Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือพุทธมามกะฉบับความรู้พื้นฐานก่อนไปวัด

คู่มือพุทธมามกะฉบับความรู้พื้นฐานก่อนไปวัด

Published by WATKAO, 2021-01-27 03:49:58

Description: พระเผด็จ ทัตตชีโว

Search

Read the Text Version

วัดให้ประโยชน์อย่างยิ่งแก่สังคมไทยตลอดมา ประชาชน ได้อาศัยวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจ สำ หรับปลูกฝังศีลธรรม นอกจากนี้ ยังใช้วัดความระพฤติ วัดกิริยามารยาท วัด คุณสมบดผู้ดี ฯลฯ ของแต่ละคนว่าดีพอแล้วหรือยัง ถ้ายัง จะ ได้แก่ไขปรับปรุงตนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก วัด จึงเป็นสถานที่ศักดิ้สิทธที่สุดของชาวพุทธทุกคน ฉะนั้นเมื่ออยู่ในวัด จึงด้องเคารพสถานที่โดยการสำรวมกาย วาจา และใจ ดลอดเวลา ระมัดระวังไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวน สมาธิของผู้อื่น พูดเท่าที่จำเป็น แมัความคิดกิระมัดระวัง ประศับระคอง ให้อยู่ในกรอบแห่งศีลธรรมอันดีงาม ดลอดจน ช่วยถ้นรักษาความสะอาด ความสงบ เรืยบรัอย ทั้งของ ดนเองและของวัดอยู่เสมอ และตั้งใจทะนุบำรุงให้เต็มกำสัง สติปัญญาความสามารถ หากผู้Iดปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ภายในวัด ผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่า ก่อเวรภัยให้แก่ดนเอง ท่าร้าย ผู้อื่น และปอนท่าลายพระพุทธศาสนา นับว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง โดยเหตุนี้ หนังสีอ \"ก่อนไปวัด\" เล่มนี้ จึงเป็นศู่มือการ ไปวัดของสาธุชนทุกท่าน ใช้เป็นหสักประพฤติปฏิบัติตนให้ ถูกด้องเหมาะสม เกิดบุญกุศลเต็มที่ทุกครั้งที่ไปวัด หนังสีอเล่มนี้สำเร็จลงได้กิด้วยความกรุณาของพระราช- าสุทธิโมลี(ทองดีสุรเดโช ป.ธ.๙)เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ที่ได้กรณาสละเวลาตรวจแก่ให้ถกด้องเหมาะสม เพื่อ คู่มือพุฑรมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัค (๑๓๘! พำ นา www.kalyanamitra.org

ประโยชน์สุขแก่พุทธบริษัททั้งปวงจึงขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ และขออนุโมทนาแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ วัด พระธรรมกาย ทุกท่าน ที่ได้ช่วยกันแสดงความคิดเห็นและ วัดทำหน้งสือนี้ให้สำเร็จเป็นรูปเล่มด้วยดี พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทดตชีโว) คู่มือพุฑ&มามกร ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัต ^๓^ คำ นำ www.kalyanamitra.org

ก่อนไปวัด วัด เป็นสถานที่สำคัญในการปลูกฝังพระธรรม คือ ทาน ศีล ภาวนา ให้แก่ประชาชนสำหรับไว้ต่อสู้ทำลายล้างกิเลส โดยมีพระภิกษุเป็นผู้แนะ ได้แก่ อบรมสั่งสอนชี้ทางถูก และ ผู้นำ ได้แก่ประพฤติดีประพฤติชอบให้ดูเป็นคัวอย่าง วัด นอกจากเป็นแหล่งอบรมปลูกฝังพระธรรมแล้ว ย้งเป็น จุดรวมให้ประชาชนเข้ามา วัด คือสอบคัวเองว่าการให้ทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนาของด้วมีอยู่และถูกด้องหรือไม่ วัดกิริยามารยาท คุณสมบัติของผู้ดี คุณธรรมต่างๆ ฯลฯ ของแต่ละคนว่าจะมีหรือไม่ และมีมากหรือน้อยกว่ากันอย่างไร จะได้แก่ไขปรับปรุงให้มีและดียิ่งๆ ขึ้นไป คู่มือพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พี๋นฐานก่อนไปวัด ๔^ ท่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

ว้ด เมือเป็นสถานทีปลูกฝังพระธรรมซงเป็นองค์ประกอบ สำ คัญที่สุดของชีวิต จึงนับว่าเป็นสถานที่คักดิ้สิฑธิ้ที่สุด เมื่อ อยู่วัดทุกคนต้องระมัดระวังดนให้ คิด พูด ทำ แต่ในสิ่งที่ สมควรเสมอ คือช่วยคันรักษาความสงบ ความสะอาด ความ เรียบร้อย ทั้งของดนเองและของวัดให้ดี ถ้าคนใดประพฤติ ปฏิป้ตดนไม่เหมาะสมภายในบริเวณวัด ก็จะเป็นความเสื่อม อย่างยิ่งทั้งแก่ดนเอง ผ้อื่น และพระพฑธศาสนา คู่มอVเทธมามกร aiTu ความรู้ทึ๋นฐานก่อนไปวัด ท0น1ปวัค www.kalyanamitra.org

ธรรมะเบื้องต้น มนุษย์ประกอบด้วยองค์ประกอบ ๒ ส่วน คือ ๑. ร่างกาย หรือเรียกสั้นๆ ว่า กาย ๒. ใจ ในภาษาบาลีเรียกว่า จิต หรือ วิญญาณ กาย กาย - ทั้งหญิงและชายต่างประกอบด้วยธาตุ ๔ชนิด ซึ่ง ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุนํ้า ธาตุไฟ และธาตุลม มา ประชุมุก้นอย่างได้สัดส่วนเหมาะสม แล้วเกิด เป็นอว้ยวะต่างๆ ทั้งภายนอกและภายใน ภายนอก เช่น ผม ขน เล็บ ฯลฯ ภายใน เช่น ตับ ไต หัวใจ ฯลฯ กาย - ไม่ได้เกิดขึ้นมาเองลอยๆ ด้องมีบิดาและมารดา เป็นผู1หักำเนิด คลอดจากครรภ์มารดาแล้วก็ ด้องอาศัยธาตุ ๔ จากภายนอก เช่น อาหาร นํ้า ลม และแสงแดด ฯลฯ มาหล่อเลี้ยงดลอดเวลา จึงเจริญเดิบโตขึ้นได้ กาย - เป็นเพียงของกลางๆ คือยังไม่มีชีวิต ยังไม่ดี-ยัง ไม่ชั่ว ยังไม่ยิ่งใหญ่-ไม่ดาทราม ใดๆ ทั้งสิ้น ต่อเมื่อใดพูด-ทำตามที่ใจคิดหรือสั้ง จึงเกิดเป็น กรรมดีกรรมชั่ว ตามที่พูดหรือทำนั้น ฐ่มีอพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานท่อนใปวัค 1๑๙๓ไ ท่อนใปาท www.kalyanamitra.org

กาย - ประกอบด้วยธาตุที่ยังไม่บริสุทธี้จงเป็นรังของโรค ภัยไข้เจ็บต่างๆ ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ ถึงแม้จะ ดูแลป้องกันรักษาเป็นอย่างดี ก็ด้องแตกสลาย เป็นธรรมดา คือตายในที่สุด กาย - หลังจากตายเป็นศพแล้ว ก็ถูกนำไปฝังบ้าง เผา บ้าง ธาตุทั้ง ๔ ที่ประกอบเป็นกายก็คืนกลับ สภาพเดิม คือธาตุดินก็กลับกับถมจมดินไป ธาตุนํ้าก็ระเหยกลับเป็นนํ้า ธาตุไฟก็กลับเป็นไฟ ธาตุลมก็กลับเป็นลม เชื้อโรคต่างๆ ในกายก็ ด้องตายตามไปด้วย ใจ ใจ - เป็นธาตุชนิดหนึ่งที่เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งของ มนุษย์ เข้าไปสิงสถิตอยู่ภายในกายตั้งแต่ถือ กำ เนิด ทำ ให้กายมนุษย์ซึ่งประกอบด้วยธาตุ ๔ มีชีวิตชื้นมาได้ ใจ - เป็นธาตุละเอียด จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วย ตาเนื้อ ไม่สามารถจับด้องได้ แต่เห็นได้ด้วยตา ทิพย์ เป็นธาตุรู้ จึงทำให้เรารู้เรื่องราวต่างๆ ได้ เช่น รู้ธรรมะรู้หนังสือรู้จักเพื่อนรู้จักดี-ชั่ว รู้จักดีใจ- เสืยใจ รู้จักเหตุ-ผล ฯลฯ ใจ - ทำ งานร่วมกับประสาทลัมผัสทั้ง ๕คือ ตา หู จมูก คู่มีอพุฑรมามกร นบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ก่อนไปวัค www.kalyanamitra.org

ลิ้น และกาย จึงทำให้เห็นรูปผ่านตา ฟังเสียง ผ่านหู สูดดมกลิ่นผ่านจมูก ลิ้มรสผ่านลิ้น และ สัมผัสผ่านกายได้ ใจ - ปกติจะผ่องใสสว่างภายในไม่ขุ่นม้วทำให้บุคคล สามารถรู้เห็นสภาวการณ์ต่าง ๆ รอบตัวผ่าน ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ ได้อย่างถูกด้องชัดเจน จึง รักจะคิดดีๆ แล้วสั่งกายให้พูด-ทำสิ่งดีๆ ดามมา ใจ - หากถูกกิเลสเชัาครอบงำ ย่อมเศร้าหมอง ขุ่นมัว การรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง ๕ จึงผิดพลาด คลาดเคลิ่อน ไม่ดรงดามความเป็นจริง ก่อให้ เกิดความคิดวิปริด จึงพูดร้าย ทำ ร้ายได้ต่างๆ นานา ทำ ให้ผู้นั้นกลายเป็นคนชั่ว คนร้ายไปทันที กิเลสคืออะะไร กิเลส - เป็นธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งสกปรกมาก เปรอะเปีอน มาก เหนียวแน่นมาก มี อำ นาจในการทำลาย ทำ ร้ายใจ ให้เดีอดร้อน เป็นทุกๆ5ได้มากมาย มหาศาล ไม่มีสิ่งใดมาเทียบเทียมได้ และ ละเอียดมากจึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยดาเนื้อ แต่เห็นได้ด้วยดาธรรมหรือธรรมจักษุ กิเลส - ฝ็งด้วเกาะติดอยู่ในใจมนุษย์ตั้งแต่แรกถือกำเนิด ในครรภ์มารดา เช่นเดียวกับเชื้อโรคทั้งหลายที่ คู่มือทุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พี๋นฐานก่อนไปวัด ^๑๔^ ก่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

Kr\\fI h ฝังตัวอยู่ในยีนและโครโมโซม เพื่อรอจังหวะ ทำ ความเจ็บป่วยให้ร่างกาย ขณะที่สุขภาพ อ่ อนแอฉันใด กิ เลสก็จัองหาโอกาสครอบงำเรา ขณะที่ใจเผลอสติฉันนั้น กิเลส - หากเข้าครอบงำใจไตัเมื่อไร ก็ย้อม เคลือบ ห่อ ทุ้ม ใจให้เศร้าหมอง ข่นม้ว มืดมิด สกป่รก มีสภาพ ไม่ต่างก้บถํ้ามืด ที่ทั้งสกป่รกทั้งอันตราย หรือ เหมือนกับคนใส่แว่นสีดำคลํ้า แถมเปีอนโคลน เหนอะหนะอีกตัวย ทำ ให้เสียคุณภาพในการ คู่มอทุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนใปวัด ก่รนไปวัei www.kalyanamitra.org

เห็นหรือรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้ง ๕ คือ ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัส ไม่ตรงตาม ความเป็นจริง แล้วบีบคั้นใจให้กล้าคิดร้ายพูตร้าย ทำ ร้าย ตามการรับรู้ที่ผิตๆ บิตเบีอนไปแล้วนั้น เป็นผลให้ด้องได้รับความทุกข์ความเดือตร้อน ต่างๆ ตามมา จากคนดีจึงด้องกลายเป็นคนชว ร้ายตามความคิด คำ พูด การกระทำร้ายๆ นั้น ความเลวร้ายสสับซับซ้อนเช่นนี้ บังเกิดขึ้นไม่ ว้างเว้นแม้แต่วินาทีเดียวกับสัตว์โลกทุกชีวิตคั้ง แต่เกิดจนกระทั้งตาย กิเลส - ที่แฝงอยู่ในใจผู้ตาย ไม่ได้ตายตามร่างกายไป ด้วย แต่ทำหน้าที่บังคับบัญชาให้กายละเอียด ของผู้นั้นไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่พอเหมาะกับ ความเลวร้ายของเขา หากไดโอกาสก็บังคับผู้ นั้นให้คิดร้าย พูดร้าย ทำ ร้ายต่อไปอีก จึงด้อง เป็นทุกข์และได้บาปต่อไปอีกชาติแล้วชาติเล่า เช่นเดียวกับผู้คุมย้ายน้กโทษจากที่คุมซังหนึ่ง ไปอีกที่คุมซังหนึ่ง ให้พอเหมาะกับความ ประพฤติของน้กโทษนั้น หากน้กโทษก่อเหตุ ร้ายอีก ก็ลงโทษให็ยงๆ ขึ้นไปอีก กิเลส - จึงเป็นต้นเหตุหรือตัวการแท้จริงที่ทํๆให้เกิด ความทุกข์ ความชั่วร้าย ความบาปทุกชนิค ในโลก โคยมีสัตว์โลกแต่ละชีวิตเป็นทุ่นหรือ คู่มีอพุฑรมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด (๑๔๗! ท่อนไ!!วัค www.kalyanamitra.org

นักโทษที่ถูกiJaคับให้ทำการต่าง ๆ ก่อนถูก ประหารซํ้า กิเลส - เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว มี ๓ ตระกูล ด้วยก้นคือ ๑. ตระกูลโลภะ ๒. ตระกลโทสะ <น ๓. ตระกูลโมห: โลภะคืออะไร โลภะ - เป็นกิเลสประเภทที่บีบบังคับใจ ให้รู้สีกหิวโหย อยากได้มากผิดปกติ ใจจึงดิ้นรน อยู่ไม่ เป็นสุข ต้องติดหาทางเอามาเป็นของตน โดยทางทุจริตต่าง ๆ เช่น คิตลัก ขโมย โกง จี้ ปล้น ฯลฯ จนถึงคิตฆ่าคนตายรวมเรียกว่า ความ โลภ สำ หรับความอยากได้แบบสามัญ เช่น อยากได้เสื้อผ้า อยากรวย อยากเป็นคนดี โตย สุจริตตามวิลัยธรรมธรรมตา ไม่ถึอว่าเป็นความ โลภ อยากได้เงิน ๑๐๐ ล้านบาท แล้วแสวงหา โตยสุจริต ไม่จัตเป็นโลภะ แต่อยากได้เงินเพียง ๑ บาท โตยวิธีทุจริต จัตเป็นโลภะ โลภะ - มีลักษณะยึดอารมณ์ไว้อย่างเหนียวแน่น คือ เมื่อพอใจในรูป-เสียง-กลิ่น-รส-ล้มผ้ส คู่มีอพุฑรมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด 1๑๔^ ท่อนใปาท www.kalyanamitra.org

i ธรรมารมณ!ด ซึ่งเป็นว้ตถุนอกกาย ใจก็แล่น ออกจากศูนย์กลางกาย ไปยึดติดวัตถุนั้นค้างไว้ ในใจ จากความอยากไค้อย่างสามัญ จึงขยาย ค้วออกเป็นความอยากไค้เกินเหตุ แล้วกลาย เป็นความอยากมีพิษ ยากจะสล้ดทิ้ง หรือแกะออก เหมือนสิงติดตัง หรือติดกาวเหนียว ๆ แล้ว แกะไม่ออก จึงถูกนายพรานจับค้วเอาไป ทำ อย่างไรก็ไค้ตามชอบใจ คู่มีอพุทธผามกะ ฉบ้ฆ ความรู้พนรานก่อนไปวัด ^® ก่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

โลภะ - มีเหตุใกล้ชิดทำให้เกิด คือ มีความชอบใจในธรรม ฝ่ายดาที่ทำให้เกิดกิเลสเป็นเชื้ออยู่แล้ว เช่น ความฬุมเฟิอย ความเอาเปรียบ ความเห็นแก่ได้ ฯลฯ โลภะ - จึงเปรียบเสมือนชะลอมใส่นํ้าไม่รู้จักเต็ม มัก ก่ อให้เกิดความเร่าร้อนคิดที่จะทำทุจริต ต่าง ๆ เพื่อให้1ด้สิงนั้นๆ มาดรอบครอง ที่ไม่ เคยคิดจะพูด จะทำ ก็คิด ที่เคยคิดบ้างแล้วก็ กำ เริบรุนแรงยิ่งชื้น การละโลภะ ๑. ด้วยใช้สติยับยั้งไว้ก่อน อย่าลุอำนาจแก่ความ อยากนั้นๆ ๒. ด้วยใช้!!ญฌาพิจารณาผลได้ผลเสียให้เกิดหิริ โอดด้ปปะ ๓. ด้วยการบำเพ็ญธรรมในทางตรงช้ามกับโลภะ คือ การบริจาคทานเป็นนิตย์ โทสะคืออะไร โทสะ - เป็นกิเลสประเภทที่บีบบ้งคับใจให้ร้อนรน หงุดหงิด ช้ดเคือง ชิงช้งได้ง่ายผิดปกติ เป็น ผลให้คิดอยากทำลายล้างผลาญคนอื่น สิง คู่มีอพุทธมามกร ฉบับ ทวามรู้พนฐานก่อนไปวัด (๑๕๐) ท่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

อื่นใหได้ร้บอันตรายเสียหาย เช่น ทำ ให้เขา บาดเจ็บ อับอาย เสียหน้า เสียทรัพย์ รวมเรียก ว่า คิดประทุษร้าย หรือความโกรธ ความคิดประทุษร้ายอันเนื่องมาจาก ความไม่พอใจฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น จึงอัดว่าเป็น โทสะ เช่น ยิงนก ฆ่าหนู เพราะโกรธที่มันลงมา กินข้าวในนา แต่ถ้าคิดประทุษร้ายด้วยเหตุอื่น เช่น คิดยิงนก ดกปลา ล่าส้ตว์ เพราะเห็นว่า เป็นกีฬาสนุกๆ อัดว่าเป็นโมหะ คู่)!)อพฑรมามกt aiTu ค'}ามรู้'ฬึ้นฐานท่อนไปวัค ^@๕|£ไ ท0นไปวัค www.kalyanamitra.org

โทสะ - มีลักษณะดุร้ายเหมือนอสรพิษที่ถูกตีแล้วไม่ ตาย คือเมื่อบุคคลเผลอสติ เกิดความมานะถือตัว ว่า ตนเด่นกว่าเขา ตนตัอยกว่าเขา หรือตน เสมอกับเขาก็ดี ครั้นถูกกระทบเข้าด้วยรูป เสียง กลิ่น รส สัมผ้ส ธรรมารมณ1ต ซึ่งไม่น่าพอใจ ก็ เกิตความคิตข้ตเคือง หงุตหงิต หากระงับไม่ได้ ก็จะขยายตัวเป็นเหตุให้เกิตความคิตชั่วร้ายถึง กับทะเลาะวิวาท กลั่นแกล้ง ทำ ร้าย ฆ่ากัน อัน เป็นเหตุให้ตัวเองและ^นเดือตร้อน เหมือนคน ที่เป็นศัตรูได่โอกาสล้างแค้นกัน โทสะ - เมื่อเกิตกับ^ต ย่อมทำให้ผู้นั้น คิตทำลายทุกสิ่ง ทุกอย่างแม้ตนเอง นับตั้งแด่ ๑) ทำ ลายระบบ ความคิด ๒) ทำ ลายสุขภาพร่างกายและจิตใจ ๓) ทำ ลายทรัพย์สิน ๔) ชอบก่อกรรมทำเข็ญ เป็นอันตรายด่อสังคม เข้าทำนองใครขอความดื ก็ไม่ให้ ใครให้ก็ไม่ยอมรับ หนำชํ้าเอาไฟเผา ความดืข้างในตน เสียอีกด้วย โทสะ - จึงเปรียบเสมือนลูกระเบิดในใจพอม้นระเบิด ก็ฑำ ลายดนเองเป็นสิงแรก แล้วทำลายทั้งคน ทั้งสิงของข้างเตียงภายหลัง คู่มือทุฑธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ^๕!^ ก่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

การละโทสะ ๑. ด้วยใช้สติยับยั้งไว้ก่อน ๒. ด้วยใช้ฟ้ญญๆพิจารณาให้เห็นโทษ ๓. ด้วยตั้งใจรักษาสีล ๕ ป้องกันไว้ก่อน ๔. ด้วยการบำเพ็ญธรรมในทางตรงช้ามกับ โทสะ ดือ แผ่เมตตาอยู่เป็นนิตย์ โมหะคืออะไร โมหะ - เป็นกิเลสประเภทบีบปังคับใจให้งุนงง หลงใหล งมงาย มัวเมา มืดบอด ขาดเหตุผล เมื่อเกิดขึ้น แล้วย่อมปีดปังใจของผู้นั้น ไม่ให้รู้ถึงความจริง ของสิ่งที่ดนได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ไดขึ้มรส ได้ สัมผัส แล้วคิดลุ่มหลงต่างๆ นานาด้วยความ เขลาเบาปัญญา ไม่ให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ผิด ชอบชั่วดี เช่น ลุ่มหลงในสุรา นารี พาชี กีฬาปัตร เป็นด้น รวมเรียกว่า ความหลง สำ หรับความไม่รู้วิชาการต่างๆ ในทาง โลก เช่น ไม่รู้เรื่องคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ การประกอบอาหาร การตัดเย็บเสื้อผัว การ คัาขาย ฯลฯ ไม่จัดว่าเป็นโมหะ เป็นเพียงความ ไม่รู้ทั่วไปเท่านั้น ค่มีอพุทธมๆมกะ ฉบับ ความเพนฐานก่อนไปวัด 1๑๕๓1 ท0นใปวัค www.kalyanamitra.org

โมหะ - มีลักษณะปกปิดสถานะจริงของอารมณ์อันเกด จากการที่ใจถูกรูป-เสียง-กลิ่น-รส-สัมผัสมา กระทบไว้อย่างแน่นหนา ทำ ใใว้1จมืดมิด ไม่ พยายามใช้ปัญญาพิจารณาในเรื่องนั้นๆ ให้ ประจักษ์ถ่องแห้แต่ทำตนเป็นปฏิปักษ์กับเหตุผล แม้มีความรู้ก็ไม่ชอบใช้ความรู้ จึงคิดเบา ดูเบา หูเบา ฯลฯ ของมอมเมาเป็นโทษแห้ๆ เช่น สุรา กลับดูเบาเห็นว่าเป็นคุณ ใช้สำหร้บกระชับมิตร การพน้นเป็นของทำลายเศรษฐกิจแห้ๆ กลับ คู่มือทุทรผามกะ ฉบับ ควาบรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ^๕^ ก่อนไบพั www.kalyanamitra.org

ดูเบาเห็นเป็นต้วกระตุ้นเศรษฐกิจ ฯลฯ ในที่สุด ก็กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ไม่รู้จักผิด ชอบ ชั่ว ดี ไม่รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ประโยชน์ มิใช่ ประโยชน์มีสภาพเหมือนคนตาดีที่ดกอยู่ในที่มืด คื อมืดาแต่ไม่พยายามมอง ดาก็หมดสภาพ กลายเป็นมองไม่เห็น หรือไม่ก็เห็นผิดๆ โมหะ - มีเหตุใกล้ชิดทำให้เกิด คือขาดการคิดอย่างเป็น ระบบ หรือขาดโยนิโสมนสิการ โมหะ - จึงเปรียบเสมือนความมืดภายในใจ และเพราะ ความมืดนั้นทำให้ผู้ถูกครอบงำชอบเสี่ยงชอบเดา เชื่อโชคลาง เชื่อพรหมสิชิด ชอบทำความผิด ทุกชนิด ตั้งแต่ทะเลาะวิวาทกัน ฆ่ากัน ทำ สงครามกัน แม้แต่ทำร้ายหรือฆ่าพ่อแม่ของ ดนเอง การละโมหะ ๑. ตั้งใจฟัง อ่าน เรืยนธรรมะ เพื่อเพิ่มพูน สุตมยปัญญา ๒. ตั้งใจค้นคิดทดลองทำวิจัยธรรมะ เพื่อเพิ่มพูน จินดามยปัญญา ๓. ตั้งใจทำใจให้หยุดให้นิ่ง เพื่อเพิ่มพูนภาวนา- มยปัญญา คู่มีอทฑธมามกร ฉบับ ความรู้พึ๋นฐานก่อนไปวัต ๕^ ท่อนโปวัค www.kalyanamitra.org

สรุป กิเลสไม่ว่าตระกูลไหน ๑. ต้วกิเลสเองเป็นธาตุธรรมฝ่ายตั้า สกปรก ดำ มืด เลว ทราม ดรช้าไม่เห็นได้ด้วยดาเนื้อ ๒. ครั้นกิเลสเช้าไปอยู่ในใจได้เมื่อไร ก็เป็นเหตุหรือ รากเหง้าให็ใจคิดชั่ว คิดสกปรก ลามก เลวทราม แล้วบังคับกายให้พูดชั่ว ทำ ชั่วต่างๆ นานา ๓. การกระทำใดๆ ด้วยอำนาจกิเลส ไม่ว่าจะเป็นทาง กาย วาจา หรือใจ ล้วนจ้ดเป็นอกุศลกรรม คือ กรรมเป็นบาปทั้งสิ้น ๔. บาปเป็นพลังงานที่ชั่วร้าย ลันเกิดจากกรรมชั่ว ย่อมเป็นเสมือนป็ยสนับสนุนให้กิเลสขยายตัว งอกงามเพิ่มยิ่งขึ้นไปอึกเป็นวัฎลักร ๕. กิเลสแยกย้ายกันเป็น ๓ กองทัพ แต่ละกองทับมื ลักษณะเลวร้ายเฉพาะ แลัวร่วมกันกลุ้มรุมโจมตีให้ เตีอดร้อนเป็นทุกข์ คือ กองทัพที่ ๑ โลภะ ทำ ให็ใจอดอยากหิวโหยและไม่รู้ จักพอ กองทัพที่ ๒ โทสะ ทำ ให็ใจพลุ่งพล่าน เตีอดดาล คิด ทำ ร้าย กองทัพที่ ๓ โมหะ ทำ ให็ใจมืดบอด ขาดเหตุผล มัก ง่ายเอาแต่ใจคัว ฅู่มีอฬุฑรมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด ท่อนโปวัท www.kalyanamitra.org

ถ้า^ดปล่อยให้กิเลสเข้าครอบดรองใจได้ แล้วคิด พูด ทำ ตามแต่กิเลสจะข้กนํๆ ผู้นั้นย่อมได้บาป ไม่ว่าจะ ยืน เคิน นั่ง หรือนอน ย่อมทำให้เป็นดนไร้ดวามสุข ผู้ที่ หวังดวามสุขดวามเจริญ จึงจำเป็นด้องริบกำจัดกิเลส เสิยแต่ด้นมือ อย่างไรก็ตามกิเลสใข้นำล้างไม่ได้ ใช!ฟ เผาก็ไม่ได้ แต่สามารถกำจัดได้โดยสันเรงด้วยบุญ บุญคืออะไร บุญ - เป็นพล้งงานชนิดหนึ่งซึ่งบริสุฑธมาก เพราะไม่ ว่ าปริมาณจะน้อย-มาก-หรือปานกลาง นอกจากไม่มีโทษใดๆ แล้ว ยังนำแต่ความสุข ความเจริญ ความสมหวังในสิ่งที่ดีงามทั้งหลาย มาให้ผู้มีบุญนั้น ทั้งในชีวิตนี้ และชีวิตในโลก เบื้องหน้า เช่น ทำ ให้อายุยืน สุขภาพพลานามัย แข็งแรง ผิวพรรณงาม มีศ้กตามาก มีทรัพย์ สมบดมาก เกิดในตระกูลสูง เจ้าปัญญา ฯลฯ บุญ - เป็นพลังงานซึ่งมือานุภาพมาก เพราะเป็นสิ่ง เดียวที่มีฤทธึ๋■ฆ่ากิเลสทุกชนิดได้ จึงสามารถ ชำ ระจิตล้นตานที่เศร้าหมอง ตลอดจนความ เห็นผิด ความคิดชั่วร้ายทั้งหลายให้หมดสิ้นจาก ใจ ทำ ให็ใจกล้บมาบริสุทธผ่องใสได้เป็นอัศจรรย์ คู่มีอพุฑธมามกรฉบับความรู้พนฐานก่อนไปวัด 1๑๕๗1 ท่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

บุญ - เป็นเช่นพล้งงานทั้งหลายคือ ไม่สามารถเห็นได้ ด้วยตาเนื้อมนุษย์ แต่เห็นได้ด้วยตาทิพย์(ทิพย จักษุ)ตาธรรม (ธรรมจักษุ) และรูได้ด้วยอาการ รู้ว่ามีพลังงานไฟฟ้าด้วยอาการที่ปรากฏ เช่น ทำ ให้หลอตไฟสว่าง เตารีตร้อน พัตลมหมุน กล้ามเนื้อกระตุก ฯลฯ รู้ว่าบุญเกิดขึ้น เมื่อหลัง จากทำบุญแล้วรู้สึก เป็นสุขสดชื่น หน้าตาผ่องใส มีกำ ลังใจทำความดี มีความสำรวมระวัง ฯลฯ บุญ - ไม่เกิดในที่ไหนๆ แต่เกิดขึ้นเฉพาะที่ใจของผู้ ทำ บุญเท่านั้น ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ก็มีคุณสมบัติ แสนวิเศษเฉพาะด้วอย่างมากมาย เช่น ๑. เป็นของเฉพาะตน จึงด้องทำด้วยด้วเอง ๒. ติดตามตนเองไปทุกฝืก้าว แม้ตายไปเกิดใน ภพใหม่ ก็ยังติดตามไปได้ ๓. ใครแย่ง-ใครลักก็ไม่ได้ ๔. เป็นเครื่องป้องก้นภัยในวัฏสงสาร เช่น ไม่ ให้ตกนรก ก็ได้ ๕. สามารถส่งไปไดีไกลๆ แม้ข้ามโลก ข้าม จักรวาลก็ไปได้ ๖. ให้มนุษย์สมบต ทิพย์สมบด นิพพานสมบด rtVI ^ กเด้ ฯลฯ คู่มึอพุทธมามกร ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด 1๑๕(^1 ท่อนโปวัค www.kalyanamitra.org

ทำ อย่างไรบุญจึงเกิด การทำความดีทุกชนิดย่อมทำให้เกิดบุญทั้งสิ้น โดย ย่อมีอยู่ ๓ วิธีด้วยกัน คือ ๑. ทาน ๒. ศีล ๓. ภาวนา ทานดืออะไร ทาน แปลว่า การให้ ถ้าให้เพื่อมุ่งฟอกกิเลสในใจของผู้ ให้ เช่น ให้พระสงฆ์ เรานิยมเรียกว่า ทำ บุญ ถ้าให้เพื่อมุ่ง สงเคราะห์ผู้รับ เช่น ใหสิ่งของแก่คนยากจน คนทั้วไป ด้วย ความสงสาร เรียกว่า ทำ ทาน ทาน - เป็นการใหสิ่งของที่ควร แก่ผู้ที่ควรให้ สิงของที่ ควรให้ เรียกว่า ทานวัตถุ หรีอ ไทยทาน หรีอ ไทยธรรม มีอยู่ ๑๐ อย่างคือ อาหาร นํ้า เครื่อง นุ่งห่ม ยานพาหนะ มาลัยและดอกไม้ ของหอม (ธูปเทียน) เครื่องลูบไล้ (สบู่ เป็นด้น) ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป (ไฟฟ้า) ทานวัตถุเหล่า นี้มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษภัยแก่ผู้รับ จึงมี อานิสงส์มาก ผู้ให้ เรียกว่า ทานบดี ทาน - ทำ ให้เกิดบุญได้เพราะทันทีที่ใจได้สติ เกิดกำลัง มากพอถึงกับสละทานรัดถุได้ ใจก็กลับเข้ามา บรรจบกับธรรมซึ่งเป็นธรรมชาติบริสุทธิ้ภายใน ของตนเอง จึงเกิดเป็นดวงบุญสว่างขึ้นโดย คู่มีอพุทธมามกะ amjคาามเพนฐานก่อนใปวัด 1๑๕๙1 ท่อนไฟ่วัค www.kalyanamitra.org

m s อัตโน3ji ณ ศูนย์กลางใจ เซ่นเดียวกับไฟฟ้าขั้ว บวกกับขั้วลบหากมาบรรจบกันก็เกิดประกาย สว่างขื้นฉะนั้น แล้วบุญที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำหน้าที่ ฆ่าโลภะกิเลสทันที เหมือนแสงสว่างของ ดวงอาทิตย์ หรือดวงประทีป เมื่อปรากฏขึ้น ย่อมฆ่าความมืดให้หมดหรือลดลงไปฉะนั้น ทาน - จะบังเกิดผลเป็นบุญมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ๑. ว่'ตธุ คือของที่จะให้ต้องเป็นของที่ตนได้มา โดยทางสจริต คู่มือพุทธมามกร ฉบับ ความวู้พึ้นฐานก่อแใปฬั ๖^ ก่ทนโปาค www.kalyanamitra.org

๒. เจตนา คือความตั้งใจในการทำว่า มุ่งเพื่อ ชำ ระกิเลส หรือปรับปรุงแต่งจิตให้สะอาด เป็นหลัก ๓. บุคคล คือตัวฟ้ห้ต้องบริสุทธิ้มีศีล อย่างน้อย ศีล ๕ และผู้รับก็ยิ่งตัองมีศีลบริสุทธี้สมเพศ ภาวะของตน ทาน - มีผลแก่ผู้!ห้โดยตรงคือ ฆ่าความตระหนี่ ความ โลภ ความเห็นแก่ตัว และทำให้ทานบดีนั้น กลายเป็นคนโอบอ้อมอารืตามไปตัวย ทาน ■มีผลน่าชื่นใจหรืออานิสงส์ทั้งโลกนี้โลกหน้าต่อ ไปอีกแก่ทานบดี ๗ ประการ คือ พระอรห้นต์ทั้งหลายเมื่อไดโอกาส ๑. ย่อมอนุเคราะห์ ๒. ย่อมเข้าไปหา ๓. ย่อมรับทาน ๔. ย่อมแสดงธรรมแก่ทานบดีก่อนคนทั้ง หลาย ๕. กิตติศัพท์อ้นงามย่อมฟ้งกระจาย ๖. เข้าไปในบริษัทใดๆ ย่อมแกลัวกลัาไม่ เก้อเขิน ๗. ตายแลัวย่อมไปเกิดในสวรรค์ ฐ่มีอพุทธมามกร ฉบับ ความเพนฐานก่อนไปวัด (๑๖๑! ท่อนใปวัค www.kalyanamitra.org

สีลคืออะไร สิล แปลว่า ปกติ สงบเย็น ในทางปฎิป้ต หมายถึง การ งดเว้นจากการประพฤติผิดทางกาย และวาจา การควบคุม กายวาจาให้เรียบร้อยงดงามให้ปราศจากความมัวหมอง ไม่ ให้ผิดปกติธรรมดา รวมแล้วคือ การไม่พูดผิดทำผิด สืล - ระดับต้น คือ ศีล ๕ ซึ่งเป็นของคนทั่วไป ระดับกลาง คือ ศีล ๘ ของอุบาสก อุบาสิกา และศีล ๑๐ ของสามเณร คู่มีอพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ^๑๖!^ ท่อนไปวัค www.kalyanamitra.org

ระดับสูง คือศีล ๒๒๗ของพระภิกษุ และศีล ๓๑๑ ของภกษุณ สีล - เมื่อรักษาได้ย่อมเกิดบุญขึ้นเพราะทันทีที่หักห้าม ยับยั้งชั่งใจ เห็นแก่ใจตนเองว่าบุคคล สิ่งของ ภายนอกไม่สำคัญกว่าความดีของตนเอง ใจจึง ได้สติ เกิดกำลังใจมากพอ เข้าควบคุมการพูด การทำไม่ให็วิปริตผิดปกติธรรมดาใจก็กลับเข้า มาบรรจบกับธรรม ซึ่งเป็นธรรมชาติบริสุทธ ภายในตนเอง จึงเกิตเป็นตวงบุญสว่างขึ้นโตย อัตโนมัติ ณ ศูนย์กลางใจ เช่นเดียวกับไฟฟ้า ขั้วบวกกับขั้วลบหากมาบรรจบกันก็เกิดประกาย สว่างขึ้นฉะนั้น บุญที่เกิดขึ้นนี ก็ทำ หน้าที่ฆ่า โทสะกิเลสทันที เหมือนแสงสว่างของดวง อาทิตย์ หรือดวงประทีป เมื่อปรากฏขึ้น ย่อมฆ่าความมืดให้หมดหรือลดลงไปฉะน้น สิล - เป็นเหตุให้คนอยู่กันเป็นปกติ ไม่เบียดเบียนกัน ไม่ฆ่ากัน ไม่ลักขโมยของกันและกัน เป็นด้น แลัวเป็นผลให้นำความสงบมาให้พู้รักษา ทำ หน้าที่ควบคุมพลโลกให้เรียบรัอย จึงเป็นที่มา แห่งความสงบสุข สิล - มีผลแก่ผู้รักษาโดยดรงคือ ทำ ให้เป็นคนสะอาด กายและวาจา เป็นการคัดเวร ตัดภัย ควบคุม กำ ภับโทสะไว้ ไม่ให้มีโอกาสกำเริบได้ ถู่มีอพุทธมามกะ ฉบับ ความรูพนฐานก่อนไปวัด ^๖^ ก่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

สีล - มีผลน่าชื่นใจ หรืออานิสงส์ต่อไปอีกทั้งโลกนี้โลก หน้าแก่ผู้รักษาศีลเอง คือ ๑. ย่อมมีโภคทรัพย์มาก ๒. กิตติศัพท์อันงามย่อมขจรไป ๓. เข้าไปในบริษัทใดๆ ย่อมแกล้วกล้าไม่เก้อเขิน ๔. ย่อมไม่หลงลืมสติตาย ๕. ตายแล้วย่อมไปเกิตในสวรรค์ ภาวนาคืออะไร ภาวนา แปลว่า การเจริญ การอบรม การทำให้มี ให้เป็น ขึ้นหมายถึง การทำใจให้สงบและทำป๋'ญญาให้เกิดขึ้น ด้วย การ?เกฝนอบรมจิตไปตามแบบที่ท่านผ้รื'กำหนดไว้ ซึ่งเรืยก ฆํ ขํ ชื่อไปต่างๆ ก้น เช่น การบำเพ็ญกรรมฐาน การทำสมาธิ การเจริญภาวนา การเจริญจิตตภาวนา ฯลฯ ภาวนา - ในทางปฏิบํติท่านแปงไว้๒ แบบใหญ่ๆ คือ ๑. สมถภาวนา การอบรมใจให้สงบ เรืยกว่า จิตตภาวนา หรือสมาธิภาวนาก็ได้ ๒. วิปัสสนาภาวนา การอบรมใจให้เกิด ปัญญา เรืยกว่า วิปัสสนากรรมฐาน หรือ ปัญญาภาวนาก็ได้ เป็นขั้นตอนต่อจาก สมาธิของผู้ที่เข้าถึงธรรมกายแล้ว คู่มีอพุฑรมามกร ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด ^๖^ ท่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

ภาวนา เมื่ออบรมอย่างจริงจ้งย่อมเกิดบุญขึ้นอย่าง มากมาย เพราะเป็นการอบรมใจให้กลับมา สงบ หยุดนิ่ง ณ ศูนย์กลางกายอย่างต่อ เนิ่องจริงจ้ง ใจจึงมีสดิกำลับอย่างต่อเนื่อง และมีกำลังมากพอที่จะประคับประคองใจให้ เข้ามาถึงธรรม เข้าไปอยู่และเป็นอันหนึ่งอัน เดียวลับธรรมครั้งละนานๆ เป็นชั่วโมงๆ เป็นวันๆ เสมือนนำไข่แดง คื อใจ สอด เข้าไปไวในไข่ขาว คือธรรม ซึ่งเป็นธรรมชาติ ดู่ผีอพุทธมามกะ &บับ ความรูพนฐานก่อนใปวัค (๑๖๕) ก่อนไปพั www.kalyanamitra.org

บริสุทธภายในตน จึงเกิดเป็นดวงบุญ สว่างไสวต่อเนื่องกันโดยอัดโนมัติ ณ ศูนย์กลางใจ เช่นเดียวกับไฟฟ้าขั้วบวกกับ ขั้วลบหากมาบรรจบกันก็เกิดประกายสว่าง ขึ้นฉะนั้น เนื่องจากใจเข้าไปอยู่กลางดวง ธรรมอย่างต่อเนื่องนานเป็นขั้วโมง เป็นวันๆ สำ หวับผู้เจริญสมถภาวนา และเป็นสัปดาห์ เป็นเดีอน เป็นปี สำ หวับผู้เจริญวิปัสสนา อันเนื่องจากเข้าถึงธรรมกายแล้ว บุญอัน มหาศาลเหล่านี้เอง ก็ทำ หน้าที่กำวัดฆ่า โมหะกิเลสซึ่งเป็นกิเลสที่วัายแรงที่สุด ดลอด จนกิเลสต่าง ๆ ทุกชนิดอย่างไม่ลดละ เสมือนแสงอาทิดย์ยามเที่ยง กระหนาฆ่า ความมืดที่ห่อหุ้มโลกลงฉะนั้น ภาวนา - จะบังเกิดบุญมากหรือน้อยจึงขึ้นอยู่กับความ สามารถในการทำใจให้หยุดนื่งสนิทเป็นอัน เหนื่งอันเดียวกับธรรมได้นานเทำใด กัานื่ง สนิทเป็นอันหนื่งอันเดียวได้ถาวรดลอดไป กิเลสทุกชนิดย่อมถูกกำวัดจนหมดสิ้นไปด้วย ใจผู้นั้นย่อมบรรลุพระนิพพานเสวยแต่บรม สุขดลอดไป ท่านผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าพระ อรหันต์ ฅู่มือพุทธมามกร ฉบับ ความรู้พี้นฐานก่อนไปวัด ^๑๖^ ท่อพไปาท www.kalyanamitra.org

ภาวนา - จึงไม่ใช่งานของคนแก่ เป็นงานของทุกๆ คน ที่ต้องการปัญญา ความพ้นทุกข์ และความ สขสงบอย่างถาวรแท้จริง สรุป การทำบุญทุกชนิดไม่ว่าน้อยหรือใหญ่ ล้วนเป็นการต่อ ต้าน ทำ ลาย กำ จัดกิเลสต้วยกันทั้งนั้น เมื่อฝ่ายบาปจัดท้พ กิเลสมารุกรานโจมดีใจถึง ๓ ท้พ พระสัมมาล้มพุทธเจัาก็ทรง สอนให้ชาวโลก จัดกองท้พธรรมขึ้นต่อต้าน ทำ ลาย ล้าง ผลาญกิเลสให้สิ้นซากให้!ต้ ต้วยการแปงเป็น ๓ ท้พเช่นกัน โดยกำหนดให้กองท้พทานทำลายล้างโลภะ กองท้พสีล ทำ ลายล้างโทสะ กองท้พภาวนาทำลายล้างโมหะ โดยมี พื้นที่ในใจของตนเองเป็นสนามรบ ทำ ลายล้าง โลภะ —1 ทาน ——> บุญ ^ ทำ ลายล้าง โทสร กิเลสในใจ ศีล ——-—> ^ทวนท ทำ ลพ!ง^ ในพ. ตื่นเถิดนักรบกองทัพธรรม คู่มือทุฑธมามกะ ฉบับ ความรู้พี้นฐานก่อนไปวัด ^๖^ ก่อนไปวัค www.kalyanamitra.org

การเตรียมตัวก่อนไปวัด วัด เป็นสถานที่สำคัญในการปลูกฝังพระธรรม คือ ทาน ศีล ภาวนา ให้แก่ประชาชนสำหร้บไว้ต่อสู้ทำลายล้างกิเลส โดยมีพระภิกษุเป็นผู้แนะ ได้แก่ อบรมสั่งสอนชี้ทางถูก และ ผู้นำ ได้แก่ ประพฤติดีประพฤติชอบให้ดูเป็นตัวอย่าง วัด นอกจากเป็นแหล่งอบรมปลูกฝังพระธรรมแล้ว ย้งเป็น จุดรวมให้ประชาชนเข้ามา วัด คือสอบคัวเองว่าการให้ทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนาของด้วมีอยู่และถูกด้องหรือไม่ วัดกิริยามารยาท คุณสมบัติของผู้ดี คุณธรรมต่างๆ ฯลฯ ของแต่ละคนว่าจะมีหรือไม่ และมีมากหรือน้อยกว่าคันอย่างไร จะได้แก่ไขปรับปรุงให้มีและดียิ่งๆ ชี้นไป วัด เมื่อเป็นสถานที่ปลูกฝังพระธรรม ซึ่งเป็นองค์ประกอบ สำ คัญที่สุดของชีวิต จึงน้บว่าเป็นสถานที่คักดิ้สิทชี้ที่สุด เมื่อ อยู่วัดทุกคนด้องระมัดระวังดนให้ คิด พูด ทำ แต่ในสิ่งที่ สมควรเสมอ คือช่วยคันรักษาความสงบ ความสะอาด ความ เรืยบรัอย ทั้งของดนเองและของวัดให้ดี ถ้าคนใดประพฤติ ปฏิป้ติดนไม่เหมาะสมภายในบริเวณวัด ก็จะเป็นความเสิ่อม อย่างยิ่งทั้งแก่ตนเอง ผอื่น และพระพทธศาสนา <น คู่มือพุทธมามกร ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด 1๑๖๘1 ท่ซพไปวัค www.kalyanamitra.org

๑. การเตรียมใจ ความมุ่งหมายสำคัญของการไปวัด เราไปวัดเพื่อศึกษาและแกฝนอบรมตนเอง ให้สามารถ กำ จัดกิเลสออกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่เนื่องจาก กิเลสต่างๆ ได้หมักดองใจมาเปีนเวลาช้านาน ทำ ให้ขัดเกลา ออกยาก หรือแมัว่าออกแล้วหากไม่ระมัดระวังให้ดี ก็อาจ กล้บเกิดขึ้นใหม่ได้อีกอย่างรวดเร็ว งานกำจัดกิเลสจึงเปีน งานที่ด้องใช้สติปัญญาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้อง อาศัยกำลังใจอย่างมหาศาล ด้งนั้นการเดรืยมใจให้พร้อม ก่อนไปวัดจึงเปีนสิ่งจำเปีน ซึ่งมีวิธีปฎิปัตง่ายๆ ด้งนี้ - จัดภารกิจที่จำเปีนให้เสร็จเรืยบร้อยถ้าย้งไม่เรืยบร้อย ควรมอบหมายให้ผู้ที่วางใจได้ทำแทน ขณะประกอบการบุญ ใจจะได้ใม่เปีนกังวล - สำ รวมใจน้อมระลึกถึงบุญกุศลที่เคยทำมาแล้ว ดลอดชีวิด เพื่อยังจิดใจให้เกิดปีติเบิกบาน แช่มชื่น ผ่องใส มี กำ ลังใจที่จะทำความดีเพิ่มขึ้น - ก่อนเช้านอน กราบบูชาพระร้ดนดรัยหน้าที่บูชาพระ สวดมนต์ทำวัตรเย็น จะสวดในใจหรือสวดด้งๆ พร้อมกันทั้ง ครอบครัวได้ก็ยิ่งดี เปีนการเดรืยมใจให้สะอาด เหมาะจะเปีน ภาชนะรองรับบุญกุศลในวันรุ่งขึ้นได้เต็มที่ เช้ารุ่งขึ้น ก่อนออกจากบ้าน วางภารกิจอื่นๆ ทั้งหมดลง เสียชั่วคราว ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปวัดวันนี้เพื่อเก็บเกี่ยวบฌ ดู่มีอพทรมามกร aiju ความรู้'พนฐานก่อนไปวัค (๑๖ ท่รนไฟ่วัค www.kalyanamitra.org

กุศลให้เต็มที่ด้วยการ ๑. ให้ทาน เพื่อฆ่ากิเลส ประเภท โลภะ ใอ. รักษาสีลและแผ่เมตตา เพื่อฆ่ากิเลสประเภท โทสะ ๓. เจริญภาวนา ให้เกิดปัญญา เพื่อฆ่ากิเลสประเภท โมหะ จิตจะได้เหนี่ยวนำไปอยู่ในกุศลธรรม ชุ่มชื่น แจ่มใส ใน บุญกุศลตลอดวัน ขณะเดินทางไปวัด ไม่ควรสนทนากันในเรื่องที่จะทำให้ ใจชุ่นมัว เช่นเรื่องโจรผู้ร้ายของแพง ไฟไหมั นํ้าท่วม ชู้สาว การเมือง ฯลฯ แต่ควรกำหนดใจระลึกถึงเรื่องบุญกุศล เช่น ผลของการแผ่เมดดา ผลของการเจริญภาวนาว่ามือย่างไรบาง และตนได้สร้างบุญกุศลเหล่านี้มามากน้อยเพียงใดแล้ว ฯลฯ ๒. การแต่งกาย ปกดิการแต่งกายออกนอกบ้านของสุภาพชน ย่อมคำนึง ถึงเหตุผล ๓ ประการต่อไปนี้ เพื่อประโยชน์สุขของตนเอง และส่วนรวมคือ ความสะอาด ความสภาพ จ ความเหมาะสมกับงานและสถานที่ที่จะไป ฅู่มีอพุทรมๆมกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด (๑๗ol ท่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

เมื่อจะไปว้ดควรแต่งกายด้งนี้ ๑) เสื้อผ้า ควรเป็นสีขาวทั้งชุด หรืออย่างน้อยก็เสื้อสีขาว ยกเว้นเครื่องแบบของข้าราชการ ๒) เนื้อผ้า ไม่ควรโปร่งบาง ประณีตมากหรือหรูหรา ราคาแพงเกินไป ๓) การต้ดเรบควรให้หลวมพอสมควร ไม่รัดรูป เพื่อ สะดวกในการกราบไหว้พระและนั่งสมาธิ ผู้หญิงไม่ ควรนุ่งกระโปรงสั้นหรือชะเวิกชะวากผ่าหน้าผ่าหล้ง ควรนำผ้าคลุมเข่าไปด้วย เพื่อใข้คลุมเข่าขณะนั่ง คู่มีอทุทธมามกะ ฉบับ ดวาม!พนฐานก่อนไปวัด (๑ทเ๑) noMiปวัด www.kalyanamitra.org

พับเพียบหรือนั่งสมาธิ ๔)ทรงผม ผู้ชายควรตัดให้สั้น ถ้าไว้ยาวก็หวีให้ เรืยบร้อยส่วนผู้หญิงอย่าแต่งผมประณีตเกินไป ผู้ พบเห็นจะไดไม่เกิดความคิดฟังซ่าน ๕) ไม่ควรใช้นํ้ามันใส่ผม ถ้าจำเป็นตัองใช้ ควรเป็น ชนิดที่มีกลิ่นอ่อนที่สุด จะไดไม่รบกวน^น ๖) นํ้าหอม ควรเว้นเด็ดขาด ๗)การแต่งหน้า เขียนคิ้ว ทาปาก ทาเล็บ ฯลฯ จนเกิน งามไม่ควรกระทำ ๘) เครื่องประตับราคาแพง เช่น แหวนเพชร นาฬิกา เรือนทองหรือสร้อยทองคำเส้นใดๆ ฯลฯ ไม่ควร สวมใส่เด็ดขาด พึงระลึกเสมอว่า วัด - ไม่ใช่เวทีประกวดความงามหรือสถานที่พลอดรัก วัด - ไม่ใช่สถานที่อวดความมั่งมี วัด - ไม่ใช่สนามกีฬา วัด - ไม่ใช่ดลาดขายสินค้า วัด - ไม่ใช่โรงมหรสพ วัด - เป็นสถานแสวงบุญ ตังนั้นกิเลสใดที่พอจะกำจัดไค้เอง ควรกำจัดทิ้งไว้นอก ประดวัดเสียก่อน คู่มือพุทธมามกร ฉบับ ควานรู้พนฐานก่อนไปวัด 1๑๗๒ไ ท่อนไปวัค www.kalyanamitra.org

อานิสงส์ของการแต่งกายชุดขาว ๑) ทำ ให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ๒) ทำ ให้เกิดบรรยากาศแห่งการปฏิบีตธรรม ๓) ทำ ให้เกิดความเสมอภาพแก่ชนทุกชั้น ๔) ทำ ให้เกิดสติ มีความสำรวมระวังเพิ่มขึ้นไป ๕) ทำ ให่ใจผ่องแผ้ว พร้อมที่จะเข้าถึงธรรม ๓. การนำเด็กไปวัด การนำเด็กเข้าวัดเป็นการปลูกฝังนิสัยที่ดีแก่เด็ก เพรา^ ทำ ให้เด็กได็ใกล้ชิดพระศาสนาตั้งแต่ย้งเยาว์ /m ดู่มือพุทรมามกะ ฉบับ ความรู้พี๋นฐานก่อนไปวัด ^๗£^ ท่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

แต่ควรระวัง ะ - อย่านำเด็กอ่อนไปวัดโดยไม่จำเป็น เพราะเด็กอาจ ร้องไห้หรือก่อความรำคาญต่างๆ ให้แก่^นได้ - เด็กที่ค่อนข้างซุกซน ชอบปีนป่าย ชอบวังแกเพื่อน ถ้านำไป่ด้วยควรดูแลอย่างไกล้ชิด ๔. การปฏิบัติต่อพนักงานขับรถและผู้รับใช้ ชาวพุทธทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร ต่างมีหน้าที่ ด้องวับผิดชอบต่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ร่วมกัน ด้งนั้นจึงด้องให้Iอกาสแก่กันในการทำความดี แม้แต่ พน้กงานขับรถ และผู้วับใข้ก็ควรให้มีส่วนร่วมในการบุญการ กุศลด้วยทุกครั้ง อย่ากีดกันเป็นอันขาด แต่ควรระวัง ะ - ดูแลการแต่งกายของพนักงานขับรถและผู้วับใขัของ ท่านให้เรืยบร้อย - อย่าเปิดวิทยุฟังในรถ ขณะที่พระกำลังเทศน์ สวด มนต์ หรือขณะที่ผูอื่นกำลังป่ระกอบศวสนกิจ - อย่าใขัแตรรถ และเร่งเครื่องยนต็ในเขตวัด - จอดรถให้เป็นระเบียบในบริเวณที่กำหนดไวั คู่มึอพุทธมามกะ amjความรู้พนฐานก่อนไปวัด ^๑๗(ท ท่ชนโปวัด www.kalyanamitra.org

๕. การจัดเตรืยมภัตตาหารถวายพระภิกษุสงฆ์ อาหารที่ควรแก่พระภิกษุสงฆ์ ได้แก่ อาหารที่เราใช้รับ ประทานโดยทั่วไป คือ ปรุงขึ้นจากพืช ผ้ก ผลไม้หรือเนื้อ สัตว์ที่มีวางขายอยู่ในท้องตลาด ฯลฯ แต่ด้องไม่ใช่อาหารที่ เป็นเดนทิ้งแล้ว แต่ควรระรัง ะ - อย่านำอาหารด้องห้าม ไม่สมควรแก่สมณะบริโภค ขบฉันด้งต่อไปนื้ไปถวายพระภิกษุสงฆ์ ๑. เนื้อมนุษย์ ๒. เนื้อช้าง ๓. เนื้อม้า ๕. เนื้อสุนัข ๕. เนื้องู ๖. เนื้อราชสืห์(สิงโด) ๗. เนื้อเสือโคร่ง ๘. เนื้อเสือเหลือง ๙. เนื้อเสือดาว ๑๐.เนื้อหมี - อย่านำอาหารที่ปรุงจากเนื้อดิบๆเลือดดิบๆไปถวาย พระภิกษุสงฆ์ เช่น ปลาดิบ กุ้งดิบ ไก่ดิบ ฯลฯ จนกว่าจะทำให้สุกแล้วด้วยไฟ - อย่านำอาหารที่ปรุงด้วยสุรา จนมีสี มีกลิ่น หรือมีรส ปรากฏให้รูได้ว่ามีสุราเจือปนไปถวายพระภิกษุสงฆ์ - อย่านำเนื้อล้ดว์ที่ฆ่าโดยจำเพาะเจาะจงเพื่อทำ อาหารถวายแต่พระภิกษสงฆ์ไปถวายเป็นอันขาด คู่มีอพุทธมามกร ฉบบ ความรูพ็้นฐานก่อนไปวัด ^๗(ท ท่อนไปวัค www.kalyanamitra.org

๖. การจัดเครื่องไทยธรรมถวายพระภิกษุสงฆ์ ไทยธรรม คือ วัตถุสิ่งของต่าง ๆ ที่สมควรถวายพระภิกษุ สงฆ์เพื่อไวับริโภคใช้สอยโดยไม่ขัดแก่พระวินัย ปกติหมายถึง ปัจจัย ๔ กล่าวคือ เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิด ๔ อย่างได้แก่ ๑. จีวร ใช้นุ่งห่ม เพื่อก้นความหนาวร้อนและเหลือบยุง ทั้งใช้ปกปิดสิ่งที่น่าละอายด้วย ไอ. บิณฑบาต ใช้บริโภค เพื่อบรรเทาความหิวกระหาย ให้มีกำลังพอที่จะประพฤติพรหมจรรย์ต่อไป ๓. เสนาสนะ ใช้อยู่อาศัย เพื่อป้องก้นความหนาวร้อน และเหลือบยุงดลอดจนความแปรปรวนของฤดูกาล ทั้งใช้เป็นที่พักผ่อนด้วย ๔. คิลานเภส้ชใช้รักษาโรค เพื่อป้องก้นรักษาทุกขเวทนา ที่เกิดขึ้นจากความเจ็บไช้มาเบียดเบียน นอกจากนี้ยังหมายรวมถึงสิงของที่นับเนื่องในปัจจัย ๔ ด้วย ได้แก่ ๑. เครื่องนุ่งห่มทุกชนิดที่ทำจากผ้า มีสีลันไม่ฉูดฉาด บาดดาไม่หรูหราหรือมีราคาสูงเกินไป ๒. อาหาร เครื่องขบฉัน ทั้งของหวาน ของคาว ดลอด จนเครื่องดื่มนานาชนิด ยกเวันเครื่องดองของเมา เช่นสรา เมรัย และยาเสพติดไห่โทษทกชนิด คู่มีอพุทธมามกะฉบบ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ^๗^ ท่คนโปาด www.kalyanamitra.org

๓. เครื่องอุปกรณ์ที่อยู่อาศัย ตลอดจนเครื่องใชไม้สอย ที่จำ เป็นต่างๆ ได้แก่ ตู้ เตียง โต๊ะ เก้าอี้ที่นอน เสื่อ หมอน มุ้ง พรม ดอกไม้ ธูปเทียน และปัจจัย (เงิน) รวมถึงเครื่องชำระล้างร่างกายและเครื่องนุ่งห่มให้ สะอาดถูกสุขลักษณะ เช่น สบู่ถูด้ว แปรงสีฟัน กระดาษเช็ดปาก ผงชักฟอก เป็นด้น ๔. ยารักษาโรค และเครื่องบำบัดความปวยไข้ทุกชนิด ดลอดจนเภสัช ๕ คือ เนยใส เนยข้น นํ้าม้น นํ้าผึ้ง นํ้าอ้อย (นํ้าดาล) ๖.๑ ประเภทเครื่องไทยธรรมที่ประเคนถวายพระ ภิกษุสงฆ็ได้เฉพาะเช้าถึงเที่ยงเท่านั้น พระวินัยพุทธบัญญัติห้ามพระภิกษุสงฆ์รับประเคน เครื่องไทยธรรมประเภทอาหารทั้งหมดเมื่อเลยเที่ยงจันไปแล้ว หากได้นำไทยธรรมประเภทอาหารไปจัดหลังเที่ยงรัน และ ตั้งใจถวายพระภิกษุสงฆ์ก็เพียงแต่แจังให้ท่านทราบ แล้ว มอบสิ่งของเหล่านั้นไวิให้ศิษย์ของท่านเก็บรักษา เพื่อจะได้ นำ ถวายท่านในวันต่อไป เครื่องไทยธรรมเหล่านี๋ได้แก่ ๑. อาหารสด มีอาหารคาวหวาน รวมทั้งผลไม้ทุกชนิด ๒. อาหารแห้ง อาหารเสบียงทุกชนิด เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม ข้าวสาร เกลือ นํ้าดาล เป็นด้น ๓. อาหารเครื่องกระป๋องทุกประเภท เช่น นม ผลไม้ กระป๋องเป็นด้น คู่มือพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด ^๗^ ท่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

๖.โอ ประเภทเครื่องไทยธรรมที่ประเคนถวายพระ ภิกษุได้ตลอดเวลา นอกจากเครื่องไทยธรรมดังกล่าวข้างต้นแล้ว เครื่อง ไทยธรรมประเภทอื่นๆ สามารถประเคนถวายแด่พระภิกษุ สงฆ็ไต้ตลอดเวลา ไม่มีกำหนดห้าม คู่มีอพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ^๗(^ ก่อนโป่วัด www.kalyanamitra.org

ประเพณีที่ควรทราบ วัด เป็นที่รวมของคนหลายประเภท ซึ่งมีดวามแตกต่าง กันมากทั้งในด้านอายุ ฐานะ ความเป็นอยู่ การศึกษา อาชีพ ตลอดจนอุปนิสัยใจคอ ด้งนั้น โอกาสที่จะกระทบกระทั้งกัน ย่อมเกิตขึ้นได้ง่าย จึงจำเป็นด้องระม้ตระวังตนอย่างยิ่งเพื่อ จะได้บุญเต็มที่ ด้งนั้น เมื่อเดินทางมาถึงวัตแล้วพึงปฏิบตด้งนี้ - สำ รวมกาย วาจา ใจ ให้สงบเรียบร้อย งตอาการ คะนองทั้งปวง ทั้งนี้เพื่อรักษากาย วาจา ใจ ของเราให้ เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญซึ่งจะบังเกิดขึ้น - งดดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรีอเคี้ยวหมาก เต็ตขาด - เมื่อไปถึงศาลาหรีอสถานที่ที่จัตไวัด้อนรับ ควรนั้ง ให้เป็นระเบียบ ท่านชายนั้งแถบหนึ่ง ท่านหญิงนั้ง อีกแถบหนึ่ง ไม่ปะปนกัน - ในการประกอบศาสนพิธี เช่น สวดมนต์ สมาทานศีล ถวายสังฆทาน ฯลฯ ควรเปล่งเสียงอย่างชัดเจนโดย พร้อมเพรียงกัน เพื่อก่อให้เกิดปีดิ และเป็นการ แสดงความเคารพพระรัดนตรัยด้วยวาจา - ศึกษาระเบียบต่าง ๆ ภายในวัดจากเจ้าหน้าที่ของวัด เช่นการให้ทานจะได้ทราบว่ามีการตั้งมูลนิธิอะไรบัาง มีการเทศน์วันใด เวลาใดบ้าง เป็นด้น ทู่มีอพฑรมามกร amjความเพึ๋นฐานก่อนไปวัด (๑๗^ ท่อนไปาท www.kalyanamitra.org

- ประพฤติปฎิบตตนอยู่ภายในกรอบประเพณี และ วัฒนธรรมอันดีงามต่าง ๆ - สิ่งใดที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจ เช่น อากาศร้อน หิว กระหาย กิริยาอาการที่ไม่เหมาะสมของคนบางคน การไม่ได้รับความสะดวกในเรื่องต่างๆ ฯลฯ ขอจง พยายามอดทนเพื่อเพิ่มข้นติบารมี และแผ่เมตตาให้ ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ควบคุมโทสะอย่า ให้เกิดขึ้นได้ ๑. การแสดงความเคารพพระรัตนตรัย พระรัดนดร้ยมีพระคุณต่อส้ดวโลกมากจนสุดจะประมาณ เป็นเอกลักษณ์ของวิฌฌูชนผู้รุ่งเรืองด้วยสติปัญญา เป็น ลัมมาทิฐิผู้แสดงความเคารพพระรัดนดรัย นอกจากจะทำให้ มีจิดใจแจ่มใสชุ่มชื่น เบิกบานยิ่งขึ้นแลัว อังมีส่วนทำให้ผู้ พบเห็นพลอยปลาบปลื้มปีติดามอีกด้วย ด้งนั้น ทุกคนจึงควร แกตนให้สามารถแสดงความเคารพพระรัดนดรัยให้ถูกด้อง งดงาม ดามกาลเทศะอันควร การแสดงความเคารพพระร้ตนตรัย สามารถทำได้ หลายวิธี ตามโอกาส ด้งนี้ ๑.๑ การประนมมือ (อัญชลี) หมายถึง การกระพุ่มมีอ ทั้งสองประนมหว่างอก เป็นการแสดงความเคารพเสมอด้วย ดวงใจจัดเป็นทางแสดงความเคารพทั้วๆ ไป ใชในขณะนั้ง คู่มือพุทธมามกร ฉบับ ความเพึ้นฐานก่อนไปวัค ^๘^ ท่อนไปาด www.kalyanamitra.org

ฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ฟังเทศน์ รับพรพระ สนทนา ก้มพระภิกษุ ทำวัตรสวดมนต์เป็นต้น ยกมือทั้งสองขึ้นให้ฝ่ามือประกบก้น นิ้วทุกนิ้วแนบ ชิดสนิทก้น ปลายนิ้วขึ้ขึ้นเบื้องบน กระพุ่มมือทำเป็นรูป ดอกบัวตูม (แต่อย่าให้ปัมหรือแบนเภินไป) ตั้งกระพุ่มมือนิ้ ไวัหว่างอกสูงในระด้บ ทำมุม ๔๕ องศาก้บอกตนเอง ปลาย นิ้วทุกนิ้วเหยียดตรงศอกทั้งสองแนบชิตชายโครง ไม่เกร็งข้อ มือ วางท่าสบายๆ คู่มีอทุฑธมามกร ฉบับ ควาบรู้พนฐานก่อนไปวัด (๑๘๑) ก่ทนไปวัค www.kalyanamitra.org

๑.๒ การไหว้(นมโสการ หรือ วันทา) หมายถึง การ ยกกระทุ่มมือที่ประนมแล้วนั้นขึ้นจรดหน้าผาก เป็นการ แสดงความเคารพที่สูงขึ้นไป คือ เคารพเสมอด้วยเศียรเกล้า ควรทำในกรณีที่พระสงฆ์นั้งบนเก้าอี้ ยืนอยู่ เดินผ่าน หรือ เดินสวนทางก้น ขณะรืบหรือส่งสิ่งของถวายท่าน เป็นด้น ให้ประนมมือขึ้นก่อนแล้วยกกระทุ่มมือนั้นสูงขึ้นเสมอหน้า โดยให้นั้วห้วแม่มือจรดหว่างอี้ว ปลายนั้วขึ้จรดไรผม พร้อม ก้มก้มศีรษะลงเล็กน้อยพองาม แล้วลดมือลง ทำ อย่างนี้เพียง ครั้งเดียว เวลายกมือขึ้น และลดมือลงขณะไหว้ อย่าทำให้ เร็วน้ก หรือช้าน้ก ควรทำด้วยอาการละมนละไมจึงจะงาม คู่มือทุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานท่อนไปวัรเ ^«ร๒) ก่รนไปวัค www.kalyanamitra.org

๑.๓ การกราบ (อภิวาท) หมายถึง การหมอบราบลง กบพื้นพร้อมทั้งกระพุ่มมือ เป็นการแสดงความเคารพสูงสุด ในบรรดาการแสดงความเคารพที่ปฎิบดก้นอยู่ เป็นการรวม การประนมมือและการไหว้เข้าด้วยก้น การกราบ ไข้ในกรณี เข้าไปแสดงความเคารพต่อหน้าพระพุทธรูป พระธรรมคัมภีร์ พระสงฆ์ เมื่อลาพระสงฆ์กลับ เมื่อประเคนของพระสงฆ์เสร็จ แล้วเป็นด้น การกราบที่ถกวิธี ด้องไหได้หลักซึ่งเรียกว่า เบญจางค- ประดิษฐ์ คือ กราบให้องค์อว้ยวะห้าส่วนจรดพื้น คือเข่า ๒ ฝ่ามือ ๒ หน้าผาก ๑ การกราบนี้มืวิธีปฏิป้ตสำหรับหญิงและ ชายต่างก้นอย่ คังนี้ คู่มือพุทธมามกะ aiTu ควานรู้'ท็้นฐานก่อนไปวั« (๑๘0า ท0นไปว้«) www.kalyanamitra.org

วิธีกราบแบบชาย ท่าเตรียม - 'แงคุกเข่าให้หวเข่าห่างกันประมาณ ๑ สืบ นั่งทับส้นเท้าตั้งฝ่าเท้าทั้งสองขึ้นให้ตรง และชิดกัน ตั้งกายตรง จังหวะที่๑ ยกมือทั้งสองขึ้นประนมหว่างอก(ดูท่าประนม มือ) จังหวะที่ ๒ ยกมือที่ประนมแส้วขึ้นเสมอหน้า ไม่น้อม ศีรษะลงมารับให้นิ้วห้วแม่มือจรตระหว่างคิ้ว (ดูท่าไหว้) นั่ง ท่านิ้เรียกว่า นั่งท่าพรหม จังหวะที่ ๓ หมอบลงกราบ (อภิวาท)โดยลดมือลง ให้ มือทั้งสองเรียบลงมาตามลำดับ แส้วจึงค่อยยื่นฝ่ามือไปข้าง หน้า (ไม่ใช่เสือกไปข้างหน้า) พร้อมทั้งน้อมดัวลง ขณะ เดียวกันนั้น ศอก ให้วางต่อกับเข่าตรงไปข้างหน้า หน้าผาก ให้วางลงแตะพื้นระหว่างฝ่ามือทั้งสองที่ เว้นช่องไว้ กะให้คิ้วอยู่ในระดับปลายนิ้วห้วแม่มือพอดี ฝ่ามือ ให้วางราบกับพื้น ห่างกันประมาณ ๑ ฝ่ามือเพื่อเว้นช่องไว่ให้หน้าฝากจรดพื้นไดั นิ้วทั้งหมดแนบ ชิตกัน หล้ง ให้ยืดออกเล็กน้อย กระทั้งแบนราบไดั ระดับเดียวกันอย่าให้หลังโกง เมื่อยกดัวขึ้นมาให้เงยหน้าตั้ง ดัวตรง เริ่มจังหวะที่ ๑-๒-๓ ใหม่ ติดต่อกันไปจนครบ ๓ ครั้ง แล้วให้เงยหน้าทำจังหวะที่ ๑-๒ อีกครั้งหนึ่ง จึงเสร็จพิธี คู่มือพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด (๑๘^ ก่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

วิธีกราบแบบหญิง ท่าเตรียม - นั่งคุกเข่าราบ โดยเหยียดหลังเท้าราบกับ พื้นข้างหลัง ปลายเท้าทั้งสองท้บกันเล็กน้อย แลัวนั่งท้บลง ไปบนฝ่าเท้านั้น ส่วนเข่าทั้งสองชิดกัน จังหวะที่ ๑ ยกมือสองขึ้นประนม (อัญชลี) จังหวะที่ ใอ ยกมือทั้งสองขึ้นเสมอหน้า กัมศีรษะลงมารับ เล็กน้อยให้นิ้วหัวแม่มือจรดระหว่างคิ้ว (นม้สการ) นั่งท่านิ้ เรียกว่า นั่งท่าเทพธิดา จังหวะที่ ๓ หมอบลงกราบ (อภิวาท)โดยลดมือลง ให้ มือทั้งสองเรียบลงมาดามลำตัว พร้อมกับค่อยๆ น้อมตัวลง ตามขณะเดียวกันนั้น ศอก ให้งอพับวางลงขนาบเข่าทั้งสองไว้ไม่ใช่ ต่ อเข่าแบบชาย ฝ่ามือ ให้วางราบกับพื้น ห่างกันประมาณ ๑ ฝ่ามือเพื่อเว้นช่องไว่ให้หน้าผากจรดพื้นไตั นิ้วทั้งหมดแนบ ชิดกัน หน้าผาก ให้วางลงแตะพื้นระหว่างมือทั้งสองที่เว้น ช่องไว้ กะให้คิ้วอยู่ระตับหัวแม่มือพอดี หลัง ให้ยืดออกเล็กน้อย ให้แนบราบอยู่ระตับ เดียวกัน ไม่โกงขึ้นมา เมื่อหน้าผากแตะพื้นแล้ว ให้เงยหน้า ตั้งตัวให้ตรง เริ่มจังหวะที่ ๑-๒-๓ ใหม่ ติดต่อกันไปจน คู่มีอพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ๋นฐานก่อนไปวัด ^๘^ ท่อนไปวัค www.kalyanamitra.org

กราบครบ ๓ ครั้งแล้วให้เงยหน้าทำจ้งหวะที่ ๑ และจังหวะที่ ๒ อีกครั้ง จึงเสร็จพิธี ข้อควรจำ - ในการกราบ อวัยวะทุกส่วนต้องล้มพันธ์กัน ทำ ไต้ถูก จังหวะ ไม่เกัๆ กังๆ และไม่ขาดตอน จึงจะดูเป็น ระเบียบและงามตา - แต่ละจังหวะไม่เร็วนัก ไม่ช้านัก เป็นจังหวะติตต่อ กันพอดีๆ 0/ ^ 0 ^9 ^ «1 _ I 9_ - ต้องอกห้ตทาจากผร ดจากผชานาญ แล้วอกฝนทา ข่ฑ่ ฃ ข่ ต้วยตนเอง จึงจะคล่องแคล้วไม่เคอะเขิน - เวลากราบพร้อมๆ กันหลายๆ คน ต้องคอยชำเลือง ดูทำ ให้พร้อมกันทุกจังหวะ จึงจะดูเรียบร้อยงตงาม ก่อให้เกิตศรัทธาแก่ผู้พบเห็น ไอ. การแสดงความเคารพพระภิกษุสงฆ์ พระภิกษุสงฆ์ ดำ รงอยู่ในฐานะต้งต่อไปนี้ คือ - เป็นผู้รักษาและสืบทอตพระพุทธศาสนาไร้ ต้วยการ ศึกษาเล่าเรียน ทรงจำศาสนธรรมของพระล้มมา ล้มพุทธเจัาไร้มิให้เสื่อมสูญ - เป็นผู้นำเอาคำสั่งสอนของพระล้มมาล้มพุทธเจัามา เทศนาอบรมสั่งสอนชาวพุทธให้ทราบว่า สิ่งใตควร คู่มีอพุทธมามกร ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด ^๘๖J ท่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

ละเVวนAสfงlเดdดควรกระทoา สอน«1เหqรyqู/Qจ^กวI่าอะVlเรเcjiบนบาปI อะไรเป็นบุญ ชักจูงให้ชาวพุทธเลิกละจากความดี ความบาปหยาบชัา เกิดความยินดีพอใจในการ ทำ ความดี ทำ การบุญการกุศล - เป็นทั้งผู้นำ และแบบอย่างแห่งความประพฤติดี ปฏิป้ตชอบ ตามคำสั่งสอนของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า พระภิกษุสงฆ์จึงตั้งอยู่ในฐานะเป็นปูชนียบุคคล และเป็น เนื้อนาบุญอ้นยอดเยี่ยม ที่พุทธคาสนิกชนชายหญิงทั้งหลาย สมควรให้ความเคารพสักการะบูชา กราบไหว้ด้วยความ เลื่อมใสศรัทธาด้วยการแสดงความเคารพต่อพระภิกษุสงฆ์ ด้งเช่นที่วิญฌูชนพึงปฎิป้ตกัน ด้งนื้ โอ.๑ การลุกขึ้นยืนรับพระสงฆ์ การลุกขึ้นยืนรับพระสงฆ์นื้ เป็นกิริยาอาการแสดง ความเคารพอย่างหนึ่ง ซึ่งชาวพุทธนิยมปฏิบัติต่อพระสงฆ์ ด้งเช่น เมื่อพระเถระผู้!หญ่เตินมาถึงสถานที่พิธีงานนั้นๆ คฤห้สถ์ชายหญิงที่นั้งอยู่ ณ สถานที่นั้น จะปฏิบ้ติด้งนื้ ๑) ถ้านั้งเก้าอี้ นิยมลุกขึ้นยืนรับ เมื่อท่านเตินผ่าน ตรงหน้าจึงน้อมด้วลงยกมือไหว้ เมื่อท่านนั้ง เรียบร้อยแล้ว จึงนั้งลงตามเติม ๒)ถ้าฆราวาสชายหญิงนั้งอยู่ถ้บพื้น ไม่ด้องลุกขึ้น ยืนรับ เมื่อท่านเตินผ่านมาถึงเฉพาะหน้า จึง คู่มือพุทรมามกร ฉบับ ความรู้พึ๋นฐานก่อนไปวัด (๑๘ ท่อนไปวัด www.kalyanamitra.org

ยกมือไหว้ หรือกราบ ตามความเหมาะสมแก่ สถานที่นั้น ๓)สำ หรับท่านผู้เป็นประธานพิธี หรือเจ้าภาพงาน นิยมคอยรอรับพระสงฆ์ที่นิมนต์มาประกอบพิธี ในงานนั้นเมื่อพระสงฆ์มาถึงจึงนิมนต์ และนำ ท่านไปยังสถานที่ที่จ้ดไว้รับรอง ไอ.ไD การให้ที่นั่งแก่พระสงฆ์ การให้ที่นั้งแก่พระสงฆ์นั้เป็นกิริยาอาการแสดงความ เคารพเอื้อเพิอแก่พระสงฆ์อย่างหนึ่ง ซึ่งชาวพุทธนิยมปฎิบต คู่มือพุฑรมามกะ ฉบับ ความรูพึ้นฐานก่อนไปวัด ^๙^ ท่อนไปวด www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook