Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อการเรียนการสอน (ppt) เรื่อง ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก

สื่อการเรียนการสอน (ppt) เรื่อง ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก

Published by suklittha24, 2023-06-25 08:19:03

Description: สื่อการเรียนการสอน (ppt) เรื่อง ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกรายวิชา ชีววิทยา ระดับชั้น ม.6
โดยครูสุกฤตา โสมล
โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี

Search

Read the Text Version

รายวิชา ชวี วทิ ยา4 รหสั วชิ า ว30244 จานวน 1.5 หน่วยกิต ชน้ั ม.6 เวลาเรียน 3 คาบ/สปั ดาห์ =60 คาบ/ภาคเรียน 1

ชแ้ี จงการเรยี น หนว่ ย สาระการเรียนรู้ ภาระงาน/ช้นิ งาน สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ วิธีการวดั ผล อุปกรณท์ ใี่ ช้ จานวน การเรียนรทู้ ี่ คะแนน ในการเรียน คาบ 16 1.ระบบใน -การรบั รแู้ ละการตอบสนอง 1.ใบงาน/ 1.power point 1.ความถูกต้องในการตอบ 1.power point 2 ร่างกายมนษุ ย์ ของสตั ว์ ใบกิจกรรม 2.วดี ีทัศน์ คาถาม/ทาใบงาน/ 2.วดี ีทัศน์ -โครงสร้างและการทางาน 2.แบบฝกึ หัด 3.ใบความร/ู้ เอกสาร ใบกจิ กรรม 3.ใบความรู้/เอกสาร ประกอบการเรียน ของเซลลป์ ระสาท 3.รายงานผลการ ประกอบการเรียน 2.ตรวจแบบฝกึ หดั 4.ใบงาน/ใบกจิ กรรม 4.ใบงาน/ใบกจิ กรรม 3.ตรวจรายงานผลการ 5.วสั ดอุ ปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ น -ศูนย์ควบคมุ ระบบประสาท ทดลอง 5.วสั ดอุ ุปกรณ์ทีใ่ ช้ในการทดลอง ทดลอง การทดลอง (แยกตามแผน) 6.แบบฝกึ หัด ของมนุษย์ 4.แผนผังมโนคติ - ก า ร ท า งา น ขอ ง ร ะ บ บ 5.ออกแบบชน้ิ งาน 6.แบบฝกึ หดั 4.ตรวจแผนผงั มโนคติ ประสาท 6.แบบทดสอบ 7.แบบทดสอบ 5.ประเมนิ ชน้ิ งาน -อวัยวะรับความรู้สึก 8.หนังสือเรียนชีววทิ ยา 4 ของ 6.ตรวจแบบฝกึ หดั 7.หนงั สือเรียนชีววทิ ยา สสวท. 7.ตรวจแบบทดสอบ 4 ของ สสวท. 9.ชัน้ เรียนออนไลน์ (Google 8.สอบกลางภาคเรยี น 8.ช้ันเรยี นออนไลน์ Classroom)รายวิชาชวี วิทยา4 10.แหล่งเรยี นรู้ในโรงเรยี น/ 9.สอบปลายภาคเรยี น (Google Classroom) ท้องถิน่ 10.สังเกตและประเมนิ รายวชิ าชวี วทิ ยา4 11. website ต่างๆ พฤติกรรมดา้ นตา่ งๆ จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

ชแี้ จงการเรียน หน่วย สาระการเรยี นรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ วิธีการวดั ผล อปุ กรณท์ ่ีใช้ จานวน การเรียนรู้ที่ คะแนน ในการเรยี น คาบ 8 2.การเคล่อื นท่ี -การเคล่ือนที่ของส่ิงมีชีวิต 1.ใบงาน/ 1.power point 1.ความถูกต้องในการตอบ 1.power point 3 ของส่งิ มชี ีวิต เซลล์เดยี ว ใบกิจกรรม 2.วีดีทัศน์ คาถาม/ทาใบงาน/ 2.วดี ที ศั น์ -การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มี 2.แบบฝกึ หดั 3.ใบความร/ู้ เอกสาร ใบกิจกรรม 3.ใบความรู้/เอกสาร ประกอบการเรียน กระดกู สนั หลัง 3.รายงานผล ประกอบการเรียน 2.ตรวจแบบฝึกหดั 4.ใบงาน/ใบกิจกรรม 4.ใบงาน/ใบกจิ กรรม 3.ตรวจรายงานผลการ 5.วสั ดอุ ปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ น -การเคลื่อนที่ของสัตว์มี การทดลอง 5.วสั ดอุ ปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการทดลอง ทดลอง การทดลอง (แยกตามแผน) 6.แบบฝกึ หัด กระดูกสนั หลงั 4.แผนผงั มโนคติ -การเคล่อื นทข่ี องมนษุ ย์ 5.แบบทดสอบ 6.แบบฝกึ หดั 4.ตรวจแผนผงั มโนคติ 7.แบบทดสอบ 5.ประเมนิ ชน้ิ งาน 8.หนงั สือเรียนชีววิทยา 4 ของ 6.ตรวจแบบฝึกหัด 7.หนงั สือเรียนชีววทิ ยา สสวท. 7.ตรวจแบบทดสอบ 4 ของ สสวท. 9.ช้ันเรียนออนไลน์ (Google 8.สอบกลางภาคเรียน 8.ช้นั เรยี นออนไลน์ Classroom)รายวชิ าชวี วทิ ยา4 10.แหลง่ เรยี นร้ใู นโรงเรียน/ 9.สอบปลายภาคเรียน (Google Classroom) ทอ้ งถิน่ 10.สังเกตและประเมิน รายวชิ าชีววิทยา4 11. website ต่างๆ พฤติกรรมดา้ นตา่ งๆ จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

ช้แี จงการเรียน หนว่ ย สาระการเรียนรู้ ภาระงาน/ชิ้นงาน สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ วธิ กี ารวดั ผล อุปกรณท์ ่ีใช้ จานวน การเรียนร้ทู ่ี คะแนน ในการเรยี น คาบ 3.ระบบ 12 ตอ่ มไร้ทอ่ -การทางานร่วมกันของ 1.ใบงาน/ 1.power point 1.ความถกู ตอ้ งในการตอบ 1.power point 4 ระบบต่อมไร้ท่อและระบบ ใบกจิ กรรม 2.วีดที ศั น์ คาถาม/ทาใบงาน/ 2.วดี ีทัศน์ ประสาท 2.แบบฝกึ หดั 3.ใบความร/ู้ เอกสาร ใบกิจกรรม 3.ใบความรู้/เอกสาร ประกอบการเรียน -ตอ่ มไรท้ ่อ 3.รายงานผล ประกอบการเรียน 2.ตรวจแบบฝึกหดั 4.ใบงาน/ใบกิจกรรม 4.ใบงาน/ใบกิจกรรม 3.ตรวจรายงานผลการ 5.วสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ีใช้ใน -ฮอร์โมนและการทางาน การทดลอง 5.วัสดุอปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการทดลอง ทดลอง การทดลอง (แยกตามแผน) 6.แบบฝกึ หัด ของฮอร์โมน 4.แผนผงั มโนคติ - ก า ร รั ก ษ า ส ม ดุ ล ข อ ง 5.แบบทดสอบ 6.แบบฝึกหัด 4.ตรวจแผนผงั มโนคติ ฮอรโ์ มน 7.แบบทดสอบ 5.ประเมนิ ชิน้ งาน 8.หนงั สือเรียนชีววิทยา 4 ของ 6.ตรวจแบบฝกึ หัด 7.หนงั สือเรียนชีววทิ ยา สสวท. 7.ตรวจแบบทดสอบ 4 ของ สสวท. 9.ชน้ั เรียนออนไลน์ (Google 8.สอบกลางภาคเรยี น 8.ช้ันเรยี นออนไลน์ Classroom)รายวิชาชวี วิทยา4 10.แหล่งเรยี นรใู้ นโรงเรียน/ 9.สอบปลายภาคเรียน (Google Classroom) ทอ้ งถนิ่ 10.สงั เกตและประเมนิ รายวชิ าชวี วทิ ยา4 11. website ตา่ งๆ พฤติกรรมดา้ นตา่ งๆ จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

ชแี้ จงการเรยี น หน่วย สาระการเรยี นรู้ ภาระงาน/ชน้ิ งาน สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ วิธีการวดั ผล อุปกรณท์ ใี่ ช้ จานวน การเรยี นรูท้ ่ี คะแนน ในการเรยี น คาบ 4.ระบบ -การสืบพนั ธ์ุของสตั ว์ 18 สืบพนั ธแ์ุ ละ -การสบื พนั ธ์ุของมนุษย์ 1.ใบงาน/ 1.power point 1.ความถกู ต้องในการตอบ 1.power point การ -การเจริญเตบิ โตของสตั ว์ ใบกจิ กรรม 5 เจรญิ เตบิ โต 2.แบบฝึกหดั 2.วดี ที ศั น์ คาถาม/ทาใบงาน/ 2.วีดที ศั น์ 3.รายงานผล การทดลอง 3.ใบความร/ู้ เอกสาร ใบกิจกรรม 3.ใบความรู้/เอกสาร 4.แผนผงั มโนคติ ประกอบการเรียน 5.แบบทดสอบ ประกอบการเรียน 2.ตรวจแบบฝึกหัด 4.ใบงาน/ใบกิจกรรม 4.ใบงาน/ใบกิจกรรม 3.ตรวจรายงานผลการ 5.วัสดุอปุ กรณท์ ีใ่ ชใ้ น 5.วัสดุอปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการทดลอง ทดลอง การทดลอง (แยกตามแผน) 6.แบบฝึกหัด 4.ตรวจแผนผังมโนคติ 6.แบบฝกึ หดั 5.ประเมนิ ช้ินงาน 7.แบบทดสอบ 8.หนงั สอื เรยี นชีววทิ ยา 4 ของ 6.ตรวจแบบฝึกหัด 7.หนงั สือเรียนชีววิทยา สสวท. 7.ตรวจแบบทดสอบ 4 ของ สสวท. 9.ชนั้ เรียนออนไลน์ (Google 8.สอบกลางภาคเรียน 8.ชน้ั เรยี นออนไลน์ Classroom)รายวิชาชีววทิ ยา4 10.แหล่งเรยี นรูใ้ นโรงเรยี น/ 9.สอบปลายภาคเรียน (Google Classroom) ท้องถ่ิน 10.สงั เกตและประเมนิ รายวชิ าชวี วทิ ยา4 11. website ตา่ งๆ พฤตกิ รรมดา้ นตา่ งๆ จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

ชีแ้ จงการเรยี น หนว่ ย สาระการเรยี นรู้ ภาระงาน/ชน้ิ งาน สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ วิธีการวัดผล อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ จานวน การเรียนร้ทู ี่ คะแนน ในการเรียน คาบ 5.พฤติกรรม 6 ของสัตว์ -การศึกษาพฤติกรรมของ 1.ใบงาน/ 1.power point 1.ความถกู ต้องในการตอบ 1.power point 6 สตั ว์ ใบกจิ กรรม 2.วีดีทศั น์ คาถาม/ทาใบงาน/ 2.วดี ีทศั น์ -กลไกการเกิดพฤติกรรม 2.แบบฝกึ หัด 3.ใบความร/ู้ เอกสาร ใบกิจกรรม 3.ใบความรู้/เอกสาร ประกอบการเรยี น -ประเภทพฤติกรรมของสตั ว์ 3.รายงานผล ประกอบการเรียน 2.ตรวจแบบฝึกหดั 4.ใบงาน/ใบกิจกรรม 4.ใบงาน/ใบกจิ กรรม 3.ตรวจรายงานผลการ 5.วสั ดุอปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ น -ค วา ม สัม พันธ์ ระ หว่ า ง การทดลอง 5.วัสดอุ ุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการทดลอง ทดลอง การทดลอง (แยกตามแผน) 6.แบบฝึกหดั พฤติกรรมและวิวัฒนาการ 4.แผนผังมโนคติ ของระบบประสาท 5.แบบทดสอบ 6.แบบฝกึ หัด 4.ตรวจแผนผังมโนคติ -การสอ่ื สารระหว่างสตั ว์ 7.แบบทดสอบ 5.ประเมินชน้ิ งาน 8.หนังสอื เรียนชีววิทยา 4 ของ 6.ตรวจแบบฝกึ หัด 7.หนังสอื เรยี นชีววทิ ยา สสวท. 7.ตรวจแบบทดสอบ 4 ของ สสวท. 9.ชน้ั เรียนออนไลน์ (Google 8.สอบกลางภาคเรยี น 8.ช้ันเรยี นออนไลน์ Classroom)รายวิชาชวี วทิ ยา4 10.แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน/ 9.สอบปลายภาคเรียน (Google Classroom) ท้องถ่ิน 10.สงั เกตและประเมิน รายวิชาชวี วทิ ยา4 11. website ต่างๆ พฤติกรรมดา้ นตา่ งๆ จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

Unit 1 : The Nervous System & Sense Organs Ep.1 Recognition and response (การรบั รู้และการตอบสนอง) จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 7

Recognition and response stimulus receptor Sensory neuron CNS response effector Motor neuron จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 8

สรุปวงจรการรับรู้และตอบสนองของสง่ิ มชี วี ติ ❑ Coordinating system (ระบบประสานงาน) • Nervous system • Endocrine system ประกอบดว้ ย 3 สว่ นหลกั คือ 1.Sensory Input 2.Integration 3.Motor Output จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

The Nervous System of animals (การตอบสนองของสตั ว์) ...สัตว์แต่ละชนิดมีโครงสร้างท่ีใช้เพื่อการรับรู้และ ต อ บ ส น อ ง ต่ อ ส่ิ ง เ ร้ า แ ต ก ต่ า ง กั น ใ น สั ต ว์ท่ี มี ววิ ัฒนาการสูงกจ็ ะมรี ะบบประสาททซ่ี ับซ้อนมากขนึ้ ... ครสู กุ ฤตา โสมล กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ว30244 ชีววิทยา4 10

❑ กลุ่ม Protist และฟองนา้ ยงั ไมม่ ีระบบประสาทท่ีแทจ้ รงิ แตล่ ะเซลลส์ ามารถรบั รูแ้ ละตอบสนองไดแ้ ตไ่ มป่ ระสานกนั ในพารามีเซยี ม จะมี เส้นใยประสำนงำน (coordinating fiber) เช่ือมระหวา่ งโคน cilia ชว่ ยควบคมุ การโบกพดั : Paramecium (พารามเี ซยี ม) จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 11

eyespot of Euglena : Euglena (ยูกลนี า) coordinating fiber of Paramecium จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 12

❑ กลุ่ม Invertebrates เช่น ไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดือนดิน หอย แมลง : Cnidarian เชน่ Hydra เรม่ิ มีระบบประสาทเป็นแบบร่ำงแหประสำท (nerve net) เม่ือมีสงิ่ เรา้ จะสง่ กระแสประสาทแบบไซแนปสไ์ ฟฟา้ Hydra • ตงั้ แต่ Flatworm เป็นตน้ ไปเรม่ิ ปรากฏ CNS คือสมอง และ เสน้ ประสาทใหญ่แบบ Ventral nerve cord • ยกเวน้ Chordate ท่ีเป็น Dorsal nerve cord จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 13

: Flatworm เช่น Planaria จดั เป็นสตั วท์ ่ีมีระบบประสาทอยา่ งแทจ้ รงิ เป็นระบบประสาทแบบขัน้ บันได (ladder type) มีปมประสาท (nerve cords)ขนาดใหญ่ท่ีหวั จานวน 2 ปมทาหนา้ ท่ีเป็นสมอง มีเสน้ ประสาทใหญ่เป็นราวบนั ได มีวงแหวน ประสาท (nerve ring) หรอื transverse nerve เป็นขนั้ บนั ได Nerve ganglion = brain Planaria Planaria มี Eyespot เป็ น photoreceptor จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 14

: Roundworm , Annelid , กุ้ง , หอย , แมลง มีปมประสาท,สมองใหญ่ขึน้ โดยมีรายละเอียดของโครงสร้าง คลา้ ยกนั แตอ่ าจมีความแตกตา่ งบา้ ง ท่ีสาคญั เช่น Earth worm (Annelid) Insect (Arthropod) Sea star จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล - Sea star : มีระบบประสาทวงแหวน (nerve ring) - Squid : เป็น Invertebrate ท่ี ฉลาดท่ีสดุ ปมประสาท (=สมอง)ใหญ่ เซลลป์ ระสาทใหญ่ มีดวงตาโตมาก 15

▪ กลุ่ม Vertebrates มีระบบประสาทท่ีมีความซบั ซอ้ นและมวี วิ ฒั นาการดีท่ีสดุ - มี brain และ spinal cord ท่ีเจรญิ มาจาก neural tube ของเนือ้ เย่ือชนั้ ectoderm ในระยะ embryo จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 16

Unicellular Invertebrates Vertebrates coordinating fiber nerve net brain nerve ganglion nerve cord spinal cord nerves จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 17

Ep.2 Structure and Function of Neuron (โครงสร้างและการทางานของเซลล์ประสาท) : Neurone / Nerve cell ครสู กุ ฤตา โสมล กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ว30244 ชีววิทยา4

ระบบประสาทมี 2 ระบบ คือ ระบบประสาทสว่ นกลาง (CNS) = brain + spinal cord และ ระบบประสาทรอบนอก (PNS) = CN + SN • เนือ้ เยือ่ ประสาท ประกอบดว้ ย เซลล์ประสาทและเซลล์ค้าจนุ 1.เซลลป์ ระสาท (neuron) Question? เซลลป์ ระสาทของสตั วม์ โี ครงสรา้ งของเซลล์เหมาะสมต่อการทาหน้าท่ีอย่างไร? เฉลย : เซลลป์ ระสาท (neuron) ภายในมี mitochondria จานวนมาก มี RER ท่ี เรียกว่า Nissl body ช่วยสงั เคราะหโ์ ปรตีน มี intermediate filament ท่ีเรยี กว่า neurofilament เป็นโครงสรา้ งคา้ จนุ เซลล์ จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

Structure of neuron 1. Cell body /soma 2. Nerve fiber / Cell process 2.1) dendrite 2.2) axon จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

▪ dendrite อาจมีหลายเสน้ แต่ axon มีเพียงเสน้ เดยี วเท่านนั้ ▪ รอยตอ่ ระหว่าง myelin sheath ท่ีไมม่ ีฉนวนเรยี กวา่ node of Ranvier ▪ ใยประสาทท่ียาวจะมีเย่ือไมอีลิน (myelin sheath) ซง่ึ เป็นเย่ือหมุ้ เซลลข์ อง Schwann cell มาห่อหมุ้ ลอ้ มรอบ ทาใหเ้ กิดฉนวนไขมนั (แตถ่ า้ อย่ใู น brain และ spinal cord เย่ือไมอีลินจะสรา้ งมาจาก oligodendrocyte) จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

2.เซลลค์ า้ จุน (glia cell , supporting cell,neuroglia) ➢ Types of Neuroglia Cell 1.เซลลร์ ูปดาว (astrocyte) – ชว่ ยในการนาอาหารและแก๊สจาก หลอดเลอื ดฝอยมายงั เซลลป์ ระสาท 2.เซลลท์ ส่ี ร้างเยอ่ื หมุ้ ไมอลี ิน มี 2 ชนิดขนึ้ อย่กู บั บรเิ วทท่ีพบ 1) เซลลช์ วานน์ (Schwann cell) – พบในระบบประสาทรอบนอก (PNS) 2) เซลล์ Oligodendrocyte – พบในระบบประสาทสว่ นกลาง (CNS) 3. เซลลท์ ่ีชว่ ยโบกพดั นา้ เลยี้ งสมองและไขสนั หลงั (ependymal cell) 4.เซลลไ์ มโครเกลีย (mycroglia) – เก่ียวขอ้ งกบั การกาจดั ส่งิ แปลกปลอมในระบบประสาท จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

ชนิดของเซลล์ประสาท 1) จาแนกตามจานวนเส้นใยประสาท 1.เซลลป์ ระสาทขวั้ เดยี ว (unipolar neuron) - มีแขนงออกมาจากตวั เซลลเ์ พยี ง 1 อนั แลว้ จงึ คอ่ ยแยกออกไปเป็น dendrite และ axon - พบในเซลลป์ ระสาทรบั ความรูส้ กึ ท่ีอย่ใู นปม ประสาทรากบนไขสนั หลงั (dorsal root ganglion) 2.เซลลป์ ระสาทสองขวั้ (bipolar neuron) - มีแขนงออกมาจากตวั เซลล์ 2 อนั คือ dendrite และ axon อย่างละ 1 อนั - พบในเซลลใ์ นชนั้ เรตนิ า (retina) ของลกู ตา , เซลลร์ บั กล่ิน (olfactory cell) ในโพรงจมกู และในหชู นั้ ใน 3.เซลลป์ ระสาทหลายขวั้ (multipolar neuron) - เซลลป์ ระสาทหลกั ท่ีพบในรา่ งกาย มีแขนง dendrite แยกออกมาจานวนมาก โดยท่วั ไปมกั มี 1 axon จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล - พบในระบบประสาทสว่ นกลางเป็นหลกั (สมองและไขสนั หลงั ) 23

ชนิดของเซลล์ประสาท 2) จาแนกตามหน้าที่ จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 24

การทางานของเซลล์ประสาท Nerve cell Function ครสู กุ ฤตา โสมล กล่มุ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ว30244 ชีววิทยา4 25

การทางานของเซลลป์ ระสาท (Nerve cell function) ▪ เซลลป์ ระสาท (neuron) ทาหนา้ ท่ีนากระแสประสาทเขา้ ทาง dendrite ผ่านตวั เซลล์ (cell body) ออกไปทาง axon แลว้ สง่ ใหเ้ ซลลต์ ่อไปทาง dendrite ของอีกเซลลห์ นง่ึ ❑ Direction of movement of nerve impulses “One way direction” จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

❑ การเกดิ กระแสประสาท โดย การวจิ ยั ของ A.L.Hodgkin & A.F.Huxley , 2506 ▪ เม่ือวดั ความตา่ งศกั ยร์ ะหวา่ งเย่ือหมุ้ เซลลข์ องเซลลป์ ระสาท (membrane potential) ดว้ ยเครอ่ื ง cathode ray oscilloscope พบวา่ ระยะปกติ ในเซลลจ์ ะเป็น – และนอกเซลลจ์ ะเป็น + และวดั คา่ ความตา่ งศกั ยไ์ ดป้ ระมาท -70mV เรยี กศักยเ์ ยอ่ื เซลลร์ ะยะพกั (resting membrane potential) เป็นผลมาจากขา้ งนอกมี ������������+และ ������������− เยอะ สว่ นขา้ งในมี ������+กบั ไอออนลบ (anion :������−) ของสารชีวโมเลกลุ เชน่ โปรตีน DNA เยอะ By..Teacher.Suklittha Somon 27 27

ศกั ยไ์ ฟฟา้ เยอื่ เซลล์ (Membrane Potential) ...เซลล์ของสัตว์ทุกชนิดจะมีความแตกต่างของประจุ ไฟฟ้าระหว่างภายในเซลล์กับภายนอกเซลล์ ท้ังนี้ เนื่องจากองค์ประกอบของของเหลวภายในเซลล์และ ภ า ย น อ ก เ ซ ล ล์ จ ะ มี ป ริ ม า ณ ข อ ง ไ อ อ อ น แ ต่ ล ะ ช นิ ด ท่ี แตกตา่ งกันออกไป ตัวอย่างเช่น ในสภาวะปกติเซลลป์ ระสาทจะมี ������������+อยู่ดา้ นนอก 28 เซลลม์ ากกวา่ ภายในเซลล์ และจะมี ������+อย่ภู ายในเซลลม์ ากกวา่ ภายนอก เซลล์ ดงั นนั้ โดยท่วั ไป ������������+ จงึ มีแนวโนม้ จะแพรเ่ ขา้ มาภายในเซลล์ ขทะท่ี ������+มีแนวโนม้ จะแพร่ออกนอกเซลล์ ผ่านทางโปรตีนบนเย่ือหุม้ เซลลท์ ่ีมี ลกั ษทะเป็นช่อง (passive channel) By..Teacher.Suklittha Somon

������������+- ������+ pump เซลลป์ ระสาทสามารถรกั ษาความเขม้ ขน้ ของไอออนนีไ้ ดโ้ ดยอาศยั การทางานของ ������������+- ������+ pump ในการป๊ัมเอา ������������+ ออกไปไวภ้ ายนอกเซลล์ และนา ������+ เขา้ มาสะสมไวภ้ ายในเซลลใ์ นสดั สว่ น 3������������+:2������+ ผ่านการใชพ้ ลงั งานในรูปของ ATP ❑ ในสภาพปกติท่ีเซลลป์ ระสาทยงั ไม่ถกู กระตนุ้ จะมีศกั ยไ์ ฟฟ้าเย่ือเซลลใ์ นระยะพกั (resting membrane potential) ประมาท -70mV โดยภายในเซลล์ จะมีคา่ เป็นลบเม่ือเทียบกบั ภายนอกเซลล์ ทงั้ นีเ้ พราะเหตผุ ล 2 ประการ คอื 1. ������+ ท่ีอยภู่ ายในเซลลจ์ ะร่วั ออกมานอกเซลลผ์ า่ นทาง ������+ leak channel ซง่ึ มีจานวนมากกวา่ ������������+ passive channel ท่ีให้ ������������+ จากภายนอกไหล เขา้ มาในเซลล์ ดงั นนั้ เม่ือคิดสทุ ธิแลว้ เซลลจ์ งึ มีการสญู เสียประจบุ วกไปจาก ������+ มาก จงึ ทาใหภ้ ายในเซลลม์ ีประจเุ ป็นลบ 2.โปรตีนและกรดนิวคลีอิกท่ีอย่ภู ายในเซลลม์ ีประจเุ ป็นลบและไม่สามารถเคล่อื นออกไปนอกเซลลไ์ ด้ จงึ สง่ ผลให้ ภายในเซลลม์ ีประจเุ ป็นลบเม่ือเทียบกบั ภายนอกเซลล์ By..Teacher.Suklittha Somon 29

������������+- ������+ pump By..Teacher.Suklittha Somon 30

ในระยะพกั นนั้ ������������+จะแพรเ่ ขา้ และ ������+จะแพรอ่ อกจากเซลลต์ ามความแตกตา่ งของความเขม้ ขน้ และศกั ยไ์ ฟฟา้ ทาให้ เสยี สมดลุ ไอออนได้ เซลลจ์ ึง active transport เอา ������������+ออกจากเซลลแ์ ละนา ������+กลบั เขา้ เซลลอ์ ย่ตู ลอดเวลา ในอตั ราส่วน 3������������+:2������+ เรยี กวา่ ������������+- ������+ pump เซลลป์ ระสาทจงึ ตอ้ งมี mitochondria มาก การสง่ กระแสประสาทภายในเซลล์ (Action Potential) การเปล่ยี นแปลงของศกั ยไ์ ฟฟา้ เย่ือเซลล์ เม่ือเทียบกบั ศกั ยไ์ ฟฟ้าระยะพกั (resting potential) สามารถเกิดขนึ้ ได้ 2 กรที คือ 1.hyperpolarization คือ การตอบสนองท่ีทาใหภ้ ายในเซลลป์ ระสาทมีค่าศกั ยไ์ ฟฟ้าลดลง เกิดจากช่อง ������+ เปิดใหม้ นั ไหลออกนอกเซลล์ หรอื ช่อง ������������−เปิดใหม้ นั ไหลเขา้ สเู่ ซลล์ เป็นการยบั ยงั้ การสรา้ งกระแสประสาท (nerve impulse) 2.depolarization คือการตอบสนองท่ีทาใหภ้ ายในเซลลป์ ระสาทมีคา่ ศกั ยไ์ ฟฟ้าเพ่ิมขนึ้ เกิดจากชอ่ ง ������������+ เปิดใหม้ นั ไหล เขา้ สเู่ ซลล์ เป็นการสง่ เสรมิ การสรา้ งกระแสประสาท By..Teacher.Suklittha Somon 31

เม่ือมีส่งิ เรา้ มากระตนุ้ เซลลป์ ระสาท เซลลป์ ระสาทสามารถเกิดการตอบสนองได้ 2 รูปแบบ คอื 1.การตอบสนองตามความแรงของสงิ่ เร้า (graded potential) - ส่งิ เรา้ ย่ิงมขี นาดแรงมาก การเปล่ยี นแปลงของศกั ยไ์ ฟฟ้าย่ิงเปล่ยี นแปลง มากขนึ้ 2.การตอบสนองแบบทไี่ ม่ขนึ้ กบั ความแรงของสง่ิ เร้า (all-or- none response) - เม่ือส่งิ เรา้ มีความแรงถงึ ระดบั หนง่ึ ท่ีเรยี กวา่ threshold level ถึงแมจ้ ะเพ่ิมความแรงของส่งิ เรา้ เพ่ิมขนึ้ การตอบสนองหรอื การ เปล่ยี นแปลงของศกั ยไ์ ฟฟ้าเย่ือเซลลจ์ ะไม่เปล่ยี นแปลงไปตามความ แรงของส่ิงเรา้ By..Teacher.Suklittha Somon 32 32

การเกดิ กระแสประสาท (action potential หรือ nerve impulse) เกิดจากการเปล่ยี นแปลงความตา่ งศกั ยน์ ีเ้ อง เรยี ก electrochemical reaction มขี นั้ ตอนการเกิดสรุปไดด้ งั นี้ 1.ในสภาวะปกติท่ียงั ไม่มีส่ิงเรา้ มากระตุน้ จะเรียกว่า ระยะพัก (resting stage) ประตูโซเดียม (voltage- gated sodium channel) และประตโู พแทสเซียม (voltage-gated potassium channel)จะปิด จะมีเพียง passive channel ท่ีจะเปิดอยู่ ดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ ในตอนตน้ ดงั นนั้ ไอออนของ ������������+และ ������+จะ อยใู่ นสภาวะสมดลุ ศกั ยม์ คี า่ ประมาท -70mV เกิด ������������+- ������+ pump 2.สง่ิ เรา้ ท่ีมากระตนุ้ เซลลป์ ระสาทเม่อื มีความแรงถึงระดบั threshold level (ประมาท -50mV) จะกระตนุ้ ให้ เซลลป์ ระสาทเกิดการ depolarization ขนึ้ ทาใหป้ ระตโู ซเดียม (voltage-gated sodium channel) เปิด ทาให้ ������������+จากภายนอกเซลลไ์ หลเขา้ มาภายในเซลลป์ ระสาทมากขนึ้ ภายในเซลลป์ ระสาทจงึ มีประจเุ ป็นบวก เม่ือเทียบกบั ภายนอกเซลล์ จนถึง action potential (ประมาท +50mV) และจะเหน่ียวนาใหบ้ รเิ วทถัดไป เกิด action potential ตามไปดว้ ย การท่ีศกั ยไ์ ฟฟา้ ในเซลลเ์ ป็น + เคล่อื นไปเรอ่ื ยๆ นีค้ ือกระแสประสาทน่นั เอง ▪ หมายเหตุ ถา้ การกระตุ้นไม่ถงึ จดุ threshold กจ็ ะไมเ่ กดิ อะไรเลย 33 จงึ เรยี กการเกิดกระแสประสาทนวี้ ่าเปน็ ไปตามกฎ all or none By..Teacher.Suklittha Somon

By..Teacher.Suklittha Somon 3. หลังจากท่ีประตูโซเดียมเปิ ดไฟสักพักหน่ึงก็จะปิ ดลง ขทะท่ีประตูโพแทสเ ซียม (voltage-gated potassium channel)จะเปิดแทน ทาให้ ������+ท่ีมีมากอย่ใู น เซลลเ์ กิดการไหลออกนอกเซลลม์ ากขนึ้ ภายในเซลลจ์ งึ มคี วามเป็นลบมากขนึ้ เรยี กระยะนีว้ ่า repolarization (ศกั ยไ์ ฟฟา้ ลดลงฮวบฮาบ) 4. เน่ืองจากประตโู พแทสเซียมปิดชา้ กว่าประตโู ซเดียม ดงั นนั้ จงึ ทาใหเ้ ซลลป์ ระสาทสญู เสีย ������+ ออกไปมากกว่าปกติ และทาใหศ้ กั ยไ์ ฟฟ้าภายในเซลลม์ ีค่าเป็นลบมากกว่าในระยะพกั เรียกระยะนีว้ ่า hyperpolarization หรือ undershoot เป็นเวลาสนั้ ๆ เรียก refractory period ปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ กิด action potential บรเิ วทนน้ั ซา้ อีก ทาให้ กระแสประสาทไหลยอ้ นไม่ได้ จึงไหลจากตน้ ไปปลาย axon เท่านนั้ และทาใหใ้ ยประสาท บรเิ วทหน่งึ ๆ ไมถ่ กู กระตนุ้ ถ่ีเกินไป แต่ทา้ ยท่ีสดุ ศกั ยไ์ ฟฟา้ เย่ือเซลลจ์ ะกลบั เขา้ สสู่ ภาวะพกั (resting stage)ใหมอ่ ีกครงั้ เน่ืองจาก ������������+- ������+ pump ท่ีทางานอย่ตู ลอดเวลาจะปรบั ความเขม้ ขน้ ของไอออนให้ เขา้ สสู่ ภาวะสมดลุ ได้ 34

depolarization repolarization ประตู ������������+เปิด ประตู ������������+ปิด และเปิดประตู ������+ ▪ ทาใหศ้ กั ยไ์ ฟฟา้ เพิ่มขน้ึ ▪ ทาใหศ้ กั ยไ์ ฟฟา้ ลดลง By..Teacher.Suklittha Somon 35

❑ การนากระแสประสาท Type I : myelin sheath neurons ❑ axon ท่ีมีเย่ือไมอีลินหมุ้ จะมองเหน็ เป็นสขี าว มี node of Ranvier จะนากระแสประสาท แบบกระโดด (saltatory conduction) ซง่ึ เรว็ กวา่ แบบตอ่ เน่ืองประมาท 10 เท่า Type II : non-myelin sheath neurons ❑ axon ท่ีไมม่ ีเย่ือไมอีลินหมุ้ จะมองเห็นเป็นสีเทา ไมม่ ี node of Ranvier จะนากระแสประสาทแบบตอ่ เน่ือง (core conduction) By..Teacher.Suklittha Somon 36

By..Teacher.Suklittha Somon 37

การเคลอื่ นทขี่ องกระแสประสาทของใยประสาททีไ่ มม่ ีเยอื่ ไมอลี ินหมุ้ By..Teacher.Suklittha Somon 38

การเคลอ่ื นทขี่ องกระแสประสาทของใยประสาทท่มี เี ยอ่ื ไมอลี ินหมุ้ By..Teacher.Suklittha Somon 39

ขอ้ สงั เกตเพมิ่ เตมิ 40 ▪ ������������+- ������+ pump จะทางานตลอดเวลารวมถงึ ขทะท่ี เกิดการสง่ กระแสประสาท (action potential) ▪ Voltage-gated channel เป็นโปรตีนบน membrane ท่ีจะเปิดเม่ือมีการเปล่ยี นแปลงของ ศกั ยไ์ ฟฟ้าเย่ือเซลลห์ รอื มีการกระตนุ้ จากส่งิ เรา้ ดงั นนั้ จงึ มี การเปล่ยี นแปลงเฉพาะเม่ือเกิดการสง่ กระแสประสาท แต่ถา้ เป็น passive channel ท่ีทาใหไ้ อออนตา่ งๆ ร่วั ออกมา จะเปิดอยตู่ ลอดเวลา ไม่เก่ียวขอ้ งกบั การเกิดการสง่ กระแส ประสาท By..Teacher.Suklittha Somon

By..Teacher.Suklittha Somon 41

By..Teacher.Suklittha Somon 42

ปจั จัยที่มผี ลตอ่ ความเรว็ ในการสง่ กระแสประสาท 1.เส้นผ่านศูนยก์ ลางของแอกซอน -แอกซอนท่ีมีขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางใหญ่จะมีความเรว็ ในการสง่ กระแส ประสาทมาก 2.ระยะหา่ งระหว่าง node of Ranvier ในแอกซอนทม่ี เี ยอ่ื หุม้ ไมอลี นิ -ระยะหา่ งระหวา่ ง node of Ranvier ย่ิงมาก ความเรว็ ในการสง่ กระแส ประสาทย่ิงเพ่ิมมากขนึ้ 3.การมแี ละการไม่มเี ยอ่ื หุม้ ไมอลี ิน -แอกซอนท่ีมีเย่ือหมุ้ ไมอีลินหมุ้ (myelinated axon) จะมีความเรว็ ในการสง่ กระแสประสาทมากกวา่ แอกซอนท่ี ไม่มีเย่ือหมุ้ ไมอีลินหมุ้ (nonmyelinated axon) เพราะเย่ือหมุ้ ไมอีลินเป็นฉนวนไฟฟ้า ดงั นนั้ ไอออนท่ีไหลเขา้ มา ในแอกซอนจะเหน่ียวนาให้ node of Ranvier อนั ถดั ไปสามารถเกิดกระแสประสาทไดเ้ ลย ในขทะท่ีถา้ เป็นแอกซอน ท่ีไม่มีเย่ือหมุ้ ไมอีลนิ การเหน่ียวนาจะเกิดขนึ้ ตอ่ เน่ืองและชา้ กวา่ มาก By..Teacher.Suklittha Somon 43

สารสอ่ื ประสาท : Neurotransmitters คือ สารเคมีท่ีมีหนา้ ท่ีในการนา, ขยาย และควบคมุ สญั ญาทไฟฟ้าจาก เซลลป์ ระสาทเซลลห์ น่งึ ไปยงั อีกเซลลห์ น่งึ ❑ การค้นพบสารสอื่ ประสาท - เป็นการทดลองโดย Otto Lovi's - เสน้ ประสาทสมองคทู่ ่ี 10 ของกบ จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

❑ การถา่ ยทอดกระแสประสาทระหวา่ งเซลลป์ ระสาทหรอื เซลล์อน่ื ไซแนปส์ : Synapse ▪ รอยต่อระหว่าง axon กบั dendrite ของอีกเซลลเ์ รยี กว่า synapse ซง่ึ มีชอ่ งวา่ งเรยี กวา่ synaptic cleft จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

Type of Synapse ❑ ไซแนปสเ์ คมี (Chemical synapse) เป็น ไ ซ แ น ป ส ์ท่ี ใ ช้ส า ร เ ค มี ท่ี เ รีย ก ว่ า ส า ร สื่ อ ป ร ะ ส า ท (neurotransmitter) เป็นตวั ส่ือสาร ไซแนปส์ ชนิดนี้พบได้เกือบทั้งหมดในระบบประสาทของ มนุษยท์ ่ีโตเต็มท่ีแลว้ ดงั นนั้ ไซแนปสใ์ นความหมาย โดยท่วั ไปจึงหมายถงึ ไซแนปสเ์ คมี ❑ ไซแนปสไ์ ฟฟ้า (Electrical synapse) มีโครงสรา้ งและการทางานท่ีไม่ ซบั ซอ้ น โดยเกิดจากการเคล่ือนยา้ ยกระแสไฟฟ้าระหวา่ งเซลลท์ ่ีอยู่ตดิ กนั ผ่าน ทางแกปจังชัน (gap junction) ไซแนปสช์ นิดนีม้ ีความสาคญั ในการ เจรญิ พฒั นาของสมองในระยะตวั อ่อน (embryo) จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

1. Chemical synapse chemical synapse ทางานอยา่ งไร ? Structure of Chemical synapse จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

สรุปกลไกการทางานของ chemical synapse จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล

2. Electrical synapse จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล