Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รัฐสภาสารฉบับเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2562

รัฐสภาสารฉบับเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2562

Published by sapasarn2019, 2020-08-27 04:55:51

Description: รัฐสภาสารฉบับเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2562

Search

Read the Text Version

ผังรายการสถานวี ิทยุกระจายเสียงรัฐสภา ประจาเดือน สงิ หาคม 2562 ออกอากาศทกุ วัน ตงั้ แตเ่ วลา 05.00 – 22.00 นาฬกิ า เวลา จนั ทร์ อังคาร พธุ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 05.00 รายการเผยแผ่ความรู้ทางพุทธศาสนา 05.00 (มลู นธิ ิศกึ ษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา) 06.00 weekend news รายการเผยแผ่ 06.00 คุยขา่ วเช้า ขา่ วเช้าสุดสปั ดาห์ ความรทู้ างศาสนา (อสิ ลาม / คริสต)์ 07.00 ถา่ ยทอดข่าว สวท. 07.00 07.30 Inside รัฐสภา วิจัยกา้ วไกล ทาดีไดด้ ี 07.30 08.00 หอ้ งข่าวรฐั สภาแชนแนล ขบวนการคนตัวเล็ก 08.00 (โทรทศั นร์ ัฐสภา) 09.00 มองรฐั สภา (โทรทศั นร์ ฐั สภา) มองรัฐสภา สภาสนทนา รฐั สภาของ ปชช. รอ้ ยเรื่องเมอื งไทย 09.00 09.30 สภาสนทนา (โทรทัศนร์ ฐั สภา) (โทรทัศน์รฐั สภา) มีข่าวดีมาบอก 09.15 10.00 การเมอื งเรื่อง การเมืองเร่ือง บ้านสขุ ภาพ ตะลอนทวั ร์ท่ัวไทย 10.00 ของประชาชน ของประชาชน เวลา09.30-18.00น. 11.00 เวลา 10.00 น. เปน็ ต้นไป เกาะติดวุฒิสภา ถ่ายทอดเสียง เกาะติดวฒุ ิสภา บนั ทกึ ประชมุ สภา 11.00 ถา่ ยทอดเสยี ง 12.00 รัฐสภาของเรา การประชุม รฐั สภาของเรา สกปู๊ ..ทนั ข่าวรัฐสภา สกู๊ป..รอบสปั ดาห์อาเซยี น 12.00 12.30 การประชมุ วฒุ สิ ภา สภาสนทนา สภาผแู้ ทนราษฎร 13.00 13.00 จนเสร็จสิ้นการประชมุ แผน่ ดินถิ่นไทย จนเสร็จส้ิน 15.00 (มติที่ประชมุ ส.ว. ครงั้ ที่ 3 เพลนิ เพลงยามบ่าย สมัยสามัญประจาปคี รัง้ ที่หนึ่ง การประชมุ สายดว่ นรัฐสภา อ.18 มิ.ย.62) (โทรทศั นร์ ฐั สภา) สขุ ..สุดสัปดาห์ 14.00 เวลา13.00-21.00น. (มติที่ประชมุ ส.ส. สภาสาระ 15.00 ถ่ายทอดเสยี ง ชุดท่ี 25 ปีที่ 1 รักเมอื งไทย เรอ่ื งเลา่ จากวันวาน 15.30 (RERUN) การประชมุ ครง้ั ที่ 4 ก้าวทนั ไอที 16.00 Youngblood สภาผแู้ ทนราษฎร สมัยสามัญ Youngblood สบาย สบาย 16.00 นติ ิบัญญัติฉบับคนรุน่ ใหม่ จนเสร็จส้นิ ประจาปคี รั้งทหี่ น่ึง นิติบญั ญตั ิฯ กับแพทย์ทางเลือก การประชุม พฤ.6 มิ.ย.62) ชวี ติ กับการเรยี นรู้ 16.30 สภาชาวบา้ น สภาชาวบ้าน 17.00 ขา่ วเดน่ รอบวัน (มติที่ประชุม ส.ส. ขา่ วเด่นรอบวนั สก๊ปู ..สภากบั ประชาคมโลก สกปู๊ ...เสน้ ทางกฎหมาย 17.00 Gossip การเมือง ชดุ ที่ 25 ปีที่ 1 Gossip การเมอื ง ละติจูดรอบโลก สบาย สบายฯ 18.00 เพลงไทยสากล คร้ังที่ 4 เพลงไทยสากล เป็นประชารฐั เพลงดศี รแี ผ่นดิน 18.00 18.30 รฐั ธรรมนูญ ๒๗๙ องศา สมัยสามัญ เรือ่ งเลา่ จากวนั วาน 19.00 ถ่ายทอดข่าว สวท. ประจาปีครง้ั ทห่ี น่ึง ถา่ ยทอดข่าว สวท. 19.00 19.30 ขา่ วภาษาอังกฤษ พฤ.6 ม.ิ ย.62) ขา่ วภาษาองั กฤษ เรดโิ อ for you 19.30 20.00 ขา่ วในพระราชสานัก (รับสญั าณ สวท.) ขา่ วในพระราชสานกั (รับสญั าณ สวท.) 20.00 รายการจากสถาบันพระปกเกล้า รายการจากสถาบันพระปกเกล้า คุยกันนอกศาล สนทนากบั คลงั สมอง วปอ.ฯ 21.00 ปปช. ๓๐ นาที คยุ กับ สตง. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปจุ ฉา - วิสชั นาธรรม 21.00 พบประชาชน คดปี กครอง คณะกรรมการสทิ ธิฯ พบประชาชน พบประชาชน (พระอาจารย์อารยวังโส) 21.30 ธรรมะกอ่ นนอน หมายเหตุ - เวลา 08.00 น. และ 18.00 น. เคารพธงชาติ และ พระบรมราโชวาท - นาเสนอขา่ วต้นช่ัวโมง และสปอตตา่ งๆ ตั้งแตเ่ วลา 08.00–21.00 น.



วตั ถปุ ระสงค์ เป็นวารสารเพ่ือเผยแพร่การปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ และเพอ่ื เสนอขา่ วสารวชิ าการในวงงานรฐั สภาและอ่ืนๆ ทง้ั ภายในและต่างประเทศ การสง่ เรอ่ื งลงรัฐสภาสาร ส่งไปที่ บรรณาธิการวารสารรฐั สภาสาร กลมุ่ งานผลติ เอกสาร ส�ำ นักประชาสมั พันธ์ สำ�นกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร เลขท่ี ๑๑๐ ถนนประดพิ ัทธ ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท  กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๔-๕ โทรสาร ๐ ๒๒๔๔ ๒๒๙๒ e-mail: [email protected] การสมัครเปน็ สมาชกิ คา่ สมัครสมาชิก ปีละ ๕๐๐ บาท (๖ เลม่ ) ราคาจ�ำ หนา่ ยเล่มละ ๑๐๐ บาท (รวมค่าจดั สง่ ) ก�ำ หนดออก ๒ เดอื น ๑ ฉบบั





“เราจะสืบสาน รักษา และตอ่ ยอด และครองแผ่นดนิ โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแหง่ อาณาราษฎรตลอดไป” เป็นพระปฐมบรมราชโองการที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ  พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย วันท่ี ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ อันแสดงให้เห็นถงึ พระราชปณธิ านทีจ่ ะดำ�เนินงานสานต่อ งานของพระราชบิดาให้สำ�เร็จลุล่วง  เพ่ือความสุขของราษฎรชาวไทย  ด้วยการปฏิบัติ พระราชกรณยี กจิ ในด้านตา่ ง ๆ เช่น การแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ดา้ นทหาร การตา่ งประเทศ การเกษตร การกีฬา และการอนรุ กั ษส์ ิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำ ริ อีกท้งั ต่อยอดโครงการใหม่ “จติ อาสา” โดยมุ่งหวังให้ประชาชนไดร้ ว่ มกันเปน็ ผู้ให้ ผูเ้ สียสละ เพ่ือส่วนรวม  เป็นการทำ�ความดีด้วยหัวใจ  ซึ่งในโอกาสที่วันเฉลิมพระชนมพรรษา  ๒๘ กรกฎาคม กองบรรณาธกิ ารวารสารรัฐสภาสารขอพระองคท์ รงพระเจริญ ส�ำ หรบั วารสารรฐั สภาสารฉบบั เดอื นกรกฎาคม  –  สงิ หาคม  ๒๕๖๒  ทางกองบรรณาธกิ าร มบี ทความมาน�ำ เสนอ ๕ บทความ ซง่ึ ๔ บทความแรกมเี นอ้ื หาเกย่ี วกบั กฎหมาย ทง้ั เปน็ กฎหมายไทย ทใ่ี กลต้ วั และกฎหมายตา่ งประเทศทเ่ี ปน็ แมแ่ บบกฎหมายไทย  โดยบทความเรอ่ื งแรก “มาตรการ ในการป้องกันและปราบปรามกลุ่มอิทธิพลซึ่งนำ�ไปสู่การทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษี ศุลกากรอย่างเป็นระบบ”  (Organized  Corruption)  เป็นบทความท่ีนำ�เสนอเก่ียวกับการจัดเก็บ ภาษซี งึ่ เปน็ หนงึ่ ในรายไดห้ ลักของประเทศ โดยเฉพาะภาษีอากรและภาษศี ลุ กากร ที่ผู้เขียนอธบิ าย ต้งั แตท่ ม่ี า ความหมาย การด�ำ เนนิ การจัดเกบ็   ตลอดจนอุปสรรคที่สำ�คญั ทที่ �ำ ใหก้ ารจดั เกบ็ ภาษี ไม่ครบถ้วนคือ  การหลีกเล่ียงการเสียภาษี  ฉ้อโกง  หรือทุจริต  ท้ังจากผู้ท่ีมีหน้าท่ีเสียภาษีและ เจ้าหน้าท่ีรัฐ  จึงได้มีการกำ�หนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำ�ผิดผ่านกฎ  ระเบียบ กฎหมายต่าง ๆ โดยมีหลากหลายหน่วยงานรับผิดชอบ บทความเรอ่ื งที่สอง “เมื่อแพทย์ต้องปกป้องขอ้ มลู ปว่ ย: มาตรฐานทางกฎหมาย จรยิ ธรรม และการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ” (Privacy, Confidentiality, and Security in Healthcare Information: Medico - legal and Information Technology Standards) เปน็ บทความ ที่สอดคล้องกับยุคปัจจุบันที่ข้อมูลข่าวสารถูกสืบค้นได้ง่ายและแพร่กระจายได้อย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว  โดยผู้เขียนได้หยิบยกข้อมูลผู้ป่วยนำ�มาวิพากษ์เป็นกรณีว่ากรณีใดควรเปิดเผย

และเปดิ เผยไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใดจงึ เปน็ ผลดหี รอื ไมเ่ ปน็ ผลกระทบ ต่อผู้ป่วย  ชุมชน  สังคม  ในวงกว้าง  และวิธีการปกป้องข้อมูล ดว้ ยกฎหมาย จรยิ ธรรม และระบบการรกั ษาความปลอดภยั โดยระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ  โดยในตอนท้ายของบทความมีข้อเสนอแนะ ให้น�ำ กฎหมายมาจัดการข้อมลู ของผปู้ ว่ ยโดยต้องสอดคลอ้ งกบั ความกา้ วหน้า ของเทคโนโลยี บทความเรื่องที่สาม  “เอกสิทธ์ิของรัฐที่มีเหนือเอกชนคู่สัญญา ในสัญญาการจดั การบริการสาธารณะ” เปน็ บทความเกีย่ วกับอ�ำ นาจพิเศษของรฐั ที่มีเหนือเอกชนในการจัดท�ำ บริการสาธารณะ  โดยนำ�กฎหมายฝร่ังเศสมาเปรียบเทียบ กฎหมายไทย  อย่างไรก็ตาม  อำ�นาจพิเศษที่รัฐมีมิได้ถูกนำ�มาใช้ตามอำ�เภอใจแต่มี กฎหมายเป็นกรอบในการกำ�หนดแนวทาง  ซ่ึงช่วงท้ายผู้เขียนมีข้อเสนอแนะให้มีการแก้ไข และเพิ่มเติมกฎเกณฑ์ให้มีความแน่นอนและชัดเจน  เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรัฐมากที่สุด และเอกชนไดร้ บั ความเปน็ ธรรมควบคู่กัน บทความเร่อื งตอ่ มา “The British Constitution: ว่าดว้ ยสาระส�ำ คัญ แนวคดิ ทฤษฎีของรัฐธรรมนูญอังกฤษ”  เป็นบทความท่ีอธิบายต้ังแต่รากฐานท่ีมา  แนวคิด  ทฤษฎี หลักการพ้ืนฐานของรัฐธรรมนูญ  และองค์กรท่ีตรวจสอบ  โดยผู้เขียนมุ่งหวังเป็นอย่างย่ิงว่า หากเข้าใจรฐั ธรรมนูญอังกฤษจะเขา้ ใจววิ ฒั นาการทางการเมอื งการปกครองยุคใหม่ บทความเรือ่ งสดุ ทา้ ย เป็นบทความทีม่ เี นอ้ื หาแตกตา่ งจาก ๔ บทความข้างตน้   คอื มิได้มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมาย  แต่เป็นบทความท่ีมีความน่าสนใจและมีความเกี่ยวข้องกับ ประเทศไทย  ผู้เขียนได้นำ�เสนอแนวโน้มนโยบายด้านต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในยุค ประธานาธิบดีโดนัลด์  ทรัมป์  ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับระบบโลกที่มีหลายข้ัวอำ�นาจ (Multi  polar  system)  โดยเฉพาะการให้ความสำ�คัญแก่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากยิ่งขึ้น เพ่ือถ่วงดุลอำ�นาจกับจีนผา่ นวิธกี ารตา่ ง ๆ เช่น การคา้ เสรี การเข้าร่วมประชุมกล่มุ ความรว่ มมือ การสนับสนุนความเป็นประชาธิปไตย  การทบทวนการลงทุน  ซ่ึงประเทศไทยจำ�เป็นต้องดำ�เนิน นโยบายให้สอดรับเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของชาติ  รายละเอียดจะเป็นอย่างไร  ติดตามได้ใน “ดลุ แหง่ อำ�นาจในเอเชียอาคเนยย์ ุคประธานาธบิ ดที รัมป์” กองบรรณาธิการวารสารรัฐสภาสารหวังเป็นอย่างย่ิงว่าบทความที่คัดสรรมานำ�เสนอ ในฉบบั นจ้ี ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ทา่ นผอู้ า่ น  หากมขี อ้ เสนอแนะประการใด  ทางกองบรรณาธกิ ารยนิ ดี น้อมรับไปปรับปรุงวารสารให้ดียิ่งข้ึน  สำ�หรับวารสารฉบับหน้าเป็นวารสารฉบับพิเศษ  จัดทำ�ขึ้น ในโอกาสท่ีรัฐสภาไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน  คร้ังที่  ๔๐ เนอื้ หาภายในเลม่ จะเป็นอยา่ งไร โปรดติดตาม สวัสดคี ่ะ บรรณาธกิ าร

ปีที่ ๖๗ ฉบบั ที่ ๔ เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ Vol.67 No.4 July - August 2019 มาตรการในการป้องกันและปราบปรามกลุม่ อทิ ธิพลซงึ่ น�ำ ไปสกู่ ารทุจรติ ภาษีมลู ค่าเพ่มิ และภาษศี ลุ กากรอย่างเป็นระบบ (Organized Corruption) ๑๒ วชั รา ไชยสาร เมอ่ื แพทยต์ อ้ งปกปอ้ งขอ้ มลู ปว่ ย: มาตรฐานทางกฎหมาย จรยิ ธรรม และการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ Privacy, Confidentiality, and Security in Healthcare Information: Medico-legal and Information Technology Standards. ๗๕ บุญศักดิ์ หาญเทอดสิทธิ์ เอกสทิ ธข์ิ องรัฐทมี่ เี หนอื เอกชนคู่สญั ญาในสญั ญาการจดั ท�ำ บรกิ ารสาธารณะ ๑๐๕ เกริกเกียรติ ทิพยช์ ัย THE BRITISH CONSTITUTION : วา่ ดว้ ยสาระส�ำ คญั แนวคดิ ทฤษฎี ของรฐั ธรรมนญู องั กฤษ ๑๒๙ กิตตศิ กั ด์ิ หนชู ัยแกว้ ดลุ แห่งอำ�นาจในเอเชยี อาคเนย์ยุคประธานาธิบดีทรัมป์ ๑๕๖ ณัฐพชั ร์ ศิรวิ ฒั น ์









วัชรา ไชยสาร* บท ความนเ้ี ปน็ การน�ำ เสนอมาตรการในการปอ้ งกนั และปราบปรามกลมุ่ อทิ ธพิ ลซง่ึ น�ำ ไปสู่ การทจุ รติ ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ ภาษศี ลุ กากรอยา่ งเปน็ ระบบ (Organized Corruption)๑ ประกอบดว้ ย เนื้อหาเก่ียวกับ  ๑  ภาษีมูลค่าเพ่ิมตามกฎหมายไทย  ๒.  ภาษีศุลกากรตามกฎหมายไทย ๓.  การบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มอิทธิพลซึ่งน�ำ ไปสู่การทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีศุลกากร ในประเทศไทย และ ๔. สรปุ ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน ี้ * พนกั งานสอบสวนคดพี เิ ศษช�ำ นาญการพเิ ศษ กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ ๑วัชรา  ไชยสาร  และคณะ.  รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์  “การศึกษากลุ่มอิทธิพลซ่ึงนำ�ไปสู่ การทุจรติ คอร์รัปชนั อยา่ งเป็นระบบ (Organized Corruption) จ�ำ แนกตามภาคเศรษฐกิจ: กรณศี ึกษาการทจุ รติ ภาษมี ูลค่าเพ่มิ และภาษศี ลุ กากรในประเทศไทย” (ทนุ สนบั สนุนส�ำ นกั งาน ป.ป.ช.) 12

13 ๑. ภาษมี ูลคา่ เพมิ่ ตามกฎหมายไทย ๑.๑ หลกั การและความหมายของค�ำ ว่า “ภาษีมลู คา่ เพ่ิม” (๑) หลกั การ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ประเทศไทยไดน้ ำ�ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มมาใชแ้ ทน ภาษกี ารค้าเพอื่ แก้ไขปญั หาความซ้ำ�ซ้อนในระบบภาษี โดยคดิ ภาษีจากมลู คา่ ของสินคา้ หรอื บรกิ ารทเ่ี พม่ิ ขน้ึ   และใหผ้ ปู้ ระกอบการไมว่ า่ จะเปน็ บคุ คลธรรมดา  คณะบคุ คลหรอื หา้ งหนุ้ สว่ น สามญั ทม่ี ใิ ชน่ ติ บิ คุ คล หรอื นติ บิ คุ คลใด ๆ หากมรี ายรบั จากการขายสนิ คา้ หรอื ใหบ้ รกิ ารตอ่ ปี จำ�นวนเกินกว่าท่ีกฎหมายกำ�หนด  มีหน้าท่ีต้องย่ืนคำ�ขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมเพื่อเป็น ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี น  โดยค�ำ นวณภาษที ต่ี อ้ งเสยี จากภาษขี ายหกั ดว้ ยภาษซี อ้ื ในแตล่ ะเดอื น ภาษีตามหลกั การของวธิ ีการเครดิตภาษีทมี่ ีใบกำ�กบั ภาษี (Tax Invoice) หรอื ท่เี รียกวา่ วธิ ีการ ค�ำ นวณภาษจี ากใบก�ำ กบั ภาษี (Invoice Method) ทค่ี �ำ นวณจากยอดขายสนิ คา้ หรอื บรกิ ารคณู กบั อัตราภาษี  แล้วนำ�ภาษีท่ีเสียไปแล้วในการซ้ือสินค้าหรือบริการต่าง  ๆ  ท่ีใช้ในการผลิต ซ่ึงเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการมาหักเครดิตออกจากภาษีมูลค่าเพิ่มท่ีผู้ประกอบการ ตอ้ งช�ำ ระทง้ั หมด  หากค�ำ นวณภาษซี อ้ื แลว้ ต�ำ่ กวา่ ภาษขี าย  สว่ นตา่ งของภาษซี อ้ื และภาษขี าย ทเ่ี กดิ ขึ้นน้ัน ถอื เป็นภาษีมลู คา่ เพิม่ ทผ่ี ูป้ ระกอบการจะตอ้ งเสยี เพมิ่ เตมิ (๒) ความหมาย ภาษมี ูลคา่ เพิ่ม (Value Added Tax) หรอื VAT เป็นภาษที ่ีรฐั เกบ็ จากการขายสินค้าหรือการให้บริการในแต่ละข้ันตอนการผลิตและการจำ�หน่ายสินค้า หรอื บรกิ าร  ทง้ั การผลติ ภายในประเทศและน�ำ เขา้ จากตา่ งประเทศ  หรอื สง่ ออกไปตา่ งประเทศ โดยผมู้ หี น้าท่ีเสยี ภาษีมูลค่าเพ่มิ ไดแ้ ก่ ผปู้ ระกอบการทเ่ี ป็นผูผ้ ลิตหรือเป็นผูท้ ่ขี ายสินค้าหรือ ให้บริการในทางธรุ กิจหรอื วิชาชีพเป็นปกตธิ รุ ะ ไม่วา่ จะประกอบการในรูปของบุคคลธรรมดา คณะบคุ คล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใชน่ ิตบิ คุ คลหรอื นติ บิ ุคคลใด ๆ หากมีรายรับจากการ ขายสนิ คา้ หรือให้บริการเกินกว่า ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาทตอ่ ปี มีหน้าทต่ี ้องยื่นคำ�ขอจดทะเบยี น ภาษีมูลค่าเพิ่มเพ่ือเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน  ส่วนผู้ประกอบการใดที่มีรายได้ไม่เกิน ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาทตอ่ ปี ไม่ต้องจดทะเบียนกไ็ ด้ น่นั หมายความวา่ หากมคี วามประสงค์จะขอ จดทะเบยี นภาษมี ลู คา่ เพม่ิ กไ็ ด ้ ตามทป่ี ระมวลรษั ฎากรก�ำ หนด  โดยสว่ นทเ่ี กบ็ เพม่ิ นน้ั เรยี กวา่ “มลู คา่ เพ่มิ ” หมายถึง มูลคา่ ของส่วนทเ่ี พ่มิ ในแต่ละข้นั ตอนการผลติ และการจ�ำ หนา่ ยสินค้า หรอื บรกิ าร หรือกลา่ วอีกนยั หน่งึ ไดว้ า่ “มูลค่าเพิม่ ” หมายถึง คา่ ของผลตา่ งระหวา่ งราคา ของสินค้าหรือบริการที่ผลิตหรือจ�ำ หน่ายกับราคาของสินค้าหรือบริการที่ซ้ือมาเพ่ือใช้ในการ ผลติ หรอื ในการจ�ำ หนา่ ยสินคา้ หรือบรกิ ารนัน้ ๒ ๒ประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๒/๓ และมาตรา ๘๔.

๑.๒ ลักษณะพเิ ศษเฉพาะของภาษีมลู ค่าเพ่ิม ภาษีมลู ค่าเพิม่ เปน็ ภาษีอากรทมี่ ลี ักษณะพเิ ศษเฉพาะตวั ท่ีส�ำ คัญ ๆ ดังนี้ (๑) ภาษีมูลคา่ เพิม่ เปน็ ภาษีทางอ้อม หมายถึง เงนิ บริการ หรือทเ่ี รียก ชอ่ื อย่างอ่ืนท่ีรฐั บาลได้เรียกเก็บจากผู้เสยี ภาษี รวมถงึ ผ้ปู ระกอบอตุ สาหกรรม ผปู้ ระกอบ การสถานบริการ และผนู้ �ำ เขา้ แตใ่ นทางปฏิบัติประชาชนผบู้ รโิ ภคก็ยงั คงต้องเสยี ภาษีให้แก่ รฐั บาลในลกั ษณะของการบริโภคสนิ ค้าบวกจ�ำ นวนเงนิ ทต่ี อ้ งเสียภาษมี ลู ค่าเพ่ิมไว้ดว้ ย (๒) ภาษมี ูลค่าเพิ่มเป็นภาษกี ารขายทัว่ ไป (General Sale Taxes) ซึ่งเก็บ จากการใชจ้ ่าย การซือ้ สนิ คา้ และการบริการ ทกุ ประเภท ตามทก่ี ำ�หนดไว้ในฐานภาษ๓ี (๓) ภาษีมูลค่าเพ่ิมท่ีผู้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บจากการขาย สินค้าหรอื บริการ (ภาษีขาย) ไมใ่ ชร่ ายได้จากการประกอบการ และในทางตรงกนั ข้ามภาษี มูลค่าเพ่ิมที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนรายอื่นเรียกเก็บจากการ ซอ้ื สินค้าหรอื จากการรับบรกิ าร (ภาษซี ื้อ) ก็ไมใ่ ช่รายจา่ ยในการประกอบการเช่นกัน (๔) ภาษีมูลค่าเพมิ่ จัดเกบ็ จากการขายสินคา้ การให้บรกิ าร และการนำ� สินคา้ เข้าประเทศ เมือ่ มกี ารซ้ือสินคา้ หรือใช้บริการ ไม่ว่าผปู้ ระกอบการน้นั จะอยใู่ นรปู ของ บุคคลธรรมดา  นิติบุคคล  หรือคณะบุคคลก็ตาม  จะต้องรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพ่ิม (ภาระภาษี) ทเ่ี กดิ ขึน้ ทันที ๑.๓ ความรบั ผิดในการเสยี ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ (ภาระภาษีมลู ค่าเพิ่ม) ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ เปน็ ภาษที จ่ี ดั เกบ็ จากการขายสนิ คา้ หรอื ใหบ้ รกิ าร หรอื น�ำ เขา้ สินค้าจากต่างประเทศ  ดังนั้นเม่ือใดก็ตามที่เกิดกิจกรรมการขายสินค้า  หรือการให้บริการ หรือการนำ�เข้าสินค้าจากต่างประเทศก็จะเกิดภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม  กฎหมายจึงต้องกำ�หนด จุดความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพม่ิ ส�ำ หรับกรณีต่าง ๆ ดังนี้ (๑) การขายสินค้า  ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพ่ิมจะเกิดข้ึน เมอ่ื มีการสง่ มอบสนิ คา้ เว้นแต่มีการกระท�ำ ต่อไปนีก้ อ่ นการมอบสนิ ค้าให้ถอื ว่า ความรับผดิ ในการเสยี ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ เกดิ ขน้ึ ตามสว่ นของการกระท�ำ นน้ั ๆ ไดแ้ ก่ ๑) มกี ารโอนกรรมสทิ ธ์ิ สินค้า  ก่อนการส่งมอบสินค้า  ๒)  ได้รับชำ�ระราคาสินค้า  ก่อนการส่งมอบสินค้า  และ ๓)  ได้มกี ารออกใบก�ำ กับภาษี ก่อนการส่งมอบสินค้า ๓พรรณศิ า ธรี ะกลุ พศิ ทุ ธ.์ิ การน�ำ หลกั สมคบกนั กระท�ำ ความผดิ มาใชเ้ พอ่ื ปอ้ งกนั และปราบปราม การทุจริตในระบบภาษมี ูลค่าเพ่ิม, วิทยานิพนธ์ นิติศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๕๓. 14

15 (๒) การให้บริการ  ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพ่ิมจะเกิดข้ึนเม่ือ ได้รับชำ�ระค่าบริการ  เว้นแต่มีการกระทำ�ต่อไปนี้ก่อนการได้รับชำ�ระค่าบริการก็ให้ถือว่า ความรบั ผิดในการเสยี ภาษีมลู ค่าเพมิ่ เกิดขึ้นตามสว่ นของการกระทำ�น้นั ๆ ได้แก่ ๑) เมอื่ มี การออกใบกำ�กับภาษี  ก่อนได้รับชำ�ระค่าบริการ  และ  ๒)  ได้ใช้บริการไม่ว่าโดยตนเอง หรือบุคคลอนื่ กอ่ นได้รับชำ�ระราคาคา่ บรกิ าร (๓) การนำ�เข้าสินค้า  ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพ่ิมจะเกิดข้ึน เม่ือได้ชำ�ระค่าอากรขาเข้า  วางหลักประกันอากรขาเข้า  จัดให้มีผู้ค้ำ�ประกันอากรขาเข้า เว้นแตไ่ ม่ต้องเสียภาษอี ากรขาเขา้ ความรับผดิ ในการเสยี ภาษีมูลคา่ เพ่ิมเกิดขน้ึ ในวนั ทีม่ ีการ ออกใบขนสนิ คา้ ขาเขา้ ๑.๔ ฐานภาษมี ูลคา่ เพ่ิม ฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม  หมายถึง  มูลค่าของสินค้าและบริการท่ีจะนำ�ไป คำ�นวณภาษมี ูลคา่ เพมิ่ โดยการคำ�นวณเป็นรายเดือน และมีวิธีการคำ�นวณโดยการน�ำ ภาษี ขายหกั ดว้ ย ภาษซี ือ้ ภาษีขายคำ�นวณไดจ้ ากการน�ำ ราคาสินค้าหรอื บรกิ ารทเ่ี รยี กเกบ็ หรอื เรียกวา่ “ฐานภาษ”ี คูณดว้ ยอัตราภาษี ซง่ึ สามารถแบง่ ประเภทตามลกั ษณะใหค้ รอบคลมุ ถึงสินคา้ และบริการต่าง ๆ ท่จี ะตอ้ งเสียภาษีมูลคา่ เพ่มิ โดยประมวลรษั ฎากรได้กำ�หนดฐาน ภาษีในกรณตี า่ ง ๆ ไว้ ดงั น้ี (๑) ฐานภาษีกรณีทั่วไป  (ตามมาตรา  ๗๙)  ได้แก่  มูลค่าท้ังหมด ท่ีผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้า/ให้บริการ  รวมท้ังภาษีสรรพสามิต แตไ่ มร่ วมถงึ ๑) สว่ นลดหรอื คา่ ลดหยอ่ นทล่ี ดใหท้ นั ทใี นขณะขายสนิ คา้ และตอ้ งระบสุ ว่ นลด ไว้ในใบก�ำ กบั ภาษี ๒) ค่าชดเชยและเงินอดุ หนนุ ตามท่อี ธิบดกี ำ�หนด ๓) ภาษีขาย และ ๔) ประกาศอธิบดีกรรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับที่  ๔๐  (ทั้งนี้มูลค่าของฐานภาษี ใหห้ มายความรวมถึงเงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน ค่าบรกิ าร หรอื ประโยชน์ซง่ึ อาจคำ�นวณได้ เป็นตวั เงนิ ) (๒) ฐานภาษสี �ำ หรบั การน�ำ เข้า - ส่งออกสินค้า (ตามมาตรา ๗๙/๑ และ ๗๙/๒)

- ฐานภาษีสำ�หรับการนำ�เข้า  ได้แก่  มูลค่าของสินค้านำ�เข้า โดยใหใ้ ชร้ าคา C.I.F.๔  ของสนิ คา้ บวกดว้ ยอากรขาเขา้ ภาษสี รรพสามติ ตามทก่ี �ำ หนดในมาตรา ๗๗/๑ (๑๙) คา่ ธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายวา่ ด้วยการส่งเสริมการลงทนุ และภาษหี รอื คา่ ธรรมเนียมอื่นทีก่ ฎหมายจะกำ�หนด ทั้งน้ี ราคา C.I.F. อาจถอื ตามราคาทเี่ จ้าพนกั งาน ศุลกากรประกาศหรือประเมินใหม่ในบางกรณี สว่ นอากรขาเขา้ ที่ได้รับยกเวน้ หรือลดหย่อน ตามกฎหมายต้องนำ�มารวมเป็นฐานภาษีด้วย  กรณีสินค้านำ�เข้าที่ได้รับยกเว้นภาษีอากร ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยพิกัดอตั ราศุลกากรก็จะได้รบั การยกเว้นภาษมี ูลคา่ เพมิ่ ดว้ ย ถ้าภายหลัง สินค้าน้ันต้องเสียภาษีอากรทำ�ให้ต้องเสียภาษีมูลค่าเพ่ิมด้วย  ให้ถือมูลค่าตามสภาพ หรอื ปรมิ าณของสนิ ค้าทเ่ี ป็นอย่ใู นวันท่คี วามรบั ผดิ เกิดข้นึ - ฐานภาษีสำ�หรับการส่งออก  ได้แก่  มูลค่าสินค้าส่งออกโดย ใหใ้ ชร้ าคา F.O.B.๕ ของสนิ คา้ บวกดว้ ยภาษสี รรพสามติ และภาษหี รอื คา่ ธรรมเนยี มอน่ื ตามทจ่ี ะ กำ�หนด แตไ่ ม่รวมอากรขาออก (๓) ฐานภาษีกรณพี ิเศษ (ตามมาตรา ๗๐/๓) - การขายสินค้าหรือการให้บริการที่ไม่มีค่าตอบแทน  หรือมีค่า ตอบแทนต�ำ่ กวา่ ราคาตลาดโดยไมม่ เี หตอุ นั สมควร  มลู คา่ ของฐานภาษใี หถ้ อื ตามราคาตลาด ของสินค้าหรือการใหบ้ รกิ ารในวนั ทคี่ วามรับผดิ เกิดขึ้น - การขายสินค้าหรือการให้บริการในกรณีท่ีผู้ประกอบการนำ� สินค้าไปใช้เอง  หรือได้ใช้บริการไม่ว่าด้วยตนเองหรือบุคคลอ่ืน  โดยไม่ใช่เพ่ือการประกอบ กิจการโดยตรง มลู ค่าของฐานภาษใี หถ้ อื ตามราคาตลาดของสนิ ค้าหรอื การใหบ้ ริการในวนั ท่ี ความรบั ผดิ เกิดข้นึ - สนิ ค้าขาดจาก Stock มูลคา่ ของฐานภาษี คอื ราคาตลาด ณ วัน ที่ตรวจพบ (วันท่คี วามรบั ผดิ เกดิ ขึน้ ) ๔คำ�วา่ C.I.F. (Cost Insurance and Freight) หมายถงึ ผู้ขายจะหมดภาระต่อเมอื่ ไดน้ �ำ สินค้า ไปสง่ มอบลงไวใ้ นระวางเรอื เดินทะเล ณ ทา่ เรอื ทีร่ ะบไุ ว้ อีกทงั้ จัดการจองและจ่ายคา่ ระวางเรอื ในการขนส่ง สินค้าไปจนถึงท่าเรือในประเทศ  ผู้ขายต้องดำ�เนินการผ่านวิธีการและเสียภาษีส่งออก  รวมท้ังต้องจัดทำ� และจา่ ยคา่ ประกนั ภยั ขนสง่ สนิ คา้ ทางทะเล  สว่ นผซู้ อ้ื มหี นา้ ทผ่ี า่ นพธิ กี ารและเสยี ภาษนี �ำ เขา้ ประเทศของตนเอง ๕คำ�ว่า F.O.B. (Free on Board) หมายถึง ผูข้ ายจะหมดภาระต่อเมื่อได้นำ�สินค้าไปส่งมอบลงไว้ ในเรอื เดนิ ทะเล ณ ทา่ เรือทรี่ ะบุไว้ รวมท้ังผา่ นพธิ กี ารและเสียภาษีส่งออก หากสนิ ค้าต้องขออนุญาตสง่ ออก กต็ อ้ งจดั ท�ำ ใบอนญุ าตสง่ ออก  หากมภี าษสี ง่ ออกกต็ อ้ งช�ำ ระคา่ ภาษนี น้ั ดว้ ยสว่ น  ผซู้ อ้ื จะตอ้ งรบั ภาระคา่ ใชจ้ า่ ย และความเสยี่ งจากจดุ ท่ีผ้ขู ายนำ�สนิ คา้ มาสง่ มอบไวใ้ นระวาง 16

17 - การขายสนิ คา้ ท่ไี ด้เสียภาษใี นอัตรารอ้ ยละ ๐ ตอ่ มาไดก้ ลายเปน็ อตั ราร้อยละ ๗ มูลคา่ ของฐานภาษีให้ถือตามราคาตลาดตามสภาพหรอื ปรมิ าณของสนิ คา้ ทเี่ ปน็ อยู่ในวันท่คี วามรบั ผิดเกดิ ข้นึ นน้ั - การขายสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินคงเหลือ  ณ  วันเลิก ประกอบกจิ การ มูลคา่ ของฐานภาษใี หถ้ ือตามราคาตลาด ณ วนั เลิกประกอบกิจการ ๑.๕ อตั ราภาษมี ูลคา่ เพ่ิม อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถกำ�หนดให้มีอัตราเดียวหรือหลายอัตราก็ได้ แต่โดยพื้นฐานแล้วควรมีอัตราเดียว  สำ�หรับประเทศไทยปัจจุบันใช้อัตราภาษีมูลค่าเพ่ิม ๒  อัตรา  คือ  (๑)  อัตราภาษีมูลค่าเพ่ิมร้อยละ  ๗  ใช้สำ�หรับธุรกิจขายสินค้าหรือบริการ ทกุ ชนิด รวมทัง้ การนำ�เขา้ อตั รานีร้ วมภาษที ้องถ่นิ ไว้แล้ว และ (๒) อัตราภาษีมูลค่าเพ่มิ ร้อยละ ๐ มีผลเท่ากับไม่ต้องเสียภาษีจากการขายสนิ ค้าหรือการให้บริการ และยังไดร้ ับคืน ภาษีซื้อ  ซึ่งใช้สำ�หรับการประกอบกิจการบางประเภทท่ีได้รับการยกเว้นดังจะกล่าวต่อไป ดังนัน้ โดยท่ัวไปจงึ อาจกล่าวไดว้ า่ ประเทศไทยใช้อัตราภาษีมลู คา่ เพมิ่ อตั ราเดยี ว (ไม่นบั อัตราร้อยละ  ๐  เนื่องจากทำ�ให้เกิดความสะดวกในการบริหารการจัดเก็บทั้งต่อเจ้าหน้าท่ี ของรัฐและผู้ประกอบการ  แต่ผู้บริหารการจัดเก็บภาษีในหลายประเทศเห็นว่า  การท่ีกลุ่ม สินค้าที่ถูกบริโภคโดยผู้ที่มีรายได้น้อยจะถูกเก็บภาษีตำ่�กว่ากลุ่มสินค้าท่ีถูกบริโภค โดยผบู้ ริโภคที่มีรายไดส้ งู   หรอื มฐี านะดกี วา่   ดงั นั้น  จึงควรใชอ้ ัตราภาษมี ากกวา่ หน่งึ อัตรา กล่าวคือ  อัตราภาษีมาตรฐานซ่ึงจะใช้กับสินค้าทุกชนิดที่กำ�หนดไว้  โดยใช้อัตราภาษีที่ตำ่� กวา่ มาตรฐาน ๑-๒ อตั รา ส�ำ หรบั สินค้าทจี่ ำ�เป็นในการดำ�รงชีวติ และใช้อตั ราภาษีท่ีสูงกว่า มาตรฐานกบั สนิ คา้ ฟุ่มเฟอื ย๖ ๑.๖ ใบก�ำ กบั ภาษี (Tax Invoice) การยน่ื แบบแสดงรายการ และการช�ำ ระภาษี (๑) ใบก�ำ กับภาษี (Tax Invoice) มาตรา  ๗๗/๑  (๒๒)  แห่งประมวลรัษฎากร  ได้ให้คำ�นิยามของ “ใบก�ำ กับภาษ”ี ว่า  หมายความรวมถึงใบก�ำ กบั ภาษีอย่างยอ่ ใบเพม่ิ หน้ี ใบลดหนี้ ใบเสรจ็ รับเงินท่สี ่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาด  หรือขายโดยวิธีอ่นื   และใบเสร็จรับเงิน ของกรมสรรพากร กรมศลุ กากร หรือกรมสรรพสามติ ทัง้ น้ีเฉพาะส่วนที่เปน็ ภาษีมลู คา่ เพิ่ม และประมวลรัษฎากรได้กำ�หนดให้ใบกำ�กับภาษีแบบเต็มรูปต้องมีรายการครบถ้วนตาม ประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๖/๔ จงึ จะถือเปน็ ใบก�ำ กบั ภาษที ี่สามารถนำ�ไปใชใ้ นการเครดติ ภาษีที่เสียไปในขณะซอื้ สนิ ค้าหรอื บรกิ ารได้ ๖ประมวลรัษฎากร มาตรา ๘๒/๓ และ มาตรา ๘๔

ใบกำ�กับภาษีจึงเป็นเอกสารสำ�คัญในการคำ�นวณภาษีมูลค่าเพ่ิม โดยเฉพาะผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพ่ิมที่ได้รับใบก�ำ กับภาษีมา เพ่ือนำ�ไปถือเป็นภาษีซื้อหักออกจากภาษีขายจะต้องมีความสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ประกอบการจดทะเบียนท่ีขายสินค้าหรือให้บริการจำ�ต้องจัดทำ�ใบกำ�กับภาษีให้มีรายการ ครบถ้วนตามท่ีกฎหมายกำ�หนด  เพ่ือผู้ประกอบการท่ีซ้ือสินค้าหรือรับบริการจะได้นำ�ใบ กำ�กับภาษีไปใช้สิทธิตามที่กฎหมายกำ�หนดไว้โดยไม่มีความผิด  และผู้ท่ีออกใบกำ�กับภาษี ก็ไม่มีความผิด  หากได้ออกใบกำ�กับภาษีท่ีมีรายการถูกต้องและภายในกำ�หนดเวลาท่ี ความรบั ผดิ ในการเสียภาษีมูลคา่ เพ่มิ เกดิ ข้นึ ในการจดั ท�ำ ใบกำ�กับภาษนี ัน้ ใหผ้ ปู้ ระกอบการจดทะเบียนจดั ทำ�ใบก�ำ กับ ภาษีและสำ�เนาสำ�หรับการขายสินค้าหรือการให้บริการทุกคร้ังและทันทีท่ีความรับผิดในการ เสยี ภาษีมลู คา่ เพ่มิ เกิดข้ึน พรอ้ มทัง้ ส่งมอบต้นฉบับใบกำ�กบั ภาษีให้แกผ่ ซู้ ้ือสนิ ค้าหรอื ผ้รู บั บริการส่วนส�ำ เนาใหเ้ ก็บรกั ษาไว้ ตามประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๖ และมาตรา ๘๗/๓ ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่งหรือ หลายสาขาให้จัดทำ�ใบกำ�กับภาษีทุกรายสถานประกอบการ  ทั้งน้ี  เว้นแต่อธิบดีกรม สรรพากรจะกำ�หนดเป็นอย่างอ่ืน  ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งได้ออกใบกำ�กับภาษีท่ีมี ข้อความแสดงว่า  ได้รับเงินหรือรับชำ�ระราคาแล้วจะถือเอาใบกำ�กับภาษีนั้นเป็นใบส่งของ หรือใบเสร็จรบั เงนิ กไ็ ด้ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๐๕ จตั วา วรรคสาม โดยกิจการท่ี ได้รับการผ่อนปรนไม่ต้องออกใบกำ�กับภาษี  ได้แก่  ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบ การขายสินค้าหรือการให้บริการรายย่อย  ไม่ต้องจัดทำ�และออกใบกำ�กับภาษีเป็นรายครั้ง สำ�หรับการขายสินค้าหรือบริการท่ีมีมูลค่าไม่เกิน  ๕๐๐  บาท  เว้นแต่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับ บริการจะร้องขอ  แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะต้องรวมยอดขายสินค้าหรือบริการที่มิได้ออกใบ กำ�กับภาษใี นแตล่ ะวัน และออกใบก�ำ กบั ภาษีรวมยอดเป็นฉบบั เดียวไว้ด้วย สำ�หรบั การเก็บรกั ษาใบกำ�กบั ภาษนี ั้น ตามประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๗/๓ ประกอบกับประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากรเก่ียวกับภาษีมูลค่าเพ่ิม (ฉบับที่ ๒๒) ลง วนั ท่ี ๒๗ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ไดก้ ำ�หนดว่าใบกำ�กับภาษี สำ�เนาใบกำ�กบั ภาษี ให้เก็บไว้ ณ สถานประกอบการท่จี ดั ท�ำ ใบกำ�กับภาษี หรอื สถานท่ีอ่นื ท่ีอธบิ ดกี รมสรรพากรก�ำ หนด เป็นเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ๕ ปี นับแตว่ ันทไี่ ดจ้ ดั ท�ำ และในกรณีทีผ่ ปู้ ระกอบการจดทะเบียนเลิก ประกอบการ  ให้เก็บรักษาใบกำ�กับภาษีท่ีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่เก็บรักษาอยู่ ณ วนั เลกิ ประกอบการต่อไปอีก ๒ ป ี 18

19 (๒) การยืน่ แบบแสดงรายการภาษี (Tax Return Filling) การยนื่ แบบแสดงรายการภาษีมีความส�ำ คัญ เน่อื งจาก ๑) แสดง ยอดขาย ภาษขี าย ยอดซอ้ื และภาษซี อ้ื ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในรอบระยะเวลาภาษนี น้ั ๒) แสดงจ�ำ นวนภาษี มูลค่าเพิ่มที่ต้องชำ�ระหรือได้คืนภาษี  หากในรอบเวลาภาษีน้ันมีภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย และ ๓) เปน็ ใบส�ำ คัญหรือหลักฐานการชำ�ระภาษี (๓) การช�ำ ระภาษี (Tax Payment) การชำ�ระภาษี  จะชำ�ระพร้อมกับการย่ืนแบบแสดงรายการภาษี หากปรากฏว่าในรอบเวลาภาษีใดมภี าษีซอื้ มากกวา่ ภาษขี ายแลว้ ผปู้ ระกอบการจดทะเบียน นั้นก็มีสิทธิได้รับเงินคืนในผลต่างท่ีคำ�นวณได้น้ัน  โดยประมวลรัษฎากร  ได้กำ�หนดการยื่น แบบแสดงรายการภาษแี ละการชำ�ระภาษมี ลู ค่าเพิม่ ไว้ในมาตรา ๘๓ วา่ ใหผ้ ู้ประกอบการยื่น เป็นรายเดือนภาษพี ร้อมชำ�ระภาษี (ถ้ามี) ไมว่ า่ จะได้มีการขายสินค้าหรือให้บริการในเดือน ภาษนี น้ั หรือไมก่ ต็ าม โดยใหย้ ่ืนภายในวนั ท่สี บิ หา้ ของเดือนถดั ไป ณ ท่วี า่ การอ�ำ เภอท้องที่ ที่สถานประกอบการต้งั อยู่ แต่หากผปู้ ระกอบการจดทะเบียนมสี ถานประกอบการหลายแห่ง ก็ให้แยกย่ืนและชำ�ระภาษเี ปน็ ราย สถานประกอบการ เว้นแต่ผปู้ ระกอบการจดทะเบียนจะ ยื่นคำ�ร้องต่ออธิบดีขออนุมัติย่ืนแบบแสดงรายการภาษีและชำ�ระภาษีรวมกัน  ณ  ที่ว่าการ อ�ำ เภอทอ้ งทแ่ี หง่ ใดแหง่ หนง่ึ หรอื ณ สถานทท่ี อ่ี ธบิ ดกี �ำ หนด เมอ่ื ไดร้ บั อนมุ ตั จิ ากอธบิ ดแี ลว้ ใหถ้ อื ปฏบิ ัตติ งั้ แต่เดือนภาษีท่ีอธบิ ดอี นุมตั เิ ปน็ ต้นไป ๑.๗ การคำ�นวณภาษีมลู ค่าเพมิ่ ผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีมูลค่าเพ่ิมที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนเต็มรูปแบบ จะต้องทำ�การคำ�นวณจากจำ�นวนภาษีที่ต้องทำ�การชำ�ระในแต่ละรอบเวลาบัญชีโดยใช้วิธี การเครดิตภาษี ดังน้ี ภาษีทีต่ ้องชำ�ระหรอื ขอคนื = ภาษีขาย๗ – ภาษีซอื้ ๘ ๗ประมวลรษั ฎากร มาตรา ๗๗/๑ (๑๗) ได้ใหค้ วามหมายของค�ำ วา่ “ภาษขี าย” ว่าหมายถงึ ภาษี มลู คา่ เพม่ิ ทผ่ี ปู้ ระกอบการจดทะเบยี นไดเ้ รยี กเกบ็ หรอื พงึ เรยี กเกบ็ จากผซู้ อ้ื สนิ คา้ หรอื ผรู้ บั บรกิ าร เมอ่ื ขายสนิ คา้ หรือให้บริการ  หากภาษีขายเกิดขึ้นในเดือนภาษีใดก็เป็นภาษีขายของเดือนน้ัน  โดยไม่คำ�นึงว่าสินค้าที่ขาย หรอื บริการทใ่ี ห้น้ันจะซื้อมาหรอื เปน็ ผลมาจากการผลติ ในเดือนใดกต็ าม ๘ประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๗/๑ (๑๘) ไดใ้ ห้ความหมายของค�ำ วา่ “ภาษีซ้อื ” ว่าหมายถึง ภาษีมูลค่าเพิ่มท่ีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้จ่ายให้กับผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่เป็นผู้ประกอบการ จดทะเบยี น เมอ่ื ซอ้ื สนิ คา้ หรอื รบั บรกิ ารมาเพอ่ื ใชใ้ นการประกอบการของตน หากภาษซี อ้ื เกดิ ขน้ึ ในเดอื นภาษใี ด กเ็ ป็นภาษีซือ้ ของเดอื นน้ันโดยไมค่ ำ�นึงวา่ สนิ คา้ ท่ีซอื้ มาน้ันจะขายหรอื น�ำ ไปใช้ในการผลติ ในเดอื นใดก็ตาม

เมื่อมีการคำ�นวณภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว  ถ้าผลของการคำ�นวณเป็นบวก ผูป้ ระกอบการจดทะเบียนจะต้องนำ�เอาสว่ นตา่ ง ซ่ึงเรียกว่า “มลู ค่าเพมิ่ ” ดังกล่าวไปช�ำ ระ ภาษีมูลค่าเพิ่มสำ�หรับเดือนภาษีน้ัน  โดยผู้ประกอบการมีหน้าท่ียื่นแบบแสดงรายการเพ่ือ เสียภาษีมลู ค่าเพิม่ แต่ถา้ ผลของการคำ�นวณเป็นลบ ผ้ปู ระกอบการจดทะเบียนไม่ตอ้ งช�ำ ระ ภาษีมูลค่าเพิ่มสำ�หรับเดือนน้ัน  แต่ยังคงมีหน้าท่ีย่ืนแบบแสดงรายการเพ่ือเสียภาษีมูลค่า เพ่ิมและส่วนต่างดังกล่าว  ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิท่ีจะน�ำ ไปใช้เครดิตภาษีในเดือน ต่อไปหรือขอคนื ภาษซี ือ้ ได้ ตามประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๒/๓ ดังนั้น ผลตา่ งระหว่างยอด ขายของผลผลิตกับยอดซ้ือของวัตถุดิบจึงแสดงให้เห็นถึงมูลค่าเพิ่มของกิจการ๙  โดยที่การ จัดเก็บภาษีมูลค่าเพ่ิมควรจะต้องมีการจัดเก็บจากการนำ�เข้าสินค้าซ่ึงเป็นต้นทุนของการผลิต  การจำ�หน่ายสินค้าหรือการให้บริการทุกชนิด  โดยไม่ควรมีข้อยกเว้นจึงจะทำ�ให้ระบบภาษี มูลคา่ เพ่มิ ท�ำ งานได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ หากไม่จดั เกบ็ ภาษีในขนั้ ตอนใดข้ันตอนหน่ึงภาระ ภาษีจะตกอยู่กับผ้เู สียภาษใี นขัน้ ตอนถัดมาทันที ก็จะทำ�ใหเ้ กดิ ความไม่เปน็ ธรรม วิธีการจัดเก็บโดยการเครดิตภาษีดังกล่าวน้ัน  จำ�เป็นต้องมีเอกสาร หลักฐานท่ีสำ�คัญในการคำ�นวณภาษี  คือ  ใบกำ�กับภาษี  ดังนั้นผู้ประกอบการจดทะเบียน จึงมีหน้าท่ีต้องออกใบกำ�กับภาษีให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ  อย่างน้อย  ๒  ฉบับ โดยผปู้ ระกอบการจะตอ้ งส่งมอบตน้ ฉบบั ใหก้ ับผ้ซู ื้อ สว่ นส�ำ เนาใบกำ�กบั ภาษผี ปู้ ระกอบการ จะต้องเก็บรกั ษาไวเ้ พื่อตรวจสอบความถกู ตอ้ งตอ่ ไป ๑.๘ การเครดติ ภาษีและการขอคืนภาษีมลู ค่าเพิ่ม เม่อื คำ�นวณตามขอ้ ๑.๗ แล้ว หากภาษีขายมากกว่าภาษซี ้ือ ให้ผ้ปู ระกอบ การชำ�ระภาษีเท่ากับส่วนต่างน้ัน  แต่หากภาษีซ้ือมากกว่าภาษีขาย  ให้เป็นเครดิตภาษี และใหผ้ ปู้ ระกอบการนน้ั มสี ทิ ธไิ ดร้ บั คนื ภาษี หรอื น�ำ ไปช�ำ ระภาษมี ลู คา่ เพม่ิ ไดต้ ามสว่ น และภาษี ซื้อที่มิได้นำ�ไปหักในการคำ�นวณภาษีในเดือนภาษีตามท่ีกล่าวแล้วน้ัน  เพราะมีเหตุจำ�เป็น ตามท่ีอธิบดีกำ�หนด  ให้มีสิทธินำ�ไปหักในการคำ�นวณภาษีในเดือนภาษีหลังจากน้ันได้ แตต่ อ้ งไมเ่ กนิ สามปนี บั จากวนั ทไ่ี ดม้ กี ารออกใบก�ำ กบั ภาษี ตามประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๒/๓ ๙จงรกั ระรวยทรง, จากภาษกี ารคา้ สภู่ าษมี ลู คา่ เพม่ิ , (กรงุ เทพฯ: นติ ธิ รรม, ๒๕๓๓), หนา้ ๑๒๖ – ๑๒๙. 20

21 ท้ังน้ี  หากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มท่ีมีเครดิตภาษี เหลืออยู่จากการคำ�นวณภาษีแต่ละเดือนภาษีใด  (ภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย)  มีความ ประสงค์จะนำ�เครดิตภาษีที่เหลืออยู่น้ันไปชำ�ระภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนภาษีถัดจากเดือน ภาษที ค่ี ำ�นวณนั้น (ไมป่ ระสงค์ขอคนื เป็นเงินสด) ก็มสี ทิ ธิกระท�ำ ได้ และหากในเดือนภาษี ท่ีนำ�เครดิตภาษีไปชำ�ระยังมีเครดิตภาษีคงเหลืออยู่อีก  ก็ให้มีสิทธินำ�ไปชำ�ระภาษีมูลค่าเพิ่ม ในเดือนภาษถี ัดไปได้ ในกรณีท่ีผูป้ ระกอบการจดทะเบียนไม่ใช้สทิ ธนิ ำ�เครดิตภาษที ่เี หลอื อยู่ ไปชำ�ระภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนภาษีถัดไปให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนย่ืนคำ�ร้องขอคืนภาษี มลู ค่าเพ่มิ ตามแบบทอ่ี ธิบดกี รมสรรพากรก�ำ หนด ท้งั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงือ่ นไข ทก่ี ำ�หนดโดยพระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา่ ดว้ ยการน�ำ เครดิตภาษี ทีเ่ หลอื อย่ใู นแตล่ ะเดือนภาษี ไปชำ�ระภาษีมูลค่าเพิม่ (ฉบบั ท่ี ๒๔๒) พ.ศ. ๒๖๓๔ มาตรา ๓ ซ่ึงออกตามความในประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๔ สำ�หรับการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวน้ัน  ผู้ประกอบการที่จดทะเบียน ทีม่ สี ทิ ธไิ ดร้ ับคนื ภาษี มีสิทธิเลือกขอคืนภาษีเปน็ เงินสด พรอ้ มกบั การยืน่ แบบแสดงรายการ ของเดอื นภาษี (ภ.พ. ๓๐) เป็นแบบทีม่ ีรายการคำ�ร้องขอคืนภาษีรวมอยดู่ ว้ ย หรอื จะเลอื ก เป็นเครดิตนำ�ไปหักออกจากภาษีมูลค่าเพิ่มท่ีจะต้องชำ�ระในเดือนถัดไปก็ได้  โดยในการขอ คนื ภาษไี มจ่ �ำ ตอ้ งยน่ื เอกสารหลกั ฐานเพม่ิ เตมิ ใด  ๆ  กรมสรรพากรจะคนื ภาษใี หเ้ ดอื นตอ่ เดอื น หากการพิจารณาล่าช้ากว่ากำ�หนด  เนื่องจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่  ผู้ประกอบการ มีสิทธิไดร้ ับดอกเบย้ี ในอัตรารอ้ ยละ ๑ ตอ่ เดือน ทั้งน้ี ตามเง่ือนไขและวิธกี ารท่ีอธบิ ดกี รม สรรพากรกำ�หนด ๑.๙ สทิ ธปิ ระโยชนท์ างภาษีมลู คา่ เพิม่ ๑๐ สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรเป็นมาตรการในการส่งเสริมการลงทุน และควบคมุ การบรโิ ภคภายในประเทศ  แตก่ ม็ กี ารน�ำ สทิ ธปิ ระโยชนท์ างภาษไี ปใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการกระท�ำ การทจุ รติ ในส่วนนีจ้ ะน�ำ เสนอเฉพาะสิทธปิ ระโยชนท์ างภาษีมลู ค่าเพ่ิมซึง่ เปน็ กรณีศึกษา  กล่าวคือ  ระบบภาษีมูลค่าเพ่ิมให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิขอคืนภาษี ท่ีได้เสียไปแล้ว  โดยคำ�นวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี  ตามประมวล รัษฎากร มาตรา ๘๒/๓ ซ่งึ เป็นจดุ เด่นของระบบภาษี โดยมมี ลู เหตุทีท่ ำ�ให้มีการขอคนื ภาษี มลู คา่ เพ่มิ ได้ ๗ สาเหตุ สรปุ ได้ดังนี้ ๑๐ประสิทธ์ิ ดวงตะวงษ์, มาตรการทางกฎหมายในการป้องกนั และปราบปรามการขอคนื ภาษี มลู ค่าเพิ่มโดยทจุ รติ , (กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง), ๒๕๔๓, หนา้ ๗๖ - ๘๒.

(๑) มลู เหตจุ ากกรณใี ห้ผูป้ ระกอบการจดทะเบียนใชอ้ ัตราภาษรี ้อยละ ๐ ประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๐/๑ ไดก้ �ำ หนดใหใ้ ชอ้ ตั ราภาษรี อ้ ยละ ๐ ในการค�ำ นวณภาษมี ลู ค่าเพิ่ม ส�ำ หรับการประกอบกจิ การบางประเภท ทำ�ให้ผปู้ ระกอบการ จดทะเบียนที่ไม่มีภาษีขายแต่มีภาษีซื้อ  ได้ถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนรายอ่ืนเรียกเก็บ ตอนซอ้ื สนิ คา้ ดงั นน้ั จงึ ขอภาษซี อ้ื คนื ไดท้ ง้ั จ�ำ นวน ไดแ้ ก่ การสง่ ออกสนิ คา้ ทม่ี ใิ ชส่ นิ คา้ ซง่ึ ไดร้ บั ยกเวน้ ภาษีมูลคา่ เพมิ่ ตามมาตรา ๘๑ (๓) การใหบ้ ริการทก่ี ระทำ�ในราชอาณาจกั ร และได้ มีการใช้บริการน้ันในต่างประเทศตามประเภท  หลักเกณฑ์  วิธีการ  และเงื่อนไขท่ีอธิบดี กรมสรรพากรได้กำ�หนดไว้ว่า  เฉพาะการให้บริการรับจ้างทำ�ของประเภทรับบริการประกัน วินาศภัย  สำ�หรับทรัพย์สินในต่างประเทศและสินค้าที่ส่งออกเท่านั้น  แต่ไม่รวมถึงการให้ บริการจัดนำ�เท่ยี วในตา่ งประเทศ เปน็ ตน้ (๒) มลู เหตจุ ากกรณีมกี ารลงทุนในสินคา้ ทนุ (Capital Goods) ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ ทบ่ี งั คบั ใชใ้ นประเทศไทยนน้ั   เปน็ ระบบภาษมี ลู คา่ เพม่ิ ประเภทการบริโภคซ่ึงไม่เก็บภาษีจากการลงทุน  จึงเป็นระบบภาษีที่เอื้อต่อการลงทุน และการผลติ   เมอ่ื ผปู้ ระกอบการไดซ้ อ้ื สนิ คา้ ทนุ กย็ อ่ มมสี ทิ ธทิ จ่ี ะนำ�ภาษซี อ้ื มาหกั ออกจากภาษี ขายไดท้ ้งั จำ�นวน ซ่ึงมีความเป็นไปไดท้ ่ภี าษซี อ้ื จะมากกวา่ ภาษขี าย เนอื่ งจากสินคา้ ทุนจะมี ราคาสูงมาก ดังน้นั ในรอบเวลาภาษีน้นั ๆ ผู้ประกอบการจดทะเบียนดงั กล่าวจึงยอ่ มมีสทิ ธิ ได้รบั ภาษที ี่ไดช้ ำ�ระไวแ้ ลว้ คนื (๓) มูลเหตุจากกรณมี ีการลงทนุ ในสินคา้ คงคลงั กรณีน้ีเกิดจากการผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ซ้ือสินค้าจ�ำ นวนมาก เพ่ือผลิตหรือเพื่อขาย  แต่ในรอบเวลาภาษีน้ันปรากฏว่ามีการขายสินค้าได้น้อยกว่าท่ีมีการ ลงทุนซอื้ สินค้า  จงึ ท�ำ ใหส้ ินคา้ ในคลงั สินค้าเพิม่ ขนึ้ ซึ่งจะเปน็ ผลให้รอบเวลาภาษนี ัน้ มีภาษี ซ้ือมากกวา่ ภาษีขายทำ�ให้ผู้ประกอบการจดทะเบยี นมสี ิทธิขอภาษีทไ่ี ด้ชำ�ระไวแ้ ล้วคนื (๔) มลู เหตุจากกรณีขายสนิ คา้ ต�่ำ กวา่ ทุน กรณีนีม้ ักจะพบเห็นกันโดยทว่ั ไป กลา่ วคอื มกี ารขายสินคา้ ตำ�่ กวา่ ทุน ซึ่งเกิดจากสาเหตุสินค้าเสื่อมสภาพ สนิ ค้าช�ำ รดุ สนิ คา้ เสยี หาย สินคา้ ล้าสมัยหรอื สินคา้ ใหม่ที่ต้องการประชาสัมพันธ ์ เป็นต้น  อันจะเป็นผลให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีภาษีซื้อ มากกวา่ ภาษขี ายในรอบเวลาภาษที ี่มีเหตกุ ารณ์ดงั กล่าวเกิดข้ึนได้ 22

23 (๕) มูลเหตุจากกรณมี ีการเสียภาษไี วเ้ กินกว่ากฎหมายบัญญัติ กรณีนี้เกิดข้ึนเมื่อได้มีการเสียภาษีหรือนำ�ส่งภาษีมูลค่าเพ่ิมไว้ ผิด เกนิ หรือซ้ำ� เชน่ มกี ารหลงลมื จงึ ไดช้ ำ�ระหรอื นำ�ส่งภาษีจ�ำ นวนหนึง่ อีกครั้ง หรือมกี าร คำ�นวณภาษมี ูลคา่ เพมิ่ ผดิ พลาดไป ทำ�ใหภ้ าษีท่ีช�ำ ระไปแลว้ มากกว่าจำ�นวนภาษีท่ีควรช�ำ ระ เป็นตน้ (๖) มูลเหตจุ ากกรณีมีการคนื ภาษีมูลคา่ เพม่ิ ที่เสยี จากการนำ�เข้า กฎหมายศุลกากรได้กำ�หนดให้ผู้นำ�เข้าสามารถขอคืนอากรได้ ซึ่งผลของการคืนอากรได้นี้จะท�ำ ให้ผู้นำ�เข้าซึ่งได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้วในขณะน�ำ เข้าต้อง เสียภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงด้วย  เน่ืองจากอากรตามกฎหมายศุลกากรน้ันให้ถือเป็นฐานในการ คำ�นวณภาษีมูลค่าเพ่ิมด้วย  ดังน้ัน  เมื่ออากรลดลงภาษีมูลค่าเพ่ิมจึงต้องลดลงตามไปด้วย เชน่ กรณคี ืนอากรนำ�เข้าส�ำ หรับของสง่ กลบั หรือกรณีคนื อากรสำ�หรับผู้นำ�เข้าท่ีเสียอากรเกนิ เปน็ ต้น (๗) มูลเหตจุ ากกรณตี ามกฎหมายส่งเสรมิ การลงทุน (BOI) กรณีน้ีเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ชำ�ระอากร ขาเข้าและภาษีมูลค่าเพ่ิมก่อนที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจะได้พิจารณาอนุมัติให้ ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นดงั กลา่ วเปน็ ผไู้ ดร้ บั การสง่ เสรมิ การลงทนุ   มผี ลท�ำ ใหผ้ ปู้ ระกอบการ จดทะเบยี นน้นั ได้รบั ยกเว้นอากรขาเข้า ซ่ึงจะต้องมีการคนื ภาษมี ลู คา่ เพิม่ ดว้ ยเช่นกัน ๒.  ภาษศี ุลกากรตามกฎหมายไทย ๒.๑ หลกั การและเหตุผลของการจดั เกบ็ ภาษีศุลกากร (๑) การจัดเก็บภาษีศุลกากรเพ่ือเป็นแหล่งรายได้ของรัฐบาล  เรียกว่า พิกัดเพือ่ รายได้ (Revenue Tariff) รายได้จากการจดั เกบ็ จากภาษีศลุ กากรนั้น จะเป็นรายได้ หลกั อกี ทางหนง่ึ ของรฐั บาลในการน�ำ งบประมาณมาบรหิ ารประเทศ ซง่ึ มขี อ้ สงั เกตวา่ โดยหลกั รายได้จากภาษีศุลกากรจะมีความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามกับระดับของการพฒั นาประเทศ  ซง่ึ ในประเทศทก่ี �ำ ลงั พฒั นามกั จะมสี ดั สว่ นการพง่ึ พารายไดจ้ ากภาษศี ลุ กากรคอ่ นขา้ งสงู   โดยเฉพาะ รายได้จากอากรขาเข้า  เพราะในระยะนั้นความต้องการน�ำ เข้าสินค้าจากต่างประเทศมีมาก  และเป็นภาษีที่จัดเก็บได้ง่าย  รวมทั้งผู้มีหน้าท่ีเสียภาษีตามกฎหมายสามารถผลักภาระภาษี ไปยงั ผูท้ ่ีเกี่ยวขอ้ งได๑้ ๑ ๑๑ปรดี า นาคเนาวทมิ , เศรษฐศาสตร์การภาษอี ากร ๑, (กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยรามคำ�แหง, ๒๕๒๘), หน้า ๑๕๒.

(๒) การจัดเก็บภาษีศุลกากรเพื่อคุ้มกันอุตสาหกรรมภายในประเทศ เรียกว่า  พิกัดป้องกัน  (Protective  Tariff)  เน่ืองจากภาษีศุลกากรเป็นภาษีที่เก็บจากสินค้า ท่ีนำ�เข้าหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรเท่าน้ัน  ไม่ได้เก็บจากสินค้าชนิดเดียวกันที่ผลิต ภายในประเทศ ดังน้นั ภาษีศลุ กากรทีจ่ ดั เก็บจากสนิ คา้ ท่ีน�ำ เข้าจึงมหี นา้ ที่หลกั อกี หน้าทีห่ น่งึ ในการคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศโดยจะมีลักษณะเป็นก�ำ แพงภาษีเพ่ือกั้นสินค้า จากต่างประเทศไม่ให้เข้ามาแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตภายในประเทศอย่างเท่าเทียมกัน โดยประเทศกำ�ลงั พัฒนานิยมใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ๑๒ (๓) การจัดเก็บภาษีศุลกากรเพ่ือพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ หรอื เพอ่ื ชดเชย เรยี กวา่ พกิ ดั ทดแทนหรอื พกิ ดั ชดเชย (Compensatory Tariff) เนอ่ื งจากสนิ คา้ บางรายการทน่ี �ำ เขา้ มาในราชอาณาจกั รเปน็ สนิ ค้าทส่ี ามารถผลิตไดภ้ ายในประเทศ  ซง่ึ สนิ ค้า ที่ผลิตภายในประเทศดังกล่าวมีภาระจะต้องเสียภาษีสรรพสามิตหรือภาษีอื่น  ๆ  ดังน้ัน รัฐบาลก็จะจัดเก็บภาษีขาเข้าสินค้าท่ีมาจากต่างประเทศในสัดส่วนเดียวกัน  ซึ่งจะก่อให้เกิด การพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ  และก่อให้เกิดการแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตจาก ต่างประเทศ๑๓ (๔) การจัดเก็บภาษีศุลกากรเพื่อรักษาเสถียรภาพภายนอกของระบบ เศรษฐกิจ  หากประเทศประสบปัญหากับเสถียรภาพภายนอกของระบบเศรษฐกิจ  คือ เสถียรภาพของดุลการค้าและดุลการชำ�ระเงิน  รัฐบาลสามารถปรับพิกัดอัตราภาษีศุลกากร ทจ่ี ัดเก็บจากสนิ คา้ บางประเภทใหส้ งู ขึน้ เชน่ สนิ คา้ ฟุม่ เฟือย เป็นตน้ ซึง่ จะมีผลทำ�ใหร้ าคา สินคา้ ดงั กล่าวสงู ข้นึ และปริมาณการน�ำ เขา้ สินค้าดังกล่าวลดลง อนั จะมผี ลทำ�ให้ดลุ การค้า และดุลการชำ�ระเงินมเี สถียรภาพมากขึ้น๑๔ (๕) การจัดเก็บภาษีศุลกากรเพื่อเป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพ ราคาของผู้ผลิต  (Producer’s  Prices)  และดูดซับกำ�ไรส่วนเกินจากผู้ส่งออกโดยการรักษา เสถียรภาพของราคาผู้ผลิต  คือ  ราคาที่ผู้ผลิตได้รับซ่ึงจะมีผลต่อรายได้ของผู้ผลิต  จะกระทำ�ได้โดยการกำ�หนดอัตราภาษีของสินค้าออกให้มีลักษณะเป็นอัตราเลื่อนได้ ๑๒เรอื่ งเดียวกัน. ๑๓สมคดิ บางโม, ภาษีอากรธุรกจิ , (กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน,์ ๒๕๕๗), หน้า ๓๑๙. ๑๔บุญธรรม ราชรกั ษ,์ เศรษฐศาสตร์ภาษอี ากรไทย. พิมพ์ครง้ั ท่ี ๑ (กรงุ เทพมหานคร: ส�ำ นัก พมิ พ์มหาวิทยาลยั รามค�ำ แหง, ๒๕๔๐), หนา้ ๑๘๘ - ๑๘๙. 24

25 (Sliding  scale)  โดยท่ัวไปจะกระทำ�กับสินค้าเกษตรที่มีตลาดต่างประเทศแน่นอน  เช่น หากสินค้าท่ีส่งออกมีราคาไม่เกิน  ๑๐๐  บาท  ให้ยกเว้นอากร  แต่หากเกิน  ๑๐๐  บาท ใหค้ ดิ อากรเฉพาะส่วนที่เกิน คือ หากเกิน ๑๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๑๒๐ บาท ใหค้ ิดอากร ร้อยละ ๑๐ แต่หากเกิน ๑๒๐ บาท เปน็ ต้นไป คิดอากร ร้อยละ ๒๐ บาท เปน็ ตน้ ส่วนการดูดซับกำ�ไรส่วนเกินจากผู้ส่งออกน้ันจะกระทำ�ในกรณีท่ีสินค้าขั้นปฐมท่ีส่งออกนั้น มกี ำ�ไรสว่ นเกนิ ๑๕ (๖) การจัดเก็บภาษีศุลกากรเพื่อเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาสังคม หรอื เปน็ การกดี กนั สนิ คา้ บางประเภท ทง้ั น้ี โดยการก�ำ หนดพกิ ดั อตั ราศลุ กากรสนิ คา้ ทน่ี �ำ เขา้ มา ในราชอาณาจักรให้สูงเพ่ือกีดกันสินค้าบางประเภท  เช่น  สินค้าฟุ่มเฟือย  หรือสินค้าท่ีเป็น อันตรายต่อสุขอนามัย เปน็ ต้น ๒.๒ ควาหมายของ “ภาษศี ุลกากร” ภาษีศุลกากร  ตามความหมายในพระราชบัญญัติศุลกากร  พ.ศ.  ๒๕๖๐ ไดใ้ หค้ วามหมายของค�ำ วา่ “อากร” ไวใ้ นมาตรา ๔ วา่ “อากร” หมายความวา่   อากรศุลกากร ที่จัดเก็บกับของที่นำ�เข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัตินี้ และกฎหมายวา่ ด้วยพิกดั อตั ราศลุ กากรหรือกฎหมายอ่ืนทีก่ �ำ หนดใหเ้ ปน็ อากรศุลกากร ดงั น้ันอาจจะใหค้ วามหมายอย่างกวา้ ง ๆ ตามกฎหมายได้ว่า ภาษีศุลกากร หมายถึง  ภาษีอากรท่ีจัดเก็บกับของท่ีนำ�เข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตามที่ กฎหมายก�ำ หนด ซ่งึ สอดคล้องกับที่นักวชิ าการหลายท่านได้ให้ไว้ ดงั น้ี บญุ ชนะ อตั ถากร ไดใ้ หค้ วามหมายไวว้ า่ “ภาษศี ลุ กากร หมายถงึ ภาษกี ารขาย (Sales Tax) หรอื ภาษสี ่งิ ของ (Commodity Tax) ซึง่ เกบ็ จากสนิ ค้าขาเขา้ และสนิ ค้าขาออก”๑๖ ปรดี า นาคเนาวทมิ ไดใ้ หค้ วามหมายไว้ว่า “ภาษีศลุ กากร หมายถึง ภาษีที่ เก็บจากโภคภณั ฑ์ (Tax on Commodity) อย่างหน่ึง จากสินค้านำ�เขา้ หรอื ส่งออก”๑๗ สมคดิ บางโม ได้ใหค้ วามหมายไวว้ ่า “ภาษศี ลุ กากร หมายถึง ภาษีที่จัด เกบ็ ตามพระราชบญั ญตั ศิ ุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ และกฎหมายวา่ ด้วยพกิ ัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ โดยเรียกเกบ็ จากสิ่งของท่ีนำ�เข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร”๑๘ ๑๕เพ่ิงอา้ ง. ๑๖บุญชนะ อตั ถากร, ทฤษฎภี าษีและทางปฏิบัติ (Tax theory and practice), พิมพค์ รง้ั ท่ี ๑ (พระนคร: โรงพมิ พร์ งุ่ เรอื งธรรม, ๒๕๐๑), หน้า ๗๕. ๑๗ปรดี า นาคเนาวทิม. เศรษฐศาสตรก์ ารภาษีอากร ๑, หนา้ ๑๕๑. ๑๘เรื่องเดียวกัน, หนา้ ๓๑๙.

๒.๓ ลักษณะและหลกั การจัดเก็บภาษศี ลุ กากร๑๙ ภาษีศุลกากรจะเก็บเฉพาะจากของท่ีนำ�เข้ามาในหรือส่งออกไปนอก ประเทศตามทีก่ ฎหมายกำ�หนด โดยของทน่ี �ำ เข้ามาในประเทศนัน้ จะต้องเปน็ ของทใ่ี ช้บริโภค ภายในประเทศ  หรือเข้าสู่วงจรเศรษฐกิจภายในประเทศโดยตรง  ซึ่งของบางประเภทได้รับ การยกเว้นอากร ไดแ้ ก่ (๑) นำ�เข้ามาแล้วแต่ไม่ได้ใชบ้ รโิ ภคภายในประเทศ ซ่ึงสนิ ค้าไม่ไดเ้ ขา้ มาสู่วงจรเศรษฐกจิ ภายในประเทศ และ (๒) น�ำ เขา้ มาใชบ้ รโิ ภคภายในประเทศแต่ไมก่ ระทบ ต่อระบบเศรษฐกิจ เช่น ของใชส้ ่วนตวั เป็นต้น กฎหมายเกย่ี วกบั พกิ ัดอัตราศุลกากรก�ำ หนดใหจ้ ัดเกบ็ อากรไว้ ๓ วธิ ี คือ (๑) เก็บอากรตามราคา  โดยเก็บเป็นอัตราร้อยละของราคาสินค้า แบ่งได้เป็น  ๒  กรณี  คือ  หากเป็นอากรขาเข้าจะเก็บจากราคาแท้จริงของสินค้าในตลาด (ราคาขาย)  เป็นราคา  C.I.F.  ซึ่งเป็นราคารวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจนถึงท่าเรือ ในประเทศ แต่หากเปน็ อากรขาออก หากสินค้าประเภทใดไมป่ ระกาศราคาให้ใช้ราคา F.O.B. ซง่ึ เปน็ ราคาสนิ คา้ รวมคา่ ระวางและคา่ ขนสง่ สนิ คา้ ลงเรอื แตไ่ มร่ วมคา่ ประกนั ภยั   (หรอื ราคาตาม ประกาศของอธิบดีกรมศลุ กากร) (๒) เก็บอากรตามสภาพ  โดยสามารถแบ่งเก็บได้  ๔  กรณี  คือ ตามน้ำ�หนกั ตามปริมาตร ตามความยาว และตามจ�ำ นวน (๓) เก็บอากรตามราคาและตามสภาพ  โดยให้เลือกวิธีที่ได้อากร มากกวา่ กันระหว่างเกบ็ ตามราคา หรือเกบ็ ตามสภาพ ๒.๔ พกิ ัดอัตราศุลกากร๒๐ พิกัดอัตราศุลกากร  หมายถึง  อัตราท่ีกำ�หนดโดยกฎหมายให้จัดเก็บภาษี อากรส�ำ หรับสนิ คา้ เขา้ และสนิ คา้ ออก โดยอตั ราภาษศี ลุ กากร แบง่ เปน็ ๒ ส่วน คอื (๑) พิกัดศุลกากร  คือ  การจำ�แนกประเภทสินค้าออกเป็นประเภท โดยจัดหมวดหมู่ของให้เป็นระบบ  เพ่ือประโยชน์ในทางด้านการจัดเก็บภาษี  สถิติ  การค้า ระหวา่ งประเทศ การเก็บคา่ ธรรมเนยี มและการขนสง่ เปน็ ต้น ๑๙เรือ่ งเดียวกนั . ๒๐เร่ืองเดยี วกัน, หน้า ๑๙๐. 26

27 (๒) อัตราอากร หรือ อัตราศลุ กากร คอื ส่วนที่ก�ำ หนดว่าของประเภทใด ต้องช�ำ ระอากรในอัตราเท่าใด ซ่งึ มี ๒ แบบ คือ - ระบบพิกดั อตั ราเดย่ี ว (Single column tariffs) เปน็ ระบบที่ก�ำ หนด อัตราอากรเพ่อื เรยี กเกบ็ จากการนำ�เข้าสนิ คา้ หรอื การสง่ ออกสินคา้ ชนิดใดชนิดหน่ึงไว้เพยี ง อัตราเดยี ว ไม่ว่าสินคา้ นัน้ จะนำ�เขา้ มาจากประเทศใด หรอื ส่งออกไปยังประเทศใด - ระบบพิกัดอัตราซ้อน  (Multiple  column  tariffs)  เป็นระบบที่ กำ�หนดอัตราอากรเพ่ือเรียกเก็บภาษีจากการติดต่อทางการค้าระหว่างประเทศจากสินค้าใด สินค้าหนึง่ หลายอัตรา กล่าวคอื จะมีอตั ราส�ำ หรับใช้ทว่ั ไปอัตราหนงึ่ และอตั ราทเ่ี รียกเก็บ ต่ำ�กว่าหรือสูงกว่าอัตราทั่วไปอีกอัตราหนึ่ง  โดยที่อัตราที่เรียกเก็บต่ำ�กว่าอัตราท่ัวไปจะใช้ เรยี กเก็บเฉพาะสินคา้ ท่นี �ำ เขา้ จากประเทศทไ่ี ดร้ บั การอนุเคราะหผ์ อ่ นปรน สว่ นอตั ราทเี่ รียก เก็บสูงกว่าอัตราทั่วไปจะใช้เพื่อตอบโต้ทางการค้ากับบางประเทศท่ีมีการอุดหนุนการส่งออก ในรูปแบบตา่ ง ๆ ๒.๕ สิทธปิ ระโยชนท์ างภาษีศลุ กากร (๑) การคนื อากรเพื่อการสง่ ออก ตามมาตรา ๒๙ แหง่ พระราชบญั ญัติ ศุลกากร  พ.ศ. ๒๕๖๐ (เดมิ เป็นมาตรา ๑๙ ทว)ิ กำ�หนดให้ผ้นู ำ�ของเข้ามาในราชอาณาจักร และเสียอากรแล้ว เพ่อื ใช้สำ�หรบั ผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำ�เนนิ การด้วยวิธอี ่นื ใด หากสง่ ของทไี่ ด้จากการด�ำ เนนิ การดังกลา่ วออกไป นอกราชอาณาจักร หรอื ส่งไปเปน็ ของใช้ สิ้นเปลืองในเรือหรืออากาศยานที่เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร  ให้มีสิทธิขอคืนอากร ขาเข้าส�ำ หรบั ของท่นี �ำ เข้ามาในราชอาณาจักรนน้ั ตามหลกั เกณฑ์ ดังตอ่ ไปน้ี - ต้องพิสูจนไ์ ดว้ ่าได้ผลติ ผสม ประกอบ บรรจุ หรอื ดำ�เนนิ การด้วย วธิ อี นื่ ใดดว้ ยของที่นำ�เข้ามาในราชอาณาจกั ร - ต้องพสิ ูจน์ไดว้ า่ ของที่นำ�ไปใชใ้ นการผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรอื ด�ำ เนินการด้วยวธิ อี ืน่ ใดนั้นมปี รมิ าณไมเ่ กนิ ทีอ่ ธิบดปี ระกาศกำ�หนด - ได้สง่ ของทีไ่ ด้จากการผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรอื ดำ�เนินการ ด้วยวิธีอ่ืนใดน้ันออกไป  นอกราชอาณาจักรภายในกำ�หนดหน่ึงปีนับแต่วันที่นำ�ของที่ใช้ ในการผลติ ผสม ประกอบ บรรจุ หรอื ด�ำ เนนิ การดว้ ยวธิ อี น่ื ใดเขา้ มาในราชอาณาจกั ร เวน้ แต่ มเี หตสุ ดุ วสิ ัยท�ำ ใหไ้ มอ่ าจส่งของดงั กล่าวออกไป ภายในกำ�หนดหน่งึ ปี ใหอ้ ธบิ ดีขยายระยะ เวลาได้ แตต่ อ้ งไม่เกินหกเดือน

- ต้องขอคืนอากรภายในกำ�หนดหกเดือนนับแต่วันท่ีส่งของออกไป นอกราชอาณาจักร เวน้ แต่อธบิ ดีจะขยายระยะเวลาให้แต่ตอ้ งไมเ่ กินหกเดอื น การขอคืนอากร การพสิ ูจน์ของการสง่ ของออกไป และการคนื อากร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงอื่ นไขท่อี ธิบดปี ระกาศก�ำ หนด กรมศุลกากรได้กำ�หนดขั้นตอนในการขอคืนอากรตามมาตรา  ๒๙ ไว้ ๖ ขน้ั ตอน คอื ๑) การขออนุมัติหลักการ ๒) การย่นื สูตรการผลิต ๓) การยน่ื ตาราง โอนสทิ ธิ์ ๔) การขอผอ่ นผันยื่นชุดค�ำ ขอคนื อากร หลงั ส่งออก ๖ เดอื น ๕) การยื่นชุดค�ำ ขอ คนื อากร และ ๖) การเรยี กเกบ็ อากรสำ�หรบั วัตถุดิบทีน่ ำ�เขา้ แบบวางประกันแล้วไมไ่ ดน้ �ำ มา ผลิตสง่ ออก (๒) การชดเชยค่าภาษีอากร เปน็ มาตรการของรฐั เพอื่ สนับสนุนให้มกี าร ส่งสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยออกไปจำ�หน่ายในต่างประเทศให้มากขึ้น  เพื่อเพ่ิมโอกาส ในการแข่งขันการขายสินค้าในตลาดโลกด้วยวิธีการให้ความช่วยเหลือทางภาษีอากร  โดยการลดภาระภาษีอากรทางอ้อมซ่ึงมีอยู่ในต้นทุนการผลิตและชดเชยให้เป็นบัตรภาษี ทั้งนี้  เป็นไปตามพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔ โดยผมู้ สี ิทธไิ ดร้ ับเงินชดเชยคา่ ภาษอี ากรตามกฎหมาย ได้แก่ - ผู้ส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร  หรือผู้ที่ขายสินค้าภายใน ประเทศให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกู้หรือเงินช่วยเหลือจาก ตา่ งประเทศ หรอื ผทู้ ข่ี ายสนิ คา้ ใหแ้ กอ่ งคก์ ารระหวา่ งประเทศหรอื หนว่ ยงานทม่ี สี ทิ ธนิ �ำ สนิ คา้ นน้ั เขา้ มาในราชอาณาจักรโดยไดร้ บั การยกเวน้ อากรตามกฎหมายวา่ ดว้ ยพกิ ัดอัตราศุลกากร - ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยจะต้องไม่ได้ใช้สิทธิคืนหรือยกเว้นหรือลด หย่อนภาษีอากร ตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอืน่ สำ�หรับสินคา้ สง่ ออก - การส่งออกไปจำ�หน่ายยังต่างประเทศต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ครบถว้ นตามกฎหมายศลุ กากรและไดร้ บั ช�ำ ระเงนิ คา่ ขายสนิ คา้ จากตา่ งประเทศ แตห่ ากเปน็ การ ส่งออกเพื่อวัตถุประสงค์อ่ืนที่ไม่ใช่ทางการค้าเช่น  การส่งออกเพียงเพื่อเป็นตัวอย่าง  หรือ เพื่อการวิเคราะห์ หรือเพอื่ การอนื่ ท่ีมไิ ดจ้ ำ�หน่าย ไม่สามารถขอรบั เงินชดเชยในกรณนี ้ีได้ (๓) คลังสินค้าทัณฑ์บน  คือ  คลังสินค้าซึ่งใช้เป็นท่ีตรวจของและเก็บ รักษาของที่นำ�เข้าโดยให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ส่งออกให้ได้รับการงดเว้นการเก็บอากรขาเข้า และขาออกแก่ของที่นำ�เข้ามาจากต่างประเทศ  และเก็บในคลังสินค้าทัณฑ์บนเพ่ือส่งออก ไปยงั นอกประเทศ ซึ่งเปน็ มาตรการส่งเสริมการส่งออกอย่างหนึง่ ของรฐั ที่มหี ลกั การว่าจะ 28

29 เก็บอากรหากเอาของออกจากอารักขาของคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อบริโภคในประเทศ  และ จะยกเว้นอากรหากเอาของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน  เพ่ือส่งออกนอกราชอาณาจักร ถือเป็นการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ส่งออกตามหลักเกณฑ์  และเง่ือนไขของคลังสินค้า ทัณฑบ์ นทีต่ ัง้ ขนึ้ ๒๑ มาตรา ๑๑๖ แห่งพระราชบัญญตั ศิ ลุ กากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ไดว้ างหลกั การ ของคลังสินค้าทัณฑ์บนให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น  โดยกำ�หนดให้  คลังสินค้าทัณฑ์บนดำ�เนินการ ไดเ้ ฉพาะในเรื่องตอ่ ไปน้ี กล่าวคือ (๑) เก็บของในคลงั สนิ คา้ ทณั ฑบ์ น (๒) แสดงและขายของ ทีเ่ กบ็ ในคลงั สินคา้ ทัณฑ์บน และ (๓) ผลติ ผสม ประกอบ บรรจุ หรือด�ำ เนินการดว้ ยวิธีอ่ืนใด กับของทีเ่ กบ็ ไวใ้ นคลงั สนิ ค้าทณั ฑบ์ น โดยสิทธิประโยชน์ท่ีผู้ประกอบการจะได้รับจากคลังสินค้าทัณฑ์บนนั้น เป็นไปตามท่ีก�ำ หนดไวใ้ นมาตรา ๑๒๖ และมาตรา ๑๒๗ แหง่ พระราชบัญญตั ศิ ุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมาตรา ๑๒๖ วรรคแรก ก�ำ หนดให้ยกเว้นการเกบ็ อากรขาเข้าและอากรขาออก แก่ของท่ีปล่อยออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร  ท้ังนี้ไม่ว่า จะปล่อยออกไปในสภาพเดิมท่ีนำ�เข้าหรือในสภาพอ่ืน  และวรรคสองกำ�หนดให้การปล่อย ของออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บน  หากเป็นการโอนเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บนอื่นหรือ จำ�หน่ายให้แก่ผู้นำ�ของเข้าตามมาตรา  ๒๙  หรือผู้มีสิทธิได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่า ด้วยพิกัดอัตราศุลกากรหรือกฎหมายอ่ืน  ให้ถือว่าเป็นการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรใน เวลาที่ปล่อยของเช่นว่านั้นออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บน  และวรรคสามกำ�หนดให้การรับ ของท่ีได้โอนหรือจำ�หน่ายตามวรรคสอง  ให้ถือว่าเป็นการนำ�เข้ามาในราชอาณาจักรหรือนำ� เขา้ สำ�เรจ็ ในเวลาทป่ี ลอ่ ยของเชน่ วา่ น้ันออกไปจากคลงั สนิ คา้ ทัณฑบ์ น มาตรา ๑๒๗  กำ�หนดให้ของใดที่มีกฎหมายบัญญัติให้ได้รับการยกเว้น หรือคืนอากร  เมื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร  หากนำ�ของนั้นเข้าไปในคลังสินค้า ทัณฑ์บนตามมาตรา ๑๑๖(๒) หรอื (๓) ให้ได้รบั ยกเว้นหรือคนื อากร โดยใหถ้ ือว่าของนั้นได้ ส่งออกไปนอกราชอาณาจกั รในเวลาท่ีได้นำ�ของเช่นว่านัน้ เขา้ ไปในคลังสนิ คา้ ทณั ฑบ์ น ๒๑ดรู ายละเอียดเพิ่มเติมใน พระราชบญั ญตั ศิ ลุ กากร พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๑๑, ๑๑๔, ๑๑๖, ๑๒๔ และ ๑๒๖ – ๑๒๗.

(๔) เขตปลอดอากร (Free Zone) หมายถึง เขตพน้ื ทีท่ ่กี ำ�หนดไว้สำ�หรับ การประกอบอุตสาหกรรม  พาณิชยกรรม  หรือกิจการอ่ืนที่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนา เศรษฐกิจของประเทศ  ซ่ึงผู้ใดท่ีประสงค์จะจัดต้ังเขตปลอดอากรจะต้องได้รับอนุมัติจาก อธิบดีกรมศุลกากรตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  ๑๓๖  แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร  พ.ศ. ๒๕๖๐  โดยสิทธปิ ระโยชนท์ ีผ่ ู้ประกอบการในเขตปลอดอากรจะได้รับ เป็นไปตามทกี่ ำ�หนด ไวใ้ นมาตรา ๑๓๗ กล่าวคอื ของทีน่ ำ�เขา้ ไปในเขตปลอดอากรจะไดร้ บั ยกเว้นหรือคนื อากร ตามท่กี ฎหมายบญั ญตั ิ ยกตัวอย่างเชน่ ใหย้ กเวน้ อากรขาเข้าสำ�หรับของทีไ่ ด้นำ�เขา้ มาในราช อาณาจกั รเพอ่ื น�ำ เข้าในเขตปลอดอากร ไดแ้ ก่ ของทีเ่ ปน็ เคร่อื งจักร อปุ กรณ์ เครือ่ งมอื และ เคร่ืองใช้  รวมทั้งส่วนประกอบของของดังกล่าวที่จ�ำ เป็นต้องใช้ในการประกอบอุตสาหกรรม พาณชิ ยกรรม หรือกิจการอืน่ ใดทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ ก่ทางเศรษฐกจิ ของประเทศ หรอื ใหย้ กเว้น ภาษีมลู ค่าเพิ่ม สำ�หรับการน�ำ สนิ คา้ จากตา่ งประเทศเขา้ ไปในเขตปลอดอากร หรอื ให้ใช้อัตรา ภาษีร้อยละ  ๐  ในการคำ�นวณภาษีมูลค่าเพ่ิมสำ�หรับการนำ�สินค้าในราชอาณาจักรเข้าไป ในเขตปลอดอากรเฉพาะสินค้าท่ีต้องเสียอากรขาออกหรือท่ีได้รับยกเว้นอากรขาออกตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยศลุ กากรเป็นต้น๒๒ (๕) เขตประกอบการเสรี  (freetrade  zone)  คือ  เขตพ้ืนที่ท่ีกำ�หนดไว้ สำ�หรบั การประกอบอตุ สาหกรรม พาณิชยกรรม หรอื กิจการอน่ื ท่ีเกย่ี วเนือ่ งกบั การประกอบ อุตสาหกรรมหรือพาณิชยกรรม  เพ่อื ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ  การรักษาความม่นั คงของรัฐ  สวัสดิภาพของประชาชน  การจัดการด้านส่ิงแวดล้อม  หรือความจำ�เป็นอื่น  โดยของที่ เข้าไปในเขตดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร  และค่าธรรมเนียมเพ่ิมข้ึนตาม ทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ ทง้ั นี้ เปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั กิ ารนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และทแ่ี ก้ไขเพม่ิ เตมิ สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรในเขตประกอบการเสรี  มีอยู่ด้วยกันหลาย ประการ  ยกตัวอย่างเช่น  การได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่ง เสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ และภาษสี รรพสามิตส�ำ หรบั เครอ่ื งจกั ร อุปกรณ์ ๒๒ดูรายละเอียดเพ่มิ เตมิ ใน พระราชบญั ญตั ศิ ลุ กากร พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๗ และมาตรา ๑๕๑ – ๑๕๖. 30

31 เครื่องมือและเคร่อื งใช้ หรือของที่น�ำ เข้ามาในราชอาณาจักรและนำ�เขา้ ไปในเขตประกอบการ เสรเี พ่อื ใช้ในการผลิตสนิ คา้ หรือเพื่อพาณิชยกรรม การได้รบั ยกเวน้ อากรขาออก ภาษีมูลค่า เพม่ิ และภาษีสรรพสามิตส�ำ หรับของซ่งึ ไดน้ ำ�เข้ามา ตามมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญตั ิการ นคิ มอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ รวมท้ังผลติ ภัณฑ์ ส่งิ พลอยได้ และสิ่งอื่น ทไี่ ด้จากการผลติ แลว้ ส่งออก การได้รบั ยกเวน้ หรอื คืนค่าภาษอี ากรส�ำ หรบั ของที่มีบทบัญญตั ิ แห่งกฎหมายใหไ้ ดร้ ับยกเว้น หรอื คืนคา่ ภาษีอากร เมอ่ื ได้สง่ ออกไปนอกราชอาณาจกั รตาม ท่กี ฎหมายบัญญัติ ซึง่ ของทีน่ ำ�เข้าไปในเขตประกอบการเสรไี ด้รบั สิทธปิ ระโยชน์เช่นเดียวกับ เขตปลอดอากร เป็นตน้ (๖) การส่งเสริมการลงทุน  (BOI)  เป็นมาตรการหน่ึงของรัฐเพ่ือดึงดูด นักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทนุ ในประเทศไทยในกิจการใด  ๆ ทร่ี ัฐให้ความสำ�คัญ โดยสำ�นักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนซึ่งเป็นหน่วยงานหลักท่ีมีหน้าที่รับผิดชอบ ด้านการส่งเสริมการลงทุน  โดยจะให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรแก่ผู้ประกอบการ ในเขตส่งเสริมการลงทุน  ทั้งน้ีเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการส่งเสริม การลงทนุ พ.ศ. ๒๕๒๐ โดยกรมศลุ กากรจะมหี น้าทใ่ี นการควบคุม ดแู ลและรับผิดชอบใน เรอ่ื งภาษีอากรของรฐั และเพ่อื การส่งเสรมิ การส่งออกแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะต้องกำ�หนด ระเบยี บปฏิบัติสำ�หรับการปฏิบตั ใิ นการน�ำ เข้าเครอื่ งจักร และวตั ถุดิบของผู้ประกอบการทไี่ ด้ รับอนมุ ตั จิ ากสำ�นกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมการลงทุนให้ไดร้ บั สิทธิประโยชนต์ ่าง ๆ ด้าน ภาษีอากรขาเข้า รวมไปถงึ ควบคมุ ดแู ล อำ�นวยความสะดวกและใหค้ ำ�แนะน�ำ แก่ผปู้ ระกอบ การในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากร  สำ�หรับสิทธิประโยชน์ท่ีผู้ประกอบ การจะไดร้ ับ เช่น ได้รับยกเวน้ อากรขาเข้าสำ�หรบั เครอ่ื งจกั รหรือไดร้ บั ลดหยอ่ นอากรขาเข้า สำ�หรับเคร่ืองจักรลงเหลือกึ่งหนึ่ง  หรือได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา ๓ ปี หรือในบางเขตจะเพิ่มข้ึนเปน็ ๗-๘ ปี หรอื ได้รบั ยกเว้นอากรขาเขา้ สำ�หรบั วตั ถุดบิ หรอื วสั ดจุ �ำ เปน็ ส�ำ หรบั สว่ นทผ่ี ลติ เพอ่ื การสง่ ออกเปน็ ระยะเวลา ๑-๕ ปี แลว้ แตเ่ ขตทโ่ี รงงานตง้ั อยู่ เปน็ ต้น๒๓ ๒๓ดรู ายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ ใน พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ การลงทนุ พ.ศ. ๒๕๒๐ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๓๖, ๓๘ และ ๔๐ – ๔๒.

๓.  การบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มอิทธิพลซ่ึงนำ�ไปสู่การทุจริตภาษีมูลค่าเพ่ิมและภาษี ศลุ กากรในประเทศไทย ลักษณะของการกระทำ�ความผิดที่เกี่ยวกับการทุจริต  เก่ียวกับผู้มีอิทธิพล  และ เก่ยี วกบั ภาษีอากร (ภาษีมูลค่าเพมิ่ และภาษีศลุ กากร) ซึง่ เป็นความผดิ ตอ่ กฎหมายหลายฉบับ ดงั จะกล่าวตอ่ ไปน้ี ๓.๑ ประมวลกฎหมายอาญา ในสว่ นของความผดิ ทีเ่ กยี่ วกบั ความสงบสุขของประชาชน ได้แก่ ความผิด ฐานอั้งยี่ ตามมาตรา ๒๐๙ ความผดิ ฐานซอ่ งโจรตามมาตรา ๒๑๐ และความผดิ ฐานมั่วสุม ทำ�ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมอื ง ตามมาตรา ๒๑๕ และกรณถี ้ามเี จา้ หน้าที่ของรฐั เขา้ ร่วม ดว้ ยกจ็ ะมีบทบญั ญัติความผดิ เก่ยี วกบั ความผิดตอ่ ต�ำ แหน่งหน้าทีร่ าชการ ตามมาตรา ๑๕๗ บญั ญตั เิ ปน็ ความผิดและบทลงโทษไว้ (๑) ความผดิ ฐานเป็นอง้ั ยี่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๙ ไดบ้ ัญญัติความผดิ ฐานเป็น อ้งั ย่ไี ว้  ซ่งึ บังคับใช้กับการกระทำ�ความผิดของกล่มุ อิทธิพลซ่งึ น�ำ ไปส่กู ารทุจริตภาษีมูลค่าเพ่มิ และภาษศี ลุ กากรอย่างเป็นระบบ ดังรายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี “มาตรา  ๒๐๙  ผ้ใู ดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซ่งึ ปกปิดวิธีดำ�เนินการ และมีความมุ่งหมายเพ่ือการอันมิชอบด้วยกฎหมาย  ผู้นั้นกระทำ�ความผิดฐานเป็นอั้งย่ี  ตอ้ งระวางโทษจำ�คกุ ไมเ่ กินเจ็ดปี และปรบั ไมเ่ กินหนง่ึ หมืน่ สี่พนั บาท ถ้าผู้กระทำ�ความผิดเป็นหัวหน้า  ผู้จัดการหรือผู้มีตำ�แหน่งหน้าที่ ในคณะบคุ คลน้นั ผนู้ ัน้ ตอ้ งระวางโทษจำ�คกุ ไม่เกินสบิ ปี และปรบั ไม่เกินสองหม่ืนบาท” จากบทบัญญัตดิ ังกลา่ ว จะเหน็ ไดว้ า่ ความผดิ ฐานเป็นอ้งั ยเ่ี ปน็ การ กระท�ำ ความผดิ ของคณะบคุ คลซง่ึ มสี มาชกิ รวมตวั ของคนตง้ั แตส่ องคนขน้ึ ไป  มกี ารรว่ มประชมุ ปรึกษาหารือรว่ มกัน มีความมุ่งหมายเพื่อการอนั มชิ อบดว้ ยกฎหมาย ซึ่งปกปิดวธิ กี ารด�ำ เนิน การ ท้งั น้ี ความผิดสำ�เร็จเมื่อเขา้ เปน็ สมาชกิ ของคณะบคุ คลไมจ่ ำ�เปน็ ตอ้ งกระท�ำ การส�ำ เรจ็ ตามความมุ่งหมายนั้น (๒) ความผดิ ฐานเปน็ ซอ่ งโจรและความผิดฐานสมคบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๐ และมาตรา ๘๓ ได้บัญญตั ิ ความผิดฐานเป็นซ่องโจรและความผิดฐานสมคบไว ้ ซึ่งบังคับใช้กับการกระทำ�ความผิดของ กลมุ่ อทิ ธพิ ลซง่ึ น�ำ ไปสกู่ ารทจุ รติ ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ และภาษศี ลุ กากรอยา่ งเปน็ ระบบ  ดงั รายละเอยี ด ต่อไปน้ี 32

33 “มาตรา  ๒๑๐  ผู้ใดสมคบกันต้ังแต่ห้าคนขึ้นไปเพ่ือกระทำ�ความผิด อย่างหน่ึงอย่างใดตามท่ีบัญญัติไว้ในภาค  ๒  นี้  และความผิดน้ันมีกำ�หนดโทษจำ�คุกอย่าง สูงตั้งแตห่ นึง่ ปขี ้นึ ไป ผ้นู ั้นกระทำ�ความผดิ ฐานเป็นซอ่ งโจร ตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ไม่เกนิ ห้าปี หรอื ปรับไมเ่ กินหน่งึ หม่นื บาท หรอื ท้งั จ�ำ ทงั้ ปรับ ถ้าเป็นการสมคบเพ่ือกระทำ�ความผิดท่ีมีระวางโทษถึงประหารชีวิต จ�ำ คกุ ตลอดชวี ติ หรอื จ�ำ คกุ อยา่ งสงู ตง้ั แตส่ บิ ปขี น้ึ ไป  ผกู้ ระท�ำ ตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ตง้ั แตส่ องปถี งึ สบิ ปแี ละปรบั ตง้ั แตส่ พี่ ันบาทถงึ สองหมืน่ บาท” จากบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว จะเหน็ ไดว้ า่ ความผดิ ฐานซอ่ งโจรเปน็ การสมคบกนั ต้ังแต่  ๕  คนข้ึนไป  เพ่ือกระทำ�ความผิดจำ�กัดเฉพาะความผิดในประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ นเ้ี ท่านั้น ซึ่งกฎหมายกำ�หนดใหม้ ีโทษจำ�คุกตง้ั แต่ ๑ ปขี ึน้ ไป แต่การกระทำ�ผดิ ตามกฎหมายอืน่ เช่น ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพตดิ ฯลฯ ไมอ่ ยู่ในองค์ประกอบ ข้อนี้ แต่อาจเปน็ ความผดิ ฐานอ้งั ย่ไี ด้ ทง้ั น้ี ค�ำ วา่ “สมคบ” คอื การรว่ มคบคดิ กนั (ตามพจนานกุ รม) ค�ำ วา่ สมคบ ไม่มใี นค�ำ นยิ าม แตใ่ นกฎหมายลกั ษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ มาตรา ๖ ขอ้ ๘ ไดใ้ ห้นิยามค�ำ วา่ “สมคบ” ว่าถา้ บุคคลตงั้ แต่ ๒ คนขนึ้ ไป สมรดู้ ้วยกนั เพื่อจะกระท�ำ ผิด ท่านว่าคนเหลา่ นน้ั สมคบกนั หรอื อาจกลา่ วได้ว่า ถ้าบคุ คลต้ังแต่ ๒ คนข้ึนไป รเู้ ห็นเปน็ ใจ สมรูร้ ว่ มคบ หรือ ตกลงกันท่ีจะกระทำ�การท่ีไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยาย  ถือเป็น ความผิดฐานสมคบ  ซ่ึงนำ�หลักเร่ืองตัวการร่วมกันกระทำ�ความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๘๓๒๔ มาเทียบเคียงในการตีความได้ ดังน้ัน ถา้ บุคคลตงั้ แต่สองคนข้นึ ไป แสดงออกซึ่งความตกลงที่จะกระทำ�ความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกัน  ถือได้ว่าเป็นการ สมคบกันแล้ว ดังตัวอย่าง  คำ�พิพากษาศาลฎีกาท่ ี ๒๘๒๙/๒๕๒๖  การสมคบกัน เพ่ือกระทำ�ความผิดต้องมีการแสดงออกซึ่งความตกลงท่ีจะกระทำ�ผิดร่วมกัน  มิใช่เพียงแต่ มาประชุมหารือกันโดยมิได้ตกลงอะไรกันเลยหรือตกลงกันไม่ได ้ และคำ�พิพากษาศาลฎีกา ท่ี ๔๙๘๖/๒๕๓๓ ความผดิ ฐานซอ่ งโจรตามมาตรา ๒๑๐ นน้ั ผกู้ ระท�ำ จะตอ้ งสมคบกนั เพ่ือ ๒๔มาตรา ๘๓ ในกรณีความผิดใดเกดิ ข้นึ โดยการกระท�ำ ของบคุ คลตงั้ แต่สองคนขึ้นไป ผทู้ ไ่ี ด้ ร่วมกระท�ำ ความผดิ ด้วยกันน้นั เปน็ ตวั การ ต้องระวาง โทษตามทก่ี ฎหมายกำ�หนดไวส้ ำ�หรับความผดิ น้นั

กระทำ�ความผิด กล่าวคือ จะต้องมีการร่วมคบคดิ กนั หรอื แสดงออกซง่ึ ความตกลงจะกระทำ� ความผดิ รว่ มกนั ในระหวา่ งผกู้ ระทำ�ผดิ ดว้ ยกัน จำ�เลยท่ี ๑ ท่ี ๒ ท่ี ๓ และท่ี ๕ เพียงแต่ ร่วมเจรจากับเจ้าพนักงานตำ�รวจท่ีไปล่อซื้อ  โดยเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่ เจ้าพนกั งานต�ำ รวจเทา่ นั้น จงึ เปน็ ลักษณะทีเ่ ปน็ การกระท�ำ ต่อบุคคลภายนอก เม่ือจำ�เลยที่ ๑, ๒, ๓ และ ๕ มิไดค้ บคิดกนั ว่าจะกระท�ำ ความผดิ รว่ มกนั รบั ของโจร จึงไม่มคี วามผดิ ฐาน เปน็ ซอ่ งโจร ดงั นน้ั   ถา้ มกี ารสมคบกนั กระท�ำ ความผดิ   และไดล้ งมอื กระท�ำ ความผดิ ไมว่ า่ ความผดิ นั้นจะกระท�ำ ได้สำ�เรจ็ หรอื ไม่กต็ าม ความผิดฐานซอ่ งโจรกส็ ำ�เรจ็ ลงแล้ว และ หากไดก้ ระทำ�การตามท่ีสมคบกนั ก็จะเกิดความผดิ ขนึ้ มาอกี สว่ นหนึ่ง เป็นกรณกี รรมเดยี ว ผิดกฎหมายหลายบท ตัวอย่าง  คำ�พิพากษาศาลฎีกาที่  ๑๗๑๙/๒๕๓๔  จำ�เลยกับพวก รวมหา้ คนปรกึ ษากนั วา่ จะไปปลน้ รถจกั รยานยนตเ์ ปน็ การสมคบกนั เพอ่ื กระทำ�ความผดิ   และ การกระท�ำ ความผดิ ทส่ี มคบกนั เพอ่ื จะไปกระทำ�นน้ั เปน็ การปลน้ ทรพั ย์  อนั เปน็ ความผดิ ตามท่ี บัญญัติไว้ในภาค  ๒  แห่งประมวลกฎหมายอาญา  ซ่งึ มีโทษจำ�คุกอย่างสูงต้งั แต่สิบปีข้นึ ไป การกระทำ�ของจ�ำ เลยจึงเป็นความผิดฐานซอ่ งโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๐ วรรคสอง และค�ำ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๔๕๔๘/๒๕๔๐ จ�ำ เลยที่ ๑ – ๓ กบั พวก รวม ๖ คน วางแผนกระท�ำ การปลน้ ทรพั ยข์ องผเู้ สยี หายที่ ๒ อันเป็นความผิดตามทบ่ี ญั ญตั ไิ ว้ในภาค ๒ แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา จงึ มีความผดิ ฐานซ่องโจร เมือ่ จ�ำ เลยท่ี ๔ กับพวกไปปลน้ รา้ นทองของผเู้ สยี หายท่ี ๒ ตามแผนท่รี ่วมกันวางไว้ จำ�เลยที่ ๑-๓ ผู้ร่วมวางแผนแมไ้ มไ่ ด้ ไปปลน้ ดว้ ยก็ย่อมมคี วามผิดฐานเปน็ ตัวการร่วมกับจ�ำ เลยที่ ๔ กับพวกด้วย ตามประมวล กฎหมายอาญา  มาตรา  ๒๑๓  และความผิดฐานซ่องโจรกับความผิดฐานปล้นทรัพย์ เกย่ี วเนอ่ื งกนั เพราะพวกจ�ำ เลยกระท�ำ ผดิ ฐานซอ่ งโจร เพอ่ื จะไปปลน้ ทรพั ย์ จงึ เปน็ กรรมเดยี ว ผิดกฎหมายหลายบทลงโทษฐานปลน้ ทรพั ย์อันเปน็ บทท่ีมีโทษหนักท่ีสดุ (๓) ความผิดฐานม่ัวสมุ ทำ�ใหเ้ กดิ ความวุน่ วายในบา้ นเมอื ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๕ ไดบ้ ญั ญตั คิ วามผดิ ฐานมว่ั สมุ ทำ�ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง  ซึ่งบังคับใช้กับการกระทำ�ความผิดของกลุ่มอิทธิพล นำ�ไปส่กู ารทุจรติ ภาษีมลู คา่ เพิม่ และภาษีศุลกากรอยา่ งเปน็ ระบบ ดงั รายละเอียดตอ่ ไปนี้ “มาตรา ๒๑๕ ผใู้ ดมว่ั สมุ กนั ตง้ั แตส่ บิ คนขน้ึ ไป ใชก้ �ำ ลงั ประทษุ รา้ ย ขเู่ ขญ็ ว่าจะใช้กำ�ลังประทุษร้ายหรือกระทำ�การอย่างหน่ึงอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ตอ้ งระวางโทษจำ�คกุ ไมเ่ กินหกเดือน หรอื ปรบั ไม่เกนิ หน่งึ พนั บาท หรอื ทงั้ จ�ำ ทง้ั ปรับ 34

35 ถ้าผ้กู ระทำ�ความผิดคนหน่งึ คนใดมีอาวุธ  บรรดาผ้ทู ่กี ระท�ำ ความผิด ตอ้ งระวางโทษจำ�คกุ ไม่เกินสองปี หรือปรบั ไม่เกนิ ส่ีพนั บาท หรอื ทง้ั จำ�ทงั้ ปรบั ถา้ ผกู้ ระท�ำ ความผดิ เปน็ หวั หนา้   หรอื เปน็ ผมู้ หี นา้ ทส่ี ง่ั การในการกระทำ� ความผดิ นน้ั ตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ไมเ่ กนิ หา้ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนง่ึ หมน่ื บาท หรอื ทง้ั จ�ำ ทง้ั ปรบั ” จากบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว  จะเหน็ ไดว้ า่   ความผดิ ฐานมว่ั สมุ กนั นน้ั ตอ้ ง มว่ั สุมหรือชุมนุมกันตงั้ แต่สบิ คนขนึ้ ไป นอกจากนน้ั ยงั ตอ้ งมกี ารใช้กำ�ลงั ประทษุ รา้ ย ขูเ่ ขญ็ ว่า จะใชก้ ำ�ลงั ประทุษร้าย และกระท�ำ การใหเ้ กดิ การว่นุ วายข้ึนในบ้านเมือง และหากผู้กระทำ�คน หนง่ึ คนใดมอี าวธุ บรรดาผรู้ ว่ มกระท�ำ ผิดตอ้ งรบั โทษหนักขึ้นไปอีก โดยกฎหมายไม่ไดบ้ ัญญัติ ไว้ว่าผู้ร่วมกระทำ�ความผิดต้องรู้  ดังน้ันแม้ผู้ร่วมกระทำ�ความผิดคนอ่ืนไม่รู้ก็ต้องรับผิดด้วย แต่หากว่าคนที่พกพาอาวุธไปด้วยได้ใช้อาวุธในการทำ�ร้ายผู้อ่ืน  การใช้อาวุธทำ�ร้ายผู้อ่ืน เป็นเรื่องนอกเหนือเจตนาของผู้ที่ร่วมกระทำ�ผิดคนอ่ืนจึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งความตาย น้ันดว้ ย (๔) ความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมชิ อบ ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  ๑๕๗  ได้บัญญัติความผิดฐาน เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  ซ่ึงบังคับใช้กับการกระทำ�ความผิดของกลุ่มอิทธิพล ซ่งึ น�ำ ไปสูก่ ารทุจริตภาษีมลู ค่าเพม่ิ และภาษีศลุ กากรอยา่ งเปน็ ระบบ ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี “มาตรา  ๑๕๗  ผใู้ ดเปน็ เจา้ พนกั งานปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี โดยมิชอบ  เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด  หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ี โดยทจุ รติ ตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ตง้ั แต่ หนง่ึ ปถี งึ สบิ ปี หรอื ปรบั ตง้ั แตส่ องพนั บาทถงึ สองหมน่ื บาท หรอื ท้งั จ�ำ ทง้ั ปรบั ” ความผดิ ตามมาตรา ๑๕๗ ดงั กลา่ วน้ี ผทู้ จ่ี ะกระท�ำ ความผดิ จะตอ้ งเปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๑๖) ข้าราชการการเมือง ตามพระราช บัญญตั ิข้าราชการการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๓๕ รวมท้งั ลกู จ้างของกระทรวง ทบวง กรมตา่ ง ๆ และผู้ที่ได้รับการแต่งต้ังตามกฎหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่ว่าจะประจำ�หรือชั่วคราว และไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม  หมายความว่า  ผู้นั้นต้องเป็นผู้ปฏิบัติหน้าท่ี ราชการโดยได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมาย  บุคคลอื่นท่ีมิได้เป็นเจ้าพนักงานย่อมไม่เข้า องคป์ ระกอบทจ่ี ะเปน็ ผกู้ ระท�ำ ความผดิ ตามมาตรานไ้ี ด ้ สาระส�ำ คญั ของมาตรานป้ี ระกอบดว้ ย ลักษณะหรือฐานความผดิ ๒ ลกั ษณะ ดงั นี้

- เจา้ พนกั งานปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยมชิ อบเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกผ่ ู้หนึ่งผู้ใด คำ�ว่า “โดยมิชอบ” หมายถึง โดยมิชอบดว้ ยหน้าทท่ี ีเ่ จ้าพนกั งาน มีอยู่ตามท่ีกฎหมายกำ�หนด  แต่ถ้าการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติไม่อยู่ในหน้าที่ราชการ หรืออยู่ในหน้าท่ีแต่เป็นการกระทำ�ที่ชอบด้วยหน้าท่ีโดยสุจริต  ก็ไม่เป็นความผิด  ดังนั้น หากมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ  เพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้อ่นื ก็ถอื เป็นการกระท�ำ ความผิดตามมาตราน้ดี ้วย นอกจากนน้ั   สาระส�ำ คญั อนั เปน็ องคป์ ระกอบความผดิ มาตราน้ ี คอื มลู เหตจุ งู ใจ อนั เปน็ การกระท�ำ ทม่ี ี “เจตนาพเิ ศษ” โดยตอ้ งการกระท�ำ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย แกผ่ ู้หนึง่ ผู้ใด ซง่ึ รวมถึงความเสียหายในทุก ๆ ดา้ นโดยไม่จ�ำ กัดเฉพาะความเสยี หายทีเ่ ป็น ทรพั ยส์ นิ เทา่ น้ัน เชน่ ท�ำ ให้เกดิ ความเสยี หายแกช่ ่ือเสียงหรอื เสียหายแกเ่ สรภี าพ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น  เจ้าพนักงานต�ำ รวจจับผ้ทู ่กี ระท�ำ ผิดความฐานมีสุรา ผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง  แล้วทำ�ร้ายร่างกายผู้ถูกจับกุม  การทำ�ร้ายนี้ไม่เกี่ยวกับ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องต�ำ รวจขณะจบั กมุ   แตเ่ ปน็ การท�ำ รา้ ยหลงั การจบั กมุ แลว้   จงึ ไมม่ คี วามผดิ ฐานปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ  (คำ�พิพากษาศาลฎีกาท่ี  ๒๙๒/๒๔๗๙)  แต่ถ้าเป็นพนักงาน สอบสวน ในระหว่างสอบสวนได้ทำ�ร้ายผ้ตู อ้ งหาเพราะไม่ยอมรบั สารภาพ เชน่ น้ี เป็นการ ปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ  เมื่อเกิดความเสียหายแก่เขาย่อมมีความผิดตามมาตราน้ี  (ค�ำ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ ี ๑๓๙๙/๒๕๐๘)  และต�ำ รวจแกลง้ จบั ผเู้ สยี หายอา้ งวา่ กระทำ�ผดิ ฐาน เมาสรุ าอาละวาดทง้ั ทไ่ี มเ่ ปน็ ความจรงิ (ค�ำ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๑๔๔๔/๒๕๒๑) เปน็ การปฏบิ ตั ิ หนา้ ทโ่ี ดยมิชอบเพื่อใหเ้ กิดความเสียหายจึงมคี วามผิดตามมาตราน้ี (ค�ำ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๔๐๗-๔๑๐/๒๕๐๙) เป็นตน้ - เจา้ พนักงานปฏิบตั หิ รอื ละเวน้ การปฏิบตั หิ นา้ ทโ่ี ดยทุจรติ คำ�ว่า  “โดยทุจริต”  ตามมาตราน้ี  คือ  การใช้อำ�นาจในหน้าท่ีเพ่ือ แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำ�หรับตนเองหรือผู้อื่นจากการปฏิบัติ หนา้ ทีห่ รอื ละเวน้ การปฏิบัตหิ น้าท่ีนั้น สาระส�ำ คญั คือ ผกู้ ระทำ�ความผิดซงึ่ เปน็ เจ้าพนกั งาน ต้องมีหน้าท”ี่ คือ การปฏิบัติหรือละเวน้ การปฏิบตั นิ ั้นตอ้ งเปน็ การปฏบิ ัติตามหน้าท่ีราชการ ดังน้ันหากไม่ใช่การปฏิบัติตามหน้าท่ีหรืออยู่ในหน้าที่  แม้กระทำ�โดยไม่ชอบหรือไม่สุจริต ก็ไม่เปน็ ความผดิ ตามมาตรานี้ 36

37 การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยทจุ รติ   สามารถพบไดใ้ นหลาย กรณี  เช่น  เจ้าพนักงานเทศบาลมีหน้าท่ีเก็บเงินลักเอาใบเสร็จเก็บค่ากระแสไฟฟ้าซ่ึงอยู่ ในความดูแลของเจ้าหน้าท่ีอีกคนหน่ึงไป  เพ่ือไปเรียกเก็บค่ากระแสไฟฟ้าแล้วเอาเป็น ประโยชน์ส่วนตัวเสีย  ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต  (คำ�พิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๐๐/๒๕๐๓) หรอื พนักงานท่ดี นิ ไมโ่ อนที่ดินตามค�ำ ส่งั นายอำ�เภอ โดยทจุ ริตและอาจเสีย หายแก่ผอู้ นื่ (ค�ำ พิพากษาศาลฎกี าที่ ๙๕๕/๒๕๑๒) หรอื นายตำ�รวจจับคนนำ�พลอยหนีภาษี ไมน่ �ำ ส่งดำ�เนนิ คดี เอาพลอยไวเ้ สยี เอง เป็นการปฏบิ ตั แิ ละละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่โดยทจุ รติ (คำ�พิพากษาศาลฎีกาท่ี ๑๖๗๗/๒๕๒๕) จากทก่ี ลา่ วมานน้ั   จะเหน็ วา่   การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี โดยทจุ รติ กบั การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยมชิ อบนน้ั มลี กั ษณะคลา้ ยคลงึ กนั   แตก่ ็ มสี าระส�ำ คญั บางประการท่มี คี วามแตกต่างกนั คือ การปฏบิ ัติหรอื ละเวน้ การปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ โดยมิชอบจะเป็นความผิดได้จะต้องเป็นการกระทำ�เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่ง บุคคลใด  หากการกระทำ�นั้นไม่เกิดความเสียหายแล้วย่อมจะไม่เป็นความผิด  (โดยมิชอบ) ตามมาตรา ๑๕๗ ในขณะทก่ี ารปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยทจุ รติ ไมต่ อ้ งค�ำ นงึ ถงึ ขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ การกระทำ�นน้ั มจี ดุ มงุ่ หมายทจ่ี ะใหผ้ อู้ น่ื เสยี หายหรอื ไม่  แมไ้ มเ่ กดิ ความเสยี หาย กย็ ังถือว่าเปน็ การกระทำ�ความผิดได้ (๕) ความผิดฐานเจ้าพนักงานกรมสรรพากรปฏิบัติหน้าท่ีหรือละเว้น การปฏบิ ตั ิหน้าที่โดยทุจริต ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๔ ได้บัญญัติถงึ การกระท�ำ ของ เจ้าพนักงานท่ีอาจถือได้ว่าเป็นการกระทำ�ความผิดเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐบาลที่อาจ เก่ียวกับเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากรโดยตรง  ที่เข้าข่ายเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยทจุ รติ ซึง่ บงั คบั ใชก้ ับการกระท�ำ ความผิดของกลุ่มอิทธิพลซง่ึ น�ำ ไปสู่การทจุ รติ ภาษมี ูลคา่ เพม่ิ และภาษีศุลกากรอย่างเปน็ ระบบ ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน๒ี้ ๕ ๒๕อรชา แกว้ เอ้ียน, “เจ้าพนักงานเรียกเก็บหรอื ละเวน้ ไม่เรียกเกบ็ ภาษีอากรโดยทุจรติ .” วารสาร สรรพากรสาสน์ ๖๒, ๑๑ (พฤศจิกายน ๒๕๕๘)“: ” ๗๗ – ๘๓.

“มาตรา  ๑๕๔  ผใู้ ดเปน็ เจา้ พนกั งาน  มหี นา้ ทห่ี รอื แสดงวา่ ตนมหี นา้ ท่ี เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร  ค่าธรรมเนียม  หรือเงินอื่นใด  โดยทุจริตเรียกเก็บหรือ ละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากร  ค่าธรรมเนียมหรือเงินน้ัน  หรือกระทำ�การหรือไม่กระทำ�การ อยา่ งใด เพ่ือใหผ้ ูม้ ีหนา้ ทเ่ี สยี ภาษีอากรหรอื ค่าธรรมเนียมนน้ั มติ อ้ งเสยี หรอื เสียน้อยไปกว่า ท่ีจะต้องเสยี ต้องระวางโทษจำ�คุกตง้ั แตห่ ้าปีถงึ ยีส่ บิ ปี หรอื จำ�คุกตลอดชีวิต และปรบั ตั้งแต่ หน่ึงแสนบาทถึงส่ีแสนบาท” จากบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว  จะเหน็ ไดว้ า่   เจา้ พนกั งานซง่ึ กระท�ำ ความผดิ ตามมาตรา ๑๕๔ มดี ว้ ยกนั ๒ ประเภท คอื (๑) เปน็ เจา้ พนกั งานซง่ึ มหี นา้ ทโ่ี ดยตรงในการเรยี กเกบ็ หรอื ตรวจสอบภาษ ี และ  (๒)  เปน็ เจา้ พนกั งานซง่ึ ไมม่ หี นา้ ทด่ี งั กลา่ วโดยตรง  แตแ่ สดงตนว่า มีหน้าท่ีก็ยอ่ มมคี วามผดิ ตามบทบญั ญตั ิน้ีด้วย๒๖ ในทางปฏบิ ตั เิ จา้ พนกั งานสว่ นใหญท่ ก่ี ระท�ำ ความผดิ ตามมาตราน ้ี คอื เจา้ พนักงานทม่ี ีหน้าที่ในการจดั เก็บภาษีอากร ได้แก่ เจ้าพนักงานท่มี ีหน้าท่ีจดั เก็บภาษีอากร ของกรมศลุ กากร กรมสรรพากร กรมสรรพสามติ และเจา้ พนกั งานองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทม่ี หี นา้ ทใ่ี นการจดั เกบ็ ภาษี  รวมทง้ั พนกั งานตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ทม่ี หี นา้ ทต่ี รวจสอบความถกู ตอ้ ง ของการจดั เกบ็ ภาษีอากรและคา่ ธรรมเนียมต่าง ๆ ด้วย เนื่องจากกฎหมายมีความประสงค์ จะควบคุมไปถึงผู้มหี นา้ ท่ตี รวจสอบด้วย จึงได้บญั ญัตโิ ทษไว้ ซึง่ แตเ่ ดมิ ถือวา่ ไม่ผิด ส�ำ หรบั หนา้ ทต่ี รวจสอบภาษอี ากรน้ี นา่ จะรวมถงึ เจา้ พนกั งานผพู้ จิ ารณาอทุ ธรณเ์ กย่ี วกบั ภาษอี ากรดว้ ย ซึ่งความผิดเกี่ยวกับผู้มีหน้าท่ีตรวจสอบน้ี  อาจเกิดขึ้นได้ก่อนท่ีจะมีการเก็บหรือละเว้น ไมเ่ ก็บภาษี อนั เปน็ หน้าท่ขี องผมู้ หี นา้ ทเ่ี รยี กเกบ็ ๒๗ ๓.๒ กฎหมายวา่ ดว้ ยภาษอี ากร กฎหมายภาษีอากรไมว่ ่าจะเป็นประมวลรัษฎากร พระราชบญั ญตั ิศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบญั ญตั สิ รรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือกฎหมายเกี่ยวกบั การจดั เกบ็ รายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็สามารถนำ�มาบังคับใช้กับการกระทำ�ความผิดของกลุ่ม อิทธพิ ลซ่ึงน�ำ ไปส่กู ารทจุ รติ ภาษีมูลค่าเพิม่ และภาษีศลุ กากรอย่างเปน็ ระบบ ซ่งึ ในการศึกษา น้ีได้นำ�เสนอเกี่ยวกับการกระทำ�ความผิดหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีศุลกากรดังกล่าว มาแล้วข้างต้น ๒๖ปญั ญา วรววิ ฒั น,์ กฎหมายอาญา ภาคความผดิ และลหโุ ทษ, มาตรา ๑๐๗ – ๓๙๘, หนา้ ๑๑๒. ๒๗รชฎ เจรญิ ฉำ�่ , กฎหมายอาญา (พิสดาร) ภาคความผิดเกย่ี วกับเจ้าพนักงาน, หนา้ ๔๓๕. 38

39 ในส่วนน้ีจะนำ�เสนอเฉพาะการทุจริตภาษีอากรหรือการหลีกเลี่ยงภาษีอากร (Tax Evasion) ตามท่ีประมวลรษั ฎากร และพระราชบัญญัตศิ ุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้บญั ญตั ิ เก่ยี วกบั การกระทำ�ความผดิ ที่เข้าลกั ษณะของการหลกี เล่ียงภาษี (Tax Evasion) การทุจริต และการฟอกเงนิ ดังนี้ (๑) ความผิดฐานหลีกเลยี่ งภาษตี ามประมวลรษั ฎากร ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น  ผู้ซ้ือจะนำ�ใบกำ�กับภาษีไปใช้ในการเครดิต ภาษี  หากมีการนำ�ใบกำ�กับภาษีปลอมไปขอคืนภาษีจากกรมสรรพากรโดยตรง  ก็จะทำ�ให้ ภาษีที่ต้องช�ำ ระมีจ�ำ นวนน้อยลง  ใบก�ำ กับภาษีจึงกลายเป็นหลักฐานส�ำ คัญและเป็นช่องทาง ให้ผู้ประกอบการท่ีมีเจตนาทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่มนำ�ใบกำ�กับภาษีซื้อปลอมมาเครดิตภาษีหรือ ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร  และเนื่องจากใบกำ�กับภาษีเป็นเอกสารที่แสดงถึง จำ�นวนภาษีท่ีชำ�ระกับราคาสินค้าหรือบริการที่ได้รับ  จึงเป็นช่องทางให้ผู้ทุจริตมีการจัดตั้ง สถานประกอบการอำ�พรางหรือสถานประกอบการที่ไม่ได้ประกอบการจริงขึ้นมาเพ่ือผลิต หรือออกใบก�ำ กับภาษีออกมาขายให้กับผู้ประกอบการรายอื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย  หรือ ที่เรยี กวา่ “ใบกำ�กับภาษีปลอม”๒๘ ซึ่งตามประมวลรัษฎากรนอกจากจะกำ�หนดความรับผิด ทางแพง่ ของบคุ คลไวใ้ นเร่ืองของการประเมินภาษี เบ้ียปรบั และเงินเพิ่มแลว้ ยงั ไดก้ �ำ หนด ความผิดทางอาญาของบุคคลไว้ด้วย  และปัจจุบันพบว่าการทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่มได้เกิดข้ึน อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง  สง่ ผลใหเ้ กดิ การรว่ั ไหลของภาษที ร่ี ฐั จะไดร้ บั   เพราะฐานของภาษลี ดลง  โดยพบวา่ การหลีกเล่ียงภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่มักจะเกิดจากผู้ประกอบการที่เป็นผู้ออกใบกำ�กับภาษี หรือผูป้ ระกอบการท่ีใช้ใบกำ�กบั ภาษี ๒๘ประมวลรัษฎากร ไดบ้ ัญญัติค�ำ วา่ ใบก�ำ กับภาษีปลอมไวใ้ นมาตรา ๘๙ (๗) และมาตรา ๙๐/๔(๗) คอื “มาตรา ๘๙ ใหผ้ ูม้ หี นา้ ทเ่ี สียภาษี หรือบคุ คลตามมาตรา ๘๖/๑๓ เสียเบยี้ ปรับในกรณแี ละ อัตราดังตอ่ ไปนี้ (๗) น�ำ ใบก�ำ กับภาษีปลอมไมว่ ่าทง้ั หมดหรอื บางสว่ นมาใชใ้ นการคำ�นวณภาษี ให้เสียเบยี้ ปรบั อกี สองเทา่ ของจำ�นวนภาษีตามใบกำ�กับภาษีนัน้ ในกรณีใบกำ�กับภาษีท่ีผู้ได้รับประโยชน์ไม่สามารถนำ�พิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ออกใบกำ�กับ ภาษี ใหถ้ อื ว่าเปน็ ใบกำ�กบั ภาษีปลอม”. “มาตรา ๙๐/๔ บุคคลดังตอ่ ไปนฝี้ า่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏิบัติตามบทบญั ญตั ิท่รี ะบไุ วต้ อ้ งระวางโทษจำ� คุกตง้ั แตส่ ามเดอื นถึงเจด็ ปี และปรับตัง้ แต่สองพนั บาทถึงสองแสนบาท (๗) ผปู้ ระกอบการโดยเจตนาน�ำ ใบก�ำ กบั ภาษปี ลอม หรอื ใบก�ำ กับภาษที ่อี อกโดยไม่ชอบดว้ ย กฎหมายไปใช้ในการเครดิต”.

การหลีกเลย่ี งภาษมี ีหลายลกั ษณะวธิ กี าร การหลีกเล่ียงภาษีมีหลายลักษณะวิธีการ  กล่าวคือ  อาจเป็นการ แสดงเจตนาแจ้งข้อความเท็จ (ย่นื แบบแสดงรายการเท็จ) หรือให้ถอ้ ยคำ� หรอื ตอบคำ�ถาม ด้วยถ้อยค�ำ อนั เปน็ เทจ็ หรือน�ำ พยานหลกั ฐานเทจ็ ไปแสดงตอ่ เจา้ พนกั งาน เพ่อื หลีกเลีย่ งการ เสยี ภาษอี ากร หรอื โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรอื อบุ ายหรือโดยวธิ อี ืน่ ใดท�ำ นองเดยี วกนั เพื่อ หลกี เล่ยี งหรอื พยายามหลกี เลย่ี งภาษีอากร เช่น การจดั ท�ำ บัญชี ๒ ชุด การแสดงรายไดห้ รือ รายรับในแบบแสดงรายการเป็นเท็จหรือต�่ำ กว่าที่เป็นจริง  หรือแสดงรายจ่ายเป็นเท็จสูงกว่า ทเี่ ป็นจริง อนั เป็นความผิดตามมาตรา ๓๗ แห่งประมวลรัษฎากร ในระบบภาษีมลู คา่ เพมิ่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือบคุ คลอ่นื ใด โดย เจตนาหลกี เลี่ยงหรือพยายามหลกี เลยี่ งภาษมี ลู ค่าเพิม่ เช่น ๑. ออกใบกำ�กบั ภาษี ใบเพมิ่ หนห้ี รอื ใบลดหนี้โดยไมม่ สี ิทธอิ อก ๒. ไมอ่ อกใบก�ำ กบั ภาษี ใบเพม่ิ หนห้ี รอื ใบลดหนห้ี รอื ใบแทนเอกสารดงั กลา่ ว ๓. ไมล่ งรายการหรอื ลงรายการเปน็ เท็จ ในรายงานภาษีขาย รายงาน ภาษซี อื้ รายงานสนิ คา้ และวตั ถุดิบ หรอื รายงานมลู คา่ ของฐานภาษี ๔. โดยความเทจ็ โดยฉ้อโกงหรืออบุ ายหรอื โดยวธิ ีอน่ื ใดทำ�นองเดยี วกัน เพือ่ หลีกเลย่ี งหรอื พยายามหลีกเล่ยี งภาษอี ากร ๕. นำ�ใบกำ�กับภาษีปลอมหรือใบกำ�กับภาษีท่ีออกโดยไม่ชอบด้วย กฎหมายไปใช้ในการเครดติ ภาษี ๖. ปลอมหลกั ฐานใบขนสินคา้ ขาออกเพือ่ ขอคืนภาษีมูลค่าเพิม่ โดยเจตนาทุจริตมีแสตมป์ปลอม  หรือค้าแสตมป์ใช้แล้วหรือเลิกใช้แล้ว เป็นต้น  ผู้กระทำ�ความผิดเกี่ยวกับการหลีกเล่ียงภาษีอากรต้องรับผิดเสียภาษีอากรตาม จำ�นวนเงินที่หลีกเลี่ยงพร้อมท้ังเบ้ียปรับ  และเงินเพิ่ม  ซึ่งเป็นบทลงโทษทางแพ่งและยังมี ความรบั ผดิ ตามบทก�ำ หนดโทษทางอาญา ได้แก่ โทษจ�ำ คกุ และค่าปรับอกี ด้วย ดังนน้ั การทุจรติ ภาษีมูลค่าเพมิ่ โดยการปลอมใบก�ำ กบั ภาษี หรือการออก ใบกำ�กับภาษีโดยไม่มีการซ้ือขายสินค้าจริงเพ่ือนำ�ไปขอคืนภาษี  โดยนำ�ชื่อบริษัทห้างร้าน ต่าง ๆ มาใช้ออกใบกำ�กับภาษปี ลอม ขายให้กับห้างร้าน บรษิ ัท และผทู้ ตี่ อ้ งการใชใ้ บกำ�กบั ภาษี ถือเปน็ การกระท�ำ ผดิ ฐานออกใบกำ�กบั ภาษโี ดยไมม่ ชิ อบ ถอื เป็นการกระทำ�ผดิ ทั้งทาง แพง่ และอาญา ตามประมวลรัษฎากร ส่วนผซู้ ื้อใบก�ำ กับภาษปี ลอมก็จะนำ�ไปใช้ในการเครดิต ภาษเี พ่อื ขอคนื ภาษมี ลู ค่าเพม่ิ หรือเสียภาษีมูลคา่ เพิม่ ใหน้ อ้ ยลง หรอื น�ำ ไปใช้เปน็ รายจ่ายเทจ็ ในการคำ�นวณภาษถี ือเป็นการกระทำ�ผิดท้งั ทางแพ่งและอาญาเชน่ กัน 40

41 นอกจากนี้  การหลีกเล่ียงภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร  มาตรา ๙๐/๔ มรี ะวางโทษจ�ำ คกุ ตง้ั แตส่ ามเดอื นถงึ เจด็ ปี และปรบั ตง้ั แตส่ องพนั บาทถงึ สองแสนบาท ซงึ่ วางหลักเกณฑข์ องการหลีกเลีย่ งภาษมี ูลค่าเพมิ่ ไว้ ดังน้ี ๑. ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นโดยเจตนาหลกี เลย่ี ง  หรอื พยายามหลกี เลย่ี ง ภาษีมลู คา่ เพิ่ม ออกใบก�ำ กบั ภาษี ใบเพมิ่ หน้หี รอื ใบลดหน้ีโดยไม่มสี ิทธิออกเอกสารดังกลา่ ว ตามมาตรา ๘๖ วรรคสอง หรอื มาตรา ๘๖/๑ ๒. ตัวแทนผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักร  โดย เจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพ่ิม  ออกใบกำ�กับภาษีโดยไม่มีสิทธิตาม มาตรา ๘๖/๒ วรรค ๑ ๓. ผู้ออกใบกำ�กับภาษี  ใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนีโดยไม่มีสิทธิจะออก เอกสารดงั กล่าวตามมาตรา ๘๖/๑๓ ๔. ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นโดยเจตนาหลกี เลย่ี ง  หรอื พยายามหลกี เลย่ี ง ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ ไม่ลงรายการ หรือลงรายการเป็นเท็จในรายงานตามมาตรา ๘๗ หรือตามที่ อธิบดีกำ�หนดตามมาตรา ๘๗/๑ ๕. ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นโดยเจตนาหลกี เลย่ี ง  หรอื พยายามหลกี เลย่ี ง ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ ไมอ่ อกใบก�ำ กบั ภาษ ี ใบเพม่ิ หนห้ี รอื ใบลดหนห้ี รอื ใบแทนเอกสารดงั กลา่ ว ๖. ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นโดยเจตนาหลกี เลย่ี ง  หรอื พยายามหลกี เลย่ี ง ภาษีมูลคา่ เพม่ิ กระทำ�การใด ๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรอื อบุ าย หรือวธิ กี ารอน่ื ใดท�ำ นอง เดยี วกัน ๗. ผู้ประกอบการโดยเจตนานำ�ใบกำ�กับภาษีปลอม  หรือใบกำ�กับภาษี ทีอ่ อกโดยไมช่ อบด้วยกฎหมายไปใชใ้ นการเครดิตภาษี หรอื ขอคืนภาษีเปน็ เงนิ สด นอกจากน้ี ยงั มบี างกรณซี ง่ึ ไมใ่ ชก่ ารหลกี เลย่ี งภาษมี ลู คา่ เพม่ิ อนั เปน็ ความผดิ ตามประมวลรษั ฎากร มาตรา ๙๐/๔ แต่เป็นการฉ้อโกงภาษี คอื   การปลอมเอกสาร การส่งออกสินค้าแล้วย่ืนแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพ่ิมเพ่ือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยอาศัยกลไกของระบบเครดิตภาษีมูลค่าเพ่ิม  ซ่ึงบทบัญญัติในเรื่องการฉ้อโกงภาษี โดยเฉพาะ  ไม่ได้บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร  ดังนั้น  หากมีการฉ้อโกงภาษีจึงต้องใช้ บทบญั ญตั แิ หง่ ประมวลกฎหมายอาญาในเรื่องฉอ้ โกงตามมาตรา ๓๔๑ มาปรับใชบ้ งั คับ

ปจั จบุ นั การทจุ รติ ภาษมี ลู คา่ เพม่ิ เกดิ ขน้ึ อยา่ งแพรห่ ลายไปยงั ผปู้ ระกอบการ ทุกระดับ  รวมถึงบุคคลซ่ึงมิได้เป็นผู้ประกอบการในระบบภาษีมูลค่าเพ่ิมด้วย  โดยเฉพาะ ในกลุ่มผู้ประกอบการและ/หรือกลุ่มนิติบุคคลท่ีร่วมกันกระทำ�การทุจริตภาษีมูลค่าเพ่ิม ทำ�ให้รัฐสูญเสียรายได้จำ�นวนหลายพันล้านบาท  ท้ังน้ี  การทุจริตภาษีมูลค่าเพ่ิมน้ันจะมีวิธี การและพฤติการณ์ทุจรติ ใหม่ ๆ หลายวธิ ี โดยสามารถแยกวธิ ีการหลกี เล่ยี งภาษมี ูลค่าเพมิ่ ได้ ดงั น๒ี้ ๙ ๑. ผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการและมีการประกอบธุรกิจจริง โดยมีการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพ่ิมจากกรมสรรพากร  มีรายรับจาก สินค้าที่ซ้ือขายจริงแต่ได้นำ�ใบกำ�กับภาษีท่ีผู้ซื้อสินค้าไม่ต้องการไปขายให้กับผู้ประกอบการ ท่ีต้องการใบกำ�กับภาษีเพื่อขอคืนภาษีจากรัฐหรือทำ�ให้เสียภาษีน้อยลง  กรณีที่พบได้ง่าย คือ สถานบี รกิ ารนำ้�มัน หรอื ผปู้ ระกอบการท่ีขายสนิ ค้าหรอื บรกิ ารให้กบั ผบู้ ริโภคขั้นสดุ ท้าย ซึง่ สว่ นใหญแ่ ลว้ ผู้บริโภคเหลา่ น้ีไมป่ ระสงคจ์ ะไดใ้ บกำ�กับภาษี ๒. ผปู้ ระกอบการใช้เอกสารปลอมจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพม่ิ หรอื ไม่ได้ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม  แต่ปลอมแปลงว่าเป็นผู้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  เพ่ือออกใบ กำ�กบั ภาษีปลอมและมกี ารขายใหก้ ับผ้ตู ้องการซือ้ ใบก�ำ กับภาษี ๓. ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  แต่มิได้มีการประกอบ การกันจริง กลา่ วคอื บริษทั มไิ ดม้ ีการประกอบการจรงิ แต่ไดจ้ ดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพอื่ ประโยชน์ในการขอคนื ภาษี ซ่งึ บางรายแจง้ ว่าเป็นผู้ส่งออกแต่มิไดม้ ีการสง่ ออกกนั จริง และ บางรายกม็ ิไดท้ ำ�กิจกรรมใด ๆ แตไ่ ด้มีการขอคนื ภาษีโดยใชใ้ บก�ำ กับภาษีปลอม และเมอ่ื ได้ มีการขอคืนภาษีไปแล้วระยะหนึ่งก็จะปิดกิจการไปเพ่ือที่จะไปเปิดบริษัทใหม่และด�ำ เนินการ จดทะเบยี นภาษีมลู ค่าเพ่มิ และจะมีการด�ำ เนินการขอคืนภาษีเวยี นเชน่ น้ีไปเรอ่ื ย ๆ ๔. การปลอมใบก�ำ กับภาษขี องบริษัททม่ี ีช่อื เสยี ง กลา่ วคอื มีการพิมพ์ ปลอมใบกำ�กับภาษีขึ้นมาเพ่ือนำ�ไปใช้ในการทุจริต  ซึ่งในการตรวจสอบท่ีผ่านมาพบมากใน ธุรกิจก่อสร้าง  ซ่ึงได้มีการปลอมใบกำ�กับภาษีของบริษัทผู้ขายส่งรายใหญ่ที่มีเครือข่ายการ ขายท่ัวประเทศ ทำ�ให้ยากแก่การตรวจสอบวา่ เปน็ ของจรงิ หรือของปลอม ซ่งึ ในบางครัง้ ผซู้ ้ือ ใบก�ำ กบั ภาษกี ็ทราบว่าเปน็ ของปลอม แต่บางครง้ั กไ็ มท่ ราบว่าเปน็ ของปลอม ๒๙กิตติวัชร์ ภมู ิธเนศ, อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ปญั หาการหลีกเลีย่ งภาษีมลู ค่าเพม่ิ กรณี การใช้ใบกำ�กับภาษีปลอม:  ศึกษาเฉพาะเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรในเขตกรุงเทพมหานคร,  สารนิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต  (การบริหารงานยุติธรรม)  คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๕, หนา้ ๔๓ – ๔๔. 42

43 ๕. การตั้งบรษิ ัทเปน็ ทอด ๆ ออกใบกำ�กับภาษีใหก้ ัน โดยไม่ไดม้ กี าร ประกอบการจรงิ ซึง่ จะมีลกั ษณะคลา้ ยกับลักษณะท่ี ๑ และ ๒ ข้างต้น แต่กรณนี ้ีจะมีลักษณะ ที่ทำ�เป็นขบวนการเพ่ือให้ยากแก่การตรวจสอบ  กล่าวคือ  มีการจัดต้ังบริษัทขึ้นมาหลาย บริษัทและออกใบกำ�กับภาษีซ้ือขายให้แก่กันเป็นทอด  ๆ  และทอดสุดท้ายอาจจะแสดงตน เป็นผู้สง่ ออกท้งั ๆ ท่ีไมม่ ีการสง่ ออกกนั จรงิ อีกทงั้ จะมกี ารปลอมใบขนส่งสนิ คา้ ใบส่ังซื้อ สินค้าจากต่างประเทศเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพ่ิมซ่ึงการกระทำ�ในลักษณะเช่นน้ียากแก่การ ตรวจสอบ ๖. การพิมพใ์ บก�ำ กบั ภาษใี ชเ้ อง แต่ไม่มกี ารซ้ือขายกันจรงิ ทง้ั นี้ก็เพอื่ ต้องการใหม้ ีการจา่ ยภาษมี ลู คา่ เพ่มิ จำ�นวนนอ้ ย ๗. การปลอมใบขนส่งสินค้าและใบกำ�กับภาษี  เพื่อขอคืนภาษีซ้ือ โดยจะอา้ งวา่ เปน็ การสง่ ออกแตม่ ไิ ดม้ กี ารสง่ ออกกนั จรงิ ซง่ึ การทจุ รติ ในลกั ษณะนม้ี กั จะเปน็ การ ทุจริตท่ที �ำ รว่ มกบั การทุจรติ ในกรณอี ่นื ๆ เน่ืองจากจุดสง่ ออกมักจะเป็นจุดสดุ ทา้ ยของการ โกงภาษีเพราะเป็นจุดท่ีสามารถขอคืนภาษีซื้อท้ังหมดโดยที่ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สงสัย เน่อื งจากภาษีขายของการส่งออกมีอัตราศนู ย์ ๘. การปลอมใบกำ�กับภาษี โดยมีการพิมพแ์ บบฟอรม์ ใบก�ำ กบั ภาษเี ป็น ๒ ชดุ โดยมเี ลม่ ที่ เลขที่เดยี วกนั แลว้ ผูป้ ระกอบการนนั้ ก็ได้มกี ารยกเลิกใบกำ�กับภาษขี าย บางฉบบั ทต่ี อ้ งการไป ซง่ึ ความจรงิ แลว้ ไดม้ กี ารขายสนิ คา้ ออกไป ๒ ครง้ั โดยใชใ้ บก�ำ กบั เลม่ ท่ี และเลขเดียวกันและไม่ได้มีการยกเลิกแต่อย่างใด  ซึ่งทำ�ให้ผู้ขายสามารถหลบยอดภาษีขาย ท�ำ ใหเ้ สียภาษีนอ้ ยลง ๙. สำ�นักงานบัญชีปลอมเอกสาร  หรือสับเปล่ียนใบกำ�กับภาษีของ ลูกค้าแต่ละรายเน่ืองจากสำ�นักงานบัญชีมักจะรับทำ�บัญชีให้กับลูกค้าหลายรายด้วยกัน  จึงมักพบบ่อยว่ามีการสับเปลี่ยนใบกำ�กับภาษีของลูกค้าแต่ละราย  ทั้งน้ีโดยเจตนาและไม่ เจตนา ในกรณที ไ่ี ด้มกี ารกระทำ� โดยเจตนานน้ั เนอ่ื งจากส�ำ นกั บัญชีตรวจสอบรายการบัญชี ภาษีซื้อและพบว่าผู้ประกอบการหน่ึงสามารถใช้ได้  ก็อาจสับเปล่ียนได้โดยมีท้ังกรณีท่ีลูกค้า ทราบเรอ่ื งมีการซื้อขายกนั หรอื ลกู คา้ อาจไม่ทราบเร่อื งเลยก็ได้ ๑๐. การหักภาษีซ้ือโดยหลบภาษีขาย  กรณีที่ตรวจพบนั้นเกิดข้ึนกับ กจิ การซอ้ื ขายหรือเชา่ ซ้ือ รถ ขอคืนภาษีเมอ่ื ซอื้ ไปแล้วแต่ไมไ่ ดน้ �ำ ส่งภาษีตามก�ำ หนดเวลา ทง้ั ๆ ทข่ี ายไปแลว้ โดยอา้ งวา่ รถทข่ี ายฝากไวท้ ผ่ี ขู้ ายอยสู่ าขาอน่ื   ซง่ึ มผี ลท�ำ ใหผ้ ปู้ ระกอบการ สามารถยืดระยะเวลาการส่งภาษีขายให้รัฐ  หรือในบางกรณีของการเช่าซ้ือ  ก็อาจจะมีการ แสดงดอกเบย้ี ในอตั ราที่ต�ำ่ กวา่ ทีเ่ ปน็ จริง เพ่ือน�ำ ส่งภาษนี ้อยกวา่ ทเี่ ปน็ จริง

๑๑. ผู้ประกอบการหลบท้ังภาษีซ้ือและภาษีขาย  เน่ืองจากซ้ือสินค้า นอกระบบกรณที เ่ี กดิ ขน้ึ และตรวจสอบยาก คอื กรณสี นิ คา้ บางชนดิ เชน่ ทอง เนอ่ื งจากการซอ้ื ขายและซื้อคืนตลอดเวลา  จึงยากแก่การตรวจสอบ  ในกรณีเช่นน้ีพบว่าผู้ขายทองอาจ หลกี เลย่ี งทง้ั การแสดงยอดภาษซี อ้ื และภาษขี ายได ้ อกี ทง้ั มกี ารพบวา่ มกี ารลกั ลอบน�ำ เขา้ ทองค�ำ อย่างผิดกฎหมายเพื่อหลบภาษีซ้ือที่จะต้องถูกเก็บเพ่ือนำ�เข้า  และเม่ือนำ�มาทำ�เป็นทองรูป พรรณขายให้กับลูกค้าไปก็จะไม่มีการออกใบกำ�กับภาษีให้กับลูกค้า  และถ้าลูกค้าต้องการ ใบกำ�กับภาษีจะต้องจ่ายภาษีสูงขึ้นอีกร้อยละ  ๗  ซึ่งมีผลทำ�ให้ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ต้องการ ใบกำ�กับภาษี  และโดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้วผู้ขายทองจะทำ�สัญลักษณ์ไว้ที่ทองรูปพรรณ เพอ่ื แสดงว่าเป็นทองที่มาจากร้านไหน ๑๒. ผ้ปู ระกอบการมกี ารออกใบกำ�กับภาษขี ายต�ำ่ กว่าทเี่ ปน็ จริง ในกรณี ท่ีเกิดขึ้นและเป็นปัญหาก็ในกรณีของธุรกิจท่ีขายสินค้าท่ียากจะตรวจสอบในเรื่องราคา  เช่น กรณีอัญมณีซ่ึงเป็นการยากท่ีจะตรวจสอบราคาขายเพราะส่วนใหญ่แล้วลูกค้าก็ไม่ต้องการ ใบก�ำ กบั ภาษี ท�ำ ใหผ้ ูข้ ายออกใบกำ�กับภาษขี ายในราคาทตี่ ำ�่ กวา่ ความเปน็ จริงได้ การหลีกเล่ียงภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่มักจะเกิดจากผู้ประกอบการท่ีออก ใบกำ�กับภาษีหรือผู้ที่นำ�ใบกำ�กับภาษีไปใช้  ซ่ึงตามประมวลรัษฎากรได้กำ�หนดความรับผิด ทางแพ่งของบุคคลไว้ในเร่ืองของการประเมินภาษี  เบี้ยปรับ  และเงินเพิ่ม  และได้กำ�หนด ความผิดทางอาญาของบคุ คลไว้ดว้ ย ประกอบดว้ ย๓๐ โทษทางอาญาของผู้ออกและผูใ้ ชใ้ บกำ�กบั ภาษี - ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายาม หลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มออกใบกำ�กับภาษี  ใบเพิ่มหน้ี  หรือใบลดหนี้โดยไม่มีสิทธิท่ีจะ ออกเอกสารดังกลา่ ว หรือไมล่ งรายการหรือลงรายการเปน็ เท็จในรายงานภาษขี าย รายงาน ภาษีซ้ือหรือรายงานสินค้าและวัตถุดิบโดยเฉพาะในกรณีท่ีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ท่ีประกอบการขายสินค้า  หรือเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหรือ พยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่ออกใบกำ�กับภาษี  ใบเพ่ิมหนี้หรือใบลดหน้ีหรือใบ ๓๐สถาบันอบรม  วิจัย  และพัฒนากฎหมายภาษีอากร,  รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์  เรื่อง การพจิ ารณาคดอี าญาในศาลภาษอี ากร, ศาลภาษอี ากรกลาง สถาบนั อบรม วจิ ยั และพฒั นากฎหมายภาษอี ากร, ๒๕๕๓, หน้า ๗ - ๑๗. 44

45 แทนเอกสารดงั กลา่ ว หรอื ได้กระท�ำ การใด ๆ โดยความเทจ็ โดยฉอ้ โกงหรืออบุ าย หรือโดย วิธีการอ่นื ใดท�ำ นองเดยี วกนั รวมถึงบุคคลอน่ื ซงึ่ มิใชผ่ ปู้ ระกอบการจดทะเบยี นออกใบกำ�กบั ภาษี  ใบเพ่ิมหนี้หรือใบลดหนี้โดยไม่มีสิทธิท่ีจะออกต้องระวางโทษจำ�คุกต้ังแต่สามเดือนถึง เจ็ดปี และปรบั ตัง้ แต่สองพนั บาทถึงสองแสนบาท๓๑ - โทษทางอาญาสำ�หรับผู้ใช้ใบกำ�กับภาษีผู้ประกอบการโดย เจตนานำ�ใบกำ�กับภาษีปลอมหรือใบกำ�กับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการ เครดิตภาษีต้องระวางโทษจำ�คุกต้งั แต่สามเดือนถึงเจ็ดปี  และปรับต้งั แต่สองพันบาทถึงสอง แสนบาท๓๒ โทษทางแพ่งของผู้ออกและผใู้ ช้ใบก�ำ กับภาษี - โทษทางแพง่ ของผอู้ อกใบก�ำ กบั ภาษบี คุ คลใดซง่ึ มใิ ชผ่ ปู้ ระกอบการ จดทะเบียนออกใบกำ�กับภาษี  ใบเพิ่มหน้ีหรือใบลดหน้ีโดยไม่มีสิทธิท่ีจะออกตามกฎหมาย ให้เสยี เบีย้ ปรับอีกสองเทา่ ของจำ�นวนภาษีตามใบก�ำ กับภาษี ใบเพิ่มหนห้ี รอื ใบลดหนีน้ ั้น๓๓ - โทษทางแพ่งของผู้ใช้ใบกำ�กับภาษีบุคคลใดนำ�ใบกำ�กับภาษี ปลอม  ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนมาใช้ในการคำ�นวณภาษี  ต้องระวางโทษจำ�คุกตั้งแต่สาม เดือนถงึ เจ็ดปี และปรับตั้งแตส่ องพนั บาทถงึ สองแสนบาท๓๔ (๒) ความผดิ ทางอาญาตามพระราชบญั ญตั ศิ ลุ กากร พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติศุลกากร  พ.ศ.  ๒๕๖๐  ได้กำ�หนดโทษทางอาญาแก่ผู้ที่ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพิธีการทางศุลกากร  โดยสามารถแยกเป็นฐานความผิดที่สำ�คัญได้ ดงั น้ี ความผิดฐานลกั ลอบหนีศลุ กากร ความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากร  เป็นความผิดตามมาตรา  ๒๔๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ศิ ลุ กากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ซง่ึ เดมิ ความผดิ ฐานลกั ลอบหนศี ลุ กากรเปน็ ความผดิ ฐานหนง่ึ ในมาตรา ๒๗ แหง่ พระราชบญั ญตั ศิ ลุ กากร พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๙ โดยความผดิ ฐาน ลกั ลอบหนีศลุ กากร คอื ความผิดทีเ่ กิดจากการน�ำ ของเขา้ มาในราชอาณาจักร หรือสง่ ออก ไปนอกราชอาณาจักร  โดยไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร  หรือมีการเคล่ือนย้ายของออกไปจาก ๓๑ประมวลรัษฎากร มาตรา ๙๐/๔ (๑), (๓), (๔), (๕) และ (๖) (พระราชบัญญัตแิ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบับท่ี ๔๑) พ.ศ. ๒๕๕๙ ใชบ้ ังคับ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เปน็ ต้นไป) ๓๒ประมวลรัษฎากร มาตรา ๙๐/๔ (๗) ๓๓ประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๙ (๖) ๓๔ประมวลรัษฎากร มาตรา ๘๙ (๗)

ยานพาหนะ คลงั สนิ คา้ ทณั ฑบ์ น โรงพกั สนิ คา้ ทม่ี น่ั คง ทา่ เรอื ทไ่ี ดร้ บั อนญุ าต หรอื เขตปลอด อากร โดยไมไ่ ด้รบั อนุญาตจากพนกั งานศลุ กากร หรอื กล่าวอกี นยั หนง่ึ ก็คือ เปน็ การนำ�ของ เขา้ มาในหรอื ส่งออกไปนอกราชอาณาจกั รโดยไมผ่ า่ นทางท่า หรือที่ หรือสนามบินศลุ กากร ที่กำ�หนดไว้ในกฎกระทรวง  หรือมีการนำ�ของเข้ามาตามช่องทางท่ีกำ�หนด  แต่ผู้นำ�เข้าได้ นำ�ของออกจากอารักขาของศุลกากรโดยไม่ได้ยื่นใบขนสินค้า  ไม่ชำ�ระค่าภาษีอากร  และ ผ่านการตรวจสอบจากเจา้ หน้าทีศ่ ุลกากรใหถ้ ูกตอ้ ง ทั้งนม้ี าตรา ๒๔๕ แห่งพระราชบัญญตั ิ ศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ยงั บญั ญตั ิให้หมายความรวมถงึ ผูใ้ ช้ หรอื ผสู้ นบั สนุน หรอื ผสู้ มคบกัน ในการกระท�ำ ความผดิ ด้วย และใหร้ ะวางโทษเชน่ เดยี วกบั ตัวการในการกระท�ำ ความผดิ โดย มาตรา ๒๔๒ ไดก้ �ำ หนดบทลงโทษสำ�หรับผ้กู ระทำ�หรอื ผู้ทีพ่ ยายามกระทำ�ความผิดฐานนี้ โดยต้องระวางโทษจำ�คุกไม่เกินสามปี  หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซ่ึงได้รวมอากร ขาเข้าด้วยแล้ว  หรือท้ังจำ�ทั้งปรับ  และให้ริบของนั้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามค�ำ พิพากษา หรือไม่ อีกทั้งมาตรา ๒๕๒ บัญญัติไวว้ า่ การกระทำ�ความผิดตามมาตรา ๒๔๒ ผู้กระท�ำ ต้อง รบั ผิดแมไ้ ด้กระทำ�โดยไม่มเี จตนาอีกด้วย ความผดิ ฐานหลีกเลย่ี งอากร ความผิดฐานหลีกเล่ียงอากร  เป็นความผิดตามมาตรา  ๒๔๓ แหง่ พระราชบญั ญตั ศิ ลุ กากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ซง่ึ เดมิ ความผดิ ฐานหลกี เลย่ี งอากร เปน็ ความผดิ ฐานหนึ่งในมาตรา ๒๗ แหง่ พระราชบัญญตั ิศลุ กากร พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๙ โดยความผิดฐาน หลีกเล่ียงอากร  คือ  ความผิดเกี่ยวกับการนำ�ของท่ีผ่านหรือกำ�ลังผ่านพิธีการศุลกากร เข้ามาในราชอาณาจักร  หรือส่งของดังกล่าวออกไปนอกราชอาณาจักร  โดยการหลีกเล่ียง หรือพยายามหลีกเล่ียงการเสียอากรโดยมีเจตนาพิเศษ  คือ  เพื่อจะฉ้อค่าอากรท่ีต้องเสีย ส�ำ หรบั ของนน้ั ๆ ซง่ึ การหลกี เลย่ี งอาจกระท�ำ ไดห้ ลายวธิ ี เชน่ การใชก้ ลอบุ าย การอ�ำ พราง การปกปิด ซอ่ นเร้น หรือการกระท�ำ อย่างหน่ึงอยา่ งใดกับเอกสารการน�ำ เข้าหรือส่งออก หรือ อาจจะเป็นการส�ำ แดงรายการของสินค้าทน่ี �ำ เข้า หรอื ส่งออกเป็นเท็จ หรอื ไม่ตรงกบั ของหรอื เอกสารการน�ำ เขา้ หรือกระทำ�การใด ๆ กต็ ามเพ่อื ไม่ตอ้ งเสยี ภาษอี ากร หรอื เสียภาษอี ากร น้อยกวา่ ท่กี ฎหมายกำ�หนดไว้ ทง้ั นม้ี าตรา ๒๔๕ แหง่ พระราชบญั ญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ยงั บญั ญตั ิใหห้ มายความรวมถึงผ้ใู ช้ หรอื ผสู้ นับสนนุ หรอื ผ้สู มคบกันในการกระทำ�ความผดิ ดว้ ย และให้ระวางโทษเช่นเดยี วกบั ตวั การในการกระท�ำ ความผิด โดยมาตรา ๒๔๓ ไดก้ ำ�หนด บทลงโทษสำ�หรับผู้กระทำ�หรือผู้ที่พยายามกระทำ�ความผิดฐานน้ี  โดยต้องระวางโทษจำ�คุก ไม่เกินสิบปี  หรือปรับเป็นเงินตั้งแต่คร่ึงเท่าแต่ไม่เกินสี่เท่าของค่าอากรท่ีต้องเสียเพิ่ม  หรือ ท้งั จำ�ทงั้ ปรับ และศาลอาจส่งั รบิ ของนน้ั ก็ได้ ไม่ว่าจะมีผ้ถู กู ลงโทษตามคำ�พิพากษาหรอื ไม่ 46

47 ความผิดฐานหลกี เล่ยี งขอ้ จ�ำ กัด หรอื ขอ้ ห้าม ความผิดฐานหลีกเล่ียงข้อจำ�กัดหรือข้อห้าม  เป็นความผิดตาม มาตรา ๒๔๔ แหง่ พระราชบัญญตั ิศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ซงึ่ เดิมความผิดฐานหลีกเล่ยี งขอ้ จำ�กัดหรือข้อห้าม  เป็นความผิดฐานหนึ่งในมาตรา  ๒๗  แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ โดยความผิดฐานหลีกเล่ียงข้อจ�ำ กดั หรือขอ้ หา้ ม คือ ความผิดเกยี่ วกับ การนำ�ของที่ผ่านหรือกำ�ลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร  หรือส่งของดังกล่าว ออกไปนอกราชอาณาจกั ร หรอื เป็นการนำ�ของเข้าเพื่อการผ่านแดน หรือเป็นการถา่ ยลำ� โดย มกี ารหลกี เลย่ี งขอ้ จ�ำ กดั หรือข้อหา้ มอนั เกยี่ วกับของนน้ั ซ่ึงของดงั กล่าวเปน็ ของท่ีมีกฎหมาย กำ�หนดใหต้ ้องขออนญุ าต หรอื ตอ้ งปฏบิ ัตติ ามเงื่อนไขทก่ี �ำ หนดไวใ้ นกฎหมาย โดยมีการนำ� เขา้ มาในหรือสง่ ออกไปนอกราชอาณาจักร โดยผู้นำ�เข้า หรือผ้สู ่งออก ไม่ไดข้ ออนุญาต หรอื ไม่ได้ปฏิบัติตามเงอ่ื นไขของกฎหมายให้ครบถว้ นเสียก่อน เป็นต้น ทั้งน้ี  มาตรา  ๒๔๕  แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร  พ.ศ.  ๒๕๖๐  ยงั บญั ญตั ใิ หห้ มายความรวมถงึ ผใู้ ช้ หรอื ผสู้ นบั สนนุ หรอื ผสู้ มคบกนั ในการกระท�ำ ความผดิ ดว้ ย และให้ระวางโทษเชน่ เดียวกับตวั การในการกระทำ�ความผิด โดยมาตรา ๒๔๔ ไดก้ �ำ หนดบท ลงโทษส�ำ หรบั ผกู้ ระท�ำ หรอื ผทู้ พ่ี ยายามกระท�ำ ความผดิ ฐานน ้ี โดยตอ้ งระวางโทษจ�ำ คกุ ไมเ่ กนิ สบิ ปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท  หรือท้ังจำ�ทั้งปรับ  และศาลอาจสั่งริบของน้ันก็ได้  ไม่ว่าจะมี ผถู้ กู ลงโทษตามคำ�พิพากษาหรอื ไม่ อีกทั้งมาตรา ๒๕๒ บัญญตั ิไวว้ ่าการกระท�ำ ความผิดตาม มาตรา ๒๔๔ ผกู้ ระท�ำ ต้องรับผดิ แมไ้ ด้กระท�ำ โดยไมม่ เี จตนาอกี ดว้ ย ของตอ้ งหา้ ม หมายความวา่ ของใด ๆ ทก่ี ฎหมายก�ำ หนดหา้ มมใิ หน้ �ำ เขา้ มาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรหรือนำ�ผ่านราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด  ผู้ใดนำ�เข้า หรือส่งออกเปน็ ความผิดต้องรับโทษตามกฎหมายท่หี า้ มน้นั ๆ และยังเปน็ ความผดิ ฐานหลีก เลยี่ งขอ้ ห้ามตามมาตรา ๒๔๔ แห่งพระราชบัญญัติศลุ กากร พ.ศ. ๒๕๖๐ อกี บทหน่งึ ดว้ ย ซึง่ ของต้องห้ามในการนำ�เขา้ หรอื สง่ ออก ยกตัวอย่างเชน่ ๑.  วตั ถลุ ามก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๗ ๒.  สินค้ามีตรา  หรือลวดลายเป็นธงชาติ  ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ. ๒๕๒๒ ๓.  ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ๔.  เงนิ ตรา  พนั ธบตั ร  เหรยี ญกษาปณ ์ ใบส�ำ คญั รบั ดอกเบย้ี พนั ธบตั ร อนั เป็นของปลอมหรือแปลง ตามประมวลกฎหมายอาญา ๕.  สนิ คา้ ทล่ี ะเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ ตามประกาศกระทรวงพาณชิ ย์ (ฉบบั ท่ี ๙๔) พ.ศ. ๒๕๓๖ ลงวนั ท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๓๖

๖.  สนิ คา้ ปลอมหรอื เลยี นแบบเครอ่ื งหมายการคา้ ตามประกาศกระทรวง พาณชิ ยว์ า่ ดว้ ยการสง่ สนิ คา้ ออกไปนอกและการน�ำ สนิ คา้ เขา้ มาใน  ราชอาณาจกั ร  พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวนั ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๓๐ ๗.  สง่ิ พมิ พท์ ผ่ี บู้ ญั ชาการต�ำ รวจแหง่ ชาตกิ �ำ หนดไมใ่ หน้ �ำ เขา้ โดยประกาศ ในราชกิจจานเุ บกษา ฯลฯ ของต้องจำ�กัด  หรือของท่ีต้องควบคุมการนำ�เข้าหรือส่งออก หมายความวา่ ของทมี่ กี ฎหมายกำ�หนดว่าหากจะนำ�เขา้ มาหรอื ส่งออกไปนอกราชอาณาจกั ร  หรือนำ�ผ่านราชอาณาจักร  ต้องได้รับอนุญาต  หรือต้องปฏิบัติตามเง่ือนไขของการนำ�เข้า หรอื สง่ ออกให้ครบถ้วนตามท่ีกฎหมายน้นั ๆ กำ�หนดไว้เสียกอ่ น หากผูใ้ ดน�ำ ของตอ้ งจ�ำ กัด เข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร  โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้ปฏิบัติตาม เงื่อนไขท่ีกฎหมายกำ�หนดไว้ให้ครบถ้วนถูกต้อง  นอกจากจะเป็นความผิดตามกฎหมาย ทค่ี วบคมุ ของนน้ั   ๆ แลว้ ยงั เปน็ ความผดิ ฐานหลกี เลย่ี งขอ้ จ�ำ กดั   มาตรา  ๒๔๔  แหง่ พระราช บญั ญตั ศิ ุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ อกี บทหน่งึ ด้วย ในปัจจุบันมีสินค้าหลายประเภท  หลายชนิดท่ีถูกควบคุมมิให้นำ� เข้ามาในหรือส่งออก ไปนอกราชอาณาจักร ซง่ึ จะต้องตรวจสอบจากกฎหมายนน้ั ๆ ด้วยวา่ กำ�หนดไว้วา่ อยา่ งไร เช่น ๑.  พระราชบญั ญตั กิ ารสง่ ออกไปนอกและการน�ำ เขา้ ในราชอาณาจกั ร ซ่ึงสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒. พระราชบัญญตั คิ วบคมุ การแลกเปลย่ี นเงนิ พ.ศ. ๒๔๘๕ ๓. พระราชบัญญัตคิ วบคุมผลติ ภณั ฑ์ยาสูบ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๔. พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองพันธ์พุ ืช พ.ศ. ๒๕๔๒ ๕. พระราชบญั ญตั ิเครือ่ งมอื แพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๖. พระราชบัญญตั ิเครื่องส�ำ อาง พ.ศ. ๒๕๓๕ ๗. พระราชบัญญตั ิปา่ ไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ๘. พระราชบัญญัตปิ ยุ๋ พ.ศ. ๒๕๑๘ ๙. พระราชบัญญตั พิ ันธุพ์ ืช พ.ศ. ๒๕๑๘ ๑๐. พระราชบญั ญตั ิวัตถอุ ันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ 48


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook