Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรหน้า 1-126

หลักสูตรหน้า 1-126

Published by pm.insorn, 2018-06-19 05:58:04

Description: พระมหาอินสอน คุณวุฑโฒ

Search

Read the Text Version

๘๕ คาอธิบายรายวิชารหัสวชิ า ค ๓๓๑๐๒ กลมุ่ สาระคณิตศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ เวลา ๒ ชัว่ โมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ ศกึ ษาความสาคัญของการใช๎ความรู๎ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในการแกป๎ ญั หา การใช๎เหตุผลประกอบการตัดสินใจ การใช๎ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการส่ือสาร การสือ่ ความหมาย การนาเสนอ และเช่ือมโยงความร๎ูตาํ ง ๆ ในคณติ ศาสตร์ โดยใช๎กระบวนการสอนแบบพุทธวิธี การปฏิบัติงานกลํุม สร๎างความคิดรวบยอด ฝึกกระบวนการอําน คิด วิเคราะห์ และเขียนส่ือความหมายอยํางมีวิจารณญาณ การแก๎ปัญหา การเรียนรู๎เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ ความคิดและสามารถนาคณิตศาสตร์ไปใช๎สื่อสารในสิ่งท่ีเรียนร๎ู มีความสามารถในการตัดสินใจ ต ร ะ ห นั ก แล ะ เ ห็ น คุ ณ คํ า ข อ ง ก า ร น าค ว า มรู๎ ทา งค ณิ ต ศา ส ต ร์ ไ ป ใ ช๎ ใ ห๎ เกิ ด ป ร ะ โ ย ชน์ ใ นชีวิตประจาวนั มคี ุณธรรม จริยธรรม ใฝ่เรียนร๎ู มํุงมั่นในการทางาน มีวินัยและคํานิยมที่เหมาะสมตามสมณสารปูรหสั ตัวชี้วัด รวม ๖ ตัวชว้ี ดัมาตรฐาน ค ๖.๑ ม.๖/๑ ม.๖/๒ ม.๖/๓ ม.๖/๔ ม.๖/๕ ม.๖/๖

๘๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ทาไมตอ้ งเรียนวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตรม์ บี ทบาทสาคญั ย่งิ ในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข๎องกบั ทกุ คนทัง้ ในชีวิตประจาวันและการงานอาชีพตําง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครื่องใช๎และผลผลิตตําง ๆ ท่ีมนุษย์ได๎ใช๎เพื่ออานวยความสะดวกในชีวิตและการทางาน เหลําน้ีล๎วนเป็นผลของความรว๎ู ิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับความคิดสร๎างสรรค์และศาสตร์อ่ืน ๆ วิทยาศาสตร์ชํวยให๎มนุษย์ได๎พัฒนาวิธีคิด ท้ังความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร๎างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะสาคัญในการค๎นคว๎าหาความร๎ู มีความสามารถในการแก๎ปัญหาอยํางเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช๎ข๎อมูลที่หลากหลายและมีประจักษ์พยานท่ีตรวจสอบได๎ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหมํซึ่งเป็นสังคมแหํงการเรียนรู๎ (knowledge-based society) ดังนั้นทุกคนจึงจาเป็นต๎องได๎รับการพัฒนาให๎ร๎ูวทิ ยาศาสตร์ เพื่อท่ีจะมคี วามร๎คู วามเขา๎ ใจในธรรมชาตแิ ละเทคโนโลยีทมี่ นุษย์สรา๎ งสรรค์ข้ึน สามารถนาความรไ๎ู ปใช๎อยํางมเี หตผุ ล สร๎างสรรค์ และมีคณุ ธรรมเรียนรอู้ ะไรในวิทยาศาสตร์ กลํุมสาระการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์มุํงหวังให๎ผ๎ูเรียนได๎เรียนร๎ูวิทยาศาสตร์ที่เน๎นการเชื่อมโยงความรู๎กบั กระบวนการ มที ักษะสาคญั ในการค๎นคว๎าและสรา๎ งองคค์ วามร๎ู โดยใชก๎ ระบวนการในการสืบเสาะหาความร๎ู และการแก๎ปญั หาท่หี ลากหลาย ให๎ผ๎ูเรียนมีสํวนรํวมในการเรียนรู๎ทุกขั้นตอน มีการทากจิ กรรมดว๎ ยการลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ อยาํ งหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้น โดยได๎กาหนดสาระสาคัญไว๎ดังนี้  ส่งิ มชี ีวติ กับกระบวนการดารงชีวิต ส่ิงมีชีวิต หนํวยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต โครงสร๎างและหน๎าท่ีของระบบตําง ๆ ของสิ่งมีชีวิต และกระบวนการดารงชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพการถาํ ยทอดทางพนั ธุกรรม การทางานของระบบตาํ ง ๆ ของส่งิ มีชวี ิต วิวัฒนาการและความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ และเทคโนโลยีชวี ภาพ  ชีวิตกับส่ิงแวดล้อม ส่ิงมีชีวิตที่หลากหลายรอบตัว ความสัมพันธ์ระหวํางสิ่งมีชีวิตกับสง่ิ แวดล๎อม ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ ตําง ๆ ในระบบนเิ วศ ความสาคัญของทรพั ยากรธรรมชาติ การใช๎และจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ในระดับท๎องถ่ิน ประเทศ และโลก ปัจจัยท่ีมีผลตํอการอยูํรอดของสิ่งมชี ีวิตในสภาพแวดล๎อมตาํ ง ๆ  สารและสมบตั ิของสาร สมบตั ิของวสั ดแุ ละสาร แรงยึดเหน่ียวระหวํางอนุภาค การเปลี่ยนสถานะ การเกิดสารละลายและการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมีของสาร สมการเคมี และการแยกสาร

๘๗  แรงและการเคลือ่ นท่ี ธรรมชาตขิ องแรงแมํเหล็กไฟฟา้ แรงโน๎มถวํ ง แรงนิวเคลียร์การออกแรงกระทาตํอวัตถุ การเคลื่อนท่ีของวัตถุ แรงเสียดทาน โมเมนต์การเคลื่อนท่ีแบบตําง ๆ ในชีวติ ประจาวัน  พลังงาน พลังงานกับการดารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน สมบัติและปรากฏการณ์ของแสง เสียง และวงจรไฟฟ้า คล่ืนแมํเหล็กไฟฟ้า กัมมันตภาพรังสีและปฏิกิริยานิวเคลียร์ ปฏิสัมพันธ์ระหวาํ งสารและพลงั งานการอนรุ ักษพ์ ลังงาน ผลของการใชพ๎ ลงั งานตํอชีวิตและสงิ่ แวดลอ๎ ม  กระบวนการเปล่ยี นแปลงของโลก โครงสรา๎ งและองค์ประกอบของโลก ทรพั ยากรทางธรณีสมบตั ทิ างกายภาพของดนิ หนิ นา้ อากาศ สมบตั ขิ องผิวโลก และบรรยากาศ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของเปลอื กโลก ปรากฏการณ์ทางธรณี ปัจจยั ทมี่ ีผลตํอการเปล่ยี นแปลงของบรรยากาศ  ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ ววิ ฒั นาการของระบบสุริยะ กาแล็กซี เอกภพ ปฏิสัมพันธ์และผลตํอส่ิงมีชีวิตบนโลก ความสัมพันธ์ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก ความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศ  ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การแกป๎ ญั หา และจิตวทิ ยาศาสตร์

๘๘ คุณภาพผเู้ รียนจบชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓  เข๎าใจลักษณะและองค์ประกอบที่สาคัญของเซลล์สิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของการทางาน ของระบบตํางๆ การถาํ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม เทคโนโลยีชวี ภาพ ความหลากหลาย ของส่งิ มชี วี ติ พฤติกรรมและการตอบสนองตํอสิ่งเร๎าของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหวําง สิง่ มชี วี ิตในส่งิ แวดล๎อม  เข๎าใจองค์ประกอบและสมบัติของสารละลาย สารบริสุทธ์ิ การเปล่ียนแปลงของสารใน รปู แบบของการเปลี่ยนสถานะ การเกดิ สารละลายและการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี  เข๎าใจแรงเสียดทาน โมเมนต์ของแรง การเคลื่อนที่แบบตํางๆ ในชีวิตประจาวัน กฎการ อนรุ ักษ์พลังงาน การถํายโอนพลังงาน สมดุลความร๎อน การสะท๎อน การหักเหและความ เข๎มของแสง  เข๎าใจความสัมพันธ์ระหวํางปริมาณทางไฟฟ้า หลักการตํอวงจรไฟฟ้าในบ๎าน พลังงาน ไฟฟา้ และหลกั การเบอื้ งต๎นของวงจรอเิ ล็กทรอนิกส์  เข๎าใจกระบวนการเปลย่ี นแปลงของเปลือกโลก แหลํงทรัพยากรธรณี ปัจจัยท่ีมีผลตํอการ เปลย่ี นแปลงของบรรยากาศ ปฏสิ มั พันธ์ภายในระบบสรุ ิยะ และผลที่มีตํอส่ิงตํางๆ บนโลก ความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศ  เข๎าใจความสมั พันธร์ ะหวํางวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี การพัฒนาและผลของการพัฒนา เทคโนโลยีตํอคุณภาพชวี ติ และส่ิงแวดล๎อม  ต้งั คาถามทม่ี กี ารกาหนดและควบคุมตัวแปร คิดคาดคะเนคาตอบหลายแนวทาง วางแผน และลงมอื สารวจตรวจสอบ วเิ คราะหแ์ ละประเมินความสอดคลอ๎ งของขอ๎ มลู และสร๎างองค์ ความรู๎  สื่อสารความคิด ความรู๎จากผลการสารวจตรวจสอบโดยการพูด เขียน จัดแสดง หรือใช๎ เทคโนโลยีสารสนเทศ  ใช๎ความร๎แู ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดารงชีวิต การศึกษาหา ความร๎ูเพ่ิมเตมิ ทาโครงงานหรือสร๎างชิน้ งานตามความสนใจ  แสดงถึงความสนใจ มุงํ มั่น รบั ผิดชอบ รอบคอบ และซ่อื สัตยใ์ นการสืบเสาะหาความรู๎โดย ใช๎ เครอ่ื งมอื และวธิ กี ารทใ่ี หไ๎ ด๎ผลถูกตอ๎ งเช่อื ถอื ได๎  ตระหนักในคณุ คําของความรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีใช๎ในชีวิตประจาวันและการ ประกอบอาชพี แสดงความช่นื ชม ยกยํองและเคารพสิทธใิ นผลงานของผคู๎ ดิ คน๎

๘๙  แสดงถงึ ความซาบซ้ึง หวํ งใย มพี ฤติกรรมเกยี่ วกับการใช๎และรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ส่งิ แวดล๎อมอยํางรค๎ู ุณคํา มสี วํ นรวํ มในการพทิ ักษ์ ดูแลทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล๎อม ในท๎องถิ่น  ทางานรํวมกับผ๎ูอ่ืนอยํางสร๎างสรรค์ แสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรับฟังความ คิดเห็นของผอ๎ู นื่จบชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖  เข๎าใจการรักษาดุลยภาพของเซลล์และกลไกการรกั ษาดุลยภาพของสง่ิ มชี ีวติ  เข๎าใจกระบวนการถํายทอดสารพันธุกรรม การแปรผัน มิวเทชัน วิวัฒนาการของ สิง่ มชี วี ิต ความหลากหลายของส่ิงมชี ีวิตและปัจจัยท่ีมีผลตํอการอยูํรอดของสิ่งมีชีวิตใน สิง่ แวดล๎อมตํางๆ  เข๎าใจกระบวนการ ความสาคัญและผลของเทคโนโลยีชีวภาพตํอมนุษย์ สิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล๎อม  เข๎าใจชนิดของอนุภาคสาคญั ทเ่ี ป็นสํวนประกอบในโครงสร๎างอะตอม การจัดเรียงธาตุ ในตารางธาตุ การเกิดปฏิกิริยาเคมีและเขียนสมการเคมี ปัจจัยท่ีมีผลตํออัตราการ เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี  เข๎าใจชนดิ ของแรงยึดเหนยี่ วระหวํางอนุภาคและสมบัติตํางๆ ของสารที่มีความสัมพันธ์ กับแรงยดึ เหนยี่ ว  เขา๎ ใจการเกดิ ปิโตรเลียม การแยกแก๏สธรรมชาติและการกลั่นลาดับสวํ นน้ามนั ดิบ การนา ผลติ ภัณฑป์ โิ ตรเลยี มไปใช๎ประโยชนแ์ ละผลตํอสิง่ มชี ีวิตและส่ิงแวดล๎อม  เขา๎ ใจชนดิ สมบัติ ปฏิกริ ิยาทส่ี าคัญของพอลเิ มอรแ์ ละสารชวี โมเลกุล  เข๎าใจความสัมพนั ธร์ ะหวาํ งปรมิ าณท่ีเกี่ยวกบั การเคลอ่ื นท่ีแบบตํางๆ สมบัติของคล่ืนกล คุณภาพของเสียงและการได๎ยิน สมบัติ ประโยชน์และโทษของคล่ืนแมํเหล็กไฟฟ้า กมั มนั ตภาพรังสแี ละพลงั งานนิวเคลียร์  เข๎าใจกระบวนการเปล่ียนแปลงของโลกและปรากฏการณ์ทางธรณีท่ีมีผลตํอสิ่งมีชีวิต และสง่ิ แวดลอ๎ ม  เข๎าใจการเกิดและวิวัฒนาการของระบบสุริยะ กาแล็กซี เอกภพและความสาคัญของ เทคโนโลยอี วกาศ  เข๎าใจความสัมพนั ธข์ องความรู๎วิทยาศาสตร์ทีม่ ผี ลตํอการพฒั นาเทคโนโลยปี ระเภทตํางๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีท่ีสํงผลให๎มีการคิดค๎นความร๎ูทางวิทยาศาสตร์ท่ีก๎าวหน๎า ผล ของเทคโนโลยตี ํอชีวติ สงั คม และส่งิ แวดล๎อม

๙๐ ระบปุ ญั หา ต้งั คาถามที่จะสารวจตรวจสอบ โดยมีการกาหนดความสัมพันธ์ระหวํางตัว แปรตํางๆ สบื คน๎ ขอ๎ มูลจากหลายแหลงํ ตั้งสมมตฐิ านทเ่ี ป็นไปได๎หลายแนวทาง ตัดสนิ ใจ เลอื กตรวจสอบสมมติฐานทีเ่ ปน็ ไปได๎ วางแผนการสารวจตรวจสอบเพื่อแก๎ปัญหาหรือตอบคาถาม วิเคราะห์ เช่ือมโยง ความสัมพนั ธ์ของตัวแปรตํางๆ โดยใช๎สมการทางคณิตศาสตร์หรือสร๎างแบบจาลองจาก ผลหรอื ความร๎ูทไ่ี ด๎รับจากการสารวจตรวจสอบ สอ่ื สารความคิด ความรู๎จากผลการสารวจตรวจสอบโดยการพูด เขียน จัดแสดง หรือใช๎ เทคโนโลยีสารสนเทศ อธบิ ายความรแ๎ู ละใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการดารงชีวิต การศึกษาหาความรู๎ เพิ่มเติม ทาโครงงานหรือสรา๎ งช้นิ งานตามความสนใจ แสดงถึงความสนใจ มํุงมั่น รับผิดชอบ รอบคอบและซ่ือสัตย์ในการสืบเสาะหาความร๎ู โดยใชเ๎ ครอื่ งมอื และวิธีการท่ีให๎ได๎ผลถกู ตอ๎ งเช่อื ถอื ได๎ ตระหนักในคุณคําของความรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช๎ในชีวิตประจาวัน การ ประกอบอาชพี แสดงถงึ ความชื่นชม ภมู ิใจ ยกยอํ ง อา๎ งองิ ผลงาน ชนิ้ งานทีเ่ ป็นผลจากภูมิ ปญั ญาท๎องถิ่นและการพัฒนาเทคโนโลยีท่ีทนั สมยั แสดงความซาบซึ้ง หวํ งใย มพี ฤติกรรมเกี่ยวกบั การใชแ๎ ละรักษาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ส่ิงแวดล๎อมอยํางร๎ูคุณคํา เสนอตัวเองรํวมมือปฏิบัติกับชุมชนในการป้องกัน ดูแล ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล๎อมของท๎องถิน่ แสดงถึงความพอใจ และเหน็ คณุ คําในการค๎นพบความรู๎ พบคาตอบ หรอื แกป๎ ญั หาได๎ ทางานรํวมกับผู๎อ่ืนอยํางสร๎างสรรค์ แสดงความคิดเห็นโดยมีข๎อมูลอ๎างอิงและเหตุผล ประกอบ เก่ียวกับผลของการพัฒนาและการใช๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยํางมี คณุ ธรรมตํอสงั คมและสิง่ แวดล๎อม และยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผ๎ูอ่นื

สาระที่ ๑ ส่ิงมีชวี ิตกบั กระบวนการดารงชวี ติมาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจหนว่ ยพื้นฐานของส่งิ มีชวี ิต ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ทขี่ องระ ส่ือสารส่ิงทเี่ รียนรูแ้ ละนาความร้ไู ปใช้ในการดารงชวี ิตของตนเองและดแู ลส่งิ มีชีว ตัวชีว้ ัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒๑. สงั เกตและอธบิ ายรปู รําง ลกั ษณะของ ๑. อธิบายโครงสร๎างและการทางานของ เซลลข์ องสง่ิ มีชวี ิตเซลล์เดียวและเซลล์ ระบบ ยอํ ยอาหาร ระบบหมนุ เวยี นเลือด ของสิ่งมีชวี ติ หลายเซลล์ ระบบหายใจ ระบบขบั ถําย ระบบ สบื พนั ธ์ุ ของมนษุ ยแ์ ละสตั ว์ รวมท้งั๒. สงั เกตและเปรยี บเทยี บสวํ น ประกอบ ระบบประสาทของมนษุ ย์ สาคญั ของ เซลล์พชื และเซลล์สัตว์ ๒. อธบิ ายความ สัมพันธข์ องระบบตาํ งๆ๓. ทดลองและอธบิ ายหน๎าท่ีของสวํ น ของมนุษย์และนาความร๎ูไปใชป๎ ระโยชน์ ประกอบ ที่สาคัญของเซลล์พืชและ เซลลส์ ัตว์ ๓. สังเกตและอธบิ ายพฤตกิ รรมของมนษุ ย์ และสตั ว์ทีต่ อบสนองตํอสงิ่ เร๎าภายนอก๔. ทดลองและอธิบายกระบวนการสารผําน และภายใน เซลล์ โดยการแพรแํ ละออสโมซสิ ๔. อธบิ ายหลักการและผลของการใช๎๕. ทดลองหาปัจจัยบางประการทจี่ าเป็นตํอ เทคโนโลยี ชวี ภาพในการขยายพันธุ์ การสงั เคราะห์ด๎วยแสงของพืช และ ปรับปรงุ พนั ธุ์ และเพมิ่ ผลผลติ ของสตั ว์ อธบิ ายวาํ แสง คลอโรฟิลล์ แกส๏ และนาความร๎ูไปใชป๎ ระโยชน์ คารบ์ อนไดออกไซด์ น้า เปน็ ปจั จัยที่ จาเป็นตอ๎ งใชใ๎ นการสงั เคราะห์ด๎วยแสง ๕. ทดลอง วเิ คราะห์ และอธบิ ายสารอาหาร ในอาหารมปี ริมาณพลังงานและสัดสวํ น๖. ทดลองและอธบิ ายผลท่ไี ดจ๎ ากการ ที่เหมาะสมกบั เพศและวัย สงั เคราะห์ ดว๎ ยแสงของพืช ๖. อภิปรายผลของสารเสพตดิ ตํอระบบ๗. อธิบายความสาคัญของกระบวนการ ตาํ งๆ ของรํางกาย และแนวทางในการ สงั เคราะห์ ดว๎ ยแสง ของพืชตอํ ส่ิงมีชีวิต ปอ้ งกนั ตนเองจาก สารเสพติด และส่งิ แวดล๎อม๘. ทดลองและอธบิ ายกลมํุ เซลล์ท่ีเกย่ี วข๎อง กับการลาเลยี งนา้ ของพืช

๙๑ะบบต่างๆ ของส่งิ มีชวี ิตทที่ างานสัมพันธก์ นั มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้วิต ตัวชี้วัดช่วงชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ - ๑. ทดลองและอธิบายการรักษาดลุ ยภาพของ เซลล์ของสงิ่ มีชวี ิต ๒. ทดลองและอธิบายกลไกการรกั ษาดลุ ย ภาพของน้า ในพชื ๓. สบื ค๎นขอ๎ มลู และอธิบายกลไกการ ควบคุมดุลยภาพของน้า แรธํ าตุ และ อุณหภูมขิ องมนษุ ย์และสตั ว์อื่น ๆ และนา ความรไู๎ ปใช๎ประโยชน์ ๔. อธิบายเกยี่ วกบั ระบบภมู ิคุม๎ กันของ ราํ งกายและนาความร๎ไู ปใช๎ในการดแู ล รักษาสุขภาพ

ม. ๑ ตัวช้วี ัดชัน้ ปี ม. ๒๙. สงั เกตและอธิบายโครงสรา๎ งที่เก่ียวกบั ระบบลาเลียงนา้ และอาหารของพืช๑๐. ทดลองและอธิบายโครงสร๎างของดอก ท่ีเกย่ี วข๎องกบั การสบื พนั ธุข์ องพืช๑๑. อธบิ ายกระบวนการสบื พันธ์แุ บบอาศยั เพศของพืชดอกและการสบื พันธุ์แบบไมํ อาศัยเพศของพืช โดยใช๎สวํ นตํางๆ ของ พืชเพอ่ื ชํวยในการขยายพนั ธุ์๑๒. ทดลองและอธบิ ายการตอบ สนองของ พืช ตํอแสง น้า และการสมั ผัส๑๓. อธิบายหลกั การและผลของการใช๎ เทคโนโลยี ชีวภาพในการขยายพันธุ์ ปรับปรุงพันธุ์ เพิ่มผลผลติ ของพืชและนา ความรไ๎ู ปใชป๎ ระโยชน์

๙๒ ตวั ชี้วดั ช่วงช้ันม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖

สาระที่ ๑ สง่ิ มชี ีวิตกบั กระบวนการดารงชวี ติมาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม วิวัฒ ที่มผี ลกระทบต่อมนษุ ยแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความร้แู ละจติ ว ตัวชี้วดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ --

๙๓ฒนาการของสง่ิ มชี วี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ การใช้เทคโนโลยชี วี ภาพวทิ ยาศาสตร์ สือ่ สารสิง่ ทเ่ี รียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ช้วี ัดช่วงชั้นม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖๑. สงั เกตและอธิบายลักษณะของโครโมโซม ๑. อธิบายกระบวนการถาํ ยทอดสาร ทีม่ ีหนวํ ยพนั ธกุ รรม หรอื ยนี ในนิวเคลยี ส พนั ธกุ รรม การแปรผนั ทางพันธุกรรม๒. อธิบายความสาคญั ของสารพันธุกรรมหรอื ดี มิวเทชนั และการเกดิ ความหลากหลาย เอ็นเอ และกระบวนการถาํ ยทอดลักษณะ ทางชวี ภาพ ทางพนั ธุกรรม ๒. สบื ค๎นข๎อมลู และอภปิ รายผลของ๓. อภปิ รายโรคทางพนั ธกุ รรมที่เกิดจากความ ผิดปกติของยนี และโครโมโซมและนาความรู๎ เทคโนโลยี ชีวภาพที่มตี ํอมนษุ ยแ์ ละ ไปใช๎ประโยชน์ สิง่ แวดลอ๎ มและนาความรูไ๎ ปใชป๎ ระโยชน์๔. สารวจและอธิบายความหลากหลายทาง ๓. สบื ค๎นข๎อมูลและอภิปรายผลของความ ชวี ภาพในทอ๎ งถนิ่ ทท่ี าให๎สิ่งมชี วี ิตดารงชีวิต หลากหลายทางชวี ภาพทีม่ ีตํอมนษุ ย์และ อยูํไดอ๎ ยาํ งสมดลุ ส่ิงแวดล๎อม๕. อธบิ ายผลของความหลากหลายทางชีวภาพทมี่ ี ๔. อธิบายกระบวนการคดั เลือกตาม ตอํ มนษุ ย์ สัตว์ พืชและสิ่งแวดล๎อม ธรรมชาติ และผลของการคดั เลือกตาม๖. อภิปรายผลของเทคโนโลยีชีวภาพตํอการ ธรรมชาติตอํ ความหลากหลายของ ดารงชีวิตของมนษุ ย์และส่ิงแวดล๎อม สงิ่ มชี วี ติ

สาระที่ ๒ ชวี ติ กับสิ่งแวดล้อมมาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสิ่งแวดล้อมในทอ้ งถิ่น ความสมั พันธร์ ะหว่างสิ่งแวดล้อมกับสง่ิ มชี ีวิต ค หาความรู้และจติ วิทยาศาสตร์สื่อสารส่ิงท่ีเรียนรแู้ ละนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชว้ี ดั ชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒

๙๔ความสมั พันธ์ระหวา่ งสง่ิ มีชวี ติ ต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มกี ระบวนการสืบเสาะ ตวั ชว้ี ดั ชว่ งชน้ัม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖๑. สารวจระบบนเิ วศตํางๆในทอ๎ งถ่นิ และ ๑. อธิบายดุลยภาพของระบบนเิ วศอธิบายความสมั พนั ธข์ ององค์ประกอบ ๒. อธบิ ายกระบวนการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีภายในระบบนิเวศ ของสิ่งมีชีวิต๒. วเิ คราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ของการ ๓. อธบิ ายความสาคญั ของความหลากหลายถาํ ยทอดพลังงานของสง่ิ มชี วี ิตในรปู ของ ทางชวี ภาพ และเสนอแนะแนวทางในการโซํอาหารและสายใยอาหาร ดแู ลและรักษา๓. อธิบายวฏั จกั รนา้ วัฏจกั รคาร์บอน และความสาคญั ที่มีตํอระบบนเิ วศ๔. อธิบายปัจจยั ทมี่ ีผลตํอการเปล่ยี นแปลงขนาดของประชากรในระบบนเิ วศ

สาระท่ี ๒ ชวี ติ กบั สิ่งแวดล้อมมาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระดบั ท้อ ในทอ้ งถ่ินอยา่ งยง่ั ยืน ตวั ชว้ี ัดชัน้ ปี ม. ๑ ม. ๒

๙๕องถน่ิ ประเทศ และโลกนาความรู้ไปใช้ในในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ม. ๓ ตัวชวี้ ัดช่วงชน้ั๑. วเิ คราะหส์ ภาพปญั หาสง่ิ แวดลอ๎ ม ม. ๔ – ม. ๖ ทรพั ยากร ธรรมชาติ ในทอ๎ งถน่ิ และ ๑. วเิ คราะหส์ ภาพปญั หา สาเหตขุ องปัญหา เสนอแนวทาง ในการ แก๎ไขปัญหา๒. อธบิ ายแนวทาง การรกั ษาสมดุลของ สิ่งแวดลอ๎ มและทรัพยากรธรรมชาติใน ระบบนเิ วศ ระดับ ทอ๎ งถิ่น ระดบั ประเทศ และ๓. อภปิ รายการใช๎ทรพั ยากร ธรรมชาติอยาํ ง ระดบั โลก ยัง่ ยนื ๒. อภิปรายแนวทางในการป้องกนั แก๎ไข๔. วิเคราะห์และอธบิ ายการใช๎ ปัญหา สิง่ แวดล๎อมและ ทรัพยากรธรรมชาติ ตามปรัชญาเศรษฐกจิ ทรพั ยากรธรรมชาติ พอเพียง ๓. วางแผนและดาเนนิ การเฝา้ ระวัง อนุรกั ษ์๕. อภปิ รายปญั หาสงิ่ แวดลอ๎ มและเสนอแนะ และพฒั นาสง่ิ แวดลอ๎ มและทรพั ยากร แนวทางการแกป๎ ัญหา ธรรมชาติ๖. อภปิ ราย และมีสํวนรวํ มในการดแู ลและ อนุรักษ์ สิ่งแวดลอ๎ มในทอ๎ งถ่นิ อยาํ ง ย่งั ยืน

สาระที่ ๓ สารและสมบัตขิ องสารมาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจสมบัตขิ องสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิของสารกับโครงสร้างและแร ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ชวี้ ัดชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒๑. ทดลองและจาแนกสารเปน็ กลุํมโดยใช๎ ๑. สารวจและอธิบายองค์ประกอบ สมบตั ิ เนื้อสารหรอื ขนาดอนุภาคเป็นเกณฑแ์ ละ ของธาตุและสารประกอบ อธบิ ายสมบัตขิ องสารในแตลํ ะกลุํม ๒. สบื ค๎นขอ๎ มลู และเปรียบเทยี บสมบัติของ๒. อธิบายสมบัตแิ ละการเปล่ียนสถานะของ ธาตุโลหะ ธาตอุ โลหะ ธาตกุ ง่ึ โลหะและ สาร โดยใชแ๎ บบจาลองการจดั เรยี งอนภุ าค ธาตกุ มั มันตรังสีและนาความร๎ูไปใช๎ ของสาร ประโยชน์๓. ทดลองและอธิบายสมบัตคิ วามเปน็ กรด ๓. ทดลองและอธิบายการหลกั การแยกสาร เบส ของสารละลาย ดว๎ ยวธิ ีการกรอง การตกผลกึ การสกัด การกลน่ั และโครมาโทกราฟี และนา๔. ตรวจสอบคํา pH ของสารละลายและนา ความรไู๎ ปใชป๎ ระโยชน์ ความรู๎ ไปใชป๎ ระโยชน์

๙๖รงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนุภาค มกี ระบวนการสืบเสาะ หาความรแู้ ละจิตวิทยาศาสตร์ ตวั ช้วี ดั ชว่ งชน้ั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ๑. สืบค๎นขอ๎ มลู และอธบิ ายโครงสรา๎ งอะตอม และสัญลักษณน์ ิวเคลยี ร์ของธาตุ ๒. วเิ คราะห์และอธบิ ายการจัดเรยี งอิเล็กตรอน ในอะตอม ความสัมพันธร์ ะหวาํ ง อเิ ล็กตรอนในระดบั พลังงานนอกสดุ กับ สมบัติของธาตแุ ละการเกิดปฏิกริ ิยา ๓. อธบิ ายการจัดเรยี งธาตุและทานายแนวโน๎ม สมบัติของธาตใุ นตารางธาตุ ๔. วิเคราะห์และอธบิ ายการเกดิ พนั ธะเคมีใน โครงผลกึ และในโมเลกลุ ของสาร ๕. สืบค๎นข๎อมูลและอธิบายความสัมพันธ์ ระหวาํ งจดุ เดือด จดุ หลอมเหลว และสถานะ ของสารกับแรงยึดเหนี่ยวระหวาํ งอนุภาค ของสาร

สาระท่ี ๓ สารและสมบตั ิของสารมาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจหลักการและธรรมชาตขิ องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลา ส่ือสารสง่ิ ที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้ีวดั ชั้นปี ม. ๑ ม. ๒๑. ทดลองและอธบิ ายวธิ เี ตรยี มสารละลายท่ี ๑. ทดลองและอธิบายการเปล่ยี นแปลงมีความเข๎มข๎นเปน็ ร๎อยละ และอภปิ ราย สมบตั ิ มวล และพลังงานเม่อื สารการนาความรู๎เกยี่ วกบั สารละลายไปใช๎ เกิดปฏิกริ ิยาเคมี รวมทง้ั อธิบายปัจจัยทมี่ ีประโยชน์ ผลตอํ การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี๒. ทดลองและอธบิ ายการเปลยี่ น-แปลง ๒. ทดลอง อธิบายและเขยี นสมการเคมีของสมบตั ิ มวลและพลงั งาน ของสาร เมื่อ ปฏกิ ริ ิยาของสารตาํ ง ๆ และนาความร๎ูไปสารเปลย่ี นสถานะ และเกิด การละลาย ใช๎ประโยชน์๓. ทดลองและอธิบายปัจจัยทีม่ ผี ลตอํ การ ๓. สืบคน๎ ขอ๎ มลู และอภปิ รายผลของสารเคมีเปลย่ี นสถานะ และการละลายของสาร ปฏกิ ิรยิ าเคมตี อํ สิ่งมีชีวิตและสงิ่ แวดลอ๎ ม ๔. สบื ค๎นขอ๎ มลู และอธิบายการใชส๎ ารเคมี อยาํ งถกู ตอ๎ ง ปลอดภยั วธิ ีป้องกนั และ แกไ๎ ขอันตรายทีเ่ กดิ ข้ึนจากการใช๎สารเคมี

๙๗าย การเกิดปฏิกิรยิ า มีกระบวนการสบื เสาะ หาความรแู้ ละจติ วทิ ยาศาสตร์ ตัวชวี้ ัดชว่ งช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ๑. ทดลอง อธิบายและเขยี นสมการของ ปฏกิ ิรยิ าเคมีทั่วไปที่พบในชีวติ ประจาวนั รวมทง้ั อธบิ ายผลของสารเคมที มี่ ตี ํอสิง่ มีชวี ติ และส่ิงแวดลอ๎ ม ๒. ทดลองและอธิบายอตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ า เคมี ปจั จัยที่มีผลตํออตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี และนาความรูไ๎ ปใชป๎ ระโยชน์ ๓. สบื ค๎นขอ๎ มูลและอธิบายการเกิดปิโตรเลียม กระบวนการแยกแกส๏ ธรรมชาติ และการกลั่น ลาดับสํวนนา้ มนั ดิบ ๔. สบื ค๎นขอ๎ มูลและอภิปรายการนาผลติ ภณั ฑ์ ทไี่ ด๎จากการแยกแกส๏ ธรรมชาติและการกล่ัน ลาดับสํวนนา้ มันดบิ ไปใช๎ประโยชน์ รวมทง้ั ผล ของผลิตภัณฑต์ ํอสิ่งมีชีวติ และสิ่งแวดล๎อม ๕. ทดลองและอธบิ ายการเกดิ พอลเิ มอร์ สมบตั ิ ของพอลิเมอร์

ตัวชว้ี ดั ชน้ั ปีม. ๑ ม. ๒

๙๘ ตัวชีว้ ัดชว่ งชน้ัม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ๖. อภิปรายการนาพอลเิ มอร์ ไปใช๎ประโยชน์ รวมท้ังผลที่เกิดจากการผลิตและใช๎พอลิ เมอรต์ ํอสง่ิ มีชวี ติ และสิ่งแวดล๎อม ๗. ทดลองและอธิบายองคป์ ระกอบ ประโยชนแ์ ละปฏิกิรยิ าบางชนดิ ของ คาร์โบไฮเดรต ๘. ทดลองและอธบิ ายองค์ประกอบ ประโยชน์ และปฏกิ ริ ิยาบางชนิดของ ไขมนั และนา้ มัน ๙. ทดลองและอธิบายองค์ประกอบ ประโยชน์ และปฏิกริ ยิ าบางชนดิ ของ โปรตีน และกรดนิวคลีอกิ

สาระท่ี ๔ แรงและการเคล่ือนท่ีมาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของแรงแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แรงโนม้ ถว่ ง และแรงนวิ เคลียร์ มีกระบวน อยา่ งถูกตอ้ งและมคี ณุ ธรรม ตัวชี้วัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒๑. สืบค๎นขอ๎ มลู และอธบิ ายปรมิ าณ สเกลาร์ ๑. ทดลองและอธบิ ายการหาแรงลัพธข์ องแรงปรมิ าณเวกเตอร์ หลายแรง ในระนาบเดียวกันทกี่ ระทาตํอ๒. ทดลองและอธบิ ายระยะทาง การกระจดั วตั ถุอัตราเร็วและความเร็ว ในการเคลือ่ นท่ีของ ๒. อธิบายแรงลัพธท์ ก่ี ระทาตํอวัตถทุ ่หี ยดุ นิ่งวตั ถุ หรอื วตั ถเุ คล่ือนที่ ดว๎ ยความเร็วคงตวั

๙๙นการสบื เสาะหาความรู้ สือ่ สารสงิ่ ที่เรียนรู้และนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ม. ๓ ตัวชวี้ ัดช่วงชั้น๑. อธิบายความเรํงและผลของแรงลัพธ์ท่ีทา ม. ๔ – ม. ๖ ตอํ วัตถุ ๑. ทดลองและอธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหวํางแรง๒. ทดลองและอธิบายแรงกริ ิยาและแรง กับ การเคลื่อนทข่ี องวตั ถใุ นสนามโนม๎ ถวํ ง ปฏกิ ริ ิยาระหวาํ งวตั ถุ และนาความรไู๎ ปใช๎ และอธิบายการนาความรไ๎ู ปใช๎ประโยชน์ ประโยชน์ ๓. ทดลองและอธบิ ายแรงพยงุ ของของเหลว ทก่ี ระทาตํอวัตถุ ๒. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหวาํ ง แรงกับ การเคลื่อนท่ีของอนภุ าคใน สนามไฟฟ้า และนาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ ๓. ทดลองและอธิบายความ สมั พนั ธร์ ะหวาํ ง แรงกบั การเคลอื่ นท่ีของอนภุ าคในสนาม แมเํ หลก็ และนาความรไ๎ู ปใช๎ประโยชน์ ๔. วเิ คราะห์และอธบิ ายแรงนวิ เคลียร์และ แรงไฟฟา้ ระหวาํ งอนุภาคในนวิ เคลียส

สาระท่ี ๔ แรงและการเคลื่อนที่มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจลกั ษณะการเคลอ่ื นทแ่ี บบตา่ งๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มีกระบวนการสบื เสา ตวั ชีว้ ดั ชั้นปี ม. ๑ ม. ๒

๑๐๐าะหาความรูแ้ ละจิตวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงทีเ่ รียนรู้และนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชว้ี ดั ช่วงช้ันม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖๑. ทดลองและอธบิ ายความแตกตํางระหวําง ๑. อธิบายและทดลองความ สมั พันธ์ระหวาํ ง แรงเสียดทานสถติ กับแรง และนาความรู๎ การกระจัด เวลา ความเรว็ ความเรงํ ของ ไปใช๎ประโยชน์ การเคลอื่ นทีใ่ นแนวตรง๒. ทดลองและวเิ คราะหโ์ มเมนต์ของแรง และ ๒. สงั เกตและอธบิ ายการเคล่ือนทแี่ บบโพรเจก นาความรู๎ไปใชป๎ ระโยชน์ ไทล์ แบบวงกลม และแบบฮารม์ อนิกอยาํ ง งาํ ย๓. สังเกต และอธิบายการเคลอ่ื นทขี่ องวัตถุท่ี เปน็ แนวตรง และแนวโคง๎ ๓. อภิปรายผลการสืบคน๎ และประโยชน์ เกี่ยวกบั การเคล่อื นทแ่ี บบโพรเจกไทล์ แบบวงกลม และแบบฮาร์มอนิกอยํางงาํ ย

สาระที่ ๕ พลังงานมาตรฐาน ว ๕.๑ เข้าใจความสมั พันธร์ ะหว่างพลงั งานกบั การดารงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏ มีกระบวน การสบื เสาะหาความรู้ ส่ือสารส่งิ ท่ีเรยี นรแู้ ละนาความรูไ้ ปใช้ประโยช ตวั ช้วี ัดชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒๑. ทดลองและอธบิ ายอุณหภูมแิ ละการวดั ๑. ทดลองและอธบิ ายการสะทอ๎ นของแสงอณุ หภมู ิ การหักเหของแสง และนาความร๎ูไปใช๎๒. สงั เกต และอธบิ ายการถาํ ยโอนความร๎อน ประโยชน์ ๒. อธบิ ายผลของความและนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ สวํางที่มีตํอมนษุ ยแ์ ละส่ิงมชี ีวิต อ่นื ๆ๓. อธิบาย การดดู กลืน การคายความร๎อน โดย ๓. ทดลองและอธิบายการดูดกลืนแสงสี การการแผํรังสี และนาความรไ๎ู ปใชป๎ ระโยชน์ มองเหน็ สขี องวัตถุ และนาความร๎ไู ปใช๎๔. อธบิ ายสมดลุ ความรอ๎ นและผลของความ ประโยชน์รอ๎ นตํอการขยายตวั ของสาร และนาความร๎ูไปใช๎ในชีวิตประจาวัน

๑๐๑ฏิสัมพันธร์ ะหวา่ งสารและพลงั งาน ผลของการใชพ้ ลังงานตอ่ ชีวิตและส่ิงแวดล้อมชน์ ตวั ช้ีวัดช่วงช้นั ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ๑. อธิบายงาน พลังงานจลน์ พลงั งานศักย์ ๑. ทดลองและอธบิ ายสมบตั ิ ของคลน่ื กล และ โนม๎ ถํวง กฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งาน และ อธบิ ายความสมั พันธ์ระหวําง อตั ราเร็ว ความสัมพันธร์ ะหวาํ งปริมาณเหลํานี้ ความถ่แี ละความยาวคล่ืน รวมทง้ั นาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ ๒. อธิบายการเกดิ คลนื่ เสยี งบีตสข์ องเสียง ๒. ทดลองและอธิบายความสมั พันธร์ ะหวาํ ง ความเขม๎ เสียง ระดบั ความเข๎มเสียง การได๎ ความตาํ งศกั ย์ กระแสไฟฟ้า ความตา๎ นทาน ยนิ เสียง คณุ ภาพเสยี ง และนาความร๎ไู ปใช๎ ประโยชน์ และนาความรู๎ไปใชป๎ ระโยชน์ ๓. คานวณพลงั งานไฟฟ้าของเครอื่ งใช๎ ไฟฟ้า ๓. อภิปรายผลการสืบคน๎ ขอ๎ มูลเกี่ยวกับมลพษิ ทางเสยี งที่มตี อํ สุขภาพของมนุษย์ และการ และนาความรไ๎ู ปใช๎ประโยชน์ ๔. สังเกตและอภปิ รายการตอํ วงจรไฟฟา้ ใน เสนอ วิธีปอ้ งกัน บา๎ นอยาํ งถูกต๎องปลอดภัย และประหยดั ๔. อธบิ ายคล่ืนแมเํ หลก็ ไฟฟา้ สเปกตรมั คลื่น ๕. อธิบายตวั ตา๎ นทาน ไดโอด ทรานซสิ เตอร์ แมํเหลก็ ไฟฟ้า และนาเสนอผลการสืบค๎น และทดลองตอํ วงจรอิเล็กทรอนิกสเ์ บือ้ งต๎น ข๎อมลู เกีย่ วกบั ประโยชน์ และการปอ้ งกัน ทมี่ ี ทรานซสิ เตอร์ อันตรายจากคลนื่ แมเํ หลก็ ไฟฟ้า

ตัวชว้ี ดั ชน้ั ปีม. ๑ ม. ๒

๑๐๒ ตวั ชว้ี ดั ช่วงชัน้ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ๕. อธบิ ายปฏกิ ิรยิ านวิ เคลียร์ ฟิชชัน ฟิวชนั และความสัมพนั ธ์ระหวาํ งมวลกับ พลงั งาน ๖. สืบคน๎ ข๎อมูลเกย่ี วกับพลงั งาน ท่ีได๎จาก ปฏกิ ริ ิยานวิ เคลยี รแ์ ละผลตอํ สงิ่ มชี ีวิต และส่ิงแวดล๎อม ๗. อภิปรายผลการสบื ค๎นขอ๎ มลู เกี่ยวกับ โรงไฟฟา้ นิวเคลยี ร์ และการนาไปใช๎ ประโยชน์ ๘. อธบิ ายชนดิ และสมบตั ิของรงั สจี ากธาตุ กมั มันตรังสี ๙. อธิบายการเกดิ กัมมันตภาพ รังสีและบอก วิธีการตรวจสอบรงั สใี นส่ิงแวดลอ๎ ม การ ใชป๎ ระโยชน์ ผลกระทบตํอส่ิงมีชีวติ และ สง่ิ แวดลอ๎ ม

สาระที่ ๖ กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลกมาตรฐาน ว ๖.๑ เข้าใจกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนบนผวิ โลกและภายในโลก ความสัมพันธ์ของก กระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละจิตวิทยาศาสตร์ ส่อื สารสง่ิ ทเ่ี รียนร้แู ละนาควา ตัวช้ีวัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒๑. สืบคน๎ และอธิบายองค์ประกอบและการ ๑. สารวจทดลองและอธบิ ายลกั ษณะของชัน้ หนา๎ ตดั ดนิ สมบตั ิ แบํงช้ันบรรยากาศท่ีปกคลุมผวิ โลก ของดนิ และกระบวนการเกดิ ดนิ๒. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวาํ ง ๒. สารวจ วิเคราะหแ์ ละอธบิ ายการใชป๎ ระโยชน์และการ อุณหภมู ิ ความชื้นและความกดอากาศที่มี ปรบั ปรงุ คณุ ภาพของดิน ผลตอํ ปรากฏการณ์ทางลมฟา้ อากาศ ๓. ทดลองเลยี นแบบ เพอื่ อธบิ ายกระบวนการเกดิ และลกั ษณะ๓. สงั เกต วเิ คราะห์ และ อภปิ รายการเกดิ องคป์ ระกอบของหนิ ปรากฏการณ์ทางลมฟ้าอากาศที่มีผลตํอ มนุษย์ ๔. ทดสอบ และสังเกตองคป์ ระกอบและสมบัตขิ องหนิ เพ่ือ จาแนกประเภทของหิน และนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์๔. สืบค๎น วิเคราะห์ และแปลความหมาย ขอ๎ มูลจากการพยากรณ์อากาศ ๕. ตรวจสอบและอธิบาย ลกั ษณะทางกายภาพของแรํ และการ นาไปใชป๎ ระโยชน์๕. สืบคน๎ วิเคราะห์ และอธิบายผลของลมฟา้ อากาศตอํ การดารง ชวี ติ ของสง่ิ มชี ีวติ และ ๖ สบื ค๎นและอธบิ ายกระบวนการเกดิ ลกั ษณะและสมบตั ิ สิ่งแวดล๎อม ของปิโตรเลียม ถาํ นหนิ หินน้ามัน และการนาไปใช๎๖. สบื ค๎น วเิ คราะห์ และอธบิ ายปจั จยั ทาง ธรรมชาติและการกระทาของมนษุ ยท์ ่ีมผี ล ประโยชน์ ตํอการเปล่ยี นแปลงอณุ หภูมิของโลก รู โหวํโอโซน และฝนกรด ๗. สารวจและอธิบายลกั ษณะแหลงํ น้าธรรมชาติ การใช๎๗. สบื คน๎ วิเคราะห์และอธบิ ายผลของภาวะ ประโยชน์และการอนุรกั ษแ์ หลงํ น้าในทอ๎ งถิน่ ๘. ทดลองเลยี นแบบ และอธิบาย การเกิดแหลํงน้าบนดิน แหลงํ โลกรอ๎ น รูโหวํโอโซน และฝนกรด ทม่ี ี ตํอสิ่งมีชีวติ และส่ิงแวดล๎อม นา้ ใต๎ดนิ ๙. ทดลองเลียนแบบและอธบิ ายกระบวนการผุพงั อยํูกบั ที่ การ กรํอน การพัดพา การทบั ถม การตกผลกึ และผลของ กระบวนการดงั กลาํ ว ๑๐.สบื คน๎ สรา๎ งแบบจาลอง และ อธบิ ายโครงสรา๎ งและ องคป์ ระกอบของโลก

๑๐๓กระบวนการต่าง ๆ ทมี่ ผี ลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสณั ฐานของโลก มีามรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัดช่วงชัน้ ม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ๑. สืบคน๎ และอธบิ ายหลกั การ ในการแบํง โครงสร๎างโลก ๒. ทดลองเลียนแบบและอธบิ ายกระบวนการ เปล่ยี นแปลงทางธรณีภาคของโลก ๓. ทดลองเลียนแบบ และอธบิ าย กระบวนการเกดิ ภูเขา รอยเล่ือน รอยคด โคง แผนดนิ ไหว ภเู ขาไฟระเบิด ๔. สบื ค๎นและอธบิ ายความ สาคัญของปรากฏ การณทางธรณีวทิ ยาแผนํ ดนิ ไหว ภูเขา ไฟระเบดิ ทส่ี งํ ผลตอ ส่งิ มชี ีวิตและสิ่ง แวดลอม ๕. สารวจ วิเคราะหแ์ ละอธบิ าย การลาดบั ช้นั หิน จากการวางตวั ของช้ันหิน ซากดึก ดาบรรพ และโครงสรางทางธรณวี ิทยา เพอื่ อธบิ ายประวัตคิ วามเปน็ มา ของพ้นื ท่ี ๖. สืบค๎น วิเคราะห์ และอธิบายประโยชน์ ของข๎อมลู ทางธรณีวิทยา

สาระที่ ๗ ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศมาตรฐาน ว๗.๑ เข้าใจวิวฒั นาการของระบบสุรยิ ะ กาแล็กซี และเอกภพ การปฏิสัมพนั ธภ์ ายในร จติ วิทยาศาสตร์ การสือ่ สารสิ่งที่เรียนร้แู ละนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒

๑๐๔ระบบสุริยะ และผลต่อสง่ิ มีชีวิตบนโลก มกี ระบวนการสบื เสาะ หาความรู้และ ม. ๓ ตัวชี้วัดช่วงช้ัน๑. สบื คน๎ และอธิบายความสมั พันธร์ ะหวาํ ง ม. ๔ – ม. ๖ ดวงอาทิตย์ โลก ดวงจนั ทร์และดาวเคราะห์ อืน่ ๆ และผลทีเ่ กดิ ขึ้นตํอส่ิงแวดลอ๎ มและ ๑. สืบคน๎ และอธบิ ายการเกดิ และววิ ฒั นาการ สิง่ มชี ีวิตบนโลก ของระบบสุรยิ ะ กาแลก็ ซี และเอกภพ๒. สืบค๎นและอธิบายองคป์ ระกอบของเอก ๒. สบื ค๎นและอธิบายธรรมชาตแิ ละวฒั นาการ ภพ กาแลก็ ซี และระบบสุรยิ ะ ของดาวฤกษ์๓. ระบุตาแหนํงของกลํมุ ดาว และนาความร๎ู ไปใชป๎ ระโยชน์

สาระที่ ๗ ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศมาตรฐาน ว ๗.๒ เขา้ ใจความสาคญั ของเทคโนโลยีอวกาศที่นามาใชใ้ นการสารวจอวกาศ และทรพั มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่อื สารสิง่ ทเ่ี รยี นรู้ และ ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒

๑๐๕พยากรธรรมชาตดิ ้านการเกษตรและการส่ือสาระนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์อย่างมีคุณธรรมต่อชีวติ และสิง่ แวดล้อม ตัวชว้ี ดั ชว่ งช้นัม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖๑. สืบค๎นและอภิปรายความก๎าวหนา๎ ของ ๑. สบื ค๎นและอธิบายการสง และ เทคโนโลยอี วกาศทีใ่ ชส๎ ารวจอวกาศ วตั ถุ คานวณความเร็วในการโคจรของ ทอ๎ งฟา้ สภาวะอากาศ ทรัพยากร ธรรมชาติ ดาวเทียมรอบโลก การเกษตร และการสอื่ สาร ๒. สืบคน๎ และอธบิ ายประโยชน์ของดาวเทียม ในดานตาง ๆ ๓. สบื ค๎นและอธิบายการสํง และสารวจ อวกาศโดยใชยานอวกาศและสถานี อวกาศ

สาระท่ี ๘ ธรรมชาติของวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีมาตรฐาน ว ๘.๑ ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ กา ท่ีแนน่ อน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมลู และเคร่ืองมอื ท่ีมอี ยู่ในช มคี วามเก่ยี วขอ้ งสัมพันธก์ นั ตวั ชี้วัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒๑. ต้ังคาถาม ท่ีกาหนดประเดน็ หรือตวั แปรท่ี ๑. ตง้ั คาถาม ที่กาหนดประเดน็ หรอื ตวั แปร สาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือศกึ ษา ทสี่ าคัญในการสารวจตรวจสอบ หรือ คน๎ คว๎าเร่อื ง ทีส่ นใจ ได๎อยําง ครอบ ศกึ ษาค๎นควา๎ เร่ือง ทส่ี นใจ ไดอ๎ ยําง คลํุม และเชอื่ ถือได๎ ครอบคลํุม และเชอื่ ถือได๎๒. สร๎างสมมติฐาน ทส่ี ามารถตรวจสอบได๎ ๒. สรา๎ งสมมติฐาน ทส่ี ามารถตรวจสอบได๎ และวางแผนการสารวจตรวจสอบหลาย ๆ และวางแผนการสารวจตรวจสอบหลาย ๆ วธิ ี วธิ ี๓. เลือกเทคนิควธิ กี ารสารวจตรวจสอบท้งั ๓. เลือกเทคนคิ วิธกี ารสารวจตรวจสอบทัง้ เชงิ ปรมิ าณและเชิงคณุ ภาพท่ไี ดผ๎ ล เชงิ ปรมิ าณและเชิงคณุ ภาพทไ่ี ด๎ผล เท่ยี งตรงและปลอดภยั โดยใช๎วสั ดแุ ละ เทย่ี งตรงและปลอดภยั โดยใชว๎ ัสดุและ เครือ่ งมือท่เี หมาะสม เคร่อื งมือท่เี หมาะสม๔. รวบรวมขอ๎ มูลจดั กระทาขอ๎ มลู เชิงปรมิ าณ ๔. รวบรวมขอ๎ มูลจดั กระทาขอ๎ มูลเชิงปริมาณ และคณุ ภาพ และคุณภาพ๕.วิเคราะห์และประเมนิ ความสอดคล๎องของ ๕.วิเคราะห์และประเมินความสอดคล๎องของ ประจกั ษพ์ ยานกบั ขอ๎ สรุป ทงั้ ท่ีสนบั สนนุ ประจักษพ์ ยานกบั ขอ๎ สรปุ ท้งั ทีส่ นับสนุน หรอื ขดั แย๎งกับสมมติฐานและความ หรือขดั แยง๎ กบั สมมตฐิ านและความ ผดิ ปกตขิ องข๎อมลู จากการสารวจ ผิดปกติของข๎อมูลจากการสารวจ ตรวจสอบ ตรวจสอบ

๑๐๖ารแกป้ ัญหา รู้ว่าปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ ี่เกดิ ขึ้นส่วนใหญ่มีรปู แบบช่วงเวลาน้นั ๆ เข้าใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม ม. ๓ ตวั ชวี้ ัดชว่ งชั้น๑. ตง้ั คาถาม ทกี่ าหนดประเด็นหรอื ตัวแปร ม. ๔ – ม. ๖ ท่สี าคญั ในการสารวจตรวจสอบ หรอื ๑. ตง้ั คาถามที่อยูบํ นพน้ื ฐาน ของความร๎ู ศกึ ษาคน๎ ควา๎ เรื่อง ทสี่ นใจ ไดอ๎ ยาํ ง ครอบคลํุม และเชื่อถือได๎ และความเข๎าใจ ทางวทิ ยาศาสตร์ หรอื๒. สรา๎ งสมมติฐาน ท่สี ามารถตรวจสอบได๎ ความสนใจ หรือจากประเดน็ ท่เี กิดขน้ึ ใน และวางแผนการสารวจตรวจสอบหลาย ๆ ขณะน้นั ท่ีสามารถทาการสารวจ วธิ ี ตรวจสอบหรือศึกษาค๎นควา๎ ได๎อยาํ ง๓. เลอื กเทคนิควิธกี ารสารวจตรวจสอบทั้ง ครอบคลมุ และเชอ่ื ถอื ได๎ เชงิ ปรมิ าณและเชงิ คุณภาพทีไ่ ดผ๎ ล ๒. สร๎างสมมตฐิ านทมี่ ที ฤษฎรี องรับ หรอื เทยี่ งตรงและปลอดภัย โดยใช๎วสั ดุและ คาดการณ์สงิ่ ทีจ่ ะพบ หรือสรา๎ ง เครือ่ งมือที่เหมาะสม แบบจาลอง หรือสรา๎ งรปู แบบ เพ่อื นาไปสูํ๔. รวบรวมข๎อมูลจดั กระทาข๎อมูลเชิงปริมาณ การสารวจตรวจสอบ และคณุ ภาพ ๓. ค๎นควา๎ รวบรวมข๎อมลู ท่ตี ๎องพิจารณา ปัจจยั หรอื ตวั แปรสาคญั ปจั จัยที่มผี ลตํอ๕.วิเคราะห์และประเมินความสอดคลอ๎ งของ ปัจจยั อื่น ปัจจยั ที่ควบคุมไมไํ ด๎ และ ประจักษพ์ ยานกับขอ๎ สรปุ ทงั้ ที่สนับสนนุ จานวนครง้ั ของการสารวจ ตรวจสอบ หรือขัดแย๎งกบั สมมตฐิ านและความ เพื่อใหไ๎ ดผ๎ ลท่ีมีความเช่อื มนั่ อยาํ งเพียงพอ ผิดปกติของข๎อมูลจากการสารวจ ๔. เลือกวสั ดุ เทคนคิ วธิ ี อุปกรณ์ ทใ่ี ชใ๎ นการ ตรวจสอบ สงั เกต การวดั การสารวจ ตรวจสอบอยํางถูกตอ๎ งทงั้ ทางกว๎างและ ลกึ ในเชงิ ปริมาณและคุณภาพ

ม. ๑ ตวั ช้ีวัดชัน้ ปี๖. สร๎างแบบจาลอง หรอื รปู แบบ ที่อธิบาย ม. ๒ ผลหรอื แสดงผลของการสารวจตรวจสอบ ๖. สรา๎ งแบบจาลอง หรอื รูปแบบ ท่ีอธิบาย๗. สรา๎ งคาถามทนี่ าไปสูกํ ารสารวจ ผลหรอื แสดงผลของการสารวจตรวจสอบ ตรวจสอบ ในเรื่องทีเ่ กย่ี วข๎อง และนา ๗. สร๎างคาถามทนี่ าไปสํูการสารวจ ความรู๎ท่ีได๎ไปใช๎ ในสถานการณใ์ หมํหรอื อธบิ ายเกยี่ วกับแนวคิด กระบวนการและ ตรวจสอบ ในเร่อื งทเี่ กี่ยวข๎อง และนา ผลของโครงงานหรือชนิ้ งานให๎ผอ๎ู ื่นเข๎าใจ ความร๎ทู ่ีได๎ไปใช๎ ในสถานการณ์ใหมํหรอื๘. บันทึกและอธบิ ายผลการสังเกตการ อธิบายเกยี่ วกบั แนวคิด กระบวนการและ สารวจ ตรวจสอบ คน๎ ควา๎ เพิม่ เติมจาก ผลของโครงงานหรอื ชนิ้ งานใหผ๎ ๎ูอื่นเข๎าใจ แหลงํ ความรู๎ตําง ๆ ใหไ๎ ด๎ข๎อมูลที่ ๘. บันทกึ และอธบิ ายผลการสงั เกตการ เช่ือถอื ได๎ และยอมรับการเปลยี่ นแปลง สารวจ ตรวจสอบ ค๎นควา๎ เพ่มิ เติมจาก ความรท๎ู ี่ค๎นพบ เมือ่ มีข๎อมูลและประจักษ์ แหลงํ ความรต๎ู าํ ง ๆ ให๎ได๎ขอ๎ มลู ที่ พยานใหมํเพ่มิ ข้นึ หรอื โต๎แยง๎ จากเดมิ เช่ือถอื ได๎ และยอมรับการเปล่ียนแปลง๙. จดั แสดงผลงาน เขยี นรายงาน และ/หรอื ความรู๎ท่ีค๎นพบ เมอื่ มขี อ๎ มลู และประจักษ์ อธิบายเกี่ยวกบั แนวคดิ กระบวนการ และ พยานใหมเํ พ่มิ ขนึ้ หรือโต๎แยง๎ จากเดมิ ผลของโครงงานหรอื ชน้ิ งานใหผ๎ ๎ูอนื่ เข๎าใจ ๙. จัดแสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรอื อธบิ ายเก่ียวกับแนวคดิ กระบวนการ และ ผลของโครงงานหรือชน้ิ งานใหผ๎ ๎อู นื่ เขา๎ ใจ

๑๐๗ ม. ๓ ตวั ชี้วัดช่วงชนั้๖. สรา๎ งแบบจาลอง หรือรปู แบบ ทอ่ี ธบิ าย ม. ๔ – ม. ๖ ผลหรือแสดงผลของการสารวจตรวจสอบ ๕. รวบรวมข๎อมลู และบันทกึ ผลการสารวจ๗. สร๎างคาถามท่นี าไปสํกู ารสารวจ ตรวจสอบอยํางเปน็ ระบบถกู ต๎อง ตรวจสอบ ในเรื่องทีเ่ กี่ยวข๎อง และนา ครอบคลมุ ทั้งในเชงิ ปริมาณและคุณภาพ ความรท๎ู ไี่ ด๎ไปใช๎ ในสถานการณ์ใหมํหรือ โดยตรวจสอบความเป็นไปได๎ ความ อธิบายเก่ียวกับแนวคิด กระบวนการและ เหมาะสมหรอื ความผิดพลาดของขอ๎ มลู ผลของโครงงานหรอื ช้ินงานใหผ๎ ๎อู ืน่ เข๎าใจ ๖. จดั กระทาขอ๎ มลู โดยคานึงถงึ การรายงาน๘. บนั ทกึ และอธบิ ายผลการสงั เกตการ ผลเชงิ ตวั เลขท่ีมีระดับความถกู ต๎องและ สารวจ ตรวจสอบ ค๎นควา๎ เพมิ่ เติมจาก นาเสนอข๎อมูลด๎วยเทคนิควธิ ีทเี่ หมาะสม แหลํงความรตู๎ าํ ง ๆ ใหไ๎ ด๎ขอ๎ มลู ท่ี ๗. วิเคราะห์ข๎อมลู แปลความหมายข๎อมูล เชอื่ ถือได๎ และยอมรบั การเปลยี่ นแปลง และประเมนิ ความสอดคลอ๎ งของข๎อสรุป ความรท๎ู ค่ี ๎นพบ เมื่อมีข๎อมลู และประจกั ษ์ หรอื สาระสาคัญ เพื่อตรวจสอบ กับ พยานใหมํเพ่มิ ขนึ้ หรือโต๎แย๎งจากเดิม สมมติฐานทต่ี ้ังไว๎๙. จดั แสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรือ ๘. พิจารณาความนําเชือ่ ถือ ของวธิ กี ารและ อธบิ ายเก่ยี วกับแนวคดิ กระบวนการ และ ผลการสารวจตรวจสอบ โดยใชห๎ ลกั ความ ผลของโครงงานหรอื ชนิ้ งานใหผ๎ อ๎ู ่นื เขา๎ ใจ คลาดเคลือ่ น ของการวัดและ การสังเกต เสนอแนะการปรับปรงุ วธิ กี ารสารวจ ตรวจสอบ ๙. นาผลของการสารวจตรวจสอบท่ไี ด๎ ทง้ั วธิ กี าร และองค์ความร๎ูทีไ่ ด๎ไปสร๎าง คาถามใหมํ นาไปใชแ๎ ก๎ปัญหา ใน สถานการณ์ใหมแํ ละในชีวิตจริง ๑๐. ตระหนักถึงความสาคญั ในการท่ี จะตอ๎ งมสี ํวนรวํ มรับผดิ ชอบการอธิบาย การลงความเหน็ และการสรปุ ผล การ เรียนรู๎วิทยาศาสตร์ ท่ีนาเสนอตํอ สาธารณชนดว๎ ยความถูกต๎อง

ตัวชว้ี ดั ชน้ั ปีม. ๑ ม. ๒

๑๐๘ ตัวช้วี ัดชว่ งช้นัม. ๓ ม. ๔ – ม. ๖ ๑๑. บนั ทกึ และอธบิ ายผลการสารวจ ตรวจสอบอยาํ งมีเหตุผล ใช๎ พยานหลักฐานอ๎างองิ หรอื ค๎นควา๎ เพ่ือเตมิ เพ่อื หาหลักฐานอา๎ งอิงท่เี ชอื่ ถือได๎ และ ยอมรบั วาํ ความรู๎เดมิ อาจมกี าร เปลย่ี นแปลงได๎ เม่ือมขี ๎อมูลและ ประจกั ษ์ พยานใหมเํ พ่ิมเติมหรือโตแ๎ ย๎ง จากเดมิ ซ่งึ ท๎าทายให๎มกี ารตรวจสอบ อยาํ งระมัดระวงั อันจะนามาสํู การยอมรบั เป็นความร๎ใู หมํ ๑๒. จัดแสดงผลงาน เขยี นรายงาน และ/หรือ อธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ และ ผลของโครงงานหรอื ชิน้ งานใหผ๎ ูอ๎ น่ื เขา๎ ใจ

๑๐๙ คาอธิบายรายวิชา รหัสวชิ า ว ๒๑๑๐๑ กลุ่มสาระวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ เวลา ๓ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นที่ ๑ ศึกษา สืบค๎นข๎อมูล สารวจตรวจสอบ วิเคราะห์ และสร๎างองค์ความร๎ูเก่ียวกับลักษณะของเซลลข์ อง ส่งิ มีชวี ิตเซลลเ์ ดียว และเซลล์ของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เปรียบเทียบสํวนประกอบสาคัญของเซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์ ทดลองและอธบิ ายหน๎าท่ีของสํวนประกอบที่สาคัญของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ทดลองและอธิบายกระบวนการสารผาํ นเซลล์ โดยการแพรํและออสโมซสิ ทดลองหาปจั จยั บางประการท่ีจาเป็นตํอการสังเคราะห์ด๎วยแสงของพืช และอธิบายวําแสงคลอโรฟิลล์ แก๏ส คาร์บอนไดออกไซด์แกส๏ คาร์บอนไดออกไซด์ น้า และปัจจัยที่ จาเป็นต๎องใช๎ในการสังเคราะห์ด๎วยแสง ผลที่ได๎จากการสังเคราะห์ด๎วยแสงของพืช ความสาคัญของกระบวนการสังเคราะห์ด๎วยแสงของพืชตํอส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล๎อม กลํุมเซลล์ท่ีเก่ียวข๎องกับการลาเลียงน้าของพืช โครงสร๎างท่ีเกี่ยวกับระบบลาเลียงน้าและอาหารของพืช โครงสร๎างของดอกที่เกี่ยวข๎องกับการสืบพันธุ์ของพืช กระบวนการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอกและแบบอาศัยเพศของพืช โดยใช๎สํวนตําง ๆของพืชเพื่อชํวยในการขยายพันธ์ุ การตอบสนองของพืชตํอแสง น้าและการสัมผัส หลักการและผลของการใช๎เทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพนั ธุ์ ปรบั ปรงุ พันธเุ์ พม่ิ ผลผลติ ของพืชและนาความร๎ไู ปใช๎ประโยชน์ ทดลองและจาแนกสารเป็นกลมุํ โดยใชเ๎ นือ้ สารหรือขนาดอนุภาคเป็นเกณฑ์ และอธิบายสมบัติของสารในแตํละกลุํม สมบัติและการเปลี่ยนสถานะของสาร โดยใชแ๎ บบจาลองการจดั เรยี งอนุภาคของสาร สมบตั ิความเป็นกรด เบสของสารละลาย ตรวจสอบคํา pH ของ สารละลายและนาความร๎ไู ปใช๎ประโยชน์ วธิ เี ตรียมสารละลายท่ีมคี วามเขม๎ ข๎นเปน็ ร๎อยละ การนาความร๎ูเก่ียวกับสารละลายไปใช๎ประโยชน์ การเปลี่ยนแปลงสมบตั ิ โดยใช๎กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบ การทางานกลํุม การสรา๎ งความคดิ รวบยอด การแก๎ปญั หา การทดลอง การวเิ คราะห์ สังเคราะห์และการอภปิ ราย เพ่ือให๎รักการเรียนร๎ูวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีจิตวิทยาศาสตร์ มีทักษะในการดารงชีวิตสามารถ ตัดสินใจและนาความรู๎ทางวิทยาศาสตร์มาเป็นเคร่ืองมือในการเรียนวิชาอ่ืน และนาไปใช๎ในชวี ติ ประจาวนั ได๎อยํางถกู ตอ๎ ง เหน็ คุณคําภูมิปัญญาท๎องถิ่น เห็นคุณคําและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม สามารถใช๎ภูมิปัญญาท๎องถ่ินในการรักษาสภาพ แวดล๎อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของทอ๎ งถ่ิน ประเทศและสังคมโลกรหสั ตัวชีว้ ัด รวม ๒๒ ตัวช้ีวดัมาตรฐาน ว.๑.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ม.๑/๑๐ ม.๑/๑๑ม.๑/๑๒, ม.๑/๑๓ มาตรฐาน ว ๓.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ มาตรฐาน ว ๓.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ม.๑/๓ มาตรฐาน ว ๔.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ มาตรฐาน ว ๘.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙

๑๑๐ คาอธบิ ายรายวชิ ารหสั วิชา ว ๒๑๑๐๒ กล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑เวลา ๓ ช่วั โมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๕ หน่วยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ ศึกษา สบื ค๎นขอ๎ มูล สารวจตรวจสอบ วิเคราะห์ และสรา๎ งองค์ความร๎เู กี่ยวกบั มวลและพลังงานของสาร เม่อื สารเปลีย่ นสถานะและเกิดการละลาย ปจั จัยทมี่ ีผลตอํ การเปลี่ยนสถานะและการละลายของสาร ปริมาณ สเกลาร์ ปริมาณเวกเตอร์ ระยะทาง การกระจัด อตั ราเรว็ และความเรว็ ในการเคลอ่ื นที่ของวตั ถุ อณุ หภมู แิ ละการวัดอุณหภูมิ การถํายโอนความร๎อนและนาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ การดูดกลืนการคายความร๎อนโดยการแผํรังสี สมดุลความร๎อนและผลของความร๎อนตํอการขยายตัวของสารองคป์ ระกอบและการแบํงชัน้ บรรยากาศที่ปกคลมุ ผิวโลก ความสัมพันธร์ ะหวาํ ง อุณหภูมิ ความชื้นและความกดอากาศที่มผี ลตํอปรากฏการณท์ างลมฟา้ อากาศ การเกิดปรากฏการณ์ทางลมฟ้าอากาศที่มีผลตํอมนุษย์ การแปลความหมายข๎อมูลจากการพยากรณ์อากาศ ผลของลมฟ้าอากาศตํอการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต และส่ิงแวดล๎อม ปัจจัยทางธรรมชาติและการกระทาของมนุษย์ท่ีมี ผลตํอการเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ขิ องโลก รูโหวํโอโซน และฝนกรด ผลของภาวะโลกร๎อน รูโหวํโอโซน และ ฝนกรด ที่มีตํอสิง่ มีชวี ติ และส่ิงแวดลอ๎ ม โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การทางานกลุํม การสร๎างความคดิ รวบยอด การแกป๎ ัญหา การทดลอง การวิเคราะห์ สงั เคราะห์และการอภปิ ราย เพื่อให๎รักการเรียนรู๎วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีจิตวิทยาศาสตร์ มีทักษะในการดารงชีวิตสามารถ ตัดสินใจและนาความรู๎ทางวิทยาศาสตร์มาเป็นเครื่องมือในการเรียนวิชาอื่น และนาไปใช๎ในชีวิตประจาวันไดอ๎ ยาํ งถกู ตอ๎ ง เหน็ คุณคําภูมิปัญญาท๎องถ่ิน เห็นคุณคําและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม สามารถใช๎ ภูมิปัญญาท๎องถ่ินในการรักษาสภาพแวดล๎อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของท๎องถนิ่ ประเทศและสงั คมโลกรหสั ตัวชวี้ ดั รวม ๒๐ ตวั ช้ีวัดมาตรฐาน ว ๕.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔มาตรฐาน ว ๖.๑ ม.๑-๓/๑ ม.๑-๓/๒ ม.๑-๓/๓ ม.๑-๓/๔ ม.๑-๓/๕ ม.๑-๓/๖ ม.๑-๓/๗มาตรฐาน ว ๘.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙

๑๑๑ คาอธบิ ายรายวชิ ารหัสวชิ า ว ๒๒๑๐๑ กลุม่ สาระวิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ เวลา ๓ ช่วั โมง/สปั ดาห์ จานวน ๑.๕ หน่วยกิต ภาคเรยี นท่ี ๑ ศึกษาความสาคัญของโครงสร๎างและการทางานของระบบยํอยอาหาร ระบบหมุนเวียนเลือดระบบหายใจ ระบบขับถําย ระบบสืบพันธุ์ ของมนุษย์และสัตว์ รวมท้ังระบบประสาทของมนุษย์ความสมั พันธ์ของระบบตํางๆ ของ มนุษย์ พฤติกรรมของมนุษยแ์ ละสัตว์ท่ีตอบสนองตํอสิ่งเร๎าภายนอกและภายใน หลักการและผลของการใช๎เทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธ์ุ ปรับปรุงพันธุ์และเพ่ิมผลผลติ ของสตั ว์ ทดลองสารอาหารในอาหารมีปริมาณพลังงานและสัดสํวนที่เหมาะสมกับเพศและวัยผลของสารเสพตดิ ตอํ ระบบตาํ งๆ ของรํางกาย องคป์ ระกอบสมบัตขิ องธาตแุ ละสารประกอบการเปรยี บเทียบสมบัติของธาตุโลหะ ธาตุอโลหะธาตกุ ึ่งโลหะและธาตุกัมมันตรังสี หลักการแยกสารด๎วยวิธีการกรอง การตกผลึก การสกัด การกลั่นและโครมาโทกราฟี ทดลองการเปล่ียนแปลงสมบัติ มวล และพลังงานเม่ือสารเกิดปฏิกิริยาเคมี รวมท้ังอธบิ ายปจั จัยทม่ี ผี ลตอํ การเกิดปฏิกริ ิยาเคมี เขยี นสมการเคมีของปฏิกิริยาของสารตํางๆ ผลของสารเคมีปฏิกิริยาเคมีตํอส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล๎อม การใช๎สารเคมีอยํางถูกต๎อง ปลอดภัย วิธีป้องกันและแก๎ไขอันตรายทเี่ กิดข้ึนจากการใช๎สารเคมี ทดลองแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในระนาบเดียวกันที่กระทาตํอวัตถแุ รงลพั ธท์ ี่กระทาตํอวตั ถทุ ห่ี ยุดนิง่ หรือวัตถเุ คล่ือนทด่ี ๎วยความเร็วคงตวั ทดลองการสะท๎อนของแสงการหักเหของแสง ผลของความสวํางท่ีมีตํอมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทดลองการดูดกลืนแสงสี การมองเห็นสขี องวัตถุ โดยใชก๎ ระบวนการสอนแบบพุทธวิธี การปฏบิ ัตงิ านกลุํม ทดลอง สรา๎ งความคิดรวบยอด ฝกึทกั ษะกระบวนทางวทิ ยาศาสตร์ การอาํ น คิด วเิ คราะห์ และเขียนส่อื ความหมายอยํางมวี ิจารณญาณ การแกป๎ ญั หา การเรยี นร๎ูเพือ่ ใหเ๎ กดิ ความรู๎ ความเข๎าใจ ความคดิ และสามารถนาทกั ษะทางวทิ ยาศาสตรไ์ ปใช๎สื่อสารในสิ่งทเ่ี รยี นรู๎ มีความสามารถในการตดั สินใจ ตระหนักและเห็นคุณคาํ ของการนาความร๎ูทางวทิ ยาศาสตรไ์ ปใช๎ใหเ๎ กิดประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ใฝเ่ รียนร๎ู มงํุ ม่ันในการทางาน มีวนิ ยั และคํานิยมที่เหมาะสมตามสมณสารูปรหัสตวั ชีว้ ดั รวม ๑๘ ตัวชวี้ ัดมาตรฐาน ว ๑.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ มาตรฐาน ว ๓.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ม.๒/๓มาตรฐาน ว ๓.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ มาตรฐาน ว ๔.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒มาตรฐาน ว ๕.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓

๑๑๒ คาอธิบายรายวชิ ารหัสวิชา ว ๒๒๑๐๒ กลุม่ สาระวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ เวลา ๓ ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๕ หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ ๒ ศึกษาความสาคญั การสารวจ ทดลองลกั ษณะของชน้ั หน๎าตัดดนิ สมบตั ขิ องดนิ กระบวนการเกิดดิน การใชป๎ ระโยชนแ์ ละการปรับปรงุ คุณภาพของดนิ ทดลองเลยี นแบบกระบวนการเกดิ และลกั ษณะองคป์ ระกอบของหนิ ตรวจสอบลกั ษณะทางกายภาพของแรํ กระบวนการเกดิ ลกั ษณะและสมบตั ขิ องปโิ ตรเลยี ม ถาํ นหนิ หนิ นา้ มัน สารวจลกั ษณะแหลํงนา้ ธรรมชาติ การใชป๎ ระโยชนแ์ ละการอนรุ กั ษแ์ หลงํน้าในทอ๎ งถ่ิน ทดลองเลยี นแบบการเกดิ แหลํงน้าบนดนิ แหลงํ น้าใตด๎ ิน กระบวนการผุพงั อยูกํ ับที่ การกรํอนการพัดพา การทบั ถม การตกผลึกและผลของ กระบวนการ สร๎างแบบจาลองและ อธิบายโครงสร๎างและองคป์ ระกอบของโลก การตง้ั คาถามทก่ี าหนดประเด็นหรือตวั แปรที่สาคญั ในการสารวจตรวจสอบ สร๎างสมมตฐิ านท่ีสามารถตรวจสอบได๎และวางแผนการสารวจตรวจสอบหลายๆ วธิ ี เลอื กเทคนคิ วิธกี ารสารวจตรวจสอบทงั้ เชิงปริมาณและเชงิ คณุ ภาพท่ไี ด๎ผลเท่ยี งตรงและปลอดภยั รวบรวมขอ๎ มูล จัดกระทาข๎อมลู เชิงปริมาณและคณุ ภาพ ประเมนิ ความสอดคลอ๎ งของประจกั ษพ์ ยานกับข๎อสรปุ ทงั้ ท่ีสนับสนนุ หรือขัดแยง๎ กบัสมมตฐิ าน สรา๎ งแบบจาลอง หรอื รูปแบบ ที่อธบิ ายผลหรือแสดงผลของการสารวจตรวจสอบ สร๎างคาถามทน่ี าไปสูํการสารวจตรวจสอบในเรอ่ื งท่ีเกยี่ วขอ๎ ง บนั ทึกผลการสงั เกต การสารวจ ตรวจสอบ จัดแสดงผลงาน เขียนรายงานและผลของโครงงานหรอื ชิน้ งาน โดยใชก๎ ระบวนการสอนแบบพทุ ธวธิ ี การปฏิบตั ิงานกลํมุ ทดลอง สรา๎ งความคิดรวบยอด ฝกึทักษะกระบวนทางวทิ ยาศาสตร์ การอําน คิด วิเคราะห์ และเขยี นสอ่ื ความหมายอยาํ งมวี จิ ารณญาณ การแก๎ปัญหา การเรียนร๎ูเพอ่ื ใหเ๎ กดิ ความรู๎ ความเข๎าใจ ความคดิ และสามารถนาทักษะทางวิทยาศาสตรไ์ ปใช๎ส่ือสารในสง่ิ ทีเ่ รียนรู๎ มีความสามารถในการตดั สินใจ ตระหนกั และเหน็ คณุ คาํ ของการนาความรู๎ทางวิทยาศาสตรไ์ ปใช๎ใหเ๎ กิดประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวัน มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ใฝเ่ รียนร๎ู มํุงมั่นในการทางาน มวี ินยั และคํานิยมท่เี หมาะสมตามสมณสารูปรหสั ตวั ชวี้ ัด รวม ๑๙ ตวั ชว้ี ดัมาตรฐาน ว ๖.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ม.๒/๙ ม.๒/๑๐มาตรฐาน ว ๘.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ม.๒/๙

๑๑๓ คาอธิบายรายวชิ ารหสั วิชา ว ๒๓๑๐๑ กลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เวลา ๓ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ จานวน ๑.๕ หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ ๑ ศึกษาความสาคัญลกั ษณะของโครโมโซมท่มี หี นวํ ยพนั ธกุ รรมหรือยีนในนิวเคลียส ความสาคัญของสารพนั ธกุ รรมหรือดเี อ็นเอ และกระบวนการถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โรคทางพนั ธกุ รรมที่เกิดจากความผดิ ปกตขิ องยีนและโครโมโซม สารวจความหลากหลายทางชีวภาพในท๎องถิ่นท่ีทาใหส๎ ่ิงมีชีวิตดารงชีวิตอยํูไดอ๎ ยํางสมดุลผลของความหลากหลายทางชีวภาพที่มีตํอมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งแวดล๎อมผลของเทคโนโลยีชวี ภาพตํอการดารงชีวติ ของมนุษย์และสิง่ แวดลอ๎ ม สารวจระบบนิเวศตํางๆ ในท๎องถิ่น ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบภายในระบบนิเวศความสัมพันธข์ องการถํายทอดพลังงานของสงิ่ มชี ีวติ ในรปู ของโซอํ าหารและสายใยอาหาร วฏั จักรน้า วัฏจักรคารบ์ อน และความสาคัญทม่ี ตี ํอระบบนิเวศ ปจั จัยทม่ี ผี ลตอํ การเปลยี่ นแปลงขนาดของประชากรในระบบนิเวศ สภาพปัญหาส่ิงแวดล๎อมทรัพยากรธรรมชาติในท๎องถ่ิน แนวทางในการแก๎ไขปัญหา แนวทางการรกั ษาสมดุลของระบบนเิ วศ การใช๎ทรัพยากรธรรมชาติอยํางย่ังยืนการใช๎ทรัพยากรธรรมชาติตามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปญั หาสิ่งแวดล๎อมและเสนอแนะแนวทางการแก๎ปัญหาการมีสํวนรํวมในการดูแลและอนุรักษ์สิง่ แวดลอ๎ มในท๎องถ่ินอยํางย่ังยืน ความเรํงและผลของแรงลัพธ์ท่ีทาตํอวัตถุ ทดลองแรงกิริยาและแรงปฏิกริ ยิ าระหวาํ งวัตถุ แรงพยงุ ของของเหลวที่กระทาตํอวัตถุ ความแตกตาํ งระหวํางแรงเสียดทานสถิตกับแรงเสยี ดทานจลน์ วิเคราะหโ์ มเมนตข์ องแรง การเคล่ือนท่ีของวัตถุท่ีเปน็ แนวตรง และแนวโค๎ง โดยใชก๎ ระบวนการสอนแบบพทุ ธวิธี การปฏิบัตงิ านกลํุม ทดลอง สร๎างความคิดรวบยอด ฝกึทักษะกระบวนทางวทิ ยาศาสตร์ การอาํ น คดิ วิเคราะห์ และเขียนสอ่ื ความหมายอยาํ งมวี จิ ารณญาณ การแก๎ปัญหา การเรยี นร๎เู พอ่ื ใหเ๎ กดิ ความร๎ู ความเข๎าใจ ความคดิ และสามารถนาทักษะทางวทิ ยาศาสตรไ์ ปใช๎สอื่ สารในสิ่งท่เี รยี นรู๎ มคี วามสามารถในการตดั สินใจ ต ร ะ ห นั ก แ ล ะ เ ห็ น คุ ณ คํ า ข อ ง ก า ร น า ค ว า ม รู๎ ท า ง วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ไ ป ใ ช๎ ใ ห๎ เ กิ ด ป ร ะ โ ย ช น์ ใ นชีวิตประจาวนั มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ใฝ่เรียนรู๎ มุํงม่ันในการทางาน มีวินัยและคํานิยมท่ีเหมาะสมตามสมณสารูปรหัสตัวชว้ี ดั รวม ๒๓ ตวั ชวี้ ัดมาตรฐาน ว ๑.๒ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖มาตรฐาน ว ๒.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔มาตรฐาน ว ๒.๒ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓ /๓ ม.๓ /๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ มาตรฐาน ว ๔.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ม.๓/๓ มาตรฐาน ว ๔.๒ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓

๑๑๔ คาอธิบายรายวชิ ารหสั วิชา ว ๒๓๑๐๒ กลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ เวลา ๓ ช่ัวโมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๕ หน่วยกิต ภาคเรยี นท่ี ๒ ศึกษาความสาคัญของพลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน๎มถํวง กฎการอนุรักษ์พลังงาน และความสมั พันธ์ระหวาํ งปริมาณ ความสมั พนั ธร์ ะหวาํ งความตาํ งศักย์ กระแสไฟฟ้า ความต๎านทาน คานวณพลังงานไฟฟ้าของเครื่องใช๎ไฟฟ้า การตํอวงจรไฟฟ้าในบ๎านอยํางถูกต๎องปลอดภัยและประหยัด ตัวต๎านทานไดโอด ทรานซิสเตอร์ และทดลองตํอวงจรอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต๎นท่ีมีรานซิสเตอร์ความสมั พันธ์ระหวาํ งดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์และดาวเคราะห์อ่ืนๆ และผลท่ีเกิดขึ้นตํอสิ่งแวดล๎อมและสิ่งมีชีวิตบนโลก องค์ประกอบของเอกภพ กาแล็กซี ระบบสุริยะ ตาแหนํงของกลุํมดาวความกา๎ วหนา๎ ของเทคโนโลยีอวกาศที่ใช๎สารวจอวกาศ วัตถุท๎องฟ้า สภาวะอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติการเกษตรและการส่อื สาร การตัง้ คาถามท่ีกาหนดประเด็นหรือตวั แปรที่สาคัญในการสารวจตรวจสอบ สร๎างสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได๎และวางแผนการสารวจตรวจสอบหลายๆ วิธี เลอื กเทคนคิ วธิ กี ารสารวจตรวจสอบทง้ั เชงิ ปริมาณและเชิงคณุ ภาพทไี่ ด๎ผลเท่ียงตรงและปลอดภัย รวบรวมข๎อมูล จัดกระทาข๎อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพ ประเมินความสอดคล๎องของประจักษ์พยานกับข๎อสรุปท้ังท่ีสนับสนุนหรือขัดแย๎งกับสมมติฐาน สร๎างแบบจาลอง หรือรูปแบบ ท่ีอธิบายผลหรือแสดงผลของการสารวจตรวจสอบ สร๎างคาถามทนี่ าไปสํูการสารวจตรวจสอบในเร่ืองทีเ่ กี่ยวข๎อง บันทกึ ผลการสังเกต การสารวจ ตรวจสอบ จัดแสดงผลงาน เขียนรายงานและผลของโครงงานหรือชิ้นงาน โดยใช๎กระบวนการสอนแบบพุทธวิธี การปฏิบัติงานกลํุม ทดลอง สร๎างความคิดรวบยอด ฝึกทกั ษะกระบวนทางวิทยาศาสตร์ การอาํ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นส่อื ความหมายอยํางมีวิจารณญาณ การแกป๎ ญั หา การเรียนรูเ๎ พือ่ ให๎เกดิ ความร๎ู ความเขา๎ ใจ ความคดิ และสามารถนาทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ไปใช๎สอื่ สารในสิง่ ท่ีเรยี นร๎ู มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ ต ร ะ ห นั ก แ ล ะ เ ห็ น คุ ณ คํ า ข อ ง ก า ร น า ค ว า ม รู๎ ท า ง วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ไ ป ใ ช๎ ใ ห๎ เ กิ ด ป ร ะ โ ย ช น์ ใ นชวี ติ ประจาวนั มคี ณุ ธรรม จริยธรรม ใฝ่เรียนรู๎ มุํงมั่นในการทางาน มีวินัยและคํานิยมที่เหมาะสมตามสมณสารปูรหสั ตัวชว้ี ัด รวม ๑๙ ตัวช้ีวดัมาตรฐาน ว ๕.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ มาตรฐาน ว ๗.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓มาตรฐาน ว ๗.๒ ม.๓/๑มาตรฐาน ว ๘.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ม.๓/๙

๑๑๕ คาอธิบายรายวิชา รหสั วชิ า ว๓๔๒๒๑ กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์ (เคมี) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๔ เวลา ๓ ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๕ หน่วยกิต ภาคเรยี นท่ี ๑ การศึกษาแบบจาลองอะตอมตําง ๆ ของนักวิทยาศาสตร์ที่มีพัฒนาการอยํางตํอเนื่อง การวิเคราะหอ์ นุภาคมลู ฐานของอะตอมซึ่งประกอบดว๎ ย อเิ ลก็ ตรอน นวิ ตรอน โปรตอน เลขอะตอม เลขมวล ไอโซโทป รวมถึงการจดั เรียงอิเล็กตรอนในอะตอม อธิบายสมบตั บิ างประการของธาตุ ๒๐ ธาตุแรก เขียนสูตรของสารประกอบชนิดตําง ๆ การจัดธาตุเป็นหมวดหมูํของนักเคมีในยุคตําง ๆ จนถึงตารางธาตุในปจั จบุ ัน สมบตั ิบางประการของธาตุตามหมแํู ละตามคาบ การศึกษาแรงยดึ เหนีย่ วระหวาํ งอะตอมในโมเลกุล การเกิดพันธะโควาเลนต์ การฝึกเขียนสูตรและเรยี กช่อื สารประกอบโควาเลนต์ การเกิดพนั ธะไฮโดรเจน พันธะโลหะ พันธะไอออนิก ฝึกเขียนและเรียกชอื่ สารไอออนกิ โดยใช๎กระบวนการสอนแบบพุทธวิธี การปฏิบัติงานกลํุม สร๎างความคิดรวบยอด ฝึกกระบวนการอําน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความหมายอยํางมีวิจารณญาณ การแก๎ปัญหา การเรียนรู๎เพื่อให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ ความคิดและสามารถนาวิทยาศาสตร์ไปใช๎สื่อสารในสิ่งที่เรียนรู๎ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ ตระหนักและเห็นคุณคําของการนาความร๎ูทางวิทยาศาสตร์ไปใช๎ให๎เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวนั มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ใฝ่เรียนร๎ู มุํงม่ันในการทางาน มีวินัยและคํานิยมที่เหมาะสมตามสมณสารปูรหัสตัวชีว้ ัด รวม ๑๗ ตวั ชีว้ ัดมาตรฐาน ว ๓.๑ ม.๔/๑ ม.๔/๒ ม.๔/๓ ม.๔/๔ ม.๔/๕มาตรฐาน ว ๘.๑ ม.๔/๑ ม.๔/๒ ม.๔/๓ ม.๔/๔ ม.๔/๕ ม.๔/๖ ม.๔/๗ ม.๔/๘ ม.๔/๙ ม.๔/๑๐ ม.๔/๑๑ ม.๔/๑๒

๑๑๖ คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ า ว๓๔๒๒๒ กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์ (เคมี) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๓ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นท่ี ๒ ศึกษาการเกิดปฏิกิริยาเคมีโดยใช๎กฎทรงมวล กฎสัดสํวนคงท่ี กฎสัดสํวนพหุคุณ การคานวณหามวลอะตอม มวลโมเลกลุ ความเขม๎ ขน๎ ของสารหนํวยโมลตํางๆ สูตรเคมีอยํางงํายและสูตรโมเลกุล ทดลองปฏกิ ิรยิ าเคมีของกา๏ ซตามกฎของเกย์ลุสแซกและอาโวกาโดร การพิจารณาสถานะของสาร ของแข็ง ของเหลว และก๏าซ คานวณหาความสัมพนั ธ์ของอุณหภูมิ ความดนั และปริมาตรของก๏าซตามกฎของบอยล์ กฎของชารล์ กฎของเกย์ – ลสุ แซก กฎของอาโวกาโดร และกฎการแพรํของเกรแฮมสมบัติของสารเรื่อง การระเหย การเดือด การหลอมเหลว การระเหิด ทฤษฎีจลน์ของก๏าซและการนาไปใช๎อธิบายสมบัติตําง ๆ ของสารทั้ง ๓ สถานะ เทคโนโลยีท่ีเก่ียวข๎องกับก๏าซ ของเหลว และของแข็ง โดยใช๎กระบวนการสอนแบบพุทธวิธี การปฏิบัติงานกลํุม สร๎างความคิด รวบยอด ฝึกกระบวนการอําน คิด วิเคราะห์ และเขียนส่ือความหมายอยํางมีวิจารณญาณ การแก๎ปัญหา การเรียนร๎ูเพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ ความคิดและสามารถนาวิทยาศาสตร์ไปใช๎ส่ือสารในส่ิงท่ีเรียนร๎ู มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ ตระ หนัก และ เห็น คุณ คําข องก ารน าค ว าม ร๎ูทา งวิท ยา ศาส ตร์ไ ปใ ช๎ ใ ห๎ เกิด ประ โยช น์ใ นชวี ิตประจาวัน มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ใฝ่เรียนรู๎ มุํงมั่นในการทางาน มีวินัยและคํานิยมท่ีเหมาะสมตามสมณสารปูรหัสตวั ชว้ี ดั รวม ๑๙ ตัวช้ีวดัมาตรฐาน ว๓.๑ ม.๔/๒ ม.๔/๓ ม.๔/๕มาตรฐาน ว๓.๒ ม.๔/๑ ม.๔/๒ ม.๔/๓ ม.๔/๔มาตรฐาน ว ๘.๑ ม.๔/๑ ม.๔/๒ ม.๔/๓ ม.๔/๔ ม.๔/๕ ม.๔/๖ ม.๔/๗ ม.๔/๘ ม.๔/๙ ม.๔/๑๐ ม.๔/๑๑ม.๔/๑๒


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook