เศรษฐศาสตร เลม เดยี วอยู ฉบบั ปรับปรงุ ใหม 165เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
“ เศรษฐศาสตร์เป็นเร่อื งใกล้ตัว และไม่ได้ยากอยา่ งที่หลายคนเขา้ ใจกนั หนังสือเลม่ นจ้ี ึงเปน็ หนงั สอื เรยี นเสรมิ วชิ าเศรษฐศาสตร์ ทอี่ ธบิ ายถึงท่ีมาท่ีไปของสง่ิ ทเี่ กิดข้ึน ในชีวติ ประจ�ำ วันด้วยหลกั ทางเศรษฐศาสตร์ เชน่ ทำ�ไมราคาสนิ ค้าช้นิ เดยี วกันถึงมที ้งั ชว่ งที่ ราคาถูกและราคาแพงแตกต่างกนั ออกไป เป็นตน้ ” 166 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
เศรษฐศาสตร เลมเดียวอยู ฉบับปรับปรุงใหม
คำ�น�ำ ในฐานะผู้ใช้วิชาเศรษฐศาสตร์ทำ�งานทุก ๆ วัน ตัวผมมักจะได้รับคำ�ถามจากเด็ก ๆ หรือจาก ผ้ปู กครองของเด็กวา่ “เศรษฐศาสตร์เรยี นเก่ยี วกับอะไร เรยี นจบแลว้ ไปทำ�งานอะไรได้บา้ ง ?” คำ�ถามน้ีตอบให้ยาวก็ได้ ตอบให้สั้นก็ได้ ใครอยากอ่านคำ�ตอบยาว ๆ สามารถพลิกไปอ่านบทท่ี 1 ของหนังสือเล่มนี้ได้ทันที แต่ถ้าให้ตอบสั้น ๆ ผมอยากจะอธิบายว่า เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาท่ีว่าด้วยเหตุผล การตัดสินใจ และพฤติกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับเรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ และการทำ�มาหาได้ของพวกเราทุกคน เปน็ วชิ าทชี่ ่วยตอบโจทย์ว่าดว้ ยขา้ วของ เงินทุน แรงงาน และเทคโนโลยที ่ีมอี ย่นู ้ัน เราควรจะบริหารจัดการทรัพยากร ทีม่ ีจ�ำ กดั เหล่าน้อี ย่างไรใหเ้ กดิ ประโยชน์ เกดิ รายได้ เกิดความพึงพอใจสงู สดุ ซงึ่ เศรษฐศาสตรจ์ ะช่วยใหแ้ นวทางคิด อย่างเป็นระบบ และสามารถใช้ได้ทั้งสำ�หรบั บคุ คล ทอ้ งถ่ิน อุตสาหกรรม ประเทศ หรือของโลก เศรษฐศาสตร์อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เช่น คุณแม่จะซื้ออะไรมาทำ�อาหารดี เพราะราคาสินค้าในตลาด ไมเ่ ทา่ กนั ในแตล่ ะวนั ชายหนมุ่ จะพาหญงิ สาวไปเท่ียวท่ไี หนดี จงึ จะท�ำ ให้สาวพอใจโดยไมเ่ กนิ งบประมาณในกระเป๋า อนาคตถ้าอยากมบี ้านมรี ถจะรอเกบ็ ออมจนมีเงินซ้ือด้วยตัวเอง หรือจะกูเ้ งนิ จากธนาคารซื้อเด๋ียวนี้ ถ้าอยากเที่ยวญี่ปุ่นก็ต้องไปแลกเงินบาทเป็นเงินเยน ซ่ึงบางวันก็แลกได้ถูกบางวันก็แพงขึ้นอยู่กับอัตรา แลกเปลี่ยนในวันนัน้ เป็นตน้ เศรษฐศาสตร์จะเป็นหลักคิดที่ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเลือกได้ดียิ่งข้ึน ช่วยให้เราเข้าใจท่ีมาที่ไปของ เรื่องราวต่าง ๆ ในเร่ืองเศรษฐกิจ เราจะสามารถฟังข่าวจากวิทยุและโทรทัศน์ได้เข้าใจมากข้ึน รวมท้ังสามารถ นำ�ข้อมลู ท่ีได้ไปใช้ในการตัดสนิ ใจได้อย่างถกู ต้องและมปี ระสทิ ธิภาพมากขึ้นดว้ ย เศรษฐศาสตร์จึงเป็นวิชาท่ีทุกคนนำ�ไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่จำ�กัดเฉพาะคนที่ใช้เศรษฐศาสตร์ในการประกอบ อาชีพโดยตรง เชน่ ครสู อนวิชาเศรษฐศาสตร์ นกั วิจยั นกั การธนาคาร นกั วิเคราะห์เศรษฐกิจในบรษิ ัทเอกชน หรือ นักวางแผนเศรษฐกจิ ในหนว่ ยงานราชการเทา่ นนั้ คนอืน่ ๆ เชน่ เกษตรกร ผู้ผลิตสนิ คา้ พนกั งานขาย ผปู้ ระกอบ อาชพี อิสระ หรอื แมแ้ ต่ผูบ้ ริโภคทว่ั ๆ ไปอยา่ งเรา ๆ ท่าน ๆ กค็ วรรู้หลักเศรษฐศาสตรเ์ ชน่ เดียวกัน 2 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
ธนาคารแหง่ ประเทศไทย(ธปท.) ในฐานะหนว่ ยงานหนงึ่ ของประเทศทใ่ี ชเ้ ศรษฐศาสตรเ์ ปน็ หลกั ในการท�ำ งาน เพ่ือให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างม่ันคงและยั่งยืน เราต้องการเผยแพร่ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ให้กว้างขวางออกไป เพื่อให้คนไทยมีหลักคิดท่ีถูกต้องชัดเจน สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ถูกพัดพาไปตาม กระแสหรือตามสื่อตา่ ง ๆ ทอ่ี าจไมถ่ ูกตอ้ งก็ได้ นี่จึงเป็นท่ีมาของหนังสือเรียนเสริม “เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่” ซึ่ง ธปท. ไม่เพียงต้ังใจให้เป็นหนังสือ เสริมสำ�หรับนักเรียนเท่าน้ัน แต่เราตั้งใจให้ประชาชนทั่วไปได้อ่านด้วย หนังสือเล่มน้ีจึงถูกจัดทำ�ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เราได้คัดเลอื กพนักงานของ ธปท. ซงึ่ มีประสบการณใ์ นการท�ำ งานด้านเศรษฐกจิ การเงินทีห่ ลากหลาย รวมทั้งเคยมี ประสบการณ์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ให้แก่คนในหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน ครูสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ นักธุรกจิ จนถงึ ระดับชาวบ้านรา้ นตลาด ใหม้ าเป็นผเู้ ขยี นหนังสอื เล่มน้ี ผมได้มีโอกาสติดตามกระบวนการผลิตหนังสือ “เศรษฐศาสตร์... เล่มเดียวอยู่” ต้ังแต่ต้นจนจบ ได้เห็น ความตั้งใจผู้เขียนและความเอาใจใส่ของคณะทำ�งานทุกคน จึงหวังเป็นอย่างย่ิงว่าหนังสือเล่มน้ีจะเป็นหนังสือ ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ที่อ่านเข้าใจง่ายท่ีสุดในท้องตลาด มีเนื้อหาสาระครบถ้วน และมีความถูกต้องตามหลัก วิชาการ ท่ีสำ�คัญ หนังสือเล่มน้ีมีเสน่ห์ดึงดูดให้อ่านสนุก เพราะมีการยกตัวอย่างในชีวิตประจำ�วันมาประกอบ ความเข้าใจเนื้อหาในแทบทุกหน้า ช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ง่ายขึ้น รวมทั้งมีคำ�ถามชวนคิดแทรกเป็นระยะ ๆ ชว่ ยให้ผอู้ ่านสนุกไปกับการวเิ คราะห์ ตามความรู้ทีเ่ พิ่งได้รับมา หนังสือเล่มน้ีน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้อ่านสนใจวิชาเศรษฐศาสตร์มากขึ้น อาจเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน หลายคนเลือกศึกษาเศรษฐศาสตร์ในระดับท่ีสูงข้ึนไป หรืออย่างน้อยก็ใช้เป็นประเด็นในวงสนทนากับเพื่อน ๆ เพื่อถกเถียงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ได้ เพราะผมเองก็ไม่ต้องการให้การศึกษาของเราจบที่ การอา่ น-ท่องจ�ำ -นำ�ไปสอบ แต่ควรจะเป็น อ่าน-คดิ -ถกเถียงฟังความ-น�ำ ไปปฏบิ ัติ มากกว่า ท้ายที่สุด ขอเรียนว่าเราพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่านทุกท่านในการปรับปรุงหนังสือเล่มนี้ให้ดี ยง่ิ ๆ ขนึ้ รวมทงั้ พรอ้ มจะจดั ทำ�หนงั สอื เลม่ ถัดไปหรอื ผลติ สอ่ื รูปแบบอนื่ ๆ เพ่อื เผยแพร่ความรูด้ ้านเศรษฐศาสตร์ ในสงั คมไทยให้งอกงามมากขน้ึ ขอใหท้ ุกท่านสนกุ กับการอ่าน “เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู”่ ครับ ไพบลู ย์ กติ ติศรกี งั วาน ผูช้ ่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแหง่ ประเทศไทย สิงหาคม 2555 3เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
ค�ำ น�ำ (ฉบบั ปรับปรงุ ใหม)่ ในฐานะทปี่ รกึ ษาหนังสอื “เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอย่”ู ผมรู้สกึ ยนิ ดมี ากหลังจาก ธปท. ได้จดั ท�ำ และตพี ิมพ์หนงั สือเล่มนเี้ มือ่ ปี 2555 และไดร้ บั การต้อนรับอย่างอบอุน่ จากท่านผู้อา่ น มีหลายคนบอกผมวา่ หนังสือเล่มน้ีน่าสนใจและเป็นประโยชน์ เพราะอ่านได้ทุกวัย ไม่ต้องมีพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์มาก่อน เป็นการเล่าเรื่องเศรษฐศาสตร์แบบง่าย ๆ และนำ�ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำ�วัน ผู้เขียนและทีมงานต่างก็รู้สึก ภมู ิใจที่ไดส้ รา้ งสรรค์งานเขียนที่เป็นประโยชนต์ อ่ สาธารณชนในวงกวา้ ง แม้ทุกวนั นี้ ผ้อู ่านจะเข้าถงึ หนังสือเลม่ น้ไี ด้สะดวกผา่ นช่องทางออนไลน์ แต่มีค�ำ ขอใหท้ าง ธปท. ตีพมิ พ์แบบ รูปเลม่ เพ่ิมเติมมาอย่างต่อเน่อื ง ในวาระที่หนงั สอื เลม่ นจี้ ะตพี ิมพใ์ หม่อกี ครง้ั หลงั ผ่านไป 8 ปี ทางผ้เู ขยี นและทมี งาน จึงต้ังใจถือโอกาสนี้ปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาให้สมบูรณ์และทันกับโลกในปัจจุบัน เช่น เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำ�ลัง เปล่ียนโลกจะมีผลกับเราอย่างไร ? หลังจากเกิดวิกฤติการเงินโลกในปี 2551 จนสหรัฐฯ ญ่ีปุ่น สหภาพยุโรป ต้องหนั มาใชน้ โยบายการเงนิ แบบนอกกรอบ (unconventional monetary policy) เพ่อื ชว่ ยฟื้นเศรษฐกิจ เม่ือเวลา ผา่ นไปแลว้ 10 ปี เราเรียนรู้ผลท่ีตามมาอยา่ งไรบ้าง ? ท�ำ ไมธนาคารกลางทวั่ โลกใหค้ วามส�ำ คญั กบั “เสถียรภาพ ระบบการเงนิ ” มากขน้ึ ? มีความเสยี่ งใหมอ่ ะไรในโลกทีเ่ ปลยี่ นแปลงรวดเร็วและมีความไมแ่ นน่ อนสูง เป็นต้น 4 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
ผมยังเช่ือว่า การอ่าน-คิด-ถกเถียงฟังความ-นำ�ไปปฏิบัติ จะเป็นประโยชน์และทำ�ให้เราอยู่รอดได้ในโลก ยุคดิจิทัล ท่ีต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เร็ว เราต้องตั้งคำ�ถามกับสิ่งใหม่ ๆ ถกเถียงแลกเปล่ียนความคิดกับคนที่ หลากหลาย น�ำ ไปปรบั ใชแ้ ละพฒั นาตวั เองใหด้ ขี นึ้ ทกุ ๆ วนั หนงั สอื เลม่ นจ้ี ะชว่ ยฝกึ กระบวนการนไ้ี ดด้ ี เพราะผเู้ ขยี น จะเริ่มจากค�ำ ถามเกี่ยวกบั เศรษฐศาสตร์ในชวี ิตประจ�ำ วนั มีกจิ กรรมและค�ำ ถามชวนคดิ เป็นระยะ มกี ารยกตัวอย่าง จรงิ ใหเ้ หน็ ชว่ ยรอ้ ยเรยี งความเขา้ ใจทลี ะเรอื่ งจนสมบรู ณช์ ดั เจน ในสว่ นทา้ ยเลม่ ผเู้ ขยี นไดร้ วบรวมศพั ทเ์ ศรษฐศาสตร์ ท่ีนา่ สนใจและข้อมูลเศรษฐกจิ ไทยทส่ี ำ�คญั เอาไว้ ส�ำ หรับให้ผู้ท่ีสนใจไดใ้ ช้อ้างอิงและคน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ ต่อไปด้วย ทา้ ยท่สี ุด เรายงั พร้อมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ เพอื่ ปรับปรุงหนังสือเลม่ นี้ให้ดียิ่ง ๆ ขน้ึ ไปในอนาคตนะครบั ขอใหส้ นุกกบั การอ่าน “เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่” ฉบบั ปรับปรงุ ใหมค่ รับ ไพบูลย์ กิตติศรกี งั วาน รองผ้วู า่ การ ด้านบรหิ าร ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนั วาคม 2563 5เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
08 CURRENCY 26 B EXCHANGE BUY EXPORT SELL ECONOMICS TAX What HFoowr Whom IMPORT บทท่ี 1 บทท่ี 3 ความเข้าใจและความส�ำ คญั การแกป้ ัญหาพ้นื ฐาน ของเศรษฐศาสตร์ ทางเศรษฐศาสตร์ : ผลิตอะไร ผลติ อย่างไร สารบญั 18 ผลิตให้ใคร 36 LimReitseodurces บทท่ี 2 บทที่ 4 ปัญหาพ้นื ฐาน กลไกราคา : อปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน ทางเศรษฐศาสตร์ 56 กลอ่ งความรทู้ ่ี 1 การใชน้ ำ้�มนั ของไทย มคี วามยดื หยนุ่ ต่อราคาหรอื ไม่ ? 60 กล่องความร้ทู ี่ 2 ตลาดแรงงาน และการกำ�หนดคา่ จ้างขัน้ ต�ำ่ 61 กลอ่ งความรู้ท่ี 3 ทักษะแรงงานในโลกการทำ�งาน ยคุ ใหม…่ เราตอ้ งท�ำ อยา่ งไรเพอ่ื อยรู่ อด ในอนาคต ?
64 94 126 Fiscal Policy IMntoenrentaatriyonPaollicy Monetary Policy บทท่ี 5 บทที่ 7 บทท่ี 9 การท�ำ งานของระบบ การท�ำ งานของระบบเศรษฐกิจ การด�ำ เนนิ นโยบายเศรษฐกิจ เศรษฐกจิ แบบปิด แบบเปดิ มีภาคตา่ งประเทศ มหภาค (เพ่อื ใหบ้ รรลุเปา้ หมาย) 79 103 130 กลอ่ งความรู้ที่ 4 กลอ่ งความรทู้ ี่ 5 กล่องความรู้ที่ 9 ความเชอ่ื มโยงของ เงนิ ลงทุนจากตา่ งประเทศ ใครคือผ้ชู ้ีทิศทาง ภาคเศรษฐกจิ จรงิ และภาคการเงนิ มีความส�ำ คญั แคไ่ หน ? แนวนโยบายการคลงั ? 142 82 106 กลอ่ งความรูท้ ่ี 10 การด�ำ เนนิ นโยบายการเงิน บทที่ 6 Inflation แบบพิเศษ (unconventional GDP monetary policy) ของประเทศ การท�ำ งานของระบบเศรษฐกิจ เศรษฐกิจหลัก แบบปดิ และมีรัฐบาล 123 144 กลอ่ งความรทู้ ี่ 11 Financial Stability กระบวนการท�ำ นโยบายการเงนิ ของแบงกช์ าตใิ นปจั จุบนั บทที่ 8 151 เป้าหมายของเศรษฐกจิ มหภาค 112 บทสง่ ทา้ ย 152 กลอ่ งความรู้ที่ 6 บทความท้ายเล่ม : เงนิ เฟอ นากลวั จริงหรอื ? GDP เปน็ ตวั ช้วี ัดความกนิ ดีอยู่ดี 154 ของประชาชนทดี่ จี ริงหรือ ? อภธิ านศพั ท์ (Glossary) 120 160 แหลง่ ค้นหาขอ้ มูลทางเศรษฐกจิ กลอ่ งความรู้ท่ี 7 164 วิภาคเศรษฐกจิ ไทย อัตราเงนิ เฟอ้ ต่�ำ ลงทวั่ โลก เพราะอะไร และจะส่งผลอย่างไร ตอ่ การดำ�เนินนโยบายการเงิน ? 123 กลอ่ งความรทู้ ี่ 8 ทำ�ไมต้องแบง่ แยกบทบาทหนา้ ที่ รัฐบาลกับธนาคารกลาง
บทที่ 1 ความเขา้ ใจและความสำ�คัญ ของเศรษฐศาสตร์ CURRENCY EXCHANGE บทน้ีเป็นการเปิดมุมมองเพ่ือให้เข้าใจแก่น TAX EXPORT ของวิชา “เศรษฐศาสตร์” ซ่ึงเป็นแขนงความรู้ ท่ีช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของคนท่ีต้อง IMPORT ECONOMICS ตัดสินใจเลือกอยู่ตลอดเวลาบนพ้ืนฐานของ เหตุและผล ทั้งเร่ืองเล็ก ๆ ในชีวิตประจำ�วันใน What ระดับบุคคลและครอบครัว ไปจนถึงเรื่องใหญ่ ๆ HFoowr Whom ระดับประเทศ เศรษฐศาสตร์ คอื อะไร ทำ�ไมจงึ เป็นเรื่องใกลต้ วั และมีความส�ำ คัญ หลายคนคงเข้าใจว่า “เศรษฐศาสตร์” จะต้องพูดถึงเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยศัพท์ต่าง ๆ ที่นักวิชาการชอบพูดกัน ไม่ว่าจะเป็น จีดีพี อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ฯลฯ แต่แท้จริงแล้ว วิชาเศรษฐศาสตร์ดูจะมีอะไรมากกว่านั้น และหากเราลองถามชาวบ้าน ร้านตลาดทว่ั ไป “เศรษฐศาสตร”์ อาจเปน็ ค�ำ ทไ่ี ม่คุน้ หแู ตเ่ ราลว้ นคุ้นเคยกบั ความรู้แขนงน้ีดี เพราะเศรษฐศาสตร์เกี่ยวโยงกับชีวิตประจำ�วันของคนเรา ทกุ เพศ ทกุ วยั และทกุ อาชพี จรงิ ๆ แลว้ เราตา่ งกม็ ี “วธิ คี ดิ แบบเศรษฐศาสตร”์ อยู่ตลอดเวลาต้ังแต่ต่ืนจนกระทั่งหลับ และต้ังแต่เกิดจนกระทั่งตาย โดยที่ เราไมร่ ูต้ วั ด้วยซ้ำ�ไป เชน่ 8 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
• ตน่ื มาตอนเชา้ เราเลือกระหวา่ งจะลกุ ไปโรงเรยี น หรอื จะนอน ตอ่ อกี สักหน่อย • เราจะไปโรงเรยี นด้วยรถประจำ�ทางหรอื รถแท็กซี่ • เข้ามหาวิทยาลัย เราจะเลือกเรียนคณะที่เราชอบ หรือคณะท่ี พ่อแม่อยากให้เราเรยี น • ตอนน้ีหมมู ีราคาแพง เราหันมากนิ ไก่หรือกินปลาดกี ว่า จากตัวอย่างในชีวิตประจำ�วันข้างต้น มาดูกันว่าคุณแค่ทำ�ตามใจ ตวั เองหรือแท้จริงแลว้ มเี หตผุ ลทางเศรษฐศาสตร์อยู่เบ้อื งหลงั • เลือกลุกไปโรงเรียน หรือนอนต่อ ต้องชั่งใจว่าจะเอาความสุข จากการนอน แล้วถูกคุณครูลงโทษ หรือสละความสุขเพ่ือ ไม่ต้องถูกคุณครูทำ�โทษ เพราะเราไม่สามารถเลื่อนเวลา เข้าเรยี นได้ • เลือกไปด้วยรถประจำ�ทาง โดยยอมเหน่ือยและเสียเวลา เพ่ือเก็บเงินไปกินสเต็ก หรือน่ังแท็กซี่สะดวกสบายและยังมีเวลา เหลือไปอ่านหนังสือ แต่เหลือเงินนิดเดียวกินได้แค่ข้าวไข่เจียว เพราะเงนิ ในกระเป๋าเรามจี ำ�กดั • เลือกคณะท่ีเราชอบ หรือคณะท่ีพ่อแม่อยากให้เราเรียน เพราะเรามีโอกาสเลือกเรียนไดแ้ คค่ ณะเดียว • เลือกกินไก่ กินปลา เพราะหมูมีราคาแพง หากเราจะกินหมู เทา่ เดมิ ก็ตอ้ งจ่ายมากขึ้นและเหลอื เงนิ ท�ำ อย่างอนื่ น้อยลง 9เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
จะเห็นว่า “ทุกคนต้องตัดสินใจเลือก (make a choice) “ อยู่ตลอดเวลา” และบางครั้งเราตัดสินใจเลือกด้วยสัญชาตญาณและ ความคิดอ่านของเราไปแล้ว ทั้ง ๆ ท่ียังไม่เคยเรียนเศรษฐศาสตร์เลย ทกุ ครัง้ ท่เี ลอื ก ด้วยซ้ำ� มนุษย์ทุกคนเรียนรู้เศรษฐศาสตร์พื้นฐานด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องให้ ตอ้ งมกี ารแลก หรอื ตรงกับ ใครมาสอน เม่ือถึงวัยที่พอคิดอ่านเองได้แล้ว บางคร้ังเราก็นำ�วิธีคิดแบบ เศรษฐศาสตรม์ าใช้ประกอบการตัดสนิ ใจแก้ปัญหาตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำ�วนั ส�ำ นวนไทยว่า โดยท่ีเราไมร่ ตู้ วั เคยคิดอยา่ งน้บี า้ งหรอื ไมว่ ่า “เราท�ำ อยา่ งนแี้ ลว้ คมุ้ หรือไม”่ “ได้อยา่ งเสยี อย่าง” นั่นก็เพราะการตัดสินใจเลือกของเราทำ�ให้ได้มา ซ่ึงของส่ิงหน่ึงท่ีเราชอบ ซ่งึ ตรงกับศพั ท์ท่ี แต่เราก็ต้องยอมเสียสละอีกส่ิงหนึ่งไป หรือพูดง่าย ๆ ว่า ทุกคร้ังท่ีเลือก นกั เศรษฐศาสตรช์ อบใช้กันวา่ ตอ้ งมกี ารแลก หรอื ตรงกบั ส�ำ นวนไทยวา่ “ไดอ้ ยา่ งเสยี อยา่ ง” ซง่ึ ตรงกบั ศพั ท์ ที่นักเศรษฐศาสตรช์ อบใชก้ นั ว่า “trade-off” เชน่ ถ้าเราเลอื กทีจ่ ะนอนตอ่ “trade-off” อีกสักชั่วโมง ก็จะเสียโอกาสที่จะใช้เวลาช่ัวโมงนั้นดูการ์ตูนในตอนเช้า ออกกำ�ลังกาย หรืออ่านหนังสือ เป็นต้น ถ้าเราประเมินแล้วว่าการนอนต่อ ” คุ้มคา่ กับส่ิงท่เี ราเสยี ไป เราก็เลอื กทจี่ ะทำ� นนั่ คือ วธิ คี ิดแบบเศรษฐศาสตร์ ซ่ึงเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนตัดสินใจและเลือกที่จะทำ�บนพ้ืนฐานของความ เป็นเหตุเป็นผล ดังน้ัน เศรษฐศาสตร์จึงไม่ใช่วิชาท่ียากและเป็นเร่ือง ไกลตัวอยา่ งที่หลายคนคิด หากพิจารณารากศัพท์ของคำ�ว่า “เศรษฐศาสตร์” ซ่ึงตรงกับคำ�ใน ภาษาอังกฤษว่า ECONOMICS แล้วจะพบว่ามีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ�รวมกัน คือ “OIKOS” ซ่ึงตรงกับภาษาอังกฤษว่า “house” และ “NEMEIN” ซ่ึงตรงกับภาษาองั กฤษว่า “to manage” หมายถงึ การบริหาร จดั การ ดงั นน้ั เศรษฐศาสตร์ จึงหมายถึง “ศาสตร์ท่เี กีย่ วข้องกบั การจดั การ ครอบครัว” ซง่ึ เก่ียวเนือ่ งกบั คนทกุ คน INTERNATIONAL ECONOMICS ECOMNICORMOICS TRADE AND FINANCE EPRCINOCIPNLEOSMOFICS EBCAOSINCOMICS 10 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
อย่างไรก็ตาม ในโลกยุคปัจจุบันซึ่งแต่ละครอบครัวต้องมี ความสัมพันธ์กัน ผ่านท้ังการติดต่อสื่อสาร และการค้าขาย จึงเปรียบ เสมือนเป็นครอบครัวภายใต้ตลาดเดียว คือ ตลาดโลก ในสมัยนี้วิชา เศรษฐศาสตร์จึงกว้างกว่าวิชาว่าด้วยการจัดการครอบครัว โดยนิยาม ว่าเป็น “วิชาท่ีว่าด้วยการจัดสรรทรัพยากรเพ่ือนำ�มาสนองความต้องการ ของมนุษย์ ซ่ึงมีไม่จำ�กัด ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และประเทศชาติ โดยใหเ้ กดิ ประโยชน์และประสทิ ธิภาพสงู สดุ เพอื่ ความอยดู่ ีกินดขี องมนษุ ย”์ ตัวอย่างปัญหาท่ีสามารถใช้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ประกอบการ ตดั สนิ ใจและแกไ้ ขไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เชน่ ปญั หาทดี่ นิ ทม่ี จี �ำ กดั แตค่ นเราตอ้ งการ ใช้ที่ดินเพ่ือเพาะปลกู ให้ได้ผลผลิตมาก ๆ และยังตอ้ งแบ่งปนั ทด่ี ินบางส่วน ส�ำ หรบั กิจกรรมหรอื การใชป้ ระโยชนป์ ระเภทอน่ื ๆ ด้วย เชน่ การสรา้ งท่อี ยู่ อาศยั การเลีย้ งสตั ว์ การสรา้ งเสน้ ทางคมนาคม เป็นตน้ แต่เราต้องยอมรบั ความเปน็ จรงิ ทว่ี า่ เราไมส่ ามารถขยายทด่ี นิ ไปยงั นอกโลกได้ จงึ ตอ้ งตดั สนิ ใจ เลอื กว่าจะใช้ที่ดนิ ไปท�ำ อะไรบ้างเพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ จะเห็นว่าเพราะทรัพยากรมีจำ�กัด ขณะท่ีความต้องการของคนเรา มีไม่จำ�กัด เราจึงไม่สามารถผลิตทุกส่ิงทุกอย่างที่เราต้องการได้ จึงเกิด การเลือกใชท้ รพั ยากรทม่ี อี ยู่อย่างจ�ำ กดั ให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด (อา่ นเพิม่ เตมิ ได้จากบทที่ 2) 11เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
ค�ำ ส�ำ คญั (Keywords) ของวชิ านี้ ทรัพยากรมจี ำกัด Resources scarcity ตดั สนิ ใจเลอื ก เไสดียออยยา างง ปรสะงิโยทช่ีเลนือสกูงส:ดุ สิงเลทือไ่ี มกได Make a choice ความตอ งการไมจ ำกัด Unlimited wants เรารู้แล้วว่า เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่ศึกษาถึงพฤติกรรมของคน วารู…ไหม? บนพ้ืนฐานเหตุและผล จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนต้องเรียนเศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาพื้นฐาน ตั้งแต่ระดับมัธยมจนถึงระดับมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็น เศรษฐศาสตร์ต่างกบั เศรษฐกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี คณะนิติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ อย่างไร คณะรัฐศาสตร์ ไมเ่ วน้ แม้แตค่ ณะวศิ วกรรมศาสตร์ เมื่อเศรษฐศาสตร์เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคน การตัดสินใจเลือก เศรษฐกจิ เปน็ ตัวกจิ กรรมทีเ่ กี่ยวกบั ในทางเศรษฐศาสตรจ์ ึงไม่มีถกู ไม่มีผิด ขึน้ อยูก่ ับพฤตกิ รรมความชอบและ การผลติ การบรโิ ภค การซ้อื ขาย ความพงึ พอใจของแตล่ ะคน โดยแตล่ ะคนจะตดั สนิ ใจเลอื กในสง่ิ ทต่ี วั เองพอใจ แลกเปล่ียน การกระจายสินคา้ และ และประเมินแล้วคุ้มค่า ยกตัวอย่างเช่น เม่ือเราซ้ือต๋ัวเข้าไปดูหนังแล้ว บริการต่าง ๆ ของคนท่ีอยรู่ ่วมกัน พอดูไปสกั พกั เรารู้แล้วว่าหนังไม่สนกุ เบอ่ื ง่วง ส่งิ ที่ตอ้ งตดั สินใจตามมา ในสังคม ส่วนเศรษฐศาสตร์ คือ เราจะทนน่งั ดตู อ่ จนจบเพราะไหน ๆ ก็ซอื้ ต๋ัวมาแลว้ หรือเลิกดูแลว้ เอา เป็นแขนงวชิ าที่ศึกษาเก่ียวกบั เวลาไปท�ำ อยา่ งอนื่ ดกี วา่ เราคงตอ้ งเปรยี บเทยี บการทนเบอ่ื กบั ความเสยี ดาย พฤติกรรมของบคุ คลและสงั คม ในการด�ำ เนนิ กิจกรรมทางเศรษฐกจิ ดงั กล่าว 12 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดียวอยู่
วารู…ไหม? เงินที่ซื้อตั๋วมาว่าอันไหนมากกว่ากัน ถ้าเราตัดสินใจดูหนังต่อก็แสดงว่าเรา เสียดายเงินมากกว่า แต่สมมติว่าเพื่อนเราเลือกท่ีจะไม่ดูต่อ ก็แปลว่าเขา พฤตกิ รรมของมนุษย์ มกั จะตีราคา เหน็ ว่าการทนเบ่อื มันหนักหนาสาหสั กวา่ ความเสียดายค่าต๋วั หรือไม่ค้มุ ทจี่ ะ ผลประโยชน์ในอนาคตนอ้ ยกวา่ ทนนง่ั ดตู อ่ นนั่ เอง และการเอาเวลาไปท�ำ อยา่ งอนื่ จะไดค้ วามพงึ พอใจมากกวา่ ผลประโยชน์ในวันน้ีทเ่ี กิดขึ้นทันที ค่าต๋ัวท่ีเสียไป จะเห็นว่าต่างคนต่างความคิด จริงอยู่ว่าคนเราทุกคนน้ัน ทำ�ให้หลายคนมนี สิ ัยผดั วัน ย่อมมีความอดทน แต่ความอดทนของแต่ละคนอาจจะยาวนานไม่เท่ากัน ประกนั พรุง่ และไมน่ ่าแปลกใจ ความเสียดายเงินก็ต่างกัน การตัดสินใจจึงไม่เหมือนกัน ถามว่าใครถูก ที่เรายังเหน็ คนที่เลอื กสบู บหุ รี่อยู่ หรือใครผิด คงต้องตอบว่าไม่มีใครถูก และไม่มีใครผิด ทุกคนทำ�ในส่ิงท่ี เพราะเขาเห็นประโยชนว์ ันน้ี ตัวเองพอใจ ประเมินแล้วว่าคุ้มค่า (ผอ่ นคลาย หายอยาก) มากกว่า เคยได้ยินคำ�กล่าวติดตลกไหมว่า คนมีมือเดียวเป็นนักเศรษฐศาสตร์ วันขา้ งหนา้ (ไม่เป็นมะเรง็ ไมไ่ ด้ เพราะนกั เศรษฐศาสตร์ชอบพูดวา่ “on the other hand…” (แปลวา่ ไม่เสยี ชวี ิต) แต่ในอีกดา้ นหน่งึ ) เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์มักมองสองดา้ นเสมอ เพราะ ความเป็นจริงทุกสิ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียควบคู่กันไป คงไม่มีอะไรดีไปหมด หรือเสยี ไปหมด การตดั สนิ ใจจึงไมจ่ �ำ เป็นตอ้ งเปน็ แบบเดยี วกนั เสมอไป Key Points เรยี นเศรษฐศาสตรแ์ ลว้ • เศรษฐศาสตร์ เป็นวชิ าที่ศกึ ษาถึง ได้ประโยชน์อะไร ? พฤตกิ รรมของบุคคลและสังคม ในการตดั สินใจเลอื กใช้ทรัพยากร อ่านมาถึงตรงน้ีอาจทำ�ให้สงสัยว่า ท่ีมีอยอู่ ย่างจำ�กดั มาผลติ สนิ ค้า แคเ่ ขา้ ใจเหตผุ ลและพฤตกิ รรมของมนษุ ยจ์ ะ และบรกิ ารต่าง ๆ เพือ่ ตอบสนอง มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร เราเรยี นรเู้ ศรษฐศาสตร์ ความตอ้ งการท่ีไมม่ ีขดี จ�ำ กัด เพื่อจะได้เข้าใจปรากฏการณ์และปัญหา ให้ไดค้ วามพงึ พอใจสงู สุด ต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจท่ีเกิดขึ้นทั้งสาเหตุ • เศรษฐศาสตร์ช่วยใหค้ นเราเข้าใจ และผลกระทบต่อบุคคล ครอบครัว และ และตดั สนิ ใจ “เลือก” อย่างมี ประเทศชาติ เพอ่ื ทจี่ ะประยกุ ตใ์ ชใ้ นการด�ำ เนนิ เหตุผล ชวี ิตประจำ�วนั อย่างมเี หตผุ ล และเลือกแนวทางใน • ในการดำ�เนินชีวิตประจำ�วนั การแกไ้ ขปญั หาทางเศรษฐกจิ ตลอดจนสามารถวางนโยบาย เราทกุ คน ทกุ เพศ ทกุ วัย และ ท่เี หมาะสมต่อเศรษฐกิจของประเทศได้ ทกุ อาชพี ล้วนตอ้ งเผชญิ ปญั หา ทางเศรษฐศาสตร์ 13เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
ในระดับบุคคล : เศรษฐศาสตร์ทำ�ให้เราสามารถจัดสรรเวลาและ 1 เงนิ ท่มี จี ำ�กดั ไดค้ มุ้ คา่ เนื่องจากการตัดสินใจใด ๆ ย่อม “ไดอ้ ย่างเสยี อยา่ ง (trade-off)” เสมอ เช่น ในฐานะท่ีเป็นแรงงานก็อาจเลือกอาชีพค้าขาย หรือรับจ้าง ในฐานะของผู้บริโภคก็อาจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการท่ีมี หลากหลายชนิด หลายย่ีห้อ หลายราคา หรือแม้กระทั่งจะเลือกซ้ือสินค้า วนั นี้หรือออมเงนิ ไวใ้ ชใ้ นอนาคต ในระดับครอบครัว : เศรษฐศาสตร์ช่วยให้ครอบครัวสามารถ 2 ตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าสมาชิกคนไหนจะต้องทำ�งานอะไร เช่น แม่เป็นคนซักผ้า หุงข้าว พ่อซ่อมรถ แต่ถ้าจะให้พ่อซักผ้า หุงข้าว ให้แม่ซ่อมรถคงไม่ดีแน่ ครอบครัวจึงต้องแบ่งหน้าที่ตามความถนัด ความพอใจ และความตอ้ งการของสมาชกิ แตล่ ะคน นอกจากน้ี เศรษฐศาสตร์ ยงั ชว่ ยเรอ่ื งการบรหิ ารคา่ ใชจ้ า่ ยภายในครอบครวั จากการตดั สนิ ใจซอ้ื สนิ คา้ และบริการภายใต้รายได้ที่มีจำ�กัด อาทิ หากจะซื้อรถยนต์ใหม่ก็ต้องแลก ด้วยการลดค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆ และถ้ารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ก็จำ�เป็น ต้องควบคุมรายจ่ายหรือหาทางเพ่ิมรายได้ แต่ถ้ารายได้มากกว่ารายจ่าย ก็จะตอ้ งตัดสนิ ใจในเรือ่ งการออมดว้ ย 14 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
3 ในระดับชาติ : เศรษฐศาสตร์ช่วยทำ�ให้เราเข้าใจว่า ต้องตัดสินใจ อยา่ งไรเพอื่ ใหก้ ารจดั สรรทรพั ยากรทมี่ อี ยจู่ �ำ กดั ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ เชน่ วารู…ไหม? ตัดสินใจว่าจะผลิตอะไรดีหรือใครจะเป็นผู้ผลิต ใครจะเป็นคนปลูกพืชผัก เลย้ี งสตั ว์ ตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ หรอื ใครจะเปน็ หมอรกั ษาคนไข้ ฯลฯ เมอ่ื เปน็ เชน่ น้ี ปัญหาทางสังคมและการเมอื ง สงั คมกจ็ ะจดั สรรสมาชกิ ไปในกจิ กรรมการผลติ ตา่ ง ๆ และจดั สรรทรพั ยากร กม็ ักจะมีผลสืบเนอ่ื งมาจาก ทม่ี อี ยอู่ ยา่ งจ�ำ กดั ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ โดยใชร้ ะบบตลาดทม่ี กี ลไกราคาเปน็ ปญั หาทางเศรษฐกจิ ตวั จดั สรร เพราะจะเปน็ ตวั บอกวา่ ควรน�ำ ปจั จยั การผลติ นนั้ มาผลติ สนิ คา้ อะไร มากน้อยแคไ่ หน ใช้วธิ กี ารใด และจำ�หน่ายจา่ ยแจกสินคา้ นน้ั ไปใหใ้ ครบ้าง ตลอดจนจะนำ�รายได้มาแบ่งสรรปันส่วนให้กับเจ้าของปัจจัยการผลิตที่มี สว่ นรว่ มในการผลิตคนละเท่าไร อย่างไรก็ดี เศรษฐศาสตร์ทำ�ให้เราเข้าใจว่ายังมีกรณีที่ระบบตลาด ไมส่ ามารถจัดสรรทรัพยากรไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เชน่ เป็นสนิ คา้ ท่จี ำ�เปน็ ต่อการบริโภคแต่ภาคเอกชนไม่อยากผลิต อาทิ การป้องกันประเทศ หรือ สินค้าบางอย่างหากปล่อยให้เอกชนผลิตได้อย่างเสรี ก็จะทำ�ให้เกิดการ ผกู ขาดของผผู้ ลติ บางราย ซง่ึ อาจท�ำ ใหผ้ ผู้ ลติ ก�ำ หนดราคาแพงจนประชาชน ไมส่ ามารถเข้าถงึ สนิ คา้ นนั้ ได้ ท้ัง ๆ ทเี่ ปน็ สนิ คา้ ท่ีจ�ำ เปน็ รัฐบาลจึงจำ�เปน็ ตอ้ งเขา้ มาบรหิ ารจดั การและผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารนน้ั ๆ เสยี เองในบางกรณี เช่น การสร้างถนนและสาธารณูปโภคอ่ืน ๆ ไปสู่ชุมชนที่อยู่ห่างไกล ซง่ึ เอกชนคงไมท่ �ำ แน่ เพราะขาดทนุ นอกจากน้ี รฐั บาลอาจไมส่ ง่ เสรมิ กจิ กรรมบางประเภททไี่ มก่ อ่ ประโยชน ์ ต่อส่วนรวม อาทิ เก็บภาษีจากกิจกรรมท่ีก่อให้เกิดมลพิษ หรือกิจกรรม ที่เป็นโทษแก่ประชาชน เช่น เก็บภาษีสรรพสามิตจากสุรา เป็นต้น ท้ังนี้ เศรษฐศาสตร์จะช่วยให้รัฐบาลสามารถพิจารณาวางแผนงบประมาณ (เงินที่รัฐบาลนำ�ไปใช้จ่ายเพื่อการบริหารประเทศ) การใช้ทรัพยากรของ ประเทศท่ีมีอย่อู ย่างจำ�กดั เช่น ป่าไม้ น้ำ� และเหมืองแร่ เป็นต้น เพอื่ ให้ เกิดประโยชน์สูงสุด ให้ประชาชนทุกคนกินดีอยู่ดี ได้รับบริการสาธารณะ พนื้ ฐานทจี่ �ำ เปน็ ตอ่ การด�ำ รงชพี เชน่ จะจดั สรรงบประมาณไปใหก้ บั การศกึ ษา และสาธารณสุขเท่าใดท่ีจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศ ทัง้ ในระยะส้นั และระยะยาว 15เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
แขนงวิชาเศรษฐศาสตร์ ในปัจจุบัน การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์แบ่งเป็น 2 แขนงหลัก คือ 1. เศรษฐศาสตร์จลุ ภาค (Microeconomics) เป็นการศึกษากิจกรรมทางเศรษฐกิจของ บุคคลและครัวเรือน เป็นการศึกษาเฉพาะส่วนย่อย ๆ ในระยะเวลาหนง่ึ ๆ เชน่ พฤตกิ รรมของตลาด กลไกราคา (อา่ นเพิ่มเตมิ จากบทท่ี 3) 2. เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics) เป็นการศึกษากิจกรรมทางเศรษฐกิจใน ภาพรวมหรือในระดับประเทศ เช่น รายได้ประชาชาติ การบริโภค การออม การลงทนุ ภาวะการจา้ งงานของ ประเทศ การเงนิ และการคลงั ของประเทศ การคา้ ระหวา่ ง ประเทศ อัตราดอกเบี้ย ซึ่งท้ังหมดน้ันเป็นปัญหาที่ กว้างขวางกว่าเศรษฐศาสตร์จุลภาค เพราะว่าไม่ได้ กระทบเพียงธุรกิจ หรือคนใดคนหนึ่งเท่าน้ัน แต่จะ กระทบถึงบุคคลโดยท่ัวไป ครัวเรือน การผลิตท้ังหมด และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จากบทน้ีเราทราบแล้วว่า เหตุใดทุกคนจึงต้องเก่ียวข้องกับเศรษฐศาสตร์ ปัญหาพื้นฐานท่ีทุกคน ต้องเผชิญ ก็คือ ทุกคนไม่ได้ในสิ่งท่ีตัวเองต้องการทุกอย่าง ต้องตัดสินใจเลือกไม่ทางใดก็ทางหน่ึง แต่เราสามารถใช้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ประกอบการตัดสินใจ “เลือก” อย่างมีเหตุมีผล ปัญหาท่ีต้อง เลอื กน้เี กดิ ขนึ้ ได้อยา่ งไร จะได้กล่าวถงึ ในบทต่อไป 16 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
คณุ เรียนรสู้ ิง่ เหล่านแี้ ลว้ หรือยัง • เขา้ ใจและทราบวา่ เศรษฐศาสตร์ส�ำ คัญอย่างไร • เขา้ ใจว่ากจิ กรรมทกุ อย่างทเี่ ลอื กมาต้องมกี ารไดอ้ ย่างเสียอย่าง • น�ำ ความรทู้ างเศรษฐศาสตรท์ ่ีได้ไปใช้ในการตัดสนิ ใจในชีวิตประจำ�วนั ได้ กิจกรรมทดสอบความเข้าใจ ลองยกตัวอย่างเหตกุ ารณ์ในชวี ิตประจำ�วันท่ีต้องใช้ความรทู้ างเศรษฐศาสตร์ มาชว่ ยในการตดั สนิ ใจ 17เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
บทที่ 2 LimReitseodurces ปัญหาพื้นฐาน ทางเศรษฐศาสตร์ บทน้ีเป็นการทำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์จากความต้องการของมนุษย์ท่ีมีอยู่ อย่างไม่จำ�กดั ขณะท่ีทรัพยากรมีไมเ่ พียงพอที่จะผลิตสิ่งเหล่าน้นั ได้ทง้ั หมด แม้ในโลกนจ้ี ะมีแหลง่ ทรพั ยากร อยมู่ ากมายแตก่ ็มีจำ�กดั บางอยา่ งใช้แลว้ หมดไป บางอยา่ งแม้จะสรา้ งเพ่มิ ได้แตก่ ต็ อ้ งใช้เวลา ดงั นัน้ คนเรา จึงต้องมีการตัดสินใจเลือกซึ่งเป็นส่ิงท่ีทุกคนล้วนต้องเผชิญในชีวิตประจำ�วัน โดยส่ิงท่ีไม่ได้เลือกก็จะเป็น ต้นทนุ ที่เราต้องเสยี โอกาสไป หรอื ในทางเศรษฐศาสตรเ์ รยี กวา่ “ตน้ ทนุ คา่ เสียโอกาส (opportunity cost)” ทรพั ยากรมีจำ�กดั แต่ความต้องการของคนมีไม่จำ�กัด จงึ เกิดปัญหาความขาดแคลน (Scarcity) หากหยิบกระดาษขึ้นมาสักแผ่นแล้วลองจดส่ิงที่เราต้องการหรืออยากได้ในตอนน้ี คงมีมากมายนับไม่ถ้วน และถ้าลองเอาความต้องการของทุกคนมารวมกนั ไมอ่ ยากนกึ เลยว่า จะตอ้ งใช้ทรพั ยากรเพ่อื เปน็ วัตถุดิบ เคร่ืองมือ เคร่ืองจักร แรงงาน ไฟฟ้า เท่าไรจึงจะเพียงพอที่จะสามารถผลิตของท่ีทุกคนอยากได้ท้ังหมด ถ้าความต้องการ มีมาก ๆ ทรัพยากรที่เอามาผลิตนี้ก็จะกลายเป็นของหายากหรือขาดแคลน (scarcity) ในท่ีน้ีรวมถึงเวลาซ่ึงเป็น ทรพั ยากรทม่ี คี ่าอยา่ งหน่งึ กม็ จี ำ�กัดดว้ ยเชน่ กัน จะเห็นได้ชดั วา่ ความต้องการมีไมจ่ ำ�กดั (unlimited wants) ขณะท่ี ทรัพยากรมีจำ�กัด (limited resources) ทำ�ให้เกิดปัญหาขึ้น ซ่ึงก็เป็นปัญหาพ้ืนฐานท่ีเกิดข้ึนตลอดเวลา แล้วต้อง ท�ำ อย่างไรจงึ จะจดั สรรทรพั ยากรมาผลิตใหไ้ ดใ้ นส่งิ ท่เี ราตอ้ งการ 18 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
Key Points ค�ำ ตอบไมย่ าก คอื เราต้องเลือก ต้องตัดใจสละบางอยา่ ง เพราะไม่ สามารถทำ�ได้ทั้งหมดทุกทางเลือก เช่น ถ้าเรานำ�ทรัพยากรท่ีมีมาผลิตของ ปญั หาพืน้ ฐานทางเศรษฐศาสตร์ สิ่งหนง่ึ ก็จะไมส่ ามารถเอาไปผลติ ของส่งิ อน่ื บทบาทของวิชาเศรษฐศาสตร์ เกดิ จากความต้องการมีไม่จำ�กัด จึงต้องการท่ีจะตอบว่า เราจะเลือกผลิตอะไร หรือไม่ผลิตอะไร เพ่ือให้ (unlimited wants) ขณะท่ที รัพยากร/ การเลือกดังกลา่ วคุ้มคา่ มากทส่ี ุด เวลามีจำ�กัด (limited resources) กิจกรรมทดสอบความเขา้ ใจ สิ่งที่เศรษฐศาสตร์เรยี กว่าเป็นสินค้าขาดแคลน (scarce goods) มีทง้ั ที่จบั ต้องได้ และจบั ต้องไม่ได้ เช่น นำ้�ชลประทาน แรงงานทกั ษะสูง ทด่ี ิน ยีห่ ้อสินคา้ สมั ปทาน ผู้ให้สัญญาณโทรศพั ท์มอื ถอื หรือโทรทศั น์ ค�ำ ถาม : ลองยกตัวอยา่ งใกล้ตัวคณุ และลองอธิบายวา่ 1. ท�ำ ไมตัวอย่างของคุณจึงเรยี กไดว้ า่ เป็นส่ิงขาดแคลนทางเศรษฐศาสตร์ 2. ความขาดแคลนนีท้ ำ�ใหต้ ้องตัดสนิ ใจแก้ปญั หาอยา่ งไร 19เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
ทางเลือกและคา่ เสยี โอกาส (Choice and Opportunity Cost) หากเราต้องเลือกทำ�อะไรสักอย่างหน่ึง คำ�ถามที่อยู่ในใจ คือ “ทำ�อยา่ งน้คี ุม้ หรอื ไม”่ เพราะเมอื่ เราเลอื กทำ�อยา่ งหน่ึง กไ็ มส่ ามารถทำ�อกี อยา่ งหนึง่ ได้ในเวลาเดยี วกัน เชน่ ถ้าเลือกปลกู ขา้ วบนทด่ี นิ ผนื หนง่ึ ก็จะไม่ สามารถปลกู ขา้ วโพดในท่ดี นิ เดียวกันได้เพราะทด่ี นิ มจี �ำ กัด หรือ คุณแม่มีเงินเก็บและอยากจะน�ำ ไปลงทนุ ถา้ คุณแมเ่ ลือกซ้อื หุน้ เพอ่ื จะไดร้ บั เงนิ ปนั ผล กจ็ ะไมส่ ามารถเอาเงนิ จ�ำ นวนเดยี วกนั ไปฝากธนาคาร เพอ่ื รบั ดอกเบ้ียได้ หรือ เราต้องเลือกว่าเย็นนี้จะทำ�อะไร ระหว่างเล่นฟุตบอลกับอ่าน หนงั สอื ทบทวนบทเรยี น ถา้ เราเลอื กเลน่ ฟตุ บอล สง่ิ ทเ่ี ราเสยี ไปกค็ อื เวลาทใ่ี ช้ ในการอ่านหนังสอื จะเหน็ ไดว้ า่ เมอื่ เราเลือกทำ�อย่างหนงึ่ เราก็เสียโอกาส ทีจ่ ะท�ำ อีกอย่างหนงึ่ ซึ่งก็คือ “คา่ เสยี โอกาส” แลว้ คา่ เสยี โอกาสนว้ี ดั กนั อยา่ งไร เราสามารถวดั ไดจ้ ากผลตอบแทน ทเ่ี ราเสยี ไป จากการทไ่ี มไ่ ดท้ �ำ อกี อยา่ งหนง่ึ เชน่ การทค่ี ณุ แมเ่ ลอื กลงทนุ ในหนุ้ เท่ากับสูญเสียโอกาสที่จะได้รับดอกเบ้ียจากการฝากธนาคาร ค่าเสียโอกาส ในการลงทุนในหนุ้ น้ี กค็ ือดอกเบยี้ ทคี่ วรจะไดร้ ับนั่นเอง ค่าเสียโอกาสไม่จำ�เป็นต้องวัดเป็นตัวเงินเสมอไป เช่น ถ้าหาก เย็นนี้เราเป็นเด็กดีเลือกที่จะอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน ค่าเสียโอกาส ของเราคืออะไร คือความสุขท่ีได้ไปเล่นฟุตบอลกับเพ่ือนๆ ซ่ึงไม่สามารถ วัดค่าออกมาเป็นตัวเงินได้ แต่ถ้าเราเลือกท่ีจะเล่นฟุตบอล ค่าเสียโอกาส ของเราก็คือ ผลตอบแทนที่เราจะได้จากการอ่านทบทวนบทเรียน เช่น เรียนในห้องเรียนไดเ้ ข้าใจมากยิ่งขน้ึ สอบได้คะแนนสงู ข้นึ 20 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
วารู…ไหม? ตอนเป็นเด็ก เราอาจจะโยเยไมอ่ ยากไปเรียนเพราะตอ้ งต่นื แตเ่ ช้า ไม่ไดน้ อนตอ่ อยา่ งสขุ สบาย แตล่ องนกึ ดู เวลาทเ่ี ราใช้ไปกบั การเรียน ไม่วา่ จะระดบั ประถม มัธยม มหาวทิ ยาลยั รวมถึงค่าเลา่ เรียนที่คุณพ่อคุณแมจ่ ่ายไป ล้วนแลกกบั โอกาสในอนาคต ทเี่ ราจะได้ทำ�งานดี ๆ เงินเดอื นสูง ๆ มีคุณภาพชวี ิตทดี่ ีขึ้น ดังน้นั ตน้ ทนุ คา่ เสยี โอกาสของการเลอื กทีจ่ ะไม่เรียนในวันนี้ กค็ ือ รายได้ทจี่ ะสญู เสียไปจากโอกาสที่จะไดง้ านเงินเดอื นสูง ๆ และคุณภาพชวี ติ ทดี่ ขี นึ้ นน่ั เอง จากการสำ�รวจของ SCB EIC จากเงินเดอื นเฉลี่ยเร่ิมตน้ ของคนท่จี บการศกึ ษาในแต่ละระดบั มคี วามแตกตา่ งกัน (ขอ้ มลู สมัครงานออนไลนก์ วา่ 7 แสนราย จากเวบ็ ไซตห์ างานของไทย) “ย่ิงจบสงู เงนิ เดือนย่ิงมาก” ปรญิ ญาเอก 36,169 ปรญิ ญาโท 23,575 ปรญิ ญาตรี 16,955 อาชวี ะ 14,205 มัธยมปลาย 14,088 ทม่ี า : ผลสำ�รวจของ SCB EIC ณ วนั ท่ี 31 พฤษภาคม 2562 ต้นทุนในทางเศรษฐศาสตร์ จึงมีท้ังส่วนท่ีต้องจ่ายเป็นตัวเงินจริงๆ เพ่ือให้ได้ส่ิงที่เราเลือก และส่วนที่มอง ไม่เห็นท่ีซ่อนเร้นอยู่ซ่ึงหมายถึง “ค่าเสียโอกาส” ตัวอย่างเช่น การเรียนต่อระดับปริญญาตรี ต้นทุนที่จ่ายเป็น ตวั เงินจรงิ ๆ คือ คา่ เลา่ เรียนทจ่ี ่ายไป 4 ปี สมมตวิ ่าเทา่ กับ 400,000 บาท สว่ นตน้ ทุนทม่ี องไม่เหน็ คือ โอกาสท่จี ะได้ รายไดถ้ า้ เราไม่เรยี นแต่ไปทำ�งานในช่วงเวลาน้ัน สมมติว่าเราจบ ม. 6 สามารถท�ำ งานมีรายได้ 80,000 บาทต่อปี นั่นก็คือการเรียนต่อปริญญาตรี ทำ�ให้เรามีค่าเสียโอกาสเท่ากับรายได้ที่สูญเสียไป 4 ปี เท่ากับ 80,000 x 4 = 320,000 บาท ดังนั้น ต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์จึงเท่ากับ 400,000 + 320,000 = 720,000 บาท จะเห็นว่าการเรียนต่อระดับปริญญาตรี มีต้นทุนที่เสียไปมากกว่าที่เราคิด ดังนั้น เราต้องพยายามตั้งใจเรียน จะได้มีอนาคตทด่ี ี ๆ เงินเดอื นสูง ๆ คุ้มกับตน้ ทุนที่เสยี ไป 21เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
“ในชีวิตประจำ�วันของเราทุกคนต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ต้องเลือก อยู่เสมอ ดังน้ัน ทุกคร้ังท่ีเราต้องตัดสินใจเลือก เราต้องช่ังนำ้�หนักต้นทุน คา่ เสียโอกาสท่เี สียไปด้วยแม้จะเปน็ ตน้ ทนุ ทีซ่ อ่ นเร้นอย่กู ็ตาม” ต้นทุนค่าเสียโอกาสมีความสำ�คัญต่อการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ อย่างจำ�กัดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ถ้าตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรหรือ ปัจจัยการผลิตโดยไม่ได้คำ�นึงถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสก็อาจทำ�ให้เกิดการใช้ ทรัพยากรอยา่ งไม่คมุ้ ค่า สิน้ เปลือง Exam Tip ถ้ามีหลายทางเลือก (alternative choices) ต้นทุนค่าเสียโอกาสของแต่ละทางเลือกจะคิดอย่างไร ขอให้จำ�ไว้ว่า ตน้ ทนุ ค่าเสยี โอกาส คือ ผลตอบแทนสงู สดุ ท่ีสญู เสยี ไปจากตวั เลอื กอื่น ๆ ที่ไม่ไดเ้ ลือก (next best alternative) ไม่ใช่ ผลตอบแทนของทางเลือกท้ังหมดที่เราสูญเสียไปมารวม ๆ กัน เพราะเราเลือกทำ�ได้ส่ิงเดียว ไม่สามารถทำ�ทุกอย่างได้ ในเวลาเดยี วกนั ตัวอย่างเช่น คุณพ่ออาจมีหลายทางเลือกในการเลือกงานทำ� เช่น อาจจะเลือกเป็นพนักงานบริษัท หรือ รบั ราชการต�ำ รวจ หรือเป็นพ่อค้ากไ็ ด้ แตเ่ วลาทค่ี ุณพ่อมีจ�ำ กดั คือ 24 ชวั่ โมงใน 1 วนั คุณพอ่ สามารถเลือกท�ำ งาน ได้อย่างใดอยา่ งหนึ่งเทา่ น้ัน ถา้ คุณพอ่ เลอื กเปน็ พนักงานบริษทั ก็จะมรี ายได้ 200,000 บาทตอ่ ปี แต่จะไม่ได้รายได้ 150,000 บาทจากการรับราชการตำ�รวจ และไม่ได้รายได้ 120,000 บาทจากการเป็นพ่อค้า ต้นทุนค่าเสียโอกาส ในการเลอื กเปน็ พนกั งานบรษิ ทั จงึ เทา่ กบั 150,000 บาท ซง่ึ เปน็ รายไดส้ งู สดุ ทส่ี ญู เสยี ไปจากตวั เลอื กอน่ื ๆ ทไ่ี มไ่ ดเ้ ลอื ก ไมใ่ ช่รายได้ของตำ�รวจกับพอ่ ค้ารวมกัน (ไม่ใช่ 150,000 + 120,000 = 270,000 บาท) อาชพี รายไดส้ ุทธติ ่อปี (บาท) พนกั งานบริษทั 200,000 รบั ราชการตำ�รวจ 150,000 พอ่ คา้ 120,000 22 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
วารู…ไหม? ตวั อยา่ งเช่น แบงก์ชาตมิ กี ารออกธนบัตรท่รี ะลึกชนดิ ราคา 100 บาท ก็มีคนเข้าแถวรอเพื่อแลกซื้อธนบัตรแล้วนำ�ไปขายต่อได้ในราคา 110 บาท การใช้ทรัพยากรอย่างย่งั ยนื (การแลกแต่ละครั้งมีการจำ�กัดจำ�นวน) สมมติว่าวันนั้นถ้าเขาไปขับแท็กซ่ี (sustainable) หมายถึง การใช้ ได้เงินหลังจากหักค่านำ้�มันและค่าเช่ารถแล้วเหลือ 600 บาทต่อวัน หรอื จัดการทรพั ยากรธรรมชาติ การเอาเวลามาเข้าแถวรอแลกธนบัตรก็เท่ากับเขามีต้นทุนค่าเสียโอกาส และส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งฉลาด เท่ากับ 600 บาท ดังนั้น ถ้าจะดูว่าคุ้มค่ากับค่าเสียโอกาสหรือไม่น้ัน ค้มุ คา่ รจู้ กั ประหยดั และถนอม เขาคงต้องเปรียบเทียบระหว่างผลตอบแทนจากการเข้าแถวรอแลกธนบัตร ในการใช้ เพ่ือใหม้ ีไว้ใชอ้ ยา่ ง เพ่ือไปขายต่อ กบั รายไดจ้ ากการขบั แท็กซใ่ี นวนั นนั้ สมมติว่าถ้าเขาตอ่ แถว ยาวนานจนถงึ คนรนุ่ หลงั แลกธนบตั รไดว้ ันละ 50 ฉบับ แล้วเอามาขายตอ่ ได้ก�ำ ไรฉบับละ 10 บาท เขาจะได้กำ�ไรทั้งหมดเพียง 500 บาท ไม่คุ้มค่าเม่ือเทียบกับค่าเสียโอกาส ทจี่ ะเอาเวลาไปขบั แทก็ ซซี่ ง่ึ จะไดร้ ายได้ 600 บาท จะเหน็ วา่ ถา้ ไมไ่ ดค้ �ำ นงึ ถงึ ตน้ ทนุ ค่าเสียโอกาสกอ็ าจจะทำ�ใหใ้ ช้เวลาไปอยา่ งไม่คมุ้ ค่า Key Points กจิ กรรมทดสอบความเข้าใจ • การตดั สนิ ใจเลอื กทำ�อยา่ งหน่ึง ลองยกตวั อยา่ งเหตุการณ์ในชวี ติ ประจ�ำ วันทีต่ อ้ ง อยา่ งใด หรือใชเ้ วลาในการทำ�อะไร ตัดสินใจเลอื กอย่างใดอยา่ งหน่งึ วา่ เมอ่ื เลือกแลว้ กต็ าม ต้องมีตน้ ทุนคา่ เสียโอกาส อะไรเป็นตน้ ทนุ ค่าเสยี โอกาส เกิดขึน้ เสมอ • ต้นทนุ ค่าเสยี โอกาส คอื ผลตอบแทนสงู สุดทีส่ ูญเสีย ไปจากตวั เลอื กอื่น ๆ ที่ไม่ได้เลอื ก (next best alternative) ซงึ่ เป็นตน้ ทุนทแี่ ท้จรงิ ในการตัดสนิ ใจ เลือกในทางเศรษฐศาสตร์ 23เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
ปัญหาพนื้ ฐานทางเศรษฐศาสตร์ (Basic Problems of Economics) : ผลติ อะไร ผลติ อย่างไร ผลติ ให้ใคร ทรพั ยากรทมี่ จี �ำ กดั ขณะทคี่ วามตอ้ งการมไี มจ่ �ำ กดั จงึ ท�ำ ใหเ้ กดิ ปญั หา ขาดแคลนทรพั ยากร น�ำ ไปสปู่ ญั หา 3 ขอ้ คอื ผผู้ ลติ จะผลติ อะไร ผลติ อยา่ งไร และผลิตให้ใคร ทั้ง 3 ปัญหาน้ี คือ ปัญหาพ้ืนฐานที่เศรษฐศาสตร์จะเข้า มาช่วยแก้ไขว่าผู้ผลิตควรจัดสรรทรัพยากรท่ีมีจำ�กัดอย่างไร เพ่ือให้เกิด ประโยชน์สูงสุด เพราะเมื่อมีการตัดสินใจใช้ทรัพยากรหรือปัจจัยการผลิต ไปผลิตอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ก็จะเสียโอกาสที่จะเอาทรัพยากรหรือ ปัจจยั การผลติ จ�ำ นวนเดยี วกันน้นั ไปผลติ อย่างอ่ืนในเวลาเดียวกนั จะเห็นว่าการจัดสรรทรัพยากรมีความสำ�คัญต่อการแก้ปัญหาพ้ืนฐาน ทั้ง 3 ข้อ เพราะการเลือกใช้ทรัพยากรมาผลิตสิ่งหน่ึงก็จะสูญเสียโอกาส ท่จี ะผลติ ส่งิ อ่นื ๆ ถา้ ผลติ แล้วขายไมอ่ อก กจ็ ะเสียทรพั ยากรไปฟรี ๆ หรอื ผลิตออกมาแล้ว แต่มีจำ�นวนมากเกินไปจนล้นตลาด หรือน้อยเกินไป จนขาดตลาด ก็จะกระทบต่อผู้บริโภค ในกรณีที่ผู้ผลิตใช้ปัจจัยการผลิต ไมเ่ หมาะสม กจ็ ะเปน็ การสิ้นเปลืองทรัพยากร รวมทง้ั ทำ�ใหต้ น้ ทุนแพงด้วย หรือผลิตออกมาแล้ว ไม่ได้กระจายสินค้าออกไปอย่างเหมาะสม ก็จะเกิด ปัญหาตามมา นำ�มาสู่คำ�ถามท่ีว่าแล้วเราจะจัดสรรทรัพยากรอย่างไร จะใช้อะไรมาเป็นตัวก�ำ หนดหรอื ตดั สนิ ใจ ซ่ึงจะได้กล่าวถงึ ในบทตอ่ ไป 24 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
What ? --> ปญั หาว่าจะผลติ อะไร How ? --> ปญั หาจะผลติ อยา่ งไร ปัญหาน้ีเกิดจากทรัพยากรหรือวัตถุดิบในการผลิตมีจำ�กัด ไม่สามารถ ปัญหาน้ีเกิดจากเม่ือเราเลือกได้แล้วว่าจะผลิตอะไร ตอบสนองความต้องการท่ีมีไม่จำ�กัดได้ทั้งหมด ผู้ผลิตจึงต้องเลือกว่าจะ ก็ต้องมาคิดต่อว่าจะเลือกใช้ทรัพยากรหรือวัตถุดิบใน ผลติ อะไรบา้ ง จ�ำ นวนเทา่ ใด ถึงจะได้ประโยชน์สงู สดุ การผลิตอย่างไร ถึงจะทำ�ให้ต้นทุนถูกท่ีสุด และมี ประสทิ ธิภาพมากทส่ี ดุ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณแม่อยากทำ�ธุรกิจ แต่ตอนนี้มีท่ีดินแปลงเล็ก ๆ เพียงแปลงเดียว คณุ แม่ก็คงเลือกทำ�ธุรกิจไดเ้ พียงธรุ กจิ เดียว คุณแม่ ตวั อยา่ งเช่น ถา้ คุณแมเ่ ลือกที่จะเปดิ รา้ นตัดเสือ้ คุณแม่ ก็ต้องเลือกว่าจะทำ�ธุรกิจไหนดี เช่น จะเปิดร้านตัดเสื้อดีหรือ ก็ต้องตัดสินใจเลือกว่าจะใช้แรงงานคนตัดเย็บ หรือ ร้านกาแฟดีถึงจะไดป้ ระโยชน์สูงสดุ จะใช้เครื่องจักรแทน อย่างไหนจะมีต้นทุนน้อยกว่า เม่อื ตัดเสื้อจำ�นวนเทา่ กนั fกoารrผWลติ ไhปoใหm้ใค?รบ-้า-ง> กระจายสนิ คา้ และจา่ ยผลตอบแทนจาก ปัญหาน้ีเกิดจากเมื่อผลิตสินค้าได้แล้ว เราไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้บริโภคสินค้าที่เราผลิตขึ้นมา ใครควรมสี ว่ นไดร้ บั ผลตอบแทนจากการผลิตสนิ ค้านน้ั น่ันกค็ อื เราตอ้ งคิดวา่ เราจะเลอื กว่า เราจะกระจายสินคา้ และจา่ ยผลตอบแทนจากการผลติ น้นั ให้ใครบ้าง ถึงจะได้ประโยชนส์ งู สดุ ตัวอย่างเช่น คุณแม่ต้องตัดสินใจเลือกว่าจะขายเสื้อที่ตัดขึ้นมาให้ใครบ้าง ซ่ึงคุณแม่ ก็จะเลือกขายเส้ือให้กับคนที่ต่อรองราคากันได้จนพอใจกันท้ังสองฝ่าย และคุณแม่ ก็จะเลือกจ่ายผลตอบแทนให้แก่ทรัพยากรหรือวัตถุดิบท่ีคุณแม่นำ�มาใช้ในการผลิต เช่น จ่ายค่าแรงให้กบั แรงงานคนท่มี าชว่ ยคุณแมต่ ัดเยบ็ เส้ือผา้ เปน็ ต้น คณุ เรียนรสู้ ่ิงเหลา่ นแ้ี ลว้ หรอื ยงั • เข้าใจความส�ำ คญั ของคา่ เสียโอกาส • สามารถระบปุ ญั หาพ้ืนฐานในชีวติ ที่เศรษฐศาสตร์จะเข้ามาช่วยแก้ไข 25เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
บทที่ 3 B การแก้ปัญหาพ้ืนฐาน BUY ทางเศรษฐศาสตร์ : ผลติ อะไร ผลติ อยา่ งไร SELL ผลติ ให้ใคร บทนี้เป็นการทำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของกลุ่มต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดำ�เนินไปได้อย่างไรและใช้อะไรเป็นตัวแก้ปัญหาพ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์ โดยรูปแบบของระบบเศรษฐกิจ ที่ต่างกัน ตัวแก้ปัญหาก็จะต่างกันไป ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม กลไกราคาจะเข้ามาทำ�หน้าที่แก้ปัญหา ทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งราคาจะเป็นตัวบอกให้ทราบว่าควรผลิตสินค้าอะไร มากน้อยแค่ไหน ใช้ทรัพยากร อย่างไร กระจายสนิ คา้ และจา่ ยผลตอบแทนจากการผลติ ไปให้ใครบา้ ง ขณะท่ีระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนยิ ม กลไกราคาแทบไมม่ ีบทบาท รฐั จะเปน็ ผวู้ างแผน ใช้อำ�นาจส่ังการ ควบคมุ และด�ำ เนินกจิ กรรมทางเศรษฐกิจ เกอื บทง้ั หมด 26 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
เสรมิ ความรู้ ในระบบเศรษฐกจิ มีใครบา้ ง ? : กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ คอื การกระท�ำ หน่วยเศรษฐกจิ (Economic Units) ต่าง ๆ เพอ่ื มาตอบสนองความต้องการ ของมนุษย์ เราทราบอยแู่ ล้ววา่ ทกุ คน ก่อนที่เราจะทำ�ความเข้าใจถึงการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ เรามา ตอ้ งกินตอ้ งใช้ จึงทำ�ใหเ้ กิด ทำ�ความรู้จักกับกลุ่มต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจกันก่อน จากบทก่อน 1. การผลิต – สรา้ งสง่ิ ของหรือบรกิ าร เราทราบแล้วว่า ความต้องการของคนเรามีอยู่อย่างไม่จำ�กัด ทุก ๆ คน มาเพอื่ สนองความต้องการของ ต่างแสวงหาสิ่งของหรือบริการมาเพ่ือตอบสนองความต้องการของตนเอง ผบู้ ริโภค เช่น เมื่อหิวเราก็ต้องซ้ืออาหารมารับประทาน เมื่อผมยาวเราก็ไปตัดผม 2. การบริโภค – กินหรอื ใชเ้ พอ่ื สนอง เม่ือป่วยเราก็ไปพบแพทย์ เป็นต้น การรับประทานอาหาร การใช้บริการ ความต้องการ ช่างตัดผม การบริการทางการแพทย์ เหล่านี้ในทางเศรษฐศาสตร์ถือว่า 3. การแลกเปลย่ี น – เอาสินคา้ ทเ่ี รา เป็นการบริโภคท้ังส้ิน การบริโภคจึงไม่ได้หมายถึงการรับประทานอาหาร ผลติ ได้ไปแลกเปล่ียนสนิ คา้ อ่นื เท่าน้ัน แต่รวมถึงการใช้สินค้าและรับบริการด้วย และเมื่อเกิดการบริโภค ทเ่ี ราผลติ ไม่ได้ หรอื ผลติ ได้ไม่ดี จึงเกิดเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจขึ้นมา มีการผลิตสินค้าและบริการเหล่านี้ เพ่ือตอบสนองความต้องการ เพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการ แลว้ น�ำ มาแลกเปลย่ี นกนั อาจเปน็ การแลกเปลย่ี น ของเรา สนิ คา้ กับสินค้า หรือการแลกเปลี่ยนสินค้ากับเงินซ่ึงใช้เป็นส่ือกลางในการ 4. การกระจาย – จำ�แนกแจกจ่าย แลกเปลี่ยนก็ได้ เราเรียกผู้ที่ทำ�การผลิตสินค้าและให้บริการเหล่านี้ว่า สินค้าไปยังผทู้ ต่ี อ้ งการ (ผ้บู ริโภค) “ผผู้ ลิต” ส่วนผู้ท่ีใช้หรอื ผ้ซู ้ือสินคา้ และรบั บรกิ ารอย่างเรา ๆ วา่ “ผบู้ รโิ ภค” และน�ำ รายไดม้ าแบง่ สรรปนั ส่วน เนื่องจากทรพั ยากรตา่ ง ๆ มอี ย่อู ย่างจำ�กัด ในขณะทค่ี วามตอ้ งการ ให้กบั เจ้าของปัจจัยการผลิต ของผบู้ รโิ ภคมอี ยมู่ ากมาย ทงั้ ผผู้ ลติ และผบู้ รโิ ภคจงึ ตอ้ งตดั สนิ ใจใชท้ รพั ยากร ทมี่ ีสว่ นรว่ มในการผลติ จะเหน็ ว่า โดยคำ�นึงถึงประโยชน์สูงสุดของตน โดยผู้ผลิตจะเป็นผู้รวบรวมทรัพยากร กจิ กรรมทางเศรษฐกิจไม่ใช่เรือ่ ง หรอื ปจั จัยการผลติ ตา่ ง ๆ จากเจ้าของปจั จัยการผลติ เพอื่ มาผลติ สินคา้ และ ทมี่ าบงั คบั กนั เพอื่ ใหเ้ กิดข้ึน บรกิ ารทต่ี รงกบั ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคมากทสี่ ดุ และดว้ ยตน้ ทนุ ทตี่ �่ำ ทสี่ ดุ แตก่ ารด�ำ รงชพี ของมนษุ ย์ สว่ นผู้บรโิ ภคกจ็ ะใช้ทรัพยากรตามความจ�ำ เป็น คุ้มคา่ และประหยดั ทส่ี ดุ ที่ต้องการแสวงหาสิ่งตา่ ง ๆ เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการ ตา่ งหากทที่ �ำ ให้เกิดกจิ กรรม ทางเศรษฐกิจขึน้ มา 27เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
วารู…ไหม? ปัจจยั การผลติ คอื อะไร ใครเป็นเจ้าของปจั จยั การผลติ ผลตอบแทนที่ได้รบั คอื อะไร ปจั จยั การผลติ สรุปง่าย ๆ ก็หมายถงึ อะไรก็แลว้ แต่ทตี่ อ้ งนำ�มาใช้ในกระบวนการผลติ เพื่อใหเ้ กดิ เปน็ สินค้าและบรกิ ารข้นึ มา อยา่ งเช่น การผลิตผ้าสักผืน จะตอ้ งใชอ้ ะไรบ้าง เรากต็ อ้ งมีที่ดินเพอื่ ปลกู หมอ่ นเลยี้ งไหม ต้องมีคนงานมาช่วยปลกู ดแู ล ใหอ้ าหารตัวไหม เอาใยท่หี มุ้ ตัวไหมอยูอ่ อกมาในรปู ของเส้นไหม แล้วก็สง่ เข้าโรงงานทอผา้ ตอ้ งมีเคร่อื งมอื เครื่องจักรทใ่ี ช้ในการทอ ตอ้ งใช้ไฟฟา้ แลว้ กส็ าวโรงงาน แตก่ จิ กรรมพวกน้ีเกิดข้นึ เองไม่ได้ ตอ้ งมีคนทเ่ี ป็นผรู้ วบรวมสง่ิ ตา่ ง ๆ เหล่าน้ีเข้าด้วยกนั เพ่อื ผลิตให้ได้ผ้าผืนออกมา จะเห็นได้ว่า การผลิตผา้ สกั ผืน เราตอ้ งใช้หลายสิ่งหลายอย่างไมว่ ่าจะเปน็ ทดี่ ินที่ใช้ในการปลูก แรงงาน เครื่องมือเครอ่ื งจักร รวมถึง แรงงานที่เป็นผรู้ วบรวมสิง่ ต่าง ๆ เหล่าน้ีเขา้ ดว้ ยกันเพ่ือนำ�มาใช้ในกระบวนการผลติ ส่ิงตา่ ง ๆ ท่เี ราตอ้ งใช้ในการผลิตเหล่านี้ เรียกว่า “ปจั จัยการผลิต” ในทางเศรษฐศาสตร์ เราแบ่งปัจจยั การผลิตเป็น 4 ประเภท ดังนี้ • ทดี่ ิน (land) หมายถงึ ท่ีดินท่ีใช้ในการเพาะปลกู รวมถึงการใช้เป็นสถานท่ีของอาคารโรงงานท่ที ำ�การผลิตดว้ ย • แรงงาน (labour) หมายถึง ความคดิ และกำ�ลังกายของมนษุ ยท์ ี่ได้นำ�ไปใช้ในการผลติ • ทุน (capital) ความหมายทางเศรษฐศาสตร์ หมายถงึ สง่ิ กอ่ สรา้ ง และเครอื่ งจกั รเครื่องมือท่ีใช้ในการผลิต • ผปู้ ระกอบการ (entrepreneurship) หมายถึง ผทู้ ่ีรวบรวมปัจจยั การผลิตต่าง ๆ มาทำ�การผลิตเพอื่ ให้ได้ผลผลติ ตามที่ต้องการ ใครเป็นเจ้าของปจั จัยการผลติ ? ถา้ ไมใ่ ช่ประเทศสังคมนิยมคอมมวิ นิสตท์ ี่รัฐบาลเป็นเจ้าของปจั จยั การผลิตไปเสียท้ังหมด คนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ก็เปน็ เจา้ ของปัจจยั ได้ เชน่ ขายแรงงาน (แรงสมองและแรงกาย) รวมถึงสมาชกิ คนอ่นื ๆ ในครอบครวั ไมว่ า่ จะเปน็ พอ่ แม่ ลกู ปู่ ยา่ ลงุ ปา้ นา้ อา ฯลฯ ลว้ นเปน็ เจา้ ของปจั จยั การผลติ ไดท้ ง้ั สน้ิ ไมว่ า่ จะเปน็ เจา้ ของทด่ี นิ แรงงาน ทนุ หรอื เปน็ ผปู้ ระกอบการ และคน ๆ เดียวก็เป็นเจ้าของปจั จยั ได้มากกว่า 1 ชนิด เชน่ พอ่ อาจจะเปิดรา้ นขายก๋วยเตีย๋ ว พอ่ ก็จะเป็นเจา้ ของที่ดิน แรงงาน ทุน และ แถมเป็นผูป้ ระกอบการไปด้วยเลย จะเหน็ ว่าเจ้าของปัจจัยการผลิต กค็ ือ “หนว่ ยครวั เรือน” น่ันเอง ผลตอบแทนของปัจจัยการผลติ ท่ีไดร้ ับคืออะไร ในบทกอ่ นเราทราบแล้วว่า ของทกุ อยา่ งมตี ้นทุนค่าเสียโอกาสเสมอ การเอาปัจจยั การผลติ ไปใช้กเ็ ชน่ กัน มนั ก็จะมีต้นทุนค่าเสยี โอกาสเพราะหากใชป้ จั จัยการผลติ นผ้ี ลิตของอยา่ งหนง่ึ ในเวลาเดยี วกนั ก็ไม่สามารถใช้ ปัจจยั การผลติ จำ�นวนเดียวกนั ไปผลิตอยา่ งอื่นได้ ดังน้ัน จงึ ตอ้ งใหค้ า่ ตอบแทนตามตน้ ทุนค่าเสียโอกาส คำ�ถามตอ่ ไป คอื วา่ ปัจจัย การผลิตแตล่ ะอย่างมีต้นทนุ คา่ เสียโอกาสอะไรบา้ ง • ท่ดี ิน (land) ถา้ เราเปน็ เจ้าของที่ดนิ สมมตวิ ่าถา้ เราเอาท่ีดินมาปลูกพืช ตัง้ โรงงานเอง เราก็จะเสียโอกาสท่ีจะนำ�ที่ดินแปลงเดยี วกนั น้ี ไปให้คนอื่นเช่า ต้นทนุ ค่าเสยี โอกาสท่เี สียไปในท่ีนี้ ก็คือ ค่าเช่าทคี่ วรจะได้รบั ผลตอบแทนของทด่ี ิน กค็ ือ คา่ เช่า (rent) น่นั เอง • แรงงาน (labour) ถา้ เราเปน็ เจา้ ของแรงงาน หรอื พดู งา่ ย ๆ กค็ อื เราเปน็ คนทข่ี ายแรงงาน สมมตเิ ราเลอื กทจ่ี ะใชแ้ รงงานเราในการท�ำ นา ปลกู ขา้ ว แทนทจ่ี ะไปท�ำ งานในโรงงานหรือบรษิ ัท ตน้ ทนุ คา่ โอกาสทีเ่ ราจะเสียไป กค็ อื ค่าจ้างทีเ่ ราควรจะได้รบั ถา้ ท�ำ งานในโรงงาน หรือบริษทั นัน้ ๆ ผลตอบแทนของแรงงาน ก็คอื คา่ จ้าง (wage หรอื salary) • ทนุ (capital) ถ้าเราเปน็ เจ้าของทนุ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร โรงงาน เครือ่ งมอื เครือ่ งจักร เรากต็ ้องจัดหาปจั จยั ทนุ เหล่านม้ี า โอกาสที่จะ เสียไป ก็คือ แทนท่ีเราจะสามารถเอาเงนิ ที่เราลงทนุ ในปจั จัยทนุ เหล่านี้ไปฝากธนาคารแล้วได้รบั ดอกเบยี้ ต้นทนุ ค่าเสียโอกาสหรือ ผลตอบแทนของทนุ ก็คอื ดอกเบยี้ (interest) • ผ้ปู ระกอบการ (entrepreneurship) ถา้ เราเปน็ ผูป้ ระกอบการ ทรี่ วบรวมปัจจัยการผลิตต่าง ๆ เพอ่ื ท�ำ การผลติ เมอื่ ขายของได้ ก็ได้รายรบั จากการขายมา แต่ส่วนหนงึ่ กต็ อ้ งจา่ ยคา่ ตอบแทนใหป้ ัจจัยการผลิตซง่ึ เป็นต้นทนุ ของผู้ประกอบการ ส่วนคา่ เหน่ือย ของผูป้ ระกอบการ ก็คอื สว่ นเหลอื ทจี่ ะไดเ้ มือ่ หกั ต้นทนุ ทง้ั หมดแล้ว นั่นกค็ ือ กำ�ไร (profit) นนั่ เอง 28 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
economic units เมอื่ ผผู้ ลติ และผบู้ รโิ ภคมาเจอกนั แลว้ กิจกรรมทางเศรษฐกจิ ด�ำ เนินไปไดอ้ ยา่ งไร เมื่อผู้ผลิตและผู้บริโภคมาเจอกัน ต่างฝ่ายต่างทราบความต้องการ ของตนเอง โดยผบู้ รโิ ภคกซ็ อ้ื สนิ คา้ และบรกิ ารมาเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการ ของตัวเอง ขณะท่ีผู้ผลิตก็จะทำ�การผลิตสินค้าและบริการเพื่อขายให้กับ ผู้บริโภค ซ่ึงสิ่งท่ีได้ตอบแทนก็คือ กำ�ไร ถ้ามีกันอยู่แค่ 2 คน คงไม่ยาก ผ้บู ริโภค (ผ้ซู ือ้ ) กับ ผู้ผลิต (ผู้ขาย) กจ็ ะท�ำ การตกลงราคาร่วมกนั ลองนึกถงึ เราไปซื้อเสื้อสักตัวในตลาดนัด ถ้าคนขายต้ังราคา 300 บาท เราอาจจะ บอกว่าแพงไป ขอลดเป็น 250 บาท ไม่ได้เหรอ คนขายอาจจะบอกว่า ไม่ได้หรอก รับมา ก็ตัวละ 240 บาทแล้ว ขอเป็น 260 บาทก็แล้วกัน เราก็ยอมจ่ายเงนิ ให้ในราคา 260 บาท ดงั นนั้ ราคาเสอ้ื ท่ีตัวละ 260 บาท ก็คือ ราคาที่ผู้ซ้ือและผู้ขายต่างยอมรับร่วมกัน เกิดการซ้ือขายแลกเปล่ียน ในกรณีเช่นนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็เกิดขึ้นได้แล้ว แต่ในความเป็นจริง การดำ�เนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับคนสองคน แต่เกิดกับ ทกุ คนทรี่ วมกนั อยใู่ นสงั คม ทเี่ ราเรยี กวา่ “หนว่ ยเศรษฐกจิ (economicunits)” ในระบบเศรษฐกจิ ประกอบด้วยหน่วยเศรษฐกจิ ต่าง ๆ ดังนี้ 1) หนว่ ยครัวเรือน เปน็ เจ้าของปจั จัยการผลิต คอื ที่ดิน แรงงาน ทนุ หรือเป็นผ้ปู ระกอบการ ขณะเดียวกันก็เปน็ ผูบ้ รโิ ภคสนิ ค้าและบริการด้วย 2) หน่วยธรุ กจิ เป็นผ้รู วบรวมปจั จยั การผลิตต่าง ๆ เพ่ือนำ�มาผลติ และจำ�หน่ายให้กับผู้บริโภค (อาจจะเป็นผู้ผลิต หรือผู้จำ�หน่ายอย่างใด อย่างหนึ่ง หรือเป็นทงั้ ผผู้ ลติ และผู้จำ�หนา่ ยไปพร้อม ๆ กันกไ็ ด)้ 3) หน่วยรัฐบาล คอยควบคุม ดูแล ออกระเบียบและกฎหมาย แต่บางคร้งั ก็เปน็ ผผู้ ลิตสนิ ค้าและบริการเสยี เอง หากหน่วยธรุ กจิ ไม่สามารถ ดำ�เนินการผลิตให้แก่หน่วยครัวเรือนได้ เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันประเทศ การให้บริการสวัสดิการทางสังคมไม่ว่าจะเป็นด้าน การศกึ ษา ดา้ นสาธารณสุข เป็นตน้ เนอื่ งจากเอกชนยอ่ มต้องการท�ำ ธรุ กิจ ที่มกี ำ�ไร สินคา้ และบรกิ ารในลกั ษณะดังกลา่ ว จงึ ไมม่ เี อกชนอยากทำ� และ หากรัฐบาลไม่ทำ� ก็อาจทำ�ให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยเดือดร้อน 29เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
การทร่ี ัฐบาลเปน็ ผ้ผู ลิต ทำ�ใหร้ ัฐบาลเปน็ ผู้ซอื้ สนิ คา้ และบรกิ ารต่าง ๆ จากหนว่ ยครวั เรอื นและหน่วยธุรกจิ ด้วย อาทิ การจ้างแรงงาน ซึ่งก็คือข้าราชการนัน่ เอง การซื้อกระดาษ อุปกรณ์ส�ำ นักงาน คอมพิวเตอร์ เป็นต้น นอกจากรัฐบาล จะมบี ทบาทเป็นผูผ้ ลติ และผู้ซ้อื แล้ว รัฐบาลยงั มีบทบาทเป็นเจ้าของปจั จยั การผลติ บางประเภทด้วย เช่น ปา่ ไม้ ท่ีดิน แรธ่ าตตุ ่าง ๆ เปน็ ตน้ ถ้าหนว่ ยธุรกิจตอ้ งการนำ�ทรัพยากรดงั กลา่ ว มาใชใ้ นการผลติ กจ็ ะตอ้ งจา่ ยค่าตอบแทนใหแ้ ก่ รฐั บาลดว้ ย อาทิ คา่ สมั ปทาน คหรนัวว เยรอน หธรุนกวจิย หรฐั นบวายล บทบาทเปน เจา ของ บทบาทเปน ผูผลิต บทบาทเปนผผู ลิต ปจจัยการผลิต และผูจำหนา ย บทบาทเปนผบู รโภค บทบาทเปน ผบู รโภค บทบาทเปนเจาของ business firm household ปgจจoยั กvาeรผrลnิต ment จะเหน็ วา่ หนว่ ยเศรษฐกจิ จะแบง่ แยกบทบาทหนา้ ทตี่ า่ ง ๆ กนั ไป แตบ่ างครงั้ คน ๆ เดยี วกส็ ามารถเปน็ ไดห้ ลาย บทบาท ในชว่ งเวลาทตี่ า่ งกัน เช่น คุณพอ่ ท�ำ งานทบี่ ริษัท กเ็ ป็นเจา้ ของแรงงาน พอตอนกลางวนั กเ็ ปน็ ผ้บู รโิ ภคเพราะ ตอ้ งซอื้ อาหารมารบั ประทาน พอตกเยน็ คณุ พอ่ หารายไดเ้ สรมิ โดยการขบั แทก็ ซี่ คณุ พอ่ กจ็ ะกลายเปน็ ผผู้ ลติ เพราะตอ้ ง ให้บรกิ ารรบั สง่ ผโู้ ดยสาร ค�ำ ถามทดสอบความเข้าใจ คณุ รู้ไหมว่าคุณมีบทบาทเป็นอะไรในการด�ำ เนนิ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ลองอธิบาย และยกตวั อยา่ ง ให้เหน็ ชดั เจน 30 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
Key Points การแกป้ ัญหาพน้ื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ • ระบบเศรษฐกิจแบบทนุ นิยม หน่วยเศรษฐกิจทั้งสามหน่วย ได้แก่ หน่วยครัวเรือน หน่วยธุรกิจ จะใช้กลไกราคาในการแก้ปัญหา และหน่วยรัฐบาล จะมารวมตัวกันเพ่ือดำ�เนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ พนื้ ฐานทางเศรษฐศาสตร์ ซ่ึงเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีมากข้ึนและเกิดการเชื่อมโยงกัน จึงเกิดเป็น • ผ้ผู ลิตและผูบ้ ริโภคเปน็ ผูก้ ำ�หนด “ระบบเศรษฐกจิ ” ซงึ่ รูปแบบของระบบเศรษฐกจิ ของประเทศตา่ ง ๆ ในโลก ราคาร่วมกนั โดยตา่ งฝ่ายต่างส่ง จะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรูปแบบการปกครอง ขนบธรรมเนียม สัญญาณใหอ้ ีกฝา่ ยทราบว่า ประเพณี วฒั นธรรมของแต่ละประเทศ ตนเต็มใจและมคี วามสามารถ 1. ระบบเศรษฐกจิ แบบเสรนี ยิ มหรอื ทนุ นยิ ม (capitalism) ทกุ คนมสี ทิ ธ์ิ ทจ่ี ะซ้อื หรือขายท่รี าคาเทา่ ไร เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต สินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ตนหาได้มา และ ทุกคนก็มีเสรีภาพเต็มท่ีในการดำ�เนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งเขาเห็นว่า เปน็ ประโยชนแ์ กเ่ ขามากทส่ี ดุ โดยเจา้ ของปจั จยั การผลติ มอี สิ ระทจ่ี ะน�ำ ปจั จยั การผลิตที่มีอยู่ไปใช้ทำ�อะไรก็ได้ตามท่ีตนพอใจ เช่น อาจจะขายท่ีดิน ให้เช่าต่อ หรือใช้ปลูกข้าวเอง ผู้ผลิตก็มีอิสระที่จะซ้ือปัจจัยการผลิต และ ใชป้ จั จยั การผลติ มาผลติ สนิ คา้ ตามเงนิ ทนุ ทม่ี อี ยู่ ขณะทผ่ี บู้ รโิ ภคเองกม็ อี สิ ระ ในการเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้ตามท่ีตนพอใจตามเงินในกระเป๋าที่มีอยู่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจเหล่าน้ีดำ�เนินไปโดยมีกลไกราคา ซึ่งจะทำ�หน้าที่ แก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ โดยราคาจะเป็นตัวกำ�หนดว่าควรนำ� ปจั จยั การผลติ นนั้ มาผลติ สินค้าอะไร มากน้อยแคไ่ หน ใช้ทรพั ยากรอย่างไร และกระจายสนิ คา้ และจา่ ยผลตอบแทนจากการผลติ ไปใหใ้ ครบา้ ง โดยรฐั บาล จะไม่เข้าไปเก่ียวข้อง รัฐบาลจะมีหน้าท่ีเพียงการรักษาความสงบเรียบร้อย ของบ้านเมืองและการปอ้ งกนั ประเทศ และท�ำ ใหบ้ รรยากาศการซื้อขายเป็น ไปได้โดยสะดวก capitalism 31เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
ราคาจะถกู ก�ำ หนดจากผู้ซื้อ (ผู้บรโิ ภค) และผูข้ าย (ผูผ้ ลิต) ร่วมกนั วารู…ไหม? ถ้าผ้ซู อ้ื ต้องการสินค้านัน้ ก็จะส่งสัญญาณใหผ้ ผู้ ลติ ทราบวา่ เขาอยากจะจา่ ย ในราคาเท่าไร ถ้าของท่ีผู้ขายผลิตมาขายมีไม่พอกับความต้องการซื้อของ อดัม สมธิ เจ้าของ ผู้บริโภค ผู้บริโภคก็ต้องยอมจ่ายในราคาท่ีสูงขึ้นเพ่ือให้ได้สินค้าน้ันมา ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ ซึ่งก็จะจูงใจให้ผู้ผลิต ผลิตออกมาขายมากข้ึนด้วย แต่ถา้ สินค้ามีเหลือเฟือ ลัทธิเสรนี ิยม กลา่ วไวว้ า่ ผลติ ออกมาขายมากกวา่ ทผ่ี ซู้ อ้ื ตอ้ งการ ราคาสนิ คา้ นน้ั กจ็ ะลดลง ผผู้ ลติ กจ็ ะ เม่ือแตล่ ะคนในระบบเศรษฐกิจ ผลิตลดลงดว้ ย (จะอธบิ ายกฎของอุปสงค์กบั อปุ ทานในลำ�ดับถดั ไป) ดงั น้ัน มุ่งแสวงหาประโยชน์สว่ นตน (ผู้บรโิ ภค จะเห็นว่าราคาเป็นตัวท่ีบอกให้ทราบว่าจะผลิตสินค้าอะไรและเป็นจำ�นวน ต้องการความพอใจสงู สดุ จาก เทา่ ใด (what) สว่ นจะผลติ อย่างไร (how) ราคากจ็ ะเปน็ ตวั ตดั สินใจเช่นกัน การบริโภค สว่ นผผู้ ลติ ตอ้ งการกำ�ไร โดยผู้ผลิตจะเลือกใช้ปัจจัยการผลิตและวิธีการผลิตที่ต้นทุนถูกท่ีสุดเพ่ือให้ สงู สดุ ) ทรพั ยากรจะถกู จดั สรร ขายตามราคานั้นแล้วได้กำ�ไรมากท่ีสุด ส่วนปัญหาท่ีว่า จะผลิตให้ใคร ผ่านกลไกราคา (หรอื ระบบตลาด) (for whom) ราคาก็จะเป็นตัวบอกให้ทราบว่า ใครควรจะเป็นผู้ได้ไป ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพและเหมาะสม เพราะผู้ผลิตก็จะเลือกขายใหก้ บั ผทู้ ีใ่ ห้ราคาสงู ท่สี ดุ มากทีส่ ุด จงึ ไดก้ ล่าวเปรยี บเทยี บ กลไกดังกล่าววา่ เปน็ “มอื ทม่ี อง ไมเ่ หน็ (invisible hand)” Exam Tip กลไกราคาจะปรบั ใหร้ าคาทผ่ี ซู้ อ้ื ตอ้ งการซอ้ื เทา่ กบั ราคาทผ่ี ขู้ ายเสนอขายเรยี กวา่ “ราคาดลุ ยภาพ” และจ�ำ นวนสนิ คา้ ทีผ่ ู้ซอ้ื ต้องการซ้อื เท่ากบั จำ�นวนสินคา้ ทีผ่ ้ขู ายเสนอขายพอดเี รยี กว่า “ปรมิ าณดลุ ยภาพ” (อ่านเพิม่ เตมิ ในบทที่ 4) อย่างไรก็ดี การดำ�เนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมหรือทุนนิยม แม้จะมีข้อดี ในแงท่ ที่ กุ คนมเี สรภี าพในการด�ำ เนนิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ผผู้ ลติ และผบู้ รโิ ภคมอี สิ ระเสรใี นการเลอื กผลติ และเลอื ก บริโภคสนิ คา้ และบริการ แตร่ ะบบเศรษฐกจิ แบบเสรนี ิยมก็มขี ้อเสยี อยหู่ ลายอยา่ ง เชน่ • ผู้ผลิตรายใหญ่บางรายอาจผูกขาดการผลิตทั้งหมดในสินค้าน้ัน ๆ ซึ่งมักเกิดข้ึนในธุรกิจท่ีต้องใช้ เงินลงทุนมาก เทคโนโลยีทันสมัย ทำ�ให้ผู้ผลิตรายอ่ืน ๆ ไม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้ ผู้ผลิตรายใหญ่ จึงสามารถกำ�หนดราคาสินค้าได้แพง ๆ ผู้ซื้อจำ�ต้องจ่ายเพราะเป็นสินค้าท่ีจำ�เป็น ขณะที่ผู้มีรายได้น้อย ก็อาจจะหมดโอกาสในการบรโิ ภคสินค้าเหลา่ นั้น 32 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
• การที่ทุกคนมีสิทธ์ิเป็นเจ้าของสินค้าและปัจจัยการผลิต เช่น ที่ดิน ทุน ท่ีตนหาได้มา และทุกคนก็มีอิสระเต็มท่ีในการใช้ ส่ิงเหล่านั้น แต่น่ันก็อาจก่อให้เกิดปัญหารายได้ไม่เท่าเทียมกัน รวยจนต่างกันมาก เพราะผู้ที่มีทรัพย์สินมากกว่าหรือมีความ สามารถสูงกว่าจะเป็นผู้ได้เปรียบ ผู้มีรายได้สูงก็รวยข้ึนเรื่อย ๆ ในขณะที่ผู้มีรายได้น้อยซึ่งไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต ก็จนลง • สนิ ค้าและบริการบางอย่างจ�ำ เป็นตอ่ การดำ�รงชีวติ แตอ่ าจจะไมม่ ี ใครยอมผลติ เพราะไม่คุ้มกบั เงินลงทนุ เนอ่ื งจากสินคา้ และบริการ เหล่านี้ไม่สามารถกีดกันคนอ่ืนไม่ให้มาใช้ด้วยได้หรือเมื่อผลิตแล้ว ไม่สามารถเก็บเงนิ จากผบู้ ริโภคได้ เช่น การจัดหากองกำ�ลังทหาร เพื่อป้องกันประเทศ หรือการส่งไฟฟ้าและประปาสู่ท้องถ่ินชนบท รัฐจงึ ตอ้ งเขา้ มาด�ำ เนนิ การเอง • การใชท้ รัพยากรอย่างสน้ิ เปลือง ไมค่ ้มุ คา่ เชน่ ในบางช่วงท่ีมกี าร แข่งขันกันสร้างคอนโดมิเนียมเพราะคิดว่าเป็นกิจการที่ให้ผล ตอบแทนหรือกำ�ไรดี เม่ือสร้างข้ึนมามากๆ ก็เกิดมีมากเกินกว่า ความต้องการ หรือท่ีเรียกว่า oversupply ทำ�ให้ผู้ประกอบการ ประสบภาวะขาดทุน กิจการต้องล้มเลิก เสียเงินทุนท่ีลงทุนไป เป็นการสูญเสียทรัพยากรไปอย่างเปล่าประโยชน์และไม่คุ้มค่า เปน็ ต้น 2. ระบบเศรษฐกจิ แบบสงั คมนยิ ม (socialism) คือ ระบบเศรษฐกจิ ท่ี รัฐบาลเข้าไปควบคุมหรือเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตและกิจการท่ีสำ�คัญ ๆ เพอ่ื ประโยชนโ์ ดยสว่ นรวม โดยมรี ฐั เปน็ ผวู้ างแผน ควบคมุ และด�ำ เนนิ กจิ กรรม ทางเศรษฐกจิ เปน็ สว่ นใหญ่ ผผู้ ลติ จะผลติ สนิ คา้ ตามนโยบายรฐั บาล ไมว่ า่ จะ ผลติ อะไร (what) โดยวธิ กี ารผลิตใด (how) รวมถงึ คุณภาพแบบไหน ขณะ ที่ผู้บริโภคก็ถูกจำ�กัดสิทธ์ิในการเลือกบริโภค รัฐจะเป็นผู้กำ�หนดเองว่าจะ บรโิ ภคสินค้าอะไร จำ�นวนเท่าใด (for whom) 33เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
แต่การดำ�เนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามระบบเศรษฐกิจแบบ สังคมนิยม แม้จะมีข้อดีที่ทำ�ให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างคนในสังคม และมกี ารกระจายผลประโยชน์ ไมต่ กอยกู่ บั ผมู้ เี งนิ ทนุ มาก หรอื ผกู ขาดปจั จยั การผลิต นอกจากนี้ รัฐบาลยังสามารถดูแลและควบคุมการใชท้ รพั ยากรใน คณุ เรยี นร้สู ง่ิ เหลา่ น้ี การผลิตได้ แต่ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมก็มีข้อเสีย หากการวางแผน แลว้ หรือยัง และการดำ�เนินนโยบายผิดพลาด การจัดสรรทรัพยากรอาจไม่ก่อให้เกิด ประโยชนส์ งู สดุ เอกชนไมม่ ีแรงจูงใจในการทำ�งานและการผลิต ไมเ่ กิดการ • เข้าใจบทบาทของกลุม่ ต่าง ๆ พฒั นานวตั กรรมใหม่ ๆ ที่ต้องอาศัยความคดิ สรา้ งสรรคเ์ พราะขาดเสรีภาพ ในระบบเศรษฐกจิ ท้ังหน่วย ครวั เรอื น หนว่ ยธรุ กจิ หนว่ ยรัฐบาล ในปัจจุบันเป็นยุคของการค้าเสรี มีการติดต่อการค้าและเช่ือมโยง • เข้าใจการแกป้ ญั หาทาง การลงทุนไปท่ัวโลก ทำ�ให้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมมีความยืดหยุ่น เศรษฐศาสตรข์ องระบบ มากขึ้น ตัวอย่างเชน่ ประเทศจนี ซง่ึ มรี ะบอบการปกครองแบบสงั คมนยิ ม เศรษฐกิจในรปู แบบต่าง ๆ ก็มีการสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้นในกิจการที่เป็นประโยชน์ ต่อการพัฒนาประเทศ เช่น อุตสาหกรรมภาคการเงิน และประกันภัย อุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมพลังงาน หรือแม้แต่อุตสาหกรรม จัดหาแรธ่ าตุ เป็นต้น 3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (mixed economy) เป็นระบบเศรษฐกจิ ท่ีผสมผสานระหว่างลักษณะของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมและระบบ เศรษฐกิจแบบสังคมนิยม โดยกลไกราคาจะทำ�หน้าท่ีแก้ปัญหาพ้ืนฐาน ทางเศรษฐกิจ รัฐเพียงเข้าไปแทรกแซงหรือควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ บางประเภทเทา่ นนั้ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรมทางเศรษฐกจิ และเปน็ ประโยชน์ ต่อสังคม อาทิ การให้บริการด้านการศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้าง พืน้ ฐานตา่ ง ๆ เป็นต้น ปจั จุบนั ประเทศต่าง ๆ ในโลกล้วนแตม่ ีลกั ษณะของระบบเศรษฐกิจ แบบผสมท้ังส้ิน ต่างกันเพียงแต่ว่าประเทศไหนจะเป็นระบบเศรษฐกิจ แบบผสมทคี่ อ่ นขา้ งไปทางระบบทนุ นยิ ม(กลไกราคาเปน็ ตวั แกป้ ญั หาพนื้ ฐาน ทางเศรษฐศาสตร์) หรือระบบเศรษฐกิจแบบผสมที่ค่อนข้างไปทางระบบ สงั คมนยิ ม(รฐั บาลเปน็ ผวู้ างแผน ควบคมุ และด�ำ เนนิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ) 34 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
สังคมนยิ ม ทนุ นยิ ม ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม ระบบเศรษฐกิจแบบผสม ทคี่ อ นขางไปทางระบบสังคมนิยม ท่คี อนขา งไปทางระบบทนุ นยิ ม คิวบา จน ญีป่ ุน ฝร่งั เศส เกาหลีเหนอื เวยดนาม สหรัฐอเมรกา เวเนซเู อลา เกาหลีใต องั กฤษ จากบทนี้เราจะเห็นว่า แทบทุกระบบเศรษฐกิจล้วนพึ่งพาการจัดสรรทรัพยากรผ่านกลไกราคา เปน็ ส่วนใหญ่ กลไกราคาจะเป็นส่ิงก�ำ หนดวา่ ระบบเศรษฐกจิ จะผลิตสิ่งใด (what) ผลติ อยา่ งไร (how) และ จะผลิตให้ใคร (for whom) รวมทั้งใครจะได้รับผลตอบแทนเท่าใด ซ่ึงในบทถัดไปจะอธิบายถึงการทำ�งาน ของกลไกราคาเพ่มิ เตมิ กจิ กรรมทดสอบความเขา้ ใจ คุณคิดวา่ ประเทศไทยเป็นระบบเศรษฐกจิ แบบใด และใช้อะไรเปน็ ตัวแก้ปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์ ผลิตอะไร (what), ผลิตอยา่ งไร (how), ผลิตและจา่ ยผลตอบแทนให้ใคร (for whom) 35เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
บทที่ 4 กลไกราคา : อุปสงค์และอปุ ทาน บทน้ีเป็นการทำ�ความเข้าใจเก่ียวกับ กลไกราคาซ่ึงเป็นตัวแก้ปัญหา พ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์ หรือ เป็นตัวจัดสรรทรัพยากรในระบบ เศรษฐกิจ โดยราคาของสินค้าและ บริการจะถูกกำ�หนดจากความต้องการซื้อ ของผู้ซื้อ (อุปสงค์) และปริมาณเสนอขาย ของผขู้ าย (อุปทาน) ของสินค้าน้นั ๆ กลา่ วคือ เม่อื ราคาลดลง ปรมิ าณความตอ้ งการซอื้ จะมากขึ้น ขณะท่ีปรมิ าณเสนอขายจะน้อยลง แตเ่ มอื่ ราคาเพม่ิ ข้นึ ปริมาณความต้องการซอ้ื และปรมิ าณเสนอขาย จะเปลย่ี นแปลงในทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม การท�ำ งานของกลไกราคานจ้ี ะปรบั จนกระทง่ั ราคาทผ่ี ซู้ อ้ื ตอ้ งการซอ้ื เทา่ กบั ราคาทผี่ ขู้ ายเสนอขายเรยี กวา่ “ราคาดลุ ยภาพ” และจ�ำ นวนสนิ คา้ ทผ่ี ซู้ อื้ ตอ้ งการซอ้ื เทา่ กบั จ�ำ นวน สินค้าที่ผู้ขายเสนอขายพอดี เรียกว่า “ปริมาณดุลยภาพ” ทั้งน้ี ราคาและปริมาณดุลยภาพ สามารถเปล่ียนไปจากเดิมได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และ/หรืออุปทาน ซึ่งจะเกิดเป็นราคา และปรมิ าณดลุ ยภาพใหม่ขึ้นมา 36 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
เสริมความรู้ การกำ�หนดราคาตามอปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน ตลาด คอื ที่ ๆ ผผู้ ลิตและผ้บู ริโภค การทรี่ ะบบเศรษฐกจิ มหี ลายแบบ ท�ำ ใหก้ ารจดั สรรทรพั ยากรหรอื การ มาเจอกัน ซึง่ ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ แก้ปัญหาพ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์แตกต่างกันไป ในระบบเศรษฐกิจแบบ ไม่จำ�เปน็ ต้องมสี ถานทใ่ี นการซ้ือขายก็ได้ สังคมนิยม รัฐจะเป็นผวู้ างแผนจัดสรรทรพั ยากรเอง และเปน็ ผกู้ �ำ หนดวา่ จะ เพียงแค่ให้ผซู้ ือ้ และผู้ขายทำ�การตกลง ผลติ อะไร และจ�ำ หนา่ ยจา่ ยแจกไปใหใ้ คร ขณะทรี่ ะบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม ซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินคา้ กันกพ็ อ จะใช้กลไกราคาเป็นตัวจัดสรรทรัพยากร โดยราคาจะเป็นตัวกำ�หนดว่าควร เช่น การซ้ือขายกนั ทางอินเทอรเ์ นต็ ผลิตสนิ คา้ อะไร มากนอ้ ยเพยี งใด ดว้ ยวธิ ีการผลติ ใด และกระจายสินค้าไป ตลาดในทางเศรษฐศาสตรจ์ ึงมี ให้ใครบา้ ง ซง่ึ ผูผ้ ลิตและผ้บู รโิ ภคจะรว่ มกนั เป็นผกู้ �ำ หนดราคา การซ้อื ขาย ความหมายกวา้ งกว่าตลาดทีเ่ ราเห็น สนิ ค้าและบรกิ ารจะเกดิ ข้ึนได้ ก็ตอ่ เมอื่ ไดร้ าคาทผ่ี ผู้ ลติ และผบู้ ริโภคพอใจ อยทู่ ั่ว ๆ ไป อุปสงค์ Key Points เราในฐานะผู้บริโภค เราจะพอใจซื้อสินค้าและบริการท่ีเราต้องการ จ�ำ นวนเทา่ ใด และจะยอมจา่ ยท่รี าคาต่อหน่วยเทา่ ใด ลองมาคดิ ดวู ่ามอี ะไร • อุปสงคแ์ สดงถึงความตอ้ งการ บ้างทเี่ ปน็ ตวั กำ�หนดความต้องการของเรา ตวั อยา่ งเช่น เราอยากจะกินข้าว ซอื้ สนิ คา้ หรอื บรกิ าร ณ ระดบั กลางวนั จะเลือกกินอะไรดี เราอาจจะค�ำ นึงถงึ ความชอบของเรา ราคาของ ราคาตา่ ง ๆ โดยตอ้ งมี 2 เงือ่ นไข อาหารแตล่ ะอยา่ งทม่ี ใี หเ้ ลอื ก เงนิ ในกระเปา๋ ทเ่ี รามี เชน่ เลอื กทานขา้ วมนั ไก่ คือ (1) ผบู้ ริโภคมีความเตม็ ใจที่จะซอื้ เพราะเราชอบทานไก่ และราคาถูกกว่าข้าวขาหมู ถูกกว่าก๋วยเตี๋ยวเน้ือ (willing to pay) และ (2) ผู้บรโิ ภค ถกู กวา่ ผดั ไทย และเงินในกระเป๋าของเราพอจา่ ย มีความสามารถทจ่ี ะซือ้ (ability ถ้าสมมติให้ปัจจัยอื่น ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงเลย ยกเว้นราคาของ to pay) สินค้าและบริการชนิดน้ัน เช่น ถ้าปกติเราด่ืมชานมไข่มุกวันละ 2 แก้ว • เมอื่ ราคาสินค้าลดลง ปริมาณ แลว้ วนั หนึง่ ราคาไข่มกุ ถูกลง แม่ค้าลดราคาลงจากแกว้ ละ 30 บาท เหลือ ความต้องการซือ้ จะมากขึ้น แก้วละ 20 บาท เราอาจจะอยากดม่ื ชานมไข่มุกเพม่ิ ขึ้นเปน็ วนั ละ 3 แกว้ แตเ่ มือ่ ราคาสงู ขึน้ ปริมาณ แต่ถ้าไข่มุกแพงข้ึนจนทำ�ให้แม่ค้าขึ้นราคาชานมไข่มุกเป็น 40 บาท ความตอ้ งการซอ้ื กจ็ ะลดลง เราอาจจะอยากด่ืมชานมไข่มุกน้อยลงเหลือแค่วันละแก้ว ปริมาณ ตาม “กฎของอปุ สงค์” ชานมไขม่ กุ 1 แก้ว 2 แก้ว หรือ 3 แกว้ ที่เรายนิ ดที จ่ี ะซอื้ ณ ระดบั ราคา • ความสัมพันธ์นีจ้ ะเป็นจริงกต็ อ่ เมื่อ ต่าง ๆ นี้เราเรยี กว่า อปุ สงค์ของผ้ซู ้ือ ปัจจัยอน่ื ไมเ่ ปล่ยี นแปลง เชน่ รสนยิ ม ความชอบ เงนิ ในกระเป๋า และราคา สินค้าอืน่ ทท่ี ดแทนกนั ได้ เปน็ ตน้ 37เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
แตไ่ มใ่ ชว่ า่ เพยี งผซู้ อื้ เกดิ ความตอ้ งการซอื้ แลว้ จะเรยี กวา่ มอี ปุ สงคไ์ ดเ้ ลย ผซู้ อ้ื จะตอ้ งสามารถจา่ ยคา่ สนิ คา้ หรอื บริการนั้น ๆ ได้จริงด้วย เช่น เราต้องการซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุด ทันสมัยและราคาแพง แต่มีเงินไม่พอซื้อ อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นอุปสงค์เพราะสุดท้ายเราก็ไม่สามารถซื้อโทรศัพท์มือถือนั้นมาใช้ได้ ในทางเศรษฐศาสตร์ อุปสงค์ (demand) จึงหมายถึง ปริมาณของสินค้าชนิดหนึ่งท่ีผู้ซ้ือต้องการซื้อ และมีความสามารถท่ีจะซ้ือสินค้า น้ันได้ ณ ราคาต่าง ๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง ถ้ารสนิยม เงินในกระเป๋า และปัจจัยอ่ืน ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งโดยปกติผู้บริโภคจะมีความต้องการซ้ือมากข้ึนเมื่อราคาถูกลง น่ันคือ ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณ ความตอ้ งการซอ้ื จะสวนทางกัน ความสมั พนั ธ์นเ้ี ราเรยี กวา่ กฎของอุปสงค์ (law of demand) น่นั เอง ค�ำ ถามชวนคิด...? ถ้าเราลองเอาจ�ำ นวนแก้วของชานมไข่มุกทีเ่ ราต้องการซ้อื มาเปรียบเทยี บกับราคา โดยวาดกราฟใหแ้ กนต้ังเป็นราคาชานมไขม่ ุกตอ่ แก้ว และแกนนอน เปน็ จำ�นวนชานมไข่มุก (แกว้ ) ท่เี ราต้องการจะดมื่ แลว้ ลากเชื่อมจดุ ต่าง ๆ เราจะไดเ้ ส้นกราฟอยา่ งไร เสน้ กราฟท่ีไดก้ ็จะมีลกั ษณะลาดต�ำ่ ลงจากบนซ้ายมาล่างขวา ซง่ึ แสดงความตอ้ งการด่มื ชานมไขม่ ุกของเรา ณ ระดับราคาต่าง ๆ นัน่ เอง หรือเรียกว่า เสน้ อปุ สงคส์ ว่ นบคุ คลหรือเสน้ อปุ สงคข์ องผู้ซ้อื แต่ละราย (individual demand) ในความเปน็ จรงิ เราไม่ไดเ้ ปน็ ผซู้ ้ือเพียงคนเดยี ว ถา้ เอาอุปสงค์ท่มี ีตอ่ ชานมไขม่ กุ ของทุกคนมารวมกัน ณ ระดบั ราคาเดียวกัน เราจะเรยี กว่า อปุ สงค์ ของตลาด (market demand) ราคาชานมไขมุก (บาท/แกว ) 234 50 จำนวนชานมไขม กุ ทต่ี องการซื้อ (แกว ) 40 30 20 10 01 อปุ สงคของนาย ก ตอชานมไขม ุก อปุ สงคข องนาย ข ตอชานมไขมกุ อปุ สงคของนาย ค ตอชานมไขมุก อุปสงคของตลาดตอ ชานมไขมกุ ราคาชานมไขมุก (บาท/แกว ) ราคาชานมไขม ุก (บาท/แกว) ราคาชานมไขม กุ (บาท/แกว ) ราคาชานมไขม กุ (บาท/แกว ) 10 แกว จำรอนา=ุปตวคสน2อางชชง+คกาาขนน3าอรมม+ซงไไตอ้ื5ขขลมมม=าากุกุ ดร1ทว03ี่ทเม0ทแกุกาบกๆันกวาบัทคน 50 50 50 50 40 2 40 3 40 5 40 30 30 30 30 20 20 20 20 10 10 10 10 0 1234 0 1234 5 01 3 5 78 0 2 4 6 8 10 12 14 16 จำนวนชานมไขมุกทต่ี องการซอ้ื (แกว ) จำนวนชานมไขม ุกทต่ี อ งการซอ้ื (แกว ) จำนวนชานมไขม ุกที่ตองการซอื้ (แกว) จำนวนชานมไขม ุกทต่ี องการซื้อ (แกว) 38 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172