กาแลก็ ซเี พื่อนบา้ นมีกาแลก็ ซีใดบา้ ง (กาแล็กซีแอนโดรเมดา กาแลก็ ซีแมกเจลแลนเลก็ และกาแลก็ ซแี มกเจ ลแลนใหญ)่ (3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายและสรปุ ผลจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 4) ขัน้ ขยำยควำมรู้ (1) ครูอธิบายสืบค้นข้อมลู เพ่ิมเตมิ ในประเด็นที่นา่ สนใจ เชน่ กาแลก็ ซมี ีการเคล่ือนท่ีหรือไม่ เพราะอะไร (2) ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการสืบค้นข้อมูล (3) ให้นกั เรยี นทาสมดุ ภาพรวบรวมดาราจกั รรปู ร่างตา่ ง ๆ ไวเ้ ปน็ หมวดหมู่เพอื่ ให้งา่ ยต่อการศกึ ษา หรือจดั เปน็ ป้ายนิเทศให้ความรู้ 5) ขัน้ ประเมนิ (1) ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาว่า จากหวั ข้อทเี่ รยี นมาและการปฏบิ ัติกจิ กรรม มจี ุดใดบ้างทย่ี ังไมเ่ ข้าใจหรอื ยังมขี ้อสงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ (2) นักเรียนรว่ มกันประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรืออปุ สรรคใด และได้มีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และการนาความรู้ที่ได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่ กาแล็กซีมีกาเนดิ และวิวัฒนาการในลกั ษณะใด กาแล็กซีประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง นักดาราศาสตร์จาแนกกาแล็กซเี ป็นกี่ประเภท เพราะเหตุใดเราจงึ ต้องศึกษากาแลก็ ซีเพ่ือนบา้ น นักเรยี นคดิ ว่า กาแล็กซเี พ่ือนบ้านและกาแลก็ ซีอนื่ ๆ มีระบบดวงดาวเหมือนกบั ระบบสุรยิ ะหรอื ไม่ เพราะเหตุ ใด ถ้ากาแลก็ ซีเป็นระบบของดวงดาวแล้ว กาแลก็ ซีมีการเคล่ือนท่หี รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ข้นั สรปุ 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปเกีย่ วกับกาแลก็ ซี โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนท่คี วามคดิ หรือผังมโนทศั น์ 2. ครูดาเนินการทดสอบหลังเรยี น โดยให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพื่อวัดความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรยี น 5. สื่อกำรเรียนรู้ 1.ใบงาน เรอื่ ง กาเนิดเอกภพ 2.ใบงาน เร่อื ง วิวัฒนาการเอกภพ 3.ใบงาน เร่ือง กาเนิดกาแล็กซี และองค์ประกอบของกาแล็กซี 4.ใบงาน เร่อื ง ชนิดของกาแลก็ ซี 5.ใบงาน เรอ่ื ง ทางช้างเผือก และกาแลก็ ซที างช้างเผอื ก
แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี 35 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4-6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เวลา 6 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 เอกภพ เวลา 1 ช่วั โมง เรอ่ื ง กาแล็กซี่ ภาคเรยี นท่ี 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ชัน้ ........... โรงเรยี นบา้ นพณิ โท ครูผูส้ อน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งพลังงานกบั การดารงชีวติ การเปล่ยี นรูปพลงั งาน ปฏสิ มั พันธ์ ระหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใชพ้ ลังงานตอ่ ชวี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สือ่ สารทเี่ รียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 1.สำระสำคัญ กาเนิดเอกภพ/วิวฒั นาการของเอกภพ กาเนิดกาแล็กซี องค์ประกอบและชนดิ ของกาแล็กซที างชา้ งเผอื ก กาเนดิ และ ววิ ัฒนาการของระบบสุริยะ 2.ตัวชี้วดั / จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและบอกประเภทของกาแล็กซีได้ 2. สืบค้นขอ้ มูลและอธบิ ายการเกิด ส่วนประกอบ และรูปร่างของกาแล็กซีแตล่ ะประเภทได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ เอกภพกาเนดิ ณ จุดทเ่ี รียกวา่ บิกแบง เป็นจดุ ท่ีพลังงานเร่ิมเปล่ยี นเป็นสสารเกดิ อนภุ าคควารก์ อเิ ลก็ ตรอน นวิ ทริ โน พร้อมปฏอิ นุภาค เมื่ออุณหภมู ขิ องเอกภพลดต่าลง ควารก์ จะรวมตวั กันเป็นอนุภาคพ้ืนฐาน คือโปรตอน และ นิวตรอน ตอ่ มาโปรตอนและนวิ ตรอนรวมตัวกันเป็นนิวเคลียสของฮเี ลยี ม และเกิดเปน็ อะตอมของไฮโดรเจนและฮีเลยี ม อะตอมของไฮโดรเจนและฮเี ลียมซึ่งเปน็ องค์ประกอบส่วนใหญ่ของเนบิวลาด้งั เดิมกระจายอย่เู ป็นหยอ่ มๆ กลายเปน็ กาแล็กซี ภายในกาแล็กซีเกิดเป็นดาวฤกษ์ ระบบดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเกยี่ วกับกาเนิดเอกภพโดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ หลงั จากเกิดบิกแบงแลว้ ต่อมามีส่ิงใด เกดิ ขึ้นในเอกภพ (หลงั จากเกิดบกิ แบงประมาณ 1,000 ล้านปี มกี าแลก็ ซเี กิดข้ึนในเอกภพ) 2. ครูตง้ั ประเดน็ คาถาม เช่น นกั เรยี นรูจ้ ักกาแล็กซีหรือไม่ คืออะไร มสี งิ่ ใดอยูภ่ ายในกาแล็กซบี ้าง มนุษย์เราอาศัยอยู่ในกาแล็กซใี ด 3. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรียน จัดการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซง่ึ มีขั้นตอนดังน้ี
1) ขน้ั สรำ้ งควำมสนใจ (1) ครูถามนกั เรียนว่า เคยสงั เกตท้องฟ้าท่มี ดื สนทิ หรือไม่ นอกจากจะเหน็ ดวงดาวอยู่เตม็ ท้องฟ้าแล้ว ยังมองเห็น ทางสีขาวพาดผา่ นเปน็ ทางยาวบนท้องฟ้า สิ่งนั้นคอื อะไร (ทางชา้ งเผือก) (2) ครูใหน้ ักเรียนดสู ือ่ มลั ตมิ เี ดีย หรือ CD-Rom ท่ีแสดงให้เหน็ กาแลก็ ซีต่าง ๆ ในท้องฟา้ แลว้ ตง้ั ประเด็นคาถาม เช่น กาแลก็ ซใี นท้องฟา้ มรี ูปร่างเหมอื นหรอื แตกต่างกัน ทาไมดวงดาวจงึ อยู่รวมกนั ในกาแลก็ ซี นักเรยี นเคยไดย้ ินกาแล็กซีทางช้างเผือกหรอื ไม่ มีลกั ษณะอย่างไร (3) นกั เรียนชว่ ยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยังไมเ่ นน้ คาตอบท่ีถกู ต้อง 2) ข้นั สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรยี นศึกษาความหมายและประเภทของกาแล็กซี จากใบความรหู้ รือในหนังสือเรียน โดยครชู ว่ ยเช่อื มโยง ความรู้ใหม่จากบทเรียนกับความรู้เดมิ ที่เรียนรู้มาแลว้ ดว้ ยการใชค้ าถามนากระตุน้ ให้นกั เรียนตอบจากความรู้และ ประสบการณ์ของนักเรียน (2) นักเรยี นแบ่งกลมุ่ แต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรม สบื คน้ ข้อมูลกาแล็กซี และปฏิบัตกิ จิ กรรมตามข้ันตอนท่วี างแผน ไว้ ดงั นี้ ศึกษาข้อมูลเก่ียวกบั กาแลก็ ซีในประเดน็ ต่อไปนี้ กาแล็กซีทเ่ี รารู้จัก (กาเนดิ และวิวฒั นาการของกาแล็กซี สว่ นประกอบของกาแล็กซี ประเภทของ กาแล็กซี) กาแล็กซีทางช้างเผือก กาแลก็ ซีเพื่อนบา้ นของเรา นาขอ้ มูลท่ีได้จากการสืบค้นมาร่วมกันอภปิ ราย นาเสนอในรูปของรายงาน และจัดทาป้ายนเิ ทศแสดงผลงานของ กลมุ่ 3) ขั้นอธบิ ำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลของการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม แลว้ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น (2) ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เช่น กาแลก็ ซี คือ อะไร (ระบบดาวฤกษน์ บั แสนล้านดวงอยูร่ วมกัน ด้วยแรงโนม้ ถว่ งระหว่างดาวฤกษ์กบั ดาวฤกษ์ และระหวา่ งดาวฤกษ์กบั หลุมดาที่มีมวลมหาศาลซึ่งอยกู่ ลางของกาแล็กซี และมีเนบิวลาซง่ึ เป็นกล่มุ แกส๊ และฝุน่ ละอองซึ่ง เกาะกลุ่มอยู่ในที่วา่ งระหว่างดาวฤกษ์ เนบิวลาหลายแห่งมีวิวฒั นาการเปน็ ดาวฤกษ์ต่อไป) ภายในกาแลก็ ซีประกอบด้วยอะไรบา้ ง (ดาวฤกษ์ หลมุ ดา เนบวิ ลา กลุม่ แก๊ส และฝุน่ ละออง) กาแล็กซีมกี ีป่ ระเภท อะไรบ้าง (กาแล็กซีมี 3 ประเภท ได้แก่ กาแล็กซีรูปไข่ กาแล็กซีรูปกังหัน และกาแล็กซไี ร้ รูปรา่ ง) กาแล็กซีทางช้างเผอื กเปน็ กาแล็กซปี ระเภทใด (รปู กังหนั ธรรมดา)
กาแล็กซเี พ่ือนบา้ นมีกาแล็กซใี ดบ้าง (กาแลก็ ซีแอนโดรเมดา กาแล็กซีแมกเจลแลนเล็ก และกาแล็กซแี มกเจ ลแลนใหญ่) (3) ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม 4) ขน้ั ขยำยควำมรู้ (1) ครูอธิบายสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมในประเด็นทนี่ ่าสนใจ เช่น กาแลก็ ซมี ีการเคล่ือนทห่ี รือไม่ เพราะอะไร จะเกิดอะไรข้ึนเมื่อกาแลก็ ซีเคล่อื นทชี่ นกัน (2) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายผลจากการสบื ค้นข้อมูล (3) ใหน้ ักเรียนทาสมุดภาพรวบรวมดาราจกั รรูปรา่ งต่าง ๆ ไว้เปน็ หมวดหมู่เพ่ือใหง้ า่ ยต่อการศึกษา หรือจดั เป็น ปา้ ยนิเทศให้ความรู้ 5) ข้ันประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่า จากหวั ข้อทีเ่ รยี นมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มจี ุดใดบ้างทย่ี งั ไม่เข้าใจหรอื ยงั มขี ้อสงสัย ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพ่ิมเติมให้นกั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชนท์ ไ่ี ด้รับจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และการนาความรูท้ ี่ไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่ กาแล็กซมี ีกาเนดิ และววิ ัฒนาการในลกั ษณะใด กาแลก็ ซีประกอบดว้ ยอะไรบ้าง นกั ดาราศาสตร์จาแนกกาแลก็ ซีเปน็ กี่ประเภท เพราะเหตุใดเราจงึ ต้องศึกษากาแล็กซีเพื่อนบ้าน นักเรยี นคิดว่า กาแลก็ ซเี พื่อนบา้ นและกาแลก็ ซีอ่ืน ๆ มรี ะบบดวงดาวเหมือนกบั ระบบสุรยิ ะหรอื ไม่ เพราะเหตุ ใด ถา้ กาแล็กซีเปน็ ระบบของดวงดาวแลว้ กาแลก็ ซมี ีการเคลื่อนที่หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ขน้ั สรปุ 1. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ เกี่ยวกบั กาแลก็ ซี โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผงั มโนทัศน์ 2. ครดู าเนนิ การทดสอบหลงั เรียน โดยให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพ่ือวดั ความก้าวหนา้ /ผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียน 5. ส่ือกำรเรียนรู้ 1.ใบงาน เร่อื ง กาเนิดเอกภพ 2.ใบงาน เรือ่ ง วิวฒั นาการเอกภพ 3.ใบงาน เรือ่ ง กาเนิดกาแล็กซี และองค์ประกอบของกาแล็กซี 4.ใบงาน เร่อื ง ชนิดของกาแลก็ ซี
แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี 36 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4-6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เวลา 6 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 เอกภพ เวลา 1 ชั่วโมง เรอ่ื ง กาแล็กซี่ ภาคเรียนท่ี 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ชัน้ ........... โรงเรียนบา้ นพณิ โท ครูผูส้ อน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เข้าใจความสมั พันธ์ระหวา่ งพลงั งานกบั การดารงชวี ิต การเปล่ียนรูปพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใชพ้ ลงั งานตอ่ ชีวติ และสง่ิ แวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารทีเ่ รยี นรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 1.สำระสำคัญ กาเนิดเอกภพ/วิวฒั นาการของเอกภพ กาเนิดกาแล็กซี องค์ประกอบและชนิดของกาแล็กซีทางชา้ งเผอื ก กาเนิดและ ววิ ัฒนาการของระบบสุริยะ 2.ตัวชี้วดั / จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและบอกประเภทของกาแล็กซไี ด้ 2. สืบค้นขอ้ มูลและอธบิ ายการเกดิ ส่วนประกอบ และรปู ร่างของกาแล็กซีแตล่ ะประเภทได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ เอกภพกาเนดิ ณ จดุ ท่ีเรยี กว่าบิกแบง เป็นจุดที่พลังงานเร่ิมเปล่ยี นเป็นสสารเกดิ อนุภาคควาร์ก อเิ ลก็ ตรอน นวิ ทริ โน พร้อมปฏิอนุภาค เมื่ออุณหภมู ิของเอกภพลดต่าลง ควาร์ก จะรวมตัวกนั เปน็ อนภุ าคพน้ื ฐาน คือโปรตอน และ นิวตรอน ตอ่ มาโปรตอนและนิวตรอนรวมตวั กนั เป็นนิวเคลียสของฮีเลยี ม และเกิดเป็นอะตอมของไฮโดรเจนและฮเี ลยี ม อะตอมของไฮโดรเจนและฮเี ลียมซึ่งเป็นองคป์ ระกอบสว่ นใหญข่ องเนบวิ ลาดัง้ เดมิ กระจายอย่เู ป็นหยอ่ มๆ กลายเป็น กาแล็กซี ภายในกาแล็กซเี กดิ เป็นดาวฤกษ์ ระบบดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเก่ียวกบั กาเนดิ เอกภพโดยใชแ้ นวคาถาม เช่น หลังจากเกดิ บิกแบงแล้ว ตอ่ มามสี ่ิงใด เกดิ ขึ้นในเอกภพ (หลงั จากเกิดบกิ แบงประมาณ 1,000 ล้านปี มกี าแลก็ ซีเกดิ ขน้ึ ในเอกภพ) 2. ครูตง้ั ประเดน็ คาถาม เชน่ นกั เรยี นรูจ้ ักกาแล็กซีหรือไม่ คืออะไร มสี งิ่ ใดอยู่ภายในกาแล็กซบี ้าง มนุษย์เราอาศยั อยู่ในกาแล็กซใี ด 3. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรียน จัดการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซ่ึงมีขั้นตอนดังน้ี
1) ขน้ั สรำ้ งควำมสนใจ (1) ครูถามนกั เรียนว่า เคยสงั เกตท้องฟา้ ทมี่ ดื สนทิ หรือไม่ นอกจากจะเหน็ ดวงดาวอยู่เตม็ ท้องฟ้าแล้ว ยังมองเหน็ ทางสีขาวพาดผา่ นเปน็ ทางยาวบนท้องฟ้า สิง่ น้ันคอื อะไร (ทางชา้ งเผือก) (2) ครูใหน้ ักเรียนดสู ือ่ มลั ตมิ เี ดีย หรือ CD-Rom ท่แี สดงให้เหน็ กาแล็กซีต่าง ๆ ในท้องฟา้ แลว้ ตง้ั ประเด็นคาถาม เช่น กาแลก็ ซใี นท้องฟา้ มรี ูปร่างเหมอื นหรือแตกต่างกนั ทาไมดวงดาวจงึ อยู่รวมกนั ในกาแล็กซี นักเรยี นเคยไดย้ ินกาแล็กซีทางช้างเผือกหรือไม่ มลี กั ษณะอยา่ งไร (3) นกั เรยี นชว่ ยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครยู ังไมเ่ น้นคาตอบท่ีถกู ต้อง 2) ข้นั สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรยี นศึกษาความหมายและประเภทของกาแล็กซี จากใบความรหู้ รือในหนงั สือเรียน โดยครชู ว่ ยเช่อื มโยง ความรู้ใหม่จากบทเรียนกับความรู้เดมิ ที่เรียนรู้มาแล้ว ด้วยการใชค้ าถามนากระตนุ้ ให้นกั เรียนตอบจากความรู้และ ประสบการณ์ของนักเรียน (2) นักเรียนแบ่งกลมุ่ แต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรม สบื คน้ ข้อมูลกาแล็กซี และปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามข้ันตอนทว่ี างแผน ไว้ ดงั นี้ ศึกษาข้อมูลเก่ียวกบั กาแลก็ ซีในประเด็นตอ่ ไปน้ี กาแล็กซีทเ่ี รารจู้ ัก (กาเนดิ และวิวฒั นาการของกาแลก็ ซี ส่วนประกอบของกาแล็กซี ประเภทของ กาแล็กซี) กาแล็กซีทางช้างเผือก กาแลก็ ซีเพื่อนบา้ นของเรา นาขอ้ มลู ท่ีได้จากการสืบค้นมาร่วมกนั อภิปราย นาเสนอในรปู ของรายงาน และจดั ทาป้ายนเิ ทศแสดงผลงานของ กลมุ่ 3) ขั้นอธบิ ำยและลงข้อสรปุ (1) นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลของการปฏิบัตกิ ิจกรรม แลว้ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น (2) ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคาถาม เชน่ กาแลก็ ซี คือ อะไร (ระบบดาวฤกษน์ ับแสนลา้ นดวงอยู่รวมกัน ดว้ ยแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวฤกษ์กบั ดาวฤกษ์ และระหวา่ งดาวฤกษ์กบั หลุมดาที่มีมวลมหาศาลซึ่งอยู่กลางของกาแล็กซี และมีเนบิวลาซ่งึ เป็นกล่มุ แกส๊ และฝุน่ ละอองซ่ึง เกาะกลุ่มอยู่ในที่วา่ งระหว่างดาวฤกษ์ เนบวิ ลาหลายแห่งมวี ิวัฒนาการเปน็ ดาวฤกษต์ อ่ ไป) ภายในกาแลก็ ซีประกอบด้วยอะไรบา้ ง (ดาวฤกษ์ หลมุ ดา เนบิวลา กลมุ่ แกส๊ และฝ่นุ ละออง) กาแล็กซีมกี ีป่ ระเภท อะไรบ้าง (กาแล็กซีมี 3 ประเภท ได้แก่ กาแล็กซรี ูปไข่ กาแลก็ ซีรูปกังหัน และกาแล็กซีไร้ รูปรา่ ง) กาแล็กซีทางช้างเผอื กเปน็ กาแลก็ ซีประเภทใด (รูปกงั หันธรรมดา)
กาแล็กซเี พ่ือนบา้ นมีกาแลก็ ซใี ดบ้าง (กาแลก็ ซีแอนโดรเมดา กาแล็กซีแมกเจลแลนเล็ก และกาแลก็ ซีแมกเจ ลแลนใหญ)่ (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม 4) ขัน้ ขยำยควำมรู้ (1) ครูอธบิ ายสบื คน้ ข้อมูลเพ่ิมเติมในประเด็นทนี่ ่าสนใจ เช่น กาแล็กซมี ีการเคล่ือนทห่ี รือไม่ เพราะอะไร จะเกดิ อะไรขน้ึ เม่ือกาแลก็ ซีเคล่อื นทชี่ นกัน (2) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลจากการสบื ค้นขอ้ มลู (3) ให้นกั เรียนทาสมุดภาพรวบรวมดาราจกั รรูปรา่ งต่าง ๆ ไว้เป็นหมวดหมูเ่ พ่ือให้งา่ ยต่อการศึกษา หรือจดั เป็น ปา้ ยนเิ ทศให้ความรู้ 5) ข้ันประเมนิ (1) ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่า จากหวั ข้อทีเ่ รยี นมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรม มีจดุ ใดบา้ งทยี่ งั ไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มขี ้อสงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรียนเขา้ ใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบตั กิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามีปัญหาหรอื อุปสรรคใด และไดม้ ีการแกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม และการนาความรู้ที่ไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่ กาแล็กซมี ีกาเนดิ และววิ ัฒนาการในลกั ษณะใด กาแล็กซปี ระกอบดว้ ยอะไรบ้าง นกั ดาราศาสตร์จาแนกกาแลก็ ซีเป็นกี่ประเภท เพราะเหตุใดเราจงึ ต้องศึกษากาแล็กซีเพื่อนบ้าน นักเรียนคิดวา่ กาแลก็ ซีเพื่อนบา้ นและกาแลก็ ซีอ่ืน ๆ มีระบบดวงดาวเหมอื นกับระบบสุริยะหรือไม่ เพราะเหตุ ใด ถา้ กาแล็กซีเปน็ ระบบของดวงดาวแลว้ กาแลก็ ซีมีการเคลื่อนที่หรือไม่ เพราะเหตุใด ขน้ั สรปุ 1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั กาแลก็ ซี โดยร่วมกันเขียนเปน็ แผนทีค่ วามคดิ หรือผังมโนทศั น์ 2. ครูดาเนนิ การทดสอบหลังเรียน โดยให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี นเพ่ือวัดความก้าวหนา้ /ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน 5. ส่ือกำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เรอ่ื ง กาเนิดเอกภพ 2.ใบงาน เรื่อง วิวัฒนาการเอกภพ 3.ใบงาน เรือ่ ง กาเนิดกาแล็กซี และองค์ประกอบของกาแล็กซี 4.ใบงาน เรอื่ ง ชนิดของกาแลก็ ซี
แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู 3ี่ 7 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เวลา 8 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 6 ดาวฤกษ์ เวลา 1 ช่วั โมง เร่ือง วิวฒั นาการของดาวฤกษ์ ภาคเรยี นที่ 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ชน้ั ........... โรงเรียนบา้ นพิณโท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหว่างพลังงานกบั การดารงชวี ิต การเปล่ยี นรปู พลังงาน ปฏิสมั พันธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลงั งานต่อชีวติ และส่งิ แวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 1.สำระสำคัญ ดาวฤกษ์เกิดจากกล่มุ แกส๊ ไฮโดรเจน ขนาดใหญ่ที่เรยี กว่า เนบิวลา ยุบตวั ลงช้า ๆ ดว้ ยแรงโน้มถ่วงจากศนู ย์กลาง จึง เริ่มต้นนบั อายุของกลมุ่ แกส๊ นี้วา่ ดาวฤกษ์ สขี องดาวฤกษ์จะข้ึนอยกู่ บั อณุ หภูมิท่ีผวิ มวลของดาว จะเป็นตัวกาหนดอายุของ ดาว เมอื่ ดาวฤกษใ์ กล้ดับ จะกลายเปน็ ดาวยักษแ์ ดง ก่อนจะถึงวาระสุดท้าย หรือหลมุ ดา ข้ึนอยูก่ บั ขนาดมวลใจกลางของดาว ฤกษ์นนั้ ๆ 2.ตวั ช้ีวดั / จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ อธิบายววิ ฒั นาการของดาวฤกษไ์ ด้ 3.สำระกำรเรียนรู้ ดาวฤกษ์ เป็นกอ้ นแกส๊ ร้อนขนาดใหญ่กาเนดิ มาจากเนบวิ ลาทีม่ อี งคป์ ระกอบส่วนใหญ่เป็นธาตไุ ฮโดรเจน ท่แี กน่ กลางของดาวฤกษจ์ ะเกิดปฏกิ ิริยาเทอร์โมนวิ เคลยี ร์ หลอมนิวเคลียสของไฮโดรเจนเปน็ นิวเคลยี สของฮีเลยี ม ได้พลงั งาน ออกมา อนั ดับความสว่างของดาวฤกษ์ที่สงั เกตเหน็ ได้มาจากความสว่างปรากฏท่ีขึ้นอยู่กับความสว่างจริงและระยะหา่ ง จากโลก สขี องดาวฤกษ์มีความสัมพันธก์ บั อุณหภมู ผิ วิ ของดาวฤกษแ์ ละอายุของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์มอี ายุยาวหรือสั้น มจี ุดจบเป็นหลมุ ดา หรอื ดาวนิวตรอน หรือดาวแคระขาว ข้ึนอยู่กับมวลของดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. ครใู หน้ ักเรียนท่เี คยใชก้ ล้องโทรทรรศน์สอ่ งดูดาวตามสถานทต่ี า่ ง ๆ ออกมาเล่าประสบการณใ์ ห้เพื่อน ๆ ฟงั หรอื ครูนา ภาพ สอ่ื มัลตมิ เี ดีย หรือ CD-Rom มาใหน้ ักเรยี นดู แลว้ ตง้ั ประเดน็ คาถาม เช่น ลกั ษณะท้องฟา้ แบบใดท่เี ราสามารถมองเห็นดวงดาวไดช้ ัด ดาวทน่ี กั เรยี นสงั เกตเห็นบนท้องฟ้าสว่ นใหญเ่ ป็นดาวประเภทใด 2. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จดั การเรยี นรูโ้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึง่ มีขั้นตอนดังนี้ 1) ขั้นสร้ำงควำมสนใจ
(1) ครใู ห้นักเรียนชว่ ยกันเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างดาวฤกษ์กับดาวเคราะห์ โดยนักเรยี นช่วยกันเขยี น เปน็ แผนทคี่ วามคดิ บนกระดานดาหรอื ในสมดุ จากนั้นครูต้ังประเดน็ คาถามเพ่ือเชื่อมโยงเขา้ ส่บู ทเรยี น เชน่ ดาวฤกษ์ดวงใดท่ีนักเรียนรู้จักดีท่ีสดุ (ดาวอาทติ ย)์ และมีลกั ษณะสาคัญอย่างไร ดาวฤกษ์เกิดจากอะไร และเกิดขนึ้ ไดอ้ ย่างไร (2) นกั เรยี นช่วยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครูยังไม่เนน้ คาตอบท่ีถกู ต้อง 2) ขั้นสำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรียนศึกษาดาวฤกษแ์ ละววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยเชือ่ มโยง ความรู้ใหมจ่ ากบทเรยี นกับความร้เู ดมิ ท่เี รยี นรู้มาแล้ว ด้วยการใชค้ าถามนากระตนุ้ ให้นกั เรียนตอบจากความรู้และ ประสบการณ์ของนักเรียน (2) นักเรียนแบ่งกลมุ่ แต่ละกลมุ่ ศึกษากจิ กรรม สืบค้นข้อมูลดาวยกั ษ์แดง และปฏิบตั กิ จิ กรรมตามข้ันตอนท่ี วางแผนไว้ ดังน้ี ทาการสืบคน้ และรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “ดาวยกั ษ์แดง” นาข้อมลู ทส่ี บื คน้ ไดจ้ ากข้อ 1 มาเขียนเป็นผังมโนทศั น์ (concept map) พร้อมทง้ั วาดรปู สิง่ ทีเ่ กิดข้นึ บนโลกของ เราเมอื่ ดวงอาทิตย์กลายเปน็ ดาวยกั ษแ์ ดงตามจินตนาการของนักเรียน ร่วมกนั อภปิ ราย ลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายข้อสรุปของกล่มุ หนา้ ช้ันเรียน และ/หรอื จดั ทาเป็นรายงาน 3) ขั้นอธบิ ำยและลงข้อสรุป (1) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม สืบคน้ ข้อมลู ดาวยักษ์แดง โดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ ดาวยกั ษแ์ ดงคืออะไร (ดาวยักษ์แดงคือดาวฤกษท์ ่มี ีอายมุ ากแลว้ และเกดิ ปฏิกริ ยิ าเทอรโ์ มนวิ เคลยี ร์ทแ่ี กนกลาง ทาให้บริเวณแกนกลางมีอุณหภมู สิ งู ข้นึ เป็น 100 ลา้ นเคลวิน และบรเิ วณขอบนอกมีอุณหภมู สิ งู ถงึ 15 ล้านเคลวนิ ทาให้ได้ พลังงานออกมามหาศาลจนทาใหด้ าวฤกษ์มีขนาดใหญข่ ึน้ เป็น 100 เท่าของขนาดเดมิ ) ขณะท่ดี วงอาทิตย์กลายเปน็ ดาวยักษ์แดงจะมีอณุ หภูมิผิวประมาณเท่าใด (15 ลา้ นเคลวิน) ปัจจบุ นั ดวงอาทติ ย์มีอายปุ ระมาณเท่าใด และจะอย่ตู ่อไปอีกประมาณเทา่ ใด (ปัจจุบันดวงอาทติ ย์มีอายุ ประมาณ 5,000 ลา้ นปี และจะมีชวี ติ อยูต่ ่อไปอกี ประมาณ 5,000 ล้านปี) ขณะทีด่ วงอาทติ ย์กลายเป็นดาวยกั ษแ์ ดง สิ่งมีชวี ติ สามารถอาศยั อยบู่ นโลกไดห้ รือไม่ เพราะ อะไร (ขณะท่ีดวงอาทติ ย์กลายเปน็ ดาวยักษแ์ ดง สงิ่ มชี ีวิตจะไม่สามารถดารงชีวิตอยู่บนโลกได้ เพราะโลกมีอณุ หภมู สิ งู มาก ทาใหไ้ ม่เหมาะสมต่อการดารงชีวิตของพืชและสตั ว์) วาระสดุ ทา้ ยของดวงอาทติ ย์จะกลายเปน็ อะไร (วาระสดุ ท้ายของดวงอาทิตย์จะกลายเป็นดาวแคระขาว) เพราะอะไรนกั ดาราศาสตร์จึงศกึ ษาเกย่ี วกับดวงอาทิตยม์ ากกว่าดาวฤกษด์ วงอ่ืน (เพราะดวงอาทติ ย์เป็นดาว ฤกษ์ทอ่ี ยูใ่ กล้โลกมากท่สี ุด ทาให้งา่ ยต่อการสังเกตและศึกษา) (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายและสรปุ ผลจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยให้ได้ข้อสรุปว่า เมอ่ื ธาตไุ ฮโดรเจนที่ เป็นเช้ือเพลิงเหลือนอ้ ย แรงโน้มถว่ งเนื่องจากมวลของดวงอาทิตยจ์ ะสูงกว่าแรงดนั ทาใหด้ วงอาทิตย์ยบุ ตวั ลง และบริเวณ
แกนกลางจะเกิดปฏกิ ิรยิ าเทอร์โมนิวเคลยี ร์หลอมนวิ เคลยี สของธาตุฮีเลียมเปน็ นิวเคลียสของธาตุคาร์บอนจนบริเวณ แกนกลางมีอุณหภมู สิ ูงมากกว่าเดิม 100 ล้านเคลวนิ ทาใหธ้ าตไุ ฮโดรเจนท่ีอยขู่ อบนอกของแกนกลางมอี ุณหภูมสิ ูงข้ึนดว้ ย จนเมอ่ื อณุ หภมู สิ งู ถึง 15 ล้านเคลวนิ จะเกดิ ปฏิกิรยิ าเทอร์โมนวิ เคลียรห์ ลอมนวิ เคลียสของธาตไุ ฮโดรเจนเปน็ นิวเคลียส ของธาตุฮีเลียมอกี ครั้ง ทาใหเ้ กดิ พลงั งานมหาศาลจนทาให้ดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่ข้นึ มากกวา่ เดมิ ถงึ 100 เทา่ กลายเปน็ ดาวยกั ษ์แดง (red giant) ดวงอาทติ ย์จะอยู่ในสภาพดาวยักษแ์ ดงนี้ประมาณ 2–3 ล้านปี โดยในชว่ งน้ีดาวยักษแ์ ดงจะ ดึงดดู ดาวบริวารทอ่ี ยู่ใกล้ ๆ เชน่ ดาวพธุ และดาวศกุ ร์เขา้ ไปเป็นเนื้อเดยี วกัน และความร้อนทเี่ กดิ ข้นึ มหาศาลน้ีจะทาให้นา้ ที่อยบู่ นโลกระเหยไปในอวกาศหมด ส่งิ มีชวี ติ บนโลกจะไม่สามารถดารงชวี ิตอยู่ได้ 4) ข้ันขยำยควำมรู้ (1) ใหน้ กั เรียนทาแผนภาพกาเนิดและวิวฒั นาการของดาวฤกษ์ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเพ่ิมเติมเกีย่ วกับ แผนภาพท่ีนักเรียนทาข้ึน (2) นกั เรียนสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเตมิ ในประเด็นที่นา่ สนใจ เช่น ดาวยักษแ์ ละดาวแคระ ดาวฤกษ์ที่มบี ริวาร หลุมดา จดุ บนดวงอาทิตย์ (3) นักเรียนคน้ คว้าบทความหรอื คาศัพทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั ดาวฤกษ์ จากหนังสือภาษาต่างประเทศหรือ อนิ เทอร์เนต็ และนาเสนอให้เพ่อื นในห้องเรยี นฟัง แล้วบนั ทึกลงในสมดุ 5) ขัน้ ประเมิน (1) ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาว่า จากหวั ขอ้ ทเี่ รียนมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรม มีจุดใดบา้ งทยี่ ังไม่เข้าใจหรอื ยงั มขี ้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ (2) นักเรียนรว่ มกันประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปญั หาหรอื อุปสรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิกิจกรรม และการนาความรูท้ ่ีได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น จากววิ ัฒนาการของดาวฤกษ์ มปี ฏกิ ิริยาเทอร์โมนิวเคลยี รเ์ กดิ ขึ้นในช่วงใดบ้าง และสิน้ สดุ ในชว่ งใด ซเู ปอรโ์ นวาคืออะไร ดาวฤกษ์มวลน้อยและดาวฤกษม์ วลมากมจี ดุ จบท่เี หมอื นหรอื แตกต่างกนั ในลักษณะใด ดาวอาทิตยข์ องเราจะมีชวี ิตในวาระสุดทา้ ยอยา่ งไร ขัน้ สรุป ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เก่ียวกบั วิวฒั นาการของดาวฤกษ์ โดยรว่ มกันเขียนเปน็ แผนที่ความคิดหรือผงั มโนทัศน์ 5. สือ่ กำรเรียนรู้
1.ใบงาน เรื่อง กาเนิดดาวฤกษ์ 2.ใบงาน เรือ่ ง วิวฒั นาการดาวฤกษ์ 3.ใบงาน เรอื่ ง ความสวา่ งของดาวฤกษ์ 4.ใบงาน เรื่อง สแี ละอุณหภูมขิ องดาวฤกษ์ 5.ใบงาน เร่ือง จดุ จบของดาวฤกษ์ 6. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 38 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ เวลา 8 ช่วั โมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 ดาวฤกษ์ เวลา 1 ชั่วโมง เร่อื ง กาเนิดและวิวฒั นาการของดวงอาทติ ย์ ภาคเรียนที่ 2/2558 สอนวันท่ี………เดอื น………………………พ.ศ…………ช้นั ........... โรงเรยี นบ้านพิณโท ครูผูส้ อน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.1 : เข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างพลงั งานกับการดารงชีวติ การเปลยี่ นรปู พลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชวี ิตและส่งิ แวดล้อม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สือ่ สารที่เรยี นรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคญั ดาวฤกษ์เกิดจากกลุ่มแกส๊ ไฮโดรเจน ขนาดใหญ่ที่เรยี กวา่ เนบิวลา ยุบตวั ลงชา้ ๆ ดว้ ยแรงโนม้ ถว่ งจากศูนย์กลาง จงึ เริ่มตน้ นบั อายุของกลุ่มแก๊สนี้วา่ ดาวฤกษ์ สขี องดาวฤกษ์จะขึ้นอยู่กบั อณุ หภูมิท่ผี วิ มวลของดาว จะเปน็ ตวั กาหนดอายุของ ดาว เมอ่ื ดาวฤกษใ์ กล้ดบั จะกลายเปน็ ดาวยกั ษ์แดง กอ่ นจะถึงวาระสดุ ท้าย หรอื หลุมดา ข้นึ อยู่กบั ขนาดมวลใจกลางของดาว ฤกษน์ นั้ ๆ 2.ตวั ชี้วดั / จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ อธบิ ายวิวฒั นาการของดาวฤกษไ์ ด้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ ดาวฤกษ์ เปน็ กอ้ นแกส๊ รอ้ นขนาดใหญ่กาเนดิ มาจากเนบวิ ลาทม่ี ีองคป์ ระกอบส่วนใหญ่เป็นธาตไุ ฮโดรเจน ทแ่ี กน่ กลางของดาวฤกษจ์ ะเกิดปฏกิ ิริยาเทอร์โมนวิ เคลียร์ หลอมนวิ เคลยี สของไฮโดรเจนเปน็ นิวเคลียสของฮเี ลยี ม ได้พลงั งาน ออกมา อันดบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์ทีส่ งั เกตเห็นไดม้ าจากความสวา่ งปรากฏที่ขึน้ อยู่กับความสว่างจรงิ และระยะหา่ ง จากโลก สขี องดาวฤกษ์มคี วามสัมพนั ธ์กบั อณุ หภูมิผวิ ของดาวฤกษ์และอายุของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์มีอายยุ าวหรือสนั้ มีจดุ จบเป็นหลมุ ดา หรือดาวนิวตรอน หรอื ดาวแคระขาว ข้ึนอยูก่ บั มวลของดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. ครใู หน้ กั เรยี นทีเ่ คยใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูดาวตามสถานทตี่ า่ ง ๆ ออกมาเล่าประสบการณ์ใหเ้ พื่อน ๆ ฟงั หรือครูนา ภาพ สื่อมัลตมิ ีเดีย หรือ CD-Rom มาใหน้ ักเรียนดู แล้วตัง้ ประเดน็ คาถาม เชน่ ลักษณะทอ้ งฟา้ แบบใดท่ีเราสามารถมองเห็นดวงดาวไดช้ ัด ดาวทีน่ กั เรียนสงั เกตเหน็ บนทอ้ งฟ้าส่วนใหญ่เป็นดาวประเภทใด 2. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จดั การเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีข้ันตอนดังน้ี 1) ข้ันสร้ำงควำมสนใจ
(1) ครใู ห้นักเรียนชว่ ยกันเปรียบเทียบความแตกตา่ งระหวา่ งดาวฤกษ์กับดาวเคราะห์ โดยนักเรียนชว่ ยกนั เขียน เปน็ แผนทคี่ วามคดิ บนกระดานดาหรอื ในสมดุ จากนั้นครูต้งั ประเด็นคาถามเพ่ือเช่อื มโยงเขา้ สบู่ ทเรยี น เช่น ดาวฤกษ์ดวงใดทนี่ ักเรียนรู้จักดีท่ีสดุ (ดาวอาทิตย์) และมีลกั ษณะสาคญั อย่างไร ดาวฤกษ์เกิดจากอะไร และเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร (2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยังไม่เนน้ คาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขั้นสำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรียนศึกษาดาวฤกษแ์ ละวิวฒั นาการของดาวฤกษ์ จากใบความรหู้ รือในหนงั สือเรยี น โดยครูชว่ ยเช่ือมโยง ความรู้ใหมจ่ ากบทเรยี นกับความร้เู ดมิ ท่เี รยี นรู้มาแล้ว ดว้ ยการใชค้ าถามนากระต้นุ ใหน้ กั เรียนตอบจากความร้แู ละ ประสบการณ์ของนักเรียน (2) นักเรียนแบ่งกลมุ่ แต่ละกลมุ่ ศึกษากจิ กรรม สบื ค้นข้อมูลดาวยกั ษแ์ ดง และปฏบิ ัติกจิ กรรมตามขั้นตอนท่ี วางแผนไว้ ดังน้ี ทาการสืบคน้ และรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “ดาวยกั ษ์แดง” นาข้อมลู ทส่ี บื คน้ ได้จากข้อ 1 มาเขียนเป็นผังมโนทศั น์ (concept map) พร้อมทงั้ วาดรปู ส่งิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ บนโลกของ เราเมอื่ ดวงอาทิตย์กลายเปน็ ดาวยักษแ์ ดงตามจินตนาการของนักเรียน ร่วมกนั อภปิ ราย ลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภปิ รายข้อสรุปของกลุ่มหน้าชัน้ เรยี น และ/หรอื จดั ทาเป็นรายงาน 3) ขั้นอธบิ ำยและลงข้อสรุป (1) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม สืบคน้ ขอ้ มูลดาวยกั ษ์แดง โดยใช้แนวคาถาม เช่น ดาวยกั ษแ์ ดงคืออะไร (ดาวยักษ์แดงคือดาวฤกษ์ทมี่ ีอายมุ ากแลว้ และเกดิ ปฏิกริ ยิ าเทอร์โมนวิ เคลียร์ทีแ่ กนกลาง ทาให้บริเวณแกนกลางมีอุณหภูมิสงู ข้นึ เป็น 100 ลา้ นเคลวิน และบริเวณขอบนอกมีอุณหภูมิสงู ถึง 15 ล้านเคลวนิ ทาให้ได้ พลังงานออกมามหาศาลจนทาใหด้ าวฤกษ์มีขนาดใหญ่ขึน้ เปน็ 100 เท่าของขนาดเดมิ ) ขณะท่ดี วงอาทิตยก์ ลายเปน็ ดาวยักษ์แดงจะมีอณุ หภมู ิผิวประมาณเท่าใด (15 ลา้ นเคลวิน) ปัจจบุ นั ดวงอาทติ ย์มีอายปุ ระมาณเท่าใด และจะอย่ตู ่อไปอีกประมาณเท่าใด (ปัจจบุ นั ดวงอาทิตยม์ ีอายุ ประมาณ 5,000 ลา้ นปี และจะมีชวี ติ อยูต่ ่อไปอกี ประมาณ 5,000 ลา้ นปี) ขณะทีด่ วงอาทติ ย์กลายเป็นดาวยกั ษแ์ ดง สิ่งมีชีวติ สามารถอาศยั อยบู่ นโลกได้หรือไม่ เพราะ อะไร (ขณะท่ีดวงอาทติ ย์กลายเปน็ ดาวยักษแ์ ดง สงิ่ มชี ีวติ จะไมส่ ามารถดารงชวี ติ อยบู่ นโลกได้ เพราะโลกมีอุณหภูมิสงู มาก ทาใหไ้ ม่เหมาะสมต่อการดารงชวี ติ ของพชื และสตั ว์) วาระสดุ ทา้ ยของดวงอาทติ ย์จะกลายเปน็ อะไร (วาระสุดท้ายของดวงอาทิตยจ์ ะกลายเป็นดาวแคระขาว) เพราะอะไรนกั ดาราศาสตร์จึงศกึ ษาเกย่ี วกับดวงอาทิตยม์ ากกว่าดาวฤกษ์ดวงอืน่ (เพราะดวงอาทิตยเ์ ปน็ ดาว ฤกษ์ทอ่ี ยูใ่ กล้โลกมากท่สี ุด ทาให้งา่ ยต่อการสังเกตและศึกษา) (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายและสรปุ ผลจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใหไ้ ด้ข้อสรุปว่า เมื่อธาตุไฮโดรเจนที่ เป็นเช้ือเพลิงเหลือนอ้ ย แรงโนม้ ถว่ งเนื่องจากมวลของดวงอาทิตยจ์ ะสูงกว่าแรงดัน ทาใหด้ วงอาทิตยย์ ุบตัวลง และบริเวณ
แกนกลางจะเกิดปฏิกิริยาเทอรโ์ มนิวเคลยี ร์หลอมนวิ เคลยี สของธาตุฮีเลียมเปน็ นวิ เคลียสของธาตุคารบ์ อนจนบริเวณ แกนกลางมีอุณหภูมิสงู มากกว่าเดิม 100 ล้านเคลวนิ ทาใหธ้ าตุไฮโดรเจนท่ีอย่ขู อบนอกของแกนกลางมอี ุณหภูมิสงู ขน้ึ ดว้ ย จนเมอ่ื อณุ หภมู สิ ูงถึง 15 ล้านเคลวนิ จะเกดิ ปฏิกิรยิ าเทอร์โมนวิ เคลียร์หลอมนิวเคลยี สของธาตุไฮโดรเจนเปน็ นิวเคลียส ของธาตุฮีเลียมอกี คร้ัง ทาใหเ้ กิดพลงั งานมหาศาลจนทาให้ดวงอาทิตย์มขี นาดใหญข่ ึน้ มากกว่าเดิมถึง 100 เท่า กลายเปน็ ดาวยกั ษ์แดง (red giant) ดวงอาทติ ยจ์ ะอยู่ในสภาพดาวยักษแ์ ดงน้ีประมาณ 2–3 ลา้ นปี โดยในชว่ งนี้ดาวยกั ษ์แดงจะ ดึงดดู ดาวบริวารทอ่ี ยู่ใกล้ ๆ เช่น ดาวพธุ และดาวศกุ ร์เขา้ ไปเป็นเนื้อเดียวกนั และความร้อนท่ีเกดิ ขึน้ มหาศาลนีจ้ ะทาให้นา้ ที่อยบู่ นโลกระเหยไปในอวกาศหมด ส่งิ มีชวี ติ บนโลกจะไม่สามารถดารงชวี ติ อยู่ได้ 4) ข้ันขยำยควำมรู้ (1) ใหน้ กั เรยี นทาแผนภาพกาเนิดและวิวฒั นาการของดาวฤกษ์ ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ิมเติมเกย่ี วกบั แผนภาพท่ีนักเรียนทาข้ึน (2) นกั เรยี นสบื ค้นข้อมูลเพ่ิมเตมิ ในประเด็นที่นา่ สนใจ เช่น ดาวยักษ์และดาวแคระ ดาวฤกษ์ทีม่ บี ริวาร หลุมดา จดุ บนดวงอาทิตย์ (3) นักเรียนค้นคว้าบทความหรอื คาศัพทภ์ าษาต่างประเทศเกยี่ วกับดาวฤกษ์ จากหนงั สือภาษาต่างประเทศหรือ อนิ เทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พือ่ นในห้องเรยี นฟัง แล้วบนั ทึกลงในสมดุ 5) ขัน้ ประเมิน (1) ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาว่า จากหวั ขอ้ ทเี่ รียนมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรม มีจดุ ใดบ้างทีย่ งั ไมเ่ ข้าใจหรือ ยงั มขี ้อสงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปญั หาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอย่างไรบ้าง (3) นักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยการให้ตอบคาถาม เช่น จากววิ ัฒนาการของดาวฤกษ์ มปี ฏกิ ิริยาเทอร์โมนิวเคลยี รเ์ กิดขึ้นในชว่ งใดบ้าง และสิ้นสดุ ในช่วงใด ซเู ปอรโ์ นวาคอื อะไร ดาวฤกษม์ วลน้อยและดาวฤกษม์ วลมากมจี ดุ จบทีเ่ หมอื นหรือแตกต่างกนั ในลักษณะใด ดาวอาทติ ยข์ องเราจะมีชวี ิตในวาระสุดทา้ ยอยา่ งไร ขัน้ สรุป ครูและนักเรยี นร่วมกันสรปุ เก่ียวกบั วิวฒั นาการของดาวฤกษ์ โดยรว่ มกันเขียนเปน็ แผนท่ีความคดิ หรือผงั มโนทศั น์ 5. สือ่ กำรเรียนรู้
1.ใบงาน เรื่อง กาเนิดดาวฤกษ์ 2.ใบงาน เรือ่ ง วิวฒั นาการดาวฤกษ์ 3.ใบงาน เรอื่ ง ความสวา่ งของดาวฤกษ์ 4.ใบงาน เรื่อง สแี ละอุณหภูมขิ องดาวฤกษ์ 5.ใบงาน เร่ือง จดุ จบของดาวฤกษ์ 6. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 39 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4-6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 8 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 ดาวฤกษ์ เวลา 1 ชวั่ โมง เร่อื ง ความสอ่ งสวา่ ง และโชตมิ าตรของดาว ภาคเรยี นท่ี 2/2558 สอนวนั ที่………เดอื น………………………พ.ศ…………ชั้น........... โรงเรียนบา้ นพณิ โท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.1 : เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหว่างพลงั งานกับการดารงชีวิต การเปล่ยี นรูปพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธ์ ระหวา่ งสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลังงานตอ่ ชวี ิตและสิง่ แวดล้อม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารท่เี รยี นรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคญั ดาวฤกษ์เกดิ จากกลุม่ แกส๊ ไฮโดรเจน ขนาดใหญท่ ่ีเรียกว่า เนบิวลา ยบุ ตัวลงชา้ ๆ ด้วยแรงโนม้ ถ่วงจากศูนย์กลาง จงึ เริ่มตน้ นับอายุของกลมุ่ แกส๊ น้ีว่า ดาวฤกษ์ สขี องดาวฤกษ์จะข้ึนอยกู่ ับอุณหภมู ทิ ผ่ี ิว มวลของดาว จะเปน็ ตวั กาหนดอายุของ ดาว เมือ่ ดาวฤกษใ์ กลด้ บั จะกลายเป็นดาวยกั ษ์แดง กอ่ นจะถงึ วาระสดุ ท้าย หรือหลุมดา ขน้ึ อยกู่ บั ขนาดมวลใจกลางของดาว ฤกษน์ นั้ ๆ 2.ตวั ชี้วัด / จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ อธบิ ายลักษณะสแี ละอุณหภมู ิ ความสว่าง และระยะหา่ งของดาวฤกษ์ได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ ดาวฤกษ์ เป็นก้อนแก๊สร้อนขนาดใหญก่ าเนดิ มาจากเนบวิ ลาที่มีองคป์ ระกอบส่วนใหญเ่ ป็นธาตไุ ฮโดรเจน ทแี่ กน่ กลางของดาวฤกษจ์ ะเกดิ ปฏิกิรยิ าเทอร์โมนิวเคลยี ร์ หลอมนิวเคลยี สของไฮโดรเจนเปน็ นิวเคลียสของฮเี ลยี ม ได้พลงั งาน ออกมา อันดับความสวา่ งของดาวฤกษ์ทีส่ งั เกตเห็นไดม้ าจากความสวา่ งปรากฏท่ีขน้ึ อยู่กับความสวา่ งจรงิ และระยะห่าง จากโลก สีของดาวฤกษ์มีความสัมพนั ธ์กับอณุ หภมู ผิ วิ ของดาวฤกษ์และอายุของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์มอี ายุยาวหรือส้ัน มีจุดจบเป็นหลมุ ดา หรือดาวนิวตรอน หรอื ดาวแคระขาว ข้ึนอยู่กับมวลของดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครูนาสนทนากับนักเรยี นวา่ เคยสงั เกตดวงดาวบนท้องฟ้าหรอื ไม่ ดาวแตล่ ะดวงบนท้องฟ้ามีความสว่างเท่ากันหรือไม่ เพราะอะไร 2. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น
จัดการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซงึ่ มีข้ันตอนดังนี้ 1) ขั้นสรำ้ งควำมสนใจ (1) ครใู หน้ ักเรยี นดูภาพ สื่อมัลติมีเดยี หรือ CD-Rom เกีย่ วกับดาวบนท้องฟ้า (2) ครตู ้งั ประเดน็ คาถามจากสิ่งท่ีนักเรยี นดู เช่น ดาวฤกษบ์ นท้องฟ้ามีสิง่ ใดบ้างทีเ่ หมือนหรือแตกตา่ งกัน นอกจากดวงอาทติ ย์แล้ว ดาวฤกษ์ดวงใดทีม่ ีความสวา่ งมากที่สุด ดาวฤกษแ์ ต่ละดวงมีสเี หมือนกันหรือไม่ ลกั ษณะใด ถ้านักเรียนอยู่คนละสถานที่กนั จะมองเหน็ ดาวฤกษ์แตล่ ะดวงไดส้ ว่างเท่ากันหรอื ไม่ เพราะอะไร (3) นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครยู งั ไม่เน้นคาตอบที่ถูกต้อง 2) ขั้นสำรวจและค้นหำ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแบง่ กลุม่ เป็น 4 กลมุ่ เท่า ๆ กนั ศกึ ษาและสืบคน้ ข้อมูลเกยี่ วกบั ดาวฤกษ์ ในประเดน็ ต่อไปนี้ สแี ละอุณหภูมิของดาวฤกษ์ ความสวา่ งของดาวฤกษ์ ระยะหา่ งของดาวฤกษ์ เนบวิ ลาแหล่งกาเนิดของดาวฤกษ์ (2) นักเรยี นแต่ละกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายผลการสืบคน้ ข้อมลู ครตู รวจสอบความเขา้ ใจโดยการถามคาถามในหวั ข้อ ที่กาหนดให้ศกึ ษา โดยเรียกหมายเลขประจาตวั ของนักเรยี นคนใดคนหน่งึ ตอบ นกั เรียนกลุ่มใดท่ตี อบคาถามได้ถูกต้องมาก ที่สุด จะไดร้ ับรางวัลจากครู (3) นักเรียนแบง่ กลุ่ม ปฏิบัติกิจกรรมสบื ค้นข้อมลู สขี องดาวฤกษ์ ตามขนั้ ตอนที่ไดว้ างแผนไว้ ดงั นี้ ทาการสืบค้นและรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “สีและอุณหภูมิผิวของดาวฤกษ์” และศึกษาข้อมลู จากแผนท่ีดาว เลือกกลมุ่ ดาวท่ีจะสังเกตจากแผนทดี่ าว ตัวอย่างเช่น ถา้ ทาการทดลองในฤดูหนาวให้เลอื กกลุ่มดาวนายพราน สังเกตสีและอุณหภูมผิ วิ ของดาวฤกษใ์ นกลุ่มดาวทเี่ ลือกไว้บนท้องฟ้าจรงิ พร้อมทัง้ ดแู ผนท่ดี าวประกอบ (ควรใช้ ไฟฉายทีห่ ุ้มดว้ ยกระดาษสแี ดงสอ่ งแผนท่ดี าวเพอ่ื ถนอมสายตา) ร่วมกันอภิปราย ลงข้อสรุป และนาเสนอผลการอภปิ รายและขอ้ สรุปของกลุ่มหนา้ ช้ันเรียน และ/หรือจดั ทาเป็น รายงาน 3) ขน้ั อธบิ ำยและลงข้อสรปุ (1) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคาถาม เชน่ สแี ละอุณหภูมผิ วิ ของดาวฤกษ์มีความสมั พันธ์กันในลักษณะใด (ดาวฤกษ์ทมี่ สี นี ้าเงิน–ขาว จะมอี ุณหภูมิผวิ สูง สว่ นดาวฤกษท์ ่มี ีสีสม้ แดงจะมีอุณหภมู ผิ วิ ต่า) เมือ่ จาแนกประเภทของดาวตามชนิดของสเปกตรัมแลว้ ดาวชนิดใดมีอุณหภมู ิผิวสูงสดุ และดาวชนดิ ใดมีอณุ หภูมิผวิ ต่าสุด (ดาวชนิด O มีอุณหภมู ผิ วิ สงู สดุ ดาวชนดิ M มอี ุณหภูมผิ ิวต่าสดุ )
ดวงอาทิตย์เปน็ ดาวฤกษส์ เี หลือง อุณหภมู ิผิวประมาณ 6,000 เคลวนิ นักเรียนคิดวา่ ดวงอาทิตยเ์ ปน็ ดาวท่ีมีอายุมาก นอ้ ย หรือปานกลาง เพราะเหตุใด (เม่ือพิจารณาจากสแี ละอุณหภูมผิ วิ ของดวงอาทิตย์แลว้ พบว่าดวงอาทติ ยเ์ ป็นดาวฤกษ์สีเหลอื งที่มีอายปุ านกลาง เพราะดาวฤกษ์ท่ีมีอายนุ ้อยหรือเพงิ่ เกดิ ใหม่จะมสี ีค่อนขา้ งไปทาง สนี า้ เงนิ เพราะยังมีอุณหภมู ิผวิ สูง แต่ถ้าอายุเริ่มมากอุณหภูมิผวิ กจ็ ะลดลง ทาใหส้ ขี องดาวฤกษ์เปลย่ี นไปจนในทสี่ ุดจะมีสี ค่อนข้างไปทางสแี ดง ดงั แสดงในตารางแสดงความสัมพนั ธข์ องประเภท สีและอณุ หภมู ผิ ิวของดาวฤกษ์) (2) ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลจากการปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยครูพจิ ารณาจากแนวคาตอบของ นักเรยี น ตัวอยา่ งแนวคาตอบ ผลการสังเกตสีของดาวฤกษ์ในกลมุ่ ดาวนายพรานพบว่า ดาวไรเจลมสี ีนา้ เงนิ ดาวเบทเทลจุ สมสี แี ดง สว่ นดาวดวงอนื่ ๆ มีสีนา้ เงนิ เช่นกนั 4) ขั้นขยำยควำมรู้ (1) ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เกย่ี วกบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์โดยใหน้ ักเรียนดูข้อมลู จากตารางในหนงั สือเรยี นประกอบ (2) ครูใหน้ ักเรียนสบื คน้ ข้อมูลอนั ดับความสว่างของดาวฤกษ์ โดยปฏิบัตติ ามขนั้ ตอนดังนี้ ทาการสบื คน้ และรวบรวมข้อมูลในหวั ข้อ “อนั ดบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์” และศกึ ษาข้อมูลจากแผนท่ีดาว เลอื กกลุ่มดาวที่จะสังเกตจากแผนท่ดี าว ตวั อย่างเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดูหนาวใหเ้ ลอื กกลุม่ ดาวนายพราน หรอื สงั เกตความสวา่ งของดวงจนั ทรใ์ นคนื เดือนเพ็ญ สังเกตความสวา่ งของดาวในกล่มุ ดาวท่ีเลอื กไว้บนท้องฟ้าจริง พรอ้ มทงั้ ดแู ผนที่ดาวประกอบ (ใช้ไฟฉายทหี่ มุ้ ด้วยกระดาษสีแดงส่องแผนท่ดี าวเพ่ือถนอมสายตา) ร่วมกนั อภิปรายลงขอ้ สรุปและนาเสนอผลการอภปิ รายและข้อสรุปของกลุ่มหน้าชน้ั เรยี น และ/หรือจัดทาเปน็ รายงาน (3) ครูใหน้ ักเรยี นสบื ค้นข้อมลู เพม่ิ เติมเกี่ยวกบั กล่มุ ดาวฤกษ์ที่น่าสนใจ เชน่ กลมุ่ ดาวจระเขห้ รอื กลมุ่ ดาวหมใี หญ่ กลุ่มดาวคา้ งคาวหรือกลมุ่ ดาวแคสสิโอเปยี กลุ่มดาวเตา่ หรือกลุ่มดาวนายพราน กล่มุ ดาวจักรราศี (4) รว่ มกนั อภิปรายลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและขอ้ สรุปของกลมุ่ หน้าช้นั เรียน และ/หรือจัดทาเป็นรายงาน 5) ขนั้ ประเมนิ (1) ครใู ห้นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวขอ้ ทีเ่ รียนมาและการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม มจี ุดใดบา้ งท่ียงั ไม่เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ ักเรยี นเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมินการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรอื อุปสรรคใด และไดม้ ีการแกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับจากการปฏบิ ัติกิจกรรม และการนาความรทู้ ี่ได้ไป ใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยการให้ตอบคาถาม เช่น ดาวฤกษแ์ ตล่ ะดวงมีความแตกต่างกันในดา้ นใดบ้าง อนั ดับความสว่างมีความสมั พันธก์ บั ความสว่างของดวงดาวลักษณะใด เพราะเหตุใดเราจงึ มองเหน็ ดาวฤกษ์สีตา่ ง ๆ เราสามารถใช้วธิ ีแพรลั แล็กซ์หาระยะห่างระหวา่ งโลกกับดาวฤกษ์ทุกดวงไดห้ รอื ไม่ เพราะอะไร เนบวิ ลาคอื อะไร และเกย่ี วข้องกบั ดาวฤกษ์ในเรือ่ งใด ขั้นสรปุ 1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกับสีและอุณหภมู ิ ความสวา่ ง และระยะหา่ งระหว่างดาวฤกษ์ โดยรว่ มกนั เขยี นเป็น แผนท่คี วามคิดหรือผงั มโนทัศน์ 2. ครูดาเนนิ การทดสอบหลงั เรยี น โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพ่ือวดั ความก้าวหนา้ /ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5. สื่อกำรเรียนรู้ 1.ใบงาน เร่ือง กาเนิดดาวฤกษ์ 2.ใบงาน เรื่อง ววิ ฒั นาการดาวฤกษ์ 3.ใบงาน เร่อื ง ความสว่างของดาวฤกษ์ 4.ใบงาน เร่ือง สแี ละอุณหภูมิของดาวฤกษ์ 5.ใบงาน เรือ่ ง จดุ จบของดาวฤกษ์ 6. สังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 40 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เวลา 8 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 6 ดาวฤกษ์ เวลา 1 ชั่วโมง เรือ่ ง สี และอุณหภูมผิ วิ ของดาวฤกษ์ ภาคเรียนที่ 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ช้นั ........... โรงเรยี นบ้านพณิ โท ครูผ้สู อน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.1 : เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างพลังงานกบั การดารงชีวิต การเปลย่ี นรูปพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์ ระหวา่ งสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลงั งานต่อชีวติ และสิง่ แวดล้อม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่อื สารที่เรยี นรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 1.สำระสำคญั ดาวฤกษ์เกิดจากกลมุ่ แก๊สไฮโดรเจน ขนาดใหญท่ ่เี รยี กว่า เนบวิ ลา ยบุ ตัวลงชา้ ๆ ด้วยแรงโน้มถ่วงจากศนู ย์กลาง จงึ เร่มิ ต้นนับอายุของกลมุ่ แกส๊ นี้ว่า ดาวฤกษ์ สขี องดาวฤกษ์จะขน้ึ อยูก่ ับอณุ หภูมทิ ่ีผิว มวลของดาว จะเป็นตวั กาหนดอายุของ ดาว เมือ่ ดาวฤกษใ์ กลด้ บั จะกลายเป็นดาวยักษ์แดง ก่อนจะถงึ วาระสดุ ท้าย หรือหลมุ ดา ขน้ึ อยู่กับขนาดมวลใจกลางของดาว ฤกษ์นั้นๆ 2.ตัวชี้วัด / จุดประสงค์กำรเรียนรู้ อธบิ ายลกั ษณะสแี ละอุณหภมู ิ ความสวา่ ง และระยะหา่ งของดาวฤกษ์ได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ ดาวฤกษ์ เปน็ ก้อนแก๊สร้อนขนาดใหญ่กาเนดิ มาจากเนบวิ ลาทม่ี ีองค์ประกอบสว่ นใหญเ่ ป็นธาตุไฮโดรเจน ที่แกน่ กลางของดาวฤกษ์จะเกดิ ปฏกิ ิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ หลอมนิวเคลยี สของไฮโดรเจนเปน็ นิวเคลยี สของฮีเลยี ม ได้พลังงาน ออกมา อันดบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์ทส่ี งั เกตเห็นไดม้ าจากความสวา่ งปรากฏที่ขึ้นอยู่กับความสวา่ งจรงิ และระยะหา่ ง จากโลก สขี องดาวฤกษ์มีความสัมพนั ธก์ ับอณุ หภมู ิผวิ ของดาวฤกษแ์ ละอายุของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์มอี ายุยาวหรือส้ัน มีจดุ จบเป็นหลุมดา หรอื ดาวนิวตรอน หรอื ดาวแคระขาว ข้ึนอย่กู บั มวลของดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครูนาสนทนากบั นักเรียนวา่ เคยสังเกตดวงดาวบนท้องฟ้าหรือไม่ ดาวแตล่ ะดวงบนท้องฟ้ามีความสว่างเทา่ กนั หรอื ไม่ เพราะอะไร 2. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จดั การเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังน้ี 1) ขั้นสรำ้ งควำมสนใจ (1) ครใู ห้นักเรียนดูภาพ สื่อมัลติมเี ดยี หรือ CD-Rom เกี่ยวกบั ดาวบนทอ้ งฟา้ (2) ครูตั้งประเด็นคาถามจากส่งิ ทนี่ ักเรยี นดู เชน่
ดาวฤกษบ์ นท้องฟ้ามีสิ่งใดบ้างท่ีเหมือนหรอื แตกต่างกนั นอกจากดวงอาทิตย์แล้ว ดาวฤกษ์ดวงใดทีม่ ีความสวา่ งมากทสี่ ุด ดาวฤกษ์แตล่ ะดวงมีสเี หมือนกนั หรือไม่ ลกั ษณะใด ถ้านกั เรยี นอยู่คนละสถานท่ีกันจะมองเห็นดาวฤกษ์แตล่ ะดวงได้สว่างเท่ากันหรือไม่ เพราะอะไร (3) นักเรียนชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยงั ไม่เน้นคาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและค้นหำ (1) ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกลุม่ เป็น 4 กลุม่ เท่า ๆ กนั ศึกษาและสบื คน้ ข้อมูลเก่ียวกบั ดาวฤกษ์ ในประเดน็ ต่อไปนี้ สแี ละอุณหภูมขิ องดาวฤกษ์ ความสว่างของดาวฤกษ์ ระยะหา่ งของดาวฤกษ์ เนบวิ ลาแหลง่ กาเนดิ ของดาวฤกษ์ (2) นักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายผลการสืบค้นข้อมูล ครตู รวจสอบความเขา้ ใจโดยการถามคาถามในหวั ข้อ ทีก่ าหนดให้ศกึ ษา โดยเรยี กหมายเลขประจาตวั ของนักเรยี นคนใดคนหนง่ึ ตอบ นกั เรยี นกลุ่มใดที่ตอบคาถามได้ถกู ต้องมาก ทีส่ ดุ จะได้รับรางวัลจากครู (3) นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ปฏบิ ัติกิจกรรมสืบคน้ ข้อมลู สขี องดาวฤกษ์ ตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ ดงั นี้ ทาการสืบค้นและรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “สีและอุณหภมู ิผวิ ของดาวฤกษ์” และศึกษาข้อมูลจากแผนทีด่ าว เลอื กกลมุ่ ดาวที่จะสังเกตจากแผนท่ดี าว ตวั อย่างเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดหู นาวให้เลอื กกลุ่มดาวนายพราน สังเกตสแี ละอุณหภมู ิผวิ ของดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวทเ่ี ลือกไว้บนท้องฟ้าจริง พร้อมทั้งดูแผนทด่ี าวประกอบ (ควรใช้ ไฟฉายที่หมุ้ ดว้ ยกระดาษสแี ดงสอ่ งแผนที่ดาวเพือ่ ถนอมสายตา) ร่วมกันอภปิ ราย ลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและข้อสรปุ ของกลุ่มหนา้ ชัน้ เรียน และ/หรอื จดั ทาเป็น รายงาน 3) ขน้ั อธบิ ำยและลงข้อสรุป (1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ สีและอณุ หภมู ผิ วิ ของดาวฤกษม์ ีความสมั พันธก์ นั ในลกั ษณะใด (ดาวฤกษ์ทีม่ สี นี ้าเงิน–ขาว จะมีอุณหภมู ิผิวสูง ส่วนดาวฤกษท์ มี่ สี สี ม้ แดงจะมีอุณหภมู ผิ วิ ต่า) เม่อื จาแนกประเภทของดาวตามชนดิ ของสเปกตรัมแล้ว ดาวชนดิ ใดมีอุณหภมู ิผิวสงู สุด และดาวชนิดใดมีอณุ หภูมิผิวต่าสุด (ดาวชนิด O มีอุณหภมู ิผวิ สูงสุด ดาวชนดิ M มอี ุณหภูมผิ วิ ตา่ สุด) ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษส์ ีเหลือง อุณหภูมิผวิ ประมาณ 6,000 เคลวนิ นักเรียนคดิ วา่ ดวงอาทติ ย์เปน็ ดาวท่มี ีอายมุ าก น้อย หรอื ปานกลาง เพราะเหตุใด (เม่ือพจิ ารณาจากสแี ละอุณหภมู ิผวิ ของดวงอาทติ ย์แล้ว พบวา่ ดวงอาทิตย์เปน็ ดาวฤกษ์สเี หลืองทม่ี ีอายุปานกลาง เพราะดาวฤกษ์ทีม่ ีอายุน้อยหรือเพ่ิงเกดิ ใหมจ่ ะมีสคี ่อนขา้ งไปทาง
สีน้าเงินเพราะยังมีอุณหภมู ิผิวสงู แตถ่ ้าอายุเริ่มมากอุณหภูมิผิวกจ็ ะลดลง ทาใหส้ ขี องดาวฤกษเ์ ปล่ียนไปจนในท่สี ดุ จะมีสี ค่อนข้างไปทางสแี ดง ดงั แสดงในตารางแสดงความสมั พันธ์ของประเภท สีและอณุ หภมู ิผิวของดาวฤกษ)์ (2) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายและสรุปผลจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูพจิ ารณาจากแนวคาตอบของ นกั เรยี น ตวั อย่างแนวคาตอบ ผลการสังเกตสขี องดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวนายพรานพบว่า ดาวไรเจลมีสนี า้ เงิน ดาวเบทเทลจุ สมีสีแดง สว่ นดาวดวงอน่ื ๆ มีสีนา้ เงินเช่นกนั 4) ขน้ั ขยำยควำมรู้ (1) ครูอธบิ ายเพิ่มเติมเกี่ยวกบั ความสว่างของดาวฤกษโ์ ดยใหน้ กั เรียนดขู ้อมลู จากตารางในหนงั สอื เรียนประกอบ (2) ครูใหน้ ักเรียนสบื ค้นข้อมูลอนั ดบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์ โดยปฏิบัตติ ามข้ันตอนดังน้ี ทาการสบื คน้ และรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “อันดับความสว่างของดาวฤกษ์” และศกึ ษาข้อมูลจากแผนที่ดาว เลอื กกลมุ่ ดาวที่จะสงั เกตจากแผนท่ีดาว ตัวอย่างเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดหู นาวให้เลือกกลุ่มดาวนายพราน หรอื สงั เกตความสวา่ งของดวงจนั ทร์ในคนื เดือนเพ็ญ สงั เกตความสว่างของดาวในกลุ่มดาวทีเ่ ลอื กไวบ้ นท้องฟ้าจริง พรอ้ มทั้งดแู ผนท่ดี าวประกอบ (ใช้ไฟฉายทห่ี ้มุ ด้วยกระดาษสีแดงส่องแผนที่ดาวเพ่ือถนอมสายตา) ร่วมกนั อภิปรายลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและข้อสรปุ ของกลมุ่ หน้าชั้น เรียน และ/หรือจดั ทาเป็นรายงาน (3) ครูให้นักเรยี นสืบคน้ ข้อมลู เพ่ิมเติมเกยี่ วกับกล่มุ ดาวฤกษ์ท่ีน่าสนใจ เชน่ กลมุ่ ดาวจระเขห้ รอื กล่มุ ดาวหมใี หญ่ กลุม่ ดาวค้างคาวหรือกล่มุ ดาวแคสสิโอเปีย กลุ่มดาวเตา่ หรือกลุ่มดาวนายพราน กลมุ่ ดาวจักรราศี (4) ร่วมกันอภปิ รายลงข้อสรุปและนาเสนอผลการอภปิ รายและขอ้ สรุปของกลมุ่ หนา้ ช้นั เรียน และ/หรือจัดทาเปน็ รายงาน 5) ข้ันประเมนิ (1) ครใู หน้ ักเรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ทเ่ี รียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มจี ดุ ใดบ้างทีย่ ังไม่เข้าใจหรือ ยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมให้นักเรียนเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใด และได้มีการแกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับประโยชน์ทไ่ี ด้รบั จากการปฏบิ ัติกจิ กรรม และการนาความร้ทู ่ีได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการให้ตอบคาถาม เช่น ดาวฤกษแ์ ต่ละดวงมคี วามแตกตา่ งกันในด้านใดบา้ ง อนั ดบั ความสวา่ งมีความสมั พนั ธ์กับความสวา่ งของดวงดาวลักษณะใด
เพราะเหตุใดเราจงึ มองเห็นดาวฤกษส์ ีต่าง ๆ เราสามารถใชว้ ิธแี พรัลแลก็ ซ์หาระยะหา่ งระหว่างโลกกับดาวฤกษ์ทกุ ดวงได้หรือไม่ เพราะอะไร เนบวิ ลาคอื อะไร และเก่ยี วข้องกับดาวฤกษ์ในเรอ่ื งใด ข้ันสรุป 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปเกีย่ วกับสีและอุณหภูมิ ความสว่าง และระยะห่างระหว่างดาวฤกษ์ โดยรว่ มกันเขียนเป็น แผนท่ีความคิดหรือผังมโนทัศน์ 2. ครูดาเนินการทดสอบหลังเรยี น โดยให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพื่อวัดความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เร่ือง กาเนิดดาวฤกษ์ 2.ใบงาน เร่อื ง ววิ ัฒนาการดาวฤกษ์ 3.ใบงาน เรอ่ื ง ความสว่างของดาวฤกษ์ 4.ใบงาน เรื่อง สแี ละอุณหภูมขิ องดาวฤกษ์ 5.ใบงาน เรอื่ ง จดุ จบของดาวฤกษ์ 6. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ 41 ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4-6 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เวลา 8 ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 ดาวฤกษ์ เวลา 1 ชั่วโมง เร่ือง ระยะห่างของดาวฤกษ์ ภาคเรียนท่ี 2/2558 สอนวันที่………เดอื น………………………พ.ศ…………ชั้น........... โรงเรยี นบา้ นพิณโท ครูผูส้ อน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งพลังงานกับการดารงชีวติ การเปล่ียนรูปพลงั งาน ปฏิสมั พันธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลงั งานต่อชวี ติ และสิ่งแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่อื สารท่ีเรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคญั ดาวฤกษ์เกดิ จากกลมุ่ แกส๊ ไฮโดรเจน ขนาดใหญ่ทเ่ี รยี กวา่ เนบิวลา ยุบตวั ลงช้า ๆ ด้วยแรงโนม้ ถว่ งจากศนู ย์กลาง จงึ เร่ิมต้นนับอายุของกลุ่มแก๊สนี้วา่ ดาวฤกษ์ สขี องดาวฤกษ์จะขึน้ อยกู่ ับอุณหภมู ิทผ่ี วิ มวลของดาว จะเปน็ ตัวกาหนดอายขุ อง ดาว เมอ่ื ดาวฤกษ์ใกล้ดับ จะกลายเป็นดาวยักษ์แดง กอ่ นจะถงึ วาระสุดท้าย หรือหลมุ ดา ขึน้ อยกู่ บั ขนาดมวลใจกลางของดาว ฤกษน์ นั้ ๆ 2.ตวั ชี้วัด / จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ อธิบายลกั ษณะสแี ละอุณหภมู ิ ความสวา่ ง และระยะห่างของดาวฤกษ์ได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ ดาวฤกษ์ เปน็ กอ้ นแก๊สรอ้ นขนาดใหญก่ าเนดิ มาจากเนบวิ ลาที่มอี งค์ประกอบสว่ นใหญเ่ ป็นธาตไุ ฮโดรเจน ท่แี กน่ กลางของดาวฤกษจ์ ะเกิดปฏกิ ิรยิ าเทอรโ์ มนิวเคลียร์ หลอมนิวเคลียสของไฮโดรเจนเปน็ นิวเคลยี สของฮเี ลยี ม ได้พลังงาน ออกมา อนั ดบั ความสว่างของดาวฤกษ์ที่สงั เกตเห็นไดม้ าจากความสวา่ งปรากฏที่ข้ึนอยู่กับความสวา่ งจริงและระยะหา่ ง จากโลก สีของดาวฤกษ์มคี วามสัมพนั ธ์กบั อณุ หภมู ิผิวของดาวฤกษ์และอายุของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์มอี ายยุ าวหรือส้ัน มีจุดจบเปน็ หลมุ ดา หรอื ดาวนิวตรอน หรอื ดาวแคระขาว ข้ึนอย่กู ับมวลของดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจดั กำรเรียนรู้ 1. ครนู าสนทนากับนักเรยี นวา่ เคยสังเกตดวงดาวบนท้องฟ้าหรอื ไม่ ดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้ามีความสว่างเทา่ กนั หรอื ไม่ เพราะอะไร 2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรียน จดั การเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซ่งึ มีขั้นตอนดงั นี้ 1) ขน้ั สร้ำงควำมสนใจ (1) ครใู หน้ ักเรียนดภู าพ สื่อมัลติมีเดยี หรือ CD-Rom เกย่ี วกบั ดาวบนทอ้ งฟา้ (2) ครูตัง้ ประเด็นคาถามจากสง่ิ ที่นกั เรยี นดู เชน่
ดาวฤกษบ์ นท้องฟ้ามีสิ่งใดบ้างท่ีเหมือนหรอื แตกตา่ งกนั นอกจากดวงอาทิตย์แล้ว ดาวฤกษ์ดวงใดทีม่ ีความสวา่ งมากท่สี ุด ดาวฤกษ์แตล่ ะดวงมีสเี หมือนกนั หรือไม่ ลักษณะใด ถ้านกั เรยี นอยู่คนละสถานท่ีกันจะมองเหน็ ดาวฤกษ์แตล่ ะดวงไดส้ ว่างเท่ากันหรือไม่ เพราะอะไร (3) นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยงั ไม่เน้นคาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและค้นหำ (1) ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกลุม่ เป็น 4 กลุ่มเท่า ๆ กนั ศึกษาและสบื คน้ ข้อมลู เก่ียวกบั ดาวฤกษ์ ในประเดน็ ต่อไปน้ี สแี ละอุณหภูมขิ องดาวฤกษ์ ความสว่างของดาวฤกษ์ ระยะหา่ งของดาวฤกษ์ เนบวิ ลาแหลง่ กาเนดิ ของดาวฤกษ์ (2) นักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายผลการสืบค้นข้อมลู ครตู รวจสอบความเขา้ ใจโดยการถามคาถามในหัวข้อ ทีก่ าหนดให้ศกึ ษา โดยเรยี กหมายเลขประจาตวั ของนักเรยี นคนใดคนหนึง่ ตอบ นกั เรยี นกลุ่มใดที่ตอบคาถามได้ถูกต้องมาก ทีส่ ดุ จะได้รับรางวัลจากครู (3) นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ปฏบิ ัติกิจกรรมสบื ค้นข้อมลู สขี องดาวฤกษ์ ตามข้นั ตอนที่ได้วางแผนไว้ ดังนี้ ทาการสืบค้นและรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “สีและอุณหภมู ิผวิ ของดาวฤกษ์” และศึกษาข้อมูลจากแผนท่ดี าว เลอื กกลมุ่ ดาวที่จะสังเกตจากแผนท่ดี าว ตวั อย่างเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดหู นาวให้เลอื กกลมุ่ ดาวนายพราน สังเกตสแี ละอุณหภมู ิผวิ ของดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวทเ่ี ลือกไว้บนทอ้ งฟ้าจริง พร้อมทัง้ ดแู ผนทด่ี าวประกอบ (ควรใช้ ไฟฉายที่หมุ้ ดว้ ยกระดาษสแี ดงสอ่ งแผนที่ดาวเพื่อถนอมสายตา) ร่วมกันอภปิ ราย ลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและขอ้ สรปุ ของกลุ่มหนา้ ชัน้ เรียน และ/หรอื จดั ทาเปน็ รายงาน 3) ขน้ั อธบิ ำยและลงข้อสรุป (1) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ สีและอณุ หภมู ผิ วิ ของดาวฤกษม์ ีความสัมพันธก์ นั ในลกั ษณะใด (ดาวฤกษ์ทีม่ ีสนี ้าเงิน–ขาว จะมีอุณหภูมิผิวสงู ส่วนดาวฤกษท์ มี่ สี สี ม้ แดงจะมีอุณหภมู ผิ วิ ต่า) เม่อื จาแนกประเภทของดาวตามชนดิ ของสเปกตรัมแล้ว ดาวชนดิ ใดมีอุณหภมู ิผิวสูงสดุ และดาวชนิดใดมีอณุ หภูมิผิวต่าสุด (ดาวชนิด O มอี ุณหภมู ิผวิ สูงสุด ดาวชนดิ M มอี ุณหภูมผิ วิ ตา่ สุด) ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษส์ ีเหลือง อุณหภมู ิผวิ ประมาณ 6,000 เคลวนิ นักเรยี นคดิ วา่ ดวงอาทติ ย์เปน็ ดาวท่มี ีอายมุ าก น้อย หรอื ปานกลาง เพราะเหตุใด (เม่ือพจิ ารณาจากสแี ละอุณหภมู ิผวิ ของดวงอาทติ ย์แลว้ พบวา่ ดวงอาทิตย์เปน็ ดาวฤกษ์สเี หลืองทม่ี ีอายุปานกลาง เพราะดาวฤกษ์ทีม่ ีอายุน้อยหรือเพิง่ เกดิ ใหมจ่ ะมีสคี ่อนขา้ งไปทาง
สีน้าเงินเพราะยังมีอุณหภมู ิผิวสงู แตถ่ ้าอายุเริ่มมากอุณหภูมิผิวกจ็ ะลดลง ทาให้สีของดาวฤกษเ์ ปลยี่ นไปจนในท่สี ดุ จะมีสี ค่อนข้างไปทางสแี ดง ดงั แสดงในตารางแสดงความสมั พันธ์ของประเภท สีและอณุ หภมู ิผิวของดาวฤกษ)์ (2) ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายและสรุปผลจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูพจิ ารณาจากแนวคาตอบของ นกั เรยี น ตวั อย่างแนวคาตอบ ผลการสังเกตสขี องดาวฤกษ์ในกลุม่ ดาวนายพรานพบว่า ดาวไรเจลมีสนี า้ เงิน ดาวเบทเทลจุ สมีสีแดง สว่ นดาวดวงอน่ื ๆ มีสีนา้ เงินเช่นกนั 4) ขน้ั ขยำยควำมรู้ (1) ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เกยี่ วกับความสว่างของดาวฤกษโ์ ดยใหน้ กั เรยี นดูข้อมลู จากตารางในหนงั สอื เรียนประกอบ (2) ครูใหน้ ักเรียนสบื คน้ ข้อมูลอนั ดบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์ โดยปฏิบัตติ ามข้ันตอนดังน้ี ทาการสบื คน้ และรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “อันดับความสว่างของดาวฤกษ์” และศกึ ษาข้อมูลจากแผนท่ีดาว เลอื กกลมุ่ ดาวที่จะสงั เกตจากแผนท่ีดาว ตวั อย่างเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดหู นาวให้เลือกกลมุ่ ดาวนายพราน หรอื สังเกตความสวา่ งของดวงจันทรใ์ นคืนเดือนเพ็ญ สงั เกตความสว่างของดาวในกลุ่มดาวทีเ่ ลอื กไวบ้ นท้องฟ้าจรงิ พรอ้ มทง้ั ดูแผนท่ดี าวประกอบ (ใช้ไฟฉายทห่ี ้มุ ด้วยกระดาษสีแดงสอ่ งแผนท่ีดาวเพ่ือถนอมสายตา) ร่วมกนั อภิปรายลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและข้อสรปุ ของกล่มุ หน้าช้ัน เรียน และ/หรือจดั ทาเป็นรายงาน (3) ครูให้นักเรยี นสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเกยี่ วกบั กล่มุ ดาวฤกษ์ที่น่าสนใจ เชน่ กลมุ่ ดาวจระเขห้ รือกลุม่ ดาวหมใี หญ่ กลุม่ ดาวค้างคาวหรอื กลุ่มดาวแคสสิโอเปยี กลุ่มดาวเตา่ หรอื กลมุ่ ดาวนายพราน กลมุ่ ดาวจักรราศี (4) ร่วมกันอภปิ รายลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและข้อสรุปของกลมุ่ หนา้ ช้นั เรยี น และ/หรือจัดทาเปน็ รายงาน 5) ข้ันประเมนิ (1) ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหัวขอ้ ทเ่ี รยี นมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรม มจี ดุ ใดบ้างทีย่ ังไม่เข้าใจหรือ ยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่มิ เติมให้นักเรียนเขา้ ใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการปฏบิ ัติกจิ กรรม และการนาความรทู้ ี่ได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการให้ตอบคาถาม เช่น ดาวฤกษแ์ ต่ละดวงมคี วามแตกตา่ งกันในดา้ นใดบา้ ง อนั ดบั ความสวา่ งมีความสมั พันธ์กับความสว่างของดวงดาวลักษณะใด
เพราะเหตุใดเราจงึ มองเห็นดาวฤกษส์ ีต่าง ๆ เราสามารถใชว้ ิธแี พรัลแลก็ ซ์หาระยะหา่ งระหว่างโลกกับดาวฤกษ์ทกุ ดวงได้หรือไม่ เพราะอะไร เนบวิ ลาคอื อะไร และเกย่ี วข้องกับดาวฤกษ์ในเรอ่ื งใด ข้ันสรุป 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปเกีย่ วกับสีและอุณหภูมิ ความสว่าง และระยะห่างระหว่างดาวฤกษ์ โดยรว่ มกันเขียนเป็น แผนท่ีความคิดหรือผังมโนทัศน์ 2. ครูดาเนินการทดสอบหลังเรยี น โดยให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพื่อวัดความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เร่ือง กาเนิดดาวฤกษ์ 2.ใบงาน เร่อื ง ววิ ัฒนาการดาวฤกษ์ 3.ใบงาน เรอ่ื ง ความสว่างของดาวฤกษ์ 4.ใบงาน เรื่อง สแี ละอุณหภูมขิ องดาวฤกษ์ 5.ใบงาน เรอื่ ง จดุ จบของดาวฤกษ์ 6. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 42 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4-6 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เวลา 8 ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 6 ดาวฤกษ์ เวลา 1 ช่ัวโมง เรอื่ ง เนบวิ ลา แหล่งกาเนดิ ดาวฤกษ์ ภาคเรยี นที่ 2/2558 สอนวันท่ี………เดอื น………………………พ.ศ…………ช้นั ........... โรงเรียนบา้ นพณิ โท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.1 : เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งพลังงานกบั การดารงชวี ิต การเปล่ียนรปู พลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวติ และสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สอื่ สารทีเ่ รยี นรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคัญ ดาวฤกษ์เกิดจากกลุ่มแก๊สไฮโดรเจน ขนาดใหญท่ ่เี รยี กว่า เนบวิ ลา ยุบตวั ลงช้า ๆ ด้วยแรงโน้มถ่วงจากศูนย์กลาง จึง เริ่มตน้ นับอายุของกล่มุ แกส๊ นี้ว่า ดาวฤกษ์ สีของดาวฤกษ์จะขึน้ อยูก่ บั อุณหภมู ทิ ่ีผวิ มวลของดาว จะเป็นตวั กาหนดอายขุ อง ดาว เม่ือดาวฤกษใ์ กลด้ บั จะกลายเป็นดาวยกั ษ์แดง ก่อนจะถงึ วาระสดุ ท้าย หรือหลมุ ดา ขึน้ อยกู่ ับขนาดมวลใจกลางของดาว ฤกษน์ ้ันๆ 2.ตวั ชี้วดั / จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ อธบิ ายลักษณะสีและอุณหภมู ิ ความสว่าง และระยะหา่ งของดาวฤกษ์ได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ ดาวฤกษ์ เปน็ ก้อนแก๊สร้อนขนาดใหญก่ าเนดิ มาจากเนบวิ ลาท่มี อี งค์ประกอบส่วนใหญเ่ ป็นธาตไุ ฮโดรเจน ที่แกน่ กลางของดาวฤกษจ์ ะเกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนวิ เคลียร์ หลอมนิวเคลยี สของไฮโดรเจนเป็นนิวเคลยี สของฮเี ลียม ได้พลังงาน ออกมา อันดบั ความสว่างของดาวฤกษ์ท่สี งั เกตเห็นไดม้ าจากความสว่างปรากฏที่ข้นึ อยู่กับความสวา่ งจรงิ และระยะหา่ ง จากโลก สขี องดาวฤกษ์มีความสมั พนั ธ์กบั อณุ หภมู ิผวิ ของดาวฤกษแ์ ละอายุของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์มอี ายยุ าวหรือสนั้ มจี ดุ จบเปน็ หลุมดา หรอื ดาวนิวตรอน หรอื ดาวแคระขาว ข้ึนอยู่กับมวลของดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครนู าสนทนากับนักเรยี นวา่ เคยสังเกตดวงดาวบนท้องฟ้าหรือไม่ ดาวแต่ละดวงบนท้องฟา้ มีความสว่างเทา่ กนั หรือไม่ เพราะอะไร 2. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จัดการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดงั นี้ 1) ข้นั สรำ้ งควำมสนใจ (1) ครูใหน้ ักเรียนดูภาพ ส่ือมัลตมิ เี ดียหรือ CD-Rom เกย่ี วกบั ดาวบนทอ้ งฟา้ (2) ครตู ้งั ประเด็นคาถามจากส่ิงทีน่ กั เรยี นดู เชน่
ดาวฤกษบ์ นท้องฟ้ามีสิง่ ใดบา้ งท่ีเหมือนหรอื แตกตา่ งกนั นอกจากดวงอาทิตย์แล้ว ดาวฤกษ์ดวงใดทีม่ ีความสวา่ งมากทสี่ ุด ดาวฤกษ์แตล่ ะดวงมีสีเหมือนกนั หรือไม่ ลกั ษณะใด ถ้านกั เรียนอยู่คนละสถานที่กนั จะมองเห็นดาวฤกษ์แตล่ ะดวงไดส้ ว่างเท่ากันหรือไม่ เพราะอะไร (3) นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยงั ไม่เนน้ คาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและค้นหำ (1) ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุม่ เท่า ๆ กนั ศึกษาและสบื คน้ ข้อมูลเก่ียวกบั ดาวฤกษ์ ในประเดน็ ต่อไปนี้ สแี ละอุณหภมู ขิ องดาวฤกษ์ ความสว่างของดาวฤกษ์ ระยะหา่ งของดาวฤกษ์ เนบวิ ลาแหลง่ กาเนดิ ของดาวฤกษ์ (2) นักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายผลการสืบค้นข้อมลู ครตู รวจสอบความเขา้ ใจโดยการถามคาถามในหวั ข้อ ทีก่ าหนดให้ศกึ ษา โดยเรียกหมายเลขประจาตวั ของนักเรยี นคนใดคนหนง่ึ ตอบ นกั เรยี นกลุ่มใดที่ตอบคาถามได้ถูกต้องมาก ทีส่ ดุ จะได้รับรางวัลจากครู (3) นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ปฏบิ ัติกิจกรรมสืบคน้ ข้อมลู สขี องดาวฤกษ์ ตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ ดังนี้ ทาการสืบค้นและรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “สีและอุณหภมู ิผวิ ของดาวฤกษ์” และศึกษาข้อมูลจากแผนทีด่ าว เลอื กกลมุ่ ดาวที่จะสังเกตจากแผนท่ดี าว ตวั อย่างเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดหู นาวให้เลอื กกลุ่มดาวนายพราน สังเกตสแี ละอุณหภมู ิผวิ ของดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวทเ่ี ลือกไว้บนท้องฟ้าจริง พร้อมทั้งดแู ผนทด่ี าวประกอบ (ควรใช้ ไฟฉายที่หมุ้ ดว้ ยกระดาษสแี ดงส่องแผนท่ดี าวเพือ่ ถนอมสายตา) ร่วมกันอภปิ ราย ลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและข้อสรุปของกลุ่มหนา้ ชัน้ เรียน และ/หรอื จดั ทาเป็น รายงาน 3) ขน้ั อธบิ ำยและลงข้อสรุป (1) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ สีและอณุ หภูมิผวิ ของดาวฤกษ์มีความสมั พันธก์ นั ในลกั ษณะใด (ดาวฤกษ์ทีม่ สี นี ้าเงิน–ขาว จะมีอุณหภูมิผิวสูง ส่วนดาวฤกษท์ มี่ สี สี ม้ แดงจะมีอุณหภมู ผิ ิวต่า) เม่อื จาแนกประเภทของดาวตามชนดิ ของสเปกตรัมแล้ว ดาวชนดิ ใดมีอุณหภมู ิผิวสูงสดุ และดาวชนิดใดมีอณุ หภูมิผิวต่าสุด (ดาวชนิด O มีอุณหภมู ิผวิ สูงสุด ดาวชนดิ M มอี ุณหภูมผิ วิ ตา่ สุด) ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษส์ ีเหลือง อุณหภูมิผวิ ประมาณ 6,000 เคลวิน นักเรียนคดิ วา่ ดวงอาทติ ย์เปน็ ดาวท่มี ีอายมุ าก นอ้ ย หรือปานกลาง เพราะเหตุใด (เม่ือพจิ ารณาจากสแี ละอุณหภมู ิผวิ ของดวงอาทติ ย์แล้ว พบวา่ ดวงอาทิตย์เปน็ ดาวฤกษ์สเี หลอื งท่มี ีอายุปานกลาง เพราะดาวฤกษ์ทีม่ ีอายุน้อยหรือเพ่ิงเกดิ ใหมจ่ ะมีสคี ่อนขา้ งไปทาง
สีน้าเงินเพราะยังมีอุณหภมู ิผิวสงู แตถ่ ้าอายุเริ่มมากอุณหภูมิผิวกจ็ ะลดลง ทาใหส้ ขี องดาวฤกษ์เปลยี่ นไปจนในท่สี ดุ จะมีสี ค่อนข้างไปทางสแี ดง ดงั แสดงในตารางแสดงความสมั พันธ์ของประเภท สีและอณุ หภมู ิผิวของดาวฤกษ)์ (2) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายและสรุปผลจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูพจิ ารณาจากแนวคาตอบของ นกั เรยี น ตวั อย่างแนวคาตอบ ผลการสังเกตสขี องดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวนายพรานพบว่า ดาวไรเจลมีสีนา้ เงิน ดาวเบทเทลจุ สมีสีแดง สว่ นดาวดวงอน่ื ๆ มีสีนา้ เงินเช่นกนั 4) ขน้ั ขยำยควำมรู้ (1) ครูอธบิ ายเพิ่มเติมเกี่ยวกบั ความสว่างของดาวฤกษโ์ ดยใหน้ กั เรยี นดูข้อมลู จากตารางในหนงั สอื เรียนประกอบ (2) ครูใหน้ ักเรียนสบื ค้นข้อมูลอนั ดบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์ โดยปฏิบัตติ ามขนั้ ตอนดงั นี้ ทาการสบื คน้ และรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “อันดับความสว่างของดาวฤกษ์” และศกึ ษาข้อมูลจากแผนท่ีดาว เลอื กกลมุ่ ดาวที่จะสงั เกตจากแผนท่ีดาว ตัวอย่างเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดหู นาวให้เลือกกลมุ่ ดาวนายพราน หรอื สงั เกตความสวา่ งของดวงจนั ทรใ์ นคนื เดือนเพ็ญ สงั เกตความสว่างของดาวในกลุ่มดาวทีเ่ ลอื กไวบ้ นท้องฟ้าจริง พรอ้ มทั้งดูแผนท่ีดาวประกอบ (ใช้ไฟฉายทห่ี ้มุ ด้วยกระดาษสีแดงส่องแผนท่ีดาวเพ่ือถนอมสายตา) ร่วมกนั อภิปรายลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและข้อสรปุ ของกลมุ่ หน้าชัน้ เรียน และ/หรือจดั ทาเป็นรายงาน (3) ครูให้นักเรยี นสืบคน้ ข้อมลู เพ่ิมเติมเกยี่ วกับกล่มุ ดาวฤกษ์ที่น่าสนใจ เช่น กลมุ่ ดาวจระเขห้ รอื กล่มุ ดาวหมใี หญ่ กลุม่ ดาวค้างคาวหรือกล่มุ ดาวแคสสิโอเปีย กลุ่มดาวเตา่ หรอื กลุ่มดาวนายพราน กลมุ่ ดาวจักรราศี (4) ร่วมกันอภปิ รายลงข้อสรุปและนาเสนอผลการอภิปรายและข้อสรุปของกลมุ่ หนา้ ช้นั เรียน และ/หรือจัดทาเปน็ รายงาน 5) ข้ันประเมนิ (1) ครใู หน้ ักเรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ทเ่ี รียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างทีย่ ังไม่เข้าใจหรือ ยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมให้นักเรียนเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการปฏบิ ัติกิจกรรม และการนาความรทู้ ี่ได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการให้ตอบคาถาม เช่น ดาวฤกษแ์ ต่ละดวงมคี วามแตกตา่ งกันในด้านใดบา้ ง อนั ดบั ความสวา่ งมีความสมั พนั ธ์กับความสวา่ งของดวงดาวลักษณะใด
เพราะเหตุใดเราจงึ มองเห็นดาวฤกษส์ ีต่าง ๆ เราสามารถใชว้ ิธแี พรัลแลก็ ซ์หาระยะหา่ งระหว่างโลกกับดาวฤกษ์ทกุ ดวงได้หรือไม่ เพราะอะไร เนบวิ ลาคอื อะไร และเกย่ี วข้องกับดาวฤกษ์ในเรอ่ื งใด ข้ันสรุป 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปเกย่ี วกับสีและอุณหภูมิ ความสว่าง และระยะห่างระหว่างดาวฤกษ์ โดยรว่ มกันเขียนเป็น แผนท่ีความคิดหรือผังมโนทัศน์ 2. ครูดาเนินการทดสอบหลังเรยี น โดยให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพื่อวัดความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เร่ือง กาเนิดดาวฤกษ์ 2.ใบงาน เร่อื ง ววิ ัฒนาการดาวฤกษ์ 3.ใบงาน เรอ่ื ง ความสว่างของดาวฤกษ์ 4.ใบงาน เรื่อง สแี ละอุณหภูมขิ องดาวฤกษ์ 5.ใบงาน เรอื่ ง จดุ จบของดาวฤกษ์ 6. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ 43 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4-6 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เวลา 8 ช่วั โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 ดาวฤกษ์ เวลา 1 ช่ัวโมง เร่อื ง ระบบดาวฤกษ์ ภาคเรียนที่ 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ช้นั ........... โรงเรียนบ้านพณิ โท ครูผ้สู อน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งพลังงานกบั การดารงชีวิต การเปลี่ยนรปู พลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ ระหวา่ งสารและพลังงาน ผลของการใช้พลงั งานต่อชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารท่เี รยี นรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคัญ ดาวฤกษ์เกดิ จากกลมุ่ แก๊สไฮโดรเจน ขนาดใหญท่ ่เี รยี กวา่ เนบวิ ลา ยุบตัวลงช้า ๆ ด้วยแรงโนม้ ถว่ งจากศูนย์กลาง จงึ เริ่มต้นนบั อายุของกลุ่มแก๊สน้ีวา่ ดาวฤกษ์ สีของดาวฤกษ์จะขึน้ อยูก่ บั อุณหภมู ิทีผ่ วิ มวลของดาว จะเป็นตวั กาหนดอายขุ อง ดาว เมอื่ ดาวฤกษใ์ กลด้ ับ จะกลายเปน็ ดาวยกั ษ์แดง ก่อนจะถงึ วาระสุดท้าย หรือหลมุ ดา ขึ้นอยกู่ บั ขนาดมวลใจกลางของดาว ฤกษ์นั้นๆ 2.ตวั ชี้วดั / จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ อธบิ ายลักษณะสแี ละอุณหภมู ิ ความสวา่ ง และระยะหา่ งของดาวฤกษ์ได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ ดาวฤกษ์ เปน็ ก้อนแก๊สรอ้ นขนาดใหญ่กาเนดิ มาจากเนบวิ ลาท่มี อี งค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นธาตุไฮโดรเจน ทีแ่ ก่น กลางของดาวฤกษ์จะเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเทอรโ์ มนวิ เคลียร์ หลอมนิวเคลยี สของไฮโดรเจนเปน็ นิวเคลยี สของฮเี ลียม ได้พลังงาน ออกมา อนั ดบั ความสว่างของดาวฤกษ์ท่ีสงั เกตเห็นไดม้ าจากความสวา่ งปรากฏที่ข้นึ อยู่กับความสว่างจรงิ และระยะหา่ ง จากโลก สขี องดาวฤกษ์มคี วามสัมพนั ธ์กบั อุณหภมู ิผวิ ของดาวฤกษแ์ ละอายุของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์มอี ายยุ าวหรือส้ัน มจี ุดจบเปน็ หลุมดา หรอื ดาวนิวตรอน หรอื ดาวแคระขาว ข้ึนอยู่กับมวลของดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ 1. ครูนาสนทนากบั นักเรียนว่า เคยสังเกตดวงดาวบนท้องฟ้าหรอื ไม่ ดาวแตล่ ะดวงบนท้องฟา้ มีความสวา่ งเท่ากันหรอื ไม่ เพราะอะไร 2. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรียน จัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดงั นี้ 1) ขั้นสร้ำงควำมสนใจ (1) ครใู หน้ ักเรียนดภู าพ สื่อมัลติมเี ดียหรือ CD-Rom เกย่ี วกบั ดาวบนท้องฟา้ (2) ครตู ง้ั ประเดน็ คาถามจากสิง่ ทน่ี กั เรยี นดู เชน่
ดาวฤกษบ์ นท้องฟ้ามีสิ่งใดบ้างท่ีเหมือนหรอื แตกต่างกนั นอกจากดวงอาทิตย์แล้ว ดาวฤกษ์ดวงใดทม่ี ีความสวา่ งมากที่สุด ดาวฤกษ์แตล่ ะดวงมีสเี หมือนกนั หรือไม่ ลกั ษณะใด ถ้านกั เรยี นอยู่คนละสถานท่ีกันจะมองเห็นดาวฤกษ์แต่ละดวงได้สว่างเท่ากันหรือไม่ เพราะอะไร (3) นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครูยงั ไม่เน้นคาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและค้นหำ (1) ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกลุม่ เป็น 4 กลุม่ เท่า ๆ กัน ศึกษาและสบื คน้ ข้อมูลเก่ียวกับดาวฤกษ์ ในประเดน็ ต่อไปนี้ สแี ละอุณหภูมขิ องดาวฤกษ์ ความสว่างของดาวฤกษ์ ระยะหา่ งของดาวฤกษ์ เนบวิ ลาแหลง่ กาเนดิ ของดาวฤกษ์ (2) นักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายผลการสืบคน้ ข้อมูล ครตู รวจสอบความเข้าใจโดยการถามคาถามในหวั ข้อ ทีก่ าหนดให้ศกึ ษา โดยเรยี กหมายเลขประจาตวั ของนักเรียนคนใดคนหนง่ึ ตอบ นกั เรยี นกลุ่มใดที่ตอบคาถามได้ถูกต้องมาก ทีส่ ดุ จะได้รับรางวัลจากครู (3) นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ปฏบิ ัติกิจกรรมสืบคน้ ข้อมลู สีของดาวฤกษ์ ตามขั้นตอนท่ีไดว้ างแผนไว้ ดังนี้ ทาการสืบค้นและรวบรวมข้อมลู ในหัวข้อ “สแี ละอณุ หภมู ิผวิ ของดาวฤกษ์” และศึกษาข้อมูลจากแผนที่ดาว เลอื กกลมุ่ ดาวที่จะสังเกตจากแผนท่ดี าว ตัวอย่างเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดหู นาวให้เลอื กกลุม่ ดาวนายพราน สังเกตสแี ละอุณหภมู ิผวิ ของดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวทเ่ี ลือกไว้บนทอ้ งฟ้าจริง พร้อมทั้งดแู ผนทด่ี าวประกอบ (ควรใช้ ไฟฉายที่หมุ้ ดว้ ยกระดาษสแี ดงสอ่ งแผนที่ดาวเพือ่ ถนอมสายตา) ร่วมกันอภปิ ราย ลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและขอ้ สรปุ ของกลมุ่ หนา้ ชัน้ เรียน และ/หรอื จดั ทาเป็น รายงาน 3) ขน้ั อธบิ ำยและลงข้อสรุป (1) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ สีและอณุ หภมู ผิ วิ ของดาวฤกษม์ ีความสมั พันธ์กนั ในลกั ษณะใด (ดาวฤกษ์ท่มี สี นี ้าเงิน–ขาว จะมอี ุณหภูมิผวิ สูง ส่วนดาวฤกษท์ มี่ สี สี ม้ แดงจะมีอุณหภมู ผิ วิ ต่า) เม่อื จาแนกประเภทของดาวตามชนดิ ของสเปกตรัมแลว้ ดาวชนดิ ใดมีอุณหภูมผิ ิวสูงสดุ และดาวชนิดใดมีอณุ หภูมิผิวต่าสุด (ดาวชนิด O มีอุณหภมู ิผิวสงู สุด ดาวชนดิ M มอี ุณหภูมผิ วิ ตา่ สุด) ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษส์ ีเหลือง อุณหภูมผิ วิ ประมาณ 6,000 เคลวนิ นักเรียนคิดวา่ ดวงอาทติ ย์เปน็ ดาวท่มี ีอายมุ าก น้อย หรอื ปานกลาง เพราะเหตุใด (เม่ือพจิ ารณาจากสแี ละอุณหภูมิผวิ ของดวงอาทติ ย์แล้ว พบวา่ ดวงอาทิตย์เปน็ ดาวฤกษ์สเี หลืองทม่ี ีอายุปานกลาง เพราะดาวฤกษ์ทม่ี ีอายนุ ้อยหรือเพ่ิงเกดิ ใหมจ่ ะมสี คี ่อนขา้ งไปทาง
สีน้าเงินเพราะยังมีอุณหภมู ิผิวสงู แตถ่ า้ อายุเริ่มมากอุณหภมู ิผิวกจ็ ะลดลง ทาใหส้ ขี องดาวฤกษ์เปลี่ยนไปจนในท่ีสดุ จะมีสี ค่อนข้างไปทางสแี ดง ดงั แสดงในตารางแสดงความสมั พนั ธข์ องประเภท สีและอณุ หภูมิผิวของดาวฤกษ์) (2) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายและสรุปผลจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครูพจิ ารณาจากแนวคาตอบของ นกั เรยี น ตวั อย่างแนวคาตอบ ผลการสังเกตสขี องดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวนายพรานพบว่า ดาวไรเจลมีสนี ้าเงนิ ดาวเบทเทลจุ สมีสีแดง สว่ นดาวดวงอน่ื ๆ มสี ีนา้ เงนิ เชน่ กนั 4) ขน้ั ขยำยควำมรู้ (1) ครูอธบิ ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสว่างของดาวฤกษโ์ ดยใหน้ ักเรียนดขู ้อมลู จากตารางในหนังสอื เรยี นประกอบ (2) ครูใหน้ ักเรียนสบื ค้นข้อมูลอันดบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์ โดยปฏบิ ัติตามขั้นตอนดงั นี้ ทาการสบื คน้ และรวบรวมข้อมูลในหัวข้อ “อันดบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์” และศกึ ษาข้อมลู จากแผนท่ดี าว เลอื กกลมุ่ ดาวที่จะสงั เกตจากแผนทดี่ าว ตัวอยา่ งเชน่ ถา้ ทาการทดลองในฤดหู นาวใหเ้ ลอื กกลมุ่ ดาวนายพราน หรอื สงั เกตความสวา่ งของดวงจนั ทร์ในคืนเดือนเพ็ญ สงั เกตความสว่างของดาวในกลุ่มดาวทเ่ี ลอื กไว้บนท้องฟ้าจรงิ พรอ้ มทง้ั ดูแผนทด่ี าวประกอบ (ใช้ไฟฉายทห่ี ้มุ ด้วยกระดาษสีแดงส่องแผนที่ดาวเพ่ือถนอมสายตา) ร่วมกนั อภิปรายลงขอ้ สรปุ และนาเสนอผลการอภิปรายและข้อสรุปของกลมุ่ หนา้ ชัน้ เรียน และ/หรือจดั ทาเป็นรายงาน (3) ครูให้นักเรยี นสืบคน้ ข้อมูลเพ่มิ เติมเกย่ี วกับกลมุ่ ดาวฤกษ์ที่นา่ สนใจ เชน่ กลมุ่ ดาวจระเขห้ รือกล่มุ ดาวหมใี หญ่ กลุม่ ดาวค้างคาวหรือกล่มุ ดาวแคสสโิ อเปีย กลุ่มดาวเตา่ หรือกลุ่มดาวนายพราน กลมุ่ ดาวจักรราศี (4) ร่วมกันอภปิ รายลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภปิ รายและขอ้ สรุปของกล่มุ หน้าชัน้ เรียน และ/หรือจัดทาเปน็ รายงาน 5) ข้ันประเมนิ (1) ครใู หน้ ักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหัวข้อทเ่ี รียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มีจุดใดบา้ งทยี่ งั ไมเ่ ข้าใจหรือ ยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามีปัญหาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั ประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการนาความรูท้ ี่ได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการให้ตอบคาถาม เชน่ ดาวฤกษแ์ ต่ละดวงมคี วามแตกต่างกันในดา้ นใดบา้ ง อนั ดบั ความสวา่ งมีความสัมพันธ์กับความสวา่ งของดวงดาวลกั ษณะใด
เพราะเหตุใดเราจงึ มองเห็นดาวฤกษส์ ีต่าง ๆ เราสามารถใชว้ ิธแี พรัลแลก็ ซ์หาระยะหา่ งระหว่างโลกกับดาวฤกษ์ทกุ ดวงได้หรอื ไม่ เพราะอะไร เนบวิ ลาคอื อะไร และเกย่ี วข้องกับดาวฤกษ์ในเรอ่ื งใด ข้ันสรุป 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปเกีย่ วกับสีและอุณหภูมิ ความสว่าง และระยะหา่ งระหว่างดาวฤกษ์ โดยร่วมกนั เขียนเป็น แผนท่ีความคิดหรือผังมโนทัศน์ 2. ครูดาเนินการทดสอบหลังเรยี น โดยให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพื่อวัดความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เร่ือง กาเนิดดาวฤกษ์ 2.ใบงาน เร่อื ง วิวัฒนาการดาวฤกษ์ 3.ใบงาน เรอ่ื ง ความสว่างของดาวฤกษ์ 4.ใบงาน เรื่อง สแี ละอุณหภูมขิ องดาวฤกษ์ 5.ใบงาน เรอื่ ง จดุ จบของดาวฤกษ์ 6. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี 44 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 8 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ดาวฤกษ์ เวลา 1 ชั่วโมง เร่ือง มวลของดาวฤกษ์ ภาคเรียนท่ี 2/2558 สอนวันท่ี………เดอื น………………………พ.ศ…………ชั้น........... โรงเรียนบ้านพิณโท ครูผ้สู อน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับการดารงชวี ติ การเปล่ียนรูปพลังงาน ปฏิสัมพนั ธ์ ระหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใช้พลังงานต่อชวี ิตและสง่ิ แวดล้อม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สอ่ื สารที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 1.สำระสำคญั ดาวฤกษเ์ กิดจากกลมุ่ แก๊สไฮโดรเจน ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า เนบวิ ลา ยบุ ตัวลงช้า ๆ ด้วยแรงโนม้ ถว่ งจากศนู ย์กลาง จงึ เร่มิ ต้นนบั อายุของกลุม่ แกส๊ นี้วา่ ดาวฤกษ์ สีของดาวฤกษ์จะขนึ้ อยู่กับอณุ หภมู ิท่ผี วิ มวลของดาว จะเป็นตวั กาหนดอายขุ อง ดาว เมื่อดาวฤกษ์ใกล้ดับ จะกลายเป็นดาวยักษแ์ ดง ก่อนจะถึงวาระสุดทา้ ย หรือหลุมดา ขึ้นอยกู่ บั ขนาดมวลใจกลางของดาว ฤกษน์ น้ั ๆ 2.ตวั ชี้วดั / จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ อธบิ ายลกั ษณะสีและอุณหภมู ิ ความสวา่ ง และระยะหา่ งของดาวฤกษ์ได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ ดาวฤกษ์ เปน็ กอ้ นแกส๊ รอ้ นขนาดใหญก่ าเนดิ มาจากเนบิวลาท่ีมอี งค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นธาตไุ ฮโดรเจน ทแ่ี ก่น กลางของดาวฤกษ์จะเกดิ ปฏกิ ิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ หลอมนวิ เคลยี สของไฮโดรเจนเป็นนิวเคลยี สของฮเี ลยี ม ได้พลงั งาน ออกมา อันดบั ความสวา่ งของดาวฤกษ์ทส่ี ังเกตเห็นได้มาจากความสวา่ งปรากฏที่ขน้ึ อยู่กับความสวา่ งจริงและระยะห่าง จากโลก สีของดาวฤกษ์มีความสัมพนั ธก์ บั อุณหภูมผิ ิวของดาวฤกษ์และอายุของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์มีอายุยาวหรือสนั้ มจี ุดจบเป็นหลมุ ดา หรอื ดาวนิวตรอน หรอื ดาวแคระขาว ข้ึนอยกู่ บั มวลของดาวฤกษ์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ 1. ครนู าสนทนากับนักเรียนว่า เคยสงั เกตดวงดาวบนท้องฟ้าหรอื ไม่ ดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้ามีความสวา่ งเท่ากันหรอื ไม่ เพราะอะไร 2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรียน
จัดการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังน้ี 1) ขั้นสรำ้ งควำมสนใจ (1) ครูใหน้ ักเรยี นดภู าพ สื่อมัลตมิ เี ดียหรอื CD-Rom เกย่ี วกับดาวบนท้องฟา้ (2) ครูตงั้ ประเด็นคาถามจากสง่ิ ทน่ี กั เรียนดู เชน่ ดาวฤกษ์บนท้องฟ้ามสี ง่ิ ใดบ้างท่ีเหมือนหรือแตกตา่ งกนั นอกจากดวงอาทติ ย์แล้ว ดาวฤกษ์ดวงใดท่ีมีความสวา่ งมากท่ีสดุ ดาวฤกษแ์ ต่ละดวงมสี ีเหมือนกันหรือไม่ ลกั ษณะใด ถ้านกั เรียนอยู่คนละสถานท่ีกันจะมองเหน็ ดาวฤกษ์แตล่ ะดวงไดส้ วา่ งเท่ากันหรอื ไม่ เพราะอะไร (3) นักเรียนช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครยู งั ไม่เน้นคาตอบท่ีถกู ต้อง 2) ขน้ั สำรวจและค้นหำ (1) ครูให้นักเรียนแบง่ กลุม่ เป็น 4 กลุ่มเท่า ๆ กนั ศกึ ษาและสืบคน้ ข้อมูลเก่ียวกบั ดาวฤกษ์ ในประเดน็ ต่อไปนี้ สแี ละอุณหภมู ิของดาวฤกษ์ ความสว่างของดาวฤกษ์ ระยะหา่ งของดาวฤกษ์ เนบิวลาแหลง่ กาเนดิ ของดาวฤกษ์ (2) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายผลการสืบค้นข้อมูล ครูตรวจสอบความเขา้ ใจโดยการถามคาถามในหวั ข้อ ที่กาหนดให้ศกึ ษา โดยเรยี กหมายเลขประจาตวั ของนักเรียนคนใดคนหนงึ่ ตอบ นักเรียนกลมุ่ ใดที่ตอบคาถามได้ถูกต้องมาก ที่สุด จะไดร้ ับรางวัลจากครู (3) นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ปฏิบัติกิจกรรมสืบคน้ ข้อมลู สขี องดาวฤกษ์ ตามขนั้ ตอนท่ีได้วางแผนไว้ ดังน้ี ทาการสืบค้นและรวบรวมข้อมูลในหวั ข้อ “สีและอุณหภูมิผิวของดาวฤกษ์” และศึกษาข้อมูลจากแผนทีด่ าว เลือกกลุ่มดาวทจี่ ะสงั เกตจากแผนทด่ี าว ตัวอย่างเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดหู นาวใหเ้ ลือกกลุ่มดาวนายพราน สังเกตสแี ละอุณหภูมิผิวของดาวฤกษใ์ นกล่มุ ดาวที่เลือกไว้บนท้องฟ้าจริง พร้อมท้งั ดแู ผนท่ีดาวประกอบ (ควรใช้ ไฟฉายทีห่ ุ้มดว้ ยกระดาษสีแดงส่องแผนทด่ี าวเพอ่ื ถนอมสายตา) ร่วมกันอภิปราย ลงขอ้ สรปุ และนาเสนอผลการอภปิ รายและข้อสรปุ ของกลุ่มหนา้ ชั้นเรียน และ/หรือจดั ทาเปน็ รายงาน 3) ข้นั อธิบำยและลงข้อสรุป (1) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคาถาม เช่น สแี ละอุณหภูมผิ ิวของดาวฤกษ์มีความสมั พันธ์กนั ในลักษณะใด (ดาวฤกษ์ที่มีสีนา้ เงิน–ขาว จะมีอุณหภมู ผิ วิ สูง สว่ นดาวฤกษท์ ี่มสี สี ้มแดงจะมีอณุ หภมู ิผวิ ตา่ ) เมือ่ จาแนกประเภทของดาวตามชนดิ ของสเปกตรัมแล้ว ดาวชนิดใดมอี ุณหภูมิผิวสูงสุด และดาวชนดิ ใดมีอุณหภูมผิ ิวต่าสุด (ดาวชนดิ O มีอุณหภมู ผิ วิ สูงสดุ ดาวชนิด M มีอณุ หภูมผิ วิ ตา่ สุด)
ดวงอาทติ ย์เปน็ ดาวฤกษส์ เี หลือง อุณหภมู ผิ วิ ประมาณ 6,000 เคลวิน นักเรยี นคิดว่า ดวงอาทิตยเ์ ปน็ ดาวทม่ี ีอายมุ าก นอ้ ย หรือปานกลาง เพราะเหตุใด (เมื่อพจิ ารณาจากสแี ละอุณหภมู ิผิวของดวงอาทิตย์แลว้ พบว่าดวงอาทติ ยเ์ ป็นดาวฤกษ์สีเหลืองที่มีอายปุ านกลาง เพราะดาวฤกษ์ท่มี ีอายนุ ้อยหรือเพ่ิงเกิดใหม่จะมสี ีคอ่ นขา้ งไปทาง สนี า้ เงนิ เพราะยังมีอุณหภูมิผิวสูง แต่ถา้ อายุเริ่มมากอุณหภมู ิผวิ ก็จะลดลง ทาใหส้ ีของดาวฤกษ์เปล่ียนไปจนในทีส่ ดุ จะมีสี ค่อนข้างไปทางสแี ดง ดงั แสดงในตารางแสดงความสมั พันธ์ของประเภท สแี ละอุณหภมู ผิ ิวของดาวฤกษ)์ (2) ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายและสรปุ ผลจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครูพิจารณาจากแนวคาตอบของ นักเรยี น ตัวอยา่ งแนวคาตอบ ผลการสังเกตสีของดาวฤกษใ์ นกล่มุ ดาวนายพรานพบวา่ ดาวไรเจลมีสนี ้าเงนิ ดาวเบทเทลจุ สมสี แี ดง สว่ นดาวดวงอ่นื ๆ มีสีนา้ เงินเช่นกนั 4) ขั้นขยำยควำมรู้ (1) ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมเกย่ี วกับความสวา่ งของดาวฤกษ์โดยให้นักเรยี นดูข้อมลู จากตารางในหนงั สอื เรยี นประกอบ (2) ครูใหน้ ักเรียนสืบค้นข้อมูลอันดับความสวา่ งของดาวฤกษ์ โดยปฏบิ ตั ติ ามข้นั ตอนดงั น้ี ทาการสืบคน้ และรวบรวมข้อมูลในหวั ข้อ “อนั ดับความสว่างของดาวฤกษ์” และศกึ ษาขอ้ มลู จากแผนท่ดี าว เลอื กกลุ่มดาวท่ีจะสงั เกตจากแผนท่ดี าว ตวั อยา่ งเชน่ ถ้าทาการทดลองในฤดหู นาวให้เลือกกล่มุ ดาวนายพราน หรอื สงั เกตความสวา่ งของดวงจนั ทร์ในคนื เดือนเพ็ญ สังเกตความสว่างของดาวในกล่มุ ดาวทีเ่ ลอื กไวบ้ นท้องฟ้าจรงิ พรอ้ มท้งั ดแู ผนทดี่ าวประกอบ (ใช้ไฟฉายทหี่ มุ้ ด้วยกระดาษสีแดงสอ่ งแผนท่ดี าวเพ่ือถนอมสายตา) ร่วมกนั อภิปรายลงขอ้ สรปุ และนาเสนอผลการอภปิ รายและข้อสรปุ ของกลมุ่ หน้าช้นั เรยี น และ/หรือจัดทาเปน็ รายงาน (3) ครูใหน้ ักเรยี นสบื ค้นข้อมูลเพม่ิ เติมเก่ียวกับกลุ่มดาวฤกษ์ที่น่าสนใจ เชน่ กลมุ่ ดาวจระเข้หรอื กลมุ่ ดาวหมใี หญ่ กลุ่มดาวคา้ งคาวหรอื กลุ่มดาวแคสสิโอเปีย กลุ่มดาวเตา่ หรือกลุ่มดาวนายพราน กล่มุ ดาวจักรราศี (4) รว่ มกนั อภิปรายลงข้อสรปุ และนาเสนอผลการอภปิ รายและข้อสรุปของกลุ่มหนา้ ชัน้ เรียน และ/หรือจัดทาเปน็ รายงาน 5) ขนั้ ประเมนิ (1) ครใู ห้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทีเ่ รียนมาและการปฏบิ ัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลมุ่ ว่ามีปญั หาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการแกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ทไี่ ดร้ บั จากการปฏิบตั ิกจิ กรรม และการนาความร้ทู ี่ไดไ้ ป ใช้ประโยชน์
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยการให้ตอบคาถาม เช่น ดาวฤกษแ์ ตล่ ะดวงมีความแตกต่างกันในดา้ นใดบ้าง อนั ดับความสว่างมีความสมั พันธก์ บั ความสว่างของดวงดาวลักษณะใด เพราะเหตุใดเราจงึ มองเหน็ ดาวฤกษ์สีตา่ ง ๆ เราสามารถใช้วธิ ีแพรลั แล็กซ์หาระยะห่างระหวา่ งโลกกับดาวฤกษ์ทกุ ดวงไดห้ รอื ไม่ เพราะอะไร เนบวิ ลาคอื อะไร และเกย่ี วข้องกบั ดาวฤกษ์ในเรือ่ งใด ขั้นสรปุ 1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ เกีย่ วกับสีและอุณหภมู ิ ความสวา่ ง และระยะหา่ งระหว่างดาวฤกษ์ โดยรว่ มกนั เขยี นเป็น แผนท่คี วามคิดหรือผงั มโนทัศน์ 2. ครูดาเนนิ การทดสอบหลงั เรยี น โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพื่อวดั ความก้าวหนา้ /ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5. สื่อกำรเรียนรู้ 1.ใบงาน เรอ่ื ง กาเนิดดาวฤกษ์ 2.ใบงาน เรื่อง ววิ ฒั นาการดาวฤกษ์ 3.ใบงาน เร่ือง ความสว่างของดาวฤกษ์ 4.ใบงาน เรื่อง สแี ละอุณหภูมิของดาวฤกษ์ 5.ใบงาน เรือ่ ง จดุ จบของดาวฤกษ์ 6. สังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 45 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4-6 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ เวลา 6 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 ระบบสรุ ิยะ เวลา 1 ชว่ั โมง เรื่อง กาเนดิ ระบบสรุ ิยะ ภาคเรยี นที่ 2/2558 สอนวันท่ี………เดอื น………………………พ.ศ…………ช้นั ........... โรงเรยี นบา้ นพิณโท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งพลงั งานกบั การดารงชวี ิต การเปลย่ี นรปู พลงั งาน ปฏสิ ัมพันธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลังงานต่อชีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารทเ่ี รียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคัญ ดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ดาวฤกษท์ เ่ี ป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ เกิดจากมวลสว่ นใหญข่ องเนบิวลา ท่ยี บุ ตวั ลงดว้ ยแรงโน้มถ่วงจน มขี นาดเล็กลงและแกน่ กลางมีอุณหภมู ิสงู ขึน้ มากพอทจี่ ะเกิดปฏกิ ิริยาเทอรโ์ มนวิ เคลียรห์ ลอมไฮโดรเจนเปน็ ฮีเลยี มเพ่ือผลติ พลงั งาน 2.ตัวช้ีวัด / จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการเกดิ และววิ ฒั นาการของระบบสุริยะได้ 2. สืบค้นและอธบิ ายเก่ียวกบั อิทธพิ ลของดวงอาทิตย์ท่ีมตี ่อโลกและระบบสรุ ิยะได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ ดวงอาทติ ย์เปน็ ดาวฤกษท์ ่ีเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ เกดิ จากมวลสว่ นใหญ่ของเนบิวลา ทยี่ ุบตัวลงด้วยแรงโนม้ ถว่ งจน มีขนาดเล็กลงและแก่นกลางมีอณุ หภูมสิ งู ขึ้นมากพอที่จะเกิดปฏกิ ริ ิยาเทอร์โมนิวเคลียร์หลอมไฮโดรเจนเปน็ ฮีเลยี มเพื่อผลติ พลงั งาน สว่ นเนบวิ ลาท่อี ยรู่ อบนอกจบั กลมุ่ รวมกนั เปน็ ดาวเคราะห์และบริวารอน่ื ๆของดวงอาทติ ย์ 4.กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครูถามคาถามทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรียนเกย่ี วกบั ระบบสุริยะ เช่น ระบบสรุ ิยะของเราเป็นส่วนหนง่ึ ในกาแล็กซใี ด ดาวฤกษด์ วงใดเป็นศูนยก์ ลางของระบบสุริยะ เกิดข้นึ ได้อย่างไร 2. ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จัดการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึง่ มีข้ันตอนดังน้ี 1) ข้นั สรำ้ งควำมสนใจ (1) ครูใหน้ ักเรียนดแู ผนภาพ สอื่ มลั ติมเี ดีย หรือ CD-Rom เกี่ยวกบั ระบบสรุ ยิ ะ แล้วตง้ั ประเดน็ คาถาม เช่น ดาวเคราะห์ตา่ ง ๆ โคจรรอบระบบสุริยะได้อย่างไร ภายในระบบสุริยะประกอบดว้ ยสิง่ ใดบา้ ง
ระบบสุรยิ ะเกิดข้นึ ได้อย่างไร (2) นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยังไมเ่ น้นคาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรียนศึกษากาเนดิ ระบบสรุ ิยะ จากใบความรูห้ รือในหนังสอื เรยี น โดยครูช่วยเชอื่ มโยงความร้ใู หม่จาก บทเรียนกับความร้เู ดิมที่เรียนรมู้ าแลว้ ด้วยการใชค้ าถามนากระตุ้นใหน้ ักเรียนตอบจากความรแู้ ละประสบการณ์ของ นกั เรียน (2) นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ สบื ค้นข้อมลู จากหนังสืออ้างอิง วารสารวทิ ยาศาสตร์ และเว็บไซตท์ ี่เกย่ี วข้องทาง อนิ เทอร์เน็ต ในหัวข้อตอ่ ไปน้ี ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ดาวหาง (3) แตล่ ะกลุ่มนาข้อมลู ท่ีได้มารว่ มกนั อภิปรายภายในกลมุ่ ย่อย และนาเสนอหน้าชนั้ เรียน (4) นักเรียนแบง่ กล่มุ ปฏิบตั ิกิจกรรมสบื ค้นข้อมลู อิทธพิ ลของดวงอาทิตยท์ ่ีมีต่อโลกและระบบสรุ ิยะ ตามขน้ั ตอน ท่ไี ด้วางแผนไว้ ดงั นี้ ศกึ ษาข้อมลู เก่ยี วกบั อทิ ธพิ ลของดวงอาทติ ย์ท่มี ตี ่อโลกและระบบสุรยิ ะในประเด็นต่อไปน้ี ดวงอาทิตย์ทเี่ รารู้จกั (กาเนิดและววิ ัฒนาการของดวงอาทิตย์ ความเปน็ ดาวฤกษ์ สิ่งที่ประกอบกันเปน็ ดวงอาทติ ย์) ผลกระทบของพลงั งานจากดวงอาทิตย์ท่ีมีต่อโลก ผลกระทบของพลังงานจากดวงอาทติ ย์ท่ีมีต่อดาวเคราะห์และเทหวัตถใุ นระบบสุริยะ นาข้อมูลท่ีได้จากการสบื ค้นมาอภิปรายรว่ มกัน นาเสนอในรปู ของรายงาน และจดั ทาป้ายนเิ ทศแสดงผลงาน ของกลมุ่ 3) ข้ันอธิบำยและลงข้อสรปุ (1) ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ ถ้าโลกสามารถควบคุมอุณหภูมบิ นโลกไม่ให้สูงกวา่ ปกติได้ จะเกิดผลอะไรต่อโลกบ้าง (ทาใหโ้ ลกเกิดความอบอนุ่ พอเหมาะต่อการดารงชวี ิต เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ ทาให้ ส่งิ มชี วี ิตดารงชวี ติ อยไู่ ด้เปน็ เวลานาน) อะไรคือสาเหตุทท่ี าให้โลกไม่สามารถสง่ พลังงานจากดวงอาทิตย์กลบั คืนออกไปนอกโลกได้ (การเปลย่ี นแปลง ของบรรยากาศทห่ี อ่ หมุ้ โลก อันเนื่องมาจากมีแก๊สบางชนดิ เชน่ คารบ์ อนไดออกไซด์ท่ีเกิดจากกระบวนการเผาไหมห้ รือ กระบวนการผลติ ทางเคมีจะถูกปลดปล่อยออกส่บู รรยากาศผวิ โลกและเกิดการสะสมอยู่ในบรรยากาศท่ีทาหนา้ ที่ถา่ ยเท พลังงาน ซ่งึ แกส๊ ดังกลา่ วมสี มบตั ใิ นการเกบ็ กักความร้อน จงึ ทาให้กระบวนการถ่ายเทพลังงานโดยเฉพาะการสะท้อนกลับ ของพลังงานสบู่ รรยากาศภายนอกลดลง)
สิ่งท่ีทาให้ดาวเคราะหแ์ ละเทหวัตถใุ นระบบสรุ ิยะอยู่ในระบบสุรยิ ะไดค้ ืออะไร อธบิ ายเหตุผลประกอบ (พิจารณาจากคาตอบของนกั เรยี น) (2) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายและสรปุ ผลจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม 4) ข้นั ขยำยควำมรู้ (1) ใหน้ กั เรียนสร้างแบบจาลองระบบสรุ ิยะตามจินตนาการของตนเอง หรอื อาจทาเปน็ กล่มุ (2) นกั เรียนศกึ ษาความร้เู พม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั ดวงอาทิตย์ โดยปฏบิ ัติกิจกรรมเสริมความร้ดู ังนี้ จัดอปุ กรณ์ดงั รูป หนั หนา้ กล้องไปยังดวงอาทิตย์ ปรับโฟกสั จนได้ภาพดวงอาทิตย์ปรากฏชัดบนฉาก (พลาสติกลูกฟูกสดี า ขนาด 20 × 20 เซนติเมตร) แลว้ นบั จานวนจดุ ที่สังเกตได้ จากน้นั บนั ทกึ ผลการสังเกต หมำยเหตุ หา้ มใช้กลอ้ งโทรทรรศนส์ อ่ งดูดวงอาทิตยโ์ ดยตรงเพราะจะทาให้ตาบอดได้ (3) นกั เรยี นคน้ ควา้ บทความหรอื คาศัพทภ์ าษาต่างประเทศเกีย่ วกบั ระบบสรุ ิยะ จากหนังสือภาษาตา่ งประเทศ หรอื อินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในห้องเรียนฟงั แล้วบันทกึ ลงในสมดุ 5) ข้นั ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ที่เรยี นมาและการปฏบิ ตั ิกิจกรรม มีจดุ ใดบา้ งทย่ี ังไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั ประโยชน์ที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม และการนาความรทู้ ี่ไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่ มวลสว่ นใหญ่ของระบบสุรยิ ะประกอบดว้ ยธาตุใด ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่ีจัดเป็นดาวเคราะหห์ นิ เพราะเหตุใดจึงถูกจดั เป็นดาวเคราะหห์ ิน ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่ีจัดเป็นดาวเคราะหแ์ ก๊ส เพราะเหตใุ ดจงึ ถูกจัดเป็นดาวเคราะห์แกส๊ พายุสุรยิ ะคืออะไร ดาวเคราะหน์ ้อยและดาวหางอยู่บริเวณใดของระบบสรุ ิยะ และเกดิ ไดอ้ ย่างไร
ขัน้ สรุป 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกบั ระบบสุริยะโดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนทีค่ วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 2. ครดู าเนนิ การทดสอบหลังเรียน โดยให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพ่ือวดั ความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. ภาพ ส่ือมลั ติมีเดีย หรอื CD-Rom เก่ยี วกับเอกภพ กาแลก็ ซีตา่ ง ๆ ในท้องฟ้า ดาวบนท้องฟา้ และระบบสุริยะ 2. แผนภาพกาเนดิ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ 3. พจนานุกรมศัพทธ์ รณวี ิทยา (ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน) 4. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 46
แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 46 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4-6 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ เวลา 6 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 ระบบสรุ ิยะ เวลา 1 ชั่วโมง เรื่อง กาเนดิ ระบบสรุ ิยะ ภาคเรียนท่ี 2/2558 สอนวันท่ี………เดอื น………………………พ.ศ…………ช้นั ........... โรงเรยี นบ้านพณิ โท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งพลงั งานกบั การดารงชีวิต การเปลีย่ นรปู พลงั งาน ปฏิสมั พันธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลังงานต่อชวี ิตและส่ิงแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคัญ ดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ดาวฤกษท์ เ่ี ป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ เกดิ จากมวลสว่ นใหญ่ของเนบิวลา ทีย่ บุ ตวั ลงด้วยแรงโน้มถ่วงจน มขี นาดเล็กลงและแกน่ กลางมีอุณหภมู ิสงู ขึน้ มากพอทจี่ ะเกิดปฏิกิริยาเทอรโ์ มนิวเคลยี รห์ ลอมไฮโดรเจนเป็นฮเี ลียมเพื่อผลิต พลงั งาน 2.ตัวช้ีวัด / จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการเกดิ และววิ ฒั นาการของระบบสุริยะได้ 2. สืบค้นและอธบิ ายเก่ียวกบั อิทธพิ ลของดวงอาทติ ย์ที่มีต่อโลกและระบบสุริยะได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ ดวงอาทติ ย์เปน็ ดาวฤกษท์ ่ีเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ เกิดจากมวลส่วนใหญข่ องเนบิวลา ที่ยบุ ตัวลงด้วยแรงโน้มถว่ งจน มีขนาดเล็กลงและแก่นกลางมีอณุ หภูมสิ งู ขึ้นมากพอที่จะเกิดปฏิกริ ิยาเทอร์โมนิวเคลยี ร์หลอมไฮโดรเจนเป็นฮีเลียมเพ่ือผลติ พลงั งาน สว่ นเนบวิ ลาท่อี ยรู่ อบนอกจบั กลมุ่ รวมกนั เปน็ ดาวเคราะหแ์ ละบริวารอ่นื ๆของดวงอาทิตย์ 4.กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครูถามคาถามทบทวนความรู้เดิมของนกั เรยี นเก่ียวกบั ระบบสุรยิ ะ เช่น ระบบสรุ ิยะของเราเป็นส่วนหนง่ึ ในกาแล็กซใี ด ดาวฤกษด์ วงใดเป็นศูนยก์ ลางของระบบสุรยิ ะ เกิดข้นึ ได้อยา่ งไร 2. ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรียน จัดการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึง่ มีข้ันตอนดงั น้ี 1) ข้นั สรำ้ งควำมสนใจ (1) ครูใหน้ ักเรียนดแู ผนภาพ สอื่ มลั ตมิ เี ดีย หรือ CD-Rom เก่ยี วกับระบบสรุ ยิ ะ แล้วตัง้ ประเดน็ คาถาม เช่น ดาวเคราะห์ตา่ ง ๆ โคจรรอบระบบสุริยะได้อย่างไร ภายในระบบสุริยะประกอบดว้ ยสิ่งใดบา้ ง
ระบบสุรยิ ะเกดิ ข้นึ ได้อย่างไร (2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยังไมเ่ น้นคาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรียนศึกษากาเนดิ ระบบสรุ ิยะ จากใบความรู้หรอื ในหนังสอื เรยี น โดยครชู ว่ ยเชอื่ มโยงความรู้ใหม่จาก บทเรียนกับความร้เู ดิมที่เรียนรมู้ าแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระตุ้นใหน้ ักเรียนตอบจากความรแู้ ละประสบการณข์ อง นกั เรียน (2) นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม สบื คน้ ข้อมลู จากหนังสืออ้างอิง วารสารวทิ ยาศาสตร์ และเว็บไซต์ที่เกยี่ วขอ้ งทาง อนิ เทอร์เน็ต ในหวั ข้อตอ่ ไปน้ี ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ดาวหาง (3) แตล่ ะกลุ่มนาข้อมลู ที่ได้มารว่ มกนั อภปิ รายภายในกลมุ่ ย่อย และนาเสนอหน้าชนั้ เรียน (4) นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ปฏิบัติกิจกรรมสบื คน้ ข้อมลู อทิ ธพิ ลของดวงอาทิตยท์ ี่มตี อ่ โลกและระบบสรุ ิยะ ตามขัน้ ตอน ท่ไี ด้วางแผนไว้ ดงั นี้ ศกึ ษาข้อมลู เก่ยี วกบั อทิ ธิพลของดวงอาทติ ย์ทมี่ ตี ่อโลกและระบบสุรยิ ะในประเดน็ ต่อไปนี้ ดวงอาทิตย์ท่ีเรารู้จกั (กาเนิดและวิวฒั นาการของดวงอาทิตย์ ความเปน็ ดาวฤกษ์ สิ่งท่ีประกอบกันเปน็ ดวงอาทติ ย์) ผลกระทบของพลงั งานจากดวงอาทติ ย์ท่ีมีต่อโลก ผลกระทบของพลังงานจากดวงอาทิตย์ท่ีมตี ่อดาวเคราะห์และเทหวตั ถใุ นระบบสรุ ิยะ นาข้อมูลท่ีได้จากการสบื ค้นมาอภิปรายรว่ มกนั นาเสนอในรปู ของรายงาน และจดั ทาป้ายนเิ ทศแสดงผลงาน ของกลมุ่ 3) ขั้นอธิบำยและลงข้อสรปุ (1) ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ ถ้าโลกสามารถควบคุมอุณหภูมบิ นโลกไมใ่ หส้ ูงกวา่ ปกติได้ จะเกิดผลอะไรต่อโลกบ้าง (ทาใหโ้ ลกเกิดความอบอนุ่ พอเหมาะต่อการดารงชีวิต เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ ทาให้ ส่งิ มชี วี ิตดารงชวี ิตอยไู่ ด้เปน็ เวลานาน) อะไรคือสาเหตุทท่ี าให้โลกไม่สามารถส่งพลังงานจากดวงอาทิตย์กลบั คืนออกไปนอกโลกได้ (การเปลี่ยนแปลง ของบรรยากาศทห่ี อ่ หมุ้ โลก อันเน่ืองมาจากมีแก๊สบางชนิด เชน่ คารบ์ อนไดออกไซดท์ ี่เกดิ จากกระบวนการเผาไหม้หรอื กระบวนการผลติ ทางเคมีจะถูกปลดปล่อยออกสบู่ รรยากาศผิวโลกและเกิดการสะสมอยู่ในบรรยากาศท่ีทาหน้าที่ถา่ ยเท พลังงาน ซ่งึ แกส๊ ดังกลา่ วมสี มบัติในการเก็บกักความร้อน จงึ ทาใหก้ ระบวนการถ่ายเทพลังงานโดยเฉพาะการสะท้อนกลับ ของพลังงานสบู่ รรยากาศภายนอกลดลง)
สิ่งท่ีทาให้ดาวเคราะหแ์ ละเทหวัตถใุ นระบบสุริยะอยู่ในระบบสรุ ิยะไดค้ ืออะไร อธบิ ายเหตผุ ลประกอบ (พิจารณาจากคาตอบของนกั เรยี น) (2) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายและสรปุ ผลจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม 4) ข้นั ขยำยควำมรู้ (1) ใหน้ กั เรียนสร้างแบบจาลองระบบสรุ ยิ ะตามจนิ ตนาการของตนเอง หรอื อาจทาเปน็ กล่มุ (2) นกั เรียนศกึ ษาความร้เู พม่ิ เติมเกยี่ วกบั ดวงอาทิตย์ โดยปฏิบัติกิจกรรมเสริมความร้ดู ังนี้ จัดอปุ กรณ์ดงั รูป หนั หนา้ กล้องไปยังดวงอาทิตย์ ปรับโฟกัสจนได้ภาพดวงอาทติ ย์ปรากฏชัดบนฉาก (พลาสติกลูกฟูกสีดา ขนาด 20 × 20 เซนติเมตร) แลว้ นบั จานวนจดุ ท่ีสงั เกตได้ จากนั้นบันทึกผลการสงั เกต หมำยเหตุ หา้ มใช้กลอ้ งโทรทรรศนส์ อ่ งดูดวงอาทติ ย์โดยตรงเพราะจะทาให้ตาบอดได้ (3) นกั เรยี นคน้ ควา้ บทความหรอื คาศัพท์ภาษาต่างประเทศเกยี่ วกบั ระบบสรุ ิยะ จากหนังสือภาษาต่างประเทศ หรอื อินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในห้องเรียนฟัง แลว้ บันทกึ ลงในสมดุ 5) ข้นั ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหวั ขอ้ ทเ่ี รียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มีจดุ ใดบา้ งทย่ี งั ไม่เข้าใจหรือ ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรมกลุ่มว่ามปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั ประโยชน์ท่ไี ด้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม และการนาความร้ทู ี่ไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการให้ตอบคาถาม เชน่ มวลสว่ นใหญ่ของระบบสรุ ยิ ะประกอบดว้ ยธาตุใด ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่ีจัดเป็นดาวเคราะหห์ ิน เพราะเหตุใดจึงถูกจดั เป็นดาวเคราะหห์ ิน ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่ีจัดเป็นดาวเคราะหแ์ ก๊ส เพราะเหตใุ ดจงึ ถูกจัดเป็นดาวเคราะห์แกส๊ พายุสุรยิ ะคืออะไร ดาวเคราะหน์ ้อยและดาวหางอยู่บริเวณใดของระบบสุรยิ ะ และเกดิ ไดอ้ ย่างไร
ขัน้ สรุป 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกบั ระบบสุริยะโดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนทีค่ วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 2. ครดู าเนนิ การทดสอบหลังเรียน โดยให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพ่ือวดั ความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. ภาพ ส่ือมลั ติมีเดยี หรอื CD-Rom เก่ยี วกับเอกภพ กาแลก็ ซีตา่ ง ๆ ในท้องฟ้า ดาวบนท้องฟา้ และระบบสุริยะ 2. แผนภาพกาเนดิ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ 3. พจนานุกรมศัพทธ์ รณวี ิทยา (ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน) 4. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 46
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 47 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 6 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 ระบบสุริยะ เวลา 1 ช่วั โมง เรื่อง เขตของดาวเคราะห์ ภาคเรยี นที่ 2/2558 สอนวนั ท่ี………เดือน………………………พ.ศ…………ช้นั ........... โรงเรยี นบา้ นพิณโท ครูผสู้ อน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.1 : เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งพลงั งานกบั การดารงชวี ิต การเปล่ียนรปู พลงั งาน ปฏสิ มั พันธ์ ระหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใช้พลงั งานต่อชีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สอ่ื สารทเ่ี รียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคัญ ดวงอาทิตยเ์ ปน็ ดาวฤกษท์ ี่เป็นศนู ย์กลางของระบบสุริยะ เกิดจากมวลสว่ นใหญข่ องเนบิวลา ที่ยุบตวั ลงดว้ ยแรงโน้มถ่วงจน มีขนาดเลก็ ลงและแกน่ กลางมีอณุ หภมู ิสงู ขนึ้ มากพอทจี่ ะเกิดปฏกิ ิริยาเทอรโ์ มนวิ เคลยี ร์หลอมไฮโดรเจนเปน็ ฮีเลยี มเพ่ือผลติ พลงั งาน 2.ตวั ชี้วัด / จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. อธิบายการเกดิ และวิวัฒนาการของระบบสุริยะได้ 2. สบื คน้ และอธบิ ายเกย่ี วกับอทิ ธิพลของดวงอาทิตย์ท่ีมตี ่อโลกและระบบสุรยิ ะได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ ดวงอาทติ ยเ์ ป็นดาวฤกษท์ เ่ี ป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ เกดิ จากมวลสว่ นใหญ่ของเนบิวลา ที่ยุบตัวลงด้วยแรงโนม้ ถว่ งจน มีขนาดเล็กลงและแก่นกลางมีอณุ หภูมิสงู ขึ้นมากพอที่จะเกิดปฏกิ ริ ิยาเทอร์โมนิวเคลียร์หลอมไฮโดรเจนเปน็ ฮีเลยี มเพื่อผลิต พลังงาน สว่ นเนบวิ ลาทีอ่ ยูร่ อบนอกจบั กลุม่ รวมกนั เปน็ ดาวเคราะห์และบริวารอน่ื ๆของดวงอาทติ ย์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. ครูถามคาถามทบทวนความรูเ้ ดมิ ของนกั เรียนเกย่ี วกบั ระบบสุริยะ เช่น ระบบสุริยะของเราเป็นส่วนหนง่ึ ในกาแล็กซใี ด ดาวฤกษด์ วงใดเปน็ ศูนยก์ ลางของระบบสุริยะ เกิดข้นึ ได้อย่างไร 2. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึง่ มีข้ันตอนดังน้ี 1) ข้นั สรำ้ งควำมสนใจ (1) ครูให้นักเรยี นดูแผนภาพ สอื่ มลั ติมเี ดีย หรือ CD-Rom เกี่ยวกบั ระบบสรุ ยิ ะ แล้วตง้ั ประเดน็ คาถาม เช่น ดาวเคราะห์ตา่ ง ๆ โคจรรอบระบบสุริยะได้อย่างไร ภายในระบบสรุ ยิ ะประกอบดว้ ยสิง่ ใดบา้ ง
ระบบสุรยิ ะเกดิ ข้นึ ได้อย่างไร (2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยังไมเ่ น้นคาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรียนศึกษากาเนดิ ระบบสรุ ิยะ จากใบความรูห้ รือในหนังสอื เรยี น โดยครูช่วยเชอื่ มโยงความร้ใู หม่จาก บทเรียนกับความร้เู ดิมท่ีเรียนรมู้ าแลว้ ด้วยการใชค้ าถามนากระตุ้นใหน้ ักเรียนตอบจากความรแู้ ละประสบการณ์ของ นกั เรียน (2) นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ สบื คน้ ข้อมลู จากหนังสืออ้างอิง วารสารวทิ ยาศาสตร์ และเว็บไซตท์ ี่เกยี่ วข้องทาง อนิ เทอร์เน็ต ในหัวข้อตอ่ ไปน้ี ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ดาวหาง (3) แตล่ ะกลุ่มนาข้อมลู ที่ได้มารว่ มกนั อภิปรายภายในกลมุ่ ย่อย และนาเสนอหน้าชนั้ เรียน (4) นักเรยี นแบ่งกล่มุ ปฏิบัติกิจกรรมสบื ค้นข้อมลู อิทธพิ ลของดวงอาทิตย์ที่มีต่อโลกและระบบสรุ ยิ ะ ตามขน้ั ตอน ท่ไี ด้วางแผนไว้ ดงั นี้ ศกึ ษาข้อมลู เก่ยี วกบั อทิ ธิพลของดวงอาทติ ย์ท่มี ตี ่อโลกและระบบสุรยิ ะในประเด็นต่อไปนี้ ดวงอาทิตย์ทเี่ รารู้จกั (กาเนิดและวิวฒั นาการของดวงอาทิตย์ ความเปน็ ดาวฤกษ์ สิ่งที่ประกอบกันเปน็ ดวงอาทติ ย์) ผลกระทบของพลงั งานจากดวงอาทิตย์ท่ีมีต่อโลก ผลกระทบของพลังงานจากดวงอาทติ ย์ท่ีมีต่อดาวเคราะห์และเทหวัตถใุ นระบบสรุ ิยะ นาข้อมูลท่ีได้จากการสบื ค้นมาอภิปรายรว่ มกัน นาเสนอในรปู ของรายงาน และจดั ทาป้ายนเิ ทศแสดงผลงาน ของกลมุ่ 3) ขั้นอธิบำยและลงข้อสรปุ (1) ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ ถ้าโลกสามารถควบคุมอุณหภูมบิ นโลกไม่ให้สูงกวา่ ปกติได้ จะเกิดผลอะไรต่อโลกบ้าง (ทาใหโ้ ลกเกิดความอบอนุ่ พอเหมาะต่อการดารงชวี ิต เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ ทาให้ ส่งิ มชี วี ิตดารงชวี ิตอยไู่ ด้เปน็ เวลานาน) อะไรคือสาเหตุทท่ี าให้โลกไม่สามารถสง่ พลังงานจากดวงอาทิตย์กลบั คืนออกไปนอกโลกได้ (การเปลย่ี นแปลง ของบรรยากาศทห่ี อ่ หมุ้ โลก อันเน่ืองมาจากมีแก๊สบางชนดิ เชน่ คารบ์ อนไดออกไซดท์ ่ีเกิดจากกระบวนการเผาไหมห้ รอื กระบวนการผลติ ทางเคมีจะถูกปลดปล่อยออกส่บู รรยากาศผวิ โลกและเกิดการสะสมอยู่ในบรรยากาศท่ีทาหนา้ ที่ถา่ ยเท พลังงาน ซ่งึ แกส๊ ดังกลา่ วมสี มบตั ใิ นการเกบ็ กักความร้อน จงึ ทาให้กระบวนการถ่ายเทพลังงานโดยเฉพาะการสะท้อนกลับ ของพลังงานสบู่ รรยากาศภายนอกลดลง)
สิ่งท่ีทาให้ดาวเคราะหแ์ ละเทหวัตถใุ นระบบสรุ ิยะอยู่ในระบบสรุ ยิ ะไดค้ ืออะไร อธบิ ายเหตุผลประกอบ (พิจารณาจากคาตอบของนกั เรยี น) (2) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายและสรปุ ผลจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 4) ข้นั ขยำยควำมรู้ (1) ใหน้ กั เรียนสร้างแบบจาลองระบบสรุ ิยะตามจนิ ตนาการของตนเอง หรอื อาจทาเปน็ กล่มุ (2) นกั เรียนศกึ ษาความร้เู พม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั ดวงอาทิตย์ โดยปฏิบตั กิ จิ กรรมเสริมความร้ดู ังนี้ จัดอปุ กรณ์ดงั รูป หนั หนา้ กล้องไปยังดวงอาทิตย์ ปรับโฟกสั จนได้ภาพดวงอาทติ ย์ปรากฏชัดบนฉาก (พลาสติกลูกฟูกสดี า ขนาด 20 × 20 เซนติเมตร) แลว้ นบั จานวนจดุ ทีส่ ังเกตได้ จากน้นั บันทกึ ผลการสงั เกต หมำยเหตุ หา้ มใช้กลอ้ งโทรทรรศนส์ อ่ งดูดวงอาทิตยโ์ ดยตรงเพราะจะทาใหต้ าบอดได้ (3) นกั เรยี นคน้ ควา้ บทความหรือคาศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ยี วกบั ระบบสุริยะ จากหนังสือภาษาตา่ งประเทศ หรอื อินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในห้องเรียนฟงั แลว้ บนั ทกึ ลงในสมดุ 5) ข้นั ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ทเ่ี รยี นมาและการปฏบิ ตั ิกิจกรรม มีจดุ ใดบา้ งทย่ี ังไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม และการนาความรทู้ ี่ไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่ มวลสว่ นใหญ่ของระบบสุรยิ ะประกอบดว้ ยธาตุใด ดาวเคราะห์ดวงใดบ้างท่ีจดั เป็นดาวเคราะหห์ นิ เพราะเหตุใดจึงถูกจดั เป็นดาวเคราะหห์ ิน ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่จี ัดเป็นดาวเคราะห์แก๊ส เพราะเหตใุ ดจงึ ถูกจัดเป็นดาวเคราะห์แกส๊ พายุสุรยิ ะคืออะไร ดาวเคราะหน์ ้อยและดาวหางอยู่บริเวณใดของระบบสรุ ิยะ และเกดิ ไดอ้ ย่างไร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203