135 จ ะ มี ค ว า ม สั ม พั น ธ์ เกี่ ย ว ข้ อ งกั บ ต้ น ไม้ ส่ ว น อั ก ษ ร “癌 Ái、疯 fēng、痛 tòng、疤 bā ……” อักษรในกลุ่มนี้สามารถเห็น “疒” เป็นภาพข้างตัวอักษร ส่วนมากอักษรเหล่านี้จะมี ความสมั พนั ธ์เกย่ี วขอ้ งกบั การเจบ็ ป่วย เนื่องมากจากคําสามารถแสดงได้หลายความหมาย แต่ภาพขา้ งตัวอักษรจีน (สัญลักษณ์ ความหมาย) การบันทึกมีขีดจํากัด โดยเฉพาะคําศัพท์ท่ีกําลังได้รับการพัฒนา แต่ภาพข้างตัวอักษรจีนแต่ กลับมีความแน่นอนชัดเจน ทําให้ภาพข้างตัวอักษรจีนขณะบันทึกเกิดปัญหามิน้อย เช่น การบันทึกภาพ ขา้ งเหมือนกันแตค่ วามหมายต่างกัน ความหมายประเภทเดียวกันแตภ่ าพข้างต่างกัน ตวั อักษร “轨” (轨道 guǐdào)รางรถคือรางสําหรับรถวิ่ง “软 ruǎn” ไม่แข็ง น่ิม ไม่มีแรง “较 jiào” เปรียบเทียบ ค่อนข้างคําเหล่านี้ล้วนใช้ “车” เป็นภาพข้างตัวอักษร ตัวอักษร “说 shuō、 讲 jiǎng、喊 hǎn、唱 chàng” ล้วนใช้อวัยวะปากทํากิจกรรมแต่ใช้ภาพข้างตัวอักษรเป็น “讠” และ “口” ตัวอักษรจีนปัจจุบันมีเป็นจํานวนมากที่มีความหมายความแตกต่างจาก ตัวอักษรจีนโบราณ เช่นอักษร “伐 fá” ความหมายเดิมคือ ตัดหัว ความหมายปัจจุบันคือ “砍 kǎn”(伐树 fá shùตัดต้นไม้)การยืมตัวอักษรมาใช้ในความหมาย ส่วนมากเกิดการเลือนหายเช่น อักษร “笨 bèn” ความหมายในอักษรโบราณคือเน้ือเยื่อสีขาวในปล้องไม้ไผ่ ดังนั้นภาพข้างของ อกั ษรตัวนคี้ ือ “竹字头” ความหมายของอกั ษรปัจจุบันหมายถึงไม่ฉลาดเฉลียว ไมม่ ีส่วนเกี่ยวขอ้ ง กับไม้ไผ่ หรืออย่างเช่นตัวอักษร “思 sī、想 xiǎng” ล้วนเป็นกิจกรรมที่เก่ียวกับด้านความคิด เปน็ หลกั ไม่ได้มสี ว่ นเกีย่ วข้องกบั ภาพข้าง “心” เลยเป็นต้น อักษรแสดงเสียงและความหมาย ภาพข้างตัวอักษรมีข้อมูลที่สัมพันธ์กับความหมายของ ตัวอักษรเป็นส่วนสําคัญ ภาพข้างตัวอักษรของอักษรแสดงเสียงและความหมายของความสัมพันธ์กับ ความหมายของตวั อกั ษรมีรายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้ 2.2.1 ภาพข้างตัวอักษรแสดงความหมายทั้งหมด ในขณะท่ีภาพข้างตัวอักษรและ ความหมายตัวอกั ษรเหมือนกัน เชน่ 舟 zhōu ——船 chuán
136 父 fù ——爸 bà 光 guāng ——辉 huī 2.2.2 พ้ืนฐานภาพขา้ งตัวอักษรแสดงความหมายแบ่งไดอ้ อกเป็น 3 ชนดิ ดงั ตอ่ ไปน้ี 2.2.2.1 สว่ นมากแสดงถึงความหมายของภาพข้างอกั ษรเชน่ 鸟 niǎo——鹅 é(鸟类)(niǎolèi) 金 jīn ——钢 gāng(金属类)(jīnshǔlèi) 木 mù ——相 xiāng(木类)(mùlèi) 心 xīn ——忍 rěn(心里类)(xīnlǐlèi) 2.2.2.2 ภาพขา้ งอักษรและอกั ษรความหมายมคี วามสัมพันธก์ ันโดยตรง 扌 shǒu ——打 dǎ 氵 shui ——渴 kě 土 tǔ ——地 de 口 kǒu ——吃 chī 2.2.2.3 ภาพขา้ งอกั ษรและอักษรความหมายมคี วามสัมพันธ์กนั บา้ ง 艹 cǎo ——芳 fāng 犭 quǎn ——狡 jiǎo
137 羊 yáng ——群 qún 走 zǒu ——赶 gǎn 2.2.2.4 ภาพข้างอักษรไม่แสดงความหมาย ภาพข้างอักษรกลายเป็น การบันทกึ สญั ลกั ษณ์ ไม่มีส่วนเก่ยี วข้องกบั ความหมายอักษรจนี เชน่ 金 jīn——错 cuò ไม่มีส่วนเก่ียวข้องกับภาพข้างอักษร 金 jīn เสมอไป 马 mǎ——骗 piàn ไมม่ ีส่วนเกย่ี วข้องกับภาพขา้ งอักษร 马 mǎ 车 chē ——软 ruǎn ไมม่ สี ่วนเก่ยี วข้องกับภาพขา้ งอกั ษร 车 chē 竹 zhú——笨 bènไมม่ ีส่วนเกย่ี วขอ้ งกบั ภาพขา้ งอักษร 竹 zhú 女 nǚ——始 shǐ ไมม่ ีสว่ นเกยี่ วข้องกบั ภาพข้างอกั ษร 女 nǚ 牛 niú——特 tèไม่มสี ่วนเกยี่ วข้องกบั ภาพขา้ งอักษร 牛 niú ปัจจุบันอักษรจีนเป็นอักษรโครงสร้างที่มีเสียงและความหมายประมาณ 90% อ้างตามสถิติของ 《现代汉字通用字表》Xiàndài hànzì tōngyòng zìbiǎo อั ก ษ ร โค ร ง ส ร้ า ง ที่ มี เสี ย ง แ ล ะ ความหมายมีทั้งหมดประมาณ 5,631 ตัวอักษร ภาพข้างอักษรมีปริมาณ 0.83% ความหมายพื้นฐาน เดิมมีประมาณ 85.92% ไม่แสดงความหมายประมาณ 13.25% ภาพข้างอักษรแสดงความหมายมี ประมาณ 43.79% ดงั นั้น ไม่สามารถท่ีจะยึดภาพข้างอักษรจีนที่แสดงความหมายได้ท้ังหมดแต่สามารถใช้ ประโยชน์จากความแตกต่าง กฏเกณฑ์ มาเป็นหลักในการเรียนตัวอักษรจีนได้เพื่อความเข้าใจในตัวอักษร จีนมากย่งิ ข้ึน
138 สรุป ส่วนประกอบของตัวอักษรจีนน้ันประกอบด้วย 3 ส่วนคือ ภาพ เสียง และความหมาย ถ้า ขาดอย่างใดอย่างหน่ึงไปก็จะเป็นอย่างอ่ืนไม่ใช่ตัวอักษรจีน ยกตัวอย่างเช่น มีแค่ภาพและตัวอักษรก็จะ เป็นป้ายประกาศ สัญลักษณ์ ถ้ามีแค่เสียงและความหมายก็จะเป็นโน้ตเพลง เหล่าน้ีเป็นต้น การทราบถึง องค์ประกอบภาษาจีนจะทําให้ผู้เรียนภาษาจีนเข้าใจและเขียนตัวอักษรจีนได้ง่ายข้ึนไม่ว่าจะเป็นการเล่า เร่ืองข้อแตกต่างระหว่างตัวอักษร ความเป็นมาของตัวอักษร ทราบท่ีมา ความคิด ตรรกะชาวจีนพร้อมทั้ง เข้าใจวัฒนธรรมตัวอักษรจีนและเป็นหน้าต่างหน่ึงที่จะช่วยการเรียนภาษาจีนให้สนุกและรักในการเขียน ตัวอักษรจนี มากยงิ่ ขน้ึ แบบฝึกหดั ท้ายบท 1. ตัวอกั ษรจนี มสี ว่ นประกอบทีส่ ําคญั อยู่ 3 สว่ นประกอบเป็นตวั อักษรจนี องค์ประกอบ3 ส่วน นคี้ อื 1. __________ 2.__________3. __________ 2. จงเลือกตัวอกั ษรใหถ้ ูกตอ้ ง 日 rì 干 gàn 一 yī 发 fā 白 bái 鸟 niǎo 2.1 จากตารางตัวอักษรใดคอื อกั ษรภาพ 1. __________ 2.__________ 2.2 จากตารางตัวอกั ษรใดคืออักษรเสียง
139 1. __________ 2.__________ 2.3 จากตารางตัวอักษรใดคอื ความหมาย 1. __________ 2.__________ 3. จากตารางจงตอบคําถามให้ถกู ตอ้ ง 王——玉 话——画 白 wáng——yù huà——huà bái 肥——胖 féi——pàng 得 dé 卡 kǎ 好 米 双—对 hǎo mǐ shuāng—duì 问——间 东——冬 一 yī wèn——jiān dōng——dōng 3.1 ตวั อักษรทมี่ ีความหมายใกล้เคียงกนั 近义字 jìn yì zì 1._____________________ 2. _____________________ 3.2 หน่ึงตวั อักษรแตม่ ีหลายความหมาย 一字多义 yī zì duō yì 1._____________________ 2. _____________________ 3.3 ตวั อักษรทเ่ี ขยี นเหมอื นกนั แต่ออกเสียงตา่ งกัน 多音字 duō yīnzì
140 1._____________________ 2. _____________________ 3.4 ตัวอกั ษรทอ่ี อกเสยี งเหมอื นกันแตเ่ ขยี นต่างกนั 同音字 tóngyīn zì 1._____________________ 2. _____________________ 3.5 อกั ษรท่ีตวั เขยี นเหมอื นกัน 同形字 tóngxíng zì 1._____________________ 2. _____________________ 3.6 อักษรรูปรา่ งใกล้เคยี งกนั 形近字 xíng jìn zì 1._____________________ 2. _____________________ เอกสารอา้ งองิ 陈正治. (2000). 有趣的中国文字. 台北:国语日报社 . 李俊红. (2011). 走进汉字. 北京 : 首都师范大学出版社 余志鸿. (2014). 汉字的秘密. 台北:龙图腾文化 . 张美霞. (2000). 说字释词谈文化(一)Chinese Characters,Words and Culture.北 京:北京语言文化大学出版社 .
แผนบรหิ ารการสอนประจาํ บทที่ 6 หวั ขอ้ เนือ้ หาประจําบท 1. การเปล่ียนแปลงของตัวอักษรจีนจากอกั ษรตวั เตม็ เปน็ อักษรตัวยอ่ 2. วิธีการย่ออักษรจนี จากอกั ษรตวั เตม็ สู่อกั ษรตัวยอ่ 3. ลาํ ดบั ตวั อกั ษรของอกั ษรจีนยคุ ปัจจบุ ัน 4. กฎเกณฑ์ตัวอักษรจีนในยคุ ปจั จุบนั 5. การจัดการขอ้ มูลตวั อกั ษรจนี ในยุคปัจจบุ นั (การใชแ้ ป้นพมิ พอ์ กั ษรจนี ) 6. ตวั อักษรจีนกบั ขอ้ สอบ HSK วตั ถุประสงค์เชงิ พฤติกรรม เมื่อนกั ศกึ ษาได้ศกึ ษาจบบทที่ 6 แลว้ นักศกึ ษามคี วามสามารถ ดังน้ี 1. อธิบายการเปลยี่ นแปลงของตัวอักษรจนี จากอกั ษรตวั เต็มเป็นอกั ษรตัวย่อได้ 2. อธิบายวิธีการย่ออกั ษรตวั เต็มเปน็ อกั ษรตวั ยอ่ ได้ 3. อ่านอกั ษรตวั เต็มและอักษรตวั ย่อทีใ่ ชใ้ นชีวติ ประจาํ ได้อย่างคล่องแคล่ว 4. สามารถเขียนและพิมพอ์ กั ษรจีนพิ้นฐานที่ใชใ้ นชวี ิตประจําวันได้ 5. สามารถวเิ คราะห์ แยกแยะอกั ษรจนี ไดอ้ ย่างถูกต้อง 6. สามารถใช้ตวั อกั ษรจนี ตวั ย่อเขียนเป็นประโยคพน้ื ฐานได้ วธิ ีสอนและกิจกรรมการเรยี นการสอน วิธสี อนและกิจกรรมการเรยี นการสอนประจาํ บทท่ี 6 ประกอบดว้ ยรายละเอยี ดดังน้ี 1. ศึกษาเอกสารประกอบการสอนวชิ าอักษรจนี บทที่ 6 เรื่อง ระบบการเขยี นในภาษาจนี
142 2. บรรยายประกอบโปรแกรมนาํ เสนอด้วยคอมพิวเตอร์ เร่ือง ระบบการเขยี นในภาษาจนี 3. ศกึ ษาจากตัวอย่างกรณศี ึกษาการเปรียบเทยี บอักษรตัวเตม็ และตัวยอ่ 4. ศึกษาจากตวั อยา่ งขอ้ สอบ HSK (ขอ้ สอบวัดระดับภาษาจีน) 5. อภิปรายแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ จากประเด็นตวั อักษรจีนสําหรบั นกั ศึกษาไทย สอ่ื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาอกั ษรจนี บทท่ี 6 เรือ่ ง ระบบการเขยี นในภาษาจนี 2. โปรแกรมนําเสนอดว้ ยคอมพิวเตอร์ เร่อื ง ระบบการเขยี นในภาษาจีน 3. แผน่ ภาพตวั อักษร 4. ตวั อยา่ งข้อสอบ HSK 5. โสตทัศนวสั ดทุ เี่ ก่ยี วข้อง เช่น แผ่นภาพ เกม kahoot จําตวั อกั ษร 6. ใบงาน เรื่อง การพมิ พ์ขอ้ ความตวั อกั ษรจนี จากคอมพวิ เตอร์ วธิ ีวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. ประเมนิ จากการการตอบคําถามจากแผน่ ภาพ การเขยี นอกั ษรจนี 2. สังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในห้องเรียน 3. ประเมินจากผลการเลน่ เกมออนไลน์ kahoot ของนักศึกษา เก่ียวกับอักษรจีน 4. ประเมนิ จากเขยี นอักษรจีนแทนท่ีพนิ อิน 5. ประเมินจากใช้อักษรจนี เขยี นประโยคพ้นื ฐานจากภาพ 6. ประเมินจากใบงาน การพิมพข์ อ้ ความตัวอักษรจีนจากคอมพวิ เตอร์
143 บทท่ี 6 มาตรฐานการเขียนอักษรจนี ยุคปัจจุบันอักษรจีนเป็นเคร่ืองมือที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล เม่ือเกิดการบันทึกข้อมูลแล้วสิ่งที่ขาด ไม่ได้คือผู้อ่านและคนเขียน ส่วนด้านผู้อ่านข้อมูลมีความปรารถนาท่ีจะมีสัญลักษณ์ปริมาณมาก สามารถ แยกแยะได้ง่าย ส่วนด้านผู้เขียนปรารถนาตัวอักษรขีดน้อย โครงสร้างเข้าใจง่าย สะดวกต่อการเขียน ประหยัดเวลา ระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านมีความปรารถนาที่ตรงกันข้ามกัน ถ้าหากลดจํานวนขีดปริมาณ น้อยลงก็จะทําให้ประสบปัญหาด้านความหมายของตัวอักษรนั้น ๆ ในบทน้ีมีเน้ือหาเกี่ยวกับการใช้อักษร ตัวเต็มในปัจจุบัน การเปล่ียนแปลงของตัวอักษรจีน จากอักษรตัวเต็มสู่อักษรแบบตัวย่อวิธีการย่ออักษร จีนจากอักษรตัวเต็มสู่อักษรตัวย่อ ลําดับตัวอักษรของอักษรจีนยุคปัจจุบัน กฎเกณฑ์ตัวอักษรจีนในยุค ปัจจุบัน การจัดการข้อมูลตัวอักษรจีนในยุคปัจจุบัน ตัวอักษรจีนกับข้อสอบ HSK และการเรียงลําดับ ความถ่ีในการใช้อกั ษรจนี 500 ตัวอกั ษร การเปลีย่ นแปลงของตวั อักษรจีน จากอกั ษรตวั เตม็ สู่อักษรแบบตัวยอ่ 6.1 การใชอ้ กั ษรตวั เตม็ ในปัจจบุ นั อักษรจนี ตัวเต็ม เปน็ หนงึ่ ในสองรูปแบบอักษรจีนมาตรฐานท่ีใชก้ นั ทัว่ โลกในปัจจุบัน ปรากฏ ครั้งแรกในสมัยราชวงศ์ฮ่ัน (พ.ศ. 337-763) และได้ใช้มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษท่ี 5 ในสมัยราชวงศ์เหนือ ใต้ ท่ีต้องเรียกวา่ อักษรจีนตัวเต็ม หรืออักษรจีนด้ังเดิม ก็เพ่อื ให้แตกต่างจากอักษรจนี มาตรฐานอกี รูปแบบ หนึ่งท่ีใช้ในปัจจุบัน อักษรจีนตัวย่อ ซ่ึงประดิษฐ์และเร่ิมใช้โดยรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน (จีน แผ่นดินใหญ่) ใน พ.ศ. 2492 ในขณะที่อักษรจีนตัวเต็มได้ใช้ใน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน และชุมชนชาวจีน โพ้นทะเลบางชุมชนที่เร่ิมตั้งชุมชนก่อนการใช้อักษรจีนตัวย่ออย่างแพร่หลาย ส่วนอักษรจีนตัวย่อใช้กันใน สาธารณรัฐประชาชนจีน สิงคโปร์ และชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลบางชุมชนที่เร่ิมตั้งชุมชนหลังการใช้อักษร
144 จีนตัวย่ออย่างแพร่หลาย ชาวไทยเช้ือสายจีน ส่วนมากยังคงใช้อักษรจีนตัวเต็มเป็นหลัก แต่สําหรับ การสอนภาษาจีนตามสถานศึกษาในประเทศไทยส่วนใหญ่จะใช้อักษรจีนตัวย่อ เพ่ือให้สอดคล้องกับ สาธารณรฐั ประชาชนจนี 6.2 การใชง้ านอักษรตัวเตม็ และอักษรตวั ย่อ 6.2.1. อกั ษรตวั เตม็ ใช้ร่วมกบั ระบบเสียงจู้อนิ ใชใ้ นเกาะไต้หวันและบางส่วนของชาวจนี โพ้น ทะเล ภาพ 6.1 ภาพแปน้ พมิ พจ์ อู้ ิน ที่มา : ถา่ ยเมอ่ื วันที่ 11 มกราคม 2560 ณ มหาวิทยาลยั ปญั ญาภิวัฒณ์ 6.2.2. อักษรตวั ย่อ ใชร้ ว่ มกับระบบเสยี งพินอนิ ประกาศใชใ้ นจนี แผ่นดนิ ใหญ่ ต้ังแตป่ ี 1956 สว่ นสงิ คโปร์ มาเลเซยี เรม่ิ ใชห้ ลงั จนี เข้าเปน็ สมาชิกถาวรในยูเอน็ ปี 1979 ภายหลงั การคืนเกาะ ฮ่องกง ปี 2000 ฮอ่ งกงได้เปลีย่ นมาใชภ้ าษาจนี (ตัวย่อ)เป็นภาษาราชการ และบางสว่ นของกลมุ่ ชาวจีน โพ้นทะเล 6.3 ววิ ัฒนาการอกั ษรตวั เต็มสู่ตัวอกั ษรย่อ เม่ือสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศใช้ระบบอักษรจีนตัวย่อ ในปีค.ศ. 1956 เน่ืองจาก ความแตกต่างของค่ายลัทธิทางการเมืองในช่วงหลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ทําให้ฮ่องกง เกาะไต้หวันและ กลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกยังคงยืนยันท่ีจะใช้อักษรจีนตัวเต็มต่อ ต่อเม่ือปี 1971
145 สาธารณรัฐประชาชนจีนหรือจีนแผ่นดินใหญ่เข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความม่ันคงแห่ง สหประชาชาติ (UN) ซ่ึงได้รับรองภาษาจีน (简体字 jiǎntǐzì ตัวย่อ) เข้าเป็นหนึ่งในภาษาสากลอย่าง เปน็ ทางการ จากนั้นมาอกั ษรจีนตวั ยอ่ ก็เริ่มเปน็ ท่ีรู้จักกนั ท่ัวโลก กระแสความนิยมในการใชอ้ กั ษรจีนตวั ย่อ ได้แพร่ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว จากปัจจัยการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นใหญ่ จนกระท่ัง สหรฐั อเมริกาได้ประกาศให้ใชอ้ ักษรจีนตวั ยอ่ และระบบเสียงพนิ อนิ ในการสอนภาษาจีนในโรงเรียน ปัจจุบันสถาบันสอนภาษาจีนในประเทศไทยทั้งในและนอกระบบเลือกสอนตัวเต็มมีจํานวนน้อย มาก ส่วนมากจะสอนตัวย่อ ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์ภาษาจีนในไทยที่ผ่านมายังคงใช้ตัวเต็ม แต่ก็มีนิตยสารรุ่น ใหม่ทีเ่ ปิดตัวโดยใชอ้ ักษรตวั ยอ่ ด้วย อย่างเช่น นิตยสาร เป็นตน้ ส่วนส่ือการสอน คอมพวิ เตอร์ ฯลฯ ก็มใี ช้ กันทง้ั สองระบบ สําหรบั ระบบตัวอกั ษร ไดแ้ ก่ อักษรจีนตวั เต็ม(繁体字 fántǐzì ตัวเตม็ )หรอื ทีเ่ รียกกันส้นั ๆ ว่า ‘ตวั เตม็ ’ หมายถึงตวั หนงั สือจีนทีใ่ ชก้ นั ทว่ั ไปกอ่ นหน้าสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศใช้ ‘ตวั ย่อ’ สว่ นอักษรจนี ตวั ย่อ (简体字 jiǎntǐzì ตวั ย่อ)หมายถึง ตัวหนงั สือจีนทถ่ี กู ทาํ ใหเ้ ขียนง่ายข้ึนโดยการ ลดจํานวนขีด อยา่ งเช่น คาํ ว่า 龍 lóng แปลวา่ มงั กร เดมิ มี 17 ขีด เมือ่ ยอ่ แลว้ กลายเปน็ 龙 lóngเหลือ เพียง 5 ขดี อกั ษรจนี ทผี่ ่านการย่อนีม้ ที ้งั ส้ิน 2,238 ตวั นอกเหนอื จากน้ี ยงั คงใช้อักษรตัวเดิม วิธกี ารยอ่ อักษรจนี จากอักษรตวั เต็มสอู่ กั ษรตวั ยอ่ วธิ กี ารยอ่ อักษรจีนสามารถสรปุ ได้ดงั ต่อไปน้ี 1. อักษรภาพและเสยี งนั้นใชว้ ธิ ลี ดภาพและเสยี ง โดยนาํ ตวั อักษรจนี ที่เขยี นสลบั ซับซ้อนมา เขียนให้กระชบั เส้นขีดน้อยลงโดยวธิ ีการดังต่อไปน้ี 1.1 วธิ ีการลดเสยี ง 简化声符 jiǎnhuà shēng fú เชน่ อกั ษรดงั ต่อไปน้ี 迟(遲)(chí) 担(擔)(dān)补(補)bǔ (bǔ) 忆(憶)(yì) 1.2 วิธีการลดภาพ 简化形符 jiǎnhuà xíng fú เชน่ 愿(願)(yuàn) 肮(骯)(āng) 碱(鹼) (jiǎn)
146 2. สร้างตวั อักษรใหม่ 另造新字 lìng zào xīn zìโดยวิธกี ารดงั ต่อไปนี้ 2.1 วธิ ีการสร้างตวั อกั ษรจีนความหมายข้ึนมาใหม่ 新造会意字 尘(塵)(chén) 灭(滅)(miè) 笔(筆)(bǐ) วิธีการสร้างอกั ษรขึน้ มาโดยภาพและเสียงใหม่ 新造形声字 邮(郵) (yóu) 响(響)(xiǎng) 护(護)(hù) 2.3 วิธีการสรา้ งตวั อกั ษรสัญลกั ษณข์ ึน้ มาใหม่ 新造记号字 义(義)(yì) 头(頭)(tóu) 万(萬)(wàn) 3. นําอักษรจีนท่ีเขยี นง่ายต่อการจาํ มาแทนตวั อกั ษรตัวเตม็ ทมี่ ีขีดการเขียนจาํ นวนมาก 3.1 ลดขีดขา้ งบน 省上部 shěng shàngbù เชน่ 么(麽 )me (xì) 系(係 )xì 向(嚮)xiàng 3.2 ลดขดี ขา้ งลา่ ง 省下部 shěng xiàbù เช่น 丽(麗)lì 业(業 )yè 广(廣)guǎng 3.3 ลดขดี ด้านข้าง 省半边 shěng bànbiānเชน่ 复(複)fù 号(號)hào 类(類)lèi 3.4 ลดตรงกลาง 省中间 shěng zhōngjiān เช่น 虑(慮)lǜ 寻(尋)xún 奋(奮)fèn 4. รกั ษาลกั ษณะเด่นของอักษรด้ังเดมิ ไว้ เชน่ 开(開)kāi 飞(飛)fēi 医(醫) yī 5. ใช้อกั ษรฉ่าวซแู ละอกั ษรไคซ่ ู โดยใช้อกั ษรไคซ่ ูแทนอกั ษรฉา่ วซเู พื่อให้อกั ษรจนี อา่ นงา่ ยข้นึ เชน่ 长(長)cháng 车(車)chē 东(東)dōng 书(書 ) shū
147 6. การใชส้ ญั ลกั ษณแ์ ทนท่ตี วั อกั ษร โดยการใชส้ ัญลักษณอ์ ยา่ งง่ายแทนท่สี ่วนประกอบเสน้ ขดี ที่ มีความซับซ้อน 6.1 สัญลกั ษณ์ 又 yòu ใชแ้ ทนอกั ษรด้านข้าง เช่น 对(對)duì 鸡(雞)jī 汉(漢)hàn 6.2 สัญลกั ษณ์ 双 shuāng ใชแ้ ทนอกั ษรทซี่ าํ้ กันสามครั้ง เช่น 轰(轟)hōng 6.3 สัญลกั ษณ์ เช่น 学(學)xué 觉(覺)jué 兴(興)xìng 6.4 สญั ลกั ษณ์ × เช่น 区(區)qū 风(風)fēng 冈(岡)gāng 7. การใชเ้ สียงแทนทีต่ วั อักษร โดยใช้วธิ กี ารทเ่ี สยี งมคี วามคล้ายคลงึ กัน นําอักษรท่ีง่าย ขดี นอ้ ย มาแทนทอี่ ักษรท่ซี ับซอ้ น เช่น 7.1 几(幾) 几—茶几 chájī、几乎(jīhū) 几—几个 Jǐ gè 7.2 干(幹) 干—干涉 gānshè、天干地支 tiāngān dìzhī 干—干燥 gānzào、干枯 gānkū、干着急 gān zhāojí 干—干活 gàn huó、才干 cáigàn、能干 nénggàn 8. ใชอ้ กั ษรโบราณ โดยการนาํ อักษรโบราณมาแทนทอ่ี ักษรปจั จบุ นั เช่น 云(雲)yún 电 (電)diàn 从(從)cóng
148 ลาํ ดบั ตวั อักษรของอกั ษรจนี ยุคปจั จบุ ัน 现代汉字的字序 Xiàndài hànzì de zì xù ลําดับตวั อกั ษรของอักษรจีนยุคปัจจุบนั คือการเรยี งลําดับตัวอักษรจีนเพ่ือให้งา่ ยตอ่ การศึกษาและ การใช้อกั ษรจีนและมีความสําคัญต่อกรอบมาตรฐานของอักษรจีนยุคปัจจุบัน ลําดับตวั อักษรของอักษรจีน ที่ใช้กันอยู่ในยุคปัจจุบันกว้างขวางมาก ด้านการใช้ห้องสมุดเพื่อหาหนังสือ ด้านการแพทย์ค้นหารายช่ือ คนไข้ รายชื่อโรคหรือยารักษา ด้านคอมพิวเตอร์ในการค้นหาตัวอักษร ความหมายของคําต้องอาศัยลําดับ ตัวอักษรเข้ามาช่วยในการจัดการ ดังน้ันการศึกษาลําดับตัวอักษรของอักษรจีนมีประโยชน์ต่อการค้นหา ขอ้ มลู เป็นอย่างมาก อักษรจีนประกอบด้วย 3 ส่วนสําคัญดังนี้คือภาพ(形)xíng เสียง(音)yīn ความหมาย (义)yì ทุกตัวอักษรล้วนประกอบไปด้วยภาพ เสียงและความหมายจะขาดส่ิงใดส่ิงหนึ่งไปไม่ได้ ภาพ เสียง ความหมายล้วนมีคุณสมบัติและลักษณะเด่นในตัวเอง แต่เนื่องจากความหมายยากที่จะใช้เป็น มาตรฐานในการกําหนดลําดับตัวอักษรของอักษรจีนเพราะผู้อ่านพบเจออุปสรรคในการอ่านดังน้ันวิธีการ เรียงลําดับการสืบค้นอักษรจีนท่ีนิยมใช้แพร่หลายมี 4 วิธีดังต่อไปน้ี วิธีการสืบค้นโดยเสียงของพินอิน วิธีการสืบค้นโดยหมวดนําอักษรจีน วิธีการสืบค้นโดยเส้นขีด วิธีการสืบค้นโดยวิธี 四角号码 sìjiǎo hàomǎ สามวิธหี ลัง(วธิ กี ารสืบค้นโดยหมวดนาํ อักษรจีน วิธกี ารสบื ค้นโดยเส้นขีด วิธีการสืบค้นโดย วิธี 四角号码 sìjiǎo hàomǎ) จัดอยู่ในประเภทวิธีลําดับภาพ(形序法 xíng xù fǎ)ในบทนี้จะ กลา่ วถึง 3 วิธีดงั รปู ภาพข้างลา่ งดังต่อไปนี้ 音序法 汉语拼音查字法 Hànyǔ pīnyīn chá zì fǎ yīn xù fǎ 注音字母查字法 Zhùyīn zìmǔ chá zì fǎ
149 部首查字法 Bù shǒu chá zì fǎ 形字法 笔画笔形查字法 xíng zì fǎ Bǐhuà bǐxíng chá zì fǎ 四角号码查字法 Sìjiǎo hàomǎ chá zì fǎ 1. วธิ ีลาํ ดับเสยี ง 音序法 Yīn xù fǎ วิธีลําดับเสียงหมายถึงการเรียงลําดับตามการอ่านออกเสียง วิธีการเปิดพจนานุกรมโดย รวบรวมคํามาเป็นคําศพั ท์ โดยเรียงลําดบั ตามตัวพยัญชนะและสระ ปจั จบุ ันวธิ ีลําดับเสยี งที่สาํ คัญมีสองวิธี คอื วิธีการคน้ หาโดยใชพ้ ยัญชนะสระของพนิ อินและวธิ กี ารคน้ หาโดยใชจ้ ูอ้ นิ chá zì fǎ 1.1 วธิ ีการคน้ หาโดยใช้พยัญชนะสระของพนิ อิน 汉语拼音查字法 Hànyǔ pīnyīn ต้ังแตป่ ี ค.ศ.1958ก็ได้มกี ารประกาศใช《้ 汉语拼音方案》Hànyǔ pīnyīn fāng'àn พินอิน สาธารณรัฐประชนจีนได้มีการประกาศใช้พจนานุกรม อาทิเช่น 《新华字典》 Xīnhuá zìdiǎn、《现代汉语词典》xiàndài hànyǔ cídiǎn、《中国大百科全书》
150 Zhōngguó dà bǎikē quánshū、《汉英词典》Hàn yīng cídiǎn เป็นต้น พจนานุกรมเหล่าน้ีได้ ใช้พินอินเป็นเครื่องมือในการค้นหาคําศัพท์ ซึ่งในยุคปัจจุบันก็ยังใช้พินอินในการค้นหาความหมายของ คําศัพท์กันอย่างแพร่หลาย ส่วนสําคัญของวธิ ีการค้นหาโดยใชพ้ ยญั ชนะสระของพนิ อนิ มีดังต่อไปน้ี 1.1.1 พยัญชนะของพินอินมีดังตอ่ ไปน้ี A、B、C、D、E、F、G、H、 I、J、K、L、M、N、O、P、Q、R、S、T、U、V、W、X、Y、Z เรยี ง ตามลําดบั เช่น “方”(fāng)จะตอ้ งค้นหาตวั f ท่ีเปน็ พยัญชนะต้นแลว้ คอ่ ยคน้ หาสระ ang ใน ลําดับตอ่ มา 1.1.2 พยญั ชนะ สระเหมอื นกนั ให้ยึดการเรยี งลาํ ดับการออกเสยี งวรรณยุกต์ อ้าง ตามลําดบั กอ่ นหลงั ของเสียงวรรณยกุ ตด์ งั ตอ่ ไปนี้ (1)阴平 yīnpíng(2)阳平 yángpíng (3)上声 shàng shēng(4)去声 qù sheng(5)轻声 qīngshēng เช่น “妈” mā、“麻” “má、“马” mǎ、“骂” mà、“嘛” ma 1.1.3 พยัญชนะ สระและวรรณยกุ ตเ์ หมือนกันมีวธิ ีการเรยี ง 2 วิธีดงั ต่อไปน้ี วธิ ีทีห่ น่งึ เรียงตามจํานวนเสน้ ขดี อกั ษรจนี โดยจํานวนเสน้ ขีดอกั ษรจนี มีจาํ นวนน้อยเรียงอย่ดู ้านหนา้ จํานวนเสน้ ขดี อักษรจีนมากจะอยู่หลงั เชน่ “青”、“清”、“轻”、“倾” อกั ษรจนี ทงั้ 4 ตัวนีล้ ว้ น อ่านวา่ qīng เหมอื นกันทั้งหมด การเรียงลาํ ดับเมอื่ ยึดตามการเรียงตามจาํ นวนเสน้ ขีดอกั ษรจีนจะเรียง เปน็ “青”、“轻” 、 “倾” 、 “清” ตามลาํ ดับจาํ นวนเส้นขีดอักษรจนี มี จาํ นวนนอ้ ยเรียงอย่ดู ้านหน้าและจาํ นวนเสน้ ขีดอักษรจีนมากจะอยู่หลงั ถา้ หากพบว่าเส้นขีดอกั ษรจนี มี จาํ นวนเท่ากันให้ยึดตามการเรียงเสน้ ขดี พื้นฐานตามลาํ ดับดังตอ่ ไปนี้ 一(横)(héng)、丨 (竖)(shù)、丿(撇)(piē)、丶(点)(diǎn)、������(折)(zhé) เชน่ “办”、“半”、“伴”、“拌”、“扮”、“瓣” ตวั อักษรจนี เหลา่ น้ี ล้วนอ่านว่า “bàn” อันดับแรกจัดดารเรยี งลําดับตามจํานวนเส้นขีดอกั ษรจนี คอื เรียงจากจาํ นวนเสน้ ขีดอักษรจีนมจี ํานวนนอ้ ยไปสจู่ าํ นวนเส้นขีดอกั ษรจนี มากดงั ตอ่ ไปนี้ “办”(4 笔 bǐ)、 “半”(5 笔 bǐ)、“伴”(7 笔 bǐ)、“扮”(7 笔 bǐ)、 “拌”(8 笔 bǐ)、 “瓣” (19 笔 bǐ)จะพบไดว้ า่ ตัวอกั ษร “伴” (7 笔 bǐ)และ “扮”(7 笔 bǐ)มจี าํ นวนเส้นขดี เทา่ กนั คอื 7 ขดี ต่อจากนนั้ ก็ใช้
151 วธิ ีการเรียงเส้นขดี พ้นื ฐานโดยพิจารณาจากตวั อกั ษร “扮” ขีดแรกคือเสน้ 一(横)(héng) ส่วนตัวอักษร“伴”ขดี แรกคือ 丿(撇)(piē) ดงั นน้ั การเรยี งลําดบั โดยใชว้ ิธกี ารเรียงเสน้ ขีด พนื้ ฐานเปน็ ตามลาํ ดับดงั ตอ่ ไปน้ี “办”(4 笔 bǐ)、“半”(5 笔 bǐ)、 “扮”(7 笔 bǐ)、“伴”(7 笔 bǐ)、 “拌”(8 笔 bǐ)、 “瓣” (19 笔 bǐ) อีกวิธีหนึ่งคอื การเรียงโดยวิธีการนาํ อกั ษรขา้ งทเี่ หมอื นกนั มาเรียงเปน็ กลมุ่ เดยี วกัน เม่อื จับกล่มุ เรียบร้อยแลว้ ให้นํามาเรยี งโดยวธิ กี ารเรยี งเส้นขีดพ้นื ฐานตามลําดบั ดังต่อไปนี้ 一(横)(Héng)、 丨(竖)(shù)、丿(撇)(piē)、丶(点)(diǎn)、������(折)(zhé) เชน่ ในพจนานุกรม 《新华字典》อา่ นออกเสยี งว่า kē ทงั้ หมดได้ 22 ตวั อักษรยึดตามการแบง่ ของ อกั ษรขา้ ง 偏旁 แบง่ เป็น 6 กลุม่ ไดด้ ังตอ่ ไปนี้ 坷(8 笔)苛(8 笔)珂(9 笔)柯 (9 笔)轲(9 笔)牁(9 笔)砢(10 笔)钶(10 笔)疴(10 笔) ล้วนมีอักษรข้าง 偏旁 เปน็ “可” ส่วนอกั ษร 棵(12 笔)稞(13 笔) 窠 (13 笔) 颗(14 笔)髁(17 笔)ล้วนมีอกั ษรขา้ ง 偏旁 เปน็ “果” 匼 (8 笔)มอี ักษรข้าง 偏旁 เป็น “合” 颏(12 笔)มีอักษรขา้ ง 偏旁 เปน็ “亥” 科(9 笔)蝌(15 笔)อักษรข้าง 偏旁 เป็น “科” 搕(13 笔)榼(14 笔)磕(15 笔)瞌(15 笔)มอี กั ษรข้าง 偏旁 เป็น “盍” ยดึ หลักตามการแบง่ กลุ่มของจาํ นวนเสน้ ขดี เรียงลาํ ดบั ไดด้ ังนี้ 坷,匼,科, 棵, 颏 ดังนนั้ การ เรยี งลําดบั อกั ษรจนี 22 ตัวอักษรมดี งั ต่อไปน้ี “坷苛珂柯轲牁砢钶疴匼科蝌棵稞窠 颗髁颏搕榼磕瞌” 1.2 วธิ กี ารคน้ หาโดยใชจ้ ้อู นิ 注音字母查字法 Zhùyīn zìmǔ chá zì fǎ ก่อนท่ีจะประกาศใช้พินอิน《汉语拼音方案》Hànyǔ pīnyīn fāng'àn อีกวิธีหน่ึงที่ ได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือวิธีการค้นหาโดยใช้จู้อิน 注音字母查字法 Zhùyīn zìmǔ chá zì fǎ โดยใชห้ ลกั การเดยี วกับพนิ อนิ เพียงแตต่ ัวอกั ษรไมเ่ หมอื นกนั ดงั ตารางข้างล่างดังตอ่ ไปน้ี
152 ตารางท่ี 6.1 พยญั ชนะเปรยี บเทียบ Zhuyin และ pinyin พยัญชนะในภาษาจนี มี 21 ตวั คือ ㄅ ㄆ ㄇ ㄈ ㄉ ㄊ ㄋ ㄌ ㄍ ㄎ ㄏ ㄐ ㄑ ㄒ ㄓㄔㄕㄖㄗㄘㄙ Tongyong Pinyin Hanyu Pinyin ㄅb ㄆp ㄇm ㄈf ㄉd ㄊt ㄋn ㄌl ㄍg ㄎk ㄏh ㄐj ㄑc ㄒq
153 Tongyong Pinyin Hanyu Pinyin zh ㄓ ch ㄔ sh ㄕ r ㄖ z ㄗ c ㄘ s ㄙ ตารางท่ี 6.2 สระเปรียบเทยี บ Zhuyin และ pinyin สระมี 16 ตวั คอื ㄚ ㄛ ㄜ ㄝ ㄞ ㄟ ㄠ ㄡ ㄢ ㄣ ㄤ ㄥ ㄦ 一 ㄨ ㄩ Tongyong Pinyin Hanyu Pinyin ㄚa ㄛo ㄜe ㄝe ㄞ ai
154 Hanyu Pinyin ei ao ou Tongyong Pinyin an en ㄟ ang ㄠ eng ㄡ er ㄢ i ㄣ in ㄤ ing ㄥ u ㄦ un ong 一 หรอื ㄧ u, yu ㄨ un, yun ㄩ
155 Hanyu Pinyin yong Tongyong Pinyin หลงั จากสาธารณรฐั ประชาชนจีนประกาศใชพ้ นิ อิน《汉语拼音方案》Hànyǔ pīnyīn fāng'àn แลว้ กย็ กเลกิ การใชจ้ อู้ นิ แต่ยงั มีไตห้ วนั ยังคงรักษาวฒั นธรรมดัง้ เดมิ คงไว้ รัฐบาลจนี ไดผ้ ลติ พจนานกุ รม 《新华字典》xīnhuá zìdiǎn ไดใ้ ช้วิธสี บื ค้นทง้ั ระบบพินอินและจอู้ นิ ระบบการสืบค้นวธิ กี ารคน้ หาโดยใช้พยญั ชนะสระของพินอิน 汉语拼音查字法 hànyǔ pīnyīn chá zì fǎ และวธิ ีการคน้ หาโดยใช้จู้อนิ 注音字母查字法 zhùyīn zìmǔ chá zì fǎ จะต้องมี ความแมน่ ยาํ ในการคน้ หาเสยี งอา่ นของคําและทส่ี ําคญั จะตอ้ งมคี วามรู้ด้านพินอนิ และจอู้ ินเปน็ อย่างดถี งึ จะสามารถทําการสบื คน้ ความหมายของคาํ ในพจนานุกรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง 2. วธิ ีหมวดนําอกั ษรจีน 部首法 Bù shǒu fǎ วิธหี มวดนําอกั ษรจนี คือวธิ กี ารเรียงลําดับตามหมวดนําอักษรจนี ซง่ึ เปน็ อกี วิธกี ารหนึ่งในการ สืบค้นความหมายตวั อกั ษรจีน เป็นวิธีใช้รูปลกั ษณช์ นดิ หนึง่ อักษรจนี จาํ นวนมากมสี ว่ นคล้ายสว่ นประกอบของอักษรจนี โดยใชว้ ธิ ีท่ีมสี ว่ นประกอบ เหมือนกนั นํามาเป็นหมวดนําอักษรจนี เชน่ อักษร “依 yī”、“仪 yí”、“仁 rén”、“仇 chóu”、“代 dài”、“们 men” ล้วนมสี ว่ นประกอบของ “亻” อกั ษร “叶 yè”、“叮 dīng”、“只 zhǐ”、“叫 jiào”、“吃 chī”、“吗 ma” ลว้ นมีส่วนประกอบของ “口” อกั ษร “饥 jī”、“饭 fàn”、“饮 yǐn”、“饼 bǐng” ล้วนมสี ่วนประกอบของ “钅” อกั ษร “犯 fàn”、“狂 kuáng”、“独 dú”、“狠 hěn”、“狗 gǒu”、“猫 māo” ลว้ นมีสว่ นประกอบของ “犭”
156 สงิ่ ท่ีนา่ สังเกตอกี ประการหนงึ่ คือวธิ ีการสบื คน้ หมวดนาํ อกั ษรจีนเหมือนกัน วิธกี ารสืบค้นอกั ษรจนี โดยใชค้ วามหมายกาํ หนดหมวดนาํ อกั ษรจนี ดงั น้นั หมวดนาํ อักษรจนี ของตัวอักษร “志 zhì” วัฒนธรรมดัง้ เดมิ น้นั คนจนี ถอื วา่ จดั อย่ใู นหมวดจิตใจ(心理活动 xīnlǐ huódòng)ดงั นนั้ ตัวอักษร “志 zhì” จัดอยู่ในหมวดหัวใจ “心 xīn” อีกวิธีหน่ึงคือการใช้รูปลักษณ์กําหนดหมวดนํา อักษรจีน เช่นการกําหนด “一” มาสืบค้นตัวอักษร 上 shàng,、下 xià、左 zuǒ、右 yòu มา เปน็ ตําแหน่งหมวดนาํ เพอ่ื สบื คน้ ความหมายคาํ เหล่านี้ การใช้รูปลักษณ์กําหนดหมวดนําอกั ษรจีนมาสืบค้น ตวั อักษร มวี ธิ กี ารดังต่อไปน้ี 2.1 หลักการใช้รูปลกั ษณ์สบื คน้ หมวดนาํ อกั ษรจนี ปัจจุบันได้มีวิธีการนําหลักการใช้รูปลักษณ์สืบค้นหมวดนําอักษรจีนมากําหนดตําแหน่ง หมวดนาํ อักษรจนี เพื่อการสืบคน้ ความหมายของคาํ ศัพท์ดงั วิธีข้างลา่ งดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1.1 วิธีการใช้อักษร ด้านบน ด้านล่าง ด้านซ้ายและด้านขวามากําหนดเป็นตําแหน่ง หมวดนําอักษรจีนเช่น อักษร “今 jīn”(人部 rén bù)อักษร “眉 méi” (目部 mù bù)อกั ษร “国 guó”(囗部 fāng kuāng bù) 2.1.2 ตัวอักษรท่ีไม่มีหมวดนําอักษร จะหาตรงกลาง หรือซ้ายบน เช่น “爽 shuǎng”(大部 dà bù)、“办 bàn”(力部 lì bù)、“疑 yí”(匕部 bǐ bù)、弱 ruò(弓部 gōng bù) 2.1.3 อกั ษรจีนหนง่ึ ตวั อกั ษรมหี มวดนาํ อกั ษรจีนกช่ี นดิ โดยยดึ ลาํ ดบั ดงั ต่อไปนี้ 2.1.3.1 ด้านบนและด้านล่างล้วนสามารถเป็นหมวดนําอักษรจีน เมื่อยึดด้านบน หมวดนําอักษรจีนแล้วจะไม่ยึดด้านล่างเป็นหมวดนําอักษรจีน เช่นอักษร “愿 yuàn” ค้นหาหมวด นาํ อักษรจนี โดย “厂部 chǎng zì páng” ไม่ยึด “心部” เปน็ หมวดนําอักษรจนี 2.1.3.2 ด้านซ้ายและด้านขวาล้วนสามารถเป็นหมวดนําอักษรจีน เม่ือยึด ด้านซ้ายเป็นหมวดนําอักษรจีนแล้วจะไม่ยึดด้านขวาเป็นหมวดนําอักษรจีน เช่นอักษร “鸿 hóng”
157 ค้นหาหมวดนําอักษรจีนโดย “氵部 sān diǎn shuǐ” ไม่ยึด “鸟部” niǎobù เป็นหมวดนํา อกั ษรจนี 2.1.3.3 ดา้ นในและด้านนอกลว้ นสามารถเป็นหมวดนาํ อกั ษรจนี เม่อื ยึดด้านนอก เป็นหมวดนําอักษรจีนแล้วจะไม่ยึดด้านในเป็นหมวดนําอักษรจีน เช่นอักษร “闷 mèn” ค้นหา หมวดนําอักษรจีนโดย “门部 mén zì kuāng” ไม่ยึด “心部” xīnbù เป็นหมวดนําอักษร จีน 2.1.3.4 ตรงกลาง มุมซ้ายบนล้วนสามารถเป็นหมวดนําอักษรจีน เม่ือยึดตรงกลาง เป็น หมวดนาํ อักษรจนี แลว้ จะไม่ยึดมุมซ้ายบนเป็นหมวดนําอกั ษรจนี เชน่ อักษร “坐 zuò” ค้นหาหมวด นําอกั ษรจนี โดย “士部” shìbù ไมย่ ึด “人部” rénbù เปน็ หมวดนําอักษรจนี 2.1.3.5 ด้านล่าง มุมซ้ายหรือมุมขวาบนล้วนสามารถเป็นหมวดนําอักษรจีน เมื่อยึด ด้านล่างหรือมุมขวาบนเป็นหมวดนําอักษรจีนแล้วจะไม่ยึดมุมซ้ายบนเป็นหมวดนําอักษรจีน เช่นอักษร “渠 qú” ค้นหาหมวดนําอักษรจีนโดย “木部 mùbù” ไม่ยึด “氵部 sān diǎn shuǐ” เป็นหมวดนําอักษรจีน ตัวอักษร “凯 kǎi” ค้นหาหมวดนําอักษรจีนโดย “几部 jǐ bù” ไม่ยดึ “山部 shānbù” 2.1.3.6 ตัวอักษรที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าใช้ส่วนใดเป็นหมวดนําอักษรจีนให้ยึดเส้นขีดเดียว เป็นหมวดนําอักษรจีน เช่น อักษร “东 dōng” ค้นหา “一” อักษร “也 yě” ค้นหา “㇆部”อกั ษร “义 yì” คน้ หา “丿” 2.1.3.7 พจนานุกรมบางเล่ม อํานวยความสะดวกให้ผู้ใช้โดยนําอักษรหนึ่งตัวสามารถ ค้นหาหมวดนําอักษรจีนได้ท้ังหมดเช่น อักษร “愿 yuàn” ค้นหาหมวดนําอักษรจีนโดย “厂 部 chǎng zì páng” และ “心部” xīnbù เปน็ หมวดนาํ อกั ษรจีนไดท้ ั้งสองหมวดนาํ อกั ษรจีน
158 3.2 หลกั การใชส้ ารบัญหมวดนําอกั ษรจีนสืบคน้ หมวดนําอกั ษรจนี สารบัญหมวดนําอักษรจีนได้ยึดจํานวนขีดในการเรียงลําดับหมวดนําอักษรจีนเช่น อักษร “花” หมวดนําอักษรคือ “艹 căozìtóu” หมวดนําอักษรมี 3 ขีด ในสารบัญหมวดนําอักษร จนี 3 ขีดสามารถพบอักษรคอื “艹 căozìtóu” 3. วธิ สี ืบค้นโดยเส้นขดี อักษรจนี 笔画笔形查字法 Bǐhuà bǐxíng chá zì fǎ วิธีสืบค้นโดยเส้นขีดอักษรจีนก็เป็นวิธีลําดับภาพลักษณ์ ใช้วิธีนับจํานวนเส้นขีดโดยการ เรียงลําดับในวธิ ีการหาความหมายอักษรจีน จาํ นวนขีดน้อยอยู่ข้างหนา้ จาํ นวนขีดมากอยู่ขา้ งหลงั หรอื ยึด ตามการเรียงลําดับขีดอักษรจีน 5 ประเภทคือ “一”(横)、“丨”(竖)、“丿” (撇)、“丶”(点)、“������”(折) วธิ ีสบื คน้ โดยเสน้ ขีดอักษรจีนสามารถสบื ค้นโดยวธิ กี ารดังตอ่ ไปน้ี 3.3.1 วธิ นี บั จาํ นวนนบั เส้นขีดเชน่ “辞”13 ขีด “慧” 15 ขดี 3.3.2 วิธีหาโดยจํานวนเส้นขีดเช่น อยู่ในหมวดสามขีด “三、大、万、与、 上” เป็นต้น 3.3.3 พจนานุกรมบางเล่มยึดโครงสร้างจาํ นวนเสน้ ขดี โดยปกติแล้วอักษรจีนโครงสร้างซ้ายขวาจะมีตําแหน่งด้านหน้า อักษรจีนโครงสร้างบน ลา่ งจะมีตาํ แหน่งด้านหลัง สุดทา้ ยเป็นตัวอักษรจีนเช่น 11 ขีด “唱”、“眼”(โครงสร้างซ้าย ขวา)อยู่ด้านหน้า “崇”、“晨” (โครงสร้างบนล่าง)“圄”、“圈” เรียง ตามลาํ ดับหลงั สดุ วิธีสืบค้นโดยเส้นขีดอักษรจีนเหมาะสมสําหรับการค้นหาความหมายโดยท่ีไม่ทราบเสียง อา่ น วิธนี ้ีเรยี นรู้งา่ ย แตบ่ างเส้นขีดกย็ ากทจี่ ะนับจํานวนเส้นขีดเช่น “藏” 17 ขีด “长” 4 ขีด บางตัวอักษรลําดับขีดเขียนยาก เช่น อักษร “长” เส้นขีดแรกคือ 丿(撇 piē)ไม่ใช่ 丨
159 (竖 shù)อักษร “与” เส้นขีดแรกคือ 一(横 héng)ไม่ใช่ ㄣ(竖折撇 shù zhé piē) กฎเกณฑต์ ัวอักษรจีนในยคุ ปัจจุบัน อักษรจีนเปน็ ระบบอักษรสญั ลักษณ์ ดังนั้นอักษรจนี ต้องมีระบบแบบแผนเป็นแบบเดยี วกนั มี กฎระเบียบทช่ี ัดเจน อกั ษรจนี มขี ้ันตอนและกฎเกณฑต์ ามกฎดงั ตอ่ ไปนี้คือมีการกําหนดปรมิ าณ กําหนด ภาพ กําหนดเสียงและกาํ หนดลําดบั ปรมิ าณตวั อักษรจนี ในยคุ ปจั จบุ นั การกําหนดอักษรจีนด้านปริมาณน้ันมีวัตถุประสงค์เพ่ือต้องการทราบถึงปริมาณตัวอักษรจีนท่ี แน่นอนรวมถึงการใช้อักษรเฉพาะด้านและปริมาณการใช้อักษรจีนเฉพาะศาสตร์ การกําหนดปริมาณ อักษรจีนในยุคปัจจุบันเป็นพื้นฐานการกําหนดปริมาณอักษรจีน เป็นการกาํ หนดปริมาณความแน่นอนของ ตัวอักษรเพ่ือทําการบันทึกไว้ ถึงแม้ว่าคุณสมบัติจะไม่เหมือนกัน ความแตกต่างของผู้ใช้ในการใช้ พจนานุกรม การกําหนดปริมาณตัวอักษรจีนนั้นจะทําให้ทราบถึงว่าแต่ละระดับควรจะสอนอักษรจีน จํานวนกี่ตัวอักษร(ดูภาคผนวก 8) นอกเหนือจากนั้นการกําหนดปริมาณอักษรจีนยังช่วยด้านการพิมพ์ โครงสรา้ งงานพมิ พด์ ้านตัวอักษร เปน็ พ้ืนฐานของการพิมพด์ า้ นคอมพวิ เตอร์ การศึกษาการกําหนดอักษรจีนด้านปริมาณมีส่วนสําคัญด้านหนึ่งคือปริมาณตัวอักษรจีนท่ีใช้บ่อย และปริมาณการใช้ตัวอักษรจีน วันท่ี 26 เดือนมกราคม 1988 (พ.ศ.2531) คณะกรรมการตัวอักษรจีน แห่งชาติ(ปัจจุบันคือกระทรวงศึกษาธิการ) 《现代汉语常用字表》xiàndài hànyǔ chángyòng zì biǎo ตารางการใช้อักษรจีนยุคปัจจุบัน อักษรจีนที่ใช้ในชีวิตประจําวัน 3,500 ตัวอักษร แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ระดับที่หน่ึงคือ อักษรจีนท่ีใช้บ่อย 2,500 ตัวอักษรและระดับที่สองคืออักษรจีนท่ีใช้บ่อย 1,000 ตัวอักษร จากการทดสอบได้ผลปรากฏว่าการใช้ตัวอักษรจีนระดับที่หนึ่งครอบคลุม 2,500 ตัวอักษรมี 97.97%และปริมาณตัวอักษรจนี ท่ีใชบ้ ่อยครอบคลมุ 99.48%
160 การกําหนดภาพลกั ษณ์ตัวอกั ษรจีนในยุคปัจจุบนั ภาพลักษณ์ของอักษรจีนคือวัตถุอักษรภายนอกของตัวอักษรจีน วัตถุประสงค์ของการกําหนด ภาพลักษณต์ ัวอกั ษรจนี คือความเปน็ ระเบยี บ แนช่ ัดของตัวอกั ษรจีน ปัจจุบันน้ีการกําหนดภาพตัวอักษรจีนคือ “หน่ึงตัวอักษรหนึ่งภาพลักษณ์” “一字一形” yī zì yī xíng วันที่ 30 เดือนมกราคม 1965 (พ.ศ.2508) การบันทึกการพิมพ์ของตัวอักษรจีนและ คณะกรรมการปฏิรูปตัวอักษรจีนได้ประกาศ ตารางการพิมพ์อักษรจีน มีท้ังหมด 6,196 ตัวอักษร มี กฎเกณฑ์กําหนดภาพลักษณ์ตัวอักษรทุกตัวรวมไปถึงการกําหนด เส้นขีดตัวอกั ษร (笔画数)bǐhuà shù ภาพลักษณ์ของเส้นขีด (笔形)bǐxíng ลําดับขีด (笔顺)bǐshùn และประเภทการรวม ของโครงสรา้ งอักษรจีน(部件的组合类型)bùjiàn de zǔhé lèixíng หลักเกณฑ์พื้นฐานของการ จัดการกาํ หนดภาพลักษณ์ของตัวอกั ษรจนี มีดงั ต่อไปนี้ 1. เสน้ ขีดยาว(长方点)cháng fāng diǎn เสน้ ขีดเอยี ง(斜方点)xié fāng diǎn เส้นแนวนอน(横点)héng diǎn เส้นตั้งตรง(竖点)shù diǎn เส้นเอียงซ้าย (撇点)piē diǎn เช่น 言 (言)yán 冬(冬)dōng 今(今)jīn 2. การลดจํานวนเส้นขีด 减少笔数 เช่น 近(菦)Jìn 争(爭)zhēng 吕(呂)lǚ 3. การเชื่อมเส้นขีด 连接笔画 เชน่ 差(槎)chà (chá) 牙 (厊)Yá (yǎ)象(潒)xiàng (dàng) 4. อน่ื ๆ เช่น 丑(忸)chǒu (niǔ) 丰(寷)Fēng (fēng) 爱(愛)ài (ài)
161 การกาํ หนดเสียงของตวั อักษรจนี ในยุคปจั จุบนั การกําหนดเสียงของตัวอักษรจีนมีวัตถุประสงค์เพ่ือกําหนดมาตรฐานของตัวอักษรจีนยุคปัจจุบัน ความแตกต่างของการอ่านคําคือหนึ่งคําสามารถอ่านออกเสียงได้มากกว่าหน่ึงเสียง จากการตรวจสอบ พบว่าหนึ่งคําหนึ่งเสียง การอ่านคําท่ีมีคําอ่านมากกว่าหนึ่งเสียงน้ันจะมีความแตกต่างกันตามบริบท วันท่ี 27 เดือนธันวาคม 1985 (พ.ศ.2528) คณ ะกรรมการอักษรจีนระดับชาติ และกองโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียงได้ประกาศแนวทางการแก้ไขปัญหาวิธีการอ่านคําหน่ึงคําสามารถอ่านได้หลายเสียงดัง ตารางดังต่อไปน้ี ตาราง 6.3 คําพอ้ งเสียงภาษาจีน 汉字 拼音 泰语 汉字 拼音 泰语 Hànzì Pīnyīn Tàiyǔ Hànzì Pīnyīn Tàiyǔ 睡着 shuìzhe นอนหลบั 找着 zhǎozhao หาเจอ 行 xíng ได้ 银行 yínháng ธนาคาร 长度 chángdù ความยาว 长得很快 zhǎngdéhěnkuài โตเรว็ 还钱 huanqián คนื เงิน 还有 hái yǒu ยังมี 要求 yāoqiú ความตอ้ งการ 需要 xūyào ตอ้ งการ 重要 zhòngyào สําคญั 重叠 chóngdié ซ้อน 快乐 kuàilè ความสขุ 乐器 yuèqì เคร่อื งดนตรี 好看 hǎokàn สวย 爱好 Àihào งานอดิเรก 觉得 juédé รสู้ ึก 睡觉 shuìjiào นอน 得到 dédào ได้รบั 得去 dei qù ต้องไป
162 การกําหนดลําดบั ของตวั อกั ษรจนี ในยคุ ปัจจุบัน การกําหนดลําดับของตัวอักษรจีนมีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียงลําดับของอักษรจีนก่อนหลัง เน่ืองมาจากปริมาณอักษรจีนมีจํานวนมากเพ่ือการออกแบบท่ีถูกต้องแม่นยํา การกําหนดตําแหน่งและ ลาํ ดบั การเขยี นตัวอักษรจีนทม่ี ีความชดั เจนจะสามารถทําให้ผูเ้ รยี นเรียนรตู้ วั อักษรจีนได้ง่ายข้ึน การกําหนดลําดับประเภทของอักษรจีนแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือลําดับเสียง(音 序)yīn xù และลําดับของภาพลักษณ์ (形序)xíng xù ลําดับเสียง(音序)yīn xù คือ การเรียงลําดับตามเสียงของตัวอักษร หลังจากปี 1958 (พ.ศ.2501) ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากจู้อินมา เปน็ พินอนิ สรปุ ได้วา่ ไดม้ รการเรยี งลาํ ดบั เสียงตามกฎเกณฑ์ของพินอนิ ส่วนลําดับภาพลักษณ์(形序)xíng xù วิธีลําดับภาพลักษณ์ส่วนมากจะใช้วิธีหมวดนําอักษร จีนค้นหาความหมายของตัวอักษรจีน วิธีหมวดนําอักษรดั้งเดิมน้ันจะใช้วิธีผสมโดยนํา หมวดนํา ความหมาย “据义定部” jù yì dìng bù และหมวดนําภาพลักษณ์ “据形定部” jù xíng dìng bù สองมาตรฐาน ในพจนานุกรมจะใช้วิธีในการค้นหาตัวอักษรที่แตกต่างกันออกไป การใช้ระบบ หมวดนําค้นหาตวั อกั ษรจนี ก็แตกตา่ งกนั ออกไปตามพจนานุกรมดังตอ่ ไปน้ี 《康熙字典》Kāngxī zìdiǎn(1716 年 nián) 214 หมวดนาํ (部)bù 《新华字典》Xīnhuá zìdiǎn(1992 年 nián) 189 หมวดนาํ (部)bù 《现代汉字词典》Xiàndài hànzì cídiǎn(1996 年 nián)189 หมวดนาํ (部)bù 《汉语大字典》Xiàndài hànzì cídiǎn(1986 年 nián) 200 หมวดนํา (部)bù 《辞海》cíhǎi(1999 年 nián) 250 หมวดนํา (部)bù เดือนมิถุนายน 1983 (พ.ศ.2526) สมาคมการเปล่ียนแปลงอักษรจีนและกระทรวงวัฒนธรรมได้ เปิดการอภิปรายการใช้พจนานุกรมหาความหมายของอักษรจีน ได้รวมวิธีการใช้หมวดนําอักษรจีนเป็น หนึง่ เดยี วโดยยดึ หลักการ หมวดนําความหมาย “据形定部” jù xíng dìng bù โดยรวบรวมหมวด
163 นําอักษรจีนทั้งหมด 201 หมวดนํา โดยปรากฏในพจนานุกรม 《现代汉语常用字表》xiàndài hànyǔ chángyòng zì biǎo แ ล ะ 《现代汉语通用字表》xiàndài hànyǔ tōngyòng zì biǎo พจนานุกรมสองเลม่ น้ไี ดใ้ ชร้ ะบบหมวดนาํ อกั ษรจีนทงั้ หมด 201 หมวดนํา ถึงแม้นว่ารูปลักษณ์ของตัวอักษรจีนจะมีรูปลักษณ์ท่ีซับซ้อน รวมถึงวิธีลําดับเสียง(音序 法)yīn xù fǎ วิธีลําดับภาพลักษณ์(形序法)xíng xù fǎ ล้วนมีลักษณะเด่นและลักษณะด้อย พจนานุกรมแต่ละเลม่ กไ็ ด้เลอื กใช้วิธีการทแ่ี ตกต่างกันออกไป ดงั น้ันจึงสามารถสรุปได้ว่าการกําหนดลําดับ อกั ษรจีนในยุคปัจจบุ นั ยังมปี ญั หาที่ตอ้ งศกึ ษาหารือและแกไ้ ขต่อไปในอนาคต การจดั การขอ้ มูลตัวอกั ษรจีนในยุคปจั จบุ ัน การใชแ้ ปน้ พมิ พ์ของอักษรจีน การใช้แป้นพิมพ์ของตัวอักษรจีนคือรูปแบบการใช้ท่ีกว้างขวางท่ีสุด เทคโนโลยีก็ทันสมัยใช้ได้ดี ทีส่ ุด ขนั้ ตอนภายในของเทคโนโลยีนั้นรูปแบบเส้นใช้หลกั 0 และ 1มาเรยี งลําดบั ตัวอักษรจีนถือได้ว่าเป็น ตัวอักษรสองมิติ ดังนั้นปัจจุบันน้ีได้ใช้รหัสอักษรจีนอยู่เป็นประจําในการพิมพ์อักษรจีนโดยคอมพิวเตอร์ อันดับแรกอักษรจีนได้ถอดรหัสออกมาเป็นลําดับ หลังจากนั้นผ่านการใช้แป้นพิมพ์นํารหัสพิมพ์เข้าไป ลกั ษณะเด่นของรหัสอกั ษรจีนได้มีปัจจัยที่สําคัญในรูปแบบการพิมพ์ตัวอักษรจีนในคอมพิวเตอร์ เก่ียวข้อง กับข้อมูลข่าวสารลักษณะเด่นของตัวอักษรจีนมีไม่เหมือนกัน รูปแบบรหัสของตัวอักษรจีนสามารถแบ่ง ออกเป็น 3 ประเภทคือ รหัสเสียง 音码 yīn mǎ รหัสภาพ 形码 xíng mǎ และรหัสเสียงและภาพ 音 形结合码 yīn xíng jiéhé mǎ ดังตอ่ ไปน้ี 1. รหัสเสียง 音码 yīn mǎ รหัสเสียง 音码 yīn mǎ ออกแบบการใช้รหัสเสียงอักษรจีน การใช้รหัสเสียงแท้ท่ีจริงแล้ว คอื วิธีการเปล่ียนมาเป็นพินอินรูปแบบหน่ึง การใช้รูปแบบพินอนิ ดําเนินการพิมพ์อักษรจีนน้ัน พิมพ์พินอิน โดยจากคอมพิวเตอร์กลายมาเปน็ อักษรจีน ลกั ษณะเด่นของรหัสเสียง 音码 yīn mǎ คอื สามารถใช้อักษร พิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์แต่ผู้ใช้จะต้องรู้พินอินถึงจะสามารถพิมพ์ลงไปได้ ข้อด้อยคือไม่สามารถพิมพ์อักษร ท่ีอ่านไม่ออกลงหรือพบตัวอักษรท่ีมีหลายเสียงจะต้องเลือกอีกครั้ง มีผลกระทบต่อความเร็วในการพิมพ์
164 ขณะนี้มีรหัสเสียง 音码 yīn mǎ ปรากฏข้ึนมาอักษรจีน อักษรเป็นพื้นฐาน คําเป็นตัวนําทาง ใช้คํา บัญญัตอิ ักษร รหัสเสียง 音码 yīn mǎ มีขอ้ จํากดั พื้นฐานแก้ไขปัญหาตวั อักษรท่ีออกเสียงคล้ายกัน 2. รหัสภาพ 形码 xíng mǎ รหสั ภาพ 形码 xíng mǎ คอื การออกแบบการพิมพ์รหสั ภาพของอกั ษรจีน โดยปกติรหสั ภาพ 形码 xíng mǎ นําภาพอักษรจีนแบง่ ออกเปน็ ตาํ แหนง่ โครงสร้างค่อนข้างเลก็ เชน่ อกั ษรข้าง 偏 旁 piānpáng สว่ นประกอบของตัวอักษรจีน 部件 bùjiàn เส้นขีด 笔画 bǐhuà เปน็ ต้น การใช้ ตําแหน่งเส้นขดี แทนรหสั อ้างตามการพิมพต์ ามลาํ ดับกฎเกณฑ์ มผี ลกระทบอย่างมากคือการพิมพแ์ บบ วิธกี ารพิมพ์แบบเสน้ ขีดห้าขดี 五笔字型 wǔbǐ zì xíng วิธีรหัสเส้นขีดและภาพ 笔形编码法 bǐxíng biānmǎ fǎ เปน็ ตน้ ขอ้ ดอ้ ยคือการจะเขา้ ใจวธิ ีการพิมพช์ นดิ น้ีจะตอ้ งฝกึ ฝนเปน็ พิเศษ ใช้วธิ ีจําได้ อยา่ งเดียว ภาพ 6.2 ภาพการพมิ พ์รหสั ภาพของอักษรจีน ทม่ี า : ถา่ ยเมื่อวันท่ี 11 มกราคม 2560 ณ มหาวิทยาลยั ปัญญาภิวัฒณ์
165 3. รหสั เสยี งและภาพ 音形结合码 yīn xíng jiéhé mǎ รหัสเสียงและภาพ 音形结合码 yīn xíng jiéhé mǎ คือใช้เสริมซ้ึงกันและกัน รหัสชนิดนี้ สามารถแบ่งเสียงเป็นหลัก ภาพเป็นรองและภาพเป็นหลัก เสียงเป็นรอง 2 ชนิด ขั้นตอนการดําเนินการ การเปลีย่ นข้อมลู ดา้ นเสียงและภาพส่วนมากจะมผี ลกระทบตอ่ ความเช่ือมโยงของผ้ใู ช้ จากรูปแบบรหัสตัวอักษรจีน 3 แบบข้างต้น ต่างก็มีข้อเด่นและข้อด้อย ผู้ใช้สามารถเลือกได้ ตามความถนัดของตนเอง อย่างเช่นอาชีพนักข่าว นักเขียน อาจารย์ ไม่ได้มีความต้องการในการใช้การ พิมพ์ระดับรวดเร็ว ไม่จําเป็นต้องเข้ารับการอบรมแต่สามารถใช้วิธีการพิมพ์แบบรหัสเสียง 音码 yīn mǎ ได้ ส่วนผทู้ ่ตี อ้ งการใชก้ ารพมิ พร์ ะดบั รวดเร็ววธิ ีท่ีเหมาะสมคือ วิธีรหัสภาพ 形码 xíng mǎ ตัวอักษรจีนที่อยู่ในคอมพิวเตอร์น้ันเป็นรูปแบบสัญลักษณ์ เก่ียวกับพินอินระหว่างผู้ใช้และ คอมพิวเตอร์ ข้อมูลข่าวสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์นั้นอักษรจีนได้ใช้รหัสตัวเดียวกัน เกี่ยวกับอักษรจีนรหัสการจัดการและรหัสแลกเปล่ียนไม่เหมือนกัน รหัสแลกเปล่ียนอักษรจีนคือพ้ืนฐาน รหัสการจัดการของอักษรจีน การออกแบบคลังเก็บอกั ษรจีนยดึ รหัสแลกเปลย่ี นอกั ษรเปน็ หลัก มาตรฐานการแลกเปล่ียนรหัสอักษรจนี เร่มิ เมือ่ เดือนมีนาคม ศ.ศ. 1981โดยการประกาศของกรม มาตรฐานของสาธารณรัฐประชาชนจีน 中国国家标准局(Zhōngguó guójiā biāozhǔn jú) รหัสแทนคือ GB2312-80 ขณะน้ันมีการรวบรวมการใช้ตัวอักษรจีน 6,763 ตัวอักษร และยังมีอักษร สัญลักษณ์แต่ละชนิด 682 ตัวอักษรเช่น “门” “亻” “夂” สัญลักษณ์ตัวอักษรภาพ 7,445 ตัวอักษร ตัวอักษรจีน6,763 ตัวอักษรสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ ระดับแรกคือการใช้ ตวั อักษรจีนที่ใชบ้ ่อย 3,755 ตวั อักษร ยึดหลักการเรียงตัวอักษรตามพินอนิ ระดบั ที่สองคือการใช้ตวั อักษร จนี ท่ีใช้บ่อย 3,008 ตัวอักษร โดยยึดหลักหมวดนําอักษร ตารางรหสั แบ่งออกเป็น 94 เขต แตล่ ะเขตมี 94 ตําแหน่ง รหัสของเขตจาก 1-94 รหัสของตําแหน่งก็จาก 1-94 เช่นเดียวกัน ตําแหน่งของสัญลักษณ์ภาพ ในตารางรหัสนั้นได้ใช้รหัสเขตและรหัสตําแหน่งมาแสดงทั้งหมด เขตและรหัสตําแหน่งได้ใช้เส้นขีดสั้น เชื่อมโยง อย่างเช่นในเขตที่ 51 ตัวอักษร “有” yǒu ตําแหน่งอยู่ท่ีเขต 51 รหัสตําแหน่งคือ 48 รหัส เขตและรหัสตําแหน่งของตัวอักษร “有” yǒu คือ 51-48 ส่วนตัวอักษร “育” yù อยู่เขตท่ี 51 รหัสตาํ แหนง่ คือ 93 รหัสเขตและรหัสตาํ แหนง่ ของตวั อกั ษร “育” yù คอื 51-93
166 ตวั อกั ษรจีนกบั ขอ้ สอบ HSK HSK 汉字等级大纲及汉字教学大纲 Hànzì děngjí dàgāng jí hànzì jiàoxué dàgāng การใชอ้ ักษรจนี เขยี นแทนทพี่ ินอนิ ในขอ้ สอบ HSK 3 1.没(guān 关 )系,别难过,高兴点儿。 2.4(yuè 月 )7 号是我的生日,中午你们来我家吃饭吧。 3.看地图?很容易,上北、下南、左西、右东,明( bai 白)了? 4.一( qiān 千 )万年前,动物们出现了吗? 5.外面下雪了,你让孩子路上小( xīn 心 )点儿。 6.生病了要注意休息, ( yīn 因 )为健康最重要。 7.他一直都很关心别( ren 人)。 8.你的头发( tài 太 )长了,像草一样。 9.就在这条街的东边,有( ge 个 )眼镜店。 10.今天是晴天,没有( yún 云 )。
167 การใชอ้ กั ษรจนี แตง่ ประโยคจากรปู ภาพในขอ้ สอบ HSK 4 吃 chī 1.我喜欢吃饺子。Wǒ xǐhuān chī jiǎozi. 困 kùn 2.今天我很困。Jīntiān wǒ hěn kùn. 活泼 huópō 3.他们很活泼。Tāmen hěn huópō.
168 乒乓球 pīngpāng qiú 4.他们很喜欢打乒乓球。Tāmen hěn xǐhuān dǎ pīngpāng qiú. 凉快 liángkuai 5.走在海边,觉得很凉快。Zǒu zài hǎibiān, juédé hěn liángkuai. 杂志 zázhì 6.她正在看杂志。Tā zhèngzài kàn zázhì.
169 日记 rìjì 7.她每天写日记。Tā měitiān xiě rìjì. 尝 cháng 8.你尝一尝。Nǐ cháng yī cháng. 收拾 shōushí 9.他每天收拾东西。Tā měitiān shōushí dōngxī.
170 理发 lǐfǎ 10.他喜欢去那理发。Tā xǐhuān qù nà lǐfǎ. สรปุ อักษรจีนเป็นเคร่ืองมือในการบันทึกข้อมูล ดังน้ันอักษรจีนจึงมีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ตั้งแต่การใช้อักษรตัวเต็ม (จํานวนขีดมากและความหมายในตัวอักษรสมบูรณ์) จนมีการเปล่ียนแปลงมา ใช้อักษรตัวย่อ (จํานวนขีดลดน้อยลงและความหมายในตัวอักษรหายไปบางตัวอักษร) โดยการลดจํานวน ขีดลงเพื่อสะดวกต่อการเขียนและจดจํา ดังน้ันจึงมีการจัดตั้งสมาคมตัวอักษรจีนต้ังกฎเกณฑ์การลด จํานวนขีดและมาตรฐานการใช้อักษรจีนเพ่ือความเป็นหน่ึงเดียวในการจัดการข้อมูลให้เป็นระเบียบและใช้ ตวั อักษรอยา่ งถกู ต้องพร้อมทงั้ ได้มาตรฐานสากล แบบฝกึ หัดทา้ ยบท 1. จงวเิ คราะห์อักษรจนี ดังต่อไปน้ีวา่ ใช้วิธีการใดเปลย่ี นจากอกั ษรตวั เต็มมาเปน็ อกั ษรตัวย่อ A.简化声符 A. Jiǎnhuà shēng fúC. 简化形符 C. Jiǎnhuà xíng fú E.另造新字 E. Lìng zào xīn zì G.同音代替 G. Tóngyīn dàitì B.草书楷化 B. Cǎoshū kǎi huà D.记号代替 D. Jìhào dàitì F.保留特征 F. Bǎoliú tèzhēng H. 保留轮廓 H. Bǎoliú lúnkuò I.采用古字 I. Cǎiyòng gǔ zì 医(醫)yī __________ 几(幾)jǐ __________
171 泪(淚 )lèi __________ 飞(飛)fēi __________ 货(貨)huò__________ 学(學 )xué _________ 后(後)hòu__________ 云(雲 )yún __________ 为(爲 )wèi__________ 东(東 )dōng __________ 2. รปู แบบรหสั ของตัวอกั ษรจีนสามารถแบ่งออกเปน็ กว่ี ธิ อี ะไรบา้ ง 3. จงแตง่ ประโยคภาษาจนี จากภาพทกี่ ําหนดให้ 1. 起床 2. 跑步
172 3. 读书 4. 点心 5. 玩手机 6. 苹果
173 7. 日记 8. 理发 9. 北京烤鸭 10. 饺子
174 เอกสารอา้ งอิง สํานักพิมพจ์ ีนสยาม. (2548). คู่มือตารางเปรียบเทียบอกั ษรจีนตวั ย่อ-ตวั เตม็ . จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. 李俊红. (2011). 走进汉字. 北京 : 首都师范大学出版社.
177 ภาคผนวก 1 ตัวอย่างตวั อักษรเหมอื นภาพ 象形字 Xiàngxíng zì 汉字 意思 1.了 2.八 拼音 แล้ว 3.刀 แปด 4.也 le มีด 5.几 bā ก็ 6.入 dāo เท่าไหร่ 7.力 yě ทางเข้า 8.口 jǐ กาํ ลัง 9.大 rù ปาก 10.干 lì ใหญ่ 11.工 kǒu ทํา 12.午 dà ทํางาน 13.小 gàn ตอนเที่ยง 14.门 gōng เล็ก wǔ ประตู xiǎo mén
178 汉字 拼音 意思 15.马 15.马 mǎ ม้า 16.已 mǎ ม้า 17.己 yǐ เรียบรอ้ ยแลว้ 18.耳 jǐ ตนเอง 19.西 Ěr หู 20.用 xī ตะวนั ตก 21.日 yòng ใช้ 22.手 rì พระอาทิตย์ 23.水 shǒu มือ 24.月 shuǐ นํ้า 25.目 yuè เดือน พระจันทร์ 26.田 mù ตา 27.自 tián ทุ่งนา 28.鱼 zì ตัวเอง 29.来 yú ปลา 30.牛 lái มา niú วัว
179 汉字 拼音 意思 31.羊 31.羊 yáng แพะ แกะ 32.母 yáng แพะ แกะ 33.肉 mǔ แม่ 34.玉 ròu เนอื้ 35.不 yù หยก 36.儿 bù ไม่ 37.鸟 er ลกู ชาย 38.心 niǎo นก 39.牙 xīn ใจ 40.木 yá ฟนั 41.飞 mù ไม้ 42.长 fēi บิน 43.车 zhǎng ยาว 44.出 chē รถ 45.火 chū ทางออก 46.乐 huǒ ไฟ lè ดอี กดีใจ
180 汉字 拼音 意思 47.身 48.云 shēn ร่างกาย 49.女 yún ก้อนเมฆ 50.子 nǚ ผ้หู ญิง 51.面 zi เดก็ ผูช้ าย 52.页 miàn ดา้ น 53.竹 yè หนา้ 54.行 zhú ไมไ้ ผ่ 55.气 xíng ได้ 56.斤 qì อากาศ 57.石 jīn กโิ ล 58.高 shí ก้อนหนิ 59.衣 gāo สูง 60.山 yī เสอ้ื ผา้ shān ภูเขา
181 汉字 ภาคผนวก 2 意思 1.一 อกั ษรบ่งความหรอื อักษรบ่งช้ี 2.二 หนง่ึ 3.八 拼音 สอง 4.上 แปด 5.下 yī บน 6.末 Èr ล่าง 7.甘 bā ปลาย 8.本 shàng 9.刃 xià เล่ม 10.寸 mò คม 11.至 gān น้ิว 12.不 běn ถงึ 13.朱 rèn ไม่ 14.元 cùn ไขม่ กุ 15.王 zhì หยวน(คา่ เงนิ ) bù พระราชา zhū yuán wáng
182 拼音 意思 汉字 zhōng กลาง 16.中 shì แสดง 17.示 shì ศตวรรษ 18.世 xià รอ้ น 19.夏 tún ตนั 20.屯
183 ภาคผนวก 3 อกั ษรรวมความหมาย 汉字 拼音 意思 1.两 2.买 liǎng สอง 3.初 4.别 mǎi ซ้ือ 5.习 6.东 chū เริม่ ตน้ 7.兴 bié อ่ืนๆ 8.二 9.元 xí ฝึกฝน 10.得 11.开 dōng ตะวันตก 12.双 13.休 xìng ดใี จ 14.位 Èr สอง yuán หยวน (หน่วยสกุลเงินจนี ) dé คําชว่ ย /ไดร้ ับ kāi เปิด shuāng คู่ xiū พักผ่อน wèi ท่าน ลกั ษณนามใชก้ บั คน
184 汉字 拼音 意思 15.半 15.半 bàn ครึ่ง 16.天 bàn คร่งึ 17.句 tiān วนั 18.可 jù ประโยค 19.好 kě แต่วา่ 20.哥 hǎo ดี ตกลง 21.告 gē พี่ชาย 22.受 gào บอก 23.对 shòu ได้รบั 24.件 duì ถูก 25.从 jiàn ชน้ิ ลักษณนามใชก้ บั เส้อื ผ้า ส่ิงของ 26.今 cóng จาก 27.会 jīn วันน้ี 28.合 huì สามารถ 29.计 hé ปิด/กลอ่ ง ลักษณนามใช้กบั กล่อง 30.卖 jì คาํ นวณ mài ขาย
185 汉字 拼音 意思 31.差 31.差 chà ขาดอีก 32.进 chà ขาดอีก 33.送 jìn เข้ามา 34.比 sòng ส่ง 35.拿 bǐ กวา่ 36.有 ná หยบิ พกพา 37.早 yǒu มี 38.林 zǎo เช้า 39.明 lín ปา่ ไม้ 40.昏 míng สวา่ ง 41.百 hūn พลบคํ่า มดื 42.孕 bǎi รอ้ ย 43.王 yùn ต้ังครรภ์ 44.看 wáng พระราชา 45.舌 kàn มอง ดู 46.相 shé ลน้ิ xiāng กลอ่ ง
186 汉字 拼音 意思 47.足 48.笔 zú เทา้ 49.见 bǐ ดินสอ ปากกา 50.多 jiàn มองเหน็ duō มาก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243