ง ๆ เป็นต้น 2. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ สรุปจากการทำแบบฝึกหดั รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม หน้า 35-36 โดยครใู ห้นักเรียนสรปุ วา่ ข้อผิดพลาดท่นี กั เรียนพบเป็นลกั ษณะใด และนักเรยี นมีวิธแี กไ้ ขอยา่ งไร และใหเ้ พือ่ นกล่มุ อื่น ๆ รว่ มกันแสดงความคิดเหน็ ว่ามีวิธอี น่ื ท่แี ก้ไขได้อีกหรือไม่ ขัน้ สรปุ (10 นาที) 3. นักเรยี นและครูสรุปเน้ือหาร่วมกนั เก่ียวกบั การตรวจสอบข้อผิดพลาดจากการเขยี น โปรแกรม รว่ มกนั ตอบคำถามวา่ “นักเรยี นจะนำวธิ ีการตรวจสอบข้อผิดพลาดที่ไดเ้ รียนรูน้ ้ี ไปช่วยลดข้อผดิ พลาดท่ี อาจจะเกิดขนึ้ ในชีวติ ประจำวันของตนเองได้อยา่ งไร”

4. ครใู ห้นกั เรียนตอบถามประจำหน่วยที่ถามไว้เมือ่ คร้งั ที่แลว้ ก่อนเรียนหน่วยที่ 2 ว่าทำไมจึง ตอ้ งมีการออกแบบและตรวจสอบการทำงานของโปรแกรมอยเู่ สมอ (แนวคำตอบ: เพอื่ ใหก้ ารทำงานเป็นไปอยา่ งมีลำดบั ขน้ั ตอน และลดความผดิ พลาดของโปรแกรม) 5. ครใู หน้ ักเรียนตรวจสอบตนเองในหนงั สอื เรียนหนา้ 55 6. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปสาระสำคัญที่เรยี นในหน่วยที่ 2 ตามหนงั สือเรยี นรายวิชา พ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หนา้ 56 7. ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน 8. ครมู อบหมายงานให้นักเรียนทำชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด และกจิ กรรมเสริมสรา้ งการ เรยี นรูใ้ นหนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 หนา้ 57 เป็น การบ้าน 12. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี ารวัด เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมิน - แบบฝกึ หัด 1. นักเรยี นอธิบายวิธกี ารตรวจหา 1. การตอบคำถามใน สามารถตอบคำถามใน แบบฝึกหัดไดถ้ ูกต้อง ขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมได้ แบบฝกึ หดั ตามหลกั การ 80 % ข้ึน ไป ถกู ตอ้ ง (K) สามารถตอบคำถามใน ใบงานได้ 80 % ขึน้ ไป 2. นักเรียนตรวจสอบและแกไ้ ข 2. ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบประเมิน ขอ้ ผดิ พลาดจากการเขยี น แบบฝกึ หัด โปรแกรมได้ (P) 3. นกั เรยี นเปน็ ผู้ที่มวี นิ ยั ใฝ่ 3. สงั เกตพฤติกรรมใน - แบบประเมิน นกั เรียนมคี ุณลกั ษณะ เรยี นรู้ และม่งุ มน่ั ในการทำงาน คุณลักษณะอนั พึง อันพึงประสงค์ ได้ 80% (A) การทำแบบฝกึ หัด ประสงค์ ข้ึนไป คณุ ธรรม จรยิ ธรรมทีส่ อดแทรก การตรงต่อเวลา เช่น การเขา้ ช้นั เรียน การสง่ การบ้าน และการปฏิบตั ติ ามที่ ได้รับมอบหมาย 13. หนังสือ / เอกสารอา้ งองิ - หนงั สือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เรื่อง เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ลงชือ่ .................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ) ครผู ู้สอน

การบนั ทกึ ผลหลงั การสอน รหสั วิชา ว 16102 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ สัปดาหท์ ี่ 22-25 ระดับชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 จำนวน 16 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรอื่ ง การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย เวลา 4 ช่ัวโมง แผนการเรยี นรูท้ ่ี 6 เร่อื ง การตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม ครผู สู้ อน นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ การบนั ทกึ ผลหลังการสอน 1. บนั ทึกผลการเรียนรตู้ ามจุดประสงค์ (K: Knowledge) 1.1 นกั เรียนอธบิ ายวิธกี ารตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมได้ถกู ตอ้ ง (K) จำนวน….……คน คิดเป็นรอ้ ย ละ…….…ของจำนวนนกั เรียนทัง้ หมด 1.2 นกั เรียนอธิบายวธิ กี ารตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรมได้ไม่ถูกตอ้ ง (K) จำนวน….……คน คิดเป็นรอ้ ยละ…….…ของจำนวนนกั เรยี นท้งั หมด 2. บันทกึ ทกั ษะ / กระบวนการ (P: Process) 2.1 นักเรยี นตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดจากการเขยี นโปรแกรมได้ (P) จำนวน……..คน คิดเป็นร้อยละ….…… ของจำนวนนกั เรียนทง้ั หมด 2.2 นักเรียนตรวจสอบและแกไ้ ขข้อผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรมไม่ได้ (P) จำนวน….……คน คดิ เปน็ ร้อย ละ……...ของจำนวนนกั เรียนทงั้ หมด 3. บันทึกคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attitude) 3.1 นกั เรียนเป็นผทู้ ่มี ีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มน่ั ในการทำงาน (A) จำนวน…..…..คน คิดเปน็ ร้อยละ….……ของ จำนวนนกั เรยี นทั้งหมด 3.2 นักเรยี นไม่เปน็ ผูท้ ีม่ ีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มน่ั ในการทำงาน (A) จำนวน….…...คน คิดเปน็ ร้อยละ……...ของ จำนวนนักเรียนท้ังหมด ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ แนวทางการแกป้ ัญหา ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื .................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ) ครูผสู้ อน

แผนการจดั การเรยี นรู้ รหสั วชิ า ว 16102 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาการคำนวณ สัปดาห์ที่ 26-28 ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 จำนวน 8 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่ือง การใช้งานอินเทอร์เนต็ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เวลา 3 ชว่ั โมง แผนการเรยี นรูท้ ี่ 7 เร่ือง การคน้ หาขอ้ มลู โดยใช้อินเทอร์เน็ต ครผู ู้สอน นางสาวกนกวรรณ มานุจำ 1. สาระ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชวี ิตจริงอยา่ งเปน็ ขั้นตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ร้เู ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม 3. ตัวชีว้ ัด / ผลการเรยี นรู้ ป.6/3 ใช้อนิ เทอร์เนต็ ในการค้นหาขอ้ มูลอย่างมีประสิทธิภาพ 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นอธบิ ายเทคนิคการค้นหาข้อมูลแบบตา่ ง ๆ ในการค้นหาข้อมูลได้ (K) 2. นกั เรียนใช้เทคนคิ การคน้ หาข้อมลู แบบตา่ ง ๆ ได้เหมาะสมกับสงิ่ ทต่ี ้องการคน้ หาได้ (P) 3. นกั เรยี นเปน็ ผู้ท่มี ีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน (A) 5. สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ด้านความรู้ ด้านทักษะ ด้านคุณลกั ษณะอนั พึง (K: Knowledge) ตวั ชว้ี ัด กระบวนการ ประสงค์ 1. นกั เรียนอธบิ าย ป.6/3 ใช้อินเทอรเ์ นต็ ในการ เทคนิคการคน้ หาข้อมลู (P: Process) (A: Attitude) คน้ หาข้อมลู อย่างมี แบบต่าง ๆ ในการ ประสทิ ธภิ าพ ค้นหาขอ้ มูลได้ 2. นักเรียนใช้เทคนิคการ 3. นกั เรยี นเปน็ ผ้ทู ม่ี วี นิ ยั ค้นหาข้อมลู แบบตา่ ง ๆ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ใน ได้เหมาะสมกับสง่ิ ท่ี การทำงาน ต้องการคน้ หาได้

6. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอดหนว่ ยการเรียนรู้ อินเทอรเ์ นต็ เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมไปท่วั โลก เราสามารถใช้งานอินเทอรเ์ น็ต เพอื่ ให้ ไดข้ ้อมลู ทตี่ รงตามความตอ้ งการภายในระยะเวลาอนั รวดเรว็ โดยใชเ้ ทคนิคการค้นหาข้อมูลแบบต่าง ๆ ดงั นี้ 1. การค้นหาโดยใช้คำสำคัญ 2. การค้นหาโดยระบุชนิดของไฟล์ 3. การคน้ หาโดยระบุประเภทของเวบ็ ไซต์ 4. การค้นหาโดยใช้เคร่อื งหมายหรอื สญั ลกั ษณ์ 5. การคน้ หาโดยใช้ตวั ดำเนนิ การ 7. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - มวี ินยั - ใฝ่เรียนรู้ - มงุ่ มั่นในการทำงาน 9. สือ่ และ แหลง่ การเรยี นรู้ สอ่ื - หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 - แบบฝกึ หดั รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 แหลง่ เรยี นรู้ - ห้องปฏิบตั กิ ารคอมพิวเตอร์ 10. การจัดการเรยี นรู้ จำนวนคาบ หมายเหตุ ลำดบั เรือ่ ง 3 1 การคน้ หาขอ้ มูลโดยใช้อนิ เทอรเ์ นต็

11. กระบวนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การคน้ หาข้อมลู โดยใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักเรียนอธิบายเทคนิคการคน้ หาขอ้ มูลแบบตา่ ง ๆ ในการค้นหาข้อมูลได้ (K) 2. นักเรียนใชเ้ ทคนคิ การคน้ หาข้อมลู แบบตา่ ง ๆ ไดเ้ หมาะสมกับสิง่ ที่ต้องการค้นหาได้ (P) 3. นกั เรยี นเปน็ ผ้ทู ่ีมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ มน่ั ในการทำงาน (A) ชัว่ โมงท่ี 1 1. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน ข้ันนำ (10 นาที) กระตนุ้ ความสนใจ 2. ครใู หน้ กั เรียนเปดิ หนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หน้า 58 และถามคำถามสำคัญประจำหน่วยกับนักเรียนว่า การค้นหาข้อมูลอย่างมี ประสิทธภิ าพมีลักษณะอย่างไร โดยครูใหน้ กั เรียนเขียนคำถามและเขียนตอบลงในสมุด โดยทย่ี ังไม่ไดเ้ รยี นเน้ือหา และ หลังจากเรยี นเน้ือหาครบ ครูจะให้นกั เรียนกลับมาตรวจสอบคำตอบของตนเองอกี คร้งั 3. ครถู ามนกั เรียนวา่ หากนักเรยี นตอ้ งการหาข้อมูล เพอ่ื ทำการบ้าน ทำรายงาน หรือเพ่อื หา ความรู้ นกั เรียนจะค้นหาขอ้ มูลไดจ้ ากทีใ่ ด (คำตอบ: อนิ เทอร์เนต็ ) 4. ครูถามนักเรียนถงึ ความรู้เดิมวา่ เหตใุ ดเราจึงเลอื กใช้อินเทอรเ์ นต็ ในการค้นหา (แนว คำตอบ: เพราะอนิ เทอรเ์ น็ตเปน็ เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรข์ นาดใหญ่ อีกทง้ั ยังเป็นแหลง่ รวบรวมขอ้ มูลหลากหลายประเภท ทสี่ ืบค้นไดอ้ ย่างสะดวกและรวดเร็ว) ข้ันสอน (50นาท)ี สำรวจคน้ หา 5. ครูเลา่ สถานการณ์สมมตใิ ห้นักเรียนฟังว่า วนั หนึง่ เด็กชาย ก. ต้องหาข้อมูลเก่ียวกับ ประวัติความเป็นมาของวันสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันสำคัญของประเทศไทย โดยเด็กชาย ก. ได้ค้นหาโดยใช้เว็บ Search Engine แลว้ พิมพค์ ำค้นหาวา่ สงกรานต์ ปรากฏวา่ ผลการค้นหาคำว่าสงกรานต์ กลบั ไมใ่ ชส่ ิ่งทเี่ ด็กชาย ก. ต้องการ (ครู เปิดภาพให้นักเรียนดู) จากนั้นครูถามนักเรียนว่า หากนักเรียนเป็นเด็กชาย ก. นักเรียนจะแก้ปัญหานี้อย่างไร (แนว คำตอบ: พิมพ์คำค้นหาเพมิ่ เติมทเ่ี ฉพาะเจาะจงมากขนึ้ เชน่ วันสงกรานต์ ประวัตวิ นั สงกรานต์ เป็นตน้ )

6. ครูบอกนักเรยี นวา่ หากเราอยากไดข้ อ้ มลู ทตี่ รงตามความตอ้ งการและไดภ้ ายในระยะเวลา ทร่ี วดเรว็ มากขึน้ เราจะต้องใช้เทคนคิ การค้นหาข้อมลู แบบตา่ ง ๆ 7. ครูให้นักเรยี นเปดิ หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หน้า 59 และถามคำถามสำคัญประจำเรื่องเพือ่ กระตุ้นความคิดนกั เรียนว่า การค้นหาขอ้ มลู โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ มีข้อดีอย่างไร โดยครูยังไมใ่ ห้นักเรียนตอบตอนนี้ ให้นักเรียนได้ศึกษาข้อมูลและทำกจิ กรรมก่อน แลว้ ครูคอ่ ยถามคำถามนอี้ กี ครัง้ ในภายหลงั 8. ครูใหน้ กั เรียนสำรวจขอ้ มลู เร่ืองเทคนิคการคน้ หาข้อมูลในหนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 หน้า 59-67 พร้อมทั้งเข้าใช้งานเว็บไซต์สำหรับ สบื คน้ (Search Engine) เพื่อทำตามตัวอย่างในหนงั สือเรียน อธิบายความรู้ 9. ครูยกกรณขี องเดก็ ชาย ก. มาพูดให้นกั เรียนฟังอกี ครั้งว่า หากเราต้องการสบื คน้ ประวัติ ความเปน็ มาของวันสงกรานต์ เราควรพิมพ์คำสำคัญ หรือ คยี เ์ วริ ์ด ที่ตรงประเด็น และตรงตามความต้องการ เช่นคำว่า ประวตั ิวันสงกรานต์ ประเพณีสงกรานต์ เทศกาลสงกรานต์ ซง่ึ เรยี กการคน้ หาในลกั ษณะนวี้ า่ การคน้ หาโดยใช้คำสำคญั 10. ครูให้นักเรียนลองค้นหาข้อมลู โดยใชเ้ ทคนิคการคน้ หาโดยใช้คำสำคญั จากหวั ข้อที่ นักเรยี นสนใจหรือครูอาจยกตวั อย่างสถานการณ์อื่น ๆ เพอ่ื ให้นักเรยี นลองคน้ หา 11. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ตอบคำถามเก่ยี วกับเทคนิคการค้นหาข้อมูลแบบตา่ ง ๆ ประเดน็ คำถาม 1) หากนักเรยี นตอ้ งการขอ้ มูลเกยี่ วกบั วนั สงกรานต์ในรปู แบบไฟล์ .pdf จะสามารถหาข้อมูล ไดห้ รอื ไม่ (แนวคำตอบ: สามารถค้นหาขอ้ มูลทเี่ ปน็ ไฟล์ต่าง ๆ ได้ โดยการพิมพ์นามสกลุ ไฟล์หลงั คำค้นหา เช่น วนั สงกรานต.์ pdf) 2) หากนักเรยี นต้องการขอ้ มลู เกี่ยวกบั วันสงกรานต์ แตต่ อ้ งเปน็ ข้อมลู จากเวบ็ ไซต์ของ หน่วยงานรัฐเท่านั้น จะสามารถคน้ หาได้หรอื ไม่ (แนวคำตอบ: สามารถทำได้ โดยการพิมพป์ ระเภทของเว็บไซต์หลังคำ คน้ หา เชน่ วันสงกรานต์ Site:go.th) 3) หากนกั เรยี นพิมพค์ ำคน้ หาวา่ “สถานทท่ี ่องเท่ยี วในวงั สงกรานต์” โดยมีเคร่ืองหมาย อญั ประกาศกำกบั อยู่ ผลการค้นหาจะมีลกั ษณะอย่างไร (แนวคำตอบ: จะแสดงข้อมูลทแ่ี สดงผลทกุ คำในประโยค) 12. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ วา่ เทคนคิ การค้นหาขอ้ มูลแบบต่าง ๆ มี 5 แบบ ไดแ้ ก่ 1) การคน้ หาโดยใช้คำสำคัญ 2) การค้นหาโดยระบชุ นดิ ของไฟล์ 3) การคน้ หาโดยระบปุ ระเภทของเว็บไซต์ 4) การค้นหา โดยใช้เคร่ืองหมายหรือสญั ลกั ษณ์ 5) การคน้ หาโดยใช้ตัวดำเนินการ 13. ครูมอบหมายงานให้นกั เรยี นทำกจิ กรรมลองทำดู ในแบบฝึกหัดรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 หน้า 44 และแบบฝึกหัดเร่ือง การค้นหาขอ้ มูลโดยใช้ อนิ เทอรเ์ นต็ หน้า 45-47 เป็นการบา้ น เพอื่ เป็นการฝกึ ฝนและทบทวนความรู้

ชัว่ โมงที่ 2 ขน้ั สอน (ตอ่ ) (60 นาท)ี 1. ครแู ละนกั เรียนทบทวนความรูเ้ ดิมที่เรียนในช่ัวโมงที่แล้ว เรื่อง เทคนิคการค้นหาข้อมูล แบบต่าง ๆ 2. นกั เรยี นเปดิ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ Com Sci ในหนังสือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 หนา้ 68-69 โดยในหนา้ 68 ใหน้ ักเรยี นกลับไปทำเป็นการบ้าน เพราะตอ้ งมีการตดิ ภาพลงในสมดุ ส่วนในหน้า 69 ใหท้ ำพรอ้ มกนั ในห้องเรียน 3. ครูให้นกั เรยี นพจิ ารณาข้อมูลในกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ Com Sci หน้า 69 จำนวน 5 ข้อ ได้แก่ 1) คน้ หาข้อมูลเกี่ยวกบั ประวัติความเปน็ มาของวดั พระแกว้ 2) ค้นหาข้อมลู เกีย่ วกับสถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือท่ีไม่ใช่วัด 3) ค้นหาข้อมลู เกีย่ วกับวนั สำคญั โดยเนน้ วนั แมแ่ หง่ ชาติ 4) คน้ หาขอ้ มลู เกยี่ วกบั อาหารไทยหรอื อาหารตา่ งชาติ 5) คน้ หาข้อมูลเกยี่ วกบั ภาพถ่ายทมี่ ีนามสกลุ .JPG 4. ครถู ามนักเรียนว่าจากโจทย์ในกจิ กรรมฝึกทกั ษะ Com Sci นักเรยี นจะเลอื กใช้คำคน้ หาใด ในการค้นหาข้อมูลดงั กลา่ ว คำค้นหาน้ันจดั อยูใ่ นเทคนิคการค้นหาข้อมลู แบบใด และเพราะเหตุใดจึงเลือกใช้เทคนคิ การ คน้ หาข้อมลู นี้ โดยให้นักเรยี นบันทกึ ลงสมดุ ให้เวลาในการทำ 20 นาที 5. ครูสุ่มถามนักเรียนวา่ ไดค้ ำตอบแบบใด มใี ครไดค้ ำตอบเหมอื นหรือแตกตา่ งกับเพ่อื น หรอื ไม่ อยา่ งไร และลงข้อสรุปร่วมกนั ขยายความรู้ 6. ครูบอกนกั เรยี นวา่ จะมเี กมให้นักเรียนร่วมกันเล่นในช่ัวโมงถดั ไป นน่ั คือเกม ถามปุ๊ป ตอบป๊ัป โดยในชั่วโมงนี้ ครูจะใหน้ กั เรยี นเตรยี มข้อมลู กอ่ น 7. ครใู หน้ ักเรียนแบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 4-5 คน พรอ้ มท้งั ตัง้ ชอื่ กลมุ่ เพอ่ื เตรยี มเล่นเกม โดยการ เลน่ เกมจะมีคะแนนสะสม กลุ่มใดเล่นเกมถามปปุ๊ ตอบปป๊ั ไดค้ ะแนนเยอะที่สุด กลมุ่ นนั้ จะไดร้ างวัล (ครูอาจเตรยี ม รางวัลเปน็ อปุ กรณ์การเรียน หรือส่งิ ของเลก็ ๆ น้อย ๆ เพอื่ กระตุ้นความสนใจของนกั เรยี น) 8. ครูถามนกั เรียนว่า นกั เรยี นมสี ิง่ ใดหรือเรื่องใดท่ชี อบมาก ๆ หรือไม่ เชน่ นกั ร้องทช่ี อบ การ์ตูนท่ีชอบ หนงั สอื ท่ีชอบ หรือมีเร่อื งราวต่าง ๆ ทชี่ อบ 9. ครใู หน้ ักเรยี นในกลุ่ม หารอื รว่ มกนั เพอ่ื เสนอเรื่องหรอื ขอ้ หัวที่นกั เรียนแตล่ ะคนสนใจ และ ร่วมกันโหวตเลอื กเรอ่ื งทนี่ ่าสนใจทสี่ ุด มาตงั้ เปน็ คำถามในเกมถามปปุ๊ ตอบปัป๊ 10. ครใู หน้ กั เรยี นหาขอ้ มลู และตง้ั คำถามเก่ียวกับเร่ืองที่นกั เรยี นสนใจ จำนวน 3 ข้อ โดย คำถามท่ใี ช้ ต้องมีแนวโน้มที่เพอื่ นกล่มุ อื่นจะตอบไมไ่ ด้ และตอ้ งใช้เทคนิคการค้นหาแบบต่าง ๆ มาช่วย ถึงจะหาคำตอบ นั้นได้ เช่น นกั เรียนสนใจเร่ืองการประกวดนางงามจกั รวาล และตงั้ คำถามเก่ียวกับการประกวดนางงามว่า นางงาม จักรวาลคนใด ทพ่ี ดู คำว่า ดฉิ ันภูมใิ จที่เปน็ ผู้หญิงไทย, สาวไทยคนใดท่ไี ด้ตำแหนง่ นางงามจกั รวาล แตไ่ ม่ใช่ปุ๋ย พรทพิ ย์ โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ ออกมาถามคำถามเพือ่ นในช่วั โมงถดั ไป โดยใหเ้ วลากลุ่มละ 10 นาที

ชว่ั โมงที่ 3 ขัน้ สอน (ตอ่ ) (40 นาท)ี 1. ครูให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมาบอกหัวขอ้ ท่สี นใจ และถามคำถามที่เตรียมมา 3 ขอ้ โดย ถามคำถามทีละ ข้อ และใหเ้ พือ่ นกลุม่ อื่น ๆ ช่วยกันค้นหาข้อมลู หากเพอื่ นในกลมุ่ ใดสามารถตอบคำถามได้เรว็ และ ถูกต้อง กลมุ่ นน้ั จะได้คะแนน 1 คะแนน และครูจะถามนกั เรียนกลมุ่ นั้นวา่ นักเรยี นใชเ้ ทคนิคการค้นหาข้อมูลแบบใด ถึง ทำให้ไดค้ ำตอบเรว็ กว่าเพ่อื นกล่มุ อืน่ ๆ และเพราะเหตุใดจึงเลอื กใช้เทคนิคน้ี 2. ครถู ามนักเรยี นกลมุ่ อ่ืน ๆ ว่ามใี ครใช้เทคนิคการค้นหาข้อมูลแตกตา่ งจากเพ่อื นกลมุ่ ทตี่ อบ ได้หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด 3. เมอื่ นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกมาถามคำถามจนครบ ครูสรุปคะแนนและมอบรางวลั ให้กบั นกั เรยี นกลุ่มท่ีไดค้ ะแนนมากที่สดุ ข้ันสรุป (20 นาท)ี ตรวจสอบผล 4. ครถู ามนักเรียนแต่ละกลุ่มว่า จากการเลน่ เกมถามปุป๊ ตอบป๊ัปในวันนี้ นักเรียนสามารถ บอกประโยชนข์ องเทคนคิ การคน้ หาข้อมูลแบบต่าง ๆ และสามารถนำไปประยกุ ใชใ้ นชีวิตประจำวนั ไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร 5. ครูเรียกถามนักเรียนแตล่ ะกล่มุ จนครบ พร้อมท้ังโยงไปถึงคำถามสำคัญประจำเร่ืองใน หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 หน้า 59 ว่า การค้นหา ข้อมูลโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ มีข้อดอี ย่างไร โดยครูและนกั เรียนไดข้ ้อสรุปร่วมกันว่า เทคนิคการคน้ หาข้อมูลช่วยให้เราได้ ขอ้ มูลท่ตี รงตามความต้องการภายในระยะเวลาอนั รวดเร็ว 12. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน 1. นกั เรียนอธิบายเทคนิคการ 1. การตอบคำถามใน - แบบฝึกหดั สามารถตอบคำถามใน แบบฝึกหดั แบบฝึกหดั ได้ถูกต้อง ค้นหาข้อมูลแบบต่าง ๆ ในการ ตามหลกั การ 80 % ขึน้ ไป ค้นหาขอ้ มลู ได้ (K) สามารถตอบคำถามใน 2. นกั เรียนใช้เทคนิคการคน้ หา 2. ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบประเมนิ ใบงานได้ 80 % ข้ึนไป ขอ้ มูลแบบตา่ ง ๆ ไดเ้ หมาะสมกับ แบบฝึกหดั สิ่งท่ตี ้องการค้นหาได้ (P) 3. สังเกตพฤตกิ รรมใน - แบบประเมนิ นักเรียนมคี ณุ ลกั ษณะ 3. นกั เรยี นเป็นผ้ทู ่มี ีวินยั ใฝ่ คุณลกั ษณะอนั พงึ อันพึงประสงค์ ได้ 80% เรียนรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน การทำแบบฝึกหดั ประสงค์ ขนึ้ ไป (A) คณุ ธรรม จริยธรรมทสี่ อดแทรก การตรงตอ่ เวลา เช่น การเข้าชน้ั เรียน การส่งการบ้าน และการปฏิบัตติ ามท่ี ไดร้ ับมอบหมาย

13. หนงั สือ / เอกสารอา้ งองิ - หนงั สอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ลงช่ือ.................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานุจำ) ครูผู้สอน

การบนั ทกึ ผลหลังการสอน รหัสวิชา ว 16102 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ สัปดาห์ท่ี 26-28 ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 จำนวน 8 ช่วั โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง การใช้งานอินเทอรเ์ นต็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เวลา 3 ชวั่ โมง แผนการเรยี นรูท้ ี่ 7 เรื่อง การคน้ หาข้อมูลโดยใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ครผู ้สู อน นางสาวกนกวรรณ มานุจำ การบันทกึ ผลหลังการสอน 1. บนั ทกึ ผลการเรียนรตู้ ามจุดประสงค์ (K: Knowledge) 1.1 นกั เรยี นอธบิ ายเทคนคิ การคน้ หาข้อมูลแบบต่าง ๆ ในการคน้ หาขอ้ มลู ได้ (K) จำนวน….……คน คิดเป็นร้อย ละ…….…ของจำนวนนักเรียนท้ังหมด 1.2 นักเรยี นอธบิ ายเทคนคิ การคน้ หาข้อมูลแบบต่าง ๆ ในการคน้ หาขอ้ มลู ไม่ได้ (K) จำนวน….……คน คิดเป็นร้อยละ…….…ของจำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด 2. บนั ทกึ ทักษะ / กระบวนการ (P: Process) 2.1 นกั เรียนใช้เทคนิคการค้นหาขอ้ มูลแบบต่าง ๆ ได้เหมาะสมกบั สง่ิ ที่ต้องการค้นหาได้ (P) จำนวน……..คน คดิ เป็นรอ้ ยละ….……ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด 2.2 นกั เรียนใช้เทคนิคการคน้ หาขอ้ มูลแบบต่าง ๆ ได้เหมาะสมกบั ส่งิ ที่ต้องการค้นหาไม่ได้ (P) จำนวน….……คน คิดเป็นร้อยละ……...ของจำนวนนักเรียนทงั้ หมด 3. บนั ทกึ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attitude) 3.1 นักเรียนเปน็ ผทู้ ม่ี วี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มัน่ ในการทำงาน (A) จำนวน…..…..คน คิดเปน็ ร้อยละ….……ของ จำนวนนกั เรียนทัง้ หมด 3.2 นักเรยี นไม่เปน็ ผทู้ ี่มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มัน่ ในการทำงาน (A) จำนวน….…...คน คดิ เป็นร้อยละ……...ของ จำนวนนกั เรียนทัง้ หมด ปญั หาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ แนวทางการแก้ปญั หา ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื .................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ) ครูผู้สอน

แผนการจัดการเรียนรู้ รหัสวิชา ว 16102 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาการคำนวณ สปั ดาห์ที่ 29-30 ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 จำนวน 8 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรอื่ ง การใช้งานอินเทอรเ์ นต็ อย่างมีประสิทธภิ าพ เวลา 2 ชว่ั โมง แผนการเรียนรูท้ ่ี 8 เร่ือง การจัดลำดบั ผลลัพธ์การค้นหา ครผู ู้สอน นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ 1. สาระ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแกป้ ญั หาทีพ่ บในชีวติ จริงอย่างเปน็ ข้นั ตอนและเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทนั และมีจรยิ ธรรม 3. ตวั ชี้วัด / ผลการเรยี นรู้ ป.6/3 ใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ในการคน้ หาขอ้ มูลอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนอธิบายวธิ กี ารค้นหาขอ้ มูลโดยใชก้ ารจัดลำดับผลการค้นหาหรือการคน้ หาข้ันสงู ได้ (K) 2. นักเรยี นคน้ หาข้อมลู โดยใชก้ ารจัดลำดับผลการคน้ หา หรือการค้นหาขัน้ สงู ได้ (P) 3. นักเรยี นเป็นผทู้ มี่ วี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มน่ั ในการทำงาน (A)

5. สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ด้านความรู้ ดา้ นทกั ษะ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ (K: Knowledge) กระบวนการ ประสงค์ ตัวช้วี ัด (P: Process) (A: Attitude) ป.6/3 ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ในการ 1. นักเรยี นอธบิ าย 2. นกั เรียนค้นหาขอ้ มูล 3. นักเรียนเป็นผ้ทู ีม่ ีวนิ ยั คน้ หาขอ้ มูลอย่างมี ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ใน ประสิทธิภาพ วธิ ีการคน้ หาขอ้ มูลโดย โดยใช้การจัดลำดบั ผล การทำงาน ใช้การจัดลำดับผลการ การคน้ หา หรือการ ค้นหาหรือการคน้ หาข้นั ค้นหาข้นั สูงได้ สูงได้ 6. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดหน่วยการเรยี นรู้ การค้นหาข้อมลู ในแต่ละคร้ัง โปรแกรมคน้ หาจะแสดงข้อมูลจากคำคน้ หาเป็นจำนวนมาก เพอื่ ใหผ้ ู้ใชง้ าน สามารถใชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ตไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและได้ขอ้ มูลตรงตามความต้องการมากท่สี ดุ ผู้ใช้จะตอ้ งเรียนรู้ เกยี่ วกบั การจัดลำดบั ผลลพั ธ์ทีไ่ ดจ้ ากโปรแกรมคน้ หา 7. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี นิ ยั - ใฝ่เรียนรู้ - มงุ่ มั่นในการทำงาน 9. ส่ือ และ แหลง่ การเรยี นรู้ สอื่ - หนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 - แบบฝึกหดั รายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 - ใบงานที่ 3.2.1 เรื่อง นกั ขา่ วตวั น้อย แหลง่ เรยี นรู้ - หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์

10. การจัดการเรยี นรู้ จำนวนคาบ หมายเหตุ ลำดับ เรอ่ื ง 2 1 การจดั ลำดบั ผลลพั ธ์การค้นหา 11. กระบวนการจัดการเรียนรู้ เรือ่ ง การจดั ลำดบั ผลลพั ธก์ ารคน้ หา จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนอธิบายวิธกี ารคน้ หาข้อมูลโดยใช้การจัดลำดับผลการคน้ หาหรอื การคน้ หาข้ันสงู ได้ (K) 2. นกั เรียนค้นหาขอ้ มูลโดยใช้การจดั ลำดบั ผลการคน้ หา หรือการค้นหาข้ันสูงได้ (P) 3. นักเรยี นเป็นผทู้ ม่ี วี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน (A) ชั่วโมงท่ี 1 ขั้นนำ (15 นาที) กระตุ้นความสนใจ 1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ ท่ีเรยี นในช่วั โมงทแี่ ลว้ เร่ืองเทคนคิ การคน้ หาขอ้ มูลแบบตา่ ง ๆ 2. ครูให้นักเรยี นเปดิ เว็บไซต์ค้นหา และพมิ พ์คำค้นหาที่นกั เรยี นตอ้ งการ โดยครูยกตัวอย่าง การค้นหาคำว่าสถานการณ์น้ำท่วม 3. ครูใหน้ กั เรียนสังเกตเว็บไซต์ที่แสดงขึ้นมา ว่ามขี ้อมูลพ้ืนฐานใดบ้าง โดยครูและนกั เรียน สรุปร่วมกนั วา่ มีขอ้ มูลพื้นฐาน 4 อยา่ ง ไดแ้ ก่ ชอื่ หวั ข้อของเว็บไซต์, ทอี่ ยู่เวบ็ ไซต์, วันทเ่ี ผยแพรข่ ้อมลู และตวั อยา่ ง ข้อมลู 4. ครูให้นักเรียนสังเกตวันทเี่ ผยแพร่ข้อมูล และถามนกั เรียนว่าถ้าหากเราอยากได้ข้อมูล ในชว่ งระยะเวลาที่เราต้องการ เช่น อยากได้ขอ้ มลู สถานการณ์นำ้ ทว่ มในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ. 2560-2562 เราจะ สามารถคน้ หาข้อมลู ดังกล่าวไดห้ รอื ไม่ (แนวคำตอบ: ตามดุลยพนิ จิ ของนักเรียน) 5. ครูพูดเชือ่ มโยงไปยังเรื่องเทคนิคการค้นหาข้อมูลว่า หากเราอยากได้ข้อมลู ที่เราต้องการ เรากพ็ ิมพค์ ำค้นหาโดยใช้เทคนิคแบบต่าง ๆ ได้ แตถ่ า้ เราอยากไดข้ ้อมูลหลายประเภท เชน่ เราอยากไดข้ อ้ มลู สถานการณน์ ้ำทว่ มเฉพาะในภาคกลางของประเทศไทย ในชว่ งปี พ.ศ. 2560-2562 ต้องเป็นเว็บไซต์ของหนว่ ยงานรัฐ เพ่ือความเชือ่ ถอื ได้ และต้องเป็นไฟล์ PDF เราจะมวี ธิ คี น้ หาขอ้ มลู ได้อย่างไร (แนวคำตอบ: ตามดลุ ยพนิ จิ ของนักเรียน)

ขน้ั สอน (45 นาท)ี คน้ หาความรู้ 6. ครูให้นกั เรยี นศึกษาเรอ่ื งการจัดลำดบั ผลลพั ธ์การคน้ หาในหนงั สือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 หนา้ 70-73 เพ่ือหาคำตอบว่าหากเราตอ้ งการ คน้ หาขอ้ มูลหลาย ๆ ประเภทจะทำได้หรอื ไม่ อยา่ งไร และถามคำถามประจำเรอ่ื งกบั นักเรยี นว่า การจัดลำดับผลลัพธ์ การค้นหาชว่ ยให้การคน้ หามีประสิทธิภาพอย่างไร 7. ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นมุม Com Sci ในหนังสอื เรียนหนา้ 70 เพ่อื ศึกษาความรูเ้ พมิ่ เตมิ เรือ่ ง การนำขอ้ มลู ทคี่ ้นหาได้จากอนิ เทอร์เนต็ มาใช้งาน 8. ครขู ยายความคำว่า การจดั ลำดับผลลพั ธก์ ารค้นหาว่า เปน็ การจัดเรยี งขอ้ มูลทเ่ี รากรอกลง ในชอ่ ง โดยจะมกี ารจดั เรียงตามภาษา จัดเรียงตามพน้ื ทท่ี ่ีตอ้ งการ จัดเรียงตามเวลา จัดเรยี งตามตำแหนง่ ท่ตี ั้งของ เวบ็ ไซต์ จดั เรยี งตามชนดิ ของไฟล์ และลขิ สิทธขิ์ องข้อมลู 9. ครใู ห้นักเรยี นลองใสค่ ำค้นหาต่าง ๆ ตามตวั อย่างในหนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 หนา้ 73-74 เพือ่ ใหเ้ ข้าใจมากยงิ่ ขึ้น อธบิ ายความรู้ 10. ครูและนักเรยี นสรปุ ความรรู้ ่วมกนั วา่ หากเราต้องการค้นหาข้อมูลหลาย ๆ ประเภท สามารถทำไดโ้ ดยใชก้ ารค้นหาขัน้ สงู ซง่ึ เป็นการจัดลำดับผลลัพธท์ ีไ่ ดจ้ ากโปรแกรมค้นหา 11. ครใู ห้นักเรยี นทำกจิ กรรมฝกึ ทกั ทกั ษะ Com Sci ในหนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 หน้า 75 โดยใหน้ กั เรียนอา่ นสถานการณท์ ี่ กำหนดให้ และลองพมิ พ์คำคน้ หาในคอมพิวเตอร์ จากนั้นบันทกึ คำค้นหาลงในสมุด 12. ครูสุ่มถามนกั เรยี น 4-5 คน แลว้ ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายว่าไดก้ รอกคำค้นหาใดในชอ่ งคน้ หา บา้ ง จึงได้ผลลัพธต์ ามทีต่ ้องการ จากน้นั สรปุ ความร้รู ่วมกัน ขยายความรู้ 13. ครใู ห้นักเรยี นจับค่กู ัน เพอ่ื ทำกิจกรรมในใบงานท่ี 3.2.1 เร่อื ง นกั ขา่ วตัวนอ้ ย โดยให้ นกั เรยี นคน้ หาขอ้ มลู เก่ียวกบั ขา่ วประเภทตา่ ง ๆ เชน่ ข่าวเศรษฐกจิ ข่าวสิ่งแวดลอ้ ม ข่าวกฬี า หรอื อืน่ ๆ ยกเวน้ ขา่ ว บนั เทงิ และตอ้ งเปน็ ข่าวท่มี าจากเวบ็ ไซตท์ างการค้า ที่เกิดขึน้ ในระยะเวลาไมเ่ กนิ 1 สัปดาห์ นบั จากวนั ทไี่ ดร้ บั มอบหมายงาน โดยครูให้นกั เรียนสมมตบิ ทบาทเป็นนกั ขา่ ว และออกมานำเสนอขา่ วหน้าช้ันเรียนในช่ัวโมงถัดไป ประเด็นในใบงานที่ 3.2.1 เร่อื ง นักขา่ วตัวนอ้ ย 1) หัวข้อข่าว 2) รูปภาพประกอบ 3) ข้อมูลขา่ ว/เนื้อขา่ ว 4) บอกแหล่งทมี่ าของขอ้ มูล 5) ใชก้ ารคน้ หาข้นั สูง โดยกรอกคำค้นหาว่าอย่างไร เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธท์ ี่ต้องการ

ชวั่ โมงท่ี 2 ข้ันสอน (ตอ่ ) (45 นาท)ี 1. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคู่ ออกมานำเสนอขา่ วทีเ่ ตรียมมา พรอ้ มทั้งบอกแหล่งท่มี าของขอ้ มูล และบอกวิธกี ารค้นหาโดยใช้การคน้ หาขน้ั สงู พร้อมใหเ้ หตุผล ขน้ั สรุป (15 นาท)ี ตรวจสอบผล 2. หลงั จากนำเสนอข่าวครบทกุ กลมุ่ แล้ว ครูสุ่มถามนกั เรียนถึงประโยชนข์ องการจดั ลำดบั ผล การคน้ หาหรอื การค้นหาขั้นสงู และการนำไปประยุกต์ใช้ 3. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรทู้ ่เี รยี นมาทง้ั หมดเกย่ี วกับเรอ่ื งการจดั ลำดับผลการ ค้นหา หรือการคน้ หาขน้ั สงู 4. ครูมอบหมายงานใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั เรือ่ ง การจัดลำดับผลการคน้ หา ในแบบฝึกหดั รายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 หน้า 48-50 เพื่อทบทวนความรู้ 12. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวดั เคร่อื งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ 1. นกั เรยี นอธิบายวธิ กี ารค้นหา 1. การตอบคำถามใน - แบบฝึกหดั สามารถตอบคำถามใน แบบฝึกหดั แบบฝกึ หัดได้ถกู ต้อง ขอ้ มลู โดยใชก้ ารจัดลำดับผลการ ตามหลักการ 80 % ขึน้ ไป คน้ หาหรือการคน้ หาขั้นสงู ได้ (K) สามารถตอบคำถามใน 2. นกั เรยี นคน้ หาขอ้ มลู โดยใช้ 2. ตรวจแบบฝึกหดั - แบบประเมนิ ใบงานได้ 80 % ขึน้ ไป การจัดลำดับผลการค้นหา หรือ แบบฝกึ หดั การคน้ หาขนั้ สูงได้ (P) 3. สังเกตพฤติกรรมใน - แบบประเมนิ นักเรยี นมคี ณุ ลกั ษณะ 3. นักเรยี นเป็นผทู้ ีม่ วี นิ ัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพงึ อนั พึงประสงค์ ได้ 80% เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน การทำแบบฝกึ หัด ประสงค์ ข้ึนไป (A) คณุ ธรรม จริยธรรมทส่ี อดแทรก การตรงต่อเวลา เชน่ การเข้าชน้ั เรียน การสง่ การบา้ น และการปฏิบัตติ ามท่ี ไดร้ ับมอบหมาย 13. หนงั สือ / เอกสารอ้างอิง - หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ เรื่อง เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ลงชอ่ื .................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ) ครูผู้สอน

การบันทกึ ผลหลังการสอน รหสั วชิ า ว 16102 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการคำนวณ สปั ดาห์ท่ี 29-30 ระดับชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 จำนวน 8 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง การใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ เวลา 2 ชั่วโมง แผนการเรยี นรู้ท่ี 8 เรื่อง การจดั ลำดับผลลัพธ์การค้นหา ครูผสู้ อน นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ การบันทกึ ผลหลงั การสอน 1. บนั ทึกผลการเรยี นรูต้ ามจุดประสงค์ (K: Knowledge) 1.1 นักเรยี นอธบิ ายวิธีการค้นหาขอ้ มูลโดยใช้การจดั ลำดับผลการคน้ หาหรือการค้นหาข้นั สงู ได้ (K) จำนวน….…… คน คดิ เป็นรอ้ ยละ…….…ของจำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด 1.2 นักเรียนอธบิ ายวิธีการคน้ หาข้อมูลโดยใช้การจัดลำดับผลการค้นหาหรอื การค้นหาข้ันสงู ไม่ได้ (K) จำนวน….……คน คิดเปน็ รอ้ ยละ…….…ของจำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด 2. บนั ทึกทกั ษะ / กระบวนการ (P: Process) 2.1 นกั เรยี นค้นหาขอ้ มูลโดยใช้การจดั ลำดับผลการค้นหา หรือการค้นหาข้ันสงู ได้ (P) จำนวน……..คน คดิ เปน็ ร้อยละ….……ของจำนวนนกั เรยี นท้ังหมด 2.2 นักเรียนคน้ หาขอ้ มูลโดยใชก้ ารจัดลำดับผลการค้นหา หรอื การคน้ หาขัน้ สูงไม่ได้ (P) จำนวน….……คน คดิ เปน็ ร้อยละ……...ของจำนวนนักเรยี นทั้งหมด 3. บนั ทึกคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A: Attitude) 3.1 นักเรียนเปน็ ผ้ทู ่ีมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน (A) จำนวน…..…..คน คิดเปน็ รอ้ ยละ….……ของ จำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด 3.2 นกั เรยี นไม่เปน็ ผู้ทม่ี ีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน (A) จำนวน….…...คน คิดเป็นร้อยละ……...ของ จำนวนนักเรียนทั้งหมด ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ แนวทางการแกป้ ญั หา ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื .................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ) ครูผู้สอน

แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วิชา ว 16102 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาการคำนวณ สปั ดาห์ที่ 31-33 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 8 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การใช้งานอินเทอรเ์ น็ตอยา่ งมีประสิทธิภาพ เวลา 3 ชว่ั โมง แผนการเรยี นร้ทู ่ี 9 เรือ่ ง การประเมินความนา่ เชอื่ ถือ ครูผู้สอน นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ 1. สาระ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่พี บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็นขัน้ ตอนและเป็น ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมีจริยธรรม 3. ตัวชี้วัด / ผลการเรียนรู้ ป.6/3 ใช้อินเทอร์เนต็ ในการคน้ หาข้อมูลอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นอธบิ ายหลกั การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูลได้ (K) 2. นักเรยี นประเมินความนา่ เช่ือถือของขอ้ มลู ได้ (P) 3. นกั เรยี นเป็นผู้ท่มี ีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน (A) 5. สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ด้านความรู้ ดา้ นทักษะ ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ (K: Knowledge) กระบวนการ ประสงค์ ตัวชว้ี ัด (P: Process) 1. นักเรียนอธบิ าย 2. นักเรยี นประเมิน (A: Attitude) ป.6/3 ใช้อนิ เทอรเ์ น็ตในการ หลักการประเมินความ ความน่าเชือ่ ถือของ 3. นักเรยี นเป็นผทู้ ี่มีวินยั ค้นหาขอ้ มลู อย่างมี นา่ เชื่อถือของขอ้ มลู ได้ ข้อมูลได้ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ใน ประสิทธภิ าพ การทำงาน

6. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอดหน่วยการเรียนรู้ ในการสบื คน้ ขอ้ มูลจากแหล่งต่าง ๆ จะตอ้ งมกี ารประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ของขอ้ มูลเพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ มูลทีถ่ กู ต้อง และตรงตามความต้องการ โดยหลักการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมลู มี 5 ข้อ ดังนี้ 1. พจิ ารณาเวบ็ ไซต์ทนี่ ่าเช่ือถือได้ 2. ระบชุ ่ือผเู้ ขยี นหรือผใู้ ห้ขอ้ มูล 3. ระบุวันท่ีเผยแพร่ และคร้ังท่ปี รับปรุง 4. อ้างองิ แหล่งทม่ี า 5. บอกวตั ถุประสงค์ในการทำ 7. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ - มีวนิ ัย - ใฝ่เรียนรู้ - มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 9. สือ่ และ แหล่งการเรยี นรู้ ส่ือ - หนงั สือเรยี นรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 - แบบฝึกหัดรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 แหล่งเรียนรู้ - ห้องปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ 10. การจัดการเรียนรู้ จำนวนคาบ หมายเหตุ ลำดบั เร่อื ง 3 1 การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื

11. กระบวนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนอธบิ ายหลกั การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ (K) 2. นกั เรียนประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูลได้ (P) 3. นกั เรียนเปน็ ผูท้ ม่ี ีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน (A) ช่วั โมงท่ี 1 ขั้นนำ 1. ครูและนักเรียนร่วมกนั ทบทวนความรู้เดมิ ในชัว่ โมงทีแ่ ลว้ เรือ่ งเทคนิคการคน้ หาขอ้ มลู และ การจัดลำดับผลลัพธ์การคน้ หา 2. ครยู กตวั อย่างบทความที่อย่ใู นอนิ เทอรเ์ น็ตใหน้ ักเรยี นดู โดยเปน็ บทความท่ีเขยี นเกนิ จริง หรือมคี วามไม่นา่ เช่ือถอื เช่น 1) ขา่ วเดก็ อายุ 14 ปวดทอ้ ง หมอตรวจพบชาไขม่ กุ หลายร้อยเม็ดอยู่ในลำไส้ 2) น้ำมะนาวสามารถหยอดตา แก้ต้อเนอื้ ตาฟางได้ 3) 20 ปี น้ำท่วมโลก 3. ครใู ห้นักเรียนร่วมกันวเิ คราะหบ์ ทความดังกล่าววา่ เชอ่ื ถอื ไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: ข้นึ อย่กู ับดุลยพนิ ิจของนกั เรยี น) 4. ครูบอกนักเรียนว่า อนิ เทอรเ์ น็ตเป็นพน้ื ที่อิสระทีผ่ ้คู นตา่ งกส็ ามารถสร้างขอ้ มูล อัปโหลด หรือแชรข์ อ้ มูลตา่ ง ๆ ลงในอินเทอร์เนต็ ได้ ซ่งึ ขอ้ มลู บางส่วนอาจจะไม่เปน็ ความจริงก็ได้ ดังน้ัน กอ่ นท่ีเราจะนำข้อมลู จากอินเทอรเ์ นต็ มาใชห้ รอื เผยแพร่ เราควรประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมลู ก่อน 5. ครถู ามนักเรียนวา่ นกั เรียนรหู้ รอื ไมว่ า่ การประเมนิ ความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู สามารถทำ ไดอ้ ยา่ งไร และถามคำถามประจำหนว่ ยหัวข้อในหนงั สือเรียนวา่ การประเมินความน่าเช่อื ถือของขอ้ มลู ก่อนนำมาใช้ มี ประโยชนอ์ ย่างไร ขัน้ สอน 6. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาข้อมลู เร่ือง การประเมนิ ความน่าเช่อื ถือ ในหนงั สือเรียนรายวิชา พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 หน้า 76 7. ครสู ุม่ ถามนักเรียนวา่ การประเมินความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มูลมีอะไรบ้าง จากน้ันลงข้อสรุป ร่วมกนั วา่ การประเมนิ ความน่าเชือ่ ถือของขอ้ มูลสามารถทำได้โดย 1) พิจารณาเวบ็ ไซต์ท่ีน่าเชือ่ ถือได้ 2) ระบชุ ื่อผู้เขยี น หรือผ้ใู หข้ ้อมูล 3) ระบวุ นั ทีเ่ ผยแพร่ และครง้ั ทีป่ รับปรุง 4) อ้างองิ แหลง่ ท่มี า 5) บอกวัตถุประสงคใ์ นการจดั ทำ 8. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ เรือ่ งการคน้ หาข้อมลู อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ในมมุ Com Sci ในหนังสอื เรยี นหนา้ 76 9. ครใู ห้นักเรยี นแบง่ กล่มุ เปน็ 4 กลมุ่ เพอ่ื ทำกจิ กรรมเรือ่ ง เชือ่ ถือไดห้ รอื ไม่

10. ครแู บง่ ฐานท้งั หมด 4 ฐาน แตล่ ะฐานจะเปิดหนา้ เว็บไซตไ์ ว้ 1 เวบ็ ไซต์ จากนนั้ ให้ นักเรยี นแต่ละกลุ่มสำรวจขอ้ มลู ทีละฐาน แลว้ ตอบคำถามลงในใบงานที่ 1 เร่ือง เช่อื ถือไดห้ รือไม่ โดยให้เวลาสำรวจ ขอ้ มูลฐานละ 5 นาที เม่อื ครบ 5 นาทแี ล้วครูให้สัญญาณเสยี งเพื่อใหน้ ักเรียนเปลย่ี นฐาน (ครูควรเลือกเวบ็ ไซตท์ ่เี ชื่อถอื ได้ และเชอ่ื ถือไม่ได้ คละกนั เพือ่ ใหน้ กั เรยี นวิเคราะห์และประเมนิ ความนา่ เชื่อถอื ) ตวั อย่างเวบ็ ไซตใ์ นแตล่ ะฐาน 1) PM 2.5 ต้องหน้ากาก N 95 แลว้ ละ่ http://www.cleothailand.com/health/pm- 25.html 2) แนะนำวธิ ปี ้องกันไฟป่า https://www.thaihealth.or.th/Content/4753-แนะวิธปี อ้ งกันไฟป่า.html 3) คล่ืนความหนาวแผ่ปกคลมุ ประเทศไทยมากสดุ ในรอบ 14 ปี http://thesis2550.blogspot.com/2016/01/5.html 4) ทฤษฎีแกลง้ ดนิ อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ https://www.prd.go.th/ewt_news.php?nid=151154&filename=prd 11. เม่ือนักเรยี นสำรวจข้อมลู ครบทุกฐานแลว้ ครูสมุ่ เรียกนกั เรยี น 1 กลมุ่ ใหอ้ อกมาหนา้ ชน้ั เรยี น เพอ่ื วิเคราะหแ์ ละประเมนิ ความน่าเชื่อถือของข้อมลู ในฐานที่ 1 ที่นกั เรียนได้ไปสำรวจมา จากนั้นครูถามเพอื่ น กลุ่มอื่นวา่ มกี ารวิเคราะห์และประเมนิ ความน่าเช่ือถอื ทเี่ หมอื นหรอื แตกตา่ งกนั หรือไมอ่ ย่างไร 12. ครสู มุ่ เรียกนกั เรยี นกลมุ่ อนื่ ๆ เพือ่ วิเคราะห์และประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มลู ในฐาน ต่อ ๆ ไปจนครบ 13. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนซักถามขอ้ สงสยั และสรุปความรู้รว่ มกนั ทา้ ยคาบเรียน 14. ครูมอบหมายงานให้นกั เรียนทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ในหนังสอื เรยี นรายวชิ า พ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 หนา้ 78 เปน็ การบา้ น ช่ัวโมงท่ี 2 ขัน้ สอน (ตอ่ ) 1. ครูและนกั เรียนทบทวนความร้เู ดมิ เร่ือง การประเมินความน่าเช่ือถือ ท่ีเรียนในชัว่ โมง ท่ีแล้ว 2. ครูบอกนกั เรยี นวา่ วนั นค้ี รูจะใหน้ กั เรียนเปน็ นกั สืบ ช่วยสบื ความจรงิ ใหค้ รวู ่าหัวขอ้ เหล่านี้ เป็นความจรงิ หรือไม่ 3. ครใู หน้ กั เรยี นแบ่งกลุ่มเป็น 5 กลุ่ม จากน้นั ให้นกั เรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะท่ี 1 เร่อื ง จริง หรือไม่ ในแบบฝึกหัดรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 หน้า 53 โดยให้แต่ละกลมุ่ เลือกหัวขอ้ ทีส่ นใจ หรอื จบั สลากเลือก หวั ขอ้ ทจี่ ะให้นกั เรยี นสบื 1) วางโทรศัพท์ไว้ใกล้ศรี ษะเวลานอน อันตรายจริงหรอื ไม่ 2) วางไฟแชก็ ไว้ในรถ เส่ยี งไฟไหม้จริงหรือไม่ 3) กินเน้ือย่างบอ่ ย ๆ มคี วามเส่ียงเปน็ โรคมะเร็งจริงหรือไม่

4) หลงั จากออกกำลังกายเสร็จใหม่ ๆ ไมค่ วรอาบนำ้ ทนั ทจี รงิ หรือไม่ 5) เล่นโทรศพั ทใ์ นทีม่ ืดเปน็ เวลานาน เสย่ี งตาบอดจริงหรือไม่ 4. ครูใหเ้ วลานกั เรียนแตล่ ะกล่มุ สืบค้นข้อมูล 20 นาที จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุม่ ออกมา นำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น โดยมีประเด็นในการนำเสนอดงั น้ี ประเดน็ ในการนำเสนอ 1) หวั ขอ้ ทน่ี กั เรียนสบื คือเร่ืองอะไร 2) นกั เรียนใชค้ ำคน้ หาใดบา้ ง 3) หลังจากสบื ค้นแล้ว หวั ข้อทน่ี ักเรยี นเลือก เปน็ จรงิ หรอื ไม่ 4) นกั เรียนค้นหาขอ้ มลู ทงั้ หมดกี่เวบ็ ไซต์ อะไรบ้าง 5) แต่ละเว็บไซต์มคี วามน่าเชอื่ ถือหรอื ไม่ เพราะเหตุใด 5. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามขอ้ สงสัย และสรปุ ความร้รู ว่ มกนั ท้ายคาบเรียน 6. ครูมอบหมายงานให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั ในหนงั สอื แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 หนา้ 51-52 เป็นการบา้ นเพ่ือเปน็ การทบทวน ความรู้ ชั่วโมงท่ี 3 ขน้ั สอน (ตอ่ ) 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ทบทวนความรู้เดิมที่เรยี นในชวั่ โมงทแ่ี ลว้ 2. ครูถามนักเรยี นวา่ 1) นกั เรยี นเคยแชร์ขอ้ ความหรอื ขอ้ มลู ต่าง ๆ ลงในส่ือออนไลนห์ รือไม่ (คำตอบ: เคย/ ไม่เคย) 2) กอ่ นนกั เรียนแชรข์ ้อมูลหรอื ขอ้ ความน้นั นกั เรยี นไดม้ ีการประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื ก่อนหรือไม่ (แนวคำตอบ: ข้นึ อยกู่ ับประสบการณ์เดิมของนกั เรียน) 3) หากขอ้ ความหรือขอ้ มูลนัน้ ไม่เป็นความจริง จะส่งผลกระทบตอ่ ผ้หู ลงเชื่ออย่างไร (แนวคำตอบ: หากมีการทำตามข้อมูลทผ่ี ิด อาจส่งผลเสยี ตอ่ ผู้หลงเช่ือ) 3. ครใู ห้นักเรียนอ่านสถานการณใ์ นกจิ กรรมฝึกทักษะที่ 2 เร่ือง เชค็ กอ่ นแชร์ ในหนังสือเรียน รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์พ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 หน้า 56 สถานการณ์: ตวงได้รบั ขอ้ ความทางส่อื ออนไลน์จากแตว้ ตวงเกิดความสงสยั วา่ แตว้ ไดข้ ้อมูลน้ี มาจากใคร แต้วบอกว่าขอ้ ความนี้ถูกสง่ ต่อกนั มา โดยไมท่ ราบแหลง่ ท่ีมา ร่วมกันใส่ EM Ball ลงในแม่น้ำ แทนการลอย กระทง เพอ่ื ลดขยะในแม่นำ้ และแก้ปญั หาน้ำเน่าเสีย ส่งตอ่ ขอ้ ความนี้ ถา้ อยากชว่ ยโลกของเรา

4. ครถู ามนกั เรยี นว่า ถา้ หากนักเรียนเป็นตวง นักเรียนจะเลือกทำสิ่งใดกอ่ น ระหว่างเชค็ กับแชร์ เพราะเหตใุ ด จากน้นั ครูใหน้ กั เรยี นเขียนคำตอบลงในกจิ กรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 ข้อ 1 5. ครแู บ่งกลุม่ นกั เรียนเป็น 2 กลมุ่ คือกลุม่ ทเี่ ลือกเชค็ และกลุ่มทเ่ี ลอื กแชร์ 6. ครใู ห้นกั เรียนกลุม่ ทีเ่ ลอื กเช็ค ตอบคำถามในกิจกรรมฝึกทกั ษะท่ี 2 ขอ้ 2 และข้อ 3 ตามลำดับ และให้นกั เรยี นกลุ่มท่ีเลือกแชร์ ตอบคำถามในกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะที่ 2 ขอ้ 3 7. ครูใหน้ กั เรยี นกลุม่ ท่เี ลือกแชร์ก่อน กลับไปเช็คข้อมลู ในขอ้ 2 แล้วพจิ ารณาอีกครัง้ วา่ จะแชร์ขอ้ มลู หรอื ไม่ เพราะเหตุใด 8. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายรว่ มกันในประเดน็ เร่ือง EM Ball วา่ สามารถนำไปใส่ใน แม่น้ำไดห้ รือไม่ จนไดข้ อ้ สรปุ รว่ มกนั ว่า EM Ball หากนำไปใส่ในแมน่ ำ้ จะทำให้น้ำเน่าเสยี ย่งิ กวา่ เดิม 9. ครสู ุม่ นกั เรยี นวา่ หากเราแชร์ข้อมูลนี้ไป โดยไมเ่ ช็คข้อมูลกอ่ น จะส่งผลกระทบตอ่ ใครบ้าง และส่งผลกระทบอย่างไร 10. ครูถามนกั เรียนต่อว่า หากนกั เรยี นทราบถึงผลกระทบของการแชร์ขอ้ มูลที่ผดิ แล้ว ในครง้ั ถดั ไป หากนกั เรียนต้องนำข้อมูลตา่ ง ๆ มาใช้ หรือจะแชร์ข้อมลู นกั เรยี นจะตรวจสอบขอ้ มูลก่อนหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ขน้ั สรุป 11. ครถู ามคำถามประจำเร่อื งในหนังสอื เรียนกับนกั เรียนว่า การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของ ข้อมลู กอ่ นนำขอ้ มูลมาใชม้ ีประโยชนอ์ ย่างไร จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนไดข้ ้อสรปุ รว่ มกนั 12. ครูให้นกั เรยี นตรวจสอบตนเองหลงั จากจบบทเรยี นแลว้ ในหนังสอื เรียนหน้า 79 13. ครใู หน้ กั เรียนดผู งั สรปุ สาระสำคัญ ในหนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 หน้า 80 เพ่อื เปน็ การสรปุ ความรู้ทีเ่ รียนมาทงั้ หมด 14. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น ครูมอบหมายงานให้นักเรยี นทำชิน้ งาน ภาระงาน (รวบยอด) และกจิ กรรมเสริมสรา้ งการ เรียนรใู้ นหนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 หนา้ 81 เปน็ การบ้าน 12. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธกี ารวดั เคร่อื งมือวดั เกณฑก์ ารประเมิน 1. นกั เรียนอธิบายหลกั การ 1. การตอบคำถามใน - แบบฝึกหัด สามารถตอบคำถามใน แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั ไดถ้ กู ต้อง ประเมินความนา่ เชือ่ ถือของ ตามหลกั การ 80 % ขึน้ ไป ข้อมูลได้ (K) สามารถตอบคำถามใน 2. นกั เรยี นประเมนิ ความ 2. ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบประเมนิ ใบงานได้ 80 % ขนึ้ ไป นา่ เชือ่ ถอื ของข้อมลู ได้ (P) แบบฝกึ หัด

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวัด เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน 3. นกั เรียนเปน็ ผู้ท่ีมีวนิ ยั ใฝ่ 3. สังเกตพฤติกรรมใน - แบบประเมิน นักเรียนมคี ุณลกั ษณะ การทำแบบฝกึ หัด คุณลักษณะอันพึง เรยี นรู้ และมุง่ มน่ั ในการทำงาน ประสงค์ อนั พึงประสงค์ ได้ 80% (A) ข้ึนไป คุณธรรม จริยธรรมทส่ี อดแทรก การตรงตอ่ เวลา เช่น การเข้าชนั้ เรียน การสง่ การบา้ น และการปฏิบัติตามท่ี ได้รบั มอบหมาย 13. หนังสอื / เอกสารอา้ งองิ - หนังสอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เรื่อง เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ลงช่อื .................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานุจำ) ครูผู้สอน

การบนั ทึกผลหลังการสอน รหัสวชิ า ว 16102 กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาการคำนวณ สปั ดาห์ที่ 31-33 ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 8 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่อื ง การใชง้ านอินเทอรเ์ นต็ อย่างมีประสิทธภิ าพ เวลา 3 ชว่ั โมง แผนการเรียนรู้ท่ี 9 เรอ่ื ง การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือ ครผู ู้สอน นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ การบนั ทกึ ผลหลงั การสอน 1. บันทกึ ผลการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ (K: Knowledge) 1.1 นักเรียนอธิบายหลักการประเมินความนา่ เชื่อถอื ของข้อมูลได้ (K) จำนวน….……คน คิดเป็นรอ้ ยละ…….…ของ จำนวนนกั เรียนทง้ั หมด 1.2 นกั เรียนอธิบายหลกั การประเมินความนา่ เช่อื ถือของขอ้ มูลไม่ได้ (K) จำนวน….……คน คดิ เป็นร้อยละ…….… ของจำนวนนกั เรยี นท้ังหมด 2. บนั ทกึ ทกั ษะ / กระบวนการ (P: Process) 2.1 นักเรยี นประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มลู ได้ (P) จำนวน……..คน คิดเปน็ ร้อยละ….……ของจำนวนนักเรยี น ทั้งหมด 2.2 นักเรียนประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู ไม่ได้ (P) จำนวน….……คน คิดเป็นร้อยละ……...ของจำนวน นกั เรียนท้งั หมด 3. บนั ทกึ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attitude) 3.1 นักเรียนเป็นผทู้ ่ีมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ ม่นั ในการทำงาน (A) จำนวน…..…..คน คิดเปน็ ร้อยละ….……ของ จำนวนนักเรยี นทั้งหมด 3.2 นักเรียนไม่เป็นผูท้ ม่ี วี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน (A) จำนวน….…...คน คดิ เปน็ ร้อยละ……...ของ จำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ แนวทางการแก้ปญั หา ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงช่ือ.................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานุจำ) ครูผู้สอน

แผนการจดั การเรียนรู้ รหัสวชิ า ว 16102 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาการคำนวณ สปั ดาห์ที่ 34-37 ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 จำนวน 6 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง ความปลอดภัยในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ เวลา 4 ช่วั โมง แผนการเรยี นร้ทู ่ี 10 เรือ่ ง การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ ครผู ู้สอน นางสาวกนกวรรณ มานุจำ 1. สาระ สาระที่ 4 เทคโนโลยี 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็นขนั้ ตอนและเป็น ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รูเ้ ทา่ ทันและมจี ริยธรรม 3. ตวั ชี้วัด / ผลการเรยี นรู้ ป.6/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศทำงานรว่ มกันอยา่ งปลอดภยั เข้าใจสิทธแิ ละหนา้ ที่ของตนเคารพในสทิ ธิของ ผู้อนื่ แจง้ ผู้เกีย่ วข้องเม่อื พบข้อมูลหรือบคุ คลท่ไี ม่เหมาะสม 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นประเมินและรเู้ ท่าทนั การใชง้ านอินเตอรเ์ น็ต (K) 2. นักเรียนใชง้ านอินเทอรเ์ น็ตไดอ้ ยา่ งรูเ้ ทา่ ทนั และรบั ผดิ ชอบ (P) 3. นกั เรยี นเป็นผู้ทีม่ วี ินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มนั่ ในการทำงาน (A)

5. สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ดา้ นความรู้ ด้านทักษะ ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ (K: Knowledge) ตัวชีว้ ัด กระบวนการ ประสงค์ (P: Process) (A: Attitude) ป.6/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. นกั เรียนประเมิน 2. นกั เรยี นใชง้ าน 3. นกั เรียนเปน็ ผู้ที่มี ทำงานรว่ มกนั อย่างปลอดภยั และรู้เท่าทนั การใช้ เข้าใจสิทธแิ ละหนา้ ที่ของตนเคารพ งานอินเตอรเ์ นต็ อนิ เทอรเ์ นต็ ไดอ้ ยา่ ง วนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และ ในสิทธิของผู้อ่นื แจง้ ผ้เู กย่ี วขอ้ ง เมอ่ื พบข้อมูลหรือบคุ คลทีไ่ ม่ รเู้ ท่าทันและรับผิดชอบ มงุ่ ม่ันในการทำงาน เหมาะสม 6. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดหนว่ ยการเรยี นรู้ อนั ตรายจากการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศท่เี ช่ือมต่อกบั อินเตอร์เน็ต ในรูปแบบต่าง ๆ และแนวทางในการ ปอ้ งกนั อันตรายจากการใช้งานอินเตอรเ์ นต็ ซ่ึงรวมถึงการกำหนดรหสั ผา่ น และการกำหนดสิทธใ์ิ นการใช้งาน รวมทง้ั อันตรายจากการติดต้งั ซอฟแวร์ และแนวทางในการตรวจสอบและป้องกันมัลแวร์ ซ่งึ เปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ ความเสียหายตอ่ ข้อมูล ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เทคโนโลยีได้ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - มีวินัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 9. สื่อ และ แหล่งการเรียนรู้ ส่อื - หนงั สือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 - แบบฝกึ หดั รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6

- วีดิทัศน”์ เจ๊ดาตลาดแตก” https://youtu.be/ZtY0aU8JKB0 - แบบสอบถาม เร่อื ง อนั ตรายจากการใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ตของนักเรยี น - ใบความรู้ เร่ือง การกำหนดรหสั ผ่านและการกำหนดสิทธเิ์ ขา้ ใชง้ าน - ใบงานที่ 4.1.1 เรอื่ ง การกำหนดรหัสผา่ นและการกำหนดสิทธ์เิ ข้าใชง้ าน แหลง่ เรยี นรู้ - หอ้ งปฏบิ ตั ิการคอมพิวเตอร์ 10. การจัดการเรยี นรู้ จำนวนคาบ หมายเหตุ ลำดบั เรอ่ื ง 4 1 การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ 11. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ เรือ่ ง การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นประเมนิ และรู้เท่าทนั การใช้งานอนิ เตอร์เนต็ (K) 2. นกั เรยี นใชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ตได้อย่างรูเ้ ทา่ ทนั และรบั ผดิ ชอบ (P) 3. นักเรยี นเป็นผ้ทู ี่มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน (A) ชว่ั โมงที่ 1 1. นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง ความปลอดภัยในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ เพอ่ื เป็นการวดั พ้ืนฐานความรู้กอ่ นเรียน ขัน้ นำ (20 นาที) 2. นกั เรยี นทำกิจกรรมลองทำดู ในแบบฝึกหดั รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 หน้า 62 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เพ่อื เปน็ การทบทวนความรเู้ ดมิ ก่อนเขา้ สู่ บทเรียน 3. ครูนำนักเรยี นสนทนา ความรูเ้ รื่อง อนั ตรายจากการใชง้ านอินเตอร์เน็ต โดยเปดิ วดี ิทัศน์ ” เจ๊ดาตลาดแตก” https://youtu.be/ZtY0aU8JKB0 หรือสือ่ อ่ืนท่ีนำเสนอปัญหา อันตรายจากการใชง้ านอนิ เตอรเ์ นต็ ให้นกั เรยี นดแู ละตงั้ คำถามเพอ่ื ใหเ้ ดก็ ร่วมกันแสดงความเหน็ และบนั ทกึ ลงสมุด ตามหัวขอ้ ดังน้ี 1) ปัญหา อนั ตรายจากการใชง้ านอินเตอรเ์ น็ตจากวีดทิ ศั นค์ ืออะไร 2) สาเหตุของปญั หา อนั ตรายจากการใช้งานอนิ เตอรเ์ น็ตจากวีดิทัศน์คืออะไร 4. จากวีดทิ ัศน์ท่ีนักเรยี นได้ดู ครชู ช้ี วนให้นกั เรยี นตระหนักถงึ อันตรายจากการใช้งาน อินเทอรเ์ น็ต และเหน็ ความสำคัญในการป้องกันอนั ตรายจากการใช้งานอินเตอรเ์ นต็

5. ครบู อกนักเรียนว่า นอกจากตวั อย่างอันตรายจากการใชง้ านอินเทอร์เนต็ ตามตวั อย่างท่ีครู เปิดใหน้ กั เรยี นดแู ล้ว นกั เรียนรู้หรือไม่ว่ายงั มีอนั ตรายจากการใช้งานอนิ เทอร์เนต็ อกี หลายรูปแบบ วันนเี้ ราจะมาเรยี นรู้ เรอื่ งนีก้ ัน ขนั้ สอน (40 นาท)ี 6. ครใู ห้นักเรียนศึกษาเน้ือหาในหนังสอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป. 6 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 เรื่องอนั ตรายจากการใชง้ านอินเทอรเ์ นต็ หน้า 83-86 และเรอื่ งแนวทาง ในการป้องกนั อันตรายจากการใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ หน้า 88-89 7. ครแู จกแบบสอบถามใหน้ กั เรียน เพอื่ สำรวจอนั ตรายจากการใชอ้ ินเตอร์เน็ตของนกั เรยี น โดยให้นักเรยี นตอบแบบสอบถาม เรอื่ ง อันตรายจากการใชอ้ ินเตอรเ์ นต็ และเก็บแบบสอบถามไวก้ บั ตนเองก่อน (ครู สามารถใหน้ ักเรียนทำแบบสอบถามผา่ น Google from กไ็ ด)้ 8. ครมู อบหมายงานใหน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมฝึกทักษะ Com Sci ในหนงั สือเรยี น รายวิชา พนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป. 6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 หน้า 87 และหนา้ 90 เพื่อทำเป็น การบา้ น ช่ัวโมงท่ี 2 ข้ันสอน (60 นาที) 1. ครทู บทวนความร้เู ดิมในชั่วโมงทแี่ ลว้ เรื่องอนั ตรายจากการใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ และเรื่อง แนวทางในการปอ้ งกันอนั ตรายจากการใช้งานอนิ เทอร์เน็ต 2. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ใหญ่ ๆ 3-4 กลุม่ จากนัน้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ รวบรวมและประมวลผล แบบสอบถามของกลุม่ 3. ครแู จกกระดาษฟลปิ ชาร์ท และแจกปากกาสีต่าง ๆ เพ่ือใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มวเิ คราะห์ ปญั หา เชื่อมโยงสาเหตแุ ละผลกระทบ รวมทง้ั จัดกลมุ่ รูปแบบ ปัญหาหรอื อนั ตรายการใชง้ านอนิ เตอร์เน็ต จาก แบบสอบถามของกลุ่ม โดยครใู หน้ กั เรียนเลือก 3 ปญั หาทค่ี ดิ วา่ มีความสำคัญหรอื อันตรายมากทส่ี ุด วิเคราะห์สาเหตุ ของปัญหานนั้ ๆ พร้อมทั้งหาแนวทางการป้องกนั หรอื แกไ้ ข โดยครใู หเ้ วลานักเรยี นจัดทำกลมุ่ ละ 20 นาที 4. ครใู ห้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอปญั หา สาเหตุ และแนวทางป้องกันหรือแกไ้ ข เก่ยี วกบั เรื่องการใชง้ านอนิ เทอร์เน็ต โดยใหเ้ วลาในการนำเสนอกล่มุ ละ 7-10 นาที 5. ครใู หน้ กั เรียนศกึ ษา กจิ กรรมเสรมิ สร้างการเรยี นรู้ ในหนงั สือเรยี นรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป. 6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 หน้า 106 และรว่ มอภปิ รายในช้ันเรยี นว่าหาก นักเรียนได้รับอเี มล นกั เรียนควรทำอยา่ งไร เพราะเหตุผล พรอ้ มบอกวธิ กี ารสังเกตและปอ้ งกันอนั ตรายจากการใชง้ าน อีเมล และบนั ทึกคำตอบลงสมุด 6. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้ทไี่ ด้จากการเรยี นในช่ัวโมงน้ี

ช่ัวโมงท่ี 3 ข้ันสอน (60 นาท)ี 1. ครถู ามนกั เรียนวา่ รูห้ รือไม่ว่าการป้องกันอนั ตรายจากการใชง้ านอนิ เทอร์เน็ตทงี่ ่ายและ เป็นพื้นฐานทส่ี ำคัญ คอื การกำหนดรหสั ผ่าน และการกำหนดสิทธก์ิ ารเข้าใช้งาน ซ่งึ เราทกุ คนสามารถทำไดง้ ่าย ๆ ด้วย ตนเอง 2. ครูให้นักเรยี นศกึ ษาศึกษาเน้อื หาในหนังสือเรียน รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป. 6 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรือ่ งการกำหนดรหสั ผา่ น หน้า 91 และเรอื่ งการกำหนดสิทธ์ิในการเข้า ใชง้ าน หน้า 93-94 3. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ว่า นักเรียนสามารถสร้างวิธกี ารในการกำหนดรหสั ผ่านท่ีมีความ ปลอดภัย และผูใ้ ชง้ านจดจำไดง้ ่ายได้หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งควรศึกษาการกำหนดสทิ ธิใ์ นการเข้าใช้งานในสื่อ หรือ บรกิ ารออนไลน์ต่าง ๆ นอกเหนือจากทศ่ี กึ ษาในหนังสือเรียนมาแลว้ เช่น การกำหนดสิทธ์ิในการแชร์ไฟล์จาก Google Drive จากนั้นครูแจกใบความรู้ เรอื่ งการกำหนดรหสั ผา่ นและการกำหนดสิทธ์ิเข้าใชง้ าน เพ่ือให้นักเรียนศกึ ษาเพ่ิมเติม 4. ครูแจกใบงานที่ 4.1.1 เรื่อง การกำหนดรหสั ผ่านและการกำหนดสิทธิเ์ ขา้ ใช้งาน โดยมี ประเด็นดังนี้ 1) นกั เรียนมบี ญั ชี Gmail หรอื ไม่ 2) หากนักเรยี นไมม่ บี ัญชี Gmail ใหน้ ักเรยี นสมคั ร โดยดูข้นั ตอนจากใบความรเู้ ร่อื งการ กำหนดรหสั ผ่านและการกำหนดสิทธิเ์ ข้าใช้งาน 3) นักเรยี นคิดวา่ รหัสผ่านทีน่ ักเรยี นใช้ มีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด 4) ใหน้ กั เรยี นเปิดโปรแกรม Microsoft word แลว้ พิมพ์ชือ่ นามสกลุ ชัน้ เรียน และ เลขท่ี ของตนเอง ลงในโปรแกรม จากนนั้ บนั ทกึ เปน็ ไฟล์ .doc แล้วอัปโหลดไฟล์ลง ใน Google Drive และแชร์ให้คุณครูทาง .............(ชอ่ื อีเมลของคุณคร)ู ............ โดย กำหนดสทิ ธใิ์ ห้คณุ ครสู ามารถดไู ฟล์ขอ้ มูลไดเ้ พยี งอย่างเดียว ไม่มสี ทิ ธิใ์ นการแก้ไข หรือปรบั ปรุง 5. ครูนำนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายสรุปความรูท้ ่ีไดจ้ ากใบงานที่ 4.1.1 เรอื่ ง การกำหนด รหัสผา่ นและการกำหนดสทิ ธใ์ิ นการเข้าใช้งาน รวมทง้ั ใหน้ ักเรียนบอกแนวทางในการนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันของ นักเรยี น 6. ครูให้นกั เรียนทำกิจกรรมฝกึ ทักษะ Com Sci เรือ่ งการกำหนดรหสั ผ่าน หนา้ 92 และ กจิ กรรมเสรมิ สร้างการเรียนรู้ ขอ้ 2 หน้า 107 ท้ายคาบเรียน และมอบหมายงานใหน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci เรอื่ งการกำหนดสิทธกิ์ ารเขา้ ใชง้ าน หนา้ 95 ในหนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ป. 6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เป็นการบ้าน

ช่ัวโมงท่ี 4 ขั้นสอน (50 นาท)ี 1. ครนู ำนกั เรยี นสนทนา เรอ่ื ง “การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์” โดยครสู รปุ นิยาม การกลัน่ แกลง้ บนโลกออนไลน์ คอื การใชอ้ ปุ กรณ์ เครือ่ งมอื สือ่ สารผ่านส่ือดิจิทลั หรือสือ่ ออนไลน์ เช่น คอมพิวเตอร์ แทบ็ เล็ต โทรศัพทม์ ือถอื ในการกล่ันแกลง้ รังแก คกุ คามโดยเจตนา และมกั จะมกี ารทำซำ้ ๆ เช่น นำข้อมูลส่วนตวั หรือ ความลับของเพอื่ นไปเผยแพรใ่ นส่ือสังคมออนไลน์ สรา้ งบัญชสี ือ่ ออนไลน์เพื่อต่อต้านหรอื ล้อเลยี นเพ่ือน 2. ครูนำนักเรียนรว่ มอภปิ รายในประเด็นตอ่ ไปน้ี 1) การกล่นั แกลง้ บนโลกออนไลนท์ เ่ี ด็กเคยพบเจอในโรงเรยี น แนวคำตอบ: ครูใหน้ ักเรียนอภิปรายตามประสบการณข์ องนกั เรียน 2) สาเหตุท่มี ีการกลั่นแกลง้ บนโลกออนไลน์ท่เี ด็กเคยพบเจอในโรงเรยี น แนวคำตอบ: ครูใหแ้ นวคำตอบสาเหตขุ องการกล่ันแกลง้ บนโลกออนไลน์ หลงั นกั เรยี นอภปิ ราย 1.ผกู้ ระทำสามารถปกปดิ ปลอมแปลง ไมแ่ สดงตัวตนเอง 2.สอ่ื สงั คมออนไลนถ์ ูกใช้เปน็ ช่องทางระบายอารมณ์ 3.ความงา่ ยและสะดวกในการรงั แก 4.บางสว่ นมีสาเหตุมาจากในชีวติ จรงิ เชน่ ความไม่พอใจตอ่ คนบางคนท่ีรจู้ กั และปฏสิ ัมพนั ธใ์ น ชีวติ จรงิ 3) แนวทางในแกป้ ัญหาการโดนกลน่ั แกลง้ บนโลกออนไลน์ แนวคำตอบ: ครูใหแ้ นวทางในการแกป้ ญั หา หลงั นักเรียนอภิปราย 1) STOP ไมต่ อบสนองตอ่ ผกู้ ลั่นแกล้ง และเก็บหลักฐานการกล่ันแกล้ง เชน่ รูปภาพ ข้อความทผ่ี ู้ กลัน่ แกล้งโพสหรอื สง่ 2) BLOCK บลอ็ กการสอื่ สารของผ้กู ลน่ั แกล้ง 3) REPORT รายงานให้ครู ผ้ปู กครองหรอื ผู้ใหญท่ ่ีไว้วางใจไดท้ ราบ และ/หรือ รายงานไปทผี่ ใู้ หบ้ ริการสื่อสงั คมออนไลน์ท่โี ดนกลั่นแกล้ง (ทัง้ นคี้ รูต้องช้ีให้นักเรียนเหน็ ว่าปัญหาแตล่ ะเหตุการณอ์ าจต้องใชว้ ธิ ีการแตกตา่ งกนั ไปตามบริบท ปัญหา) 3. ครูบอกนักเรยี นว่า วันนี้ครมู สี ถานการณ์ให้นกั เรยี นลองสมมติบทบาทเป็นบคุ คลใน สถานการณ์ และลองนกึ ดูวา่ ถ้าหากสถานการณ์นีเ้ กิดกับเรา เราจะรูส้ กึ อย่างไร 4. ครูให้แบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 6 คน แลว้ ให้นักเรียนรว่ มกนั ทำกิจกรรมฝกึ ทกั ษะที่ 1 เรอ่ื ง เหตุเกิด ณ ห้องคอมพิวเตอร์ โดยครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนในกลมุ่ สมมตบิ ทบาทเป็นตัวละครตามสถานการณ์

สถานการณต์ ามเวลาตา่ ง ๆ เวลา สถานการณ์ 13.00 น. ฝนปวดหวั มาก ครจู ึงใหแ้ ฟงพาฝนไปทีห่ อ้ งพยาบาล 13.05 น. ปุ้มเหน็ กายกำลงั พยายามเขา้ สบู่ ัญชสี ่อื ออนไลนใ์ นคอมพิวเตอรท์ ่ีฝนใช้งานอยหู่ ลายคร้ัง และเข้าใช้ งานได้โดยใชร้ หสั ประจำตวั นักเรียนของฝน แตป่ มุ้ ไม่ไดส้ นใจอะไร 13.20 น. เจนเลน่ คอมพวิ เตอร์และบงั เอญิ ไปเหน็ โพสในสอ่ื ออนไลน์ของฝน โดยในโพสเปน็ รูปภาพฮิปโปแตม่ ี การตัดต่อนำรปู หนา้ ของแฟงมาแปะแทนหัวของฮิปโป เจนรูส้ ึกตลกกบั ภาพจงึ แชร์โพสให้กบั เพอื่ น ๆ 13.21 น. แบมเปน็ เพ่ือนต่างห้องเรยี น เห็นโพสแล้วไมเ่ ห็นด้วยกบั ฝน และเขา้ ใจว่าฝนนิสัยไม่ดี แต่ไมไ่ ด้แชร์ โพส 13.25 น. ปลาเห็นโพสแลว้ รสู้ กึ แปลกใจ เพราะฝนกับแฟงเป็นเพอื่ นสนิทกนั และทง้ั คกู่ ็อยูท่ ่หี อ้ งพยาบาล ซ่งึ ไม่มคี อมพวิ เตอร์ จงึ นำรปู ภาพใหค้ ณุ ครูดู 13.30 น. ฝนและแฟงกลบั มาท่หี อ้ งเรยี น และถกู เพือ่ น ๆ มองดว้ ยสายตาทแ่ี ปลก ๆ 13.31 น. ครถู ามเพ่ือนในห้องวา่ ใครเปน็ คนกล่นั แกล้งฝนและแฟง ซง่ึ ไมม่ ีใครกลา้ ยอมรบั ผดิ 5. ครูใหน้ กั เรยี นอภิปรายกนั ในกลมุ่ ถงึ ความรู้สึก ความคิดเหน็ จากมมุ มองของตวั ละครตาม บทบาทท่ีตัวเองได้รบั จากน้ันเขียนสรุปและตอบคำถามลงในกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะท่ี 1 เรื่อง เหตุเกิด ณ ห้องคอมพวิ เตอร์ ขน้ั สรปุ (10 นาที) 6. ครนู ำนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายสรปุ ความรู้ที่ได้จากการจดั กิจกรรม การเหน็ ความสำคญั ของอันตราย และการปอ้ งกันอันตรายจากการใช้งานอนิ เตอรเ์ น็ต รวมทง้ั แนวทางในการนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ของ นกั เรยี น โดยครูช้ีใหน้ กั เรยี นให้เห็นประเด็นสำคญั คอื 1) โทษของการใชเ้ ทคโนโลยีในการรงั แก ใสร่ า้ ยผู้อื่น จากการกระทำของกาย ซ่งึ ทำให้ เพอื่ นไดร้ บั ความเสียใจและอับอาย รวมทัง้ จะทำให้ถูกลงโทษจากทางโรงเรยี น และเป็นความผดิ ตาม พ.ร.บ. คอมพวิ เตอร์ 2) การจดั การต่อสถานการณ์ของผู้ทถี่ ูกกล่ันแกล้งทางออนไลน์ คือ ฝนและแฟง โดย แก้ปญั หาอยา่ งมีสติและรจู้ กั ควบคุมอารมณ์ และใชก้ ระบวนการ Stop – Block – Report 3) บทบาทของผูท้ ีม่ ีส่วนร่วมในเหตุการณ์ ซึง่ นักเรียนเลอื กได้วา่ ควรจะเลือกปฏบิ ตั ิต่อ เหตุการณต์ ามตวั ละครใด เพราะอะไร โดยกำหนดใหก้ ายเปน็ ผู้รังแก แฟงเปน็ ผถู้ ูกรงั แก ปุม้ และแบม ท่เี หน็ การกระทำ ผดิ ของกาย แต่ไม่ไดท้ ำอะไร เปน็ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เจนท่เี ห็นโพสของกายและแชร์ โพสต่อเปน็ ผ้สู นับสนนุ การรังแก และปลาซง่ึ เหน็ โพสและพยายามช่วยผู้ที่ถกู รงั แก เปน็ ผ้ปู กปอ้ ง/ช่วยเหลอื ผู้ถูกรังแก นอกจากน้คี รคู วรกระตุ้นใหน้ กั เรยี นเสนอแนวทางสรา้ งสรรคข์ องตนเองต่อเหตกุ ารณท์ ี่เกดิ ข้ึน 7. ครูมอบหมายงานใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 เรอื่ งการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ หน้า 63-66 เป็นการบา้ น

12. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวัด เครื่องมือวดั เกณฑ์การประเมิน - แบบฝกึ หัด 1. นกั เรียนประเมนิ และรู้เทา่ ทนั 1. การตอบคำถามใน สามารถตอบคำถามใน แบบฝึกหัดได้ถกู ตอ้ ง การใช้งานอนิ เตอร์เน็ต (K) แบบฝกึ หดั ตามหลักการ 80 % ขน้ึ ไป 2. นกั เรียนใช้งานอินเทอรเ์ น็ตได้ 2. ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบประเมิน สามารถตอบคำถามใน ใบงานได้ 80 % ขน้ึ ไป อยา่ งรเู้ ทา่ ทนั และรบั ผดิ ชอบ (P) แบบฝกึ หดั 3. นกั เรยี นเปน็ ผู้ที่มีวินัย ใฝ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมใน - แบบประเมนิ นกั เรยี นมคี ุณลักษณะ เรียนรู้ และมงุ่ ม่ันในการทำงาน คณุ ลักษณะอันพึง อนั พงึ ประสงค์ ได้ 80% (A) การทำแบบฝึกหดั ประสงค์ ขนึ้ ไป คณุ ธรรม จริยธรรมท่สี อดแทรก การตรงต่อเวลา เชน่ การเขา้ ช้นั เรียน การส่งการบา้ น และการปฏิบตั ิตามที่ ไดร้ บั มอบหมาย 13. หนงั สอื / เอกสารอ้างอิง - หนงั สอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เรอื่ ง เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 ลงชือ่ .................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานุจำ) ครผู ู้สอน

การบนั ทึกผลหลังการสอน รหสั วชิ า ว 16102 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ สัปดาห์ท่ี 34-37 ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 จำนวน 6 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 เรือ่ ง ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ เวลา 4 ช่ัวโมง แผนการเรียนรูท้ ่ี 10 เรื่อง การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ ครผู ู้สอน นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ การบนั ทกึ ผลหลังการสอน 1. บนั ทึกผลการเรยี นรตู้ ามจดุ ประสงค์ (K: Knowledge) 1.1 นักเรียนประเมินและรู้เทา่ ทนั การใชง้ านอนิ เตอรเ์ น็ตได้ (K) จำนวน….……คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ…….…ของ จำนวนนกั เรียนทง้ั หมด 1.2 นักเรียนประเมนิ และรูเ้ ท่าทันการใชง้ านอินเตอร์เน็ตไม่ได้ (K) จำนวน….……คน คิดเป็นร้อยละ…….…ของ จำนวนนักเรยี นทั้งหมด 2. บนั ทึกทักษะ / กระบวนการ (P: Process) 2.1 นักเรยี นใชง้ านอินเทอรเ์ นต็ ไดอ้ ย่างรเู้ ทา่ ทันและรับผดิ ชอบได้ (P) จำนวน……..คน คิดเปน็ รอ้ ยละ….……ของ จำนวนนักเรยี นท้ังหมด 2.2 นกั เรยี นใช้งานอินเทอรเ์ น็ตไดอ้ ยา่ งรูเ้ ท่าทันและรบั ผิดชอบไม่ได้ (P) จำนวน….……คน คิดเป็นร้อยละ……... ของจำนวนนกั เรยี นทัง้ หมด 3. บันทึกคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attitude) 3.1 นกั เรยี นเป็นผู้ท่มี วี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน (A) จำนวน…..…..คน คิดเป็นรอ้ ยละ….……ของ จำนวนนักเรยี นทั้งหมด 3.2 นกั เรยี นไม่เป็นผทู้ ่ีมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน (A) จำนวน….…...คน คิดเปน็ ร้อยละ……...ของ จำนวนนกั เรยี นทัง้ หมด ปัญหาและอุปสรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ แนวทางการแกป้ ัญหา ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงช่อื .................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ) ครูผู้สอน

แผนการจดั การเรียนรู้ รหสั วชิ า ว 16102 กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการคำนวณ สัปดาห์ที่ 38-39 ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 จำนวน 6 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร่ือง ความปลอดภยั ในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ เวลา 2 ช่ัวโมง แผนการเรียนรทู้ ่ี 11 เร่ือง การติดตงั้ ซอฟต์แวรจ์ ากอินเทอรเ์ น็ต ครผู ู้สอน นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ 1. สาระ สาระที่ 4 เทคโนโลยี 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชีวติ จริงอย่างเป็นขัน้ ตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทันและมจี รยิ ธรรม 3. ตัวชว้ี ัด / ผลการเรียนรู้ ป.6/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทำงานรว่ มกนั อย่างปลอดภยั เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าท่ีของตนเคารพในสิทธิของ ผอู้ ื่น แจ้งผเู้ กยี่ วขอ้ งเม่อื พบข้อมลู หรอื บุคคลท่ีไม่เหมาะสม 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรยี นอธิบายประเภทของมลั แวรแ์ ละแนวทางการตรวจสอบและป้องกนั มัลแวรไ์ ด้ (K) 2. นักเรยี นตรวจสอบและป้องกนั มัลแวรไ์ ด้ (P) 3. นกั เรยี นเป็นผู้ทมี่ วี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ ม่ันในการทำงาน (A)

5. สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตัวช้ีวัด ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ (K: Knowledge) กระบวนการ ประสงค์ (P: Process) ป.6/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. นักเรยี นอธิบาย 2. นกั เรียนตรวจสอบ (A: Attitude) ทำงานรว่ มกันอยา่ งปลอดภยั ประเภทของมัลแวร์ และปอ้ งกันมลั แวร์ได้ 3. นกั เรยี นเปน็ ผทู้ ่ีมี เขา้ ใจสทิ ธิและหนา้ ที่ของตนเคารพ และแนวทางการ วินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และ ในสิทธิของผ้อู นื่ แจ้งผเู้ ก่ียวข้อง ตรวจสอบและ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน เมอื่ พบขอ้ มลู หรือบุคคลท่ไี ม่ ปอ้ งกันมัลแวร์ได้ เหมาะสม 6. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอดหน่วยการเรียนรู้ การตดิ ตง้ั ซอฟแวร์จากอนิ เตอร์เน็ต อาจทำให้มลั แวร์ ซ่ึงเป็นซอฟแวร์ทต่ี ั้งใจออกแบบมาเพือ่ ทำอนั ตรายกับ คอมพวิ เตอร์ ดังน้นั ผูใ้ ช้งานต้องรแู้ นวทางการตรวจสอบและป้องกนั มลั แวร์เพือ่ ปอ้ งกันการอนั ตรายในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ ขโมยขอ้ มลู , การลบข้อมูล, การทำลายระบบ เปน็ ต้น 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มงุ่ ม่ันในการทำงาน 9. ส่อื และ แหล่งการเรียนรู้ สื่อ - หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 - แบบฝึกหดั รายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.6 - ใบงานที่ 4.2.1 เร่ือง ตรวจสอบมัลแวร์

แหล่งเรียนรู้ จำนวนคาบ หมายเหตุ - หอ้ งปฏบิ ตั ิการคอมพิวเตอร์ 2 10. การจัดการเรียนรู้ ลำดบั เรื่อง 1 การติดตงั้ ซอฟต์แวร์จากอินเทอรเ์ นต็ 11. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ เรอื่ ง การติดต้งั ซอฟต์แวรจ์ ากอินเทอรเ์ น็ต จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนอธบิ ายประเภทของมัลแวรแ์ ละแนวทางการตรวจสอบและปอ้ งกันมลั แวรไ์ ด้ (K) 2. นกั เรียนตรวจสอบและปอ้ งกันมลั แวรไ์ ด้ (P) 3. นักเรียนเป็นผ้ทู ี่มวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน (A) ชั่วโมงท่ี 1 ขน้ั นำ 1. ครูถามนักเรยี นว่า นกั เรียนคนใดเคยเปน็ หวัดบ้าง รู้หรือไม่วา่ หวัดเกิดจากอะไร 2. ครูและนกั เรยี นร่วมกันถาม-ตอบ จนไดข้ อ้ สรุปว่าหวดั เกิดจากการติดเชอื้ ไวรัส ทำให้ ร่างกายของเราเกดิ อาการจาม คดั จมูก มอี าการอ่อนเพลีย มไี ข้เลก็ น้อย เป็นต้น 3. ครถู ามนักเรียนวา่ นอกจากเช้ือไวรัสทอ่ี ยู่ในรา่ งกายคนแลว้ นกั เรยี นรู้หรือไมว่ า่ คอมพวิ เตอร์ท่เี ราใชท้ ำงานหรือคน้ หาข้อมูลตา่ ง ๆ ก็สามารถติดไวรัสได้เหมือนกัน นักเรยี นรจู้ ักไวรสั คอมพวิ เตอร์ หรอื ไม่ คืออะไร มคี วามเหมือนหรอื แตกต่างจากไวรัสทที่ ำให้เราเป็นหวดั หรอื ไม่ ขนั้ สอน 4. ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ หลังจากที่นกั เรียนแสดงความเห็นรว่ มกนั ว่า ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมชนิดหนึ่งทถ่ี กู เขียนข้ึนเพื่อใหจ้ ัดการตวั เองได้ โดยมลี กั ษณะเลียนแบบไวรัส เตบิ โต ขยายและแพรก่ ระจายได้ และสามารถอยรู่ อดได้ด้วยการอำพรางตน เหมอื นเช้ือไวรสั ไวรัสคอมพวิ เตอร์เปน็ ประเภทหนึง่ ของโปรแกรมทเ่ี ปน็ เครอื่ งมอื ในการก่อปญั หาอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตที่แฝงมากับซอฟแวร์ท่ีติดตั้ง โดยไวรสั เป็นหนง่ึ ในประเภท ของมลั แวร์ (Malware) 5. ครูถามนักเรยี นวา่ นกั เรียนรจู้ ักมัลแวรห์ รือไม่ จากน้ันให้นักเรยี นศึกษาความหมายและ ประเภทของมลั แวร์ในหนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 หนา้ 96-98 6. ครูสแกน QR Code ในหนงั สือเรียนหนา้ 98 เพ่อื ให้นักเรียนศกึ ษาวดี ทิ ัศน์เพ่มิ เติมในเรอื่ ง ไวรัสคอมพวิ เตอร์ (ครอู าจให้นกั เรียนทีม่ โี ทรศัพท์สแกน QR Code ดว้ ยตนเอง)

7. ครใู หน้ กั เรียนทำกจิ กรรมเล่นเกมกบั Com Sci เกมมลั แวร์อะไรเอย่ ตามหนังสือเรียน รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 หนา้ 104 โดยให้นักเรยี นยนื ขึน้ และจบั ค่กู ับเพอ่ื น หนั หนา้ เข้าหากนั จากน้นั ให้คุณครูพูดวา่ “มัลแวร์อะไรเอ่ย ? ทม่ี ลี ักษณะ ..........” โดยให้ครบู อก ลกั ษณะของมัลแวร์ใดกไ็ ด้ นักเรยี นแต่ละคจู่ ะต้องแขง่ กนั ทายชื่อมัลแวรจ์ ากลกั ษณะท่คี รูกำหนดให้ หากนักเรยี นคนใด ตอบชา้ หรอื ตอบผดิ ใหต้ กรอบ และไปต่อหลงั คนทีช่ นะ แลว้ ให้คนทช่ี นะหาคใู่ หม่ เลน่ จนกว่าจะเหลือผู้ชนะเพียงคน เดยี ว จึงส้ินสุดเกม 8. ครบู อกนกั เรยี นวา่ ตอนนน้ี กั เรียนทกุ คนกไ็ ดร้ ู้จกั มลั แวร์ประเภทตา่ ง ๆ ไปแล้ว แล้วเราจะ ทราบไดอ้ ยา่ งไรวา่ คอมพวิ เตอรข์ องเราถกู ตดิ ตั้งมลั แวร์ไปแล้ว 9. ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาแนวทางในการตรวจสอบและป้องกนั มัลแวร์จากหนงั สอื เรยี นใน หนา้ 100-102 10. ครถู ามนักเรยี นว่านกั เรียนเวลานกั เรียนใช้งานคอมพิวเตอรข์ องตนเองที่บา้ นหรอื ท่ี โรงเรียน นกั เรียนเคยพบเห็นความผิดปกตขิ องคอมพวิ เตอรห์ รอื ไม่ 11. ครแู จกใบงานที่ 4.2.1 เรอื่ ง ตรวจสอบมัลแวร์ ใหน้ กั เรียน โดยให้นกั เรียนกลบั ไปสำรวจ คอมพวิ เตอรข์ องตนเองท่ีบ้านว่ามีอาการผดิ ปกติหรอื ไม่ หากนกั เรียนคนใดไมม่ ีคอมพิวเตอร์ ให้สำรวจคอมพิวเตอร์ท่ี โรงเรียน โดยใบงานนใ้ี ห้สง่ ในช่วั โมงถดั ไป ประเดน็ ในการสำรวจคอมพวิ เตอร์ 1) คอมพิวเตอรท์ ำงานชา้ ลงหรือมอี าการค้างบอ่ ยขึ้นหรอื ไม่ 2) ไมส่ ามารถเชื่อมตอ่ อินเทอรเ์ น็ตได้ หรอื เชอ่ื มต่อไดช้ ้า 3) ไฟล์ข้อมลู หายโดยไม่ทราบสาเหตุ 4) มโี ฆษณา หรอื ข้อความแปลก ๆ ข้ึนมาระหวา่ งใชง้ าน 12. ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรียนทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะ Com Sci ในหนงั สือเรยี นหนา้ 99 และ 103 เป็นการบ้าน ชั่วโมงที่ 2 ขนั้ สอน (ตอ่ ) 1. ครูและนักเรียนรว่ มกันทบทวนความร้เู ดมิ ท่ีเรียนในชวั่ โมงทแ่ี ล้ว เรอ่ื งประเภทและ ความหมายของมัลแวร์ แนวทางในการตรวจสอบและป้องกันมัลแวร์ 2. ครูถามนักเรยี นถึงแบบสำรวจท่ีใหน้ ักเรียนนำไปทำเปน็ การบา้ นวา่ คอมพิวเตอร์ของใคร ท่ี มีอาการหรอื มีความนา่ จะเปน็ วา่ จะติดมัลแวร์บา้ ง 3. ครูใหน้ ักเรียนทำกจิ กรรมฝึกทักษะที่ 2 เร่อื ง แนวทางการตรวจสอบและป้องกันมัลแวร์ ใน หนงั สือเรยี นรายวิชาวิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรู้ 4 หนา้ 72 โดยให้ นักเรยี นบันทกึ พฤติกรรมเส่ียงของตนเองท่อี าจทำใหเ้ กดิ ความไม่ปลอดภัยจากมลั แวร์ อธิบายวิธแี กไ้ ขหากเกดิ ปัญหา และวิธีป้องกนั

4. ครูแจกกระดาษ A4 ออกแบบและจดั ทำผงั ความคิด (Mind Map) เรอ่ื งอนั ตรายจากการ ติดตงั้ ซอฟต์แวรเ์ พื่อใหน้ กั เรยี นสรุปความรู้ทไี่ ดเ้ รยี นทั้งหมด โดยบอกประเภทและความหมายของมัลแวร์ แนวทางใน การตรวจสอบและปอ้ งกนั มัลแวร์ หากทำไม่ทันให้นำกลับไปทำเปน็ การบ้านและสง่ ครูในช่วั โมงถัดไป ข้นั สรปุ 5. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปความรู้ที่ไดจ้ ากการจัดกิจกรรม การเหน็ ความสำคัญ อนั ตราย จากการตดิ ตัง้ ซอฟแวร์ และแนวทางการตรวจสอบและปอ้ งกันมัลแวร์ รวมทง้ั แนวทางในการนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั ของนักเรียน 6. ครูใหน้ ักเรียนตรวจสอบตนเองหลงั จากจบบทเรียนแล้วในหนังสือเรยี นหน้า 104 7. ครูให้นักเรยี นดผู งั สรปุ สาระสำคญั ในหนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 หนา้ 105 เพื่อเปน็ การสรปุ ความรู้ท่ีเรียนมาทงั้ หมด 8. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ความปลอดภยั ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพอ่ื ประเมินความรหู้ ลงั เรียน 9. ครมู อบหมายงานให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั ในหนงั สอื แบบฝกึ หัดรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 หน้า 67-69 เปน็ การบ้าน เพอ่ื ฝึกฝนความรู้ 12. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารประเมิน 1. นักเรียนอธิบายประเภท 1. การตอบคำถามใน - แบบฝกึ หัด สามารถตอบคำถามใน แบบฝกึ หดั แบบฝึกหัดได้ถกู ตอ้ ง ของมัลแวรแ์ ละแนวทางการ - แบบประเมิน ตามหลกั การ 80 % ขนึ้ แบบฝกึ หดั ไป ตรวจสอบและปอ้ งกนั มัลแวรไ์ ด้ สามารถตอบคำถามใน (K) ใบงานได้ 80 % ขึ้นไป 2. นกั เรยี นตรวจสอบและ 2. ตรวจแบบฝกึ หัด ปอ้ งกันมัลแวรไ์ ด้ (P) 3. นกั เรยี นเป็นผ้ทู ม่ี วี ินยั ใฝ่ 3. สงั เกตพฤติกรรมใน - แบบประเมิน นกั เรยี นมีคุณลักษณะ เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน คณุ ลักษณะอนั พึง อนั พงึ ประสงค์ ได้ 80% (A) การทำแบบฝึกหดั ประสงค์ ข้นึ ไป คณุ ธรรม จริยธรรมทส่ี อดแทรก การตรงต่อเวลา เช่น การเข้าชัน้ เรียน การส่งการบ้าน และการปฏิบัติตามที่ ไดร้ บั มอบหมาย

13. หนงั สือ / เอกสารอา้ งองิ - หนงั สอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ลงช่ือ.................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานุจำ) ครูผู้สอน

การบันทึกผลหลงั การสอน รหัสวิชา ว 16102 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ สปั ดาหท์ ่ี 38-39 ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 6 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง ความปลอดภัยในการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ เวลา 2 ช่ัวโมง แผนการเรยี นรู้ที่ 11 เรอื่ ง การติดตง้ั ซอฟตแ์ วร์จากอินเทอรเ์ นต็ ครูผสู้ อน นางสาวกนกวรรณ มานุจำ การบันทึกผลหลังการสอน 1. บนั ทกึ ผลการเรียนรู้ตามจดุ ประสงค์ (K: Knowledge) 1.1 นกั เรียนอธิบายประเภทของมัลแวร์และแนวทางการตรวจสอบและปอ้ งกนั มัลแวรไ์ ด้ (K) จำนวน….……คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ…….…ของจำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด 1.2 นักเรียนอธบิ ายประเภทของมัลแวรแ์ ละแนวทางการตรวจสอบและป้องกันมัลแวร์ไม่ได้ (K) จำนวน….……คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ…….…ของจำนวนนกั เรียนทั้งหมด 2. บนั ทกึ ทักษะ / กระบวนการ (P: Process) 2.1 นักเรียนตรวจสอบและป้องกนั มลั แวรไ์ ด้ (P) จำนวน……..คน คดิ เป็นร้อยละ….……ของจำนวนนักเรียน ทัง้ หมด 2.2 นกั เรียนตรวจสอบและป้องกนั มลั แวร์ไม่ได้ (P) จำนวน….……คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ……...ของจำนวนนักเรยี น ท้ังหมด 3. บนั ทกึ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attitude) 3.1 นักเรียนเป็นผทู้ ี่มวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มัน่ ในการทำงาน (A) จำนวน…..…..คน คิดเป็นรอ้ ยละ….……ของ จำนวนนกั เรยี นท้ังหมด 3.2 นกั เรยี นไม่เปน็ ผ้ทู ีม่ ีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน (A) จำนวน….…...คน คิดเป็นร้อยละ……...ของ จำนวนนักเรียนทัง้ หมด ปัญหาและอุปสรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ แนวทางการแก้ปญั หา ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงช่ือ.................................................. (นางสาวกนกวรรณ มานจุ ำ) ครูผ้สู อน

ใบงานที่ 1.1.1 เรอ่ื ง ตอ่ ยอดการแกป้ ญั หาดว้ ยเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ คำช้แี จง : ใหน้ ักเรียนอา่ นสถานการณ์เร่ืองผลการแขง่ ขนั ตอบปญั หาภาษาองั กฤษในหนังสือเรียน แลว้ ตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. นกั เรียนมแี นวคดิ หรอื วิธกี ารแก้ปัญหาจากสถานการณท์ ก่ี ำหนดให้อย่างไร จงอธบิ าย อย่างละเอียดโดยใช้ภาพ สญั ลกั ษณ์ หรอื ข้อความ ตัวอย่างการอธบิ ายการแกป้ ญั หาด้วยข้อความอยา่ งคร่าว ๆ เริม่ ต้น > อา่ นเงือ่ นไข > ตรวจสอบเง่อื นไข > แสดงผลการแขง่ ขัน > จบการทำงาน

1. เมอ่ื นกั เรียนอ่านและพิจารณาเงือ่ นไขครบท้ังหมดแล้วเพียง 1 รอบ นักเรยี นสามารถร้ผู ล การแขง่ ขนั ตอบปญั หาภาษาองั กฤษไดเ้ ลยหรอื ไม่ เพราะเหตุใด .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 2. จากสถานการณ์ที่กำหนดให้ นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใด จึงต้องใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ในการแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 3. หากสถานการณท์ กี่ ำหนด ขาดเง่ือนไข “ต้นกล้าไดค้ ะแนนนอ้ ยกว่าก้าน” นกั เรยี นคดิ ว่า เราจะสามารถแกป้ ัญหาได้หรอื ไม่ เพราะเหตุใด .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................

เฉลย ใบงานท่ี 1.1.1 เรอื่ ง ต่อยอดการแกป้ ญั หาด้วยเหตุผลเชงิ ตรรกะ คำชแี้ จง : ให้นกั เรียนอา่ นสถานการณ์เร่ืองผลการแขง่ ขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษในหนังสือเรียน แลว้ ตอบคำถามต่อไปนี้ 1. นกั เรยี นมแี นวคิดหรือวธิ กี ารแกป้ ญั หาจากสถานการณ์ที่กำหนดให้อย่างไร จงอธิบาย อยา่ งละเอยี ดโดยใชภ้ าพ สัญลักษณ์ หรอื ข้อความ ตัวอย่างการอธิบายการแก้ปญั หาดว้ ยข้อความอยา่ งคร่าว ๆ เร่ิมต้น > อา่ นเง่ือนไข > ตรวจสอบเงอื่ นไข > แสดงผลการแขง่ ขนั > จบการทำงาน ตัวอยา่ งวิธกี ารแกป้ ญั หาโดยใช้ข้อความ 1. เรม่ิ ต้น 2. อา่ นเงื่อนไขทัง้ หมด 3. เขยี นแนวทางทีเ่ ปน็ ไปไดท้ ง้ั หมดลงในตาราง 4. อ่านเงอ่ื นไขอีกคร้ัง 5. ตัดสิ่งทเ่ี ป็นไปไมไ่ ด้ออก 6. ตรวจสอบวา่ ไดค้ ำตอบครบหรือยัง หากยังไมค่ รบใหก้ ลับไปอา่ น เง่อื นไขในขอ้ 4 และตดั สิ่งที่เปน็ ไปไมไ่ ดอ้ อกในข้อ 5 และมา ตรวจสอบอกี คร้ัง หากครบแลว้ ใหส้ รปุ ผลการแขง่ ขนั 7. สรุปผลการแขง่ ขนั 8. จบการทำงาน

2. เมือ่ นกั เรยี นอ่านและพิจารณาเงือ่ นไขครบท้งั หมดแล้วเพยี ง 1 รอบ นกั เรียนสามารถรูผ้ ล การแขง่ ขนั ตอบปญั หาภาษาองั กฤษได้เลยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ....ไ.ม...ส่ ..า..ม..า..ร..ถ...ร..้ผู ..ล..ไ..ด..้ท...นั...ท..ี.เ..พ..ร..า..ะ...เ.ม..ื่อ...อ..่า..น...เ.ง..อ่ื ..น...ไ.ข...ค..ร..้ัง..แ..ร..ก..จ...ะ..ท...ร..า.บ...ผ..ล...เ.พ...ีย..ง..ผ..ทู้...่ไี.ด...้ล..ำ..ด...ับ..ท...่ี.1........... ....แ..ล..ะ...ล..ำ..ด..ับ...ท...ี่ .5...ค...อื ..แ...พ..ร..ไ..ห..ม...แ..ล...ะ..ต..น้...ก..ล...้า...ท..ำ..ใ..ห...ต้ ..อ้..ง..อ...า่ ..น..เ.ง..ื่อ...น..ไ..ข..ซ..ำ้..อ...กี ..ค...ร..้ัง.................................. ...โ..ด..ย..เ..ง.่อื...น..ไ..ข..ท...จ่ี ..ะ..ห...า..ล..ำ..ด...ับ..อ...่ืน...ๆ....ไ..ด..้ค...ือ...ก...า้ ..น..ไ..ด..้ค...ะ..แ..น...น..ร..อ...ง..จ..า..ก..แ..พ...ร..ไ..ห..ม....1....ล..ำ..ด..บั....แ...ส..ด...ง.ว..่า.......... ...ก..า้..น...ไ..ด..ล้..ำ..ด...ับ..ท...่ี.2....เ.พ...ร..า..ะ..แ..พ...ร..ไ..ห..ม...ไ.ด...้ล..ำ..ด..บั...ท...ี่ .1....จ..า..ก..น...ัน้ ..จ...ะ..เ.ห...น็ ..ต..ำ..แ...ห..น...่ง..ว..่า..ง..อ..กี....2...ล...ำ..ด..ับ...ค..อื......... ...ล..ำ..ด...บั ..ท...่ี.3....แ..ล...ะ...4....โ.ด...ย..เ.ม...ื่อ..อ..่า..น...เ.ง..่ือ..น...ไ..ข...น...ำ้ ..เ.พ...ช..ร..ช..น...ะ..พ...ล..อ...ย..ใ..ส...แ...ต..ไ่.ม...ไ่.ด...ท้ ...ี่ .1...ก...็จ..ะ..ส..า..ม...า..ร..ถ........... ...ท...ร..า..บ..ไ..ด..้เ..ล..ย..ว..่า..น...ำ้ ..เ.พ...ช..ร..ไ..ด..ล้..ำ..ด...บั ..ท...่ี.3....แ..ล...ะ..แ..พ...ร..ไ.ห...ม..ไ..ด..้ล...ำ.ด...บั...ท..่ี..4.................................................. 3. จากสถานการณ์ที่กำหนดให้ นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใด จึงต้องใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ในการแกป้ ญั หา ……เ…พ…รา…ะ…ส…ถา…น…ก…าร…ณ…ม์ …ีเ…งือ่ …น…ไข…ม…า…ให…้ เ…ร…าจ…งึ …ตอ้…ง…ใช…้เ…หต…ผุ …ล…เช…ิง…ตร…ร…ก…ะม…า…ช…ว่ ย…พ…จิ …า…รณ…า…เง…่อื …น…ไข…… ……เ…พ…่อื …ตร…ว…จ…สอ…บ…ค…ว…าม…ส…ม…เห…ต…ุส…มผ…ล…แ…ล…ะ…พ…ิจา…ร…ณ…า…คว…า…ม…เป…็น…ไป…ไ…ด…้ขอ…ง…ก…าร…แ…ก…ป้ ญั……หา……………… …………………………………………………………………………………………………………………….................. …………………………………………………………………………………………………………………….................. 4. หากสถานการณท์ ่ีกำหนด ขาดเง่ือนไข “ต้นกล้าไดค้ ะแนนนอ้ ยกวา่ กา้ น” นักเรยี นคดิ ว่า เราจะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ……แ…ก…้ป…ญั …ห…าไ…ม…ไ่ ด…้ เ…พ…รา…ะ…ห…าก…ข…า…ดเ…ง่ือ…น…ไ…ขต…้น…ก…ล…้าไ…ด…้ค…ะแ…น…น…น…อ้ …ยก…ว…่าก…า้…น…จ…ะ…ไม…ส่ …า…มา…ร…ถ………… ……ท…ร…าบ…ไ…ด…้เล…ย…วา่…ต…้น…ก…ล…้าอ…ย…ู่ล…ำด…บั …ท…ี่เท…า่…ไ…ร …ซ…่ึง…หา…ก…ไม…่ท…ร…าบ…ล…ำ…ด…บั ข…อ…ง…ต…้นก…ล…้า…ก…็จ…ะไ…ม…่ ………… ……ส…า…มา…ร…ถ…ตัด…แ…น…ว…ทา…ง…ท…เี่ ป…น็ …ไป…ไ…ม…่ได…อ้ …อ…ก…แ…ละ…แ…ก…้ป…ญั …ห…าต…อ่ …ไม…ไ่ …ด…้ ……………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………....................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................

ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่อื ง การแก้ปัญหาโดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ คำชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นอ่านเง่อื นไขที่กำหนดให้ แล้วตอบคำถามลงในตารางให้ถูกตอ้ ง จากนั้นใหน้ กั เรียนเขยี น แนวคิดในการแกป้ ัญหา โดยอาจเขียนบอกเล่า วาดภาพ หรือใช้สญั ลกั ษณ์ พร้อมทัง้ บอกด้วยว่านกั เรยี นใช้แนวคิด ใดในการแก้ปญั หา เงื่อนไข 1. บา้ น 4 หลังอยู่ติดกนั แต่ละหลังมเี จา้ ของบ้านช่อื นวล โอม กล้า และตน้ โดยท่ชี อื่ เจ้าของบา้ นไมเ่ รยี ง ตามลำดบั กอ่ น-หลัง และบ้านแตล่ ะหลังจะทาสีบ้าน เลยี้ งสตั ว์ และปลกู ต้นไมห้ น้าบ้านอยา่ งใดอย่าง หน่ึง ไมซ่ ำ้ กัน 2. สัตวเ์ ล้ียงทงั้ 4 ชนดิ มสี นุ ขั และกระรอกรวมอยู่ด้วย 3. นวลอยบู่ า้ นหลังท่ี 2 และปลูกตน้ โมกไว้หนา้ บ้าน ส่วนตน้ อยบู่ ้านตดิ กบั นวลและทาสีบ้านเปน็ สฟี า้ 4. คนที่อยบู่ า้ นสเี หลอื งอ่อนจะปลูกตน้ จำปไี วห้ นา้ บา้ น และเลย้ี งแมว ส่วนคนท่ีอยู่บ้านสีขาว มกั จะมา เลน่ กบั กระรอกท่ีหนา้ บา้ นทุกเช้าและเยน็ 5. กลา้ อยู่บา้ นสขี าวหลังสุดทา้ ย ปลกู ต้นมะยมไว้หนา้ บ้าน สว่ นตน้ เลีย้ งนก และแขวนกรงนกไว้ใตต้ ้น มะม่วง 6. โอมอยบู่ ้านหลังแรกทมี่ สี ีเหลืองออ่ น ซ่งึ อยูต่ ิดกบั บ้านสีชมพทู ี่มตี ้นโมกปลกู ไว้หนา้ บ้าน จากเง่ือนไขด้านบน สามารถนำขอ้ มลู มาใส่ในตารางเพื่อตามหาลักษณะเฉพาะของบา้ นแต่ละหลงั ไดด้ ังน้ี

1. นักเรยี นมแี นวคดิ หรือวธิ ีการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ท่ีกำหนดให้อยา่ งไร จงอธบิ ายอย่างละเอียดโดยการ เขยี นบอกเลา่ วาดภาพ หรือใชส้ ญั ลกั ษณ์ 2. แนวคิดหรือวิธกี ารแกป้ ญั หาท่ีนกั เรยี นเขยี น เปน็ แนวคิดการทำงานแบบใด จงอธิบาย ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. ..........................................................................................................................................................................

ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เฉลย เร่ือง การแก้ปญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนอา่ นเงอื่ นไขที่กำหนดให้ แล้วตอบคำถามลงในตารางใหถ้ กู ตอ้ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียนเขยี น แนวคิดในการแก้ปญั หา โดยอาจเขียนบอกเล่า วาดภาพ หรอื ใช้สัญลักษณ์ พร้อมทัง้ บอกด้วยวา่ นักเรียนใชแ้ นวคิด ใดในการแก้ปัญหา เง่อื นไข 1. บ้าน 4 หลงั อยูต่ ิดกนั แตล่ ะหลังมีเจ้าของบา้ นชอ่ื นวล โอม กล้า และตน้ โดยทช่ี ื่อเจ้าของบ้านไมเ่ รยี ง ตามลำดับก่อน-หลัง และบา้ นแต่ละหลังจะทาสีบ้าน เล้ียงสตั ว์ และปลกู ตน้ ไม้หน้าบา้ นอยา่ งใดอย่าง หนึง่ ไม่ซ้ำกัน 2. สตั วเ์ ลีย้ งทง้ั 4 ชนดิ มสี ุนัขและกระรอกรวมอยู่ด้วย 3. นวลอยู่บ้านหลังที่ 2 และปลกู ต้นโมกไวห้ นา้ บ้าน ส่วนต้นอยู่บ้านติดกบั นวลและทาสบี า้ นเปน็ สฟี า้ 4. คนที่อยู่บา้ นสีเหลอื งออ่ นจะปลกู ตน้ จำปีไวห้ น้าบ้าน และเล้ียงแมว สว่ นคนที่อยู่บ้านสีขาว มกั จะมา เล่นกับกระรอกทหี่ นา้ บา้ นทกุ เชา้ และเยน็ 5. กลา้ อยู่บ้านสีขาวหลังสดุ ทา้ ย ปลกู ต้นมะยมไวห้ นา้ บา้ น สว่ นต้นเลย้ี งนก และแขวนกรงนกไวใ้ ตต้ ้น มะมว่ ง 6. โอมอยบู่ า้ นหลงั แรกท่ีมีสีเหลืองออ่ น ซ่ึงอยตู่ ดิ กบั บา้ นสชี มพทู ่มี ีตน้ โมกปลูกไว้หน้าบ้าน จากเง่อื นไขดา้ นบน สามารถนำขอ้ มูลมาใสใ่ นตารางเพื่อตามหาลักษณะเฉพาะของบ้านแตล่ ะหลัง ไดด้ ังนี้ บ้านหลงั ท่ี 1 2 3 4 ชอื่ เจ้าของบา้ น โอม นวล ต้น กลา้ สีบา้ น เหลอื งออ่ น ชมพู ฟา้ ขาว สัตว์เลี้ยง แมว สนุ ขั นก กระรอก ต้นไม้ จำปี ต้นโมก ตน้ มะมว่ ง ต้นมะยม

1. นกั เรียนมีแนวคิดหรือวิธีการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ทกี่ ำหนดให้อยา่ งไร จงอธบิ ายอย่างละเอียดโดยการ เขยี นบอกเล่า วาดภาพ หรอื ใชส้ ัญลักษณ์ ตัวอย่างการเขยี นแนวคิดการทำงานโดยการเขยี นบอกเลา่ 1. เรม่ิ ต้น 2. อา่ นเงือ่ นไข 3. ใส่ข้อมูลในตาราง 4. ตรวจสอบว่าข้อมูลในตารางครบหรอื ไม่ ถ้าไมค่ รบใหก้ ลับไปอ่านเงื่อนไขและใส่ขอ้ มูล ในตารางอกี ถา้ ครบแลว้ ให้จบการทำงาน 5. จบการทำงาน 2. แนวคดิ หรือวธิ ีการแก้ปัญหาทน่ี กั เรียนเขยี น เปน็ แนวคดิ การทำงานแบบใด จงอธบิ าย ...ก..า..ร..แ..ก...้ป..ัญ...ห...า..ด..งั ..ก..ล..า่..ว...ส..า..ม..า..ร..ถ..อ...ธ..ิบ..า..ย..ไ.ด...โ้ .ด..ย...ใ.ช..แ้...น..ว..ค..ดิ..ก...า..ร.ท...ำ..ง..า.น...แ..บ..บ...ว..น..ซ...ำ้ ...แ..ล..ะ..แ..บ..บ...ม..ีเ.ง..อ่ื..น...ไ.ข............................ ...เ.ร..มิ่...ต..น้ ..จ..า..ก...ก..า..ร..อ..า่ ..น..เ.ง..อ่ื..น...ไ.ข..แ...ร.ก....แ..ล..ะ...ใ.ส..่ข..้อ...ม..ูล..ใ.น...ต..า..ร..า..ง..จ...า.ก...น..น้ั...ท..ำ..ก..า..ร..ต..ร..ว..จ..ส..อ...บ..เ.ง..่ือ..น...ไ.ข..ว..่า..ข..้อ...ม..ลู........................... ...ใ..น..ต..า..ร..า..ง..ค..ร..บ..ห...ร..อื ..ย..งั...ห...า.ก...ย..งั ..ใ.ห..้ว..น...ซ..ำ้..ก..ล..ับ...ไ.ป...อ..่า..น..เ..ง.่ือ...น..ไ..ข..อ..กี..ค..ร..งั้...โ..ด..ย..จ..ะ..ต...ร.ว..จ...ส..อ..บ...ไ.ป..เ.ร..่อื..ย....ๆ.................................. ...จ..น...ก..ว..่า..ข..อ้ ..ม...ูล..ใ.น...ต..า..ร..า.ง..จ..ะ..เ..ต..็ม....จ..ึง.จ..ะ...จ..บ..ก..า..ร..ท...ำ.ง..า..น................................................... ............................................. .......................................................................................................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook