Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.4.2 2.2558

แผนการสอน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.4.2 2.2558

Published by pattaravadee, 2019-01-19 23:00:07

Description: แผนการสอน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.4.2 2.2558

Search

Read the Text Version

ขัน้ สรุป 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกบั ระบบสุริยะโดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนทีค่ วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 2. ครดู าเนนิ การทดสอบหลังเรียน โดยให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพ่ือวดั ความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. ภาพ ส่ือมลั ติมีเดยี หรอื CD-Rom เก่ยี วกับเอกภพ กาแลก็ ซีตา่ ง ๆ ในท้องฟ้า ดาวบนท้องฟา้ และระบบสุริยะ 2. แผนภาพกาเนดิ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ 3. พจนานุกรมศัพทธ์ รณวี ิทยา (ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน) 4. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4­6

แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู 4่ี 8 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4-6 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 6 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 ระบบสุริยะ เวลา 1 ชัว่ โมง เรื่อง เขตของดาวเคราะห์ ภาคเรยี นที่ 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ชัน้ ........... โรงเรยี นบา้ นพิณโท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.1 : เขา้ ใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งพลงั งานกับการดารงชวี ติ การเปล่ียนรปู พลังงาน ปฏสิ มั พันธ์ ระหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและส่งิ แวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคัญ ดวงอาทิตยเ์ ปน็ ดาวฤกษท์ ี่เป็นศนู ย์กลางของระบบสุรยิ ะ เกดิ จากมวลส่วนใหญข่ องเนบิวลา ท่ียุบตวั ลงด้วยแรงโน้มถว่ งจน มีขนาดเลก็ ลงและแกน่ กลางมีอณุ หภมู ิสงู ขนึ้ มากพอทจี่ ะเกิดปฏกิ ิรยิ าเทอรโ์ มนวิ เคลียรห์ ลอมไฮโดรเจนเปน็ ฮเี ลยี มเพ่ือผลิต พลงั งาน 2.ตวั ชี้วดั / จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. อธิบายการเกดิ และวิวัฒนาการของระบบสรุ ยิ ะได้ 2. สบื คน้ และอธบิ ายเกย่ี วกับอทิ ธิพลของดวงอาทติ ย์ทีม่ ตี ่อโลกและระบบสรุ ยิ ะได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ ดวงอาทติ ยเ์ ป็นดาวฤกษท์ เ่ี ป็นศูนย์กลางของระบบสุรยิ ะ เกดิ จากมวลส่วนใหญข่ องเนบิวลา ท่ยี บุ ตัวลงดว้ ยแรงโน้มถ่วงจน มีขนาดเล็กลงและแก่นกลางมีอณุ หภูมิสงู ขึ้นมากพอที่จะเกิดปฏกิ ริ ยิ าเทอรโ์ มนวิ เคลยี ร์หลอมไฮโดรเจนเปน็ ฮีเลยี มเพ่ือผลติ พลังงาน สว่ นเนบวิ ลาทีอ่ ยูร่ อบนอกจบั กลุม่ รวมกันเป็นดาวเคราะหแ์ ละบรวิ ารอนื่ ๆของดวงอาทิตย์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. ครูถามคาถามทบทวนความรูเ้ ดมิ ของนกั เรยี นเก่ียวกบั ระบบสุริยะ เช่น ­ ระบบสุริยะของเราเป็นส่วนหนง่ึ ในกาแล็กซีใด ­ ดาวฤกษด์ วงใดเปน็ ศูนยก์ ลางของระบบสุรยิ ะ เกิดขึน้ ได้อย่างไร 2. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จัดการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึง่ มีข้ันตอนดงั นี้ 1) ข้นั สรำ้ งควำมสนใจ (1) ครูให้นักเรยี นดูแผนภาพ สอื่ มลั ตมิ ีเดีย หรือ CD-Rom เก่ียวกบั ระบบสุริยะ แล้วต้ังประเดน็ คาถาม เช่น ­ ดาวเคราะห์ตา่ ง ๆ โคจรรอบระบบสรุ ิยะได้อย่างไร ­ ภายในระบบสรุ ยิ ะประกอบดว้ ยสิ่งใดบา้ ง

­ ระบบสุรยิ ะเกดิ ข้นึ ได้อย่างไร (2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครูยังไมเ่ น้นคาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรียนศึกษากาเนดิ ระบบสรุ ิยะ จากใบความรู้หรือในหนงั สือเรยี น โดยครชู ว่ ยเชอื่ มโยงความรู้ใหม่จาก บทเรียนกับความร้เู ดิมที่เรียนรู้มาแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระตุน้ ให้นักเรยี นตอบจากความรแู้ ละประสบการณ์ของ นกั เรียน (2) นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม สบื คน้ ข้อมลู จากหนงั สืออ้างอิง วารสารวิทยาศาสตร์ และเวบ็ ไซต์ที่เกยี่ วขอ้ งทาง อนิ เทอร์เน็ต ในหัวข้อตอ่ ไปน้ี ­ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ดวงอาทติ ย์ ­ ดาวเคราะห์ในระบบสุรยิ ะ ­ ดาวหาง (3) แตล่ ะกลุ่มนาข้อมลู ที่ได้มารว่ มกนั อภปิ รายภายในกล่มุ ย่อย และนาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น (4) นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ปฏิบัติกิจกรรมสบื ค้นข้อมลู อทิ ธิพลของดวงอาทติ ยท์ ี่มีต่อโลกและระบบสรุ ิยะ ตามขัน้ ตอน ท่ไี ด้วางแผนไว้ ดงั นี้ ­ ศกึ ษาข้อมลู เก่ยี วกบั อทิ ธิพลของดวงอาทติ ย์ทมี่ ีต่อโลกและระบบสรุ ิยะในประเด็นต่อไปน้ี  ดวงอาทิตย์ทเี่ รารู้จกั (กาเนิดและวิวัฒนาการของดวงอาทติ ย์ ความเป็นดาวฤกษ์ สิ่งท่ีประกอบกันเปน็ ดวงอาทติ ย์)  ผลกระทบของพลงั งานจากดวงอาทติ ย์ทมี่ ตี ่อโลก  ผลกระทบของพลังงานจากดวงอาทิตย์ที่มีต่อดาวเคราะห์และเทหวตั ถใุ นระบบสรุ ยิ ะ ­ นาข้อมูลท่ีได้จากการสบื ค้นมาอภิปรายร่วมกนั นาเสนอในรูปของรายงาน และจัดทาป้ายนเิ ทศแสดงผลงาน ของกลมุ่ 3) ขั้นอธิบำยและลงข้อสรปุ (1) ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม เชน่ ­ ถ้าโลกสามารถควบคุมอุณหภูมิบนโลกไมใ่ หส้ ูงกวา่ ปกติได้ จะเกิดผลอะไรต่อโลกบ้าง (ทาใหโ้ ลกเกิดความอบอนุ่ พอเหมาะต่อการดารงชีวติ เกดิ ความสมดุลทางธรรมชาติ ทาให้ ส่งิ มชี วี ิตดารงชวี ิตอยไู่ ด้เปน็ เวลานาน) ­ อะไรคือสาเหตุทท่ี าให้โลกไม่สามารถส่งพลังงานจากดวงอาทติ ย์กลับคนื ออกไปนอกโลกได้ (การเปล่ียนแปลง ของบรรยากาศทห่ี อ่ หมุ้ โลก อันเน่ืองมาจากมีแก๊สบางชนดิ เชน่ คารบ์ อนไดออกไซดท์ ่ีเกิดจากกระบวนการเผาไหม้หรอื กระบวนการผลติ ทางเคมีจะถูกปลดปล่อยออกสบู่ รรยากาศผวิ โลกและเกดิ การสะสมอยู่ในบรรยากาศท่ีทาหน้าที่ถา่ ยเท พลังงาน ซ่งึ แกส๊ ดังกลา่ วมสี มบตั ิในการเก็บกักความร้อน จงึ ทาให้กระบวนการถา่ ยเทพลังงานโดยเฉพาะการสะท้อนกลับ ของพลังงานสบู่ รรยากาศภายนอกลดลง)

­ สิ่งท่ีทาให้ดาวเคราะหแ์ ละเทหวัตถใุ นระบบสรุ ิยะอยู่ในระบบสรุ ิยะไดค้ ืออะไร อธบิ ายเหตผุ ลประกอบ (พิจารณาจากคาตอบของนกั เรยี น) (2) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายและสรปุ ผลจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 4) ข้นั ขยำยควำมรู้ (1) ใหน้ กั เรียนสร้างแบบจาลองระบบสรุ ิยะตามจนิ ตนาการของตนเอง หรอื อาจทาเปน็ กล่มุ (2) นกั เรียนศกึ ษาความร้เู พม่ิ เติมเก่ยี วกบั ดวงอาทิตย์ โดยปฏิบตั ิกิจกรรมเสริมความร้ดู ังนี้ ­ จัดอปุ กรณ์ดงั รูป ­ หนั หนา้ กล้องไปยังดวงอาทิตย์ ปรับโฟกสั จนได้ภาพดวงอาทิตย์ปรากฏชัดบนฉาก (พลาสติกลูกฟูกสีดา ขนาด 20 × 20 เซนติเมตร) แลว้ นบั จานวนจดุ ท่ีสังเกตได้ จากน้นั บนั ทกึ ผลการสงั เกต หมำยเหตุ หา้ มใช้กลอ้ งโทรทรรศนส์ อ่ งดูดวงอาทิตยโ์ ดยตรงเพราะจะทาให้ตาบอดได้ (3) นกั เรยี นคน้ ควา้ บทความหรอื คาศัพทภ์ าษาต่างประเทศเกยี่ วกบั ระบบสรุ ิยะ จากหนังสือภาษาต่างประเทศ หรอื อินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในห้องเรียนฟงั แลว้ บันทกึ ลงในสมดุ 5) ข้นั ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ที่เรยี นมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มีจดุ ใดบา้ งทย่ี งั ไม่เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม และการนาความรทู้ ่ีไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่ ­ มวลสว่ นใหญ่ของระบบสุรยิ ะประกอบดว้ ยธาตุใด ­ ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่ีจัดเป็นดาวเคราะหห์ นิ เพราะเหตุใดจึงถูกจัดเป็นดาวเคราะหห์ ิน ­ ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่ีจัดเป็นดาวเคราะหแ์ ก๊ส เพราะเหตใุ ดจงึ ถูกจัดเป็นดาวเคราะห์แกส๊ ­ พายุสุรยิ ะคืออะไร ­ ดาวเคราะหน์ ้อยและดาวหางอยู่บริเวณใดของระบบสรุ ิยะ และเกดิ ไดอ้ ย่างไร

ขัน้ สรุป 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกบั ระบบสุริยะโดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนทีค่ วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 2. ครดู าเนนิ การทดสอบหลังเรียน โดยให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพ่ือวดั ความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. ภาพ ส่ือมลั ติมีเดยี หรอื CD-Rom เก่ยี วกับเอกภพ กาแลก็ ซีตา่ ง ๆ ในท้องฟ้า ดาวบนท้องฟา้ และระบบสุริยะ 2. แผนภาพกาเนดิ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ 3. พจนานุกรมศัพทธ์ รณวี ิทยา (ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน) 4. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4­6

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี 49 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 6 ช่วั โมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 ระบบสุรยิ ะ เวลา 1 ชัว่ โมง เรอื่ ง ดวงอาทิตย์ ภาคเรยี นที่ 2/2558 สอนวันที่………เดอื น………………………พ.ศ…………ช้นั ........... โรงเรยี นบา้ นพิณโท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างพลังงานกับการดารงชีวติ การเปลยี่ นรปู พลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหวา่ งสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลงั งานต่อชีวิตและสิง่ แวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สอ่ื สารที่เรยี นรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคัญ ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ทเี่ ป็นศนู ยก์ ลางของระบบสุริยะ เกิดจากมวลส่วนใหญข่ องเนบิวลา ท่ียบุ ตัวลงด้วยแรงโนม้ ถว่ งจน มีขนาดเล็กลงและแก่นกลางมีอุณหภูมิสูงข้นึ มากพอท่จี ะเกิดปฏกิ ริ ยิ าเทอร์โมนิวเคลยี รห์ ลอมไฮโดรเจนเปน็ ฮเี ลยี มเพ่ือผลิต พลังงาน 2.ตวั ช้ีวดั / จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายการเกิดและววิ ัฒนาการของระบบสุรยิ ะได้ 2. สืบค้นและอธบิ ายเก่ียวกับอิทธิพลของดวงอาทิตย์ท่ีมีต่อโลกและระบบสุรยิ ะได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ ดวงอาทติ ย์เป็นดาวฤกษท์ ี่เป็นศูนยก์ ลางของระบบสรุ ยิ ะ เกิดจากมวลสว่ นใหญข่ องเนบิวลา ทยี่ ุบตัวลงด้วยแรงโน้มถ่วงจน มขี นาดเล็กลงและแก่นกลางมีอุณหภูมสิ ูงขึ้นมากพอทจ่ี ะเกิดปฏิกิรยิ าเทอร์โมนิวเคลียร์หลอมไฮโดรเจนเป็นฮเี ลยี มเพ่ือผลติ พลงั งาน สว่ นเนบวิ ลาที่อยู่รอบนอกจับกล่มุ รวมกันเปน็ ดาวเคราะห์และบรวิ ารอนื่ ๆของดวงอาทติ ย์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ 1. ครูถามคาถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรยี นเกยี่ วกับระบบสุรยิ ะ เชน่ ­ ระบบสุรยิ ะของเราเปน็ สว่ นหนง่ึ ในกาแล็กซใี ด ­ ดาวฤกษ์ดวงใดเป็นศูนย์กลางของระบบสรุ ิยะ เกดิ ขึน้ ได้อย่างไร 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซง่ึ มีขั้นตอนดงั น้ี 1) ขัน้ สรำ้ งควำมสนใจ (1) ครใู ห้นักเรยี นดแู ผนภาพ สอ่ื มลั ตมิ เี ดีย หรือ CD-Rom เกยี่ วกับระบบสุริยะ แล้วตง้ั ประเด็นคาถาม เช่น ­ ดาวเคราะห์ตา่ ง ๆ โคจรรอบระบบสุริยะได้อย่างไร ­ ภายในระบบสุรยิ ะประกอบด้วยส่ิงใดบ้าง

­ ระบบสุรยิ ะเกดิ ข้นึ ได้อย่างไร (2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยังไมเ่ น้นคาตอบที่ถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรียนศึกษากาเนดิ ระบบสรุ ิยะ จากใบความรูห้ รือในหนังสอื เรยี น โดยครูชว่ ยเชอื่ มโยงความร้ใู หม่จาก บทเรียนกับความร้เู ดิมที่เรียนรมู้ าแลว้ ด้วยการใชค้ าถามนากระตุ้นใหน้ ักเรียนตอบจากความรแู้ ละประสบการณ์ของ นกั เรียน (2) นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม สบื คน้ ข้อมลู จากหนังสืออ้างอิง วารสารวทิ ยาศาสตร์ และเวบ็ ไซตท์ ี่เกยี่ วข้องทาง อนิ เทอร์เน็ต ในหัวข้อตอ่ ไปน้ี ­ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ดวงอาทิตย์ ­ ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ­ ดาวหาง (3) แตล่ ะกลุ่มนาข้อมลู ที่ได้มารว่ มกนั อภิปรายภายในกลมุ่ ย่อย และนาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน (4) นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ปฏิบัติกิจกรรมสบื ค้นข้อมลู อทิ ธพิ ลของดวงอาทิตยท์ ี่มตี อ่ โลกและระบบสรุ ยิ ะ ตามขน้ั ตอน ท่ไี ด้วางแผนไว้ ดงั นี้ ­ ศกึ ษาข้อมลู เก่ยี วกบั อทิ ธิพลของดวงอาทติ ย์ท่มี ตี ่อโลกและระบบสุรยิ ะในประเดน็ ต่อไปนี้  ดวงอาทิตย์ทเี่ รารู้จกั (กาเนิดและวิวฒั นาการของดวงอาทิตย์ ความเปน็ ดาวฤกษ์ สิ่งที่ประกอบกันเปน็ ดวงอาทติ ย์)  ผลกระทบของพลงั งานจากดวงอาทิตย์ท่ีมีต่อโลก  ผลกระทบของพลังงานจากดวงอาทติ ย์ท่ีมีต่อดาวเคราะห์และเทหวัตถใุ นระบบสรุ ิยะ ­ นาข้อมูลท่ีได้จากการสบื ค้นมาอภิปรายรว่ มกัน นาเสนอในรูปของรายงาน และจดั ทาป้ายนเิ ทศแสดงผลงาน ของกลมุ่ 3) ขั้นอธิบำยและลงข้อสรปุ (1) ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ ­ ถ้าโลกสามารถควบคุมอุณหภูมบิ นโลกไม่ให้สูงกวา่ ปกติได้ จะเกดิ ผลอะไรต่อโลกบ้าง (ทาใหโ้ ลกเกิดความอบอนุ่ พอเหมาะต่อการดารงชวี ิต เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ ทาให้ ส่งิ มชี วี ิตดารงชวี ิตอยไู่ ด้เปน็ เวลานาน) ­ อะไรคือสาเหตุทท่ี าให้โลกไม่สามารถสง่ พลังงานจากดวงอาทิตย์กลบั คืนออกไปนอกโลกได้ (การเปลย่ี นแปลง ของบรรยากาศทห่ี อ่ หมุ้ โลก อันเน่ืองมาจากมีแก๊สบางชนดิ เชน่ คารบ์ อนไดออกไซด์ที่เกดิ จากกระบวนการเผาไหมห้ รอื กระบวนการผลติ ทางเคมีจะถูกปลดปล่อยออกส่บู รรยากาศผวิ โลกและเกิดการสะสมอยู่ในบรรยากาศท่ีทาหนา้ ที่ถา่ ยเท พลังงาน ซ่งึ แกส๊ ดังกลา่ วมสี มบตั ใิ นการเกบ็ กักความร้อน จงึ ทาให้กระบวนการถ่ายเทพลังงานโดยเฉพาะการสะท้อนกลับ ของพลังงานสบู่ รรยากาศภายนอกลดลง)

­ สงิ่ ท่ีทาให้ดาวเคราะหแ์ ละเทหวัตถใุ นระบบสรุ ิยะอยู่ในระบบสรุ ยิ ะไดค้ ืออะไร อธบิ ายเหตุผลประกอบ (พิจารณาจากคาตอบของนกั เรยี น) (2) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายและสรปุ ผลจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม 4) ขัน้ ขยำยควำมรู้ (1) ใหน้ กั เรียนสร้างแบบจาลองระบบสรุ ิยะตามจนิ ตนาการของตนเอง หรอื อาจทาเปน็ กล่มุ (2) นกั เรยี นศกึ ษาความร้เู พม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั ดวงอาทิตย์ โดยปฏิบตั กิ จิ กรรมเสริมความร้ดู ังนี้ ­ จัดอปุ กรณ์ดงั รูป ­ หนั หนา้ กล้องไปยังดวงอาทิตย์ ปรับโฟกสั จนได้ภาพดวงอาทติ ย์ปรากฏชัดบนฉาก (พลาสติกลูกฟูกสดี า ขนาด 20 × 20 เซนติเมตร) แลว้ นบั จานวนจดุ ทีส่ ังเกตได้ จากน้นั บันทึกผลการสงั เกต หมำยเหตุ หา้ มใช้กลอ้ งโทรทรรศนส์ อ่ งดูดวงอาทิตยโ์ ดยตรงเพราะจะทาให้ตาบอดได้ (3) นกั เรยี นคน้ ควา้ บทความหรือคาศัพทภ์ าษาต่างประเทศเกยี่ วกบั ระบบสรุ ิยะ จากหนังสือภาษาต่างประเทศ หรอื อินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในห้องเรียนฟงั แลว้ บนั ทกึ ลงในสมดุ 5) ข้นั ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ทเ่ี รยี นมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มีจดุ ใดบา้ งทย่ี ังไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม และการนาความรทู้ ี่ไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่ ­ มวลสว่ นใหญ่ของระบบสุรยิ ะประกอบดว้ ยธาตุใด ­ ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่ีจดั เป็นดาวเคราะหห์ นิ เพราะเหตุใดจึงถูกจัดเป็นดาวเคราะหห์ ิน ­ ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่จี ัดเป็นดาวเคราะห์แก๊ส เพราะเหตใุ ดจงึ ถูกจัดเป็นดาวเคราะห์แกส๊ ­ พายุสุรยิ ะคืออะไร ­ ดาวเคราะหน์ ้อยและดาวหางอยู่บริเวณใดของระบบสรุ ิยะ และเกดิ ไดอ้ ย่างไร

ขัน้ สรุป 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกบั ระบบสุริยะโดยรว่ มกันเขยี นเปน็ แผนท่คี วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 2. ครดู าเนนิ การทดสอบหลังเรียน โดยให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพ่ือวัดความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. ภาพ ส่ือมลั ติมีเดยี หรอื CD-Rom เก่ยี วกับเอกภพ กาแลก็ ซีตา่ ง ๆ ในท้องฟา้ ดาวบนท้องฟา้ และระบบสุริยะ 2. แผนภาพกาเนดิ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ 3. พจนานุกรมศัพทธ์ รณวี ิทยา (ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน) 4. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4­6

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 50 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4-6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 6 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 ระบบสุรยิ ะ เวลา 1 ชัว่ โมง เรอื่ ง ดวงอาทิตย์ ภาคเรยี นที่ 2/2558 สอนวันที่………เดอื น………………………พ.ศ…………ชน้ั ........... โรงเรยี นบา้ นพิณโท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.1 : เข้าใจความสัมพันธ์ระหวา่ งพลงั งานกับการดารงชวี ิต การเปลยี่ นรูปพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธ์ ระหวา่ งสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลงั งานตอ่ ชีวิตและสงิ่ แวดลอ้ ม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สอ่ื สารทีเ่ รียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 1.สำระสำคัญ ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ทเี่ ป็นศนู ยก์ ลางของระบบสุริยะ เกิดจากมวลส่วนใหญ่ของเนบิวลา ทีย่ บุ ตวั ลงดว้ ยแรงโน้มถ่วงจน มขี นาดเล็กลงและแก่นกลางมีอุณหภูมิสูงข้นึ มากพอที่จะเกิดปฏกิ ริ ยิ าเทอรโ์ มนวิ เคลียรห์ ลอมไฮโดรเจนเปน็ ฮเี ลยี มเพื่อผลติ พลังงาน 2.ตวั ช้ีวดั / จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายการเกิดและววิ ัฒนาการของระบบสรุ ิยะได้ 2. สืบค้นและอธบิ ายเก่ียวกับอิทธิพลของดวงอาทติ ย์ที่มีต่อโลกและระบบสรุ ิยะได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ ดวงอาทติ ย์เป็นดาวฤกษท์ ี่เป็นศูนยก์ ลางของระบบสุรยิ ะ เกิดจากมวลสว่ นใหญ่ของเนบิวลา ที่ยบุ ตัวลงด้วยแรงโนม้ ถว่ งจน มีขนาดเล็กลงและแก่นกลางมีอุณหภูมสิ ูงขึ้นมากพอทจ่ี ะเกิดปฏกิ ริ ยิ าเทอรโ์ มนวิ เคลียร์หลอมไฮโดรเจนเป็นฮีเลยี มเพ่ือผลิต พลงั งาน สว่ นเนบวิ ลาที่อยูร่ อบนอกจับกล่มุ รวมกันเป็นดาวเคราะห์และบริวารอน่ื ๆของดวงอาทิตย์ 4.กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ 1. ครูถามคาถามทบทวนความรู้เดิมของนักเรยี นเกยี่ วกบั ระบบสรุ ยิ ะ เชน่ ­ ระบบสุรยิ ะของเราเปน็ สว่ นหนง่ึ ในกาแล็กซีใด ­ ดาวฤกษ์ดวงใดเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ เกิดขน้ึ ได้อยา่ งไร 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซงึ่ มีข้ันตอนดังนี้ 1) ขัน้ สรำ้ งควำมสนใจ (1) ครใู ห้นักเรยี นดแู ผนภาพ สอ่ื มลั ตมิ เี ดีย หรือ CD-Rom เกยี่ วกบั ระบบสุริยะ แล้วตงั้ ประเดน็ คาถาม เชน่ ­ ดาวเคราะห์ตา่ ง ๆ โคจรรอบระบบสุรยิ ะได้อย่างไร ­ ภายในระบบสุริยะประกอบด้วยส่ิงใดบ้าง

­ ระบบสุรยิ ะเกดิ ข้นึ ได้อย่างไร (2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครูยังไมเ่ น้นคาตอบท่ีถูกต้อง 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรียนศึกษากาเนดิ ระบบสรุ ิยะ จากใบความรู้หรือในหนงั สือเรยี น โดยครชู ว่ ยเชอื่ มโยงความรู้ใหม่จาก บทเรียนกับความร้เู ดิมที่เรียนรมู้ าแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระตุน้ ให้นักเรยี นตอบจากความรแู้ ละประสบการณข์ อง นกั เรียน (2) นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม สบื คน้ ข้อมลู จากหนงั สืออ้างอิง วารสารวิทยาศาสตร์ และเวบ็ ไซต์ที่เกยี่ วขอ้ งทาง อนิ เทอร์เน็ต ในหัวข้อตอ่ ไปน้ี ­ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ดวงอาทติ ย์ ­ ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ­ ดาวหาง (3) แตล่ ะกลุ่มนาข้อมลู ที่ได้มารว่ มกนั อภปิ รายภายในกล่มุ ย่อย และนาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น (4) นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ปฏิบตั ิกิจกรรมสบื ค้นข้อมลู อทิ ธิพลของดวงอาทติ ยท์ ี่มตี อ่ โลกและระบบสรุ ิยะ ตามขัน้ ตอน ท่ไี ด้วางแผนไว้ ดงั นี้ ­ ศกึ ษาข้อมลู เก่ยี วกบั อิทธิพลของดวงอาทติ ย์ทมี่ ีต่อโลกและระบบสรุ ิยะในประเด็นต่อไปน้ี  ดวงอาทิตย์ทเี่ รารู้จกั (กาเนิดและวิวัฒนาการของดวงอาทติ ย์ ความเป็นดาวฤกษ์ สิ่งท่ีประกอบกันเปน็ ดวงอาทติ ย์)  ผลกระทบของพลงั งานจากดวงอาทติ ย์ทมี่ ตี ่อโลก  ผลกระทบของพลังงานจากดวงอาทิตย์ที่มีต่อดาวเคราะห์และเทหวตั ถใุ นระบบสรุ ยิ ะ ­ นาข้อมูลท่ีได้จากการสบื ค้นมาอภิปรายร่วมกนั นาเสนอในรูปของรายงาน และจัดทาป้ายนเิ ทศแสดงผลงาน ของกลมุ่ 3) ขั้นอธิบำยและลงข้อสรปุ (1) ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม เชน่ ­ ถ้าโลกสามารถควบคุมอุณหภมู บิ นโลกไมใ่ หส้ ูงกวา่ ปกติได้ จะเกิดผลอะไรต่อโลกบ้าง (ทาใหโ้ ลกเกิดความอบอนุ่ พอเหมาะต่อการดารงชีวติ เกดิ ความสมดุลทางธรรมชาติ ทาให้ ส่งิ มชี วี ิตดารงชวี ิตอยไู่ ด้เปน็ เวลานาน) ­ อะไรคือสาเหตุทท่ี าให้โลกไม่สามารถส่งพลังงานจากดวงอาทติ ย์กลับคนื ออกไปนอกโลกได้ (การเปลี่ยนแปลง ของบรรยากาศทห่ี อ่ หมุ้ โลก อันเน่ืองมาจากมีแก๊สบางชนดิ เชน่ คารบ์ อนไดออกไซดท์ ่ีเกิดจากกระบวนการเผาไหม้หรอื กระบวนการผลติ ทางเคมีจะถูกปลดปล่อยออกสบู่ รรยากาศผวิ โลกและเกดิ การสะสมอยู่ในบรรยากาศท่ีทาหน้าที่ถา่ ยเท พลังงาน ซ่งึ แกส๊ ดังกลา่ วมสี มบตั ิในการเก็บกักความร้อน จงึ ทาให้กระบวนการถา่ ยเทพลังงานโดยเฉพาะการสะท้อนกลับ ของพลังงานสบู่ รรยากาศภายนอกลดลง)

­ สิ่งท่ีทาให้ดาวเคราะหแ์ ละเทหวัตถใุ นระบบสุรยิ ะอยู่ในระบบสรุ ิยะไดค้ ืออะไร อธบิ ายเหตผุ ลประกอบ (พิจารณาจากคาตอบของนกั เรยี น) (2) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายและสรุปผลจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม 4) ข้นั ขยำยควำมรู้ (1) ใหน้ กั เรียนสร้างแบบจาลองระบบสรุ ยิ ะตามจนิ ตนาการของตนเอง หรอื อาจทาเปน็ กล่มุ (2) นกั เรียนศกึ ษาความร้เู พม่ิ เติมเกยี่ วกบั ดวงอาทติ ย์ โดยปฏิบตั ิกิจกรรมเสริมความร้ดู ังนี้ ­ จัดอปุ กรณ์ดงั รูป ­ หนั หนา้ กล้องไปยังดวงอาทิตย์ ปรับโฟกัสจนไดภ้ าพดวงอาทิตย์ปรากฏชัดบนฉาก (พลาสติกลูกฟูกสีดา ขนาด 20 × 20 เซนติเมตร) แลว้ นบั จานวนจดุ ท่ีสงั เกตได้ จากนน้ั บนั ทกึ ผลการสงั เกต หมำยเหตุ หา้ มใช้กลอ้ งโทรทรรศนส์ อ่ งดูดวงอาทติ ย์โดยตรงเพราะจะทาให้ตาบอดได้ (3) นกั เรยี นคน้ ควา้ บทความหรอื คาศัพท์ภาษาต่างประเทศเกยี่ วกบั ระบบสรุ ิยะ จากหนังสือภาษาต่างประเทศ หรอื อินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในห้องเรียนฟัง แลว้ บนั ทึกลงในสมดุ 5) ข้นั ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวขอ้ ทีเ่ รยี นมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มีจดุ ใดบา้ งทย่ี งั ไม่เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปญั หาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม และการนาความรทู้ ่ีได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่ ­ มวลสว่ นใหญ่ของระบบสุรยิ ะประกอบดว้ ยธาตใุ ด ­ ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่ีจัดเป็นดาวเคราะห์หิน เพราะเหตุใดจึงถูกจดั เป็นดาวเคราะหห์ ิน ­ ดาวเคราะหด์ วงใดบ้างท่ีจัดเป็นดาวเคราะหแ์ กส๊ เพราะเหตใุ ดจึงถูกจัดเป็นดาวเคราะห์แกส๊ ­ พายุสุรยิ ะคืออะไร ­ ดาวเคราะหน์ ้อยและดาวหางอยู่บริเวณใดของระบบสุริยะ และเกดิ ไดอ้ ย่างไร

ขัน้ สรุป 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกบั ระบบสุริยะโดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนทีค่ วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 2. ครดู าเนนิ การทดสอบหลังเรียน โดยให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเพ่ือวดั ความก้าวหน้า/ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน 5. สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. ภาพ ส่ือมลั ติมีเดยี หรอื CD-Rom เก่ยี วกับเอกภพ กาแลก็ ซีตา่ ง ๆ ในท้องฟ้า ดาวบนท้องฟา้ และระบบสุริยะ 2. แผนภาพกาเนดิ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ 3. พจนานุกรมศัพทธ์ รณวี ิทยา (ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน) 4. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4­6

แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ 51 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ เวลา 10 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ช่ัวโมง เรือ่ ง กลอ้ งโทรทรรศน์ ภาคเรยี นท่ี 2/2558 สอนวันท่ี………เดือน………………………พ.ศ…………ชั้น........... โรงเรียนบา้ นพิณโท ครูผสู้ อน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.2 : เขา้ ใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศทีน่ ามาใช้ในการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาติด้านการเกษตรและการสื่อสาร มกี ระบวนการสืบเสาะสบื เสาะหาความร้แู ละจติ วทิ ยาศาสตร์ สือ่ สาร สง่ิ ที่เรียนร้แู ละนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์อย่างมีคุณธรรมต่อชีวติ และส่ิงแวดล้อม 1.สำระสำคญั การพฒั นาเทคโนโลยีเครอื่ งมือทางดาราศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพมากข้ึนทาให้มีการเดินทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สรา้ งกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานอี วกาศ 2.ตัวชี้วัด / จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. สืบค้นข้อมลู และอธบิ ายประวตั ิการสง่ ยานอวกาศได้ 2. อธิบายความรูพ้ ืน้ ฐานเกยี่ วกบั การขนสง่ ดาวเทียมและยานอวกาศได้ 3. อธิบายหลกั การทางานของยานขนสง่ อวกาศ การอาศัยและการทางานในอวกาศได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ 1. ระบบยานขนสง่ อวกาศถกู พัฒนาขึ้นมาใช้ส่งดาวเทยี มและยานอวกาศแทนการใชจ้ รวดอย่างเดยี ว เนอื่ งจาก สามารถนากลับมาใช้ใหม่ได้ 2. ในการส่งยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดทพ่ี ายานอวกาศจะต้องมีความเร็วมากกวา่ ความเรว็ หลุดพน้ จงึ จะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมีภารกิจในการสารวจโลกและวัตถุท้องฟา้ อื่นๆ 4. กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครูนาสนทนากับนักเรยี นเกย่ี วกบั ประเพณีบุญบงั้ ไฟ หรือให้นกั เรียนทเี่ คยไปเท่ียวงานออกมาเลา่ ประสบการณใ์ หเ้ พ่ือน ๆ ฟงั หรือนาภาพบ้ังไฟที่ถูกจุดขึ้นฟา้ มาให้นักเรียนดู แล้วตง้ั ประเด็นคาถาม เช่น ­ ทาไมบ้ังไฟทถี่ ูกจดุ จึงสามารถทะยานข้ึนสทู่ ้องฟ้าได้ ­ บ้งั ไฟกับจรวดเหมอื นหรือแตกต่างกนั ในลกั ษณะใด ­ มนษุ ยห์ รอื วตั ถตุ า่ ง ๆ จะทะยานขนึ้ สทู่ อ้ งฟ้าและหลดุ ลอยออกไปสู่อวกาศได้อย่างไร 2. นกั เรียนชว่ ยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครยู งั ไม่เนน้ คาตอบที่ถกู ต้อง จดั การเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซงึ่ มีขั้นตอนดงั น้ี

1) ข้ันสร้ำงควำมสนใจ (1) ครูให้นกั เรียนดูภาพ ส่ือมัลติมีเดยี หรอื CD-Rom เก่ยี วกับดาวเทียม ยานอวกาศ หรือภาพบนท้องฟา้ ที่ ปรากฏในกล้องอวกาศฮับเบิล แลว้ ตัง้ ประเด็นคาถาม เช่น ­ สงิ่ ทนี่ ักเรยี นได้ดเู ป็นผลมาจากสิ่งใด (เทคโนโลยีอวกาศ) ­ เทคโนโลยีอวกาศคืออะไร มีความสาคญั ต่อเราและมวลมนุษยท์ ่วั โลกอยา่ งไร ­ ทาไมมนุษยจ์ งึ ต้องสารวจอวกาศ ­ การทีจ่ ะไปสอู่ วกาศได้ นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาและเรียนรใู้ นเรื่องใดบ้าง (2) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรียนเพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรยี นรู้เร่อื งการส่งดาวเทยี ม และยานอวกาศ 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรยี นศึกษาความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั การขนส่งดาวเทยี มและยานอวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ การอาศัยและการ ทางานในยานอวกาศจากใบความรหู้ รือในหนงั สือเรยี น โดยครูชว่ ยเชือ่ มโยงความรใู้ หมจ่ ากบทเรยี นกับความรู้เดมิ ทเี่ รยี นรู้ มาแลว้ ด้วยการใชค้ าถามนากระต้นุ ใหน้ ักเรยี นตอบจากความรู้และประสบการณ์ของนกั เรียน (2) นักเรยี นแบ่งกล่มุ แต่ละกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู ความก้าวหนา้ ของการศึกษาดา้ นอวกาศ โดยทาการสืบค้นและ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความก้าวหนา้ ดา้ นอวกาศจากเวบ็ ไซตข์ อง องค์การนาซา หรือเวบ็ ไซต์อ่ืน ๆ ตามประเดน็ ต่อไปน้ี  ประวตั ิการสง่ ยานอวกาศ  ความรู้วิทยาศาสตร์พืน้ ฐานกับการพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ  ผลของความกา้ วหน้าดา้ นอวกาศ 3) ขนั้ อธิบำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายผลของการปฏบิ ตั ิกิจกรรม แลว้ ส่งตัวแทนออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น (2) ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยใช้แนวคาถาม เช่น ­ จากการสืบคน้ ข้อมูลตามประวัตศิ าสตร์แล้ว ชนชาตใิ ดท่นี าหลกั การสร้างจรวดมาใชใ้ นการประดิษฐ์อาวธุ ในการ ทาสงครามเปน็ ชาติแรก (ชาวจนี ) ­ บงั้ ไฟใชห้ ลักการเดียวกับการส่งจรวดหรือไม่ (บ้ังไฟใช้หลักการเดยี วกันกับการส่งจรวดข้นึ ไปในอวกาศ บั้งไฟ จดั เป็นจรวดเชื้อเพลิงแขง็ ท่ีใช้ดนิ ปืนเปน็ เชือ้ เพลงิ บง้ั ไฟเคลื่อนทข่ี ึ้นไปบนอากาศได้เพราะแรงขับทีเ่ กิดจากการจดุ ดินปืน) ­ ผทู้ ี่ประสบความสาเรจ็ ในการสร้างจรวดเชือ้ เพลงิ เหลวคือใคร (โรเบิรต์ กอดดาร์ด ชาวอเมริกัน) ­ หลักการส่งจรวดข้นึ ไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนทีข่ องนวิ ตนั ขอ้ ใด (หลักการส่งจรวดโดยใชเ้ ชอื้ เพลงิ เหลวข้ึนไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนท่ีข้อที่ 3 ของนวิ ตัน ท่สี รุปวา่ แรงกริ ิยาของแกส๊ รอ้ นจากการเผาไหม้ถูกขับ ออกมาจะเท่ากบั แรงปฏิกริ ยิ าทก่ี ระทาต่อจรวด ทาใหจ้ รวดเคลอ่ื นท่ีไปในทิศตรงกันขา้ มได)้ ­ อัตราส่วนทเ่ี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวกบั ออกซิเจนเหลวทใี่ ช้เปน็ สารขับดันให้จรวด

สามารถเคล่ือนท่ีไดม้ คี ่าเทา่ ใด (อัตราส่วนทีเ่ หมาะสมระหว่างไฮโดรเจนเหลวทีเ่ ป็นสารเชอื้ เพลิงกับออกซิเจนเหลวท่ี รวมกันเป็นสารขบั ดันของจรวดมคี า่ เท่ากบั 1:1.5) ­ ผลของความเจริญกา้ วหน้าในการศึกษาเก่ียวกบั อวกาศทาใหม้ นษุ ย์ไดร้ ับประโยชนจ์ ากความรูด้ ังกลา่ วในดา้ น ใดบ้าง (แนวคาตอบ เชน่ ทาให้เกดิ ความก้าวหน้าของระบบโทรคมนาคม ความก้าวหน้าทางด้านวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยีด้วยเครือ่ งมือวัด เช่น เครือ่ งมือตรวจจบั วัสดุศาสตร์ เคร่ืองมือทางด้านเทคโนโลยพี ลังงาน และทาให้ไดร้ ับ ความรทู้ างด้านดาราศาสตร์มากข้นึ ) (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปผลจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม (4) ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เร่ืองความรพู้ ้นื ฐานกับการขนสง่ ดาวเทยี มและยานอวกาศ โดยเนน้ ให้นกั เรยี นเข้าใจ เก่ยี วกบั ความเร็วหลดุ พน้ และความเร็วในการโคจรรอบโลก โดยใชส้ ูตรคานวณและตารางในหนงั สอื เรียนประกอบ 4) ขนั้ ขยำยควำมรู้ (1) ครูใหน้ ักเรียนออกแบบและสรา้ งจรวดตามความคิดและจินตนาการของตนเอง (2) ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายหรือสืบค้นข้อมลู ในประเด็นทน่ี า่ สนใจ เช่น ­ การผลิตพลังงานไฟฟา้ ในอวกาศจากแหลง่ ตา่ ง ๆ ได้แก่ เซลล์สรุ ิยะ เซลล์เชอื้ เพลงิ และเครื่องปฏกิ รณน์ วิ เคลียร์ ­ เชือ้ เพลิงในยานขนส่งอวกาศเปน็ เชอ้ื เพลงิ ชนดิ ใด ­ จรวดในวงโคจรของผวิ โลกตอ้ งใชค้ วามเร็วหลดุ พ้นมากกว่าจรวดที่อยู่ไกลผิวโลกเพราะเหตใุ ด ­ การร่อนลงของยานอวกาศกับเคร่อื งบินเหมอื นหรือแตกต่างกนั เพราะอะไร (3) ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมเกย่ี วกบั การข้ึน­ลงของยานขนส่งอวกาศ โดยใช้แผนภาพทเี่ ตรียมมาหรอื ให้นักเรยี นดูจาก ในหนงั สือเรียน ประกอบ 5) ข้ันประเมนิ (1) ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาว่า จากหวั ข้อท่เี รียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มีจดุ ใดบ้างทยี่ งั ไม่เข้าใจหรือ ยงั มีข้อสงสยั ถ้ามีครูชว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยการให้ตอบคาถาม เชน่ ­ แรงดงึ ดูดของโลกจะเพ่ิมข้ึนหรือลดลงข้ึนอยู่กบั อะไร ­ ยานขนส่งอวกาศปลอ่ ยดาวเทียมใหเ้ ขา้ สู่วงโคจรไดอ้ ยา่ งไร ­ ดาวเทียมโคจรรอบโลกโดยอาศัยหลักการใด ­ กฎของแรงดึงดูดระหว่างมวลของนวิ ตันเกี่ยวข้องกับการโคจรของดาวเทียมในลักษณะใด ­ ความเร็วโคจรรอบโลกและความเรว็ หลุดพ้นเกย่ี วข้องกับดาวเทยี มและยานอวกาศในลักษณะใด

­ ถา้ มนษุ ย์ข้นึ ไปอยู่ในอวกาศทีไ่ ม่มีแรงโนม้ ถว่ ง ระบบการทางานของรา่ งกายจะเปล่ยี นแปลงในด้านใดบ้าง และ จะมวี ธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับประวตั กิ ารสง่ ยานอวกาศ ความรู้พนื้ ฐานกบั การขนส่งดาวเทยี มและยาน อวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ และการอาศัยและทางานในยานขนสง่ อวกาศ โดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนที่ความคดิ หรือผงั มโน ทัศน์ 5. ส่อื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 2.ใบงาน เรือ่ ง กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศและสถานอี วกาศ

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี 52 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เวลา 10 ช่วั โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ชัว่ โมง เรือ่ ง กลอ้ งโทรทรรศน์ ภาคเรยี นท่ี 2/2558 สอนวันท่ี………เดือน………………………พ.ศ…………ช้ัน........... โรงเรยี นบ้านพิณโท ครูผสู้ อน ............................................................................. สำระท่ี 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.2 : เขา้ ใจความสาคัญของเทคโนโลยอี วกาศที่นามาใชใ้ นการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาติด้านการเกษตรและการส่ือสาร มกี ระบวนการสืบเสาะสบื เสาะหาความรู้และจติ วทิ ยาศาสตร์ สือ่ สาร สง่ิ ที่เรียนร้แู ละนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์อยา่ งมีคุณธรรมต่อชวี ติ และสงิ่ แวดล้อม 1.สำระสำคญั การพฒั นาเทคโนโลยีเครอื่ งมือทางดาราศาสตร์ให้มีประสทิ ธิภาพมากขึ้นทาใหม้ ีการเดนิ ทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สรา้ งกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานอี วกาศ 2.ตัวชี้วัด / จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. สืบค้นข้อมลู และอธบิ ายประวตั ิการสง่ ยานอวกาศได้ 2. อธิบายความรู้พน้ื ฐานเกยี่ วกับการขนสง่ ดาวเทียมและยานอวกาศได้ 3. อธิบายหลกั การทางานของยานขนสง่ อวกาศ การอาศัยและการทางานในอวกาศได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ 1. ระบบยานขนส่งอวกาศถกู พัฒนาขึ้นมาใชส้ ง่ ดาวเทียมและยานอวกาศแทนการใชจ้ รวดอยา่ งเดยี ว เนอื่ งจาก สามารถนากลบั มาใชใ้ หม่ได้ 2. ในการส่งยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดทีพ่ ายานอวกาศจะต้องมีความเรว็ มากกว่าความเร็วหลดุ พน้ จึงจะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมีภารกิจในการสารวจโลกและวัตถุท้องฟา้ อน่ื ๆ 4. กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ 1. ครูนาสนทนากบั นักเรยี นเกย่ี วกบั ประเพณบี ุญบั้งไฟ หรือใหน้ ักเรียนท่ีเคยไปเทยี่ วงานออกมาเล่าประสบการณ์ใหเ้ พ่ือน ๆ ฟงั หรือนาภาพบ้ังไฟที่ถูกจุดขนึ้ ฟา้ มาให้นกั เรยี นดู แล้วต้ังประเด็นคาถาม เชน่ ­ ทาไมบง้ั ไฟทถี่ ูกจดุ จึงสามารถทะยานข้นึ สู่ท้องฟ้าได้ ­ บ้งั ไฟกับจรวดเหมอื นหรือแตกต่างกนั ในลกั ษณะใด ­ มนษุ ย์หรอื วัตถตุ า่ ง ๆ จะทะยานขึน้ สทู่ อ้ งฟา้ และหลดุ ลอยออกไปสู่อวกาศได้อยา่ งไร 2. นกั เรยี นช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครยู งั ไมเ่ นน้ คาตอบที่ถูกต้อง จดั การเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซง่ึ มีขั้นตอนดงั นี้

1) ข้ันสร้ำงควำมสนใจ (1) ครูให้นักเรียนดูภาพ ส่ือมัลติมีเดยี หรือ CD-Rom เก่ยี วกับดาวเทียม ยานอวกาศ หรือภาพบนท้องฟ้าที่ ปรากฏในกล้องอวกาศฮับเบลิ แลว้ ตัง้ ประเด็นคาถาม เช่น ­ สงิ่ ทนี่ ักเรียนได้ดเู ป็นผลมาจากส่ิงใด (เทคโนโลยีอวกาศ) ­ เทคโนโลยีอวกาศคืออะไร มคี วามสาคญั ตอ่ เราและมวลมนษุ ยท์ วั่ โลกอยา่ งไร ­ ทาไมมนุษยจ์ งึ ต้องสารวจอวกาศ ­ การทีจ่ ะไปสอู่ วกาศได้ นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาและเรียนรใู้ นเรือ่ งใดบ้าง (2) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรียนเพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรยี นรู้เร่อื งการส่งดาวเทยี ม และยานอวกาศ 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นักเรยี นศึกษาความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั การขนส่งดาวเทยี มและยานอวกาศ ยานขนส่งอวกาศ การอาศัยและการ ทางานในยานอวกาศจากใบความรหู้ รือในหนงั สือเรยี น โดยครูชว่ ยเชือ่ มโยงความรใู้ หมจ่ ากบทเรียนกบั ความรูเ้ ดมิ ที่เรยี นรู้ มาแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระต้นุ ใหน้ ักเรยี นตอบจากความรู้และประสบการณข์ องนกั เรยี น (2) นักเรยี นแบ่งกล่มุ แต่ละกลมุ่ สืบค้นขอ้ มลู ความก้าวหน้าของการศึกษาด้านอวกาศ โดยทาการสืบคน้ และ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความก้าวหนา้ ด้านอวกาศจากเวบ็ ไซตข์ อง องค์การนาซา หรือเว็บไซต์อ่ืน ๆ ตามประเด็นต่อไปนี้  ประวตั ิการสง่ ยานอวกาศ  ความรู้วิทยาศาสตร์พืน้ ฐานกับการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ  ผลของความกา้ วหนา้ ด้านอวกาศ 3) ขนั้ อธิบำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายผลของการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม แลว้ ส่งตัวแทนออกมานาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน (2) ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมโดยใช้แนวคาถาม เช่น ­ จากการสืบคน้ ข้อมูลตามประวัตศิ าสตร์แลว้ ชนชาตใิ ดทีน่ าหลกั การสร้างจรวดมาใชใ้ นการประดิษฐ์อาวธุ ในการ ทาสงครามเปน็ ชาติแรก (ชาวจนี ) ­ บงั้ ไฟใชห้ ลักการเดียวกับการส่งจรวดหรือไม่ (บ้ังไฟใช้หลักการเดยี วกนั กับการส่งจรวดข้นึ ไปในอวกาศ บ้งั ไฟ จดั เป็นจรวดเชื้อเพลงิ แขง็ ท่ีใช้ดนิ ปืนเปน็ เชอ้ื เพลิง บ้งั ไฟเคลื่อนทข่ี ึ้นไปบนอากาศได้เพราะแรงขับทีเ่ กิดจากการจดุ ดนิ ปืน) ­ ผทู้ ี่ประสบความสาเรจ็ ในการสรา้ งจรวดเชอ้ื เพลงิ เหลวคือใคร (โรเบิรต์ กอดดาร์ด ชาวอเมริกัน) ­ หลักการส่งจรวดข้นึ ไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนทขี่ องนวิ ตนั ข้อใด (หลักการส่งจรวดโดยใชเ้ ชอื้ เพลงิ เหลวข้ึนไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนที่ข้อท่ี 3 ของนวิ ตนั ทส่ี รุปวา่ แรงกริ ยิ าของแก๊สรอ้ นจากการเผาไหม้ถูกขับ ออกมาจะเท่ากบั แรงปฏิกริ ยิ าทก่ี ระทาต่อจรวด ทาใหจ้ รวดเคล่ือนท่ีไปในทิศตรงกันขา้ มได)้ ­ อัตราส่วนทเ่ี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวกบั ออกซิเจนเหลวทีใ่ ช้เป็นสารขับดนั ใหจ้ รวด

สามารถเคล่ือนที่ไดม้ คี ่าเทา่ ใด (อัตราสว่ นท่เี หมาะสมระหว่างไฮโดรเจนเหลวทเ่ี ป็นสารเชอ้ื เพลิงกบั ออกซิเจนเหลวท่ี รวมกันเป็นสารขับดนั ของจรวดมีค่าเท่ากับ 1:1.5) ­ ผลของความเจริญก้าวหนา้ ในการศึกษาเก่ยี วกับอวกาศทาให้มนษุ ยไ์ ด้รับประโยชนจ์ ากความร้ดู งั กล่าวในดา้ น ใดบ้าง (แนวคาตอบ เชน่ ทาใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ของระบบโทรคมนาคม ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีด้วยเครอื่ งมือวดั เชน่ เครอ่ื งมือตรวจจบั วสั ดุศาสตร์ เครื่องมือทางดา้ นเทคโนโลยพี ลังงาน และทาให้ไดร้ บั ความรทู้ างด้านดาราศาสตร์มากขน้ึ ) (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบัติกิจกรรม (4) ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม เร่ืองความรู้พน้ื ฐานกบั การขนส่งดาวเทียมและยานอวกาศ โดยเนน้ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจ เก่ยี วกบั ความเร็วหลุดพน้ และความเร็วในการโคจรรอบโลก โดยใช้สูตรคานวณและตารางในหนังสือเรียนประกอบ 4) ขัน้ ขยำยควำมรู้ (1) ครูใหน้ ักเรยี นออกแบบและสรา้ งจรวดตามความคดิ และจนิ ตนาการของตนเอง (2) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายหรอื สืบคน้ ข้อมลู ในประเดน็ ท่นี ่าสนใจ เชน่ ­ การผลิตพลงั งานไฟฟา้ ในอวกาศจากแหล่งต่าง ๆ ไดแ้ ก่ เซลล์สรุ ิยะ เซลลเ์ ชอื้ เพลิง และเคร่ืองปฏิกรณ์นวิ เคลยี ร์ ­ เชื้อเพลิงในยานขนสง่ อวกาศเปน็ เช้ือเพลิงชนิดใด ­ จรวดในวงโคจรของผิวโลกต้องใชค้ วามเรว็ หลุดพ้นมากกว่าจรวดท่อี ยู่ไกลผิวโลกเพราะเหตใุ ด ­ การร่อนลงของยานอวกาศกับเครือ่ งบินเหมือนหรือแตกต่างกัน เพราะอะไร (3) ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับการขนึ้ ­ลงของยานขนสง่ อวกาศ โดยใชแ้ ผนภาพทเ่ี ตรยี มมาหรือให้นกั เรียนดูจาก ในหนงั สือเรียน ประกอบ 5) ขนั้ ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวขอ้ ท่ีเรยี นมาและการปฏบิ ตั ิกิจกรรม มีจุดใดบ้างทยี่ งั ไม่เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มีครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรยี นเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรอื อุปสรรคใด และได้มีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม และการนาความรทู้ ่ีไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น ­ แรงดึงดูดของโลกจะเพ่ิมขน้ึ หรอื ลดลงข้ึนอยู่กบั อะไร ­ ยานขนสง่ อวกาศปลอ่ ยดาวเทยี มใหเ้ ขา้ สวู่ งโคจรไดอ้ ย่างไร ­ ดาวเทียมโคจรรอบโลกโดยอาศยั หลกั การใด ­ กฎของแรงดึงดูดระหวา่ งมวลของนิวตันเกย่ี วข้องกับการโคจรของดาวเทียมในลักษณะใด ­ ความเร็วโคจรรอบโลกและความเรว็ หลุดพน้ เก่ยี วข้องกับดาวเทียมและยานอวกาศในลักษณะใด

­ ถา้ มนษุ ย์ข้นึ ไปอยู่ในอวกาศทีไ่ ม่มีแรงโนม้ ถว่ ง ระบบการทางานของรา่ งกายจะเปล่ยี นแปลงในด้านใดบ้าง และ จะมวี ธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับประวตั กิ ารสง่ ยานอวกาศ ความรพู้ นื้ ฐานกบั การขนส่งดาวเทยี มและยาน อวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ และการอาศัยและทางานในยานขนสง่ อวกาศ โดยร่วมกันเขยี นเป็นแผนที่ความคดิ หรือผงั มโน ทัศน์ 5. ส่อื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 2.ใบงาน เรือ่ ง กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศและสถานอี วกาศ

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 53 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เวลา 10 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 8 เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ช่ัวโมง เรอื่ ง การขนส่งและการโคจรของดาวเทียม ภาคเรียนท่ี 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ชั้น........... โรงเรียนบ้านพณิ โท ครูผสู้ อน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.2 : เข้าใจความสาคัญของเทคโนโลยอี วกาศทน่ี ามาใชใ้ นการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาตดิ ้านการเกษตรและการสื่อสาร มีกระบวนการสบื เสาะสืบเสาะหาความรแู้ ละจติ วิทยาศาสตร์ สอื่ สาร สิง่ ทเ่ี รยี นรแู้ ละนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์อยา่ งมีคุณธรรมต่อชีวิตและส่งิ แวดลอ้ ม 1.สำระสำคัญ การพัฒนาเทคโนโลยเี ครือ่ งมือทางดาราศาสตรใ์ ห้มปี ระสทิ ธภิ าพมากข้ึนทาใหม้ ีการเดินทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สรา้ งกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานีอวกาศ 2.ตัวชี้วดั / จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มลู และอธิบายประวัติการส่งยานอวกาศได้ 2. อธบิ ายความรู้พืน้ ฐานเกยี่ วกับการขนส่งดาวเทยี มและยานอวกาศได้ 3. อธิบายหลกั การทางานของยานขนส่งอวกาศ การอาศยั และการทางานในอวกาศได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ 1. ระบบยานขนสง่ อวกาศถูกพัฒนาขนึ้ มาใชส้ ง่ ดาวเทียมและยานอวกาศแทนการใชจ้ รวดอยา่ งเดียว เน่ืองจาก สามารถนากลับมาใชใ้ หม่ได้ 2. ในการสง่ ยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดทีพ่ ายานอวกาศจะต้องมีความเรว็ มากกวา่ ความเรว็ หลุดพ้น จงึ จะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมภี ารกจิ ในการสารวจโลกและวัตถทุ ้องฟา้ อ่ืนๆ 4. กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครนู าสนทนากับนกั เรียนเกี่ยวกบั ประเพณบี ุญบง้ั ไฟ หรือใหน้ กั เรยี นท่เี คยไปเท่ยี วงานออกมาเล่าประสบการณใ์ หเ้ พื่อน ๆ ฟงั หรอื นาภาพบงั้ ไฟท่ีถกู จุดข้ึนฟา้ มาให้นกั เรยี นดู แลว้ ต้ังประเด็นคาถาม เช่น ­ ทาไมบัง้ ไฟท่ถี ูกจุดจึงสามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ ­ บง้ั ไฟกับจรวดเหมือนหรือแตกตา่ งกนั ในลักษณะใด ­ มนษุ ย์หรอื วตั ถุต่าง ๆ จะทะยานขนึ้ สทู่ ้องฟา้ และหลุดลอยออกไปสู่อวกาศได้อย่างไร 2. นกั เรยี นช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครยู ังไมเ่ น้นคาตอบท่ีถกู ต้อง จดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซง่ึ มีขั้นตอนดังนี้

1) ขน้ั สร้ำงควำมสนใจ (1) ครูให้นักเรียนดูภาพ ส่ือมัลติมีเดยี หรอื CD-Rom เกยี่ วกับดาวเทียม ยานอวกาศ หรือภาพบนท้องฟา้ ที่ ปรากฏในกล้องอวกาศฮับเบิล แลว้ ตงั้ ประเด็นคาถาม เชน่ ­ สงิ่ ทนี่ ักเรียนได้ดเู ป็นผลมาจากสิ่งใด (เทคโนโลยีอวกาศ) ­ เทคโนโลยีอวกาศคืออะไร มคี วามสาคญั ตอ่ เราและมวลมนุษย์ท่วั โลกอย่างไร ­ ทาไมมนุษยจ์ งึ ต้องสารวจอวกาศ ­ การทีจ่ ะไปสอู่ วกาศได้ นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาและเรยี นรูใ้ นเรือ่ งใดบ้าง (2) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี นเพอ่ื เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรเู้ รอื่ งการสง่ ดาวเทยี ม และยานอวกาศ 2) ขั้นสำรวจและคน้ หำ (1) นักเรยี นศึกษาความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั การขนส่งดาวเทียมและยานอวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ การอาศัยและการ ทางานในยานอวกาศจากใบความรหู้ รือในหนงั สือเรยี น โดยครูชว่ ยเช่ือมโยงความรใู้ หมจ่ ากบทเรยี นกับความรู้เดมิ ทเี่ รยี นรู้ มาแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระต้นุ ใหน้ ักเรยี นตอบจากความรู้และประสบการณ์ของนกั เรียน (2) นักเรยี นแบ่งกลุ่ม แต่ละกลมุ่ สบื ค้นขอ้ มูลความกา้ วหน้าของการศึกษาด้านอวกาศ โดยทาการสืบคน้ และ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความก้าวหนา้ ด้านอวกาศจากเวบ็ ไซต์ของ องค์การนาซา หรือเว็บไซต์อ่ืน ๆ ตามประเด็นต่อไปน้ี  ประวตั ิการสง่ ยานอวกาศ  ความร้วู ิทยาศาสตร์พืน้ ฐานกับการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ  ผลของความกา้ วหนา้ ดา้ นอวกาศ 3) ข้นั อธิบำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายผลของการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม แล้วสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอหน้าชนั้ เรียน (2) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายผลจากการปฏิบัตกิ จิ กรรมโดยใช้แนวคาถาม เชน่ ­ จากการสืบคน้ ข้อมูลตามประวัตศิ าสตร์แลว้ ชนชาตใิ ดท่ีนาหลักการสร้างจรวดมาใชใ้ นการประดิษฐ์อาวธุ ในการ ทาสงครามเปน็ ชาติแรก (ชาวจนี ) ­ บงั้ ไฟใชห้ ลักการเดียวกับการส่งจรวดหรอื ไม่ (บั้งไฟใชห้ ลกั การเดยี วกันกบั การส่งจรวดขึ้นไปในอวกาศ บงั้ ไฟ จดั เป็นจรวดเชื้อเพลงิ แขง็ ทใ่ี ช้ดนิ ปืนเป็นเชือ้ เพลงิ บั้งไฟเคล่ือนทข่ี น้ึ ไปบนอากาศได้เพราะแรงขับทเ่ี กดิ จากการจดุ ดนิ ปืน) ­ ผทู้ ่ปี ระสบความสาเรจ็ ในการสร้างจรวดเช้ือเพลิงเหลวคือใคร (โรเบริ ์ต กอดดาร์ด ชาวอเมริกัน) ­ หลักการส่งจรวดขน้ึ ไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนท่ีของนวิ ตนั ขอ้ ใด (หลกั การส่งจรวดโดยใช้เชอ้ื เพลงิ เหลวข้ึนไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนที่ขอ้ ที่ 3 ของนวิ ตัน ท่ีสรปุ วา่ แรงกิรยิ าของแกส๊ ร้อนจากการเผาไหม้ถูกขับ ออกมาจะเท่ากบั แรงปฏิกริ ิยาทก่ี ระทาต่อจรวด ทาให้จรวดเคล่ือนที่ไปในทิศตรงกันขา้ มได)้ ­ อัตราส่วนทเ่ี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวกับออกซิเจนเหลวที่ใชเ้ ปน็ สารขับดนั ใหจ้ รวด

สามารถเคล่ือนที่ไดม้ คี ่าเทา่ ใด (อัตราสว่ นท่เี หมาะสมระหว่างไฮโดรเจนเหลวทเ่ี ปน็ สารเชอ้ื เพลิงกบั ออกซเิ จนเหลวท่ี รวมกันเป็นสารขับดนั ของจรวดมีค่าเท่ากบั 1:1.5) ­ ผลของความเจริญก้าวหนา้ ในการศึกษาเกี่ยวกบั อวกาศทาให้มนษุ ยไ์ ดร้ ับประโยชนจ์ ากความรู้ดังกลา่ วในด้าน ใดบ้าง (แนวคาตอบ เชน่ ทาใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ของระบบโทรคมนาคม ความก้าวหน้าทางดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีด้วยเครอื่ งมือวดั เชน่ เครอ่ื งมือตรวจจบั วสั ดศุ าสตร์ เครื่องมือทางด้านเทคโนโลยพี ลังงาน และทาใหไ้ ดร้ บั ความรทู้ างด้านดาราศาสตร์มากขน้ึ ) (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม (4) ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม เร่ืองความรพู้ ้นื ฐานกบั การขนส่งดาวเทียมและยานอวกาศ โดยเนน้ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจ เก่ยี วกบั ความเร็วหลุดพน้ และความเร็วในการโคจรรอบโลก โดยใช้สูตรคานวณและตารางในหนังสือเรียนประกอบ 4) ขัน้ ขยำยควำมรู้ (1) ครูใหน้ ักเรยี นออกแบบและสร้างจรวดตามความคิดและจนิ ตนาการของตนเอง (2) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายหรอื สืบค้นข้อมลู ในประเดน็ ท่นี ่าสนใจ เชน่ ­ การผลิตพลงั งานไฟฟา้ ในอวกาศจากแหล่งตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ เซลล์สรุ ยิ ะ เซลล์เชอ้ื เพลงิ และเคร่ืองปฏกิ รณ์นิวเคลยี ร์ ­ เชื้อเพลิงในยานขนสง่ อวกาศเปน็ เช้ือเพลิงชนดิ ใด ­ จรวดในวงโคจรของผิวโลกต้องใชค้ วามเร็วหลดุ พ้นมากกว่าจรวดท่อี ย่ไู กลผิวโลกเพราะเหตใุ ด ­ การร่อนลงของยานอวกาศกับเครอ่ื งบินเหมือนหรือแตกต่างกัน เพราะอะไร (3) ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับการขนึ้ ­ลงของยานขนสง่ อวกาศ โดยใช้แผนภาพทเี่ ตรยี มมาหรือให้นักเรยี นดูจาก ในหนงั สือเรียน ประกอบ 5) ขนั้ ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวขอ้ ทเ่ี รยี นมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างทยี่ ังไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มีครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใด และได้มีการแกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) นักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และการนาความรทู้ ี่ได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการให้ตอบคาถาม เช่น ­ แรงดึงดูดของโลกจะเพ่ิมขน้ึ หรือลดลงข้ึนอยู่กบั อะไร ­ ยานขนสง่ อวกาศปลอ่ ยดาวเทียมใหเ้ ขา้ สวู่ งโคจรได้อย่างไร ­ ดาวเทียมโคจรรอบโลกโดยอาศยั หลกั การใด ­ กฎของแรงดึงดูดระหวา่ งมวลของนิวตันเกยี่ วข้องกับการโคจรของดาวเทยี มในลักษณะใด ­ ความเรว็ โคจรรอบโลกและความเรว็ หลุดพน้ เก่ยี วข้องกับดาวเทียมและยานอวกาศในลักษณะใด

­ ถา้ มนษุ ย์ข้นึ ไปอยู่ในอวกาศทีไ่ ม่มีแรงโนม้ ถว่ ง ระบบการทางานของรา่ งกายจะเปล่ยี นแปลงในด้านใดบ้าง และ จะมวี ธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร ข้ันสรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับประวตั กิ ารสง่ ยานอวกาศ ความรู้พนื้ ฐานกบั การขนส่งดาวเทยี มและยาน อวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ และการอาศัยและทางานในยานขนสง่ อวกาศ โดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนที่ความคดิ หรือผงั มโน ทัศน์ 5. ส่อื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 2.ใบงาน เรือ่ ง กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศและสถานอี วกาศ

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 54 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4-6 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ เวลา 10 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 8 เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ช่ัวโมง เรอื่ ง การขนส่งและการโคจรของดาวเทียม ภาคเรียนที่ 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ชั้น........... โรงเรยี นบา้ นพณิ โท ครูผสู้ อน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.2 : เข้าใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศทน่ี ามาใชใ้ นการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาตดิ ้านการเกษตรและการสื่อสาร มีกระบวนการสบื เสาะสบื เสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สอ่ื สาร สิง่ ทเ่ี รยี นรแู้ ละนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์อยา่ งมีคณุ ธรรมต่อชวี ติ และส่งิ แวดล้อม 1.สำระสำคัญ การพัฒนาเทคโนโลยเี ครอ่ื งมือทางดาราศาสตร์ให้มปี ระสิทธภิ าพมากขน้ึ ทาใหม้ ีการเดินทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สรา้ งกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานีอวกาศ 2.ตัวชี้วัด / จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มูลและอธิบายประวตั กิ ารส่งยานอวกาศได้ 2. อธบิ ายความรู้พืน้ ฐานเกยี่ วกับการขนสง่ ดาวเทียมและยานอวกาศได้ 3. อธิบายหลกั การทางานของยานขนส่งอวกาศ การอาศยั และการทางานในอวกาศได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ 1. ระบบยานขนสง่ อวกาศถกู พัฒนาข้ึนมาใชส้ ่งดาวเทียมและยานอวกาศแทนการใชจ้ รวดอย่างเดยี ว เน่ืองจาก สามารถนากลับมาใชใ้ หม่ได้ 2. ในการสง่ ยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดที่พายานอวกาศจะต้องมีความเรว็ มากกว่าความเรว็ หลุดพ้น จงึ จะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมภี ารกจิ ในการสารวจโลกและวตั ถทุ ้องฟา้ อนื่ ๆ 4. กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครนู าสนทนากับนกั เรียนเกยี่ วกับประเพณบี ุญบง้ั ไฟ หรือให้นกั เรยี นท่เี คยไปเท่ยี วงานออกมาเล่าประสบการณใ์ ห้เพ่ือน ๆ ฟงั หรอื นาภาพบงั้ ไฟที่ถกู จุดขึ้นฟา้ มาใหน้ ักเรียนดู แลว้ ตั้งประเด็นคาถาม เช่น ­ ทาไมบัง้ ไฟท่ถี ูกจุดจึงสามารถทะยานข้นึ สู่ท้องฟ้าได้ ­ บง้ั ไฟกับจรวดเหมือนหรือแตกตา่ งกนั ในลักษณะใด ­ มนษุ ย์หรอื วตั ถตุ ่าง ๆ จะทะยานขึน้ สู่ท้องฟา้ และหลดุ ลอยออกไปสู่อวกาศได้อย่างไร 2. นกั เรยี นช่วยกนั ตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครยู ังไม่เน้นคาตอบท่ีถูกต้อง จดั การเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซง่ึ มีขั้นตอนดังน้ี

1) ข้ันสร้ำงควำมสนใจ (1) ครูให้นักเรียนดูภาพ ส่ือมัลติมีเดยี หรือ CD-Rom เกี่ยวกบั ดาวเทยี ม ยานอวกาศ หรือภาพบนท้องฟ้าที่ ปรากฏในกล้องอวกาศฮับเบลิ แลว้ ตัง้ ประเด็นคาถาม เช่น ­ สงิ่ ทนี่ ักเรียนได้ดเู ป็นผลมาจากสิ่งใด (เทคโนโลยอี วกาศ) ­ เทคโนโลยีอวกาศคืออะไร มคี วามสาคญั ต่อเราและมวลมนุษย์ทว่ั โลกอยา่ งไร ­ ทาไมมนุษยจ์ งึ ต้องสารวจอวกาศ ­ การทีจ่ ะไปสอู่ วกาศได้ นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาและเรียนรใู้ นเรือ่ งใดบ้าง (2) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี นเพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การเรยี นรูเ้ รื่องการส่งดาวเทียม และยานอวกาศ 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นักเรยี นศึกษาความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั การขนสง่ ดาวเทยี มและยานอวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ การอาศยั และการ ทางานในยานอวกาศจากใบความรหู้ รือในหนังสือเรยี น โดยครชู ว่ ยเชอ่ื มโยงความรูใ้ หม่จากบทเรยี นกับความรเู้ ดมิ ทเี่ รียนรู้ มาแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระต้นุ ใหน้ ักเรยี นตอบจากความรู้และประสบการณข์ องนักเรียน (2) นักเรยี นแบ่งกล่มุ แต่ละกลมุ่ สบื ค้นขอ้ มลู ความก้าวหนา้ ของการศึกษาด้านอวกาศ โดยทาการสืบคน้ และ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความก้าวหนา้ ด้านอวกาศจากเวบ็ ไซต์ของ องค์การนาซา หรือเว็บไซต์อ่ืน ๆ ตามประเด็นต่อไปน้ี  ประวตั ิการสง่ ยานอวกาศ  ความรู้วิทยาศาสตร์พืน้ ฐานกับการพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศ  ผลของความกา้ วหนา้ ดา้ นอวกาศ 3) ขนั้ อธิบำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั อภิปรายผลของการปฏิบัตกิ ิจกรรม แล้วสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น (2) ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ัติกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ ­ จากการสืบคน้ ข้อมลู ตามประวัตศิ าสตร์แล้ว ชนชาตใิ ดท่ีนาหลักการสร้างจรวดมาใช้ในการประดิษฐ์อาวธุ ในการ ทาสงครามเปน็ ชาติแรก (ชาวจนี ) ­ บงั้ ไฟใชห้ ลักการเดียวกับการส่งจรวดหรือไม่ (บ้ังไฟใช้หลักการเดยี วกนั กับการสง่ จรวดข้นึ ไปในอวกาศ บั้งไฟ จดั เป็นจรวดเชื้อเพลงิ แขง็ ท่ีใช้ดนิ ปืนเป็นเชือ้ เพลงิ บง้ั ไฟเคล่ือนท่ขี น้ึ ไปบนอากาศได้เพราะแรงขบั ทีเ่ กดิ จากการจดุ ดนิ ปืน) ­ ผทู้ ี่ประสบความสาเรจ็ ในการสร้างจรวดเชือ้ เพลงิ เหลวคือใคร (โรเบริ ์ต กอดดาร์ด ชาวอเมรกิ นั ) ­ หลักการส่งจรวดข้นึ ไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคลอ่ื นท่ีของนวิ ตันข้อใด (หลักการส่งจรวดโดยใชเ้ ชอื้ เพลิง เหลวข้ึนไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนที่ข้อที่ 3 ของนวิ ตัน ทีส่ รปุ ว่า แรงกิริยาของแก๊สร้อนจากการเผาไหม้ถูกขับ ออกมาจะเท่ากบั แรงปฏิกริ ยิ าท่กี ระทาต่อจรวด ทาใหจ้ รวดเคลื่อนท่ีไปในทิศตรงกันข้ามได)้ ­ อัตราส่วนทเ่ี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวกบั ออกซเิ จนเหลวท่ีใชเ้ ปน็ สารขับดนั ให้จรวด

สามารถเคล่ือนที่ไดม้ คี ่าเทา่ ใด (อัตราสว่ นท่เี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวที่เป็นสารเชอ้ื เพลิงกบั ออกซิเจนเหลวท่ี รวมกันเป็นสารขับดนั ของจรวดมีค่าเท่ากับ 1:1.5) ­ ผลของความเจริญก้าวหนา้ ในการศึกษาเก่ยี วกบั อวกาศทาใหม้ นุษย์ได้รับประโยชน์จากความรู้ดังกลา่ วในดา้ น ใดบ้าง (แนวคาตอบ เชน่ ทาใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ของระบบโทรคมนาคม ความกา้ วหน้าทางดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีด้วยเครื่องมือวดั เชน่ เครอ่ื งมือตรวจจบั วสั ดศุ าสตร์ เครื่องมือทางดา้ นเทคโนโลยีพลังงาน และทาให้ไดร้ บั ความรทู้ างด้านดาราศาสตร์มากขน้ึ ) (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม (4) ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม เร่ืองความรู้พน้ื ฐานกบั การขนส่งดาวเทียมและยานอวกาศ โดยเนน้ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ เก่ยี วกบั ความเร็วหลุดพน้ และความเร็วในการโคจรรอบโลก โดยใช้สูตรคานวณและตารางในหนังสือเรยี นประกอบ 4) ขัน้ ขยำยควำมรู้ (1) ครูใหน้ ักเรยี นออกแบบและสรา้ งจรวดตามความคดิ และจินตนาการของตนเอง (2) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายหรอื สืบค้นข้อมลู ในประเดน็ ท่ีนา่ สนใจ เชน่ ­ การผลิตพลงั งานไฟฟา้ ในอวกาศจากแหล่งต่าง ๆ ไดแ้ ก่ เซลลส์ ุรยิ ะ เซลล์เชอ้ื เพลิง และเคร่ืองปฏิกรณน์ ิวเคลยี ร์ ­ เชื้อเพลิงในยานขนสง่ อวกาศเปน็ เช้ือเพลิงชนิดใด ­ จรวดในวงโคจรของผิวโลกต้องใชค้ วามเร็วหลุดพน้ มากกว่าจรวดท่ีอยู่ไกลผิวโลกเพราะเหตุใด ­ การร่อนลงของยานอวกาศกับเครือ่ งบินเหมือนหรือแตกต่างกนั เพราะอะไร (3) ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับการขนึ้ ­ลงของยานขนสง่ อวกาศ โดยใชแ้ ผนภาพทเี่ ตรยี มมาหรือให้นกั เรยี นดจู าก ในหนงั สือเรียน ประกอบ 5) ขนั้ ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวข้อทเ่ี รยี นมาและการปฏบิ ตั ิกิจกรรม มีจุดใดบา้ งทยี่ งั ไม่เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มีครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรอื อุปสรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับประโยชน์ท่ไี ด้รับจากการปฏิบัติกจิ กรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น ­ แรงดึงดูดของโลกจะเพ่ิมขน้ึ หรอื ลดลงข้ึนอยู่กบั อะไร ­ ยานขนสง่ อวกาศปลอ่ ยดาวเทยี มใหเ้ ขา้ สวู่ งโคจรไดอ้ ย่างไร ­ ดาวเทยี มโคจรรอบโลกโดยอาศยั หลกั การใด ­ กฎของแรงดึงดูดระหวา่ งมวลของนิวตันเกย่ี วข้องกับการโคจรของดาวเทียมในลักษณะใด ­ ความเรว็ โคจรรอบโลกและความเรว็ หลุดพน้ เก่ยี วข้องกบั ดาวเทียมและยานอวกาศในลักษณะใด

­ ถา้ มนษุ ย์ข้นึ ไปอยู่ในอวกาศทีไ่ ม่มีแรงโนม้ ถว่ ง ระบบการทางานของรา่ งกายจะเปล่ยี นแปลงในด้านใดบ้าง และ จะมวี ธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับประวตั กิ ารสง่ ยานอวกาศ ความรู้พนื้ ฐานกบั การขนส่งดาวเทยี มและยาน อวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ และการอาศัยและทางานในยานขนสง่ อวกาศ โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนที่ความคดิ หรอื ผงั มโน ทัศน์ 5. ส่อื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 2.ใบงาน เรือ่ ง กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศและสถานอี วกาศ

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 55 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4-6 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เวลา 10 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 8 เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ช่ัวโมง เรอื่ ง การขนส่งและการโคจรของดาวเทยี ม ภาคเรียนท่ี 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ชนั้ ........... โรงเรียนบ้านพณิ โท ครูผสู้ อน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.2 : เขา้ ใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศท่ีนามาใช้ในการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาตดิ ้านการเกษตรและการสื่อสาร มกี ระบวนการสบื เสาะสบื เสาะหาความรแู้ ละจิตวิทยาศาสตร์ สอื่ สาร สิง่ ทเ่ี รยี นรแู้ ละนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์อย่างมีคณุ ธรรมต่อชวี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม 1.สำระสำคัญ การพัฒนาเทคโนโลยเี ครอ่ื งมือทางดาราศาสตร์ให้มปี ระสิทธภิ าพมากขนึ้ ทาใหม้ ีการเดินทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สรา้ งกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานอี วกาศ 2.ตัวชี้วดั / จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มลู และอธิบายประวัตกิ ารสง่ ยานอวกาศได้ 2. อธบิ ายความรู้พืน้ ฐานเกยี่ วกับการขนสง่ ดาวเทยี มและยานอวกาศได้ 3. อธิบายหลกั การทางานของยานขนส่งอวกาศ การอาศยั และการทางานในอวกาศได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ 1. ระบบยานขนสง่ อวกาศถกู พัฒนาขนึ้ มาใชส้ ่งดาวเทียมและยานอวกาศแทนการใชจ้ รวดอยา่ งเดียว เน่ืองจาก สามารถนากลับมาใชใ้ หม่ได้ 2. ในการสง่ ยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดท่ีพายานอวกาศจะต้องมีความเรว็ มากกวา่ ความเรว็ หลุดพน้ จงึ จะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมภี ารกจิ ในการสารวจโลกและวัตถทุ ้องฟา้ อนื่ ๆ 4. กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครนู าสนทนากับนกั เรียนเกยี่ วกบั ประเพณบี ุญบงั้ ไฟ หรือให้นกั เรยี นทเ่ี คยไปเท่ียวงานออกมาเล่าประสบการณใ์ หเ้ พื่อน ๆ ฟงั หรอื นาภาพบงั้ ไฟท่ีถกู จุดขึ้นฟ้ามาใหน้ ักเรียนดู แลว้ ตั้งประเด็นคาถาม เชน่ ­ ทาไมบัง้ ไฟท่ถี ูกจุดจงึ สามารถทะยานข้นึ ส่ทู ้องฟ้าได้ ­ บง้ั ไฟกับจรวดเหมือนหรือแตกตา่ งกนั ในลกั ษณะใด ­ มนษุ ย์หรอื วตั ถุต่าง ๆ จะทะยานขึน้ สู่ทอ้ งฟา้ และหลดุ ลอยออกไปสู่อวกาศได้อย่างไร 2. นกั เรยี นช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครยู ังไม่เน้นคาตอบท่ีถกู ต้อง จดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซงึ่ มีขั้นตอนดังน้ี

1) ข้ันสร้ำงควำมสนใจ (1) ครูให้นักเรียนดูภาพ ส่ือมัลติมีเดยี หรอื CD-Rom เกี่ยวกับดาวเทียม ยานอวกาศ หรือภาพบนท้องฟา้ ที่ ปรากฏในกล้องอวกาศฮับเบลิ แลว้ ตัง้ ประเด็นคาถาม เช่น ­ สงิ่ ทนี่ ักเรียนได้ดเู ป็นผลมาจากสิ่งใด (เทคโนโลยีอวกาศ) ­ เทคโนโลยีอวกาศคืออะไร มีความสาคญั ต่อเราและมวลมนษุ ยท์ ัว่ โลกอย่างไร ­ ทาไมมนุษยจ์ งึ ต้องสารวจอวกาศ ­ การทีจ่ ะไปสอู่ วกาศได้ นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาและเรียนรู้ในเร่อื งใดบ้าง (2) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี นเพ่อื เชื่อมโยงไปสู่การเรยี นรู้เร่อื งการส่งดาวเทยี ม และยานอวกาศ 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นักเรยี นศึกษาความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั การขนส่งดาวเทียมและยานอวกาศ ยานขนส่งอวกาศ การอาศัยและการ ทางานในยานอวกาศจากใบความรหู้ รือในหนงั สือเรยี น โดยครูชว่ ยเชื่อมโยงความรู้ใหมจ่ ากบทเรยี นกับความรู้เดมิ ทเ่ี รียนรู้ มาแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระต้นุ ใหน้ ักเรยี นตอบจากความรู้และประสบการณ์ของนกั เรยี น (2) นักเรยี นแบ่งกล่มุ แต่ละกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู ความก้าวหน้าของการศึกษาด้านอวกาศ โดยทาการสืบค้นและ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความก้าวหนา้ ดา้ นอวกาศจากเวบ็ ไซต์ของ องค์การนาซา หรือเว็บไซต์อ่ืน ๆ ตามประเดน็ ต่อไปน้ี  ประวตั ิการสง่ ยานอวกาศ  ความรู้วิทยาศาสตร์พืน้ ฐานกับการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ  ผลของความกา้ วหน้าดา้ นอวกาศ 3) ขนั้ อธิบำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายผลของการปฏิบตั ิกจิ กรรม แลว้ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น (2) ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมโดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ ­ จากการสืบคน้ ข้อมูลตามประวัตศิ าสตร์แล้ว ชนชาตใิ ดท่นี าหลกั การสร้างจรวดมาใช้ในการประดิษฐ์อาวธุ ในการ ทาสงครามเปน็ ชาติแรก (ชาวจนี ) ­ บงั้ ไฟใชห้ ลักการเดียวกับการส่งจรวดหรือไม่ (บ้งั ไฟใชห้ ลกั การเดยี วกนั กบั การสง่ จรวดข้นึ ไปในอวกาศ บ้งั ไฟ จดั เป็นจรวดเชื้อเพลงิ แขง็ ท่ีใช้ดนิ ปืนเปน็ เชือ้ เพลงิ บง้ั ไฟเคลื่อนทีข่ น้ึ ไปบนอากาศได้เพราะแรงขับทเ่ี กิดจากการจดุ ดนิ ปืน) ­ ผทู้ ี่ประสบความสาเรจ็ ในการสร้างจรวดเชือ้ เพลงิ เหลวคอื ใคร (โรเบริ ต์ กอดดาร์ด ชาวอเมริกัน) ­ หลักการส่งจรวดข้นึ ไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่อื นท่ีของนวิ ตันข้อใด (หลักการส่งจรวดโดยใชเ้ ชอื้ เพลิง เหลวข้ึนไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนท่ีข้อที่ 3 ของนิวตัน ท่ีสรุปวา่ แรงกริ ยิ าของแก๊สรอ้ นจากการเผาไหม้ถูกขับ ออกมาจะเท่ากบั แรงปฏิกริ ยิ าทก่ี ระทาต่อจรวด ทาให้จรวดเคลอ่ื นที่ไปในทิศตรงกันขา้ มได้) ­ อัตราส่วนทเ่ี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวกับออกซเิ จนเหลวทีใ่ ช้เป็นสารขบั ดันใหจ้ รวด

สามารถเคล่ือนที่ไดม้ คี ่าเทา่ ใด (อัตราสว่ นท่เี หมาะสมระหว่างไฮโดรเจนเหลวที่เป็นสารเชอื้ เพลิงกับออกซิเจนเหลวท่ี รวมกันเป็นสารขับดนั ของจรวดมีค่าเท่ากับ 1:1.5) ­ ผลของความเจริญก้าวหนา้ ในการศึกษาเกี่ยวกบั อวกาศทาใหม้ นษุ ยไ์ ดร้ ับประโยชนจ์ ากความรูด้ ังกลา่ วในดา้ น ใดบ้าง (แนวคาตอบ เชน่ ทาใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ของระบบโทรคมนาคม ความก้าวหน้าทางด้านวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยีด้วยเครอื่ งมือวดั เชน่ เครอ่ื งมือตรวจจบั วสั ดุศาสตร์ เคร่ืองมือทางด้านเทคโนโลยีพลังงาน และทาให้ไดร้ ับ ความรทู้ างดา้ นดาราศาสตร์มากขน้ึ ) (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม (4) ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม เร่ืองความรู้พน้ื ฐานกับการขนส่งดาวเทยี มและยานอวกาศ โดยเน้นใหน้ ักเรยี นเข้าใจ เก่ยี วกบั ความเร็วหลุดพน้ และความเร็วในการโคจรรอบโลก โดยใชส้ ูตรคานวณและตารางในหนังสอื เรยี นประกอบ 4) ขน้ั ขยำยควำมรู้ (1) ครูใหน้ ักเรยี นออกแบบและสรา้ งจรวดตามความคิดและจินตนาการของตนเอง (2) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายหรอื สืบคน้ ข้อมลู ในประเด็นทน่ี า่ สนใจ เชน่ ­ การผลิตพลงั งานไฟฟ้าในอวกาศจากแหลง่ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ เซลล์สรุ ิยะ เซลล์เชอื้ เพลิง และเครื่องปฏกิ รณน์ วิ เคลียร์ ­ เช้ือเพลิงในยานขนสง่ อวกาศเปน็ เช้ือเพลิงชนดิ ใด ­ จรวดในวงโคจรของผิวโลกต้องใชค้ วามเรว็ หลดุ พ้นมากกว่าจรวดท่อี ยู่ไกลผวิ โลกเพราะเหตใุ ด ­ การร่อนลงของยานอวกาศกับเครือ่ งบินเหมอื นหรือแตกต่างกนั เพราะอะไร (3) ครอู ธิบายเพิ่มเติมเกยี่ วกบั การขนึ้ ­ลงของยานขนส่งอวกาศ โดยใช้แผนภาพทีเ่ ตรียมมาหรอื ให้นักเรียนดูจาก ในหนงั สือเรียน ประกอบ 5) ขน้ั ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหวั ขอ้ ที่เรยี นมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มจี ุดใดบ้างทยี่ งั ไม่เข้าใจหรือ ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มีครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุม่ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม และการนาความรู้ท่ีไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคาถาม เช่น ­ แรงดึงดูดของโลกจะเพ่ิมขน้ึ หรอื ลดลงข้ึนอยู่กบั อะไร ­ ยานขนสง่ อวกาศปลอ่ ยดาวเทยี มใหเ้ ขา้ สวู่ งโคจรไดอ้ ยา่ งไร ­ ดาวเทียมโคจรรอบโลกโดยอาศยั หลกั การใด ­ กฎของแรงดึงดูดระหว่างมวลของนิวตันเก่ยี วข้องกบั การโคจรของดาวเทียมในลักษณะใด ­ ความเรว็ โคจรรอบโลกและความเรว็ หลุดพน้ เกี่ยวข้องกบั ดาวเทยี มและยานอวกาศในลักษณะใด

­ ถา้ มนษุ ย์ข้นึ ไปอยู่ในอวกาศทีไ่ ม่มีแรงโนม้ ถว่ ง ระบบการทางานของรา่ งกายจะเปล่ยี นแปลงในด้านใดบ้าง และ จะมวี ธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับประวตั กิ ารสง่ ยานอวกาศ ความรู้พนื้ ฐานกบั การขนส่งดาวเทยี มและยาน อวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ และการอาศัยและทางานในยานขนสง่ อวกาศ โดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนที่ความคดิ หรือผงั มโน ทัศน์ 5. ส่อื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 2.ใบงาน เรือ่ ง กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศและสถานอี วกาศ

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 56 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4-6 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เวลา 10 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 8 เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ชัว่ โมง เรอื่ ง การขนส่งและการโคจรของดาวเทยี ม ภาคเรียนท่ี 2/2558 สอนวันที่………เดือน………………………พ.ศ…………ชั้น........... โรงเรียนบา้ นพิณโท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.2 : เข้าใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศทน่ี ามาใชใ้ นการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาตดิ ้านการเกษตรและการส่ือสาร มีกระบวนการสืบเสาะสืบเสาะหาความรแู้ ละจติ วิทยาศาสตร์ ส่อื สาร สิง่ ทเ่ี รยี นรแู้ ละนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์อย่างมีคณุ ธรรมต่อชวี ติ และส่งิ แวดล้อม 1.สำระสำคัญ การพัฒนาเทคโนโลยเี ครือ่ งมือทางดาราศาสตรใ์ ห้มปี ระสิทธิภาพมากข้ึนทาใหม้ ีการเดินทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สรา้ งกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานีอวกาศ 2.ตัวชี้วดั / จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. สบื ค้นขอ้ มลู และอธิบายประวัตกิ ารสง่ ยานอวกาศได้ 2. อธิบายความรู้พืน้ ฐานเกยี่ วกับการขนสง่ ดาวเทยี มและยานอวกาศได้ 3. อธบิ ายหลกั การทางานของยานขนส่งอวกาศ การอาศยั และการทางานในอวกาศได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ 1. ระบบยานขนสง่ อวกาศถูกพัฒนาขน้ึ มาใชส้ ่งดาวเทียมและยานอวกาศแทนการใชจ้ รวดอยา่ งเดียว เน่อื งจาก สามารถนากลับมาใชใ้ หม่ได้ 2. ในการสง่ ยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดที่พายานอวกาศจะต้องมีความเรว็ มากกวา่ ความเรว็ หลดุ พ้น จึงจะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมภี ารกจิ ในการสารวจโลกและวัตถทุ ้องฟา้ อ่ืนๆ 4. กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครนู าสนทนากับนกั เรียนเกี่ยวกับประเพณีบุญบง้ั ไฟ หรือใหน้ กั เรียนท่เี คยไปเท่ยี วงานออกมาเล่าประสบการณใ์ หเ้ พ่ือน ๆ ฟงั หรอื นาภาพบงั้ ไฟท่ีถกู จุดข้ึนฟา้ มาใหน้ ักเรียนดู แลว้ ตั้งประเด็นคาถาม เช่น ­ ทาไมบัง้ ไฟท่ถี ูกจุดจงึ สามารถทะยานข้นึ สู่ท้องฟ้าได้ ­ บง้ั ไฟกับจรวดเหมือนหรือแตกตา่ งกนั ในลักษณะใด ­ มนษุ ย์หรอื วตั ถุต่าง ๆ จะทะยานขน้ึ สู่ท้องฟา้ และหลุดลอยออกไปสู่อวกาศได้อย่างไร 2. นกั เรยี นช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครยู ังไมเ่ น้นคาตอบท่ีถกู ต้อง จดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซง่ึ มีขั้นตอนดงั นี้

1) ข้ันสร้ำงควำมสนใจ (1) ครูให้นักเรียนดภู าพ สอ่ื มัลตมิ ีเดีย หรือ CD-Rom เกี่ยวกบั ดาวเทียม ยานอวกาศ หรือภาพบนท้องฟ้าที่ ปรากฏในกล้องอวกาศฮับเบลิ แลว้ ตั้งประเด็นคาถาม เช่น ­ สงิ่ ทนี่ ักเรียนได้ดเู ป็นผลมาจากส่ิงใด (เทคโนโลยีอวกาศ) ­ เทคโนโลยีอวกาศคืออะไร มคี วามสาคญั ตอ่ เราและมวลมนษุ ยท์ ว่ั โลกอยา่ งไร ­ ทาไมมนุษยจ์ งึ ต้องสารวจอวกาศ ­ การทีจ่ ะไปสอู่ วกาศได้ นักวทิ ยาศาสตร์ต้องศึกษาและเรียนรใู้ นเรือ่ งใดบ้าง (2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี นเพือ่ เชื่อมโยงไปสู่การเรยี นร้เู ร่อื งการส่งดาวเทยี ม และยานอวกาศ 2) ขนั้ สำรวจและค้นหำ (1) นักเรยี นศึกษาความรู้พน้ื ฐานเก่ยี วกบั การขนสง่ ดาวเทียมและยานอวกาศ ยานขนส่งอวกาศ การอาศัยและการ ทางานในยานอวกาศจากใบความรูห้ รือในหนงั สือเรียน โดยครชู ่วยเชอ่ื มโยงความรูใ้ หมจ่ ากบทเรียนกับความรู้เดมิ ที่เรยี นรู้ มาแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระตุ้นให้นักเรยี นตอบจากความรู้และประสบการณข์ องนกั เรยี น (2) นักเรยี นแบ่งกลุ่ม แตล่ ะกลุ่มสบื คน้ ขอ้ มูลความกา้ วหนา้ ของการศึกษาด้านอวกาศ โดยทาการสืบคน้ และ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความก้าวหน้าด้านอวกาศจากเว็บไซต์ของ องค์การนาซา หรือเว็บไซต์อ่ืน ๆ ตามประเด็นต่อไปนี้  ประวตั กิ ารสง่ ยานอวกาศ  ความรู้วทิ ยาศาสตร์พืน้ ฐานกับการพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ  ผลของความก้าวหนา้ ดา้ นอวกาศ 3) ขนั้ อธิบำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอภปิ รายผลของการปฏิบัตกิ จิ กรรม แลว้ ส่งตัวแทนออกมานาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน (2) ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรมโดยใช้แนวคาถาม เชน่ ­ จากการสืบคน้ ข้อมลู ตามประวตั ิศาสตร์แล้ว ชนชาติใดทีน่ าหลกั การสร้างจรวดมาใชใ้ นการประดษิ ฐ์อาวธุ ในการ ทาสงครามเปน็ ชาติแรก (ชาวจีน) ­ บงั้ ไฟใชห้ ลักการเดียวกับการส่งจรวดหรือไม่ (บงั้ ไฟใช้หลกั การเดยี วกนั กบั การส่งจรวดข้ึนไปในอวกาศ บ้งั ไฟ จดั เป็นจรวดเชื้อเพลงิ แขง็ ทใี่ ช้ดินปืนเปน็ เชอ้ื เพลงิ บง้ั ไฟเคล่ือนท่ขี ึ้นไปบนอากาศได้เพราะแรงขับทเี่ กดิ จากการจดุ ดนิ ปืน) ­ ผทู้ ี่ประสบความสาเรจ็ ในการสร้างจรวดเชือ้ เพลิงเหลวคอื ใคร (โรเบริ ต์ กอดดาร์ด ชาวอเมริกัน) ­ หลักการส่งจรวดขนึ้ ไปสู่อวกาศเป็นไปตามกฎการเคลอ่ื นทีข่ องนวิ ตันข้อใด (หลักการสง่ จรวดโดยใชเ้ ชอื้ เพลงิ เหลวข้ึนไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนที่ข้อที่ 3 ของนวิ ตัน ที่สรปุ วา่ แรงกริ ยิ าของแกส๊ รอ้ นจากการเผาไหม้ถูกขับ ออกมาจะเท่ากบั แรงปฏิกริ ิยาทีก่ ระทาต่อจรวด ทาให้จรวดเคลื่อนที่ไปในทิศตรงกันข้ามได)้ ­ อัตราส่วนทเ่ี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวกับออกซเิ จนเหลวทใี่ ชเ้ ป็นสารขับดนั ใหจ้ รวด

สามารถเคล่ือนที่ไดม้ ีค่าเทา่ ใด (อัตราสว่ นท่เี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวทเ่ี ปน็ สารเชอ้ื เพลงิ กับออกซิเจนเหลวท่ี รวมกันเป็นสารขับดนั ของจรวดมีค่าเท่ากับ 1:1.5) ­ ผลของความเจริญก้าวหนา้ ในการศึกษาเก่ียวกับอวกาศทาให้มนษุ ย์ไดร้ ับประโยชน์จากความรู้ดงั กลา่ วในดา้ น ใดบ้าง (แนวคาตอบ เชน่ ทาใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ของระบบโทรคมนาคม ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยีด้วยเครอื่ งมือวดั เชน่ เครอ่ื งมือตรวจจบั วสั ดศุ าสตร์ เครอื่ งมือทางด้านเทคโนโลยพี ลังงาน และทาใหไ้ ด้รับ ความรทู้ างดา้ นดาราศาสตร์มากขน้ึ ) (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบัติกิจกรรม (4) ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม เร่ืองความรู้พน้ื ฐานกับการขนส่งดาวเทยี มและยานอวกาศ โดยเน้นให้นักเรียนเข้าใจ เก่ยี วกบั ความเร็วหลุดพน้ และความเร็วในการโคจรรอบโลก โดยใช้สูตรคานวณและตารางในหนงั สอื เรยี นประกอบ 4) ขั้นขยำยควำมรู้ (1) ครใู หน้ ักเรยี นออกแบบและสรา้ งจรวดตามความคิดและจนิ ตนาการของตนเอง (2) ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายหรอื สืบค้นข้อมูลในประเดน็ ทีน่ ่าสนใจ เชน่ ­ การผลิตพลงั งานไฟฟา้ ในอวกาศจากแหล่งตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ เซลล์สุริยะ เซลล์เชื้อเพลงิ และเครื่องปฏกิ รณน์ วิ เคลยี ร์ ­ เชื้อเพลิงในยานขนสง่ อวกาศเปน็ เช้ือเพลิงชนดิ ใด ­ จรวดในวงโคจรของผิวโลกต้องใชค้ วามเรว็ หลุดพน้ มากกว่าจรวดทอ่ี ย่ไู กลผิวโลกเพราะเหตุใด ­ การร่อนลงของยานอวกาศกับเครือ่ งบินเหมอื นหรือแตกต่างกัน เพราะอะไร (3) ครอู ธิบายเพิ่มเติมเกีย่ วกับการขนึ้ ­ลงของยานขนส่งอวกาศ โดยใชแ้ ผนภาพท่ีเตรยี มมาหรือใหน้ ักเรยี นดูจาก ในหนงั สือเรียน ประกอบ 5) ขั้นประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวขอ้ ทีเ่ รยี นมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรม มีจดุ ใดบา้ งทย่ี ังไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มีครชู ่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกันประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุ่มว่ามปี ัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกจิ กรรม และการนาความร้ทู ่ีไดไ้ ป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เชน่ ­ แรงดึงดูดของโลกจะเพ่ิมขน้ึ หรอื ลดลงข้ึนอยู่กับอะไร ­ ยานขนส่งอวกาศปลอ่ ยดาวเทยี มใหเ้ ขา้ สวู่ งโคจรได้อยา่ งไร ­ ดาวเทียมโคจรรอบโลกโดยอาศยั หลกั การใด ­ กฎของแรงดึงดูดระหวา่ งมวลของนิวตันเกี่ยวข้องกบั การโคจรของดาวเทียมในลักษณะใด ­ ความเรว็ โคจรรอบโลกและความเรว็ หลุดพน้ เกย่ี วข้องกบั ดาวเทียมและยานอวกาศในลักษณะใด

­ ถา้ มนษุ ย์ข้นึ ไปอยู่ในอวกาศทีไ่ ม่มีแรงโนม้ ถว่ ง ระบบการทางานของรา่ งกายจะเปล่ยี นแปลงในด้านใดบ้าง และ จะมวี ธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับประวตั กิ ารสง่ ยานอวกาศ ความรู้พนื้ ฐานกบั การขนส่งดาวเทยี มและยาน อวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ และการอาศัยและทางานในยานขนสง่ อวกาศ โดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนที่ความคดิ หรือผงั มโน ทัศน์ 5. ส่อื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 2.ใบงาน เรือ่ ง กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศและสถานอี วกาศ

แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี 57 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 10 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ชว่ั โมง เรอ่ื ง ระบบขนส่งอวกาศ ภาคเรยี นท่ี 2/2558 สอนวันท่ี………เดือน………………………พ.ศ…………ชน้ั ........... โรงเรียนบา้ นพิณโท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.2 : เขา้ ใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศท่นี ามาใช้ในการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาติด้านการเกษตรและการสื่อสาร มกี ระบวนการสืบเสาะสบื เสาะหาความร้แู ละจติ วทิ ยาศาสตร์ สือ่ สาร สง่ิ ที่เรียนรู้และนาความรไู้ ปใช้ประโยชนอ์ ยา่ งมีคุณธรรมต่อชีวติ และส่งิ แวดลอ้ ม 1.สำระสำคัญ การพัฒนาเทคโนโลยเี ครือ่ งมือทางดาราศาสตรใ์ ห้มีประสิทธิภาพมากขึน้ ทาให้มีการเดินทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สร้างกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานอี วกาศ 2.ตัวชี้วัด / จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. สืบคน้ ขอ้ มูลและอธิบายประวัติการสง่ ยานอวกาศได้ 2. อธิบายความรู้พน้ื ฐานเกี่ยวกับการขนส่งดาวเทียมและยานอวกาศได้ 3. อธบิ ายหลักการทางานของยานขนส่งอวกาศ การอาศัยและการทางานในอวกาศได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ 1. ระบบยานขนส่งอวกาศถกู พัฒนาขึ้นมาใชส้ ่งดาวเทยี มและยานอวกาศแทนการใชจ้ รวดอย่างเดยี ว เนอื่ งจาก สามารถนากลบั มาใชใ้ หม่ได้ 2. ในการส่งยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดท่ีพายานอวกาศจะต้องมีความเรว็ มากกวา่ ความเรว็ หลุดพน้ จงึ จะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมีภารกิจในการสารวจโลกและวัตถทุ ้องฟ้าอื่นๆ 4. กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. ครนู าสนทนากบั นกั เรยี นเกย่ี วกับประเพณบี ุญบงั้ ไฟ หรือให้นกั เรียนท่เี คยไปเท่ียวงานออกมาเล่าประสบการณใ์ หเ้ พ่ือน ๆ ฟงั หรอื นาภาพบ้งั ไฟที่ถกู จุดข้ึนฟา้ มาใหน้ ักเรียนดู แลว้ ตง้ั ประเดน็ คาถาม เช่น ­ ทาไมบั้งไฟที่ถูกจดุ จึงสามารถทะยานขึน้ ส่ทู ้องฟ้าได้ ­ บัง้ ไฟกับจรวดเหมือนหรือแตกต่างกนั ในลักษณะใด ­ มนุษยห์ รอื วตั ถุตา่ ง ๆ จะทะยานขนึ้ สูท่ ้องฟ้าและหลดุ ลอยออกไปสู่อวกาศได้อย่างไร 2. นักเรียนช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยังไม่เนน้ คาตอบที่ถกู ต้อง จดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซ่งึ มีขั้นตอนดงั น้ี

1) ข้ันสร้ำงควำมสนใจ (1) ครูให้นักเรียนดูภาพ ส่ือมัลติมีเดยี หรอื CD-Rom เกยี่ วกบั ดาวเทียม ยานอวกาศ หรือภาพบนท้องฟา้ ที่ ปรากฏในกล้องอวกาศฮับเบลิ แลว้ ตัง้ ประเด็นคาถาม เชน่ ­ สงิ่ ทนี่ ักเรียนได้ดเู ป็นผลมาจากสิ่งใด (เทคโนโลยีอวกาศ) ­ เทคโนโลยีอวกาศคืออะไร มคี วามสาคญั ตอ่ เราและมวลมนษุ ย์ทว่ั โลกอย่างไร ­ ทาไมมนุษยจ์ งึ ต้องสารวจอวกาศ ­ การทีจ่ ะไปสอู่ วกาศได้ นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาและเรยี นรู้ในเรือ่ งใดบ้าง (2) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี นเพอ่ื เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรเู้ รอื่ งการสง่ ดาวเทยี ม และยานอวกาศ 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นักเรยี นศึกษาความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั การขนส่งดาวเทียมและยานอวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ การอาศัยและการ ทางานในยานอวกาศจากใบความรหู้ รือในหนงั สือเรยี น โดยครูชว่ ยเช่ือมโยงความรใู้ หมจ่ ากบทเรยี นกับความรู้เดมิ ทเี่ รยี นรู้ มาแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระต้นุ ใหน้ ักเรยี นตอบจากความรู้และประสบการณ์ของนกั เรียน (2) นักเรยี นแบ่งกล่มุ แต่ละกลมุ่ สบื ค้นขอ้ มูลความกา้ วหน้าของการศึกษาดา้ นอวกาศ โดยทาการสืบคน้ และ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความก้าวหนา้ ด้านอวกาศจากเวบ็ ไซต์ของ องค์การนาซา หรือเว็บไซต์อ่ืน ๆ ตามประเด็นต่อไปน้ี  ประวตั ิการสง่ ยานอวกาศ  ความรู้วิทยาศาสตร์พืน้ ฐานกับการพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ  ผลของความกา้ วหนา้ ดา้ นอวกาศ 3) ขนั้ อธิบำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายผลของการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม แล้วส่งตวั แทนออกมานาเสนอหน้าชนั้ เรียน (2) ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัตกิ จิ กรรมโดยใช้แนวคาถาม เชน่ ­ จากการสืบคน้ ข้อมูลตามประวัตศิ าสตร์แลว้ ชนชาตใิ ดท่ีนาหลักการสรา้ งจรวดมาใชใ้ นการประดิษฐ์อาวธุ ในการ ทาสงครามเปน็ ชาติแรก (ชาวจนี ) ­ บงั้ ไฟใชห้ ลักการเดียวกับการส่งจรวดหรอื ไม่ (บั้งไฟใชห้ ลกั การเดยี วกนั กบั การส่งจรวดขึ้นไปในอวกาศ บงั้ ไฟ จดั เป็นจรวดเชื้อเพลงิ แขง็ ท่ีใช้ดนิ ปืนเป็นเชือ้ เพลงิ บั้งไฟเคล่ือนทข่ี น้ึ ไปบนอากาศได้เพราะแรงขับทเ่ี กดิ จากการจดุ ดนิ ปืน) ­ ผทู้ ี่ประสบความสาเรจ็ ในการสร้างจรวดเชอ้ื เพลิงเหลวคือใคร (โรเบริ ์ต กอดดาร์ด ชาวอเมริกัน) ­ หลักการส่งจรวดข้นึ ไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนท่ีของนวิ ตนั ขอ้ ใด (หลกั การสง่ จรวดโดยใช้เชอ้ื เพลงิ เหลวข้ึนไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนที่ข้อที่ 3 ของนวิ ตัน ท่ีสรุปว่า แรงกริ ยิ าของแกส๊ ร้อนจากการเผาไหม้ถูกขับ ออกมาจะเท่ากบั แรงปฏิกริ ยิ าทก่ี ระทาต่อจรวด ทาใหจ้ รวดเคล่ือนที่ไปในทิศตรงกนั ขา้ มได)้ ­ อัตราส่วนทเ่ี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวกับออกซิเจนเหลวที่ใชเ้ ป็นสารขับดนั ใหจ้ รวด

สามารถเคล่ือนที่ไดม้ คี ่าเทา่ ใด (อัตราสว่ นท่เี หมาะสมระหว่างไฮโดรเจนเหลวทเ่ี ปน็ สารเชอ้ื เพลิงกบั ออกซเิ จนเหลวท่ี รวมกันเป็นสารขับดนั ของจรวดมีค่าเท่ากบั 1:1.5) ­ ผลของความเจริญก้าวหนา้ ในการศึกษาเก่ยี วกบั อวกาศทาให้มนษุ ยไ์ ดร้ ับประโยชนจ์ ากความรู้ดังกลา่ วในด้าน ใดบ้าง (แนวคาตอบ เชน่ ทาใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ของระบบโทรคมนาคม ความก้าวหนา้ ทางดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีด้วยเครอื่ งมือวดั เชน่ เครอ่ื งมือตรวจจบั วสั ดศุ าสตร์ เครื่องมือทางดา้ นเทคโนโลยพี ลังงาน และทาใหไ้ ดร้ บั ความรทู้ างด้านดาราศาสตร์มากขน้ึ ) (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม (4) ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม เร่ืองความรู้พน้ื ฐานกบั การขนส่งดาวเทียมและยานอวกาศ โดยเนน้ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจ เก่ยี วกบั ความเร็วหลุดพน้ และความเร็วในการโคจรรอบโลก โดยใช้สูตรคานวณและตารางในหนังสือเรียนประกอบ 4) ขัน้ ขยำยควำมรู้ (1) ครูใหน้ ักเรยี นออกแบบและสรา้ งจรวดตามความคดิ และจนิ ตนาการของตนเอง (2) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายหรอื สืบค้นข้อมลู ในประเดน็ ท่นี ่าสนใจ เชน่ ­ การผลิตพลงั งานไฟฟา้ ในอวกาศจากแหล่งตา่ ง ๆ ได้แก่ เซลล์สรุ ิยะ เซลลเ์ ชอื้ เพลิง และเคร่ืองปฏิกรณ์นิวเคลยี ร์ ­ เชื้อเพลิงในยานขนสง่ อวกาศเปน็ เช้ือเพลิงชนดิ ใด ­ จรวดในวงโคจรของผวิ โลกต้องใชค้ วามเร็วหลดุ พ้นมากกว่าจรวดท่อี ย่ไู กลผิวโลกเพราะเหตใุ ด ­ การร่อนลงของยานอวกาศกับเครือ่ งบินเหมือนหรือแตกต่างกัน เพราะอะไร (3) ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับการขนึ้ ­ลงของยานขนสง่ อวกาศ โดยใช้แผนภาพทเี่ ตรยี มมาหรือให้นักเรยี นดูจาก ในหนงั สือเรียน ประกอบ 5) ขนั้ ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวขอ้ ทเ่ี รยี นมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างทยี่ ังไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มีครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรอื อุปสรรคใด และได้มีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม และการนาความรทู้ ี่ได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคาถาม เช่น ­ แรงดึงดูดของโลกจะเพ่ิมขน้ึ หรอื ลดลงข้ึนอยู่กบั อะไร ­ ยานขนสง่ อวกาศปลอ่ ยดาวเทียมใหเ้ ขา้ สวู่ งโคจรไดอ้ ย่างไร ­ ดาวเทียมโคจรรอบโลกโดยอาศยั หลกั การใด ­ กฎของแรงดึงดูดระหวา่ งมวลของนิวตันเก่ียวข้องกับการโคจรของดาวเทียมในลักษณะใด ­ ความเรว็ โคจรรอบโลกและความเรว็ หลุดพน้ เก่ยี วข้องกับดาวเทียมและยานอวกาศในลักษณะใด

­ ถา้ มนษุ ย์ข้นึ ไปอยู่ในอวกาศทีไ่ ม่มีแรงโนม้ ถว่ ง ระบบการทางานของรา่ งกายจะเปล่ยี นแปลงในด้านใดบ้าง และ จะมวี ธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับประวตั กิ ารสง่ ยานอวกาศ ความรู้พนื้ ฐานกบั การขนส่งดาวเทยี มและยาน อวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ และการอาศัยและทางานในยานขนสง่ อวกาศ โดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนที่ความคดิ หรือผงั มโน ทัศน์ 5. ส่อื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เร่อื ง การเดินทางสู่อวกาศ 2.ใบงาน เร่ือง กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศและสถานอี วกาศ

แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี 58 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 10 ชัว่ โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ชั่วโมง เรอ่ื ง ระบบขนส่งอวกาศ ภาคเรียนท่ี 2/2558 สอนวันท่ี………เดือน………………………พ.ศ…………ชั้น........... โรงเรียนบา้ นพณิ โท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ว 7.2 : เขา้ ใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศท่นี ามาใช้ในการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาติด้านการเกษตรและการสื่อสาร มีกระบวนการสืบเสาะสบื เสาะหาความร้แู ละจิตวิทยาศาสตร์ สือ่ สาร สง่ิ ที่เรียนรู้และนาความรไู้ ปใช้ประโยชนอ์ ยา่ งมีคณุ ธรรมต่อชีวติ และส่งิ แวดล้อม 1.สำระสำคัญ การพัฒนาเทคโนโลยเี ครือ่ งมือทางดาราศาสตรใ์ ห้มีประสิทธิภาพมากขึน้ ทาให้มีการเดินทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สร้างกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานอี วกาศ 2.ตัวชี้วัด / จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. สืบคน้ ขอ้ มูลและอธิบายประวัติการสง่ ยานอวกาศได้ 2. อธิบายความรู้พน้ื ฐานเกี่ยวกับการขนสง่ ดาวเทียมและยานอวกาศได้ 3. อธบิ ายหลักการทางานของยานขนส่งอวกาศ การอาศัยและการทางานในอวกาศได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ 1. ระบบยานขนส่งอวกาศถกู พัฒนาขึ้นมาใช้ส่งดาวเทยี มและยานอวกาศแทนการใชจ้ รวดอย่างเดยี ว เนอื่ งจาก สามารถนากลบั มาใชใ้ หม่ได้ 2. ในการส่งยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดที่พายานอวกาศจะต้องมีความเรว็ มากกวา่ ความเรว็ หลุดพน้ จงึ จะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมีภารกจิ ในการสารวจโลกและวัตถทุ ้องฟ้าอ่ืนๆ 4. กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ 1. ครนู าสนทนากบั นกั เรยี นเกย่ี วกับประเพณบี ุญบงั้ ไฟ หรือให้นกั เรียนท่เี คยไปเท่ียวงานออกมาเล่าประสบการณ์ใหเ้ พ่ือน ๆ ฟงั หรอื นาภาพบ้งั ไฟที่ถกู จุดข้ึนฟา้ มาให้นักเรียนดู แล้วตง้ั ประเดน็ คาถาม เช่น ­ ทาไมบั้งไฟที่ถูกจดุ จึงสามารถทะยานขึน้ สู่ท้องฟ้าได้ ­ บัง้ ไฟกับจรวดเหมือนหรือแตกตา่ งกนั ในลกั ษณะใด ­ มนุษยห์ รอื วตั ถตุ า่ ง ๆ จะทะยานขนึ้ สทู่ ้องฟ้าและหลดุ ลอยออกไปสู่อวกาศได้อย่างไร 2. นักเรียนช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยังไม่เน้นคาตอบที่ถกู ต้อง จดั การเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดงั น้ี

1) ข้ันสร้ำงควำมสนใจ (1) ครูให้นักเรียนดูภาพ ส่ือมัลติมเี ดยี หรือ CD-Rom เกี่ยวกบั ดาวเทยี ม ยานอวกาศ หรือภาพบนท้องฟ้าที่ ปรากฏในกล้องอวกาศฮับเบลิ แลว้ ตัง้ ประเด็นคาถาม เช่น ­ สงิ่ ทนี่ ักเรียนได้ดเู ป็นผลมาจากส่งิ ใด (เทคโนโลยอี วกาศ) ­ เทคโนโลยีอวกาศคืออะไร มคี วามสาคญั ต่อเราและมวลมนุษย์ทว่ั โลกอยา่ งไร ­ ทาไมมนุษยจ์ งึ ต้องสารวจอวกาศ ­ การท่ีจะไปสอู่ วกาศได้ นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษาและเรียนร้ใู นเรอื่ งใดบ้าง (2) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี นเพอ่ื เชื่อมโยงไปสู่การเรยี นรูเ้ รื่องการส่งดาวเทียม และยานอวกาศ 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หำ (1) นักเรยี นศึกษาความรู้พ้ืนฐานเก่ยี วกบั การขนสง่ ดาวเทยี มและยานอวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ การอาศยั และการ ทางานในยานอวกาศจากใบความรหู้ รือในหนงั สือเรยี น โดยครชู ว่ ยเชอ่ื มโยงความรูใ้ หม่จากบทเรยี นกับความรเู้ ดมิ ท่ีเรียนรู้ มาแลว้ ด้วยการใช้คาถามนากระต้นุ ใหน้ ักเรยี นตอบจากความรู้และประสบการณ์ของนกั เรียน (2) นักเรยี นแบ่งกล่มุ แต่ละกลมุ่ สบื ค้นขอ้ มลู ความกา้ วหนา้ ของการศึกษาด้านอวกาศ โดยทาการสืบคน้ และ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความก้าวหนา้ ด้านอวกาศจากเวบ็ ไซต์ของ องค์การนาซา หรือเว็บไซต์อ่ืน ๆ ตามประเด็นต่อไปน้ี  ประวตั ิการสง่ ยานอวกาศ  ความรู้วิทยาศาสตร์พืน้ ฐานกับการพฒั นาเทคโนโลยีอวกาศ  ผลของความกา้ วหนา้ ดา้ นอวกาศ 3) ขนั้ อธิบำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายผลของการปฏิบัตกิ ิจกรรม แล้วสง่ ตวั แทนออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น (2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏบิ ัติกิจกรรมโดยใชแ้ นวคาถาม เชน่ ­ จากการสืบคน้ ข้อมูลตามประวัตศิ าสตร์แล้ว ชนชาตใิ ดท่ีนาหลักการสรา้ งจรวดมาใช้ในการประดิษฐ์อาวธุ ในการ ทาสงครามเปน็ ชาติแรก (ชาวจนี ) ­ บงั้ ไฟใชห้ ลักการเดียวกับการส่งจรวดหรือไม่ (บ้ังไฟใช้หลกั การเดยี วกันกับการสง่ จรวดข้นึ ไปในอวกาศ บ้งั ไฟ จดั เป็นจรวดเชื้อเพลงิ แขง็ ท่ีใช้ดนิ ปืนเป็นเชอ้ื เพลงิ บง้ั ไฟเคล่ือนท่ขี น้ึ ไปบนอากาศได้เพราะแรงขบั ทีเ่ กดิ จากการจดุ ดนิ ปืน) ­ ผทู้ ี่ประสบความสาเรจ็ ในการสร้างจรวดเชือ้ เพลงิ เหลวคือใคร (โรเบริ ์ต กอดดาร์ด ชาวอเมรกิ นั ) ­ หลักการส่งจรวดข้นึ ไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคลอ่ื นท่ีของนวิ ตันขอ้ ใด (หลักการส่งจรวดโดยใชเ้ ชอื้ เพลิง เหลวข้ึนไปสอู่ วกาศเปน็ ไปตามกฎการเคล่ือนที่ข้อที่ 3 ของนวิ ตัน ทีส่ รปุ ว่า แรงกิรยิ าของแก๊สร้อนจากการเผาไหม้ถูกขับ ออกมาจะเท่ากบั แรงปฏิกริ ยิ าท่กี ระทาต่อจรวด ทาให้จรวดเคลื่อนท่ีไปในทิศตรงกนั ข้ามได)้ ­ อัตราส่วนทเ่ี หมาะสมระหวา่ งไฮโดรเจนเหลวกบั ออกซเิ จนเหลวท่ีใชเ้ ปน็ สารขับดันให้จรวด

สามารถเคล่ือนที่ไดม้ คี ่าเทา่ ใด (อัตราสว่ นท่เี หมาะสมระหว่างไฮโดรเจนเหลวทเ่ี ป็นสารเชอ้ื เพลิงกบั ออกซิเจนเหลวท่ี รวมกันเป็นสารขับดนั ของจรวดมีค่าเท่ากับ 1:1.5) ­ ผลของความเจริญก้าวหนา้ ในการศึกษาเก่ยี วกบั อวกาศทาให้มนษุ ยไ์ ด้รับประโยชน์จากความรู้ดังกล่าวในดา้ น ใดบ้าง (แนวคาตอบ เชน่ ทาใหเ้ กดิ ความกา้ วหนา้ ของระบบโทรคมนาคม ความกา้ วหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีด้วยเครอื่ งมือวดั เชน่ เครอ่ื งมือตรวจจบั วสั ดศุ าสตร์ เครื่องมือทางดา้ นเทคโนโลยีพลังงาน และทาให้ไดร้ ับ ความรทู้ างด้านดาราศาสตร์มากขน้ึ ) (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม (4) ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม เร่ืองความรู้พน้ื ฐานกบั การขนส่งดาวเทียมและยานอวกาศ โดยเน้นให้นกั เรยี นเขา้ ใจ เก่ยี วกบั ความเร็วหลุดพน้ และความเร็วในการโคจรรอบโลก โดยใช้สูตรคานวณและตารางในหนังสือเรียนประกอบ 4) ขัน้ ขยำยควำมรู้ (1) ครูใหน้ ักเรยี นออกแบบและสรา้ งจรวดตามความคดิ และจนิ ตนาการของตนเอง (2) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายหรอื สืบค้นข้อมูลในประเดน็ ท่นี ่าสนใจ เชน่ ­ การผลิตพลงั งานไฟฟา้ ในอวกาศจากแหล่งต่าง ๆ ไดแ้ ก่ เซลล์สรุ ิยะ เซลล์เชอ้ื เพลิง และเครื่องปฏิกรณน์ ิวเคลยี ร์ ­ เชื้อเพลิงในยานขนสง่ อวกาศเปน็ เช้ือเพลิงชนิดใด ­ จรวดในวงโคจรของผิวโลกต้องใชค้ วามเร็วหลุดพ้นมากกว่าจรวดทอ่ี ยู่ไกลผิวโลกเพราะเหตใุ ด ­ การร่อนลงของยานอวกาศกับเครือ่ งบินเหมือนหรือแตกต่างกัน เพราะอะไร (3) ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับการขนึ้ ­ลงของยานขนส่งอวกาศ โดยใชแ้ ผนภาพที่เตรียมมาหรอื ให้นกั เรียนดจู าก ในหนงั สือเรียน ประกอบ 5) ขนั้ ประเมนิ (1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาว่า จากหัวขอ้ ที่เรยี นมาและการปฏบิ ตั ิกิจกรรม มจี ุดใดบา้ งทยี่ งั ไม่เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถา้ มีครูช่วยอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากการปฏิบัติกจิ กรรม และการนาความร้ทู ่ีได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น ­ แรงดึงดูดของโลกจะเพ่ิมขน้ึ หรอื ลดลงข้ึนอยู่กบั อะไร ­ ยานขนสง่ อวกาศปลอ่ ยดาวเทยี มใหเ้ ขา้ สวู่ งโคจรไดอ้ ย่างไร ­ ดาวเทียมโคจรรอบโลกโดยอาศยั หลกั การใด ­ กฎของแรงดึงดูดระหวา่ งมวลของนิวตันเกย่ี วข้องกบั การโคจรของดาวเทียมในลักษณะใด ­ ความเรว็ โคจรรอบโลกและความเรว็ หลุดพน้ เก่ยี วข้องกบั ดาวเทียมและยานอวกาศในลักษณะใด

­ ถา้ มนษุ ย์ข้นึ ไปอยู่ในอวกาศทีไ่ ม่มีแรงโนม้ ถว่ ง ระบบการทางานของรา่ งกายจะเปล่ยี นแปลงในด้านใดบ้าง และ จะมวี ธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับประวตั กิ ารสง่ ยานอวกาศ ความรู้พนื้ ฐานกบั การขนส่งดาวเทยี มและยาน อวกาศ ยานขนสง่ อวกาศ และการอาศัยและทางานในยานขนสง่ อวกาศ โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนที่ความคดิ หรือผงั มโน ทัศน์ 5. ส่อื กำรเรยี นรู้ 1.ใบงาน เรื่อง การเดินทางสู่อวกาศ 2.ใบงาน เรือ่ ง กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศและสถานอี วกาศ

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 59 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4-6 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ เวลา 10 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ชว่ั โมง เรื่อง การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยอี วกาศ ภาคเรยี นที่ 2/2558 สอนวนั ท่ี………เดอื น………………………พ.ศ…………ชน้ั ........... โรงเรยี นบา้ นพิณโท ครูผู้สอน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.2 : เขา้ ใจความสาคัญของเทคโนโลยอี วกาศทน่ี ามาใช้ในการสารวจอวกาศและ ทรพั ยากรธรรมชาติด้านการเกษตรและการสื่อสาร มกี ระบวนการสบื เสาะสบื เสาะหาความรแู้ ละจติ วทิ ยาศาสตร์ สือ่ สาร สง่ิ ทเ่ี รยี นรแู้ ละนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์อยา่ งมีคุณธรรมต่อชวี ติ และส่ิงแวดลอ้ ม 1.สำระสำคัญ การพัฒนาเทคโนโลยเี ครื่องมือทางดาราศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพมากขน้ึ ทาให้มีการเดนิ ทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สร้างกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานอี วกาศ 2.ตัวช้ีวดั / จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายวงโคจรของดาวเทียม และบอกการใช้ประโยชนจ์ ากดาวเทียมประเภทต่าง ๆ ได้ 2. สบื คน้ ข้อมูลและอธิบายเก่ียวกับการใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยีอวกาศได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ 1. ระบบยานขนสง่ อวกาศถกู พัฒนาขึน้ มาใช้ส่งดาวเทียมและยานอวกาศแทนการใช้จรวดอยา่ งเดยี ว เน่ืองจาก สามารถนากลับมาใชใ้ หม่ได้ 2. ในการสง่ ยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดที่พายานอวกาศจะต้องมีความเรว็ มากกว่าความเร็วหลดุ พ้น จึงจะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมีภารกิจในการสารวจโลกและวัตถทุ ้องฟา้ อืน่ ๆ 4. กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ 1. ครนู าภาพหรอื ขา่ วเก่ยี วกับการส่งดาวเทียมธีออส หรือการสง่ ดาวเทียมจากฐานจรวดในประเทศตา่ ง ๆ มาให้ นกั เรยี นดู แลว้ ตงั้ ประเดน็ คาถาม เช่น ­ ดาวเทียมธอี อสเปน็ ดาวเทียมประเภทใด ­ ประเทศไทยเราจะได้รบั ประโยชน์อะไรบา้ งจากดาวเทยี มธอี อส ­ นกั เรยี นคิดว่าศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของประเทศเราอยู่ในระดบั ใด เพราะเหตุใด 2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จัดการเรยี นรูโ้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซงึ่ มีขั้นตอนดังนี้ 1) ขนั้ สรำ้ งควำมสนใจ

(1) ครูนาสนทนากบั นักเรยี นว่า ดาวเทียมส่วนใหญ่ขน้ึ สอู่ วกาศไดด้ ้วยจรวดและยานขนสง่ อวกาศ ซ่ึงจะนา ดาวเทยี มขึ้นสูว่ งโคจรแลว้ จะปล่อยใหด้ าวเทยี มโคจรรอบโลก ดังทไ่ี ด้เรียนรู้มาแล้ว จากนนั้ ครูตง้ั ประเด็นคาถาม เช่น ­ นักเรียนรู้จักดาวเทยี มชนดิ ใดบ้าง ­ ในชีวติ ประจาวนั เราใช้ประโยชนจ์ ากดาวเทยี มในดา้ นใดบ้าง ­ เรามกั จะได้ยนิ วา่ ดาวเทียมขน้ึ สวู่ งโคจร ในการรายงานข่าวเสมอ วงโคจรของดาวเทยี มคอื อะไร ­ ดาวเทียมและยานอวกาศเหมือนหรือแตกต่างกันในลักษณะใด (2) นกั เรียนช่วยกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น โดยครูยังไม่เน้นคาตอบที่ถูกต้อง 2) ขน้ั สำรวจและคน้ หำ (1) นกั เรียนศึกษาดาวเทียมและวงโคจรของดาวเทียมจากใบความรหู้ รอื ในหนงั สือเรียน โดยครชู ว่ ยเช่ือมโยง ความรู้ใหมจ่ ากบทเรยี นกับความรู้เดิมทเี่ รยี นรู้มาแล้ว ด้วยการใชค้ าถามนากระตุ้นให้นกั เรียนตอบจากความรูแ้ ละ ประสบการณ์ของนกั เรียน (2) นกั เรียนแบ่งกล่มุ สบื ค้นข้อมูลในประเด็นต่อไปนี้ ­ ดาวเทียมสอื่ สาร ­ ดาวเทียมอตุ นุ ิยมวิทยา ­ ดาวเทยี มสารวจทรพั ยากร ­ ดาวเทียมเพ่ือการศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์ ­ ฯลฯ (3) สมาชกิ ในกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลจากการสบื ค้นข้อมูล และเตรียมข้อมูลนาเสนอหน้าชน้ั เรียน (4) นักเรยี นแบง่ กล่มุ แต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรม สืบค้นข้อมูลการใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ และปฏิบัติ กจิ กรรมตามข้ันตอนท่ีวางแผนไว้ ดังน้ี ­ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกบั การใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศในประเด็นต่อไปนี้  การใชป้ ระโยชนจ์ ากดาวเทียม  การใช้ประโยชน์จากยานขนส่งอวกาศ ­ นาข้อมูลท่ีได้จากการสบื คน้ มารว่ มกันอภิปราย นาเสนอในรูปของรายงาน และจัดทาป้ายนเิ ทศแสดงผลงานของ กลุ่ม 3) ขน้ั อธบิ ำยและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อภิปรายผลของการปฏิบตั กิ จิ กรรม แล้วสง่ ตวั แทนออกมานาเสนอหน้าชั้นเรยี น (2) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายผลจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม (สบื คน้ ข้อมูลการใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยี) โดย ใชแ้ นวคาถาม เชน่ ­ ประเทศไทยใช้ประโยชน์จากดาวเทียมอุตุนยิ มวทิ ยาผา่ นภาพถา่ ยจากดาวเทยี มในกรณีเกดิ พายไุ ตฝ้ นุ่ ภาพถ่าย จากดาวเทียมช่วยเราเตือนภัยได้อยา่ งไร (ภาพถ่ายพายไุ ตฝ้ ุ่นจากดาวเทยี มชว่ ยใหก้ ารพยากรณ์อากาศถูกตอ้ งเพราะจะได้

ภาพนน้ั ลว่ งหนา้ กอ่ นท่พี ายจุ ะพัดเข้าหาฝงั่ หลายวนั ทาให้เราทราบตาแหน่งและทิศทางการเคล่อื นทขี่ องพายไุ ด้วา่ มโี อกาส จะเขา้ หาฝงั่ ณ ตาแหน่งใด มีการเปลย่ี นทศิ ทางหรือไม่ ซ่ึงเปน็ การเตือนภยั ลว่ งหนา้ ท่ีดีกว่าขอ้ มลู ด้านอ่ืน ๆ) ­ ในโลกยุคสารสนเทศนี้ ถ้าระบบดาวเทียมเกดิ ขัดข้องหรือสญู เสยี ไปแล้ว นกั เรียนคิดว่าจะ เกดิ ผลต่อการดารงชวี ิตของมนุษย์ในเร่อื งใดบ้าง (ผลกระทบทจ่ี ะเกิดขึ้น เช่น ทาให้การติดต่อส่อื สารท้ังภายในและ ตา่ งประเทศโดยผา่ นทางโทรศพั ท์ โทรสาร วิทยุ และโทรทัศน์ใช้การไมไ่ ด้ ขาดข้อมลู เกี่ยวกับสภาพภมู ิอากาศในแตล่ ะวัน การคมนาคมทางอากาศและทางเรือมปี ญั หาในการหาตาแหน่งและทิศทาง ฯลฯ) ­ นอกจากระบบดาวเทยี มดา้ นอุตุนิยมวิทยา สอื่ สาร และทรพั ยากรธรรมชาติแล้ว นกั เรยี นคิดว่าประเทศไทยควร มีดาวเทยี มระบบใดไว้ใชบ้ ริการอีกบา้ ง (พิจารณาจากคาตอบนกั เรียน) ­ “ระบบขนส่งอวกาศมีความจาเปน็ ต่อการดารงชวี ิตของมนุษยใ์ นอนาคต” นักเรียนเห็นดว้ ยกับคากล่าวน้ี หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (พิจารณาจากคาตอบนักเรยี น) (3) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปผลจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 4) ข้ันขยำยควำมรู้ (1) ครใู ห้นักเรียนดภู าพเก่ียวกับประชากรบางส่วนของโลกที่มีความยากจนมาก ขาดแคลนอาหาร เกิดภยั ธรรมชาติ แลว้ ให้นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นวา่ เหมาะสมหรอื ไม่ท่ีประเทศมหาอานาจต่าง ๆ ใช้งบประมาณ จานวนมากมายมหาศาลในการดาเนนิ โครงการอวกาศ แทนการนางบประมาณเหล่าน้ันไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทยี่ ากจน (2) ครูใหน้ ักเรยี นสืบค้นและรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกบั โครงการอวกาศทนี่ ่าสนใจ เช่น  สถานอี วกาศนานาชาติ  โครงการอวกาศโรเซตตา (Rosetta)  โครงการอวกาศแคสสนิ ี (Cassini)  โครงการอวกาศเซติ (SETI-Search for Extraterrestrial Intelligence) (3) รว่ มกันอภปิ รายและสรปุ ข้อมลู ท่ีได้จากการสบื ค้น (4) นาเสนอผลการอภปิ รายและขอ้ สรุปของกลุ่มหนา้ ชั้นเรียน และ/หรือจดั ทาเปน็ รายงาน (5) นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายในประเด็น ดาวเทียมไทยคมใหป้ ระโยชน์กับประเทศไทยในลักษณะใดบ้าง 5) ขัน้ ประเมิน (1) ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหัวขอ้ ท่เี รยี นมาและการปฏิบัติกจิ กรรม มจี ดุ ใดบา้ งทย่ี ังไม่เข้าใจหรือ ยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพมิ่ เติมให้นกั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุ่มวา่ มปี ญั หาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ีการแก้ไขอย่างไรบ้าง (3) นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรม และการนาความรูท้ ี่ได้ไป ใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคาถาม เช่น ­ ดาวเทยี มและยานอวกาศแตกตา่ งกนั ในลักษณะใด

­ ดาวเทยี มคืออะไร มีความสาคญั ต่อมนษุ ยใ์ นด้านใดบา้ ง ­ การสร้างสถานีอวกาศเพ่ือให้มนุษย์ได้ไปอย่อู าศยั แทนการอาศยั อยบู่ นพน้ื โลกมีความเป็นไปได้หรือไม่ เพราะ เหตุใด ­ การแข่งขนั ด้านเทคโนโลยอี วกาศของประเทศมหาอานาจต่าง ๆ มขี ้อดแี ละข้อเสียตอ่ มวลมนษุ ยชาตบิ นโลก หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ­ มนษุ ยใ์ ช้ประโยชน์จากเทคโนโลยอี วกาศในเรือ่ งใดบ้าง ขน้ั สรปุ 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปเกี่ยวกบั การใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยอี วกาศ โดยรว่ มกันเขยี นเปน็ แผนทค่ี วามคิด หรือผังมโนทศั น์ 2. ครูดาเนินการทดสอบหลังเรยี น โดยให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพ่ือวัดความก้าวหนา้ /ผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรยี น 5. สือ่ กำรเรียนรู้ 1. สื่อมลั ตมิ เี ดยี หรือ CD-Rom เก่ยี วกบั ดาวเทยี ม ยานอวกาศ หรือภาพบนท้องฟา้ ท่ีปรากฏในกลอ้ งอวกาศฮบั เบิล 2. แผนภาพการขึน้ ­ลงของยานขนส่งอวกาศ 3. ภาพหรอื ข่าวเก่ียวกับการส่งดาวเทยี มธีออส 4. ภาพเกีย่ วกบั ประชากรบางส่วนของโลกทีม่ ีความยากจนมาก ขาดแคลนอาหาร หรอื เกิดภัยธรรมชาติ

แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ 60 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เวลา 10 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 เทคโนโลยอี วกาศ เวลา 1 ชว่ั โมง เรอ่ื ง การใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยีอวกาศ ภาคเรียนท่ี 2/2558 สอนวนั ท่ี………เดอื น………………………พ.ศ…………ชนั้ ........... โรงเรียนบา้ นพิณโท ครูผ้สู อน ............................................................................. สำระที่ 7 : ดำรำศำสตรแ์ ละอวกำศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ว 7.2 : เขา้ ใจความสาคัญของเทคโนโลยอี วกาศท่ีนามาใช้ในการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาตดิ ้านการเกษตรและการส่ือสาร มีกระบวนการสืบเสาะสบื เสาะหาความร้แู ละจิตวิทยาศาสตร์ สือ่ สาร ส่ิงทเ่ี รียนรูแ้ ละนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์อยา่ งมีคณุ ธรรมต่อชวี ติ และสงิ่ แวดลอ้ ม 1.สำระสำคญั การพฒั นาเทคโนโลยีเครื่องมือทางดาราศาสตรใ์ ห้มปี ระสิทธิภาพมากข้นึ ทาให้มีการเดนิ ทางสู่อวกาศ ยานอวกาศ สร้างกล้องโทรทรรศน์อวกาศ และสถานอี วกาศ 2.ตวั ช้ีวัด / จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. อธิบายวงโคจรของดาวเทยี ม และบอกการใช้ประโยชน์จากดาวเทยี มประเภทตา่ ง ๆ ได้ 2. สืบคน้ ข้อมลู และอธิบายเก่ียวกบั การใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยอี วกาศได้ 3.สำระกำรเรียนรู้ 1. ระบบยานขนสง่ อวกาศถกู พัฒนาข้นึ มาใชส้ ่งดาวเทียมและยานอวกาศแทนการใช้จรวดอยา่ งเดยี ว เนอ่ื งจาก สามารถนากลบั มาใชใ้ หม่ได้ 2. ในการสง่ ยานอวกาศไปสารวจอวกาศ จรวดที่พายานอวกาศจะต้องมีความเรว็ มากกวา่ ความเรว็ หลุดพน้ จงึ จะ สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ 3. ยานอวกาศและสถานีอวกาศมภี ารกิจในการสารวจโลกและวัตถุท้องฟ้าอ่นื ๆ 4. กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. ครนู าภาพหรอื ขา่ วเกี่ยวกบั การส่งดาวเทียมธีออส หรือการส่งดาวเทียมจากฐานจรวดในประเทศตา่ ง ๆ มาให้ นักเรยี นดู แล้วต้ังประเดน็ คาถาม เช่น ­ ดาวเทยี มธอี อสเปน็ ดาวเทียมประเภทใด ­ ประเทศไทยเราจะได้รับประโยชนอ์ ะไรบา้ งจากดาวเทียมธีออส ­ นกั เรยี นคิดว่าศักยภาพในการพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศของประเทศเราอยู่ในระดับใด เพราะเหตุใด 2. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายจากแนวคาตอบของนักเรยี น จัดการเรียนรูโ้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึง่ มีข้ันตอนดงั นี้ 1) ขน้ั สรำ้ งควำมสนใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook