Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน ม4 เทอม 1 64 ปกใหม่

แผนการสอน ม4 เทอม 1 64 ปกใหม่

Published by tata1500300167508, 2021-09-22 10:34:18

Description: แผนการสอน ม4 เทอม 1 64 ปกใหม่

Search

Read the Text Version

49 4. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้ตวั แทนแต่ละกลุ่มออกมาจบั สลากเลือกวรรณคดีหรือ วรรณกรรมท่ีครูกาหนดให้กลุ่มละ ๑ เร่ือง แลว้ ร่วมระดมสมองวิจารณ์วรรณคดีหรือ วรรณกรรมในหวั ขอ้ รูปแบบ เน้ือหา และภาษา 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน ครูและเพ่ือนร่วมกนั วจิ ารณ์แสดงความคิดเห็น 6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาผลงานไปปรับปรุงแกไ้ ขให้ถูกตอ้ ง แลว้ นามาจดั แสดงที่ป้ายนิเทศ หนา้ ช้นั เรียน ข้นั ที่ 4 นาไปใช้ 1. นกั เรียนเลือกอา่ นหนงั สือท่ีเป็นวรรณคดีและวรรณกรรมไดต้ ามความสนใจ 2. นักเรียนนาความรู้เกี่ยวกบั การวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไปใช้ในการพิจารณา วรรณคดีและวรรณกรรมเร่ืองท่ีเรียนและท่ีสนใจได้ ข้นั ท่ี 5 สรุป 1. นักเรียนร่วมกนั สรุปใจความสาคญั เร่ือง แนวทางในการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรม บนั ทึกลงสมุด 2. ครูให้นักเรียนศึกษาเก่ียวกบั เหตุการณ์บ้านเมืองที่สาคญั ในสมยั สุโขทยั จากแหล่งการ เรียนรู้ต่าง ๆ แลว้ จดบนั ทึก เป็นการบา้ นเพอ่ื เตรียมจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. นักเรียนรวบรวมบทความการวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมจากหนังสือวารสารและ นิตยสาร 2. นักเรี ยนจับคู่กับเพ่ือน เลือกวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมท่ีสนใจ แล้วนามา แลกเปลี่ยนกนั อ่านกบั เพื่อนคู่อื่น เพื่อใหเ้ พื่อนร่วมกนั วิจารณ์แสดงความคิดเห็น 3. นักเรียนเลือกอ่านวรรณคดีหรือวรรณกรรมต่างประเทศที่แปลเป็ นภาษาไทย แลว้ นามา วิจารณ์ตามหลกั การวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. บตั รช่ือวรรณคดีหรือวรรณกรรม 3. ตวั อยา่ งบทความการวจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม 4. สลาก 5. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 6. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 7. คู่มือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั 8. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4

50 10. บันทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ บนั ทกึ ผลการจัดการเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. สิ่งท่ีไม่ได้ปฏิบตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ ลงชื่อ ผ้สู อน / /

51 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8 ประวตั ิวรรณคดแี ละวรรณกรรมสมัยสุโขทยั รหัสวชิ า ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 อิเหนา ตอน ศึกกระหมงั กหุ นิง ภาคเรียนท่ี 1 เร่ือง ประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมยั สุโขทยั เวลา 1 ช่ัวโมง 1. สาระสาคญั สมยั กรุงสุโขทยั เป็นราชธานีมีหลกั ฐานแสดงถึงความเจริญและพฒั นาการทางวรรณคดีของ ไทยหลายเร่ือง เช่น หลกั ศิลาจารึก ไตรภูมิพระร่วง ตารับทา้ วศรีจุฬาลกั ษณ์ นับเป็ นวรรณคดียุค แรกเท่าท่ีมีหลักฐานปรากฏอยู่ นอกจากจะมีคุณค่าด้านวรรณกรรมโดยตรงแล้ว ยงั ทรง คุณประโยชนท์ ้งั ดา้ นประวตั ิศาสตร์ สงั คมศาสตร์ ศาสนา และวฒั นธรรม 2. ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน 1. วิเคราะห์และวจิ ารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ดา้ นอยา่ งมีเหตุผล ท 1.1 (ม.4–6/3) 2. วิเคราะห์ลกั ษณะเด่นของวรรณคดีเช่ือมโยงกบั การเรียนรู้ทางประวตั ิศาสตร์และวิถี ชีวติ ของสงั คมในอดีต ท 5.1 (ม.4–6/2) 3. วิเคราะห์และประเมินคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่ เป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ท 5.1 (ม.4–6/3) 4. สังเคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจริง ท 5.1 (ม.4–6/4) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกเหตุการณ์ทว่ั ไปของบา้ นเมืองและเหตุการณ์ทางวรรณคดีสมยั สุโขทยั ได้ (K) 2. บอกลกั ษณะของวรรณคดีและความเจริญของวรรณคดีในสมยั สุโขทยั ได้ (K) 3. ยกตวั อยา่ งและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั วรรณคดีสมยั สุโขทยั ได้ (K , P) 4. เห็นคุณค่าและความสาคญั ของการอา่ นวรรณคดีและวรรณกรรมไทย (A)

52 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม (A) ด้านทักษะและกระบวนการ (P) 1. สั งเกตการต อ บ 1. ประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็ น 1. ประเมินทักษะการอ่านจับ ค าถ าม แล ะก าร รายบุคคลในด้านความสนใจและต้งั ใจ ใจความ อ ภิ ป ร าย แ ส ด ง เรียนความรับผิดชอบในการทากิจกรรม 2. ประเมินทกั ษะการเขียน ความคดิ เห็น ความมีระเบียบวินยั ในการทางาน ฯลฯ 3. ประเมินทักษะกระบวน 2. ตรวจผลการท า 2. ประเมินมารยาทในการอ่านและนิสัยรัก การคดิ กิจกรรม การอา่ น 4. ประเมินทักษะกระบวน 3. ประเมินมารยาทในการเขียนและนิสยั รัก การกลุ่ม การเขียน 5. สาระการเรียนรู้ ประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมยั สุโขทยั (พ.ศ. ๑๗๙๒–๑๙๘๑) 6. แนวทางบูรณาการ คณิตศาสตร์  เขียนแผนภาพความคิดสรุปประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมยั สุโขทยั สงั คมศึกษาฯ  ศึกษาประวตั ิศาสตร์สมยั สุโขทยั ศิลปะ  จดั ป้ายนิเทศ 7. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูนาภาพพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคาแหงมหาราช ภาพอุทยาน ประวตั ิศาสตร์สุโขทยั และภาพหลกั ศิลาจารึก มาใหน้ กั เรียนดู 2. ครูร่วมพูดคุยและซักถามนักเรียนเก่ียวกับเหตุการณ์บ้านเมืองท่ีสาคญั ของ อาณาจกั รสุโขทยั ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. แบ่งนกั เรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มศึกษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั เหตุการณ์บา้ นเมืองใน สมยั สุโขทยั ว่ามีความเจริญรุ่งเรืองในดา้ นใดบา้ ง อยา่ งไร แลว้ นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน

53 2. ครูสุ่มถามนักเรียน 2 – 3 คน ว่ารู้จกั วรรณคดีสมยั สุโขทยั เรื่องใดบา้ ง ใครเป็ นผูแ้ ต่ง และมีเน้ือเรื่องเกี่ยวกับอะไร แล้วครูและนักเรียนร่วมสนทนาถึงความเจริญด้าน วรรณคดีในสมยั สุโขทยั 3. นกั เรียนศึกษาเรื่อง ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเหตุการณ์บา้ นเมืองและวรรณคดี ในหนงั สือ เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 4 แลว้ ร่วมกันสนทนาซักถาม เก่ียวกบั ขอ้ สงสยั ต่าง ๆ โดยมีครูเป็นผคู้ อยใหค้ าแนะนา 4. แบ่งนักเรียนออกเป็ น 4 กลุ่ม ให้ตวั แทนของแต่ละกลุ่มออกมาจบั สลากศึกษาเร่ือง ต่อไปน้ี กลุม่ ละ 1 เร่ือง 1) ศิลาจารึก หลกั ที่ 1 2) สุภาษิตพระร่วง 3) ไตรภูมิพระร่วง (เตภูมิกถา) 4) ตารับทา้ วศรีจุฬาลกั ษณ์ (นางนพมาศ) 5. สมาชิกของแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษาเร่ืองที่จบั สลากได้ จากน้ันให้ตวั แทนของแต่ละ กลุม่ ออกมารายงานเร่ืองท่ีศึกษาใหเ้ พื่อนฟังหนา้ ช้นั เรียน 6. นกั เรียนแต่ละคนจดบนั ทึกความรู้จากการฟังเรื่องท่ีเพื่อนรายงาน และร่วมกนั ซกั ถาม ขอ้ สงสยั ต่าง ๆ โดยมีครูช่วยอธิบายและตรวจสอบความเขา้ ใจ 7. ครูใหค้ วามรู้เสริมนกั เรียน ดงั น้ี ๑) จ.ศ. ยอ่ มาจากจุลศกั ราช เป็ นศกั ราชที่ไดร้ ับอิทธิพลมาจากประเทศเมียนมา ประเทศไทยเร่ิมใช้จุลศกั ราชภายหลงั พุทธศกั ราช ๑๑๘๑ โดยนิยมใชใ้ นการคานวณ ทางโหราศาสตร์ จนถึงสมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงประกาศ ยกเลิกและมีการใช้รัตนโกสินทร์ศก (ร.ศ.) แทน การเปรียบเทียบจุลศักราชเป็ น พทุ ธศกั ราช ใหเ้ อา ๑๑๘๑ บวกกบั จุลศกั ราช กจ็ ะไดเ้ ป็นพทุ ธศกั ราช ๒) ในประเทศเมียนมามีประเพณีท่ีมีลกั ษณะคลา้ ยประเพณีลอยกระทงของ ประเทศไทย เรียกวา่ ประเพณีตามประทีป ซ่ึงจะจดั ข้ึนช่วงยา่ งเขา้ ฤดูหนาว หรือเดือน แปดของประเทศเมียนมา หรือประมาณเดือนตุลาคม–พฤศจิกายนของเดือนสากล ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นักเรียนทากิจกรรมที่เก่ียวกับประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมัยสุโขทัย แล้ว ช่วยกนั เฉลย คาตอบ 2. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็นในประเดน็ ต่าง ๆ เช่น 1) “ วรรณคดีคือกระจกสะทอ้ นประวตั ิศาสตร์ไทย ” นักเรียนเห็นด้วยกบั คา กลา่ วน้ีหรือไม่ อยา่ งไร 2) “ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหง เป็ นศิลาจารึกหลกั ที่สาคญั ท่ีสุดของคนไทย ” นกั เรียนเห็นดว้ ยกบั ขอ้ ความน้ีหรือไม่อยา่ งไร

54 3) “ เรื่อง สุภาษิตพระร่วง เป็ นวรรณคดีสมยั สุโขทยั ที่มีเน้ือหาสั่งสอนแนะนา ให้ ประพฤติปฏิบตั ิตนในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเคารพผูอ้ าวุโส การวางตวั ในสังคม ” นักเรียนคิดว่าคาสอนท่ีปรากฏในเรื่อง สุภาษิตพระร่วง ยงั คงนามาใช้ในยุคสมัย ปัจจุบนั ไดห้ รือไม่ อยา่ งไร 3. นกั เรียนทาใบงานท่ี 1 เรื่อง การเขียนแสดงทรรศนะ แลว้ ส่งครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง 4. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาถึงคุณค่าของวรรณคดีเรื่อง ศิลาจารึก หลกั ที่ 1 สุภาษิตพระร่วง ไตรภูมิพระร่วง (เตภมู ิกถา) และตารับทา้ วศรีจุฬาลกั ษณ์ (นางนพมาศ) แลว้ ใหน้ กั เรียน แต่ละคนเลือกเขียนแสดงทรรศนะในคุณค่าของวรรณคดีเรื่องใดเร่ืองหน่ึง ดว้ ยสานวน ภาษาของนกั เรียนเอง ส่งครู ข้นั ที่ 4 นาไปใช้ นักเรียนนาความรู้เรื่อง ประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมยั สุโขทยั ไปศึกษาเชื่อมโยงกบั วชิ า ประวตั ิศาสตร์เพอ่ื ความเขา้ ใจที่ลึกซ้ึง ข้นั ท่ี 5 สรุป 1. นักเรียนร่วมกนั สรุปประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมยั สุโขทยั เขียนเป็ นแผนภาพ ความคิด 2. ครูให้นกั เรียนรวบรวมวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีแต่งข้ึนในสมยั อยธุ ยาตอนตน้ (พ.ศ. 2893 –2072) จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสือ ส่ืออินเทอร์เน็ต แลว้ จดบนั ทึก เป็นการบา้ นเพือ่ เตรียมจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครูนานักเรียนไปทศั นศึกษาท่ีพิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพ่ือชมศิลาจารึก หลกั ท่ี 1 หรือพิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติในจงั หวดั เพ่ือศึกษาลกั ษณะของหลกั ศิลาจารึก 2. นกั เรียนช่วยกนั จดั ป้ายนิเทศแสดงตวั อกั ษรลายสือไทท่ีพ่อขนุ รามคาแหงทรงประดิษฐ์ ข้ึน 9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ภาพพระบรมราชานุสาวรียพ์ อ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช 2. ภาพอทุ ยานประวตั ิศาสตร์สุโขทยั 3. ภาพหลกั ศิลาจารึก 4. สลาก 5. ใบงานท่ี 1 เร่ือง การเขียนแสดงทรรศนะ 6. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4

55 7. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 8. คูม่ ือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั 9. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ บนั ทกึ ผลการจัดการเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. ส่ิงทีไ่ ม่ได้ปฏบิ ตั ติ ามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผ้สู อน / /

56 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 ประวตั ิวรรณคดแี ละวรรณกรรมสมัยอยธุ ยาตอนต้น รหัสวิชา ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 อิเหนา ตอน ศึกกระหมงั กหุ นิง ภาคเรียนที่ 1 เร่ือง ประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมยั อยธุ ยาตอนตน้ เวลา 1 ช่ัวโมง 1. สาระสาคญั สมยั กรุงศรีอยุธยาตอนตน้ พ.ศ. 1893 – 2072 เป็ นช่วงเริ่มตน้ สร้างบา้ นเมืองและปรับปรุง การปกครองใหเ้ ป็ นระบบระเบียบ วรรณคดียคุ น้ีแมจ้ ะมีหลกั ฐานปรากฏไม่มากนกั เช่น ลิลิตยวนพ่าย ลิลิตพระลอ แต่ก็ทรงคุณค่าท้งั ในดา้ นภาษาศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ ศิลปวฒั นธรรม ความเชื่อ ค่านิยม และประเพณี 2. ตัวชี้วดั ช่วงช้ัน 1. ตอบคาถามจากการอ่านงานเขียนประเภทต่าง ๆ ภายในเวลาท่ีกาหนด ท 1.1 (ม.4–6/6) 2. วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวิจารณ์เบ้ืองตน้ ท 5.1 (ม.4– 6/1) 3. วิเคราะห์ลกั ษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกบั การเรียนรู้ทางประวตั ิศาสตร์และวถิ ีชีวิต ของสงั คมในอดีต ท 5.1 (ม.4–6/2) 4. วเิ คราะห์และประเมินคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่เป็ น มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ท 5.1 (ม.4–6/3) 5. สังเคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง ท 5.1 (ม.4–6/4) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกเหตุการณ์ทว่ั ไปของบา้ นเมืองและเหตุการณ์ทางวรรณคดีในสมยั อยุธยาตอนตน้ ได้ (K) 2. บอกลกั ษณะของวรรณคดีและความเจริญดา้ นวรรณคดีในสมยั อยธุ ยาตอนตน้ ได้ (K) 3. ยกตวั อยา่ งและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั วรรณคดีสมยั อยธุ ยาตอนตน้ ได้ (K , P) 4. เห็นคุณคา่ และความสาคญั ของการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมไทย (A)

57 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) และค่านิยม (A) 1. สังเกตการตอบคาถาม 1. ประเมินพฤติกรรมในการทางาน 1. ประเมิ น ทักษ ะการอ่าน จับ และการอภิปรายแสดง เป็ นรายบุคคลในดา้ นความสนใจ ใจความ ความคิดเห็น และต้งั ใจเรียน ความรับผดิ ชอบใน 2. ประเมินทกั ษะการพดู 2. ตรวจผลการทากิจกรรม การทากิจกรรม ความมีระเบียบ 3. ประเมินทักษะการแสวงหา 3. ตรวจแบบทดสอบหลัง วินยั ในการทางาน ฯลฯ ความรู้ เรียน 2. ประเมินมารยาทในการอ่านและ 4. ประเมินทกั ษะกระบวนการคิด นิสยั รักการอ่าน 5. ประเมินทักษะกระบวนการ 3. ประเมินมารยาทในการพดู กลุ่ม 5. สาระการเรียนรู้ ประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมยั อยธุ ยาตอนตน้ (พ.ศ.1893 – 2072) 6. แนวทางการบูรณาการ คณิตศาสตร์  เขียนแผนภาพความคดิ สรุปลกั ษณะของวรรณคดีและวรรณกรรม สมยั อยธุ ยาตอนตน้ สงั คมศึกษาฯ  ศึกษาประวตั ิศาสตร์สมยั อยธุ ยาตอนตน้ ศิลปะ  จดั ป้ายนิเทศ/ฟังเพลง ยอยศพระลอ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นาเข้าสู่บทเรียน ครูนาหนังสือวรรณคดีสมยั อยุธยาตอนตน้ เช่น เรื่อง ลิลิตโองการแช่งน้า มหาชาติคาหลวง ลิลิตยวนพ่าย ลิลิตพระลอ มาให้นกั เรียนดู และซักถามว่านกั เรียน รู้จกั วรรณคดีเหลา่ น้ีหรือไม่ มีเน้ือหาเก่ียวกบั อะไร ใครเป็นผแู้ ต่ง แต่งในสมยั ใด ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. นกั เรียนช่วยกนั บอกช่ือวรรณคดีและวรรณกรรมที่แต่งข้ึนในสมยั อยธุ ยาตอนตน้ (พ.ศ.1893 – 2072) ตามท่ีไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปรวบรวมมา ครูเขียนบนกระดาน แลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 2. นักเรียนอ่านจบั ใจความสาคญั เรื่อง สภาพบา้ นเมืองสมยั อยุธยาตอนตน้ ความ เจริญดา้ นวรรณคดี และความสมพนั ธ์ระหว่างเหตุการณ์บา้ นเมืองและวรรณคดี ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 แลว้ ร่วมกนั สนทนาซกั ถามเกี่ยวกบั ขอ้ สงสยั ต่าง ๆ แลว้ ตอบคาถามต่อไปน้ี 1) สมยั อยธุ ยาตอนตน้ บา้ นเมืองเจริญกา้ วหนา้ ในดา้ นใดบา้ ง

58 2) วรรณคดีสมยั อยธุ ยาตอนตน้ ส่วนใหญ่แต่งดว้ ยคาประพนั ธ์ประเภทใด 3) เหตุใดวรรณคดีสมยั อยธุ ยาตอนตน้ จึงไม่เจริญรุ่งเรืองมากนกั 4) วรรณคดีสมยั อยธุ ยาตอนตน้ มีลกั ษณะสาคญั อยา่ งไร 5) เหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตร์มีความสมั พนั ธก์ บั วรรณคดีอยา่ งไร 6) วรรณคดีสมยั อยธุ ยาตอนตน้ แตกต่างจากวรรณคดีสมยั สุโขทยั อยา่ งไร 3. แบ่งนกั เรียนออกเป็น 4 กลุม่ ใหต้ วั แทนของแต่ละกลุ่มออกมาจบั สลากศึกษาเร่ือง ต่อไปน้ี กลุม่ ละ 1 เร่ือง 1) ลิลิตโองการแช่งน้า 2) มหาชาติคาหลวง 3) ลิลิตยวนพา่ ย 4) ลิลิตพระลอ 4. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษาและคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั วรรณคดีเรื่องที่ จบั สลากได้ แลว้ ใหต้ วั แทนของแต่ละกลุม่ ออกมารายงานใหเ้ พ่อื นฟังหนา้ ช้นั เรียน 5. ครูซกั ถามเกี่ยวกบั เน้ือหาสาระของวรรณคดีแต่ละเรื่อง ใหน้ กั เรียนผลดั กนั ตอบจน เขา้ ใจชดั เจน แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มเขียนแผนภาพความคิดสรุปสาระสาคญั ของวรรณคดี ท่ีศึกษาท้งั 4 เรื่อง ข้นั ท่ี 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นักเรียนทากิจกรรมที่เกี่ยวกับประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมัยอยุธยา ตอนตน้ แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ 2. นกั เรียนจบั คู่กบั เพอ่ื น เลือกศึกษาวรรณคดีสมยั อยธุ ยาตอนตน้ เรื่องใดเรื่องหน่ึง จาก 4 เรื่อง ไดแ้ ก่ ลิลิตโองการแช่งน้า มหาชาติคาหลวง ลิลิตยวนพ่าย ลิลิต พระลอ ในหัวขอ้ “ เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ” ที่ปรากฏอยู่ในวรรณคดีแต่ละเร่ือง เช่น – ลิลิตโองการแช่งน้า พระราชพธิ ีถือน้าพระพพิ ฒั นส์ ตั ยา – มหาชาติคาหลวง การสวดมหาชาติในวนั สาคญั ทางศาสนา – ลิลิตยวนพา่ ย ประวตั ิโยนกหรือลา้ นนา – ลิลิตพระลอ ความรู้เกี่ยวกบั ไก่ฟ้า 3. นกั เรียนแต่ละคู่นาความรู้ที่ศึกษามาจดั ป้ายนิเทศ 4. นกั เรียนศึกษาวรรณคดีสาคญั เรื่องอื่น ๆ สมยั อยธุ ยาตอนตน้ ทาเป็นรายงาน ส่ง ครู ข้นั ท่ี 4 นาไปใช้ นกั เรียนนาความรู้เร่ือง ประวตั ิวรรณคดีและวรรณกรรมสมยั อยธุ ยาตอนตน้ ไปศึกษา เช่ือมโยงกบั วิชาประวตั ิศาสตร์เพ่อื ความเขา้ ใจท่ีลึกซ้ึง

59 ข้นั ที่ 5 สรุป 1. นักเรียนร่วมกนั สรุปลกั ษณะของวรรณคดีและวรรณกรรมสมยั อยุธยาตอนต้น โดยช่วยกนั อธิบายตามแผนภาพความคดิ 2. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ 3. ครูให้นักเรียนตอบคาถามในประเด็นที่ว่า นักเรียนคิดว่าความรักและความ หลงใหลอย่างขาดสติมีผลเสียหายอย่างไร แล้วมอบหมายให้นักเรียนศึกษา เน้ือหาบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ในหนังสือเรียน รายวิชา พ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 เป็นการบา้ นเพื่อเตรียมจดั การเรียนรู้คร้ัง ต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครูเปิ ดวีดิทศั น์เรื่อง ลิลิตพระลอ หรือมหาชาติคาหลวง ให้นักเรียนดู จากน้ันนักเรียน เขียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เน้ือเร่ือง ตวั ละคร หรืออ่ืน ๆ ที่ไดด้ ู ส่งครู 2. ครูเปิ ดแถบบันทึกเสียงและติดแผ่นป้ายเน้ือเพลง ยอยศพระลอ บนกระดานเพ่ือให้ นกั เรียนฟังและอ่านเน้ือเพลง จากน้นั นกั เรียนช่วยกนั ถอดความเน้ือเพลง โดยมีครูเป็นผู้ แนะนา 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบหลงั เรียน 2. หนงั สือวรรณคดีสมยั อยธุ ยาตอนตน้ 3. สลาก 4. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 5. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 6. คูม่ ือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั 7. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 10. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้

60 บันทกึ ผลการจดั การเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจัดการเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจัดการเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. ส่ิงทีไ่ ม่ได้ปฏิบัตติ ามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ ลงชื่อ ผ้สู อน / /

61 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10 การอ่านบทละครเร่ือง อเิ หนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง รหัสวิชา ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 อิเหนา ตอน ศึกกระหมงั กหุ นิง ภาคเรียนที่ 1 เรื่อง การอา่ นบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง เวลา 2 ช่ัวโมง 1. สาระสาคัญ บทละครเร่ือง อิเหนา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั ไดร้ ับยก ยอ่ งจากวรรณคดีสโมสรในรัชกาลที่ 6 ว่าเป็ นยอดแห่งบทละครรา เนื่องจากมีความไพเราะดา้ นเน้ือหา ใช้ภาษาสละสลวย เสริมจินตนาการ และสอดคลอ้ งกบั การแสดงของนาฏศิลป์ อีกท้งั ยงั แฝงไวด้ ว้ ย คุณค่าดา้ นคุณธรรมและจริยธรรม สาหรับตอน ศึกกะหมงั กุหนิง เน้ือเรื่องสะทอ้ นถึงวิธีการทาศึกตาม ตาราพชิ ยั สงคราม การจดั ทพั และการป้องกนั บา้ นเมือง และใหข้ อ้ คิดคติเตือนใจในเรื่องความรัก 2. ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน 1. อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ไพเราะ และเหมาะสมกบั เร่ืองที่อา่ น ท 1.1 (ม.4–6/1) 2. วเิ คราะห์และวจิ ารณ์เรื่องที่อ่านในทุก ๆ ดา้ นอยา่ งมีเหตุผล ท 1.1 (ม.4–6/3) 3. คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องท่ีอ่านและประเมินค่าเพ่ือนาความรู้ความคิดไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชีวติ ท 1.1 (ม.4–6/4) 4. วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เร่ืองที่อ่าน และเสนอความคิดใหม่ อยา่ งมีเหตุผล ท 1.1 (ม.4–6/5) 5. สังเคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนา ไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตจริง ท 5.1 (ม.4–6/4) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สรุปใจความสาคญั และวิเคราะห์เรื่องท่ีอา่ น ฟัง หรือดูไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล (K , P) 2. เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและเล่าเรื่องยอ่ จากแผนภาพโครงเร่ืองไดค้ รบทุกประเดน็ (K, P) 3. อธิบายคุณค่าหรือขอ้ คิดจากเร่ืองท่ีอา่ นได้ (K) 4. นาสารประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากเรื่องท่ีอา่ นไปปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (K, P) 5. เห็นคุณคา่ และความสาคญั ของการอา่ นวรรณคดีและวรรณกรรมไทย (A)

62 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะและกระบวนการ (P) และค่านิยม (A) 1. สงั เกตการตอบคาถามและ 1. ประเมิ น พ ฤติ กรรมใน การ 1. ป ร ะ เมิ น ทั ก ษ ะ ก า ร อ่ า น แสดงความคิดเห็น ทางานเป็ นรายบุคคลในด้าน จบั ใจความ 2. ตรวจผลการทากิจกรรม ความสน ใจและต้ังใจเรี ยน 2. ป ร ะ เมิ น ทั ก ษ ะ ก า ร เขี ย น 3. ตรวจแบบทดสอบก่อน ความรับผิดชอบในการทา แผนภาพโครงเรื่อง เรียน กิจกรรม ความมีระเบียบวินัย 3. ประเมินทกั ษะการเขียนยอ่ ความ ในการทางาน ฯลฯ 4. ประเมินทกั ษะกระบวนการคิด 2. ประเมินมารยาทในการอ่าน 5. ประเมินทกั ษะกระบวนการกลุม่ และนิสยั รักการอา่ น 3. ประเมินความภาคภูมิใจและ เห็ น คุ ณ ค่ าข อ งภู มิ ปั ญ ญ าท าง ภาษาและวรรณคดีไทย 5. สาระการเรียนรู้ 1. นาเรื่อง 2. เร่ืองยอ่ 3. บทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง 6. แนวทางการบูรณาการ เขียนแผนผงั การจดั ทพั แบบนาคนาม/เขียนแผนภาพโครงเรื่องบท คณิตศาสตร์  ละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง 7. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 นาเข้าสู่บทเรียน ช่ัวโมงท่ี 1 1. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ครูนาภาพตวั ละครจากบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง เช่น อิเหนา บุษบา จินตะหรา ทา้ วกะหมงั กุหนิง ทา้ วดาหา มาให้นกั เรียนดู แลว้ สนทนาซกั ถาม วา่ เป็ นตวั ละครในวรรณคดีเรื่องใด แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เล่าบทละครเร่ือง อิเหนา เพื่อเป็ นการทบทวนความรู้เดิม ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมการเรียนรู้

63 1. นักเรียนอ่านนาเรื่องและเรื่องย่อบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ใน หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 แลว้ ร่วมกนั สนทนา เกี่ยวกบั ท่ีมาของเร่ือง และช่วยกนั เล่าเร่ืองต่อจนจบ 2. ครูให้ความรู้เสริมเก่ียวกบั ที่มาของเร่ือง อิเหนา หรือนิทานปันหยี ว่าเป็ นนิทานท่ี เล่ากนั แพร่หลายในชวา (ประเทศอินโดนีเซีย) เชื่อกนั ว่าเป็ นนิยายอิงประวตั ิศาสตร์ ของชวาซ่ึงมีดว้ ยกนั หลายสานวน พงศาวดารเรียกอิเหนาว่า อิเหนาปันหยีกรัตปาตี แต่ชาวชวาเรียกส้ัน ๆ ว่า ปันหยี ส่วนเร่ืองอิเหนาท่ีเป็ นนิทานน้นั น่าจะแต่งในพุทธ ศตวรรษที่ 20 – 21 ซ่ึงเป็ นยคุ เส่ือมของราชวงศอ์ ิเหนา แห่งอาณาจกั รมชั ปาหิต และ อิสลามเริ่มเขา้ มาครอบครอง นิทานปันหยขี องชวามีหลายฉบบั แต่ท่ีตรงกบั อิเหนา คือ ฉบบั มาลตั ใชภ้ าษากวีชวาโบราณ มาจากเกาะบาหลี ตามสมุดภาพมี 20 ตอน 3. แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลุ่มอ่านบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 แลว้ ร่วม สนทนา ซักถามเกี่ยวกบั เน้ือเรื่องและเขียนเป็ นแผนภาพโครงเร่ือง เสร็จแล้วส่ง ตวั แทนออกมานาเสนอผลงานใหเ้ พอื่ ฟังหนา้ ช้นั เรียน ช่ัวโมงที่ 2 1. นกั เรียนร่วมกนั ทบทวนบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง 2. ครูสรุปใจความสาคญั ของบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ให้นกั เรียน ฟังอีกคร้ัง 3. ครูซกั ถามนกั เรียนเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจตามแนวคาถามต่อไปน้ี 1) ท้าวกะหมงั กุหนิงเป็ นใคร เก่ียวขอ้ งกับเน้ือเรื่องในตอนท่ีนามาให้เรียน อยา่ งไร 2) สงครามคร้ังน้ีเกิดข้ึนเพราะสาเหตุใด และใครเป็ นต้นเหตุที่ทาให้เกิด สงคราม 3) ทา้ วกะหมงั กหุ นิงเตรียมการทาสงครามในคร้ังน้ีอยา่ งไรบา้ ง 4) ทา้ วดาหาเตรียมการต่อสูก้ บั กองทพั ของทา้ วกะหมงั กหุ นิงอยา่ งไรบา้ ง 5) อิเหนาเกี่ยวขอ้ งกบั การทาสงครามคร้ังน้ีอยา่ งไร 6) ตวั ละครใดบา้ งที่ร่วมทาสงครามระหว่างเมืองดาหากบั เมืองกะหมงั กุหนิง และมีบทบาทในการทาสงครามคร้ังน้ีอยา่ งไร 7) ผลของการทาสงครามเป็นอยา่ งไร 8) นกั เรียนไดข้ อ้ คิดอะไรบา้ งจากการอ่านบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะห มงั กุหนิง

64 4. ครูแบ่งบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิงออกเป็ นตอน ๆ แล้วแบ่ง นักเรียนออกเป็ นกลุ่มตามจานวนเน้ือหาที่แบ่งให้ นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทน ออกมาจบั สลากเลือกเน้ือหาในบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง กลุ่มละ 1 ตอน เขียนยอ่ เร่ืองตามรูปแบบการเขียนยอ่ ความ ส่งครู ข้นั ท่ี 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นักเรียนทากิจกรรมที่เก่ียวกบั เน้ือเรื่องบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ 2. นักเรียนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั บทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึก กะหมงั กหุ นิง ในประเดน็ ต่าง ๆ ต่อไปน้ี 1) ถ้านักเรียนเป็ นท้าวกะหมังกุหนิง นักเรียนจะทาอย่างไรหากลูกของ นกั เรียนอยากไดน้ างบุษบา ท้งั ๆ ท่ีรู้วา่ นางบุษบาเป็นคูห่ ม้นั ของจรกา 2) หากนักเรียนเป็ นท้าวดาหา นักเรียนจะยกนางบุษบาให้แก่วิหยาสะกา โอรสของทา้ วกะหมงั กหุ นิงหรือไม่ เพราะอะไร 3) ถา้ นกั เรียนเป็ นทา้ วกะหมงั กุหนิง นกั เรียนจะทาอยา่ งไรเม่ือทูตมาบอกว่า ทา้ วดาหาปฏิเสธและคืนเครื่องราชบรรณาการให้ เพราะทา้ วดาหาไดย้ กพระ ราชธิดาใหร้ ะตูจรกาไปแลว้ 4) นกั เรียนคิดวา่ เป็นเพราะสาเหตุใดอิเหนาจึงอิดออดไม่ยอมไปช่วยศึกเมือง ดาหา 5) หากนักเรียนเป็ นนางจินตะหรานักเรียนจะทาอยา่ งไร เมื่ออิเหนาซ่ึงเป็ น คนรักตอ้ งจากไปเมืองดาหา 6) นกั เรียนคิดว่าการท่ีทา้ วกะหมงั กุหนิงพลาดท่าเสียทีแก่อิเหนาจนตอ้ งจบ ชีวิตลงในคร้ ังน้ีเป็ นเพราะสาเหตุใดเป็ นสาคญั 3. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นวา่ ถา้ ทา้ วกะหมงั กุหนิงเชื่อคาทานายของโหร เหตุการณ์ต่อไปน่าจะเป็นอยา่ งไร แลว้ ช่วยกนั สรุป 4. นกั เรียนอา่ นบทละครเรื่อง อิเหนา ตอนอื่น ๆ เพ่ิมเติม ข้นั ที่ 4 นาไปใช้ 1. นกั เรียนเล่าบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ให้สมาชิกในครอบครัว ฟัง 2. นักเรียนนาขอ้ คิดท่ีไดจ้ ากการอ่านบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ไปปรับใชใ้ น ชีวิตประจาวนั ข้นั ที่ 5 สรุป 1. นักเรียนร่วมกนั สรุปเร่ืองย่อ บอกขอ้ คิด คติคาสอนจากบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง บนั ทึกลงสมุด

65 2. ครูให้นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง กลอนบทละคร แล้วสรุปเป็ นความรู้ เป็ น การบา้ นเพอ่ื เตรียมจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั การจดั ทพั แบบนาคนามจากบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง วา่ ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง แลว้ ช่วยกนั เขียนเป็นแผนผงั 2. นกั เรียนถอดคาประพนั ธ์ท่ีเป็ นการโตต้ อบกนั ระหว่างอิเหนากบั ทา้ วกะหมงั กุหนิง แลว้ ร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั คาพดู ท่ีชิงไหวชิงพริบของท้งั คู่ แลว้ ช่วยกนั สรุป 3. นกั เรียนดูวีดีทศั น์ละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. ภาพตวั ละครจากบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง 3. สลาก 4. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 5. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 6. คู่มือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั 7. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ บันทกึ ผลการจดั การเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. ส่ิงท่ีไม่ได้ปฏบิ ตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ ลงชื่อ ผ้สู อน / /

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 11 66 การอ่านทานองเสนาะ ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 รหัสวชิ า ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 อิเหนา ตอน ศึกกระหมงั กหุ นิง เวลา 1 ชั่วโมง เร่ือง การอ่านทานองเสนาะ 1. สาระสาคัญ การอ่านทานองเสนาะ เป็ นการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองที่มีการเอ้ือนเสียงเป็ นสัมผสั ตาม จงั หวะ ลีลา และท่วงทานองที่แตกต่างไปตามลกั ษณะบงั คบั ของบทประพนั ธ์ โดยสอดแทรกการอ่าน ใหม้ ีอารมณ์สมั พนั ธก์ บั รสความ บทละครเร่ือง อิเหนา เป็ นบทละครที่นาเอาเคา้ โครงเรื่องมาจากชวา จึงมีคาภาษาชวาปะปนอยู่ มาก นอกจากน้ีบทละครเรื่อง อิเหนา ยงั มีเน้ือหาเกี่ยวกบั กษตั ริย์ ถอ้ ยคาท่ีใชจ้ ึงเป็ นคาราชาศพั ทห์ รือ ศพั ทส์ ูง การมีความรู้ความเขา้ ใจความหมายของคาภาษาชวาและคาราชาศพั ทจ์ ะทาใหเ้ ขา้ ใจและเขา้ ถึง เน้ือหาท่ีอา่ นไดอ้ ยา่ งลึกซ้ึงชดั เจน บทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง เป็ นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศ-หลา้ นภาลยั กษตั ริยผ์ ูท้ รงพระปรีชาสามารถรอบรู้ในทุกดา้ น ปรากฏพระอจั ฉริยะเป็ นพิเศษใน ดา้ นศิลปะ ซ่ึงในยคุ ของพระองคไ์ ดร้ ับยกยอ่ งใหเ้ ป็นยคุ ทองแห่งวรรณคดีและศิลปกรรม 2. ตัวชี้วดั ช่วงช้ัน 1. อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ไพเราะ และเหมาะสมกบั เรื่องที่ อา่ น ท 1.1 (ม.4–6/1) 2. วิเคราะห์และประเมินคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่เป็ น มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ท 5.1 (ม.4–6/3) 3. ท่องจาและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามที่กาหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ และนาไปใชอ้ า้ งอิง ท 5.1 (ม.4–6/6) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกลกั ษณะของกลอนบทละครและอ่านออกเสียงไดถ้ ูกตอ้ งตามลกั ษณะคาประพนั ธ์ (K, P) 2. อา่ นทานองเสนาะโดยใชน้ ้าเสียงแสดงอารมณ์ ความรู้สึกตามเน้ือเรื่องที่อ่านได้ (P) 3. อธิบายคุณคา่ หรือขอ้ คดิ จากเร่ืองที่อา่ นได้ (K) 4. ท่องจาบทร้อยกรองที่มีคุณคา่ ไดถ้ ูกตอ้ ง ครบถว้ น (P) 5. มีนิสยั รักการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A)

67 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะและกระบวนการ (P) และค่านิยม (A) 1. สังเกตการตอบคาถาม 1. ประเมินพฤติกรรมในการทางาน 1. ประเมินทกั ษะการอ่านออกเสียง และการอภิปรายแสดง เป็นรายบุคคลในดา้ นความสนใจ ร้อยกรอง ความคดิ เห็น และต้ังใจเรียนความรับผิดชอบ 2. ประเมินทกั ษะการท่องจาบทร้อย 2. ตรวจผลการทากิจกรรม ใน ก ารท ากิ จ ก รรม ค ว าม มี กรอง ระเบียบ วนิ ยั ในการทางาน ฯลฯ 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการคิด 2. ประเมินมารยาทในการอ่าน และ 4. ประเมินทกั ษะกระบวนการกลุม่ นิสยั รักการอ่าน 5. สาระการเรียนรู้ 1. การอ่านทานองเสนาะ 2. ศพั ทน์ ่ารู้ 3. ประวตั ิผแู้ ต่ง 6. แนวทางการบูรณาการ สงั คมศึกษาฯ  ศึกษาพระราชประวตั ิ พระราชกรณียกิจ และพระราชนิพนธใ์ นพระ บาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั ศิลปะ  แสดงบทบาทสมมุติ/จดั ป้ายนิเทศ สุขศึกษาฯ  เลน่ เกมคิดไว ตอบไว การงานอาชีพ  ทาสมุดเลม่ เลก็ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูติดบัตรคาต่อไปน้ีบนกระดาน ให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าเป็ นคาข้ึนต้นของคา ประพนั ธ์ชนิดใด เมื่อน้นั บดั น้นั มาจะกลา่ วบทไป 2. นกั เรียนอาสาสมคั รออกมาเขียนแผนผงั และโยงลกั ษณะบงั คบั ของคาประพนั ธ์ท่ีตอบ 3. ครูสนทนาโยงเขา้ เรื่อง กลอนบทละคร ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูสนทนาซกั ถามความรู้ของนกั เรียนเก่ียวกบั กลอนบทละครตามที่ไดร้ ับมอบหมายให้ ไปศึกษามา

68 2. ครูติดแผนผงั ความรู้การแบ่งวรรคตอนการอ่านกลอนบทละครใหน้ กั เรียนดู แลว้ ร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั การอ่านกลอนบทละคร จานวนคา 6 คา อ่านเวน้ จงั หวะ 00 / 00 / 00 จานวนคา 7 คา อ่านเวน้ จงั หวะ 000 / 00 / 00 หรือ 00 / 00 / 000 จานวนคา 8 คา อ่านเวน้ จงั หวะ 000 / 00 / 000 จานวนคา 9 คา อา่ นเวน้ จงั หวะ 000 / 000 / 000 3. นักเรียนฟังแถบบันทึกเสียงการอ่านกลอนบทละคร ท้ังทานองธรรมดาและทานอง เสนาะ แลว้ สังเกตการแบ่งวรรคตอน จงั หวะ ลีลา น้าเสียงในการอ่าน และฝึ กอ่านตาม จนคล่อง 4. นักเรียนฝึ กอ่านทานองเสนาะบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ในหนังสือ เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 ท้งั เป็นกลุ่มและเป็ นรายบุคคลจน คลอ่ ง 5. ครูสนทนากบั นักเรียนถึงการใช้น้าเสียงในการอ่านบทร้อยกรองที่มีเน้ือความแสดงถึง ความรัก ความเศร้าโศก ความสูญเสีย ความโกรธ ความฮึกเหิมตื่นเตน้ วา่ ตอ้ งใชน้ ้าเสียง ในการอา่ นอยา่ งไร 6. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มหาบทร้อยกรองที่มีเน้ือความแสดงถึงความรัก ความโกรธ ความโศกเศร้า ความสูญเสีย ความฮึกเหิมตื่นเตน้ หรืออื่น ๆ จากบทละคร เรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง แลว้ ฝึ กอ่านทานองเสนาะตามอารมณ์ของบทร้อย กรองจนคล่อง และออกมาอ่านเป็ นกลุ่มให้เพ่ือนฟังหนา้ ช้นั เรียน เพื่อนและครูร่วมกนั ประเมินตามแบบประเมินการอ่านออกเสียงร้อยกรอง 7. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การอา่ นทานองเสนาะ โดยมีครูคอยแนะนาให้ ความรู้เพิ่มเติม 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมคาศพั ท์ภาษาชวาท่ีเกี่ยวกบั ชื่อตวั ละคร ดอกไม้ สัตว์ หรือ สิ่งของต่าง ๆ จากเน้ือเรื่องให้ไดม้ ากท่ีสุด แลว้ เล่นเกมคิดไว ตอบไว ให้ครูเป็ นผูบ้ อก คาศพั ทภ์ าษาไทย นกั เรียนบอกคาศพั ทภ์ าษาชวาที่ตรงกบั คาศพั ทท์ ่ีครูบอก เช่น ครูบอก วา่ กิดาหยนั นกั เรียนตอบว่า มหาดเล็ก ครูบอกว่า อิเหนา นักเรียนตอบว่า ปันหยี กลุ่ม ใดตอบไดใ้ หย้ กมือข้ึนตอบ กลุ่มที่ตอบถูกตอ้ งและไดค้ ะแนนมากที่สุดเป็นผชู้ นะ 9. ครูเลา่ ประวตั ิผแู้ ต่งใหน้ กั เรียนฟัง ประกอบการซกั ถามเพ่ิมเติม ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นกั เรียนทากิจกรรมที่เก่ียวกบั การอ่านทานองเสนาะ แลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

69 2. นักเรียนจับคู่กับเพ่ือน ฝึ กอ่านบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง โดยใช้ น้าเสียงให้เหมาะสมกบั เน้ือเรื่อง แลว้ ให้เพื่อนประเมินตามแบบประเมินการอ่านออก เสียงร้อยกรองเป็ นรายบุคคล 3. นักเรียนฝึ กท่องจาบทร้อยกรองบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ต้งั แต่ ว่า พลางทางชมคณานก จนถึง คะนึงนางพลางรีบโยธี แลว้ ผลดั กนั ท่องจากบั เพ่ือน เพ่ือ ประเมินการท่องจาบทร้อยกรอง 4. นกั เรียนจบั คู่กบั เพื่อน หาคาศพั ทภ์ าษาชวาและคาราชาศพั ท์ พร้อมบอกความหมายจาก เร่ือง บทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง และตอนอ่ืน ๆ ทาเป็ นสมุดเล่มเล็ก ส่งครู ข้นั ท่ี 4 นาไปใช้ 1. นกั เรียนนาวิธีการอา่ นทานองเสนาะไปใชอ้ า่ นกลอนบทละครเร่ืองอื่น ๆ 2. นกั เรียนอธิบายความหมายของศพั ทภ์ าษาชวาใหเ้ พ่ือนหรือผทู้ ่ีสนใจฟัง 3. นกั เรียนเลา่ ประวตั ิผแู้ ต่งใหผ้ ทู้ ่ีสนใจหรือสมาชิกในครอบครัวฟัง ข้นั ท่ี 5 สรุป 1. นกั เรียนร่วมกนั สรุปเร่ือง การอ่านทานองเสนาะ บนั ทึกลงสมุด 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปลกั ษณะของคาศพั ทภ์ าษาชวาและคาราชาศพั ทจ์ ากบทละคร เร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง บนั ทึกลงสมุด 3. นักเรียนร่วมกนั สรุปประวตั ิผูแ้ ต่ง บนั ทึกลงสมุดในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเขา้ ใจของ ตนเอง 4. ครูใหน้ กั เรียนทบทวนความรู้เรื่อง การอ่านตีความ แลว้ สรุปเป็นความรู้ เป็นการบา้ นเพ่ือ เตรียมจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ครูจดั ประกวดการอา่ นทานองเสนาะระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๔ 2. นกั เรียนร่วมกนั แสดงบทบาทสมมุติเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง โดยกล่าวเป็ น บททานองเสนาะ และแสดงอารมณ์ใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้ือหาคาประพนั ธ์ 3. นกั เรียนช่วยกนั จดั ป้ายนิเทศคาศพั ทน์ ่ารู้จากบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง โดยออกแบบและตกแต่งใหส้ วยงาม แลว้ นามาติดหนา้ ช้นั เรียน 4. นกั เรียนศึกษาพระราชประวตั ิ พระราชกรณียกิจ และพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั จดั ป้ายนิเทศใหค้ วามรู้หนา้ ช้นั เรียน 9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. บตั รคา

70 2. แผนผงั ความรู้การแบ่งวรรคตอนการอา่ นกลอนบทละคร 3. แถบบนั ทึกเสียง 4. แบบประเมินการอา่ นออกเสียงร้อยกรอง 5. แบบประเมินการท่องจาบทร้อยกรอง 6. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 7. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 8. คู่มือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั 9. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 10. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ บันทึกผลการจัดการเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. สิ่งที่ไม่ได้ปฏบิ ตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ ลงชื่อ ผู้สอน / /

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 12 71 การอ่านตคี วาม ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 รหัสวชิ า ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 อิเหนา ตอน ศึกกระหมงั กหุ นิง เวลา 1 ชั่วโมง เร่ือง การอ่านตีความ 1. สาระสาคญั การอา่ นตีความ เป็นการอ่านจบั ใจความเรื่องอยา่ งละเอียด เพ่ือใหท้ ราบความหมายหรือความคิด สาคญั ของเร่ือง โดยอาศยั ความรู้ความเขา้ ใจในการพจิ ารณาองคป์ ระกอบของเรื่อง บทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง เป็ นเรื่องที่เกิดในสมยั ที่ชวานบั ถือลทั ธิพราหมณ์ ดงั น้นั บรรดาชื่อบุคคลจึงเป็ นภาษาสนั สกฤตบา้ ง ภาษาบาลีบา้ ง แต่ดว้ ยเหตุท่ีคาชวากบั คาไทยหลายคา มีรากฐานมาจากบาลีสนั สกฤตเหมือนกนั ดงั น้นั รูปคาและความหมายบางคา จึงพอเขา้ ใจกนั ได้ 2. ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน 1. วเิ คราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อา่ นในทุก ๆ ดา้ นอยา่ งมีเหตุผล ท 1.1 (ม.4–6/3) 2. วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เรื่องท่ีอ่าน และเสนอความคิดใหม่อยา่ ง มีเหตุผล ท 1.1 (ม.4–6/5) 3. วิเคราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวจิ ารณ์เบ้ืองตน้ ท 5.1 (ม.4–6/1) 4. สังเคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดี วรรณกรรม เพื่อนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง ท 5.1 (ม.4– 6/4) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. จบั ใจความ ตีความ วเิ คราะห์ และแสดงความคดิ เห็นจากเรื่องที่อา่ นได้ (K, P) 2. บอกความหมายของคาหรือขอ้ ความที่อ่านได้ (K) 3. บอกลกั ษณะนิสยั ของตวั ละครในเร่ืองและวิจารณ์พฤติกรรมของตวั ละครได้ (K , P) 4. มีมารยาทในการอา่ นและนิสยั รักการอ่าน (A)

72 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) (A) 1. สังเกตการตอบคาถาม 1. ประเมินพฤติกรรมในการทางาน 1. ประเมิ น ทักษะการอ่าน และการอภิปรายแสดง เป็ นรายบุคคลในด้านความสนใจ ตีความ ความคิดเห็น และต้งั ใจเรียน ความรับผิดชอบใน 2. ประเมินทักษะกระบวน 2. ตรวจผลการทากิจกรรม การทากิจกรรม ความมีระเบียบวินัย การคดิ ในการทางาน ฯลฯ 3. ประเมินทักษะกระบวน 2. ประเมินมารยาทในการอ่านและ การกลุม่ นิสยั รักการอ่าน 5. สาระการเรียนรู้ 1. การอ่านตีความ 2. สาระน่ารู้ 6. แนวทางการบูรณาการ  เขียนแผนภาพความคดิ สรุปลกั ษณะนิสยั ของตวั ละคร คณิตศาสตร์  ศึกษาธรรมเนียมประเพณีของชวา สงั คมศึกษาฯ  ออกแบบตกแต่งและจดั ป้ายนิเทศ ศิลปะ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 นาเข้าสู่บทเรียน นักเรียนร่วมกนั ทบทวนความรู้เก่ียวกบั ลกั ษณะของการอ่านตีความว่ามีวิธีการอย่างไร แลว้ ช่วยกนั เล่าเร่ืองยอ่ บทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง อีกคร้ัง ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูเขียนตัวอย่างบทร้อยกรองจากบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง บน กระดาน แลว้ ให้นักเรียนช่วยกนั บอกว่า เป็ นคาพูดของใคร พูดกบั ใคร มีความหมายว่า อยา่ งไร พ่ีดงั พฤกษาพนาวนั จะอาสญั เพราะลูกเหมือนกลา่ วมา ครูเฉลยให้นักเรียนฟังว่า เป็ นคาพูดของทา้ วกะหมงั กุหนิง ที่บอกกบั พระอนุชาท้งั สอง พระองคว์ ่า ตนเองเปรียบเหมือนกบั ตน้ ไมท้ ่ีตายเพราะลูก เช่น ตน้ กลว้ ย เมื่อมีลูกแลว้ ตน้

73 กลว้ ยกต็ ายลง พระองคก์ ็เช่นกนั ยอมไปรบเพ่ือวิหยาสะกาผเู้ ป็นลูก ซ่ึงอาจจะตายแต่ตนก็ เตม็ ใจเพราะความรักลูก 2. ครูสนทนากบั นกั เรียนเพื่อทบทวนความรู้เก่ียวกบั หลกั การอ่านตีความ และประเภทของ การตีความ พร้อมยกตวั อยา่ งการอา่ นตีความประกอบ 3. ครูแบ่งเน้ือเรื่องบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ออกเป็ นตอน ๆ แลว้ แบ่ง นกั เรียนออกเป็นกลุม่ ใหแ้ ต่ละกลุม่ ออกมาจบั สลากเพอ่ื เลือกตอนท่ีรับผดิ ชอบ 4. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มฝึ กอ่านและถอดคาประพันธ์บทร้อยกรองตอนท่ีกลุ่มตนเอง รับผิดชอบ โดยบอกรายละเอียดว่าบทร้อยกรองน้ันกล่าวถึงใคร ส่ือความหมายอะไร เสร็จแลว้ ส่งตวั แทนออกมารายงานหนา้ ช้นั เรียน ครูและเพื่อนร่วมแสดงความคิดเห็นติชม 5. ครูยกตัวอย่างบทร้อยกรองจากบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง 5 – 6 ตวั อยา่ ง เพ่อื ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตีความหมาย เป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจ 6. ครูอธิบายสาระน่ารู้เรื่อง ชื่อกรุงท้งั สี่ของกษตั ริยว์ งศเ์ ทวญั ตาแหน่งมเหสี ตาแหน่งเสนา ผใู้ หญ่ท้งั สี่ และช่ือตวั ละครในเร่ือง ในหนงั สือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 ประกอบการซกั ถามเพ่ิมเติม ข้นั ท่ี 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นกั เรียนทากิจกรรมที่เกี่ยวกบั การอ่านตีความ แลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านทบทวนบทละครเร่ือง อิเหนา ศึกกะหมังกุหนิง แล้ววิเคราะห์ ลกั ษณะนิสยั หรือพฤติกรรมของตวั ละครต่อไปน้ี 1) ทา้ วกะหมงั กุหนิง 5) นางจินตะหรา 2) ทา้ วกเุ รปัน 6) สงั คามาระตา 3) ทา้ วดาหา 7) วหิ ยาสะกา 4) อิเหนา 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน ครูคอยให้คาแนะนา และแต่ละกลุ่มนาผลงานไปปรับปรุงแกไ้ ข ออกแบบตกแต่งให้สวยงาม แลว้ นาไปจดั ป้าย นิเทศหนา้ ช้นั เรียน 4. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ขนบธรรมเนียมประเพณีของชวาที่ปรากฏใน บทละครเรื่อง อิเหนา ดงั น้ี 1) ตาแหน่งมเหสีของกษตั ริยช์ วา 2) ตาแหน่งพีเ่ ล้ียงของพระราชโอรสท้งั 4 ตาแหน่ง 3) ตาแหน่งพเ่ี ล้ียงของพระราชธิดาท้งั 4 ตาแหน่ง 4) ตาแหน่งเสนาบดีท้งั 4 ตาแหน่ง จากน้นั นกั เรียนช่วยกนั สรุปและเปรียบเทียบกบั ตาแหน่งขนุ นางไทย

74 ข้นั ที่ 4 นาไปใช้ 1. นักเรียนนาความรู้ท่ีไดจ้ ากการอ่านตีความไปใช้ในงานประพนั ธ์รูปแบบอ่ืน ๆ เช่น นว นิยาย เร่ืองส้นั บทความ 2. นักเรียนนาความรู้เกี่ยวกับช่ือเมือง ชื่อบุคคล และช่ือตาแหน่งต่าง ๆ ในบทละครเร่ือง อิเหนา ไปอธิบายใหผ้ ทู้ ่ีสนใจฟัง ข้นั ท่ี 5 สรุป 1. นกั เรียนร่วมกนั สรุปลกั ษณะนิสัยของตวั ละครจากบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะ หมงั กหุ นิง เขียนเป็นแผนภาพความคิด 2. นักเรียนสรุปสาระน่ารู้เรื่อง ช่ือกรุงท้งั สี่ของกษตั ริยว์ งศ์เทวญั ตาแหน่งมเหสี ตาแหน่ง เสนาผใู้ หญ่ท้งั สี่ และช่ือตวั ละครในเร่ืองโดยเขียนเป็ นรูปแบบต่าง ๆ ตามความเขา้ ใจของ นกั เรียน เช่น แผนภาพความคิด สรุปยอ่ 3. ครูให้นกั เรียนทบทวนความรู้เร่ือง การเขียนแสดงความคิดเห็น แลว้ สรุปเป็ นความรู้ เป็ น การบา้ นเพอื่ เตรียมจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. นกั เรียนศึกษาคน้ ควา้ และรวบรวมตวั อยา่ งบทความการอ่านตีความวรรณคดีและวรรณกรรม แลว้ นามาแลกเปล่ียนกนั อ่านกบั เพอื่ น 2. ครูจัดแข่งขนั การอ่านตีความบทร้อยกรองตามที่ครูกาหนดให้ ใครอ่านตีความได้ถูกต้อง สมเหตุสมผล และรวดเร็วเป็นผชู้ นะ 3. นกั เรียนช่วยกนั จดั ป้ายนิเทศสาระน่ารู้ โดยออกแบบและตกแต่งใหส้ วยงาม แลว้ นามาติดหนา้ ช้นั เรียน 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ตวั อยา่ งบทร้อยกรอง 2. ตวั อยา่ งการอ่านตีความ 3. สลาก 4. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 5. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 6. คูม่ ือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั 7. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 10. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้

75 บันทกึ ผลการจดั การเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจัดการเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจัดการเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. ส่ิงทีไ่ ม่ได้ปฏิบัตติ ามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ ลงชื่อ ผ้สู อน / /

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 13 76 การเขียนแสดงความคดิ เห็น ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 รหัสวิชา ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 อิเหนา ตอน ศึกกระหมงั กหุ นิง เวลา 1 ชั่วโมง เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็น 1. สาระสาคญั การเขียนแสดงความคิดเห็น เป็ นการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก จากประสบการณ์ อย่างมีหลักการ เหตุผล ข้อเท็จจริงที่น่าเช่ือถือ ตรงประเด็น เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์หรือการ เปล่ียนแปลงที่ดี โดยไม่มีอคติหรือขาดความรอบคอบ การวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม เป็ นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณคดีและ วรรณกรรมว่าดีหรือไม่ อย่างไร โดยมีเหตุผลประกอบ การวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมจึงตอ้ งมี ความรู้เกี่ยวกบั องคป์ ระกอบของงานประพนั ธ์ คือ รูปแบบ เน้ือหา และภาษา 2. ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน 1. วเิ คราะห์และวิจารณ์เรื่องท่ีอา่ นในทุก ๆ ดา้ นอยา่ งมีเหตุผล ท 1.1 (ม.4–6/3) 2. วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโตแ้ ยง้ เก่ียวกบั เรื่องที่อ่าน และเสนอความคิดใหม่ อยา่ งมีเหตุผล ท 1.1 (ม.4–6/5) 3. วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวิจารณ์เบ้ืองตน้ ท 5.1 (ม.4– 6/1) 4. วิเคราะห์ลกั ษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกบั การเรียนรู้ทางประวตั ิศาสตร์และวิถีชีวิต ของสงั คมในอดีต ท 5.1 (ม.4–6/2) 5. วิเคราะห์และประเมินคุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะท่ีเป็ น มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ท 5.1 (ม.4–6/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. แสดงความคิดเห็นประเดน็ ต่าง ๆ จากเร่ืองที่อ่านไดอ้ ยา่ งสมเหตุสมผล (K , P) 2. ช้ีแจงขอ้ ดี ขอ้ บกพร่องจากเรื่องท่ีอ่านไดอ้ ยา่ งชดั เจน (K , P) 3. นาสารประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากเร่ืองท่ีอา่ นไปปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (K , P) 4. มีความสนใจในการแสวงหาความรู้เก่ียวกบั วรรณกรรมและวรรณคดีไทย (A)

77 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม (A) ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) 1. สังเกตการตอบคาถาม 1. ประเมินพฤติกรรมในการทางาน 1. ประเมินทักษะการเขียน และการอภิปรายแสดง เป็ นรายบุคคลในด้านความสนใจ แผนภาพความคิด ความคดิ เห็น และต้ังใจเรียนความรับผิดชอบใน 2. ประเมินทกั ษะการเขียน 2. ตรวจผลการทากิจกรรม การทากิจกรรม ความมีระเบียบวินยั 3. ป ระเมิ น ทัก ษ ะก าร พู ด ในการทางาน ฯลฯ แสดงความคิดเห็น 2. ประเมินมารยาทในการเขียนและ 4. ประเมินทักษะกระบวน นิสยั รักการเขียน การคดิ 3. ประเมินมารยาทในการพดู 5. ประเมินทักษะกระบวน การกลุม่ 5. สาระการเรียนรู้ 1. การเขียนแสดงความคิดเห็น 2. แนวทางในการวจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม 6. แนวทางการบูรณาการ เขียนแผนภาพความคิดสรุปวิธีการเขียนแสดงความคิดเห็น/ คณิตศาสตร์  เขียนแผนภาพความคิดการแสดงความคิดเห็น ศึกษาขา่ วเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนในชีวติ ประจาวนั สงั คมศึกษาฯ  7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 นาเข้าสู่บทเรียน นักเรียนทบทวนวิธีการเขียนแสดงความคิดเห็น โดยร่วมระดมความคิดและสรุปเป็ น แผนภาพความคดิ บนกระดาน ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูอธิบายหลกั การเขียนแสดงความคิดเห็นให้นกั เรียนฟัง และนาตวั อยา่ งการเขียน แสดงความคิดเห็นมาใหน้ กั เรียนศึกษาประกอบ 2. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการ กระทาของตวั ละครวา่ เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) ทา้ วกเุ รปันส่งอิเหนาใหไ้ ปช่วยรบป้องกนั เมืองดาหา 2) ทา้ วดาหายกบุษบาใหจ้ รกา 3) ทา้ วกะหมงั กุหนิงยกทพั มารบเมืองดาหา

78 4) นางจินตะหราตดั พอ้ อิเหนาที่จากไปเมืองดาหา 3. นกั เรียนสรุปเขียนเป็นแผนภาพความคดิ เสร็จแลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 4. ครูและนักเรียนร่วมกนั วิจารณ์แสดงความคิดเห็นบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึก กะหมงั กหุ นิง ในหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1) เน้ือเร่ือง 2) ตวั ละคร 5. นกั เรียนแต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน 6. นักเรียนศึกษาแนวทางในการวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ในหัวขอ้ เน้ือเรื่อง และตวั ละคร ในหนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาป่ี ท่ี 4 แลว้ เปรียบเทียบกบั การวิจารณ์แสดงความคิดเห็นของนกั เรียนในตอนตน้ แลว้ สรุปเป็ น ความรู้ ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นกั เรียนทากิจกรรมที่เกี่ยวกบั การเขียนแสดงความคิดเห็น แลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง 2. นกั เรียนทากิจกรรมท่ีเกี่ยวกบั แนวทางในการวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม แลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 3. นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นคาถามต่อไปน้ี แล้วนาเสนอความ คิดเห็นหนา้ ช้นั เรียน 1) ลกั ษณะนิสยั ใดของทา้ วกะหมงั กหุ นิงที่น่าตาหนิมากท่ีสุด เพราะอะไร 2) ลกั ษณะนิสัยใดของทา้ วดาหาที่ควรนามาเป็ นแบบอยา่ งมากที่สุด เหตุใด จึงเป็ นเช่นน้นั 3) นักเรียนคิดว่าการท่ีท้าวกุเรปันมีพระราชสาส์นไปถึงอิเหนาและระตู หมนั หยาให้ไปช่วยเมืองดาหา หากขดั ขืนจะตดั พ่อตดั ลูกกบั อิเหนาและจะตดั ญาติกบั ระตูหมนั หยา เป็นการกระทาท่ีเหมาะสมหรือไม่ เพราะอะไร 4. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ความรักของวยั รุ่นที่มกั ทาอะไรตามใจ ตนเอง ยดึ ถือตนเองเป็ นใหญ่ แลว้ เปรียบเทียบกบั ลกั ษณะนิสัยของอิเหนา แลว้ สรุป เป็นขอ้ คดิ 5. นกั เรียนคน้ หาข่าวเหตุการณ์ที่เกิดจากการทะเลาะวิวาท การขดั แยง้ ระหว่างบุคคล หรือองคก์ ร สงครามการสู้รบจากหนงั สือพิมพ์ จานวน ๑ ข่าว แลว้ นามาเขียนแสดง ความคิดเห็นในแง่มุมต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนสร้างความเสียหายอย่างไร สาเหตุของเหตุการณ์คืออะไร ทาอยา่ งไรท่ีจะยบั ย้งั ไม่ใหเ้ กิดเหตุการณ์ 6. นกั เรียนนาเสนอผลงานการแสดงความคิดเห็นจากข่าวท่ีหามาให้เพื่อนฟังหนา้ ช้นั เรียน

79 7. นักเรียนทาใบงาน เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็น แล้วช่วยกันตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง ข้นั ที่ 4 นาไปใช้ นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสมและสมเหตุสมผลต่อเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนใน ชีวติ ประจาวนั ข้นั ท่ี 5 สรุป 1. นกั เรียนร่วมกนั สรุปแนวทางในการเขียนแสดงความคิดเห็น บนั ทึกลงสมุด 2. ครูให้นกั เรียนทบทวนความรู้เก่ียวกบั โวหารท่ีใชใ้ นภาษาไทย แลว้ สรุปเป็ นความรู้ เป็นการบา้ นเพ่ือเตรียมจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. นักเรียนศึกษาบทละครเร่ือง อิเหนา ตอนอ่ืน ๆ แล้วเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ พฤติกรรมท่ีดีและไม่ดีของอิเหนา หรือตวั ละครอื่นตามความสนใจ 2. นักเรียนศึกษาแนวทางในการวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมจากหนังสือเรียนหรือ หนงั สืออื่น ๆ แลว้ นามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกบั เพอื่ นในช้นั เรียน 3. นกั เรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั การแกป้ ัญหาในการยตุ ิศึกกะหมงั กุหนิง 4. นกั เรียนนาหลกั การวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไปวิจารณ์วรรณกรรมเร่ืองอื่น ๆ 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ตวั อยา่ งการเขียนแสดงความคิดเห็น 2. หนงั สือพมิ พ์ 3. ใบงาน เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็น 4. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 5. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 6. คูม่ ือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั 7. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 10. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้

80 บันทกึ ผลการจดั การเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจัดการเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจัดการเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. ส่ิงทีไ่ ม่ได้ปฏิบัตติ ามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ ลงชื่อ ผ้สู อน / /

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 14 81 การใช้สานวนโวหาร ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 รหัสวชิ า ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 อิเหนา ตอน ศึกกระหมงั กหุ นิง เวลา 1 ช่ัวโมง เรื่อง การใชส้ านวนโวหาร 1. สาระสาคญั สานวนโวหาร เป็ นความไพเราะสละสลวยในภาษา โวหารในภาษาไทยแบ่งออกเป็น ๕ ชนิด คือ บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร อุปมาโวหาร เทศนาโวหาร และสาธกโวหาร การมีความรู้เรื่อง สานวนโวหารจะทาใหอ้ ่านงานเขียนไดอ้ รรถรสมากข้ึน การวจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ผวู้ ิจารณ์จะตอ้ งมีความรู้เร่ืองหลกั การวิจารณ์ มีเหตุผลท่ี ดี และมีวรรณศิลป์ ในการเรียบเรียง 2. ตัวชี้วดั ช่วงช้ัน 1. วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องท่ีอา่ นในทุก ๆ ดา้ นอยา่ งมีเหตุผล ท 1.1 (ม.4–6/3) 2. วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคิดเห็นโตแ้ ยง้ เกี่ยวกบั เรื่องท่ีอ่าน และเสนอความคิดใหม่อยา่ ง มีเหตุผล ท 1.1 (ม.4–6/5) 3. วเิ คราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวจิ ารณ์เบ้ืองตน้ ท 5.1 (ม.4–6/1) 4. วิเคราะห์ลกั ษณะเด่นของวรรณคดีเช่ือมโยงกบั การเรียนรู้ทางประวตั ิศาสตร์และวิถีชีวิต ของสงั คมในอดีต ท 5.1 (ม.4–6/2) 5. วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะท่ีเป็ น มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ท 5.1 (ม.4–6/3) 6. สงั เคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ท 5.1 (ม.4– 6/4) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกลกั ษณะของสานวนโวหารแต่ละชนิดได้ (K) 2. เขียนงานเขียนโดยใชโ้ วหารแต่ละชนิดได้ (K , P) 3. เขียนอธิบายคุณค่าของเรื่องที่อ่านประเดน็ ต่าง ๆ ได้ (K , P) 4. แสดงความคิดเห็นประเดน็ ต่าง ๆ เกี่ยวกบั เน้ือเร่ืองได้ (K , P) 5. นาสารประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากเรื่องที่อา่ นไปปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั (K , P) 6. เห็นคุณค่าและความงดงามในการใชภ้ าษา (A)

82 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) (A) 1. สังเกตการตอบคาถาม 1. ประเมินพฤติกรรมในการทางาน 1. ประเมินทักษะการอ่านจับ และการอภิปรายแสดง เป็ นรายบุคคลในดา้ นความสนใจ ใจความ ความคิดเห็น และต้ังใจเรียน ความรับผิดชอบ 2. ประเมินทกั ษะการเขยี น 2. ตรวจผลการทากิจกรรม ในการทากิจกรรม ความมีระเบียบ 3. ประเมินทักษะกระบวน 3. ตรวจแบบทดสอบหลงั วินยั ในการทางาน ฯลฯ การคิด เรียน 2. ประเมินมารยาทในการอ่านและ 4. ประเมินทักษะกระบวน นิสยั รักการอา่ น การกลุม่ 3. ประเมินมารยาทในการเขียนและ นิสยั รักการเขียน 5. สาระการเรียนรู้ 1. การใชส้ านวนโวหาร 2. แนวทางในการวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม 6. แนวทางการบูรณาการ สงั คมศึกษา  ศึกษาข่าวหรือเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในชีวติ ประจาวนั ภาษาองั กฤษ  ศึกษาเรื่อง การใชส้ านวนโวหารในภาษาองั กฤษเปรียบเทียบกบั ภาษาไทย ศิลปะ  จดั ป้ายนิเทศ/จดั ป้ายแสดงผลงาน 7. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับโวหารท่ีใช้ในภาษาไทยว่ามีอะไรบ้าง แต่ละชนิดมี ลกั ษณะอยา่ งไร 2. ครูสนทนาโยงเขา้ เร่ือง การใชส้ านวนโวหาร ข้นั ท่ี 2 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. ครูนาตัวอย่างโวหารแต่ละชนิดมาให้นักเรียนดู เช่น บรรยายโวหาร พรรณนา โวหาร อุปมาโวหาร สาธกโวหาร แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกลกั ษณะเด่นของโวหารแต่ละ ชนิด 2. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มอ่านบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะห มงั กุหนิง ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๔ เล่ม ๒

83 แลว้ ช่วยกนั หาสานวนโวหารต่าง ๆ ที่ปรากฏในเน้ือเรื่อง เสร็จแลว้ อ่านใหเ้ พื่อนใน ช้นั เรียนฟัง ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง 3. นักเรียนแต่ละคนเลือกเขียนลกั ษณะตวั ละครตามจินตนาการของตนเองจากบท ละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง คนละ 2 ตวั โดยใชโ้ วหารชนิดใดก็ได้ จะ แต่งเป็นบทร้อยกรองหรือความเรียงกไ็ ด้ เสร็จแลว้ ส่งครู 1) อิเหนา 5) ทา้ วดาหา 2) นางจินตะหรา 6) ทา้ วกเุ รปัน 3) นางบุษบา 7) วิหยาสะกา 4) ทา้ วกะหมงั กุหนิง 8) สงั คามารตา 4. ครูคดั เลือกผลงานท่ีเขียนไดด้ ี อ่านใหเ้ พ่ือนฟังหนา้ ช้นั เรียน และนาไปจดั ป้ายนิเทศ หนา้ ช้นั เรียน 5. ครูสุ่มเรียกนักเรียนให้บอกลกั ษณะของสานวนโวหารที่ใชใ้ นภาษาไทย คนละ 1 ชนิด พร้อมยกตวั อยา่ งขอ้ ความประกอบ เพ่ือเป็นการทบทวน 6. นักเรียนร่วมกนั ศึกษาแนวทางในการวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ในหัวขอ้ ศิลปะการประพนั ธ์ ขอ้ คิด คติคาสอน และความจรรโลงใจ และการเชื่อมโยงกบั ชีวิตประจาวนั ในหนงั สือเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 7. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 – 3 คน ให้บอกขอ้ คิดท่ีไดจ้ ากการเรียนบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง จากน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกบั ขอ้ คิดท่ีไดจ้ าก การเรียนบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ว่าสามารถนาไปปรับใชใ้ น ชีวิตประจาวนั ไดจ้ ริงหรือไม่ อยา่ งไร แลว้ ช่วยกนั สรุป 8. ครูนาข่าวหรือเหตุการณ์ที่เก่ียวกบั ความหลงใหลในเรื่องของความรัก ท้งั ที่สมหวงั และไม่สมหวงั มาใหน้ กั เรียนร่วมกนั วจิ ารณ์ และหาแนวทางแกไ้ ขปัญหา ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นกั เรียนทากิจกรรมที่เก่ียวกบั การใชส้ านวนโวหาร แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ 2. นกั เรียนทากิจกรรมท่ีเกี่ยวกบั แนวทางในการวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ 3. นกั เรียนแต่ละกลุ่มเขียนอธิบายคุณค่าบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง แลว้ ส่งใหค้ รูตรวจสอบความถูกตอ้ ง 4. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มเลือกภาพจากสื่อส่ิงพิมพ์ต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร แลว้ เขียนเก่ียวกบั ภาพโดยใช้โวหารชนิดใดก็ได้ เสร็จแลว้ ส่งตวั แทนออกมารายงานใหเ้ พ่อื นฟังหนา้ ช้นั เรียน 5. นกั เรียนนาผลงานการเขียนประกอบภาพไปติดท่ีป้ายแสดงผลงานหนา้ ช้นั เรียน

84 6. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มรวบรวมคาศพั ท์ยากที่ปัจจุบนั ไม่ค่อยใช้ มากนักจากบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง แล้วช่วยกันอธิบาย ความหมาย 7. นกั เรียนนาขอ้ คิดจากบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ไปแต่งเป็ นเรื่อง ส้นั หรือนิทาน คนละ 1 เร่ือง ส่งครู ข้นั ท่ี 4 นาไปใช้ 1. นักเรียนนาความรู้เรื่อง การใชส้ านวนโวหาร ไปปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั และใน การเรียน 2. นักเรียนนาขอ้ คิดจากบทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ไปปรับใช้ใน ชีวติ ประจาวนั ข้นั ท่ี 5 สรุป 1. นกั เรียนร่วมกนั สรุปเร่ือง การใชส้ านวนโวหาร บนั ทึกลงสมุด 2. นกั เรียนร่วมกนั สรุปแนวทางในการวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง บนั ทึกลงสมุด 3. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ 4. ครูให้นกั เรียนตอบคาถามในประเด็นท่ีว่า จากบทละครเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะห มงั กุหนิง สะทอ้ นให้เห็นถึงผลของการทาสงคราม ที่ทาให้เกิดการสูญเสีย เสียหาย ท้ังต่อชีวิตทรัพยส์ ินและจิตใจของคนในชาติ นักเรียนคิดว่าความเสียหายของ สงครามยงั ปรากฏให้เห็นอยา่ งชดั เจนในวรรณคดีเรื่องใดอีกบา้ ง แลว้ มอบหมายให้ นกั เรียนศึกษาเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การฟังการดู และการพดู ใหส้ ัมฤทธ์ิผล ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 เป็ นการบา้ นเพ่ือ เตรียมจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. แบ่งนักเรียนออกเป็ น 4 กลุ่ม จบั สลากแบ่งหน้าที่ เพ่ือจัดป้ายนิเทศการเขียนโดยใช้ สานวนโวหารในการอธิบายภาพหรือเหตุการณ์ท่ีน่าสนใจประจาสัปดาห์กลุ่มละ 1 สัปดาห์ จากน้ันให้นักเรียนในช้ันเรียนร่วมกนั ตดั สินว่าการเขียนของกลุ่มใดในแต่ละ สปั ดาห์มีความถูกตอ้ งและน่าสนใจที่สุด เพอ่ื หาผชู้ นะประจาเดือน 2. นกั เรียนศึกษาเร่ือง การใชส้ านวนโวหารในภาษาอังกฤษเปรียบเทียบกบั สานวนโวหาร ในภาษาไทย 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบหลงั เรียน

85 2. ตวั อยา่ งโวหารชนิดต่าง ๆ 3. ขา่ วหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวกบั การหลงใหลในความรัก 4. ภาพจากส่ือส่ิงพมิ พ์ 5. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 6. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 7. คูม่ ือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั 8. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 10. บันทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ บันทกึ ผลการจัดการเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. ส่ิงทไ่ี ม่ได้ปฏบิ ตั ิตามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ ลงชื่อ ผ้สู อน / /

86 แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การฟังการดู และการพดู ให้สัมฤทธ์ิผล เวลา 8 ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15 หลกั การฟังและการดู เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 16 การฟังใหส้ มั ฤทธ์ิผล เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 มารยาทในการฟังและการดู เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 18 หลกั ทว่ั ไปของการพดู เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 19 การพดู ในโอกาสต่าง ๆ เวลา 2 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 20 การพดู ในโอกาสต่าง ๆ (ต่อ) เวลา 2 ชวั่ โมง

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15 87 หลกั การฟังและการดู ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 รหัสวิชา ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การฟังการดู และการพดู ใหส้ มั ฤทธ์ิผล เวลา 1 ชั่วโมง เรื่อง หลกั การฟังและการดู 1. สาระสาคัญ การฟังและการดู เป็นทกั ษะทางการส่ือสารอยา่ งหน่ึง ท่ีใชเ้ ป็นเครื่องมือในการรับรู้ข่าวสารหรือ สาระท่ีจาเป็ นต่อการดาเนินชีวิตประจาวนั การเรียนรู้หลกั การหรือวิธีการท่ีถูกตอ้ งจะทาให้ฟังและดูได้ อยา่ งสมั ฤทธ์ิผล 2. ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน 1. สรุปแนวคิดและแสดงความคดิ เห็นจากเร่ืองท่ีฟังและดู ท 3.1 (ม.4–6/1) 2. วเิ คราะห์แนวคิดและแสดงความคิดเห็นจากเร่ืองที่ฟังและดูอยา่ งมีเหตุผล ท 3.1 (ม.4–6/2) 3. ประเมินเรื่องที่ฟังและดู แลว้ กาหนดแนวทางนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวิต ท 3.1 (ม. 4–6/3) 4. มีวจิ ารณญาณในการเลือกเร่ืองท่ีฟังและดู ท 3.1 (ม.4–6/4) 5. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู ท 3.1 (ม.4–6/6) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมาย ความสาคญั และจุดมุ่งหมายของการฟังและการดูได้ (K) 2. อธิบายหลกั การฟังและการดูที่ดีและนาไปปฏิบตั ิได้ (K , P) 3. เลือกฟังและดูเรื่องต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมและมีวิจารณญาณ (K , P) 4. มีมารยาทในการฟังและการดู (A) 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม (A) ด้านทักษะและกระบวนการ (P) 1. สังเกตการตอบคาถามและการ 1. ประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็ น 1. ประเมินทักษะการฟังและ แสดงความคิดเห็น รายบุคคลในด้านความสนใจ และ การดู 2. ตรวจผลการทากิจกรรม ต้งั ใจเรียน ความรับผิดชอบในการทา 2. ประเมินทกั ษะกระบวนการ 3. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน กิจกรรม ความมีระเบียบวินัยในการ คิด ทางาน ฯลฯ 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการ 2. ประเมินมารยาทในการฟังและการดู กลุ่ม

88 5. สาระการเรียนรู้ 1. ความหมาย ความสาคญั และจุดมุ่งหมายของการฟังและการดู 2. หลกั การฟังและการดู 3. การฟังและการดูส่ิงที่เป็นความรู้และความบนั เทิง 4. การฟังและการดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 6. แนวทางบูรณาการ วิทยาศาสตร์  ดูวดี ิทศั น์ สารคดีชีวิตสตั ว์ คณิตศาสตร์  เขียนแผนภาพความคดิ เร่ือง การฟังและการดู ศิลปะ  ดูวีดิทศั นก์ ารแสดงโขนเร่ือง รามเกียรต์ิ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นาเข้าสู่บทเรียน 1. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ครูนาภาพเกี่ยวกบั การฟังและการดูมาติดบนกระดาน ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาวา่ ในการฟังและการดูแต่ละคร้ัง ควรมีจุดมุ่งหมายในการฟังและการดูหรือไม่ อยา่ งไร ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มสนทนาแสดงความคิดเห็นตามแนว คาถามท่ีกาหนดให้ แลว้ สรุปโดยใชค้ วามรู้เดิมท่ีเคยเรียนมา 1) การฟังและการดูหมายถึงอะไร 2) การฟังและการดูมีความสาคญั อยา่ งไร 3) การฟังและการดูมีจุดมุ่งหมายอยา่ งไร 4) นกั เรียนมีหลกั ในการฟังและการดูท่ีดีอยา่ งไร 5) นกั เรียนมีวิธีการเลือกฟังและดู ส่ิงท่ีเป็นความรู้และความบนั เทิงอยา่ งไร 6) การฟังและการดูอยา่ งไรจึงเรียกวา่ ฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอข้อสรุปของกลุ่มหน้าช้ันเรียน แล้วให้ครูอธิบาย ประกอบการซกั ถามเพิ่มเติมทีละขอ้ จนครบทุกขอ้ 3. นกั เรียนศึกษาเรื่อง การฟังและการดูสิ่งท่ีเป็ นความรู้และความบนั เทิง ในหนงั สือ เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 แลว้ ครูซกั ถามประกอบการ อธิบายเพ่ิมเติม 4. นักเรียนช่วยกนั ยกตวั อย่างการฟังและการดูสิ่งที่เป็ นความบนั เทิงมา 1 ตวั อย่าง เพอ่ื ร่วมกนั วิเคราะห์วา่ ไดป้ ระโยชนอ์ ะไรบา้ งจากการฟังและการดูเร่ืองน้นั ๆ

89 5. ครูเปิ ดวีดิทัศน์สารคดีชีวิตสัตวแ์ ละวีดิทศั น์การแสดงโขน เร่ือง รามเกียรต์ิ ให้ นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนนาหลักการฟังและการดูท่ีได้ศึกษามาปฏิบัติ และ ร่วมกนั วเิ คราะห์จุดมุ่งหมายของการฟังและการดู ข้นั ที่ 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นกั เรียนทากิจกรรมที่เกี่ยวกบั หลกั การฟังและการดู แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ 2. แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุม่ ใหแ้ ต่ละกลุม่ เลือกบทความที่เป็นความรู้และบทความที่เป็น ความบนั เทิงอย่างละ 1 บทความ บอกเหตุผลที่เลือกบทความน้ี นามาอ่านให้เพ่ือนฟัง แลว้ ร่วมกนั สนทนาวเิ คราะห์เรื่องที่ฟังตามแนวคาถามที่กาหนดให้ 1) เรื่องท่ีฟังเป็นความรู้หรือความบนั เทิง 2) ประเด็นสาคญั ของเรื่องคืออะไร 3) เร่ืองท่ีฟังแสดงขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ คิดเห็น หรือทศั นคติ และเช่ือถือไดม้ ากนอ้ ย เพยี งใด 3. นกั เรียนอา่ นทบทวนเรื่อง ความหมาย ความสาคญั และจุดมุ่งหมายของการฟังและการ ดู หลกั การฟังและการดู การฟังและการดูสิ่งท่ีเป็นความรู้และความบนั เทิง และการฟัง และการดูอย่างมีวิจารณญาณ ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยม ศึกษาปี ท่ี 4 แลว้ สรุปความรู้ลงสมุด 4. ครูอ่านบทความให้นักเรียนฟัง ๑ เรื่อง ให้นักเรียนปฏิบตั ิตามหลกั การฟังและการดู อยา่ งมีวจิ ารณญาณแต่ละขอ้ แลว้ นาเสนอหนา้ ช้นั เรียน 5. ครูอธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียนรู้วา่ การฟังและการดูเป็ นการแสดงมารยาทที่ดีในการเขา้ สังคม ผูฟ้ ังและผูด้ ูท่ีดีจะได้รับความนิยมชมชอบจากคู่สนทนา และสามารถสร้าง บรรยากาศให้เป็ นมิตรได้ ซ่ึงสอดคล้องกับเงื่อนไขคุณธรรมตามหลักเศรษฐกิจ พอเพยี ง ข้นั ที่ 4 นาไปใช้ 1. นกั เรียนนาหลกั การฟังและการดูไปใชฟ้ ังและดูเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั 2. นักเรียนเลือกฟังและดูสิ่งที่เป็ นความรู้และความบนั เทิงตามความตอ้ งการได้อย่าง เหมาะสม 3. นกั เรียนฟังและดู เรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั อยา่ งมีวจิ ารณญาณ ข้นั ที่ 5 สรุป 1. นกั เรียนช่วยกนั สรุปเรื่อง หลกั การฟังและการดู โดยเขียนเป็นแผนภาพความคดิ 2. ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตการฟังของตนเองวา่ สามารถฟังเร่ืองราวต่าง ๆ ไดจ้ ากส่ือใด และ โอกาสใดบา้ ง เป็นการบา้ นเพ่ือเตรียมจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป

90 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. นักเรียนร่วมกนั อภิปรายในหัวขอ้ ทศั นคติของผูฟ้ ังและผูด้ ูมีผลต่อการฟังและการดูหรือไม่ อยา่ งไร 2. นักเรียนเลือกชมการแสดงของประเทศสมาชิกอาเซียนตามความสนใจ แลว้ นามาสนทนา แลกเปลี่ยนความรู้กบั เพ่ือนในช้นั เรียน 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนและหลงั เรียน 2. ภาพท่ีเก่ียวกบั การฟังและการดู 3. วีดิทศั น์สารคดีชีวติ สตั ว์ 4. วีดิทศั นก์ ารแสดงโขนเรื่อง รามเกียรต์ิ 5. บทความ 6. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 7. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 8. คู่มือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั 9. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 10. บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ บนั ทึกผลการจดั การเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจัดการเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. สิ่งท่ไี ม่ได้ปฏบิ ัติตามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ ลงชื่อ ผู้สอน / /

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 16 91 การฟังให้สัมฤทธ์ิผล ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 รหัสวิชา ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การฟังการดู และการพดู ใหส้ มั ฤทธ์ิผล เวลา 1 ชั่วโมง เร่ือง การฟังใหส้ มั ฤทธ์ิผล 1. สาระสาคญั การฟังใหส้ มั ฤทธ์ิผล เป็นการฟังท่ีผฟู้ ังไดร้ ับผลตามความตอ้ งการของผพู้ ดู ซ่ึงผฟู้ ังจะตอ้ งเขา้ ใจ จุดมุ่งหมาย พจิ ารณาความครบถว้ น ความน่าเช่ือถือ และประเมินคุณคา่ ของเรื่องท่ีฟังได้ 2. ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน 1. สรุปแนวคิดและแสดงความคิดเห็นจากเร่ืองท่ีฟังและดู ท 3.1 (ม.4–6/1) 2. วเิ คราะห์แนวคิดและแสดงความคิดเห็นจากเร่ืองท่ีฟังและดูอยา่ งมีเหตุผล ท 3.1 (ม.4–6/2) 3. ประเมินเรื่องท่ีฟังและดู แลว้ กาหนดแนวทางนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวิต ท 3.1 (ม. 4–6/3) 4. มีวจิ ารณญาณในการเลือกเรื่องที่ฟังและดู ท 3.1 (ม.4–6/4) 5. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู ท 3.1 (ม.4–6/6) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกจุดมุ่งหมายและใจความสาคญั ของเรื่องที่ฟังได้ (K) 2. แสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล (K , P) 3. ประเมินคุณคา่ และความน่าเชื่อถือของเรื่องที่ฟังไดอ้ ยา่ งมีวจิ ารณญาณ (K , P) 4. มีมารยาทในการฟังและการดู (A) 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม (A) ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) 1. สังเกตการตอบคาถาม 1. ประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็ น 1. ประเมินทกั ษะการฟังและการดู แ ล ะ ก า ร แ ส ด ง ค ว า ม รายบุคคลในด้านความสนใจและ 2. ประเมินทกั ษะกระบวนการคดิ คิดเห็น ต้งั ใจเรียน ความรับผดิ ชอบในการทา 3. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจผลการทากิจกรรม กิจกรรม ความมีระเบียบวินัยในการ กลุม่ ทางาน ฯลฯ 2. ประเมินมารยาทในการฟังและการดู

92 5. สาระการเรียนรู้ 1. การฟังใหส้ มั ฤทธ์ิผล 2. การตดั สินใจแกไ้ ขปัญหาโดยใชข้ อ้ มูลจากสื่อต่าง ๆ 6. แนวทางบูรณาการ ต่อแผนภาพความคดิ เร่ือง การฟังใหส้ มั ฤทธ์ิผล คณิตศาสตร์  พิจารณาปัญหาน้ามนั ราคาแพงและหาแนวทางในการแกไ้ ขปัญหา สงั คมศึกษาฯ  พจิ ารณาปัญหาการใชค้ าภาษาต่างประเทศปนกบั คาภาษาไทย และหา ภาษาต่างประเทศ  แนวทางในการแกไ้ ขปัญหา ศึกษาขอ้ ดีและขอ้ เสียของการใชอ้ ินเทอร์เน็ตในการหาขอ้ มูล การงานอาชีพฯ  7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นาเข้าสู่บทเรียน 1. นกั เรียนช่วยกนั บอกวา่ เราสามารถรับสารโดยการฟังไดจ้ ากส่ือใดและในโอกาสใดได้ บา้ ง 2. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ปัจจยั ที่ทาใหก้ ารฟังสมั ฤทธ์ิผล ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. นกั เรียนศึกษาเรื่อง การฟังให้สัมฤทธิผล ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 แลว้ ครูซกั ถามประกอบการอธิบายเพิม่ เติม 2. นักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับโอกาสในการฟังว่า ในแต่ละวนั นักเรียนได้ฟังใน โอกาสใดบา้ ง และคิดวา่ การฟังในแต่ละโอกาสมีขอ้ ดี ขอ้ เสียอยา่ งไร 3. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มศึกษาระดบั ข้นั ของการฟังที่สัมฤทธ์ิผล ใน หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ ๔ เล่ม ๑ แล้วร่วมกัน วิเคราะห์ระดับข้ันแต่ละข้ันว่าจะต้องพิจารณาสิ่ งใดจากเรื่ องท่ีฟังจึงจะบรรลุ จุดมุ่งหมายในการฟังแต่ละระดบั 4. นกั เรียนแต่ละกลุ่มสรุปผลการศึกษาคน้ ควา้ ในขอ้ ๓ แลว้ นาเสนอให้เพ่ือนฟังหนา้ ช้นั เรียนครูสรุปและอธิบายประกอบการซกั ถามเพิ่มเติม 5. ครูอธิบายให้นกั เรียนเขา้ ใจว่า การฟังและการดูส่ือต่าง ๆ สามารถนาขอ้ มูลจากการฟัง และการดูมาใชป้ ระกอบการตดั สินใจและการแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ ได้ ข้นั ท่ี 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นกั เรียนทากิจกรรมที่เกี่ยวกบั การฟังให้สัมฤทธ์ิผล และการตดั สินใจแกไ้ ขปัญหาโดยใช้ ขอ้ มูลจากสื่อต่าง ๆ แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ

93 2. ครูอ่านบทความท่ีเป็ นความรู้หรือความบันเทิงให้นกั เรียนฟัง แลว้ ให้นกั เรียนตอบคาถาม ตามแนวคาถามที่กาหนดให้ 1) เรื่องที่ฟังเป็นเรื่องอะไร 2) ประเด็นสาคญั ของเร่ืองท่ีฟังคืออะไร 3) เรื่องที่ฟังเป็นเรื่องที่ใหค้ วามรู้หรือความบนั เทิงในเร่ืองใด 4) เรื่องที่ฟังเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ มีประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง 5) นกั เรียนสามารถนาเรื่องท่ีฟังไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดห้ รือไม่ อยา่ งไร 6) นกั เรียนจดบนั ทึกเร่ืองท่ีฟังไดว้ า่ อยา่ งไร 3. นกั เรียนทาใบงาน เร่ือง การฟังใหส้ มั ฤทธิผล แลว้ ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 4. นกั เรียนรวบรวมแหล่งขอ้ มูลที่สามารถนามาใชป้ ระกอบการตดั สินใจแกไ้ ขปัญหา พร้อม ระบุ ปั ญ ห า เช่ น ปั ญ ห าการใช้ภ าษ าไท ย แห ล่งข้อมู ล คื อ พ จน านุ กรม ฉ บับ ราชบณั ฑิตยสถาน เวบ็ ไซตร์ าชบณั ฑิตยสภา WWW.royin.go.th ข้นั ท่ี 4 นาไปใช้ นักเรี ยนนาความรู้เร่ื อง การฟังให้สัมฤทธิผล ไปใช้ในการฟังเรื่ องราวต่าง ๆ ใน ชีวติ ประจาวนั และนาขอ้ มูลท่ีไดฟ้ ังมาใชป้ ระกอบการตดั สินใจแกไ้ ขปัญหา ข้นั ที่ 5 สรุป 1. นักเรียนช่วยกนั ต่อชุดแผนภาพความคิดเรื่อง การฟังให้สัมฤทธิผล ให้สมบูรณ์ แลว้ สรุป ความรู้จากแผนภาพความคดิ 2. ครูให้นักเรียนศึกษามารยาทในการฟังและการดูของตนเองว่า ฟังและดูอย่างมีมารยาท หรือไม่ อยา่ งไร เป็นการบา้ นเพื่อเตรียมจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. นกั เรียนพิจารณาปัญหาที่กาหนดให้ แลว้ บอกแหล่งคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพ่ิมเติมและแนวทางในการ ตดั สินใจแกไ้ ขปัญหา 1) ปัญหาน้ามนั ราคาแพง 2) ปัญหาการใชค้ าภาษาต่างประเทศปนกบั คาภาษาไทย 2. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายขอ้ ดีและขอ้ เสียของการเลือกใชข้ อ้ มูลจากส่ืออินเทอร์เน็ตประกอบการ ตดั สินใจแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั 3. นักเรี ยนยกตัวอย่างส่ื อต่าง ๆ ที่ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น หนงั สือพิมพ์ โลกอาเซียน เวบ็ ไซต์ WWW.thai-aec.com 9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. บทความที่เป็นความรู้หรือความบนั เทิง

94 2. ใบงาน เรื่อง การฟังใหส้ มั ฤทธิผล 3. ชุดแผนภาพความคิดเร่ือง การฟังใหส้ มั ฤทธิผล 4. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 5. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 6. คูม่ ือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั 7. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 10. บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ บันทกึ ผลการจัดการเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. ส่ิงท่ีไม่ได้ปฏิบัติตามแผน เหตุผล 4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่ือ ผ้สู อน / /

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 17 95 มารยาทในการฟังและการดู ช้ัน มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 รหัสวชิ า ท 31101 รายวชิ า ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การฟังการดู และการพดู ใหส้ มั ฤทธ์ิผล เวลา 1 ชั่วโมง เร่ือง มารยาทในการฟังและการดู 1. สาระสาคญั มารยาทในการฟังและการดู เป็ นมารยาททางสังคมที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสมกับ กาลเทศะ ผทู้ ่ีมีมารยาทในการฟังและการดูจะไดร้ ับความรู้ ความบนั เทิง จากการฟังและการดูอยา่ งเตม็ ที่ และไดร้ ับการยอมรับจากสงั คมอีกดว้ ย การแสดงความคิดเห็นในเร่ืองที่ฟังหรือดู ควรแสดงความคิดเห็นโดยมีเหตุผลสนบั สนุนท่ีเช่ือถือ ได้ ส่วนการวิพากษว์ จิ ารณ์ ควรบอกท้งั ขอ้ ดี ขอ้ เสีย และแนวทางแกไ้ ข 2. ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน 1.วิเคราะห์แนวคิด การใชภ้ าษา และความน่าเช่ือถือจากเร่ืองท่ีฟังหรือดูอย่างมีเหตุผล ท 3.1 (ม.4– 6/2) 2. ประเมินเรื่องท่ีฟังและดู แลว้ กาหนดแนวทางนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวติ ท 3.1 (ม.4–6/3) 3. มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู ท 3.1 (ม.4–6/6) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกมารยาทในการฟังและการดูได้ (K) 2. แสดงความคิดเห็นจากเรื่องท่ีฟังไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล (K , P) 3. ประเมินค่าความน่าเช่ือถือของเร่ืองที่ฟังไดอ้ ยา่ งมีวิจารณญาณ (K , P) 4. ใชท้ กั ษะทางภาษาในการแสวงหาความรู้และอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมได้ (P) 5. ปฏิบตั ิตนเป็นผมู้ ีมารยาทในการฟังและการดู (A) 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม (A) ด้านทักษะและกระบวนการ (P) 1. สังเกตการตอบคาถามและ 1. ประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็ น 1. ประเมินทกั ษะการฟังและการดู การแสดงความคิดเห็น รายบุคคลในด้านความสนใจและต้ังใจ 2. ประเมินทกั ษะกระบวนการคิด 2. ตรวจผลการทากิจกรรม เรียน ความรับผิดชอบในการทากิจกรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการกลุม่ 3. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน ความมีระเบียบวนิ ยั ในการทางาน ฯลฯ 2. ประเมินมารยาทในการฟังและการดู

96 5. สาระการเรียนรู้ 1. มารยาทในการฟังและการดู 2. การแสดงความคิดเห็นและวิพากษว์ จิ ารณ์จากการฟังและการดู 6. แนวทางบูรณาการ คณิตศาสตร์  เขียนแผนภาพความคิดเร่ือง มารยาทในการฟังและการดู สงั คมศึกษาฯ  ศึกษาเรื่อง มารยาทในการนง่ั การยนื การเดิน ศิลปะ  ดูภาพยนตร์/แสดงบทบาทสมมุติ สุขศึกษาฯ  ศึกษาวิธีป้องกนั โรคไขห้ วดั ๒๐๐๙ จากการสมั ภาษณ์ปลดั กระทรวง สาธารณสุข 7. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ข้นั ท่ี 1 นาเข้าสู่บทเรียน ครูใหน้ กั เรียนดูภาพเกี่ยวกบั การฟังหรือการดู หรือเปิ ดวีดิทศั น์การแสดงทอลก์ โชวข์ อง นกั พูดใหน้ กั เรียนดู แลว้ ใหน้ กั เรียนสงั เกตการแต่งกาย ท่านงั่ และการแสดงท่าทางของผฟู้ ังวา่ มี ความเหมาะสมหรือไม่ อยา่ งไร ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. แบ่งนักเรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มศึกษาเร่ือง มารยาทในการฟังและการดู ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 4 แล้วเขียน แผนภาพความคดิ 2. นกั เรียนช่วยกนั ตอบคาถามตามแนวคาถามท่ีกาหนดให้ 1) มารยาทในการฟังและการดูแบ่งเป็นกี่ลกั ษณะ อะไรบา้ ง 2) การมีมารยาทในการฟังและการดูมีประโยชน์อยา่ งไรต่อผปู้ ฏิบตั ิบา้ ง 3) การมีมารยาทในการฟังและการดู ทาใหฟ้ ังและดูเรื่องราวต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ ง สมั ฤทธ์ิผลจริงหรือไม่ อยา่ งไร 3. นกั เรียนฟังตวั อยา่ งพฤติกรรมการฟังและการดูที่ครูบอก แลว้ ร่วมกนั สนทนาแสดง ความคดิ เห็นถึงความเหมาะสม ตัวอย่าง – ป่ านนงั่ ไขวห่ า้ งฟังครูสอนในหอ้ งเรียน – ป๋ ุยสวมเส้ือสายเดี่ยวไปดูคอนเสิร์ต – บีนง่ั ร้องไหเ้ มื่อดูละครถึงตอนเศร้า – บอยจดบนั ทึกจากการฟังอภิปรายของเพื่อนหนา้ ช้นั เรียน

97 4. นกั เรียนศึกษาเรื่อง การแสดงความคิดเห็นและวิพากษว์ จิ ารณ์จากการฟังและการดู ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 แลว้ ครูซักถาม ประกอบการอธิบายเพม่ิ เติม 5. ครูอธิบายตวั อยา่ งเรื่อง สงั คมไทยไม่สอนใหค้ นกลา้ อยา่ งธรรมดา ในหนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 ให้นกั เรียนฟัง ให้นกั เรียนช่วยกนั วเิ คราะห์ตามหวั ขอ้ ในแผนภูมิวงกลม แลว้ ร่วมกนั สรุป 6. ครูอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรียนรู้ว่า การพูดแสดงความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ ควรพูดโดยมีเหตุผลสนับสนุนที่เชื่อถือได้ ไม่มีอคติต่อเร่ืองที่พูดหรือทาลาย เกียรติยศชื่อเสียงของบุคคลใด ซ่ึงสอดคล้องกับเง่ือนไขคุณธรรมตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียง ข้นั ท่ี 3 ฝึ กฝนผู้เรียน 1. นกั เรียนทากิจกรรมที่เกี่ยวกบั มารยาทในการฟังและการดู และการแสดงความคิดเห็น และวิพากษว์ ิจารณ์จากการฟังและการดู แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ 2. นักเรียนช่วยกันเลือกภาพยนตร์ที่อยากดูมาให้ครูเปิ ดให้ดู 1 เรื่อง แล้วให้นักเรียน ประเมินมารยาทในการฟังและการดู ในดา้ นการแสดงออกและการรับสารของตนเอง พร้อมบอกแนวทางในการปรับปรุงพฤติกรรม 3. แบ่งนกั เรียนออกเป็ นกลุ่ม ให้นกั เรียนทุกคนในกลุ่มฝึ กแสดงบทบาทสมมุติท่ีกาหนด แลว้ ใหเ้ พือ่ นในกลุม่ ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 1) ท่านง่ั ตามสบาย 2) ท่านง่ั ต่อหนา้ ผใู้ หญ่ 3) ท่านงั่ ฟังเทศน์ 4) การยนื ฟัง 5) การเดินสนทนากบั ผใู้ หญ่ 4. นกั เรียนจบั คู่กบั เพื่อน ฟังหรือดูตามหวั ขอ้ ที่กาหนดให้ แลว้ นามาวิเคราะห์วา่ สิ่งที่ฟังมี ความน่าเช่ือถือมากน้อยเพียงใด แล้วสามารถนาข้อมูลไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ อยา่ งไรบา้ ง 1) ฟังการวเิ คราะห์ข่าว 2) ฟังการสมั ภาษณ์วิธีการป้องกนั ไขห้ วดั จากปลดั กระทรวงสาธารณสุข ข้นั ท่ี 4 นาไปใช้ 1. นกั เรียนบอกมารยาทในการฟังและการดูใหผ้ อู้ ื่นนาไปปฏิบตั ิได้ 2. นกั เรียนปฏิบตั ิตนเป็นผทู้ ่ีมีมารยาทในการฟังและการดู

98 3. นักเรียนพูดแสดงความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผลที่น่าเชื่อถือ และ สอดคลอ้ งกบั ขอ้ เทจ็ จริง ข้นั ท่ี 5 สรุป 1. นกั เรียนช่วยกนั สรุปเร่ือง มารยาทในการฟังและการดู และการแสดงความคิดเห็นและ วิพากษว์ จิ ารณ์จากการฟังและการดู แลว้ บนั ทึกลงสมุด 2. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบ 3. ครูใหน้ กั เรียนร่วมแสดงความคิดเห็นในประเดน็ ท่ีวา่ ➢ มีวิธีใดบา้ งท่ีผพู้ ดู สามารถรู้ไดว้ า่ การพดู ท่ีพดู ไปน้นั สมั ฤทธิผลหรือไม่ ➢ การออกเสียงคาไม่ชดั เจนมีผลต่อการส่ือสารดว้ ยการพดู หรือไม่ อยา่ งไร 8. กจิ กรรมเสนอแนะ นกั เรียนจบั คู่กบั เพ่ือนจดบนั ทึกพฤติกรรมในการฟังและการดูของเพ่ือน แลว้ เขียนขอ้ เสนอแนะใน การปฏิบตั ิตนเป็นผทู้ ี่มีมารยาทในการฟังและการดู 9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนและหลงั เรียน 2. ภาพที่เกี่ยวกบั การฟังและการดู 3. วดี ิทศั น์การแสดงทอลก์ โชว์ 4. ตวั อยา่ งพฤติกรรมการฟังและการดู 5. ภาพยนตร์ 6. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 7. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 8. คูม่ ือการสอน ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั 9. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 10. บันทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook