Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก

ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก

Published by suklittha24, 2020-08-10 04:35:39

Description: ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก : Nervous System and Sense Organ

Search

Read the Text Version

Peripheral Nervous System : PNS ระบบประสาทรอบนอก/สว่ นปลาย เสน้ ประสาทสมอง (ในคน) (cranial nerve : CN) 12 คู่  เสน้ ประสาทไขสนั หลัง (ในคน) (spinal nerve : SN) 31 คู่ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 101

เส้นประสาทสมอง (ในคน) (cranial nerve : CN) 12 คู่ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 102

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 103

Structure of spinal nerve 1. ชันในสเี ทา (grey matter) เปน็ ท่ีอยู่ 2. ชันนอกสขี าว (white matter) มี ของเซลล์ประสาทและใยประสาทท่ีไม่มี เฉพาะใยประสาทท่ีมเี ย่ือไมอีลินห้มุ เยอ่ื ไมอีลินหุ้ม มชี อ่ งกลวงตรงกลาง เปน็ ทางผา่ นของกระแสประสาท ไขสนั หลัง (central canal) เป็นทอี่ ยขู่ อง ระหว่างไขสนั หลังกับสมอง นาเลยี งสมองและไขสนั หลัง (cerebrous- spinal fluid : CSF) 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 104

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 105

เสน้ ประสาทสมอง เส้นประสาทไขสนั หลงั (cranial nerve) (spinal nerve) สัตว์ CN (คู่) ปลา 10 กบ 10 จระเข้ 12 นก 12 เล้ียงลูกดว้ ยน้านม 12 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 106

Paralysis A loss of sensation and movement of part of the body due to an injury of the spinal cord or brain 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 107

การทางานของระบบประสาทสัง่ การ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 108

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 109

ระบบประสาทโซมาตกิ (Somatic Nervous System : SNS) 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 110

Reflex action - เป็นการตอบสนองต่อส่งิ เรา้ อยา่ งรวดเร็ว อาศยั เซลล์ประสาท 3 เซลล์ : การกระตกุ แขน (เกดิ จากการหดตวั ของกล้ามเนอื้ แขนซงึ่ เปน็ กล้ามเนอ้ื ลาย) เปน็ การตอบสนองสงิ่ เรา้ ในเวลาสนั ๆ โดยไมผ่ า่ นสมอง กิรยิ าดงั กลา่ วเรยี กว่า รีเฟล็กซ์แอกชัน (reflex action) 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 111

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 112

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 113

Question * Reflex action ของการกระตกุ ขาเม่อื เคาะทห่ี วั เขา่ กับการชกั ขาหนีเมอื่ เตะกอ้ นหิน...รเี ฟลก็ แบบใดซบั ซอ้ น กว่า เพราะเหตุใด? จดั ทำโดย ครสู กุ ฤตำ โสมล 10/08/63 114

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 115

แผนภาพ Reflex Action รเี ฟลก็ ซแ์ อกชันที่หัวเข่า (knee jerk) รเี ฟลก็ ซ์เมอื่ เดนิ ไปเตะกอ้ นหิน 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 116

- Reflex Action มผี ลต่อการดารงชีวติ ของคนเราอย่างไร การทางานของระบบประสาททเี่ ป็ นวงจรนีเ้ รียกว่า รีเฟลก็ -อาร์ก (reflex arc) ซ่ึงประกอบย่อยๆ 5 หน่วย ดงั ภาพ  บางคร้ัง reflex arc อาจไม่จาเป็ นต้องมี เซลล์ประสาทประสานงานกไ็ ด้ เช่น การ กระตุกเม่ือเคาะทหี่ ัวเข่า จะประกอบด้วยเซลล์ ประสาทเพยี ง 2 ชนิดเท่าน้ัน 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 117

ระบบประสาทอตั โนวตั ิ (Autonomic Nervous System : ANS) เป็นระบบประสาทที่ควบคุมการทางานของ อวัยวะภายใน โดยควบคุมกล้ามเนื้อเรียบ กลา้ มเนื้อหวั ใจ และต่อมต่างๆ เป็นการควบคุมที่ ไมอ่ ยูใ่ นอานาจจติ ใจ (involuntary) 1. Sympathetic 2. Parasympathetic 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 118

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 119

การเปรยี บเทยี บภายในระบบประสาทอตั โนวตั ิ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 120

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 121

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 122

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 123

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 124

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 125

ตารางเปรยี บเทยี บการทางานของระบบประสาทโซมาตกิ (SNS) กับระบบประสาทอัตโนมตั ิ (ANS) 3. จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 126 10/08/63

อวัยวะรบั ความรูส้ กึ (Sensory Organs) 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 127

เร่ืองที่ 1 นัยน์ตากับการมองเหน็ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 128

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 129

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 130

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 131

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 132

การมองเห็นของสตั ว์ o ส่ิงมีชีวติ ทุกชนิดมกี ารตอบสนองต่อแสงสว่าง o นัยน์ตาคอื อวัยวะทีว่ ิวัฒนาการมาเพ่ือให้รับ แสงไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพสูงมาก 1. ยกู ลีนา – มี eyespot รบั ได้แค่แสง ยังไมเ่ หน็ ภาพ (เข้า หาแสง) 2. ไสเ้ ดอื นดิน – ผิวหนงั มเี ซลล์ทีไ่ วต่อแสงสวา่ ง (หนแี สง) 3. หอยบางชนิด หมกึ กุ้ง ปู แมลง – มตี าทใี่ ชร้ ับแสงและ เกดิ ภาพไดด้ ้วย เป็นตาประเภท compound eye (ตาประกอบ) 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 133

Compound Eye - ประกอบดว้ ยหน่วยรบั แสงเลก็ ๆ เป็น เลนสเ์ ด่ยี วๆ เรยี กวำ่ ommatidium จำนวนมำก 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 134

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 135

ประเภทของตา 1.ตำเดย่ี ว (simple eye) – พบในหนอนตวั แบน ใชใ้ นกำรตรวจจบั ควำมเขม้ แสง ไมส่ ำมำรถสรำ้ งเป็นภำพได้ 2.ตำประกอบ (compound eye) – พบในแมลงและครสั เตเชียน ประกอบขนึ้ จำกตำยอ่ ยจำนวนมำก 3.ตำทม่ี เี ลนสเ์ ดย่ี ว (camera eye) – พบในหมกึ และสตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 136

- ผึง้ ไมส่ ำมำรถรบั แสงสีแดงไดเ้ น่ืองจำกนยั นต์ ำ ของผงึ้ ไมส่ ำมำรถรบั คล่นื ควำมถ่ีของคล่ืนแสงสี แดง แตส่ ำมำรถตอบรบั ตอ่ แสงเหนือมว่ ง (ultraviolet) ซง่ึ ตำของมนษุ ยต์ อบรบั ไมไ่ ด้ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 137

COMPARATIVE : ดวงตำ& กล้องถำ่ ยรูป ขอ้ แตกตำ่ งคือ กำรปรบั โฟกสั ของ นยั นต์ ำทำโดยกำรเปล่ยี นรูปรำ่ ง เลนส์ สว่ นกลอ้ งถ่ำยรูปโดยกำร เล่อื นตำแหนง่ ใหใ้ กลห้ รอื ไกลจำก ฟิ ลม์ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 138

ข้อควรทราบเพม่ิ เตมิ !! • ปลำ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลำน และหมกึ - ปรับโฟกัสโดยใช้หลักกำรของกลอ้ งถ่ำยรูป โดยกำร เล่อื นตำแหนง่ ของเลนสใ์ หใ้ กลห้ รอื ไกลจำกเรตินำ • นกและสัตวเ์ ลีย้ งลูกด้วยน้ำนม - ปรบั โฟกัสโดยกำร เปล่ียนรูปรำ่ งของเลนสใ์ หน้ นู หรือแบน โดยใชก้ ลำ้ มเนือ้ ยดึ เลนส์ (ciliary muscle หรือ ciliary body) และเอน็ ยดึ เลนส์ (suspensory ligament) 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 139

สรุป - เม่ือมองวตั ถทุ ่ีอย่ไู กล กลำ้ มเนือ้ ยดึ เลนสจ์ ะคลำยตวั เอน็ ยดึ เลนสต์ งึ เลนสแ์ บน - เม่ือมองวตั ถทุ ่ีอย่ใู กล้ กลำ้ มเนือ้ ยดึ เลนสจ์ ะหดตวั เอ็นยดึ เลนสห์ ยอ่ น เลนสพ์ อง 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 140

โครงสรา้ งของนยั นต์ าคน o นัยนต์ าของคนอย่ใู นโพรงกระบอกตา (orbit) มรี ปู ร่างค่อนขา้ งกลม (eye ball) o ส่วนทโ่ี ผลอ่ อกมาเพื่อการมองเหน็ คอื กระจกตา (cornea) มกี ล้ามเนื้อตา (rectus) 6 มัด ทาให้ลกู นยั นต์ า กลอกไปมาได้ o มหี นงั ตา (eyelids) บนปดิ ทับหนงั ตาล่างเพอ่ื ปอ้ งกันอนั ตรายและปอ้ งกนั แสงเมอื่ ต้องการพักผอ่ นนัยน์ตา o มตี อ่ มน้าตา (tear gland) ทข่ี อบบนของหางตาซา้ ยและขวาโดยมที อ่ นา้ ตามาเปิดท่ีหัวตา เพอ่ื หล่อเลีย้ ง ลูกตาใหช้ ่มุ ช้นื อยู่เสมอและชว่ ยทาลายจลุ ินทรีย์ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 141

ผนังของนยั นต์ าคน o ลกู ตาประกอบดว้ ยเน้อื เยื่อผนงั ห้มุ ลูกตา 3 ชนั้ คือ 1. ชน้ั นอก (sclera) 2. ชั้นกลาง (choroid) 3. ช้นั ใน (retina) 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 142

1. สเคอรา (Sclera) • เป็นเนือ้ เย่ือเก่ียวพนั ชนั้ นอกสดุ มีควำมหนำและเหนียวมำก ไม่ยืดหย่นุ ทำหนำ้ ท่ีคมุ้ กนั ลกู ตำ ไมใ่ หเ้ ป็นอนั ตรำย ทำใหล้ กู ตำคงรูปรำ่ งอยไู่ ด้ • ตอนหนำ้ สุดของเย่ือชนั้ นีจ้ ะโปร่งใสและนูนออก เรียกว่ำ กระจกตำ (cornea) เป็นส่วนท่ี ยอมใหแ้ สงผ่ำนทะลเุ ขำ้ สเู่ ลนส์ และช่วยใน กำรหกั เหลำแสงใหเ้ ขำ้ โฟกสั • กระจกตำถูกคลุมดว้ ยเย่ือบำงๆ ท่ีย่ืนมำจำกผิวดำ้ นในของเปลือกตำบนและล่ำง เรียกว่ำ เยอ่ื บตุ ำ (conjunction) - สว่ นท่ีเห็นเป็นนยั นต์ ำขำวของคนก็คอื - กำรเปล่ยี นดวงตำหรอื กำรบรจิ ำคดวงตำให้ สว่ นท่ีเป็นเย่ือสเคอรำหรอื ผนงั ชนั้ นอก สภำกำชำดก็คือกำรเปล่ียนหรอื กำรบรจิ ำคส่วน น่นั เอง ของกระจกตำ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 143

เลนส์ตา (lens) • เลนสต์ ำเป็นเลนสน์ นู อย่คู ่อนมำทำงดำ้ นหนำ้ ของนยั นต์ ำ ถดั จำกกระจกตำเขำ้ ไปเลก็ นอ้ ย • เลนสต์ ำมีลกั ษณะใส กนั้ นยั นต์ ำเป็น 2 สว่ น คอื ชอ่ งหนำ้ เลนสจ์ ะมีของเหลวเรยี กวำ่ aqueous humor และชอ่ งหลงั เลนสจ์ ะมีของเหลวเรยี กว่ำ vitreous humor ของเหลวทงั้ สองนีท้ ำให้ ลกู ตำคงรูปรำ่ งอยไู่ ด้ และช่วยในกำรหกั เหของแสงท่ีผ่ำนเขำ้ ดว้ ย • ถำ้ ของเหลวในลกู นยั นต์ ำมีควำมดนั มำกกวำ่ ปกตจิ ะทำใหเ้ กิดต้อหนิ (glaucoma) ถำ้ ไม่รกั ษำ ทนั ทีจะทำลำยเลนสแ์ ละเรตินำ 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 144

2. โครอยด์ (Choroid coat) • เป็นชนั้ ของเซลลท์ ่ีมีรงควตั ถทุ บึ แสงอย่มู ำกมำยเพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กิดแสงสะทอ้ นเพรำะจะทำใหภ้ ำพ ไม่คมชดั • เป็นชนั้ ท่ีมีเสน้ เลือดมำก จึงทำหนำ้ ท่ีลำเลยี งสำรอำหำรและแก๊สใหเ้ รตนิ ำโดยกำรแพร่ (diffusion) - ตอนหนำ้ จะแยกออกและหนำขนึ้ เป็นสว่ นของ กลำ้ มเนือ้ ยดึ เลนส์ - มีสว่ นหอ้ ยลงมำทงั้ บนและลำ่ งปิดเลนส์ เรียกวำ่ มำ่ นตำ (iris) ซง่ึ แตกตำ่ งกนั ไปตำมเชือ้ ชำติ - ช่องวำ่ งระหวำ่ งมำ่ นตำเพ่ือใหแ้ สงผ่ำนเขำ้ ไปเป็นรูมำ่ นตำ (pupil) 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 145

3. เรตนิ ำ (Retina) • เป็นชนั้ ในสดุ ของตำ ประกอบดว้ ยเซลลท์ ่ี ไวตอ่ แสงสวำ่ งเรยี งตวั อยอู่ ย่ำงมีระเบียบ ซง่ึ เทียบชนั้ นีไ้ ดก้ บั ฟิลม์ ของกลอ้ งถ่ำยรูป คอื รบั ทงั้ ภำพและสีตำ่ งๆ • มีเซลลร์ บั แสง (photoreceptor) รูปรำ่ ง 2 แบบ คือ เซลลร์ ูปแทง่ (rod cell) และเซลลร์ ูปกรวย (cone cell) * เสน้ ประสำทสมองคทู่ ่ี 2 (optic nerve) - เก่ียวขอ้ งกบั กำรสง่ กระแสประสำทจำกเซลล์ รบั แสงไปยงั สมอง 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 146

* เซลล์รับแสง 2 ชนดิ ในช้นั เรตนิ า ไดแ้ ก่ 1. เซลลร์ ูปแทง่ (Rod cell) 2. เซลลร์ ปู กรวย (Cone cell) ทางานไดด้ ีขณะแสงสลัว ทางานได้ดขี ณะความเข้มแสงสงู สามารถมองเหน็ ภาพขาว-ดา บอกความแตกต่างของสีได้ ต้องการ (มีสารสมี ว่ งแดงชื่อ rhodopsin แสงสวา่ งมาก เปน็ pigment) (มสี ารชื่อ iodopsin เป็น pigment) * เซลล์รับแสงท้ัง 2 ชนิดจะทาหน้าที่คล้ายกันคือเปล่ียนคลื่นแสงให้เป็น กระแสประสาทสง่ ไปยังสมอง 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 147

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 148

10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 149

เกร็ดความร.ู้ .  สตั วห์ ำกินกลำงคืน เชน่ นกฮกู นกเคำ้ แมว กระตำ่ ย แมว ภำยในชนั้ เรตินำ จะมี rod cell อยจู่ ำนวนมำก สว่ น cone cell มีนอ้ ย จงึ สำมำรถ มองเหน็ สิ่งตำ่ งๆ ไดด้ ีในแสงสลวั หรอื ในคืนท่ีเกือบมืดสนิท 10/08/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 150


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook