Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ilovepdf_merged (1)

ilovepdf_merged (1)

Description: ilovepdf_merged (1)

Search

Read the Text Version

- 97 - สังคมในสงครามโลกคร้ังที่ 2 งบประมาณของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ.1945 ไดใ้ ช้จ่ายไปในการ ป้องกนั ประเทศถึงเกือบร้อยละ 50 คือ 90.9 พนั ลา้ นดอลลาร์ ในขณะทีง่ บประมาณในดา้ นอื่นไดร้ ับ เพียง 97.2 พนั ลา้ นดอลลาร์ ในทางเศรษฐกิจน้ันสงครามก็ไดท้ าให้ลดการผลิตอาหารในประเทศที่ ล้าหลังสงครามทาให้เกิดความไม่ปลอดภัยทั่วไปอันเป็ นเหตุทาให้มนุษย์ปราศจากความสุข เทา่ ท่ีควรเต็มไปดว้ ยความหวาดระแวงและไม่แน่ใจในอนาคตไดร้ ับความทุกข์ยากอยา่ งแสนสาหัส ตอ้ งทุพพลภาพบา้ นแตกสาแหรกขาด ตวั อย่าง เช่นในปี ค.ศ.1960 ประมาณว่าคนจานวน 2 ลา้ นคน ตอ้ งยา้ ยถิ่นฐานที่อยจู่ ากบา้ นและไร่นาทีเ่ คยอยเู่ ดิม นอกจากน้นั คนจานวนหลายหม่ืนท่ีตอ้ งอพยพ หนีไป อยปู่ ระเทศอนื่ ทาใหเ้ กิดปัญหายงุ่ ยากแก่ประเทศเพ่ือนบา้ นโดยเฉพาะการสู้รบในแถบอินโด จีน ทาให้ประเทศไทยตอ้ งรบั ปัญหาผอู้ พยพจากอินโดจีนมากกว่าประเทศอืน่ คอื สูงสุดถึงประมาณ 500,000 คน อีกประการหน่ึงแมว้ ่าสงครามจะไม่ทาให้จานวนประชากรลดน้อยลงก็จริงแต่ก็ได้ ก่อให้เกิดปัญหาคณุ ภาพของประชากรและการพลดั ถิ่นฐานท่ีอยูข่ องคนจานวนมาก จนเกิดปัญหา ยงุ่ ยากทางการเมืองและสังคมที่สาคญั ก็คือ สงครามมีผลกระทบทางเศรษฐกิจอยา่ งมหาศาลเพราะ ไดก้ อ่ ใหเ้ กิดเป็นรอยแผลเป็นทางจิตใจอนั ขมข่นื อยชู่ ว่ั ลูกหลาน แมว้ ่าสงครามจะสงบลงนานแลว้ ก็ ตาม เช่น ปัญหาเกี่ยวกบั นาซีเยอรมนี เป็นต้น อาจจะมีผูโ้ ตแ้ ยง้ ว่าแมว้ ่าสงครามจะมีความรุนแรง เพียงใดกต็ ามแตส่ งครามก็ไม่ถงึ กบั ทาร้ายมนุษยชาติให้สูญสิ้นไปได้ แต่สงครามในอนาคตซ่ึงอาจ เป็นสงครามนิวเคลียร์ทีม่ ีจานวนมากมายและมีความรุนแรงอยา่ งมหาศาลน้นั อาจจะไม่เพียงแต่ทา ร้ายมนุษยชาติหรือสังคมใดสังคมหน่ึงแต่จะสามารถทาลายลา้ งโลกท่ีเราอยู่ไดท้ ้งั หมด ดงั น้ันจึง ควรจะไดต้ ระหนกั อยา่ งมสี ติว่ามนุษยน์ ้นั มีขีดความสามารถในการประดิษฐ์คิดคน้ ส่ิงตา่ งๆไดแ้ ละมี ทรัพยากรอยา่ งเพียงพอ แต่ทาอยา่ งไรมนุษยจ์ ึงจะสามารถนามาใชเ้ พอ่ื ความสุขในทางสันติมากกว่า ท่ีจะนาไปใชเ้ พอื่ การทาลายลา้ งในการทาสงคราม จริยศาสตร์การสงคราม สงครามผดิ ศีลธรรมหรือไม่ ปัญหาทางศีลธรรมบางประการของสงครามปัญหา คือ การทาสงครามผิดศีลธรรมหรือไม่ เพราะเหตุใดและถา้ หากสงครามอนั ชอบธรรมสามารถมีได้ เราจะมีเกณฑ์อย่างไรในการตดั สินว่า สงครามใดชอบธรรมสงครามใดไม่ชอบธรรม ในการพิจารณาว่าการทาสงครามหน่ึงน้นั ถูกตอ้ ง ชอบธรรมหรือไม่มีประเดน็ พิจารณาได้ อยา่ งนอ้ ย 2 ประเด็น คอื 1) การเขา้ สู่สงครามน้นั ชอบธรรมหรือไม่ เช่น นับถือกนั ว่าการทาสงครามรุกรานผูอ้ ่ืน เป็นสงครามที่ไมช่ อบธรรมแตก่ ารทาสงครามเพ่ือตอ่ สู้ป้องกนั ตวั เองเป็นสิ่งชอบธรรม

- 98 - 2) การต่อสู้ในสงครามไดก้ ระทาอยา่ งมีจริยธรรมหรือไม่ บางคร้งั การเขา้ สู่สงครามอาจจะ เป็ นไปอย่างชอบธรรม เช่น เพื่อป้องกนั ตวั เองแต่การต่อสู้เพื่อป้องกันตนเองในสงครามน้ันได้ กระทาอยา่ งโหดร้ายทารุณ เช่น ทาร้ายพลเรือน เด็กผูห้ ญิง คนชรา หรือทาทารุณและฆ่าเชลยศึกก็ ถือกนั ว่าสงครามน้ันได้กระทาอย่างไม่ชอบธรรม แมว้ ่าจะมีจุดประสงค์ในการทาสงครามที่ชอบ ธรรม คือ เพ่ือป้องกันตัวเองก็ตาม ประเด็นดังน้ีจะแสดงให้เห็นว่าแม้ในภาวะที่ดูเหมือนว่าไร้ ศีลธรรม คือ มนุษยถ์ ึงกบั ตอ้ งลงมอื เขียนฆ่ากนั เพราะวิธีแกไ้ ขปัญหาความขดั แยง้ อ่ืนๆ ไดล้ ม้ เหลว ลงแลว้ มนุษยท์ เ่ี จริญแลว้ ก็ยงั ถอื วา่ ในการเขน่ ฆา่ กนั น้นั กย็ งั มีกฎเกณฑท์ างศีลธรรมครอบคลุมอยู่ ทรรศนะทางศีลธรรม ที่มีต่อการฆ่าฟันกนั ในการทาสงครามแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 พวก พวก แรกเห็นว่าสงครามทุกชนิดเป็นส่ิงผิดศลี ธรรม ส่วนอีกพวกเห็นว่า แมว้ ่าการฆ่าฟันกนั จะเป็นส่ิงที่ ไม่พึงปรารถนา และสงครามเป็ นสิ่งท่ีพึงหลีกเลี่ยง แต่พวกน้ีก็เห็นว่าในบางสถานการณ์การฆ่า มนุษยห์ รือการทาสงครามกลายเป็นส่ิงชอบทาได้ เช่น การฆ่าเพื่อป้องกนั ชีวิตและทรพั ยส์ ินของตน และญาตพิ น่ี อ้ งของตน หรือสงครามเพอื่ ป้องกนั ตนเอง จากการรุกรานทไี่ มเ่ ป็นธรรมทศั นะที่เห็นวา่ อาจมีสงครามท่ชี อบธรรมได้ เรียกวา่ ทฤษฎีธรรมสงคราม ความชอบธรรมในการเข้าสู่สงคราม องคป์ ระกอบอนั ชอบธรรมส่วนแรก คือ การสงครามจะชอบธรรมก็ต่อเม่ือเราเป็นฝ่ายถูก เป็ นฝ่ ายธรรมะในการเข้าสู่สงคราม คือ ไม่ได้เป็ นการริเริ่มรุกรานหรือยวั่ ยุ ให้อีกฝ่ ายใช้ความ รุนแรงก่อน หากแต่การสงครามน้นั เป็นความจาเป็ นอนั ไม่มีทางหลีกเล่ียงไดอ้ ีก เช่น ฝ่ ายตรงขา้ ม โจมตีเข้ามาก่อนจาเป็ นต้องทาสงครามต่อสู้เพื่อป้องกันตนเองการเป็ นฝ่ ายธรรมะในการเข้าสู่ สงครามน้ีตอ้ งถือเจตนาเป็นหลกั มากกว่าถือการกระทา เช่น ในทางปฏิบตั ิไเราอาจมิใช่เป็นฝ่ ายลง มอื บุกโจมตีเริ่มสงครามก่อน แต่ถา้ ฝ่ ายเรามีเจตนาจะก่อสงครามโดยใชส้ งครามเป็นเคร่ืองมือเพ่ือ

- 99 - แกป้ ัญหาหรือเพ่ือประโยชน์ของประเทศ หรือเพื่อประโยชน์ของตวั เราเองหรือทาการอย่างหน่ึง อย่างใดท่ีมุ่งหวงั ให้อีกฝ่ ายลงมือโจมตีก่อนเพื่อจะไดใ้ ช้เป็ นขอ้ อา้ งในการเข้าสู่สงครามในกรณี เช่นน้ี แมฝ้ ่ายเราจะไมไ่ ดล้ งมอื เริ่มสงครามก่อนแต่ก็เรียกไม่ไดว้ า่ เป็นฝ่ ายธรรมะในการสงครามน้นั การพิจารณาเจตนาทช่ี อบธรรมในการเขา้ สู่สงคราม คือ การพิจารณาจดุ มุ่งหมายในการเขา้ สู่สงคราม หลักสากลที่นานาประเทศยอมรับกันก็คือ การใช้กาลังความรุนแรงเข้าตดั สินความ ขัดแยง้ ระหว่างประเทศเป็ นส่ิงท่ีไม่ชอบธรรม ดังน้ันการใช้สงครามเป็ นเครื่องมือเพื่อบรรลุ วตั ถุประสงค์ของรัฐตามที่ เคลา เซวิตส์ นิยามความหมายของสงครามจึงเป็ นสิ่งท่ีไม่ชอบธรรมใน ทศั นะของทฤษฎีสงคราม ตามทฤษฎีสงครามการเขา้ สู่สงครามจะชอบธรรมกต็ ่อเมื่อจดุ มุ่งหมายใน การเขา้ สู่สงครามน้นั มิไดม้ เี จตนาจะใชส้ งครามเป็ นเคร่ืองมือ เพ่ือบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ องรฐั แต่เป็น การป้องกนั ตนเองตามสิทธิอนั ชอบธรรม ดงั น้นั แมฝ้ ่ ายตรงขา้ มจะเป็นฝ่ ายลงมือโจมตีกอ่ นแลว้ ฝ่าย เราจึงทาสงครามตอบโต้ การตอบโตน้ ้นั ก็ตอ้ งมีเจตนาเพ่ือป้องกนั ตนเอง คือ หยุดย้งั การโจมตีอนั เป็ นภัยเฉพาะหน้าไวก้ ่อนแล้วหาทางเจรจายุติสงครามโดยเร็วเพื่อแสวงหาลู่ทางในการเจรจา แก้ปัญหาความขดั แยง้ ระหว่างรัฐน้ัน การทาสงครามตอบโต้จะหมดความชอบธรรมของการ ป้องกนั ตวั เอง เมื่อฝ่ ายที่ตอบโตส้ ามารถหยุดย้งั ฝ่ายที่รุกเขา้ มาไดแ้ ลว้ แต่ยงั ไมพ่ ยายามยตุ ิสงคราม โดยเสนอให้มีการหยุดยิงชั่วคราว เพื่อเจรจาหาทางสงบศึกและแก้ไขขอ้ ขัดแยง้ หรือข้อพิพาท ระหวา่ งน้นั ความขัดแย้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ระหว่างรัฐต่างๆ ย่อมมีอยู่ได้เสมอ ไม่ว่าประเทศคู่ ขดั แยง้ น้ันจะมีพรมแดนติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม เช่น ความขัดแยง้ เร่ืองเส้นแบ่งพรมแดน ความ ขดั แยง้ ทางอุดมการณ์ทางการเมือง และความขดั แยง้ เร่ืองผลประโยชน์ทางการค้า เป็ นตน้ ความ ขดั แยง้ เหล่าน้ียากทีจ่ ะหมดไปไดท้ ฤษฎีธรรมสงครามถือว่าการใชส้ งคราม เป็นเคร่ืองมือเพื่อแกไ้ ข ความขัดแยง้ เหล่าน้ีเป็ นสิ่งไม่ชอบธรรมเพราะการแกไ้ ข ความขัดแยง้ ระหว่างรัฐก็คลา้ ยกบั การ แกไ้ ขความขดั แยง้ ระหว่างบุคคลซ่ึงควรจะแก้ไข โดยการเจรจารอมชอมผลประโยชน์ของผูท้ ี่ จาเป็นตอ้ งอยรู่ ่วมกนั และเม่อื เจรจาประนีประนอมผลประโยชน์กนั ไม่ไดก้ ็มีมาตรการทางกฎหมาย เพื่อตดั สินความขดั แยง้ โดยสันติวิธีอยา่ งมีกฎเกณฑ์ท่ียอมรับกนั ทวั่ ไปไม่ว่าจะเป็ นในศาลของรัฐ หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศท่ีเรียกกนั ส้ันๆวา่ ศาลโลก การใช้ความรุนแรงเขา้ แกป้ ัญหาไมว่ ่า จะเป็ นการใช้กาลงั เข้าทาร้ายกันระหว่างบุคคลหรื อการใช้สงครามระหว่างรัฐเป็ นเครื่องตดั สิน นอกจากจะไม่ใช่วธิ ีทีถ่ ูกตอ้ งชอบธรรมแลว้ ยงั เป็นวิธีทีไ่ มไ่ ดผ้ ลในการแกป้ ัญหาและสร้างสนั ตภิ าพ อยา่ งแทจ้ ริงอีกดว้ ย เช่น ถา้ รัฐสองรัฐมคี วามขดั แยง้ กนั ในเร่ืองปัญหาพรหมแดนแลว้ ทาสงครามต่อ กนั ไม่ว่ารัฐใดจะเป็ นฝ่ ายเริ่มทาสงครามก่อนก็ตาม หากรัฐท่ีชนะสงครามบีบบังคับอีกฝ่ ายเอา ดินแดนตามทีต่ นปรารถนารฐั ทแี่ พส้ งครามก็ยอมเจ็บแคน้ และคิดว่าความขดั แยง้ ดงั กลา่ วยตุ ิลงอยา่ ง

- 100 - ไม่เป็ นธรรมกบั ตนก็จะพยายามคิดหาทางทาสงครามอีกในอนาคตเพ่ือเอาดินแดนน้ันกลบั คืนมา ตวั อย่างหน่ึง คือ การที่เยอรมนีพ่ายแพส้ งครามโลกคร้ังที่ 1 แลว้ ฝ่ ายสัมพนั ธมิตรใชอ้ านาจของผู้ ชนะสงครามมีบังคบั เรียกร้องอย่างรุนแรงต่อเยอรมนีเป็นเหตุสาคญั ส่วนหน่ึงที่ทาให้เยอรมนีก่อ สงครามโลกคร้ังท่ี 2 ข้ึนมาอีกเพราะความรู้สึกเจ็บแคน้ ว่าถูกบีบบงั คบั อยา่ งไมเ่ ป็ นธรรมจากฝ่ ายท่ี ชนะสงคราม ตามทฤษฎีสงครามน้ัน การเขา้ สู่สงครามจะเป็นความชอบธรรมกต็ ่อเมอ่ื เจตนาในทางเขา้ สู่ สงครามจะต้องไม่ใช่ เพ่ือใช้สงครามเป็ นเคร่ืองมือแก้ความขัดแยง้ ระหว่างรัฐ หากแต่เป็ นการ ป้องกนั ตวั เองโดยยอมใช้ความรุนแรงเป็ นมาตรการช่ัวคราว เพ่ือให้พน้ จากอนั ตรายเฉพาะหน้าที่ คุกคามอยเู่ ทา่ น้นั เม่ือหยดุ ย้งั อนั ตรายเฉพาะหนา้ ไดแ้ ลว้ ก็ตอ้ งยตุ ิการใชค้ วามรุนแรงลงแลว้ หาทาง แกป้ ัญหาความขดั แยง้ โดยสันตวิ ิธี ไม่ถอื โอกาสใชค้ วามรุนแรงเป็นเคร่ืองมือในการแกป้ ัญหาหรือ หาประโยชน์ จากความรุนแรงต่อไป ดงั น้นั การเขา้ สู่สงครามอยา่ งชอบธรรมในตอนตน้ เพอ่ื ป้องกนั ตนเองจากอนั ตรายเฉพาะหนา้ ที่คุกคามเขา้ มาก็อาจกลบั กลายเป็นสงครามท่ีไม่ชอบธรรมตอ่ ไปได้ ถา้ การทาสงครามตอ่ ไปหมดความจาเป็นในการป้องกนั ตนเอง ทฤษฎีสงครามไดว้ างเงื่อนไขไว้ 3 ประการ ในการพิจารณาความชอบธรรมของการเขา้ สู่ สงครามโดยทก่ี ารเขา้ สู่สงครามจะเป็นส่ิงชอบธรรมก็ต่อเมอ่ื มีเง่ือนไขท้งั 3 ประการน้ีครบถว้ นคือ 1. การประกาศสงครามหรือการพิจารณาตดั สินใจเขา้ สู่สงครามตอ้ งกระทาโดยเจา้ หน้าที่ หรือองค์กรของรัฐท่ีมีอานาจอันชอบธรรมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เช่น ประธานาธิบดี หรือ รฐั สภา การตดั สินใจเริ่มสงครามโดยเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐที่ไม่มีอานาจประกาศสงครามตามกฎหมาย เช่น ผู้บังคับการตัดสินใจเริ่มสงครามโดยเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีไม่มีอานาจประกาศสงครามตาม กฎหมาย เช่น ผูบ้ ญั ชาการกองทัพหรือแม่ทัพย่อมทาให้สงครามน้ันขาดความชอบธรรมเพราะ สงครามเป็นกิจกรรมระหว่างรัฐมิใช่เป็นเร่ืองส่วนตวั ซ่ึงตอ้ งดาเนินการโดยผูม้ ีอานาจตามกฎหมาย แห่งรฐั 2. การเข้าสู่สงครามตอ้ งมี สาเหตุอันชอบธรรมเน่ืองจากสงครามน้ันเป็ นส่ิงเลวร้ายท่ี มนุษยพ์ งึ หลีกเลี่ยงเพราะเป็นการใชค้ วามรุนแรงเขา้ ทาลายสิ่งทมี่ ีค่า คือ ชีวิต ทรัพยส์ ินและเสรีภาพ ของมนุษยก์ ารทาสงครามจึงตอ้ งทาเฉพาะในกรณีทม่ี ีเหตุผลความจาเป็นจริงๆคือ เพอ่ื ปกป้องส่ิงท่ีมี ค่ามากกว่า และเพ่ือป้องกันความเลวร้ายท่ีอาจเกิดข้ึนได้มากกว่าถ้าไม่ทาสงคราม เช่น การทา สงครามเพ่ือป้องกันประเทศจากการถูกรุกรานของข้าศึกเป็ นการกระทาบนหลักการของความ ถกู ตอ้ ง คือ สิทธิในการป้องกนั ตวั เองและครอบครัวและเป็นการป้องกนั ความช่ัวร้ายจากการถูกฆ่า หรือการกดข่ีดีบงั คบั ที่ไม่เป็นธรรม การทาสงครามเพ่ือลูกหลานหรือการใช้สงครามเป็นเครื่องมือ

- 101 - แกไ้ ขความขดั แยง้ ระหว่างรัฐจึงเป็นการเขา้ สู่สงครามอย่างไม่ชอบธรรมเพราะขาดองคป์ ระกอบ ดา้ นการมสี าเหตอุ นั ชอบธรรม 3. การเขา้ สู่สงครามตอ้ งมีวตั ถุประสงค์ในการเขา้ สู่สงครามเป็นความมุ่งหวงั ที่มองไปใน อนาคตของการทาสงครามว่าจะมุ่งผลประการใดจากการทาสงครามซ่ึงก็คือ เจตนาในการทา สงครามนน่ั เองเจตนาหรือวตั ถุประสงคท์ ีถ่ ูกตอ้ งในการทาสงครามน้นั ตอ้ งเป็นไปในเชิงสันติ คอื มุ่ง หยุดย้งั ความกา้ วร้าวรุนแรงของอีกฝ่ ายที่รุกรานโจมตีเขา้ มา หรือเพ่ือป้องกนั ตนเองจากอนั ตราย เฉพาะหน้าที่กาลังคุกคามเขา้ มาไม่ใช่มุ่งใช้สงครามเป็ นเครื่องมือเพ่ือแก้ปัญหาหรือเพ่ือบรรลุ วตั ถุประสงคข์ องรฐั ปัญหาในการตคี วามเงื่อนไขของการเข้าสู่สงครามโดยชอบธรรม เง่ือนไขของการเขา้ สู่สงครามโดยชอบธรรมอาจไดร้ ับการตีความแตกต่างกันออกไปบาง ทาให้เง่ือนไขการเขา้ สู่สงครามที่ชอบธรรมมไี ดม้ ากนอ้ ยตา่ งกนั ไปตามการตีความ เช่น ในเง่ือนไขข้อที่ 1 อาจมีคาถามว่าอานาจอนั ชอบธรรมในการทาสงครามปฏิวตั ิ จะมีได้ หรือไม่ สงครามปฏิวตั ิน้นั อาจเป็นสงครามกลางเมือง สงครามกองโจรหรือการก่อการร้ายระหว่าง ประเทศก็ได้ ถา้ ถือกนั ตามกฎหมายของประเทศหรือกฎหมายนานาชาติ ผูน้ าองค์การหรือกลุ่ม กองโจรทางการเมืองไม่ว่าจะเป็ นกองโจรภายในประเทศหรือกองโจรระหว่างประเทศยอ่ มไม่มี อานาจอนั ชอบธรรมในการประกาศสงครามแต่ผูน้ าเหล่าน้ีมกั อา้ งสิทธิพเิ ศษ คอื สิทธิในการปฏวิ ตั ิ เป็นความชอบธรรมในอานาจของการทาสงคราม เพ่ือสาเหตุอนั ชอบธรรม เช่น เพื่อต่อตา้ นการถูก กดขีอ่ ยา่ งไม่เป็นธรรม การตีความเรื่ องการทาส งครามเพ่ือป้ องกันตน เองก็มี ปั ญ หาเช่ นกัน ว่าสิ ทธิ ในการท า สงครามเพ่ือป้องกนั ตวั เองจากการรุกรานของขา้ ศึกน้นั หมายรวมถึงการลงมือทาสงครามก่อนเพ่ือ โจมตตี ดั หนา้ ขา้ ศึกท่ีกาลงั สะสมกาลงั อาวุธเตรียมเขา้ รุกรานดว้ ยหรือไม่ ฝ่ ายท่ีเห็นด้วยกับการตีความอย่างกวา้ ง อา้ งว่าฝ่ ายที่เริ่มลงมือโจมตีก่อนอาจไม่ใช่ฝ่ าย อธรรมเสมอไป ฝ่ ายที่ถูกโจมตีก่อนอาจเป็นฝ่ ายอธรรมก็ได้ ถา้ ฝ่ายน้ันเป็นฝ่ายท่ีวายุข่มขู่หรือสร้าง ความชว่ั ร้ายอย่างมหันต์ข้ึนก่อน เช่น กอ่ การร้ายลอบวางระเบิดทาลายเคร่ืองบินของสายการบินพล เรือนของอีกฝ่ าย หรือวางแผนระดมกาลังสะสมอาวุธจานวนมากหรืออาวุธท่ีร้ายแรงเพ่ือเตรียม โจมตีอีกฝ่ายและถา้ อีกฝ่ ายไม่ลงมือโจมตีตดั หน้าก่อนกอ็ าจเป็ นฝ่ ายเสียเปรียบ สู้ฝ่ ายอธรรมไม่ได้ ดงั ที่อิสราเอลได้ส่งเคร่ืองบินไปโจมตีท้ิงระเบิดโรงงานไฟฟ้าพลงั นิวเคลียร์ในประเทศอิรัก ซ่ึง อิสราเอลสืบทราบมาว่าอิรักมีโครงการสร้างอาวุธนิวเคลียร์จากเช้ือเพลิงทใ่ี ชใ้ นเตาปฏกิ รณ์ปรมาณู

- 102 - ของโรงงานดังกล่าวและถ้าอีรักมีอาวุธนิวเคลียร์ก็จะเป็ นไปอย่างร้ายแรงต่อความม่ันคงของ อสิ ราเอล อิสราเอลจึงไดต้ ดั สินใจท้งิ ระเบิดทาลายโรงงานดงั กลา่ วเป็นการตดั ไฟเสียแต่ตน้ ลม ผสู้ นับสนุนการโจมตีตดั หนา้ ว่าเป็นการเขา้ สู่สงครามท่ีเป็นธรรมอยา่ งหน่ึง ไดอ้ า้ งเหตุผล ทางศีลธรรมเพื่อสนับสนุนการโจมตี 2 ขอ้ คือ 1 สิทธิในการป้องกนั ตนเองล่วงหน้าและ 2 ผลของ การป้องกนั ตนเองล่วงหนา้ การอา้ งสิทธิในการโจมตีผอู้ ่ืนก่อนเพื่อป้องกนั ตวั เองเป็ นการอา้ งในแง่ หลกั การว่าเม่ือมีอนั ตรายเฉพาะหนา้ ท่ีกาลงั เขา้ มาขม่ ขู่สวสั ดิภาพของเราอยเู่ ราไม่จาเป็นตอ้ งรอให้ อนั ตรายเขา้ มาใกลต้ วั หรือรอให้เกิดอนั ตรายก่อนจึงคิดปัดเป่ าแกไ้ ขอันตรายน้นั แต่เรามีสิทธิอัน ชอบธรรมที่จะทาการเท่าที่จาเป็นเพ่ือหยุดย้งั อนั ตรายนัดล่วงหน้าไม่ให้เขา้ มาถึงตวั เราไดเ้ ปรียบ เหมือนการท่ีเจา้ หน้าที่ตารวจบุกเขา้ จบั กุมโจรที่กาลังวางแผนเขา้ ปลน้ บ้านผูอ้ ่ืนไดโ้ ดยชอบธรรม โดยไม่จาเป็นตอ้ งรอใหจ้ นลงมือทาร้ายเจา้ ทรพั ยก์ ่อน ในแง่ของผลของการป้องกนั ตนเองล่วงหน้า กอ่ ให้เกิดผลดีกว่าการรอใหฝ้ ่ ายท่ีคิดร้ายเตรียมการพร้อมเต็มทีห่ รือลงมอื ทาร้ายเราก่อนผูส้ นบั สนุน วา่ การโจมตีตดั หนา้ เป็นการเขา้ สู่สงครามทชี่ อบทาอยา่ งหน่ึงอา้ งว่า ถา้ รอใหฝ้ ่ ายอธรรมสะสมกาลงั อาวุธจนกลา้ แข็งพร้อมที่จะรุกรานเราไดแ้ ลว้ การทาสงครามป้องกนั ตนเองก็จะรุนแรงยืดเยื้อและ สร้างความเสียหายแก่ท้งั สองฝ่ ายอยา่ งกวา้ งขวางหรือฝ่ ายธรรมะที่จะถูกรุกรานอาจเพลี่ยงพล้า พา่ ย แพแ้ ก่ฝ่ ายอธรรมได้ ดงั น้ันการลงมือโจมตีตดั หน้าเสียก่อนฝ่ ายที่คิดรุกรานจะเขม้ แข็งจึงเกิดผล ดีกว่า อยา่ งไรก็ตามการตีความท่ีกวา้ งเกินไปก็มีขอ้ เสียเพราะเป็นการเปิ ดโอกาสให้ใช้สงคราม เป็นเคร่ืองมือในการแกป้ ัญหาความขดั แยง้ โดยอา้ งความชอบธรรมในการปฏิวตั ิกอ่ การร้ายหรือลง มอื รุกรานผอู้ ื่นกอ่ น ในนามของการโจมตีตดั หน้าและการตคี วามที่แคบเกินไปบางคร้ังก็ทาใหฝ้ ่ าย ธรรมะเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยไม่เป็นธรรมไดเ้ ช่นกนั

- 103 - จริยธรรมในการทาสงคราม หลกั เกณฑต์ ดั สินจริยธรรมในการสู้รบในสงครามไดร้ ับการพฒั นาเพิ่มเติมข้ึนมาในระยะ หลังของการพฒั นาทฤษฎีสงคราม โดยที่ก่อนหน้าน้ันในการพิจารณาว่าการทาสงครามหน่ึงน้ัน ชอบธรรมหรือไม่ จะพิจารณาความชอบในการเขา้ สู่สงครามน้ันเป็ นหลัก เช่น ดูว่าสาเหตุท่ีทา สงครามน้นั ชอบธรรมหรือไม่ เจตนาในการทาสงครามเป็นไปเพือ่ ลูกหลาน หรือเพื่อป้องกนั ตวั เอง แต่ต่อมาก็พบว่าบางคร้ังประเทศท่ีเขา้ สู่สงครามอย่างชอบธรรม เช่น การทาสงครามเพ่ือป้องกัน ตนเองหรือป้องกนั ส่ิงที่ถูกต้องกับใช้วิธีการสู้รบที่ผิดศีลธรรมเพ่ือให้ชนะสงคราม เช่น การท้ิง ระเบิดทาลายบา้ นเรือนและฆ่าพลเรือน หรือการสร้างความเสียหาย ทฤษฎีสงครามภายหลงั จึงได้ เพ่ิมเติมหลักจริยธรรมในการทาสงครามเข้ามา โดยมีทัศนะว่าการทาสงครามท่ีชอบธรรมอยา่ ง แท้จริงน้ันผูก้ ระทาต้องมีท้ังความชอบธรรมในการเข้าสู่สงครามและมีจริยธรรมในการสู้รบใน สงครามดว้ ยและหลกั การสาคญั ของจริยธรรมในการสู้รบกค็ ือ หลกั การไมท่ าร้ายพลเรือน หลกั การไม่ทาร้ายพลเรือน ขอ้ จากดั ทางจริยธรรมขอ้ หน่ึงในการสู้รบ เพื่อให้ชนะสงคราม คือ ในการสู้รบน้นั จะตอ้ ง ไมจ่ งใจหรือมีเจตนาในการทาร้ายพลเรือนซ่ึงไมไ่ ดเ้ ขา้ สู้รบดว้ ย เช่น การทง้ิ ระเบิดทาลายบา้ นเมอื ง ของขา้ ศึกเพ่ือให้ประชาชนของข้าศึกไดร้ ับความทุกขย์ ากจากสงครามจะไดเ้ กิดความทอ้ ถอยไม่ อยากใหป้ ระเทศของตนทาสงครามตอ่ ไปหรือเป็นการบบี บงั คบั ใหร้ ัฐบาลยอมแพเ้ พราะเห็นแก่ชีวิต ของประชาชนของตนดังที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กระทาต่อประเทศญ่ีป่ ุนในตอนป ลาย สงครามโลกคร้ังที่ 2 โดยสหรัฐอเมริกาในตอนแรกไดส้ ่งเคร่ืองบนิ ไปทิ้งระเบดิ ตามเมืองต่างๆของ ญี่ป่ ุนและในที่สุดไดท้ ้ิงระเบิดปรมาณูลงไปยงั เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ เพ่ือบีบบงั คับรัฐบาล

- 104 - ญ่ีป่ ุนให้ยอมแพก้ ารกระทาดังกล่าวผิดหลกั การไม่ทาร้ายคนอ่ืนอยา่ งแจง้ ชดั เพราะเป้าหมายของ การท้ิงระเบิด คือทิ้งระเบิดธรรมดาและระเบิดปรมาณูตามเมืองใหญ่ๆ ของญี่ป่ ุนน้ันมิไดต้ ้ังใจ ทาลายที่ต้งั หรือเป้าหมายทางทหารหากแตจ่ งใจทาร้ายพลเรือนเพอ่ื บบี บงั คบั ให้รฐั บาลญี่ป่ นุ ยอมแพ้ ผสู้ นับสนุนทฤษฎีธรรมสงคราม มีทศั นะว่าเหตุผลทางศีลธรรมทสี่ นบั สนุนหลกั การไม่ทา ร้ายพลเรือนในการทาสงครามก็ คือ การฆ่าและทาร้ายกนั ในการสู้รบระหวา่ งทหารในสงครามน้ัน ทาได้โดยไม่ผิดศีลธรรมเพราะทาเพ่ือป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกฆ่าหรือถูกทาร้ายจากทหารของฝ่ าย ตรงขา้ มแต่การทาร้ายพลเรือนซ่ึงไมไ่ ดท้ าอนั ตรายฝ่ายตนเป็นการกระทาที่ผดิ ศีลธรรมเพราะอยเู่ กิน ขอบเขตของความชอบธรรมในการป้องกนั ตนเอง การฆ่าและทาร้ายกนั ในการสู้รบระหวา่ งทหารในสงครามเป็นเร่ืองของการป้องกนั ตวั เอง ไม่ให้ถูกฆ่าหรือถูกทาร้ายไม่ใช่เป็ นการลงโทษผูก้ ระทาดงั น้ันเหตุผลที่ตอ้ งไม่ทาร้ายพลเรือนใน การทาสงครามจึงไมไ่ ดเ้ ป็นเพราะว่าพลเรือนไม่มีความผิดเพราะพลเรือนบางคนอาจสนบั สนุนการ ทาสงครามรุกรานเพื่อนบา้ นอย่างเต็มท่ีในแง่ศีลธรรมพลเรือนเหล่าน้ันก็มีความผิดที่ตอ้ งการและ สนับสนุนให้รัฐบาลของตนส่งทหารเข้าไปรุกรานเข็นฆ่าผูอ้ ่ืนในขณะเดียวกนั ทหารที่เข้าสู้รบใน สงครามก็อาจเป็ นผูบ้ ริสุทธ์ิที่ไม่สมควรถูกลงโทษก็ได้ ถา้ ทหารเหล่าน้ันไม่เห็นดว้ ยกับการทา สงครามรุกรานแตจ่ าเป็นตอ้ งสู้รบเพราะถูกเกณฑม์ ารบตามหนา้ ที่ ดงั น้ันผูถ้ ือทฤษฎีธรรมสงคราม จึงถือว่าเหตุผลท่ีเราสามารถฆ่าทหารขา้ ศึกไดโ้ ดยไม่ผิด ศีลธรรมไม่ใช่เพราะทหารขา้ ศกึ เป็นคนเลวสมควรถูกลงโทษแต่เป็นเพราะทหารขา้ ศึกจะทาร้ายเรา ตามหนา้ ท่ีและเราจาเป็นจะตอ้ งทาร้ายเขาเพ่ือหยดุ ย้งั ป้องกนั ไมใ่ ห้เขาทาร้ายเราได้ ในเมื่อเหตุผลท่ี เราตอ้ งสู้รบก็เพ่อื ป้องกนั ตนเองในการสู้รบจึงตอ้ งไม่ทาร้ายพลเรือนไม่วา่ เขาเหล่าน้นั จะมีความผิด ฐานสนับสนุนรัฐบาลของเขาหรือไม่ก็ตามการทาลายพลเรือนอยเู่ กินขอบเขตของความชอบธรรม ในการป้องกนั ตนเองในการป้องกันตนเองน้ันมีความชอบธรรมเฉพาะ การใช้ความรุนแรงเพื่อ หยดุ ย้งั อนั ตรายเฉพาะหนา้ เทา่ น้นั ไมร่ วมถึงการทาร้ายคนทคี่ ดิ ร้ายหรือเขา้ ขา้ งฝ่ ายท่ที าร้ายเรา บางคนอาจแยง้ วา่ การทาร้ายพลเรือนของประเทศทค่ี ดิ วา่ การไมใ่ ช่สิ่งผิดศีลธรรม เพราะพล เรือนของประเทศน้นั ตอ้ งรับผิดชอบต่อรัฐบาลของตนดว้ ย เม่ือรัฐบาลของตนผดิ ทีร่ ุกรานผอู้ ื่น การ ท่ปี ระชาชนของประเทศน้นั จะถูกลงโทษดว้ ยก็ไมใ่ ช่เร่ืองผดิ บาปอะไร ดงั น้ันทศั นะน้ีจึงถือว่าการ ทาร้ายกนั ในสงครามเป็นทางการป้องกนั ตวั เองและเป็นการลงโทษผผู้ ดิ ดว้ ย แต่ทฤษฎีธรรมสงครามไม่เห็นดว้ ยกบั ทศั นะขา้ งตน้ น้ี เพราะในการทาสงครามทุกฝ่ ายท่ีสู้ รบกนั ไม่วา่ ผรู้ ุกรานหรือผถู้ ูกรุกรานยอ่ มถือวา่ ฝ่ายของตนเป็นฝ่ายถกู เป็นฝ่ ายธรรมะและอีกฝ่ายเป็น ฝ่ายอธรรม ถา้ ยอมให้การสู้รบในการทาสงครามเป็นการลงโทษ ผูผ้ ิดพร้อมกบั การป้องกนั ตวั เอง ดว้ ย และเหมารวมเอาพลเรือน ของฝ่ ายตรงขา้ มเป็นผูผ้ ดิ ดว้ ย การคิดอยา่ งน้ีนอกจากจะเปิ ดโอกาส

- 105 - ให้มีการทารุณกรรม เด็กผูห้ ญิงและคนชราแลว้ ยงั เป็นการตดั สินลงโทษโดยไม่ให้โอกาสอนั ชอบ ธรรมแก่ผูถ้ ูกกล่าวหาให้ไดร้ ับการพิจารณาคดีในศาลในยามปกติว่ามีความผิดจริงหรือไม่ในยาม สงครามและมากไปด้วยความเกลียดความกลัวข้าศึก ถ้ายอมให้มีการลงโทษผูท้ าผิด โดยใช้ มาตรการรุนแรงแห่งสงครามความชงั และความอคติท่ีมีต่อศตั รูยอ่ มเปิ ดช่องให้ทาทารุณกรรมอัน รุนแรงแก่พลเรือนของศตั รูไดเ้ ป็นอนั มาก ปัญหาการตีความหลกั การไม่ทาร้ายพลเรือน 1. หลกั การไม่ทาร้ายพลเรือน ในการทาสงคราม ห้ามการทาร้ายพลเรือนโดยเจตนาแต่ถา้ การโจมตีเป้าหมายทางทหารซ่ึงมีพลเรือนอยดู่ ว้ ยและรู้ล่วงหนา้ ว่าจะตอ้ งมีพลเรือนพลอยบาดเจ็บ ลม้ ตายจากการโจมตีน้นั ไปดว้ ยจะถือว่าการโจมตีดงั กลา่ วผดิ หลกั การไมท่ าร้ายพลเรือนหรือไม่ บางคนอา้ งว่าการโจมตเี ป้าหมายทางทหารดงั กลา่ วไม่ผิดหลกั การไม่ทาร้ายพลเรือนเพราะ ไม่ไดจ้ งใจโจมตีพลเรือนโดยตรง ดงั น้นั จึงตอ้ งถือวา่ ไมม่ เี จตนา แตบ่ างคนกม็ ีความเห็นว่าถงึ แมจ้ ะ ไม่จงใจทาร้ายพลเรือนโดยตรง แต่ก็รู้อยู่แก่ใจล่วงหน้าแล้วว่าพลเรือนจะพอถูกทาร้ายไปดว้ ยก็ ยงั คงตดั สินใจทากต็ อ้ งถอื วา่ มีเจตนาโดยอนุโลม และเป็นการผิดหลกั การดงั กลา่ ว ลกั ษณะและเทคโนโลยีในการทาสงครามสมยั ใหม่ เช่น การระดมยงิ ดว้ ยปื นใหญ่และการ ทงิ้ ระเบิดเป้าหมายทางทหารแมจ้ ะกระทาดว้ ยความระมดั ระวงั เพียงไร อานาจการทาร้ายอนั รุนแรง และกวา้ งขวางก็ทาใหพ้ ลเรือนพลอยถกู ทาลายไปดว้ ย โดยเฉพาะเมื่อกองทหารเขา้ ไปอยใู่ นเมืองที่ มพี ลเรือนอาศยั อยู่ การโจมตที หารเหล่าน้นั ก็ยอ่ มทาให้พลเรือนในเมืองน้นั พลอยไดร้ บั บาดเจ็บลม้ ตายไปดว้ ยอยา่ งหลกี เลย่ี งไดย้ าก 2. ในสงครามสมยั ใหม่ การแยกเป้าหมายทางพลเรือนออกจากเป้าหมายทางทหารทาได้ ยากเพราะมีพลเรือนจานวนมากท่ีทาการผลิตอาวุธยทุ โธปกรณ์และอุปกรณ์ท่ีจาเป็นในการรบและ การดารงชีพของทหาร เช่น กระสุนปื น รถถัง เครื่องบิน อาหาร กระป๋ อง เส้ือผา้ เครื่องแบบ ยา รักษาโรค การทาสงครามสมยั ใหม่จะดาเนินไปไม่ไดห้ รือแมด้ าเนินไปไดก้ ็ไม่นานถา้ ขาดพลเรือน ผูผ้ ลิตยุทธ์ปัจจยั ยุทธศาสตร์ในการเอาชนะสงครามสมยั ใหม่จึงมุ่งทาลายโรงงานผลิตยุทธ์ปัจจัย เหล่าน้ี ปัญหาก็ คือเราควรจะถือว่าโรงงานที่ผลิตยทุ ธ์ปัจจยั เหล่าน้ี เป็ นเป้าหมายทางทหารท่ีชอบ ธรรมและถกู โจมตที าลายไดโ้ ดยไมผ่ ดิ ศีลธรรมแมจ้ ะมีพลเรือนอยใู่ นน้นั เป็นส่วนใหญห่ รือไม่ บางคนมีความเห็นว่า ผูท้ ี่ผลิตยทุ ธ์ปัจจยั น้ันก็เป็ นเสมือนหน่ึงทหาร เพราะมีส่วนช่วยใน การทาร้ายฝ่ายของเราเปรียบเสมือนทหารช่างที่สร้างสะพานใหท้ หารหน่วยอื่นบุกมาทาร้ายเราการ ทาร้ายทหารช่างเพื่อป้องกนั ไม่ให้สร้างสะพานอนั เป็นทางให้ทหารหน่วยอื่นมาทาร้ายเราไดเ้ ป็ น ความชอบธรรมฉนั ใดการทาร้ายผผู้ ลิตยทุ ธ์ปัจจยั กม็ ีความชอบธรรมในทานองเดียวกนั

- 106 - แต่ก็ยงั มีปัญหาอยู่ว่าเราควรจะตีความหมายของยทุ ธ์ปัจจยั ให้แคบหรือกวา้ งแค่ไหน ปื น กระสุน ระเบดิ รถถงั เคร่ืองบนิ เป็นอาวุธที่ใชใ้ นการรบโดยเฉพาะเป็นยทุ ธ์ปัจจยั แต่อุปกรณ์อน่ื ๆท่ี อาจนามาช่วยอานวยความสะดวกในการรบก็ไดห้ รือใช้ประโยชน์ในดา้ นอานวยความสะดวกใน ชีวิตประจาวนั ของพลเรือนกไ็ ด้ เช่น วิทยสุ ่ือสาร รถยนต์ขนส่งและเครื่องกินเครื่องใช้ท่ีทางทหาร และพลเรือนจาเป็นจะตอ้ งใชใ้ นการ ถา้ จะตคี วามอยา่ งกวา้ งก็ตอ้ งถือว่าทุกส่ิงที่สามารถช่วยทาใหก้ ารรบมีประสิทธิภาพในการ ทาร้ายเราไดเ้ ป็ นยทุ ธ์ปัจจัย เช่น สมยั หน่ึงไทยเราถือว่ารถจกั รยานเป็ นยทุ ธ์ปัจจยั ท่ีสาคญั และไม่ ยอมให้พ่อค้าส่งไปขายในประเทศคอมมิวนิสต์ท่ีมีพรมแดนติดกับเราเพราะรถจกั รยาน สามารถ นาไปใช้ในการขนส่งทหาร ไดด้ ีในพ้ืนที่ของประเทศเหล่าน้นั ปัญหาก็ คือถา้ ตีความกวา้ งเกินไป แม้แต่สบู่ยาสีฟันและผงชูรสก็ถูกเรียกว่าเป็ นยุทธ์ปัจจยั ไดเ้ พราะทาให้การดาเนินชีวิตของทหาร สะดวกข้ึน ขอ้ สังเกต คอื ความหมายของยุทธ์ปัจจยั ขา้ งตน้ น้ีพิจารณาในแง่ของการกาหนดว่าโรงงาน และพลเรือนท่ผี ลติ ส่ิงเหล่าน้นั ควรถูกโจมตีทาลายในสงครามไดอ้ ย่างชอบธรรมหรือไม่ ไม่ใช่การ กาหนดความหมายของยุทธ์ปัจจยั เพื่อควบคุมสินค้าที่จะส่งไปขายให้แก่ประเทศที่อาจเป็ นคู่ สงครามไดเ้ พราะการไม่ให้ส่งรถจกั รยานไปให้แก่ประเทศที่อาจเป็ นคู่สงครามน้ันผลร้ายแก่พล เรือนของประเทศน้ันก็มีเพียงขาดความสะดวกในการคมนาคมเท่าน้นั ซ่ึงต่างจากการทิ้งระเบิดฆ่า พลเรือนท่ีผลิตรถจกั รยานในประเทศน้นั การต่อต้านสงครามด้วยเหตุผลทางศีลธรรม ในขณะที่ทฤษฎีธรรมสงครามเห็นว่า สงครามที่ชอบธรรมอาจมีไดม้ ีคนจานวนไม่น้อยท่ี เห็นวา่ สงครามทุกชนิดเป็นสิ่งผดิ ศลี ธรรม การศกึ ษาทศั นะท่ีต่อตา้ นการทาสงครามดว้ ยเหตุผลทาง ศีลธรรม โดยไม่รวมถึงทศั นะท่ีต่อต้านการทาสงครามในแต่ละคร้ังดว้ ยเหตุผลอ่ืนที่ไม่ใช่เหตุผล ทางศีลธรรม เช่น เหตุผลทางเศรษฐกิจ ความฉลาดรอบคอบที่เห็นว่าไม่มีทางเอาชนะสงครามคร้ัง น้นั ได้ เป็นตน้

- 107 - เหตผุ ลทางศีลธรรมของผทู้ ่ีต่อตา้ นสงครามน้นั มีท้งั ที่มพี ้ืนฐานอยบู่ นความเช่ือทางศาสนา และท่ีไม่ไดม้ ีพ้ืนฐานอย่บู นศาสนา ลทั ธิ อหิงสา ของมหาตมะคานธี เป็ นตวั อยา่ งของเหตุผลที่มี พ้ืนฐานอย่บู นศาสนาธรรม เพราะผูป้ ฏิเสธการใช้ความรุนแรงตามหลกั ของอหิงสาจะตอ้ งเช่ือใน พระเจา้ ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานของความศรทั ธาในความถูกตอ้ งของสันตวิ ิธีและเชื่อในความชว่ั ร้ายของการ ใช้ความรุนแรง การปฏิเสธการใช้ความรุนแรงเพ่ือตอบโตก้ บั ความรุนแรง ท่ีอีกฝ่ ายหน่ึงริเริ่มข้ึน ก่อนเพราะศรัทธาในหลกั อหิงสาน้ี มิใช่เกิดจากความกลวั ท่ีจะต่อสู้ ตรงกนั ขา้ มกบั ตอ้ งอาศยั ความ กลา้ หาญและอดกล้นั อยา่ งมากท่จี ะยอมรับการทาร้ายจากศตั รู โดยระงบั สญั ชาตญาณในการตอบโต้ เม่ือถูกทาร้ายความกลา้ หาญและความอดกล้นั ตามหลกั ของอหิงสาน้ีมีไดก้ ็เพราะมศี รัทธาต่อพระ เจา้ และความจริงที่ คานธี เรียกว่า สัตยา โดยมีความเชื่อมนั่ ว่าเม่ือเราไม่ทาร้ายตอบแทนผูท้ ี่ทาร้าย เรา เขาจะทนทาร้ายเราต่อไปไม่ไดเ้ พราะเห็นในความจริงและเกิดความละอายต่อการกระทาของ ตนเองเป็นการเอาความดีชนะความชวั่ หลกั การเอาความดีชนะความชว่ั สอดคลอ้ งกบั หลกั ของพุทธ ศาสนาที่ว่าเวรยอ่ มระงบั ดว้ ยการไม่จองเวร คือ ให้ระงบั ความพยาบาทอยากทาร้ายตอบผูท้ ี่ทาร้าย เราเสียอีกฝ่ ายก็จะหยุดทาร้ายเราไปเองและยงั สอดคลอ้ งกบั หลกั ของคริสตศ์ าสนาที่ให้มีความรัก และเมตตาต่อมวลมนุษยแ์ มแ้ ตผ่ ทู้ ี่ประสงคร์ ้ายต่อเรา ดงั คาสอนท่ีวา่ ใครก็ตามทตี่ บแกม้ ขวาของเจา้ จงหันแกม้ อีกขา้ งให้เขาตบดว้ ยหลกั การเอาชนะความชวั่ ดว้ ยความดี เอาชนะความเกลียดดว้ ยความ รักความเมตตา เอาชนะความรุนแรงดว้ ยความไมร่ ุนแรงน้ีเป็นคณุ ธรรมอนั สูงซ่ึงยากท่ีจะปฏิบตั ิได้ หากผปู้ ฏบิ ตั ิไมม่ คี วามศรัทธาอยา่ งแน่วแน่ต่อความดีความจริงอนั เป็นคาสอนในศาสนาของตน ส่วนผูท้ ี่ต่อตา้ นสงครามโดยที่ไม่จาเป็ นต้องมีพ้ืนฐานอยู่บนศาสนาต่อตา้ นสงครามดว้ ย เหตผุ ลใดเหตผุ ลหน่ึงหรือรวมกนั ท้งั 2 ขอ้ ต่อไปน้ี คือ 1. เห็นวา่ การฆา่ ชีวิตมนุษยเ์ ป็นสิ่งผิดศีลธรรม

- 108 - 2. เห็นว่าการทาสงครามในปัจจุบนั ไม่สามารถหลีกเล่ียงการละเมิดหลกั การไม่ทาร้ายพล เรือนได้ เหตผุ ล 2 ขอ้ แตกต่างกนั ดงั น้ีเหตุผลในขอ้ 1 น้นั ถอื วา่ สงครามเป็นส่ิงเลวส่ิงผดิ ในตวั มนั เอง เพราะการทาสงครามเป็นการฆ่าชีวิตมนุษยแ์ ละการฆ่าชีวิตมนุษยเ์ ป็ นส่ิงผิดศีลธรรมเสมอ แม้ใน กรณีท่ีฆ่าเพื่อป้องกนั ตวั เองไม่ให้ถูกฆ่าก็ตาม ส่วนเหตุผลในขอ้ ที่ 2 น้ันยอมให้มกี ารฆ่าชีวิตมนุษย์ เพื่อป้องกันตนเองได้ดังน้ันจึงไม่ได้ถือว่าการทาสงครามพิเศษและทาในตัวมันเองแต่เห็นว่า ประการแรกเทคโนโลยีในการทาสงครามสมยั ปัจจุบันซ่ึงไม่สามารถแบ่งแยกการทาร้ายพลเรือน ออกจากการทาร้ายทหารได้ การทาสงครามทช่ี อบธรรมเป็นส่ิงทเี่ ป็นไปไมไ่ ดเ้ พราะถงึ แมว้ า่ อาจจะ มีเหตุผลที่ชอบธรรมในการเข้าสู่สงคราม คือ เพื่อป้องกันตนเองและประเทศแต่วิธีการสู้รบใน สงครามไม่สามารถดาเนินไปอย่างมีจริยธรรมไดเ้ น่ืองจากอาวุธสมัยใหม่มีอานาจการทาลายที่ รุนแรงกวา้ งขวางและไมเ่ ลือกหนา้ ประการที่สองลกั ษณะของสงครามสมยั ใหมท่ ่ีเป็นสงครามเบ็ดเสร็จซ่ึงถือว่าสงครามมิใช่ เป็นเพียงการสู้รบระหว่างกองทหารหากแต่เป็นการสู้รบระหวา่ งประเทศทีค่ นท้งั ประเทศจะตอ้ งเขา้ มีส่วนช่วยให้ประเทศของตนชนะสงครามให้ไดท้ าให้เกิดยทุ ธศาสตร์ที่มุ่งทาลายแหล่งเศรษฐกิจ ทาลายกาลังใจข องพล เรื อน ใน การสนับสนุ นก ารทาสงครามข องรัฐบาลข อง ตน ทาให้สงคราม สมยั ใหม่จาเป็นตอ้ งทาทารุณกรรมต่อพลเรือนของประเทศค่สู งครามอยา่ งหลีกเล่ียงไม่ได้ เช่น การ ที่เยอรมนีท้ิงระเบิดทาลายบ้านเมืองและชีวิตพลเรือนขององั กฤษในตอนตน้ สงครามโลกคร้ังท่ี 2 เพ่ือบีบบงั คบั ให้องั กฤษยอมแพแ้ ละในตอนปลายสงครามโลกคร้ังที่ 2 เมื่อฝ่ ายพนั ธมิตรกาลงั เป็น ฝ่ ายไดเ้ ปรียบก็ไดใ้ ช้ยทุ ธศาสตร์เดียวกนั โดยระดมท้ิงระเบิดบา้ นเมืองของเยอรมนีและญ่ีป่ ุนอย่าง หนักหน่วงและรุนแรงและในท่ีสุดสหรัฐอเมริกาก็ใช้ระเบิดปรมาณูท้ิงทาลายเมืองฮิโรชิมาและนา งาซากิเพ่อื บีบบงั คบั ใหร้ ัฐบาลญี่ป่ นุ ยอมแพส้ งครามจนได้

- 109 - บทท่ี 5 อาวธุ นวิ เคลียร์กับชะตากรรมของโลก ความรู้เบื้องต้นว่าด้วยอาวธุ นิวเคลยี ร์ 1. พฒั นาการของระบบอาวธุ นวิ เคลยี ร์ จากปี ค.ศ. 1945 จนถึงกลางทศวรรษ 1950 เคร่ืองบินท้ิงระเบิดทข่ี บั เคล่ือน ดว้ ยใบพดั เป็ น เคร่ืองบินชนิดเดียวที่สามารถติดต้ังระเบิดนิวเคลียร์ เพื่อนาไปทิ้งเหนือเป้าหมายที่ต้องการได้ เคร่ืองบินทิ้งระเบิดแบบบี - 29 ของสหรัฐอเมริกาและแบบตู - 4 ของสหภาพโซเวียตที่มีขีด ความสามารถในการบรรทกุ นิวเคลียร์น้นั เป็นเคร่ืองบนิ ที่มคี วามเร็วต่าและมีขีดความสามารถจากดั ในการทาสงครามขา้ มทวปี ดงั น้นั หลงั จากกลางทศวรรษ 1950 เคร่ืองบินทิ้งระเบิดทใี่ ชเ้ คร่ืองยนต์ ไอพน่ เช่น เคร่ืองบินทิง้ ระเบิดแบบบี - 52 ไดพ้ ฒั นาขีดความสามารถในการบินขา้ มทวีป แมว้ า่ จะมี ขีดความสามารถบินในระดบั ความเร็วต่ากว่าเสียง แต่ก็สามารถบรรทุกระเบิดไดม้ ากกว่า 30 ตนั เคร่ืองบินทิ้งระเบิดแบบบี - 52 ของสหรัฐอเมริกา เครื่องบินท้ิงระเบิดแบบเอ็มยา - 4 และตู - 95 ของสหภาพโซเวียตก็เป็นตวั อย่างของพฒั นาการของเคร่ืองบินทิ้งระเบิดขา้ มทวีปหรือเครื่องบินท้ิง ระเบดิ ทางยทุ ธศาสตร์ ซ่ึงยงั ดารงอยใู่ นกองกาลงั อาวธุ นิวเคลยี ร์ทางดา้ นยทุ ธศาสตร์ของท้งั สองฝ่ าย ใน ค.ศ. 1957 สหภาพโซเวียตได้สร้างความประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างย่ิงให้กับ สหรัฐอเมริกา ด้วยการส่งดาวเทียมข้ึนสู่วงโคจรของโลกได้ประสบความสาเร็จ แม้ว่าขีด ความสามารถดงั กล่าวจะสามารถส่งดาวเทยี มข้ึนไปสู่วงโคจรของโลกในระดบั ท่ีต่าก็ตาม แตก่ ็เป็น การแสดงให้เห็นถึงพฒั นาการของการใชจ้ รวดส่งท่ีจะสามารถติดต้งั หัวรบนิวเคลียร์และมีพิสัยใน

- 110 - การทาลายที่หมายท่ีอยู่ไกลในอีกทวีปหน่ึง หลงั จากน้ันไม่นานขีปนาวุธข้ามทวีปจึงถูกนาเข้า ประจาการในกองกาลังอาวุธนิวเคลียร์ของท้ังสองฝ่ าย ความเหนือกว่าของขีปนาวุธข้ามทวีปต่อ เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ก็คือ การที่ขีปนาวุธสามารถเขา้ สู่เป้าหมายท่ีตอ้ งการทาลายใน อีกทวปี หน่ึงน้นั ใชเ้ วลานอ้ ยกว่าคร่ึงชว่ั โมง นอกจากน้ีเครื่องบินทิ้งระเบิดยงั มีจุดอ่อนซ่ึงเกิดจากการพฒั นาระบบการป้องกนั ภยั ทาง อากาศ อันไดแ้ ก่ การพฒั นาระบบเรดาห์และเคร่ืองอุปกรณ์ การติดตามและตรวจการทางอากาศ อากาศยานขบั ไล่ สกดั ก้นั และอาวุธปล่อยต่อสู้อากาศยานแบบต่างๆ การพฒั นาระบบป้องกนั ภยั ทางอากาศจึงเป็นการลดศกั ยภาพของการใชเ้ ครื่องบินทิ้งระเบิดทางยทุ ธศาสตร์ในการทาสงคราม นิวเคลียร์โดยตรง ดงั น้นั ในตอนตน้ ศตวรรษ 1960 จึงไดม้ ีการผลิตขีปนาวุธเพ่ือนาบรรจุเขา้ ประจาการให้มี จานวนมากข้ึน เพ่ือทดแทนตอ่ จดุ อ่อนของเครื่องบนิ ทง้ิ ระเบิดทางยุทธศาสตร์ และขณะเดียวกนั ยงั ไดม้ ีการนาเอาเรือดาน้าพลงั งานปรมาณูติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ ซ่ึงติดต้งั ขีปนาวุธที่ยงิ จากเรือดาน้า อนั ถือไดว้ ่ามีจดุ อ่อนน้อยทส่ี ุด เพราะเป็นการยากตอ่ การติดตามและทาลายฐานยงิ อนั เนื่องมาจาก การเคลือ่ นทไ่ี ดแ้ ละสามารถกบดานอยใู่ ตท้ อ้ งทะเลไดเ้ ป็นระยะเวลานานในกรณีท่ีเกิดการโจมตีจาก รัฐศตั รู

- 111 - การนาเอาระบบขีปนาวุธท่ียิงจากเรือดาน้าเขา้ ประจาการ จึงเท่ากบั ทาให้กองกาลังอาวุธ นิวเคลียร์มีลกั ษณะขององคป์ ระกอบเป็น “ไตรภาคีของอานาจการทาลายดว้ ยอาวธุ นิวเคลยี ร์” อยา่ ง แทจ้ ริงอนั ไดแ้ ก่ องคป์ ระกอบของ ก. ขีปนาวุธขา้ มทวปี ข. ขีปนาวธุ ที่ยิงจากเรือดาน้า ค. เคร่ืองบนิ ท้งิ ระเบดิ ทางยทุ ธศาสตร์ การพฒั นาเช่นน้ีทาให้รฐั ไม่จาเป็นตอ้ งพ่ึงพาติดอยู่กบั ระบบอาวธุ นิวเคลียร์ชนิดหน่ึงชนิด ใดโดยเฉพาะ จุดอ่อนของระบบอาวธุ แต่ละชนิดจะไดร้ ับการทดแทนจากโอกาสที่ระบบอาวธุ ชนิด อืน่ สามารถเหลอื รอดอยไู่ ด้ ภายหลงั จากการโจมตีคร้ังแรกของรัฐศตั รู ในกรณีของสหรัฐฯ จะเห็น ได้อย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาพ่ึงระบบอาวุธท้ัง 3 ชนิดดังกล่าว แต่สหภาพโซเวียตอาจจะให้ น้าหนักแก่ขีปนาวุธข้ามทวีปและขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดาน้ามากกว่า และนอกจากน้ีการพฒั นา ระบบขีปนาวุธพิสัยปานกลาง ได้ส่งผลอย่างมากต่อหลักการของการจัดวางกาลังทางด้าน ยทุ ธศาสตร์ของรฐั อภมิ หาอานาจท้งั สองอีกดว้ ย การพฒั นาการของขีปนาวุธข้ามทวีปได้ดาเนินการติดต่อกันมา จรวดได้ถูกปรับปรุง ให้มีความสามารถในการบรรทุกน้าหนักมากข้ึน อกี ท้งั การพฒั นาทางเทคโนโลยีไดท้ าให้สามารถ ตดิ ต้งั หวั รบไดห้ ลายหวั แทนที่จะเป็นหัวรบหวั เดียว จนพฒั นาสามารถเขา้ สู่เป้าไดอ้ ยา่ งอสิ ระ นอกจากน้ันระบบการยิงขีปนาวุธก็ได้รับการปรับปรุงดว้ ย แต่เดิมการส่งขีปนาวุธข้ึนสู่ อวกาศน้นั ไดใ้ ชว้ ธิ ีการส่งเช้ือเพลงิ ในตวั เองให้พุ่งข้นึ จากโรงเกบ็ ซ่ึงเรียกว่าเป็น “วธิ ีการยงิ ขปี นาวุธ แบบร้อน” ซ่ึงวธิ ีการเช่นน้ี ทาให้โรงเก็บขีปนาวุธน้ันๆ ไดร้ ับความเสียหายและไม่อาจจะใชก้ ารได้ ใหม่อีก จึงได้เปล่ียนแปลงระบบการยิงมาเป็ น “วิธีการยิงขีปนาวุธแบบเยน็ ” ซ่ึงทาความเสียหาย

- 112 - ให้แก่โรงเก็บขีปนาวุธไมม่ ากนัก และหากปล่อยท้ิงไวใ้ นระยะเวลาไมก่ ี่วนั ก็อาจจะนาเอาขปี นาวุธ ลูกใหม่เข้าทาการติดต้ังและใช้ทาการยิงไดใ้ หม่ จะเห็นได้ว่าทางดา้ นสหภาพโซเวียตน้ันไดใ้ ช้ วธิ ีการเช่นน้ีกบั ขปี นาวุธขา้ มทวีปแบบเอส เอส – 17 เอส - 18 และเอส - 19 ของตนและท้งั เช้ือเพลิง ของขีปนาวุธก็ได้นาการเปลี่ยนแปลงจากการท่ีเคยใช้เช้ือเพลิงเหลวมาเป็ นเช้ือเพลิงแข็งเพราะ เช้ือเพลิงเหลวเป็ นเช้ือเพลิงที่ดูแลรักษายาก โดยจะตอ้ งเก็บไวใ้ นอุณหภูมทิ ี่เยน็ ในระดบั ท่ีแน่นอน และยากลาบากในการเคล่ือนยา้ ย เพราะอาจจะเกิดการระเบดิ ไดง้ า่ ย การติดต้ังขีปนาวุธแบบหลายหัวได้เพิ่มอานาจการทาลายของขีปนาวุธให้มีมากข้ึน ขีปนาวธุ แบบหลายหัวแบบเก่าจะกลบั เขา้ บรรยากาศของโลกกอ่ นทจ่ี ะตกลงยงั เป้าหมายที่ตอ้ งการ และหัวรบหลายหัวเท่าน้นั จะตกลงในเป้าหมายหรือยงั บริเวณรอบๆ เป้า แมว้ ่าจุดที่ถูกทาลายอาจจะ มีมากกว่าหน่ึงจุดแตก่ ็เป็นบริเวณใกลเ้ คียงกนั ซ่ึงทาให้เสมือนว่าขีปนาวุธหลายหัวสามารถทาลาย เป้าไดเ้ พียงเป้าหมายเดียว ดงั น้ันจึงได้พฒั นาให้หัวรบมีหลายหัวเพื่อท่ีจะสามารถแยกตัวออกสู่ เป้าหมายไดอ้ ยา่ งอิสระ คือ แทนท่ีจะตกลงสู่เป้าหมายในบริเวณใกลเ้ คียงกนั หัวรบเหล่าน้ีจะถูกแยก ให้ตกลงยงั จดุ หมายที่แตกต่างกนั การติดต้งั หัวรบหลายหัวท่ีสามารถเขา้ สู่เป้าหมายไดอ้ ย่างอสิ ระน้นั หากคดิ ในแง่เศรษฐกิจ แลว้ จะเห็นได้ว่าถูกกว่าและประหยดั กว่า และย่ิงหากใช้ขีปนาวุธท่ีมีความสามารถรับน้าหนัก บรรทุกไดม้ ากและบรรทุกหัวรบไดห้ ลายหัว ก็อาจจะย่ิงให้ความคุม้ ค่าในทางเศรษฐกิจมากยิ่งข้ึน ดงั จะเห็นไดว้ า่ ขีปนาวุธขา้ มทวปี และขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดาน้าในรุ่นปัจจุบนั น้ันลว้ นแต่เป็นเช่นน้ี ท้งั สิ้น ท้งั ของฝ่ายสหรฐั อเมริกาและฝ่ ายสหภาพโซเวยี ต

- 113 - ท้งั น้ี ทางฝ่ ายตะวนั ตกยงั ไดม้ ีความพยายามในการวิจยั และพฒั นาให้หัวรบเป็นหัวรบท่ีมี ระบบนาวิถีที่จะปรับทิศทางในตวั เองได้ ซ่ึงนอกจากจะทาให้หัวรบมีความแม่นยาที่จะตกลงยงั เป้าหมายท่ตี อ้ งการทาลายไดแ้ ลว้ ยงั จะทาให้หวั รบสามารถที่จะปรับทิศทางจากระบบนาวถิ ภี ายใน ของตนเองให้รอดพน้ จากการติดตามและทาลายจากขีปนาวธุ และระบบการป้องกนั ภยั ทางอากาศ ของสหภาพโซเวยี ต พฒั นาการดงั กล่าวลว้ นแต่ส่งผลอยา่ งสาคญั ยิ่งต่อขีดความสามารถในการโจมตีคร้ังแรก ของแต่ละฝ่ าย ซ่ึงทาให้อีกฝ่ ายหน่ึงตอ้ งพยายามอยา่ งย่ิงที่จะพฒั นาความสามารถที่จะทาให้ระบบ ขปี นาวุธของตนเหลอื รอดอยไู่ ดจ้ ากการโจมตีคร้ังแรกของศตั รู เพื่อที่จะเป็ นหลกั ประกนั ต่ออานาจ ในการโจมตีตอบโตด้ ว้ ยอาวธุ นิวเคลียร์ หรือกลา่ วไดว้ ่าเป็นหลกั ประกนั ที่จะไม่ทาใหต้ นตอ้ งถูกขู่ ให้ยอมแพด้ ้วยการที่รัฐศตั รูมีความเหนือกว่าทางดา้ นอาวุธนิวเคลียร์ท่ีจะทาลายกองกาลังอาวุธ นิวเคลียร์ของรัฐตนใหพ้ งั ทลายลงไดเ้ พียงจากการโจมตีคร้งั แรกท่ีเกิดข้ึนเท่าน้นั หลกั ประกันของอานาจตอบโตจ้ ึงเป็ นสิ่งสาคัญท่ีทาให้เกิดดุลยภาพของอาวุธนิวเคลียร์ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต และดุลยภาพ เช่นน้ีจึงเป็นความคาดหวงั ที่จะเป็ นปัจจยั ยบั ย้งั ต่อความคิดท่ีจะก่อสงครามของฝ่ ายหน่ึงฝ่ ายใดข้ึน แต่จากการแข่งขนั สะสมอาวุธระหว่าง สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตในปัจจุบันเป็ นเรื่องการแข่งขันการวิจัยและพัฒนาทางด้าน เทคโนโลยีการทหาร ประกอบกับการค้นควา้ และพัฒนาทางเทคโนโลยีน้ันได้ดาเนินไปอย่าง รวดเร็ว ซ่ึงจะส่งผลอยา่ งมากต่อขีดความสามารถในการผลิตและการใชท้ ้งั ขีปนาวุธและเครื่องบิน ท้ิงระเบิดทางยทุ ธศาสตร์ของแต่ละฝ่ าย จากปรากฏการณ์เช่นน้ีจึงเป็ นสิ่งท่ีอาจจะคาดการณ์ไดว้ ่า การแข่งขนั ในการพฒั นาระบบอาวุธยทุ ธศาสตร์ไม่วา่ จะเป็นขีปนาวุธหรือเคร่ืองบินทิ้งระเบิดทาง

- 114 - ยทุ ธศาสตร์ก็ตาม จะมีความรุนแรงมากยิ่งข้ึนและจะมีการคน้ ควา้ ทดลองเพ่ือแสวงหาเทคโนโลยี การทหารใหมๆ่ มาปรบั ปรุงระบบอาวุธดงั กล่าวของตนใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากยงิ่ ข้นึ ดว้ ย 2. การพัฒนาเทคโนโลยขี องอาวธุ นวิ เคลียร์ ความกา้ วหนา้ ของการวจิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยที างทหารน้นั ไดเ้ พิ่มพนู อานาจการทาลาย ของอาวุธให้มีลักษณะกา้ วกระโดดอย่างเห็นได้ชัด จากพฒั นาการในเรื่องของระเบิดนิวเคลียร์ อานาจการทาลายที่เกิดจากการทิ้งระเบิดท่ีฮิโรชิมาและทนี่ างาซากิไดช้ ้ีให้เห็นถึงแนวโนม้ ใหม่ของ พฒั นาการทางดา้ นอาวุธและกิจการทางทหารของประเทศมหาอานาจ และส่ิงสาคญั ของพฒั นาการ ที่สืบเนื่องมาจากการมีอาวุธนิวเคลยี ร์ก็คือ การพฒั นาดงั กล่าวไดท้ าลายอุปสรรคในเรื่องระยะทาง และเวลาซ่ึงถือไดว้ ่าเป็นอุปสรรคประการสาคญั ในการใช้อาวุธหรือการเคลื่อนยา้ ยกาลงั พลดงั จะ เห็นไดว้ ่าขีปนาวธุ ขา้ มทวปี ขปี นาวุธทย่ี ิงจากเรือดาน้าและเครื่องบินท้งิ ระเบิดทางยทุ ธศาสตร์ไดท้ า ให้ ไม่มี เป้ าหมายใด ที่ต้องการทาลายจะมีระ ยะ ห่ างเกิ น กว่าการใช้ ระบบ อาวุธเหล่าน้ ี เพราะ การ พฒั นาในเรื่องของจรวดส่งสาหรับหัวรบนิวเคลียร์ไดย้ น่ ระยะเวลาในการยงิ อาวธุ จากจุดหน่ึงไปยงั อีกจุดหน่ึงลงไดอ้ ยา่ งมากตวั อยา่ ง เช่น ขีปนาวธุ ขา้ มทวีปใช้เวลาไปยงั เป้าหมายที่อยหู่ ่างไกลในอีก ทวีปหน่ึงเพียง 30 นาทีและในกรณีของขีปนาวุธที่ติดต้ังอยู่ในยุโรปน้ันอาจจะใช้เวลาไปยงั เป้าหมายไม่เกินกวา่ 5 นาที จากปรากฏการณ์ท่ีผ่านมาน้ันระบบอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกามีความแม่นยากว่า ของสหภาพโซเวียตมากปรากฏการณ์เช่นน้ีเป็นส่ิงท่ีเกิดในปัจจบุ นั และคาดไดว้ ่าจะเป็นแนวโนม้ ที่ จะเกิดข้ึนในอนาคตอีกดว้ ยเพราะความแม่นยาในการยิงขีปนาวุธน้ันเป็ นผลมาจากระดบั ของการ พฒั นาเทคโนโลยีภายในสงั คมโดยเฉพาะอยา่ งย่งิ เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ท่ีช่วยพฒั นาระบบนาวถิ ีท่ี ควบคุมการเดินทางและระบบนาวถิ ีท่จี ะควบคมุ ให้หวั รบตกลงอยา่ งเป้าหมายทตี่ อ้ งการทาลาย

- 115 - ระบบนาวิถีท่ีควบคุมการเดินทางของหัวรบของขีปนาวุธขา้ มทวีปหรือขีปนาวุธท่ียิงจาก เรือดาน้าไดใ้ ชร้ ะบบนาวิถีท่ีติดต้งั อยู่ภายในตวั ระบบของการยงิ ซ่ึงขอ้ มูลเช่นน้ีเป็ นสิ่งท่ีไม่ยงุ่ ยาก อะไรสาหรับขีปนาวุธขา้ มทวีปเพราะการมีฐานยิงต้ังบนบกในตาแหน่งท่ีแน่นอน แต่สาหรับ ขีปนาวุธท่ียิงจากเรือดาน้าแล้วการลงตาแหน่งที่แน่นอนของตนเองน้ันเป็ นสิ่งที่อาจจะมีความ คลาดเคลื่อนได้ง่าย ซ่ึงสิ่งน้ีจะส่งผลโดยตรงต่อความแม่นยาของการยิงขีปนาวุธ ดงั น้ันขีปนาวุธ ขา้ มทวีปจากฐานยิงบนบกจึงมกั จะมคี วามแมน่ ยามากกวา่ ขีปนาวุธท่ียงิ จากเรือดาน้า แตเ่ พอ่ี ให้การยิงขีปนาวธุ ไปตกลงยงั เป้าหมายไดถ้ กู ตอ้ งมากยงิ่ ข้นึ จึงไดอ้ าศยั ดาวเทียมช่วย บอกพิกดั ตาแหน่งท่ีอยู่ การระบุตาแหน่งที่ต้งั ของตนเองเช่นน้ีไดอ้ าศยั ดาวเทียมเพ่ีอการกาหนด เป้าหมาย และหากสหรัฐอเมริกาสามารถส่งดาวเทียมประเภทน้ีข้ึนลว่ งโคจรไดค้ รบตามที่ตอ้ งการ แลว้ ก็จะทาให้หัวรบของสหรฐั ฯ สามารถเขา้ เป้าไดอ้ ย่างแม่นยา เพราะจะทาให้มีการควบคุมการ เดินทางของหัวรบอยา่ งต่อเน่ืองจากตาแหน่งทย่ี งิ ไปยงั เป้าหมายในสหภาพโซเวยี ต

- 116 - ระบบนาวิถีท่ีสาคญั ยงั ไดร้ ับการปรับปรุงเพ่ือใชก้ บั อาวุธปล่อยแบบครุยส์ (Cruise) โดย สามารถปรับระดบั ของการเดินทางได้ตามความสูง - ต่าของพ้ืนท่ี ระบบน้ีได้อาศัยเรดาห์เป็ น อุปกรณส์ าคญั ท่ีจะจบั ภาพของภูมปิ ระเทศและภาพทไี่ ดจ้ ะถูกนาไปเปรียบเทยี บกบั ขอ้ มูลของแผนท่ี ถูกเก็บไวใ้ นคอมพิวเตอร์ที่ติดต้งั ไวก้ บั ตวั อาวุธปลอ่ ยอีกท้งั ยงั ไดม้ กี ารติดต้งั ระบบนาวถิ ีที่จะทาการ แกไ้ ขความผิดพลาดท่ีจะไม่ทาใหห้ ัวรบออกนอกทิศทางท่ีกาหนดไวร้ ะบบนาวิถีน้ีจะมีส่วนช่วยให้ หวั รบตกลงยงั เป้าหมายไดอ้ ยา่ งแมน่ ยา คือ มโี อกาสผิดพลาดจากเป้าหมายท่ีกาหนดไวใ้ นระยะ 50 เมตรเท่าน้นั

- 117 - นอกจากจะพฒั นาเทคโนโลยที างดา้ นการนาวถิ ีไปยงั เป้าหมายและการตกลงยงั เป้าหมายที่ ตอ้ งการแลว้ ยงั ไดม้ ีความพยายามคิดคน้ เทคโนโลยที ่ีจะทาลายหัวรบนิวเคลียร์ของศตั รูท่ีถูกส่งไป ยงั เป้าหมายในดินแดนของตน อนั ไดแ้ ก่ การติดต้งั ระบบอาวุธในอากาศเพราะช่วงระยะเวลาท่ีหัว รบอยใู่ นอวกาศน้นั เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดท่ีจะติดตามและทาลายหัวรบดังกล่าวก่อนจะกลบั เขา้ สู่ บรรยากาศของโลกอีกคร้ังหน่ึง ตลอดจนการใชอ้ าวุธเพี่อทาลายดาวเทียมของอีกฝ่ายหน่ึง อนั จะทา ใหร้ ะบบการเตอื นภยั ล่วงหนา้ ของอีกฝ่ายหน่ึงถกู ทาลายไปดว้ ย การใชด้ าวเทยี มเพ่ีอภารกิจทางดา้ นการทหารน้นั เป็นส่ิงทมี่ ีมานานแลว้ หากแต่ลกั ษณะการ ใชน้ ้นั เป็ นเพ่ีอการตดิ ตอ่ สื่อสารและการแสวงหาขา่ วกรอง โดยการถ่ายภาพที่ต้งั ทหารที่สาคญั ของ อกี ฝ่ายหน่ึงบนพ้ืนโลกเป็นสาคญั ลกั ษณะของการใชเ้ ช่นน้ีจึงไม่มีลกั ษณะในเชิงรุกแต่อย่างใด แต่ กระน้ันดาวเทียมของศตั รูก็เป็นเป้าหมายหน่ึงที่จะตอ้ งทาลาย ดงั จะเห็นไดจ้ ากการที่ท้งั สองฝ่ายตา่ ง มุง่ พฒั นาอาวธุ เพ่ีอใช้ทาลายดาวเทียม หรือที่เรียกว่า “ดาวเทียมล่าสังหาร” โดยดาวเทียมประเภทน้ี จะติดต้งั ระเบิดในตวั เองและเม่ือเคลื่อนตวั เขา้ ใกลด้ าวเทียมที่ตอ้ งการจะทาลายแลว้ ก็จะจุดระเบิด ทาลายตวั เองเพี่อทาใหด้ าวเทียมเป้าหมายถูกทาลายดว้ ย หรือสหรฐั ฯ ไดป้ ระสบความสาเร็จในการ ทดลองการยิงอาวุธปล่อยท่ีติดต้งั กบั เครื่องบินรบแบบเอฟ - 15 ท่ีบินอยใู่ นเพดานระดบั สูงให้ข้ึน ไปสู่อวกาศเพื่อทาลายดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรได้สาเร็จ จึงทาให้ดาวเทียมหาได้ปลอดภยั จาก การถูกทาลายดว้ ยอาวธุ ของฝ่ ายศตั รูไม่ การทาลายดาวเทียมจึงเทา่ กบั การทาลายขีดความสามารถใน เรื่อง “การบญั ชาการ การควบคุม การติดต่อส่ือสารและการแสวงหาข่าวกรอง” ซ่ึงเท่ากบั เป็นการ ทาลายหวั ใจของการสั่งการในสงคราม ความมุ่งหวังอีกประการ คือ การสร้างโล่ป้องกันหัวรบของศัตรูด้วยการทาลายหัวรบ ดงั กล่าวก่อนจะตกลงยงั เป้าหมาย การทาลายเช่นน้ีจะกระทาโดยอาศัยระบบอาวุธท่ีติดต้งั อย่ใู น อวกาศ ระบบอาวธุ น้ีอาจจะลอยอยู่ในวงโคจรเหมือนกบั ดาวเทียมโดยทว่ั ไป และใชล้ าแสงเลเซอร์ หรืออานุภาพลาแสงท่ีติดต้งั อยู่กบั ดาวเทียมยิงไปยงั หัวรบหรือส่วนที่บรรทุกหัวรบของศตั รูที่ผ่าน ข้นึ มาจากช้นั บรรยากาศของโลก การทาลายน้ีอาจจะกระทาเพี่อ ก. ทาให้ระบบอิเล็กโทรนิกส์ของขีปนาวุธอยใู่ นสภาพท่ใี ชง้ านไมไ่ ด้ ข. ทาลายตวั ชนวนการจุดระเบิดของหัวรบ ค. หรือเพ่ือทาใหเ้ กิดรอยร่ัวในหอ้ งเก็บเช้ือเพลงิ และจะเกิดการระเบดิ ในทสี่ ุด ระบบอาวุธท่ีจะใชต้ ิดต้งั อยใู่ นอวกาศน้ียงั คงอยใู่ นข้นั ตอนของการทดลองแนวคิดทีเ่ สนอ ให้มีการใช้ลาแสงเลเซอร์น้ัน จะใช้กับกระจกเงาขนาดใหญ่เพ่ือสะท้อนลาแสง ดังกล่าวไปยงั เป้าหมาย ส่วนแนวคิดที่ตอ้ งการให้ใชอ้ นุภาคลาแสงจะทาไดโ้ ดยการเร่งสนามแม่เหล็กไฟฟ้าให้มี ความเขม้ ขน้ ความสาเร็จของแนวคิดท้งั สองยงั จะตอ้ งอาศยั การวิจยั และการพฒั นาทางเทคโนโลยี อีกมาก เพราะระบบ อาวุธแต่ละแนวความคิดน้นั ต่างก็มีจุดอ่อนอยใู่ นตัวเอง เช่น ลาแสงเลเซอร์ มกั จะพุ่งกระจายออกและเป็นการยาก ท่ีจะทาให้ลาแสงรวมตวั อยเู่ ฉพาะจุด เพื่อท่ีจะทาให้มีความ เข้มขน้ มากพอที่จะทาลายหัวรบหรือส่วนที่บรรทุกหัวรบ หรือตวั ขีปนาวุธท่ีอยหู่ ่างไกลออกไป

- 118 - หรือในกรณีของอนุภาคลาแสงกเ็ ช่นเดียวกนั อาจจะทาให้ความเขม้ ขน้ มี ไมเ่ พียงพออนั เน่ืองมาจาก สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก ดงั น้นั การใชร้ ะบบอาวุธท้งั สองชนิดไมว่ ่าจะทาลาย ตอ่ เป้าหมายท่อี ยู่ ห่างไกลออกไปถงึ 1,000 กิโลเมตร หรือห่างเพียง 1 เมตรก็ตาม ปัญหาคอื ทาอยา่ งไรจะให้ ลาแสง รวมตวั กนั ไดภ้ ายในเวลา 1 - 2 วินาที ซ่ึงเป็นเวลาท่ีมีอยทู่ จ่ี ะใชย้ ิงทาลายหัวรบของศตั รูเมื่อหัวรบท่ี ถกู ส่งข้นึ มาน้นั มเี ป็นจานวนร้อย แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม แมว้ ่าส่ิงเหลา่ น้ีจะเป็นเร่ืองท่ีอยใู่ นระหวา่ งการดาเนินการวิจยั และพฒั นาก็ ตามประกอบกบั ไดม้ ีการใชง้ บประมาณเป็นจานวนมากในการดาเนินการ เช่นน้ี จึงทาให้เป็ นที่เช่ือ ว่าอนาคตของการติดต้ังระบบอาวุธในอวกาศน้ันเป็นสิ่งที่มีได้อย่ไู กลเกินจากความสามารถของ มนุษยเ์ ทา่ ใดนกั ดงั ตวั อยา่ งของการมีและใชร้ ะเบิดนิวเคลียร์ท่ไี ม่มีอยกู่ ่อนและระหวา่ งสงครามโลก คร้ังที่สอง จนกระทง่ั ไดม้ กี ารระดมทรพั ยากรเพ่อื การวิจยั และคน้ ควา้ จึงทาใหม้ นุษยส์ ามารถกา้ วเขา้ มาสู่ยคุ ปรมาณูไดอ้ ยา่ งจริงจงั ในตอนปลายสงครามโลกคร้งั ที่สองน้นั เอง และเป็นทคี่ าดการณ์ไดว้ ่า ความสามารถในการใชร้ ะบบอาวธุ ในอวกาศน้นั จะมผี ลโดยตรงต่อดุลยภาพทางดา้ นอาวุธนิวเคลียร์ ระหวา่ งสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตอีก 3. ยุทธศาสตร์การป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ความหมายของการป้องปราม (Deterrence) ในการรักษาความมนั่ คงแห่งชาติในทางทหารน้นั ข้นึ อยกู่ บั นโยบายทางทหารของชาติว่าจะ ใชก้ าลงั ทหารเพื่อการรุก การป้องกนั (การรบั ) หรือการป้องปราม มาใชเ้ ป็นหลกั ในการปฏบิ ตั ิ ความแตกต่างระหว่างการป้องกนั และการป้องปรามน้นั ก็คือ การป้องกนั น้ันเป็ นการยุทธ์ ชนิดหน่ึง คือ การยุทธ์ดว้ ยวิธีรับเช่นเดียวกบั การยุทธดว้ ยวิธีรุก ส่วนการป้องปรามน้ันเป็ นการใช้ กาลงั ทหารโดยมุ่งหมายท่ีจะไม่ให้เกิดการยทุ ธ์ข้ึน เป็นการปรามอีกฝ่ ายหน่ึงมิให้ริเริ่มก่อสงคราม ข้ึน แต่ถา้ หากไมส่ ามารถป้องปรามอกี ฝ่ ายหน่ึงไดก้ ารสงครามก็จะเกิดข้ึน ณ จุดน้นั กถ็ อื วา่ การป้อง ปรามไม่บรรลุผลสาเร็จ การป้องปรามมิใช่สิ่งใหมแ่ ต่อยา่ งใด หากแต่เป็นจดุ ที่ดารงอยใู่ นทางธรรมชาติท้งั ในสงั คม มนุษยแ์ ละในอาณาจกั รของสัตว์ การป้องปรามเป็ นท้งั สญั ชาตญาณ จิตสานึกและปฏกิ ิริยาซ่ึงไดร้ ับ การคิดคานึงแล้วจึงมีปฏิกิริยาแสดงออกตอบโต้กบั ความรู้สึกที่ถูกคุกคามโดยศัตรู ในแง่ของ สัญชาตญาณน้นั กระบวนการของการป้องปราม ดงั น้ัน การป้องปรามจึงหมายถึง การป้องกนั ไม่ให้ศตั รูมีความคิดริเริ่มท่ีจะใช้กาลงั ทหาร หรือขีดจากัดการใช้กาลังทหารหากการสู้รบเกิดข้ึน หรืออาจจะกล่าวไดว้ ่าเป็ นมาตรการในการ ป้องกันไม่ให้ศัตรูมีการปฏิบัติการในทางทหาร โดยแสดงให้ศัตรูเห็นว่าการปฏิบัติดังกล่าวจะ ไดร้ บั ผลร้ายตอบแทนในระดบั ท่ีไมอ่ าจจะยอมรับได้ การพิจารณาในแง่น้ี จึงเห็นได้ชัดว่าการป้องปรามมิใช่หลักคิดท่ีเกิดข้ึนใหม่ หากแต่ หลกั การน้ีไดถ้ ูกนามาใชด้ ดั แปลงให้เหมาะสมกบั ยคุ สมยั ทอ่ี าวธุ นิวเคลียร์ไดร้ ับการพฒั นาแลว้ และ รูปการใหม่ของการป้องปรามก็คือ องค์ประกอบที่เพิ่มข้ึนใหม่ในหลกั การเดิมนัน่ เอง แนวท่ีรับรู้ กนั ว่าไดม้ ีการป้องปรามร่วมเกิดข้ึนระหว่างสองมหาอานาจนิวเคลียร์ของโลก โดยสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียตต่างก็รับรู้กนั ว่า การโจมตีคร้ังแรกดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ (First Strike) ย่อมจะ

- 119 - ก่อให้เกิดการสูญเสียอนั ประมาณมิได้ จากการตอบโตด้ ว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ (Second Strike) ของอีก ฝ่ ายหน่ึง ฉะน้ันภายใตห้ ลักคิดดงั กล่าว มหาอานาจนิวเคลียร์จะไม่ยอมให้อาวุธยุทธศาสตร์ของ ตนเองเกิดจุดอ่อน อันจะเป็ นการเปิ ดช่องว่างให้แก่การโจมตีของศตั รูในภาวะวิกฤต เช่นน้ัน มหาอานาจผูม้ ีความเหนือกว่าก็จะบังคบั ให้อีกฝ่ ายหน่ึงเกิดความจายอมภายใตส้ ถานการณ์การ คกุ คามทเ่ี กิดข้ึน องค์ประกอบของการป้องปราม องค์ประกอบของความเป็ นไปได้ของความสาเร็จของการป้องปรามข้ึนอยู่กับปัจจัย 3 ประการ คือ 1. หลกั ประกนั ของอานาจตอบโต้ จะเป็ นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในอันท่ีจะ ก่อให้เกิดการสูญเสียอยา่ งใหญ่หลวงตอ่ ศตั รู เพื่อยบั ย้งั ไมใ่ หศ้ ตั รูตดั สินใจที่จะทาการโจมตคี ร้งั แรก ข้นึ ซ่ึงสิ่งน้ีต้งั อยบู่ นคาถาม 3 ประการ คอื ก. ขอบเขตอานาจการทาลายเพียงใดที่ศัตรูไม่อาจจะยอมรับได้ การแสวงหาสิ่งน้ีก็เพื่อ ยบั ย้งั ต่อการโจมตีท่ีอาจจะเกิดข้ึนในอนาคต โดยแสดงให้เห็นว่าหากเกิดการโจมตีคร้ังแรกข้ึน อานาจการทาลายจากการโจมตีตอบโตจ้ ะมีความรุนแรงในระดบั ท่ีศัตรูจะทนต่อความสูญเสีย ดงั กลา่ วไม่ได้ ข.หากเกิดการโจมตีอย่างกะทันหัน จะมีอาวุธ ยุทธศาสตร์ประเภทใดเหลือรอดอยู่จากการ โจมตี และการตอบโตจ้ ะก่อให้เกิดผลเสียหายแก่ศตั รูดงั ความปรารถนาในขอ้ ก: หรือไม่ ค.ศตั รูยอมรับต่ออานาจการทาลายของฝ่ ายเราเพียงใด แมว้ ่าเขาจะมีกาลงั ท่ีจะทาลายคร้งั ตอ่ ไป แกฝ่ ่ าย เราก็ตาม

- 120 - 2. ความที่เสถียรภาพของคู่กรณี ความพยายามท่ีจะก่อใหเ้ กิดดุลยภาพของการป้องปรามร่วมกนั เป็นเรื่องท่ีค่อนขา้ งซบั ช้อน และส่ิงสาคญั ที่ไม่น้อยไปกว่าความซับช้อน ก็คือความพยายามในการรักษา ดลุ ยภาพน้นั ในทางทฤษฎีการป้องปราม ถูกถือว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างคู่กรณีสองฝ่ ายโดยแต่ละฝ่ ายจะตอ้ ง อยภู่ ายใต้ อานาจการบงั คบั บญั ชาและการควบคุมขององคอ์ านาจสูงสุดอนั เดียวของตนซ่ึงไดแ้ ก่ รฐั บาลที่ ถูกต้องของแต่ละรัฐ ประสิทธิภาพของการป้องปรามจะเกิดข้ึนเม่ือคู่ต่อสู้ มีอาวุธสกุลเดียวไว้ใน ครอบครองการแทรกแซงของฝ่ ายท่ีสามหรือการนาอาวุธประเภทใหม่ๆ เขา้ มาสู่การต่อสู้แข่งขนั จะทาให้ หลกั การน้ีลดประสิทธิภาพลงฉะน้นั หากมีคู่กรณีหลายฝ่ ายมากยิ่งข้ึนและมีอาวุธนิวเคลียร์ แบบตา่ งๆ ท่ีมี อานาจการทาลายสูงข้ึน ยอ่ มจะทาใหก้ ลไกของการป้องปรามน้ันอ่อนแอลงหรืออาจจะทาให้หลกั การของ การป้องปรามเป็นไปไม่ไดใ้ นสถานการณ์เช่นน้นั 3. การส่ือสารท่ีดี สิ่งท่ีจะทาใหห้ ลกั การของการป้องปรามมปี ระสิทธิภาพก็คือ การส่ือสารท่ีดี เพราะจะตอ้ งทาให้คู่ตอ่ สู้รับรู้ว่าขอบเขตของการกระทาที่ตอ้ งหา้ มน้นั อยตู่ รงไหนและอะไรจะเกิดข้ึนหาก เขาไม่ยอมรับต่อข้อห้ามดังกล่าว การส่ือสารท่ีชัดเจน และระมัดระวังเป็ นสิ่งที่จาเป็ นมากในแง่น้ี โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในสถานการณป์ ัจจุบนั ซ่ึงความสัมพนั ธ์ระหว่างรัฐต่อรฐั เป็นไปอยา่ งกวา้ งขวางรัฐบาล มีปัญหาเป็ นจานวนมากท่ีตอ้ งเผชิญภายใตเ้ งื่อนไขเวลาและทรัพยากรท่ีจากดั การแสดงออกของรัฐบางรัฐ อาจจะไม่ชัดเจนและขาดความระมัดระวัง หรือในบางกรณีท่ีรัฐบาลไม่มีความเป็ นเอกภาพ ในการ แสดงออกต่อผลประโยชนข์ องชาตแิ ละการวางแผน ก็จะกอ่ ให้เกิดปัญหาน้ีเช่นกนั ซ่ึงอาจจะก่อให้เกิดการ ตีความท่ีผดิ พลาดของอีกฝ่ายหรืออาจจะกอ่ ให้เกิดทรรศนะท่ผี ิดพลาดแก่อีกฝ่ายหน่ึงได้

- 121 - ความล้มเหลวของการป้องปราม แมว้ ่าการป้องปรามจะเป็ นสิ่งที่เป็นไปไดภ้ ายใตป้ ัจจยั 3ประการดงั กล่าวขา้ งตน้ แต่ขณะเดียวกนั การป้องปรามกเ็ ป็นส่ิงทอี่ าจจะลม้ เหลวได้ ซ่ึงปัจจยั หลกั ทอี่ าจจะกอ่ ให้เกิดความลม้ เหลว 3ประการ คือ 1. ความไม่มีเหตุผล ประสิทธิภาพของการป้องปรามจะเกิดข้ึนก็ต่อเม่ือคู่ต่อสู้เป็นผูท้ ่ีมีเหตุผล เพราะนโยบายของการป้องปราม คือ ความพยายามในการวางนโยบายดว้ ยการใช้ท่าทีทางทหารซ่ึงไดร้ ับ การคิดคานวณแลว้ ว่าจะไม่กอ่ ให้เกิดการเสี่ยงดงั น้นั การสร้างให้เกิดความเขม้ แขง็ ในการป้องปรามเพื่อให้ เกิดความมนั่ คงข้นึ น้นั จะตอ้ งข้นึ อยกู่ บั ปฏิกิริยาท่ีเป็นเหตุเป็นผลของผกู้ าหนดนโยบายของชาตอิ ืน่ ดว้ ย แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสิ นใจของแต่ละชาติน้ัน ก็เป็ นเรื่ องท่ีข้ึนอยู่กับองค์ประกอบ ภายในประเทศหลายประการ อันได้แก่ อิทธิพลและคาแนะนาจากฝ่ ายต่างๆ ในกระบวนการเมือง ภายในประเทศ แรงกดดนั จากกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ในสังคม ค่านิยมและมรดกทางวฒั นธรรม ตลอด รวมถึงแรงกระตุน้ ทางอารมณ์ในขณะน้นั ๆ ซ่ึงทาให้การคาดคะเนถึงการตดั สินใจของแต่ละชาติเป็นส่ิงที่ ไม่แน่นอนเสมอไป 2. อุบตั ิเหตุ สิ่งที่ไม่คาดคิดไดจ้ ากอุบตั ิเหตุเป็ นส่ิงที่เกิดข้ึนไดต้ ลอดเวลา แมจ้ ะมีการใช้จ่ายเงิน และทรัพยากรเป็ นจานวนมาก ในการสร้างอุปกรณ์ต่างๆ เพ่ือป้องกันการเกิดสงครามโดยไม่ต้ังใจ แต่ มนุษยย์ ่อมจะเป็นผทู้ าความผิดพลาดไดเ้ สมอ และถึงแมจ้ ะมีการคิดอยา่ งดีสาหรบั มนุษยผ์ ใู้ ชเ้ คร่ืองมือและ อุปกรณ์เหล่าน้ันก็ตาม หรือในบางกรณีความผิดพลาด อาจเกิดข้ึนในกระบวนการทางานของอุปกรณ์และ เคร่ืองมือการบงั คบั บญั ชา การควบคมุ และการสื่อสาร 3.การกาเนิดของฝ่ ายท่ีสาม การป้องปรามน้ันเป็ นทฤษฎีที่จะมีประสิทธิภาพภายใตก้ ารต่อสู้ ระหว่างคู่กรณีท่ีมีจานวนเป็ นสอง คือ ระหว่างสองฝ่ ายเท่าน้ัน ในแง่น้ีการป้องปรามเป็ นความสัมพนั ธ์ แบบทวิภาคี ระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต แต่หากมีการแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์ไปสู่ ประเทศต่างๆอนั ไดแ้ ก่ การก่อต้งั กองกาลงั อาวุธนิวเคลียร์ข้ึน โดยอาศยั โครงการปรมาณูเพ่ือสันติ เพื่อการ ผลิตพลงั งานหรืออาศยั จากการค้าอุปกรณ์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่กาลงั เกิดข้ึน เพราะเคร่ืองปฏิกรณ์ นิวเคลียร์เพ่ือการผลิตพลงั งานสามารถก่อให้เกิดธาตุพลูโตเนียม ซ่ึงสามารถใชท้ าอาวุธนิวเคลียร์ได้ หรือ การทดลอง หรือการใช้ระเบิดนิวเคลียร์เพ่ือสันติ เช่น เพื่อการขุดคลอง หรือการเปิ ดปากหลุมของก๊าช ธรรมชาติ เป็นวทิ ยาการเช่นเดียวกนั กบั การใช้อาวุธนิวเคลยี ร์เพือ่ การทหาร ในปัจจุบนั ชาติท่ีไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อาจจะแสวงหาลู่ทางเพ่ือมีอาวุธนิวเคลียร์ไวใ้ นครอบครอง อาจจะดว้ ยเหตุผลท้งั ทางการเมืองการทหารหรือเหตุผลภายในของตนเองและความพยายามท่ีจะจากดั การ แพร่กระจายของนิวเคลียร์อาจจะถูกถือว่าเป็นการจากดั ให้ชาติอื่นๆ เป็ นเพียงมหาอานาจช้นั สองหรือถือ ว่าเป็ นการแทรกแซงในสิทธิในการป้องกนั อธิปไตยแห่งชาติของตน เพราะบางประเทศอาจจะถือว่า การ ตดั สินใจท่จี ะมีอาวธุ นิวเคลียร์ไวใ้ นครอบครองน้นั ยอ่ มเป็นเอกสิทธ์ิทางการเมอื ง และการทหารของรัฐตน

- 122 - ดงั น้ัน หากมีการแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์ในบรรดาชาติต่างๆ มหาอานาจขนาดเล็ก เหล่าน้ีอาจจะเป็นตวั ก่อให้เกิดการใชอ้ าวุธนิวเคลียร์ในเขตภูมภิ าคของตนเองได้ หรือยงั นาไปสู่การ แข่งขนั สะสมอาวุธนิวเคลียร์ในระดบั ภูมภิ าคดว้ ย และการแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์ก็จะเป็น การทาลายต่อเสถยี รภาพของการป้องปราม เพราะประเทศท่ีมอี าวุธนิวเคลียร์ในครอบครองอาจจะ เพิม่ ข้ึนอยา่ งรวดเร็วได้ แนวโน้มในอนาคตของการป้องปราม ในสถานการณ์ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตไดม้ ีการป้องปรามร่วม แต่ก็มี ลักษณะเป็ นความสัมพนั ธ์ภายใต้การจากดั อาวุธและการเจรจาอนั ได้แก่ การเจรจาและการทา สนธิสัญญาอนั เก่ียวเนื่องกบั อาวุธทางยทุ ธศาสตร์ในหลายๆ กรณี โดยเสนอใหม้ ีการกาจดั และจากดั การคิดคน้ เทคโนโลยีทางดา้ นอาวุธ ซ่ึงจะต้องยอมรับว่า สาหรับในแง่ทางจิตวิทยาและในทาง การเมือง การเจรจาดังกล่าวเป็ นแนวโน้มที่ดี แต่สิ่งน้ีก็เป็ นลักษณะความสัมพนั ธ์ซ่ึงข้ึนอยู่กับ นโยบายใหญใ่ นแต่ละสถานการณข์ องประเทศท้งั สอง อยา่ งไรก็ตาม ปัจจุบนั การป้องปรามยงั เป็ นสิ่งที่มีประสิทธิภาพใชไ้ ดอ้ ยู่ เพราะความจริงก็ คือ สงครามนิวเคลียร์เป็ นสิ่งที่ยงั ไม่เกิดข้ึนในประวตั ิศาสตร์ของมนุษยชาติ จนมีผูค้ ิดว่าการป้อง ปรามเป็นส่ิงที่ไม่ลม้ เหลวและจะก่อให้เกิดเสถียรภาพ และการจะทาให้เกิดเสถียรภาพก็ดว้ ยการ ‘‘เพิ่มการป้องปราม” อนั ไดแ้ ก่ การขยายการคิดคน้ และการประดิษฐ์อาวุธแบบใหม่ ในทางการทหาร การป้องปรามจึงเป็ นการเปิ ดช่องให้มกี ารสะสมอาวธุ และยิ่งกวา่ น้ันการ ป้องปรามทาให้เกิดความยากลาบากต่อการลดการแข่งขนั สะสมอาวุธเพราะยอ่ มจะเป็นเหตุผลอยู่ ในตวั ของตวั มนั เองวา่ อาวุธแบบใหม่ยอ่ มจะเสริมให้มกี ารสะสมอาวธุ มากกวา่ การลดอาวุธ จากทรรศนะขา้ งตน้ จะพบว่า มคี วามขดั แยง้ ในปัญหามลู ฐานในหลกั การของการป้องปราม และความสามารถในการโจมตีคร้งั แรก เพราะการป้องปรามเกิดข้นึ เพอื่ ยบั ย้งั ต่อการโจมตีคร้งั แรกท่ี จะเกิดข้ึน ดังน้ัน หากความสามารถในการโจมตีคร้ังแรกหมดลง ก็นาจะทาให้การป้องปรามมี เสถียรภาพมากย่ิงข้ึน แต่ในความจริงดูเหมือนจะไม่เป็ นเช่นน้ัน มหาอานาจท้ังสองยงั ดารงการ โจมตีคร้ังแรกไวเ้ ป็ นทางเลือกสาหรับตนเอง และหากเกิดการโจมตีคร้ังแรกข้ึน อานาจการทาลาย ย่อมจะสูงเกินกว่าความจาเป็ นในการทาลายเป้าหมายดงั กล่าว ดังน้ันการป้องปรามจึงเป็ นสิ่งท่ี ข้ึนอยู่กบั อานาจการทาลายที่เกินความจาเป็ นดงั กล่าวดว้ ย เพราะมีความเชื่อว่าหากมีอานาจเช่นน้ี

- 123 - มากข้นึ เท่าใด การป้องปรามก็จะมีความมนั่ คงมากข้นึ เทา่ น้นั จากการคานวณจะพบว่า การโจมตีของขีปนาวุธนิวเคลียร์ของสหรฐั อเมริกาจะทาลายกาลงั ทหาร ของสหภาพโซเวียตมากกว่าร้อยละ70ทาลายอุตสาหกรรมหลกั อุตสาหกรรมเหลก็ อุตสาหกรรมเครื่องบิน รถบรรทุก โรงงานผลิตรถถงั และโรงงานผลติ พลงั งาน เป็นตน้ หรือทาลายความสามารถทางอุตสาหกรรม โดยทั่วไปของสหภาพโซเวียตมากกว่าร้อยละ 70และทาลายเมืองในสหภาพโซเวียตท่ีมีประชากรมากกว่า 25,000 คน ท้งั หมด ซ่ึงประมาณว่าประชากรของสหภาพโซเวียตประมาณ 120ล้านคนจะเสียชีวิต อาจจะ เสียชีวิตทันที หรือเสียชีวิตในอีกไม่กี่อาทิตย์ต่อมา อนั เนื่องมาจากรังสีนิวเคลียร์ และเช่นเดียวกนั การ โจมตีของสหภาพโชเวี ยตจะสามารถท าลายก าลังทางทหารของสหรัฐฯได้เกื อบท้ังหมด อาจจะมกี องกาลงั อาวุธนิวเคลียร์ของสหรฐั ฯ เหลือรอดจากการโจมตดี งั กล่าวประมาณร้อยละ 10ถึงร้อยละ 20ของจานวนขีปนาวุธขา้ มทวปี เรือดาน้าติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ทีย่ งั คงปฏิบตั กิ ารอยู่ในทะเล เรือรบบนผิว น้าและเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ข้ึนสู่อากาศก่อนการโจมตีของโซเวียตและประมาณว่ามากกว่าร้อยละ 80ของ อุตสาหกรรมของสหรัฐฯ จะถูกทาลาย และคนอเมริกนั ราว 140 ลา้ นคนจะเสียชีวิต อาจจะเสียชีวิตทันที หรือเสียชีวติ อีกไมก่ ่ีอาทิตยต์ ่อมา อนั เนื่องมาจากรังสีนิวเคลียร์ ดงั น้นั การป้องปรามในปัจจุบนั จึงเป็ นการป้องปรามทีม่ ีอานาจการทาลายเกินกว่าความจาเป็นท้งั ในยามสงครามและยามสนั ติ ฉะน้นั ต่างฝ่ ายต่างตระเตรียมการโจมตีคร้งั แรกหรือความสามารถเพ่ือป้องกนั การโจมตีคร้ังแรก เพื่อทวี่ ่าจะไม่ทาให้คู่ตอ่ สู้อีกฝ่ายหน่ึงมีความสามารถกระทา เช่นน้นั ได้ แต่ดูเหมือนว่าสาหรับผูท้ ี่เช่ือมน่ั หลักการของการป้องปรามก็จะเช่ืออยา่ งมน่ั คง โดยมิไดค้ ิดถึง ผลกระทบตา่ งๆ ทจี่ ะเกิดข้ึนแตอ่ ยา่ งใด นอกจากทาใหค้ วามเช่ือของตนเองมีความน่าเช่ือมากข้ึนดว้ ยการยงั ถึงการคุกคามทางอาวุธนิวเคลียร์ของคู่ตอ่ สู้ และการเสริมสร้างความเขม้ แข็งทางกองกาลงั ยทุ ธศาสตร์ของ ตนเป็ นสาคญั สาหรับในอนาคตดว้ ยการคิดคน้ และการพฒั นาวิทยาการทางดา้ นการทหาร การป้องปราม จะเป็ นสิ่งท่ีมีความสลับซบั ช้อนและก้าวไปเกินกว่าความรับรู้ของบุคคลธรรมดาเป็ นอย่างมาก การป้อง ปรามอาจจะเกิดข้ึนท้งั ในอวกาศและในบริเวณพ้ืนใตท้ ะเล และน้ันยอ่ มจะทาให้ความพยายามในการจากดั อาวุธเป็ นส่ิงท่ียากลาบากมากยิ่งข้ึน ผลกระทบที่เกิดข้ึน เมื่อฝ่ ายหน่ึงมีความสามารถในการทาลายเพ่ิมข้ึน อีกฝ่ายจะแสวงหาหนทางดงั กล่าวเช่นเดียวกนั ดว้ ยเพ่ือความอยู่รอดของตน

- 124 - 4. ผลกระทบของสงครามนวิ เคลียร์ การทิ้งระเบิดปรมาณูท่ีเมืองฮิโรชิมาและน่างาชากิผ่านมาเป็ นเวลาถึง 40 ปี แลว้ แต่ความ ทรงจาและผลกระทบท่ีแมจ้ ะผ่านระยะเวลามากกว่า 40 ปี ก็ดูเหมือนจะยงั เป็ นสิ่งทไี่ ม่อาจลืมเลือน ได้ ตรงกนั ขา้ มระยะเวลาที่ผ่านมากลบั ไดก้ ระตุน้ ความรู้สึกและความกงั วลของมนุษยท์ ้งั หลายว่า มหนั ตภยั ของการท้งิ ระเบิดนิวเคลียร์ในสงครามคร้งั ต่อไปยอ่ มจะส่งผลต่อชีวติ และทรพั ยส์ ินมนุษย์ มากกว่าคราวท่ีเกิดกับฮิโรชิมาและนางาชากิอย่างแน่นอนเพราะอานุภาพการทาลายของอาวุธ นิวเคลียร์ไดร้ ับการพฒั นามากข้ึน จากรายงานของสหประชาชาติและจากการรวบรวมรายงานของเมืองฮิโรชิมาน้ันไดก้ ล่าว ว่า ภายหลังจากการทิ้งระเบิดปรมาณูในวนั ท่ี 6 สิงหาคม พ.ศ.2488 เพียง 1 - 2 วินาทีเท่าน้ัน สิ่งก่อสร้างภายในเมอื งร้อยละ 40 ถูกทาลายกลายเป็นเถา้ ถ่าน และส่ิงกอ่ สร้างในอตั ราร้อยละ92 ถูก ทาลายอยู่ในสภาพท่ีไม่อาจจาได้ ในปี พ.ศ. 2498 ไดส้ ารวจพบว่า ผูเ้ สียชีวิตที่ฮิโรชิมามีประมาณ 113,661 คน และจนถึงปัจจบุ นั มีผูป้ ่ วยและเสียชีวิตจากเหตกุ ารณ์ ดงั กล่าวแลว้ ประมาณถงึ 200,000 คน (จากการประเมินของสหประชาชาติ) อีก 3 วนั ต่อมาหลังจากการทาลายเมืองฮิโรชิมา ระเบิด นิวเคลียร์ลกู ทส่ี องถกู ท้ิงลงสู่เมืองนางาชากิ ประมาณว่า 1 ใน 3 ของเมอื งถูกทาลายทนั ทีมีผูเ้ สียชีวิต 74,000 คน และบาดเจ็บ 75,000 คน และท่ีสาคญั ก็ คือยงั มีผูป้ ่ วยจากกรณีท้ังสองตกค้างมาถึง ปัจจุบนั อาวุธทุกชนิดถูกออกแบบเพื่อการทาลายท้งั สิ้นหาก แต่ขีดความสามารถในการทาลายของ อาวธุ ในสงครามตามรูปแบบน้นั มอี ยคู่ อ่ นขา้ งจากดั กล่าวคอื อาวธุ ชนิดน้ีถูกออกแบบเพอ่ื ใชใ้ นการ ทาลายเฉพาะสิ่งใดส่ิงหน่ึง หรือพ้ืนท่ีใดพ้ืนท่ีหน่ึงท่ีไม่มีขนาดและอาณาบริเวณกวา้ ง แต่อาวุธ นิวเคลียร์น้ันมีลกั ษณะการทาลายแตกต่างออกไปขอบเขตการทาลายเป็ นการทาลายในวงกวา้ ง โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งระเบดิ นิวเคลียร์ในปัจจุบนั

- 125 - อานาจการทาลายของระเบดิ นิวเคลยี ร์เกิดจากสิ่งต่อไปน้ี ก. แรงระเบดิ ข. รงั สีความร้อน ค. กมั มนั ตภาพรงั สี ตวั อยา่ งเช่น ระเบดิ นิวเคลียร์ขนาด 1 เมกกะตนั จดุ ระเบดิ ในระยะ 2,000 เมตรเหนือพ้ืนจะมี ขีดอานาจในการทาลายและก่อความเสียหาย อาจกินรัศมีในวงกวา้ งถึง 30 ไมล์ หรือหากมีการทิ้ง ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเดียวกนั ในระยะเหนือพ้ืนเท่ากนั อานาจการทาลายท่ีทาให้เกิดการเสียชีวิต ทนั ทีจะอยใู่ นรัศมี 6 กิโลเมตร (113 ตารางกิโลเมตร) และจะทาให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสในรัศมี 12 กิโลเมตรถดั มา ความจริงแลว้ อานาจการทาลายของอาวุธนิวเคลียร์ มิใช่มีเพียงดงั ขา้ งตน้ เทา่ น้นั เพราะเมื่อ มีการใชอ้ าวุธนิวเคลยี ร์ยอ่ มจะมผี ลอืน่ ๆ ตดิ ตามมาดว้ ย 1. วิถีชีวิตของปัจเจกบุคคล นอกจากประชากรเป็ นจานวนมากจะเสียชีวิตจากการระเบิด ของอาวุธนิวเคลียร์แลว้ ผลท่ีจะมีต่อปัจเจกบุคคลท่ีรอดชีวิตอยู่ทาให้เกิดคาถามว่าหลงั สงคราม นิวเคลยี ร์แลว้ ความสมั พนั ธ์ของผคู้ นในสงั คม - ในครอบครวั ดารงอยใู่ นสภาพอยา่ งไร 2. ความตอ้ งการดา้ นปัจจยั สี่ แมใ้ นภาวะปัจจุบนั การตอบสนองดา้ นปัจจยั ส่ี ไดแ้ ก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค แก่ประชาชนของโลกเป็นจานวนมากข้ึน ยงั เป็นปัญหาสาคญั ท่ียงั ไม่อาจ แกไ้ ขไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ดงั น้นั หากมีการทาสงครามนิวเคลยี ร์ข้ึนแหลง่ ผลติ ปัจจยั ส่ี ยอ่ มจะถกู ทาลาย อยา่ งแน่นอน จึงเกิดคาถามว่า ประชากรทห่ี ลงเหลืออยจู่ ะหาอาหารจากไหน จะอาศยั อยอู่ ยา่ งไร จะ มีเครื่องนุ่งห่มเพยี งพอหรือไม่ และส่ิงสาคญั ก็คือ พวกเขาจะเอายารักษาโรคจากไหนและมเี พียงพอ หรือไม่ อีกประการหน่ึงก็คือ จานวนแพทย์และจานวนโรงพยาบาลจะมีเพียงพอหรือไม่ เพราะ แพทยแ์ ละโรงพยาบาลยอ่ มจะถกู ทาลายไปในการทง้ิ ระเบิดนิวเคลยี ร์ดว้ ย 3. การติดต่อสื่อสาร อานาจการทาลายลา้ งของอาวุธนิวเคลียร์ย่อมจะก่อความเสียหายแก่ ระบบการติดต่อสื่อสารดว้ ย ถ้าเกิดสงครามข้ึนแล้วทาอย่างไรจะมีการติดต่อสื่อสารเพื่อแจง้ ให้ ทราบว่าสงครามไดย้ ตุ ลิ งแลว้ หรือไม่ หรือทาอยา่ งไรผูร้ อดชีวติ จะตดิ ตอ่ กบั ครอบครวั ญาติ หรือผูท้ ี่ เขารู้จกั ไดห้ ากปราศจากระบบการตดิ ต่อสื่อสาร 4. การจดั ระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม จะยงั ไม่มีคาตอบที่แน่ชดั ว่า เราจะจดั ระบบ เศรษฐกิจการเมืองและสังคมอยา่ งไร สาหรับโลกหลงั จากการทาลายในสงครามนิวเคลียร์ไดผ้ า่ นไป แล้ว เพราะทาให้น่าคิดว่าระบบของรัฐบาล ทหาร ตารวจ ระบบเศรษฐกิจ การพาณิชยกรรม อตุ สาหกรรม ตลอดจนระบบโรงเรียนและการศกึ ษาจะถูกจดั 5. การบาดเจ็บและความเจ็บป่ วยจากรงั สีนิวเคลียร์การระเบดิ ของอาวุธนิวเคลยี ร์ก่อให้เกิด ลกั ษณะของการเสียชีวิตและความเจ็บป่ วยดงั ตอ่ ไปน้ี - การเสียชีวิตดว้ ยบาดแผล - การถูกไฟลวกจากรงั สีความร้อน - แผลเป็นจากไฟลวก จะเกิดเน้ืองอกนูนข้นึ ในบริเวณน้นั -โรคจากกัมมันตภาพรังสี เช่น การมีลักษณะผิดปกติต้ังแต่ผมร่วงจนถึงการ เสียชีวิต แมว้ า่ จะมีการจุดระเบิดนิวเคลียร์แลว้ สิ่งที่จะยงั คงตกคา้ งอยกู่ ็คือรังสีนิวเคลียร์ ผคู้ นท่ีรอด

- 126 - ชีวติ อยแู่ มว้ ่าจะไมม่ ีริ้วรอยของบาดแผลแต่พวกเขาอาจจะไดร้ บั รงั สีนิวเคลียร์ในอตั ราที่มากเกินไป และอาจจะทาลายชีวิตของเขาไดใ้ นเวลาต่อมา รังสีนิวเคลียร์อาจจะตกคา้ งอยู่ในช้ันบรรยากาศ กระแสลมอาจจะพดั เอารงั สีเหล่าน้ีไปตามท่ีต่างๆ หรือหากเกิดฝนตกลงมาฝนเหล่าน้นั จะกลายเป็ น ฝนรงั สี ท้งั ฝุ่นรังสีและฝนรังสีจะเป็ นอนั ตรายต่อชีวิตมนุษยพ์ ืช และสัตวท์ ้ังสิ้น และยงั จะไม่มีคาตอบ อนั แน่นอนว่าภาวการณ์เช่นน้ีจะดารงต่อไปเป็ นเวลานานเท่าใด สิ่งที่ต้องคานึงก็คือ การระเบิดขนาด 10,000 เมกกะต้นของอาวุธนิวเคลียร์ ประมาณว่าจะทาให้มีผูเ้ สียชีวิตจากโรคมะเร็งถึง5 - 10 ลา้ นคน ใน ระยะเวลา 40ปี ภายหลงั จากระเบิด ตลอดจนการระเบิดอาจจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางพนั ธุกรรมของ ท้งั พชื และสตั ว์ ซ่ึงรวมถงึ มนุษยเ์องอกี ดว้ ย 6. สภาพของโครงสร้างทางธรณีวิทยา หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ข้ึนแลว้ ออกจะเป็นการยากที่ จะทานายว่า สภาพทางกายภาพของโลกจะเป็นเช่นไรเพราะการศึกษาในประเด็นน้ียงั มีไม่มากนัก แต่พอจะ เห็นประการหน่ึงว่า ความร้อนหลายลา้ นองศาน้ันเพียงพอท่ีจะก่อให้เกิดทะเลทรายขนาดใหญ่แทนมหา นครเดิมได้ และหากขอบเขตการทาสงครามนิวเคลียร์เป็ นไปอยา่ งกวา้ งขวางโลกอาจจะถูกเปล่ียนให้เป็ น ทะเลทรายได้ คาถามก็คือส่ิงมีชีวติ จะดารงอยใู่ นสภาพดงั กล่าวไดอ้ ยา่ งไร 7. สภาพทางนิเวศวิทยา ปัญหาสาคญั อีกประการหน่ึงก็คือ การสงครามนิวเคลียร์ อาจมีผลให้ เกิดการเปล่ียนแปลงสภาพนิเวศวิทยาของโลก เพราะการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์อาจจะก่อให้เกิดรังสี เหนือม่วง (UltraViolet)ซ่ึงเป็ นสิ่งที่ทาให้เกิดเป็ นโรคมะเร็งบนผิวหนัง อนั เน่ืองมาจากการลดลงของ โอโชน (ozone) ในช้ันบรรยากาศที่หุ้มห่อโลกเอาไว้ และในช้ันบรรยากาศของโลก ฝ่ ุนรังสี นิวเคลียร์อาจจะปกคลุมช้ันบรรยากาศน้ี ทาให้แสงอาทิตยส์ ่องลงมาไม่ถึงพ้ืนโลกและโลกอาจจะ กลบั เขา้ สู่ยคุ น้าแข็ง หรือก่อให้เกิดสภาพที่เรียกว่า “ยุคน้าแข็งนิวเคลียร์” (Nuclear Winter) ซ่ึงจะมี ผลโดยตรงต่อการทาการเกษตรกรรมและการเล้ียงสัตวอ์ นั นาไปสู่การขาดแคลนอาหารของโลกใน ทส่ี ุด โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งการขาดแสงแดดจะทาให้ใบไมแ้ ละพืช อานุภาพของระเบิดนิวเคลยี ร์ในการทาลาย ระเบิดท่ีเมืองฮิโรซิมาและเมืองนางาชากิเป็นระเบิดชนิดแยกปรมาณูซ่ึงลา้ สมยั เสียแลว้ ปัจจุบนั มี อาวุธสงครามอาวุธยทุ ธศาสตร์ และอาวุธโจมตี ท่ีมีอานุภาพการทาลายเหนือกว่ามากมายอาวุธนิวเคลียร์ สมัยใหม่เป็ นระเบิด “ไฮโดรเจน”(นิวเคลียร์ความร้อน) หรือระเบิดชนิดแยกหลอมปรมาณูซ่ึงมีอานุภาพ ระเบิดแรงกว่าระเบิดที่เมืองฮิโรชิมาและเมืองนางาชากิถึง 1,000 เทา่ สมมติว่า อาวุธนิวเคลียร์ 1 เมกกะตัน ระเบิดข้ึนบนท้องฟ้าเหนือนครแห่งหน่ึง สูงจากระดับ พ้นื ดิน 2,000 เมตร ในวนั ท่ีอากาศปลอดโปร่ง จะมีความเสียหายเกิดข้นึ เพียงไร ผลของความเสียหาย คือ ผูค้ นท่ีอาศยั อยู่ในเขตที่ห่างจากจุดใจกลางระเบิดภายใน 2- 4 กิโลเมตร จะตอ้ งเสียชีวิตท้งั หมดดว้ ยกมั มนั ตรังสีนิวเคลียร์ในระยะแรก ถา้ ไดร้ ับกัมมนั ตภาพรังสีเกิน 450แร็ด จะ เป็ นอันตรายถึงชีวิตปกติจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่สัปดาห์ ถา้ ได้รับกัมมนั ตภาพรังสีสูงมาก (หลายพนั แร็ด) ระบบประสาทจะถกู ทาลาย ทาใหเ้ กิดอาการชกั ส่ัน เสียการทรงตวั และตายภายใน 1- 48 ชวั่ โมง

- 127 - ผลของการระเบิดนิวเคลียร์ต่อร่างกายมนุษย์ การระเบิดของอาวธุ นวิ เคลียร์ ผลต่อมนุษย์ - รังสีความร้อน 35% - การเผาร่างกายมนุษย์ - แผลเกิดจากไฟลวก - แรงระเบดิ 50% - การถกู ไฟลวกจากรงั สีความร้อนแมจ้ ะรักษาหาย - กมั มนั ตภาพรงั สี 15% จะเกิดเคลอยด์ - การทาลายชีวิตจากการระเบิด - ผบู้ าดเจบ็ และพกิ าร - ผลทางกรรมพนั ธุ์ -โรคทเี่ กิดจากสารกมั มนั ตภาพรงั สี เช่น ผมร่วง ทารก ในครรภเ์ ติบโตชา้ กว่าปกติ เน้ืองอกชนิดร้ายแรง มะเร็ง อาการของโรคท่ีปรากฏข้ึนภายหลงั ได้แก่ โรคชราโรคภูมิพ้ืนไขล้ ดลง มะเร็งเน้ืองอกท่ี ต่อมน้าลาย และตอ้ แกว้ ตา ฯลฯ ผลกระทบบางประการของกัมมันตภาพรังสีต่อร่างกายมนุษย์ เน้ืองอกชนิดร้ายแรง ภยั ร้ายแรงของกมั มนั ตภาพรังสีระเบิดปรมาณูอย่างหน่ึง ก็คือ ทาให้ อตั ราการเสียชีวตี ดว้ ยโรคเน้ืองอกชนิดร้ายแรงเพ่ิมข้ึน XI5 โรคมะเร็งเม็ดเลอื ด ผทู้ เี่ ป็นโรคมะเร็งเมด็ เลอื ดมจี านวน 60 คน ต่อจานวนของ “ฮิบะขุ ชะ” 100,000 คน ท่ีไดร้ ับกมั มนั ตภาพรังสีมากกว่า 100 แร็ด อตั ราน้ี สูงกว่าอตั ราของกลุ่มปกติที่ สารวจในระหว่างปี ค.ศ. 1950 - 1978 ถึง 15 เท่า (ผลการสารวจของมูลนิธิวิจัย ผลของ กมั มนั ตภาพรงั สีแห่งเมืองฮิโรชิมา ร่วมกบั มหาวทิ ยาลยั ฮิโรชิมาและมหาวทิ ยาลยั นางาชากิ) X3.3 มะเร็งที่เตา้ นม เม่ือสารวจสาเหตขุ องการตายที่เมอื งฮิโรชิมาในช่วง 10 ปี หลงั จากถูก

- 128 - ทิ้งระเบิดปรมาณู ปรากฏว่าอตั ราการตายดว้ ยโรคมะเร็งที่เตา้ นมในจานวนของ “ฮิบะขชุ ะ” เพิ่มข้ึน กว่าปกติ ตามรายงานเมื่อปี ค.ศ. 1977 พบว่าหญิงท่ีไดร้ ับกมั มนั ตภาพรังสีไม่น้อยกว่า 100 แร็ด มอี ตั ราเป็นโรคมะเร็งทเี่ ตา้ นมมากกว่ากลมุ่ ปกติทไ่ี ดส้ ารวจในช่วง 25 ปี ระหว่างปี ค.ศ.1950 - 1974 ถึง 3.3 เท่า X2.5 มะเร็งท่ีต่อมไทรอยด์ ผลของการสารวจระหว่างปี ค.ศ. 1958 - 1971 ปรากฏว่า “ฮิบะขุชะ” ที่ไดส้ ูงกว่าอัตราของกลุ่มปกติที่สารวจในระหว่างปี ค.ศ. รับกมั มนั ตภาพรังสีเกิน 50 แร็ด มีอตั ราเป็ นโรคมะเร็ง 1950 - 1978 ถึง 15 เท่า (ผลการสารวจของมูลนิธิวิจยั ท่ีต่อมไทรอยด์ มากกวา่ กลุ่มปกติทีส่ ารวจ 2.5 เท่า XI.8 มะเร็งที่ปอด มีรายงานวา่ พบ “ฮิบะขุชะ” ที่เมืองโรชิมา เป็นโรคมะเร็งท่ีปอดรายแรก ในปี ค.ศ.1953 และเมื่อปี ค.ศ. 1957 จึงเป็นที่ยอมรบั กนั ว่าโรคมะเร็งท่ีปอดมีสาเหตเุ ก่ียวขอ้ งกบั การ ได้รับกัมมนั ตภาพรังสี ผลของการสารวจเม่ือปี ค.ศ.1953 ปรากฏว่าผูท้ ี่ได้รับกัมมันตภาพรังสี มากกว่า 100 แร็ด มีอัตราเป็ น โรคท่ีปอดมากกว่าผู้ที่ไม่ใช่ “ฮิบะขุชะ” หรื อผู้ที่ได้รับ กมั มนั ตภาพรังสีนอ้ ยกวา 10 แร็ดอยู่ 1.8 เท่า

- 129 - บทท่ี 6 จริยศาสตร์ว่าด้วยอาวธุ และสงครามนิวเคลยี ร์ จริยศาสตร์ว่าด้วยอาวุธและสงครามนิวเคลียร์ อาวุธนิวเคลียร์และสงครามนิวเคลียร์มผี ลร้ายแรงอนั ใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติและโลก เม่ือ อาวุธในสงครามนิวเคลียร์มีความเลวร้ายอยา่ งต่อมนุษยแ์ ละโลกเช่นน้ี ทาไมผูน้ าทางการเมืองและ ผนู้ าทางการทหารของประเทศมหาอานาจที่มอี าวุธนิวเคลียร์อยไู่ ม่ร่วมใจกนั กาจดั สิ่งที่อาจเป็นตวั ทาลายโลกเราน้ีเสีย ตรงกนั ขา้ มประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์อย่แู ลว้ กลบั แข่งขนั กนั พยายามพฒั นา อาวุธนิวเคลียร์ของตนให้มีประสิทธิภาพในการทาลายลา้ งให้เพิ่มมากข้ึน ส่วนประเทศที่ยงั ไม่มี อาวุธนิวเคลียร์ไวใ้ นครอบครอง ก็พยายามแสวงหาและพฒั นาเทคโนโลยีการสร้างอาวธุ นิวเคลียร์ ของตนข้ึน เพอ่ื ทจี่ ะไดม้ ีอาวุธนิวเคลยี ร์บา้ ง เหตุผลทบ่ี รรดาประเทศทีม่ ีและประเทศทีย่ งั ไม่มแี ต่อยากจะมีอาวุธนิวเคลียร์ใชเ้ ป็นเหตผุ ล ในการอา้ งความชอบธรรมและความจาเป็ นที่จะมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ แต่ก่อนจะพิจารณาเหตุผล เหลา่ น้ีน้นั ตอ้ งเขา้ ใจไวเ้ สียก่อนว่าการที่ประเทศมีอาวุธนิวเคลยี ร์ไวใ้ นครอบครองกเ็ ปรียบเสมือน บา้ นท่ีเก็บดินระเบิดเอาไวใ้ นครอบครอง กล่าวคือ เป็นภาระลาบากและเสี่ยงอนั ตราย ดงั น้ี 1. อาวุธน้ีเป็นของแพงท้งั ในการซ้ือหามาหรือสร้างข้ึนเอง และยงั แพงในการบารุงรักษา ตรวจสอบใหอ้ ยใู่ นสภาพเรียบร้อยปลอดภยั และพร้อมจะใชไ้ ดอ้ ยเู่ สมอดว้ ย 2. อาวธุ นิวเคลยี ร์เป็นเทคโนโลยชี ้นั สูงท่ีผูท้ ี่มีไวค้ รอบครองตอ้ งมคี วามรู้ ความสามารถใน การใช้ ดูแลบารุงรักษา ตรวจซ่อม ตลอดจนทดลองใชด้ ูบา้ งเป็นคร้ังคราวว่า ยงั ใช้ไดผ้ ลอยูห่ รือไม่ เมือ่ หมดอายกุ ต็ อ้ งหามาทดแทนใหม่ 3. อาวธุ น้ีเป็นอนั ตรายตอ่ ประเทศเราเอง ถา้ เกิดเหตุระเบดิ ข้นึ เอง 4. ประเทศเพื่อนบ้านมักไม่ชอบให้เรามีอาวุธน้ีไวแ้ ม้จะเป็ นมิตรประเทศก็ตาม เพราะ

- 130 - เหมือนขา้ งบา้ นเราเก็บลูกระเบดิ ไวท้ ี่บา้ น เรายอ่ มไม่วางใจกลวั อุบตั ิเหตุเกิดข้ึนหรือถา้ โกรธกบั อีก บา้ นหน่ึงอาจเอาไปขวา้ งใส่พลอยฟ้าพลอยฝนมาเป็นอนั ตรายแกเ่ ราไปดว้ ย อาวุธยอ่ มเป็นเคร่ืองมอื สาหรับใชท้ าร้ายหรือทาอนั ตรายผูอ้ ืน่ หรือใชส้ าหรบั ข่วู ่าจะทาร้าย ก็ได้ ในการข่หู รือใชอ้ าวธุ ทาร้ายจริงๆ กอ็ าจทาดว้ ยวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีตา่ งกนั สองประการ ประการแรก คือ ใชท้ าร้ายหรือขู่ว่าจะทาร้าย เพื่อบีบบงั คับให้อีกฝ่ ายปฏิบตั ิตามส่ิงท่ีตน เรียกร้องต้องการ เช่น โจรใช้อาวุธทาร้ายหรือขู่ว่าจะทาร้ายบีบบงั คับเจ้าทรัพย์เพื่อเอาทรัพยส์ ิน หรือเจา้ หน้ีใชอ้ าวธุ ขจู่ ะทาร้ายหรือทาร้ายลูกหน้ีเพอื่ บีบบงั คบั ใหล้ กู หน้ีใชห้ น้ีคนื ประการท่สี อง คอื ใชอ้ าวธุ สาหรบั ป้องกนั ตวั เอง เช่น เมื่อถกู ทาร้ายกใ็ ชอ้ าวุธทาร้ายตอบโต้ เพื่อใหอ้ ีกฝ่ายยตุ กิ ารทาร้ายลง หรือใชอ้ าวธุ ขู่อกี ฝ่ายหน่ึงไม่ให้ทาร้ายเรา เพราะถา้ เขาทาร้ายเรา เราก็ จะทาร้ายตอบแทน เป็นธรรมดาที่ผทู้ ี่พยายามแสวงหาอาวุธไวค้ รอบครองหรือผทู้ ม่ี ีอาวุธไวใ้ นครอบครองแลว้ ยอ่ มอา้ งเหตผุ ลความชอบธรรมในการแสวงหาหรือมีอาวุธวา่ มิไวเ้ พ่ือป้องกนั ตนเอง ไม่ไดม้ ีไว้เพ่ือ ใชร้ ุกรานบีบบังคบั ผูอ้ ่ืน ส่วนเจตนาที่แทจ้ ริงน้ันย่อมเป็ นการยากท่ีจะรู้ และประเทศท่ีเป็ นศัตรูคู่ แข่งขนั จะยอมเชื่อโดยสนิทใจในเหตผุ ลและเจตนาดงั กลา่ วหรือไม่เป็นอกี เรื่องหน่ึงท่เี ราจะพิจารณา กนั ต่อไปขา้ งหน้า ดงั น้นั ประเทศท่ีพยายามแสวงหาหรือมีอาวุธนิวเคลียร์ไวใ้ นครอบครองจึงอา้ ง เหตุผลความชอบธรรมในการมหี รืออยากมีอาวธุ นิวเคลียร์ว่า เพือ่ ไวป้ ้องกนั ประเทศเม่ือถูกรุกราน หรือถูกข่มขู่ ไมไ่ ดม้ ีไวเ้ พ่ือขม่ ข่หู รือรุกรานประเทศอนื่ ข้ออ้างเร่ืองประโยชน์ของอาวธุ นวิ เคลียร์ในการป้องกนั ประเทศ ประเทศท่ีมีอาวุธนิวเคลียร์หรือยงั ไม่มีแต่ตอ้ งการจะมีอาจอา้ งว่าตอ้ งมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ เพื่อป้องกนั ประเทศเพื่อป้องกนั การถูกโจมตรี ุกรานจากประเทศอนื่ ๆ กด็ ว้ ยเหตุผลใดเหตุผลหน่ึงใน สามประการต่อไปน้ี 1. เพื่อป้องกันการถูกโจมตีรุกรานด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อน การอา้ งว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ ป้องกนั และตอบโตก้ ารถูกข่มขู่และการถูกโจมตีดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ เหตุผลประการหน่ึงท่ีทาให้

- 131 - ประเทศต่างๆ อา้ งวา่ ตอ้ งมีอาวธุ นิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั ตวั เองก็คือ การท่ีประเทศคู่แข่งของตนมีอาวุธ นิวเคลียร์ไวใ้ นครอบครองอยแู่ ลว้ ถา้ ประเทศของตนไมม่ ีอาวุธนิวเคลยี ร์ ประเทศคู่แข่งอาจใชอ้ าวุธ นิวเคลียร์เป็ นเครื่องมือทางการเมืองบีบบังคับประเทศของตนให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องทาง การเมืองโดยขู่ว่าจะตอ้ งใช้กาลงั อาวุธท่ีเหนือกว่า (คืออาวุธนิวเคลียร์)เขา้ โจมตี ถา้ ไม่ยอมปฏิบัติ ตามขอ้ เรียกร้องน้ัน ดงั น้ันประเทศของตนจึงจาเป็ นต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั ไม่ให้ถูกข่มขู่ หรือถูกทาร้ายเอาแต่เพียงฝ่ ายเดียว ตัวอย่างเช่น เม่ือหลังสงครามโลกคร้ังท่ีสองเสร็จสิ้นลง สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศเดียวในโลกทมี่ ีอาวุธนิวเคลียร์สหภาพโซเวยี ตและสาธารณรัฐประชาชน จีนซ่ึงเป็นคู่แขง่ กบั สหรฐั อเมริกาก็เห็นความจาเป็นท่ฝี ่ายตนตอ้ งพฒั นาใหม้ อี าวุธนิวเคลียร์ไวด้ ว้ ย การมีอาวุธนิวเคลียร์เอาไว้ป้องกันตัวเองจากประเทศคู่แข่งท่ีมี อาวุธนิวเคลียร์ จึงมี ความชอบธรรมสามประการดงั น้ี คอื 1.1 เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ ายบีบบงั คบั ตนทางการเมืองโดยการขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ เพราะเมื่อตา่ งฝ่ายต่างมีกาลงั อาวธุ นิวเคลียร์เทา่ เทยี มกนั กย็ อ่ มใชข้ ม่ ขู่บบี บงั คบั กนั แตฝ่ ่ายเดียวไม่ได้ 1.2 เพื่อป้องกนั ไม่ให้อีกฝ่ ายตดั สินใจโจมตีประเทศของตนดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ก่อน ใน กรณีท่เี กิดความขดั แยง้ ทางการเมอื งระหวา่ งประเทศท้งั สอง เพราะอีกฝ่ ายยอ่ มรู้ว่าฝ่ ายเราก็จะโจมตี ตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกันถ้าฝ่ ายตรงข้ามมีอาวุธนิวเคลียร์แต่เพียงฝ่ ายเดียว ก็อาจ ตดั สินใจใชก้ าลงั อาวุธท่ีเหนือกว่าโจมตีฝ่ ายเราให้พ่ายแพท้ างการทหาร แลว้ จะไดบ้ บี บงั คบั ฝ่ ายเรา ทางการเมืองได้ แต่เมื่อตา่ งฝ่ายตา่ งมีอาวุธท่ีร้ายแรงเทา่ เทียมกนั และฝ่ ายตรงขา้ มไม่คิดว่าสามารถ จะเอาชนะเราดว้ ยกาลงั อาวุธได้หรือถึงแมจ้ ะเอาชนะได้ก็ตอ้ งประสบกบั ความเสียหายอยา่ งใหญ่ หลวงจากอาวุธนิวเคลียร์ของฝ่ ายเรา จนชัยชนะที่ไดอ้ าจไม่คุ้มกับความเสียหายน้ันก็จะป้องกนั ไม่ให้ฝ่ ายตรงข้ามตัดสินใจใช้กาลงั อาวุธเข้าแกป้ ัญหาความขัดแยง้ ระหว่างประเทศท้ังสอง แต่ จาตอ้ งเลือกวิธีแกป้ ัญหาความขดั แยง้ ระหว่างประเทศดว้ ยวิธีการอื่นๆ เช่น ทางการทตู ทางศาลโลก การใชม้ ตนิ านาชาตปิ ระณาม หรือ การใชม้ าตรการทางเศรษฐกิจบีบบงั คบั อกี ฝ่าย เป็นตน้ 1.3 เพื่อใช้โจมตีตอบโต้ ในกรณีที่ฝ่ ายตรงขา้ มตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์เข้าแกป้ ัญหา ความขดั แยง้ ระหว่างประเทศ การโจมตีตอบโตด้ ว้ ยอาวุธนิวเคลียร์น้ีอาจมีจุดมุ่งหมายประการใด

- 132 - ประการหน่ึงหรือท้งั สามประการตอ่ ไปน้ี ประการที่หนึ่ง เพ่ือเอาชนะฝ่ ายตรงข้ามหรืออย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้พ่ายแพฝ้ ่ ายตรงข้าม ในทางการทหาร ประการท่ีสอง เพ่ือตอบแทนแกแ้ คน้ โดยการสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้ฝ่ ายตรง ขา้ มท่ีโจมตสี ร้างความเสียหายร้ายแรงแก่ฝ่ายเราก่อน การโจมตีตอบแทนน้ีอาจเป็นการกระทาเพ่ือ แก้แคน้ อยา่ งเดียว โดยไม่หวงั ผลทางการทหารก็ได้ กล่าวคือ ถึงแมจ้ ะรู้ว่าการโจมตีตอบโตด้ ้วย อาวธุ นิวเคลยี ร์จะไม่สามารถทาให้ฝ่ายเราชนะสงครามหรือไมช่ ่วยป้องกนั ไมใ่ ห้ฝ่ายเราแพส้ งคราม ในที่สุดได้ ก็ยงั คงโจมตีตอบโต้เพ่ือแกแ้ คน้ อยู่นั่นเอง เน่ืองจากผลอันร้ายแรงของการใช้อาวุธ นิวเคลียร์ท่มี ีต่อมนุษยแ์ ละโลก ทกุ ฝ่ายท่ีมอี าวุธนิวเคลียร์กค็ งมุ่งหวงั จะจากดั การใชอ้ าวธุ นิวเคลียร์ เพ่ือป้องกนั ประเทศของตนไวใ้ นระดบั การขู่ ดงั น้ันการโจมตีตอบโตจ้ ึงมีวตั ถุประสงค์อีกขอ้ หน่ึง คอื ประการท่สี าม เพอื่ ปฏบิ ตั ิตามคาข่วู ่าจะโจมตีตอบโตเ้ มือ่ ถูกโจมตีก่อน ท้งั น้ีเพ่ือให้ฝ่ ายตรง ขา้ มรู้ว่าคาขู่ของเราเป็นจริง มใิ ช่เป็นการขู่หลอกๆ ในบรรดาเหตุผลท้งั สามประการของการโจมตตี อบโตน้ ้นั แบ่งออกไดเ้ ป็ นสองประเภท คือ ประเภทหวงั ผล และประเภทไม่หวงั ผล เหตุผลประการท่ีหน่ึงเป็นประเภทหวงั ผล คือ หวงั ผลทาง การทหารเพื่อเอาชนะหรือไม่ให้แพฝ้ ่ ายตรงขา้ ม ส่วนในประการท่ีสองและประการท่ีสามเป็ น ประเภทไม่หวงั ผล คือในประการท่ีสองเป็นเหตุผลเชิงจิตวิทยาท่ีตอ้ งการตอบแทนแกแ้ คน้ ท่ีถูกทา เสียก่อน แมจ้ ะไม่ไดผ้ ลอะไรในการแกแ้ คน้ ก็พอใจท่ีจะทา และในประการท่ีสามการโจมตีตอบโต้ ตามท่ีขู่ไวก้ ็เป็ นเพียงการทาตามคาพูดท่ีพูดไวเ้ ท่าน้ัน จะว่าทาเพื่อหวงั ผลให้คาขู่เกิดผลในการ ป้องกนั ไม่ให้ถูกโจมตีก่อนก็ไม่ได้ เพราะการท่ีตอ้ งทาตามคาขู่ก็แสดงว่าคาขู่น้ันไม่ไดผ้ ลในการ ป้องกนั อยแู่ ลว้ แต่ก็อาจมีการอา้ งว่าเพ่ือให้คาขู่คร้ังต่อไปไดผ้ ลยง่ิ ข้ึน แตท่ ้งั น้ีก็ข้ึนอยกู่ บั ว่าเราเขา้ ใจ ว่าผลของสงครามนิวเคลียร์ร้ายแรงเพียงไร กล่าวคือข้ึนอยูก่ บั ว่าหลงั จากการโจมตีตอบโตก้ นั ดว้ ย อาวุธนิวเคลียร์ของท้ังสองฝ่ ายแล้ว ยงั จะคงมีอารยธรรมหลงเหลืออยู่พอท่ีจะให้คาขู่ที่น่าเชื่อถือ ดงั กลา่ วมีประโยชนอ์ ะไรอกี ต่อไปหรือไม่ ขอ้ ที่น่าแปลกก็คือ การโจมตีตอบโตโ้ ดยไม่หวงั ผลกลบั จะไดผ้ ลในการป้องกนั ไม่ให้ถูก โจมตีก่อน มากกว่าการโจมตีตอบโตโ้ ดยหวงั ผลเสียอีก เหตุที่เป็ นดังน้ีก็เพราะว่าถา้ นโยบายการ โจมตีตอบโต้ทาไปเพ่ือหวงั ผลให้ชนะหรือไม่ให้แพอ้ ีกฝ่ ายอย่างเดียว ในกรณีท่ีฝ่ ายถูกโจมตีก่อน เห็นว่าฝ่ ายตนแพแ้ น่ และการตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก็ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนผลของสงคราม ฝ่ ายท่ีถูก โจมตีก่อนก็อาจไม่ตอบโตเ้ พราะการโจมตีตอบโตในกรณีเช่นน้ัน นอกจากจะไม่เกิดผลดีตามที่หวงั คือไม่ ช่วยป้องกนั ไม่ให้แพส้ งคราม (ตามขอ้ สมมต)ิ แลว้ ยงั ก่อให้เกิดผลเสียอีกคือ หน่ึงทาให้ฝ่ ายท่ีชนะลม้ ตาย โดยเปล่าประโยชน์และฝ่ ายชนะอาจโกรธแคน้ กลบั มาแกแ้ คน้ กดขี่เบียดเบียนเอากับฝ่ ายแพม้ ากข้ึน และ สองทาให้เกิดผลเสียต่อโลกและส่ิงแวดล้อมเพ่ิมข้ึนจากการใชอ้ าวุธนิวเคลียร์ท่ีไม่ไดผ้ ลในทางการทหาร น้นั ดงั น้ันถา้ ฝ่ ายที่คิดจะโจมตีดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์กอ่ นเขา้ ใจดงั น้ี คือ เขา้ ใจวา่ ฝ่ายที่ถูกโจมตีก่อนจะโจมตี ตอบโตก้ ็ต่อเมื่อเห็นทางชนะหรือช่วยไม่ให้แพเ้ ท่าน้นั หาไม่ก็จะไมโ่ จมตีตอบโต้ เมือ่ ฝ่ ายท่ีคิดโจมตีก่อน เช่ือว่าฝ่ ายตรงขา้ มจะแพแ้ น่ และจะไม่ตอบโต้ดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ให้ฝ่ ายตนเสียหายด้วย ฝ่ ายท่ีคิดโจมตี ก่อนกจ็ ะตดั สินใจลงมอื โจมตีจริงๆ

- 133 - แต่ถา้ นโยบายโจมตีตอบโตข้ องอีกฝ่ายหน่ึง คือการโจมตีตอบแทนดว้ ยอาวุธนิวเคลยี ร์ทุก คร้ังท่ีถูกโจมตีดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ก่อนโดยไม่สนใจว่า จะเกิดผลดีในทางทหารหรือทางการเมือง ต่อไปหรือไม่ กล่าวคือ โจมตีตอบแทนเพ่ือแกแ้ คน้ และเพื่อทาตามคาพูดที่ว่าเม่ือถูกโจมตีก่อนจะ โจมตีตอบแทนเสมอ ถา้ นโยบายในการโจมตีตอบโตด้ ว้ ยอาวุธนิวเคลียร์เป็ นเช่นน้ี ฝ่ ายที่คิดโจมตี ดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ก่อนก็คงไม่กล้าตัดสินใจโจมตีก่อนง่ายๆ เพราะถึงแม้ว่าจะเช่ือว่าเมื่อเกิด สงครามนิวเคลียร์ฝ่ ายตนจะเป็นฝ่ ายชนะ แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ ายจะตอบโตด้ ว้ ยอาวุธนิวเคลียร์จนสุดฤทธ์ิ และสร้างความเสียหายใหแ้ กฝ่ ่ายตนและโลกอยา่ งใหญ่หลวง จนชยั ชนะทางการทหารทไี่ ดอ้ าจไม่มี ความหมายหรือไมค่ ุม้ กบั ผลไดท้ างการเมอื ง 2. เพื่อป้องกันการถูกโจมตีรุกรานด้วยกาลังอาวุธธรรมดาที่มากกว่าการอา้ งว่ามีอาวุธ นิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั และตอบโต้การถูกข่มขู่และการถูกโจมตีรุกรานด้ายกาลังอาวุธธรรมดาที่ มากกว่า เหตผุ ลอกี ประการหน่ึงที่ประเทศต่างๆ ใชอ้ า้ งวา่ ตอ้ งมอี าวธุ นิวเคลยี ร์ไวป้ ้องกนั ตนเองกค็ ือ การท่ีประเทศฝ่ ายตรงขา้ มกบั ตนมีกาลงั ทหารและอาวุธธรรมดาที่เหนือกวา่ ฝ่ายตนมาก ถา้ ฝ่ายตรง ขา้ มโจมตรี ุกรานเขา้ มา ฝ่ ายตนกจ็ ะไม่สามารถตา้ นทานรับกาลงั ท่ีเหนือกว่ามากน้นั ไวไ้ ด้ ฝ่ ายตนจึง จาเป็นตอ้ งมีอาวธุ นิวเคลียร์ไวต้ อบโตก้ ารรุกรานดว้ ยกาลงั ทหารและอาวุธธรรมดาท่เี หนือกว่ามาก น้ัน เหตุผลข้อน้ี ดูเหมือนจะเป็ นเหตุผลข้อหน่ึงท่ีกลุ่มประเทศนาโต้ (NATO) ต้องการให้ สหรัฐอเมริกาคงมีอาวุธนิวเคลียร์ไวใ้ นดินแดนยโุ รป ตะวนั ตก เพราะกลุม่ ประเทศนาโตม้ ีความเห็น ว่า ฝ่ าย กลุ่มประเทศกติกาสัญญาวอร์ซอว์(Warsaw Pact) ซ่ึงหนุนหลงั โดยสหภาพโซเวยี ตมีกาลัง ทหารและอาวุธธรรมดาโดยเฉพาะอย่างย่ิงกองทัพรถถังท่ีเหนือกว่าฝ่ ายตนมากและหากกลุ่ม ประเทศกติกาสัญญาวอร์ซอวต์ ดั สินใจโจมตียโุ รปตะวนั ตกดว้ ยกาลงั ทหารและอาวุธที่เหนือกว่า ฝ่ ายตนจะไมส่ ามารถตา้ นทานรับไวไ้ ดถ้ า้ ไม่มีอาวธุ นิวเคลยี ร์ไวค้ อยสกดั ก้นั ขอ้ ที่น่าสังเกตคือ เมื่อ เปรียบเทียบการอา้ งเหตุผลความชอบธรรมในการมีอาวุธนิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั ประเทศ ระหว่างขอ้ หน่ึงกับขอ้ สองแลว้ จะพบว่า ในขณะท่ีเหตุผลในข้อหน่ึงโดยตัวของมันเองแล้วจะสนับสนุน นโยบายการไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อนจนกว่าฝ่ ายตรงขา้ มจะใชก้ ่อนอีกฝ่ ายจึงจะใชอ้ าวุธนิวเคลียร์ ตอบโต้ แต่เหตุผลในขอ้ สองน้ีโดยตวั ของมันเองแลว้ นาไปสู่นโยบายการใชอ้ าวุธนิวเคลียร์ก่อน แมว้ า่ ฝ่ายตรงขา้ มจะไมใ่ ชห้ รือยงั ไมใ่ ชน้ ิวเคลยี ร์โจมตีก็ตาม อาจมีการโตแ้ ยง้ การอา้ งเหตุผลความชอบธรรมในการมีอาวุธนิวเคลียร์ในขอ้ สองไดส้ อง ประการ คอื ประการแรกในกรณีที่ฝ่ายท่ีมีกาลงั เหนือกว่ามีอาวธุ นิวเคลียร์ ดว้ ยเหตผุ ลในขอ้ สองน้ี จะนาไปสู่การเกิดสงครามนิวเคลียร์ได้ง่ายกว่าเหตุผลในข้อหน่ึง ท้งั น้ีก็เพราะเหตุผลในข้อสอง สนบั สนุนนโยบายการใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อน แต่เหตุผลในขอ้ หน่ึงสนบั สนุนนโยบายการใชอ้ าวุธ นิวเคลียร์ เมื่อถูกโจมตีดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ก่อนเท่าน้ัน ถ้าฝ่ ายแรกซ่ึงมีอาวุธนิวเคลียร์แต่ยงั ไม่ใช้ รุกราน เพียงแต่ตดั สินใจใช้กาลงั ทหารและอาวุธธรรมดาเขา้ ยึดพ้ืนที่หรือแก้ปัญหาความขดั แยง้ เฉพาะหนา้ แลว้ ฝ่ายหลงั ใชอ้ าวธุ นิวเคลียร์ตอบโตส้ กดั ก้นั ฝ่ ายแรกก็ย่อมใชอ้ าวุธนิวเคลียร์ตอบโต้ เอาบา้ ง ที่สุดก็เกิดสงครามนิวเคลียร์ คือ ท้ังสองฝ่ ายใช้อาวุธนิวเคลียร์เข้าหากันทาลายกันจนเกิด ความเสียหายอย่างมหาศาลแก่โลกและทุกฝ่ าย อยา่ งไรก็ตาม ขอ้ โตแ้ ยง้ ประการแรกน้ีคงจะฟังข้ึน สาหรับประเทศทีส่ าม ทไี่ ม่ไดเ้ ป็นคขู่ ดั แยง้ โดยตรง และกลวั ภยั จากสงครามนิวเคลียร์ท่ีตนอาจตอ้ ง พลอยรับภยั ไปดว้ ย แต่สาหรับประเทศท่ีเล็กกว่าหรือมีกาลงั ทหารและอาวุธธรรมดา นอ้ ยกว่าอาจ

- 134 - กลวั การถูกรุกรานมากกว่ากลวั สงครามนิวเคลียร์กไ็ ด้ นอกจากน้นั ยงั อา้ งไดว้ ่า การมีอาวธุ นิวเคลยี ร์ ดว้ ยเหตุผลและนโยบายในขอ้ สองน้ีอาจช่วยป้องกนั สงครามมากกว่าส่งเสริมให้เกิดสงครามก็ได้ กล่าวคอื ถา้ ฝ่ายทม่ี ีกาลงั นอ้ ยกวา่ ไม่มีอาวุธนิวเคลยี ร์ ฝ่ายทม่ี ีกาลงั มากกวา่ อาจตดั สินใจรุกรานกไ็ ด้ แต่ถา้ ฝ่ ายท่ีมีกาลงั นอ้ ยกว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ดว้ ย ความกลวั ว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์อาจป้องกนั ไม่ใหฝ้ ่ายท่ีมกี าลงั มากกว่าตดั สินใจโจมตรี ุกรานกอ่ นก็ได้ ขอ้ โตแ้ ยง้ ประการท่ีสองอา้ งว่า ในกรณีท่ีฝ่ ายที่มีกาลงั มากกว่าไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ แทนที่ ฝ่ ายที่มีกาลงั นอ้ ยกวา่ จะเอาเงินไปทุ่มเทสร้างอาวุธนิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั ตนเองก็ควรที่จะเอาเงินน้นั ไปสะสมและสร้างกาลงั อาวุธธรรมดาให้เท่าเทียมกบั อกี ฝ่ายจะดีกว่า เพราะถา้ เลอื กมอี าวธุ นิวเคลยี ร์ อีกฝ่ายก็ยอ่ มพยายามหาทางมอี าวธุ นิวเคลียร์ใหท้ ดั เทยี มกนั อยนู่ นั่ เอง อาจมีการตอบขอ้ โตแ้ ยง้ ประการที่สองน้ีว่าในกรณีท่ีประเทศท่ีมีกาลงั อาวุธธรรมดานอ้ ย กว่าเป็นประเทศเล็กและมีจานวนพลเมืองน้อย ทางเลอื กท่ีจะสร้างกาลงั ทหารและอาวธุ ธรรมดาให้ เท่าประเทศใหญ่ก็ย่อมเป็ นไปไดย้ ากเพราะถึงแม้ว่าจะมีเงินสร้างหรือซ้ืออาวุธธรรมดาได้ แต่ก็ ยงั คงมีจานวนทหารนอ้ ยกวา่ อยนู่ ัน่ เอง ทางเลือกท่ีเหลือท่ีจะป้องกนั ตวั เองกค็ ือ การที่จะตอบแทน แกแ้ คน้ ดว้ ยอาวุธนิวเคลยี ร์ถา้ ถกู รุกรานจากประเทศใหญ่ ส่วนในกรณีทป่ี ระเทศคู่แขง่ มจี านวนประชากรใกลเ้ คียงกนั ประเทศทีม่ ีกาลงั อาวุธนอ้ ยกว่า อาจอ้างว่าการเกณฑ์ทหารและมีอาวุธธรรมดาเป็ นจานวนมากไวต้ อบโตก้ ับอีกฝ่ ายหน่ึงน้ัน เป็ น นโยบายทางทหารและทางการปกครองท่ีไม่ดีเท่ากับการมีอาวุธนิวเคลียร์ไวท้ ดแทนการเกณฑ์ กาลงั คนมาเป็นทหารจานวนมาก เรื่องน้ีจึงนาไปสู่เหตุผลขอ้ ทสี่ ามในการที่ประเทศต่างๆ ตอ้ งการมี อาวธุ นิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั ประเทศ

- 135 - 3. เพื่อทดแทนการเกณฑ์ทหารและการมีอาวุธธรรมดาจานวนมาก การอ้างว่ามีอาว นิวเคลียร์ไวเ้ พื่อทดแทนการเกณฑ์ทหาร และการมีอาวุธธรรมดาจานานมาก เหตุผลในขอ้ น้ีอาจ พิจารณาไดส้ องดา้ นคือ ดา้ นเศรษฐกิจและดา้ นการเมอื ง ในดา้ นเศรษฐกิจน้ันถือว่าทรัพยากรมนุษย์ เป็นส่ิงที่มีค่า ดงั น้ัน ประเทศที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยสี ูง และประชากรมี การศึกษาดี อาจเห็นว่าการเกณฑห์ รือการรบั สมคั รเอาประชาชนมาเป็นทหารเป็นความสูญเสียทาง เศรษฐกิจ จึงไม่ตอ้ งการให้มีจานวนทหารประจาการมากและเห็นว่าให้ประชาชนที่มีคุณภาพ เหล่าน้ีไปทามาหากินสร้างผลิตผลและความกา้ วหนา้ ในทางเศรษฐกิจ หารายไดใ้ ห้แก่ประเทศแลว้ เม่อื เศรษฐกิจของประเทศดี รฐั บาลเกบ็ ภาษไี ดม้ ากข้นึ กส็ ามารถนาเอาเงนิ ภาษีมาสร้างหรือซ้ืออาวุธ ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น อาวุธนิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั ประเทศไดด้ ีกว่าการมีจานวนทหารและอาวุธ ธรรมดามากๆ ส่วนในดา้ นการเมืองน้ัน บางประเทศเห็นว่าเสรีภาพของประชาชนในการเลือกประกอบ อาชีพหรือดาเนิน วิถีชีวิตตามที่ตนปรารถนารวมท้งั เสรีภาพในการเลือก ปฏิบตั ติ ามหลกั ความเชื่อ ในศาสนาของตนเป็ นส่ิงมีค่าที่รัฐบาลควรรักษาไวใ้ ห้ประชาชน ประชาชนจานวนหน่ึง แมจ้ ะมี ความรักชาติไม่ย่ิงหยอ่ นกว่ากลุ่มอื่นๆ แต่ก็อาจไม่ตอ้ งการเป็ นทหาร ดว้ ยเหตุผลท่ีต่างกนั ออกไป บางคนเพียงเพราะไม่ชอบวิถีชีวิตแบบทหารซ่ึงต้องอยใู่ นกรอบระเบียบวินัยที่เคร่งครัด บางคนมี อาชีพและกิจกรรมที่กาลงั กา้ วหนา้ ไม่ตอ้ งการหยุดชะงกั มาเป็ นทหารชั่วคราวและบางคนก็มีความ เชื่อที่อาจเกี่ยวเน่ืองกับศาสนาหรือไม่ก็ตาม ในการถือหลักอหิงสาไม่ใช้ความรุนแรง หรือไม่ ตอ้ งการมสี ่วนร่วมในกิจกรรมทเี่ ป็นไปเพอื่ ความรุนแรง ดงั น้ันแมภ้ ารกิจในการป้องกนั ประเทศจะ เป็นภารกิจท่ีสาคญั ในเม่ือรัฐมีหนทางอื่นท่ีจะป้องกนั ประเทศไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ตอ้ ง บงั คบั กะเกณฑ์ให้ประชาชนเสียเสรีภาพมาเป็นทหาร เช่น การทากองทพั ให้ทนั สมยั ใช้ทหารน้อย แต่มีประสิทธิภาพในการป้องกันประเทศสูง รัฐก็ควรทา และการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกนั ประเทศก็เป็ นวิธีการหน่ึง

- 136 - ข้อถกเถียงทางศีลธรรมต่อยุทธศาสตร์การป้องปรามด้วยอาวุธนวิ เคลียร์ 1. ขอ้ ถกเถียงหมายรวมถึงท้งั ขอ้ คดั คา้ นและขอ้ เห็นดว้ ย ขอ้ ถกเถยี ง (Argument)ในที่น้ีอาจ เป็นขอ้ ถกเถยี งท่ีสนบั สนุนเห็นดว้ ย หรือทโ่ี ตแ้ ยง้ คดั คา้ นยทุ ธศาสตร์น้ีกไ็ ด้ เราจะพิจารณาดูว่าฝ่ายที่ เห็นดว้ ยกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพ่ือป้องกันประเทศแทนท่ีจะใช้แต่อาวุธธรรมดามีเหตุผลทาง ศลี ธรรมอะไรบา้ ง และฝ่ายทคี่ ดั คา้ นมีเหตุผลอะไร มูลเหตุของขอ้ ถกเถียงใน เรื่องน้ีเริ่มจากวา่ มคี น กลมุ่ หน่ึงเห็นว่าอาวธุ นิวเคลียร์ ซ่ึงเป็นอนั ตรายต่อโลกและมนุษยชาตนิ ้ัน เราจะคิดวา่ เป็นเพียงอาวุธ ธรรมดาท่ีใชเ้ พ่อื บรรลุวตั ถุประสงคไ์ มไ่ ด้ อาวุธธรรมดา เช่น ไมก้ ระบอง มดี ปี น หรือลกู ระเบิดน้นั อาจใช้เพ่ือป้องกนั ตวั เองไดโ้ ดยไม่ทาลายตัวเองและโลก แต่อาวุธนิวเคลียร์ไม่ใช่อาวุธท่ีคนที่มี สติสัมปชัญญะดีมีเหตุมีผลจะใชเ้ พื่อป้องกนั ตวั เองได้ เพราะจะทาลายแมก้ ระทง่ั ตวั เองและเพ่ือน มนุษย์ คนกลุ่มน้ีจึงอา้ งว่าการคิดใชอ้ าวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกนั ประเทศเป็นสิ่งผิดศีลธรรม ส่วนคน อีกกลุ่มหน่ึงก็โต้แยง้ ว่าไม่ผิดศีลธรรมและอ้างว่าคนที่มีเหตุผลก็อาจคิดใช้อาวุธนิวเคลียร์ป้องกัน ประเทศได้ไมใ่ ช่มแี ต่คนเสียสตเิ ทา่ น้นั ทีจ่ ะใช้ 2. ความแตกต่างระหว่างเหตุผลทางศีลธรรมกับเหตุผลด้านความรอบคอบ เราต้อง ตระหนกั วา่ น่ีเป็นการโตแ้ ยง้ กนั ทางศลี ธรรม ดงั น้นั เหตุผลทจี่ ะใชส้ นบั สนุนทรรศนะของตนจะตอ้ ง เป็ นเหตุผลทางศีลธรรม(Moral Reason) ไม่ใช่เหตุผลของความฉลาดรอบคอบ(Prudential Reaso เหตุผลทางศีลธรรมตอ้ งคานึงถึงคนทุกคนท่ีเก่ียวข้องกบั เรื่องน้ัน ส่วนเหตุผลดา้ นความ รอบคอบน้ันคานึงถึงแต่ผลประโยชน์ของผูม้ องหรือพวกพอ้ งของผูม้ อง ตวั อย่างของเหตุผลดา้ น ความรอบคอบก็คือ เหตผุ ลความชอบธรรมในการมอี าวุธนิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั ประเทศเพราะเหตผุ ล คือเพื่อป้องกนั ประเทศ เหตุผลน้ี ไมไ่ ดม้ องจากทุกคนท่ีเก่ียวขอ้ ง คอื มนุษยชาติโดยส่วนรวมที่จะ ไดร้ ับผลกระทบจากการมีและใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกนั ตวั เอง คนท่ีเห็นว่าการมีและใช้อาวุธ นิวเคลียร์เพ่อื ป้องกนั ประเทศเป็นส่ิงถกู ตอ้ งชอบธรรม (ศีลธรรม) จึงตอ้ งมเี หตผุ ลท่ีมากกว่าเพียงว่า มนั จาเป็นหรือมนั ดีสาหรับการป้องกนั ตวั ฉันสาหรับความอยรู่ อดของประเทศเองเทา่ น้นั แต่จะตอ้ ง อธิบายไดด้ ้วยว่า วิธีการป้องกนั ตวั เองให้อยูร่ อดน้ันไม่ผิดศีลธรรมดว้ ย คือ ตอ้ งอธิบายได้ดว้ ยว่า การใช้อาวุธนิวเคลียร์ไมข่ ดั กบั กฎหรือหลกั ศีลธรรมทีเ่ ราเช่ือถืออยู่ เช่น ไม่เป็นการทาร้ายหรือฆา่ ผู้ บริสุทธ์ิหรือกอ่ ใหเ้ กิดผลเสียหายมากกว่าทจ่ี ะป้องกนั ความเสียหาย (สิทธิประโยชน์นิยม) 3. การตดั สินว่าสิ่งหน่ึงผิดศีลธรรมหรือไม่อาจตดั สินจากการกระทาน้ันว่าผิดศีลธรรม หรือไม่ การใช้เกณฑต์ ดั สินโดยดูจากวิธีการเรา เรียกว่า เป็นการพิจารณาจากแง่ของหลกั การและ กฎศีลธรรม (Deontological Criterion) ส่วนการพิจารณาจากผลท่ีเกิดข้ึนเราเรียกว่า การวดั จากผล ของการกระทา (Consequentialist Criterion) การพิจารณาว่า การกระทาอยา่ งหน่ึงผิดศีลธรรมหรือไม่ โดยดูจากวิธีการทกี่ ระทาน้ันก็ คือ การพิจารณาดูว่าวิธีการท่ีกระทาน้นั ผิดกฎศีลธรรมหรือหลกั การทางศีลธรรมหรือไม่ ตวั อย่างเช่น การพิจารณาว่าการทาแท้งผิดศีลธรรมหรือไม่น้ัน ถา้ พิจารณาจากวิธีการทาให้แทง้ คือ การทาให้ การต้งั ครรภห์ ยดุ ลง โดยการทาให้เด็กในท้องคลอดออกมาก่อนครบกาหนดท่ีจะมีชีวิตรอดอยูไ่ ด้ ภายนอกครรภ์ของมารดา อนั เป็นการทาให้เด็กในทอ้ งตายถา้ เราถือว่าเด็กในทอ้ งน้ันเป็ นคนแล้ว การทาแทง้ ก็ยอ่ มถือว่าเป็นส่ิงผิดศีลธรรม เพราะวิธีการทาแทง้ น้นั เป็ นส่ิงท่ีผิดกฎศีลธรรม เพราะ เป็นการฆ่าคนบริสุทธ์ิ คือ เป็นการฆ่าเด็กในทอ้ ง

- 137 - ส่วนการพิจารณาว่าการกระทาอย่างหน่ึงผดิ ศลี ธรรมหรือไม่โดยดูจากผลท่ีเกิดข้ึนจากการ กระทาน้นั เป็นสิ่งทดี่ ีหรือเลวมากกวา่ กนั ถา้ การกระทาน้นั เกิดผลดีมากกวา่ ผลเสียการกระทาน้นั ก็ถูก ศีลธรรม ถา้ มีผลเสียมากกว่าผลดีก็เป็ นส่ิงผิดศีลธรรม และการพิจารณาผลดีผลเสียของการกระทาน้ันก็ ตอ้ ง เป็ นผลท่ีเกิดข้ึนกบั ทุกคนที่เกี่ยวขอ้ งกบั การกระทาน้ัน ไม่ใช่เฉพาะผลท่ีเกิดข้ึนแก่ผูก้ ระทาเท่าน้ัน ตวั อย่างเช่น หมอคนหน่ึงโกหกคนไขข้ องเขาว่าเธอไม่ไดเ้ ป็ นโรคมะเร็งเพราะเกรงว่าถา้ บอกความจริงให้ เธอรู้เธอก็อาจช็อกตายเพราะเป็นโรคหัวใจอ่อนอยแู่ ลว้ หมอจึงไดร้ ักษาโรคมะเร็งให้เธอโดยไม่บอกให้เธอ รู้ เพราะเกรงว่าเธอจะเสียกาลงั ใจ ถา้ พิจารณาจากแง่ของวิธีการท่ีกระทา การที่หมอโกหกคนไข้ก็ย่อมผิด ศีลธรรม คือ ศีลห้าขอ้ ที่สี่ แต่ถา้ พิจารณาจากแง่ของผลที่เกิดข้ึน การโกหกของหมอในคร้ังน้ีก็ยอ่ มไม่ผิด ศีลธรรมเพราะทาให้เกิดผลดีมากกว่าผลเสียคือ ทาให้คนไขไ้ ม่ช็อกตายหรืออยา่ งนอ้ ยก็ไม่เสียกาลงั ใจใน การต่อสู้กับโรคร้าย แต่ถา้ หมออีกคนหน่ึงโกหกคนไขซ้ ่ึงไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไรว่าเป็ นโรคร้ายแรง เพอ่ื หวงั เอาเงินจากคนไข้ การกระทาของหมอคนหลงั น้ียอ่ มผิดศีลธรรมไม่ว่าจะมองจากแง่ของวิธีการท่ีทา หรือมองจากแง่ของผลที่เกิดข้ึนจากการกระทา การโกหกย่อมผิดกฎศีลธรรมอยู่แลว้ ผลของการโกหกใน คร้ังน้ีแมว้ ่าหมอเองจะไดป้ ระโยชน์จากคา่ รักษา แต่เมื่อเทียบกบั ผลเสียที่เกิดกบั คนไขแ้ ละญาติพี่นอ้ งของ คนไขท้ ีพ่ ลอยตอ้ งมาวิตกทกุ ขร์ ้อนไปอีกดว้ ย กจ็ ะเห็นไดว้ ่าเกิดผลเสียมากกวา่ ผลดี ในเมื่อการพิจารณาว่าส่ิงหน่ึงผิดศีลธรรมหรือถูกตอ้ งชอบธรรมหรือไม่ เราสามารถพิจารณาได้ จากท้ังวิธีการกระทาส่ิงน้ันและผลที่เกิดจากการทาสิ่งน้ัน ในการพิจารณาความถูกต้องชอบธรรมของ ยทุ ธศาสตร์การป้องกนั ประเทศหรือการป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ เราก็สามารถพิจารณาไดจ้ ากท้งั สอง แง่น้ีเช่นกันกล่าวคือ ในแง่ของหลักการหรือวิธีการเราก็พิจารณาได้ว่ามีหลักศีลธรรมข้อใดหรือไม่ที่ สนับสนุนยทุ ธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ และยทุ ธศาสตร์ดงั กล่าวน้ีตอ้ งใชว้ ิธีการที่ผิดหลกั ศีลธรรมท่ีเราเชื่อถืออยู่หรือไม่ ถา้ มีหลักศีลธรรมน้ันๆ คืออะไร ส่วนในแง่ของผล เราก็พิจารณาได้ว่า ยทุ ธศาสตร์น้ีก่อให้เกิดผลดีและผลเสียต่อโลกส่วนรวมอยา่ งไรบา้ งและผลดีผลเสียที่เกิดต่อมนุษยชาติน้ี อยา่ งใดมีมากกว่ากนั 4. ข้อถกเถียงของความชอบธรรมในแง่วิธีการของยุทธศาสตร์การป้องปรามด้วยอาวุธ นิวเคลียร์ ฝ่ ายที่สนับสนุนนโยบายการป้องกันประเทศด้วยอาวุธนิวเคลียร์อ้างว่า ในเมื่อการใช้อาวุธ นิวเคลียร์เป็ นสิ่งจาเป็ นในการป้องกันประเทศในยุคนิวเคลียร์ ยุทธศาสตร์การป้องปรามด้วยอาวุธ นิวเคลียร์ก็ยอ่ มเป็นสิ่งชอบธรรม ท้งั น้ีเพราะสิทธิในการป้องกนั ตนเอง (The right of self-defense)เป็น สิทธิอนั ชอบธรรมที่คนทุกคนมีโดยธรรมชาติ การมีอาวุธนิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั ประเทศก็เปรียบเหมือนการ มีอาวธุ ปื นไวป้ ้องกนั โจรปลน้ บา้ น ในเม่ือเรารู้ว่าสมยั น้ีโจรมีปื นอาจเขา้ ปลน้ บา้ นเราได้ เราก็จาเป็ นตอ้ งมี ปื นไวป้ ้องกนั ตวั เองจากโจร ประเด็นสาคญั ของการอ้างสิทธิในการป้องกนั ตนเองเพ่ือสนับสนุนนโยบายการป้องปรามดว้ ย อาวุธนิวเคลียร์น้ีอยทู่ ี่วา่ การมีอาวุธนิวเคลยี ร์เป็นความจาเป็นสาหรับการป้องกนั ประเทศในเม่ือคนทกุ คน มสี ิทธิโดยธรรมชาตทิ ่ีจะป้องกนั ตวั เองจากการถูกขม่ ข่หู รือทาร้ายโดยไมช่ อบธรรม และการป้องกนั ตวั เอง กส็ ามารถใชอ้ าวุธร้ายแรงเท่าที่จาเป็ นแก่การป้องกนั ตวั เองได้ ประเทศแตล่ ะประเทศก็ยอ่ มมีสิทธิอนั ชอบ ธรรมที่จะมอี าวธุ นิวเคลยี ร์ไวป้ ้องกนั ตวั เองไดเ้ ช่นกนั ฝ่ ายท่ีคัดค้านนโยบายการป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก็โต้แยง้ ว่า ถึงแมว้ ่าแต่ละประเทศจะมี สิทธิป้องกนั ตนเองแต่สิทธิในการป้องกนั ตนเองน้ีไม่ไดห้ มายความว่าจะป้องกันตนเองอยา่ งไรก็ได้ การ

- 138 - ป้องกนั ตวั เองน้ันอาจทาโดยวิธีการที่ถูกศีลธรรมหรือผิดศีลธรรมก็ได้ และการป้องกนั ประเทศดว้ ยอาวุธ นิวเคลียร์เป็นการป้องกนั ประเทศดว้ ยวิธีการที่ผิดศีลธรรม เพราะเป็นการป้องกนั ตนเองที่นอกจากจะข่มขู่ ว่าจะทาร้ายหรือทาร้ายคนท่ีจะทาร้ายเราแล้ว ยงั เป็ นการข่มขู่ว่าจะทาร้ายหรือทาร้ายผูบ้ ริสุทธ์ิซ่ึงไม่ เจตนาร้ายต่อเราอีกดว้ ยสิทธิในการป้องกนั ตนเองไม่ไดท้ าให้เรามีสิทธิทาร้ายคนบริสุทธ์ิ หรือเอาชีวติ คน บริสุทธ์ิมาข่มขูเ่ ป็นตวั ประกนั ไม่ให้คนอ่ืนทาร้ายเราได้ ทางทหารถูกทาลายเท่าน้ัน เพราะสิ่งเหล่าน้ี ยอ่ มคาดวา่ อาวุธนิวเคลียร์น้นั มีอานาจการทาลายลา้ งท่รี ้ายแรงและจะมีการสูญเสียอยแู่ ลว้ ผทู้ ่ไี มเ่ ห็นดว้ ยกบั ยทุ ธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์อา้ งวา่ พลเรือนของประเทศ ที่เป็ นศตั รูโดยส่วนมากแลว้ เป็ นผูบ้ ริสุทธ์ิ คือ พลเรือนเหล่าน้ีไม่ไดม้ ีหน้าที่ทาร้ายเราเพราะไม่ได้ เป็นทหาร และส่วนใหญ่ก็ไม่มีเจตนาจะทาร้ายเรา ไม่มีเจตนาจะรุกรานเรา ประชาชนจานวนมาก ทีเดียวที่ไม่เห็นด้วยกบั การที่รัฐบาลของตนส่งทหารเข้าไปรบในประเทศอื่น เช่น คนอเมริกัน จานวนมากไม่เห็นดว้ ยกบั การที่รัฐบาลของตนส่งทหารเขา้ ไปรบในประเทศเวียดนาม ชาวรัสเซีย จานวนมากก็ไม่เห็นดว้ ยกับการท่ีรัฐบาลของตนเขา้ ไปทาศึกในประเทศอัฟกานิสถาน และคน เวียดนามจานวนไม่นอ้ ยก็ไม่เห็นด้วยกบั รัฐบาลของตนท่ีรุกรานเขา้ ไปในประเทศกมั พูชา และขอ้ สาคัญอีกประการหน่ึงก็คือ พลเรือนของประเทศท่ีเป็ นศัตรูจานวนหน่ึงและเป็ นจานวนไม่น้อย ทีเดียวที่เป็นสตรีเด็ก และคนชรา นอกจากคนเหลา่ น้ีอาจจะไม่ปรารถนาจะทาร้ายรุกรานใคร แลว้ ก็ ยงั ไมม่ คี วามสามารถทีจ่ ะรุกรานทาร้ายใครดว้ ย ยทุ ธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์เป็นการข่วู ่า ถา้ ถูกรุกรานดว้ ยกาลงั ท่ีมากกว่า หรือถูกโจมตีดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ก่อนก็จะตอบโตด้ ว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ซ่ึงยุทธศาสตร์น้ีจะไดผ้ ลก็ ต่อเมื่อเป็ นการข่มขู่ให้อีกฝ่ ายหน่ึงกลัวต่อผลเสียหายอันร้ายแรงขนาดที่ไม่อาจยอมรับได้ต่อ ประเทศของตน และยทุ ธศาสตร์น้ีจะไดผ้ ลก็ตอ้ งไม่ใช่เป็นการขู่หลอกๆ แตต่ อ้ งโจมตตี อบโตอ้ ยา่ ง รุนแรงจริงๆ เม่ือถกู รุกราน ผทู้ คี่ ดั คา้ นยทุ ธศาสตร์น้ีบอกว่าขอใหเ้ ราคิดดกู ็แลว้ กนั วา่ การโจมตตี อบ โต้ที่ร้ายแรงจนขนาดที่ทาให้ผูท้ ี่คิดจะรุกรานไม่กลา้ รุกรานน้ันจะตอ้ งมีการทาลายลา้ งที่รุนแรง กวา้ งขวางเพียงใด การตอบโตท้ าลายลา้ งให้เกิดความเสียหายขนาดท่ีผคู้ ิดรุกรานยอมรบั ไม่ได้ ยอ่ ม ไมไ่ ด้ หมายถงึ แต่เพยี งการท่กี าลงั ทหารและฐานที่ต้งั ตอ้ งถูกทาลายไปพร้อมกบั ชีวิตคนเป็นสิบเป็น ร้อยลา้ นคน ความพินาศลม้ ตายอยา่ งใหญ่หลวงเช่นน้ี ทาให้ผูร้ ุกรานจะชนะสงครามก็ไม่คุม้ ค่ากบั ความพนิ าศสูญเสียทไี่ ดร้ บั น่ีคือหวั ใจของยทุ ธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวธุ นิวเคลยี ร์ ดงั น้นั ผคู้ ดั คา้ นยุทธศาสตร์น้ีจึงอา้ งว่า วิธีการที่เป็ นหวั ใจของยุทธศาสตร์น้ีเป็นส่ิงท่ีขดั กบั หลักทางศีลธรรมท่ีว่า เราตอ้ งไม่ทาร้ายผูบ้ ริสุทธ์ิในเมื่อยทุ ธศาสตร์การป้องกนั ตนเองดว้ ยอาวุธ นิวเคลียร์เป็ นการข่มขู่ที่จะทาร้าย หรือทาร้ายบา้ นเมืองและพลเรือนผูบ้ ริสุทธ์ิ ยทุ ธศาสตร์น้ีจึงผิด ศลี ธรรม เพราะเปรียบเสมือนการที่บ้านเราทะเลาะกนั กบั บา้ นขา้ งเคียง เพราะผลประโยชน์ขดั กัน แลว้ เรากลวั ว่าคู่วิวาทของเราจะไปจา้ งมือปื นรับจา้ งมายงิ ท้ิงเรา (เปรียบเหมอื นถูกรุกรานดว้ ยกาลงั ทหารที่มากกว่า)หรือกลวั ว่าเขาจะเอาระเบิดมาขวา้ งใส่บา้ นเรา (เปรียบเหมือนถูกรุกรานดว้ ยอาวุธ นิวเคลียร์) เราจึงป้องกนั ตนเองดว้ ยการข่มขู่เขาว่า ถ้าเขาทาอย่างน้ันเมื่อใดเราจะจา้ งคนไปขวา้ ง ระเบิดฆ่าพ่อแม่พน่ี อ้ งลกู เมียของควู่ ิวาทใหต้ ายหมด และเพื่อให้การขม่ ขู่น้ีเกิดผลจริงเราก็ไปจา้ งมือ ระเบิดรับจา้ งเตรียมไวก้ ่อนให้ทาจริงๆ เม่ือเราถูกทาร้ายวิธีการป้องกนั ตัวเองโดยการขู่จะขวา้ ง

- 139 - ระเบิดฆ่าครอบครัวของคู่ววิ าทย่อมผิดศีลธรรม เพราะพ่อแม่ลูกเมยี ของคู่วิวาทเป็นผูบ้ ริสุทธ์ิไม่ได้ คิดทาร้ายเรา การจะอา้ งว่าคู่วิวาททาผิดศีลธรรมก่อนท่ีคิดจะทาร้ายเราก็เป็ นการอา้ งที่เป็ นจริง คือ ถา้ คู่ววิ าทคิดทาร้ายเราจริงเขาก็ผิดศลี ธรรมแน่แต่การท่ีอีกฝ่ายหน่ึงทาผดิ ศีลธรรมก่อน ไมไ่ ดแ้ ปลว่า วิธีการตอบโตป้ ้องกนั ตัวเองของเราจะตอ้ งถูกศีลธรรมเสมอไม่ว่าเราจะป้องกนั ตวั เองดว้ ยวิธีการ อย่างไร ถ้าเราป้องกันตวั เองโดยการขู่ฆ่าหรือฆ่าผู้บริสุทธ์ิเราก็ย่อมผิดศีลธรรมด้วยเหมือนกัน ยทุ ธศาสตร์การป้องกนั ประเทศดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์กผ็ ิดหลกั ศลี ธรรมในทานองเดียวกนั น้ี นอกจากอาวุธนิ วเคลียร์จะทาร้ายพลเรื อน ของประเทศที่เป็ นศัตรูแล้ว พิษจาก กมั มนั ตภาพรงั สียงั แพร่ไปทาอนั ตรายพลเรือนผบู้ ริสุทธ์ิของประเทศเพือ่ นบา้ นอีกดว้ ย การใชอ้ าวุธ นิวเคลียร์จึงเปรียบเหมือนการขวา้ งระเบิดใส่บ้านคู่วิวาทแล้วทาให้บ้านท่ีอยู่ติดกนั พลอยได้รับ อนั ตรายจากแรงระเบิดหรือไฟไหมไ้ ปดว้ ย ดงั น้ัน ผูท้ ี่คดั คา้ นยทุ ธศาสตร์การป้องปรามด้วยอาวุธ นิวเคลียร์จึงโตแ้ ยง้ ว่าสิทธิในการป้องกนั ตนเองไม่ครอบคลุมไปถึงการป้องกันตนเองดว้ ยอาวุธ นิวเคลยี ร์เพราะสิทธ์ิในการป้องกนั ตนเองจะทาไดอ้ ยา่ งชอบธรรมกต็ ่อเม่ือการป้องกนั ตนเองไมท่ า ใหผ้ บู้ ริสุทธ์ิตอ้ งพลอยถกู ทาร้ายไมด่ ว้ ย ฝ่ ายที่สนับสนุนยุทธศาสตร์การป้องกนั ประเทศดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ก็ตอบว่า การมีอาวุธ นิวเคลียร์ไวป้ ้องกนั ประเทศเปรียบเหมือนการมอี าวุธร้ายแรง เช่น มีปื นไวป้ ้องกนั โจร จริงอยทู่ ี่การ ใช้ปื นเพื่อป้องกนั โจรอาจพลาดไปถูกชาวบา้ นได้ แต่ถา้ โจรมีพวกมากกว่าเราหรือใช้ปื นเขา้ ปลน้ บา้ นเรา จะไมใ่ ห้เราใชป้ ื นต่อสู้ ใหใ้ ชแ้ ตม่ ดี กบั ไมต้ อ่ สู้เทา่ น้นั จะเป็นสิ่งชอบธรรมหรือ ผูท้ ่ีคดั คา้ นยทุ ธศาสตร์น้ีก็ตอบโตว้ ่า การใช้อาวุธนิวเคลียร์ป้องกนั ตวั เองเปรียบเทยี บไม่ได้ กบั การใชป้ ื นเพื่อป้องกนั โจร เพราะการใช้ปื นไม่จาเป็ นตอ้ งทาให้ชาวบา้ นเดือดร้อนเสมอไป แต่ การใชอ้ าวุธนิวเคลียร์จะทาให้ผูบ้ ริสุทธ์ิพลอยถูกทาร้ายไปดว้ ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถา้ จะเปรียบก็ เหมือนกบั การท่ีโจรจับลูกเพ่ือนบ้านเรามาเป็ นโล่กาบงั ตอนบุกปลน้ เรา ถ้าเราจะยิงโจรให้ถูกก็ จาเป็นตอ้ งยิงถูกลูกเพื่อนบ้านก่อน สิทธิในการป้องกนั ตวั เองไม่ทาให้เรามีสิทธิยิงโจรท้งั ๆ ที่รู้ว่า จะต้องยิงถูกลูกเพื่อนบ้านด้วยฉันใด สิทธิในการป้องกันตัวเองก็ไม่ทาให้เรามีสิทธิใช้อาวุธ นิวเคลียร์เพ่ือป้องกนั ตวั เอง ซ่ึงจาเป็นตอ้ งทาใหค้ นบริสุทธ์ิพลอยถูกทาร้ายไปดว้ ยไดฉ้ ันน้นั ฝ่ ายท่ี สนับสนุนนโยบายการป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ตอบว่า การใชอ้ าวุธนิวเคลียร์ตอ่ สู้กบั ผรู้ ุกราน

- 140 - ไม่จาเป็ นตอ้ งทาร้ายพลเรือนผูบ้ ริสุทธ์ิเสมอไป เช่น การใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยทุ ธวิธีอย่างจากดั (limitedtactical Strike) เพื่อโจมตีหยุดย้งั กองกาลงั ทหารของขา้ ศึกท่ีรุกรานเขา้ มาเป็ นจานวนมาก ดงั ที่กลุ่มประเทศนาโตข้ ู่ว่า ถา้ กลุ่มประเทศสนธิสัญญาวอร์ซอวบ์ ุกโจมตียโุ รปตะวนั ตกก่อนดว้ ย กองทัพรถถงั จานวนมหึมา แลว้ กองทพั ทางฝ่ ายนาโตต้ ้านทานไวด้ ว้ ยกาลงั อาวุธธรรมดาไม่ไหว ทางฝ่ ายนาโต้ก็จะโจมตีกองทพั รถถงั ของกลุ่มประเทศสนธิสัญญาวอร์ซอว์ดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ ขนาดเล็กที่มีอานาจทาลายลา้ งจากดั ซ่ึงจะทาลายเฉพาะกองกาลงั ทหารของขา้ ศึกเท่าน้นั ไม่ไดม้ ุ่ง ทาลายพลเรือนและเมืองที่เป็ นฐานทางอุตสาหกรรม ซ่ึงเป็ นการโจมตีทางยุทธศาสตร์(Strategic Strike) เพ่อื บีบบงั คบั ให้ขา้ ศึกพ่ายแพโ้ ดยทางออ้ ม ในการรบดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์มีศพั ท์เทคนิคอย่สู องคาซ่ึงแสดงถึงความแตกต่างในการใช้ อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกบั การใชอ้ าวุธนิวเคลียร์ทางยทุ ธศาสตร์ คือการโจมตีที่มุ่งทาลายกาลัง ทหาร (Conter Force) การโจมตีที่มุ่งทาลายส่ิงมีค่า (Conter Value) การใชอ้ าวุธนิวเคลียร์มุ่งทาลาย เฉพาะกองกาลงั ทหารของขา้ ศึกโดยไม่ตอ้ งการทาลายบา้ นเมืองและพลเรือนของขา้ ศึก เป็ นการ โจมตีดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ทางยทุ ธวิธี เช่น การใช้ลูกปื นใหญ่ หัวระเบิดนิวตรอน ซ่ึงมีอานาจการ ทาลายลา้ งจากแรงระเบิดไม่มากนัก แต่มีรังสีนิวตรอนซ่ึงจะทาลายเฉพาะส่ิงมีชีวิตโดยไม่ทาลาย ลา้ งวตั ถุ เมื่อใชร้ ะเบดิ นิวตรอนขนาดเล็กโจมตที าลายกองทัพรถถงั รถถงั ของขา้ ศกึ ส่วนใหญ่จะไม่ ถูกทาลาย แต่ทหารในรถถงั ส่วนใหญจ่ ะตายเพราะพิษรงั สีนิวตรอนที่ผา่ นทะลุรถถงั เขา้ ไปฆ่าทหาร ในรถโดยไม่ทาลายรถถงั เน่ืองจากระเบดิ นิวตรอนขนาดเล็กจะมีอานาจระเบิดทาลายนอ้ ย และรงั สี นิวตรอนไม่แผ่ขยายไปไกลบา้ นเรือนและชีวติ พลเรือนใกลเ้ คียงสถานที่รบจะไม่ถกู ทาลายมากนกั ส่วนการใช้อาวธุ นิวเคลียร์ท่ีมุ่งทาลายลา้ งอย่างรุนแรงและกวา้ งขวางท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไป ไดต้ ่อชีวิตพลเรือนและบ้านเมืองของขา้ ศึก เป็ นการโจมตีที่มุ่งทาลายส่ิงมีค่าของข้าศึก (Confer Value) เพื่อบีบบงั คบั ให้ไม่กลา้ ก่อสงคราม หรือให้ยอมแพส้ งครามเพราะทนต่อความสูญเสียส่ิงมี ค่า คือ บา้ นเมืองและชีวิตของประชาชนจานวนมากไม่ได้ การใช้อาวุธนิวเคลียร์อยา่ งน้ีเป็ นการใช้ ทางยทุ ธศาสตร์ เช่น การใช้หรือขู่ว่าจะใชข้ ีปนาวุธขา้ มทวีปหัวรบนิวเคลียร์ทาลายลา้ งเมืองใหญ่ๆ ของขา้ ศกึ ผูท้ ี่สนบั สนุนนโยบายป้องกนั ตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์อ้างว่า การใชอ้ าวุธนิวเคลียร์ทาง ยทุ ธวิธี เพ่ือมุ่งทาลายเฉพาะกากงั ทหารของขา้ ศึก เพื่อป้องกนั ตวั เองไม่ใช่ส่ิงที่ผิดศีลธรรม เพราะ ไม่ไดม้ ีเจตนาทาร้ายพลเรือนผูบ้ ริสุทธ์ิโดยตรงเหมือนการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ที่มุ่ง โจมตีพลเรือนโดยตรง จริงอย่กู ารใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีอาจพลาดไปทาร้ายพลเรือนบา้ ง เล็กน้อย แต่น่ีก็ไม่ต่างไปจากการสู้รบป้องกนั ตวั เองดว้ ยอาวุธธรรมดาท่ีอาจมีการพลาดไปถูกพล เรือนบา้ ง ฝ่ ายที่คดั คา้ นนโยบายป้องกนั ตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก็โตแ้ ยง้ ว่า เมื่อฝ่ ายหน่ึงใช้อาวุธ นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีก่อน อีกฝ่ ายหน่ึงก็ตอบโตด้ ว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ทางยทุ ธวิธีไดด้ ว้ ยเช่นกนั ซ่ึงก็ เทา่ กบั เกิดสงครามนิวเคลียร์ขนาดยอ่ มหรือท่เี รียกวา่ สงครามนิวเคลียร์อยา่ งจากดั (Limited Nuclear War) ข้ึน และเม่ือสงครามนิวเคลียร์อย่างจากัดเกิดข้ึนแลว้ ก็ไม่มีทางจะประกนั ได้ว่ามันจะไม่ ลุกลามจนกลายเป็ น สงครามนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ (Totalnuclear War) เพราะฝ่ ายที่สู้ไม่ได้ด้วย

- 141 - อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีก็คงจะไมย่ อมแพส้ งครามง่ายๆ เมื่อมีอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์อยู่ก็ อาจตัดสินใจนาออกมาใชเ้ ป็นไพ่ใบสุดทา้ ย แลว้ อีกฝ่ ายหน่ึงก็ยอ่ มไม่มีทางเลือกนอกจากตอบโต้ ดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ด้วยเช่นกัน ในเม่ือเราเห็นแล้วว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทาง ยทุ ธศาสตร์เป็นวิธีการที่ผดิ ศลี ธรรม และการใชอ้ าวุธนิวเคลียร์ทางยทุ ธวธิ ีก็ยอ่ มนาไปสู่การใชอ้ าวุธ นิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ ดงั น้ันจึงเห็นไดว้ ่านโยบายการป้องกนั ประเทศดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ยอ่ ม เป็นการป้องกนั ตนเองดว้ ยวธิ ีการทผ่ี ิดศีลธรรม ขอ้ โตแ้ ยง้ อีกประการหน่ึงต่อความคิดที่จะทาสงครามนิวเคลียร์อยา่ งจากดั ก็คือ สงคราม นิวเคลียร์น้ันไม่สามารถทาอย่างจากัดได้ เพราะธุลีกัมมันตภาพรังสี (Fallout) คือ ฝ่ ุนละอองที่ ปนเป้ื อนดว้ ยกมั มนั ตภาพรังสีอนั เกิดจากระเบดิ นิวเคลียร์จะถูกแรงระเบิดดนั พงุ่ ข้ึนสู่ช้นั บรรยากาศ เบ้ืองบนและปลิวฟุ้งกระจายแพร่ไปดว้ ยแรงลม ไปตกยงั ที่ห่างไกล ทาอนั ตรายแก่ผูค้ น สัตว์ และ สิ่งแวดลอ้ มอย่างกวา้ งขวาง ไม่สามารถจากดั อานาจทาลายลา้ งของอาวุธให้อยเู่ ฉพาะในบริเวณที่ ต้งั ใจใชไ้ ด้ 5.ขอ้ ถกเถียงในแงข่ องผลของยทุ ธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ แยกออกได้ 2 ประเด็นดงั น้ี 5.1 ข้อสนับสนุนในแง่ผลของยุทธศาสตร์การป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ผูส้ นับสนุนยุทธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์อา้ งว่า ยุทธศาสตร์น้ีไดก้ ่อให้เกิดผลดีต่อ โลกโดยส่วนรวม คือ ทาให้ไม่เกิดสงครามโลกคร้ังที่ 3 ระหว่างกลุ่มประเทศฝ่ ายเสรีนิยมอนั มี สหรัฐอเมริกาเป็ นผูน้ า กบั กลุ่มประเทศฝ่ายสังคมนิยมอนั มีสหภาพโซเวยี ตเป็นผนู้ า ท้งั น้ีเพราะการ ที่ท้งั สองฝ่ ายตระหนักดีถึงผลร้ายแรงของสงครามนิวเคลียร์ท่ีจะมีต่อโลกและมนุษยชาติทาให้ท้ัง สองฝ่ ายซ่ึงถึงแมจ้ ะมีอุดมการณ์และผลประโยชน์ขดั แยง้ กนั อยา่ งรุนแรงมากเพียงใดก็ตามมีความ อดกล้ันไม่ใช้วิธีแก้ปัญหาความขัดแยง้ น้ันด้วยการทาสงครามเอาชนะกันโดยตรง แต่พยายาม แสวงหาทางออกให้กบั ความขดั แยง้ น้ันด้วยวิธีการต่างๆ ที่ไม่ใช่การทาสงครามกันโดยตรง เช่น การเจรจากนั ทางการทตู การเจรจาตกลงควบคุมและลดอาวุธร่วมกนั การใชก้ ารคา้ ระหว่างประเทศ เป็นเคร่ืองมอื และวธิ ีการอน่ื ๆ อีกตามโอกาสที่จะใชไ้ ด้ วธิ ีแก้ปัญหาความขดั แยง้ โดยไม่ทาสงคราม โดยตรงต่อกนั ของท้งั สองฝ่ายน้ี แมว้ ่าจะไดผ้ ลสาเร็จบา้ งไมไ่ ดผ้ ลสาเร็จบา้ ง แตท่ ้งั สองฝ่ ายกย็ อมรับ และอดกล้นั ต่อความสาเร็จและความลม้ เหลวน้นั เพราะความกลวั ต่อผลอนั ร้ายแรงของสงคราม นิวเคลียร์ แมก้ ระท้งั เมื่อเกิดวิกฤติการณ์ทางการเมืองที่สู้ขดั แยง้ ถึงข้นั ประจนั หน้ากันทางทหารจน จวนเจียนจะเกิดสงครามต่อกนั โดยตรงแลว้ ความกลวั ต่อผลการสู้รบกนั ดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ก็ยงั ทา ให้ฝ่ ายหน่ึงยอมลดราวาศอกให้ แม้จะเป็ นการเสียหน้ากนั ทางการเมืองบ้างก็ยงั ยอม ดงั ในกรณี วิกฤติการณ์การประจนั หน้ากนั ทางทหารระหว่างสหรัฐอเมริกากบั สหภาพโซเวียตที่เรียกกันว่า วิกฤติการณ์ขีปนาวุธในคิวบา(Cuban Missile Crisis) สหรัฐอเมริการับรู้มาแน่ชัดว่าสหภาพโซเวยี ต ได้ก่อสร้างฐานปล่อยจรวด และกาลงั จะติดต้ังจรวดหัวรบนิวเคลียร์สาหรับมุ่งร้ายต่อสหรัฐฯ ที่ ประเทศคิวบาซ่ึงอยใู่ กลส้ หรัฐอเมริกามาก จนสหรัฐอเมริการู้สึกวา่ ความปลอดภยั ของประเทศตน ถูกข่มขู่มากจนยอมไม่ได้ สหรัฐจึงยื่นคาให้สหภาพโซเวียตร้ือถอนฐานจรวดและเอาขีปนาวุธ

- 142 - นิวเคลียร์น้นั ออกไปจากคิวบา มฉิ ะน้ันจะทง้ิ ระเบิดทาลายฐานจรวดน้นั เสีย สหภาพโซเวียตน้นั รู้ว่า ถา้ สหรัฐอเมริกาโจมตีฐานจรวดของตนในคิวบาจริงๆ สหภาพโซเวียตก็จาเป็ นตอ้ งตอบโตท้ าง ทหารเช่นกนั แลว้ ก็จะนาไปสู่สงครามโดยตรงระหว่างประเทศท้ังสอง ซ่ึงในที่สุดก็จะกลายเป็ น สงครามนิวเคลียร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สหภาพโซเวียตจึงยอมปฏิบตั ิตามคาขาดของสหรัฐฯ โดย เคล่ือนยา้ ยขีปนาวุธนิวเคลียร์ของตนออกไปจากคิวบาอย่างลบั ๆ ท้งั ๆ ที่การยอมตามคาขู่เช่นน้ัน เป็ นการเสียหน้ากันทางการเมืองระหว่างประเทศอย่างมาก สหภาพโซเวียตก็ยงั ยอมเพ่ือเลี่ยง สงครามนิวเคลียร์ ผูส้ นบั สนุนยทุ ธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวธุ นิวเคลียร์บางคนอา้ งว่าถา้ ท้งั สองประเทศน้ี ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ที่จะใช้ทาสงครามต่อกนั สหภาพโซเวียตก็คงจะไม่ยอมเสียหนา้ ด้วยการยอม ปฏิบตั ิตามคาขูข่ องสหรฐั อเมริกาง่ายๆ คงจะด้ือดึงลองเชิงลองใจสหรัฐอเมริกาว่าจะกลา้ โจมตีฐาน จรวดของตนจริงหรือไม่ หรือเป็นการขู่หลอกๆ เพ่ือหวงั ให้ตนเสียหน้าเท่าน้ัน แตไ่ ม่กลา้ โจมตีทา สงครามจริงๆ ขา้ งฝ่ายสหรฐั อเมริกาเมือ่ ย่นื คาขาดไปแลว้ ก็จะตอ้ งเสียหนา้ อยา่ งมาก ถา้ ไมก่ ลา้ โจมตี จริงตามคาขู่ ในทสี่ ุดก็จะเกิดรบกนั ข้นึ และลกุ ลามกลายเป็นสงครามโลกระหว่างสองฝ่ ายไปได้ ขา้ งฝ่ ายสหรัฐอเมริกาเองก็ไม่ตอ้ งการทาสงครามนิวเคลียร์กบั สหภาพโซเวียตเช่นกนั ใน วิกฤติการณ์คิวบา สหรัฐเองก็พยายามหาทางออกไวใ้ ห้สหภาพโซเวียตเสียหน้าแต่น้อย ไม่ให้ สหภาพโซเวียตตอ้ งเสียหนา้ มากจนเป็นการบีบบงั คบั ให้สหภาพโซเวยี ตยอมทนไม่ไดแ้ ลว้ เกิด สู้รบ กนั ข้ึนอนั เป็ นการเส่ียงต่อการเกิดสงครามนิวเคลียร์ ที่จริงกรณีฐานจรวดขีปนาวุธนิวเคลียร์ของ สหภาพโซเวียตในคิวบา สหรฐั อเมริกามีทางเลือกสามทาง ทางแรกสหรฐั อเมริกาอาจแกลง้ ทาเป็น ไม่รู้ไม่เห็นว่าสหภาพโซเวียตมีขีปนาวุธนิวเคลียร์อยูใ่ นคิวบาเพราะสหภาพโซเวียตก็ปฏิเสธ มา ตลอดว่าไม่มี แต่ทางเลือกน้ีสหรัฐอเมริกายอมไม่ได้ เพราะคิวบาอยูใ่ กล้ชิดสหรัฐอเมริกามาก ถา้

- 143 - ยอมแลว้ ตอ่ ไปเกิดสงครามข้ึนจริงขีปนาวุธนิวเคลียร์ของสหภาพโซเวยี ตก็จะใช้เวลาเพียงไม่ก่ีนาที ในการบินมาทาลายเมืองใหญ่ๆ ของสหรัฐอเมริกาแทนท่ีจะตอ้ งใช้เวลาเป็ นชว่ั โมง อีกทางเลือก หน่ึงซ่ึงเสนาธิการทหารบางคนได้เสนอต่อประธานาธิบดีเคนเนดีของสหรัฐอเมริกา คือ การใช้ เค ร่ื อ งบิน เข้าไป ทิ้ งระ เบิดท า ลายฐาน จรวด ขีป น าวุธใน คิ วบ าน้ ัน เสี ยก่ อ น ที่ จะ ทัน ติ ด ต้ ังหั วรบ นิวเคลียร์เสร็จ เพ่ือตดั ไฟเสียแต่ตน้ ลม แต่ถา้ สหรัฐอเมริกาเลือกทาดงั น้ี สหภาพโซเวียตก็จะถูกบีบ ให้ตอบโต้ทางหารต่อสหรัฐอเมริกาที่มาโจมตีคิวบา อันเป็ นประเทศบริวารของตน เพราะถ้า สหภาพโซเวียตไม่ตอบโตก้ ็จะเป็นการเสียเกียรติภูมิของความเป็ นผูน้ าทางค่ายคอมมิวนิสต์ที่ไม่ สามารถปกป้องคุม้ ครองประเทศบริวารของตนได้ ประธานาธิบดีเคนเนดีจึงเลือกทางที่สามให้ สหภาพโซเวียตเสียเกียรตภิ มู ิแต่นอ้ ยให้โอกาสสหภาพโซเวยี ตเคล่อื นยา้ ยขีปนาวุธนิวเคลียร์ออกไป จากคิวบาอยา่ งลบั ๆ วิกฤตการณ์ขปี นาวุธควิ บา การประชุมของเอ็กซ์คอมม์ในช่วงวกิ ฤตการณ์คิวบา ในภาพมีประธานาธิบดีเคนเนดี รัฐมนตรีต่างประเทศรัสก์ และรัฐมนตรีกลาโหมแมคนามาร่าในห้องประชุมที่ทาเนียบขาว

- 144 - ผูส้ นบั สนุนยุทธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์อา้ งต่อไปว่าขอ้ เท็จจริงท่ีเกิดข้ึน ในประวตั ิศาสตร์ความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศหลงั สงครามโลกคร้ังที่สองไดย้ นื ยนั ความเห็นที่ว่า ยทุ ธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ก่อใหเ้ กิดผลดีในการป้องกนั สงครามระหวา่ งประเทศ มหาอานาจและสงครามนิวเคลียร์ เพราะหลงั สงครามโลกคร้ังที่สองเป็ นตน้ มายงั ไม่เคยมีสงคราม ระหวา่ งประเทศมหาอานาจทม่ี ีอาวุธนิวเคลยี ร์สูร้ บกนั โดยตรงเลยจะมกี ็แต่สงครามระหวา่ งประเทศ ที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ด้วยกัน หรือระหว่างประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์กับประเทศท่ีไม่มีอาวุธ นิวเคลียร์ และในกรณีหลงั น้ีประเทศท่ีมีอาวุธนิวเคลียร์เม่ือทาสงครามกับประเทศท่ีไม่มีอาวุธ นิวเคลียร์ก็ทาการรบอย่างมีขอบเขตจากดั ไม่ยอมใช้อาวุธนิวเคลียร์เขา้ ทาลายขา้ ศึก แม้ในที่สุด จะตอ้ งแพส้ งครามก็ตาม ดงั ในกรณีสงครามเวียดนามแมว้ ่าสหรฐั ฯ จะไดใ้ ช้อาวุธสมยั ใหม่ร้ายแรง เกือบทุกชนิดทีต่ นมีเขา้ ตอ่ สู้กบั เวียดนามเหนือ แต่สหรฐั ก็ไม่ยอมใชอ้ าวธุ นิวเคลยี ร์แมจ้ นที่สุดตอ้ ง พ่ายแพอ้ อกไปจากเวียดนามก็ตาม อีกตวั อยา่ งหน่ึงที่นามาเปรียบเทียบได้ คือ กรณีความขดั แยง้ ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกบั สหภาพโซเวียต และระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับ เวียดนาม ถึงแมว้ ่าสาธารณรัฐประชาชนจีนกับสหภาพโซเวียตจะมีความขดั แยง้ กันอยา่ งรุนแรง ถึงข้ันท้ังกองทัพประจันหน้ากันเรียงรายตลอดแนวพรมแดนของท้ังสองประเทศ แต่ท้ังสอง ประเทศก็ไม่ได้รบกนั เพราะต่างฝ่ ายต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่สาธารณรัฐประชาชนจีนกลับกล้า โจมตเี วียดนามทาให้เกิดสูร้ บกนั ข้นึ ตามแนวพรมแดนของประเทศท้งั สองอยรู่ ะยะหน่ึง โดยทีจ่ ีนว่า เป็ นการโจมตีเพื่อ “ส่ังสอน” เวียดนามเท่าน้ันไม่มีเจตนารุกรานเพ่ือยึดครองดินแดน น่ีถา้ หากว่า เวียดนามมีอาวุธนิวเคลียร์ไวป้ ้องกันประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนหรือจะกล้า “สั่งสอน” เวียดนาม ผเู้ ห็นดว้ ยกบั ยทุ ธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์กลา่ วอา้ ง ผูเ้ ห็นด้วยกับยุทธศาสตร์น้ีกล่าวต่อไปว่า ผลร้ายแรงของสงครามนิวเคลียร์คงจะหาคน ปฏิเสธไดย้ าก แตถ่ า้ เรารู้จกั ใชย้ ทุ ธศาสตร์น้ีอย่างเหมาะสม ผลร้ายของสงครามนิวเคลียร์ก็เป็ นคุณ แก่โลกโดยส่วนรวมไดเ้ ช่นกนั กล่าวคอื ถา้ ทกุ ฝ่ ายตระหนกั ว่าในสงครามนิวเคลยี ร์น้นั ไมม่ ผี ูช้ นะ มี แต่ผูเ้ หลือรอดชีวิตที่ต้องทนทุกขท์ รมานกบั เศษซากอารยธรรมและกมั มนั ตภาพรังสี ทุกฝ่ ายที่ใช้ ยุทธศาสตร์น้ีก็จะพยายามใช้เหตุผลและความอดกล้นั ผ่อนปรนให้กนั เพื่อให้การป้องปรามดว้ ย อาวุธนิวเคลียร์เกิดผลสาเร็จ เพราะความลม้ เหลวในการป้องปรามดงั กล่าว หมายถงึ ความล่มสลาย ของโลกและอารยธรรมของมนุษยชาติทีเดียว เม่ือราคาของความลม้ เหลวในการป้องปรามดว้ ย อาวุธนิวเคลียร์สูงเช่นน้ีจึงกลับเป็ นคุณทาให้ทุกฝ่ ายหันเข้าหาเหตุผลและความอดกล้ัน ประนีประนอม ทาให้เกิดความร่วมมือและการยอมรับกนั อย่างแปลกประหลาดถึงสองประการ ระหว่างศตั รูคู่แข่งคือ ประการแรก ในแง่หน่ึงต่างก็ปรารถนาที่จะเอาชนะให้มีอานาจทาลายเหนือ

- 145 - ค่แู ข่งแต่ขณะเดียวกนั เม่อื ตระหนกั ว่าความปรารถนาดงั กล่าวสาเร็จไดย้ ากและรู้วา่ ราคาของมนั คือ อะไรกก็ ลบั เขา้ หาเหตผุ ลพยายามหันหนา้ เขา้ มาเจรจากนั เพือ่ ควบคมุ ตวั เองและค่แู ข่ง เพื่อสร้างและ ดารงไว้ซ่ึงดุลแห่งอานาจการทาลายซ่ึงกันและกัน อันเป็ นหัวใจสาคัญของความสาเร็จของ ยุทธศาสตร์ของการป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ ประการท่ีสอง ความหวน่ั กลัวต่อผลร้ายของ สงค รา ม นิ วเค ลียร์ ก่อ ให้ เกิ ดข้อ ตก ล งร่ วม กัน ใน ท างก ารเมื อ งระ ห ว่า งป ระ เท ศว่ าก ารใช้อ า วุ ธ นิวเคลียร์เพ่ือแกป้ ัญหาเป็นส่ิงยอมรับไม่ได้ ความแปลกของขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศในขอ้ น้ีก็คือ ทุกฝ่ ายยินดีปฏิบัติตามข้อตกลงน้ีโดยสมัครใจและไม่พยายามคดโกง ซ่ึงต่างจากข้อตกลงใน กฎหมายระหว่างประเทศขอ้ ที่ว่าการใช้กาลงั หรือใช้สงครามเพื่อแกป้ ัญหาทางการเมืองเป็ นสิ่งผิด เพราะหลายประเทศจงใจละเมิดกฎหมายขอ้ น้ี หรือพยายามเลี่ยงกฎหมายโดยอ้างว่า เป็ นการ ป้องกนั ตวั เองบา้ ง เป็นการปกป้องผลประโยชนอ์ นั ชอบธรรมของประเทศตนบา้ ง ความร่วมมืออนั แปลกประหลาดสองประการน้ีกลบั เป็นผลในการช่วยส่งเสริมความสาเร็จของยทุ ธศาสตร์การป้อง ปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ 5.2 ขอ้ คดั คา้ นในแง่ผลของยทุ ธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ขา้ งฝ่ายท่ีไม่ เห็นดว้ ยกบั การใชอ้ าวุธนิวเคลยี ร์เพ่ือป้องปรามก็โตแ้ ยง้ ว่ายุทธศาสตร์น้ีผิดศีลธรรม เพราะในท่ีสุด แลว้ ยทุ ธศาสตร์น้ีจะกอ่ ให้เกิดผลร้ายแรงต่อโลกและมนุษยชาติอนั ยอมรับไมไ่ ด้ คือ ความพินาศอนั ใหญ่หลวงต่อชีวิตมนุษย์ อารยธรรมและธรรมชาติแวดลอ้ ม โดยอานาจทาลายของอาวุธนิวเคลียร์ ซ่ึงอาจเกิดจากสงครามนิวเคลยี ร์ อุบตั ิเหตุทางนิวเคลยี ร์หรือการกอ่ การร้ายดว้ ยอาวธุ นิวเคลยี ร์ก็ได้ ผูค้ ดั คา้ นยุทธศาสตร์การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์อา้ งว่ายุทธศาสตร์น้ีอาจก่อให้เกิดผลร้ายดงั น้ี 5.2.1 การก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ ฝ่ ายท่ีคัดคา้ นยุทธศาสตร์การป้องปราม ดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์อ้างว่ายุทธศาสตร์น้ีในท่ีสุดจะนาไปสู่การสู้รบกันด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และ สงครามนิวเคลียร์ที่อาจเกิดข้นึ โดยเจตนาหรือเกิดข้นึ โดยอุบตั ิเหตุก็ได้ สงครามนิวเคลียร์ท่ีเกิดข้ึนโดยเจตนาผูค้ ดั คา้ นยุทธศาสตร์น้ีอา้ งว่า ความขัดแยง้ ระหว่าง ประเทศเป็ นเรื่องหลีกเลี่ยงได้ยาก และแมก้ ารแกป้ ัญหาความขดั แยง้ ระหว่างประเทศดว้ ยการใช้ กาลงั เพ่ือเอาชนะกนั จะเป็นส่ิงที่เราไม่ชอบ แต่ขอ้ เท็จจริงทางประวตั ิศาสตร์และเหตุการณ์สู้รบกนั ในเขตต่างๆ ของโลกในปัจจุบันก็เป็ นเคร่ืองยืนยนั ว่าการสู้รบกันจะยงั มีอยู่ต่อไป และเม่ือเกิด สงครามสู้รบระหว่างประเทศข้ึนแลว้ คู่สงครามก็จะตอ้ งใชอ้ าวุธทุกอยา่ งที่ตนมีในท่ีสุดเพื่อให้ตน เป็นฝ่ายชนะหรืออยา่ งนอ้ ยกไ็ มแ่ พส้ งคราม ขอ้ อา้ งของฝ่ ายที่สนบั สนุนยุทธศาสตร์น้ีว่ายทุ ธศาสตร์น้ีจะช่วยป้องกนั สงครามนิวเคลียร์ เพราะตา่ งฝ่ ายต่างกลวั ผลร้ายของสงครามนิวเคลียร์น้นั ค่อนขา้ งจะมองโลกในแงด่ ีเกินไป และมอง เฉพาะประเทศมหาอานาจใหญ่ๆ อยา่ งสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ซ่ึงมีระบบการเมืองที่ลง รากฐานมนั่ คง ผูน้ าประเทศมกี ลไกทางการเมืองและการทหารที่มปี ระสิทธิภาพและวินัยสูงในการ ควบคุมกลไกการทาสงคราม และประเทศมหาอานาจดงั กล่าวมีความสามารถสูงในการปกป้อง ผลประโยชน์ของประเทศของตนทาให้ผลประโยชนส์ าคญั ของประเทศไม่ถูกข่มขู่จนบีบบงั คบั ให้ ตอ้ งใชส้ งครามเขา้ ปกป้องผลประโยชน์อันจาเป็ นแก่ประเทศชาติน้นั แต่ถา้ เรามองไปยงั ประเทศ

- 146 - อ่ืนๆ ที่ไม่ใช่ประเทศมหาอานาจ แต่มีความขัดแยง้ ตอ้ งต่อสู้กันอยา่ งประเทศอิสราเอลกับกลุ่ม ประเทศอาหรับ หรือคู่สงครามท่ีเป็ นอาหรับด้วยกันคือ อิรักกบั อิหร่าน เราคงจะมีความมั่นใจ นอ้ ยลงมากกว่า ถา้ ประเทศดงั กล่าวมีอาวุธนิวเคลยี ร์จะมีความอดกล้นั ไม่ทาสงครามตอ่ กนั หรือแม้ ทาสงครามต่อกนั ก็จะมีความอดกล้นั ไม่ยอมเอาอาวุธนิวเคลียร์ออกมาใชเ้ ข่นฆ่าอีกฝ่ าย เราจะเช่ือ หรือว่าถา้ อิสราเอลหรืออาหรับฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงมีอาวุธนิวเคลียร์แลว้ ท้ังคู่จะไม่สู้รบกนั เพราะเกรง ผลร้ายของสงครามนิวเคลียร์ และขอให้คิดดูเถดิ ว่าคนที่เลือดเขา้ ตาขนาดยอมขบั รถบรรทุกระเบิด วิ่งเขา้ ชนขา้ ศึกโดยยอมตายเพียงขอให้ทาร้ายศตั รูไดก้ ็พอใจแลว้ จะมคี วามอดกล้นั เอาชนะความเจ็บ แคน้ ไม่ยอมใชอ้ าวุธนิวเคลียร์เขา้ ทาร้ายศตั รูหรือ/และในสงครามระหว่างอิหร่านกบั อิรักท่ีรุนแรง ถึงกับทางฝ่ ายอิรักนาอาวุธเคมีที่นานาชาติประณามออกมาใช้ ถ้าฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงเกิดมีอาวุธ นิวเคลียร์คงจะเช่ือไดย้ ากว่าจะมีความอดกล้นั ไม่นาออกมาใช้เข่นฆ่าศัตรูคู่แคน้ ของตน จริงอยู่ที่ คาถามที่ว่าถา้ อิสราเอลกบั อาหรับ หรืออิรกั กบั อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ประเทศดงั กล่าวจะสู้รบกนั หรือไม่ หรือถา้ สูร้ บกนั แลว้ จะอดกล้นั ไม่ยอมใช้อาวุธนิวเคลียร์เขา้ ทาร้ายศตั รูหรือไม่เป็ นคาถามท่ี เราไม่มีทางรู้คาตอบที่แน่นอน เพราะเป็นเร่ืองสมมติทีไ่ มเ่ ป็นจริง คาตอบทฝี่ ่ ายคดั คา้ นยทุ ธศาสตร์ การป้องปรามดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ให้ก็เป็นเพียงการคาดคะเน ไม่มีทางพิสูจน์ไดว้ ่าจริงหรือไม่ แต่ เนื่องจากถ้าการคาดคะเนของฝ่ ายที่คัดค้านยุทธศาสตร์น้ีเกิดเป็ นจริงข้ึนมาผลร้ายต่อโลกและ มนุษยชาตกิ เ็ ป็นเร่ืองร้ายแรงสุดพรรณนา ดงั น้นั ฝ่ ายที่คดั คา้ นจึงอา้ งว่าผลของยทุ ธศาสตร์น้ีมีเดิมพนั ทสี่ ูงมากจนการตดั สินใจเขา้ เส่ียงใชย้ ทุ ธศาสตร์ดงั กล่าว เป็นเร่ืองผิดศลี ธรรม สงครามนิวเคลียร์ที่เกิดโดยอุบัติเหตุฝ่ ายท่ีคดั คา้ นยุทธศาสตร์การป้องปรามด้วยอาวุธ นิวเคลียร์อา้ งต่อไปว่า แม้ประเทศมหาอานาจอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตจะพยายาม หลีกเลี่ยงการทาสงครามนิวเคลียร์แต่เมื่อต่างฝ่ ายต่างเตรียมพร้อมอยา่ งเต็มที่ว่า ถา้ จาเป็ นแลว้ ก็ จะตอ้ งทาลายอีกฝ่ ายดว้ ยอาวุธนิวเคลียร์ให้ไดก้ อ่ นท่อี ีกฝ่ ายจะทาลายฝ่ ายตนก่อน และยงั ท้งั สองฝ่ าย เห็นว่าอานาจทาลายของอาวุธนิวเคลียร์น้ันร้ายแรงมากโอกาสที่จะชนะสงครามนิวเคลียร์จึงไม่ได้ อยทู่ ่ีว่าหลงั จากโจมตีซ่ึงกนั และกนั แลว้ ฝ่ายใดจะยงั คงเหลอื รอดอยูห่ รือฝ่ ายใดถูกทาลายมากจนแพ้ แตอ่ ยทู่ ว่ี า่ ตอ้ งทาลายอาวุธของฝ่ายตรงขา้ มก่อนท่ีฝ่ ายตรงขา้ มจะทนั ลงมือโจมตตี นได้ น้นั คือ ฝ่ ายท่ี ชนะ คือ ฝ่ ายท่ีลงมือโจมตีทาลายอาวุธของศตั รูก่อนจนศตั รูหมดความสามารถท่ีจะตอบโต้ หรือ อยา่ งน้อยที่สุดการจะไม่แพส้ งครามนิวเคลียร์เม่ืออีกฝ่ ายลงมือโจมตีฝ่ ายตนแลว้ ก็คอื การยิงอาวุธ นิวเคลียร์ของฝ่ ายตนให้เดินทางออกให้ทนั ก่อนท่ีอาวธุ ของขา้ ศึกจะมาตกทาลายฐานอาวุธของตน ดงั น้ันหัวใจของยุทธศาสตร์สงครามนิวเคลียร์ก็คือ ความรวดเร็วในการตดั สินใจปล่อยอาวุธไป ทาลายขา้ ศึกไม่ว่าจะเพื่อทาลายอาวุธขา้ ศึกก่อนที่จะยิงออกจากฐาน หรือเพ่ือโจมตีตอบโต้ขา้ ศึก กอ่ นท่ีอาวุธของตนจะถูกอาวุธของขา้ ศึกท่ีปล่อยออกมาก่อนแลว้ ทาลายได้ ดงั น้นั ในวกิ ฤติการณ์ท่ี ท้งั สองฝ่ ายเผชิญหน้ากนั และไม่ไวใ้ จกนั ว่าอกี ฝ่ ายอาจตดั สินใจโจมตีก่อนโอกาสท่ีจะเกิดสงคราม นิวเคลียร์ดว้ ยความเขา้ ใจผิด ความกลวั ความไม่ไวใ้ จฝ่ ายตรงขา้ มก็เป็นไดไ้ ม่น้อย ในวิกฤติการณ์ เช่นน้ัน การเดาใจกนั ถูกความเชื่อใจกนั ว่าอีกฝ่ ายจะไม่ตดั สินใจผิดพลาดเป็ นหัวใจสาคญั ของการ ป้องกันไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ แต่การเดาใจกนั ก็อาจผิดพลาดได้ และความเช่ือใจกนั ใน สถานการณ์เช่นน้ันจะมีไดม้ ากแค่ไหน และเน่ืองจากราคาของความผิดพลาดของยุทธศาสตร์ ดังกล่าวสูงมากจนยอมรับไม่ได้ ดังน้ันฝ่ ายที่คัดค้านยุทธศาสตร์น้ีจึงยืนยนั ว่ายุทธศาสตร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook