หน้าปก หลักสตู รเวชศาสตร์ราชทัณฑร์ ะยะส้นั ออนไลน์ (E-learning)
หลักสตู รเวชศาสตรร์ าชทัณฑ์ระยะสนั้ ออนไลน์ (E-learning) สำหรับบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ที่เก่ียวขอ้ งกบั การปฏิบัตงิ านในเรือนจำ ไดผ้ า่ นการตรวจประเมนิ และรับรองมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ เพ่อื การเฝ้าระวงั ปอ้ งกนั ควบคุมโรค และภัยสุขภาพ กรมควบคมุ โรค หลกั สูตรเวชศาสตรร์ าชทัณฑ์ระยะส้นั ออนไลน์ (E-learning) จดั ทำและเผยแพร่ : สถาบันเวชศาสตรแ์ ละป้องกนั ศึกษา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ โทร : 0 2590 3726, 3727 โทรสาร : 0 2591 5729 E-mail address : [email protected]
คำนำ เวชศาสตร์ราชทัณฑ์ เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเวชศาสตร์ป้องกันที่ว่าด้วย เรื่องการป้องกันโรค เป็นศาสตร์ที่ให้ความใส่ใจด้านสุขภาพทั้งในระดับบุคคล สังคมและระดับประชากร รวมทั้งส่งเสริมให้บุคคลมีสุขภาวะที่ดี ซึ่งการแพทย์ด้านราชทัณฑ์ เป็นหลักการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแล สุขภาพของผู้ต้องขังแต่ละรายตามความจำเป็น มีความแตกต่างอย่างเป็นรูปธรรมหลายรูปแบบ โดยเฉพาะ การให้ความเสมอภาค หลักความเท่าเทียมหรือความยุติธรรมแก่ผู้ต้องขังทุกราย ซึ่งการปฏิบัติงานในเรือนจำ มีความเสี่ยงทั้งในด้านโรค ภัยสุขภาพและความเสี่ยงจากการถูกทำร้าย การพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่บุคลากร ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีทักษะ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะด้านการป้องกัน ควบคุมโรค ทั้งโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ อุบัติเหตุ และยาเสพตดิ เป็นต้น คณะผ ู ้ จ ั ด ท ำ ห ว ั ง เ ป ็ น อย ่ า ง ย ิ ่ ง ว ่ า กา ร จ ั ด ท ำ ห ล ั กส ู ต ร เ ว ช ศ า ส ต ร ์ ร า ช ท ั ณ ฑ์ ร ะย ะส ั ้ น อ อ น ไ ล น์ (E-learning) ในครั้งนี้จะมีประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับผูต้ ้องขังเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังคาดหวงั ว่าจะเป็นคู่มือ องค์ความรู้สำหรับการปฏิบัติงานในเรือนจำ ให้มีความถูกต้องและสอดคล้องกับบริบทของ เรือนจำ คณะผจู้ ดั ทำ สิงหาคม 2564 ก
สารบัญ หนา้ คำนำ ก สารบัญ ข หลกั สูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑร์ ะยะสนั้ ออนไลน์ (E-learning) 1 ความเป็นมา 1 วัตถุประสงค์ 2 กลุ่มเป้าหมาย 2 การดำเนนิ การหลักสตู ร 2 โครงสร้างหลักสตู รและขอบเขตเนื้อหาหลกั สตู ร 2 การประเมินผล 4 รายช่ือวิทยากรผสู้ อน 4 บทที่ 1 บริบทของเวชศาสตร์ราชทณั ฑ์ 1.1. นโยบาย หลักการและเหตุผลของโครงการราชทัณฑ์ปันสุข: เวชศาสตรร์ าชทัณฑ์ 8 1.2. บริบทการทำงานในเรือนจำและโครงสรา้ งการบริหารงานราชทณั ฑท์ ่เี กย่ี วข้องกับ 14 สาธารณสุข 1.3. พน้ื ฐานและหลักการทั่วไปดา้ นเวชศาสตรป์ ้องกนั ท่เี ช่ือมโยงกับราชทณั ฑ์ 34 บทท่ี 2 การตรวจวนิ ิจฉยั และการดแู ลรกั ษาผตู้ อ้ งขังในเรอื นจำ 2.1. การคดั กรอง การเฝ้าระวงั และการตรวจวินิจฉัยรกั ษาในปจั จุบนั : 40 กรณโี รค COVID – 19 2.2. การคดั กรอง การเฝา้ ระวัง และการตรวจวนิ ิจฉยั รักษาในปัจจุบนั : กรณีโรคหิด 46 2.3. การคดั กรอง การเฝ้าระวงั และการตรวจวนิ ิจฉยั รักษาในปจั จบุ ัน: กรณีโรคไข้หวดั ใหญ่ 49 2.4. การคดั กรอง การเฝา้ ระวงั และการตรวจวินจิ ฉัยรักษาในปัจจบุ นั : กรณีโรค AIDS 56 2.5. การคดั กรอง การเฝา้ ระวงั และการตรวจวินจิ ฉัยรกั ษาในปัจจบุ นั : 90 กรณโี รควณั โรค (TB) 2.6. การคัดกรอง และการตรวจวินจิ ฉยั ในปัจจุบนั : กรณกี ล่มุ โรคไมต่ ดิ ต่อเรื้อรัง 98 (เบาหวาน และความดันโลหิต) 2.7. การรกั ษาในภาวะฉุกเฉิน: โรคท่ีวกิ ฤต การให้ยา drug withdrawal การทำ CPR 104 สำหรบั ผตู้ ้องขงั ในเรือนจำ บทที่ 3 หลกั ระบาดวิทยา การสอบสวนและควบคุมโรคในเรือนจำ 3.1. งานระบาดวิทยาในเรือนจำและการประยุกตใ์ ช้ 115 3.2. หลกั การสอบสวนโรคและการควบคุมโรคในเรือนจำ (โรคตดิ ต่อและโรคไม่ติดต่อ) 126 ข
สารบัญ (ตอ่ ) 133 3.3. ฝกึ ปฏิบตั ิ การสอบสวนโรคและการควบคมุ โรคในเรือนจำ: กรณีการระบาดของ 138 โรคอาหารเป็นพิษ 151 3.4. ฝกึ ปฏิบัติ การสอบสวนโรคและการควบคมุ โรคในเรอื นจำ: กรณีการระบาดของ 159 โรค Thyrotoxicosis 177 บทท่ี 4 ด้านสุขภาพจติ 180 4.1. การประเมินภาวะทางสขุ ภาพจิตและจิตเวช 192 4.2. การสอ่ื สารความเสยี่ ง การให้คำแนะนำ และการเจรจาต่อรอง ภาคผนวก คำสั่งแต่งตัง้ คณะทำงานจัดทำหลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน แบบประเมนิ ความพึงพอใจ ค
หลกั สตู รเวชศาสตร์ราชทณั ฑร์ ะยะส้ันออนไลน์ (E-learning) สำหรับบคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกบั การปฏบิ ตั ิงานในเรอื นจำ ความเปน็ มา ตามที่รัฐบาลได้มีการวางแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ในด้านต่างๆ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 6 ด้าน โดยหนึ่งในนั้น คือ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภ าพ ทรัพยากรมนุษย์ ที่เสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี ครอบคลุมทั้งด้านกาย ใจ สติปัญญา และสังคม ประกอบด้วย (๑) การสร้างความรอบรูด้ ้านสุขภาวะ (๒) การป้องกันและควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่คกุ คามสุขภาวะ (๓) การสร้างสภาพแวดล้อมทเ่ี อื้อต่อการมีสขุ ภาวะที่ดี (๔) การพัฒนาระบบบริการสุขภาพท่ที ันสมัยสนับสนุน การสร้างสุขภาวะที่ดีและ (๕) การส่งเสริมให้ชุมชนเป็นฐานในการสร้างสุขภาวะที่ดีในทุกพื้นที่ โดยผลลัพธ์ จากการประเมินยุทธศาสตร์ชาติ คือ เน้นความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทย สอดคล้องกับเป้าหมาย ในการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 เป้าหมาย และหนึ่งในนั้นคือ ประชาชนต้องมีสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี สำหรับประชาชนทั่วไปนั้น ได้มีการดำเนินการมากมายเพื่อให้ประชาชน มีสุขภาพดี แต่สำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและภัยสุขภาพไม่แตกต่าง จากประชาชนทั่วไป แต่สำหรับการเกิดโรคบางชนิดอาจจะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป ทั้งโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ และอุบัติเหตุต่างๆ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์ โรคซึมเศร้า ยาเสพติด เป็นต้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคในเรือนจำ การรักษาและ ควบคุมโรคต่าง ๆ อาจจะทำได้ยากลำบากกว่าปกติ เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมและข้อจำกัดต่าง ๆ ของเรือนจำ ประกอบกับกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำที่มีจำนวนมากและมีหลายประเภท จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ อย่างเหมาะสมและถูกต้องตามหลักการของกฎหมาย ดังนั้นบุคลากรทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องควรจะต้องมีความเชี่ยวชาญทั้งองค์ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในเรื่องของการดูแล รักษา ป้องกันและควบคุมโรคที่จะเกิดขึ้นกับผู้ต้องขัง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจจะส่งผลกระทบไปสู่ชุม ชน ภายนอกได้ สถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศึกษา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว ได้ร่วมหารือเพื่อจัดทำ หลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ให้เป็นส่วนหนึ่งของเวชศาสตร์ป้องกัน เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และ สาธารณสุขที่เกี่ยวข้องในเรือนจำภายใต้โครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งในโครงการพระราชดำริ เข้าใจกระบวนการในการป้องกนั ควบคุมโรคใหม้ ีความสอดคล้องกับบรบิ ทของเรือนจำ โดยในปงี บประมาณ 2564 นน้ั กรมควบคุมโรคได้มีนโยบายให้โครงการพระราชดำริต่าง ๆ เปน็ โครงการทต่ี ้องให้ความสำคญั เป็นอันดบั ต้น ๆ จึงได้จัดทำโครงการอบรมหลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะสั้นขึ้น ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2563 โดยในปีงบประมาณ 2564 ได้กำหนดให้มีการจัดอบรมหลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะสั้น รุ่นที่ 2 และ รุ่นที่ 3 แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปัจจุบันประกอบกับการ ค้นพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำที่ยังมีอยู่ ทำให้แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่ ปฏบิ ัตงิ านในเรือนจำ หรือปฏิบัตงิ านในโรงพยาบาลแม่ขา่ ยท่ตี ้องเขา้ ร่วมการอบรมไม่สามารถเดินทางมาเข้าร่วม 1
การอบรมได้ ตามมาตรการการลดการแพร่ระบาดของโรคนน้ั สถาบนั ฯ พร้อมดว้ ยคณะทำงานหลกั สูตรเวชศาสตร์ ราชทัณฑ์มีความเห็นชอบร่วมกันในการจัดทำสื่อการเรียนการสอนหลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะสั้นผ่าน ระบบอินเทอร์เน็ต (e-Learning) ขึ้นมาเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงความรู้ในการควบคุม ป้องกันโรค ในเรือนจำได้ผ่านระบบการเรียนออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบันและ แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังจะเข้ามาปฏิบัติงานใหม่ในเรือนจำในอนาคต รวมทั้ง กลุม่ เปา้ หมายดงั กล่าวยงั สามารถพัฒนาตนเองได้ตลอดเวลา วตั ถปุ ระสงค์ 1) เพื่อพัฒนาศกั ยภาพบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขท่ีเกย่ี วข้องกับการปฏิบตั งิ านในเรือนจำให้ มีความรู้ ความเข้าใจในการดแู ล รกั ษา ปอ้ งกันและควบคุมโรค 2) เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในเรือนจำสามารถนำเอา ความรแู้ ละทักษะในการดูแล รกั ษา ป้องกนั และควบคมุ โรคไปใช้ในการปฏิบัตงิ านได้ 3) เพ่ือพฒั นาหลกั สตู รเวชศาสตร์ราชทัณฑใ์ ห้ไดม้ าตรฐานตามทก่ี รมควบคุมโรคกำหนด กลมุ่ เป้าหมาย แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ สังกัดกรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลแมข่ ่ายและ หนว่ ยงานอน่ื ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ ง การดำเนนิ การหลกั สตู ร 1) แตง่ ต้งั คณะทำงานจดั ทำหลักสตู ร 2) ประชมุ คณะทำงานเพ่ือปรึกษา หารอื ในการออกแบบกระบวนการเรยี นการสอน เนอื้ หา รายวิชา และวิทยากรผูส้ อน 3) ดำเนินการจัดอบรมหลกั สตู รในรปู แบบออนไลน์ (E-learning) 4) จัดทำเล่มหลกั สตู รใหไ้ ด้ตามมาตรฐานกรมควบคุมโรค 5) ตดิ ตามและประเมินผลโครงการ โครงสร้างหลกั สตู รและเนือ้ หาการอบรม เนื้อหาหลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะสั้น ประกอบด้วย 4 บท จำนวน 16 เรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่อง มีระยะเวลาของการบรรยายหรอื สอนประมาณเรื่องละ 30 - 60 นาที รวมระยะเวลาตลอดการเรียน 10 ชัว่ โมง ดงั น้ี PART ลำดบั ท่ี หวั ข้อบรรยาย ระยะเวลา PART I 1 นโยบาย หลักการและเหตุผลของโครงการราชทณั ฑป์ ันสุข : 30 นาที บริบทของ เวชศาสตรร์ าชทัณฑ์ เวชศาสตร์ 2 บริบทการทำงานในเรือนจำและโครงสรา้ งการบรหิ าร 30 นาที ราชทัณฑ์ งานราชทัณฑ์ท่เี กยี่ วข้องกบั สาธารณสุข 2
PART ลำดบั ท่ี หวั ข้อบรรยาย ระยะเวลา 35 นาที 3 พน้ื ฐานและหลกั การท่วั ไปดา้ นเวชศาสตรป์ ้องกนั ท่ีเช่อื มโยง 30 นาที กบั ราชทัณฑ์ 30 นาที 30 นาที PART II 1 การคดั กรอง การเฝ้าระวงั และการตรวจวินิจฉยั รักษา 30 นาที การตรวจ ในปจั จบุ นั : กรณีโรค COVID – 19 30 นาที 30 นาที วนิ ิจฉัยและ 2 การคัดกรอง การเฝา้ ระวัง และการตรวจวนิ ิจฉยั รักษา 50 นาที การดูแลรักษา ในปจั จุบัน: กรณีโรคหดิ 45 นาที 60 นาที ผู้ตอ้ งขงั 3 การคัดกรอง การเฝา้ ระวัง และการตรวจวินิจฉยั รักษา 45 นาที ในเรือนจำ ในปัจจบุ ัน: กรณีโรคไขห้ วดั ใหญ่ 45 นาที 45 นาที 4 การคดั กรอง การเฝา้ ระวัง และการตรวจวินิจฉยั รักษาใน 35 นาที ปัจจุบนั : กรณีโรค AIDS 5 การคัดกรอง การเฝา้ ระวงั และการตรวจวนิ ิจฉยั รกั ษา ในปัจจุบัน: กรณีโรควณั โรค (TB) 6 การคัดกรอง และการตรวจวินิจฉยั ในปจั จบุ นั : กรณกี ลมุ่ โรคไมต่ ดิ ต่อเร้ือรัง (เบาหวาน ความดันโลหติ ) 7 การรกั ษาในภาวะฉุกเฉิน: โรคทีว่ ิกฤต การใหย้ า drug withdrawal การทำ CPR สำหรบั ผูต้ ้องขงั ในเรือนจำ PART III 1 งานระบาดวทิ ยาในเรอื นจำและการประยกุ ตใ์ ช้ หลักระบาด 2 หลกั การสอบสวนโรคและการควบคุมโรคในเรือนจำ วทิ ยา การ (โรคติดตอ่ และโรคไมต่ ิดต่อ) สอบสวนและ 3 ฝึกปฏบิ ัติ การสอบสวนโรคและการควบคุมโรคในเรือนจำ : ควบคมุ โรคใน กรณีการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษ เรอื นจำ 4 ฝึกปฏบิ ตั ิ การสอบสวนโรคและการควบคุมโรคในเรือนจำ : กรณกี ารระบาดของโรค Thyrotoxicosis PART IV 1 การประเมินภาวะทางสุขภาพจติ และจติ เวช ดา้ น 2 การสอื่ สารความเส่ยี ง การให้คำแนะนำ และการเจรจาต่อรอง สขุ ภาพจิต วิธกี ารฝึกอบรม : เปน็ รปู แบบการบรรยายและฝกึ ปฏบิ ตั ิ ระยะเวลาในการอบรม : 10 ชั่วโมง ส่อื การเรยี นการสอน เอกสารการการเรยี นการสอนในรปู แบบ Power point และ PDF E-Book สรปุ เนอ้ื หาการเรยี น 3
การประเมินผล - ผู้เข้าร่วมอบรมต้องมีระยะเวลาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 คือต้องเข้าเรียนเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 8 ช่วั โมง 30 นาที จึงจะไดร้ ับใบประกาศนียบตั ร - ใหม้ ีการประเมินผลโดยการทดสอบความรูก้ อ่ นและหลัง (Pre-test, Post-test) โดยผา่ นการทดสอบ ความรหู้ ลังการอบรม ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 การไดร้ บั ใบประกาศนยี บตั ร ผู้เข้ารับการอบรมจะต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และต้องผ่านการทดสอบ (post-test) ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รับ 1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในเรือนจำ มีความรู้ ความเข้าใจในการดูแล รกั ษา ปอ้ งกันและควบคุมโรคได้อย่างถูกต้อง 2. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับการปฏบิ ตั ิงานในเรือนจำ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ในการดำเนินงานปอ้ งกันควบคุมโรคในเรอื นจำได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ และสอดคลอ้ งกับบริบทของเรือนจำ 3. ได้หลักสูตรเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ระยะที่มีมาตรฐาน ใช้เป็นแกนหลักในการนำไปอบรม ให้แก่ กลุ่มเป้าหมายไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ รายชอื่ วทิ ยากรผู้สอน 1. พล.อ.อ.สุบนิ ชวิ ปรีชา ตำแหนง่ : กรมวงั ผู้ใหญ่ในพระองค์ 904 หัวข้อการบรรยาย: นโยบาย หลักการและเหตผุ ลของโครงการราชทณั ฑป์ นั สขุ : เวชศาสตรร์ าชทณั ฑ์ 2. นพ.พรเพชร ปัญจปยิ ะกลุ ตำแหน่ง: ผ้เู ชยี่ วชาญเฉพาะด้านระบบการบรหิ ารการสาธารณสุข สถานทีท่ ำงาน: กองบริหารการสาธารณสุข สำนักปลดั กระทรวงสาธารณสุข หวั ขอ้ การบรรยาย: บริบทการทำงานในเรือนจำและโครงสร้างการบริหาร งานราชทณั ฑ์ทเ่ี กย่ี วข้องกับสาธารณสขุ 3. นพ.ศุภมติ ร ชณุ หส์ ุทธิวัฒน์ ตำแหน่ง: ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค สาขาเวชศาสตร์ปอ้ งกัน แขนงระบาดวิทยา หัวขอ้ การบรรยาย: พน้ื ฐานและหลกั การทัว่ ไปด้านเวชศาสตร์ป้องกันท่ีเชื่อมโยงกับราชทัณฑ์ 4
4. นสพ.ธีรศักดิ์ ชักนำ ตำแหนง่ : นายสัตวแพทยช์ ำนาญการพิเศษ สถานท่ที ำงาน: กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค หวั ข้อการบรรยาย: Principle of Epidemiology and its application /Concept of public health surveillance 5. นพ.ชาโล สาณศลิ ปนิ ตำแหน่ง: นายแพทยช์ ำนาญการพิเศษ สถานท่ที ำงาน: กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค หวั ขอ้ การบรรยาย: การคดั กรองวนิ ิจฉยั เบือ้ งต้น/หลักการสอบสวนโรคและการควบคุมโรคในเรือนจำ 6. นางพาหุรตั น์ คงเมอื ง ทยั สวุ รรณ์ ตำแหน่ง: ผอู้ ำนวยการสำนักงานเลขานกุ ารคณะกรรมการโครงการพระราชดำริ โครงการเฉลมิ พระเกียรติ และโครงการทเ่ี กยี่ วเนื่องกับพระบรมวงศานุวงศ์ หัวขอ้ การบรรยาย: การส่ือสารความเสย่ี ง การให้คำแนะนำ และการเจรจาต่อรอง 7. พญ.จรุ ีพร คงประเสรฐิ ตำแหนง่ : รองผู้อาํ นวยการกองโรคไม่ติดต่อ สถานทท่ี ำงาน: กองโรคไมต่ ิดต่อ กรมควบคุมโรค หัวข้อการบรรยาย: การคัดกรอง และการตรวจวินิจฉัยในปัจจบุ ัน: กรณกี ลุ่มโรคไม่ตดิ ต่อเรื้อรัง (เบาหวาน ความดนั โลหิต) 8. นพ.อภิชาติ แสงสนิ ตำแหน่ง: นายแพทยช์ ำนาญการ สถานที่ทำงาน: สถาบนั กลั ยาณ์ ราชนครินทร์ กรมสขุ ภาพจติ หัวข้อการบรรยาย: การประเมินภาวะทางสุขภาพจติ และจิตเวช 9. นพ.นภสั เพ็ขรสนั ทัด ตำแหนง่ : นายแพทย์ปฏบิ ตั กิ าร สถานท่ีทำงาน: กองวัณโรค กรมควบคุมโรค หัวข้อการบรรยาย: การคดั กรอง การเฝา้ ระวงั และการตรวจวนิ จิ ฉัยรักษาในปจั จุบนั : กรณโี รควณั โรค (TB) 5
10. พญ.วจิ ิตรา เล้ยี งสวา่ งวงศ์ ตำแหนง่ : อาจารย์แพทย์ภาควชิ าเวชศาสตร์ฉุกเฉนิ สถานท่ีทำงาน: ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หวั ข้อการบรรยาย: การรักษาในภาวะฉกุ เฉนิ : โรคทีว่ ิกฤต การใหย้ า drug withdrawal การทำ CPR สำหรบั ผู้ตอ้ งขงั ในเรือนจำ 11. นางนพรตั น์ มงคลางกรู ตำแหนง่ : นกั วิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ สถานที่ทำงาน: กองโรคตดิ ต่อท่วั ไป กรมควบคมุ โรค หัวขอ้ การบรรยาย: การคดั กรอง การเฝา้ ระวัง และการตรวจวนิ จิ ฉยั รกั ษาในปจั จบุ นั : กรณโี รคไขห้ วัดใหญ่ 12. นางเครือทพิ ย์ จันทรธานี ตำแหน่ง: นกั วิชาการสาธารณสขุ ชำนาญการพิเศษ สถานทท่ี ำงาน: กองโรคเอดส์และโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคมุ โรค หัวขอ้ การบรรยาย: การคัดกรอง การเฝา้ ระวัง และการตรวจวินจิ ฉัยรักษาในปัจจุบัน: กรณีโรค AIDS 6
บทที่ 1 บรบิ ทของเวชศาสตร์ราชทณั ฑ์ 7
1.1 นโยบาย หลักการและเหตุผลของโครงการราชทัณฑป์ นั สขุ : เวชศาสตร์ราชทณั ฑ์ พล.อ.อ.สุบนิ ชิวปรีชา กรมวังผูใ้ หญ่ในพระองค์ 904 ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะเพิ่มเติมความรู้ให้แก่ทุกท่าน ได้เข้าใจ ความหมาย และความสำคัญของ ของโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่ได้เริ่มดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว โดยองค์ประธานท่านได้ใช้คำเรียกว่า “เวชศาสตร์ราชทัณฑ์” ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใหม่จริง ๆ เพราะในต่างประเทศ ก็ใช้คำว่า health care ingredients ดังนั้นถ้าเป็นคำภาษาไทย คำว่าเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ถือว่าเป็นคำที่ เหมาะสมมากในด้านการแพทย์เราก็จะถือว่างานด้านเวชศาสตร์ป้องกันเป็นหลัก ก่อนเข้าสู่เนื้อหา ขอน้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาถ่ายทอดให้พวกเราได้รับทราบกัน หลังจาก นั้นจะให้คำแนะนำว่าก่อนที่เราจะมีความรู้ในด้านเวชศาสตร์ราชทัณฑ์ เราควรจะทราบว่ามีกฎระเบียบ กติกา ทั้งที่เป็นของสากลและเฉพาะที่เป็นของประเทศไทยอย่างไรบ้าง วันนี้จะอธิบายในหัวข้อต่างๆ ดังที่ กล่าวมาแล้ว ขอเริ่มด้วยพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระราชดำรัสออกมาที่ ชัดเจนที่สุดก็คือ ทุกคนเป็นประชาชนคนไทย การรักษาพยาบาลจะต้องเสมอภาค ซึ่งประโยคนี้เป็นประโยค ที่มีกำกับอยู่ในเอกสาร ทุกกฎระเบียบ ทุกกติกา เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของประชาชน เพราะฉะนั้น ผู้ต้องขังก็เป็นประชาชนคนหนึ่งก็ควรที่จะได้รับการเข้าถึงการรักษาพยาบาลด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงสาริณีสิริพัชรในฐานะองค์ประธานบริหารก็มีพระราชดำริมากมาย หลายประการขอสรุปสั้น ๆ ให้ทราบก่อน เริ่มต้นท่ีทุกเรือนจำ ทุกสถานพยาบาล ทุกโรงพยาบาลแม่ข่าย และ ทุกหน่วยงานควรจะยึดถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยนั้น ว่าด้วยเรื่องของข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) เริ่มเป็นพระราชดำริของกรมหลวงพัชรฯ ที่ทรงดำริระหว่างที่ทรงประทับอยู่ที่กรุงเวียนนา ทรงเห็นว่าผูต้ อ้ งขังที่เปน็ สตรีและเด็กจะตอ้ งได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จนกระทั่งไดม้ าเป็นข้อกำหนดกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดแรกที่เกี่ยวกับผู้ต้องขังและเกี่ยวข้องกับองค์การสหประชาชาติ หลังจากนั้น ข้อกำหนด แมนเดลา (Mandela Rules) ก็เกิดขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งในขณะนี้ข้อกำหนดแมนเดลาเป็นมาตรฐานสากล ที่ทุกประเทศควรจะยึดถือ และนำมาปฏิบัติ สำหรับประเทศไทยเองก็ไดก้ ำหนดเป็นพระราชบญั ญัตริ าชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และหลังจากนั้นก็มีระเบียบเกี่ยวกับกรมราชทัณฑ์อีกหลายฉบับ ซึ่งวันนี้ขอยกตัวอย่างมาเพียง ไมก่ ีฉ่ บบั ขอให้ทุกคนควรจะไปศกึ ษาถงึ ความเป็นมาเพอื่ ทีจ่ ะสามารถนำไปปฏิบตั ิได้อย่างถกู ต้อง ส่ิงที่เปน็ ปัญหามากทสี่ ุดในอดีตคือการทีผ่ ู้ต้องขังในเรือนจำไมไ่ ดร้ ับการรักษาพยาบาลเพราะไม่ได้สิทธิ เหมือนประชาชนทั่วไปในเรื่องของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยในเวลาต่อมา สปสช. ได้กำหนด แนวทางการเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของผู้ต้องขังขึ้น ทำให้ผู้ต้องขังเหล่านั้นสามารถเข้าถึง บรกิ ารทางการแพทยไ์ ด้ดยี ิ่งขึ้น จึงถอื เปน็ หลกั ในการนำมายึดปฏิบตั ิ ได้มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรือนจำโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับข้องกับโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ฯ อีกหลาย ฉบับ จะขอยกตัวอย่าง หนังสือสรุปภาพรวมการดำเนินงานใน 1 ปีทีผ่านมาที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการราชทัณฑ์ ปนั สขุ ฯ ซึ่งเป็นฉบับท่ีสมบูรณ์มากฉบับหน่ึง นอกจากนั้นยังมีคู่มือการจัดบริการสุขภาพช่องปากในเรือนจำ 8
ซึ่งเรื่องของช่องปากและทันตกรรมนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ต้องขัง คู่มือเล่มนี้จึงถือว่าเป็นแนวทางให้กับ เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเก่ียวข้องได้ นอกจากน้ันก็มีการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาระบบการดูแลด้านสาธารณสุข ในเรือนจำ การดำเนินการด้านส่งเสริมสุขภาพและอนามัยส่ิงแวดล้อมในเรือนจำ และสิ่งที่ผมชื่นชมมากเป็น พิเศษก็คือ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เรือนจำระยองได้ดำเนินการและ ถอดบทเรียนออก 1 ฉบับ ซึ่งถือว่าเป็นฉบับที่มีประโยชน์อย่างยิ่งและสามารถนำไปเป็นต้นแบบใช้ใน การดำเนินงานกับโรคติดต่ออื่นๆได้ จากการบริหารจัดการกับโรค COVID-19 ก็นับว่าเป็นตัวอย่าง ของการบริหารจัดการโรคติดต่อในเรือนจำที่สมบูรณ์แบบที่สุด และถือว่าเราประสบความสำเร็จพอสมควร กับการจัดการโควิดในเรือนจำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านรับสั่งครั้งแรกเลยเมื่อมีพระราชดำริที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ราชทณั ฑ์ปันสขุ ฯ โดยระบวุ ่า ใหไ้ ปดำเนินการตรวจสอบวา่ เคร่ืองมือแพทยข์ าดแคลนไหม บคุ ลากรเป็นอย่างไร ปัญหาการรักษาพยาบาลเป็นอย่างไร ปัญหาคนไข้เนื่องจากคนไข้คือผู้ต้องขัง และทั้งหมดต้องจัดให้เป็น ระบบจริง ๆ ท่านทรงเขียนพระราชทานออกมาเป็นลายพระหัตถ์ของพระองค์ท่านเอง เพราะทรงทราบดีว่า ในเรือนจำนั้นมีความแตกต่างของผูต้ ้องขังอยา่ งมาก ถ้าแบ่งจากประสบการณ์ขอแบ่งเป็น 3 ส่วน คือส่วนหนง่ึ ท่มี พี ฤตกิ รรมที่ไมด่ ีและแกไ้ ขไม่ได้ ส่วนที่สองนั้นอารมณ์ชั่ววูบ ส่วนสดุ ทา้ ยน้นั เป็นเร่ืองที่สุดวิสัย เพราะฉะน้ัน แล้วถ้าเราจะเหมาว่าผู้ต้องขังหลายคนเป็นคนไม่ดีนั้น ผมว่าเป็นความคิดที่ผิด คนเหล่านั้นหลายคนสามารถที่ จะปรับปรุงแก้ไขให้สามารถกลับคืนสู่สังคมได้ ถ้าเรามองว่าเขาเป็นประชาชนคนหนึ่งที่เคยเดินทางพลาดไป แล้ว จรงิ ๆ แล้วท่ีมาของโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ นน้ั คือชว่ ยให้ผ้ตู อ้ งขังออกจากเรือนจำไปสู่สงั คมและได้รับ โอกาสจากสังคมโดยไม่กลับเข้ามาในเรือนจำอีกเป็นครั้งที่ 2 แล้วนั่นคือวัตถุประสงค์หลัก และให้ประชาชน ทุกคนสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน พระบรมราโชบายจึงเริ่มต้นด้วยสิทธิทางการรักษาพยาบาลก่อน จริง ๆ แล้วมองสิทธิทุกอย่าง แต่จะเริ่มต้นดว้ ยการบรกิ ารทางการแพทย์ก่อน เพราะท่านคงทราบดีว่าบุคลากรที่ดแู ล ผู้ตอ้ งขงั นัน้ ขาดแคลนมากผู้ตอ้ งขงั 5-6 พนั คนมีพยาบาลอยไู่ ม่เกิน 4 คน ซึ่งการดแู ลไมท่ ่วั ถึงแนน่ อนโจทย์ คือ จะทำอย่างไรถึงจะดูแลให้ทั่วถึง จึงต้องมีหน่วยนอกมาช่วยดูแล การดูแลผู้ต้องขังนั้นแตกต่างไปกับการดูแล ประชาชน คือ ประชาชนเดินทางไปโรงพยาบาลได้ แต่ผู้ต้องขังถ้าจะไปโรงพยาบาลนั้นต้องมีผู้คุมตีตรวนไป เกิดความไม่สะดวกเป็นอย่างยิ่ง เวชศาสตร์ราชทัณฑ์กลับกัน คือการนำบริการทางการแพทย์เข้าไปเรือนจำ โดยไม่ต้องนำผู้ต้องขังไปหาบริการทางการแพทย์ข้างนอก ในเรือนจำท่ีมีขีดจำกัดมากก็คือว่าเรือนจำของเรามี พื้นที่คับแคบมาก เดิมทีเรือนจำทั้งประเทศนั้นมีเป้าหมายที่จะสามารถรับผู้ต้องขังได้ประมาณ 1 แสนคน แต่ปัจจบุ นั ผู้ต้องขัง 3 แสน เกือบ 4 แสนรายต่อเรือนจำ ซ่งึ ถือว่าเกินขดี จำกัดความสามารถ พ้ืนที่มีจำกัดมาก ฉะนั้นการปรับอาคารพื้นที่ข้างในเพื่อเป็นที่ดูแลรักษาพยาบาลก็เป็นพื้นที่จำกัด เมื่อจำเป็นที่ต้องพัฒนาการ รักษาพยาบาลในเรือนจำให้มากขึ้น สิ่งที่ต้องการคือเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์รวมถึงบุคลากร การเริ่มต้นของโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ คอื การพระราชทานเคร่ืองมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าไปใช้ใน เรือนจำให้เพียงพอต่อความต้องการ หลังจากนั้นก็มีการประสานกันในโรงพยาบาลแม่ข่ายที่ดูแลเรือนจำ บางเรือนจำเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ดูแลเรือนจำเพราะว่าถือว่าเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบท่านรับส่ัง ประโยคที่ซึ้งมากที่สุดก็คือว่าให้โรงพยาบาลต่างๆ นั้นทำงานร่วมมือกันเหมือนโรงพยาบาลพี่โรงพยาบาลน้อง 9
ขอให้พี่ช่วยเหลือน้อง ในกรณีที่โรงพยาบาลขนาดเล็กได้รับผิดชอบดูแลเรือนจำขนาดใหญ่ ขอให้โรงพยาบาล ขนาดใหญ่ทอ่ี ยใู่ นพื้นท่ีใกลเ้ คียงคอยเป็นพ่ีเล้ยี งให้โรงพยาบาลขนาดเลก็ นน้ั เจ้าฟ้ากรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรฯ มีพระบรมราโชบายที่แน่วแน่ คือต้องการให้โอกาสแก่ผู้ต้องขังที่ พ้นโทษได้กลับคืนสู่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นคนต้นแบบมาร่วมเป็นวิทยากรดว้ ย หมายความว่าผู้ท่ี ออกจากเรือนจำไปแล้วมีการปรับตัวเปน็ คนดีได้ และกลับมาเป็นผู้ชว่ ยในการพัฒนาคุณภาพชีวติ ของผูต้ ้องขงั ในเรือนใจให้ได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจแก่ผู้ต้องขัง เพื่อลดปัญหาด้านสุขภาพจิตถือว่า เป็นปัญหาใหญ่ในเรือนจำ เพราะแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าใครที่เข้าไปอยู่ในนั้น จะไม่เครียด ไม่กังวลเลย ซึ่งความกังวลนั้นมีหลายอย่าง เช่น เดิมเราเข้าใจว่าญาติพี่น้องที่อยู่ข้างนอกจะห่วงใยผู้ต้องขังมากกว่า แต่จากการที่ได้ไปสัมผัสมา กลับพบว่าผู้ตอ้ งขังท่ีอยูข่ ้างในกลับห่วงใยญาติพีน่ อ้ งพ่อแม่ที่อยู่ที่บ้านที่ขาดกำลัง หลักในการดูแล ถ้าเราเข้าใจบริบทในส่วนนี้ว่าความเครียดของผู้ต้องขัง ความเครียดของครอบครัวที่มีต่อ ลูกหลานที่ไปอยู่ในเรือนจำ หรือความเครียดของผู้ต้องขังที่มีต่อครอบครัวเอง โดยท่านให้ความสนพระทัย เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก คำว่า “อสรจ” คือผู้ต้องขังที่มีขีดความสามารถที่พัฒนามาเป็น ผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จมากและคิดว่าเป็นจุดเด่นของประเทศไทย เพราะท่านทรงรับสั่งว่าในต่างประเทศจะไม่มีในประเด็นนี้ ถ้าเทียบ อสรจ. ของเรือนจำ กับบริบทของ กระทรวงสาธารณสุข ก็คือ อสม. ถ้าเทียบกับกรุงเทพมหานคร ก็คือ อสส. โดย อสรจ.ที่ได้ไปสัมผัสมานั้น มีขีดความสามารถสูงมากในการเป็นผชู้ ว่ ยเหลือด้านการพยาบาล นับได้ว่าเปน็ จุดเดน่ ของโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ท่านทรงรับสัง่ ว่าเราเปล่ียนโลกทั้งโลกไม่ได้ ทำให้ทุกคนเปน็ คนดีไม่ได้ทั้งหมด แตส่ รา้ งตัวอย่าง ที่ดีได้ มีหลาย เรือนจำที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงพยาบาลแม่ข่าย ท่านทรงรับสั่งว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จนั้น คือ การมีมนุษยสัมพนั ธ์ท่ีดรี ะหว่างเรือนจำกับโรงพยาบาลแม่ข่าย และท่านยังได้ยกตัวอยา่ งว่าเรอื นจำสงขลา กับโรงพยาบาลแม่ข่ายที่สงขลานั้นทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีทำให้ผู้ต้องขังเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างดี และโรงพยาบาลกส็ รา้ งท่เี ฉพาะสำหรบั ผ้ตู อ้ งขังทจ่ี ำเปน็ ต้องนอนในโรงพยาบาลด้วย อย่างไรก็ตามทุกอย่างนั้นมีทั้งคุณและโทษ โครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ที่ทรงห่วงใยและทรงกังวล อยู่อย่างหนึ่ง คือเกรงว่าจะมีคนเข้าใจผิดว่าเราดูแลผู้ต้องขังดีเกินไปหรือไม่ ต้องทำให้เกิดความสมดุล แต่ถึงอย่างนั้นผู้ต้องขังยังไม่สามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่ดี ตามมาตรฐานสากลหรือมาตรฐาน ที่ประชาชนทั่วไปได้รับ ท่านประธานอีกท่านหนึ่งก็คือ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรีและก็ท่านจับ ประเดน็ จากทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั และเจา้ ฟ้ากรมหลวงราชสาริณสี ิรพิ ชั รฯ รับสงั่ ก็คอื ขอ้ ท่ี 1 มคี วาม เมตตาตอ่ ผ้ตู ้องขัง เพราะผตู้ ้องขังคือประชาชน และพระเจ้าอยหู่ ัวทรงมีพระราชปณิธานมุ่งมั่นว่าให้ประชาชน อยู่ดีมีสุข เพื่อให้เข้าถึงการบริการทางการแพทย์เบื้องต้น ท่านจึงทรงพระราชทานเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น ทำให้เรือนจำสามารถดูแลผู้ต้องขังด้วยกันได้อย่างดี และยังพระราชทานเครื่องมือแพทย์ให้แก่โ รงพยาบาล ภายนอกที่จะเข้ามาช่วยดูแลด้านการรักษาพยาบาลของเรือนจำอีกด้วย ขณะนี้ก็เป็นที่ทราบดีว่าเรือนจำ ทงั้ หมดกม็ ี 143 แห่งท่วั ประเทศ 10
สรุปโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ คือทรงห่วงใยผู้ต้องขังในฐานะประชาชน ซึ่งถึงแม้จะกระทำความผดิ ก็ยังได้รับพระเมตตาเพื่อให้กลับมาสู่สังคมที่ดี เมื่อปี พ.ศ. 2558 หลังจากที่ข้อกำหนดกรุงเทพฯ ที่จัดประชุม ขึ้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเป็นการริเริ่มหรือพระราชดำริของเจ้าฟ้ากรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรฯ ต่อมาคือ ข้อกำหนดแมนเดลานั้น ผมอยากจะให้ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ใช้ในเรือนจำ โดยอยากให้มองว่าเรือนจำ 1 เรือนจำ มีค่าเท่ากับ 1 หมู่บ้าน 1 ตำบล อยู่ในเขตพื้นที่ใดก็ให้โรงพยาบาลแม่ข่ายนั้นดูแล ขออนุญาต นำข้อกำหนดแมนเดลามาให้ท่านได้ศึกษา เพื่อจะได้มีความรู้และเข้าใจว่าสิ่งที่เรือนจำดำเนินการอยู่น้ัน เป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือไม่ จะหาเน้นเฉพาะส่วนที่สำคัญ ๆ โดยข้อกำหนดที่ 1 นั้น ท่านต้องมอง ผู้ตอ้ งขงั ทุกคนคือมนุษย์ ต้องไมม่ ีผู้ตอ้ งขังคนใดทจ่ี ะถูกทรมาน และการปฏบิ ตั หิ รือการลงโทษอน่ื ๆ ท่ีโหดร้าย ไร้มนษุ ยธรรมหรือถูกยำ่ ยศี ักดศิ์ รี อนั น้ีเป็นขอ้ กำหนด อันดบั แรกมองวา่ เป็นประชาชนคนหนึ่งท่ีแค่ถูกกักไม่ให้ ออกไปจากพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น ข้อกำหนดข้อที่ 5 ความแตกต่างระหว่างชีวิตในเรือนจำกับชีวิตอิสระ ต้องมนี ้อยทสี่ ุด ถ้ามองท่คี วามแต่กต่างกแ็ ค่ออกไปท่ีไหนไม่ได้ ติดตอ่ กบั สงั คมภายนอกไมไ่ ด้ นอกนนั้ เหมือนกัน หมดนี่คือข้อกำหนดของความเป็นมนุษย์ ข้อกำหนดที่ 11 ผู้ต้องขังทั้งชายและหญิงต้องแยกโดยเด็ดขาด เป็นเอกเทศ ซึ่งอันนี้ของเราก็ปฏิบัติอยู่แล้ว ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีจะต้องแยกจากผู้ต้องขังที่ต้อง คำพิพากษาแล้ว ซึ่งพวกเราจะคุ้นกับคำที่ว่าผู้ต้องขังเด็ดขาดกับผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างตัดสินต้องไม่ปะปนกัน ก็ยังเป็นปัญหาของเรือนจำในบ้านเราเพราะว่าพื้นที่ของเรือนจำนั้นมีจำกัดการแยกเด็ดขาดอาจจะยังไม่ สมบูรณ์ ในด้านของนิติศาสตร์ผมได้เคยสอบถามนักนิติศาสตร์ว่าผู้ที่ยังไม่ตัดสินนั้นหมายความว่าอย่างไร เปน็ ผู้ทีม่ ีความผิดใช่ไหม คำตอบคอื ไม่ใช่ ผทู้ ่ียังไมต่ ัดสนิ เด็ดขาดถือเป็นผ้บู ริสุทธิ์ ถ้าพดู กนั ง่าย ๆ คอื ณ ขณะนี้ น่าจะมีผู้บริสุทธิ์อยู่ในเรือนจำเป็นจำนวนหนึ่ง ถ้าเรามองผู้ต้องขังทุกคนในเรือนจำเป็นผู้ผิดนั้น ถือว่ าเป็น การมองที่ผิด ส่วนหนึ่งนั้นคือผู้บริสุทธิ์ ตามข้อกำหนดข้อ 11 นั้นขอให้แยกออกจากกันไม่ให้ปะปนกัน ต่อมาเป็นเรื่องของสุขภาพข้อกำหนดยังบอกชัดเจนว่าพื้นที่ที่ผู้ต้องขังอาศัยอยู่จะต้องมีแสงสว่างส่อง เพียงพอที่จะอ่านหนังสือได้ มีอากาศบริสุทธิ์ถ่ายเทเข้ามาได้จะมีการติดตั้งเครื่องช่วยระบายอากาศหรือไม่ก็ ตาม บางเรือนจำก็สามารถทำตามข้อกำหนดนี้ได้ แต่เรือนจำหลายแห่งก็ยังทำไม่ได้ ยังพบปัญหาเรื่องของ อากาศร้อน อบอ้าว จัดแสงไฟไม่เพียงพอ ข้อกำหนดที่ 18 ต้องจัดหาห้องน้ำและอุปกรณ์ที่ใชส้ ำหรับหอ้ งนำ้ ที่ จำเป็นเพื่อความสะอาด และมีข้อกำหนดย่อยด้วยว่าผู้ต้องขังกี่รายควรจะมีห้องน้ำกี่ที่ จริง ๆ แล้วตามที่ได้ ออกแบบไว้ก็มีปริมาณเพียงพอ แต่ในขณะนี้เนื่องจากผู้ต้องขังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ก็ทำให้เกิดปัญหา ตรงนีต้ ามมา ขอ้ น้ียากท่ีสดุ คอื ผ้ตู อ้ งขงั ต้องมเี ตียงนอนแยกเป็นเอกเทศ ซึ่งบา้ นเราทำไมไ่ ดเ้ ลย เพราะจุดอ่อน ของบ้านเราก็คือผู้ต้องขังมีมากกว่าที่เราสร้างเรือนจำไว้ เนื่องจากพื้นที่มีบริเวณที่จำกัดทำให้ผู้ต้องขังยังต้อง นอนชิดติดกนั อยูใ่ นโรงนอนที่คบั แคบ ตามมาตรฐานสากลแลว้ ผตู้ ้องขัง 1 คน จะต้องมีพ้นื ท่ี 2.25 ตารางเมตร แต่ความเป็นจริงแล้ว จะมีพื้นที่อยู่ประมาณ 0.6 – 0.7 ตารางเมตร/คน ส่วนเรื่องอาหารเรือนจำเป็นผู้จัดหา อาหารให้แต่เขาระบุว่าอาหารตอ้ งเป็นอาหารที่มีประโยชน์และเป็นประโยชน์ต่อสขุ ภาพ ข้อกำหนดยังกำหนด อีกว่าผู้ต้องขังจะต้องได้ออกกำลังกายที่เหมาะสมกลางแจ้งอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ทำให้เห็นว่าข้อกำหนด นั้นมองผู้ต้องขังเป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง และให้ความสนใจแต่สุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนต้องได้รับ การรกั ษาพยาบาลตามมาตรฐานเชน่ เดียวกบั ทร่ี ัฐจัดให้กับประชาชนท่ัวไปโดยไม่คดิ มูลคา่ เพ่ิม ข้อกำหนดยังให้ 11
ความสำคัญกับโรคติดเชื้อ และเน้นโรค HIV วัณโรคและโรคติดต่ออื่น ๆ ซึ่งมีอยู่ในข้อกำหนดแมนเดลา ว่าด้วยการมีสถานพยาบาลไว้สำหรับรักษาพยาบาลให้บริการผู้ต้องขังในเรือนจำ บุคลากรทางการแพทย์ที่ ปฏิบัติงานในสถานพยาบาลประกอบไปด้วย สหวิชาชีพไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักโภชนาการ นักจิตวิทยา นักกายภาพบำบัด ทันตกรรม หรืออื่น ๆ คือทุกสาขาจะต้องเข้าให้บริการอันนี้ไม่ใช่ระเบียบบ้าน เราแต่เป็นระเบียบของ United Nation ของข้อกำหนดแมนเดลา มีประวัติของผู้ป่วยมีการรักษาความเป็น ความลับเหมือนการรักษาประชาชนทั่วไป แล้วเมื่อย้ายผู้ต้องขังก็จะต้องมีการส่งมอบประวัติการรักษาให้กับ หนว่ ยงานทเี่ ราส่งต่อไปและถือเปน็ ความลับทางการแพทย์ ในกรณีฉกุ เฉินผตู้ ้องขงั ทุกคนต้องได้รับการประกัน ว่าสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้โดยพลัน หมายความว่าจะต้องมีบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในเรือนจำ หรือใกล้เรือนจำที่สุดที่สามารถไปช่วยชีวิตและปฐมพยาบาลได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง ถ้ามีการ ตัดสินใจทางการแพทย์ในที่นี้หมายความว่าผู้มีอำนาจหรือว่าผู้บัญชาการเรือนจำหรือผู้ที่มีอำนาจอื่น ๆ นั้น จะต้องเคารพการตัดสินใจคำแนะนำทางการแพทย์ เช่นถ้าแพทย์มีการแนะนำว่าจะต้องนำส่งสถานพยาบาล จะเพิกเฉยหรือไม่ปฏิบัติตามไม่ได้ ในเรือนจำหญิงจะต้องมีบริการสำหรับหญิงตั้งครรภ์ซึ่งตามหลักการแล้ว จะต้องไม่คลอดภายในเรือนจำจะต้องออกไปคลอดข้างนอก แต่ถ้าเหตุฉุกเฉินให้ต้องคลอดในเรือนจำ ในสูติ บัตรต้องไม่ระบุว่าเด็กนั้นเกิดในเรือนจำ ส่วนเด็กที่คลอดออกมาหากต้องการให้อยู่กับแม่ในเรือนจำนั้นก็ต้อง มาพิจารณาถึงเหมาะสมหลาย ๆ อย่าง เช่น สถานที่เหมาะสมกับเด็กเล็ก อย่างไรก็ตามหากเด็กต้องอยู่กับแม่ แต่เมื่อถึงเวลาที่เด็กโตพอรับรู้เรื่องแล้วก็คงจะต้องนำเด็กออกจากเรือนจำ สำหรับตรงนี้ก็จะมีระเบียบของ เรือนจำเชน่ กันว่าใหเ้ ด็กสามารถอยู่ถึงกี่ปี ไมว่ ่าอะไรกต็ ามต้องยึดเด็กเป็นท่ีตง้ั ใหค้ วามสำคัญกับเดก็ เพราะเด็ก ยังคงต้องเจริญเติบโตต่อไป ทันทีที่รับตัวผู้ต้องขังเข้ามาในเรือนจำจะต้องมีการตรวจร่างกายโดยทันที ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นเรื่องที่ลำบากมากเพราะว่าบางเรือนจำมีผู้ต้องขังเข้าใหม่เฉลี่ยแล้วเกือบ 100 คนต่อวัน แต่ส่วนมากก็จะประมาณ 10 - 20 คนต่อวัน สำหรับข้อกำหนดแมนเดลา คือ ต้องตรวจร่างกายผตู้ อ้ งขังทุกคน โดยมชิ ักช้านบั แต่แรกรบั ตัวเข้าไปในเรือนจำ ซึ่งเปน็ เรื่องท่ลี ำบากพอสมควรเพราะการตรวจร่างกายบางอย่าง ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจ เช่นการวินิจฉัยวัณโรค การตรวจด้วยการเอกซเรย์น่าจะแม่นยำที่สุด เมื่อท่านประธานพระราชทานรถเอกซเรย์ให้กับโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ทำให้ผู้ต้องขังเข้าถึงการเอกซเรย์ แรกรับได้มากยงิ่ ขน้ึ เชน่ กัน โดยสรุปที่ผมได้นำข้อกำหนดแมนเดลามาให้ทุกท่านได้ทราบก็เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เรือนจำ โรงพยาบาล แม่ข่ายสถานพยาบาลในเรือนจำดูแลผู้ต้องอยู่ขังนัน้ ไม่ได้มากเกินไปเม่ือเทียบกับประชาชนทั่วไป ถือเป็นสิ่งท่ี เราทุกคนจะต้องร่วมมือรว่ มแรงกัน ฉะน้นั พยาบาลประจำเรือนจำยงั ไงก็ไม่สามารถดูแลผู้ต้องขังได้อย่างทั่วถึง โรงพยาบาลแม่ข่าย โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงก็จะต้องมองว่าเรือนจำเหล่านั้นเป็นเหมือนหนึ่งหมู่บ้าน เป็นประชาชนคนหนึ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบในด้านสุขภาพของท่าน ผมขอปูพื้นแค่นี้เพื่อที่จะลงใน รายละเอียดถงึ การปฏบิ ตั ิ ว่าจะทำอย่างไรเพือ่ ใหผ้ ู้ต้องขงั ท่ีเขา้ ไปอยูข่ ้างในเรือนจำนั้นมสี ขุ ภาพที่แข็งแรงและ ได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลเท่าเทียมกับประชาชนทั่วไป ตั้งแต่มีโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ เป็นต้นมา ได้แก้ปัญหาหลายอย่าง เช่นเดิมผู้ต้องขังที่เป็นต่างด้าวไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแม่ข่าย ก็ตอ้ งใชร้ กั ษาดว้ ยมนุษยธรรมทำให้ในขณะนี้ปัญหาดังกล่าวถูกแก้ไข ผู้ต้องขังต่างดา้ วได้รับการรักษาพยาบาล 12
ที่เท่าเทียม มีคนสงสัยว่าทำไมเราต้องดูแลผู้ต้องขังคนต่างด้าวด้วย เช่นเดียวกับว่าหากคนไทยไปติดคุกท่ี ต่างประเทศเขากต็ อ้ งดูเราเช่นกัน ในโอกาสที่ท่านจะได้รับการอบรมในอีกหลายวิชาที่จะเป็นประโยชน์ต่อท่านในการปฏิบัติหน้าที่นั้น ขอให้ท่านดูแลผู้ต้องขังเหมือนเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ควรจะได้รับสิทธิใ์ นการรกั ษาพยาบาลเท่าเทียมกับการ รักษาพยาบาลประชาชนทั่วไป แต่อาจจะไม่มีขีดจำกัดบางสิ่งบางอย่างที่เราจะต้องศึกษาไว้ให้เข้าใจถึงบริบท ของเรอื นจำว่ามคี วามซับซ้อนเช่นใด สดุ ทา้ ยน้ผี มก็ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการเขา้ รับการฝึกอบรม เวชศาสตรร์ าชทณั ฑ์ ซึ่งหลักสูตรนี้ไม่เคยมีมากอ่ นเลยจนกระท่ังมโี ครงการราชทัณฑป์ นั สุขฯ เปน็ สิ่งท่ผี มช่ืนชม ทกุ ฝา่ ยที่ทำให้เกดิ การอบรมน้ีขึ้นมา ขอบคณุ มากครับ 13
1.2 บรบิ ทการทำงานในเรือนจำและโครงสรา้ งการบรหิ ารงานราชทัณฑท์ ีเ่ กี่ยวข้องกับสาธารณสขุ นพ.พรเพชร ปัญจปิยะกุล ผูเ้ ช่ียวชาญเฉพาะด้านระบบบรหิ ารการสาธารณสขุ กองบริหารการสาธารณสุข 1. ความเปน็ มางานสาธารณสขุ ในเรือนจำ ความเป็นมา การระบบบรกิ ารสาธารณสุขในเรอื นจำ รูปท่ี 1: แสดงความเปน็ มาของระบบบริการสาธารณสขุ ในเรือนจำ ปี พ.ศ. 2542 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องอนามัยเรือนจำ โดยกองสาธารณสุขภมู ิภาค สำนกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข เมื่อออกประกาศแล้ว ยังไมไ่ ดข้ บั เคล่ือนการใช้งาน ปี พ.ศ. 2544 – 2545 ระบบการเงินการคลังของประเทศได้เปลี่ยนแปลง เป็นระบบประกันสุขภาพ ถ้วนหน้า จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินงานตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องอนามัยเรือนจำได้ ประกอบกับมีการปฏิรูประบบราชการ ทำให้เกิดการยุบรวมกองสาธารณสุขภูมิภาคเข้ากับกองโรงพยาบาล ภมู ิภาค เป็นสำนักพฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพ และแยกอออกมาอยู่ภายใต้กรมสนับสนุนบรกิ ารสขุ ภาพ จงึ ไม่มี หน่วยงานที่จะพัฒนางานอนามัยเรือนจำต่อ นอกจากนี้ สำนักงานประกันสุขภาพได้จัดตั้งขึ้นใหม่ ยงั ไม่มหี น่วยงานท่ีรบั ผดิ ชอบในการพัฒนางานด้านสขุ ภาพในเรอื นจำสำหรบั ผตู้ ้องขัง ปี พ.ศ. 2547 กรมควบคุมโรคได้รับประมาณสนับสนุนจากกองทุนโลก (Global Fund) ในการ ดำเนนิ งานควบคมุ โรค วัณโรค เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสมั พนั ธ์ 14
ปี พ.ศ. 2550 กรมควบคุมโรค ได้หารือ กรมราชทัณฑ์ และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพ) เรื่องการปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องอนามัยเรือนจำและ การพฒั นาระบบสุขภาพในเรือนจำ และไดต้ ้ังคณะทำงานร่วมกนั ในการหาแนวทางในการพัฒนางานรว่ มกนั ปี พ.ศ. 2556-2557 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนจากผู้ต้องขังต่างชาติ วา่ ไดไ้ มร่ ับบรกิ ารสุขภาพที่เหมาะสม จึงได้รับคำร้องแล้วจึงทำการศึกษา เรื่องสิทธขิ องผตู้ ้องขงั และสิทธิในการ รับบริการสาธารณสุขจากรัฐ กรณีการเข้าถึงสทิ ธิในการรับบริการสาธารณสุขของผู้ต้องขัง คณะทำงานได้เชญิ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล และลงไปเก็บข้อมูลจากเรือนจำต่างๆ พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะจาก หน่วยงานที่เก่ียวข้อง (อาทิเช่น สำนักงานประกันสุภาพแห่งชาติ กรมราชทัณฑ์ กรมสนับสนุนบริการสขุ ภาพ) เม่อื คณะทำงานได้จดั ทำรายงานต่อคณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2558 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอรายงานการศึกษา และข้อเสนอแนะ เชิงนโยบายต่อคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2558 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการ พิจารณาคำร้องฯ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานหลัก รับไปพิจารณาร่วมกับ กระทรวง สาธารณสุข กระทรวงแรงงาน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงบประมาณ สำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา แพทยสภาและสภาการพยาบาล ในการรบั ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบายไปแกไ้ ขปญั หา พ.ศ. 2559 กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมกันออกแนวทางพัฒนาระบบบริการสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ และได้สั่งการให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแผนการให้บริการร่วมกัน แต่ยังมีข้อจำกัดหลายด้าน เนื่องจากสถานพยาบาลใน เรือนจำ ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิกับสปสช. ทำให้ยังไม่สามารถกำหนดเครือข่ายการ ใหบ้ ริการตามระบบประกนั สุขภาพได้ พ.ศ. 2560 กระทรวงยุติธรรมไดแ้ กไ้ ข พรบ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 เป็น พรบ.ราชทณั ฑ์ พ.ศ.2560 พ.ศ. 2562 กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมกัน ลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ ในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562 และได้ร่วมกันจัดทำแนวทางการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ พ.ศ. 2562 แนวทางดังกล่าวได้กำหนดเครือข่ายระหว่าง รพ.แม่ข่าย ตามระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ กับสถานพยาบาล ในเรือนจำทุกแห่ง ซึ่งได้ขึ้นทะเบยี นเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิกับสำนกั งานประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งหมดแล้ว วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้ าโปรดกระหม่อมให้ประกาศพระบรมราชโองการ แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำ ความดี เพื่อชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ และได้ทรงเสด็จเปิดงาน ราชทัณฑ์ปันสุข ทำ ความดี เพื่อชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ ณ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันที่ 28 ธนั วาคม พ.ศ.2562 ไดพ้ ระราชทานเคร่ืองมือแพทย์แก่ สถานพยาบาลในเรือนจำ 24 แห่ง ทัณฑสถานเรือนจำ ราชทณั ฑ์ และโรงพยาบาลศูนยใ์ นแตล่ ะเขตสขุ ภาพจำนวน 12 แห่ง พ.ศ. 2563 การขับเคลื่อนโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ระยะที่ 1 ได้ดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณสุข ในเรือนจำ โดยพัฒนาเครือข่ายการจัดบริการสาธารณสุขในเรือนจำ แต่สถานการณ์โควิด 19 ทำให้ 15
การขับเคลือ่ นได้อยา่ งจำกดั และมีการใช้มาตรการปอ้ งกนั การระบาดของโรคโควิด 19 ในเรอื นจำ นอกจากนี้มี การเตรียมการเพื่อสำรวจ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในเรือนจำในภาพรวม ได้มีการเตรียมการสำรวจเครือข่าย สาธารณสขุ เรอื นจำในระยะที่ 2 พ.ศ. 2564 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องมือแพทย์แก่ สถานพยาบาลในเรือนจำ 19 แหง่ และโรงพยาบาลแมข่ ่าย 19 แหง่ ในวนั ท่ี 28 เมษายน พ.ศ. 2564 ซง่ึ เปน็ เครอื ข่ายเรอื นจำ ในโครงการ ราชทณั ฑป์ ันสุขฯ ระยะท่ี 2 การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นการเงนิ การคลงั หลงั จากการเปลย่ี นแปลงระบบประกนั สขุ ภาพถว้ นหน้าหลงั จาก ทีพ่ ระราชบัญญัติประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ ก่อนระบบประกันสุขภาพ งบประมาณที่สนับสนุนด้านการแพทย์การสาธารณสุขในเรือนจำจะได้รับ การจัดสรรจากงบประมาณ ผ่านกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมโดยตรง และกระทรวงสาธารณสุขจะได้รับ การจัดสรรงบประมาณให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่ตั้งเดียวกับเรือนจำ การตรวจรักษาผู้ต้องขังให้การรักษาใน ลกั ษณะการให้การสงเคราะห์เปน็ หลัก 16
หลงั การเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพถว้ นหนา้ งบประมาณประกันสุขภาพจะจดั สรรงบประมาณจากรัฐบาล ผ่านระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ผ่าน สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นหลัก การให้การบริการ ทางการแพทย์และการสาธารณสุขจะเปน็ การได้รบั สิทธิดูแลสุขภาพตามระบบประกนั สุขภาพเป็นหลัก งบประมาณประกันสุขภาพจะจัดสรรให้ครอบคลุม การรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก, ผู้ป่วยใน, ค่ารักษาพยาบาลทีม่ ีค่าใช้จ่ายสูงในโครงการเฉพาะเช่น ดูแลผู้ป่วยไตวาย เป็นต้น, การส่งเสริมสขุ ภาพการป้องกันโรค การสง่ เสรมิ สุขภาพผ่านกองทนุ สุขภาพตำบลโดยจะมีการสมทบเงินกองทนุ จาก องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ การพัฒนาบริการสุขภาพที่ผ่านมาจะมีการมุง่ เน้นการพัฒนาจุดทีส่ ำคัญดงั นี้ ระบบประกนั สุขภาพ • ระบบการเงนิ การคลัง • ระบบการขึ้นทะเบียนและระบุสิทธิ์ ว่าการประกันสุขภาพของผู้ต้องขังมีสทิ ธปิ ระกันสุขภาพ ของกองทุนใด และการโอนย้ายสิทธิ์ของผู้ต้องขังเข้ามาโรงพยาบาลแม่ข่ายที่รับผิดชอบ เรือนจำน้นั • ชุดสิทธิประโยชน์ และการประเมินการเข้าถึงบริการ โดยการให้บริการจะต้องคำนึงถึงชุด สิทธปิ ระโยชนข์ องกองทนุ ท่ชี ดั เจน และประเมินการเข้าถึงการบริการสุขภาพของผู้ต้องขังให้ ได้รับบริการตามชุดสิทธปิ ระโยชน์ของกองทนุ ทผ่ี ตู้ อ้ งขังมีสทิ ธปิ ระกันสุขภาพ ระบบการใหบ้ ริการ • การจัดบริการภายในเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ โดยมีการขึ้นทะเบียนสถานพยาบาลเรือนจำเป็น หน่วยบริการปฐมภูมิของสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ และมีการประเมินคุณภาพของ สถานพยาบาลในเรือนจำเป็นประจำทุกปีให้ได้ตามมาตรฐานของหนว่ ยบริการปฐมภูมิทุกปี 17
• การจัดบริการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการมอบหมายให้โรงพยาบาล แมข่ ่ายใหร้ ับผดิ ชอบสถานพยาบาลในเรือนจำท่ีตัง้ อยู่ในพื้นทีเ่ ดยี วกัน ในฐานนะหน่วยบรกิ าร ปฐมภมู ิในเครือขา่ ย CUP ของโรงพยาบาล โรงพยาบาลแมข่ ่ายทงั้ หมด • โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีโรงพยาบาลแม่ข่าย จำนวน 109 แห่ง ดูแล เรือนจำทัณฑสถาน สถานกกั ขงั จำนวน 132 แหง่ ประกอบไปด้วย เขต รพ.แม่ขา่ ย สธ. อยู่ในความดแู ล (แห่ง) รวม (แห่ง) เรอื นจำ ทัณฑสถาน สถานกักขัง 1. 13 11 2 1 14 2. 8 9 1 0 10 3. 6 5 1 06 4. 10 10 5 1 16 5. 9 10 0 1 11 6. 13 10 4 1 15 7. 5 5 1 17 8. 8 8 0 08 9. 9 9 2 0 11 10. 6 6 0 06 11. 13 13 1 0 15 12. 9 10 0 1 13 รวม 109 106 20 0 132 • โรงพยาบาลนอก สังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีโรงพยาบาลแม่ข่าย จำนวน 3 แห่ง ดูแลเรือนจำ ทณั ฑสถาน สถานกกั ขงั รพ.แม่ข่าย อย่ใู นความดแู ล (แหง่ ) รวม เรือนจำ ทัณฑสถาน สถานกกั ขัง โรงพยาบาลราชทัณฑ์ 44 08 รพ.เดอะโกลเดนเกท 10 01 สถานพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง 2 0 02 รวม 74 0 11 18
• สรปุ ระบบบริการสาธารณสุขในเรือนจำ สถานการณ์การจดั บรกิ ารด้านสาธารณสขุ แกผ่ ู้ตอ้ งขัง ในเรือนจำทวั่ ประเทศ จำนวนเรือนจำ ดูแลโดย 131 โรงพยาบาลในสงั กัด สป.สธ. 111 แห่ง เรือนจำทั่วประเทศ ท้งั สิ้น 142 แหง่ 10 แมข่ ่ายของกรมราชทัณฑ์ 2 แห่ง 1 โรงพยาบาลเอกชน 1 แหง่ กรอบแนวคิดปัจจยั ทีม่ ีผลกระทบต่อสขุ ภาพของผตู้ ้องขงั ปจั จัยพนื้ ฐานท่ีมีผลต่อสขุ ภาพของผตู้ ้องขงั คือ ข้ันพื้นฐาน คอื อาหาร โภชนาการ ท่ีอยู่อาศยั สุขอนามัยส่วนบคุ คล และสุขาภิบาลสง่ิ แวดล้อม ข้นั กลาง คือ การสง่ เสริมสุขภาพและการควบคุมโรค ขั้นสงู สุด คือการรักษาพยาบาล ในทกุ ระดับจะมีปจั จัยจติ วิทยาและสังคมเป็นปจั จัยที่ต้องคำนึงถงึ ที่จะส่งผลต่อสขุ ภาพของผ้ตู ้องขงั 2. กรอบนโยบายและกฎหมายทีเ่ กยี่ วขอ้ ง การดำเนินงานสาธารณสุขในเรือนจำจะอยู่ภายใต้บริบทของกฎหมาย ทั้งในประเทศ และข้อตกลง ระหว่างประเทศ ดังน้ี 1. ข้อกำหนดมาตรฐานขั้นตํ่าสำหรับปฏิบัติต่อผู้ต้องขังและข้อเสนอแนะนํา ในเรื่องที่เกี่ยวข้องของ องค์การสหประชาชาตวิ ่าด้วยการปฏบิ ัตติ ่อผูก้ ระทำผิด (Mandela Rules) 2. ขอ้ กำหนดสหประชาชาติวา่ ดว้ ยการปฏบิ ัติต่อผู้ต้องขังหญงิ ในเรือนจำและมาตรการท่ีมใิ ช่การคุมขัง สำหรับผกู้ ระทำผดิ หญิง (The Bangkok Rules) 3. อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยี ศกั ดศ์ิ รี 19
4. แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562 – 2565) กำหนดแผนสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม ผู้ต้องหา/ผตู้ ้องขัง มีขอ้ เสนอแนะเชงิ ปฏิบัตกิ ารให้ผตู้ อ้ งขงั ได้รับการรักษาพยาบาลเท่าเทยี มกบั บุคคลทว่ั ไป 5. รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 6. พรบ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 7. พรบ.ประกันสขุ ภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 8. พรบ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 9. พรบ.ควบคมุ โรคตดิ ต่อ พ.ศ. 2558 10. พรบ.สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 11. พรบ.การสาธารณสขุ พ.ศ. 2535 มติครม.ที่เกี่ยวข้อง มติครม. 17 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2558 สืบเนื่องจากผลการศึกษาของคณะทำงานศึกษาการเข้าถึงบริการสุขภาพตามสิทธิของผู้ต้องขังใน ประเทศไทย ของคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2558 พบว่า 1. เป็นปัญหาในระดบั นโยบายและกฎหมายในการบริหารจดั การระบบบรกิ ารสุขภาพ 2. ปญั หาอุปสรรคเกี่ยวกับการสง่ ตัวผตู้ ้องขังออกไปรับการรักษาพยาบาลยังสถานพยาบาลนอกเรือนจำ 3. การเข้าถึงสิทธิในการได้รับบริการสุขภาพของผู้ต้องขัง ที่บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิได้รับบริการ สาธารณสขุ อนั มมี าตรฐานและประสิทธิภาพทพ่ี งึ่ จะได้รบั อยา่ งเท่าเทยี มกัน ยงั มีปญั หาในทางปฏิบตั ิ มตคิ ณะรัฐมนตรี เม่อื วันท่ี 17 พฤศจิกายน 2558 รับทราบรายงานผลการพิจารณาคําร้องเพื่อเสนอแนะ นโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สทิ ธิของผู้ต้องขังและสิทธิในการได้รับการบริการสาธารณสุข จากรัฐ กรณีการเข้าถึงสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขของผู้ต้องขัง มติครม. ปี 2558 มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 รับทราบรายงานผลการพิจารณาคําร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอ ในการปรบั ปรุงกฎหมาย เรอื่ งสิทธิของผู้ต้องขังและสิทธใิ นการได้รับการบริการสาธารณสุขจากรัฐ กรณีการเข้าถึง สทิ ธใิ นการไดร้ บั บริการสาธารณสขุ ของผู้ต้องขัง โดยมีขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบายต่อกระทรวงสาธารณสุข ดังน้ี 1. โรงพยาบาลในเขตพื้นท่ีควรจัดกําลังเจ้าหน้าท่ี เข้ามาดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำ เชน่ จดั แพทย์เฉพาะทาง เข้ามาตรวจรักษาเป็นครั้งคราว หรือจัดแบ่งเป็นวัสดุ เวชภัณฑ์ หรือการให้บริการต่างๆ หากโรงพยาบาลใน เขตพื้นที่ใดไม่มีศักยภาพหรือกําลังเจ้าหน้าที่เพียงพอในการให้บริการสุขภาพกับเรือนจำให้จัดสรรงบประมาณ ใหก้ ับเรือนจำเพ่อื จัดจา้ งเอกชนเข้ามาดำเนนิ การแทน 2. โรงพยาบาลในเขตพื้นที่ควรจัดกําลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำ เช่น จัดแพทย์ เฉพาะทางเข้ามาตรวจรักษาเป็นครั้งคราว หรือจัดแบ่งเป็นวัสดุ เวชภัณฑ์ หรือการให้บริการต่างๆ หากโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ใดไม่มีศักยภาพหรือกําลังเจ้าหน้าที่เพียงพอในการให้บริการสุขภาพกับเรือนจำ ให้จัดสรรงบประมาณ ใหก้ ับเรอื นจำเพอ่ื จัดจา้ งเอกชนเขา้ มาดำเนินการแทน 20
มติครม. 25 พ.ค. พ.ศ. 2564 เรื่องข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพ สำหรับผู้ต้องขังท่ีมีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ 1. อนุมัติในหลักการให้มีการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับ ผตข. ที่มีปัญหา สถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ โดยให้กสธ.เป็นผู้จัดระบบไปพลางก่อน งบประมาณให้เป็นไปตาม ความเห็นของสำนักงบฯ 2. ให้ ยธ.(กรมราชทัณฑ์) เป็นหน่วยงานหลักจัดประชุมหารือร่วมกับ กค., พม., มท., สธ., สำนักงบฯ, สนง.กฤษฎีกา, สปสช., และหน่วยเกี่ยวข้อง พิจารณากำหนดแนวทางในการจัดระบบ บริการและระบบประกันสุขภาพในระยะยาวให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เช่น หน่วยงานหลัก ในการดูแลระบบบริการและระบบประกันสุขภาพ อัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมเป็นธรรม รับความเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ประกอบการพิจารณา ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และมติ ครม. ท่ีเกี่ยวข้อง 3. ให้ ยธ.(กรมราชทัณฑ์) ร่วมกับ สตช. มท.(กรมการปกครอง)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณากำหนดแนวทางในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้กระทำผิดให้ถูกต้อง ชัดเจน ตั้งแต่ กระบวนการจับกุมและตรวจสอบประวัติ รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาในกรณีที่ไม่สามารถยืนยันตัวตน ของผู้กระทำผิดได้ด้วย 4. ให้ ยธ.(กรมราชทัณฑ์) เร่งจัดทำแนวทางการบริหารจัดการเพื่อรองรับสถานการณ์กรณีที่มี โรคติดต่ออุบัติใหม่เกิดขึ้นในเรือนจำ ให้มีความรัดกุม รอบคอบ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การป้องกัน และรักษาโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่ กสธ. กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการควบคุมเกิด โรคอุบัติใหม่ในเรือนจำและทัณฑสถานท่ัวประเทศต่อไป การลงนามความร่วมมือในการพัฒนาสาธารณสุขในเรือนจำระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ 1. บันทึกความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ ระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ กรมราชทัณฑ์ 2. บันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงงาน บริการพ้ืนฐานของรัฐ ระหว่าง กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรม 3. บันทึกข้อตกลงการเป็นหน่วยบริการสาธารณสุข (หน่วยบริการประจำ/รับส่งต่อทั่วไป) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของสถานพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง ระหว่าง กรมราชทัณฑ์ และสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ 4. บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อ.ส.ร.จ.) ระหว่าง กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กรมราชทัณฑ์ 5. บันทึกความเข้าใจระหว่าง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เรื่อง ความร่วมมือในการเร่งรัดค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำ 21
6. บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการพัฒนาการดำเนินงานการให้บริการ ด้านสุขภาพจิตและจิตเวชแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ระหว่างกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กับกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข 7. บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่องการยกระดับพยาบาลวิชาชีพในสถานที่ควบคุม ระหว่าง สภาการพยาบาล กับ กระทรวงยุติธรรม 8. บันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในสถานที่คุมขัง ระหว่าง สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กับ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม 3. โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพ่ือชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ ประกาศราชกิจจานเุ บกษา เร่อื ง แตง่ ตั้งคณะกรรมการ โครงการราชทัณฑป์ ันสุข ทำความ ดี ดว้ ยหัวใจ ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจา้ อยูห่ ัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้ง คณะกรรมการ โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี ด้วยหัวใจ เนื่องจากทรงมีพระราชดำริว่าโรงพยาบาล ราชทัณฑ์เป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ต้องให้บริการแก่ผู้ต้องขัง ในกรณีเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นจำนวนมาก ยังขาดแคลนบุคลากร เครือ่ งมอื แพทย์และเวชภัณฑ์ การดูแลสุขภาพของผตู้ ้องขังถือเป็นหน้าที่ สำคัญของกรมราชทัณฑ์ ในการที่จะให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ตามหลัก มนุษยธรรม ทั้งนี้ เมื่อพ้นโทษจะได้มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ออกมาสู่สังคมภายนอกและประกอบอาชีพ สุจริตได้อย่างมีคุณภาพ โดยจะพระราชทานความช่วยเหลือในเรื่องการจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือ ทางการแพทย์ ตลอดจนการให้จิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร. ได้เข้าไปมีบทบาท ในการช่วยเหลือ ทั้งทางด้านการแพทย์ การพยาบาล การอบรมให้ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงาน โครงการประสบผลสำเรจ็ ตามพระบรมราโชบาย ต่อมาไดม้ กี ารเปลย่ี นช่อื โครงการเป็น”โครงการราชทณั ฑ์ปนั สขุ ทำความ ดี เพือ่ ชาติ ศาสตร์ กษัตริย์” โลโกพ้ ระราชทาน รูปที่ 2: แสดงโลโก้ราชทณั ฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพ่อื ชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ 22
รายชื่อโรงพยาบาลแม่ขา่ ยที่รบั ผดิ ชอบเรือนจำในโครงการราชทัณฑ์ปนั สุข ทำความ ดี เพ่อื ชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ระยะท่ี 1 รายช่อื โรงพยาบาลแม่ข่าย (25รพ.) 20 จังหวัด ในพ้นื ที่ท่ีมีเรือนจำ นําร่อง 24 แห่ง โรงพยาบาลแม่แตง เชียงใหม่ 2 โรงพยาบาลนครพงิ ค์ นครสวรรค์ 2 โรงพยาบาลสวรรคป์ ระชารักษ์ โรงพยาบาลนครสวรรค์ สระบุรี 1 โรงพยาบาลสระบรุ ี นครปฐม 1 โรงพยาบาลนครปฐม ราชบรุ ี 1 โรงพยาบาลราชบรุ ี นนทบรุ ี 1 เรอื นจำกลางบางขวาง ปทมุ ธานี 1 โรงพยาบาลธญั บรุ ี สรุ าษฎร์ธานี 1 โรงพยาบาลสุราษฎรธ์ านี นครศรีธรรมราช 1 โรงพยาบาลมหาราชนครศรธี รรมราช สงขลา 1 โรงพยาบาลสงขลา กรงุ เทพฯ 1 ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ชลบรุ ี 2 ศสม.ชลบุรี / โรงพยาบาลชลบรุ ี สมุทรปราการ 1 โรงพยาบาลบ้านบึง อบุ ลราชธานี 1 โรงพยาบาลบางบ่อ นครราชสีมา 3 โรงพยาบาลสรรพสิทธปิ ระสงค์ โรงพยาบาลเดอะโกลเดนเกท ขอนแก่น 2 โรงพยาบาลปากช่องนานา นครพนม 1 โรงพยาบาลสีค้ิว โรงพยาบาลขอนแก่น โรงพยาบาลนครพนม 23
เครอื่ งมือแพทย์ท่ีพระราชทานในโครงการราชทณั ฑป์ นั สขุ ฯ ระยะท่ี 1 โครงการราชทณั ฑป์ นั สขุ ฯ ระยะท่ี 2 24
เคร่ืองมือแพทย์ท่ีพระราชทานโครงการราชทณั ฑป์ ันสขุ ระยะท่ี 2 กจิ กรรมโครงการาชทัณฑป์ นั สุข มุ่งเนน้ สง่ เสริม 1. ดา้ นเคร่ืองมือแพทย์ 2. ดา้ นบรกิ ารทางการแพทยแ์ ละพยาบาล 3. ใหอ้ งคค์ วามร้ดู ้านต่าง ๆ ดา้ นสขุ ภาพอนามัยท่จี ำเป็นตอ่ ผู้ตอ้ งขัง 4. ให้องคค์ วามรู้ด้านสขุ ภาพแก่อาสาสมัครด้านสุขภาพในเรอื นจำ 5. ดา้ นสุขาภิบาลและส่งิ แวดล้อม 6. ดา้ นโภชนาการ 25
4. โครงสรา้ งการบริหารงานราชทัณฑ์ (ทเี่ กี่ยวข้องกับสาธารณสขุ ) คำสง่ั ทเี่ กย่ี วข้อง โครงการราชทณั ฑป์ นั สขุ ทำความ ดี เพอื่ ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 1. คณะกรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประกาศ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 โดยมีพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เปน็ องคป์ ระธานท่ีปรึกษา เจ้าคุณพระสนิ นี าฏ พิลาสกลั ยาณี เปน็ รองประธานที่ปรกึ ษา และมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิตยิ าภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสริ พิ ชั ร มหาวัชรราชธดิ า เป็นองคป์ ระธานกรรมการ 2. คำสั่ง หน่วยราชการในพระองค์ 904 ที่ 77/2562 ลงวนั ที่ 27 กันยายน 2562 เร่ืองแตง่ ตงั้ คณะทำงาน 2 คณะ โครงการราชทณั ฑป์ นั สขุ ทำความ ดี ดว้ ย หัวใจ ได้แก่ 2.1 คณะทำงานคัดเลือกและจัดซื้อจัดหา โรงพยาบาล สถานพยาบาลเรือนจำ เครื่องมือและ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์พระราชทาน โดยมีพลอากาตรีสุพิชัย สุนทรบุรี เป็นประธานกรรมการ พลอากาศเอก สุบนิ ชิวปรีชา และรองปลดั กระทรวงสาธารณสขุ (หัวหนา้ กลุม่ ภารกจิ ด้านพัฒนาการแพทย์) เป็นรองประธาน 2.2 คณะทำงานตรวจรบั เครื่องมือและครภุ ัณฑ์ทางการแพทย์พระราชทาน โดยมพี ลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต เป็นประธานกรรมการ พลอากาศโทสมคิด สุขบาง และผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองประธานกรรมการ โดยคณะทำงานมีหน้าที่ อัญเชิญพระบรมราโชบาย พระราโชบาย ประสาน กำกับ ดูแล ให้คำแนะนำแก่คณะทำงานฯ ของสถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ ที่ได้ทรงมีพระมหากรุ ณาธิคุณไว้ ดำเนินการร่วมกับคณะทำงานฯ ของสถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ ในขั้นตอนการพิจารณาเหมาะสม รวบรวม สรุปรายละเอียดการคัดเลือก การจัดซื้อจัดหา การตรวจรับเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ พระราชทาน ของสถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ เพอื่ นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลี พระบาท และติดตาม กำกับดูแล ให้คำแนะนำแก่สถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ ในการติดตั้งและการใช้ ประโยชนเ์ คร่อื งมือและอปุ กรณ์การแพทยพ์ ระราชทาน 26
3. คำสั่ง หน่วยราชการในพระองค์ 904 (สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ฯ) ที่ 100/2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี ด้วยหัวใจ ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 โดยมีพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นประธานกรรมการ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสารท พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล และพันโทสมชาย กาญจนมณี เป็นรองประธานกรรมการ ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่ เสนอความ คิดเห็น ข้อพิจารณา หรือเสนอแนะ แนวทางการบริหารและปรับปรุงแก้ไขต่อคณะกรรมการโครงการฯ ดำเนินการบริหารจัดการโครงการฯ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการโครงการมอบหมาย และควบคุมดูแล กำหนดแผนงานและดำเนนิ การอ่นื ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั โครงการ 4. คำสั่งสำนักงานองคมนตรี (โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์) ที่ 1/2563 เร่ือง แต่งตัง้ คณะทำงานดา้ นการแพทย์และสาธารณสุข โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพือ่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยมี พลอากาศเอกสุบิน ชิวปรีชา เป็นประธานกรรมการ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (หัวหน้ากลุ่มภารกิจ ด้านพัฒนาการแพทย์) และรองปลัดกระทรวงยุติธรรม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย) เป็นรองประธาน ให้คณะทำงานฯ มีอำนาจและหน้าที่ พิจารณาเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์เบื้องต้น สำหรับสถานพยาบาลเรือนจำและโรงพยาบาลแม่ข่าย เพื่อนำเสนอคณะทำงานคัดเลือกและจัดซื้ อจัดหา โรงพยาบาล สถานพยาบาลเรือนจำ เครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์พระราชทานต่อไป วางแผน อำนวยการ และกำกบั ดูแล การบริการทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุข และการฝึกอบรมอาสาสมัครสาธารณสุข เรือนจำ บันทึก เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และรายงานการปฏบิ ัติงานให้คณะกรรมการบรหิ ารทราบ ตามระยะเวลาที่เหมาะสม คณะกรรมการพัฒนางานสาธารณสุขในเรือนจำ ท่ีเกี่ยวข้องอน่ื ๆ ระดบั กระทรวง • คณะกรรมการพัฒนาระบบบรกิ ารสาธารณสุขสำหรับผูต้ ้องขังในเรอื นจำโครงการราชทัณฑ์ ปนั สขุ ทำความดี เพ่ือชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ กระทรวงสาธารณสุข • คณะทำงานจดั ระบบบริการและระบบประกันสขุ ภาพสำหรับผตู้ ้องขงั ท่ีมีปัญหาสถานะบุคคล และต่างดา้ วในเรือนจำ • คณะทำงานยกร่างข้อเสนอเชงิ นโยบายการจัดระบบบริการและระบบประกนั สุขภาพสำหรบั ผตู้ ้องขงั ทีม่ ีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี • คณะทำงานปรบั ปรุงแนวทางการพัฒนาระบบบริการสาธารณสขุ สำหรบั ผตู้ ้องขังในเรือนจำ ระดบั จังหวดั • คณะกรรมการเพื่อพัฒนาระบบบรกิ ารสาธารณสขุ สำหรับผู้ต้องขังในเรอื นจำ จังหวัด............ • ผูว้ า่ ราชการจังหวัด ประธาน • นายแพทยส์ าธารณสุขจังหวัด เป็นเลขานุการ • ผูบ้ ัญชาการเรอื นจำ เปน็ เลขานุการร่วม 27
กระทรวงสาธารณสุข ไดร้ ่วมดำเนนิ โครงการราชทณั ฑ์ปันสขุ ทำความ ดี เพือ่ ชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ 1. กำหนดกรอบแนวทางการดำเนนิ งานความรบั ผดิ ชอบของหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุข 2. พัฒนาระบบการให้บริการผู้ต้องขังในโรงพยาบาล ในสังกัด สธ. ให้ดำเนินการตามเล่มแนวทาง พัฒนาระบบบริการฯ 3. บริหารจัดการครุภัณฑ์ พระราชทานร่วมกับสถานพยาบาล ในเรือนจำและรพ.แม่ข่าย ให้เกิด ประโยชนส์ งู สดุ 4. จัดทำแผนบูรณาการ เพื่อให้บริการผู้ต้องขังใน เรือนจำ (ตามแนวทางฯ) โดย แพทย์/สหวิชาชีพ (รพ.แมข่ ่าย+ทมี จติ อาสา) กระทรวงสาธารณสุข จดั ระบบบรกิ ารสาธารณสุข สำหรบั ผตู้ อ้ งขงั ในเรือนจำ โดยมอบหมายให้หน่วยงาน ภายในกระทรวงสาธารณสขุ รับผิดชอบดงั น้ี สนบั สนุน หน่วยงาน บทบาทหนา้ ทีร่ ับผดิ ชอบ สำนกั งานหลกั ประกัน สำนักงาน 1. พฒั นาระบบบริการสาธารณสุขในเรอื นจำ สขุ ภาพแหง่ ชาติ ปลดั กระทรวง 2. จัดบรกิ ารตามสทิ ธปิ ระโยชนข์ องผตู้ อ้ งขัง - ข้ึนทะเบียนหน่วย สาธารณสขุ 3. พฒั นาเครือขา่ ยบริการ ตดิ ตาม กำกับ ประเมนิ ผล ปฐมภมู ิ/ดแู ลระบบ กรมการแพทย์ 1. สรา้ งระบบรบั -สง่ ต่อผปู้ ว่ ย การขนึ้ ทะเบยี นสิทธิ 2. ทางด่วนฉุกเฉิน : โรคหลอดเลอื ดสมอง และโรคเสน้ เลอื ดหวั ใจตีบ และการโอนยา้ ยสิทธิ/ 3. รบั ปรึกษาโรคเฉพาะทาง ทางไกล ดูแลสิทธปิ ระโยชน์ 4. เปิดบริการคลนิ ิกเฉพาะทาง ในทณั ฑสถาน โรงพยาบาลราชทณั ฑ์ การรักษาพยาบาล/ และสถานพยาบาล ในเรอื นจำ โดยแพทยจ์ ติ อาสา จดั สรรงบประมาณ กรมควบคุมโรค คดั กรอง เฝา้ ระวงั ป้องกนั และควบคุมโรค ในเรอื นจำ เชน่ วณั โรค เอดส์ ไวรสั ตบั อักเสบ ไข้หวัดใหญ่ หัด กรมสนบั สนนุ 1. จดั ทำคูม่ อื ครูฝึก อสรจ. บริการสุขภาพ 2. จดั ทำหลกั สูตร อสรจ. 3. จดั ทำชดุ ส่ือการสอน อสรจ. 4. ฝึกอบรม อสรจ. โดยภาคเี ครือขา่ ย กรมอนามยั 1. จดั ทำ/ผลติ สอื่ การสอนพระราชทาน สำหรับ อสรจ.และผ้ตู อ้ งขัง 2. วางระบบบรกิ ารทนั ตสขุ ภาพ 3. พฒั นาแนวทางการจดั การดา้ นสุขาภิบาลอาหาร และนำ้ และอนามัย สงิ่ แวดลอ้ ม กรมสขุ ภาพจติ 1. คดั กรองและให้การดูแลรักษาด้านสุขภาพจิต 2. พฒั นาฐานขอ้ มลู / ระบบรบั -สง่ ต่อ 3. รับปรกึ ษาทางไกลบรกิ ารสขุ ภาพจติ 28
กรอบแนวทาง การจัดระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผูต้ อ้ งขังในเรอื นจำในส่วนภูมภิ าค กรอบแนวทาง การจัดระบบบรกิ ารสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ หน่วยงาน บทบาทหนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบ 1.สำนกั งานปลดั กระทรวงฯ กองตรวจราชการ ,กองบรหิ ารการสาธารณสขุ - ประสาน/สนบั สนุนการปฏบิ ตั งิ าน - รายงานผลกำกบั ติดตาม/ประเมนิ ผล 2.สำนักงานเขตสุขภาพ/สปสช.เขต - รว่ มจัดทำแผนบรู ณาการฯ - ประสาน/สนับสนนุ การปฏบิ ัติงาน - กำกับตดิ ตาม/ประเมินผล ในระดบั เขต 3.สำนกั งานสาธารณสุขจงั หวดั - แต่งตั้ง คกก. ระดบั จงั หวดั - จดั ทำแผนบรู ณาการฯ - ประสาน/สนับสนุนการปฏิบตั ิงาน - กำกับตดิ ตาม/ประเมนิ ผล - รายงานผลการดำเนนิ งาน 4.รพศ./รพท./รพช./รพ.สังกัดกรม/รพ.สังกัด 3 - คมู่ ือ/พฒั นาการจดั บริการปฐมภูมิในเรอื นจำ เหล่าทัพ - จดั บรกิ ารพนื้ ฐานใหแ้ ก่ผูต้ อ้ งขงั (6ด้าน) - รายงานผลการดำเนนิ งานรายไตรมาส บรกิ ารพ้นื ฐานสำหรบั ผตู้ อ้ งขงั (6 ด้าน) ตามเลม่ คมู่ ือแนวทางฯ บริการพ้นื ฐานสำหรับผตู้ ้องขงั (6 ด้าน) ตามเล่มคูม่ ือแนวทางฯ บทบาท บทบาทหน้าท่รี ับผดิ ชอบ 1. งานบริการสขุ ภาพ – จดั ระบบการให้บริการ รักษา ส่งเสริมสุขภาพและ ปอ้ งกันโรค 2. กําลังคนดา้ นสขุ ภาพ สุขภาพจติ ฟน้ื ฟู สมรรถภาพ การสงต่อ และการตรวจสอบสทิ ธิ – การฝกึ อบรม เจา้ หน้าท่/ี พยาบาลในเรือนจำ และ อาสาสมคั ร 3. ระบบสารสนเทศด้านสขุ ภาพ สาธารณสขุ ในเรอื นจำ (อสรจ.) 4. การเขา้ ถึงยาและเวชภัณฑ์ – เชอ่ื มโยงข้อมลู ทางเทคโนโลยี การตรวจรกั ษาทางไกล หรอื 5. กลไกการคลังด้านสุขภาพ เทเลเมดดิซีน (Telemedicine) 6. ภาวะผนู้ าํ และธรรมาภบิ าล – การจัดการคลังยาและ เวชภณั ฑ์ที่มีประสิทธภิ าพ จัดตัง้ คณะกรรมการ – การบรหิ ารจัดการ งบประมาณ การตรวจสอบสทิ ธิ – แตง่ ตัง้ คณะกรรมการพฒั นาสาธารณสขุ เรือนจำในระดับจงั หวดั – จัดทำแผนปฏบิ ตั งิ าน การบูรณาการดำเนนิ งาน กบั ทกุ ภาคสว่ น 29
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขโดยกองบริหารการสาธารณสุขพัฒนาระบบบริการสุขภาพสำหรับ ผตู้ ้องขังในเรอื นจำ 1. จดั ทำมาตรฐาน /แนวทางการดำเนินการ 2. ขอ้ ส่ังการ สัง่ ให้ รพศ./รพท./รพช. และเครือข่ายทเี่ กีย่ วขอ้ ง 3. โครงการพัฒนาระบบสาธารณสุขเรือนจำระดับจังหวัด สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประสานการสนับสนุนการปฏิบัติงาน กบั หนว่ ยงาน สปสช ร่วมกับ เขตสุขภาพ ผังโครงสร้างระบบบรกิ ารสุขภาพสำหรบั ผตู้ ้องขงั ในเรือนจำ กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเสริมการพัฒนางานสาธารณสุขในเรือนจำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้กำหนด ประเด็นการตรวจราชการเพื่อกำกับติดตามการพัฒนาให้สอดคล้องกับโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 และ พ.ศ. 2564 ดงั นี้ ประเด็นตรวจราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 : โครงการราชทัณฑ์ปนั สุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ระดบั ท่ี 1 มีการแต่งตง้ั คณะกรรมการ ระดับท่ี 2 มีการจัดทำแผนบูรณาการรว่ มกัน ระดับท่ี 3 มกี ารจดั ระบบบริการสาธารณสขุ สำหรบั ผูต้ อ้ งขงั ในเรอื นจำ ระดบั ที่ 4 จังหวัดในกลุ่มเป้าหมาย (20 จังหวัด นํารอ่ งปี 2563) มีการจัดระบบการบริหารจดั การ ระดับที่ 5 มีแผนการกำกับ ติดตาม ตามแผนงาน โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดีเพื่อชาติ ศาสนา กษัตริย์ แนวทางการจัดระบบบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ กระทรวง สาธารณสุข ระดับความสำเรจ็ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ผา่ นเกณฑ์ทกุ ตวั ชีว้ ดั 30
ประเด็นตรวจราชการ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 กำหนดอยใู่ นโครงการเก่ยี วกับพระราชวงศ์ ลำดับท่ี 1. โครงการราชทณั ฑ์ ปนั สุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีตวั ชี้วดั ดังน้ี การพัฒนาระบบบรกิ ารสาธารณสขุ สำหรบั ผูต้ ้องขังในเรือนจำ 1. การพัฒนา อสรจ. ในเรอื นจำให้มี อสรจ. ต่อผ้ตู ้องขงั ไมน่ อ้ ยกว่า 1 ตอ่ 50 2. การพฒั นาศักยภาพพยาบาล ประจำสถานพยาบาลในเรือนจำหรือ พยาบาลจากโรงพยาบาลแมข่ ่าย 3. การให้บริการตรวจรกั ษาตาม เวชปฏบิ ตั ิ (แพทย)์ ด้านบรกิ ารสุขภาพช่องปาก 1. มีการใหบ้ ริการ ดแู ล บำบัดรกั ษา ผ้ตู อ้ งขงั ทีม่ ีปญั หาสุขภาพช่องปาก 2. มีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปาก ในเรือนจำ เช่น ผู้ต้องขังได้รับการฝึก ทักษะการตรวจฟัน การแปรงฟัน, อสรจ. ได้รับการอบรมสุขภาพช่องปาก เปน็ ตน้ ดา้ นบริการสุขภาพจติ 1. มีระบบการประเมินภาวะ สขุ ภาพจติ และจติ เวชผตู้ อ้ งขงั อยา่ ง น้อยปีละ 1 ครง้ั 2. สนับสนุนให้โรงพยาบาลแม่ข่าย/ โรงพยาบาลในสังกัดกรมสุขภาพจิตมี ระบบการให้บริการตรวจ รักษาด้านสุขภาพจิตและจิตเวชในเรือนจำ และทัณฑสถาน หรือตรวจผ่านระบบ Telepsychiatry อย่างน้อย เดอื นละ 1 ครั้ง ครบทุกแห่ง 3. ใหม้ กี ารบนั ทกึ ข้อมูลผู้ต้องขงั ป่วย จิตเวชในระบบฐานขอ้ มูลนิติจติ เวช ของกรมสขุ ภาพจิต ดา้ นการปอ้ งกนั และควบคุมโรค 1) การคน้ หาวัณโรคด้วยการถ่ายภาพ รังสที รวงอกในผูต้ ้องขังแรกรบั 2) คัดกรองเอชไอวใี นกล่มุ ผู้ตอ้ งขังแรกรับ 2.1) มีแผนการบริหารจดั การในเรอื นจำทด่ี ี 2.2) บูรณาการใช้จัดบริการของจังหวัดโดยใช้งบชุดตรวจจากทุกแหล่งสปสช. ในคนไทย กองทนุ โลก กรมควบคุมโรค 2.3) กำหนดบทบาทการบรหิ าร จดั การร่วมกันระหวา่ งเรอื นจำ โรงพยาบาลแมข่ า่ ย 2.4) ในการตรวจคดั กรองสามารถ ใช้ชุดตรวจเลือด หรือชุดตรวจ oral fluid screening test กไ็ ด้ 5. ทิศทางในการพัฒนาสาธารณสุขในเรอื นจำ การประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ ตามระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มีการ ตรวจสอบสิทธิให้ได้ครอบคลุมผู้ต้องขังเพิ่มขึ้น จากปี 2560 ถึง พ.ศ. 2563 และผู้ต้องขังที่มีประกันสุขภาพ กองทนุ อืน่ ๆ ได้รบั การตรวจสอบสทิ ธเิ์ พิ่มข้นึ เชน่ กัน สว่ นผู้ตอ้ งขังท่ไี ม่มกี ารระบุตัวบุคคล ไดล้ ดลงมาเปน็ ลำดับ 31
สถานการณ์การย้ายสิทธิประกันสุขภาพให้ตรงกับโรงพยาบาลแม่ข่าย (CUP) ที่ดูแลสถานบริการใน เรือนจำ (PCU) ได้รับการปรับปรุงระบบให้สามารถกระทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การจัดสรร งบประมาณสามารถจัดสรรใหก้ ับเครือข่ายทรี่ ับผิดชอบการดูแลสุขภาพของผ้ตู อ้ งขังไดถ้ ูกต้องมากข้นึ 32
สถานการณ์ สถานะบุคคลและสิทธปิ ระกนั สุขภาพของผ้ตู ้องขัง ณ 31 พ.ค. 2564 ลำดับ ประเภท รวม ร้อยละ 1 สิทธิ UC 277,790 93 2 ผูป้ ระกันตน 4,633 1.54 3 สิทธขิ ้าราชการ หนว่ ยงานรฐั 1,631 1 4 สทิ ธิข้าราชการ อปท. 252 0.08 5 สิทธวิ า่ ง 431 0.14 6 บุคคลตา่ งดา้ ว (เปลีย่ นสภาพ ท.ร.98) 71 0.02 7 ตาย 138 0.05 8 จำหน่ายจากกรมการปกครอง 242 0.09 9 บคุ คลไมพ่ บในฐานข้อมูล สปสช. 337 0.11 10 บคุ คลไม่มเี ลขประจำตวั ประชาชน 3,559 1.19 บคุ คลสัญชาตอิ ืน่ ผตู้ ้องขงั ตา่ งชาติ (ไม่มีเลข 9,845 3.28 11 ประชาชน , บคุ คลไม่พบในฐานข้อมลู สปสช.) 1,011 0.34 12 บุคคลผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ์ (Stateless) จากข้อมูลสถานการณ์ประกันสุขภาพของผู้ต้องขัง แม้ว่าผู้ต้องขัง ส่วนใหญ่มีการประกันสุขภาพ อันได้แก่การประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UC) ร้อยละ 93, ประกันสังคม ร้อยละ 1.54 ,สวัสดิการข้าราชการ หน่วยงานรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร้อยละ 1.08 แต่ยังมีผู้ต้องขังที่ไม่มีสิทธิประกันสุขภาพใดๆ อันได้แก่ ผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคล และผู้ต้องขังต่างชาติ ร้อยละ 3.28 , ผู้ต้องขังมีปัญหาสถานะบุคคล ร้อยละ 1.16 และผูต้ อ้ งขงั ทเี่ ปน็ บุคคลผู้มปี ัญหาสถานะและสิทธิ์ (Stateless) รอ้ ยละ 0.34 การแก้ไขปัญหาการประกันสุขภาพสำหรับผูต้ ้องขังที่ยังไม่มีระบบประกันสุขภาพใดๆ รองรับ ขณะนี้มี มติ ครม. เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 อนุมัติในหลักการให้มีการจัดระบบ ในการแก้ไขปัญหาใน ระยะยาวแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการหารอื ดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รบั ผดิ ชอบไปพลางก่อน 33
1.3 พ้ืนฐานและหลักการทั่วไปดา้ นเวชศาสตรป์ ้องกนั ท่เี ช่อื มโยงกับราชทัณฑ์ นพ. ศภุ มิตร ชณุ ห์สทุ ธิวฒั น์ ท่ีปรึกษากรมควบคุมโรค อดีตประธานาธบิ ดี เนลสนั แมนเดลา่ แห่งประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซง่ึ เคยต้องโทษทางการเมืองอยู่ ในเรือนจำถึง 27 ปี ได้กล่าวว่า “หากคุณอยากรู้ว่าผู้คนในประเทศหนึ่งมีมโนทัศน์และความสัมพันธ์กัน เช่นไร ทัณฑสถานและเรือนจำจะเป็นที่หนึ่ง ที่จะให้คำตอบกับคุณได้” อาจตีความในด้านหนึ่งได้ว่า สภาวะใน เรือนจำและทัณฑสถานของประเทศใดๆ ย่อมเป็นที่แสดงระดับความคิดจิตใจของประชาชน และความเจริญของ ประเทศนั้นๆ ดังนั้น คุณภาพของการดูแลสุขภาพและสวัสดิภาพของผู้ต้องขังระว่างต้องโทษ ย่อมเป็นตัวชี้วัด สภาวะและคุณภาพในเรือนจำและทัณฑสถาน อันแสดงถึงคุณภาพของผู้รับผิดชอบดูแล และสะท้อนถึงระดับ ความเจริญของประเทศด้วยการใช้ความรู้และแนวคิดด้านเวชศาสตร์ป้องกันและการสาธารณสุขในการดูและ ผตู้ อ้ งขัง จะเปน็ ประโยชนอ์ ย่างมากในพัฒนาคุณภาพการดูแลสขุ ภาพและสวัสดิภาพของผูต้ ้องขัง หลักเวชศาสตร์ป้องกนั เวชศาสตร์ป้องกันเป็นสาขาวิชาทางการแพทย์ ที่มุ่งดูแลสุขภาพของบุคคล ชุมชน และประชากร มีเป้าหมายปกปอ้ ง ส่งเสริม และคงไว้ซง่ึ สุขภาพและสขุ ภาวะและเพื่อป้องกนั การปว่ ย การตาย และความพิการ จากโรค และปรับปรุงส่งเสริมสุขภาวะ (Improving health & quality of life) การลงทุนเพื่อการป้องกันโรค เปน็ การประหยดั ทรพั ยากร มีความคมุ้ ทุน (Cost-saving & cost-effective) การดำเนินงานดา้ นน้ี ชว่ ยสง่ เสรมิ ความเท่าเทยี มในสงั คม (Equity) และการมีส่วนรว่ มของสังคม (Community participation) ในมุมมองเวชศาสตร์ป้องกัน มองปัญหาอย่างรอบด้าน หลายระดับ หลายมิติ เปรียบเหมือนการมอง ภูเขาน้ำแข็ง จะมองเห็นทั้งปัญหาที่อยู่เหนือน้ำ และรู้ว่ามีสาเหตุและปัจจัยของปัญหาที่จมอยู่ใตน้ ้ำ ซึ่งมีมาก เป็นสบิ เท่าของสว่ นทีอ่ ยู่เหนอื นำ้ จากมมุ มองดังกลา่ ว จึงจดั ระดับของการทำงานเวชศาสตรป์ ้องกนั เปน็ 4 ระดบั ได้แก่ o การป้องกันระดับพื้นฐาน (Primordial Prevention) เป็นการสร้างปัจจัยเสริมสุขภาพและ ลดความเสี่ยงซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัจจัยเสี่ยงทางสังคมเป็นการดำเนินงานในเชิงระบบ เช่น การใช้ กฎหมาย การศึกษา การสื่อสารความเสี่ยง การพัฒนาบุคลากร การวิจัยและพัฒนา รวมถึง การพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมโดยรวมในระดบั นานาชาติ o การป้องกันระดับปฐมภูมิ (Primary Prevention) เป็นการจัดการลดหรือกำจัดปัจจัยเสี่ยง กอ่ นเกิดโรคโดยการป้องกนั โรคและส่งเสริมสุขภาพดว้ ยมาตรการต่างๆ เช่น การให้วัคซีนป้องกัน โรค การปรับปรุงสุขาภิบาล การให้สุขศึกษาเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ การใช้เขม็ ขดั นริ ภยั และหมวกกนั นอ็ ค การรณรงค์ “กินร้อน ช้อนกลาง ลา้ งมอื ” 34
o การปอ้ งกันระดับทุติยภูมิ (Secondary Prevention) เปน็ การลดความรุนแรงและการเสยี ชวี ิต เมื่อเกิดโรคขึ้นแล้วโดยการค้นหาและวินิจฉัยโรคตั้งแต่เนิ่นๆ และให้การรักษาที่ถูกต้องซ่ึง สว่ นใหญ่ดำเนินการ โดยบุคลากรในโรงพยาบาลและสถานบริการสุขภาพ o การป้องกันระดบั ตติยภูมิ (Tertiary Prevention) เป็นการป้องกันความพิการและการสูญเสยี สมรรถภาพ หลังจากที่ผู้ป่วยผ่านพ้นหรือหายจากการป่วยระยะเฉียบพลันแล้ว โดยให้ ความช่วยเหลือเพื่อป้องกันหรือจำกัดความพิการและการฟื้นฟูสมรรถภาพให้สามารถใช้ชีวิต ตามปกตไิ ดม้ ากทสี่ ุด เวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive medicine) ให้ความสำคัญแก่การป้องกันระดับพื้นฐาน และระดับ ปฐมภมู ิ ส่วนเวชดา้ นการดแู ลรักษาผปู้ ่วย (Curative medicine) ให้ผลปอ้ งกนั โรคระดบั ทุตยิ ภูมิ และตติยภูมิ เวชศาสตร์ปอ้ งกนั ในงานราชทณั ฑ์ การประยุกต์เวชศาสตร์ป้องกันในงานราชทัณฑ์อาจจะมีลักษณะพิเศษ โดยควรจะให้ความใส่ใจแก่ ผู้ต้องขังอย่างรอบด้าน ทั้งด้านสขุ ภาพของผู้ต้องขงั เอง (ทั้งสุขภาพทางกาย และสุขภาพจติ ) ด้านความมั่นคง ทางครอบครัวและสังคมของผู้ตอ้ งขัง และด้านความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถคง ความสัมพันธ์กับครอบครัวในระหว่างต้องขัง และสามารถปรับตัวกลับไปอยู่กับครอบครัวและสังคม หลังพน้ โทษ มีอาชพี สร้างรายได้ ลดการพง่ึ พาหรอื เป็นทีพ่ ่ึงพาของครอบครัวได้ การใช้แนวคิดเวชศาสตร์ป้องกัน การดูแลสุขภาพของผู้ต้องขัง ควรเน้นการป้องกันระดับปฐมภูมิ เพื่อป้องกันโรคในเรือนจำและทัณฑสถาน โดยลดปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง และส่งเสริมสุขภาพแก่ผู้ต้องขัง พร้อมทั้งหาโอกาสพัฒนาการป้องกันระดับพื้นฐาน โดยการปรับนโยบาย กฎหมาย ระบบ ระเบียบ รูปแบบ การบริหารจัดการ ให้เอื้อต่อการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ รวมทั้งการสร้างสวัสดิภาพ และโอกาส ทางสังคมรวมถึงการประกอบอาชีพแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งต้องใช้ประสานงานระดับสูง เพื่อสร้างความร่วมมือจาก หนว่ ยงานและภาคส่วนตา่ งๆ อยา่ งกว้างขวาง ในปัจจุบันมีเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาระดับนโยบาย จนถึงรูปแบบการบริหารจัดการ มากขึ้นเป็นลำดับ เช่น o ในระดบั นานาชาติ มขี อ้ กำหนดสหประชาชาติ Mandela Rules, The Bangkok Rules อนุสัญญา ต่อตา้ นการทรมานและการปฏิบตั หิ รือการลงโทษท่โี หดรา้ ยไร้มนษุ ยธรรมฯ เป็นต้น o ในระดับประเทศ มี แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2557-2561) พรบ.ราชทัณฑ์ (พ.ศ. 2560) พรบ.ประกนั สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และมตคิ ณะรฐั มนตรี 17 พฤศจกิ ายน 2558 เปน็ ตน้ o ในระดับปฏิบัติการ มีหลายอย่าง เช่น มาตรฐานเรือนจำ ของกรมราชทัณฑ์ และโครงการ ราชทัณฑ์ปันสุข ซึ่งเป็นโครงการนำการพัฒนางานราชทัณฑ์ให้ก้าวไปสู่มิติใหม่ ของการส่งเสริม สวัสดิภาพ คุณภาพ และคุณธรรมในสังคม ปัจจัยความสำเร็จของการพัฒนา ได้แก่ ความรู้ เข้าใจ ตระหนัก ความร่วมมือ จริงจัง ต่อเนื่อง ของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ครอบครัว ชุมชน และสงั คม 35
มาตรฐานเรอื นจำ กรมราชทัณฑ์ ได้กำหนดมาตรฐานเรือนจำ เป็นกรอบและแนวทางดำเนินงานดูและผู้ต้องขัง ซึ่งมี สาระสำคญั 10 ดา้ น (โดยย่อ) ดงั น้ี 1. ด้านบริหารจดั การ (Managerial administration) 2. ดา้ นบุคลากร (Qualified staff) 3. ดา้ นอาคารสถานท่ี (Physical plants) 4. ด้านการจำแนกลกั ษณะผตู้ อ้ งขงั (Classification) 5. การควบคมุ ผู้ตอ้ งขังและการรกั ษาความปลอดภยั (Custody and security) 6. ดา้ นการศกึ ษาและการฝึกวชิ าชีพ (Education and vocational training) 7. ดา้ นการทำงานของผ้ตู อ้ งขงั (Work and labor force) 8. ดา้ นการรกั ษาระเบียบและการลงโทษ (Disciplinary procedure and punishment) 9. ดา้ นการใหบ้ รกิ ารผูต้ ้องขัง (Services) 10. ดา้ นกจิ กรรมและการไดร้ ับประโยชนข์ องผูต้ อ้ งขัง (Inmate activities and privileges) มาตรฐานด้านที่ 9 ด้านการให้บริการผู้ต้องขัง เป็นกรอบการปฏิบัติงานที่สำคัญในการประยุกต์ หลกั การเวชศาสตร์ป้องกัน มาตฐานด้านที่ 9 มีหลักการวา่ ผตู้ อ้ งขงั พงึ ได้รบั สิทธหิ รอื ประโยชน์ และบริการจาก เรือนจำ/ทัณฑสถาน ตามที่กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และนโยบายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ทุกประการ ทั้งน้ี ต้องดำเนินการให้สภาพความเปน็ อยู่ผู้ต้องขังภายในเรือนจำ/ ทณั ฑสถาน มคี วามแตกต่างจากสภาพภายนอก น้อยที่สุด โดยความแตกต่างดังกล่าว ต้องคำนึงถึงจุดดุลยภาพระหว่างหลักสิทธิมนุษยชนและหลักการลงโทษ รวมถงึ ตอ้ งอยภู่ ายใต้ระบบการตรวจสอบเพื่อการรกั ษาความมั่นคงปลอดภยั มาตรฐานด้านนี้ มหี วั ขอ้ มาตรฐาน รวม 13 หวั ข้อ (โดยย่อ) ดังน้ี 1. ตอ้ งจัดใหม้ สี ถานทส่ี ำหรับการตดิ ต่อเยี่ยมผ้ตู ้องขงั 2. ต้องอนุญาตให้ทนายความหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมาด้วยเรื่องอรรถคดีของผู้ต้องขังโดยตรง ผู้แทน ทางการทตู หากเป็นผูต้ อ้ งขงั ต่างชาติตดิ ต่อ/เยยี่ ม ผตู้ อ้ งขังได้ตามสิทธิที่พึงมี และตามที่กฎหมายกำหนด 3. ต้องใหม้ ีการรบั สง่ จดหมายระหว่างผู้ตอ้ งขงั และบุคคลภายนอก 4. ต้องเปิดโอกาสให้ผตู้ ้องขังและบคุ คลภายนอกไดร้ บั ทราบข่าวสารสาธารณะ เช่น สื่อสง่ิ พมิ พส์ ื่อภาพและเสยี ง 5. ต้องมีการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพ และจิตใจกลุ่มผู้ต้องขังทุกแห่งทุกวัย เพื่อให้ผู้ต้องขังมีร่างกายที่ แขง็ แรง ปราศจากโรคภัยไขเ้ จ็บและสามารถมีชีวิตอยู่ในเรือนจำได้อย่างปกติสุข ประกอบด้วย งานอนามัย แมแ่ ละเดก็ งานอนามัยวัยทำงาน และงานอนามัยผู้สูงอายุ 6. ต้องมีการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค ทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ หากมีการแพร่ ระบาดของโรคร้ายแรงจะต้องปฏิบตั ิตามพระราชบัญญตั ิโรคตดิ ต่อที่เกย่ี วข้องอย่างเคร่งครัด 7. ต้องมีการจัดเตรียมระบบงานด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพเพื่อให้บริการแก่ผู้ต้องขังท่ี เจ็บป่วยให้ได้รับการรักษาพยาบาลตามสิทธิมนุษยชนอันพึงจะได้รับ และให้มีการฟื้นฟูสมรรถภ าพ ผู้ตอ้ งขังป่วยเหล่านัน้ ให้กลับคืนสภาพปกตมิ ากที่สดุ 36
8. ต้องมีการจัดการสุขาภิบาลต่าง ๆ ให้ถูกสุขลักษณะ ไม่เป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและ โรคตดิ ตอ่ ต่าง ๆ 9. ต้องมีการดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้ต้องขงั ที่ฝึกวิชาชีพต่าง ๆ ในเรือนจำโดยต้องมีการ ป้องกันการเกิดโรค ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ และอุบัติภัย รวมทั้งการเสริมสร้างความปลอดภัยในการ ฝกึ วิชาชีพของผู้ตอ้ งขงั 10. ต้องจัดให้ผู้ต้องขังทุกคนได้รับปัจจัยพื้นฐาน อันได้แก่พื้นที่หลับนอน อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และการ บรกิ ารทางการแพทย์ 11. ต้องจัดอาหารเลี้ยงแก่ผู้ต้องขังวันละ 3 มื้อ โดยให้มีปริมาณที่เพียงพอและคุณภาพถูกต้องตามหลัก โภชนาการถูกสุขลักษณะ ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงพื้นฐานทางวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ความเชื่อทาง ศาสนาและตามมาตรฐานท่กี ระทรวงสาธารณสขุ กำหนด 12. ต้องจัดให้มีสถานที่ อุปกรณ์การออกกำลังกาย หรือการกีฬาที่เหมาะสมเพียงพอ และเปิดโอกาสให้ ผตู้ อ้ งขงั ทุกคนเขา้ รว่ มกจิ กรรมตามเหมาะสม 13. ต้องจัดให้ผู้ต้องขังได้ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม สอดคลอ้ งกับลักษณะประเภท เพศ และอายุ หัวข้อมาตรฐานส่วนใหญ่ โดยเฉพาะข้อที่ 5 – 13 มีสาระสนับสนุนการป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพและ สวสั ดิภาพ สอดคล้องกับหลักเวชศาสตร์ป้องกนั กรณตี วั อย่าง การใชเ้ วชศาสตร์ปอ้ งกันในงานราชทัณฑ์ ในระยะทผ่ี ่านมา กรมราชทัณฑ์ร่วมกับเรือนจำและทัณฑสถานท่วั ประเทศ ได้ดำเนนิ การเพื่อแก้ไขปัญหา สุขภาพรวมถึงการระบาดของโรคต่างๆ และได้พัฒนาการดูแลสุขภาพของผู้ต้องขังมาเป็นลำดับ ต่อไปน้ี เป็นกรณี ตัวอย่างของการแก้ปัญหาและพัฒนา ซึ่งนับว่าได้ประยุกต์หลักเวชศาสตร์ป้องกัน โดยแจกแจงระดับของ การปอ้ งกนั โรค โดยยอ่ ดังน้ี กรณีตวั อย่าง ระดับของการป้องกนั พนื้ ฐาน ปฐมภมู ิ ทุตยิ ภูมิ ตติยภูมิ การป้องกนั โรคเอดส์ คำส่ังกรมราชทัณฑ์ ธค.2534 + ++ 1. จดั ใหค้ ำปรึกษาแนะแนว และดแู ลรกั ษาดแู ลผูต้ ิดเชือ้ /ผ้ปู ่วย 2. เร่งกวดขนั การลกั ลอบฉีดยาเสพตดิ ภายในเรือนจำ 3. เร่งรณรงคก์ ารให้ความรูค้ วามเข้าใจโรคเอดส์ 4. กรณีผตู้ ้องขงั หญงิ ทต่ี ดิ เช้ือ และมปี ระวตั อิ าชพี คา้ บริการทางเพศ ก่อนพ้นโทษ 1 เดอื น ใหป้ ระสานงานกบั ประชาสงเคราะหจ์ งั หวดั เพ่ือปรบั เปลยี่ นอาชีพให้ใหม่ การป้องกันวัณโรค ++ 1. จดั หน่วยเคลือ่ นท่ี มาเอก็ ซเรยป์ อดผตู้ ้องขงั เป็นระยะ 2. ให้ยาบำบัดวณั โรค แก่ผู้ท่ีตรวจพบว่าปว่ ย 37
กรณตี วั อย่าง ระดับของการป้องกนั พนื้ ฐาน ปฐมภมู ิ ทตุ ิยภมู ิ ตตยิ ภมู ิ 3. จัดให้ผู้ปว่ ยพกั แยกจากผตู้ อ้ งขงั อ่นื การปอ้ งกันไขห้ วดั ใหญ่ระบาด คำสั่งกรมราชทัณฑ์ สค. 2559 ++ 1. ใหใ้ ส่หนา้ กากอนามยั ทกุ ราย 2. จดั แอลกอฮอลเ์ จลประจำจดุ ใหผ้ ู้ต้องขงั ใช้ โดยเฉพาะชว่ งระบาด ++ 3. จดั หาถงุ แดงขยะติดเชอ้ื เพอื่ ทงิ้ หน้ากากอนามยั และสง่ เผาทำลาย + ++ 4. งดกิจกรรมท่มี กี ารสมั ผัสใกล้ชิด และไมย่ ้ายผ้ตู ้องขงั ในชว่ งระบาด การควบคุมโควดิ -19 เรือนจำนราธวิ าส คำสั่ง ผวจ. เมย. 2564 ++ 1. เฝา้ ระวังควบคมุ การระบาด ตดิ ตามผสู้ มั ผสั ใกลช้ ดิ กับผปู้ ว่ ยทุกราย เพื่อตรวจคัดกรอง และนำเข้ากระบวนการดูแลตามมาตรฐาน สธ. ++ 2. เปิด รพ.สนามในเรอื นจำรองรบั ติดเชอ้ื ส่งผู้มอี าการรนุ แรงไป รพ. ไทรอยดเ์ ปน็ พษิ คร่า 4 ชีวิต เรือนจำพษิ ณุโลก มค. 2563 1. สอบสวนโรคพบเนอ้ื สตั วอ์ าหารผูต้ ้องขงั ปนเปือ้ นต่อมไทรอยดส์ ตั ว์ 2. บำบัดรักษาผูป้ ว่ ยไทรอยด์เป็นพษิ 3. จดั ระบบควบคมุ คณุ ภาพอาหารจากเนอื้ สตั ว์ สำหรับผู้ตอ้ งขงั 3. สงั่ ยา้ ยผู้บัญชาการเรอื นจำ จดั การปัญหาสขุ ภาพครบวงจร กรมราชทณั ฑ์ กค. 2561 กรมราชทัณฑ์ ลงนาม MOU กบั กรมสนบั สนุนบริกาสขุ ภาพ เพื่อพฒั นา อสม. ในกลุ่มผูต้ อ้ งขัง เปน็ แกนนำดูแลคดั กรองและส่งเสรมิ สขุ ภาพ สร้างโอกาสเขา้ ถงึ บริการสาธารณสุขอยา่ งทัว่ ถงึ เท่าเทียม และเสมอภาค ในเรือนจำทวั่ ประเทศ แกป้ ัญหาสขุ ภาพและพฒั นาความมน่ั คงทางรายได้ กระทรวงยุตธิ รรม รว่ มกบั สสส. พัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่องการจัดทำ ฐานข้อมูลสุขภาวะของเจา้ หน้าท่ีและผตู้ อ้ งขงั การพฒั นาศักยภาพและรายได้ ของผตู้ อ้ งขงั เตรยี มความพร้อมผพู้ น้ โทษกลบั คนื สสู่ งั คม ทิศทางการพัฒนา การแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพและสวัสดิภาพของผู้ต้องขัง เป็นภารกิจที่ต้อง ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ควรน้อมนำพระราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งสืบสานโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เป็นเครอ่ื งชที้ ศิ นำทางการพฒั นา ดงั นี้ o ทำด้วยใจ : เข้าใจ เขา้ ถึง พัฒนา o ปรับแนวคิดให้เป็นเชงิ บวก (from negativism to positivism) o ครอบคลุมปัญหาหลากหลาย ครอบคลุมประชากรเปา้ หมายถว้ นหนา้ o เพิม่ ระดับและรกั ษาคณุ ภาพ คงความสม่ำเสมอ ต่อเน่อื ง และยัง่ ยนื 38
บทท่ี 2 การตรวจวนิ จิ ฉยั และการดแู ลรักษาผูต้ อ้ งขัง ในเรอื นจำ 39
2.1 การคดั กรอง การเฝ้าระวัง และการตรวจวนิ ิจฉัยรักษาในปัจจบุ นั : กรณโี รค COVID – 19 นพ.ชาโล สาณศิลปิน นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กองระบาดวิทยา โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดเฉียบพลัน สาเหตุจากเชื้อ SARS-CoV-2 เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 เชือ้ SARS-CoV-2 มีตน้ กำเนดิ มาจาก “ค้างคาวมงกฎุ เทาแดง” แต่ยงั ไม่ยืนยนั วา่ สตั วต์ ัวกลางหรือสตั ว์ที่นำเชือ้ มาสู่คน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) แพร่ติดต่อจากคนสู่คน ผ่านละอองฝอย (Droplet) ของน้ำมูก น้ำลาย ระยะฟักตัวของโรค 2-14 วัน ผู้ติดเชื้อจะมีอาการเช่นเดียวกับ ผูป้ ว่ ยทีม่ กี ารติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ดังน้ี มีไข้ คัดจมูก มนี ้ำมกู หายใจลำบาก ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กล่ิน ลิ้นไม่รับรส ถ่ายเหลว ผื่น ตาแดง บางรายอาจมีอาการปอดบวมหรือปอดอักเสบระบบทางเดินหายใจ เฉียบพลันรุนแรงและเสยี ชวี ิต การวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การวินิจฉัยยืนยันการติดเชื้อในผู้ป่วยวิธีมาตรฐานคือ วิธี real-time RT-PCR สำหรับการใช้ชุดตรวจแอนติเจน และแอนติบอดี ต้องผ่านการรับรองจากสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) การเกบ็ ตัวอยา่ งส่งตรวจทางห้องปฏิบตั ิการ real-time RT-PCR 2.1 ในกรณีของผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบทางเดินหายใจส่วนบน (upper Respiratory tract Infection : URI) ใหเ้ ก็บตวั อยา่ ง nasopharyngeal swab ใส่ใน VTM/UTM 3 ml หรอื เกบ็ nasopharyngeal aspirate, nasopharyngeal wash หรือน้ำลาย ใส่ในภาชนะเก็บตัวอย่างปลอดเชื้อโดยไม่ต้องใส่ใน VTM/UTM สง่ ตรวจ SARS-CoV-2 ดว้ ยวิธี Polymerase Chain Reaction (PCR) 2.2 ในกรณีของผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง (เช่น pneumonia, acute respiratory distress syndrome: ARDS) ให้เกบ็ ตัวอย่างในขอ้ 2.1 และ 2.2.1 ในกรณีท่ผี ูป้ ว่ ยไม่ได้ใสท่ ่อช่วยหายใจ ใหเ้ กบ็ เสมหะใส่ในภาชนะเกบ็ ตัวอย่างปลอดเชื้อ (sterile container) หรือ ใสใ่ น VTM/UTM เพือ่ ตรวจหาเชือ้ SARS-CoV-2 ดว้ ยวิธี RT-PCR 2.2.2 ในกรณีที่ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ เก็บ tracheal secretion suction ใส่ใน sterile container (2-3 ml) หากไม่มี secretion ให้ตดั ปลายสาย suction ใส่ใน VTM/UTM เพอ่ื ตรวจหาเชือ้ SARS- CoV-2 ดว้ ยวธิ ี RT-PCR 2.2.3 ในกรณีที่ผู้ป่วยเสียชีวิต ให้เก็บตัวอย่างตามแนวทางการจัดการศพที่ตดิ เชื้อหรอื สงสยั ว่าตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสขุ การรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกัน การติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล กรณีโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) 25 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2564 1. ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ไม่มีอาการอื่นๆ หรือ สบายดี (Confirmed case: asymptomatic COVID19) 40
o แนะนำให้นอนโรงพยาบาล หรอื ในสถานทรี่ ฐั จัดใหอ้ ย่างน้อย 14 วัน นบั จากวนั ทตี่ รวจพบ เชอ้ื และให้จำหนา่ ยจากโรงพยาบาลได้ หากมอี าการปรากฏขึ้นมาใหต้ รวจวินจิ ฉยั และรักษาตามสาเหตุ o ให้ดูแลรักษาตามดุลยพินจิ ของแพทย์ ไม่ให้ยาต้านไวรัส เนื่องจากส่วนมากหายได้เองและ อาจได้รบั ผลข้างเคียงจากยา 2. ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง/โรคร่วมสำคัญ ภาพถ่ายรงั สีปอดปกติ (Symptomatic COVID-19 without pneumonia and no risk factors for severe disease) o ให้ดแู ลรกั ษาตามอาการ สว่ นมากหายไดเ้ อง o แนะนำให้นอนโรงพยาบาล หรือในสถานที่รัฐจัดให้อย่างน้อย 14 วัน นับจากวันที่เริ่มมี อาการ หรือจนกว่าอาการจะดีขนึ้ อย่างนอ้ ย 24-48 ช่วั โมง พจิ ารณาจำหนา่ ยผู้ป่วยได้ o พิจารณาให้ favipiravir ตามดลุ ยพนิ จิ ของแพทย์ 3. ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือมีโรคร่วม สำคัญ หรือผู้ป่วยที่มีปอดบวม (pneumonia) เล็กน้อย ซึ่งไม่เข้าเกณฑ์ข้อ 4 (COVID-19 with risk factors for severe disease or having co-morbidity or mild pneumonia) หรือผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มี แนวโน้มที่จะมีความรุนแรงของโรคมากขึ้น o แนะนำให้นอนโรงพยาบาล อย่างน้อย 14 วนั นบั จากวนั ทีเ่ ร่ิมมีอาการ หรือจนกว่าอาการ จะดีขึน้ o แนะนำให้ favipiravir โดยเริ่มใหย้ าเร็วที่สุด ให้ยานาน 5 วัน หรือ มากกว่า ขึ้นกับอาการ ทางคลินกิ ตามความเหมาะสม หรอื ปรกึ ษาผ้เู ชี่ยวชาญ o อาจพิจารณาให้ corticosteroid ร่วมกับ favipiravir ในกรณีที่มีผู้ป่วยมีอาการและ ภาพถ่ายรังสีปอดที่แย่ลง คือ มี progression of infiltrates หรือค่า room air SpO2 ≤96% หรือพบว่ามี SpO2 ขณะออกแรงลดลง ≥3% ของคา่ ท่ีวัดได้ครั้งแรก (exercise-induced hypoxia) 4. ผู้ป่วยยืนยันที่มีปอดบวมที่มี hypoxia (resting O2 saturation ≤96 %) หรือมีภาวะลดลงของ ออกซิเจน SpO2 ≥3% ของค่าท่ีวัดไดค้ รัง้ แรกขณะออกแรง (exercise-induced hypoxemia) หรือ ภาพรังสี ทรวงอกมี progression ของ pulmonary infiltrates o แนะนาํ ให้ favipiravir เป็นเวลา 5-10 วนั ข้ึนกบั อาการทางคลินิก o อาจพจิ ารณาให้ lopinavir/ritonavir 5-10 วนั รว่ มด้วย (ตามดลุ ยพนิ จิ ของแพทย)์ o แนะนําให้ corticosteroid ปัจจุบัน วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีการพัฒนา และจำแนกเป็นประเภท ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ 1) วัคซีนชนิดเชื้อตาย เช่น Coronavac (Sinovac), BBIBP-CorV (Sinopharm, Beijing Institute of Biological Products) 41
2) วัคซีนชนิดไวรัสเวคเตอร์ เช่น AZD1222 (Oxford–AstraZeneca), Ad26.COV2.S (Johnson and Johnson) 3) วัคซีนชนิดส่วนประกอบของโปรตีน เช่น EpiVacCorona (FBRI SRC VB VECTOR Rospotrebnadzor Koltsovo) NVX-CoV2373 (Novavax) 4) วคั ซนี ชนิด mRNA เช่น BNT162b2 (BioNTech/Pfizer) mRNA-1273 (Moderna) การเฝ้าระวัง สอบสวน และควบคุมโรคตดิ เชือ้ ไวสรสั โคโรนา 2019 ในเรอื นจำ เปา้ หมายในการควบคุมโรค คือ ทุกคนในประเทศไทยตอ้ งปลอดภยั จากโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ลดผลกระทบทางสขุ ภาพ เศรษฐกิจ สงั คม เพิม่ ความมัน่ คงของประเทศ 5 กลยุทธใ์ นการจดั การกบั โรคโควดิ 19 ประกอบด้วย 1) Quarantine การกักกันกลุม่ เสี่ยง มาตรการส่วนบคุ คล (สวมหนา้ กาก ล้างมอื เว้นระยะหา่ ง) 2) Testing การเฝา้ ระวัง และตรวจจับทีร่ วดเรว็ (Early Detection) 3) Tracing การตดิ ตามผู้สัมผัสและควบคุมโรค 4) Isolation การแยกกักผู้ปว่ ย 5) Quarantine การกกั กันผู้สัมผัส กลุ่มเสี่ยง เมื่อพบผู้ป่วยโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ให้ เจ้าหนา้ ทท่ี รี่ บั ผิดชอบรายงานโรคแก่เจ้าพนกั งานควบคุมโรคติดต่อภายใน 3 ชวั่ โมง รวมถึงประสานหน่วยงาน สาธารณสขุ ทร่ี ับผดิ ชอบในพ้นื ทีเ่ พือ่ สอบสวนควบคุมโรค การแจ้งให้ดำเนินการโดย แจ้งโดยตรงต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ แจ้งทางโทรศัพท์ แจ้งทาง โทรสาร แจ้งเป็นหนังสือ แจง้ ทางไปรษณยี อ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์ วิธีการอืน่ ที่อธบิ ดกี รมควบคุมโรคกำหนดเพิม่ เติม 42
นิยามผ้สู งสัยติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 ทีเ่ ข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patient Under Investigation : PUI) ณ วันท่ี 15 เมษายน 2564 อาการและอาการแสดง ร่วมกบั ปัจจยั เสย่ี ง มาตรการการกักกัน กรณตี รวจไมพ่ บเชื้อ กรณีท่ี 1 การเฝ้าระวังท่ีด่านควบคุม มีประวตั ิเดินทางไปยัง หรือ มาจาก กกั กันตามมาตรการ โรคติดต่อระหว่างประเทศ ต่างประเทศ ทกุ เที่ยวบนิ /ทกุ ชอ่ งทาง อณุ หภมู ริ ่างกายต้ังแต่ 37.3 องศา ระหว่างประเทศ เซลเซียสข้ึนไป หรอื มอี าการอย่าง นอ้ ยหนงึ่ อาการดงั ต่อไปนี้ ไอ มนี ้ำมูก เจบ็ คอ จมูกไม่ได้กลน่ิ ลนิ้ ไม่รบั รส ผน่ื ถ่ายเหลว ตาแดง หายใจเรว็ หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก 1) 14 วนั กอ่ นวนั เร่ิมป่วย มปี ระวตั อิ ย่างใด • กกั กันตามมาตรการใน กรณที ่ี 2 การเฝ้าระวังในผสู้ งสยั ตดิ อย่างหน่งึ ดงั นี้ กรณี 1.1) ทุกกรณี เช้ือ/ผปู้ ว่ ย 1.2) และ 1.3) กรณีที่ กรณที ี่ 2.1 ผู้สงสยั ตดิ เช้ือทม่ี อี าการ 1.1) เดินทางไปยัง/มาจาก/หรืออยู่อาศยั เปน็ ผสู้ มั ผสั เสยี่ งสูงของ ไดแ้ ก่ อาการอย่างนอ้ ยหนง่ึ อยา่ ง ในประเทศทีม่ กี ารรายงานโรคในชว่ ง 1 ผู้ปว่ ยยนื ยัน ดังต่อไปน้ีให้ประวัติวา่ มไี ข้/วัด เดอื นทผี่ า่ นมา อุณหภมู กิ ายได้ต้งั แต่ 37.5 องศา 1.2) สัมผัสกับผปู้ ว่ ยยนื ยันโรคตดิ เช้ือไวรัส • กรณีอื่นๆ ดูแลรกั ษา เซลเซียสขน้ึ ไป ไอ มีนำ้ มูก เจบ็ คอ โคโรนา 2019 ตามแนวทางเวชปฏบิ ตั ิ จมกู ไม่ได้กลน่ิ ลน้ิ ไมร่ ับรส ถา่ ยเหลว 1.3) ไปในสถานทช่ี ุมนุมชน หรอื สถานทท่ี ี่ ของโรคทเ่ี ปน็ ดแู ล ตาแดง ผน่ื ขน้ึ หายใจเร็ว หายใจ มีการรวมตวั ของกล่มุ คน เชน่ รกั ษาตามแนวทางเวช เหนอ่ื ย หรือหายใจลำบาก สถานบันเทิง ตลาดนัด หา้ งสรรพสนิ คา้ ปฏบิ ัตขิ องโรคทเ่ี ปน็ กรณีท่ี 2.2 ผปู้ ว่ ยโรคปอดอกั เสบ สถานพยาบาล หรือ ขนสง่ สาธารณะ ท่ีพบผปู้ ่วยยนื ยนั โรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 ในช่วง 1 เดือนท่ผี ่านมา 1.4) ปฏิบตั งิ านในสถานกักกนั โรค 2) แพทย์ผ้ตู รวจรักษาสงสัยวา่ เปน็ โรคติด เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดงั นี้ 1) อาการรนุ แรง ใสท่ อ่ ช่วยหายใจ หรือ เสียชีวิต 2) ไมท่ ราบสาเหตุ หรอื หาสาเหตุไม่ได้ ภายใน 48 ช่ัวโมง 3) แพทย์ผตู้ รวจรักษาสงสยั วา่ เป็นโรคติด เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 43
อาการและอาการแสดง รว่ มกับ ปจั จยั เสี่ยง มาตรการการกกั กนั กรณีตรวจไมพ่ บเช้ือ กรณที ่ี 3 การเฝ้าระวังในบุคลากร ปฏบิ ัติหนา้ ท่ีในสถานบรกิ ารสาธารณสขุ เชน่ ดูแลรักษาตามแนวทาง ดา้ นการแพทย์และสาธารณสุข โรงพยาบาล คลินกิ โรงพยาบาลสง่ เสรมิ เวชปฏบิ ัตขิ องโรคทเี่ ปน็ อาการอย่างน้อยหนึ่งอย่างดงั ตอ่ ไปน้ี สขุ ภาพตำบล (รพ.สต.) สถานทต่ี รวจทาง ใหป้ ระวตั วิ า่ มไี ข/้ วดั อณุ หภูมกิ ายได้ ห้องปฏบิ ัติการ รา้ นขายยา หรอื เปน็ สมาชกิ ดูแลรกั ษาตามแนวทาง ตง้ั แต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ไอ ทมี สอบสวนโรค หรอื ปฏบิ ตั งิ านในสถานท่ี เวชปฏบิ ตั ขิ องโรคท่ีเปน็ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไมไ่ ด้กลนิ่ ลน้ิ ไม่ กกั กนั โรค โดยพจิ ารณาตามความเหมาะสม รบั รส ถ่ายเหลว ตาแดง ผื่นขึน้ หายใจเรว็ หายใจเหนือ่ ย หรอื หายใจ ลำบาก กรณที ี่ 4 การเฝา้ ระวงั ผมู้ อี าการตดิ เป็นกลุ่มกอ้ นในสถานท่ี และ ชว่ งสัปดาห์ เช้อื ระบบทางเดินหายใจเปน็ กลมุ่ ก้อน เดยี วกนั โดยมคี วามเชือ่ มโยงทางระบาด ผ้มู ีอาการติดเชื้อระบบทางเดนิ หายใจ วทิ ยา เป็นกลุ่มกอ้ น (cluster) ตงั้ แต่ 5 ราย ข้ึนไป ในสถานที่เดียวกนั กจิ กรรมท่ตี ้องดำเนนิ การเพือ่ ควบคมุ และป้องกนั การระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำ 1) แยกกกั ผู้ปว่ ยยืนยนั และนำผ้ปู ว่ ยไปรักษา 2) คน้ หาและติดตามอาการของผู้ที่เป็นผสู้ มั ผัสใกลช้ ดิ ของผปู้ ่วยยนื ยัน 3) ค้นหาผู้ที่เป็นหรือผู้ท่ีมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดเพิ่มเติม (Active case finding) 4) ทำลายสงิ่ ของท่ปี นเปอ้ื นเชื้อโรคตดิ ตอ่ มาตรการเฝ้าระวงั ปอ้ งกนั และควบคุมโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 ในเรือนจำ - ผู้ต้องขังแรกรับทุกคนต้องได้รับการคัดกรองอาการและตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทางห้องปฏิบัตกิ ารตามแนวทางเฝา้ ระวงั โรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ทกี่ รมควบคมุ โรคกำหนด - จัดใหมีพื้นที่รองรับผู้ตองขังใหม่ที่มีอาการเข้าได้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมถึงเตรียม ถังขยะและกระดาษชำระสำหรับท้งิ ขยะตดิ เชอื้ ท่มี าจากผูป้ ว่ ย - สำหรับผู้ต้องขังในแดนต่าง ๆ ให้อาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) และเจ้าหน้าที่ในหน่วย พยาบาลของเรือนจำ ทำการคัดกรองผู้ตองขังทุกวันตามแบบคัดกรอง รวมถึงมีการคัดกรองอาการทางระบบ ทางเดินหายใจ การรับรู้กลิ่นและรสของผู้ต้องขัง หากพบผู้ต้องขังมีอาการเข้าได้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัย และแยกผู้ป่วยออกจากผู้ต้องขังที่มีอาการปกติในหองแยกเดี่ยว โดยเก็บ สิ่งสง่ ตรวจทางห้องปฏบิ ตั ิการตามแนวทางทีก่ รมควบคมุ โรคกำหนด 44
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198