36 ตารางท่ี 2.2 (ต่อ) 笔画 Bǐhuà 笔画名称 Bǐhuà míngchēng 例字 Lì zì ㇈(乙) 横折弯钩 héng zhé wān gōu 九 jiǔ 几 jǐ 亢 kàng ㇉ ㇊ 竖折折钩 Shù zhé zhé gōu 弯 wān 弟 dì 号 hào ㇋ ㇌ 横折提 héng zhé tí 说 shuō 计 jì 鸠 jiū ㇍ ㇎ 横折折撇 héng zhé zhé piē 及 jí 建 jiàn 汲 jí ㇏ ⼀ 横撇弯钩 héng piē wān gōu 那 nà 队 duì 耶 yé ⼁ ⼃ 横折弯 héng zhé wān 朵 duǒ 躲 duǒ 没 méi ⼂ ㇕ 横折折折 héng zhé zhé zhé 凸 tū ������ ������ 捺 nà 人 rén 爻 yáo 木 mù 横 héng 一 yī' 二 èr 丁 dīng 竖 shù 十 shí zhèng shàng 正 上 撇 piē 凡 fán 用 yòng 齐 qí 点 diǎn 主 zhǔ 火 huǒ 刃 rèn 横折 Héng zhé 口 kǒu pǐntián 品 田
37 ตารางที่ 2.2 (ตอ่ ) 笔画名称 Bǐhuà míngchēng 例字 Lì zì 笔画 Bǐhuà 横钩 héng gōu 你 Nǐ 了 le 冗 rǒng ⺂ ㇗ 竖折 shù zhé 山 shān 互 hù 牙 yá ㇙ ⼅ 竖提 shù tí 良 liáng 以 yǐ 比 bǐ ㇛ ㇜ 竖钩 shù gōu 小 xiǎo 水 shuǐ 事 shì ㇞ ⺃ 撇点 piē diǎn 女 nǚ 巡 xún 甾 zāi ㇡ 撇折 piē zhé 去 qù 公 gōng 玄 xuán ㄣ ⺄ 竖折折 shù zhé zhé 鼎 dǐng 卐 wàn������dǐng 竖弯钩 Shù wān gōu 孔 kǒng 乱 luàn 已 yǐ 横折折折钩 héng zhé zhé 乃 nǎi 孕 yùn 仍 réng zhé gōu 竖折撇 shù zhé piē 专 zhuān ������ná������ná 横斜钩 héng xié gōu 凰 huáng 凤 fèng 风 fēng เส้นขีดถอื ได้ว่าเป็นส่วนประกอบของตวั อักษรจนี หน่วยทเ่ี ลก็ ที่สดุ เน่อื งจากตัวอักษรจนี หน่ึงตวั น้ัน ประกอบไปด้วยเส้นขีดต่าง ๆ ดังน้ันเส้นขีดคือขณะท่ียกปากกาหรือพู่กันลงบนกระดาษแล้วยกปากกา หรือพู่กันข้ึนมาเส้นน้ีเรียกว่า เส้นขีด ซึ่งเส้นขีดพ้ืนฐานของอักษรจีนมีทั้งหมด 8 ขีด และเส้นขีดอักษรจีน
38 ตามตารางข้างต้นมี 32 ขีด ส่วนเส้นขีดที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยก็จะมีตัว ㇅横折折 héng zhé zhé ㇎横折 折折 héng zhé zhé zhé และ ㇞竖折折 shù zhé zhé ส่วนเส้นขดี ทพี่ บบอ่ ยคอื ⼀ 横 héng อักษรจีนเป็นอักษรที่มีเอกลักษณ์เป็นหน่ึงเดียวเม่ือเทียบกับอักษรอื่น ๆ การเรียนรู้อักษรจีนน้ัน ถา้ เรารู้ถึงระบบ โครงสร้างอักษรจีนแล้วจะทาํ ให้เข้าใจถึงระบบและการเขียนทําให้ผู้เรียนเขา้ ใจและจดจํา ตัวอักษรจีนได้ง่ายข้ึนถึงแม้นว่าอักษรจีนแต่ละตัวจะมีความหมายแตกต่างกันออกไปแต่ละคํา อักษรจีน ส่วนมากคลา้ ยตัวอักษรภาพแต่แท้ท่จี ริงอักษรจีนมรี ะบบระเบียบในการเขยี นถงึ แมน้ วา่ จะซบั ซ้อนมากกว่า อักษรอื่น การเขียนอักษรจีนอย่างมีลําดับทําให้ผู้เรียนภาษาจีนเขียนสะดวก รวดเร็ว เขียนง่าย คล่องมือ กฎเกณฑ์โดยทวั่ ไปของลําดับกอ่ นหลังมดี ังต่อไปน้ี 1. บนกอ่ นลา่ ง เช่น 六 liù(丶,一,八 ,六) 亢 kàng(丶 一 亢) 2. ซ้ายก่อนขวา เชน่ 村 cūn(木,村) 借 jiè(亻,借) 3. ขีดขวาง (横 héng) เขยี นกอ่ นขดี ตรง (竖 shù ) เชน่ 十 shí(一,十) 于 yú(一,二,于) 干 gàn(一,二,干) 4. ขีด piě 撇 เขียนกอ่ นขดี nà 捺 เช่น 人 rén(丿,人) 入 rù(丿,入) 5. เขียนส่วนนอกก่อนสว่ นใน เช่น
39 间 jiān(门,间) 同 tóng(冂,同) 6. เขยี นส่วนในเสรจ็ แลว้ จึงปิดกรอบนอก เชน่ 国 (冂,国,国) 圃 pǔ(冂,圃,圃) 7. เขียนส่วนตรงกลางกอ่ นสองขา้ ง เชน่ 办 bàn (力,办) 水 shuǐ (丨,水) 小 xiǎo (丨,小) 木 mù (一,十,木) เสน้ ขีดไม่เหมือนกนั ทาํ ให้อกั ษรจนี แตกตา่ งกัน 千——干 干——于 贝——见 Qiān——gàn gàn——yú bèi——jiàn 才——寸 名——各 外——处 Cái——cùn míng——gè wài——chù 办——为 旧——由 ส่วนประกอบตวั อกั ษรจีน 部件 Bùjiàn โครงสร้างของตัวอักษรจีนประกอบไปด้วยสองตําแหน่งด้วยกันหน่ึงคือเส้นขีดและสองคือ ส่วนประกอบ ส่วนเส้นขีดนั้นเป็นหน่วยที่เล็กท่ีสุดในอักษรจีน ส่วนประกอบตัวอักษรจีน 部件 bùjiàn มี ลักษณะการประกอบจากโครงสร้างของเส้นขีด เส้นขีดมาจากโครงสร้างของอักษรเดี่ยว ข้ันตอนหรือ ลําดับของการนําชิ้นส่วนต่าง ๆ ของขีดเส้นหรือลําดับการเขียนและสัดส่วนของเส้นต่างๆมาเป็น
40 ส่วนประกอบรวมกันเข้าให้เป็นอักษร ส่วนประกอบตัวอักษรจีนคือโครงสร้างของอักษรประสม(อักษร ผสม) ถ้าได้ศึกษาส่วนประกอบตัวอักษรจีนแล้วน้ัน สามารถท่ีจะแยกส่วนประกอบของโครงสร้างอักษร ประสมอักษร(ผสม)ได้และสามารถแยกแยะออกมาเป็นเส้นขีดได้ การเรียนรู้สว่ นประกอบของตัวอักษรจีน นัน้ ทําใหท้ ราบถงึ โครงสรา้ งตัวอักษรจีนพรอ้ มทงั้ มีประโยชน์ต่อการชว่ ยจาํ ตวั อักษรจนี ดังเช่นตวั อักษรท่ีใช้ เปน็ ประจําเชน่ 私 sī ——禾、厶 兵 bīng ——丘、八 固 gù ——囗、古 趟 tàng ——走、尚 想 xiǎng ——相、心 培 péi ——土、咅 相 xiāng ——木、目 咅 pǒu ——立、口 阊 chāng ——门、昌 遄 chuán ——辶、耑 昌 chāng ——曰、曰 耑 duān ——山、而 韶 sháo ——音、召 音 yīn ——立、日 鸿 Hóng ——氵、工、鸟 菖 chāng ——艹、曰、曰 古 Gǔ ——十、口 名 míng ——夕、口 充 chōng ——亠、允 (只有一个接点)มีจดุ เช่ือมตอ่ กันเพียงจุดเดียว 允 yǔn ——厶、儿 (有两个接点)มจี ดุ เชอื่ มต่อกนั สองจดุ 1. 厶: 么 me 公 gōng 去 qù 2. 十: 支 zhī 南 nán 卖 mài 直 zhí 什 shén 3. 儿: 元 yuán 先 xiān 兄 xiōng 克 kè
41 สว่ นการแยกแต่ละตวั ของอักษรจนี อยา่ งเชน่ คาํ ว่า 汉 hàn 汉 氵又 สว่ นประกอบของตัวอกั ษร 汉 hàn 酉 日 醒 生 星 สว่ นประกอบของตวั อกั ษร 醒
42 บางตัวอักษรมีสว่ นประกอบมากกวา่ 2 ตัวขนึ้ ไปเชน่ คาํ ว่า 您 nín 您 心 你 言 亻尓 冖小 ส่วนประกอบของตัวอกั ษร 您 nín 警 敬 苟 文 艹句 勹口 สว่ นประกอบของตัวอักษร 警 jǐng
43 赢 亡口 月贝凡 月 贝凡 สว่ นประกอบของตัวอักษร 赢 yíng อักษรจีนน้ันมีมากมายสามารถแยกองค์ประกอบได้หลากหลายและมีขีดจํากัดเม่ือแยก องค์ประกอบแล้วไม่สามารถแยกต่อไปได้อีกเรียกว่าองค์ประกอบพื้นฐานเช่นคําว่า 张 zhāng ประกอบด้วย 2 ส่วนสําคัญ คือ 弓 gōng กับ 长 cháng มีส่วนประกอบของเส้นขีดและลําดับ การเขียน และเม่ือนําสองส่วนน้ีมาประกอบเข้ากันโดยส่วนหน่ึงวางอยู่ด้านซ้ายอีกส่วนวางอยู่ด้านขวา ส่วนที่อยู่ด้านซ้ายจะเป็นส่วนสําคัญท่ีเรียกว่า ส่วนหมวดนําอักษร 部首(bù shǒu)คือสามารถนํา ตัวอักษรด้านซ้ายไปใช้ในการค้นหาความหมายของคําในพจนานุกรมภาษาจีนได้ การแยกเป็น ส่วนประกอบเช่นนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาตัวอักษรจีนและจดจําแยกแยะตัวอักษรจีนได้มาก ส่วน ลักษณะการประกอบตัวอกั ษรจนี คอื ขั้นตอนหรอื ลําดับของการนาํ ชน้ิ สว่ นต่าง ๆ มาประกอบกนั เข้าใหเ้ ป็น ตวั อกั ษรแตล่ ะตวั ซึ่งมีลกั ษณะท่ีสาํ คญั ดงั น้ี 1. จากส่วนบนไปหาส่วนลา่ ง เช่น 雷 léi (雨 雷)炎 yán (火 炎) 2. จากส่วนบนไปกลางแลว้ สว่ นล่าง เช่น 翼 yì(羽 翼 翼) 意 yì(立 音 意) 3. จากสว่ นซา้ ยไปหาส่วนขวา เชน่ 休 xīu(亻休) 什 shén(亻十) 4. จากส่วนซา้ ย ส่วนกลาง สว่ นขวา เชน่ 辨 bìan(辨 辨 辨)树 shù(木树
44 树) 5. จากสว่ นหนงึ่ ครอบคลมุ อกี สว่ นหน่งึ เช่น 句 jù(勹 句) 医 yī(匞 医) 6. แบบตวั อักษร 品 (pĭn) เชน่ 晶 jīng,磊 lěi,聂 niè, 森 sēn วธิ ีการเขียนตัวอักษรจีน อักษรจีนแต่ละตัวน้ัน การเขียนจะต้องเขียนตามลําดับก่อนหลังของขีดต่าง ๆ ซ่ึงในภาษาจีน เรียกว่า 笔顺 bĭshùn ลําดับก่อนหลัง 笔顺 bǐshùn หรือลําดับก่อนหลังของอักษรจีนน้ีเป็นลักษณะ พิเศษท่ีมีข้ึนมาเพ่ือให้เหมาะสมกับการเขียนอักษรจีนโดยเฉพาะ หรือจะกล่าวได้ว่าเป็นบทสรุปของ ประสบการณ์ของการเขียนอักษรจีนของผู้ใช้อักษรจีน การเขียนอักษรจีนอย่างมีลําดับนี้ ทําให้การเขียน สะดวก รวดเรว็ เขยี นงา่ ย คลอ่ งมอื โดยมหี ลักเกณฑพ์ ้นื ฐานดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ให้เขียนเส้นขวางก่อนเส้นตัง้ เชน่ อกั ษร 十、士 2. ใหเ้ ขยี นเส้นลากซา้ ยกอ่ นแล้วคอ่ ยเขยี นเสน้ ลากขวา เช่น อกั ษร 人、入 3. ให้เขียนจากบนลงมาข้างล่างเชน่ อักษร 二、工 4. ใหเ้ ขียนจากซา้ ยไปขวาเชน่ อกั ษร 你、好 5. ใหเ้ ขยี นจากข้างนอกเข้าข้างใน เช่นอักษร 月、同 6. ให้เขียนจากขา้ งในออกมาจากข้างนอก เชน่ อกั ษร 山、还 7. ใหเ้ ขียนขา้ งในแลว้ ขีดปดิ เช่นอกั ษร 回、国 8. ให้เขียนตรงกลางก่อนแลว้ ค่อยตามดว้ ยดา้ นซา้ ยและด้านขวา เช่นอกั ษร 小、水
45 โครงสรา้ งตวั อักษรจนี ภาษาท่ีใช้กันส่วนใหญ่รวมถึงภาษาไทยจะเป็นระบบอักขระวิธีสะกดคําคือ มีพยัญชนะ สระ ตัวสะกดและเสียงวรรณยุกต์มาประกอบเป็นหน่วยคํา แต่ภาษาจีนนั้นมีลักษณะเด่นแตกต่างจากภาษาอ่ืน คือเป็นอักษรที่มาจากรูปภาพมีความหมายอยู่ในตัว เป็นอักษรที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปสี่เหล่ียมซ่ึงเป็น ลักษณะเฉพาะตัวจึงแตกต่างจากภาษาไทยท่ีใช้วิธีสะกดคําอย่างชัดเจนรวมท้ังเป็นส่ิงที่แปลกใหม่ต่อผู้เร่ิม เรียนภาษาจีน ซ่ึงอักษรจีนจะประกอบไปด้วยโครงสร้าง 2 ชนิดคืออักษรเดี่ยวและอักษรประสม(อักษร ผสม) อกั ษรจีนประกอบด้วยอักษรเดี่ยวเพียงตวั เดียวเท่านน้ั หรือมากกวา่ ภาพที่ 2.2 โครงสร้างอกั ษรจนี แบบสงั เขป ทม่ี า :baike 汉子结构.ออนไลน.์ 2560.
46 โครงสร้างอักษรเดยี่ ว อักษรเดี่ยว คือ อักษรท่ีไม่สามารถแยกออกเป็นตัวอักษรอื่นได้อีก อักษรเดี่ยวส่วนมากจะเป็น สว่ นประกอบของอกั ษรประสม(อักษรผสม)มคี วามสําคญั อยา่ งยง่ิ ในการประกอบตัวอกั ษรอื่น ๆ โครงสร้าง ของอักษรเด่ียวคือ อักษรเด่ียวจะประกอบไปด้วยเส้นขีด ไม่สามารถแบ่งออกมาได้เช่น 人 rén,、山 shān、手 shǒu、毛 máo、水 shuǐ、土 tǔ、本 běn、甘 gān เป็นต้น เส้นขีดและเส้นขีด ประกอบกนั กลายเปน็ อักษรเด่ียว ดังตอ่ ไปนี้ 1. ความสมั พนั ธแ์ บบแยก (ความสมั พันธแ์ บบห่าง) คอื เส้นขดี ระหวา่ งเสน้ ขีดน้ันมรี ะยะห่างกนั เช่นตวั อักษร 八 bā、二 èr、川 chuān、心 xīn、六 liù เปน็ ตน้ 2. ความสมั พันธ์แบบเชื่อมโยง (ความสัมพนั ธ์แบบตดิ กัน) คือเส้นขดี ระหว่างเส้นขีดนัน้ มี การเช่อื มติดกันเชน่ ตวั อักษร 人 rén、工 gōng、入 rù、上 shàng、下 xià、正 zhèng、 丁 dīng、月 yuè、几 jǐ、己 jǐ เปน็ ตน้ 3. ความสมั พันธ์แบบตัดกนั คอื เสน้ ขีดระหวา่ งเส้นขีดน้ันมกี ารตดั กนั เชน่ ตัวอักษร 十 shí、 丈 zhàng、夫 fū、力 lì、井 jǐng、车 chē เปน็ ตน้ 4. ความสมั พันธ์แบบองคร์ วมคอื มที ง้ั มีท้งั แบบแยก แบบเชื่อมโยง แบบตดั แยกหลากหลายชนดิ อยรู่ วมกนั เปน็ หน่ึงตัวอกั ษรเช่นตวั อกั ษร 长 cháng、本 běn、手 shǒu、牛 niú、土 tǔ、毛 máo、无 wú เปน็ ต้น ข้อแตกตา่ งมีอกั ษรท่ีมรี ูปรา่ งใกลเ้ คียงกันเช่นอักษร “八 bā”และ“ 人 rén” คอื อกั ษรแบบแยกและแบบเช่อื มโยงกัน อักษร“午 wǔ”และ “牛 niú”คอื อกั ษรความสมั พนั ธ์ แบบตดั กนั และความสัมพนั ธ์แบบองค์รวม อักษรตัวอนื่ ๆ เช่น“九 jiǔ—几 jǐ”、“天 tiān —夫 fū”、“刀 dāo—力 lì”、“开 kāi—井 jǐng” รูปร่างเส้นขีดของอักษรเดี่ยวและเส้นขีดเมื่อรวมกัน ส่วนมากมักจะแตกต่างกันไปตามคําและ ความหมายน้ัน ๆ เม่ือเรยี นอักษรจีนมีวิธีเดียวคือต้องจําอักษรเดี่ยว ไม่สามารถท่ีจะคิดเปรียบเทียบได้ ผู้ท่ี เร่ิมต้นเรียนตัวอักษรจีนรู้สึกว่าอักษรจีนยาก ระบบตัวอักษรจีนในอักษรเดี่ยวนั้นมีไม่มากแต่ทว่ามีส่วน สําคัญมาก อักษรเดี่ยวไม่เพียงแต่เป็นอักษรตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบันแต่ส่วนมากยังเป็นส่วนประกอบ
47 โครงสร้างของอักษรประสม มีหน้าท่ีเป็นอักษรข้างของอักษรประสมดังน้ันอักษรเดี่ยวนับว่าเป็นอักษรที่มี ความสําคัญอย่างมากเช่น อักษร 木 mù เป็นอักษรข้างที่ภาษาจีนปัจจุบันใช้กัน 400 กว่าตัวและยังมี ตวั อักษรอนื่ ๆ ท่ยี ังเป็นอกั ษรข้างเชน่ 口 kǒu、人 rén、日 rì、土 tǔ、王 wáng、月 yuè、 马 mǎ 、车 chē、贝 bèi、火 huǒ、心 xīn、石 shí、目 mù、田 tián、虫 chóng、 米 mǐ、雨 yǔ”เป็นต้นถ้าเข้าใจอักษรเดี่ยวท่ีใช้บ่อยในชีวิตประจําวันข้างต้นท่ีกล่าวมานั้นก็จะทําให้ การเรียนอักษรจีนไม่ยาก ถ้ามองจากมุมนี้อักษรจีนก็เร่ิมท่ีจะเรียนได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างอักษรเดี่ยวมี รายละเอียดดงั ต่อไปน้ี (ดภู าคผนวก 6) โครงสรา้ งอกั ษรประสม อักษรประสมคือ อักษรท่ีเกิดจากส่วนประกอบพื้นฐานตั้งแต่สองส่วนข้ึนไปประกอบเข้าด้วยกัน ตามโครงสร้างการประกอบอักษรจีนซึ่งอักษรประสมมีมากกว่าร้อยละ 90 ของตัวอักษรจีนทั้งหมด โครงสรา้ งการประกอบอกั ษรประสมมดี งั นี้ (ดภู าคผนวก 7) โครงสร้างของตวั อักษรจีน เปน็ ส่ิงทีจําเป็นที่จะต้องรู้และจาํ เพราะนอกจากจะทาํ ใหเ้ ขียน ตวั อกั ษรจีนได้ถูกตอ้ งแล้ว ยังมคี วามสาํ คญั ในการมสี ่วนช่วยในการเปิดพจนานุกรมอกี ด้วย โครงสรา้ ง อกั ษรจนี สามารถแบ่งได้ 18 รูปแบบ ดังตอ่ ไปน้ี 1. ตวั อกั ษรเดย่ี ว 独体字结构 方正 Dú tǐ zì jiégòu fāngzhèng เป็นรูปสี่เหลย่ี ม 木 mù 马 mǎ 中 zhōng 2. ด้านบนและดา้ นลา่ ง 上下结构 上下相 等 Shàngxià jiégòu sī jià shàngxià xiāngděng ดา้ นบนและด้านล่างเท่ากนั 思 sī 架 jià 3. ดา้ นบนและดา้ นล่าง 上下结构 字 上小下大 Shàngxià jiégòu zì shàng xiǎo xià dà ด้านบนเล็กด้านลา่ งใหญ่ 草 cǎo 花 huā 字 zì
48 4. ด้านบนและดา้ นลา่ ง 上下结构 上大下小 Shàngxià jiégòu shàng dà xià Xiǎo ด้านบนใหญด่ า้ นลา่ งเล็ก 垦 kěn 暂 zàn 思 sī 5. บนกลางลา่ งรวม 上中下结构 上中下相等 Shàng zhòng xià jiégòu yì jí shàng zhòng xià xiāngděng บนกลางลา่ งมขี นาดเทา่ กัน 意 yì 急 jí 6. บนกลางลา่ งรวม 上中下结构 上中下不等 Shàng zhòng xià jiégòu guǒ màn shàng zhòng xià bù děng บนกลางล่างมีขนาดไม่เทา่ กัน 裹 guǒ 曼 màn 意 yì 7. บนกลางลา่ งรวม 上中下结构 左 右 相 等 Shàng zhòng xià jiégòu zuǒyòu xiāngděng ดา้ นซ้ายและด้านขวามีขนาดเทา่ กนั 群 qún 躬 gōng 8. ดา้ นซ้ายและดา้ นขวา 左 右 结 构 左右 Zuǒyòu jiégòu zuǒyòu ดา้ นซ้ายเลก็ ด้านขวาใหญ่ 伟 wěi 稼 jià 搞 gǎo 9. ด้านซ้ายและด้านขวา 左 右 结 构 左 右宽 Zuǒyòu jiégòu zuǒyòu kuān ด้านซ้าย ใหญ่ด้านขวาเล็ก 刚 gāng 数 shù 10. ซ้ายกลางและขวา 左 中 右 结 构 左 中 右 相等 Zuǒ zhōng yòu jiégòu zuǒ zhōng yòu xiāngděng ซ้ายกลางขวามีขนาดเท่ากัน 谢 xiè 街 jiē 脚 jiǎo 11. ซา้ ยกลางและขวา 左 中 右 结 构 左中右不等 Zuǒ zhōng yòu jiégòu zuǒ zhōng yòu bù děng ซ้ายกลางขวามขี นาดไมเ่ ท่ากัน 溉 gài 翻 fān 湖 hú
49 12. ซา้ ยกลางขวามขี นาดไม่เทา่ กัน 左中右不等左上包右下 Zuǒ zhōng yòu bù děng zuǒshàng bāo yòu xià บนล้อมลา่ ง 庆 qìng 康 kāng 病 bìng 13. ซ้ายกลางขวามีขนาดไมเ่ ทา่ กนั 左中右不等左下包右上 Zuǒ zhōng yòu bù děng zuǒxià bāo yòushàng สว่ นลา่ งของฟอร์มลา่ งลอ้ มบน 送 sòng 建 jiàn 连 lián 14. ลอ้ มคร่ึง 半包围结构左包右 Bàn bāowéi jiégòu zuǒ bāo yòu ซา้ ยลอ้ มขวา 匡 kuāng 区 qū 巨 jù 15. ล้อมคร่ึง 半包围结构右上包左下 Bàn bāowéi jiégòu yòushàng bāo zuǒxià ขวาบนลอ้ มซา้ ยลา่ ง 司 sī 句 jù 可 kě 16. ล้อมครง่ึ 半包围结构 上包下 Bàn bāowéi jiégòu shàng bāo xià บนล้อมลา่ ง 闻 wén 包 bāo 问 wèn 17. ลอ้ มรอบ 全包围结构 全包 Quán bāowéi jiégòu quán bāo ลอ้ มรอบ 圆 yuán 回 huí 国 guó 18. เป็นรูปแบบ 品字形结构 三 3 Pǐn zìxíng jiégòu sān 3 สว่ นเทา่ กัน 晶 jīng 森 sēn 品 pǐn สรปุ อักษรจีนเป็นอักษรที่มีวิวัฒนาการมาจากตัวอักษรรูปภาพ ต่อมาได้มีวิวัฒนาการเป็นเส้นขีด ต่าง ๆ ทั้งหมด 32 เส้นขีดโดยมีเส้นขีดพื้นฐาน 笔画 bǐhuà อยู่ 8 เส้น ยึดตัวอักษร 永 yǒng เป็น หลักก็จะสามารถทราบถึงเส้นขีดอักษรจีนและมีการเขียนลําดับขดี อย่างเป็นระบบเรียกว่า 笔顺 bǐshùn ทําให้ทราบถึงหลักการที่ถูกต้องในการเขียนตัวอักษรจีน ส่วนประกอบของอักษรจีนทําให้ทราบถึง โครงสร้างของตัวอักษรจีนประกอบไปด้วย 2 โครงสร้างคือ โครงสร้างเด่ียวและโครงสร้างประสม
50 โครงสร้างเด่ียวคือตัวอักษรท่ีไม่สามารถไปประกอบเป็นตัวอักษรจีนตัวอ่ืนได้อีก แต่โครงสร้างอักษร ประสมคือตัวอักษรท่ีประกอบกับตัวอื่นแล้วมีความหมายขึ้นมาอีก เช่น คนน่ังพักใต้ต้นไม้ 休 xiū คนเอนหลังพักใต้ต้นไม้ แปลว่า พักผ่อน ถ้าเราทราบถึงโครงสร้างของตัวอักษรจีนว่ามีอะไรบ้างจะทําให้ เขยี นหรอื อา่ น จดจาํ อกั ษรจีนได้งา่ ยขึน้ แบบฝึกหดั ท้ายบท 1. จงเขยี นชอ่ื เสน้ ขดี พรอ้ มท้ังยกตัวอย่าง 3 ตัวอกั ษรวา่ เป็นส่วนประกอบของอกั ษรจีนตวั ใดบา้ ง 1.1 丶:(ชอ่ื เสน้ ……………) ตัวอักษรจนี ที่ประกอบด้วย 丶 1.________ 2.________ 3.________ 4.________ 1.2 一:(ช่ือเสน้ ……………) ตวั อักษรจนี ทป่ี ระกอบด้วย 一 1.________ 2.________ 3.________ 4.________ 1.3 丨:(ช่อื เสน้ ……………) ตัวอักษรจีนทป่ี ระกอบดว้ ย 丨 1.________ 2.________ 3.________ 4.________ 1.4 丿:(ช่ือเสน้ ……………) ตัวอกั ษรจีนทปี่ ระกอบด้วย 丿 1.________ 2.________ 3.________ 4.________ 1.5 乀:(ชอ่ื เส้น……………) ตัวอกั ษรจีนทปี่ ระกอบด้วย 乀 1.________ 2.________ 3.________ 4.________ 1.6㇀:(ชอ่ื เสน้ ……………) ตัวอกั ษรจีนท่ปี ระกอบดว้ ย㇀1.________ 2.________ 3.________ 4.________
51 1.7 亅:(ช่อื เสน้ ……………) ตวั อักษรจนี ท่ปี ระกอบดว้ ย 亅 1.________ 2.________ 3.________ 4.________ 1.8 ノ:(ชื่อเส้น……………) ตวั อักษรจนี ทีป่ ระกอบดว้ ย ノ 1.________ 2.________ 3.________ 4.________ 2. จงอธิบายหลักการเขียนตวั อกั ษรจนี พร้อมท้ังยกตวั อย่างท่ถี ูกตอ้ ง(อย่างน้อย 3 ตวั อักษร) 3. จงเขยี นลําดับขีดของตวั อักษรจนี ดงั ต่อไปนี้ 1. 一:______________________________________________________ 2. 二:____________________________________________________ 3.三:____________________________________________________ 4.四:____________________________________________________ 5.五:____________________________________________________ 6.六: ____________________________________________________ 7.七:____________________________________________________ 8.八:____________________________________________________ 9.九:____________________________________________________ 10.十:____________________________________________________ 4. จงแยกโครงสรา้ งอกั ษรจนี เปน็ แผนภมิ 1.意 2.休
52 4.句 6.警 8.张 3.树 10.什 5.汉 7.你 9.您
53 เอกสารอา้ งองิ จาง จง้ิ . (2553). อา่ น เขียน เรยี นจนี จากอกั ษรภาพ. กรุงเทพฯ : ซีเอด็ ยเู คชัน่ . จิตฤดี วรี ะเวสส.์ (2009). 汉字部首教程 (Learning 100 Chinese Radicals). 北京:北 京大学出版社 . เหยนิ จง่ิ เหวิน. (2551). รเู้ รยี นเขียนจนี . พมิ พค์ รง้ั ที่ 2. กรุงเทพฯ : อมั รินทร.์ GAO YAN. (2559). ทางลดั เขียนอักษรจนี . กรุงเทพฯ : แมนดารนิ เอดูเคชน่ั . 薛晓岚. (2559). เก่งจีนได้ไม่ต้องจาํ . กรุงเทพฯ : อัมรินทร.์ 陈正治. (2000). 有趣的中国文字. 台北:国语日报社 . 李俊红. (2011). 走进汉字. 北京 : 首都师范大学出版社. 余志鸿. (2014). 汉字的秘密. 台北:龙图腾文化 . 藏克和,王平. (2002). 说文解字. 北京:中华书局 . 张美霞. (2000). 说字释词谈文化(一)Chinese Characters,Words and Culture. 北京:北京语言文化大学出版社 .
54
แผนบรหิ ารการสอนประจาํ บทท่ี 3 หวั ขอ้ เนอื้ หาประจําบท 1. ต้นกาํ เนิดและววิ ฒั นาการหมวดนําอกั ษรจนี 2. ลักษณะเด่นของโครงสรา้ งหมวดนาํ อักษรจนี 3. ประเภทและความหมายของหมวดนําอกั ษรจนี 4. ตารางร้อยหมวดนําอกั ษรจนี 5. วิธกี ารเปิดพจนานกุ รม วตั ถปุ ระสงค์เชิงพฤติกรรม เมอื่ นักศึกษาได้ศึกษาบทที่ 3 แล้ว นักศึกษามีความสามารถ ดังนี้ 1. อธิบายความหมายของหมวดนําอักษรพร้อมท้งั ประโยชนไ์ ด้ 2. อธิบายตน้ กําเนิดและวิวัฒนาการหมวดนําอกั ษรจีนพรอ้ มท้ังยกตัวอยา่ งประกอบได้ 3. บอกลักษณะเดน่ ของโครงสรา้ งหมวดนําอกั ษรจนี ได้ 4. บอกตําแหน่งของหมวดนาํ อักษรจีนพรอ้ มท้งั ยกตวั อย่างประกอบได้ 5. อธบิ ายและแยกแยะประเภทของหมวดนาํ อักษรจีนได้ 6. ยกตวั อย่างอักษรจนี ทม่ี หี มวดนาํ อกั ษรจีนท่ใี ช้บ่อยในชีวติ ประจําวนั ได้ 7. เปิดพจนานกุ รมโดยใชห้ มวดนาํ อกั ษรจีนเปน็ ตวั นาํ ในการคน้ หาคาํ ศพั ท์ได้ วิธสี อนและกจิ กรรมการเรยี นการสอน วธิ สี อนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาํ บทท่ี 3 มีดงั น้ี 1. ศึกษาเอกสารประกอบการสอนวิชาอักษรจนี บทท่ี 3 เร่ืองหมวดนําอักษรจนี 2. บรรยายประกอบโปรแกรมนาํ เสนอดว้ ยคอมพิวเตอร์ เรือ่ งหมวดนาํ อักษรจีน
56 3. ศึกษาจากตารางหมวดนําอักษรจีนกบั หมวดนาํ อกั ษรจนี ท่ใี ช้บ่อยในชวี ติ ประจาํ วนั 4. การจดั กิจกรรมกลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อใหน้ ักศกึ ษาระดมความคดิ เก่ียวกบั หมวดนาํ อักษร จีนทใ่ี ชบ้ อ่ ยในชีวติ ประจาํ วันกบั อักษรจนี ประเภทใดบ้าง และใหน้ ักศกึ ษาออกมานาํ เสนอหน้าช้ันเรียน 5. อภปิ รายแลกเปล่ียนความคิดเหน็ จากประเด็นปัญหาเกย่ี วกับประเภทหมวดนาํ อักษรจีน 6. ใบงาน เรอ่ื ง เปิดพจนานุกรมตวั อักษรจนี ที่กําหนดให้ 7. เกมออนไลน์ kahoot เร่อื ง หมวดนาํ อกั ษรจนี ส่อื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาอักษรจีนบทท่ี 3 เรอื่ ง หมวดนาํ อกั ษรจีน 2. โปรแกรมนําเสนอดว้ ยคอมพิวเตอร์ เรื่อง หมวดนาํ อกั ษรจนี 3. ตารางหมวดนําอักษรจนี 4. พจนานกุ รมจนี -ไทย 5. โสตทัศนวสั ดุทเ่ี กี่ยวขอ้ ง เชน่ วดี โี อความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกับหมวดนาํ อักษรจีนเปน็ ต้น 6. ใบงาน เรื่อง เปดิ พจนานุกรมตวั อักษรจีนทก่ี ําหนดให้ 7. เกม kahoot เรอ่ื ง หมวดนําอักษรจีน วิธวี ดั ผลและการประเมินผล 1. ประเมนิ จากการการเขยี นหมวดนําอักษรจนี พร้อมทั้งบอกความหมายและยกตวั อยา่ งอักษรจนี 2. สังเกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนรว่ มในหอ้ งเรยี น 3. ประเมนิ จากผลการอภปิ รายของนักศกึ ษา เช่น การจัดหมวดหมู่หมวดนําอักษรจีน 4. ประเมินจากผลการจัดกิจกรรมกลุม่ นักศึกษาสามารถยกตัวอย่างหมวดนาํ อักษรจีนไดห้ รือไม่ 5. ประเมนิ จากใบงาน เร่อื ง เปิดพจนานกุ รมตวั อักษรจีนท่ีกําหนดให้ 6. ประเมินจากการเปิดพจนานุกรมโดยใชห้ มวดนาํ อกั ษรจีนในการสบื ค้นหาความหมายคาํ ศพั ท์ ภาษาจนี
57 บทท่ี 3 หมวดนําอักษรจนี จากบทที่ 2 ศึกษาเก่ียวกับเส้นขีด ส่วนประกอบของอักษรจีนและโครงสร้างของอักษรจีนทําให้ เข้าใจหลักการและกระบวนการของการเขียนตัวอักษรจีนต่อมาในบทนี้เป็นการศึกษาหมวดนําอักษรจีน ต้นกําเนิดและวิวัฒนาการหมวดนําอักษรจีน ลักษณะเด่นของโครงสร้างหมวดนําอักษรจีน ประเภทและ ความหมายของหมวดนําอักษรจีน ความสัมพันธ์วัฒนธรรม สังคมของหมวดนําอักษรจีนและตารางร้อย หมวดนําอกั ษรจีน หมวดนําอักษรจีน (部首 bù shǒu) หมายถึงดัชนีคําศัพท์ในพจนานุกรมภาษาจีน ซ่ึงแบ่งตาม ลักษณะของการประกอบอักษร อักษรจีนแต่ละตัวจะถูกจัดเข้าไว้ในหมวดคําเพียงหมวดเดียว เรียง ตามลาํ ดับจํานวนขดี และการเขียน และแตล่ ะหมวดกจ็ ะมีความหมายไปในทางเดียวกนั การแบ่งอักษรจีนเป็นหมวดคําเร่ิมต้นขึ้นในอักษรานุกรมซัวเหวินเจ่ียจ้ือ 《说文解字 shuō wén jiě zì》เขียนโดย สว่ี เซิ่น (许慎 Xǔ shèn) นักคัมภีรศาสตร์สมัยราชวงศ์ฮ่ันตะวันออก แต่เดิม สว่ี เซ่ิน ได้แบ่งหมวดคําอักษรจีนไว้เป็น 540 หมวด ต่อมาพจนานุกรมคังซีในสมัยราชวงศ์ชิง ได้รวบรวม หมวดคําท่คี ลา้ ยกนั เขา้ จนเหลือ 214 หมวด เชน่ เดียวกับพจนานกุ รมจงหวั และเมื่อมีการประกาศใชอ้ ักษร จนี ตัวยอ่ พจนานกุ รมจีนจึงมีหมวดคาํ 200 หมวดเทา่ น้นั (สว่ นพจนานกุ รมซินหวั เรียงลําดับตามพินอนิ ) ต้นกาํ เนิดและววิ ฒั นาการหมวดนําอกั ษรจีน ต้นกําเนิดหมวดนําอักษรจีนได้มีนักภาษาศาสตร์ช่ือว่า สว่ี เซ่ิน 许慎 Xǔ shèn ในสมัยตงฮั้น (东汉 Dōnghàn) (ค.ศ.65-122) ได้นําตัวอักษรจีนยึดตามรูปร่างมาแบ่งประเภทได้นําโครงสรา้ งท่ีมี ความหมายนัยเหมือนกันพร้อมทั้งตัวอักษรท่ีมีส่วนเก่ียวข้องกับอักษรประสมมาจัดอยู่ในประเภทชนิด เดียวกัน จากอักษรจีนจํานวน 9353 ตัว แบ่งได้เป็น 540 ประเภท ในโครงสร้างอักษรจีนท่ีมีความหมาย เหมือนกันแต่ละประเภทนั้นก็ถูกจัดให้อยู่ในตัวอักษรพื้นฐาน นํามาเรียงไว้เป็นหัวบทของตัวอักษร การใช้ หมวดนําอักษรจีน 540 ประเภท สว่ี เซิ่น(许慎)เป็นผู้เขียนตํารา 《说文解字 shuō wén jiě zì》นับว่าเป็นตําราเล่มแรกของประเทศจีนในศาสตร์อักษรจีน หลังจากน้ันราชวงศ์หนาน(南朝
58 Náncháo) มีนักภาษาศาสตร์ท่านหนึ่งช่ือ 顾野王 Gù yě wáng (ค.ศ.519-581) ได้ยึดหลักการ ของสว่ี เซิ่น (许慎 เขียนพจนานุกรมเล่มแรกของจีนชื่อว่า 《玉篇 Yù piān》ซ่ึงมีหมวดนําอักษร จีนท้ังหมด 542 ตัวอักษรจีน พอถึงสมัยราชวงศ์หมิง(明代 Míngdài)梅膺祚 Méi yīng zuò ได้ เขียนพจนานุกรมหน่ึงเล่มชื่อว่า《康熙字典 Kāngxī zìdiǎn》(ค.ศ.1710) มีหมวดนําอักษรจีน ท้ังหมดจํานวน 214 ตัวอักษร ต่อมาสํานักพิมพ์เซ่ียงไฮ้พจนานุกรมใหญ่ได้ผลิตพจนานุกรมชื่อว่า《标 准汉语字典 Biāozhǔn hànyǔ zìdiǎn》(พจนานุกรมมาตรฐานภาษาจีน) ได้เขียนหมวดนําอักษรจีน ทั้งหมดจํานวน 201 ตัวอักษรจีน ต่อมาเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 สํานักพิมพ์ 商务 Shāngwùได้ผลิต พจนานุกรม 《现代汉语词典 Xiàndài hànyǔ cídiǎn》ได้เขียนหมวดนําอักษรจีนทั้งหมดจํานวน 201 ตวั อกั ษรจนี ดังนนั้ ปจั จบุ ันการเรียนหมวดนาํ อกั ษรจีนจะเรียนแค่ 201 ตวั อกั ษรจีน ววิ ฒั นาการหมวดนําอกั ษรจีน หมวดนําอักษรจีนที่เราใช้ในยุคปัจจุบันนี้มีแหล่งกําเนิดมาจากโบราณกาล แต่ในยุคโบราณ วิธีการเขยี นกบั การเขียนในยุคปัจจุบันมวี ิธีการที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากเน่ืองจากรปู แบบอักษรจีนในแต่ ละยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลง ดังน้ันรูปแบบการเขียนหมวดนําอักษรจีนจึงได้เกิดการเปล่ียนแปลง วิวัฒนาการรปู แบบของหมวดนําอกั ษรจนี ส่วนใหญ่สามารถแบง่ ออกได้เป็น 5 ขัน้ ตอนดังตอ่ ไปน้ี 甲骨文 金文 小篆 隶书 楷书
59 จาก 甲骨文 jiǎgǔwén (อักษรกระดองเต่า) ถึงอักษร 金文 jīn wén (จินเหวิน) เรียกได้ว่า จัดอยู่ในข้ันตอนของอักษรจีนโบราณ ถึงแม้นว่ารูปร่างของหมวดนําอักษรจีนจะมีการเปล่ียนแปลง แต่ ยังคงรักษาลักษณะเด่นของอักษรรูปภาพ 隶书 lìshū และ 楷书 kǎishū จัดอยู่ในข้ันตอนอักษร ปัจจุบัน เส้นขีดของหมวดนําอักษรจีนไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นโค้งงออีกต่อไป แต่เป็นเส้นตรงๆ ดังนั้น อักษรจีนในปจั จบุ ันไม่ใช่ตัวอักษรทเี่ ป็นรูปภาพ แต่เปน็ การรวมตวั กันของเสน้ ขดี แต่ละเสน้ มารวมเปน็ หนึ่ง ตวั อกั ษร ดังตัวอยา่ งดังต่อไปน้ี 汉字 甲骨文 金文 小篆 ลกั ษณะเดน่ ของโครงสรา้ งหมวดนาํ อกั ษรจนี อักษรจีนเป็นอักษรที่แสดงความหมาย ส่วนหน่ึงของหมวดนําอักษรจีนรูปร่างท่ีเป็นพ้ืนฐานของ ตัวอักษรคือเกิดจากการวาดเลียนแบบส่ิงของเรียกว่าอักษรรูปภาพ วิธีการเขียนหมวดอักษรนําก็เป็นส่วน แสดงถึงรูปลักษณ์ของสิ่งของด้วยเช่นกัน ดังตัวอย่างข้างต้น คําว่า 目 mù เกิดจากการวาดตามรูปร่าง ของตา หรือคําว่า 犬 quǎn เกิดจากการวาดตามรูปสุนัข เราจึงสามารถทราบได้ว่า 犬 quǎn ก็คือ 狗 gǒu น้ันเอง ตัวอักษร 犬 quǎn ตัวอักษรน้ีได้มีมาตังแต่อักษรบนกระดองเต่าได้บรรยายต้ังแต่ศรีษะลงมา จนถึงหางและขาซ้ายของสุนัขเพราะหางของสุนัขมีลักษณะเป็นวงม้วน ยุคของตัวอักษร 金文 jīn wén
60 เร่ิมมีลักษณะเด่นของสัตว์ที่แตกต่างจากอักษรกระดองเต่า ส่วนล่างของหางด้านขวาจะงอเด่นขึ้นมา ทางขวา ดังนั้นจึงเรียกว่าตัวอักษรรูปภาพ พอถึงอักษร 小篆 xiǎozhuàn ก็ค่อยเลือนหายรูปร่างของ สนุ ัขไป ถ้ า ห า ก เร า เข้ าใจ รู ป ร่ า ง ข อ ง อั ก ษ ร ห ม ว ด นํ า โบ ร า ณ ข อ งจี น ร ว ม ท้ั ง ก า ร เป ล่ี ย น แ ป ล ง ท า ง ประวัติศาสตร์ จะทําให้ง่ายต่อการเข้าใจและจดจํารูปลักษณ์ของหมวดอักษรนําและการแสดงถึง ความหมาย เช่น หมวดอักษรนําคําว่า 山 อกั ษรโบราณคอื หมวดอักษรนาํ คําวา่ 水 อกั ษรโบราณคอื หมวดอกั ษรนําคําว่า 人 อักษรโบราณคอื หมวดอกั ษรนําคาํ ว่า 月 อักษรโบราณคอื หมวดอกั ษรนําคาํ ว่า 日 อักษรโบราณคอื หมวดอกั ษรนําคําวา่ 木 อักษรโบราณคอื
61 หมวดอักษรนาํ คําวา่ 果 อกั ษรโบราณคอื หมวดอกั ษรนาํ คาํ วา่ 瓜 อักษรโบราณคือ หมวดอกั ษรนาํ คาํ วา่ 草 อกั ษรโบราณคือ หมวดอักษรนาํ คาํ ว่า 肉 อกั ษรโบราณคือ การรวมตวั กันของหมวดอกั ษรนาํ จนี คนโบราณกาลส่วนมากจะยึดตัวหมวดนําอักษรจีนคืออักษรรูปภาพรวมกับเส้นขีด ก่อให้เกิด หมวดนําอกั ษรจีนท่แี สดงถึงความสมั พนั ธข์ องส่งิ ของและสรรพสง่ิ ทเ่ี ป็นนามธรรม เช่น ตัวอกั ษร 甘 เดิมท่เี ป็นรูปปากแลว้ เติมขดี หน่งึ ขีดตรงกลางความหมายก็จะเปลี่ยนมาเป็นใชล้ น้ิ รสู้ ึก ถึงรสหวาน ตัวอักษร 立 เติมเส้นขีดหน่ึงขีดข้างล่าง แสดงถึงคนยืนตรง เดิมทีของพื้นฐานของหมวดนํา อักษรจีนไดเ้ ติมขดี หนึง่ ขดี กลายมาเปน็ หมวดนาํ ใหม่ อาจจะกลา่ วไดว้ ่าหมวดนาํ อกั ษรจนี ไมไ่ ด้มาจากตัวอกั ษรรูปภาพท้งั หมด แต่มาจากการบ่งชคี้ ุณลกั ษณะ
62 ตําแหน่งของหมวดนําอักษรจนี หมวดอกั ษรนาํ สามารถปรากฏได้ทุกตาํ แหน่งในอกั ษรประสม ดังตวั อยา่ งขา้ งล่างต่อไปน้ี 1. หมวดนําอกั ษรจีนอยดู่ า้ นซ้าย เช่น 江 jiāng 2. หมวดนําอกั ษรจนี อย่ดู า้ นขวา เชน่ 政 zhèng 3. หมวดนําอกั ษรจนี อยู่ตรงกลาง เชน่ 哀 Āi 4. หมวดนาํ อักษรจนี อยดู่ ้านบน เช่น 室 shì 5. หมวดนาํ อักษรจนี อยู่ดา้ นล่าง เช่น 堑 qiàn 6. หมวดนําอักษรจนี อยู่ดา้ นนอก เชน่ 闯 chuǎng อักษรประสม อันดับแรกควรจะศึกษาหมวดนําอักษรท่ีคุ้นเคยเพ่ือง่ายต่อการจดจํารูปลักษณ์ของ ตัวอักษรประสมและช่วยจดจําความหมายของตัวอักษร ถ้าหากว่าอักษรประสมแสดงลักษณะของเสียง เราสามารถจดจาํ การออกเสยี งของหมวดนาํ อักษรได้ ความสมั พันธห์ มวดนาํ อักษรจีนระหว่างอกั ษรเด่ียวและอกั ษรประสม หมวดนําอักษรเกิดขึ้นจากการประกอบของอักษรจีนของอักษรประสม เมื่อเห็นอักษรประสมจะ ทําให้เราทราบว่าเกิดจากการประกอบของหมวดนําอักษร ไม่ใช่เส้นขีดหลายเส้นมาประกอบเข้าหากัน เช่น ตัวอักษร “古” gǔ คือตัวอักษรท่ีประกอบไปด้วย 十 shí และ 口 kǒu จึงกลายมาเป็น 古 น้อยมากท่ีจะนําเส้นขีดหลายๆเส้นมาประกอบกันเป็นตัวอักษรจีน ความสัมพันธ์ของหมวดนําอักษรจีน และตวั อักษรจนี ส่วนมากจะมคี ุณสมบตั ิดังตอ่ ไปน้ี 1. หมวดนาํ อักษรจีนเป็นอกั ษรเดย่ี ว คอื เป็นทงั้ หมวดนําอกั ษรจนี และตวั อักษรจีน เชน่ 水 shuǐ 山 shān 人 rén 2. หมวดนาํ อกั ษรจนี บวกกบั การเพิ่มเสน้ ขดี หน่ึงเส้นกลายมาเปน็ อักษรเด่ียว เช่น 甘 gān 3. หมวดนําอกั ษรจนี ท่เี หมอื นกนั มารวมเข้าด้วยกนั กลายมาเปน็ อักษรประสม เช่น 林 lín 森 sēn
63 4. หมวดนาํ อักษรจนี ท่ีไมเ่ หมอื นกนั มารวมเขา้ ดว้ ยกันกลายมาเปน็ อกั ษรประสม เช่น 心 xīn และ 田 tián กลายเป็น 思 sī 5. หมวดนาํ อักษรจีน อักษรเดีย่ วและสว่ นประกอบอ่นื ๆมารวมเข้าด้วยกนั กลายมาเป็นอักษร ประสม เชน่ 氵 และ 可 kě กลายเปน็ 河 hé เราได้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างหมวดนําอักษรจีนและอักษรประสม ในขณะที่การศึกษา อักษรจีนคําใหม่ๆนั้น สามารถวิเคราะห์อักษรประสมว่ามีหมวดนําอักษรจีนตัวใดเป็นส่วนประกอบ และ ประกอบขึน้ มาเปน็ อย่างไร สิ่งเหลา่ น้ีจะช่วยใหล้ ดภาระและจดจําตวั อกั ษรจีนไดเ้ ร็วขน้ึ ประเภทและความหมายของหมวดนาํ อกั ษรจีน ถ้าหากต้องการจดจําหมวดนําอักษรวิธีท่ีดีท่ีสุดคือการแบ่งประเภทความหมายยึดตามหมวดนํา อักษรจนี ท้ังหมดประมาณ 201ตวั อักษร สามารถแบ่งหมวดนาํ อกั ษรจีนไดเ้ ปน็ ประเภทใหญ่ ๆ ดังตอ่ ไปน้ี
64 ตารางท่ี 3.1 ประเภทหมวดนําอกั ษรจนี 类别 lèibié 部首 bù shǒu ประเภท หมวดนําอักษรจีน 人体 réntǐ 人 rén 大 dà 子 zi 女 nǚ 身 shēn ร่างกาย คน ใหญ่ ผู้ชาย ผู้หญิง ร่างกาย 动物 dòngwù สัตว์ 犬 quǎn 牛 niú 马 mǎ 羊 yáng 豕 shǐ 植物 zhíwù สนุ ัข วัว มา้ แพะ หมู พืชพรรณ 器物 qìwù 禾 hé 屮 cǎo 木 mù 米 mǐ 竹 zhú สงิ่ ของ เมลด็ ขา้ ว หญ้า ตน้ ไม้ ข้าว ไม้ไผ่ 天文 tiānwén ดาราศาสตร์ 贝 bèi 皿 mǐn 酉 yǒu 刀 dāo 弓 gōng หอย ภาชนะ แอลกอฮอล์ มดี ธนู 地理 dìlǐ ภูมศิ าสตร์ 日 rì 月 yuè พระ พระจนั ทร์ อาทติ ย์ 山 shān 土 tǔ 川 chuān ภเู ขา ดิน แม่นาํ้
65 การแผข่ ยายของความหมายหมวดนําอักษรจนี หมวดนําอักษรจีนของอักษรนั้นมีต้นกําเนิดมาจากสิ่งของหรือสรรพสิ่งท้ังหลาย หมวดนําอักษร จีนแสดงถึงความหมาย เรียกได้ว่าเป็นพ้ืนฐานของความหมาย การพัฒนาภาษาได้มีมาเรื่อย ๆ อย่างไม่ หยุดย้ังหลงั จากนนั้ กอ่ ให้เกิดความหมายซ่ึงมคี วามสัมพันธม์ าจากความหมายของตัวอกั ษร เรียกวา่ การแผ่ ขยายของความหมาย เช่นคําว่า 火 huǒ พ้ืนฐานความหมายเดิมคือ เปลวไฟ 火焰 huǒyàn ใช้คําว่า “火” huǒ เป็นหมวดนําอักษรจีนประกอบเป็นอักษรประสมเช่นคําว่า 煌 huáng (ความสว่าง รุ่งโรจน์) คําว่า “火” huǒ เป็นอักษรเดี่ยวซึ่งสามารถประกอบกับตัวอักษรอ่ืนได้มากมายแสดง ความหมายเกย่ี วกับไฟ ความสว่างไสว เชน่ สี (เกย่ี วกับไฟเหมอื นกัน) 火红的太阳 huǒhóng de tàiyáng 热闹 rènào :红火 hónghuo 旺盛 wàngshèng :火红的青春 huǒhóngdeqīngchūn 发炎 fāyán :上火 shànghuǒ 发怒 fānù :动火 dònghuǒ หลังจากที่ทําความเข้าใจการแผ่ขยายของหมวดนําอักษรจีนไปแล้ว ทําให้เข้าใจพื้นฐานของ ความหมายหมวดนําอักษรจีนได้มากย่ิงขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยศึกษาการแผ่ขยายของหมวดนําอักษรจีน ยัง ช่วยให้จดจําความหมายของอักษรประสมท่ีมหี มวดนาํ อักษรจีนท่ีคล้ายคลงึ กันได้อย่างรวดเรว็ และยังช่วย ให้พวกเราเข้าใจวิธีการประกอบตัวอักษรพื้นฐานที่มีหมวดนําอักษรจีนเป็นตัวประกอบพร้อมทั้ง ความหมายของการสรา้ งคํา
66 ความสมั พันธว์ ัฒนธรรม สังคมของหมวดนําอกั ษรจนี การพัฒนาของภาษาได้มีการพัฒนาตามสังคมและวัฒนธรรม ตามธรรมชาติ ตามทัศนคติ ความคิดชาวจีนโบราณกาล ทัศนคติโลก ความเชื่อทางศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม ฮวงจุ้ย จิตใจมนุษย์เป็น ต้น สงิ่ เหล่านี้ลว้ นสะท้อนถึงการสร้างตวั อักษรจีน หมวดนําอักษรจีนนับได้ว่าเป็นอักษรโบราณท่ีเก่าแก่ท่ีสุด พร้อมทั้งได้สะท้องถึงสังคมและ วัฒนธรรมของจีนในสมัยน้ัน อย่างเช่นคําว่า “女” อักษรกระดองเต่า ภาพเหมือนคือมือ ผู้หญิงสองข้างวางไว้บนตักนั่งคุกเข่าบนพ้ืน จากภาพของตัวอักษรน้ีสามารถเข้าใจได้ว่าผู้หญิงจีนสมัยก่อน เป็นผู้มีความเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตัว บางทีอาจมองได้ว่าในสมัยนั้นผู้หญิงนั่งคุกเข่าทํางานที่บ้าน อาจจะทราบถึงฐานะของผู้หญิงไม่สูงศักด์ิเท่าผู้ชาย การน่ังคุกเข่าคือการแสดงถึงฐานะท่ีต้อยต่ําชนิดหน่ึง อีกหนึ่งตัวอย่างคืออักษรคําว่า “父” รูปภาพของตัวอักษรนี้เหมือนกับมือหน่ึงจับก้อนหินปลาย แหลม ได้สะท้อนให้เห็นว่าในสมัยน้ันผู้ชายได้ใช้หินเป็นอาวุธออกล่าสัตว์ หาอาหาร หรือว่าใช้หินสู้รบกับ ศัตรูเพ่ือปกป้องความปลอดภัยของฐานทัพ จากภาพลักษณ์ของหมวดนําอักษรสามารถประเมินได้ว่า อาจจะอยู่ในสมัยยุคหิน ดังนั้นการศึกษาหมวดนําอักษรไม่เพียงแต่ช่วยด้านการศึกษาตัวอักษรจีนและยัง ศึกษาความรู้ดา้ นประวตั ิศาสตรแ์ ละวัฒนธรรมของประเทศจนี อกี ดว้ ย
67 ตารางร้อยหมวดนาํ อกั ษรจีน เรยี งตามลาํ ดบั หมวดนําอกั ษรท่ีใชบ้ ่อยซ่งึ มีด้งต่อไปน้ี ตารางที่ 3.2 ตารางรอ้ ยหมวดนําอักษรจีน 编号 拼音 部首 名称 意思 Biānhào Pīnyīn Bù shǒu Míngchēng Yìsi ลําดับ พนิ อิน หมวดนํา ชอื่ เรียก ความหมาย อักษรจนี 1 shuǐ bù 氵 水部 เกย่ี วขอ้ งกบั นํ้า 2 cǎo bù 3 kǒu bù 艹 草部 เกย่ี วกับหญา้ 4 mù bù 5 tí shǒu bù 口 口部 เกย่ี วกับปาก 6 dān rén bù 7 dān lì rén bù 木 木部 เก่ียวกบั ไม้ 8 shù xīn bù 9 tí tǔ bù 扌 提手部 เก่ยี วกบั มอื 10 yuè bù 11 mì bù 人 单人部 เก่ยี วกบั คน 亻 单立人部 เกย่ี วกับคนยืน 忄 竖心部 อกั ษรขา้ งใจ 土 提土部 เก่ยี วกับดนิ 月 月部 เกย่ี วกบั พระจันทร์ 糸 糸部 เก่ียวกับส่งิ ทอ ผา้
68 ตารางที่ 3.2 (ต่อ) 编号 拼音 部首 名称 意思 Biānhào Pīnyīn Bù shǒu Míngchēng Yìsi ลาํ ดับ พนิ อนิ หมวดนาํ ชอ่ื เรียก ความหมาย อกั ษรจนี 12 chóng bù 虫 虫部 เกย่ี วกบั แมลง 13 yán bù 讠 言部 เก่ียวกับการพดู ภาษา 让 说 识 14 nǚ bù 女 女部 เกี่ยวกบั ผหู้ ญงิ 15 zhú bù 16 sì diǎn er bù ⺮ 竹部 เกย่ี วกับตน้ ไผ่ 17 wáng bù 18 rì bù 灬 四点儿 部 เกยี่ วกบั ไฟ 19 shíbù 20 yú bù 王 王部 เกี่ยวกบั กษัตริย์ 21 shān bù 22 zú bù 日 日部 เกี่ยวกับพระอาทิตย์ 23 niǎo bù 24 nè bù 石 石部 เกี่ยวกบั หนิ 鱼 鱼部 เกย่ี วกับปลา 山 山部 เก่ยี วกับภูเขา ⻊ 足部 เกี่ยวกับใช้เท้าเดนิ 鸟 鸟部 เกี่ยวกับนก 疒 疒部 เกี่ยวกบั การเจบ็ ปว่ ย
69 ตารางที่ 3.2 (ตอ่ ) 编号 拼音 部首 名称 意思 Biānhào Pīnyīn Bù shǒu Míngchēng Yìsi ลาํ ดับ พินอิน หมวดนํา ชอ่ื เรยี ก ความหมาย อกั ษรจีน 25 chuò bù 辶 辶部 เกย่ี วกบั การเดินทาง 26 yī bù 27 quǎn bù 衣 衣部 เก่ียวกบั เสอ้ื ผา้ 28 mù bù 29 dāo bù 犬 犬部 เกี่ยวกับสัตว์สเ่ี ท้า 30 yì bù 目 目部 เก่ียวกับตา 刀 刀部 เกย่ี วกบั มีด ของมีคม 邑 邑部 เกี่ยวกับแหล่งชุมชน เขต การ ปกครอง 31 mián bù 宀 宀部 เกย่ี วกบั อาคาร 32 hé bù 33 mǎ bù 禾 禾部 เกี่ยวกบั พชื ผล เพาะปลูก 34 bèi bù 马 马部 เกีย่ วกับมา้ 贝 贝部 เกี่ยวกับเงินทอง ทรัพย์สมบัติ การ ซอ้ื ขาย 35 chē bù 车 车部 เกี่ยวกบั รถ 36 fù bù 阜 阜部 เกี่ยวกับ
70 ตารางที่ 3.2 (ต่อ) 编号 拼音 部首 名称 意思 Biānhào Pīnyīn Bù shǒu Míngchēng Yìsi ลําดบั พินอนิ หมวดนาํ ชื่อเรยี ก ความหมาย อักษรจีน 37 shì bù 示 示部 เก่ียวกับ การเซ่น ไห ว้ เท พ เจ้า บรรพบรุ ุษ 38 shí bù 食 食部 เก่ียวกับอาหารการกิน 39 yǒu bù 40 bā bù 酉 酉部 เกย่ี วกบั เหล้า การหมัก 八 八部 เกย่ี วกับการแบ่ง การแยกหรือ สง่ิ ตรงกนั ขา้ ม 41 yè bù 页 页部 เกย่ี วกับศรี ษะ 42 jīn bù 43 mén bù 巾 巾部 เกี่ยวกบั ผา้ 44 guǎng bù 45 dà bù 門 門部 เกีย่ วกับประตู 46 mǐ bù 47 tiánbù 广 广部 เกี่ยวกบั อาคาร 48 shí bù 大 大部 เกี่ยวกับส่งิ ใหญ่ ๆ 米 米部 เกี่ยวกับขา้ ว อาหาร 田 田部 เกี่ยวกบั ไร่นา เพาะปลกู 十 十部 เกี่ยวกับจํานวนเลขสิบ
71 ตารางท่ี 3.2 (ตอ่ ) 编号 拼音 部首 名称 意思 Biānhào Pīnyīn Bù shǒu Míngchēng Yìsi ลําดับ พนิ อนิ หมวดนํา ชอ่ื เรยี ก ความหมาย อักษรจีน 49 chì bù 彳 彳部 เกีย่ วกบั เดนิ ทาง 50 gé bù 51 pū bù 革 革部 เกย่ี วกบั หนังสตั ว์ 52 gē bù 53 shī bù 攵 攵部 เกีย่ วกับความหมายไม่แน่นอน 54 xué bù 55 lì bù 戈 戈部 เกย่ี วกบั อาวธุ สงคราม การฆ่า 尸 尸部 เก่ียวกับคน ร่างกาย การกระทําอาคาร 穴 穴部 เกย่ี วกบั ถาํ้ รู 力 力部 เกี่ยวกับแรง พลัง ออกแรง ใช้พลัง หรอื อาวธุ 56 zhōu bù 舟 舟部 เกยี่ วกับเรอื 57 wéi bù 58 yǔ bù 囗 囗部 เกี่ยวกบั ล้อมรอบ ขอบเขต ดนิ แดน 59 chǎng bù 60 yòu bù 雨 雨部 เกย่ี วกบั ฝน 厂 厂部 เกี่ยวกับหน้าผา หนิ อาคาร 又 又部 เก่ียวกับการใชม้ ือ เคร่ืองหมาย ที่ แสดงการยอ่ ของตัวอักษร
72 ตารางท่ี 3.2 (ตอ่ ) 编号 拼音 部首 名称 意思 Biānhào Pīnyīn Bù shǒu Míngchēng Yìsi ลาํ ดับ พินอิน หมวดนํา ชอ่ื เรียก ความหมาย อักษรจีน 61 niú bù 牛 牛部 เกย่ี วกบั ววั ควาย 62 mǐn bù 63 liǎng diǎn shuǐ 皿 皿部 เกี่ยวกับภาชนะ 冫 两点水 เกย่ี วกับนํ้า น้ําแข็ง อากาศที่ หนาว เย็น เป็นอักษรขา้ งที่เปลี่ยนแปลง มาจาก 氵 และ 二 64 yǔ bù 羽 羽部 เกี่ยวกับขนนก ปกี 65 yáng bù 66 gōng bù 羊 羊部 เก่ียวกบั แกะ แพะ 67 dǎi bù 68 xiǎo bù 弓 弓部 เกี่ยวกบั คนั ธนู โคง้ โก่ง 69 qiàn bù 70 zǐ bù 歹 歹部 เกี่ยวกบั ความตาย โชครา้ ย 71 zhuī bù 72 er bù 小 小部 เก่ียวกับสิง่ เล็กๆ 欠 欠部 เกย่ี วกบั หายใจ ใชป้ าก 子 子部 เก่ยี วกบั ลกู เดก็ 隹 隹部 เกี่ยวกับสตั ว์ปกี ประเภทนก 耳 耳部 เกย่ี วกับหู
73 ตารางที่ 3.2 (ตอ่ ) 编号 拼音 部首 名称 意思 Biānhào Pīnyīn Bù shǒu Míngchēng Yìsi ลําดับ พนิ อิน หมวดนํา ชือ่ เรียก ความหมาย อักษรจีน 73 bái bù 白 白部 เกย่ี วกับความสว่างไสว สขี าว 74 gǔ bù 75 lì bù 骨 骨部 เกี่ยวกบั กระดูก 76 jiàn bù 77 sī bù 立 立部 เกี่ยวกบั ยนื ตง้ั ตาํ แหนง่ 见 见部 เกย่ี วกับการเหน็ 厶 厶部 เก่ียวกับความเป็นสว่ นตัว และ โดยท่วั ไปเป็นเส้นขีดของตวั อักษร 78 máo bù 毛 毛部 เกย่ี วกบั ขน 79 bobù 卜 卜部 เกย่ี วกบั การเส่ยี งทาย ทํานาย 80 chǐ bù 齿 齿部 เกยี่ วกบั ฟนั 81 fāng bù 方 方部 เกี่ยวกบั เหล่ียม ทิศ วธิ ี กําลงั 82 hēi bù 黑 黑部 เกี่ยวกบั ดํา มดื 83 shū bù 殳 殳部 เกี่ยวกับทุบตี กระแทก ฆ่า
74 ตารางท่ี 3.2 (ต่อ) 编号 拼音 部首 名称 意思 Biānhào Pīnyīn Bù shǒu Míngchēng Yìsi ลาํ ดบั พินอิน หมวดนาํ ช่ือเรยี ก ความหมาย อกั ษรจนี 84 er bù 儿 儿部 เกีย่ วกบั คนหรือพฤติกรรมของคน 85 sān piē bù 86 qì bù 彡 三撇部 เกี่ยวกับรปู ลาย หนวด 87 bao bù 88 zhǎo bù 气 气部 เก่ียวกบั อากาศ กา๊ ซ 89 wǎ bù 90 zǒu bù 勹 勹部 กยี่ วกบั การห่อหุ้ม 91 fāng bù 92 hù bù 爪 爪部 เกย่ี วกบั มอื ตีน กรงเลบ็ 93 gōng bù 94 zhǐ bù 瓦 瓦部 เกี่ยวกบั เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา 95 cùn bù 96 zhǐ bù 走 走部 เกย่ี วกบั เดินทาง 方 方部 เกย่ี วกบั ธง 户 户部 เกย่ี วกบั ประตู หนา้ ตา่ ง อาคาร 弓 弓部 เกี่ยวกบั คนั ธนู ดึง โก่ง 止 止部 เกยี่ วกับการกระทําทีเ่ ก่ยี วกับเท้า 寸 寸部 เกย่ี วกับมอื การใช้มอื 夂 夂部 การเก่ยี วกับใชม้ อื การกระทาํ ทีเ่ กยี่ วกบั มอื
75 ตารางที่ 3.2 (ตอ่ ) 编号 拼音 部首 名称 意思 Biānhào Pīnyīn Bù shǒu Míngchēng Yìsi ลําดบั พนิ อนิ หมวดนาํ ชอื่ เรยี ก ความหมาย อกั ษรจีน 97 shǐbù 矢 矢部 เกีย่ วกบั ลูกศร 98 jīn bù 99 shé bù 斤 斤部 เกย่ี วกบั ขวาน การใช้ขวาน 100 shēn bù 舌 舌部 เกีย่ วกับการพดู จา การใชล้ ้นิ 身 身部 เก่ียวกบั ร่างกาย วิธีการเปดิ พจนานกุ รม 1. วธิ ีการเปิดพจนานุกรมโดยใช้หมวดนําอกั ษรจีน วิธีการหาความหมายจากตัวอักษรจีนน้ันจะเรียงตามลําดับจํานวนขีดของหมวดนําอักษรจีน วิธีการน้ีก็นิยมใช้อีกวิธีหนึ่ง ข้อดีของการหาความหมายโดยใช้วิธีหาหมวดนําอักษรจีนน้ันสามารถหา รูปร่างของตัวอักษร แต่ไม่รูเสียงและความหมาย ข้อเสียคือไม่แน่ใจว่าจะเป็นหมวดนําอักษรจีนตัวไหน การหาโดยใช้หมวดนาํ อักษรจีนใชเ้ วลานาน วิธกี ารเปิดพจนานกุ รมโดยใช้เสียงในการเรียงลําดับ มีขั้นตอนการหาหมวดนาํ อักษรจีนดังตอ่ ไปนี้ 1. ต้องแน่ใจวา่ ตวั อกั ษรนัน้ จัดอยูใ่ นตวั หมวดนําอักษรจนี ใดกนั แน่ 2. สารบัญ หมวดนําอักษรจนี หาแล้วจะเจอหนา้ หมวดอักษรนํา
76 3. พอเปิดไปหน้าที่บอกหมวดอักษรนาํ แล้ว นับขดี ท่เี หลือ (ไม่นับรวมหมวดอกั ษรนาํ ) แลว้ หา อักษรทีตอ้ งการค้นควา้ 4. เมอ่ื ไปเจอตัวอกั ษรน้นั เปดิ ไปตามจํานวนหน้าท่บี อกไว้ เช่น ใช้พจนานุกรมจีน การค้นหาความหมายคําว่า “妈” mā อันดับแรก หมวดนําอักษรจีน คือตัว “女” nǚ มีความหมายเก่ียวกับผู้หญิง หมวดนําอักษรจีนตัวน้ีมีจํานวน 3 ขีด เปิดพจนานุกรม ไปท่ีหน้า 27 三画 sānhuà 3 ขีด ฝ่ังซ้ายมือของตัวอักษร “女” nǚจะเป็นหมายเลข 73 ทําให้ ทราบถงึ หมวดนําอักษรจีนตัวน้ีอยลู่ ําดับที่ 73 หน้า 49 ต่อจากนั้นให้หาจํานวนขีดหลัง“女” nǚวา่ มีก่ี ขีด ตัวอักษร “马”มีจํานวน 3 ขีด หลังจากน้ันจะพบตัวอักษร “妈”ด้านขวามือจะปรากฏเลข 706 ให้เปิดไปหนา้ 706 จะพบตัวอักษร “妈” mā แปลว่า คณุ แม่ สรุป หมวดนําอักษรจีน (部首 bù shǒu) หมายถึงดัชนีคําศัพท์ในพจนานุกรมภาษาจีน ซึ่งแบ่งตาม ลักษณะของการประกอบตัวอักษร โดยมีนักภาษาศาสตร์ชื่อว่า สว่ี เซิ่น 许慎 Xǔ shèn ได้นําตัวอักษร จีนยึดตามรูปร่างมาแบ่งประเภทโดยนําโครงสร้างท่ีมีความหมายนัยเหมือนกันพร้อมท้ังตัวอักษรท่ีมีส่วน เก่ียวข้องกับอักษรประสมมาจัดอยู่ในประเภทชนิดเดียวกันแบ่งได้เป็น 540 ประเภท วิวัฒนาการรูปแบบ ของหมวดนําอักษรจีนส่วนใหญ่สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ขั้นตอนจาก 甲骨文 jiǎgǔwén (อักษร กระดองเต่า) ถึงอักษร 金文 jīn wén 小篆 xiǎozhuàn 隶书 lìshū และ 楷书 kǎishū ลักษณะ เด่นของโครงสร้างหมวดนําอักษรจีนเกิดจากการวาดเลียนแบบส่ิงของเรียกว่าอักษรรูปภาพ วิธีการเขียน หมวดนําอักษรจีนก็เป็นส่วนแสดงถึงรูปลักษณ์ของสิ่งของด้วยเช่นกันคนโบราณกาลส่วนมากจะยึดตัว หมวดนําอักษรจีนคอื อักษรรปู ภาพรวมกับเส้นขีด ก่อให้เกิดหมวดนําอักษรจีนที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของ สิ่งของและสรรพส่ิงที่เป็นนามธรรม ส่วนตําแหน่งของหมวดนําอักษรจีนจัดอยู่ตําแหน่งด้านซ้าย ขวา กลาง บน ล่างและด้านนอกเป็นต้น การศึกษาหมวดนําอักษรจีนเป็นอีกหนึ่งวิธีท่ีจะช่วยให้ผู้เรียนจดจํา ตวั อกั ษรจีนไดค้ อื ทราบถึงความหมายพนื้ ฐานของหมวดนาํ อกั ษรจีนและทสี่ ําคัญยังมีส่วนชว่ ยใหผ้ เู้ รียนเดา ความหมายของคําศัพท์ใหม่ ๆ ได้อีกด้วย การเรียนรู้หมวดนําอักษรจีนสามารถนําไปใช้ประโยชน์ในการ
77 ค้นหาคําศัพท์เปิดพจนานุกรมเพื่อค้นหาความหมายของคําศัพท์ดังนั้นหมวดนําอักษรจีนจึงมีความสําคัญ ตอ่ ผู้ศกึ ษาภาษาจนี อยา่ งมาก แบบฝกึ หดั ท้ายบท 1. จงบอกประเภทหมวดนําอกั ษรดงั ตอ่ ไปน้ี 类别 lèibié 部首 Bù shǒu ประเภท หมวดนําอักษร 人体 réntǐ __________ __________ __________ __________ __________ รา่ งกาย คน ใหญ่ ผ้ชู าย ผหู้ ญิง ร่างกาย 动物 __________ __________ __________ __________ __________ สุนัข ววั มา้ แพะ หมู dòngwù สตั ว์ 植物 __________ __________ __________ __________ __________ zhíwù เมล็ดขา้ ว หญา้ ตน้ ไม้ ข้าว ไม้ไผ่ พืชพรรณ 器物 qìwù __________ __________ __________ __________ __________ สง่ิ ของ หอย ภาชนะ แอลกอฮอล์ มดี ธนู
78 天文 __________ __________ พระอาทิตย์ พระจนั ทร์ tiānwén ดาราศาสตร์ 地理 dìlǐ __________ __________ __________ ภมู ิศาสตร์ ภูเขา ดิน แมน่ ํา้ 2. จงบอกความหมายหมวดนําอกั ษรจนี 部首 ดังตอ่ ไปนี้ 1. 人 2. 門 3. 子 4. 食 5. 犬 6. 禾 7. 木 8. 讠 9. 口 10. 氵
79 3. จงนาํ คาํ ทอ่ี ยู่ในช่องส่ีเหล่ียมมาแยกหมวดนําอักษรจนี 部首 剪财庙元时天构妇字孩吻经问 草所信雷饮室息堂打受地赴歌 往理背张病醉错相好越施恩弹 烧知把初强玩燃旗红河秀布府 银做 闭期货先暗家朗简霜徒酒 厚江美群狗常诗蛇猫苦权肺原 篇秋鸽短睡取精粗国围鸣新 作间 夫疾 1. 人部: ___________________________________________________________ 2. 儿部: ___________________________________________________________ 3. 大部: ___________________________________________________________ 4. 女部: ___________________________________________________________ 5. 子部: ___________________________________________________________ 6. 口部: ___________________________________________________________
80 7. 目部: ___________________________________________________________ 8. 欠部: ___________________________________________________________ 9. 走部: ___________________________________________________________ 10. 又部: ___________________________________________________________ เอกสารอา้ งอิง จติ ฤดี วีระเวสส.์ (2009). 汉字部首教程 (Learning 100 Chinese Radicals). 北京:北 京大学出版社 . เหยิน จิ่งเหวนิ . (2551). รเู้ รยี นเขียนจนี . พมิ พ์ครั้งท่ี 2. กรงุ เทพฯ : อัมรินทร.์ 薛晓岚. (2559). เกง่ จนี ได้ไม่ตอ้ งจํา. กรุงเทพฯ : อัมรินทร.์ 陈正治. (2000). 有趣的中国文字. 台北:国语日报社 . 张美霞. (2000). 说字释词谈文化(一)Chinese Characters,Words and Culture.北 京:北京语言文化大学出版社 . 余志鸿. (2014). 汉字的秘密. 台北:龙图腾文化 . 李俊红. (2011). 走进汉字. 北京 : 首都师范大学出版社.
81
แผนบริหารการสอนประจําบทที่ 4 หวั ข้อเนอื้ หาประจําบท 1. ความหมายและลักษณะของอกั ษรขา้ ง 2. อักษรขา้ งทพ่ี บเห็นบอ่ ยในชวี ติ ประจาํ วัน 3. ความแตกต่างระหวา่ งอักษรขา้ งและหมวดนาํ อกั ษรจีน วัตถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เม่ือนกั ศึกษาไดศ้ กึ ษาจบบทที่ 4 แล้ว นกั ศกึ ษามีความสามารถ ดังน้ี 1. จดจําและอธิบายลักษณะทวั่ ไปของตวั อักษรขา้ งได้ 2. บอกและยกตวั อย่างอกั ษรขา้ งท่ีใช้บอ่ ยในชีวติ ประจําวนั ได้ 3. วเิ คราะห์ แยกแยะความแตกต่างระหวา่ งอกั ษรขา้ งและหมวดนําอกั ษรจีนได้ 4. เปดิ พจนานกุ รมโดยใชอ้ ักษรข้างเปน็ ตัวนําในการคน้ หาคาํ ศัพทไ์ ด้ วธิ สี อนและกิจกรรมการเรียนการสอน วิธสี อนและกิจกรรมการเรยี นการสอนประจาํ บทที่ 4 ประกอบดว้ ยรายละเอียดดงั นี้ 1. ศึกษาเอกสารประกอบการสอนวชิ าอกั ษรจนี บทท่ี 4 เรือ่ ง อักษรขา้ ง 2. บรรยายประกอบโปรแกรมนําเสนอดว้ ยคอมพวิ เตอร์ เร่ือง อกั ษรขา้ ง 3. ศึกษาจากตัวอยา่ งกรณศี ึกษาท่ีเก่ียวขอ้ งกับอกั ษรขา้ ง 4. การจดั กจิ กรรมกล่มุ กลุ่มละ 2-3 คน ให้จัดหมวดหมู่ของตวั อกั ษรข้างพรอ้ มยกตัวอยา่ ง อกั ษรจนี ทปี่ ระกอบดว้ ยหมวดอกั ษรขา้ งนัน้ ๆ แลว้ นาํ เสนอหนา้ ช้ัน
82 5. การเลน่ เกมออนไลน์ kahoot เกีย่ วกบั อักษรขา้ ง ส่ือการเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาอกั ษรจีนบทท่ี 4 เร่ือง อักษรขา้ ง 2. โปรแกรมนําเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ เรอ่ื ง อักษรข้าง 3. พจนานุกรมจีน-ไทย 4. โสตทศั นวสั ดุทเ่ี ก่ียวขอ้ ง เช่น วีดโี อความรู้เบื้องต้นเก่ยี วกับเรอื่ งเลา่ อักษรข้าง ภาพสอ่ื ออนไลน์เก่ยี วกบั ตัวอกั ษรขา้ ง เกมออนไลน์ kahoot เปน็ ต้น วิธวี ดั ผลและการประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมีส่วนรว่ มในห้องเรยี น เชน่ การนําเสนอ การตอบคาํ ถาม การรว่ มเลน่ เกมออนไลน์ 2. ประเมนิ จากผลการจดั กิจกรรมกลุ่มว่า นกั ศกึ ษาสามารถอธิบาย ยกตวั อย่างลักษณะของ อักษรข้างได้หรอื ไม่ 3. ประเมนิ จากผลการตอบปญั หาการจัดหมวดหมตู่ ัวอักษรจนี เขา้ ส่หู มวดอักษรข้างและ สามารถแยกแยะ วิเคราะห์ ระหว่างอักษรขา้ งและหมวดนําอักษรจีนได้ 4. ประเมินจากการเปิดพจนานุกรมโดยใช้อักษรข้างในการสบื คน้ หาความหมายคําศัพท์ ภาษาจนี
83 บทท่ี 4 อกั ษรข้าง บทท่ี 3 ศึกษาถึงหมวดนําอักษรจีนทราบถึงคุณสมบัติ ลักษณะเด่นและประโยชน์ของหมวดนํา อักษรจีน ซ่ึงในบทนี้จะศึกษาถึงอักษรข้าง หมวดนําอักษรจีนบางตัวก็สามารถนับเป็นอักษรข้างได้ด้วย เช่นกัน \"อักษรข้าง\" เป็นส่วนประกอบสําคัญของตัวอักษรจีน นอกจากจะแสดงความหมายของตัวอักษร แล้ว อักษรข้างบางตัวยังแสดงเสียงของตัวอักษรได้อีกด้วย การเรียนรู้และทําความเข้าใจ อักษรข้างจะ ช่วยให้ผู้ศึกษาภาษาจีน สามารถคาดเดาความหมายและเสียงอ่านของตัวอักษรจีนได้อย่างรวดเร็ว ลด ภาระการท่องจําคําศัพท์และช่วยให้เพลิดเพลินในการศึกษาอักษรจีนได้ ในบทนี้จะกล่าวถึงความหมาย และลักษณะของอักษรข้าง ความหมายของอักษรข้างท่ีพบเห็นบ่อยในชีวิตประจําวัน ความแตกต่าง ระหวา่ งอกั ษรขา้ งและหมวดนําอกั ษรจนี ความหมายและลกั ษณะของอักษรข้าง 偏旁 piānpáng คือตัวอักษรส่วนหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อยของอักษรผสม อักษรจีนส่วนมากจะพบ อักษรข้างตามส่วนด้านบน ด้านล่าง ด้านซ้ายและด้านขวาของอักษรจีน ส่วนมากจะพบว่าอักษรข้างอยู่ ด้านบนของตัวอักษร เช่น อักษร 花 huā มี “艹” เรียกว่า 草字头 cǎozì tóu ส่วนด้านล่าง เช่น “底” dǐ เช่นตัวอักษร 盆 pén “皿” mǐn เรียกว่า 皿子底 mǐn zi dǐ ส่วนด้านซ้าย “旁” páng เช่นตัวอักษร 铁 tiě ส่วนอักษรด้านขวาเรียกว่า “钅” jīn เรียกว่า 金字旁 jīnzì pang ส่วน ด้านขวาเรียกวา่ 金字旁 jīnzì pang เช่นอักษร 料 liào มีตัว “斗” dòu เป็นอักษรข้างเรียกว่า 斗 字边 dòu zì biān ส่วนอักษรข้างด้านนอกเรียกว่า “框” kuāng เช่นตัวอักษร 冈 gāng จะมีอักษร ข้าง “冂” jiōng เรียกอักษรข้างนี้ว่า 同字框 tóng zì kuāng มีอักษรข้างบ้างตัวตําแหน่งจะไม่ เหมือนกัน รูปลักษณ์ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไป การเรียกก็จะไม่เหมือนกัน เช่น อักษร“人” rén ปรากฏ อยู่ในตวั อักษร “会” huì เรยี กว่า 人字头 rén zì tóu และตัวอักษร “仙” xiān ตําแหน่งตวั อักษร ขา้ งปรากฏดา้ นซา้ ยเรียกว่า 单立人 dān lì rén
84 อักษรขา้ งที่พบเหน็ บอ่ ยในชีวติ ประจาํ วนั ตวั อกั ษรจีนหนง่ึ ตัวเมอื่ ประกอบเปน็ รปู รา่ งจะเป็นหนง่ึ ตัวอักษรเช่น อกั ษ 湖 จะมี “氵” และ “胡” hú อกั ษรข้างขวาคอื ความหมาย ดา้ นซ้ายคอื ตัวอา่ นเสยี ง จะพบอกั ษรจนี สว่ นมากเปน็ ลกั ษณะเชน่ น้ี หรอื อักษรตัวอ่ืนๆเช่น “位 wèi、住 zhù、件 jiàn、停 tíng”ล้วนมี “亻” จากตวั อกั ษรจนี ทใ่ี ชบ้ อ่ ยในชวี ติ ประจําวนั 3500 ตัว จะมอี กั ษรข้างที่ใชบ้ ่อยดงั ตอ่ ไปน้ี ตารางท่ี 4.1 อกั ษรข้าง 二画 2ขดี 偏旁 名称 泰语意思 例子 支 zhī 十 十字头 shízì tóu เกยี่ วกับจํานวน 南 nán 真 zhēn 厂 厂字旁 chǎng zì páng เกี่ยวกับหอ้ ง บ้านเรือน 厅 tīng 历 lì 匚 三框 sān kuāng เกี่ยวกบั ภาชนะทรงเหลยี่ ม 原 yuán และทรงอนื่ ๆ 区 qū 卜 卜字边 bo zì biān เกย่ี วกบั การทํานาย 匠 jiàng 医 yī 外 wài
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243